Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1299-1305
บทที่ 1299 – ราชันย์แห่งนักฆ่าผู้แข็งแกร่ง ราชันย์แห่งอเวจีเฮยฟง
“นางเป็นคนของตระกูลหลิง แน่นอนว่านางเป็นคนรักของข้า พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ตระกูลเฮยฟงแข็งแกร่งมาก แล้วเจ้าพวกนั้นก็ยโส ข้าเลยอยากสั่งสอนเจ้านั่นเสียหน่อย”
ชิงสุ่ยไม่เคยได้ยินเรื่องราวของตระกูลหลิงมาก่อน ครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะออกเดินทาง เขาจำเกือบทุกตระกูลที่อยู่ใกล้เคียงได้ แต่เขาจำ ตระกูลเฮยฟงหริอตระกูลหลิงไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าพวกเขาเป็นตระกูลธรรมดาทั่วไป ชิงสุ่ยก็คงไม่แปลกใจ แต่จากคำพูดของชิง หมิน ดูเหมือนพวกเขาจะข็งแกร่งมาก ..หรือบางทีพวกเขาอาจจะเพิ่งย้ายมาจากที่อื่น
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดว่าชิง หมิน เป็นเด็กที่ค่อนข้างประหลาด ดังนั้นคำว่าแข็งแกร่งของเขามีความหมายว่าอย่างไรกันแน่?
“หืม ลูกพ่อ แล้วคนรักของเจ้าทำอะไรบ้างล่ะ?”ชิงสุ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
พลังเท่าไรกันแน่ที่ทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่ง?
“ชิงสุ่ย เจ้ากำลังสอนอะไรเด็กคนนี้งั้นเหรอ!”ในตอนนั้นเองหมิงเยวี่ย เก้อโหลวเดินเข้ามาหาทั้งสอง
“ข้ารู้ ข้ารู้ ข้าก็ทำอย่างที่ท่านทำกับท่านแม่ยังไงล่ะ”เด็กหนุ่มพูดและมองชิงสุ่ยด้วยสายตาเข้าอกเข้าใจ
ชิงสุ่ยดูประหม่าเล็กน้อย จนกระทั่งชิง หมินพูดประโยคที่เหลือจนจบ เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่าทางของชิงสุ่ยจึงผ่อนคลายขึ้น
“นางคือภรรยาของข้าในอนาคต นางคือคนที่ข้าตั้งใจจะแต่งงานด้วย”อย่างน้อยชิง หมินก็พูดอะไรที่ดูเหมือนคนทั่วไปเสียที ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยตกใจกับความคิดของเขาเหลือเกิน
“เก้อโหลวเจ้าเล่าเรื่องของสองตระกูลนั้นให้ข้าฟังได้ไหม?”ชิงสุ่ยถามเธอ
“สองตระกูลนั้นเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี้เมื่อประมาณปีที่แล้ว ตระกูลหลิงเป็นตระกูลธรรมดามากๆ แต่ดูเหมือนทั้งสองตระกูลจะรู้จักกันดี และดูเหมือนว่าตระกูลเฮยฟงจะย้ายมาที่นี้ก็เพราะตระกูลหลิง ถึงจะหยิ่งยโสแต่พวกเขาก็ไม่เคยทำเกินเลย”
“แล้วเจ้าเคยเห็นคนรักของลูกเรารึยัง?”ชิงสุ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าเคยเห็นนางมาก่อน นางเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก แต่ว่านางอายุมากกว่าเขาประมาณ 4-5 ปี” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวอธิบาย
ชิงสุ่ยตะลึงอีกครั้งก่อนจะมองหญิงสาว เธอได้แค่กรอกตาไปมา นั่นเพราะในบรรดาผู้หญิงของชิงสุ่ย คนที่อายุมากกว่าเขา อย่างมากก็แค่มากกว่า 1-2 ปีเท่านั้น แต่ครั้งนี้ลูกชายของเขามีคนรักที่อายุห่างกันตั้ง 4-5 ปีเชียวหรือ..
“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าทำไมนางถึงชอบใครที่อายุน้อยกว่านางมากขนาดนี้?”ชิงสุ่ยถาม
“ข้าไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่านางโดนมนตราที่ชิง หมินใช้หรืออย่างไร แต่ดูเหมือนทั้งสองเข้ากันได้ดีมาก” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวพูด ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชิง หมินนั้นมักเป็นเรื่องที่เธอไม่อาจคาดเดาได้เสมอ
“หมินเอ๋อ เจ้ายังอายุน้อยอยู่เลยนะ…”
“ท่านพ่อ ท่านจะบอกว่าข้ายังเป็นเด็กงั้นเหรอ? สิ่งสำคัญคือพลังของข้าต่างหาก!”ชิง หมิน ไม่พอใจ
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินดังนั้น เขาก็เริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่หมิงเยวี่ย เก้อโหลวพูดถึงบ่อยๆ เขารู้ว่าถ้าหากตัวเองพูดอะไรเช่นนี้ ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอย่างไร ชิงสุ่ยจึงรีบแก้ไข “ไม่..พ่อไม่ห้ามเจ้าหรอก มาคุยเรื่องปัญหาเกี่ยวกับการฝึกฝนของเจ้าดีกว่า เจ้าไม่อยากเอาชนะศัตรูของเจ้ารึ?”
“ข้าอยากจะเอาชนะ แต่ข้ายังเด็ก สิ่งที่ข้าทำได้ก็มีแต่เรื่องความเร็ว ข้าทำได้แค่วิ่งเท่านั้น ข้าไม่มีพลังที่จะทำอะไรเขาได้” ชิง หมิน พูดหลังจากคิด แม้จะยังเด็กแต่ความคิดของเขาก็เป็นผู้ใหญ่มากทีเดียว
“ความเร็วคือสิ่งเดียวที่ทักษะอื่นๆไม่สามารถเอาชนะได้!”
ในขณะที่พูด ชิงสุ่ยโปรยใบไม้ออกมา และขว้างมีดปักกลางใบไม้นั้นอย่างรวดเร็ว
ชิ๊ง!
เสียงคมมีดเฉือนใบไม้ดังขึ้นอย่างชัดเจน
“หมิงเอ๋อ เจ้าอาจจะยังไม่แข็งแกร่ง แต่ถ้าเข้าใช้ความเร็วจนเชี่ยวชาญ เจ้าจะเอาชนะศัตรูของเจ้าได้ภายในครั้งเดียว ร่างกายของมนุษย์มีจุดอ่อนมากมาย อย่างดวงตา ลำคอหรือแม้แต่จุดลมปราณ มีจุดลมปราณบางแห่งที่สามารถทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสได้ จนเจ้าสามารถฆ่าเข้าได้ ซึ่งทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความเร็ว”
ความจริงแล้วชิงสุ่ยไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดว่าความเร็วกับพลังนั้นสัมพันธ์กัน ด้วยความเร็วก็ย่อมมีพลังรวมอยู่ด้วย ดังนั้นคนที่มีพลังแข็งแกร่งก็สามารถเพิ่มความเร็วให้ตัวเขาเองได้เช่นกัน
ทันทีที่เด็กหนุ่มมองชิงสุ่ยทำลายใบไม้ด้วยมีด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แม้ใบไม้จะสั่นไหว แต่มีดของเขาก็ผ่าใบไม้นั้นได้ ความสามารถเช่นนี้อาจจะสังหารใครก็ได้ ดังนั้นสำหรับคนอายุเท่า ชิง หมิน เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นเหลือเกิน
ชิงสุ่ยไม่ได้บอกเขาว่าตัวชิงสุ่ยแข็งแกร่งเท่าไร เขาไม่อยากให้ลูกชายของเขาคิดว่าตัวเขาเองสามารถทำอะไรก็ได้ หากมีพลังเท่ากับชิงสุ่ย เขาต้องยืนหยัดด้วยตนเอง จนกว่าเขาจะโตขึ้น ชิงสุ่ยอยากให้ ชิง หมินค่อยๆ เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ท่านพ่อ ข้าจะฝึกฝนจนมีความเร็วขนาดนี้รึเปล่า?” ชิง หมิน ถามอย่างตื่นเต้น
“ตราบเท่าที่เจ้าตั้งใจฝึกฝน ข้ายืนยันว่าเจ้าสามารถเร็วกว่านี้ได้สิบเท่าหรือร้อยเท่า แล้วเจ้าอาจจะฆ่าสัตว์อสูรตัวใหญ่โดยไม่ต้องพยายามอะไรมากเลยด้วยซ้ำ”ชิงสุ่ยยิ้มและตอบ ชิงสุ่ยพยายามสร้างแรงบันดาลใจให้เขา
“ท่านพ่อ อย่าโกหกข้าสิ!”
“เจ้าเป็นลูกของข้า แล้วทำไมข้าต้องโกหกเจ้าด้วยล่ะ?”ชิงสุ่ยลูบหัวเด็กน้อย
ชิง หมิน ส่งเสียงอย่างมีความสุข เขาหัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยพูด
“เอาล่ะ ถอดเสื้อเจ้าออก ข้าจะช่วยเจ้าฝึกฝนเอง”ชิงสุ่ยบอกก่อนจะหยิบเข็มทองออกมา
หมิงเยวี่ย เก้อโหลวยิ้มในขณะที่ ชิง หมิน ถอดเสื้อผ้าของเขาออก
“ท่านแม่ ข้าไม่จำเป็นต้องถอดทั้งหมดใช่ไหม? ข้าอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ..” ชิง หมินพูดด้วยท่าทีเขินอาย
“หืม..เจ้ายังอายอีกรึ? ข้าเคยอาบน้ำให้เจ้าเมื่อปีที่แล้วเอง มีอะไรรึไง? หรือเจ้าอายเพราะตอนนี้เจ้ามีคนรักแล้ว?” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวล้อลูกชายตน
เธอเป็นหญิงสาวที่มีม่านพลังสุกสว่างและดูงดงาม รอยสัญลักษณ์ระหว่างคิ้วของเธอทำให้เธอดูเจ้าชู้เล็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้เธอดูมีเสน่ห์เช่นกัน แม้เธอจะลงโทษ ชิง หมิน แต่เธอก็คอยดูแลเขาเช่นกัน ชิง หมินมักก่อปัญหาและทำสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง แต่ก็แสดงความเคารพต่อคนที่อายุมากกว่าเหมือนคนทั่วไป อีกทั้งเขาก็คอยดูแลน้องๆที่อายุน้อยกว่าเขา นอกจากนี้เขากล้าที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องพี่น้อง แม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าเขา เขาก็ยินดีที่จะสู้
ชิงสุ่ยรู้เรื่องพวกนี้ดี ดังนั้นในสายตาเขา ลูกชายของเขาคนนี้มีความเป็นผู้ใหญ่ แน่นอนว่าชิง ซุนและชิง หยินก็เช่นกัน โดยชิง ซุนคือคนที่ทักษะพัฒนาได้สูงสุด ส่วนสิ่งที่ต่างกันนิดหน่อย คือชิงซุนเปรียบเสมือนพลังธรรมชาติ แต่สำหรับชิง หมินเขาเหมือนจิตสังหารของจักรพรรดิ
“หมินเอ๋อ ในอนาคต เจ้าต้องฝึกฝนความเร็วและทักษะย่างก้าว 9เทวา รวมถึงหมัดไทเก็กด้วย ร่างกายของเจ้าเหมาะสมกับการฝึกความเร็ว แล้วเจ้าไม่สนใจจะเป็นนักฆ่ารึ?”ชิงสุ่ยถามในขณะที่กำลังฝังเข็มให้เขา
เป็นเรื่องง่ายที่ชิงสุ่ยจะปลดปล่อยพลังในร่างกายของเขา ชิงสุ่ยจึงหาอะไรมาพูดคุยกับเ ชิง หมินเพื่อแก้เบื่อ
“นักฆ่า? คนที่สังหารคนอื่นอย่างลับๆ นะหรือ?”
ชิงสุ่ยยิ้มและส่ายหน้า “นักฆ่าเองก็มีหลายประเภท นักฆ่าที่เจ้าพูดถึงนั้นก็เป็นนักฆ่าจำนวนน้อย แต่มีนักฆ่าอีกพวกหนึ่งที่ซุ่มโจมตีและสังหารศัตรู นักฆ่าประเภทนี้เดินทางข้ามไปมาระหว่างทวีปด้วย”
“หืม..ข้าชอบแบบนี้ แล้วนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดคือใครงั้นเหรอ?”ถาม
“นักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือ ราชันย์แห่งอเวจี เขาสามารถฆ่าทุกคนตามต้องการ แม้จะมีคนป้องกันแน่นหนาเท่าไร เขาก็สามารถฆ่าเป้าหมายได้ อีกทั้งเขาแข็งแกร่งมากจนฆ่าอีกฝ่ายได้ภายในการโจมตีครั้งเดียว เขาเชี่ยวชาญรูปแบบและฝ่าฝูงชนได้อย่างง่ายดาย เขาทำได้ทุกอย่าง”ชิงสุ่ยบอก
“สังหาร ยาพิษ ปลอมตัว หลบหนี..ข้าชอบทุกอย่างเลย” ชิง หมิน พูดอย่างตื่นเต้น
หมิงเยวี่ย เก้อโหลวเริ่มปวดหัวยิ่งกว่าเก่าเมื่อได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน เธอไม่เข้าใจว่าทำชิงสุ่ยจึงบอกให้ลูกชายเลือกเส้นทางเช่นนี้
เข็มทองของชิงสุ่ยเริ่มปักลงทั่วร่างของ ชิง หมิน ครั้งก่อนชิงสุ่ยช่วยลูกชายสร้างรูปแบบ เพราะผู้ฝึกตนหลายคนสร้างรูปแรกแบบตั้งแต่ที่พวกเขายังเด็ก ๆ ดังนั้นการฝึกฝนให้ลูกๆของเขาตั้งแต่ตอนนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ชิงสุ่ยตัดสินใจสอน ชิง หมินเรื่องรูปแบบเกี่ยวกับความเร็ว
“ท่านพ่อ ข้ารู้สึกเหมือนตัวข้าเบาขึ้นมาก” ชิง หมิน พูดอย่างตกใจ
“เอาล่ะ พยายามจดจำความรู้สึกนี้ให้มากที่สุด!”ชิงสุ่ยพูด หลังจากนั้นเขาก็ปักเข็มทองลงไปทั้งสองมือ
หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง ชิงสุ่ยเก็บเข็มทองหลังจากที่ปลดเข็มออกมาจากร่างของ ชิง หมิน
“ไปอาบน้ำ แล้วลองฝึก ก้าวไร้วิญญาณและทักษะย่างก้าว 9เทวาสักสองชั่วโมง”
สิ่งที่อยู่ ทั่วร่างของ ชิง หมิน คือจุดดำจำนวนมากที่เป็นผลจากการชะล้างสิ่งสกปรกในร่างกายเขา ชิง หมิน มองสิ่งสกปรกที่ส่งกลิ่นเหม็นทั่วร่างกายเขา เขาหัวเราะก่อนจะรีบวิ่งไป เนื้อตัวเหนียวเหนอะจนชิง หมินไม่รู้สึกสนใจอะไรอีก แม้กระทั่งชิงสุ่ยและหมิงเยวี่ย เก้อโหลว
ชิงสุ่ยคว้าตัวหมิงเยวี่ย เก้อโหลว และนั่งลงบนพื้น
“ชิงสุ่ยถ้าเจ้าปล่อยให้ลูกมีความคิดแบบนั้น ข้าเกรงว่าเขาจะเดินไปในทางที่ผิด” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวพูดอย่างเป็นกังวล
“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะไม่ฝืนลูกให้เปลี่ยนแปลง แต่เราต้องจูงนำเขา โดยเฉพาะเด็กอย่างหมินเอ๋อ ยิ่งเจ้าพยายามหยุดเขา เขาก็ยิ่งพยายามเอาชนะเจ้า เพราะความคิดเช่นนี้ในจิตใจเขา เขาจะเดินไปในทางที่ผิดง่ายยิ่งกว่านี้อีก”ชิงสุ่ยตอบ
“หมินเอ๋อ ไม่เหมาะจะเป็นนักฆ่าเพราะร่างกายของเขา…”
“เขามีร่างกายแห่งวายุ เป็นร่างกายที่พิเศษมาก ความเร็วของเขาเหนือกว่าคนอื่น หากแต่ตอนนี้จิตใจเขามืดมนก็เท่านั้น เขาเหมาะจะเป็นนักฆ่า แน่นอนว่าเขาจะไม่ใช่นักฆ่าที่รับใช้คนอื่น แต่เขาจะเป็นราชาเหนือนักฆ่าทั้งปวง เป็นราชันย์แห่งอเวจี”ชิงสุ่ยพูดด้วยท่าทีภาคภูมิใจ
“ชิงสุ่ย อย่าปล่อยให้เขาฆ่าคน ข้าไม่อยากให้เขากลายเป็นฆาตกร” หมิงเยวี่ย เก้อโหลวยังคงกังวล
“การฆ่าคนย่อมดีกว่ายอมให้เขาถูกฆ่า อีกอย่างไม่ว่าคนๆนั้นจะดีหรือร้าย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตใจของเขา ถ้าควบคุมตัวเองเป็น เขาก็ไม่มีทางออกนอกลู่นอกทาง ข้าถูกเรียกว่า ประมุขอสูรเพราะฆ่าคนมากมาย แล้วเจ้าไม่คิดว่าข้าน่ากลัวงั้นเหรอ?”ชิงสุ่ยยิ้มและมองเธอ
“ไม่เลย ไม่ว่าเจ้าจะกลายเป็นประมุขอสูรที่ฆ่าคน ข้าก็ยังอยากอยู่เคียงข้างเจ้า ข้าตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และข้าก็ไม่มีวันเสียใจ”
“แล้วจะมีอะไรน่ายินดีไปกว่าการมีเจ้าอยู่ข้างกายอีกเล่า? ทุกคนมีทางเดินของตัวเอง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องห่วง หากมีข้าอยู่ไม่มีใครที่จะทำร้ายเจ้ากับลูกได้ เรื่องของชิง หมินก็เช่นกัน ความคิดของเขาไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก..”
……
ในตอนเช้า ชิงสุ่ยเข้าไปในดินแดนหยกยุพราชอมตะก่อนตอนกลางคืนเขาจะออกมาดูแลเด็ก ๆ อีกทั้งเขาตั้งใจจะอยู่ที่นี้สักสองสามวัน ดังนั้นชิงสุ่ยก็จะไปดูแลภรรยาและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของแต่ละคน รวมถึงร่วมรักกับพวกเธอเช่นกัน
คืนนั้นชิงสุ่ยบุกไปที่ห้องของร้อีเย่ เจี้ยนเก้อ เพราะเธอจะออกเดินทางในตอนเช้า
อีเย่ เจี้ยนเก้อ ดูงดงามในบนเตียง บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเธอ ทำให้เธอดูงดงามยิ่งนัก ผมของสยายอย่างสวยงามราวกับเมฆหมอก เป็นผมที่งามกว่าผมคนธรรมดาทั่วไป..
บทที่ 1300 – ปลดปล่อยทักษะหัตถ์พลิ้วไหวสะเทือนวิญญาณ
อีเย่ เจี้ยนเก้อตะลึงเมื่อเห็นชิงสุ่ย ก่อนจะถามอย่างสงสัย “มาห้องข้าทำไม? กลับไปห้องเจ้าสิ”
ชิงสุ่ยเองก็ตะลึงเช่นกัน “เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า แล้วแปลกรึไงที่ข้าจะมาหาเจ้า?”
ในตอนที่เขาพูดจบ ชิงสุ่ยเดินเข้าไปหาเธอและคว้ามือเธอไปนั่งที่เก้าอี้
“เจ้าห้ามทำอะไรเด็ดขาด..” อีเย่ เจี้ยนเก้อพูดเบาๆ
ชิงสุ่ยจึงพูดหยอกเธอ “ผู้หญิงที่เรียบง่ายและบริสุทธิ์อย่างเจ้าก็มีความคิดอย่างว่าในหัวเช่นกันรึ ข้าแค่มาพูดคุยกับเจ้าก็เท่านั้น เจ้าคิดว่าข้าจะมาทำอะไรล่ะ?”
อีเย่ เจี้ยนเก้อ หยิกแก้มชิงสุ่ย ไม่ใช่เพราะเธอโกรธ แต่เธอก็รู้สึกตื่นเต้นกับคำพูดติดลามกของเขา
ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความเขินอาย บรรยายกาศรอบตัวเธอช่างยั่วยวนเขาเหลือเกิน ชิงสุ่ยขว้ามือเธอให้ขยับมานั่งใกล้เขา “ถ้าเจ้าไม่สมยอม ข้าก็ไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรอก แต่เจ้าบอกว่าเจ้าอยากเป็นคนดูแลข้านี่นา..ดังนั้นเจ้าก็ควรเข้าหาข้าสิ”
“นี่เจ้ากำลังพูดอะไร อยากเจ็บตัวรึ?”อีเย่ เจี้ยนเก้อพูดอย่างเขินอาย
“ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไม่พูดเรื่องนี้”
“เจี้ยนเก้อ พรุ่งนี้เจ้าจะออกเดินทางเมื่อไร?”ชิงสุ่ยเปลี่ยนเรื่อง เขารู้สึกใจหายเมื่อคิดว่าเธอกำลังจะออกเดินทาง
เขารู้ดีว่าหญิงสาวในรูปโฉมงามย่อมมีเส้นทางของตน ดังนั้นเขาจะไม่หยุดพวกเธอ เพราะเขาไม่รู้ว่าพวกเธอจะแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงไหน แต่เขาแน่ใจจะต้องเป็นพลังที่มหาศาลมากแน่ๆ
พรุ่งนี้เช้า ข้าจะรีบไปรีบกลับ คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ใช่ไหม ถ้าข้าจะกลับมาแต่งงานกับเจ้าหลังจากกลับมา?” อีเย่ เจี้ยนเก้อ พูดอย่างอ่อนโยน
ตั้งแต่เรื่องของสันเขาราชันย์ราชสีห์จบลง เธอตั้งใจจะแต่งงานกับชิงสุ่ย แต่ก็ยังไม่มีโอกาสดีเสียที ชิงสุ่ยก็ไม่เร่งรัดเธอ และเธอก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของชิงสุ่ยอยู่แล้ว
“แน่นอน แล้วตอนนั้นเจ้าคงยอมเข้าหาข้าก่อนสินะ..เจ้าต้องอยู่เหนือตัวข้าล่ะ ก็เจ้าเป็นคนดูแลข้านี่”ชิงสุ่ยขยิบตาและเลียริมฝีปากตน
อีเย่ เจี้ยนเก้อพูดอะไรไม่ออก เธอดีดหน้าผากของเขาแล้วยิ้ม “ที่รัก ทำไมเราไม่ไปพูดเรื่องนี้กันบนเตียงต่อล่ะ?”ชิงสุ่ยลุกขึ้น
อีเย่ เจี้ยนเก้อเองก็ยืนขึ้นและผายมือออก
ชิงสุ่ยอุ้มเธอไปที่เตียง แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจจะคงตัว แต่พวกเขาก็ยังคงมีความใคร่ต่อกัน
ชิงสุ่ยกอดรัดร่างของหญิงสาวบนเตียง เขาบรรจงจูบเธอ ในขณะที่อีกฝ่ายหลับตาพริ้ม
สัมผัสนุ่มนวลนั้นทำให้ชิงสุ่ยจิตใจล่องลอย เขาดูดดื่มริมฝีปากเธอ และพยายามเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้าไปในปากหญิงสาว ชิงสุ่ยจูบดวงตา จมูก..แก้มและกลับมาที่ริมฝีปากของอีเย่ เจี้ยนเก้อ
เธอพยายามปิดปากเพื่อไม่ให้ลิ้นของชิงสุ่ยรุกล้ำเข้าไป ชิงสุ่ยรีบใช้มือปลดผ้าของเธอ และเขาก็พบว่าหญิงสาวสวมแค่ชุดนอนโดยที่ไม่ใส่อะไรไว้เลยข้างใน
ชิงสุ่ยลูบไล้หน้าอกของเธอด้วยสองมือ ก่อนชิงสุ่ยจะรู้สึกมีอารมณ์เมื่อหญิงสาวยอมเปิดปากให้ลิ้นของเขาชอนไชเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เขาใช้ลิ้นสำรวจทั่วทั้งปากของเธอ
มือของชิงสุ่ยลูบไล้ไปอย่างช้าๆ จน อีเย่ เจี้ยนเก้อยอมปล่อยตัวตามอารมณ์ เธอกอดคอชิงสุ่ย ก่อนจะจูบตอบชิงสุ่ย อารมณ์แห่งความสุขสมนี้ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดใดได้
ชิงสุ่ยจูบเธอจนเธอหายใจไม่ทัน เขาจึงยอมผละออก ใบหน้างามแดงระเรื่อ บรรยากาศรอบตัวเธอเปลี่ยนไป กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดจนชิงสุ่ยแทบอดใจไม่ไหว
“ชิงสุ่ย จำไว้..ห้ามทำเกินเลยกว่านี้ แล้วข้าสัญญาว่าจะทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการในครั้งหน้าที่ข้ากลับมา”
อีเย่ เจี้ยนเก้อ มองหน้าชิงสุ่ยขณะพูดกับเขา
“จำสิ่งที่เจ้าสัญญาไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้น ข้าไม่ยอมแน่ วันนี้ข้าจะไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่มีสิ่งอื่นที่พวกเราพอจะทำได้..”
ทันทีที่ชิงสุ่ยพูดจบ ชิงสุ่ยจูบรอบคอของเธอและถอดเสื้อผ้าของเธอออก เรือนร่างที่งดงามราวกับหยกซึ่งแกะสลักโดยพระเจ้านั้นเผยให้ชิงสุ่ยเห็น เขามองเรือนร่างไร้ที่ติของเธอ หน้าอกของหญิงสาวสวยได้รูป แม้ร่างของเธอจะนอนอยู่แต่หน้าอกของเธอก็เป็นทรง จุดปทุมถันของหญิงสาวดึงดูดสายตาของชิงสุ่ยเป็นอย่างดี ชิงสุ่ยก้มหน้าลงก่อนจะลิ้มรสยอดปทุมถันนั้น ……..
อีเย่ เจี้ยนเก้อแอ่นตัวเธอเข้าหาชิงสุ่ยช้าๆ…
หน้าท้องแบนเรียบ และเอวบาง ก้นกลม ร่างกายของเธอยอดเยี่ยมมาก
ชิงสุ่ยมองเธอไม่กระพริบตา เขาเริ่มลูบไล้ไหลของหญิงสาวทีละนิด ทีละนิด..ราวกับมือของชิงสุ่ยมีเวทมนตร์ บริเวณที่ถูงสัมผัสสั่นสะท้าน นี่เป็นทักษะหัตถ์พลิ้วไหวสะเทือนวิญญาณ หญิงสาวจึงรู้สึกผ่อนคลายและคล้อยตามเขา แน่นอนว่าทุกสัมผัสย่อมส่งผลต่ออารมณ์ใคร่ด้วย..
หญิงสาวอย่าง อีเย่ เจี้ยนเก้อ ก็ไม่อาจต้านทางได้ เธอกัดฟันแน่นเพราะไม่อยากส่งเสียง แม้จะรู้สึกอิ่มเอมใจมากเพียงใด ตอนนี้ความรู้สึกในหัวของเธอกำลังยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว
มือของชิงสุ่ยค่อยๆ ลูบไล้เนินอกที่นุ่มนวลก่อนจะเลื่อนไปยังสะโพกแล้วเลื่อนมาที่หน้าท้อง หลังจากนั้นก็เลื่อนไปที่ขาของเธอ มือซุกซนของชิงสุ่ยเลื่อนไปที่เท้าเล็ก ๆ ของเธอ แล้วค่อย ๆ บรรจงกดลงไป
ชิงสุ่ยรู้สึกชื่นชม อีเย่ เจี้ยนเก้อที่สามารถอดกลั้นโดยไม่ส่งเสียง อย่างไรก็ตามเสียงก็เล็ดลอดมาจากเธอ และแม้ชิงสุ่ยจะไม่ได้มีรสนิยมเรื่องเท้า อีกทั้งในโลกก่อนหน้า เขาก็ไม่ค่อยชอบพวกที่มีรสนิยมเช่นนั้นอีกด้วย แต่ตอนนี้เขากำลังลูบไล้ขาของอีเย่ เจี้ยนเก้อราวกับเป็นหยกล้ำค่า เท้าเรียวสวยและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
เขาไม่คิดเลยว่าจะมีหญิงสาวที่มีเรียวขางามเช่นนี้ จนเขารู้สึกอยากจูบเท้าเธอ
เมื่อปลายลิ้นของชิงสุ่ยเลียช่วงขาของหญิงสาว เขาค่อยๆ เลื่อนหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ
อีเย่ เจี้ยนเก้อครางออกมาเบาๆ มีคนบอกว่าช่วงขานั้นเป็นจุดอ่อนไหวที่สุดในร่างกายอีกทั้งยังมีจุดลมปราณจำนวนมาก
“ชิงสุ่ย อย่าทำแบบนั้น มันสกปรก”เธอพูด ตอนนี้ร่างกายเธออ่อนแรง เธอไม่เหลือแรงจะต้านทานชิงสุ่ยอีกแล้ว
“ทุกส่วนของเจ้าบริสุทธิ์ทั้งหมด!”
……
แม้ชิงสุ่ยจะไม่ได้ทำเลยเถิด แต่นั่นก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าของทั้งคู่ หลังจากเขาใช้มือหยอกล้อเรือนร่างของหญิงสาวนานเกือบสองชั่วโมง เขาก็ปลดปล่อยน้ำนมสีขาวขุ่นออกมาบนร่างของเธอ เพราะไม่เคยเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน หญิงสาวจึงตกใจมากทีเดียว
ชิงสุ่ยกอดอีเย่ เจี้ยนเก้อและอาบน้ำให้กันและกัน หลังจากนั้นพวกเขาก็นอนบนเตียงเดียวกันจนเช้าตรู่
ครอบครัวพี่ชายของอีเย่ เจี้ยนเก้อก็อาศัยอยู่ที่นี้ ตระกูลชิงจึงกลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง แต่ถ้านับจากจำนวนคนทั้งหมด จำนวนผู้ฝึกตนก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อย
“เจี้ยนเก้อ เจ้าปรารถนาสิ่งใดไหม ?”ชิงสุ่ยถาม
“ในอดีต ข้าแค่อยากสู้เพื่อขอความยุติธรรมให้ตระกูลอีเย่จากสันเขาราชันย์ราชสีห์ แต่ตอนนี้ข้าไม่มีสิ่งที่ต้องการแล้ว”
อีเย่ เจี้ยนเก้อซบตัวลงไปในอ้อมกอดชิงสุ่ย ท่าทางของเธอทำให้ชายทุกคนชอบใจ ราวกับชายหนุ่มได้รับพรที่มิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้ เป็นโชคดียิ่งกว่าสิ่งใด
เธอเป็นผู้หญิงเรียบง่ายที่ไม่ต้องการอะไรเป็นพิเศษ แต่เพราะเรื่องราวในอดีตทำให้ชีวิตเธอต้องเปลี่ยนไป พ่อแม่ของเธอยอมแลกชีวิตตัวเองเพื่อเธอและพี่ชาย ทั้งยังบอกให้พวกเขาใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ต้องแก้แค้น
แต่เมื่อพ่อแม่ของเธอตายด้วยฝีมือของศัตรู ก็ไม่มีทางที่เธอจะอยู่ร่วมกับศัตรูภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน ดังนั้นเธอจึงพยายามอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ความทุกข์นั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับไหว ในอดีต..โลกของเธอจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ครั้งแรกที่ชิงสุ่ยบอกว่าเขาจะช่วยเธอ ตอนนั้นเขายังอ่อนแอมากๆ และเขาก็ตระหนักถึงสัญญาที่ตัวเองให้ไว้กับหญิงสาวว่าจะช่วยแก้แค้นภายในเวลา 20 ปี
และเธอก็เริ่มรู้ตัวว่าเธอได้หลงรักชายหนุ่มคนนี้ เหตุผลอาจจะมาจากพวกเขาได้แบ่งปันความรู้สึกต่อกัน เพราะก่อนหน้านี้เธอไม่เคยพูดกับใครเกี่ยวกับเรื่องของศัตรูหรือเรื่องของตัวเอง นอกเสียจากชิงสุ่ย
เธอมองชายหนุ่มที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ตอนนี้เขาดูเป็นชายชาตรีที่ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง เธอเอื้อมมือไปจับริมฝีปากเขา แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้ก็เหมือนเรียกร้องริมฝีปากของชิงสุ่ย เขาจูบเธอจนริมฝีปากของเธอบวมเล็กน้อย แต่เธอกลับรู้สึกมีความสุขเหมือนได้รับสิ่งล้ำค่าและยิ่งภูมิใจในชายคนนี้
“ข้าจะออกเดินทางไปรับพลังและจะพาสัตว์อสูรผลึกไปด้วย เจ้าถามข้าใช่ไหม ว่าข้าอยากได้อะไร? เจ้าได้ อยู่กับข้าเป็นเวลา 20 ปีแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ข้าหวังต่อจากนี้คืออยากให้เจ้าอยู่กับข้าตลอดไป” อีเย่ เจี้ยนเก้อมองชิงสุ่ยและส่งยิ้มบางๆ ให้เขา
“ไม่ว่านี่จะเป็นความต้องการของเจ้ารึไม่ ข้าก็จะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ถ้าเจ้าคิดจะหนีไปจากข้า ข้าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่ เจ้าคือนางฟ้าจากตำหนักจันทรา ข้าไม่สนว่าตัวข้าจะคู่ควรกับเจ้ารึไหม เพราะข้าจะทำให้เจ้าอยู่กับข้าไปชั่วชีวิต ..เจ้าจะว่าข้าเห็นแก่ตัวก็ได้นะ”ชิงสุ่ยกอดเธอไว้แน่น
“สำหรับความรัก เรื่องของความเหมาะสมระหว่างคนสองคนนั้นไม่มีหรอก ทำไมเจ้าคิดอย่างนั้นล่ะ?”Iอีเย่ เจี้ยนเก้อ ถาม
“ข้ารู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเจ้า ..คงมีชายหลานคนคิดเช่นนี้ …”
“งั้นเหรอ? เจ้ายังรู้สึกด้อยกว่าข้าอีกไหม หลังจากที่เจ้าทำเรื่องแบบนี้กับข้า?”
“ข้าคิดจริงๆ ว่าข้าด้อยกว่าเจ้า! ได้โปรดมอบพลังให้ข้าด้วย”ชิงสุ่ยร้องขออย่างอ่อนโยน
“ก็ได้ งั้นให้ข้าทำอย่างไรดีล่ะ?” อีเย่ เจี้ยนเก้อถาม
“เจ้าบอกว่าส่วนนี้ของข้าแข็งแกร่งใช่ไหม ข้าอยากให้เจ้าพูดอีก ข้าชอบ”ขณะที่พูด ชิงสุ่ยก็คว้ามือเธอไปวางบนส่วนล่างของร่างกายตน
อีเย่ เจี้ยนเก้อรีบซุกหน้าเข้าไปบนแผงอกของชิงสุ่ยทันที
……
วันที่สอง อีเย่ เจี้ยนเก้อออกเดินทาง โดยชิงสุ่ยไม่จำเป็นต้องไปส่งเธอ ก่อนหญิงสาวจะค่อย ๆ หายไปพร้อมกับสัตว์อสูรผลึก หลังจากเธอโบกมือให้ทุกคน เธอก็หายไปจากน่านฟ้าของตระกูลชิง
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าการเดินทางของเธอครั้งนี้จะใช้เวลานานเท่าไร ..ท้ายที่สุดเขาก็ได้แค่พยายามไล่ความคิดนี้ออกไป
ติ๊ชิงเดินมาข้างกายชิงสุ่ย “พี่เจี้ยนเก้อ เยี่ยมยอดจริงๆ ข้าหวังว่านางจะกลับมาโดยไว”
“ใช่..แล้วก็..พี่สาวของเจ้า นางคิดถึงเจ้ามาก”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าไปเจอนางได้ไหม?”ติ๊ชิงถาม หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“นางอยู่ในช่วงเก็บตัว ดังนั้นเจ้าฝึกฝนตนอยู่ที่นี้ดีกว่า แล้วในอนาคตถ้าพวกเจ้าอยากเจอกัน พวกเจ้าก็เจอกันได้ทันทีเลย”
“จริงเหรอ?”
“แน่นอน..จริงสิ คืนนี้ข้าจะไปช่วยเพิ่มพลังให้เจ้าที่ห้อง..” ชิงสุ่ยยิ้มและบอก
ดวงตาของติ๊ ชิงดูทรงเสน่ห์ เธอพยักหน้ารับเบาๆ ชิงสุ่ยรู้สึกไม่อยากจากที่นี้ไปไหนเลย ไม่แปลกใจที่มีคนกล่าวไว้ว่าการตกอยู่ในอ้อมแขนของหญิงงามจะนำพาบุรุษไปสู่หลุมศพ! แต่ก็อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้กลับมาที่นี้นานแล้ว เขาจึงอยากใช้เวลาให้เต็มที่ เพราะอย่างไรซะเหล่าภรรยาของเขาก็คือมีความรู้สึกเหมือนหญิงสาวธรรมดาทั่วไป
ระหว่างวัน ชิงสุ่ยช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกในร่างกายของเด็ก ๆ อีกครั้ง ชิง หมินได้รับการดูแลอย่างดี เด็กๆ ทุกคนมีพรสวรรค์ที่ได้รับมา ต่างจากเขาในอดีต ดังนั้นรุ่นที่สามของตระกูลชิงจึงรู้สึกอิจฉารุ่นที่สี่อยู่ไม่น้อย พื้นฐานที่พวกเขาเคยร่ำเรียนในตอนเด็ก ๆ นั้นต่างกับเด็ก ๆ รุ่นที่สี่อย่างลิบลับ
บทที่ 1301 – ตระกูลหลิง ความแตกต่างด้านพลัง ภายใน 5 มหาทวีปไม่มีสิ่งใดคุกคามตระกูลชิงได้
โดยไม่รู้ตัว ชิงสุ่ยพักอยู่ที่ตระกูลชิงเป็นเวลาถึง 1 สัปดาห์แล้ว เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนในตระกูล ส่วนมากเขาจะช่วยเหลือด้วยยาฟื้นกายาและความสามารถของตัวเอง เขาสามารถให้คำแนะนำแก่คนในตระกูลได้เป็นอย่างดี สำหรับตระกูลชิง สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญมาก
ช่วงนี้ชิงสุ่ยจะเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะในตอนเช้า นอกเหนือจากเวลาที่เขาใช้ภายในนั้นซึ่งไม่รวมเวลากลางคืน ชิงสุ่ยจะใช้เวลาที่เหลือเพื่อแนะนำการฝึกฝนของพวกเขาและฝึกยามเช้าไปด้วย
วันนี้ชิงสุ่ยวางแผนที่จะไปเยี่ยมเยียนตระกูลเฮยฟงและตระกูลหลิง แม้ว่าทั้งสองตระกูลยังไม่ได้ทำอะไรออกนอกลู่นอกทางนับตั้งแต่พวกเขามาที่นี่ ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องประเมินพวกเขาอย่างละเอียด หากมีภัยอันตรายเกิดขึ้น เขาจะพบว่ามันสายเกินไปที่จะเสียใจ เพราะที่นี่เป็นบ้านของเขา
เขาไม่ได้ให้หลวนหลวนเรียนรู้เรือนร่างแห่งสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเธอยังอ่อนแอเกินไป ส่วนอวี้ช่างที่ไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนหมิงเยวี่ยเก้อโหลว ตอนนี้เธอกลับแข็งแกร่งกว่าชิงเป่ย ช่างน่าแปลกใจที่เธอพยายามจนสามารถตามทันได้ในภายหลัง
ถ้าหากชิงสุ่ยไม่อยู่ หลวนหลวนจะกลายเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในตระกูลชิง นอกจากนี้เธอยังมีสัตว์อสูรที่ฝึกไว้หลายตัว ดังนั้นชิงสุ่ยจึงมอบสิ่งต่างๆมากมายไปเพื่อช่วยในการฝึกตนและประหยัดเวลาในการเพิ่มความแข็งแกร่งของเธอ
ความโดดเด่นของสัตตะดวงใจลี้ลับคือมันสามารถข้ามผ่านจุดตีบตันเล็กๆและช่วยเพิ่มโอกาสสู่การพัฒนาครั้งใหญ่ นอกจากนี้ชิงสุ่ยเพิ่งช่วยเธอด้วยการฝังเข็มทองคำและยาฟื้นกายา เขายังได้ให้ยาเม็ดบางตัวซึ่งอาจช่วยเธอทะลวงผ่านอุปสรรคที่มีอยู่
ชิงสุ่ยเริ่มนำยาสมุนไพรจากดินแดนหยกยุพราชอมตะออกมา เขารวบรวมสมุนไพรบางส่วนที่เคยใช้ในอดีต นอกเหนือจากยาเม็ดเล็กน้อยบางส่วนซึ่งเก็บไว้ ยาส่วนใหญ่เขาได้มอบให้พวกเขา
ในอนาคตความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามของหลวนหลวนคือสิ่งที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ สิ่งแรกที่ชิงสุ่ยต้องการทำคือการสอนพื้นฐานให้กับเธอก่อน เช่นเดียวกับการสร้างฐานของบ้าน หากฐานไม่มั่นคงพอ ความสูงของตัวอาคารก็จะจำกัด ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้ให้หลวนหลวนฝึกฝนเพียงเน้นแค่ความเร็ว ตลอดมาเขาคิดว่าพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ เขาคิดว่าการสร้างรากฐานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ หลังจากที่เขามาถึงมหาทวีปอู่เซียตะวันตก เขาก็รู้ว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง
ด้วยพรสวรรค์โดยธรรมชาติของหลวนหลวน มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอที่จะฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปกว่า 10 ปี การฝึกตนของหลวนหลวนก็น่าจะก้าวหน้าขึ้นมาก มันอาจใช้เวลาน้อยลงด้วยความช่วยเหลือของยาสมุนไพรและเคล็ดวิชาการต่อสู้ ถ้าเธอสามารถเข้าไปอยู่ในโอกาสอันเหมาะสมได้ เธออาจจะสามารถก้าวกระโดดครั้งใหญ่อีก
“ท่านพ่อ อนุญาตให้ลูกติดตามท่านไปที่ตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟงด้วย!” หลวนหลวนกล่าวในขณะที่เธอกอดแขนของ ชิงสุ่ย
“เช่นนั้นก็ดี!” ชิงสุ่ยยิ้มหลังจากคิดชั่วครู่หนึ่ง
“ลูกไปด้วย!” ชิงหมินเม้มปากและกล่าว
“การฝึกตนของเจ้าก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว?” ชิงสุ่ยถามชิงหมิน
“ตอนนี้ลูกก้าวหน้าขึ้น 5 ถึง 6 เท่าของแต่ก่อน มันรู้สึกดีจริงๆกับความรวดเร็วนี้” ชิงหมินเผยรอยยิ้มอันยินดีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาดูตื่นเต้นมาก
“อย่าได้พึงพอใจกับพลังของเจ้าในตอนนี้ การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด เจ้าไม่มีทางเลือกนอกจากมุ่งมั่นให้ดียิ่งขึ้น ตอนที่ข้าอายุเท่าเจ้า ข้าไปได้ไกลกว่านี้มากนัก” จริงๆแล้วชิงสุ่ยกำลังโกหก เขากลัวว่าชิงหมินจะพึงพอใจกับความสามารถที่มีอยู่เพียงแค่นี้
“ลูกไม่เชื่อท่านพ่อ!” ชิงหมินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอาหล่ะ เช่นนั้นมาที่นี่ ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้และไม่ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะวางเท้าไว้บนพื้น ข้าสัญญาว่าจะทำทุกอย่างหากเจ้าสามารถแตะสัมผัสชายเสื้อของข้าได้” ในขณะที่พูดชิงสุ่ยวาดวงกลมกว้างเท่ากับหนึ่งก้าวขาของเขา
“ท่านพ่อห้ามใช้ศิลปะการต่อสู้กับข้า ไม่เหาะเหิน ไม่ดำดิน และสุดท้ายห้ามออกนอกวงกลม” ชิงหมินกล่าวอย่างคล่องแคล่วด้วยดวงตาที่เบิกกว้างของเขา
“ตกลง!” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่ชิงหมินกล่าวจบ เขาก็รีบกระโจนเข้าใส่ชิงสุ่ย เขากางมือและขาออกทันทีเพื่อเข้าตะครุบรอบวงกลม
แม้ร่างของเขาจะเล็ก แต่เขาก็สามารถโอบล้อมวงกลมทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนตัวชิงสุ่ยนั้นไม่สามารถก้าวขาหลบได้และไม่สามารถขัดขวางใดๆ
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยมีความสุขจริงๆ ดูเหมือนว่าเด็กน้อยคนนี้ฉลาดมาก เมื่อมองดูท่าทีของเด็กน้อยที่กระโจนเข้ามา ชิงสุ่ย หลวนหลวน และหญิงสาวบางคนที่อยู่ที่นี่ก็เริ่มหัวเราะ
แม้กระนั้นก็ตามชิงสุ่ยยังคงใช้เคล็ดวิชาของเขา ชิงสุ่ยเป็นคนที่มีความชำนาญในทักษะย่างก้าว 9 เทวาและเขาสามารถเคลื่อนย้ายไปที่ไหนกับสิ่งใดก็ได้ตามต้องการ วงกลมด้านล่างเท้าของเขาก็เหมือนกับร่างกายเขา เขาเคลื่อนที่ออกไปจากจุดเดิมทันที มิหนำซ้ำผู้คนโดยรอบยังไม่สามารถสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้ ชิงหมินลงเอยด้วยการนอนลงไปกองกับพื้น เขารีบหันหาชิงสุ่ยอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ ท่านขี้โกง!” ชิงหมินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เจ้าหมายถึงข้าโกงอะไร? ข้าไม่ได้ก้าวออกไปนอกวงกลมเลย” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราตกลงกันว่าท่านพ่อไม่สามารถใช้พลังขัดขวางลูก ลูกแน่ใจว่าลูกกระโจนเข้าใส่วงกลม แต่มันกลับกลายเป็นว่าลูกยังอยู่นอกวงกลม ท่านพ่อต้องเป็นผู้ขัดขวางลูก” ชิงหมินกล่าวด้วยความแน่วแน่
“ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้า เจ้าน่าจะรู้สึกได้ บางทีข้าอาจใช้กลอุบายหลอกล่อเจ้าทำให้คิดว่าตำแหน่งวงกลมที่เจ้ากำลังมองดูอยู่นั้นเป็นของจริง แต่อันที่จริงแล้วมันผิด” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ความเป็นจริงชิงสุ่ยไม่ได้ใช้กลอุบายใด มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาผู้มีพลังวิญญาณอันน่าเกรงขามที่จะล่อหลอกชิงหมินในเรื่องนี้
ชิงหมินตกตะลึง หลังจากที่เขาคิดชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขารู้สึกว่าไม่เข้าใจมันจริงๆ เขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้และพุ่งเข้าใส่ชิงสุ่ยอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้ใช้วิธีเดิม เขาพยายามคว้าจับด้วยมือและเพ่งตามองไปที่ชิงสุ่ยอย่างเดียว
แม้ว่าพื้นดินเบื้องหน้าเท้าของเขาจะเป็นวงกลมที่ชิงสุ่ยยืนอยู่ ชิงหมินก็ยังไม่สามารถสัมผัสชายเสื้อของชิงสุ่ยได้เลย ความดื้อรั้นของเด็กน้อยกำลังถูกกระตุ้น เขาคว้าจับตัวชิงสุ่ยอย่างไม่หยุดหย่อน
ตอนนี้ชิงสุ่ยพูดแนะนำเขาเล็กน้อย ชิงสุ่ยบอกให้เขาใช้รูปแบบย่างก้าวคู่
ย่างก้าวคู่ก่อให้เกิดลม ลมที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับน้ำและไฟ แต่น้ำและไฟเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกัน
ราวกับว่าคำพูดของชิงสุ่ยมีเวทมนต์ ชิงหมินเริ่มเข้าใจถึงการใช้รูปแบบย่างก้าวคู่ เขาเคลื่อนไหวเท้าไปมาหลากหลายขณะที่ร่ายรำหมัดอสูรสันโดษและเริ่มโจมตีใส่ชิงสุ่ยจากทุกทิศทาง ตอนนี้เขาเริ่มเชี่ยวชาญรูปแบบย่างก้าวคู่ขั้นต้นแล้ว ดูเหมือนว่าเขาได้บรรลุสู่ดินแดนถัดไป
ตอนแรกชิงสุ่ยช่วยเขาเสริมสร้างร่างกายด้วยยาฟื้นกายา เขาสามารถก้าวขึ้นไปสู่อีกขั้นได้ หากไม่มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้น เขาควรจะสามารถฝึกฝนรูปแบบย่างก้าวไตรลักษณ์หรือแม้กระทั้งรูปแบบย่างก้าวจตุลักษณ์ได้
ดูเหมือนชิงหมินจะตกอยู่ในภวังค์ มันเหมือนกับว่าเขาได้เข้าสู่สภาวะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามเขายังสามารถได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวและสภาวะนี้ดูจะปรากฎออกมาแบบไม่แน่นอน มันยากที่เขาจะทำเรื่องเหล่านี้ได้อย่างปกติ
หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาทีชิงหมินก็หยุดลง เขาเผยใบหน้าแห่งความสุข
“เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
“ในอดีตที่ผ่านมา ลูกรู้สึกว่าลูกนั้นว่องไวมาก แต่ตอนนี้ลูกรู้สึกได้ว่าว่องไวกว่าเมื่อก่อนหลายเท่านัก อย่างไรก็ตามลูกก็ยังรู้สึกเหมือนไม่ได้ว่องไวเท่าเดิมที่เคยทำได้เช่นกัน” ชิงหมินกล่าวหลังจากคิดมาครู่หนึ่ง
“แน่นอน เมื่อก่อนเจ้าเป็นเพียงกบที่อยู่ใต้บ่อน้ำ แม้ว่าเจ้าจะกระโดดขึ้นไปเพียงไม่กี่ฟุต เจ้าก็จะรู้สึกว่าตัวเจ้ากระโดดได้ไกลมาก แต่ตอนนี้เจ้าได้ขึ้นมาจากบ่อน้ำเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะก้าวกระโดดได้ไกลกว่า 10 ฟุต ระยะทางที่เห็นก็ยังคงไม่อาจเทียบได้กับความกว้างใหญ่ไพศาลของท้องฟ้า นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงรู้สึกไม่ว่องไวเท่าที่เคยเป็นมา เหตุผลหลักก็คือเจ้ายังไม่บรรลุถึงระดับที่คู่ควรกับโลกใบนี้แต่อย่างใด” ชิงสุ่ยมีความสุขมาก นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับชิงหมิน
“ท่านพ่อ ข้าขอตัวไปฝึกฝนต่อ!” ชิงหมินรีบจากไปทันทีหลังจากที่กล่าวเสร็จ
ชิงสุ่ยยิ้ม เขาคิดว่าลูกชายคนนี้กำลังอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง
หมิงเยวี่ยเก้อโหลวยิ้มเช่นกัน เธอสังเกตเห็นว่าภาระของเธอได้รับการแบ่งเบามากขึ้นนับตั้งแต่ชิงสุ่ยกลับมา ก่อนหน้านี้เธอเคยกลัวว่าจะไม่สามารถมอบความรู้ให้ลูกชายได้ดีพอ เธอกังวลอยู่เสมอว่าเขาจะเรียนรู้แบบผิดๆ เมื่อชิงสุ่ยกลับมา การสอนลูกชายของเขาแตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง เขาให้อิสระและมีข้อจำกัดเพียงเล็กน้อย เช่นนั้นเธอจึงพบว่าลูกชายดูจะดื้อรั้นน้อยลงและเขาชื่มชมผู้เป็นพ่อมากๆ
เธอดีใจมากที่ได้เห็นสิ่งนี้ ในความเป็นจริงเธอยินดีเป็นอย่างมาก ในอนาคตถ้าชิงสุ่ยสามารถกลับมาได้เดือนละครั้ง เธอก็สามารถปล่อยให้ลูกชายเรียนรู้จากเขาได้
ชิงสุ่ยเรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมา หลวนหลวนกระโดดขึ้นไปก่อนที่เธอจะโบกมือให้คนอื่นๆตามมา พวกเขามุ่งหน้าไปยังตระกูลหลิง
จริงๆแล้วตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟงไม่ได้อยู่ห่างนัก ชิงสุ่ยใช้มังกรไอยราเกล็ดทองคำเพื่อเป็นพาหนะหลักสำหรับขนส่ง
ภายใต้กฏแห่งโลกและสวรรค์ใน 5 มหาทวีป มังกรไอยราเกล็ดทองคำยังคงมีพลังกว่า 400 สุริยา ทั่วทั้ง 5 มหาทวีป นับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจหาใครเทียบเคียงได้ ไม่มีใครสามารถสำแดงพลังออกมาได้ถึง 500 เมฆา หากมองเพียงผิวเผิน พลังมากที่สุดที่สามารถเอื้อมถึงได้นั้นมากกว่า 10 เมฆาเล็กน้อย แน่นอนว่านี่ไม่รวมถึงผู้ที่แอบซ่อนอยู่ในทวีป จากเรื่องทั้งหมด ไม่มีใครรู้ถึงความแข็งแกร่งของเหล่าผู้ที่หลบซ่อนว่ามีมากเพียงใด
มังกรไอยราเกล็ดทองคำเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ใกล้กับตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟง พวกเขาจึงสามารถไปถึงได้อย่างรวดเร็ว กลิ่นอายอันชั่วร้ายของมังกรไอยราเกล็ดทองคำแผ่ลงไปที่พื้นจนทำให้พื้นดินแตกทันที
ชิงสุ่ยทำแบบนี้เพื่อแสดงถึงพลังของเขา แม้ว่าวิธีการนี้อาจเป็นข่มเหงเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้มากมายเกินไป ตอนนี้มันเป็นเพียงการแสดงฐานะของเขาด้วยมังกรไอยราเกล็ดทองคำ
ในขณะที่ชิงสุ่ยและหลวนหลวนลงมาจากมังกรไอยราเกล็ดทองคำ มีผู้คนจำนวนมากรออยู่ตรงหน้าคฤหาสน์ตระกูลหลิงแล้ว แต่ละคนแสดงท่าทีกังวลออกมาทางสีหน้า มันเป็นเพราะการได้เห็นพลังของมังกรไอยราเกล็ดทองคำบนฟากฟ้า
ชิงสุ่ยจ้องมองตรงไปที่คนด้านล่าง ในหมู่พวกเขามีชายชรา ชายวัยกลางคน และชายหนุ่มประมาณ 200 คนและพวกเขาเป็นนักรบทุกคน บางคนค่อนข้างแข็งแกร่ง แม้จะได้รับผลจากกฎแห่งสวรรค์และโลก แต่พวกเขาก็ยังสามารถบรรลุความแข็งแกร่งได้มากกว่า 10 เมฆา สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจ สำหรับการเป็นผู้ที่มีพลังมากที่สุดใน 5 มหาทวีปถือว่าคุ้มค่ามาก ส่วนเหล่าหญิงสาวและหลวนหลวนจากตระกูลชิง พวกเขาทั้งหมดได้ก้าวผ่านความแข็งแกร่งระดับนี้ไปแล้ว
เมื่อเห็นหลวนหลวน ผู้คนจากตระกูลหลิงทั้งหมดก็แสดงความโล่งอกออกมา ชายชราคนหนึ่งที่มีผมสีขาวและใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัยกล่าวอย่างสุภาพ “ขออภัยผู้อาวุโสที่ไม่ได้ไปต้อนรับท่านเมื่อกลับมา!”
“คารวะท่านผู้เฒ่า ข้าคือชิงสุ่ย ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนตื่นกลัว” ชิงสุ่ยไม่ได้ต้องการทำอะไรเกินเลย ดังนั้นเขาจึงตอบกลับด้วยเสียงอันเป็นมิตร
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ทราบว่าท่านกลับมา ข้าไม่ได้ไปต้อนรับท่าน ข้าหวังว่าท่านจะให้อภัยข้า” ชายชราเรียกเขาในนามผู้อาวุโสทันทีที่เริ่มคุยกัน จากเรื่องดังกล่าวเห็นได้ว่ามันใช้เวลาเพียง 2-3 ช่วงลมหายใจที่ชิงสุ่ยจะกำจัดตระกูลหลิง
“ผู้อาวุโสเชิญทางนี้!” ชายชรารีบนำชิงสุ่ยเข้าไปในคฤหาสน์ ขณะนี้คนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปทำเรื่องส่วนตัว
“ท่านผู้เฒ่า ข้ารู้มาว่าตระกูลหลิงนั้นสนิทสนมกับตระกูลชิงมาก ทำไมท่านไม่เรียกข้าว่าชิงสุ่ยเฉยๆหล่ะ?” ทั้งชิงชุ่ยและชายชราเดินมุ่งหน้าสู่ตระกูลหลิง
“มันจะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร? ไม่ ไม่มีทาง” ชายชรากล่าวอย่างเร่งรีบ
“ชิงหมินเป็นลูกของข้า ดังนั้นท่านผู้เฒ่า ท่านไม่จำเป็นต้องมากพิธี แม้ว่าข้าจะเคยสังหารคนไปเป็นจำนวนมาก แต่ข้าก็ไม่เคยทำอะไรผู้บริสุทธิ์” ชิงสุ่ยรู้ดีว่าชายชราเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เช่นนั้นเขาคงจะกลัวชิงสุ่ยอยู่เล็กน้อย
ดวงตาของชายชรากระพริบไปมา หลังจากนั้นเขาก็กล่าวเบาๆว่า “เอาหล่ะ ถ้าอย่างนั้น ข้าก็อาวุโสกว่า ข้าจะทำตามใจตัวเองและเรียกเจ้าแค่ชิงสุ่ยแล้วกัน”
จากเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะความแตกต่างของพลังที่มีมากเกินไป
ในห้องนั่งเล่น!
“ท่านผู้เฒ่า ก่อนที่ข้าจะจากไปก่อนหน้านี้ ข้าไม่เคยพบตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟง ข้าขอถามหน่อยว่าพวกท่านย้ายมาจากที่ใด” ชิงสุ่ยยิ้มและพูดขณะที่เขาหยิบชาขึ้นมาจิบ
“อันที่จริงทั้งตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟงมาจากมหาทวีปดารานภาลัย
บทที่ 1302 – การเคลื่อนย้ายด้วยธงสวรรค์ปัญจธาตุที่น่าอึดอัดใจ
“โอ๊ะ ข้าเคยไปที่มหาทวีปดารานภาลัย ทำไมท่านถึงย้ายออกมาหล่ะ?”
ชายชราคนนี้คือหลิงเสี่ยวผู้นำตระกูลหลิง เมื่อชิงสุ่ยได้ยินชายชราพูดถึงมหาทวีปดารานภาลัย สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือตระกูลถานท่าย มันเป็นเพราะตระกูลถานท่ายยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชิงสุ่ยในขณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเคยไปที่ตระกูลถานท่ายมาก่อน เทือกเขาปู๋โถวใน 5 มหาทวีปเป็นเพียงสาขาหนึ่งของเทือกเขาปู๋โถวในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก มิหนำซ้ำชิงสุ่ยยังได้รับธงสวรรค์ปัญจธาตุมาจากผู้นำเทือกเขาปู๋โถวของมหาทวีปอู่เซียตะวันตก
นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังนึกถึงเย่กู่หยาน หญิงผู้ทะนงตนและโดดเดี่ยว เขาคิดถึงหญิงสาวตัวน้อย เขาเป็นคนที่ส่งเธอไปหาเย่กู่หยานด้วยตัวเอง เขาได้ช่วยเหลือตระกลูเย่แก้ไขสถานการณ์อันเลวร้ายของพวกเขา แม้ว่ามันจะเป็นอดีตไปแล้ว ตระกูล ถานท่ายก็ยังคงดูแลตระกูลเย่จนถึงตอนนี้
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าตอนนี้เธอสบายดีไหม ในขณะที่เขานึกถึงเธอนั้น ความทรงจำที่มีของเขาไม่ค่อยจะชัดเจนนัก แต่มันก็ไม่ถึงกับเรือนราง เมื่อทบทวนดูก็พบว่ามันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานพอสมควร
“ทั้งตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟงไม่สามารถอยู่ในมหาทวีปดารานภาลัยได้ พวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกมาจากที่นั่น อย่างไรก็ตามพวกเราไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบกับตระกูลที่ทรงพลังอย่างตระกูลชิง” หลิงเสี่ยวดูเหมือนจะขมขื่นเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
ความเข้าใจของชิงสุ่ยในเรื่องมหาทวีปดารานภาลัยนั้นมีจำกัด เมืองทะเลดารานภาลัยเป็นเพียงเมืองหลวงแห่งมหาทวีปดารานภาลัยเท่านั้น โดยทั่วไปเหล่าขั้วอำนาจมักจะรวมตัวกันอยู่ที่นั่น
“ท่านผู้เฒ่า ด้วยความสามารถของตระกูลหลิง ใน 5 มหาทวีปมีน้อยคนที่จะสามารถเอาชนะพวกท่านได้ ข้าสงสัยว่าใครเป็นผู้บีบบังคับตระกูลหลิง ส่วนตระกูลเฮยฟงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลหลิงเลย ถูกหรือไม่?” ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกใจมาก
“ตระกูลเฮยฟงนั้นแข็งแกร่งพอๆกับตระกูลหลิง แม้ว่าพวกเราทั้งสองตระกูลจะร่วมมือกัน พวกเราก็ไม่สามารถรับมือกับอีกฝ่ายได้ พวกเขาเป็นชนป่าเถื่อน ตระกูลของพวกเราสูญเสียคนไปไม่น้อยเพียงเพื่อให้คนที่เหลือหลบหนีไป” หลิงเสี่ยวดูเศร้าใจเมื่อพูดถึงมัน
“ชนป่าเถื่อน?”
ชิงสุ่ยนึกถึงชนป่าเถื่อนในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกที่อยู่ใกล้กับทะเลทิศทักษิณา เขารู้ว่าทะเลทิศทักษิณาใน 5 มหาทวีปก็เป็นส่วนหนึ่งของมหาทวีปอู่เซียตะวันตกเช่นกัน ทะเลทิศทักษิณานั้นกว้างใหญ่ เขาเชื่อว่าชนป่าเถื่อนกลุ่มนั้นไม่น่าจะเป็นพวกเดียวกันกับในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก พวกเขาอาจเป็นชนป่าเถื่อนจากเกาะบางแห่งในทะเลทิศทักษิณา?
มีเกาะอยู่หลายแห่งในทะเลทิศทักษิณา บางแห่งมีขนาดใหญ่มากและมีประชากรหนาแน่น พวกเขาอยู่กันอย่างกับว่ามันเป็นโลกใบเล็กๆของตัวเอง
ความจริงที่ว่าตระกูลหลิงสามารถหลบหนีออกมาได้นั้นหมายความว่าชนป่าเถื่อนเหล่านี้ไม่ได้น่ากลัวมากนัก หากเทียบกับตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟง พวกเขาไม่น่าจะมีพลังมากนัก มันอาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาแค่มีจำนวนมากกว่า
“พวกเขามีกันทั้งหมดกี่คนหรือ?” ชิงสุ่ยนึกถึงตระกูลถานท่ายและตระกูลเย่ในเมืองทะเลดารานภาลัย
“อย่างน้อยก็ราวๆ 5,000 คนและทุกคนแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เมืองทะเลดารานภาลัย” หลิงเสี่ยวคิดบางอย่างและกล่าว
ชิงสุ่ยไม่ได้วางแผนที่จะมุ่งหน้าไปที่นั่นและมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีก ข่าวก็แพร่กระจายมาที่นี่ ระยะห่างระหว่างโลก 9 มหาทวีปมีมากเกินไป สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันมีความวุ่นวายอยู่ทุกหย่อมหญ้าภายใต้ความสงบเงียบ
เหตุผลหลักที่ชิงสุ่ยมาที่นี่คือการตรวจสอบความสามารถของตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟง หลังจากที่ได้เห็นความสามารถของตระกูลหลิงแล้ว ชิงสุ่ยก็สามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจ พวกเขาห่างชั้นจากตระกูลชิงในปัจจุบันนัก ตระกูลชิงอาจถือผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดใน 5 มหาทวีป
หลังจากการสนทนากับตระกูลหลิง ด้วยการสังเกตของเขา เขาหวังว่าทุกคนจะอยู่ร่วมกันได้ ชิงสุ่ยกล่าวลาตระกูลหลิงและทิ้งหลวนหลวนไว้แล้วไปที่ตระกูลเฮยฟง
ตระกูลเฮยฟงทราบข่าวสักพักใหญ่ๆแล้วว่าชิงสุ่ยเข้าไปเยี่ยมเยียนตระกูลหลิง ดังนั้นพวกเขาจึงยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าด้วยความเคารพเพื่อรอการมาถึงของเขา ต่อหน้าพลังอำนาจอันเด็ดขาด ทุกคนย่อมต้องถ่อมตน นี่คือกฎแห่งโลกของการต่อสู้ ความภาคภูมิใจของผู้ฝึกตน และกฏแห่งการอยู่รอด
ตระกูลเฮยฟงคอยเฝ้าดูตระกูลชิงตั้งแต่แรกด้วยเพราะเหล่าหญิงงามอันไม่อาจมีใครเทียบได้ทั้งหลายในตระกูลชิงที่แข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มผู้มาถึงคนนี้เป็นเหมือนสิ่งที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมาจากสรวงสรรค์ เขาต้องมาจาก 4 มหาทวีป
คนของตระกูลเฮยฟงมีจำนวนน้อย พวกเขามีสีผิวที่คล้ำ นี่ดูเหมือนจะเป็นเพราะสายเลือดของพวกเขา แต่ช่างน่าเสียดายที่มันไม่ใช่จากโลหิตทองคำอินทนิลหรือสายเลือดทองคำ มันไม่ได้มีค่าอะไรนัก แต่ก็ยังดีกว่าสายเลือดธรรมดาทั่วไป คนที่มีสายเลือดนี้จะมีความแข็งแกร่งทางกายมากขึ้น
คนทั่วไปชอบที่จะมีสายเลือดปกติมากกว่าสายเลือดดังกล่าว มันเป็นเพราะผู้ที่มีสายเสือดนี้สีผิวของพวกเขาจะคล้ำมาก สำหรับผู้ชายมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แต่กับผู้หญิงมันช่างน่าเศร้า
ชิงสุ่ยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันเพื่อกลับไปที่ตระกูลชิงกับหลวนหลวน ด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขา เขาสามารถบอกได้ว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญในตระกูลหลิงและตระกูลเฮยฟง เขามั่นใจได้โดยการไปเพียงครั้งเดียว
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าสันเขาราชันย์ราชสีห์เป็นอย่างไร เขาไม่พบร่องรอยของนิกายพุทธองค์ทองคำและสันเขาราชันย์ราชสีห์ใน 4 มหาทวีป นิกายพุทธองค์ทองคำนั้นไม่แข็งแกร่งพอและมหาทวีปอู่เซียตะวันตกก็อยู่ห่างไกลเกินไป มหาทวีปอู่เซียตะวันตกที่ชิงสุ่ยเคยไปเป็นเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น แม้ว่าสถานที่ที่เขาไปจะเป็นจักรวรรดิที่ทรงพลัง มันเป็นได้ว่านิกายพุทธองค์อาจอยู่ในจักรวรรดิระดับหนึ่งและสันเขาราชันย์ราชสีห์อาจอยู่จักรวรรดิระดับสองหรือสาม ชิงสุ่ยไม่พบอะไรเลย อย่างไรก็ตามพวกเขายังเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นเขาจะต้องไปตรวจสอบดูเมื่อกลับไป
หลังจากกลับถึงคฤหาสน์ ชิงสุ่ยวางแผนที่จะมุ่งหน้ากลับไปยังมหาทวีปอู่เซียตะวันตก เขาสัญญากับพวกเขาว่าจะมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถร่วมเดินทางไปด้วยได้ แต่การที่เขาสามารถกลับมาเยี่ยมเยียนได้สักครั้งก็ทำให้พวกเขาพึงพอใจแล้ว นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคิดฝันในอดีต พวกเขาคิดว่าคงไม่สามารถพบเจอเขาได้อย่างน้อยก็ 10 หรือ 20 ปีผ่านไป
เมื่อเห็นว่าเป็นยามบ่ายแล้ว ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเป็นการดีที่สุดที่จะกลับไปในเวลานี้!
มันเป็นเพราะเขาจำเป็นต้องใช้คู่ธงสวรรค์ปัญจธาตุ มันคงไม่ดีถ้าเร็วเกินไปและมันจะแย่หากช้าเกินไป เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกเวลาก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า
หลังจากที่เขาโบกมือลาผู้คนจากตระกูลชิง ชิงสุ่ยก็หายวับไป
เมื่อชิงสุ่ยปรากฏกายอีกครั้ง เขาก็รู้สึกอยากร้องไห้…
เขาพบตัวเองอยู่ในน้ำซึ่งหมายความว่าเธอนั้นอยู่ในน้ำ เธออยู่ในน้ำไหน? เขาอยู่ในอ่างอาบน้ำ มันมีขนาดใหญ่มากและยาวกว่า 3 เมตร มีกลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆรอบตัวเขา แต่กลิ่นเหล่านี้ยังถือว่าส่งผลน้อยนัก นั่นเป็นเพราะมีร่างอันเปลือยเปล่าปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา
นี่เป็นสิ่งที่ชิงสุ่ยกลัวมากที่สุด เขากลัวว่าเธอจะนอนหลับเมื่อเขาเคลื่อนย้ายมา เขากลัวว่าเธออาจจะทำธุระส่วนตัวอยู่ แน่นอนว่าเขากลัวว่าเธอกำลังอาบน้ำ เขาตระหนักว่ายิ่งเขากลัวเรื่องอะไรมากเท่าไหร่ โอกาสที่มันจะเกิดขึ้นก็จะมากตามไปด้วย
เธอตกใจอย่างเห็นได้ชัด ขาอันเรียวยาวของเธอเตะมาทางชิงสุ่ย ก่อให้เกิดสายน้ำคล้ายมังกรขนาดเล็กพุ่งใส่เขา
เธอสังเกตเห็นว่าเป็นชิงสุ่ยอย่างรวดเร็วและสงบสติลง อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอสลายการโจมตีและลุกขึ้นมาแบบไม่สนใจ
น้ำในอ่างใสสะอาดเช่นเดียวกับเรือนร่างอันขาวนวลของเธอ ชิงสุ่ยเคยเห็นมันมาก่อน สิ่งที่อาจทำให้ไฟในหัวใจของชายหนุ่มลุกโชนมากที่สุดเป็นคู่ของเนินอกและกลิ่นหอมทรงเสน่ห์ ยอดเนินอกสีชมพูของเธอเป็นสิ่งที่สะดุดตาที่สุด
“ข้างดงามหรือไม่?” เสียงหญิงที่โตเต็มวัยและมีเสน่ห์ดังขึ้นเมื่อแขนของเธอพาดลงบนไหล่ของชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยรู้สึกตกใจตื่น เขาเงยศีรษะขึ้นมองใบหน้าของเธอและคู่เนินอกเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน ความความอึดอัดและเขินอายปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ เขารู้สึกว่าหญิงผู้นี้ช่างกล้าหาญและยังมีความอยากมากเช่นกัน
“ข้าไม่รู้ว่าท่านจะอาบน้ำในเวลานี้” ชิงสุ่ยกล่าวเบาๆ ตั้งแต่ตอนที่เขาเห็นเธอเปลือยกายอยู่ มันก็คงจะเป็นเรื่องเสแสร้งเล็กน้อยที่จะขอโทษในตอนนี้
“เจ้ามองไปที่ใดก่อนหน้านี้? มันดูดีหรือไม่?” การแสดงออกของเธอดูสงบนิ่งและไม่ได้แสดงถึงความลำบากใจหรือเขินอาย
“ท่านเป็นเหมือนสิ่งอันลึกลับ!” ชิงสุ่ยกล่าวเบาๆ
ใบหน้าของเธอมีเลือดฝาดและดูขมขื่นเล็กน้อย
“ถูกต้อง ข้าเป็นสิ่งที่ลึกลับ อย่างไรก็ตามข้าแตกต่างจากผู้อื่น อย่าได้คิดสิ่งใดกับข้า ถ้าไม่เช่นนั้นชีวิตของเจ้าจะดับสิ้น” เธอกระโดดออกไปด้วยร่างที่เปลือยเปล่าและเดินเข้าไปข้างในห้องเพื่อสวมเสื้อผ้า
ชิงสุ่ยยังคงตกตะลึง เธอควรจะเหมือนกับเหวินเหรินอูซวงและดูเหมือนจะเป็นคนที่จะนำโชคร้ายมาให้กับสามีของเธอ มันเป็นเพราะถ้าชายใดพยายามขึ้นไปบนเตียงของเธอ พวกเขาก็จะพบกับความตายอย่างรวดเร็ว…
อย่างไรก็ตามเขามีกายาทองคำ 9 หยาง ดังนั้นแม้จะเป็นเหวินเหรินอูซวง เขาก็สามารถมีสัมพันธ์กับเธอได้แล้ว…
เขาลุกขึ้นยืนและออกจากอ่างอาบน้ำ เขาแผ่ลมปราณไปทั่วร่างกายเพื่อระหายน้ำและไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ออกมาด้วยชุดที่เรียบง่าย แต่เธอไม่สามารถซ่อนเรือนร่างอันงดงามเอาไว้ได้
“เจ้ากลับไปที่บ้านมางั้นหรือ?” เธอยิ้มและถาม
ที่นี่เป็นคฤหาสน์ไผ่ทะเลใต้ของเธอ อย่างไรก็ตามถานท่ายหยวนและอวี้ลู่หยานไม่ได้อยู่ใกล้ๆนี่ในตอนนี้
“อืมม!” ชิงสุ่ยตอบ
เขารู้สึกแย่มาก เมื่อคิดว่าครั้งแรกที่ใช้การเคลื่อนย้าย เขาพบตัวเองอยู่ในอ่างอาบน้ำของเธอ เขาจะกล้าใช้มันอีกในอนาคตได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าชิงสุ่ยจะหน้าทน แต่เธอก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงของเขา
“ทุกอย่างปกติดีหรือไม่?”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ข้าอาจจะกลับไปทุกๆหนึ่งหรือสองเดือน…” ชิงสุ่ยมองไปที่เธอและกล่าวเบาๆ
“อืม เช่นนั้นก็ดี!” เธอยิ้มและพูด
“แต่ข้ากลัวว่าบางอย่างเช่นนี้จะเกิดขึ้นอีก”
“เจ้าไม่ชอบที่ได้เห็นงั้นหรือ?”
เมื่อเธอกล่าวอย่างนี้ ชิงสุ่ยก็เริ่มเหงื่อออก เขาเอามือปาดไปที่หน้าผากขณะมองดูหญิงที่มีเสน่ห์ เธอดูบริสุทธิ์และสง่างาม มีความเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เหมือนใคร ตอนนี้ความบริสุทธิ์และความเย้ายวนใจของเธอและผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์
บทที่ 1303 – สถานที่ตั้งธงสวรรค์ปัญจธาตุของเธอ เขาจะเป็นฝ่ายโดนรุกหรือไม่?
ชิงสุ่ยไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงถามเรื่องนี้ ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอ เขารู้สึกว่าเธอไม่ได้จริงจังและเขาก็ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
“ท่านปรมจารย์ป้า คนรุ่นท่านไม่น่าที่จะหยอกล้อข้าเช่นนี้” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างหมดหนทาง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปวดหัวมากและรู้สึกกลัวผู้หญิงที่งดงามเป็นพิเศษ เมื่อตอนที่เขาเผชิญหน้ากับประมุขอสูรและกำลังจะตาย เขาไม่ได้รู้สึกกลัว เขาไม่มีความรู้สึกเช่นเดียวกับตอนนี้เลย
เธอหัวเราะอย่างดูมีชีวิตชีวา
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้ายังไม่แก่ ถ้าเจ้าพูดเหมือนข้าแก่อีกครั้ง ข้าจะสอนบทเรียนให้กับเจ้า เอาหล่ะ ข้าจะหยุดหยอกล้อเจ้า แต่เจ้าจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากข้าอีก เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนแรกที่ได้อะไรเช่นนั้นจากข้า?” เธอมองไปที่ชิงสุ่ย อย่างกระตือรือร้น
ถ้าในอดีตชิงสุ่ยไม่มีทางเชื่อเลย มันเป็นเพราะเขารู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ค่อนข้างปล่อยตัว แม้ว่าเธอจะดูบริสุทธิ์ แต่เขาก็รู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ปล่อยตัว อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นหลายๆสิ่ง เขารู้สึกว่าจริงๆแล้วมีผู้ชายไม่มากนักที่จะเข้าหาเธอได้
ชิงสุ่ยฟื้นคืนสติ เขารู้ว่าทุกสิ่งที่เขาคิดนั้นไม่เหมาะสมที่จะกล่าวในขณะนี้ มันดีที่สุดสำหรับเขาหากเก็บเอาไว้
“ตอนนี้เจ้าเกลียดข้างั้นหรือ?” เธอมองไปที่ชิงสุ่ย
“ไม่ ทำไมท่านพูดเช่นนั้น?” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ดีที่จะยังคงนิ่งเฉยอยู่
“เอาหล่ะ ทุกอย่างก็เสร็จแล้ว นี่มันก็เริ่มมืดแล้ว ถ้าหากเจ้าไม่อยากพักที่นี่คืนนี้ก็รีบกลับไปซะ” เธอพูดขณะมองไปที่ชิงสุ่ยและยิ้ม
“ข้าจะไปทันที!” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างรวดเร็ว
“ช้าก่อน เจ้าจะไปจริงๆงั้นหรือ? นี่มันก็มืดแล้ว เจ้าควรจะออกเดินทางพรุ่งนี้ อย่าได้กังวล ข้าไม่กินเจ้าหรอก ข้าไม่อยากให้เจ้าได้รับอันตราย” เมื่อเธอเห็นชิงสุ่ยหันออกไป เธอจึงรีบคว้าเขากลับมาด้วยความขุ่นเคือง
ชิงสุ่ยหันมามองเธอ คราวนี้สีหน้าของเธอดูจริงจังเป็นพิเศษ เขาพยักหน้า “เช่นนั้นข้าก็คงต้องขอรบกวนท่านปรมจารย์ป้าแล้ว”
ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะพักที่นี่เพราะคำพูดที่ว่าไม่ต้องการให้เขาได้รับอันตรายใดๆ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตลอดเวลาอันเนิ่นนานที่ได้พูดคุยกัน นี่คือสิ่งที่อบอุ่นที่สุดของเธอที่กล่าวกับเขา
เขารู้สึกว่าเธอไม่ได้ปล่อยปละเกินไป ถานท่ายหยวนบอกว่าเขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่อาจารย์ของเธอพูดหยอกล้อด้วย แต่นั่นก็รวมถึงการที่เธอไม่รู้ว่าอาจารย์ของเธอหยอกล้อเขาแค่ไหน อาจารย์ของเธอได้คว้าอวัยวะส่วนล่างของเขาเอาไว้ ชิงสุ่ยเกิดความไม่เข้าใจ…
“อย่างนั้นข้าขอตัวไปจับปลาสักหน่อยและนำมันมาปรุงอาหาร!” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
“ฟังดูดี ไปกันเถอะ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
เธอดึงแขนของชิงสุ่ยและออกจากคฤหาสน์ไผ่ทะเลใต้ เธอดูเป็นธรรมชาติมากแม้จะจับมือของชิงสุ่ยเอาไว้ ชิงสุ่ยต้องการที่จะเบี่ยงมือหลบ แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจหยุดไว้ ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าตอนนี้เขารู้สึกอะไร
เขารู้ว่าเธอไม่มีทางคิดที่จะมายุ่มย่ามเขา เพราะด้วยร่างกายของเธอ เธอถูกกำหนดให้ไม่สามารถเพลิดเพลินไปกับการมีสัมพันธ์ได้ มันอาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ เธอจึงทำอะไรแบบนี้ อย่างไรก็ตามทำไมเธอเลือกเขา? มันเป็นเพราะเขามีความสามารถหรือไม่?
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเพราะเห็นว่าเขามีความสามารถ… เธอก็ดูจะเลือกได้อย่างถูกต้องมากเกินไป ด้วยร่างกายของชิงสุ่ย แน่นอนว่าเขาสามารถมีความสัมพันธ์กับเธอได้โดยไม่มีผลกระทบใดๆเลย เธอจะทำอะไรหากรู้เกี่ยวกับร่างกายนี้ของเขา? เพียงแค่คิดถึงมันชิงสุ่ยก็รู้สึกแปลกๆ
มันเป็นเพราะเขารู้สึกว่าถ้าเธอรู้ว่าเขาสามารถทำบางสิ่งกับเธอได้ เธอจะต้องลงมือกับเขาแน่นอน
พวกเขาจับมือกันและมุ่งหน้าไปยังชายหาดที่อยู่ไม่ไกล ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าและมีแสงสว่างเหลือเพียงเล็กน้อย ลมทะเลพัดมาเบาๆและให้ความรู้สึกที่สดชื่นมาก ไม่มีกลิ่นเหม็นสาบอะไรเลย
สภาพแวดล้อมที่นี่ไม่สามารถเทียบกับสถานที่ต่างๆในชีวิตก่อนหน้าของชิงสุ่ยได้ เขาจับมือของหญิงผู้งดงามไว้ แต่แล้ว ชิงสุ่ยก็สังเกตเห็นว่าเธอไม่ได้สวมใส่รองเท้าใดๆ เท้าอันสวยงามของเธอเปลือยเปล่า
“ชิงสุ่ย เมื่อไหร่ที่เจ้าจะมุ่งหน้าไปยังอีก 3 มหาทวีป?” เธอมองไปไกลสุดสายตาและกล่าวช้าๆ
“เมื่อข้าสามารถระบุที่ตั้งของธงสวรรค์ปัญจธาตุใน 3 มหาทวีปได้” ชิงสุ่ยใช้ความคิดบางอย่างและตอบกลับ 2 ปีควรจะเป็นเวลาที่เพียงพอ มันจะดีตราบเท่าที่เขาสามารถระบุจุดหนึ่งจุดใดใน 3 มหาทวีป
“อืมม โอ๊ะ จริงสิ มีตำแหน่งปรากฏขึ้นบนธงสวรรค์ปัญจธาตุของข้า” เธอพูดอย่างมีความสุขกับชิงสุ่ย
“โอ้ ช่างรวดเร็วนัก?”
“มันก็ไม่ได้รวดเร็วเหมือนกับของเจ้า มีอะไรแปลกงั้นหรือ?” เธอมองไปที่ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยไม่สามารถตอบได้ เขามีดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาไม่รู้ว่าหญิงผู้นี้มีสมบัติที่น่าอัศจรรย์บ้างไหม
“ท่านกำหนดตำแหน่งไว้ที่ใด?” ชิงสุ่ยหวังว่าเธอจะไม่ได้กำหนดมันไว้ที่มหาทวีปธรรมไตรเช่นกัน อย่างไรก็ตามมหาทวีปธรรมไตรเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด ดังนั้นเขารู้สึกว่าโอกาสที่เธอจะตั้งไว้มีสูงมาก
“ข้าได้กำหนดไว้ที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตก จริงๆแล้วธงสวรรค์ปัญจธาตุของข้าสามารถกำหนดได้เพียงที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตก” เธอกล่าวอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขมาก หลังจากคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็รู้ถึงปัญหา มันอาจขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาอาศัยอยุ่ที่ไหนนานสุดในชีวิตหรืออาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของคู่ธงสวรรค์ปัญจธาตุด้วย ตัวอย่างเช่นหลังจากที่ตั้งธงสวรรค์ปัญจธาตุอันหนึ่งแล้ว เช่นนั้นจะไม่สามารถตั้งธงสวรรค์ปัญจธาตุไว้ที่เดียวกันได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกมีความสุขหรือไม่ ตำแหน่งต่อไปที่เขาจะตั้งอาจจะอยู่ใน 5 มหาทวีปหรืออีก 3 มหาทวีป ชิงสุ่ยรู้สึกมีความหวัง มันจะดีที่สุดถ้าเขาสามารถกำหนดตำแหน่งในโลก 9 มหาทวีปได้
บางทีในอนาคตพวกเขาอาจจะสามารถกำหนดให้อยู่ในตำแหน่งเดียวกันหรือสถานที่ที่ไม่ไกลจากกันมากนัก นั่นอาจเป็นไปได้
“เอาหล่ะ มันจะง่ายสำหรับข้าหากต้องการกลับไปที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตกในอนาคต เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะคิดถึงท่านปรมจารย์ป้าเป็นคนแรก” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“มันดีสำหรับเจ้า แต่ข้านั้นไม่สามารถไปที่ใดได้” เธอบ่นอุบอิบ
“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นหรือ? เมื่อมีโอกาสเหมาะ ท่านสามารถไปเที่ยวชมรอบ 5 มหาทวีปได้” ชิงสุ่ยยิ้มและตอบกลับ
“อืมม ถ้ามีเวลา ข้าจะไปที่นั่นและมองดูโลก 5 มหาทวีปที่ไม่เคยไปมาก่อน”
ชิงสุ่ยหยิบคันเบ็ดตกปลาทองคำบริสุทธิ์ออกมาและเดินลงไปในน้ำพร้อมกับเธอ พวกเขาเดินลงไปถึงจุดที่ลึกเล็กน้อย
ย้อนกลับไปเขาเคยจับกบมรกตตรีเนตรเมื่อตอนที่อยู่กับติ๊เฉิน ตอนนี้มีพวกมันบางส่วนอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ รวมทั้งราชสีห์หยกที่เขาจับมาก่อนหน้า ร่างกายของราชสีห์หยกถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่าและเขาได้สะสมพวกมันไว้จำนวนมาก ราชสีห์หยกมีความงดงามยิ่งกว่ากบมรกตตรีเนตร มันน่าเสียดายที่พวกมันไม่ได้เป็นสัตว์อสูรและถือเป็นเพียงสัตว์อสูรสมบัติ
“ชิงสุ่ย คันเบ็ดของเจ้าดูดีทีเดียว!” เธอมองไปที่คันเบ็ดตกปลาทองคำบริสุทธิ์ในมือของชิงสุ่ย
“อืมม มันเป็นของที่น่าพึงพอใจ มันช่วยให้ข้าจับหลายสิ่งหลายอย่างได้” ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาตอบ
“โอ๊ะ เจ้าจับอะไรได้บ้าง? ฟังเจ้าพูดแล้วสิ่งที่จับได้คงดีไม่น้อย ดูเหมือนว่าคันเบ็ดอันนี้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว”
“เช่นนั้นกบมรกตตรีเนตรและราชสีห์หยกนับรวมด้วยหรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“ใช่ แน่นอนว่านับพวกมันด้วย!” เธอประหลาดใจมาก
“โอ๊ะ จริงสิ ครั้งแรกที่มาที่นี่ ข้าก็จับคู่ปลาชีพนิรันดร์ได้” ตอนนี้บางอย่างชิงสุ่ยสามารถพูดออกไปได้ นอกจากนี้หญิงผู้นี้ก็ไม่ถือว่าเป็นคนนอก
“ปลาชีพนิรันดร์ แถมยังมีสองตัวงั้นหรือ?” เธอมองชิงสุ่ยด้วยท่าทางอันประหลาดใจ
“ถูกต้อง หยวนเอ๋อและลู่หยานทั้งคู่ต่างก็ได้เห็นมัน” ชิงสุ่ยไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงดูตกใจมาก
สิ่งที่ทำให้เธอตกตะลึงคือการที่ปลาชีพนิรันดร์ไม่เพียงแต่จะเพิ่มอายุขัยให้ แต่มันยังแสดงถึงความหนักแน่นในความสัมพันธ์ของคนผู้นั้น คนที่สามารถจับตัวพวกมันคือผู้ที่ยึดมั่นในความรักและมีความรู้สึกอันแรงกล้าต่อรักและความใคร่ นอกเหนือจากนี้ถ้าจับพวกมันได้อาจทำให้หญิงบางคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงตกหลุมรัก มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะได้เป็นสามีภรรยาหรือแม้กระทั่งเนื้อคู่กัน
เธอคิดถึงตัวเอง แต่แล้วเธอก็รีบส่ายหัวสลัดความคิดออกอย่างรวดเร็ว มันเป็นไปไม่ได้ ในชีวิตนี้เธอถูกกำหนดให้ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวตลอดไป แม้ว่าเธอจะมีชายสักคน เธอก็จะเป็นอันตรายต่อเขา
“มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยเห็นว่าเธอดูจะประหลาดใจมากยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ เธอดูราวกับวิญญาณหลุดลอยไป
“ไม่มีอะไร ตกปลากันเถอะ ข้าทนรอกินสิ่งที่เจ้าทำไม่ไหวแล้ว”
ภายในเวลาอันรวดเร็ว ชิงสุ่ยจับตะพาบน้ำได้ สิ่งที่สำคัญคือไม่เพียงแต่พวกมันจะรสเลิศเท่านั้น แต่พวกมันยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่มาก จากนั้นเขาก็จับปลาเฉา กุ้ง และปูได้บางส่วน เมื่อรู้สึกว่าเพียงพอแล้ว ชิงสุ่ยก็หยุดมือ
ชิงสุ่ยหยิบอุปกรณ์ออกมาและเริ่มลงมือทำที่ชายหาด
ชายหาดที่นี่สะอาดมากและอากาศดี แม้จะเดินเท้าเปล่าบนทรายก็ยังรู้สึกสบาย ห่างออกไปมีนกนางนวลบินอยู่ แต่พวกมันไม่ได้เข้ามาใกล้กับคฤหาสน์ไผ่ทะเลใต้ ดังนั้นจึงไม่มีร่องรอยของขนนกหรือของเสียจากพวกมันเลย
กลิ่นหอมมหัศจรรย์ลอยฟุ้งออกมาอย่างรวดเร็ว เขาทำอาหาร 4-5 จาน มีทั้งซุป ของปิ้งย่าง และอาหารทะเลสดๆ นอกเหนือจากเครื่องปรุงรสของชิงสุ่ยแล้วรสชาติเดิมๆของพวกมันถือว่ายอดเยี่ยมจริงๆ
“จริงสิ เจ้าช่วยสอนเคล็ดวิชาของเจ้าให้ข้าได้หรือไม่? หนึ่งในหยวนเอ๋อหรือลู่หยานน่ารู้จัก” เธอถามขณะที่กิน
“โอ๊ะ… ข้าไม่สอนเคล็ดวิชาใดให้กับคนภายนอกและสอนให้เพียงผู้ชายเท่านั้น ถึงแม้ว่าผู้ที่ขอจะเป็นภรรยาหรือพี่สาวน้องสาวก็ตาม…” ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอหมายถึงทักษะย่างก้าว 9 เทวา เมื่อเห็นท่าทีอันนิ่งสงบของเธอ ชิงสุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเธอ
เธอไม่ได้พูดอะไรและกินอาหารต่อไป
“ท่านโกรธข้างั้นหรือ? ข้าแค่ล้อเล่น ข้าจะสอนให้ท่านภายหลัง” ชิงสุ่ยมักใช้วิธีนี้เสมอเมื่อหญิงของเขาดูผิดปกติไป สำหรับเธอมันเป็นสิ่งที่กะทันหันและเขาไม่ได้ตั้งใจใช้มัน
“ข้าไม่ได้โกรธ ข้าแค่กำลังงุนงง…” เธอหัวเราะ
หลังจากกินอาหารค่ำ ชิงสุ่ยได้สอนเธอถึงรูปแบบย่างก้าวคราเดียวและรูปแบบย่างก้าวคู่ เธอมีพื้นฐานที่ดีและมีความรู้ เธอสามารถเข้าใจถึงสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว การแสดงออกของเธอด้านความสามารถดูแล้วคล้ายคลึงกับชิงหมิน
ในการสอนนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการสัมผัสกันทางกาย อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้คิดเลย นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังได้เว้นระยะห่างเป็นครั้งคราว มันไม่ใช่เพราะเขาจิตใจไม่เข้มแข็งพอ แต่ความงามของเธอนั้นยากที่จะปฏิเสธได้ นอกจากนี้ส่วนใหญ่แล้วเธอจะเป็นฝ่ายเข้าหาชิงสุ่ย ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยจะถูกหยอกล้อและใช้ประโยชน์ เช่นนั้นเขาจึงรู้สึกแปลกๆกับมัน
“ท่านปรมจารย์ป้า ท่านรู้หรือไม่ว่านิกายพุทธองค์ทองคำ สันเขาราชันย์ราชสีห์ และตระกูลเป่ยถังอยู่ที่ใดในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก?”
บทที่ 1304 – องค์หญิงใหญ่ปลดปล่อยความเหงา ฟื้นฟูร่างกาย
เธอส่ายหัวหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกเลยจริงๆ เป็นไปได้ว่าที่นี่พวกเขาไม่ได้มีชื่อเสียง อีกอย่างข้าคิดว่าเจ้าจะรู้เรื่องพวกเขา เจ้าอยู่ที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตกนานถึง 2 ปีแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพวกเขาได้อย่างไร!”
“ถูกต้อง พวกเขาอาจอยู่ที่จักรวรรดิระดับหนึ่งหรือสอง” ชิงสุ่ยส่ายหัวเอื่อยๆ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เขายังไม่ละความสนใจไป อย่างน้อยเขาก็ต้องการให้นิกายรูปแบบอมตะช่วยเขาตามหาพวกนั้น
จากเรื่องทั้งหมดพลังธรรมดาทั่วไปภายในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเกรงขามเมื่อพวกเขาไปที่ 5 มหาทวีป อย่างไรก็ตามมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไปถึง 5 มหาทวีปและทำอะไร ไม่มีสิ่งไหนสำคัญไปกว่าการมีชีวิตรอด นี่เป็นกฏข้อหนึ่ง เชื่อว่าพวกเขาเองก็ตระหนักถึงจุดยืนของตัวที่มีอยู่ทุกวันนี้ ภายในเวลา 5 ปี ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาล ถ้าใครที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเป่ยถังปรากฏตัว ชิงสุ่ยจะไม่ลังเลที่ต้องฆ่าพวกเขา
ในช่วงเวลานี้จะดีที่สุดถ้าเขาสามารถหาตระกูลเป่ยถังเจอ เขายังคงพยายามมองหานิกายพุทธองค์ทองคำตามแต่สะดวก ครั้งหน้าเขาอาจจะพาเจ้าอ้วนน้อยไปด้วยและให้นำนิกายพุทธองค์ทองคำมาที่นี่ แน่นอนว่าเขาต้องหาที่ตั้งของนิกายให้ได้เสียก่อน
“เจ้ามีความบาดหมางกับพวกเราหรือ?” เธอถามหลังจากคิด
“ถูกต้อง ข้ากังวลว่าพวกเขาจะมุ่งหน้ากลับไปยัง 5 มหาทวีป ดังนั้นข้าจึงวางแผนที่จะควบคุมแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาล” ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากที่คิดสักพัก
“การควบคุมแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาลเป็นสิ่งที่ไม่ได้ยากสำหรับเจ้า แต่เดิมมันถูกควบคุมโดยนิกายที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก” เธอกล่าว
ชิงสุ่ยตัดสินใจแล้ว เขาเลือกที่จะกลับไปยังสำนักสวรรค์เร้นลับ ในอนาคตแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาลจะใช้เพียงเคลื่อนย้ายคนจาก 5 มหาทวีปมายังมหาทวีปอู่เซียตะวันตกเท่านั้น มันไม่ควรอนุญาตให้ใครจากมหาทวีปอู่เซียตะวันตกไปที่นั่น
ชิงสุ่ยจะพักที่นี่ประมาณหนึ่งหรือสองคืน ไม่ว่าความตั้งใจของเขาจะเป็นอย่างไร เขาก็จะทิ้งของบางส่วนรวมถึงเครื่องปรุงไว้ให้เธอ
เช้าตรู่ชิงสุ่ยใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาและออกเดินทางไป ตลอดเวลาเขาไม่พบทั้งอวี้ลู่หยานและถานท่ายหยวน พวกเธอออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยืนยันได้
ด้วยทักษะย่างก้าว 9 เทวา การเดินทางกลายเป็นสิ่งที่สะดวกสบายมาก การใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวากว่า 20 ครั้งในแต่ละวันเทียบเท่ากับการเดินทางเป็นเวลา 1 เดือนบนหลังของสัตว์อสูรบินได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับชิงสุ่ยที่จะเดินทางไปมาข้ามทวีป
ชิงสุ่ยไม่ได้มุ่งหน้าไปยังมหาทวีปราชันย์เหนือฟ้าเมื่อตอนที่เขาอยู่ใน 5 มหาทวีป เขาไปที่นั่นเพียงครั้งเดียวและใช้เวลาประมาณ 3 วัน ระยะทางระหว่าง 5 มหาทวีปไม่ใช่สิ่งที่สามารถขัดขวางชิงสุ่ยได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่สามารถหยุดยั้งเขาคือระยะทางระหว่าง 3 มหาทวีปและระยะห่างจากมหาทวีปอู่เซียตะวันตกไปถึง 5 มหาทวีป ตอนนี้เขามีธงสวรรค์ปัญจธาตุแล้ว สิ่งต่างๆกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นหลายเท่า
ทุกสิ่งทุกอย่างดูราวกับเป็นเรื่องบังเอิญ นี่ควรเรียกว่าเป็นการคัดสรรตามธรรมชาติหรือสิ่งที่เป็นไปโดยธรรมชาติ
หลังผ่านไปสิบกว่าวัน ชิงสุ่ยก็กลับมาถึงสำนักสวรรค์เร้นลับอีกครั้ง ในครั้งนี้คนแรกที่เขาพบอย่างประหลาดใจเป็นองค์หญิงใหญ่ เขาพบกับเธอระหว่างทางและรู้สึกทึ่ง มันดูเหมือนว่าเธอจะสลัดความเหงาทิ้งไปได้แบบรวดเร็ว
“เจ้ากลับมาแล้ว!” องค์หญิงใหญ่ดูเหมือนจะมีความสุขเมื่อเห็นชิงสุ่ย
กลิ่นอายรอบตัวองค์หญิงใหญ่เปลี่ยนไปและความแข็งแกร่งของเธอก็เพิ่มมากขึ้น แต่ตอนนี้ยังมีระยะห่างขนาดใหญ่ระหว่างเธอกับชิงสุ่ยอยู่ อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งในปัจจุบันขององค์หญิงใหญ่ก็สูงกว่าฟู่เหยียนเทียนแล้ว
เธอยังดูงดงามเหมือนปกติ เธอสวมชุดสีขาวหิมะเรียบๆธรรมดาในวันนี้ เสน่ห์ของเธออาจทำให้ใครก็ตามตกหลุมรักเธอได้ ดวงตาของเธอเป็นประกายมองดูเหมือนดั่งเทพธิดา เมื่อเทียบกับอีเย่เจี้ยนเก้อ เธอดูมีชีวิตชีวาและมีกลิ่นอายอันสง่างาม
ปราศจากคำพูดใดๆ ชิงสุ่ยโผเข้ากอดตัวเธอ “ท่านออกมาข้างนอกเพียงลำพังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“เมื่อเร็วๆนี้!”
“ข้าเองก็เพิ่งกลับมาถึงเช่นกัน” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
องค์หญิงใหญ่เงยหน้าขึ้นมองชิงสุ่ย เธอยื่นมือออกไปจับใบหน้าของชิงสุ่ย เขาสังเกตเห็นการแสดงออกที่แตกต่างไปจากเดิมของเธอ ดวงตาของเธอดูเหมือนต้องการบอกบางอย่าง
“ซูหนี่ มีอะไรงั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้น?” ชิงสุ่ยถามด้วยความกังวล
“ไม่มี ข้าแค่เพียงอยากเจอหน้าเจ้าเท่านั้น” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว หากว่าท่านอยากเล่นซุกซนกับข้า ข้าก็จะช่วยให้ท่านสมหวัง” ชิงสุ่ยพยายามแกล้งเธอ
“ใครจะอยากเล่นกับเจ้า คนไร้ยางอาย!” องค์หญิงใหญ่ฉวยโอกาสหยิกไปที่ใบหน้าของชิงสุ่ยทันที เธอเผยร้อยยิ้มจางๆออกมา
“พวกเขาอยู่ที่ไหน?” ขณะที่เดินไปทางคฤหาสน์ ชิงสุ่ยกุมมือเธอและถาม
“พวกเขาน่าจะอยู่ที่คฤหาสน์! ไปเยี่ยมพวกเขากันเถอะ ทำไมเจ้าถึงไม่ปล่อยมือข้าหล่ะ?” องค์หญิงใหญ่กล่าวขณะที่มือของเธอสั่น
“มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ? ทำอย่างกับว่าพวกเขาไม่รู้ ท่านยังคงอายอยู่เสมอแม้ว่าเราจะเป็นสามีและภรรยากันแล้ว” ชิงสุ่ยจับเธอไว้แน่น มันเหมือนกับว่าเขาไม่อยากปล่อยเธอไป
มันไม่สำคัญว่าองค์หญิงเจ็ดชอบเขาหรือไม่ ระหว่างเขาและองค์หญิงใหญ่จะไม่มีอะไรเปลี่ยน ในเวลาเดียวกันองค์หญิงเจ็ดก็จะไม่พยายามเอาตัวเองเข้ามาพัวพัน นี่เป็นบางสิ่งที่ไม่สามารถใช้กำลังบีบบังคับได้
องค์หญิงใหญ่จ้องมองไปที่ชิงสุ่ยผู้ที่เริ่มหยิ่งผยองมากขึ้น เธอเดินตามเขาไปที่ลาน อันที่จริงแล้ว ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไป พวกเขาก็เห็นหญิงสาว 3 คนกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ!”
ชิงซารีบวิ่งไปหาพวกเขาอย่างมีความสุข เธอเอามือคล้องไปที่รอบคอของชิงสุ่ยและยิ้มขณะมองเขา จากมุมมองของคนอื่นๆ มันดูเหมือนจะเป็นรอยยิ้มที่จางๆ ชิงซาไม่เคยหัวเราะดังเช่นนี้มาก่อน แม้แต่เวลาที่เธอยิ้มกว้างก็เป็นสิ่งที่สามารถนับครั้งได้
ชิงสุ่ยยิ้มขณะมองดูลูกสาวบุญธรรมของเขา เขาชอบที่จะมอบความอบอุ่นให้กับเธอและรู้สึกมีความสุขโดยเฉพาะเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นรอยยิ้มของเธอ เขาพบความสงบภายในใจ สิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตา เหมือนกับตอนที่เขาเจอกับหลวนหลวน
ชิงสุ่ยอุ้มเธอขึ้นและวางเธอลงหลังจากหมุนเธอไปรอบๆ 2 ครั้ง ทุกคนต่างก็ทักทายกันและกันพร้อมกับเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
ก่อนหน้านี้เมื่อชิงสุ่ยจับมือกับองค์หญิงใหญ่เดินมาที่นี่ สายตาของเขาจ้องมองไปที่องค์หญิงเจ็ด เขาไม่เห็นการแสดงออกแปลกๆจากเธอ ตรงกันข้ามดูเหมือนว่าเหยียนจินยวี้จะพูดอะไรไม่ออก อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาดังกล่าวหายไปอย่างรวดเร็วพอสมควร
ชิงสุ่ยไม่ทราบวิธีการที่สำนักสวรรค์เร้นลับใช้เพื่อช่วยเพิ่มพลังขององค์หญิงใหญ่ ตอนนี้มันเกือบจะถึง 4,000 สุริยาแล้ว ดูเหมือนว่าสำนักสวรรค์เร้นลับจะยังคงมีสิ่งที่เก็บงำเอาไว้
“ชิงสุ่ย เจ้ารู้สึกทึ่งในพลังของข้าหรือไม่? นี่คือมรดกที่สืบทอดกันมาในนิกาย มรดกที่สืบทอดกันมานี้สามารถใช้ได้เพียงทุกๆ 500 ปีเท่านั้น” องค์หญิงใหญ่มองไปที่ชิงสุ่ย เพราะเขาหันมามองเธออยู่หลายครั้ง เธอสามารถบอกได้ว่าเขากำลังวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของเธอ
“แน่นอน มันช่างยอดเยี่ยม!” แม้ว่าชิงสุ่ยจะรู้ว่าผู้อาวุโสสุยและผู้อาวุโสเฉาจะพยายามอย่างเต็มที่ เขาก็ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะทำถึงขนาดนี้ เขารู้สึกมีความสุขมากจริงๆ
“โอ๊ะ จริงสิ มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งซึ่งกำลังจะหมดอายุขัย ท่านกำลังจะถ่ายทอดลมปราณให้กับข้า” องค์หญิงใหญ่มองไปที่ชิงสุ่ยอีกครั้ง
“ถ่ายทอดลมปราณ……”
ชิงสุ่ยนึกถึงนักปราชญ์สุขสำราญ การถ่ายทอดลมปราณมีอยู่ 2 ชนิด ชนิดแรกคือการถ่ายลมปราณเพียงเล็กน้อย มันเป็นเหมือนกับการสร้างรากฐาน ส่วนอีกแบบหนึ่งเขาจดจำได้อย่างแม่นยำถึงตอนที่ถ่ายทอดลมปราณกับนักปราชญ์สุขสำราญ การถ่ายทอดลมปราณอีกอันนี้เกี่ยวข้องกับอายุขัยที่ใกล้จะหมดหรือไม่สามารถยืดอายุขัยได้อีกและกำลังเข้าสู่ความตาย มันเป็นการถ่ายทอดลมปราณที่คล้ายคลึงกับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาการต่อสู้ให้กับผู้อื่น
การถ่ายทอดลมปราณนื้ทรงพลังมาก แต่ก็มีความเสี่ยงสูง สาเหตุของความเสี่ยงนี้คือถ้าคนที่กำลังรับพลังอ่อนแอเกินไปพวกเขาอาจไม่สามารถทนต่อมันได้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ดูดซับความแข็งแกร่งเอาไว้ทั้งหมด เมื่อถึงจุดอิ่มตัวแล้วพวกเขาก็จะไม่สามารถดูดซับได้อีกต่อไป พลังที่หลงเหลืออยู่ภายในร่างกายของพวกเขาก็จะกลายเป็นอันตรายต่อพวกเขาเอง
ผู้อาวุโสซึ่งองค์หญิงใหญ่กล่าวถึงอาจเป็นชนิดหลัง เนื่องจากอายุขัยของผู้อาวุโสกำลังจะสิ้นสุดลง ชิงสุ่ยขมวดคิ้วและกล่าว “นี่อาจเป็นอันตรายได้”
“ข้ารู้ แต่ข้าเพิ่งผ่านการสืบทอดมรดกมาเมื่อเร็วๆนี้ มีพลังอันลึกลับไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของข้า มันจะช่วยลดความเสี่ยงให้น้อยลงที่สุด นอกจากนี้ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ ความเสี่ยงก็จะยิ่งเล็กน้อยลง” องค์หญิงใหญ่อธิบายเมื่อเห็นว่าชิงสุ่ยกังวล
ชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไร เขาจ้องมองไปที่องค์หญิงใหญ่
ทันใดนั้นอวี้ซูหนี่ก็ถึงกับตื่นตระหนกและรู้สึกกลัวเล็กน้อย ขณะที่เธอจ้องไปที่ชิงสุ่ย เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสงบสติอารมณ์ลงและกล่าวช้าๆว่า “แต่เดิมผู้อาวุโสเตรียมพร้อมที่จะถ่ายทอดลมปราณอยู่แล้ว ข้าเกลียดการถ่ายทอดลมปราณ ข้าไม่ต้องการปล่อยให้ท่านตายเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งของท่าน แต่ผู้อาวุโสได้ตัดสินใจแล้วด้วยตัวเอง ท่านรู้สึกว่าเวลาของตัวเองใกล้หมดลงแล้วและคงมีชีวิตอยู่ได้มากที่สุดแค่ปีเดียว”
“ระวังตัวให้มาก ข้าจะใช้เวลา 2 วันนี้เพื่อช่วยให้ร่างกายของท่านฟื้นตัวและคงความแข็งแกร่งของท่านเอาไว้” ชิงสุ่ยกล่าวและยิ้ม
“เจ้าโกรธงั้นหรือ?” นี่เป็นครั้งแรกที่องค์หญิงใหญ่ถามอะไรแบบนี้
“ทำไมท่านถึงถาม?”
“เจ้ารู้สึกว่าข้าทำทุกอย่างเพื่อความแข็งแกร่งงั้นหรือ?” องค์หญิงใหญ่ไม่แม้แต่จะกะพริบตา
“ทุกคนต่างก็หลงใหลในความแข็งแกร่ง ข้าแค่กังวลว่าท่านจะทำให้การฝึกตนของตัวเองด้อยลง ถ้าหัวใจของท่านไม่นิ่ง ความแข็งแกร่งของท่านก็จะไม่คงที่ ด้วยสิ่งนี้เมื่อท่านกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมากขึ้น ท่านจะสูญเสียการควบคุมตัวเองได้ง่ายมาก รวบรวมสติเอาไว้ อย่าให้ตัวเองตกอยู่ในวังวนแห่งการใฝ่หาความแข็งแกร่ง” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
“ข้าเข้าใจ ขอบคุณ!” องค์หญิงใหญ่ตกตะลึงและตอบกลับด้วยใจจริง
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดอาจส่งผลต่อเธอ อย่างไรก็ตามเขาไม่แน่ใจว่ามันจะส่งผลขนาดไหน
ในตอนกลางคืนชิงสุ่ยให้องค์หญิงใหญ่กลืนยาฟื้นกายาที่ปรับปรุงใหม่ลงไป หลังจากนั้นเขาพยายามช่วยเธอด้วยการฝังเข็มบางส่วน ด้วยเข็มทองคำมันสะดวกในการช่วยกระตุ้นผลของยา อย่างไรผลของยาก็ยังคงมีประสิทธิภาพมาก
พวกเขาอยู่ในห้องนอนขององค์หญิงใหญ่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชิงสุ่ยมาที่นี่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทุกอย่างแตกต่างไปจากเมื่อก่อน ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาได้รับการยืนยันแล้วจากคนอื่นๆ พวกเขายังไม่ได้ดำเนินการในขั้นตอนสุดท้าย
ตอนนี้องค์หญิงใหญ่เปลือยเปล่าจนหมดขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าจะมีเข็มทองคำอยู่ที่ด้านหลังของเธอจำนวนมาก แต่เธอก็ยังดูมีเสน่ห์อยู่เสมอ เรือนร่างสีขาวหิมะของเธอกำลังดึงดูดความสนใจ ขณะที่อยู่ภายในห้อง เขาถูกปลุกเร้าโดยเธอไปจนถึงจุดที่ร่างกายของเขาเริ่มจะลุกโชนเหมือนเปลวไฟ
องค์หญิงใหญ่เอนกายไปด้านข้าง เธอมองชิงสุ่ยด้วยดวงตาอันสวยงาม อย่างไรก็ตามเธอยังยิ้มขณะมองไปที่ชิงสุ่ย ลมหายใจของเธอเริ่มร้อนผ่าวขึ้น
ชิงสุ่ยขบฟันของเขาในขณะที่ช่วยเธอด้วยการฝังเข็ม ในขณะกันองค์หญิงใหญ่ก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของอวัยวะครึ่งล่างของชิงสุ่ย ส่วนนั้นมันยื่นออกมายาวมาก
หลังจากผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง การฝังเข็มทองคำฟื้นฟูร่างกายก็เสร็จสิ้น น่าประหลาดใจที่ผลออกมาดีผิดปกติ การฝังเข็มทองคำฟื้นฟูร่างกายจะไม่ช่วยยกระดับพลัง เป้าหมายหลักของมันคือการเสริมสร้างรากฐานคล้ายกับการหมั่นฝึกฝนพื้นฐาน
นี่เป็นการทำเพื่อทำให้ร่างกายของเธอมีเสถียรภาพมากขึ้นเพื่อรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเช่นเดียวกับภูเขา จุดประสงค์คือเพื่อให้พลังของเธอรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ภายในเส้นลมปราณและกระดูก นอกจากนี้ยังสามารถช่วยยกระดับศิลปะการต่อสู้ขึ้น
“ชิงสุ่ย ทำไมเจ้าไม่พักกับข้าที่นี่คืนนี้!”
เมื่อชิงสุ่ยดึงเข็มทองคำอันสุดท้ายออกเสร็จ เสียงขององค์หญิงใหญ่ก็ดังขึ้น
บทที่ 1305 – เพิ่มพลัง สูตรสำหรับน้ำหอมมรกตทองคำ ค่าประสบการณ์ 10 ล้านของยาเม็ดชีพหวนคืน
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินคำพูดขององค์หญิงใหญ่ มันเป็นตอนที่เขาเพิ่งเอาเข็มทองคำอันสุดท้ายออก เขายื่นมือออกไปและตบลงบนก้นสีขาวของเธอ
เพี๊ยะ!
อืออออ!
เสียงอันดังฟังชัดนี้อาจทำให้ผู้ที่ได้ยินถึงกับสั่นไหว องค์หญิงใหญ่ร้องเสียงต่ำเครือออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากที่ชิงสุ่ยได้ตบลงบนก้นเธออย่างกระทันหันและแม้ว่ามันจะไม่เจ็บ แต่ก็ยังคงเหลือร่องรอยไว้
“แน่นอนว่ามันฟังดูดีมาก ครั้งหน้าเพียงแค่ถามข้าหลังจากเก็บเข็ม เมื่อพวกเราอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าไม่รู้หรอกว่ามันส่งผลกระทบต่อข้ามากเพียงใด ข้าแทบจะสูญเสียการควบคุม……” ชิงสุ่ยหัวเราะและอุ้มองค์หญิงใหญ่ไป
“ไปที่ห้องน้ำเถอะ!” องค์หญิงใหญ่กระซิบข้างหูของชิงสุ่ย น้ำเสียงของเธอฟังดูกลัวและตื่นตระหนกเล็กน้อย
ชิงสุ่ยเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที ด้านในมีถังขนาดใหญ่เหมือนถังอาบน้ำ มีความยาวโดยรอบประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง มันสูงเกือบถึงหน้าอกของชิงสุ่ย น้ำภายในใสมากจนถึงจุดที่เขาสามารถมองเห็นก้นถังได้อย่างง่ายดาย เขารีบถอดเสื้อผ้าของเขาและกระโดดลงไปพร้อมกับองค์หญิงใหญ่
น้ำในถังมาจากน้ำพุร้อนของสำนักสวรรค์เร้นลับ ชิงสุ่ยรู้สึกผิดปกติเมื่อเขากระโดดลงมา ในขณะนั้นองค์หญิงใหญ่เห็นเรือนร่างของชิงสุ่ย มันทำให้เธอรู้สึกเขินอายและตื่นกลัว
น้ำภายในถังสูงเพียงระดับหน้าอกขององค์หญิงใหญ่ สิ่งนี้ทำให้ดูเหมือนว่าคู่หน้าอกอันกลมกลึงของเธอลอยอยู่เหนือน้ำในช่วงเวลาสั้นๆ บังเอิญพบว่าหัวนมสีชมพูของเธอถูกสัมผัส ด้วยความบังเอิญยอดเนินอกสีชมพูของเธอถูกเผยออกมา
น้ำอันใสสะอาดไม่ได้ขัดขวางการมองเห็นของชิงสุ่ยแม้เพียงเล็กน้อย เขาไม่ได้กระโจนลงไปขย้ำเธอราวกับเสือที่หิวกระหาย ความเป็นจริงเขาแค่ก้าวไปด้านหน้าและกอดเธอไว้
“ทำไมเจ้าไม่ช่วยข้าถูหลังหล่ะ?” ชิงสุ่ยยิ้มอยู่ข้างๆหู
องค์หญิงใหญ่ประหม่าเล็กน้อยและรีบตอบรับคำขอของเขา ชิงสุ่ยปล่อยมือจากเธอและเอนกายแนบขอบถัง เขาโน้มร่างกายลง ไม่นานนักคู่ของเนินอกอันนุ่มนวลก็ถูเบาๆลงมาบนหลังของเขา
องค์หญิงใหญ่ตื่นตกใจ เธอเริ่มถอยห่าง ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอย่างนั้น อย่างไรก็ตามขณะที่เธอกำลังถอยออกมา ชิงสุ่ยก็ขัดขวางและยื่นมือไปคว้าเธอไว้ เขายังไม่ได้พูดอะไร แต่องค์หญิงใหญ่ก็พอจะเดาได้แล้ว บางสิ่งกำลังจะออกมาจากปากของเขา
“ซูหนี่เห็นความยอดเยี่ยมนั่นหรือไม่ ท่านไม่จำเป็นต้องใช้มือเลยและสามารถใช้อกคู่นี้แทนได้?”
“ไม่!” องค์หญิงใหญ่หงุดหงิด เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะขอให้ทำเช่นนั้น มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจจริงๆ
แต่ตอนนี้ชิงสุ่ยไม่สามารถถอยกลับได้ เขาจะต้องตักตวงผลประโยชน์ให้มากขึ้นเพื่ออนาคตเท่านั้น
“ตอนนี้เราเริ่มมันไปแล้ว ท่านต้องเลือกว่าจะใช้สิ่งใด!” ชิงสุ่ยหัวเราะเบาๆ
หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบ ชิงสุ่ยได้รับชัยชนะ “ปิดตาลงเถอะ ถ้าหากท่านไม่กล้ามองดู ข้าจะ……”
ใบหน้าขององค์หญิงใหญ่ร้อนผ่าว เธอค่อยๆก้มตัวลงและกดเนินอกทั้งสองข้างลงไปบนหลังของชิงสุ่ย หลังจากนั้นเธอเริ่มค่อยๆขยับขึ้นและลงไปพร้อมกับมัน
ชิงสุ่ยครวญครางอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เขาร้องออกมาแสดงถึงความรู้สึกสบาย
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งเสียงร้อง……” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยความเขินอายและโกรธเคือง
ชิงสุ่ยสามารถมองเห็นได้ว่าองค์หญิงใหญ่กำลังปิดตาอยู่เล็กน้อย ในขณะที่องค์หญิงใหญ่กำลังเคลื่อนไหวขึ้นลง ชิงสุ่ยก็อาศัยโอกาสนั้นหันกลับไปเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
เช่นนั้นมันจึงเปลี่ยนจากการถูหลังกลายมาเป็นถูหน้าอกของเขา มันผิดพลาดเพราะอวัยวะส่วนล่างของเขากำลังกดลงไปบนตัวขององค์หญิงใหญ่จึงทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ เพราะเหตุนี้เธอถึงลืมตาขึ้นและเห็นว่าชิงสุ่ยหันหน้าเข้าหาเธอ เธอรู้สึกลำบากใจจนถึงกับตีชิงสุ่ยสองครั้ง
ชิงสุ่ยกอดเธอไว้ทันทีและทำให้ตัวเธอเอนไปข้างหลัง องค์หญิงใหญ่ใช้มือของตัวเองจับไปที่ขอบถัง มันทำให้หน้าอกของอัดแน่นเข้าหากัน ขณะนั้นเองชิงสุ่ยก็โน้มใบหน้าลงมาและเริ่มดูดดื่มมันอย่างตะกละ
องค์หญิงใหญ่เริ่มผ่อนคลายตัวเองลงอย่างช้าๆ เธอเริ่มค่อยๆตอบสนองต่อชิงสุ่ยขณะกอดเขา ชิงสุ่ยปลดปล่อยหัตถ์พลิ้วไหวสะเทือนวิญญาณลงบนร่างกายขององค์หญิงใหญ่ด้วยมือทั้งสองข้างของเขา ด้วยความรวดเร็ว เธอรู้สึกประทับใจกับชิงสุ่ยจนถึงจุดที่เธอแทบจะล้มตัวลง
“ซูหนี่ ท่านพร้อมแล้วหรือยัง?”
ชิงสุ่ยทำให้เธอไปถึงจุดสุดยอดครั้งหนึ่งแล้วขณะที่พวกเขายังคงอยู่ในน้ำ
“อื๊อ!” เสียงแหบพร่าดังออกมาจากจมูกของเธอ
ชิงสุ่ยค่อยๆนวดคลึงลงไปที่จุดอันเปียกชุ่มขององค์หญิงใหญ่ที่อยู่ใต้น้ำ องค์หญิงใหญ่ขบฟันขณะมองไปที่ชิงสุ่ย สำหรับผู้ฝึกตน ความเสียวซ่านเพียงเล็กน้อยนี้เป็นสิ่งที่พวกเขายังสามารถแบกรับไว้ได้
ของเหลวสีแดงไหลออกมาจากส่วนที่อยู่ภายในร่างกายของเธอ
ชิงสุ่ยไม่ได้ขยับไปไหน หลังจากนั้นเขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยให้เธอฟื้นตัว ต่อจากนั้นชิงสุ่ยก็บอกถึงเคล็ดวิชาการต่อสู้ มันเป็นเคล็ดวิชาที่สามารถเรียนรู้ได้ง่าย เพียงครู่เดียว เธอก็สามารถทำมันได้
เวลาผ่านไปทีละนิด จู่ๆก็มีปราณปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวพวกเขา มันทำให้เขาประหลาดใจ เขาค้นพบว่าเธอมีเส้นลมปราณสวรรค์!
ชิงสุ่ยตกตะลึง มันเป็น 12 เส้นลมปราณสวรรค์ที่ครอบครองโดยหญิงสาวในภาพโฉมงาม?
หลังจากนั้นก้อนเมล็ดเจ็ดสีก็ส่องสว่าง ในเวลาเดียวกันกลิ่นอายที่น่าเกรงขามก็แผ่ออกมาจากร่างกายขององค์หญิงใหญ่
“ซูหนี่ มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะมาสนุกกัน ข้าจะทำให้ท่านรู้ว่าชายหนุ่มที่น่าลิ้มลองเป็นอย่างไร”
“ข้าเกลียดเจ้า!”
ชิงสุ่ยเริ่มค่อยๆดันเข้าและออกตามจังหวะ องค์หญิงใหญ่คล้องแขนทั้งสองข้างไว้ที่คอของเขาและปล่อยเสียงร้องทุ่มต่ำออกมา ชิงสุ่ยเริ่มเร่าร้อนและไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองจากการกระทบเข้าใส่เธอได้ ส่วนที่บอบบางของเธออัดแน่นไปด้วยอวัยวะของเขา พวกมันผสานเข้ากันอย่างสมบูรณ์
ชิงสุ่ยจ้องมองใบหน้าอันดึงดูดของเธอ แม้ดวงตาของเธอจะดูพร่ามัว เธอก็ยังคงแสดงท่าทีชักชวนอย่างไม่ลดละ
พวกเราออกมาจากห้องน้ำและร่ายรำไปตลอดทางสู่ห้องนอน
เมื่อถึงเวลาที่ห้องเงียบสงบลง มันก็ตกดึกแล้ว องค์หญิงใหญ่แนบติดอยู่กับร่างกายของชิงสุ่ยเช่นเดียวกับปลาหมึก เธอเหนื่อยล้าจนแทบจะหมดแรง
“ซูหนี่ ท่านมีความสุขหรือไม่?” ชิงสุ่ยกระซิบข้างใบหูเธอ
“ข้าไม่รู้!”
“เช่นนั้นพวกเรามาลองกันอีกครั้ง! มันดูเหมือนว่าข้ายังไม่สามารถเติมเต็มให้ท่านได้” ชิงสุ่ยแนบชิดกับเธอ เพราะฉะนั้นด้วยการขยับตัวเล็กๆน้อยๆ องค์หญิงใหญ่ที่แนบชิดอยู่ก็ถึงกับร้องเสียงครวญครางออกมานิดหน่อย
“มีความสุข ข้ามีความสุขจริงๆ หยุดขยับเถอะ ข้าเหนื่อยล้ามาก ข้าไม่ต้องการอะไรอีกแล้วในตอนนี้”
“เช่นนั้นบอกข้าสิ ท่านสบายหรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
“ข้าสบาย!”
……
องค์หญิงใหญ่ถูกชิงสุ่ยบังคับให้พูดถึงสิ่งที่น่าอับอายมากมาย
ชิงสุ่ยรู้สึกพอใจมากขณะมองดูผู้หญิงคนนี้ที่หลับสนิทแล้ว องค์หญิงใหญ่ไม่ได้ดูเรียบเฉยเมื่อเธอหลับ รอยยิ้มจางๆปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ มันดูหมายถึงเธอพอใจ
ตอนนี้ชิงสุ่ยกำลังนอนอยู่บนเตียง เขาจมดิ่งลงสู่จุดตันเถียนภายในร่างของเขาและพยายามที่จะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของก้อนเมล็ดเจ็ดสี
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามความสามารถในการครอบงำของก้อนเมล็ดเจ็ดสีเพิ่มมากขึ้นจากเดิม 20-25 เท่า มันทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขจริงๆ
ด้วยการฝึกตนแบบทวิบ่มเพาะ ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาได้เพิ่มขึ้นทันทีประมาณ 4,500 สุริยา มีโอกาสที่การโจมตีของเขาจะรุนแรงขึ้น 2 เท่า พลังของสงบนิ่งดังภูผาบรรลุถึงระดับ 9,000 สุริยาหรือมากกว่านั้น
การโจมตีด้วยพลังวิญญาณของเขาตอนนี้เกือบถึง 7,000 สุริยา หากรวมเข้ากับโอกาสในการเพิ่มพลังโจมตีขึ้น 2 เท่าหรือเขาใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ พลังของเขาก็จะพุ่งสูงขึ้นถึง 30,000 สุริยา
ชิงสุ่ยเป็นคนที่ได้ก้าวเข้าสู่ประตูเทวะแห่งเต๋า ยิ่งไปกว่านั้นเข้ามีทักษะย่างก้าว 9 เทวา ถ้าเขาใช้มันร่วมกับปราณจักรพรรดิและวชิระสยบอสูร ความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงของเขาก็จะยิ่งน่ากลัวขึ้น
ชิงสุ่ยได้ข้ามผ่านเส้นลมปราณสวรรค์อีกครั้ง มันทำให้เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย บางทีมันอาจจะไม่ใช่แค่หญิงสาวในภาพโฉมงามที่สามารถเข้าถึง 12 เส้นลมปราณสวรรค์ได้เท่านั้น ภาพโฉมงามอาจไม่ได้ครอบคลุมถึงลักษะณะของหญิงสาวทั้งหมด
หลังจากที่คิดสักระยะหนึ่ง ชิงสุ่ยก็โยนความคิดนี้ออกไป เขารู้สึกว่ามันดีที่สุดหากเขาจะปล่อยให้มันไหลไปตามกระแสของตัวเอง
ชิงสุ่ยยังคงกอดองค์หญิงใหญ่เอาไว้จนกระทั่งท้องฟ้าสว่าง ในตอนเช้ารัศสีของแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้อง ชิงสุ่ย ตื่นนานแล้ว อย่างไรก็ตามองค์หญิงใหญ่เพิ่งจะตื่นขึ้น ทันทีที่เห็นใบหน้าของชิงสุ่ย หน้าของเธอก็เริ่มแดงระเรื่อในทันที ตอนเช้าเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชายในการต่อสู้ ธรรมชาติชิงสุ่ยจะไม่มีทางพลาดการฝึกซ้อมช่วงเช้าของเขา
เมื่อชิงสุ่ยและองค์หญิงใหญ่ลงมากินอาหารที่ห้องนั่งเล่น ท่าทีที่ดูอิดโรยของเธอก็ยังคงปรากฏให้เห็นเล็กน้อย เมื่อเห็นมัน หญิงสาวอีกสองคนก็รู้โดยทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นสัญชาตญาณของผู้หญิง นอกจากนี้องค์หญิงใหญ่ยังพยายามหลีกเลี่ยงเขาด้วยความเขินอาย มันช่วยให้ทุกคนยืนยันได้มากขึ้นถึงสิ่งที่พวกเขาคาดเดา
ชิงซาเป็นคนเดียวที่ดูสงบราวกับว่าเธอไม่เห็นอะไร
หลังจากที่ได้กินอาหารแล้ว ชิงสุ่ยบอกพวกเขาว่าจะไปที่ลานประลองสวรรค์เร้นลับและออกไป
ลานประลองสวรรค์เร้นลับ!
“ยินดีที่ได้พบ ผู้อาวุโสทั้งสอง สำนักสวรรค์เร้นลับสามารถควบคุมแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาลได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่ได้ขอบคุณพวกเขาที่ช่วยเหลือองค์หญิงใหญ่ ในความเป็นจริงตอนนี้ไม่จำเป็นต้องขอบคุณพวกเขา เพราะมันจะทำให้พวกเขารู้สึกห่างเหินหากทำเช่นนั้น
“แน่นอน มันไม่มีปัญหาอะไรเพียงแค่การควบคุมแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาล”
“ผู้อาวุโส ข้าต้องการให้แท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาลเปิดทางแก่ผู้คนจาก 5 มหาทวีปเข้ามาเพียงอย่างเดียวเป็นเวลาสัก 20 ปี ข้าหวังว่าผู้คนจากมหาทวีปอู่เซียตะวันตกจะไม่สามารถเดินทางไปที่นั่นได้” ชิงสุ่ยกล่าวกับชายชราทั้งสองหลังจากคิดอย่างรอบคอบ
“นี่เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ข้าจะให้ใครสักคนไปที่แท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาลทันที”
……
ชิงสุ่ยกลับไปทันทีและเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะเพื่อฝึกฝน หลังจากปรับแต่งอาวุธ เขาก็เริ่มปรุงยา มันเป็นเพราะสูตรน้ำหอมมรกตทองคำกำลังจะออกมา
ชิงสุ่ยปรุงมันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วัน ในช่วงเวลาอื่นนอกเหนือจากการปรับแต่งอาวุธ เขาใช้เวลาที่เหลือไปกับการปรุงยา
ติ่ง!
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินเสียงที่งดงาม เขารู้สึกมีความสุขจริงๆ เขาหยุดมือและมองไปที่สูตรที่เพิ่งออกมา
น้ำหอมมรกตทองคำ!
สูตรยา : ปลาดาว หยกอสูร ยาฟื้นฟูขนาดเล็ก ดอกเสาวคนธ์ทองคำ
คุณสมบัติ : ช่วยรักษาบาดแผลและฟื้นฟูโลหิตได้เป็นอย่างดี ช่วยคงความเยาว์วัยและเสริมสร้างผิวหน้า
เขายังคงต้องหาค่าประสบการณ์นับสิบล้านสำหรับสูตรยาต่อไป ยาเม็ดชีพหวนคืน
ชิงสุ่ยผิดหวังเล็กน้อยกับน้ำหอมมรกตทองคำ แต่สำหรับยาเม็ดชีพหวนคืน มันทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้ นอกจากนี้จำนวนค่าประสบการณ์อันมหาศาลยังเป็นตัวบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของยาเม็ดชีพหวนคืนอีกด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น