จำนนรักชายาตัวร้าย 94.2-95.4
ตอนที่ 94-2 ชายผู้นี้จะกำบังแดดฝนให้น...
“ฮองเฮา อีอี…”
เชียนลั่วเฉิงเดินไปหยุดที่เบื้องหน้าฮองเฮา แล้วเรียกขานชื่อจริงของนาง
นางถือกำเนิดมาจากตระกูลฉู่ ไม่ว่าที่ไหนเมื่อ การกระทำและคำพูดทุกอย่างของนางยังคงสวยงามไร้รอยด่างพร้อยเสมอ
แม้กระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตที่ต้องจากโลกนี้ไป ฉู่ฮองเฮายังแต่งกายให้เกียรติตนเองอย่างที่สุด
เชียนลั่วเฉิงเกือบลืมไปแล้วว่าตนไม่ได้พบหน้าฉู่ฮองเฮามานานเท่าไหร่กัน นางนอนหลับอย่างสงบนิ่งอยู่ตรงนี้ ใบหน้านางเรียบเฉย ไม่มีความอาฆาตแค้นแม้แต่น้อย ราวกับนางกำลังนอนหลับก็ไม่ปาน
แต่ทว่ารูปโฉมนาง ยังคงงามเฉกเช่นในอดีตไม่เปลี่ยนแปลง
เชียนลั่วเฉิงไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ฉู่ฮองเฮาจะเลือกวิธีนี้ในการปลิดชีพตนเอง
หลายปีมานี้ ไม่ว่าเชียนลั่วเฉิงจะเย็นชามองข้ามนาง หรือให้ท้ายหลิวกุ้ยเฟยให้หาเรื่องนางอย่างไร ตั้งแต่ต้นจนจบฉู่ฮองเฮาก็ยังคงสงบนิ่งไม่มีสะทกสะท้าน
ดวงตาคู่นั้นที่ผ่องแผ้วสดใสราวสายน้ำของนาง ยังคงทอดมองมาที่เขานิ่งๆ ทำให้เชียนลั่วเฉิงทนไม่ไหวจนต้องเป็นฝ่ายหลบหลีกสายตาในทุกครั้งไป
มาตอนนี้ ดวงตาคู่งามนั้นกลับกลายเป็นกลวงโบ๋ชุ่มไปด้วยเลือด ซึ่งถึงแม้ว่าเลือดจะเหือดแห้งไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อมองดูก็ยังแลดุร้ายน่าหวาดกลัวอย่างที่สุด
นางกำนัลที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายฉู่ฮองเฮากราบทูลว่า
“พระนาง ควักพระเนตรของตนเอง แล้วแตะโลหิตจากดวงพระเนตร เขียนอักษรเลือดที่ประตูตำหนัก…”
ควักดวงตาของตนเอง นางจะต้องเจ็บปวดทรมานมากเพียงไหนกัน!
เมื่อหวนรำลึกถึงวันที่แต่งงานกัน ขณะที่ฉู่ฮองเฮาทำถุงหอมให้กับเขา ไม่ทันระวังถูกเข็มตำที่นิ้วมือ ท่าทางบอบบางจนเกือบจะร้องไห้ออกมาเช่นนั้น ทำให้เชียนลั่วเฉิงเจ็บปวดราวถูกมีดแหลมทิ่มแทงที่ใจ
ฮองเฮา เจ้าแค้นเคืองข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ
นี่เจ้าโทษที่ดวงตาของเจ้ามองคนผิด จึงต้องควักมันออกมาอย่างนั้นหรือ
หรือ…ถึงแม้จะตายไป เจ้าก็ไม่ยินยอมที่จะมองข้าอีกต่อไป
เจ้าหมายความเช่นนี้ใช่หรือไม่
“ฝ่าบาท พระนางทรงมีรับสั่งว่า ตระกูลฉู่จงรักภักดี ไม่มีวันแปรเปลี่ยน ตอนนี้เยี่ยนอ๋องก็ทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ขอฝ่าบาททรงเห็นแก่ความเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี ขอทรงยั้งมือ ปล่อยตระกูลฉู่ด้วยเถิดเพคะ!”
กล่าวจบนางกำนัลผู้นั้นก็โขกศีรษะคำนับฮ่องเต้ และเมื่อนางได้ทูลคำสั่งเสียสุดท้ายของฮองเฮาเรียบร้อยแล้ว นางกำนัลผู้นั้นก็โขกหัวกับบานประตูตำหนักเย็นจนสิ้นใจตายตรงนั้น ฉับพลันบรรยากาศก็ยิ่งเศร้าสลดอย่างที่สุด
มีเพียงหลิวกุ้ยเฟยที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้ เลิกคิ้วหลิ่วตาด้วยความสบายใจอย่างที่สุด นางก็มิอาจปกปิดความเปรมปรีดิ์ยินดีในใจของพระนางไว้ได้
“ฝ่าบาท ฮองเฮาทรง…รับโทษปลิดชีพด้วยพระองค์เองใช่หรือไม่เพคะ”
ตั้งแต่นางเข้าวังมาก็ดำรงตำแหน่งกุ้ยเฟย ถึงตอนนี้สิบกว่าปีแล้ว
ตำแหน่งกุ้ยเฟยนี่ นางเป็นจนเบื่อแล้ว!
หลายปีมานี้ ไม่ว่าเชียนลั่วเฉิงจะรักเอาใจนางอย่างไร แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่ยอมมอบตำแหน่งฮองเฮาให้แก่นางเสียที
หลิวกุ้ยเฟยรู้ดีว่า เป็นเพราะเชียนลั่วเฉิงกังวลใจในตระกูลฉู่ ดังนั้นจึงพิรี้พิไรไม่ยอมยกนางขึ้นเป็นฮองเฮาเสียที
ตอนนี้เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ตายไปแล้ว ฉู่ฮองเฮาก็ปลิดชีพตนเอง ตระกูลฉู่ก็ล้มแล้ว ไม่มีใครมาขวางทางของนางได้อีก ตำแหน่งฮองเฮาควรที่จะเป็นของนางได้แล้ว!
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”
เชียนลั่วเฉิงสั่งสอนหลิวกุ้ยเฟยต่อหน้าธารกำนัล อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
สิบกว่าปีมานี้หลิวกุ้ยเฟยใช้อำนาจบาตรใหญ่ แม้จะไม่มีตำแหน่งฮองเฮาแต่ก็มีฝ่าบาทคอยให้ท้ายมานานแล้ว นางกุมอำนาจวังหลังทั้งหกตำหนัก จึงกลายเป็นฮองเฮาในใจของทุกคนมาช้านาน
วันนี้เกิดออะไรขึ้น
ฝ่าบาท กล่าวสั่งสอนนางโดยไม่ไว้หน้า
หลิวกุ้ยเฟยที่ถูกเชียนลั่วเฉิงกล่าวตำหนิสั่งสอน รู้สึกว่าอารมณ์คุกรุ่นของเขามันช่างเหลวไหลยิ่งนัก
แต่ทว่า แต่ไหนแต่ไรมานางก็มักจะคอยสังเกตสถานการณ์อยู่แล้ว ถึงแม้ว่านางจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดฝ่าบาทจะต้องพิโรธก็ตาม ทว่านางก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าอย่างไรฝ่าบาทก็ยังทรงเป็นเจ้านายที่ใหญ่ที่สุดในวังหลวงแห่งนี้ ซึ่งมิอาจล่วงเกินได้ ดังนั้นหลิวกุ้ยเฟยจึงรีบคุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับเพื่อรับผิด เชียนลั่วเฉิงถึงได้ยอมเลิกรา
แต่ทว่า สิ่งที่เชียนลั่วเฉิงกระทำภายหลังกลับทำให้หลิวกุ้ยเฟยโกรธมาก
เชียนลั่วเฉิงมิเพียงฝังร่างฉู่ฮองเฮาเอาไว้ในสุสานราชวงศ์ แต่งตั้งฉู่ฮองเฮาเป็น ‘เซี่ยวกงเหรินฮองเฮา’ ทั้งยังประกาศอีกว่าเมื่อพระองค์สวรรคตแล้วให้ฝังร่างเคียงข้างร่างฉู่ฮองเฮาอีกด้วย
นอกจากนี้เชียนลั่วเฉิงยังประกาศโทษทัณฑ์ตระกูลฉู่หน้าท้องพระโรง
ฝ่าบาทรับสั่งริบคืนตำแหน่งอ๋องของตระกูลฉู่ รวมทั้งถอดถอนยศตำแหน่งทั้งหมดของลูกหลานตระกูลฉู่และให้เนรเทศสมาชิกทุกคนในตระกูล
สำหรับเยี่ยนอ๋อง จนแล้วจนเล่าเชียนลั่วเฉิงก็ยังคงคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีมูลเหตุมาจากนาง ดังนั้นจึงไม่ยอมปล่อยนาง กระทั่งการตายของฉู่ฮองเฮา พระองค์ก็เหมารวมว่าเป็นความผิดเชียนเยี่ยเสวี่ยเช่นกัน
หากมิใช่เชียนลั่วเฉิงลอบทำร้ายเขา เยี่ยหงก็คงไม่ทำร้ายนางจนบาดเจ็บเป็นตายไม่รู้แน่ชัด ฮองเฮาก็คงไม่หมดอาลัยตายอยากจนฆ่าตัวตายเช่นนี้!
ในสายตาเชียนลั่วเฉิง เชียนเยี่ยเสวี่ยคือลูกอกตัญญู!
ด้วยเหตุนี้ เชียนลั่วเฉิงจึงตัดสินโทษตายให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย
อยู่ต้องพบคน ตายต้องพบศพ! ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดิน ก็จะต้องตามหาเชียนเยี่ยเสวี่ยให้เจอให้จงได้
“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้เป็นการปล่อยเสือเข้าป่านะเพคะ!”
หลังจากที่รู้คำตัดสินของฝ่าบาท หลิวกุ้ยเฟยก็ทั้งเอะอะโวยวายทั้งร้องห่มร้องไห้
ใครจะคาดคิด ครั้งนี้เชียนลั่วเฉิงตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เมื่อเห็นหลิวกุ้ยเฟยร้องไห้ตีโพยตีพายเข้ามากเข้า เขาจึงสั่งให้นางคัด ‘ข้อปฏิบัติแห่งสตรี’ หนึ่งร้อยจบเสียเลย
ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเชียนลั่วเฉิง ทำให้หลิวกุ้ยเฟยจับทางไม่ถูก
สุดท้ายหลิวกุ้ยเฟยจึงเชื้อเชิญปรมาจารย์เยี่ยหงมาช่วยเหลือ เมื่อพบหน้า หลิวกุ้ยเฟยก็ร่ำไห้ระบายเป็นการใหญ่
“ท่านดูสิ ฝ่าบาททรงหมายความว่าอย่างไรกัน ที่ข้าทำเช่นนี้เพราะเป็นห่วงฝ่าบาทนะ!”
“หากท่านไม่วางใจตระกูลฉู่! เช่นนั้นก็ให้คนตามไปสังหารพวกนั้นเสียก็สิ้นเรื่อง!”
ตี้อู่หงเยี่ยกล่าวพลางลูบไล้และพินิจพิจารณาแหวนวงใหญ่บนนิ้วของตนเองไปด้วย
นางมีเรื่องต้องขบคิดอีกมาก ไหนเลยจะมีเวลามาฟังหลิวกุ้ยเฟยพร่ำเพ้อพรรณนาไร้สาระได้
ตี้อู่หงเยี่ยตามล่าหนานกงจื่อหลิงตั้งแต่เมืองอู๋โยวจนมาถึงฉินจื้อนี่ เดิมทีนางคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ จับเจ้านอกคอกนั่นได้
ที่ไหนได้ จู่ๆ หนานกงจื่อหลิงก็หายตัวไปเสียเฉยๆ
แม้กระทั่ง ‘ผงหอมหมื่นลี้’ ของนางก็หายไปด้วย
เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ
ผงหอมหมื่นลี้ จะหมดสรรพคุณได้อย่างไรกัน!
ยิ่งเมื่อนึกถึงคำสั่งประมุขตระกูลหนานกงที่มอบหมายให้นางแล้ว ตี้อู่หงเยี่ยก็ยิ่งปวดเศียรเวียนเกล้าไปกันใหญ่
หากมิใช่นางต้องการจะยืมกำลังเชียนลั่วเฉิงช่วยนางตามหาหนานกงจื่อหลิงละก็ ตี้อู่หงเยี่ยก็ไม่คิดที่จะมาข้องแวะกับคนชั้นล่างพวกนี้ด้วยซ้ำ
และด้วยเหตุนี้เอง เชียนลั่วเฉิงจึงยื่นเงื่อนไขอีกว่า ให้นางจัดการโค่นล้มจักรพรรดิโอสถคนใหม่อวี้หลัวช่าเป็นการแลกเปลี่ยน
เดิมทีตี้อู่หงเยี่ยก็ได้ไม่สนใจอะไรในเรื่องนี้แม้แต่น้อย แต่เมื่อได้ยินว่าแผ่นดินหลัวอวี่ที่มีแต่พวกคนชั้นต่ำพวกนี้อาศัยอยู่ กลับมีคนที่สามารถสำเร็จเป็นจักรพรรดิโอสถได้ นางจึงเกิดสนอกสนใจขึ้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสืบรู้มาว่าอวี้หลัวช่าคนนี้เป็นถึงจักรพรรดิโอสถด้วยอายุเพียงสิบห้าปี ตี้อู่หงเยี่ยก็ยิ่งตกตะลึง
พรสวรรค์เช่นนี้ ต่อให้พลิกชนเผ่าตานทั้งเผ่าเพื่อค้นหามันจะเจอสักกี่คนเชียว
ในปีนั้นเทพธิดาเผ่าตานขึ้นเป็นจักรพรรดิโอสถ ด้วยอายุสิบสี่ปี
ตี้อู่เยียนเอ๋อร์แต่เล็กจนโตเติบโตอยู่ในเผ่าตาน ได้ยินได้เห็นอะไรมากมาย ทั้งยังมีอาจารย์ที่ดีคอยชี้แนะจนเป็นจักรพรรดิโอสถได้ สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับพรสรรค์และสภาพแวดล้อมที่นางเติบโตมาเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ บนผ่นดินลัวอวี่บังเกิดผู้ที่มีทั้งพรสวรรค์และความสามารถที่เหนือกว่าตี้อู่เยียนเอ๋อร์เสียอีก แล้วจะไม่ให้คนอยากรู้อยากเห็นได้อย่างไร!
จากความกระหายอยากที่จะรู้ ตี้อู่หงเยี่ยจึงรับเงื่อนไขของเชียนลั่วเฉิง นางเองก็อยากจะพบอวี้หลัวช่าคนนั้นสักหน่อย
หากอวี้หลัวช่าคนนี้รู้จักว่าอะไรเป็นอะไรแล้วเข้าร่วมกับเผ่าตานละก็ แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งทีเดียว
แต่หากอวี้หลัวช่ามองข้ามความหวังดี ไม่ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อนาง หนทางเดียวนั่นก็คือตาย
ในบ้านเมืองโหดร้ายป่าเถื่อนเช่นนี้ ฆ่าคนตายสักคนนับเป็นเรื่องปกติ
ตี้อู่หงเยี่ยหมายมั่นปั้นมือไว้เช่นนี้ ขอเพียงนางรู้สึกว่าอวี้หลัวช่าเป็นอันตรายต่อนางแม้เพียงนิดเดียว นางก็จะจัดการเด็ดหัวแม่นางน้อยนั่นทันที
“ความหมายข้าก็คือ ข้าอยากเชิญให้ใต้เท้าเยี่ยออกหน้า…”
มองท่าทีหลิวกุ้ยเฟยเช่นนั้น สายตาตี้อู่หงเยี่ยก็ฉายแววดูแคลนออกมาอย่างไม่ปิดบัง
เจ้ามันตัวอะไร!
หรือคิดว่าตนเองมีตัวตนจริงๆ อย่างนั้นหรือ!
ยังไม่รู้จักพึงสำเหนียกฐานะของตัวเอง ถึงขนาดกล้าเรียกใช้ให้ข้าไปสังหารชาวบ้านธรรมดาชั้นต่ำ สกปรกมือข้ายิ่งนัก!
“เรื่องนี้ ข้าจะไม่ช่วยท่าน!”
“คนอื่นอาจจะประจบสอพลอท่าน เอาใจท่าน แต่ข้าไม่!”
ตี้อู่หงเยี่ยตอบปฏิเสธหลิวกุ้ยเฟยไปตรงๆ
รอจนกระทั่งตี้อู่หงเยี่ยเดินออกไป หลิวกุ้ยเฟยถึงกับตบโต๊ะด้วยความโกรธเกรี้ยว
เยี่ยหงคนนี้ ไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย!
หากหูซาอยู่ก็คงดี!
ยิ่งคิดหลิวกุ้ยเฟยก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว แต่ก่อนไม่ว่านางต้องการสิ่งใด เพียงแค่เอ่ยปากกับหูซาคำเดียว หูซาก็จะรับปากในทันที ไม่เหมือนกับเยี่ยหงคนนี้ ที่ไม่เห็นใครในสายตา
น่าโมโหจริงๆ!
ทว่าโมโหก็ส่วนโมโห เรื่องที่ต้องทำก็ยังต้องทำอยู่ดี
ว่าแล้ว หลิวกุ้ยเฟยก็ให้คนสนิทออกไปนอกวัง ใช้เงินจำนวนมากเพื่อเสาะหามือสังหารไว้รับมือกับตระกูลฉู่ นางจะทำให้ตระกูลฉู่ทั้งหมดตั้งแต่เด็กยันแก่ ไปได้แต่กลับมาไม่ได้!
นางจะไม่ให้พวกเขาได้มีโอกาสแว้งกัดนางได้อีก!
ณ บ้านหลังหนึ่งในเมืองหลวงของแคว้นฉินจื้อ ในที่สุดเชียนเยี่ยเสวี่ยก็ฟื้นขึ้นมา
“โอ๊ย…”
เพียงขยับร่างกาย เชียนเยี่ยเสวี่ยก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดแล่นมาจากบาดแผลที่หน้าอก แผลของเนื้อที่ปริแตก เจ็บจนร่างนางสั่นระริก
รู้สึกเจ็บได้
นางยังไม่ตายหรือนี่!
เชียนเยี่ยเสวี่ยลืมตาตื่นขึ้น รอบกายนางมืดดำสนิท
คงเพราะนางขยับตัวทำให้เกิดเสียง เสียงใสเจื้อยแจ้วของเด็กสาวผู้หนึ่งดังแว่วเข้ามา
“พี่เฮ่ออี นางฟื้นแล้ว!”
หลังจากนั้นคนทั้งสองก็เดินเข้ามาหาเชียนเยี่ยเสวี่ย มือเย็นยะเยือกจับชีพจรของเชียนเยี่ยเสวี่ยอยู่ครู่ใหญ่ คนสองคนนั้นจึงกล่าวขึ้น
“อื้ม พิษในร่างนางถูกขจัดออกไปเกินครึ่ง ถือว่ารอดชีวิต! ไม่เสียแรงที่สู้อุตส่าห์สิ้นเปลืองยาวิเศษข้า!”
ฟังจากเสียงเขา น่าจะเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง
เฮ่ออี ใครกัน
“พวกท่าน…เป็นใครกัน”
เชียนเยี่ยเสวี่ยหันหน้าไปตามทิศทางของเสียง โดยหารู้ไม่ว่าเมื่อนางลืมตาขึ้นกลับมองอะไรไม่เห็นเลย
“เหตุใดถึงไม่จุดตะเกียง”
เมื่อได้ยินคำพูดเชียนเยี่ยเสวี่ย หนานกงจื่อหลิงก็มองนางด้วยอาการตื่นตระหนก
“พี่สาว ตอนนี้คือตอนกลางวันนะ!”
ตอนกลางวัน ตอนกลางวัน…
เชียนเย่สวี่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง นางสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ ทว่าสิ่งที่นางเห็นยังคงเป็นเพียงความมืดมิดดังเดิม
“ตาข้า! ตาข้ามองอะไรไม่เห็นอีกแล้ว!”
ตอนที่ 94-3 ชายผู้นี้จะกำบังแดดฝนให้น...
นิ้วมือเรียวยาวของเชียนเยี่ยเสวี่ยจิกผ้าห่มแน่น อากัปกิริยาแสดงถึงความเจ็บปวด
ในเมื่อสวรรค์เมตตาให้นางมีชีวิตรอดมาได้อีกครั้ง แล้วเหตุใดถึงลิขิตให้นางต้องกลายเป็นคนตาบอดด้วย มีชีวิตเช่นนี้ ไม่สู้ตายไปเสียเลยดีกว่า!
“พี่สาว ท่านอย่ากังวลไป วิชาแพทย์พี่เฮ่ออีสูงส่ง เขาจะต้องช่วยรักษาท่านได้แน่!”
หนานกงจื่อหลิงที่อยู่ข้างๆ รีบเข้ามาปลอบโยนเชียนเยี่ยเสวี่ย
แต่ทว่า คำปลอบโยนเหล่านี้สำหรับเชียนเยี่ยเสวี่ยมันไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
นางตาบอด กลายเป็นคนพิการแล้ว นางจะช่วยเสด็จแม่ได้อย่างไร จะสังหารคนเลวพวกนั้นได้อย่างไรกัน!
“ขอโทษด้วย! ข้าขออยู่คนเดียวสักครู่…”
ถึงแม้ว่าสภาพจิตใจเชียนเยี่ยเสวี่ยในตอนนี้จะย่ำแย่ถึงขีดสุดก็ตามที แต่นางก็สามารถควบคุมและปรับอารมณ์ได้ดี รอบกายนางคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต นางจึงมิควรที่จะใส่อารมณ์กับพวกเขา เป็นที่รองรับอารมณ์เกรี้ยวกราดของนางโดยไร้ซึ่งเหตุผล
“หลิงเอ๋อร์เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับนาง”
มองเฮ่ออีอยู่ครู่หนึ่งแล้วเบนสายตาไปที่เชียนเยี่ยเสวี่ย หนานกงจื่อหลิงจึงค่อยพยักหน้าเบาๆ
รอจนกระทั่งภายในห้องเหลือกันเพียงแค่สองคน เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงได้หันหน้าไปทางตี้อู่เฮ่ออี
“ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ บุญคุณนี้ ข้าจะตอบแทนท่านในภายหน้า!”
“แล้วเจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร”
เสียงชายหนุ่มนุ่มนวลน่าฟัง ทว่าคำพูดเขาสำหรับเชียนเยี่ยเสวี่ยแล้วราวกับกำลังค่อนแคะแดกดันนางอย่างไรอย่างนั้น
นั่นสินะ!
นางในตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าตนเองเป็นอะไรกันแน่!
คนตาบอดคนหนึ่ง จะตอบแทนบุญคุณอีกฝ่ายที่ช่วยชีวิตได้อย่างไรกัน!
แต่ทว่า เชียนเยี่ยเสวี่ยมิใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ เสียด้วย
ในมือนางไร้ซึ่งอาวุธ จึงทำได้เพียงแค่กัดแขนตนเพื่อให้เลือดสดๆ สาดกระเซ็นออกมา
“ข้าเชียนเยี่ยเสวี่ยขอสาบาน ตราบที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ จะต้องใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตของผู้มีพระคุณที่อยู่เบื้องหน้าข้าให้จงได้! หากผิดคำสาบาน ขอให้ตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกเลย!”
ตี้อู่เฮ่ออีคิดไม่ถึงว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยจะมีนิสัยที่องอาจแข็งกร้าวถึงเพียงนี้
มองดูเลือดสดที่ไหลรดแขนและข้อมือนางเป็นทาง เขาก็ทอดถอนใจออกมา เขาเพียงแต่ต้องการทดสอบนางเท่านั้น
แค่หญิงสาวคนหนึ่ง ต้องแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ไปทำไมกัน!
“เยี่ยนอ๋อง ข้ามิได้บังคับท่านเสียหน่อย”
เยี่ยนอ๋อง!
ได้ยินเพียงเท่านั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ ‘จ้องมอง’ ไปที่ตี้อู่เฮ่ออีด้วยความหวาดระแวงทันที
“ท่านเป็นใคร ช่วยชีวิตข้ามีจุดประสงค์อะไร”
“เหอะ…”
มองดูท่าทีที่ตระหนกตกใจของเชียนเยี่ยเสวี่ยถึงขนาดนั้น ตี้อู่เฮ่ออีก็ยิ้มออกมา เขาคว้าแขนนางแล้วจัดการทำแผลให้
“ข้าจะทำอะไรเจ้าได้ ข้าเป็นเพียงหมอคนหนึ่งเท่านั้น!”
นิ้วมือตี้อู่เฮ่ออีเย็นเยียบ กลิ่นจอมจางๆ จากสมุนไพรลอยออกมาจากตัวเขา
คงเพราะเชียนเยี่ยเสวี่ยไม่รู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรจากเขา นางจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง
“ในเมื่อท่านคาดเดาฐานะข้าได้ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่า ด้านนอกสถานการณ์เป็นอย่างไร เสด็จแม่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวเช่นนี้ เท่ากับเป็นการยอมรับฐานะตนเอง
ก่อนหน้านี้ ตี้อู่เฮ่ออีเพียงแค่คาดเดาในใจ
นับตั้งแต่ที่เขาช่วยเชียนเยี่ยเสวี่ยมา ทั่วทั้งเมืองหลวงก็เริ่มตรวจค้นเข้มงวด หลังเรื่องที่เยี่ยนอ๋องปองร้ายฮ่องเต้แพร่งพรายออกไป เขาถึงได้ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน เชียนเยี่ยเสวี่ยก็คือเยี่ยนอ๋อง
คิดไม่ถึงว่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง!
เป็นอ๋อง ทว่ากลับเป็นหญิงที่แต่งตัวเป็นชาย ที่แท้แล้วนางเป็นสตรี เหลือเชื่อจริงๆ …
ในเวลานี้ คนที่เชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นห่วงมากที่สุดนั่นก็คือฉู่ฮองเฮา
หลังได้ยินข่าวที่ว่าฉู่ฮองเฮาใช้คุณไสยสาปแช่งเชียนลั่วเฉิง จึงถูกฮ่องเต้จับขังไว้ที่ตำหนักเย็น เชียนเยี่ยเสวี่ยเกิดโมโหขึ้นมาถึงได้ปะทะกับเชียนลั่วเฉิงเข้า
นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ ก็มีคนชื่อหงเยี่ยเข้ามาทำร้ายนางจนบาดเจ็บสาหัส
หากมิใช่นางมีกล่องยาที่อวี้เฟยเยียนให้ไว้ช่วยชีวิต ทำให้นางอดทนจนไปถึงที่แม่น้ำชางหลวนแล้วกระโดดลงไปได้ เกรงว่าคงจะตายอยู่ในวังหลวงแน่แล้ว
นางประมาท…ประมาทเกินไปจริงๆ!
“เจ้าต้องการฟังความจริงหรือคำลวง”
ตี้อู่เฮ่ออีถอยไปด้านข้าง มองดูเชียนเยี่ยเสวี่ย
เมื่อปราศจากชุดอ๋องหรูหราแล้ว ยามนี้เชียนเยี่ยเสวี่ยปล่อยผมยาวสยายทั่วแผ่นหลัง สวมใส่ชุดสีขาว
ใบหน้าสะอาดใสปราศจากการแต่งเติมขาวซีดจากอาการบาดเจ็บ แต่ก็มิอาจบดบังเครื่องหน้างดงามและท่วงท่าที่สง่างามของนางได้เลย
“ความจริง!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น
“ขอให้ท่านกรุณาบอกความจริงแก่ข้า อย่าปิดบังข้า!”
“ดี!”
หลังจากนั้นตี้อู่เฮ่ออีจึงเล่าเรื่องข่าวที่ว่าฉู่ฮองเฮาล้มป่วยจนสิ้นพระชนม์ให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยได้ฟัง
“เป็นไปไม่ได้! เสด็จแม่สุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ดีมาโดยตลอด จะล้มป่วยจนสิ้นพระชนม์ได้อย่างไรกัน!”
“ต้องเป็นเขาที่บีบบังคับเสด็จแม่ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่!”
“เชียนลั่วเฉิง คนสารเลว!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยรีบร้อนจะลงจากเตียง นางจะต้องเข้าวังไปหาเชียนลั่วเฉิง ถามให้กระจ่าง เหตุใดเขาต้องบีบบังคับเสด็จแม่จนตาย เสด็จแม่รักเขาถึงเพียงนั้น เหตุใดเขาถึงไม่ยอมไว้ชีวิต!
ทว่า ความเจ็บปวดแล่นตรงมาจากบาดแผลที่หน้าอก ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดอ่อนยวบลงบนพื้น
ก่อนที่นางจะล้มลงบนพื้น มือคู่หนึ่งก็รับนางเอาไว้ได้ทันท่วงที
“ตัวเองยังเอาไม่รอด จะแก้แค้นได้อย่างไร!”
สิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออีทนไม่ได้ที่สุดนั่นก็คือคนป่วยที่ไม่รักตัวเอง
เขาประคองเชียนเยี่ยเสวี่ยไปที่เตียง ปลดเสื้อนางออก แล้วก็จริงดดั่งที่เขาคาดเอาไว้ ผ้าที่พันบาดแผลของนางเอาไว้ชุ่มด้วยเลือด ทำเอาเขาโกรธเคืองจนน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขึ้นมาทันที
“เชียนเยี่ยเสวี่ย เจ้าฟังข้าให้ดี! ข้ามิใช่เทพเจ้าแห่งต้าหลัว!”
“เจ้าไม่รักตัวเองเช่นนี้ ต่อให้ตายไปก็ไม่มีใครเห็นใจ อีกทั้งเจ้าจะไม่มีโอกาสแก้แค้นให้กับเสด็จแม่ของเจ้ารวมทั้งล้างมลทินให้กับตระกูลฉู่ด้วย!”
ได้ยินดังนั้นเชียนเยี่ยเสวี่ยก็ได้สติกลับคืนมาทันที
จริงสิ!
นางไม่ควรผลีผลาม ไม่ควร!
เชียนเยี่ยเสวี่ยจับมือตี้อู่เฮ่ออีเอาไว้มั่น
“ข้าเชื่อคำท่าน ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าจะต้องแก้แค้น ขอท่านโปรดช่วยข้าด้วย!”
นางจะหุนหันพลันแล่นไม่ได้ นางต้องอดทนเอาไว้!
มีเพียงแต่รักษาร่างกายให้กลับไปแข็งแรงดังเดิม นางจึงจะไปแก้แค้นเชียนลั่วเฉิงและหลิวกุ้ยเฟยได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับว่านางไปตาย!
เห็นเชียนเยี่ยเสวี่ยมีจิตใจที่มุ่งมั่นเช่นนี้ ตี้อู่เฮ่ออีถึงได้วางใจ
หมอช่วยชีวิตคน ที่กลัวที่สุดก็คือคนผู้นั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าความยากลำบากของหมอนั้นสูญเปล่า
หลังจากทำแผลให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยใหม่อีกครั้ง ตี้อู่เฮ่ออี้ก็เห็นว่าสีหน้านางดีขึ้น จึงได้กล่าวแผนต่อไปของตนเองออกมา
“หงเยี่ย”
“ใช่! หากว่าเจ้าต้องการตอบแทนบุณคุณข้าละก็ ข้ามีข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียว นั่นคือช่วยข้าจับตาดูหงเยี่ย ขอเพียงแต่นางยังอยู่ในฉินจื้อ ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของนางข้าจะต้องรู้ อย่างไรเจ้าก็เป็นชาวฉินจื้อ หน้าที่นี้คงไม่ยากสำหรับเจ้า!”
“ท่านมีความแค้นกับหงเยี่ย”
เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่ชอบขี้หน้าปรมาจารย์ที่จู่ๆ ก็โผล่มาคนนี้เป็นทุนอยู่แล้ว
สำหรับนาง หงเยี่ย เชียนลั่วเฉิงและหลิวกุ้ยเฟยเป็นพวกเดียวกัน ไม่ใช่คนดีสักคน!
หากมิใช่หญิงสมควรตายผู้นี้ลงมือฉับพลันละก็ นางจะบาดเจ็บถึงเพียงนี้หรือ นางคงมิต้องกลายเป็นคนตาบอด ไม่อาจได้เห็นหน้าเสด็จแม่เป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ!
ตอนนี้ตี้อู่เฮ่ออีพุ่งเป้าไปที่เยี่ยหง แน่นอนว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยสนับสนุนเกินร้อย!
“อืม ความแค้นตระกูล”
เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างชนเผ่าตานฝ่ายซ้ายและเผ่าตานฝ่ายขวา ตี้อู่เฮ่ออีไม่ได้บอกอวี้เชียนเสวี่ย
ตี้อู่เฮ่ออีได้กลิ่น ‘ผงหอมหมื่นลี้’ มาจากร่างของหนานกงจื่อหลิง เขาจึงติดตามนางมาตลอดทางจนได้พบกับตี้อู่หงเยี่ย
ตี้อู่หงเยี่ยเป็นชาวเผ่าตานฝ่ายขวา สะกดรอยตามนาง ไม่แน่นะว่าอาจจะสามารถตามหารังพวกคนทรยศของชนเผ่าขวาได้!
ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร!
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ตี้อู่เฮ่ออียื่นมือเข้าช่วยเหลือหนานกงจื่อหลิงนั่นเอง!
“ขอเพียงเจ้าทำเรื่องนี้ได้ เท่ากับเจ้าได้ทำตามคำสาบานของเจ้าแล้ว…”
ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวออกมาในขณะที่สายตาเขาก็จ้องมองไปที่บาดแผลที่ข้อมือเชียนเยี่ยเสวี่ย
จริงๆ แล้ว ไม่ว่านางทำตามข้อเรียกร้องของเขาหรือไม่ เขาก็ช่วยนางอยู่ดี
นี่เป็นหน้าที่ของแพทย์ที่พึงกระทำ!
“ตกลงตามนี้!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยตอบรับข้อเสนอนั้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้นางต้องการความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ หากช่าช่าอยู่ก็คงดี!
ด้วยวิชาแพทย์ของช่าช่า ไม่แน่ว่าอาจจะรักษาดวงตานางได้!
ตอนที่ 94-4 ชายผู้นี้จะกำบังแดดฝนให้น...
เชียนเยี่ยเสวี่ยพักผ่อนตลอดบ่าย หลังจากนั้นก็ถูกความหอมกรุ่นที่ลอยเข้ามาแตะจมูกจนพยาธิในท้องทำให้ตื่นในที่สุด
“พี่สาว ท่านตื่นแล้ว!”
หนานกงจื่อหลิงตั้งหมอนหนุนหลังให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยแล้วประคองนางขึ้นเอนนั่ง
“ท่านจะต้องหิวมากแน่ๆ! พี่เฮ่ออีบอกว่ากระเพาะลำไส้ท่านยังอ่อนแออยู่มาก ข้าให้คนต้มโจ๊กมา พี่สาวลองชิมดูสิ!”
ถึงแม้ว่านางจะบอกไม่เห็นรูปร่างหน้าตาหนานกงจื่อหลิง แต่ฟังจากเสียงแล้ว เชียนเยี่ยเสวี่ยก็คาดเดาได้เลยว่า หนานกงจื่อหลิงจะต้องเป็นเด็กหญิงที่งดงามอ่อนหวานเรียบร้อยเป็นแน่!
“ขอบคุณ!”
“พี่สาว ท่านเกรงใจไปทำไมกัน ท่านเรียกข้าว่าหลิงเอ๋อก็พอ ข้าเป็นคนดี พี่เฮ่ออีก็เป็นคนดีเช่นกัน พี่สาวไม่ต้องกังวล พวกเราจะปกป้องท่านเอง!”
หนานกงจื่อหลิงใช้ความรู้สึกแรกในการตัดสินเมื่อจะคบหาใครเป็นเพื่อน
เมื่อตี้อู่เฮ่ออีเตือนเรื่องที่ว่าบนตัวนางมีผงหอมหมื่นลี้ของท่านป้าตี้อู่หงเยี่ยอยู่ หนานกงจื่อหลิงก็โกรธเคืองเป็นอย่างมาก
นึกไม่ถึงว่าตี้อู่หงเยี่ยจะต่ำช้าเช่นนี้ คิดจะตามหาพี่ใหญ่โดยใช้นางเป็นเครื่องมือ!
คนที่จ้องจะเล่นงานพี่ใหญ่ ล้วนแต่เป็นคนชั่วทั้งสิ้น!
หนานกงจื่อหลิงได้รับความช่วยเหลือจากตี้อู่เฮ่ออี จึงรอดพ้นจากการควบคุมของตี้อู่หงเยี่ยมาได้ ดังนั้นนางจึงคิดว่าตี้อู่เฮ่ออีเป็นคนดี
มาตอนนี้ หนานกงจื่อหลิงรู้เรื่องเรื่องที่เชียนเยี่ยเสวี่ยประสบมาจากตี้อู่เฮ่ออี ดังนั้นจึงรู้สึกเห็นอกเห็นใจเชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นอย่างมาก
ถูกพ่อบังเกิดเกล้าของตนบีบบังคับถึงเพียงนี้ น่าสงสารยิ่งนัก!
ด้วยเหตุนี้ หนานกงจื่อหลิงจึงได้คิดถึงพี่ใหญ่ของนางขึ้นมา เพราะนางรู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองช่างเหมือนกันเสียเหลือเกิน
เสด็จแม่ใจไม้ไส้ระกำกับพี่ใหญ่ มาตอนนี้ยังควักหัวใจพี่ใหญ่ไปให้พี่รองเหยียบย่ำ เช่นนี้แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับเสด็จพ่อของเชียนเยี่ยเสวี่ยเลย!
ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่อยู่ที่ใด!
หวังว่าพี่ใหญ่จะไม่อยู่ในฉินจื้อ…
พี่ใหญ่ ท่านอย่ามาที่ฉินจื้อนี่เด็ดขาด ห้ามมาโดยเด็ดขาดนะ!
แต่ทว่า ซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่ที่แคว้นต้าโจวที่แสนไกลมิอาจได้ยินคำภาวนาของหนานกงจื่อหลิง
อวี้เฟยเยียนรับคำท้าประลองวิชาแพทย์กับเยี่ยหงเป็นที่เรียบร้อย ซย่าโหวจวินอวี่ได้ยินข่าวนี้เข้าก็วิตกกังวลใจเป็นอย่างมาก ถึงกับไปหาอวี้เฟยเยียนด้วยตัวเอง จวบจนได้ฟังนางกล่าวว่านางมีความมั่นใจที่จะชนะ ซย่าโหวจวินอวี่ถึงได้วางพระทัย
“เฟยเยียนลูก บางครั้งศักดิ์ศรีก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด! เรายังมีชีวิตอยู่ต่างหากจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด! ขอเพียงเรายังมีลมหายใจ ย่อมมีโอกาสแว้งกัดอีกฝ่ายให้ถึงตายได้ ผิดพลาดครั้งหนึ่งไม่ได้หมายความว่าจะล้มเหลวทั้งชีวิต ชีวิตคนเกิดมาครั้งหนึ่ง ยาวนานนักนะ!”
ในฐานะเป็นผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน ฝ่าบาทจึงได้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้อวี้เฟยเยียนอย่างตั้งใจ
เขาเพียงแต่เกรงว่าคนหนุ่มสาวมุทะลุ ชอบการแข่งขันต่อสู้ รักษาหน้าตา แม้แต่กระทั่งชีวิตก็ถูกนำไปเดิมพันไปด้วย
จะเพื่อตนเองหรือเพื่อส่วนรวม ซย่าโหวจวินอวี่ได้แต่หวังว่าอวี้เฟยเยียนเดินทางไปฉินจื้อคราวนี้ จะปลอดภัยกลับมา
รู้ดีว่าฝ่าบาททรงหวังดีกับตน อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
คำพูดซย่าโหวจวินอวี่ พูดได้ซาบซึ้งกินใจมันแสดงถึงความรักและเมตตา สิ่งที่พูดก็คือประสบการณ์ชีวิตของเขาเอง พูดด้วยความเป็นห่วงอวี้เฟยเยียนจากใจจริง
“ฝ่าบาท ขอทรงวางพระทัย หม่อมฉันจะไม่ทำศึกที่ไม่มั่นใจ หากว่าเกิดสู้ไม่ได้ขึ้นมา จะใช้วิธีรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง เผ่นไว้ก่อนแน่นอน อย่างไรเสียข้าก็เป็นสาวน้อย ถึงแพ้ก็ไม่เสียหน้าอยู่แล้ว!”
“อีกอย่าง ตอนหนุ่มสาวใครไม่เคยทำเรื่องน่าอับอายบ้าง!”
ประโยคสุดท้ายของอวี้เฟยเยียนทำให้ซย่าโหวจวินอวี่ถึงกับหัวเราะออกมา
นางสามารถคิดได้อย่างเปิดกว้างเช่นนี้ ซย่าโหวจวินอวี่คิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ
นางปรับตัวให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์ เยี่ยมจริงๆ!
อย่างไรก็แล้วแต่ เขายังรอคอยหลานชายจากอวี้เฟยเยียนอยู่นะ!
จะมาล้มเหลวเพราะฉินจื้อไม่ได้!
“ฉิงเทียน เจ้าไปเป็นเพื่อนเฟยเยียนนะ!”
สุดท้าย ซย่าโหวจวินอวี่สั่งการซย่าโหวฉิงเทียน
ถึงแม้ว่าเขาจะรักลูกชายคนนี้มาก แต่เยี่ยหงเป็นถึงปรมาจารย์ ทั้งเป็นราชันจักรพรรดิโอสถอีก ฐานะเช่นนี้มิควรไปหาเรื่อง ซย่าโหวจวินอวี่เกรงว่าซย่าโหวฉิงเทียนเดินทางไปที่นั่นแล้วจะหาเรื่อง จนต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่นในที่สุด
แต่ว่า เหมือนเช่นที่ซย่าโหวจวินอวี่เอ่ยก่อนหน้านี้
ลูกบุรุษมิอาจยอมให้สตรีของตนต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเพียงลำพัง เขาจะต้องยืนอยู่เบื้องหน้านาง กำบังแดดฝนให้กับนาง!
ในอดีตซย่าโหวจวิอวี่ไม่สามารถปกป้องคุ้มครองมู่หรงเยียนได้ นับแต่นั้นเขาก็รู้สึกผิดในใจมาโดยตลอด
มาวันนี้เขาจะไม่ยอมให้ซย่าโหวฉิงเทียนเดินตามรอยเขาเป็นแน่
“วางใจเถอะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนหรี่ตาลง ตาเขาฉาบไว้ด้วยไอสังหาร
เป็นแค่ปรมาจารย์เล็กๆ ยังกล้ากำเริบเสิบสาน!
มาเหยียบถึงใต้จมูกเขา!
ในเมื่อเยี่ยหงมีตาแต่ไร้แวว มาหาเรื่องแมวน้อย เช่นนั้นก็ขยี้ให้ตายคามือไปเลยแล้วกัน!
“ข้าจะรอพวกเจ้า!”
หลังจากส่งซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนแล้ว สีหน้าซย่าโหวจวินอวี่ก็เข้มขึ้นอย่างหนักใจ เขาตวัดมือหนึ่งครั้งเป็นเชิงสั่ง ส่งทหารชายแดนกว่าสามแสนคนให้ไปรักษาการณ์ที่เขตแดนของต้าโจวและฉินจื้ออย่างเข้มงวดทันที
“เชียนลั่วเฉิง หากเจ้ากล้าทำร้ายลูกชายลูกสะใภ้ของข้าละก็ ข้าจะทำให้บ้านเมืองเจ้าพังพินาศย่อยยับ ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!”
แคว้นฉินจื้อ
เมื่อเชียนลั่วเฉิงได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการเคลื่อนทัพของซย่าโหวจวินอวี่ ก็โมโหโกรธาด่ากราด
“ซย่าโหวจวินอวี่ เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไรกัน บัดซบ การประลองระหว่างเยี่ยหงและอวี้หลัวช่า เจ้าแส่อะไรด้วยเล่า เจ้าจะงัดข้อกับข้าใช่หรือไม่!”
คนอื่นอาจไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เชียนลั่วเฉิงรู้ดีว่า ระหว่างเขากับเยี่ยหงเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนเท่านั้น
เขาช่วยเยี่ยหงตามหาหนานกงจื่อหลิง เยี่ยหงช่วยเหลือฉินจื้อให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายนี้
ก่อนหน้านี้ที่เชียนลั่วเฉิงคุยโวโอ้อวด ก็เพื่อข่มขู่ต้าโจว
ใครจะรู้ว่าซย่าโหวจวินอวี่เจ้าบ้านี่จะร่วมวงเข้ามาแส่ แล้วทำเรื่องบ้าคลั่งเช่นนี้!
“รบก็รบสิ คิดว่าข้ากลัวเจ้าหรืออย่างไร!”
เชียนลั่วเฉิงคิดจะฮึดขึ้นสู้สักครั้ง ทว่ากลับถูกเสนาบดีหวังห้ามปรามเอาไว้
“ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์อย่าได้ทรงหุนหันพลันแล่น!”
“ต้าโจวเคลื่อนไหวรุนแรงเช่นนี้ แค่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับอวี้หลัวช่าเท่านั้น เพื่อโน้มน้าวอวี้หลัวช่าให้ไปเป็นพวก แท้ที่จริงแล้วอาจจะไม่ได้เจตนาทำศึกแต่อย่างใด หากพระองค์เดินทัพ เรื่องนี้จะยิ่งยุ่งวุ่นวายไปกันใหญ่นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“เสนาบดีหวัง ความหมายของท่านคือ จะให้ข้าทนหรือ ให้ข้าเป็นเต่าหดหัว ยอมแพ้ต่อหน้าไอ้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์งั้นหรือ”
ไม่ว่าอย่างไรเชียนลั่วเฉิงก็มิอาจกล้ำกลืนความอัปยศนี้ลงไปได้จริงๆ
“ฝ่าบาท ใต้เท้าเยี่ยพำนักอยู่ที่นี่เพียงชั่วคราว ช่วยอะไรเราไม่ได้มาก พระองค์อย่าได้ทรงลืมว่าต้าโจวยังมีจอมเทวาอีกคนหนึ่ง มีอวี้เฟยเยียนอีกนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ในฐานะหนึ่งในผู้ที่รู้เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างดี เสนาหวังจึงต้องเตือนสติเชียนลั่วเฉิงอย่างไม่ลดละ
คราวนี้ ทำให้เชียนลั่วเฉิงมีสติกลับคืนครบสมบูรณ์
ต่อให้เยี่ยหงสังหารอวี้หลัวช่า ในตอนท้ายนางก็คงทำท่าทีประจบประแจงแล้วจากไป ตัวเขาต่างหากที่ต้องรับกรรมมาต่อสู้ห้ำหั่นกับซย่าโหวจวินอวี่ อีกทั้งฝ่ายนั้นยังมีจอมเทวาอีกด้วย!
ผู้มีพลังยุทธ์ชาวฉินจื้อที่ลำดับขั้นสูงที่สุดแค่ขั้นราชันเท่านั้น
ขั้นจักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียวก็คือลูกชายเขาเชียนเยี่ยเสวี่ย ซึ่งถูกเขาเล่นงานจนตายแล้ว
แคว้นฉินจื้อ ไร้ผู้สืบทอดเสียแล้ว!
ถึงแม้ว่าในใจจะคั่งแค้นโกรธเคืองเพียงใด เชียนลั่วเฉิงก็ได้แต่อดทนอดกลั้นเอาไว้ ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผู้คนยากจะคาดเดาได้นั่นก็คือ อวี้เฟยเยียนและอวี้หลัวช่าคือคนคนเดียวกัน
หากอวี้เฟยเยียนรู้ว่า ฐานะทั้งสองที่นางสวมเอาไว้เล่นๆ นี้ กลับทำให้ทหารฉินจื้อหวาดกลัวจนต้องถอยร่นละก็ นางจะต้องมีความสุขมากเป็นแน่!
หลังจากที่เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้เรื่องที่ฉู่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว ในคืนนั้นนางก็ไข้ขึ้น สลบไปสามวันสามคืน จนเช้าตรู่วันที่สี่ถึงได้ฟื้นขึ้นมา
หลังจากฟื้นขึ้นมาสิ่งแรกที่นางทำก็คือ ซักถามตี้อู่เฮ่ออีว่าตระกูลฉู่เป็นอย่างไรแล้วบ้างในตอนนี้
ก่อนหน้านี้นางมุ่งความสนใจไปที่เสด็จแม่ จนลืมไต่ถามเรื่องของท่านตาไป ในตอนนี้เพิ่งคิดขึ้นมาได้
มองดูเชียนเยี่ยเสวี่ยที่หน้าตาซูบซีดผ่ายผอมลงไปมาก ตี้อู่เฮ่ออีก็ได้แต่ทอดถอนใจออกมา
“ตระกูลฉู่ถูกเนรเทศไปอยู่ที่ชายแดน ระหว่างทางถูกคนปองร้าย…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เชียนเยี่ยเสวี่ยก็หน้าถอดสี จริงดังที่นางคาดไว้ เสด็จพ่อไม่ยอมปล่อยท่านตาอีกหรือ จะต้องฆ่าแกงกันให้สิ้นเลยหรืออย่างไร
เห็นเชียนเยี่ยเสวี่ยมีท่าทีเข้าใจผิด ตี้อู่เฮ่ออีก็รีบอธิบายทันที
“แต่ พวกเขาถูกคนช่วยไว้ได้ ตอนนี้ไม่ชัดเจนว่าอยู่ที่ไหน”
ถูกคนช่วยไปได้!
ก่อนหน้านี้เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ทว่าในตอนนี้กลับมีเรื่องน่ายินดีอยู่บ้าง ทำเอาเชียนเยี่ยเสวี่ยไม่รู้ว่าจะพูดอันใดดี
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงได้ถามต่อ
“คนที่ช่วยพวกเขาเป็นใครกัน”
“ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ลึกลับยิ่งนัก พวกเขาสังหารโจรเหล่านั้น ทั้งยังตัดใบหู จมูกและนิ้วมือโยนทิ้งในตำหนักหลิวกุ้ยเฟย ทำเอาหลิวกุ้ยเฟยตกใจจนแทบล้มป่วยเลยทีเดียว”
กล่าวถึงตรงนี้ ตี้อู่เฮ่ออีอดหัวเราะออกมาไม่ได้
คนสองคนนี้ เป็นใครมาจากไหนกันนะ ถึงได้ยโสโอหังถึงเพียงนี้!
กลางวันแสกๆ กล้าบุกเข้าไปในวังหลวงฉินจื้อก็ว่าเก่งกาจแล้ว แล้วกระทำเรื่อง โหดร้าย เชนนี้อีกด้วย
“จากข่าวที่ได้รับมา ในตอนนั้นหลิวกุ้ยเฟยกำลังเรียกเหล่าฮูหยินขุนนางคนสำคัญในราชสำนักเข้าเฝ้าเพื่อให้ช่วยสนับสนุนตนขึ้นเป็นฮองเฮา ทว่ากลับถูกข่มขวัญเสียจนอุจจาระปัสสาวะเรี่ยราดต่อหน้าธารกำนัล กลายเป็นเรื่องตลกขบขันใหญ่เลยทีเดียว”
“ช่าช่า จะต้องเป็นช่าช่าแน่!”
เมื่อกล่าวถึงอวี้หลัวช่า สีหน้าเชียนเยี่ยเสวี่ยก็เปี่ยมไปด้วยพลัง
ช่าช่า ตอนข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย เจ้าก็รีบเดินทางไกลนับพันลี้มาช่วยพวกท่านตาเอาไว้ สมแล้วที่เป็นพี่น้องเพื่อนตายของข้า!
“ช่าช่า เจ้าหมายถึงอวี้หลัวช่าใช่หรือไม่”
สองสามวันมานี้ ข่าวที่ตี้อู่เฮ่ออีสืบมาได้มากที่สุดก็คือข่าวอวี้หลัวช่าและเยี่ยหงนัดประลองกันนั่นเอง
นึกไม่ถึงเลยว่า บนแผ่นดินใหญ่นี้จะปรากฏจักรพรรดิโอสถขึ้นมาได้ ช่างเหลือเชื่อจริงๆ เลย!
“ใช่! นางเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า ข้าสามารถเชื่อนางโดยสนิทใจ ทั้งยังเป็นคนที่ข้าสามารถฝากชีวิตไว้ได้อีกด้วย!”
นิสัยเชียนเยี่ยเสวี่ย ตี้อู่เฮ่ออีพอจะรู้ เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีตน ดื้อดึง ทั้งยังมีน้ำใจ
หากได้รับการยอมรับจากนาง อวี้หลัวช่าจะต้องจัดว่าเป็นคนดีไม่น้อย!
เห็นทีการมาเหยียบแผ่นดินหลัวอวี่ในครั้งนี้ จะเป็นการตัดสินใจที่ไม่เลวเลยทีเดียว!
เขาอยากจะเห็นสักครั้งว่าอวี้หลัวช่าจะประลองวิชาแพทย์กับเยี่ยหงอย่างไรกัน!
ถึงแม้ว่าลำดับขั้นของราชันจักรพรรดิโอสถจะสูงกว่าจักรพรรดิโอสถเพียงหนึ่งขั้นก็ตาม แต่ความรู้ที่ร่ำเรียนมันนั้นแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย
ตี้อู่หงเยี่ยคือชนเผ่าตาน ได้กินยาวิเศษตั้งแต่เล็กๆ เมื่อนางเริ่มกินข้าวได้ก็เริ่มร่ำเรียนเรื่องยา ได้รับการศึกษาจากหมอยาที่เก่งกาจที่สุดที่ดีที่สุดมา ดังนั้นความสามารถนางจึงมิอาจมองข้าม
ตอนนี้ หมอจากนอกชนเผ่า มาท้าทายหมอแห่งชนเผ่าตาน ถือเป็นเรื่องที่ควรค่าต่อการรอคอยมิใช่หรือ
ในตอนนั้นเอง ทั่วทั้งเมืองหลวงก็มีเสียงเพลงที่แสนรื่นหูก็ลอยมาขับกล่อม
ที่เรือนด้านนอก ถนนเก่าแก่ ใบหญ้าปลิวไสวเป็นผืนเดียวกับท้องฟ้า ลมโชยมายามค่ำคืน เสียงขลุ่ยที่แสนรันทด ดวงอาทิตย์ที่ด้านนอกขุนเขา…
“ช่าช่า!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยลุกขึ้นนั่งด้วยอาการตื่นเต้น
เมื่อครั้วที่อวี้หลัวช่าไปจากแคว้นฉินจื้อนั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยส่งนางที่เรือนกล้วยไม้ที่นอกเมือง ในตอนนั้นอวี้หลัวช่าก็ร้องเพลง ‘อำลา’ นี้ให้กับนาง
“ช่าช่าต้องการพบข้า นางกำลังรอข้าอยู่ เฮ่ออี ข้าจะออกไปนอกเมือง!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยรุ้ดีว่า อวี้หลัวช่ากำลังส่งรหัสลับให้กับนาง
เชียนเยี่ยเสวี่ย ข้ารอเจ้าอยู่ที่เรือนกล้วยไม้
“ไม่ได้!”
มองดูใบหน้าที่ซีดขาวของเชียนเยี่ยเสวี่ย แล้วตี้อู่เฮ่ออีจะให้นางออกไปในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เชียนลั่วเฉิงตามหาเชียนเยี่ยเสวี่ยไม่เจอ จึงเพิ่มกำลังค้นหาให้ถ้วนทั่ว ในตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงเดินห้าก้าวก็เจอด่าน เดินอีกสิบก้าวก็เจอเรียกตรวจ
ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เมืองหลวงทั้งเมืองถูกแบ่งเป็นเขตๆ แล้วเริ่มลงมือตรวจค้นเพื่อควานหาเยี่ยนอ๋องทีละบ้านแล้วด้วยซ้ำ หากเชียนเยี่ยเสวี่ยออกไปข้างนอกตอนนี้แล้วถูกทหารพบเข้า ก็เท่ากับว่าไปตายชัดๆ!
“ท่านไม่เข้าใจ หากข้าไม่ออกไป ช่าช่าก็จะไม่สบายใจ!”
“นางได้แสดงพลังจอมเทวาของนางแล้ว เท่ากับเป็นการล่อเยี่ยหงให้ออกมา อีกไม่นาน เยี่ยหงก็จะมา เมื่อนั้นช่าช่าก็จะมีอันตราย!”
ถึงแม้ว่าดวงตาเชียนเยี่ยเสวี่ยยามนี้จะมืดบอดขุ่นมัว แต่ตี้อู่เฮ่ออีก็นึกภาพออก ว่าในขณะที่ดวงตาคู่งามของนางฉายแสงนั้น มันจะเปล่งประกายสุกใสเพียงใด
“ข้าไม่อาจให้เพื่อนรักของข้า ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อได้!”
ตอนที่ 95-1 คู่รักจอมโหดที่มาหาเรื่อง
เชียนเยี่ยเสวี่ยดึงดันที่จะออกไปพบอวี้หลัวช่าให้ได้ สุดท้ายตี้อู่เฮ่ออีต้องจำนนต่อความดื้อรั้นของนาง
“เจ้าจะออกไปก็ได้ แต่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า!”
นี่เป็นเงื่อนไขเดียวที่ตี้อู่เฮ่ออีกำหนด
“ได้!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้ดีว่าหากจะออกจากเมืองอย่างราบรื่น ต้องมีตี้อู่เฮ่ออีคอยช่วย นางคนเดียวมิสามารถออกไปได้
ตี้อู่เฮ่ออีหาชุดหญิงชาวบ้านมาได้ชุดหนึ่ง แล้วให้หนานกงจื่อหลิงช่วยเปลี่ยนให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย
ในเมื่อทั่วทั้งเมืองหลวงเที่ยวควานหาเยี่ยนอ๋องที่เป็นบุรุษ ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่เชียนเยี่ยเสวี่ยต้องกลับคืนเป็นหญิงดังเดิมแล้ว นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะลักลอบออกจากเมือง
เพราะอย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้ว่าเยี่ยนอ๋องที่แท้แล้วเป็นหญิง!
หลังจากนั้น หนานกงจื่อหลิงก็ช่วยเกล้าผมแบบฮูหยินให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยตามคำสั่งตี้อู่เฮ่ออี
เชียนเยี่ยเสวี่ยแม้ดวงตาจะมองไม่เห็น แต่หูนางก็ได้ยินเสียงกำชับของตี้อู่เฮ่ออี จึงได้รู้ว่าในตอนนี้ตนเองสวมใส่ชุดสตรี ทั้งยังแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นสตรีอีกด้วย
“เจ้าและข้าปลอมตัวเป็นสามีภรรยากัน!”
ได้ยินดังนั้นเชียนเยี่ยเสวี่ยก็รู้สึกขัดๆ ขึ้นมา
หลายปีที่ผ่านมานางใช้สถานะที่เป็นชายออกไปพบผู้คนเรื่อยมา จู่ๆ ให้กลายเป็นสตรีทั้งยังมีสามีเพิ่มมาอีก นางไม่คุ้นชินเลยจริงๆ
“พี่เฮ่ออี ท่านว่าแบบนี้เป็นอย่างไร”
ด้วยฝีมือหนานกงจื่อหลิง เชียนเยี่ยเสวี่ยกลายเป็นหญิงสาวที่งดงามหยดย้อย
แต่ ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออีต้องการสักเท่าไหร่
งดงามเกินไป จะเป็นที่สนใจ!
แม้ว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยจะสวมใส่ชุดหญิงชาวบ้านธรรมดา แต่รูปโฉมที่งดงาม ความสง่างามของนางกลับมิสอดคล้องกับชุดที่แสนจะธรรมดาเลยสักนิด แบบนี้ไม่ได้การ!
ตี้อู่เฮ่ออีหาอะไรบางอย่างมาถูที่ใบหน้า มือ และใบหูเชียนเยี่ยเสวี่ยเพื่ออำพรางผิวนวลเนียนใสกระจ่างและดวงตาแสนสวยของนางเอาไว้
หลังจากที่พยายามอยู่นาน ในที่สุดเชียนเยี่ยเสวี่ยก็กลายเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา
“พี่เฮ่ออี ท่านนี่เยี่ยมไปเลย!”
สาวงามไร้ที่ติ พลันกลายเป็นคนเดินดินธรรมดา วิชาแปลงโฉมนี้ ยอดเยี่ยมจนไม่รู้จะกล่าวอะไรดีแล้ว!
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่บ้านก็ระมัดระวังด้วย ปิดประตูให้ดีแล้วอย่าออกไปไหนทั้งนั้น ตอนนี้ข้างนอกวุ่นวายยิ่งนัก!”
ก่อนออกไป ตี้อู่เฮ่ออียังกำชับเช่นเดิมอีกสามรอบ
หนานกงจื่อหลิงรู้ดีว่าตี้อู่หงเยี่ยกลายเป็นเยี่ยหงไปแล้ว ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงกำลังควานหาตนเองอยู่ นางจึงระมัดระวังเป็นอย่างมาก
นางจะมิให้แผนการชั่วร้ายของท่านป้ารองสำเร็จ!
“พี่เฮ่ออี พี่เสวี่ย พวกท่านก็ต้องระวังตัวด้วยนะ!”
ตี้อู่เฮ่ออีว่าจ้างรถม้าธรรมดาๆ มาคันหนึ่ง เพื่อจะออกนอกเมือง
เมื่อเดินทางถึงประตูเมือง เป็นดั่งที่คาดไว้ว่ามีทหารเข้ามาขอตรวจสอบทันที
“ใครอยู่บนรถม้า”
ทหารกลุ่มใหญ่เข้ามาเลิกผ้าม่านกั้นรถม้าอย่างมิเกรงใจแม้แต่น้อย
“เรียนท่านทหาร บนรถม้าคือฮูหยินข้าเอง!”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของตี้อู่เฮ่ออีติดจะเย็นชา
ทหารผู้นั้นตรวจตราโดยละเอียด บนรถม้ามีสตรีอยู่เพียงคนเดียวจริง จากนั้นเขาก็ตวัดมือส่งสัญญาณให้ปล่อยพวกเขาไป ทว่ากลับมีเสียงใครผู้หนึ่งดังแว่วมา
“ช้าก่อน!”
หัวหน้าหน่วยคนหนึ่งเดินเข้ามา
เหล่าทหารได้รับคำสั่งให้ตามหาเยี่ยนอ๋อง ขณะเดียวกันหัวหน้าหน่วยแต่ละคนก็ได้รับคำสั่งลับ ให้ตามหาหญิงสาวผู้หนึ่งด้วย
เพียงแค่ได้ยินว่าในรถมีสตรีอยู่ หัวหน้าหน่วยผู้นั้นก็มิยินยอมที่จะปล่อยไปง่ายๆ
ถึงแม้จะไม่รู้สาเหตุว่าเพราะเหตุใดเบื้องบนถึงได้สั่งการลงมาว่าให้ตามหาหญิงสาวตามภาพเหมือนนี้ แต่ในเมื่อมันคือคำสั่ง เขาก็จะต้องปฏิบัติตาม
“พวกเจ้าออกจากเมืองในเวลานี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นมิได้เลอะเลือกเฉกเช่นลูกน้อง เขาเดินเข้ามาเลิกผ้าม่านขึ้น ก็พบหญิงสาวรูปร่างซูบผอมที่นั่งอยู่ด้านใน ทันใดนั้นเขาก็หยิบภาพเหมือนออกมากาง เทียบกับใบหน้าเชียนเยี่ยเสวี่ย
“เรียนใต้เท้า ฮูหยินข้าได้รับจดหมายจากทางบ้าน ว่าท่านแม่ยายล้มป่วยและสิ้นใจไปแล้ว นางจึงเศร้าใจยิ่งนัก”
“ด้วยเหตุนี้ทำให้ฮูหยินข้าทุกข์ทรมานตรอมใจจนมีอาการคัดแน่นหน้าอก ถึงกับแท้งลูกและร้องไห้จนตาบอด นี่ข้ารอให้ร่างกายนางดีขึ้นเสียหน่อย จึงค่อยเดินทางกลับบ้านเกิดไปไหว้ท่านแม่ยายพร้อมกับนาง ที่จะออกจากเมืองวันนี้ก็เพื่อจะหาที่สงบๆ เผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ท่านแม่ยายสักหน่อยขอรับ”
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นมองภาพเหมือนแล้วเหลือบมองไปที่เชียนเยี่ยเสวี่ยอีกครั้ง แม่นางบนรถม้านี่หน้าตาไม่เหมือนกับสาวน้อยในภาพสักหน่อย
อีกทั้งแม่นางบนรถใบหน้าซีดขาว ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก ราวกับคนที่เพิ่งบาดเจ็บสาหัสมาอย่างไรอย่างนั้น ไม่เหมือนกับแม่นางน้อยที่ร่าเริงสดใสในภาพเลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตี้อู่เฮ่ออีเล่าถึงเรื่องที่แม่ยายเขาล้มป่วยจนสิ้นใจนั้น หยาดน้ำตาเม็ดโตก็ไหลรินจากดวงตาที่ขุ่นมัวของนางไม่ขาดสาย นับเป็นภาพที่น่าสงสารชวนให้อนาถใจยิ่งนัก
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นยื่นมือออกไปตรงหน้าเชียนเยี่ยเสวี่ยและพัดโบกไปมา ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
เห็นทีที่เจ้าหนุ่มนั่นพูดมาจะเป็นเรื่องจริง!
นางตาบอดจริงๆ!
หัวหน้าทหารยามคนนั้นยังค้นดูสิ่งของในย่ามที่พกมา ด้านในมีเพียงสุรา ธูป กระดาษเงินกระดาษทองทั้งยังมีอาหารและผลไม้สำหรับเซ่นไหว้
คราวนี้เขายิ่งเชื่อถือในคำพูดของตี้อู่เฮ่ออีไปใหญ่
“ไปเถอะๆ น่าสงสารเสียจริง…”
เมื่อออกจากเมืองมาได้อย่างราบรื่น เชียนเยี่ยเสวี่ยก็กล่าวขอบคุณตี้อู่เฮ่ออีเสียงอ่อน
ตี้อู่เฮ่ออีคนนี้ละเอียดลออยิ่งนัก!
เขาไม่เพียงแต่อธิบายมูลเหตุที่ออกจากเมืองอย่างสมเหตุสมผล ยังตระเตรียมสิ่งของเซ่นไหว้เอาไว้ ทำให้ผ่านการตรวจสอบได้อย่างราบรื่น ซึ่งนับเป็นการ…ช่วยเหลือนาง
แต่ตี้อู่เฮ่ออีแสดงสีหน้าเรียบเฉยออกมา
“เจ้าในสภาพเช่นนี้ ตอนนี้คงจะไปที่สุสานหลวงไม่ได้เป็นแน่ ในเมื่อวันนี้ออกมาได้แล้วในฐานะสตรีคนหนึ่ง เช่นนั้นก็เซ่นไหว้เสด็จแม่ของเจ้าสักหน่อยเถิด!”
“ขอบคุณ…”
เชียนเยี่ยเสวี่ยนึกไม่ถึงเลยว่า คนที่ช่วยนางให้ได้เซ่นไหว้เสด็จแม่จะเป็นคนแปลกหน้าที่นางไม่สนิทสนมคุ้นเคยมาก่อน
อวี้เฟยเยียนรอคอยอยู่ที่ศาลากล้วยไม้มาตลอด
ระหว่างเดินทางมาที่แคว้นฉินจื้อนี่ อวี้เฟยเยียนได้รับข่าวสารที่หอนภาหอมส่งมาจึงรู้ว่าหลิวกุ้ยเฟยลงมือกับตระกูลฉู่อย่างเ**้ยมโหดเสียแล้ว
ตระกูลฉู่ คือบ้านท่านตาของเชียนเยี่ยเสวี่ย เป็นกำลังหลักในการสนับสนุนเยี่ยนอ๋อง
อวี้เฟยเยียนและเชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นทั้งเพื่อน พี่น้องที่สนิทสนมเห็นใจกันที่สุด อวี้เฟยเยียนย่อมไม่ยอมนิ่งดูดายเป็นแน่!
เรื่องแรกที่ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนทำหลังจากเดินทางมาถึงฉินจื้อ นั่นก็คือจัดการมือสังหารที่ไล่ตามมา จากนั้นก็ช่วยเหลือผู้ใหญ่ลูกเด็กเล็กแดงตระกูลฉู่เอาไว้
คนทั้งสองที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ทำให้ประมุขตระกูลฉู่ซาบซึ้งน้ำใจเป็นอย่างมาก
หากมิได้ทั้งสองคนละก็ เห็นทีตระกูลฉู่คงจะสิ้นชื่อไปจากแคว้นฉินจื้อเสียแล้ว
เนื่องด้วยสมาชิกตระกูลฉู่บางส่วนบาดเจ็บจากการถูกลงทัณฑ์ขณะที่อยู่ในคุก อวี้เฟยเยียนจึงจัดการช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกเขา ทั้งยังทิ้งหยูกยาเอาไว้ให้มากมาย
เดิมทีนางตั้งใจที่จะช่วยหาที่ปลอดภัยสักที่ ให้ตระกูลฉู่ได้พักพิงหลบซ่อนจากการถูกตามล่า ทว่าประมุขตระกูลฉู่กลับปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
ตระกูลฉู่ลงหลักปักฐานอยู่ที่แคว้นฉินจื้อมาหลายปี ประมุขตระกูลฉู่ย่อมต้องมีเพื่อนและยังมีอิทธิพลอยู่บ้าง ยิ่งกว่านั้นบุตรสาวและหลานชายต้องตายอย่างน่าอนาถ หากเขาไม่ทำอะไรเลยมิเท่ากับเป็นเต่าหดหัวอย่างนั้นหรือ!
นั่นทำให้อวี้เฟยเยียนมองเห็นเงาเชียนเยี่ยเสวี่ยจากร่างประมุขตระกูลฉู่
คิดไม่ถึงว่าบิดาเชียนเยี่ยเสวี่ยจะสารเลวถึงเพียงนี้ ส่วนมารดาก็แสนอ่อนแอ แต่ลูกอย่างเชียนเยี่ยเสวี่ยกลับมีนิสัยที่สืบทอดจากตระกูลฉู่โดยตรง มิน่าเล่านางถึงได้เป็นที่รักของผู้เป็นตายิ่งนัก!
อวี้เฟยเยียนบอกกับประมุขตระกูลฉู่ว่านางจะไปตามหาเชียนเยี่ยเสวี่ย ทั้งยังนัดแนะไว้ดิบดีว่าหากนางได้พบเชียนเยี่ยเสวี่ย นางจะแจ้งข่าวให้กับเขาได้รู้
เสวี่ย เจ้าเป็นแมว แมวเก้าชีวิต ฉะนั้นเจ้าจะต้องไม่ตายง่ายๆ เช่นนี้ ใช่หรือไม่!
เวลาเกือบเที่ยงตรง รถม้าคันหนึ่งวิ่งมาจากที่ไกลๆ
อวี้เฟยเยียนรอคอยอยู่ที่นี่ทั้งเช้า แต่ก็ไม่มีรถม้าผ่านมาสักคัน
รถม้าคันนี้ จะใช่เชียนเยี่ยเสวี่ยหรือไม่นะ
รถม้าคันนั้นมาหยุดที่เรือนพัก ชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถ
ไม่ใช่เชียนเยี่ยเสวี่ย…
อวี้เฟยเยียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
หรือนางจะอยู่ในรถม้า
ในขณะที่อวี้เฟยเยียนสำรวจตี้อู่เฮ่ออีอยู่นั้น ตี้อู่เฮ่ออีเองก็กำลังสำรวจชายหญิงคู่นี้อยู่เช่นกัน
บุรุษรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลา สวมใส่ชุดสีม่วงทั้งชุด แต่รัศมีความโหดเ**้ยมดุดันของเขากลับทำลายภาพลักษณ์สูงส่งของเขาเสียนี่
สตรี สวมชุดกระโปรงสีเหลือง มีผ้าแพรปกปิดใบหน้า ทำให้มองโฉมหน้าไม่ชัดเจน
พวกเขาคือคนที่เชียนเยี่ยเสวี่ยต้องการเจอหรือไม่นะ
ตอนที่ 95-2 คู่รักจอมโหดที่มาหาเรื่อง
“แม่นาง เจ้านั่งรถม้ามาตั้งนาน ข้าจะประคองเจ้าลงมาพักผ่อน”
ตี้อู่เฮ่ออีเลิกม่านกั้นรถม้าขึ้น แล้วยื่นมือไปประคองเชียนเยี่ยเสวี่ยลงจากรถม้า จนกระทั่งเชียนเยี่ยเสวี่ยหมุนกายมา อวี้เฟยเยียนถึงกลับตกตะลึง
“เสวี่ย ดวงตาเจ้าเป็นอะไรไป”
เพียงแวบแรกที่เห็นเชียนเยี่ยเสวี่ย อวี้เฟยเยียนก็จำนางได้ในทันที ทำให้ตี้อู่เฮ่ออีตกตะลึงยิ่ง
วิชาแปลงโฉมของเขายากที่จะแยกแยะออกได้ ในตอนนี้เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่ว่าเป็นรูปโฉมหรือท่วงท่า ล้วนถูกวิชาแปลงโฉมเขาอำพรางอย่างแนบเนียนราวกับคนละคน
ตี้อู่เฮ่ออีเชื่อแน่ว่า ต่อให้เป็นฮ่องเต้ฉินจื้อมาอยู่ตรงหน้า ก็จดจำเชียนเยี่ยเสวี่ยไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าอวี้หลัวช่าเห็นนางเพียงแวบแรก ก็จดจำนางได้ทันที สนิทชิดเชื้อกับอีกฝ่ายถึงเพียงนี้ เป็นสหายที่สนิทสนมถึงขั้นฝากชีวิตอย่างที่เชียนเยี่ยเสวี่ยว่าเอาไว้จริงๆ!
“ช่าช่า ช่าช่า…”
ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย เชียนเยี่ยเสวี่ยรีบคลำทางเดินไปหาอวี้เฟยเยียนทันที
ใครจะคาดคิดที่ด้านหน้านางมีขั้นบันไดอยู่ เชียนเยี่ยเสวี่ยมองไม่เห็น จึงสะดุดเซถลาล้มลงบนพื้น
“ระวัง!”
อวี้เฟยเยียนยังมิทันยื่นมือออกมา ตี้อู่เฮ่ออีที่อยู่ด้านหลังเชียนเยี่ยเสวี่ยก็เอื้อมมือมาคว้าเอวนางไว้อย่างทันท่วงทีก่อนที่นางจะล้มลงพื้น
“ช้าๆ หน่อย เดี๋ยวแผลก็ปริอีกหรอก…”
ตี้อู่เฮ่ออีเห็นเชียนเยี่ยเสวี่ยทำเช่นนั้น ก็อดโมโหไม่ได้
แผลนางยังไม่หายสนิท นางไม่ระมัดระวังตัวเองเช่นนี้ ไม่แน่ว่าตอนนี้แผลนางคงปริแตกไปแล้ว คนป่วยไม่ดูแลร่างกาย เป็นสิ่งที่หมอปวดเศียรเวียนเกล้ามากที่สุดเรื่องหนึ่ง!
เมื่อครู่ ตี้อู่เฮ่ออีหาที่สงบที่หนึ่ง เซ่นไหว้ฉู่ฮองเฮาเป็นเพื่อนเชียนเยี่ยเสวี่ย
เนื่องจากตานางมองไม่เห็นจึงไม่สะดวก ดังนั้นขั้นตอนการเซ่นไหว้ทั้งหมดมีตี้อู่เฮ่ออีคอยช่วยเหลือจนแล้วเสร็จ สุดท้ายตอนโขกศีรษะคำนับก็เป็นตี้อู่เฮ่ออีที่ประคับประคองนาง
น้ำใจตี้อู่เฮ่ออี เชียนเยี่ยเสวี่ยซาบซึ้งยิ่งนัก
เมื่อมีความรู้สึกต่อกันแล้ว ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยเชื่อฟังคำพูดของตี้อู่เฮ่ออีอยู่บ้าง
เมื่อเห็นเชียนเยี่ยเสวี่ยอยู่กับตี้อู่เฮ่ออีแล้วกลับ ‘ว่านอนสอนง่าย’ ทำให้อวี้เฟยเยียนประหลาดใจไม่น้อย
ทว่าในตอนนี้อวี้เฟยเยียนไม่มีอารมณ์มานั่งซุบซิบนินทาเรื่องนี้ นางก้าวมาด้านหน้าประคองเชียนเยี่ยเสวี่ยนั่งลง สิ่งแรกที่ทำคือจับชีพจรตรวจอาการให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย
เมื่อแน่ใจว่าสาวน้อยตรงหน้าคืออวี้หลัวช่า ตี้อู่เฮ่ออีก็สนใจในตัวนางเป็นอย่างมาก
ขอเพียงแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการแพทย์ ล้วนสามารถดึงดูดความสนใจตี้อู่เฮ่ออีได้ชะงัดนัก
“บาดเจ็บสาหัสเพียงนี้!”
เมื่อได้ตรวจอาการ อวี้เฟยเยียนก็หน้าถอดสี
ดาบนั้นของตี้อู่หงเยี่ย แทงถูกชีพจรเชียนเยี่ยเสวี่ย หากมิใช่มียาวิเศษคุ้มครองชีพจรนางไว้ เกรงว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยคงได้ไปพบยมบาลตั้งนานแล้ว!
“ยังดีที่ข้าได้พบกับเฮ่ออีและหลิงเอ๋อร์ พวกเขาช่วยชีวิตข้าเอาไว้”
เชียนเยี่ยเสวี่ยอธิบายเสียงแผ่วเบา
“ช่าช่า เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก!”
“เจ้าเป็นแบบนี้ ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไรกัน!”
มองดูเชียนเยี่ยเสวี่ยอ่อนแรงเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนทั้งโกรธเคืองทั้งร้อนใจ
สำหรับเรื่องฉู่ฮองเฮา อวี้เฟยเยียนรู้ข่าวตั้งนานแล้ว
หอนภาหอมส่งข่าวมาให้กับนางตั้งมากมาย รวมทั้งเรื่องที่ฉู่ฮองเฮาควักลูกตาทั้งสองของพระองค์เอง เขียนอักษรว่า ใส่ร้าย แล้วจึงปลิดชีพพระองค์เอง เรื่องพวกนี้อวี้เฟยเยียนก็รู้ทั้งหมด
เชียนลั่วเฉิงเป็นเพียงชายสารเลวคนหนึ่งจริงๆ!
“ให้ตายเถอะ ข้าจะไปฆ่าไอ้สารเลวนั่น!”
อวี้เฟยเยียนจะออกไปจัดการเด็ดหัวเชียนลั่วเฉิงแต่ถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ช่าช่า ชีวิตสุนัขของมันเป็นหน้าที่ข้า ข้าจะต้องตัดหัวมันด้วยมือข้าเอง เอาไปเซ่นไหว้ดวงวิญญาณเสด็จแม่!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยท่าทีเด็ดขาด อวี้เฟยเยียนเข้าใจความรู้สึกของนางดี นางจับมือเชียนเยี่ยเสวี่ยเอาไว้
“ดี! ถึงตอนนั้นเพิ่มของข้าอีกส่วนด้วย!”
หลังจากอวี้เฟยเยียนตรวจอาการเชียนเยี่ยเสวี่ยแล้ว ก็นับถือในวิชาแพทย์ตี้อู่เฮ่ออียิ่งนัก ที่เชียนเยี่ยเสวี่ยรอดชีวิตมาได้เพราะโชคดีที่ได้เจอตี้อู่เฮ่ออีนี่เอง!
“ขอบคุณท่านมาก หากไม่ได้ท่าน ข้าคงจะไม่ได้พบกับเสวี่ยอีกแล้ว!”
“ข้าเป็นหมอ เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยได้อย่างไร นี่เป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้ว ท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก! เพียงแต่ว่าวิชาแพทย์ข้ายังไม่ดีพอ จนถึงตอนนี้ยังรักษาดวงตานางไม่ได้เลย!”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ตี้อู่เฮ่ออีก็ละอายใจยิ่งนัก
ในร่างเชียนเย่เสวี่ยยังมีพิษหลงเหลือซึ่งมันรวมกันอยู่บริเวณดวงตา ทำให้นางตาบอด
เส้นประสาทที่ดวงตาเป็นส่วนที่อ่อนไหวนัก หากไม่ระวังแม้เพียงนิดก็อาจทำให้เกิดความผิดพลาดร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้นตี้อู่เฮ่ออีจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามฝังเข็มโดยพลการ
ความกังวลของตี้อู่เฮ่ออี อวี้เฟยเยียนเข้าใจดี
ในภาวะเช่นนี้ ทั้งหมอและคนไข้ต่างก็มีข้อกำหนดให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
นอกจากหมอที่รักษาจะต้องเชี่ยวชาญในการรักษาแล้ว สภาพจิตใจของหมอก็จะต้องแข็งแกร่งเพียงพอ หากเกิดความขลาดกลัวทำให้พลาดแม้เพียงน้อยนิดก็จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรง
ในขณะที่คนไข้ก็จะต้องผ่อนคลายให้มากที่สุด จะต้องเชื่อและไว้วางใจในแพทย์ที่ทำการรักษา
เพราะถ้ากล้ามเนื้อคนไข้ขัดเกร็งกระตุกแม้เพียงนิด ตำแหน่งที่รักษาก็จะคลาดเคลื่อนทันที ผลที่ตามมาแทบมิกล้าคาดคิดเลยทีเดียว
“หากท่านไม่ถือสาละก็ การรักษาต่อจากนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้า”
ขอคนไข้จากมือหมออีกคน ถือเป็นพฤติกรรมที่เสียมารยาทเป็นอย่างมาก แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับร่างกายเชียนเยี่ยเสวี่ย ทำให้อวี้เฟยเยียนต้องกล่าวเช่นนี้ออกมา
“ไม่มีปัญหา! แต่ในขณะที่ท่านฝังเข็ม ข้าขอศึกษาอยู่ข้างๆ ด้วยได้หรือไม่”
ตี้อู่เฮ่ออีรู้ดีว่าวิชาแพทย์ของหมอหลายคนไม่เผยแพร่ให้กับคนนอก เขาเกรงว่าอวี้เฟยเยียนจะเข้าใจผิด จึงรีบกล่าวอธิบายต่อ
“ข้าเพียงแต่ใคร่รู้เพราะท่านเป็นถึงจักรพรรดิโอสถทั้งที่อายุยังน้อยเช่นนี้เท่านั้น หาได้มีเจตนาแอบลักลอบศึกษาวิชาแพทย์ของท่านไม่ ท่านอย่าได้เข้าใจผิดเด็ดขาด!”
ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวเปิดเผยตรงไปตรงมา ดวงตาเขาทั้งซื่อตรงแน่วแน่
เขาอยู่ที่ฉินจื้อสามารถช่วยเหลือเชียนเยี่ยเสวี่ยภายใต้สถานการณ์ที่ถูกตามล่าไปทั่วเมืองเช่นนี้ได้ ความดึงดันของเขาทำให้อวี้เฟยเยียนนับถือมากแล้ว
แต่สิ่งที่นางนับถือยิ่งกว่าก็คือความรับผิดชอบในหน้าที่แพทย์ของเขา
ยิ่งกว่านั้นเขาช่วยชีวิตเพื่อนที่ดีที่สุดของนางเอาไว้ ดังนั้นอวี้เฟยเยียนจึงมิได้ปฏิเสธคำขอเขาแต่อย่างใด
“ดีจัง ขอบคุณท่านมาก!”
นาทีนั้นตี้อู่เฮ่ออีดีใจเป็นอันมาก ถึงกับโค้งคำนับอวี้เฟยเยียนเลยทีเดียว
เขาใช้ชีวิตอยู่เผ่าตานมาตลอด วิชาแพทย์ที่ศึกษานั้นก็ล้วนแต่เป็นหลักวิชาแพทย์ของเผ่าตานทั้งสิ้น ครั้งนี้เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชาแพทย์จากภายนอกบ้าง แล้วจะไม่ให้ดีใจได้อย่างไรกัน
เมื่อแน่ใจว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยปลอดภัย ซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับเป่าปากโล่งอก เหยี่ยวไห่ตงชิง[1]ตัวหนึ่งมาเกาะที่บ่าของเขา
ซย่าโหวฉิงเทียนเขียนจดหมายน้อยม้วนใส่ในช่องส่งจดหมายที่ปลายเท้าของเหยี่ยวไห่ตงชิง จากนั้นเขาก็ลูบหัว แล้วมันก็บินทะยานขึ้นฟ้าไปทันที
“เหยี่ยวไห่ตงชิง!”
ตี้อู่เฮ่ออีตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก
แม้แต่เมืองอู่โยว คนที่สามารถฝึกเหยี่ยวไห่ตงชิงได้มีจำนวนน้อยนิดยิ่งนัก
นับประสาอะไรกับแผ่นดินหลัวอวี่ที่ถือเป็นพื้นที่แร้นแค้นบ้านนอกคอกนาในสายตาชาวเมืองอู๋โยว!
ทว่ากลับมีคนที่สามารถฝึกเหยี่ยวไห่ตงชิงได้!
เมื่อครู่ในขณะที่เหยี่ยวตัวนั้นเกาะบนบ่าซย่าโหวฉิงเทียน ท่าทางว่านอนสอนง่ายราวกับพิราบขาวน้อยธรรมดาก็ไม่ปาน แต่ตี้อู่เฮ่ออีกลับรู้สึกได้ชัดเจนว่าเหยี่ยวไห่ตงชิงตัวนั้นหวาดกลัวซย่าโหวฉิงเทียนอย่างมาก
หากว่าชาวอู๋โยวได้รู้เรื่องนี้ละก็ พวกเขาจะต้องบอกว่าเขากำลังฝันกลางวันแสกๆ เป็นแน่!
เหยี่ยวไห่ตงชิง สัตว์สูงค่า เย่อหยิ่ง โหดเ**้ยมเพียงนั้น เหตุใดถึงได้หวาดกลัวคนชั้นต่ำพวกนั้นด้วยนะ!
ทว่าเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นต่อหน้าตี้อู่เฮ่ออี ทำให้เขาสนใจใคร่รู้ในตัวอวี้หลัวช่าและบุรุษข้างกายของนางยิ่งนัก
เห็นตี้อู่เฮ่ออียืนนิ่ง สายตาเคารพนับถือของเขากำลังจ้องมองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกว่าคนผู้นี้น่าขบขันอยู่ไม่น้อย
จะบอกว่าเขาทึ่มก็ได้ แต่วิชาแพทย์เขาก็นับว่าสูงส่ง!
เขาสามารถดึงเชียนเยี่ยเสวี่ยให้รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชมาได้ อย่างน้อยเฮ่ออีคนนี้จะต้องอยู่ระดับจักรพรรดิโอสถขึ้นไป!
ในบางครั้ง เขาจะแสดงท่าทางสูงส่งเย็นชาออกมา ซึ่งมิเหมือนกับแสร้งทำเสียด้วย!
จะเรียกว่าเป็นคนยอดเยี่ยมก็ว่าได้! อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดจะแสดงบนใบหน้าที่ใสกระจ่างของเขาอย่างชัดเจน เพียงแค่มองดูก็รู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
คนที่ทั้งน่ารักน่าเอ็นดูและเย็นชาในคราวเดียวกัน น่าอัศจรรย์จริงๆ!
“พี่ชายท่านนี้ ข้าขอคำชี้แนะเสียหน่อยว่า ท่านฝึกฝนเหยี่ยวไห่ตงชิงได้อย่างไรกัน”
ตี้อู่เฮ่ออีเองก็อยากที่จะมีเหยี่ยวไห่ตงชิงเป็นของตนสักตัวหนึ่งมานานแล้ว
มีสมุนไพรวิเศษชนิดหนึ่งเติบโตอยู่บนหน้าผาสูงชัน เก็บเกี่ยวยากยิ่งนัก อีกทั้งใกล้ๆ สมุนไพรวิเศษนั้นยังมีสัตว์ร้ายคอยคุ้มกันอยู่
ความสามารถในด้านการต่อสู้ของเผ่าตานนั้นเป็นรองมาโดยตลอด ทว่าพวกเขาสนใจใคร่รู้ในเรื่องยาเป็นอย่างมาก ทุกปีจะมีชาวเผ่าตานเกิดเรื่องขณะเก็บยาอยู่เสมอ อย่างเบาก็ขาหักแขนหัก อย่างหนักก็ถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว
หากมีเหยี่ยวไห้ตงชิงที่แสนเชื่องสักตัว การเก็บยาก็จะสะดวกขึ้นเป็นกอง!
คำอธิบายซย่าโหวฉิงเทียน ทำเอาตี้อู่เฮ่ออีเกือบจะเป็นลมเลยทีเดียว
“ง่ายนิดเดียว! ไม่เชื่อฟัง ก็สั่งสอนจนกว่าจะเชื่อฟัง!”
นี่มันวิธีอะไรกันเนี่ย!
หากมิใช่ท่าทางซย่าโหวฉิงเทียนจริงจังหนักแน่น ตี้อู่เฮ่ออีคงจะคิดว่าเขากำลังล้อตนเองเล่นอยู่เป็นแน่
เหยี่ยวไห่ตงชิง!
สัตว์ดุร้ายพันธุ์นั้น ใครจะกล้าไปตีมันกัน!
อีกอย่าง มีเพียงหนึ่งในหนึ่งแสนของเทพเหยี่ยวเท่านั้นจึงจะมีเหยี่ยวไห่ตงชิงสักตัวโผล่มา สัตว์ล้ำค่าเช่นนั้น ใครจะตัดใจซ้อมมันได้ลงคอ หากเผลอตีมันจนตายจะทำอย่างไร!
ยิ่งกว่านั้นเหยี่ยวไห่ตงชิงมีความรู้สึกนึกคิดของมันเอง หากถูกดูหมิ่นเหยียดหยามละก็ มันจะฆ่าตัวตายทันที!
เสมือนมองออกถึงความไม่เข้าใจของตี้อู่เฮ่ออี ซย่าโหวฉิงเทียนจึงอธิบายต่ออีกว่า
“มันไม่เชื่อฟัง ก็ให้บอกกับมันว่า ต่อให้มันตายแล้ว ก็จะถูกถอนขนจนหมด แล้วนำร่างที่ไร้ขนของมันไปตากแดดแล้วให้เหยี่ยวตัวอื่นรุมกินร่างของมันเสีย!”
ได้ฟังคำอธิบายนั้นทำเอาตี้อู่เฮ่ออีถึงกับต้องยอม
พี่ชาย ท่านใช้วิธีการที่โหดร้ายทารุณดูหมิ่นสัตว์ที่ทะนงในศักดิ์ศรีตนเช่นนี้ มิน่าเล่ามันถึงไม่กล้าตาย!
เพราะหากตายก็คงตายตาไม่หลับเป็นแน่
——
[1] นกเหยี่ยวไจร์ฟัลคอน
ตอนที่ 95-3 คู่รักจอมโหดที่มาหาเรื่อง
“พี่ชายท่านนี้ หากมีโอกาส ท่านจะช่วยข้าฝึกฝนเหยี่ยวไห่ตงชิงสักตัวได้หรือไม่ ข้าอาจไม่มีฝีมือเทียบเท่าพี่ชาย แต่ข้านั้นต้องการเหยี่ยวไห่ตงชิงช่วยข้าเก็บยาจริงๆ!”
ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวจบก็ล้วงเข้าไปในเสื้อของตน หยิบขวดยาขวดเล็กขวดน้อยออกมาหลายขวดกล่าวต่อว่า
“พวกนี้เป็นยาวิเศษที่ข้าปรุงขึ้น ท่านเอาไปได้ตามใจชอบ ถือเป็นค่าตอบแทน หากไม่เพียงพอ ข้าขอติดเอาไว้ก่อน ข้าจะเขียนเป็นหนังสือให้เป็นหลักฐานด้วยก็ได้!”
“พี่ชายท่านนี้ รบกวนท่าน บุญคุณใหญ่หลวง ข้าจะไม่มีวันลืมชั่วชีวิต!”
ตี้อู่เฮ่ออีเหงื่อชุ่มไปทั้งร่าง ที่เขาต้องการเหยี่ยวไห่ตงชิงไม่ใช่เพราะต้องการอวดหรือประดับบารมี หากแต่เพื่อเก็บยา ความดื้อรั้นในความรักและสนใจใคร่รู้ในเรื่องของยาและการแพทย์ ทำให้อวี้เฟยเยียนต้องเอ่ยปากช่วยขอร้องแทนเขาอีกแรง
ราชินีถึงกับออกปาก แน่นอนว่าซย่าโหวฉิงเทียนย่อมต้องทำตาม
เมื่อเห็นว่าซย่าโหวฉิงเทียนรับปาก ตี้อู่เฮ่ออีก็แสดงอาการดีใจอย่างยิ่งออกมา
“ขอบคุณท่านมาก พี่ชายท่านนี้…”
“ข้าซย่าโหวฉิงเทียน เรียกชื่อข้าก็พอ!”
“ท่านพี่ซย่าโหว ขอบคุณ!”
ตี้อู่เฮ่ออีโค้งคำนับซย่าโหวฉิงเทียนเพื่อขอบคุณ จากนั้นทุกคนจึงพากันเดินทางกลับ
เมื่อมีคนเพิ่มขึ้นมาสองคน รถม้าที่เตรียมมาจึงแน่นขนัดไปทันที
ซย่าโหวฉิงเทียนจึงซื้อม้าอีกตัวให้กับตน จากนั้นเขาก็ขี่ม้าอยู่ด้านนอก เดินทางพร้อมกับขบวนรถม้าของทุกคน
ระหว่างทาง อาการเชียนเยี่ยเสวี่ยมิสู้ดี อวี้เฟยเยียนจึงฝังเข็มให้นางหลับไป ส่วนตี้อู่เฮ่ออีก็รีบปรึกษาหารือกับอวี้เฟยเยียนเรื่องวิธีรักษาดวงตาเชียนเยี่ยเสวี่ยเพื่อทำการรักษาโดยเร็ว
ทั้งสองต่างก็เชี่ยวชาญชำนาญในวิชาแพทย์ แต่ความรู้ที่เรียนมานั้นแตกต่างจึงมักมีข้อคิดเห็นที่ต่างกันอยู่บ้าง
ด้วยเหตุนี้ ตี้อู่เฮ่ออีมักจะกล่าวคำว่า ‘ยอดเยี่ยม’ ออกมา เมื่อได้ฟังคำวินิจฉัยของนางยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าอวี้เฟยเยียนเก่งกาจยิ่งนัก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!
ทว่า เข้าเมืองครานี้กลับมิได้ราบรื่นเฉกเช่นขาออกจากเมืองเลยแม้แต่น้อย
หลังจากเข้าเมืองมาได้ไม่นาน พวกเขาก็ถูกคนขวางเอาไว้
ผู้ที่ขวางรถม้าของพวกเขาก็คือตี้อู่หงเยี่ย
ช่วงเช้า ทั่วทั้งเมืองหลวงมีเสียงเพลงแว่วมา ชัดเจนว่าเป็นแสนยานุภาพของจอมเทวา
เมื่อตี้อู่หงเยี่ยได้ยินเข้า ความรู้สึกแรกของนางบ่งบอกว่า อวี้หลัวช่ามาแล้ว!
ทว่า นางเดินหาทั่วทั้งเมืองหลวง ก็หาอวี้หลัวช่าไม่พบ ทำให้ตี้อู่หงเยี่ยโมโหยิ่งนัก
ในตนนั้นเอง ตี้อู่หงเยี่ยก็เหลือบเห็นซย่าโหวฉิงเทียนควบม้าเข้ามาพร้อมกับรถม้า
ชายผู้นั้น หล่อเหลายิ่งนัก!
หัวใจตี้อู่หงเยี่ยเต้นระส่ำอย่างบ้าคลั่ง นางรีบร้อนโบกมือเพื่อให้คนขวางรถม้าหลังนั้นเอาไว้
ได้เจอตี้อู่หงเยี่ยที่ฉินจื้อนี่ แม้ซย่าโหวฉิงเทียนจะคาดไม่ถึง แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วว่าปรมาจารย์ที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมานั้นคือใคร
หึ ที่แท้แล้วก็คือตี้อู่หงเยี่ยที่สร้างเรื่องทั้งหมดมานี่เอง โลกนี้มันช่างแคบเสียจริงๆ!
เมื่อครั้งที่อยู่บ้านตระกูลหนานกงนั้น ตี้อู่หงเยี่ยคอยพูดจาถากถางเขามาตลอด ทั้งยังเรียกเขาจนติดปากว่า ‘ปีศาจน้อย’ อีกด้วย นางคงคิดว่าที่เขาอดทนอดกลั้นนั้นแปลว่าอ่อนแอ คิดว่าเขารังแกได้ง่ายๆ กระมัง!
ถึงแม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะไม่รู้ว่าตี้อู่หงเยี่ยมาที่แผ่นดินหลัวอวี่นี้ด้วยเหตุอันใด แต่ก็แน่ใจว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องดี!
ซย่าโหวฉิงเทียนในตอนนี้ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง เขามิใช่ซย่าโหวฉิงเทียนที่นัยน์ตาสีม่วงเงินเฉกเช่นที่เมืองอู๋โยวอีกต่อไป ดังนั้นตี้อู่หงเยี่ยจึงจำเขาไม่ได้
นึกไม่ถึงว่า แผ่นดินหลัวอวี่จะมีชายรูปงามเพียงนี้!
ตี้อู่หงเยี่ยรู้สึกราวกับว่าหัวใจสาววัยสามสิบกว่าดวงนั้นของนางฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง!
ใบหน้านั้น ปั้นขึ้นมาพอดิบพอดีเหลือเกิน!
ท่าทีหยิ่งยโสเย็นชา ดูอย่างไรก็น่ารักไปเสียหมด!
ยังมีชุดสีม่วงเข้มนั่น คลุมร่างกายที่กำยำสมชายชาตรีของเขาเอาไว้ ในฐานะที่เป็นหมอ มองเพียงแวบแรก ตี้อู่หงเยี่ยก็รับรู้ได้ในทันทีว่าชายผู้นี้คือไม้แขวนเสื้อชั้นเลิศโดยแท้!
“พี่ชายท่านนี้ ในรถม้าท่านมีใครอยู่หรือ พวกเราต้องการตรวจสอบ!”
ตี้อู่หงเยี่ยเดินยักย้ายส่ายสะโพกเข้ามาหยุดที่เบื้องหน้าซย่าโหวฉิงเทียน
นางยื่นมือออกมาลูบหัวม้าเบาๆ สายตาก็ทอดมองไปถ้วนทั่วร่างซย่าโหวฉิงเทียน
โอ้ รูปร่างก็ดี หน้าตาก็หล่อเหลา!
ชายเพียบพร้อมด้วยรูปโฉมเช่นนี้ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร!
เสียงจากด้านนอก ได้ยินเข้าไปถึงอวี้เฟยเยียนและตี้อู่เฮ่ออีที่นั่งอยู่ด้านในรถม้าเสียแล้ว
เมื่อเห็นว่าผู้ที่ขวางกั้นรถม้าคือตี้อู่หงเยี่ย ในใจตี้อู่เฮ่ออีถึงกับร่ำร้อง
หญิงผู้นี้ทั้งฉลาดและยากจะสลัดให้หลุด จะให้นางพบอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!
“ท่านรู้จักหรือ”
อวี้เฟยเยียนกล่าวถามเสียงเบา
“นางก็คือคนที่ทำร้ายเชียนเยี่ยเสวี่ยจนบาดเจ็บ ปรมาจารย์!”
ตี้อู่เฮ่ออีอธิบาย
“อะไรนะ”
หญิงสูงวัยผู้นี้เองนะหรือที่ทำร้ายเชียนเยี่ยเสวี่ยจนบาดเจ็บ
อวี้เฟยเยียนได้ยินดังนั้นก็อารมณ์คุกรุ่นขึ้นมาทันที
ในเมื่อเชียนเย่เฉิงและหลิวกุ้ยเฟยปล่อยให้เป็นหน้าที่เชียนเยี่ยเสวี่ยจัดการ เช่นนั้นหญิงตรงหน้านี้ให้นางเป็นคนจัดการก็แล้วกัน!
“เจ้าน่ะหรือ กล้ามาตรวจค้นข้า ไสหัวไป …”
มองเห็นสายตาโลมเลียราวสาวแรกแย้มของตี้อู่หงเยี่ยเข้า ซย่าโหวฉิงเทียนก็สบถออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาตวัดบังเ**ยน ทันใดนั้นเจ้าม้าก็ยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้น เตรียมเหยียบไปที่ใบหน้าของตี้อู่หงเยี่ย
“บังอาจ!”
ตี้อู่หงเยี่ยนึกไม่ถึงว่าชายรูปงามจะมีนิสัยเย่อหยิ่งจองหองเพียงนี้
นางเจตนาจะแสดงอิทธิพลของตนให้เขาได้เห็น เพื่อให้เขายินยอมสยบที่เบื้องหน้านาง ด้วยความโกรธนางจึงชักดาบออกมาเตรียมตวัดตัดกีบขาม้าทั้งสี่ข้างให้ขาด
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ ร่างตี้อู่หงเยี่ยก็ขยับเขยื้อนไม่ได้ กีบทั้งสองข้างของม้าตัวนั้นเสมือนหมัดอันหนักอึ้ง มันกระแทกเข้าที่อกซ้ายและอกขวานางอย่างจัง
“สมน้ำหน้า!”
เมื่อเห็นหน้าอกทั้งสองข้างของตี้อู่หงเยี่ยถูกม้าเหยียบจนบุบบี้เปลี่ยนรูป ตี้อู่เฮ่ออีถึงกับยกมือขึ้นปิดตา
หากข้ามองไม่ผิดละก็
หน้าอกหน้าใจที่ใช้เป็นเครื่องมือนำพานางไปสู่ความสุขสบายนั้นถูกม้าเหยียบจนแตกรูปทรงบิดเบี้ยว อีกทั้งภายใต้ฝีเท้าอาชานี้กระดูกน่าจะหักอย่างน้อยสี่ท่อนเสียด้วย
นี่ควรจะดีใจตีฆ้องร้องป่าวใช่หรือไม่นะ
“พวก พวกเจ้า ไปตายกันหมดแล้วหรืออย่างไรกัน…”
ตี้อู่หงเยี่ยล้มลงบนพื้นอย่างแรง นางกระอักเลือดออกมา
“คนบนรถคือเยี่ยนอ๋อง รีบตามจับพวกเขาเร็ว!”
ในเมื่อไม่ได้มาก็ทำลายมันเสีย
นี่คือวิธีการจัดการในแบบตี้อู่หงเยี่ย
ตอนนี้นางคือปรมาจารย์ของฉินจื้อ สิ่งที่นางพูด แน่นอนว่าผู้คนย่อมฟัง ทันใดนั้นคนกลุ่มใหญ่ก็ลุกฮือเข้ามาล้อมซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่บนม้าและรถม้าเอาไว้
“มอบตัวเยี่ยนอ๋องออกมา!”
ถึงแม้ว่าทหารต่างพากันโห่ร้องข่มขวัญเสียงดัง แต่พวกเขาก็ได้เห็นความโหดเ**้ยมของซย่าโหวฉิงเทียนด้วยตาตนเองแล้ว
ให้ตายเถอะ!
สามารถเล่นงานจอมเทวาจนเละถึงขนาดนี้ ชายผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่!
แน่นอนด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครกล้าพุ่งเข้าไปหาเรื่องซย่าโหวฉิงเทียนสักคน
“บอกเชียนลั่วเฉิงด้วยว่า ซย่าโหวฉิงเทียนกลับมาแล้ว!”
ซย่าโหวฉิงเทียนมองทหารเหล่านั้นด้วยสายตาเย็นชา
“ซย่าโหวฉิงเทียน เทพแห่งความโชคร้ายนั่น!”
“โอ้ เขามาได้อย่างไรกัน”
“เร็ว! รีบไปกราบทูลฝ่าบาท!”
เมื่อได้ยินนามว่าซย่าโหวฉิงเทียน ทหารทั้งหมดรวมทั้งกลุ่มชาวบ้านต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน
เรื่องราวน่าแปลกประหลาดอัศจรรย์ของอ๋องผู้นี้ ชาวฉินจื้อต่างก็คุ้นหูเป็นอย่างดีราวกับเรื่องในบ้านตนก็ไม่ปาน
ถูกส่งไปเป็นตัวประกันตั้งแต่เกิด สิบขวบกลับคืนสู่ต้าโจว สิบห้าขวบใช้การสู้รบที่เด็ดขาดเหนือชั้นท่ามกลางกองเถ้ากระดูกและเลือดเนื้อของศัตรูประจักษ์ถึงความสามารถที่แท้จริง
ในตอนนั้นก่อนที่ซย่าโหวฉิงเทียนจะกลับสู่ต้าโจว เขาเคยชี้หน้าเชียนลั่วเฉิงพร้อมกับลั่นวาจาเอาไว้ว่า
“เชียนลั่วเฉิง เจ้าคอยดูเถอะ! ข้าจะต้องกลับมาที่นี่อย่างแน่นอน!”
เดิมทีทุกคนคิดว่านั่นเป็นคำพูดเพราะความโกรธเคืองของเด็กสิบขวบเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าระยะเวลาผ่านไปอีกยี่สิบปี เขาจะถืออาวุธควบม้ากลับมาที่นี่จริงๆ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขากลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้ง ทั้งยังเล่นงานปรมาจารย์จนย่อยยับถึงเพียงนี้ สมคำร่ำลือจริงๆ!
หลายปีที่ผ่านมา ต้าโจวและฉินจื้อสมานฉันท์อยู่กันด้วยดีมาโดยตลอด ไม่เคยเกิดความขัดแย้งใดๆ
ตรงกันข้ามกลับเป็นแคว้นซีเย่ว์เสียอีก ที่ล่วงเกินซย่าโหวฉิงเทียนเข้า ถูกเขาเล่นงานจนสะบักสะบอมล้มลุกคลุกคลานเหตุเพราะสอดมือเข้าไปยุ่มย่ามเรื่องภายในต้าโจว ในวันนี้ยังต้องเป็นฝ่ายที่บ้านเมืองล่มสลาย…
เมื่อนึกถึงความโหดร้ายและความผิดต่างๆ ของชายชุดสีม่วงที่อยู่ตรงหน้านี้ ในใจใครหลายคนก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
ซย่าโหวฉิงเทียนมาทำอะไรที่นี่
คงไม่ได้มาทวงความยุติธรรมคืนจากชีวิตที่ต้องตกเป็นตัวประกันเมื่อสิบปีก่อนกระมัง!
“พวกเจ้าเป็นอะไรไปกันหมด เสียสติกันไปแล้วหรือ รีบเข้าไปจับเขาสิ!”
ก้อนเนื้อสองก้อนที่หน้าอกของตี้อู่หงเยี่ยแดงช้ำเลือด ก้อนเนื้อที่เดิมทีกลมเกลี้ยงราวลูกบอลถูกเหยียบจนแบนราวแผ่นขนมปัง นางประคองร่างตนเองขึ้นมา ทันใดนั้นสาวน้อยผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากรถม้า
“ใครกล้าบังอาจ!”
อวี้เฟยเยียนเดินออกมายืนเคียงข้างซย่าโหวฉิงเทียน
จู่ๆ ก็มีสาวน้อยอีกคนโผล่ขึ้นมาจากไหนไม่รู้ ทำให้ตี้อู่หงเยี่ยกัดฟันกรอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นท่าทีอ่อนโยนที่ซย่าโหวฉิงเทียนปฏิบัติต่อนาง ตี้อู่หงเยี่ยก็รับรู้ได้ในทันทีว่าทั้งสองคือคนรักกัน
มันช่างบาดตายิ่งนัก!
“เจ้าเป็นใคร”
ตี้อู่หงเยี่ยจ้องมองอวี้เฟยเยียนด้วยสายตาแค้นเคือง
“เหอะ…”
อวี้เฟยเยียนยิ้มแล้วเอ่ยนามตนเองออกมา
“ข้าคืออวี้หลัวช่า”
“อีกเรื่องหนึ่ง นี่คือบุรุษของข้า และข้าก็เกลียดการที่มีผู้ใดจ้องหน้าเพ้อฝันถึงบุรุษของข้าที่สุด!”
อวี้หลัวช่า!
เป็นนางจริงหรือนี่!
ตอนที่ 95-4 คู่รักจอมโหดที่มาหาเรื่อง
ตี้อู่หงเยี่ยทั้งตะลึงทั้งโกรธ คนที่นางตามหาด้วยความยากลำบาก ที่แท้มาอยู่ในรถม้านี่เอง
ชาวบ้านที่มุงดูอยู่โดยรอบ เมื่อได้ยินชื่อว่าอวี้หลัวช่าก็พากันกรูเข้ามา
“ใต้เท้าอวี้หลัวช่าจริงด้วย!”
ชาวบ้านคนหนึ่งที่เคยเข้ารับการรักษาจากอวี้เฟยเยียน เมื่อเห็นว่าเป็นอวี้เฟยเยียนจริงจึงร้องขึ้น
“ใต้เท้าอวี้หลัวช่าจริงด้วย ใต้เท้าอวี้หลัวช่า ท่านกลับมาแล้ว!”
“ใต้เท้าอวี้หลัวช่า ในที่สุดท่านก็มา!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้พบใต้เท้าอวี้หลัวช่าอีกครั้ง!”
พลัน ผู้คนต่างพากันเรียกขานชื่ออวี้หลัวช่าระงม
เมื่อครั้งที่อวี้หลัวช่าเข้าช่วยเหลือหยุดยั้งโรคติดต่อที่แคว้นฉินจื้อ นางช่วยชีวิตคนเอาไว้มากมาย
นางไม่เพียงแต่ไม่คิดค่ารักษา ทั้งยังมอบหยูกยาให้กับชาวบ้านไปอีกด้วย ดังนั้นนางจึงมีชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่ชาวบ้านยิ่งนัก นี่ก็เป็นสาเหตุที่หลิวกุ้ยเฟยอาฆาตแค้นกับนาง ด้วยเกรงว่านางจะแต่งงานกับเยี่ยน อ๋อง แล้วจะยิ่งทวีความนิยมให้กับเยี่ยนอ๋องมากขึ้นไปอีก
“ขอบคุณทุกคนมากนะ!”
น้ำใจจากชาวบ้าน อวี้เฟยเยียนตอบรับอย่างมีมารยาท
เทียบกับตี้อู่หงเยี่ยที่เอาแต่ยกตนว่าสูงส่งแล้ว ประชาชนชื่นชอบอวี้เฟยเยียนที่สมถะเข้าถึงได้ง่ายมากกว่า
อวี้เฟยเยียนช่วยชีวิตรักษาผู้คน สิ่งที่นางกระทำล้วนแต่เป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งสิ้น
อีกทั้งเมื่อได้ยินว่าอวี้เฟยเยียนเปิดหอคืนชีพอยู่ที่ต้าโจว รักษาคนจนที่เจ็บไข้ได้ป่วยโดยไม่คิดเงิน ทุกคนก็รู้สึกอิจฉาประชาชนชาวต้าโจวเป็นยิ่งนัก
เรื่องดีๆ เช่นนี้ เมื่อไหร่กันนะที่จะมาถึงชาวฉินจื้อบ้าง
“ใต้เท้าอวี้หลัวช่า ที่ท่านมายังฉินจื้อนี่ เพราะต้องการประลองวิชาแพทย์กับใต้เท้าเยี่ยใช่หรือไม่”
คนผู้หนึ่งกล่าวถามขึ้น
“ประลองวิชาแพทย์เป็นเรื่องรอง ที่ข้ามาที่นี่เหตุผลหลักก็เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับเพื่อนรักของข้าเชียนเยี่ยเสวี่ย!”
เมื่ออวี้เฟยเยียนกล่าวจบก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาท่ามกลางหมู่มวลชาวบ้านทันที
เชียนลั่วเฉิงโปรดปรานหลิวกุ้ยเฟย ลำเอียงรักแต่เยี่ยอ๋อง มิใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับที่ฉินจื้อตั้งนานแล้ว มีผู้คนไม่น้อยที่สงสารและเห็นใจเยี่ยนอ๋อง ฉู่ฮองเฮาและตระกูลฉู่ยิ่งนัก
อย่างน้อย เยี่ยนอ๋องก็มีความรู้ความสามารถมากกว่าเยี่ยอ๋อง ฉู่ฮองเฮาเอาก็ทรงเป็นคนดีเปี่ยมด้วยคุณธรรม ตระกูลฉู่ยิ่งดีกว่าพวกตระกูลสูงส่งที่เอาแต่ใช้อำนาจข่มเหงรังแกผู้อื่นมากกว่าเป็นไหนๆ
แต่ทว่า เชียนลั่วเฉิงที่เป็นถึงประมุขแคว้นกลับกล่าวโทษเยี่ยนอ๋อง แล้วประชาชนจะทำอะไรได้เล่า
“ใต้เท้าหลัวซ่า ท่านจะบอกว่าเยี่ยนอ๋องถูกใส่ร้ายอย่างนั้นหรือ”
ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวถามอย่างกล้าหาญ
“ไม่เพียงแค่เยี่ยนอ๋องที่ถูกใส่ร้าย ฉู่ฮองเฮาและตระกูลฉู่ล้วนแต่ถูกใส่ร้าย”
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ใช่ชาวฉินจื้อ มิอาจก้าวก่ายเรื่องราชกิจภายในฉินจื้อได้ แต่เชียนเยี่ยเสวี่ยคือสหายของข้า! คนเช่นข้านั้นไม่มีอะไรดี ข้ารู้เพียงว่าข้าต้องปกป้องเพื่อน! หนี้ที่ทำร้ายเชียนเยี่ยเสวี่ยนี้ ข้าจะทวงคืนอย่างครบถ้วนสาสมแน่นอน!”
ขณะที่กล่าว แววตาเย็นชาของอวี้เฟยเยียนจ้องไปที่ตี้อู่หงเยี่ยเขม็ง
ในเมื่อต้องการที่จะฆ่าแกงกันให้ได้ ไม่เจ้าก็ข้าที่จะต้องตายกันไปข้างหนึ่งอยู่แล้ว เช่นนั้นก็คงมิต้องเกรงใจกันอีกต่อไป!
“อวี้หลัวช่า ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะประลองกัน!”
ตี้อู่หงเยี่ยคิดว่าอวี้เฟยเยียนต้องการแก้แค้นให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยทั้งเลือกลงมือในเวลานี้อีกด้วย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ตัวนางที่กำลังบาดเจ็บหนักเช่นนี้คงไม่สามารถหนีรอดเงื้อมมืออวี้เฟยเยียนไปได้
“ข้ารู้ดี เรื่องนี้ท่านมิจำเป็นต้องย้ำเตือน!”
อวี้เฟยเยียนยิ้มเยือกเย็นออกมากล่าวทิ้งท้ายว่า
“หัวสุนัขท่านยังรักษาเอาไว้บนบ่าได้ชั่วคราว วันที่ประลอง จะเป็นวันตายของท่าน!”
รอจนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนจากไป ตี้อู่หงเยี่ยถึงได้ร่วงลงไปกองกับพื้น
ภายในรถม้า ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวถามขึ้น
“เมื่อครู่เหตุใดท่านถึงไม่สังหารนางเสีย”
อวี้เฟยเยียนและเชียนเยี่ยเสวี่ยความสัมพันธ์แน่นแฟ้น โอกาสดีเช่นนี้อวี้เฟยเยียนกลับมิยอมลงมือ มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
หรือว่า นางให้ความสำคัญกับการประลองมากกว่า
หรือสังหารตี้อู่หงเยี่ยตอนนี้ ออกจะฉวยโอกาสเมื่อนางเพลี่ยงพล้ำเกินไปหน่อย นางไม่กระทำเรื่องเช่นนี้
“ตอนนั้นมียอดฝีมือจับตาอยู่ใกล้ๆ!”
อวี้เฟยเยียนกล่าวตอบ ตาก็จ้องมองเชียนเยี่ยเสวี่ยที่กำลังหลับสนิทไม่วางตา
นางมิสนใจชื่อเสียงเกียรติยศอะไรแม้แต่น้อย ทั้งมิสนใจการประลองวิชาแพทย์อะไรนั่นด้วย ในเมื่อทำร้ายเชียนเยี่ยเสวี่ย ตี้อู่หงเยี่ยก็ต้องตายเท่านั้น
แม้จะไม่รู้ว่ายอดฝีมือที่อยู่ในที่มืดเป็นใคร แต่อวี้เฟยเยียนรู้ดีว่าวรยุทธ์เขาสูงขั้นกว่านางเป็นไหนๆ
หาก มีเพียงแค่นางและซย่าโหวฉิงเทียนสองคนละก็นางจะลงมืออย่างแน่นอน
แต่ในรถม้ายังมีเชียนเยี่ยเสวี่ยที่บาดเจ็บกับตี้อู่เฮ่ออีที่วรยุทธ์ไม่สูงนักอยู่ด้วย
นางเกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิชามารเบี่ยงเบนความสนใจนางออกไป แล้วมุ่งโจมตีเชียนเยี่ยเสวี่ย ด้วยเหตุนี้อวี้เฟยเยียนจึงได้อดทนไว้ไม่ยอมลงมือ
ตี้อู่เฮ่ออีก็พอที่จะคาดเดาความกังวลของอวี้เฟยเยียนได้
ในเวลาเช่นนี้อวี้เฟยเยียนยังคิดถึงเชียนเยี่ยเสวี่ย นางช่างเปี่ยมด้วยน้ำใจจริงๆ ไม่เสียแรงที่เชียนเยี่ยเสวี่ยที่บาดเจ็บสาหัสจะหอบร่างที่บอบช้ำไปของนางออกไปพบอวี้เฟยเยียนให้ได้!
เมื่อถึงที่พัก และตี้อู่เฮ่ออีเคาะประตู หนานกงจื่อหลิงก็รีบมาเปิดประตูทันที
ทว่าเมื่อซย่าโหวฉิงเทียนได้พบหน้าหนานกงจื่อหลิงเข้า เขาถึงกับขมวดคิ้ว
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
ตี้อู่หงเยี่ยมายังฉินจื้อ หนานกงจื่อหลิงก็อยู่ที่ฉินจื้อ นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า
ประโยคเมื่อครู่ของซย่าโหวฉิงเทียนทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก หนานกงจื่อหลิงเองก็ขมวดคิ้วสงสัยเช่นกัน
“พี่เฮ่ออี เขาเป็นใครกัน เหตุใดถึงไร้มารยาทเช่นนี้”
ตอนนั้นเองซย่าโหวฉิงเทียนถึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองนั้นได้กลายเป็นอีกคนไปแล้ว ซึ่งหนานกงจื่อหลิงจำเขาไม่ได้ ดังนั้นซย่าโหวฉิงเทียนรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ แล้วตอบกลับเสียงเรียบ
“จำคนผิด!”
อวี้เฟยเยียนหาได้สนใจกับเหตุการณ์สั้นๆ นั้นไม่ ความสนใจนางในตอนนี้พุ่งตรงไปที่เชียนเยี่ยเสวี่ยเพียงคนเดียว
เวลานี้ ภายในวังหลวงแห่งแคว้นฉินจื้อกำลังวุ่นวายอย่างหนัก
“ซย่าโหวฉิงเทียนมาที่นี่อย่างนั้นหรือ”
เชียนลั่วเฉิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแน่นหน้าอกจวนเจียนจะเป็นลมขึ้นมา
ทำไมถึงไม่มีเรื่องดีเลยสักเรื่องนะ!
กองทัพทหารนับแสนของซย่าโหวจวินอวี่ก็ทำให้เชียนลั่วเฉิงปวดหัวพออยู่แล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนยังมาปรากฏตัวที่ฉินจื้อตอนนี้อีก
เขามาเพื่ออะไรกันนะ
หรือเขาแค้นเคืองเรื่องที่ตนต้องมาเป็นตัวประกันในปีนั้นไม่สร่าง จึงมาที่นี่เพื่อหาเรื่อง
กล้าเกินไปแล้วกระมัง!
เขาไม่เกรงกลัวว่าข้าจะเด็ดหัวเขาเสีย หรืออย่างไรกัน
แต่เชียนลั่วเฉิงก็มีความอดทนเพียงพอที่ฟังต่อว่าเรื่องราวดำเนินต่อไปอย่างไร ครั้งเมื่อได้ฟังเรื่องที่ซย่าโหวฉิงเทียนควบม้าเหยียบอกตี้อู่หงเยี่ยเข้าให้แล้ว เขาถึงกับหน้าถอดสีทีเดียว
ซย่าโหวฉิงเทียนโหดเ**้ยมถึงเพียงนี้
จะชั่วดีอย่างไรเยี่ยหงก็เป็นถึงปรมาจารย์ แล้วเจ้าก็เล่นงานปรมาจารย์เสียจนหมอบเช่นนี้ มันไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ หรือซย่าโหวฉิงเทียนก็เป็นปรมาจารย์เช่นกัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจเชียนลั่วเฉิงก็เริ่มปวดขึ้นมา
ต้าโจวมีจอมเทวาคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังมีซย่าโหวฉิงเทียนเพิ่มมาอีกคน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ซย่าโหวจวินอวี่ทำบุญมาด้วยอะไรกัน!
แต่ เรื่องที่ทำให้เชียนลั่วเฉิงยิ่งเจ็บปวดรวดร้าวเข้าไปอีกนั้นคืออีกเรื่อง
“เจ้าบอกว่า ซย่าโหวฉิงเทียนมาเป็นเพื่อนอวี้หลัวช่าอย่างนั้นหรือ พวกเขาเป็นคนรักกัน อีกทั้งที่อวี้หลัวช่ามาเพื่อแก้แค้นให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย”
เชียนลั่วเฉิงเรียบเรียงได้ดังนั้นเขาก็ถึงกับส่ายหัวหมดหวังแล้วทรุดนั่งลงที่พื้น
ปีนั้นเชียนเยี่ยเสวี่ยตามจีบอวี้หลัวช่า เรื่องคนทั้งสองโจษจันกันไปทั่ว
เพราะหลังจากเรื่องที่ว่าอวี้หลัวช่าสำเร็จทั้งจอมเทวาและจักรพรรดิโอสถแพร่ออกไป เชียนลั่วเฉิงเกรงว่านางและเชียนเยี่ยเสวี่ยจะผนึกกำลังรวมเป็นพวกเดียวกัน แล้วจะกระทบต่ออนาคตของเยี่ยอ๋อง ดังนั้นเชียนลั่วเฉิงจึงใช้ชีวิตฉู่ฮองเฮาข่มขู่ หลอกให้เชียนเยี่ยเสวี่ยกลับมา
เช่นนี้แล้วจึงสามารถแยกเชียนเยี่ยเสวี่ยและอวี้หลัวช่าออกจากกันได้อย่างสิ้นเชิง!
มาตอนนี้สิ เพชรในมือกับถูกซย่าโหวฉิงเทียนคว้าเอาไปเสียแล้ว!
หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาคงจะยินยอมให้เชียนเยี่ยเสวี่ยซึ่งเป็นลูกชายเขาคว้าเอาเพชรเม็ดนั้นมาไว้เสียตั้งแต่แรก!
มิน่าเล่า ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้มั่นอกมั่นใจเสียขนาดนั้น เพราะอวี้หลัวช่าเป็นพวกต้าโจวตั้งแต่ต้น แล้วซย่าโหวฉิงเทียนจะไม่ลำพองใจได้อย่างไรกัน!
แย่แล้ว แย่แล้ว!
จู่ๆ เชียนลั่วเฉิงชักจะสังหรณ์ไม่ดี
อวี้หลัวช่ามุ่งมาหาเรื่องด้วยข้ออ้างที่ว่าต้องการแก้แค้นให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย ส่วนซย่าโหวฉิงเทียนที่เคยตกเป็นตัวประกันในอดีตก็ถูกรังแกมาไม่น้อย เขามากับอวี้หลัวซ่าในครั้งนี้ด้วย จะต้องมีเจตนาไม่ดีเป็นแน่
จู่ๆ ก็มีเทพองค์ใหญ่มาพร้อมกันถึงสององค์ ไม่คิดจะให้เขามีชีวิตรอดเลยใช่หรือไม่!
เยี่ยหงเชื่อถือไม่ได้แล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจที่สุดในฉินจื้อก็เป็นเพียงขั้นราชัน
ขั้นราชันเท่านั้นเอง!
เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บของจอมเทวา…
พลันเชียนลั่วเฉิงก็รู้สึกเย็นวูบที่ลำคอ ถึงกับต้องคลำว่าศีรษะตนยังอยู่บนบ่าเช่นเดิมหรือไม่เลยทีเดียว
ต้าโตวเดิมทีก็เป็นพวกจิตใจเ**้ยมโหดอยู่แล้ว ซย่าโหวจวินอวี่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เขาคิดที่จะลงมือกับฉินจื้อมาตั้งนานแล้ว
ตอนนี้ เป็นโอกาสของเขาแล้วสินะ!
ได้ยินว่าซย่าโหวฉิงเทียนสำคัญกับซย่าโหวจวินอวี่ยิ่งนัก หากเขาเกิดเรื่องที่ฉินจื้อละก็ จิ้งจอกเฒ่ามิตามมาเอาชีวิตเขาถึงที่ฉินจื้อนี่เลยหรือ!
ในเวลานั้น เชียนลั่วเฉิงเริ่มว้าวุ่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่รู้ว่าเริ่มจากตรงไหนกัน ที่หมากกระดานนี้เริ่มมีอะไรแปลกไป
ร่างเชียนเยี่ยเสวี่ยตอนนี้ก็ยังหาไม่พบ พวกโจรตระกูลฉู่ก็ยังหายสาบสูญไปโดยไร้เบาะแส ตอนนี้ปรมาจารย์ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังของฉินจื้อส่วนใหญ่ถูกลดทอน
แต่ละเรื่องล้วนแต่ไม่ได้ดั่งใจ! ไม่มีข่าวดีเลยสักเรื่อง!
ทันใดนั้นเชียนลั่วเฉิงก็นึกถึงคู่หญิงชายที่เข้ามาก่อเรื่องในวังหลวง จนทำให้หลิวกุ้ยเฟยตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
หรือ…คนทั้งสองก็คือซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้หลัวช่า
ยิ่งคิด เชียนลั่วเฉิงก็ยิ่งรู้สึกว่าการคาดการณ์ของตนเองนั้นถูกต้อง!
คนพวกนั้นบังอาจยิ่งนัก ไม่เห็นใครในสายตา!
นอกจากความเคืองแค้น เชียนลั่วเฉิงนั้นรู้ดีว่า หากคนทั้งสองจะเด็ดหัวเขามันง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ
ไม่ได้!
เขาจะนั่งรอความตายมิได้!
หากปล่อยให้ตัวอันตรายอยู่เมืองหลวงนี้ต่อไป เขาต้องอกสั่นขวัญแขวน จิตใจไม่สงบสุขเป็นแน่
จะต้องทำอะไรสักอย่าง!
เชียนลั่วเฉิงระดมสมองตนคิดใคร่ครวญหาวิธีอย่างหนัก เพื่อหาวิธีรับมือกับอวี้หลัวช่าและซย่าโหวฉิงเทียน
ตี้อู่หงเยี่ยใช้ป้ายคำสั่งใบไม้เขียวที่ตระกูลหนานกงมอบให้กับนางเมื่อครั้งที่นางออกจากเมืองอู๋โยว สั่งการให้อู่เม่ยไปสังหารซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้หลัวช่าเสีย
“เจ้ามิใช่ต้องประลองวิชาแพทย์กับอวี้หลัวช่าหรือ”
อู่เม่ยที่ขณะนี้มีผ้าดำปกปิดใบหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตาและริมฝีปากเท่านั้น มองดูแล้วให้ความรู้สึกแปลกประหลาดลึกลับยิ่งนัก
“ประลองวิชาแพทย์ ในสภาพนี้นะหรือ ข้าจะประลองได้อย่างไรกัน!”
ตี้อู่หงเยี่ยแค่เปล่งเสียงพูดจามาประโยคหนึ่ง หน้าอกนางก็จะตึงคัดอย่างหนัก
ในฐานะที่เป็นหญิง ตำแหน่งที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของร่างกายเสียหายไป ทำเอาตี้อู่หงเยี่ยถึงกับอยากตายเลยทีเดียว
“อู่เม่ย ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะใช้วิธีการอะไร จับซย่าโหวฉิงเทียนมาให้ข้าให้ได้ สำหรับอวี้เฟยเยียน เจ้าจะทำอย่างไรกับนางก็ได้!”
มองดูการแต่งกายที่แปลกประหลาดพิลึกพิลั่นของอู่เม่ย ตี้อู่หงเยี่ยถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง
“แม่นางคนนั้น ผิวพรรณขาวใส เจ้าชอบสะสมหนังมนุษย์ที่สุดมิใช่หรือ เชื่อข้า นางจะต้องทำให้เจ้าพอใจ!”
คำพูดตี้อู่หงเยี่ยทำให้อู่เม่ยแสยะยิ้ม ‘หึหึ’ ชั่วร้ายน่าเกลียดออกมา
“ไม่ต้องรอให้ท่านบอกหรอก ข้าเห็นนางกับตามาแล้ว ใช้ผิวนางทำเป็นตุ๊กตาหนังมนุษย์ เหมาะสมที่สุด!”
อู่เม่ยกล่าวไปพลาง เลียริมฝีปากไปพลาง
“นางจะต้องเป็นตุ๊กตาหนังมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด!”
อวี้หลัวช่าเป็นที่ดึงดูดของอู่เม่ย ตี้อู่หงเยี่ยก็วางใจแล้ว!
หมอนี่ไม่มีความชอบอื่นใด นอกจากชอบที่จะกรอกสารปรอทเข้าไปในร่างของคน แล้วถลกหนังแล่เนื้อคนแยกออกจากกันทั้งเป็น จากนั้นจึงค่อยสูบลมเข้าไปในหนังมนุษย์นั้น ทำเป็นตุ๊กตาหนังมนุษย์
ถึงแม้ว่าความชอบนี้คล้ายจะเป็นโรคจิตวิปลาสและน่าขยะแขยง แต่ตี้อู่หงเยี่ยก็รู้ดีว่าเป็นเพราะอย่างนี้ อู่เม่ยจึงได้ยอมช่วยเหลือนาง
อวี้หลัวช่าหากเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมืออู่เม่ยละก็ นางก็รอที่จะตายทั้งเป็นได้เลย!
ตี้อู่หงเยี่ยยิ้มร้ายออกมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น