เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก 91-117
ตอนที่ 91
เพราะเฉินเยี่ยนและเฉินจงแล้วยังมีหวางนิวที่ปิดปากแน่น ดังนั้นคนในหมู่บ้านเลยยังไม่มีใครเห็นว่าท่อพันบุหรี่หน้าตาเป็นยังไง
แน่นอน ยังมีคนเข้ามาทางหวางจวน โดยเฉพาะพี่สะใภ้ของหวางจวน ให้แม่หวางจวนมาสองรอบ บอกว่ามาเยี่ยนหวางจวน พออยู่กันส่วนตัวก็ลากหวางจวนไปถามเรื่องท่อพันบุหรี่และบุหรี่
หวางจวนไม่บอก แม่หวางจวนโกรธมาก คิดว่าสมองหวางจวนเสียไปแล้ว มีวิธีหาเงินดีขนาดนี้ ทำไมไม่บอกเธอ ไม่บอกที่บ้าน
แม่หวางจวนถามไม่ได้ความ พี่สะใภ้หวางจวนพาแม่หวางจวนและพี่ชายหวางจวนมาที่บ้านอีกรอบ เธอยิ่งไม่ได้คำตอบ เลยด่าหวางจวนว่าโหดเหี้ยมไม่มีเมตตา บ้านหวางเลี้ยงดูเธอมานานขนาดนี้ เธอกลับไม่สำนึกบุญคุณสักนิด จิตใจไม่ดี บอกว่าหวางจวนเป็นพวกเดียวกับเฉินเยี่ยน ไม่คิดว่าใครเป็นคนเลี้ยงเธอโตมา ตอนนี้มีปัญญาก็ไม่ช่วยเหลือที่บ้าน ไม่ต้องการให้คนที่บ้านมีชีวิตที่ดี แม้แต่คนเดียวก็ไม่ยอม
ครั้งนั้นที่พี่สะใภ้ด่าหวางจวน เฉินเยี่ยนมองออกว่านอกจากหวางจวนจะเสียใจแล้วเธอยังผิดหวังอีกด้วย แต่หวางจวนก็รู้จักนิสัยของคนที่บ้านว่าเป็นยังไง ดังนั้นเลยไม่ถือว่าผิดหวังมาก เธอไม่ได้ให้เฉินเยี่ยนช่วยออกรับหน้า เพียงแต่บอกแม่และพี่สะใภ้เธอว่า ไม่ว่าจะเป็นผักของบ้านเฉิน หรือธุรกิจที่ทำบุหรี่นั้นไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลยสักนิด เธอไม่บอกใครสักคำ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนในครอบครัวเธอ ให้พวกเขาไม่ต้องคิดแล้ว และไม่ต้องมาหาเธออีก ถึงจะตีเธอให้ตาย เธอก็ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
แม่หวางจวนคิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะพูดจาไร้เยื่อใยแบบนี้ ในใจเธอ สามี ลูกชาย หลานสำคัญที่สุด นอกจากสามคนนี้แล้ว ลูกสะใภ้และลูกสาวก็มีที่อยู่เหมือนกัน แต่ลูกชายยังคงสำคัญที่สุด ตอนนี้ลูกสาวสามารถช่วยเหลือที่บ้านได้ แต่ลูกสาวกลับไม่ช่วย เธอไม่เข้าใจ เธอคิดว่าลูกสาวไม่บอกคนอื่นนั้นสมควรแล้ว แต่ไม่บอกคนที่บ้านนั้นไม่ถูกต้อง
ขอแค่ลูกสาวยอมช่วยที่บ้าน ชีวิตความเป็นอยู่ที่บ้านก็จะดี อีกหน่อยลูกชายและลูกสะใภ้ก็จะช่วยเหลือลูกสาว ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจนะ?
แม่หวางจวนคิดแบบนี้แล้วลืมเรื่องคืนนั้นไปเลย ว่าลูกชายและลูกสะใภ้เธอทำยังไงกับลูกสาวเธอ พี่ชายพี่สะใภ้แบบนี้ หวางจวนยังหวังได้อีกเหรอ? จะมาช่วยเหลือพวกเขาได้ยังไง?
พี่สะใภ้หวางจวนเห็นหวางจวนไม่มช่วยเหลือแล้ว เลยยิ่งด่าขึ้นมาใหญ่ พูดแล้วก็บังเอิญ วันนั้นเจ้าอ้วนมาส่งไปป์บุหรี่และกระดาษพอดี เดิมทีเขาและคนพวกนั้นมาอยู่หน้าประตูบ้านมุงดูกัน แต่เห็นผู้หญิงโหดร้าด่าอยู่ตลอดเวลา เฉินเยี่ยนอยากจะออกหน้า แต่โดนหวางจวนส่ายหน้าห้ามไว้ หวางนิวอยากจะด่า แต่เห็นหวางจวนตาแดงเลยไม่ได้พูดอะไร เจาใจร้อน มีคนกล้ามารักแกพี่เฉินเยี่ยนและคนในครอบครัวเธอ คนนี้ชั่วร้ายเกินไปแล้ว
ถึงแม้สมองเจ้าอ้วนจะไม่ค่อยฉลาด จะเอ้อระเหยไปเล็กน้อย เขานับถือเฉินเยี่ยนเป็นพี่สาว นับถือไปทั้งชีวิต มีคนมารังแกเฉินเยี่ยน ก็เท่ากับรังแกเขา
เจ้าอ้วนด่าคนไม่เป็น พูดกับพี่สะใภ้หวางจวนหนึ่งประโยค พี่สะใภ้หวางจวนหันหน้ามาด่าเจ้าอ้วน เจ้าอ้วนไม่พูดต่อเป็นครั้งที่สอง แต่ดึงพี่สะใภ้หวางจวนเข้ามา พี่ชายหวางจวนไม่อยู่นิ่ง อยู่ๆ มีผู้ชายมาดึงภรรยาตัวเอง เขาต้องเอาคืน เขาเข้าไปข้างหน้า ปรากฏว่าโดนเจ้าอ้วนหิ้วแขนแล้วโยนออกไปนอกบ้านเฉิน ตอนนี้หวางจวนส่งเสียงร้อง ไม่ให้เจ้าอ้วนลงมือตี ไม่อย่างนั้นหมัดเจ้าอ้วนต่อยลงไป พี่ชายหวางจวนต้องนอนอยู่ตรงนั้น ลุกไม่ขึ้นแน่
แม่หวางจวนเห็นลูกชายตัวเองโดนโยนออกไป เลยพุ่งเข้าไปตีเจ้าอ้วนกับลูกสะใภ้ เจ้าอ้วนเห็นก็รำคาญ เขาไม่อยากจะทำร้ายผู้หญิง เลยดึงพี่สะใภ้หวางจวนมาขู่ แล้วยกตัวพี่สะใภ้หวางจวนมาไว้บนบ่า พี่สะใภ้หวางจวนทั้งถีบเตะ กรีดร้องยังไง เธอก็ลงไม่ได้
เจ้าอ้วนใช้อีกมือหนีบแม่หวางจวนไว้ แล้วทั้งแบกทั้งหนีบพวกเธอออกไปจากสนามบ้านเฉิน โยนไว้ที่พื้น มองดูพวกเธอกุมก้นตัวเองอย่างจนมุม เจ้าอ้วนก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา ไม่ได้รู้สึกว่าที่ตัวเองทำนั้นไม่ถูกต้องเลย ในใจเขา มีคนมาแกล้งเขาก็สมควรโดนแบบนี้ ไม่สนว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร จะผู้ชายหรือผู้หญิง ก็เหมือนกัน
พี่สะใภ้หวางจวนยังอยากจะด่า เจ้าอ้วนพูดกับเธอ เธอด่ากลับประโยคหนึ่ง เขาเลยยกพี่สะใภ้หวางจวนยกหมุนวนกลางอากาศ ด่าสองประโยคก็หมุนสองรอบ
แม่หวางจวนอยากจะพูดอะไร แต่เห็นเจ้าอ้วนจะลงมือตีลูกชายเธอ เธอเลยไม่กล้าเปล่งเสียงแล้ว
พี่สะใภ้หวางจวนด่าประโยคหนึ่ง เจ้าอ้วนยกเธอขึ้นมาหมุนวนจริง จนเท้าเธอถึงพื้น เธอกุมหน้าอกกรีดร้อง ไม่สนว่าผมเธอจะยุ่งเหยิงแค่ไหน
แล้วเธอด่าต่ออีก ครั้งนี้ไม่ทันที่เจ้าอ้วนจะลงมือ เธอวิ่งหนีไป ทั้งวิ่งทั้งด่า แต่สีหน้าเธอมีแววหวาดกลัว เธอไม่กล้าอยู่ต่อแล้ว เพราะเธอรู้ว่าเจ้าอ้วนนี้เป็นคนไม่ดี ไม่สนใจเลยว่าเธอเป็นผู้หญิง ทำอะไรได้หมดทุกอย่าง
พี่สาวบอก ถ้าพวกเขากล้ามาด่าเฉินเยี่ยนและหวางจวนที่บ้านอีกรอบ เขาจะมาที่บ้าน ยกพวกเขาหมุนแปดรอบสอบรอบทั้งวันถือว่าเป็นการออกกำลังกาย
คนบ้านหวางกลัวกันหมดแล้ว หลังจากครั้งนี้จะไม่กล้ามาหาเรื่องที่บ้านแล้ว
เห็นคนบ้านหวางจวนกลับไปอย่างจนตรอก ความเสียใจในใจหวางจวนก็พลิกกลับมา นี่ต่างหากที่เป็นครอบครัวเธอ
เฉินเยี่ยนถอนหายใจออกมา นี่คือคนชั่วกลัวคนโง่สินะ ที่จริงแล้วเธอก็สามารถไล่คนบ้านหวางไปได้ เพียงแต่หวางจวนดึงเธอไว้ เธอรู้ว่าหวางจวนกลัวจะวุ่นวายไปใหญ่ ทำร้ายครอบครัวเธอ และกลัวคนที่มามุงดูหัวเราะเยาะเอา เลยอดทนไว้ เธอไม่อยากให้หวางจวนอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“พี่สาว น้องสาว พวกเธอสบายใจได้ อีกหน่อยพวกเขาไม่กล้ามาแล้ว ถ้ามาอีกข้าจะช่วยจัดการพวกเขา”
เจ้าอ้วนเห็นคนไปแล้ว เลยเดินเข้ามาแสดงความชื่นชมในผลงานตัวเองกับเฉินเยี่ยนและหวางจวน
คำเรียกนี้ ทำเฉินเยี่ยนพูดไม่ออก เธอบอกกับเจ้าอ้วนหลายครั้งแล้ว แต่ให้ตายยังไงเจ้าอ้วนก็จะเรียกเธอว่าพี่สาว เรียกหวางจวนว่าน้องสาว
“ขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้เจ้า ก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปกันเมื่อไร”
หวางจวนปาดน้ำตาพูดกับเจ้าอ้วน ถึงแม้ว่าเจ้าอ้วนตีคนในครอบครัวเธอ แต่นั่นเป็นเพราะคนที่บ้านเธอหาเรื่องใส่ตัวเอง โทษเจ้าอ้วนไม่ได้ เป็นเจ้าอ้วนที่ออกหน้าแทนเธอ เธอคิดไม่ถึง แต่ซาบซึ้งมากด้วย
เจ้าอ้วนหัวเราะหึๆ ไม่รู้จะพูดอะไร
ผ่านเรื่องนี้มา คนในหมู่บ้านหลายคนต่างล้มเลิกความตั้งใจ แม้แต่แม้ตัวเอง คนในครอบครัวหวางจวนยังไม่บอกเลย คนอื่นยิ่งเป็นไปไม่ได้
ส่วนคนสนิท คนสนิทใครกันจะยอมบอกวิธีหาเงินให้คนอื่นฟรีๆ?
อาศัยบารมี หวางต้าหมินหัวหน้าหมู่บ้านยังชวนเฉินจงไปดื่มเหล้าเลย ถามถึงท่อพันบุหรี่นั้น เฉินจงก็บอกปัดไป หวางต้าหมินยังถามมาไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย
แล้วยังมีคนคิดจะถามฝั่งเฉินหู่ ให้เฉินหู่เอาท่อพันบุหรี่ออกมา เร่งเฉินหู่ เสนอผลประโยชน์มากมายให้เฉินหู่ไปขโมยมา เฉินหู่ไม่สนใจพวกนั้นเลย พี่สาวบอกเขาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดอะไรกับเขา ไม่ต้องไปสนใจ
ไม่ว่าใครในหมู่บ้านจะใช้วิธีไหน ก็ยังไม่มีใครได้เห็นท่อพันบุหรี่ของบ้านเฉินเลยสักคน ไม่มีท่อพันบุหรี่ พวกเขาอยากจะทำการค้าก็ทำไม่ได้แล้ว
ส่วนยาเส้น มีหลายคนรู้ว่ามีคนเอายาเส้นมาส่งให้ที่บ้านเฉิน ต่อมาพวกเขาก็รู้ว่ายาเส้นนี้เป็นของจากสถานีของเสียในเมือง และก็มีคนมีความคิดจะไปเอาไปป์บุหรี่ที่สถานีของเสียมาทำ แต่คนที่นั่นไม่ให้คนข้างนอกเข้า ดังนั้นความคิดนี้ก็ล้มเหลว
ดังนั้นคนที่มาที่บ้านสองเดือนนี้มีเยอะ มีคนวิ่งถลาเข้ามาในบ้านเฉินเพื่อจะเข้ามาดูว่าท่อพันบุหรี่หน้าตายังไง แต่เฉินเยี่ยนป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ทุกครั้งเวลาห่อบุหรี่เธอจะล็อคประตูจากด้านใน เธอไม่เปิดประตู ใครก็อย่าคิดจะเข้ามา ไม่โทษที่เธอทำแบบนี้ เพราะช่วงเวลานี้หาเงินยากมาก ไม่ป้องกันก็ไม่ได้
—————
ตอนที่ 92
ผ่านเทศกาลล่าปา[1] จนมาถึงวันแรมหกค่ำเดือนสิบสอง ไม่จำเป็นต้องห่อบุหรี่แล้ว บ้านเฉินค่อยสบายขึ้นมาหน่อย
วันแรมหกค่ำเดือนสิบสองมีตลาดหนึ่ง เพราะว่าหนาว และเพราะว่าไม่มีงานอะไร เฉินเยี่ยนเลยไม่ได้ไป นอนขี้เกียจอยู่ที่บ้าน เฉินจงพาเฉินหู่ที่ดีอกดีใจไปตลาด
ตอนนี้เงินในมือไม่อัตคัดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แล้วเฉินจงก็เป็นคนรักลูกด้วย อีกทั้งจะปีใหม่แล้ว นอกจากแท่งน้ำตาลแล้ว เขายังซื้อของหลายอย่างให้เฉินหู่อีกด้วย เพราะต้องเตรียมตัวฉลองปีใหม่
กลับมาจากตลาด มาถึงที่สนามบ้านเฉินหู่ก็ตะโกนเรียกเฉินเยี่ยนและหวางจวน จนเฉินหู่แบ่งแท่งน้ำตาลให้หวางนิว เฉินเยี่ยนและหวางจวนกินแท่งน้ำตาลกัน เฉินเยี่ยนถอนหายใจออกมา
แท่งน้ำตาลในยุคนี้ไม่ได้กรอบเหมือนกันยุคหลัง เหนียวติดฟัน เธอไม่ค่อยชอบกิน แต่ของอร่อยที่นี่มีไม่เยอะ เธอกินเพื่อเปลี่ยนรสชาติ
“อร่อย ทั้งหวานทั้งกรอบจริงๆ”
เฉินหู่เคี้ยวกรุบๆ แท่งหนึ่งลงไป เขาหยิบอีกแท่ง ที่จริงแล้วไม่โทษที่เฉินหู่ตะกละอยากกิน เพราะปีก่อนบ้านเฉินไม่มีญาติหรือเพื่อนต้องไปเยี่ยม เลยซื้อแท่งน้ำตาลมาแค่ไม่กี่แท่งเท่านั้น
พอแท่งน้ำตาลมาถึงบ้าน แท่งของเฉินกุ้ยต้องโดนช่างเหลียนกินไปแน่ๆ เฉินจงและหวางนิวก็ไม่ได้เก็บไว้ เอาให้ลูกๆ กิน เฉินเยี่ยนได้มานิดหน่อย ที่เหลือเป็นของเฉินเวยและเฉินหู่
เฉินเวยชอบกินของหวาน ดังนั้นเธอสามารถกินได้ทั้งแท่งเลย เฉินหู่กินไปได้ครึ่งแท่ง วันนั้นยังต้องไหว้เทพเจ้าเตาไฟถึงจะกินได้ ดังนั้นทุกครั้งเขาจะละเอียดอ่อน กลัวว่ากินไปคำหนึ่งแล้วจะหมด ครั้งนี้ซื้อแท่งน้ำตาลมาเยอะ เฉินจงบอกให้เขากินตามใจชอบเลย แน่นอนเฉินหู่เลยกินตามใจ
“พอได้แล้ว ไม่ต้องกินแล้ว กินเข้าไปอีกเดี๋ยวฟันจะไม่ขึ้น กลายเป็นหู่ไม่มีฟัน”
หวางนิวจ้องลูกชายคนเล็ก ถึงแม้ว่าปีนี้จะซื้อมาเยอะ แต่ของนี่ก็ไม่สามารถกินแทนข้าวได้ กินแท่งหนึ่งพออร่อยก็พอแล้ว ที่เหลือนอกจากจะเอาไว้เซ่นไหว้เทพเจ้าเตาไฟ จะใช้จะกินก็ต้องเหลือให้ผู้ใหญ่ไว้หน่อย แล้วยังมีพวกวุ้นเส้น สาหร่าย รากบัวอะไรพวกนี้ ก็ต้องเหลือไว้ให้ผู้ใหญ่เหมือนกัน ฝั่งนั้นนอกจากเฉินกุ้ยที่ทำงานแล้ว ช่างเหลียนก็ขี้เกียจตัวเป็นขน นี่จะปีใหม่แล้ว กลัวว่าจะไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย เธอต้องเตรียมไว้ด้วย ฝั่งนั้นจะได้ฉลองปีใหม่ดีหน่อย
เฉินหู่ที่กำลังกินอยู่หยุดชะงัก เขาเบะปากหน่อย แล้ววางน้ำตาลแท่งในมือลง ดูท่าทางแล้วน่าสงสารที่สุด
เฉินเยี่ยนเห็นแล้วตลก เด็กยุคนี้ฟันเปลี่ยนชุดช้า ปีที่แล้วฟันเฉินหู่เพิ่งเริ่มเปลี่ยนชุดเอง ฟันหน้าเปลี่ยนแล้ว แต่ยังเปลี่ยนไม่ครบ เฉินหู่น่าจะกลัวว่าฟันแท้เขาจะไม่โผล่ขึ้นมาจริง เขาไม่อยากเป็นหู่ไม่มีฟัน แต่เขาก็อยากกินแท่งน้ำตาลนั่นอีก ทำยังไงดี
เฉินเยี่ยนยื่นแท่งน้ำตาลในมือให้เฉินหู่ เฉินหู่ส่ายหน้าไม่เอา
“กินเร็ว มันติดฟันไป พี่กินไม่ลง วางใจได้ เธอกินนี่ไปแล้ว ฟันจะขึ้นแน่นอน ไม่กลายเป็นหู่ไม่มีฟันหรอก”
เฉินเยี่ยนขยิบตาให้เฉินหู่ แล้วพูดอีก “แต่ของหวานกินมากไปไม่ได้ อีกสองวันก็จะได้กินของทอดแล้วไม่ใช่หรือ? พี่จะทำอาหารอร่อยให้เธอกินเอง”
เฉินเยี่ยนพูดถึงของทอดคือประเพณีหนึ่งของหมู่บ้านเกษตรกร ก่อนปีใหม่หมู่บ้านเกษตรกรแต่ละบ้านจะทอดของกิน คนที่มีเงินหน่อยก็จะทอดมากหน่อย คนที่ไม่ค่อยมีก็จะทอดอย่างสองอย่างพอเป็นพิธี ก็ถือว่าปีใหม่แล้ว
เฉินหู่ได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยนก็พยักหน้าหงึกหงัก ฝีมือทำอาหารของพี่สาวอร่อยกว่าแม่ทำเยอะเลย ขอแค่มีวัตถุดิบพี่สาวก็สามารถทำอะไรที่เขาไม่เคยกินมาก่อน เขาชอบมาก มีกำลังใจได้กินของอร่อย เฉินหู่ก็ไม่เซ้าซี้เรื่องน้ำตาลแท่งอีกแล้ว
เฉินเยี่ยนมองดูใบหน้าดีใจของเฉินหู่ นัยน์ตาเธอยิ้ม เฉินหู่เรียบง่ายแบบนี้ แค่ได้ยินว่าของอร่อยก็พอใจแล้ว ดีเหลือเกิน อันที่จริงเธอก็ชอบชีวิตแบบนี้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงแกร่งมาแต่แรก เธอแค่อยากจะมีความสุขแบบเรียบง่ายตลอดไป
แต่ความสุขแบบเรียบง่ายที่เฉินเยี่ยนต้องการเป็นไปไม่ได้ เฉินเยี่ยนยังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ เฉินเวยก็เข้ามาในบ้าน
เห็นหวางนิวยัดน้ำตาลแท่งใส่มือเฉินเวย เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของหวางนิวกับคำถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับเฉินเวย เฉินเยี่ยนส่ายหัวในใจ แต่เธอจะทำอะไรได้? เฉินเวยก็เป็นลูกสาวของหวางนิวเหมือนกัน เป็นลูกแท้ๆ แถมเมื่อก่อนยังเป็นลูกรักมากกว่าเธออีก ฐานะสูงส่ง ถึงแม้ตัวเองจะแยกบ้านทำให้เฉินเวยไปอยู่ฝั่งนู้นได้ แต่ก็ไม่สามารถทำให้หวางนิวไม่ยอมรับเฉินเวยเป็นลูกสาวได้ ดังนั้นหวางนิวทำอะไรกับเฉินเวย ให้เฉินเวยกินอะไร เธอไม่สามารถไปห้ามได้
แค่ไม่สบายใจแค่นั้น
“เยี่ยนจื่อ เยี่ยนจื่อ เสี่ยวเวยพูดกับลูกได้ยินหรือเปล่า?”
ฝั่งหวางนิวจะโกนเรียกลูกสาวคนโต
“ไม่ค่ะ มีอะไรหรือ?”
เฉินเยี่ยนไม่ได้ยินจริงๆ เมื่อกี้เธอเหม่อลอย แต่ถึงแม้เธอจะได้ยินเธอก็จะบอกว่าไม่ได้ยิน เธอขี้เกียจจะสนใจเฉินเวย จะปีใหม่แล้ว ให้เธอสบายใจหลายวันหน่อยไม่ได้หรือไง
“เสี่ยวเวยบอกว่านี่จะปีใหม่แล้วไม่ใช่หรือ? ฝั่งพี่ชายลูกก็รู้อยู่ อะไรก็ให้พี่สะใภ้คุม เงินในมือพี่ชายก็ไม่มีเลย พี่สะใภ้ลูกบอกว่าเธอไม่มีเงินสักแดง จะปีใหม่แล้วเสี่ยวเวยอยากจะซื้อของ แต่เธอก็ไม่มีเงิน ลูกดูหน่อยว่ามีเงินพอให้เสี่ยวเวยหน่อยไหม ให้เธอซื้อผ้าสักชิ้นไปตัดชุดใหม่ แล้วซื้อพวกดอกไม้พวกนี้มาประดับวันปีใหม่ ชุดเก่าเธอเล็กไปแล้ว ถ้าไม่มีชุดใหม่ใส่ คนอื่นหัวเราะเอาได้ ลูกว่ายังไง?”
หวางนิวยิ้มพูดจุดประสงค์ของเฉินเวยรอบหนึ่ง แน่นอน เฉินเวยไม่ได้มาขอเงินกับเฉินเยี่ยน เธอแค่บอกสถานการณ์ฝั่งนั้นกับหวางนิว แล้วให้หวางนิวรู้ว่าเธอสูงขึ้น เสื้อผ้าเล็กหมดแล้ว ใส่ไม่ได้แล้ว บอกว่าผู้หญิงคนอื่นมีดอกไม้ประดับ ในหมู่บ้านต่างก็รู้ว่าปีนี้พวกเขาหาเงินได้ ถ้าเธอไม่มีอะไรเลย คนที่ออกมาในหมู่บ้านต้องหัวเราะเยาะเธอแน่
นี่คือเฉินเวย ต้องการอะไรเธอไม่เคยเป็นฝ่ายบอกเองเลย ต้องให้คนอื่นพูดแทนเธอ
ที่จริงหวางนิวอยากจะให้เงินลูกสาวมาก ให้ลูกสาวไปซื้อผ้ามาตัดชุดใหม่ ซื้อดอกไม้มาประดับ แต่เธอไม่สามารถ เพราะอะไร? เพราะในตัวเธอไม่มีเงิน เฉินเยี่ยนและเฉินจงเป็นคนซื้อของเข้าบ้าน บางครั้งเฉินเยี่ยนและเฉินจงไปขายบุหรี่จะตัดเนื้อมา ของกินเฉินเยี่ยนก็เป็นคนซื้อกลับมา ชีวิตความเป็นอยู่ที่บ้านดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย แต่เฉินเยี่ยนไม่เคยให้เงินหวางนิว
ฝั่งเฉินจง เธอเคยถามเฉินจง เฉินจงบอกว่าทุกครั้งที่เก็บเงินมาก็ให้เฉินเยี่ยนหมด หมายความว่าที่ตัวเฉินจงก็ไม่มีเงินเหมือนกัน เธอเคยบ่นมาก่อน บอกว่าเยี่ยนจื่อเป็นผู้หญิง มีเงินติดตัวเล็กน้อยก็พอแล้ว ทำไมถึงให้เฉินเยี่ยนคุมเงิน เงินควรจะเป็นเฉินจงดูแล แต่เฉินจงเงียบไปแล้วพูดกับเธอ อีกหน่อยบ้านนี้เยี่ยนจื่อเป็นคนดูแล เยี่ยนจื่อมีความคิด หาเงินได้ ถ้าไม่ใช่เธอ ที่บ้านก็คงไม่ดีขึ้น ดังนั้นเยี่ยนจื่อเก็บเงินไปก็ถือว่าสมควร แค่ให้เยี่ยนจื่อดูและที่บ้านก็พอแล้ว เขาเชื่อว่าเยี่ยนจื่อจะดีกับเฉินหู่ อีกหน่อยเฉินหู่ยังต้องอาศัยพี่สาวเขาคนนี้ ดังนั้นเขาเห็นด้วยที่จะเอาเงินไว้กับเฉินเยี่ยน
สามีพูดแบบนี้แล้ว หวางนิวก็ไม่มีอะไรจะพูดต่อ อีกหน่อยพวกเขาก็ต้องแก่ ต้องอาศัยลูกชายและลูกสะใภ้ หาลูกสะใภ้ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ จะหาคนที่ดี ครอบครัวต้องมีบ้าน มีหน้ามีตา เหมือนที่สามีบอก เยี่ยนจื่อและหู่จื่อสนิทกัน เยี่ยนจื่อไม่มีทางไม่ดูและหู่จื่อ เยี่ยนจื่อเป็นคนดูและก็ให้เยี่ยนจื่อดูแล ยังไงเธอก็แค่ต้องการให้ลูกชายลูกสาวดีก็พอแล้ว ตอนนี้ที่บ้านไม่ขาดแคลนอะไร เธอพอใจแล้ว
[1] หลังฤดูเก็บเกี่ยว ผู้คนจะเข้าป่าล่าสัตว์สำหรับบูชาบรรพบุรุษและเทพเจ้า เพื่อขอให้มีโชคมีลาภ ชีวิตยืนยาว หลีกเลี่ยงภัยพิบัติและได้รับสิริมงคล
————-
ตอนที่ 93
เฉินเยี่ยนได้ยินคำพูดหวางนิว เธอไม่แปลกใจ ทำไมเธอไม่ให้เงินหวางนิว ก็เพราะเธอรู้ว่าเธอให้เงินหวางนิวไป หวางนิวจะต้องแอบเอาเงินไปให้เฉินกุ้ยและเฉินเวย
ทำไมเฉินเยี่ยนไม่ให้เฉินจงคุมเงิน เพราะเฉินกุ้ยและเฉินเวยเป็นลูกบ้านเฉิน ถึงแม้เฉินจงจะมีใจลำเอียงแต่เขาก็รักลูกชายและลูกสาวเขาเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเฉินกุ้ยและเฉินเวยมาขอเงินกับเขา เขาก็จะใจอ่อน ไม่แน่อาจจะให้ เขาเป็นคนรู้เรื่องมีเหตุผล หลังเฉินเยี่ยนบอกว่าเธอจะคุมเงินเอง เฉินจงคิดตรึกตรองอยู่ทั้งคืน วันรุ่งขึ้นก็เอาเงินและตั๋วให้เฉินเยี่ยน หลังจากวันนั้นถึงแม้เฉินจงจะมีหน้าที่เก็บเงิน แต่กลับมาเขาก็เอาให้เฉินเยี่ยนหมด แบนี้จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก
เฉินเยี่ยนป้องกันช่างเหลียนและเฉินเวย ตัวเองลำบากหาเงินขนาดนี้จะเอาให้พวกนั้นไปใช้ได้ยังไง สมองเธอไม่ได้เสียสักหน่อย
“อ้อ”
เฉินเยี่ยนลากเสียงอ้อยาว หวางนิวยังยิ้มอยู่ ตอนที่กำลังจะพูดอีกครั้ง เฉินเยี่ยนพูดขึ้นมา “ไม่มี หนูไม่มีเงิน”
คำพูดนี้ของเฉินเยี่ยนทำเอาใบหน้ายิ้มของหวางนิวแข็งทื่อไป แววตาเฉินเวยขยับ เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนไม่ให้เงินเธอ ดังนั้นเธอเลยพูดกับหวางนิว เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนคนนี้ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ เฉินเยี่ยนไม่มีทางไม่ไว้หน้าหวางนิว ดังนั้นเธอเลยทำแบบนี้ คิดดูแล้ว เฉินเยี่ยนหาเงิน เธอเป็นคนใช้ เป็นเรื่องดีขนาดนี้ ขอแค่ตัวเองมาเอาเงินที่เฉินเยี่ยนหรือไม่ก็หวางนิวได้ ไม่ว่าจะเอาเท่าไร เฉินเยี่ยนก็จะอึดอัดมาก จะโกรธมาก ตัวเองต้องการให้เฉินเยี่ยนโกรธ เพียงแต่เฉินเวยคิดไม่ถึงว่าเงินไม่ถึงหวางนิวเลยสักนิด นี่หมายความว่าเฉินเยี่ยนป้องกันเธออยู่
“แม่ แม่ไม่ต้องขอแล้วค่ะ หนู หนูไม่ใส่เสื้อผ้าใหม่ก็ไม่เป็นไร แม่อย่าโกรธพี่เพราะหนูอีกเลย ตอนนี้พี่บ้านต้องหวังพึ่งพี่อยู่นะ พี่ใหญ่เป็นคนมีความสามารถ เธอหาเงินให้ที่บ้านได้ หนู หนูทำอะไรก็ไม่เป็น”
ฝั่งเฉินเวยพูดอย่างหวดกลัว เธอแค่นัยน์ตาแดงแสดงออกว่าเธอโดนรังแก
หวางนิวโกรธขึ้นมา สำหรับเธอ ลูกเหมือนกันทุกคน คนที่เก่งไม่ยิ่งต้องช่วยเหลือคนไม่เก่งหรือ? เธอยังไม่ได้พูดอะไรเลย ก็แค่ให้เฉินเยี่ยนแบ่งเงินให้เฉินเวยหน่อย ถ้าเฉินเยี่ยนไม่ให้เลย อีกหน่อยจะหวังให้เฉินเยี่ยนช่วยเหลือคนที่เหลืออยู่ได้ยังไง
“แม่ เมื่อก่อนบ้านเราหาเงินได้ก็ให้พ่อดูแลหมดไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ให้พี่ถือเงินเอาไว้ให้เป็นสินสอดของพี่เหรอคะ? หนูไม่ต้องหารเงินของพี่หรอก หนูไม่ได้ออกแรงอะไรเลย แต่พ่อแม่ยังมีพี่จวนเอ๋อร์ หู่จื่อก็ช่วยงานมาตั้งนาน เงินนี่ไม่ควรแบ่งให้ทุกคนเหรอคะ?”
เฉินเวยทำเป็นถามด้วยความสงสัย คำพูดเธอเต็มไปด้วยคำยุยง ทุกคนทำงานกันหมดเฉินเยี่ยนเธออาศัยอะไรมาถือเงินคนเดียว เธอจะเก็บไว้เป็นสินสอดทองหมั้นของเธอหรือ? งั้นทุกคนก็ไม่ได้ส่วนแบ่งแล้ว? แบบนี้ทุกคนก็จะมีความเห็นกับเฉินเยี่ยน
“ฉันเก็บเป็นเงินสินสอดของฉันเองล่ะ”
เฉินเยี่ยนพูดจบก็มองเฉินเวยแวบหนึ่ง เธอต้องการยุยงไม่ใช่หรือ? ฉันจะให้เธอยุยง เธอจะทำอะไรได้?
เฉินเวยไม่พูดอะไร ก้มหน้าลงเล็กน้อย ทำสีหน้าน่าสงสาร
“พอแล้ว พวกเธอสองคนเป็นพี่น้องกัน นี่อะไรกัน จะปีใหม่แล้ว พูดออกไปมีแต่จะให้คนอื่นหัวเราะ เมื่อก่อนพวกเธอไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ เยี่ยนจื่อ เสี่ยวเวยเป็นน้องสาวลูก เธอเด็กกว่า ลูกยอมเสี่ยวเวยหน่อย นี่จะปีใหม่แล้ว ถ้าเสี่ยวเวยไม่มีชุดใหม่ใส่ คนอื่นจะนินทาเอา ลูกเอาเงินให้เสี่ยวเวยหน่อย ถือว่าให้แม่แล้วกัน”
หวางนิวว่าเฉินเยี่ยน สำหรับเธอ เธอคิดว่าเฉินเยี่ยนและเฉินเวยสองพี่น้องควรจะรักใคร่สามัคคีกัน ถึงแม้ครั้งที่แล้วเฉินเยี่ยนจะเกิดเรื่อง มีเฉินเวยเกี่ยวข้องด้วย แต่เธอเชื่อว่าลูกสาวคนเล็กไม่ได้ตั้งใจ ต้องโดนวี๋เหวยหมินหลอกแน่นอน อีกอย่างลูกสาวคนเล็กโดนแยกไปอยู่บ้านโน้น ลำบากไม่น้อย มือสากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย เธอก็สงสารเหมือนกัน ในเมื่อที่บ้านมีเงินแล้ว ก็ควรให้ลูกสาวคนเล็กใช้บ้างก็สมควรอยู่
“หนูยอมน้องจะตาย นี่เธอมา น้ำตาลแท่งที่ซื้อมา เธอกินไปตั้งสองสามแท่งไม่ใช่หรือ? หนูกินไปคำเดียวเอง นี่ยังไม่ยอมเธออีกเหรอ ส่วนเรื่องเงิน หนูไม่มีเงิน ตัวหนูเองก็ยังไม่ได้ซื้อผ้ามาตัดชุดใหม่เลย ถ้ามีเงินหนูไม่ตัดชุดให้ตัวเองดีกว่าหรือ”
เฉินเยี่ยนพูดเสียงเรียบ เธอไปคุมหวางนิวเอ็นดูเฉินเวยไม่ได้ แต่เธอคุมเงินตัวเองไม่ให้ออกไปได้
“งั้นลูกไม่ไปตัดชุดใหม่ล่ะ? นี่ปีใหม่แล้ว แม่กับพ่อไม่จำเป็นแล้ว ลูกตัดชุดหนึ่ง ให้เสี่ยวเวยชุดหนึ่ง หู่จื่อชุดหนึ่ง แล้วมีหวางจวนอีก ตัดให้หวางจวนชุดหนึ่งด้วย แล้วยังมีพี่ใหญ่ลูกอีก ชุดพี่ลูกก็คงดูไม่ได้แล้ว แม่ไม่ได้อยู่ฝั่งนั้น เสื้อผ้าขาดก็ไม่มีใครช่วยเย็บ ครั้งที่แล้วคนอื่นยังหัวเราะเยาะแม่อยู่เลย บอกว่าเสื้อพี่ชายลูกขาดตั้งหลายรู เห็นทะลุเนื้อหมดแล้ว ตัดให้พี่ชายลูกชุดหนึ่ง แล้วยังมีพี่สะใภ้…”
ตอนที่พูดถึงช่างเหลียนหวางนิวลังเลหน่อย เธอไม่ชอบช่างเหลียนลูกสะใภ้คนนี้เลยจริงๆ ขี้เกียจเกินไป แต่ถ้าที่บ้านตัดชุดใหม่ทุกคน ไม่ให้ช่างเหลียน ก็ดูไม่ดี ช่างเหลียนต้องโวยวายแน่นอน จะปีใหม่แล้ว ไม่อยากทะเลาะให้อารมณ์เสีย
นัยน์ตาเฉินเวยเป็นประกาย แบบนี้ก็ดี แบบนี้เฉินเยี่ยนเลือดออกแน่ ยังไงเฉินเยี่ยนก็ไม่ให้เงินเธอใช้ ขอแค่เฉินเยี่ยนควักเงินออกมา ขอแค่มีคนมาใช้เงินเฉินเยี่ยน เธอก็ดีใจแล้ว
“แม่ บอกคนโน้นชุดหนึ่ง คนนี้ชุดหนึ่ง ไม่ต้องพูดเรื่องเงิน บ้านเรามีตั๋วผ้าเยอะขนาดนั้นหรือ? แม่อยากจะขายลูกสาวแลกกับตั๋วผ้าหรือ?”
เฉินเยี่ยนทนไม่ไหวมองบนใส่ นี่ไม่รู้ราคาข้าวของว่าแพงขนาดไหนหรือ?
ได้ยินเฉินเยี่ยนพูดแบบนี้ หวางนิวอึดอัดเล็กน้อย เธอพูดด้วยความสบายใจ แต่ที่บ้านก็ไม่มีตั๋วผ้ามากมายขนาดนั้นจริง
“ถ้าอย่างนั้นก็ลูกชุดหนึ่ง เสี่ยวเวยชุดหนึ่ง หู่จื่อให้เสื้อก็พอแล้ว เขายังเล็กอยู่ ทั้งวันเอาแต่เล่นปีนป่าย เสียดายค่าชุดส่วนจวนเอ๋อร์ จวนเอ๋อร์ไม่มีชุดอะไรเลย เธอก็ช่วยงานไม่น้อยเหมือนกัน ตัดให้จวนเอ๋อร์อีกชุดแล้วกัน คนอื่นยังไม่ต้องทำ”
เดิมทีหวางนิวคิดจะให้เฉินเยี่ยนขุดหนึ่ง เฉินเวยชุดหนึ่ง หู่จื่อชุดหนึ่ง แต่คิดว่าไม่มีจวนเอ๋อร์ไม่ได้ แบบนี้ไม่ดี
“ไม่มี ที่ตัวหนูไม่มีตั๋วผ้าสักใบเลย เงินก็ไม่มีแล้ว”
เฉินเยี่ยนแบมือ ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ยังไงเธอก็ไม่มีเงิน
“ลูกคนนี้นี่…..”
หวางนิวว่าเฉินเยี่ยนอย่างไม่เต็มใจ ทำงานยุ่งมาหลายเดือนนี้ ได้เงินแล้ว เอาเงินให้น้องสาวหน่อยจะเป็นไรไป? นั่นเป็นน้องสาวแท้ๆ
“แม่ เงินนั้นเป็นไว้ให้หู่จื่อสร้างบ้านสู่ขอภรรยา ถ้าวันนี้แม่ขอให้หน่อย พรุ่งนี้ขออีกหน่อย ถึงตอนนั้นไม่มีเงิน ใครจะหาให้พวกเราได้? แม่หวังจะไปขอจากพี่สะใภ้งั้นหรือ? แม่จะเอาอะไรมาสร้างบ้าน หาภรรยาให้หู่จื่อ?
เฉินเยี่ยนถามหวางนิว เธอเข้าใจจิตใจแม่ แต่ให้เธอเอาเงินให้ เธอไม่ยอม
“หู่จื่อยังเด็กอยู่ไม่ใช่เหรอ? เรื่องสร้างบ้านหาภรรยายังเร็วไป ผ่านไปอีกหลายปีก็ยังไม่สาย”
พอได้ยินว่าจะให้ลูกชายไปสู่ขอภรรยาไว้ใช้ หวางนิวพูดเสียงเบา
“ไม่เร็วไป แม่ดูบ้านที่พวกเราอยู่ ในหมู่บ้านนี้ไม่มีบ้านไหนที่มีบ้านผุพังยิ่งหว่าพวกเราอีกแล้วหรือเปล่า? ไม่รีบเก็บเงินสร้างบ้านหรือ? อีกอย่างถ้าวันนี้มาขอเงิน ขอไปนิดหน่อย แม่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้นิสัยของพี่สะใภ้ แม่คิดว่าจะให้หนูให้พี่สะใภ้เท่าไร? ไม่มีเงินแล้ว อีกหน่อยจะไปสู่ขอภรรยาได้ยังไง? อีกหน่อยแม่อยากจะสู่ขอผู้หญิงอย่างพี่สะใภ้มาหรือ? แม่ถามว่าหู่จื่อยอมหรือไม่? ถ้าบ้านของเราดีแล้ว วางแผนเร็ว แม่ก็สามารถเลือกคนที่ดีได้ เลือกลูกสะใภ้ที่พอใจ แม่ไม่อยากเหรอ?
เฉินเยี่ยนรู้ว่าหวางนิวให้ความสำคัญกับอะไร
———–
ตอนที่ 94
ได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยนแล้วหวางนิวเงียบไป เฉินเยี่ยนพูดตรงใจเธอ จะหาภรรยาที่ดีให้ลูกชาย เธอก็อยากจะหาคนที่ดี หาคนที่ขยันขันแข็ง รู้เรื่อง แต่นั่นแค่ความคิดเธอ ถ้าที่ความเป็นอยู่ที่บ้านไม่ดี จะมีผู้หญิงดีที่ไหนมาแต่งด้วย? ขอแค่มีฐานะ ก็สามารถเป็นฝ่ายเลือกได้ ถ้าเป็นอย่างที่เยี่ยนจื่อพูด ไม่สามารถซี้ซั้วใช้เงินได้จริงๆ ต้องเก็บไว้ให้ลูกชายแต่งภรรยา ควรจะต้องคำนวณแต่เนิ่นๆ
หวางนิวเห็นเฉินหู่ไม่พูดอะไร เฉินเวยก็มองไปทางเฉินหู่ ถ้าตอนนี้เฉินหู่พูดสักคำออกมา บอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องคิดเร็วขนาดนี้ เอาเงินออกมาให้ทุกคนใช้ เฉินเยี่ยนก็ไม่มีข้ออ้างแล้ว
สายตาเฉินเวยจากที่มีแววโกรธก็เริ่มเป็นประกายขึ้นมา ถ้าเฉินหุ่พูดแบบนี้ ก็เท่ากับว่าตบหน้าเฉินเยี่ยนสินะ? เฉินเยี่ยนพูดมาทั้งหมดเพื่อเขา แต่เขากลับตอกกลับเฉินเยี่ยนต่อหน้าทุกคน เฉินเยี่ยนไม่เพียงแต่เสียหน้า ยังเสียใจอีกด้วย นี่ดีจริงๆ
เฉินเวยดีใจขึ้นมา เธอมองเฉินหู่ เรียกเฉินหู่เสียงอ่อน แสดงออกให้เฉินหู่พูดช่วยเธอพี่สาวคนนี้
ตั้งแต่เฉินเวยเข้ามาเฉินหู่ไม่พูดอะไรสักคำ เฉินเวยและเฉินเยี่ยนต่างก็เป็นพี่สาวเขา แต่พี่น้องแท้ๆ ก็มีสนิทไม่สนิท เดิมทีเฉินหู่ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้เขาอยู่กับเฉินเยี่ยนทุกวัน เฉินเยี่ยนทำดีกับเขา ในใจเขาย่อมเอียงไปทางเฉินเยี่ยนอยู่แล้ว อีกทั้งเฉินเวยก่อเรื่องไว้ไม่น้อย เขาไม่เข้าข้างหรอก
ตอนนี้เฉินเวยเรียกเขา เขาจะพูดดีไหม? เขาจะพูดว่าให้พี่เอาเงินออกมาหรือ?
เฉินหู่แวบมองเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนไม่พูดอะไร
เฉินหู่กำลังคิด พูดตามตรง เงินที่บ้านหามาได้เขาไม่อยากได้เลย หนึ่งเขาแต่งงานยังมีเวลาอีกหลายปี คิดตอนนี้ถือว่าเร็วเกินไป สองเงินที่บ้านหามานอกจากช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่บ้านดีขึ้นแล้ว เขาอยากจะให้พี่สาวถือไว้ อีกหน่อยพี่มีเงิน เธอจะได้แต่งงานได้ มีเงินจะได้ไม่ต้องไปทนรับอารมณ์คนอื่น ไม่ต้องลำบาก เขาไม่อยากให้พี่ใหญ่ลำบาก เงินนี้พ่อแม่อยากได้ พี่จวนเอ๋อร์อยากได้ มีแค่เขาที่ไม่อยากได้ เขาโตแล้ว เขาก็ทำงานได้ เขาสามารถใช้ความสามารถตัวเองหาเงินสร้างบ้านหาภรรยาดูแลพ่อแม่ ช่วยเหลือพี่น้องได้ แต่ไม่ใช่มาใช้เงินที่พี่ใหญ่หามาอย่างยากลำบาก ดังนั้นถ้าตอนนี้เฉินเยี่ยนเอาเงินที่ออกแรงทำงานมาใช้หมด เขาก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆ ยังไงหาเงินมาก็ต้องใช้อยู่แล้ว
แต่ถ้าเขาพูดออกไป ก็แปลว่าเขายืนอยู่ข้างพี่รองแล้วอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่พูดออกมาแล้ว เขาจะตอกกลับพี่ใหญ่ งั้นพี่ใหญ่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? พี่ใหญ่ตั้งใจทำเพื่อเขา ไม่! เขาจะไม่พูด ไม่ทำให้พี่ใหญ่เสียหน้า อีกอย่างพี่ใหญ่ไม่ใช่คนขี้งก พี่ไม่ให้เงินพี่รองต้องมีเหตุผลแน่นอน เขาไม่สามารถซี้ซั้วเข้าร่วมได้
เฉินหู่ยังไม่โต แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง คิดได้แล้วเขาเลยไม่ได้พูดแทนเฉินเวย พูดแค่ว่าเขาฟังเฉินเยี่ยนทั้งหมด
เฉินเยี่ยนพยักหน้าอย่างเป็นปลื้ม เธอเชื่อมั่นน้องชายคนนี้ ถึงแม้น้องชายคนนี้จะใจร้อนไปหน่อย ชอบทะเลาะตบตี แต่เนื้อแท้เขาจิตใจดี ไม่ชอบดูถูกคนอื่น ถ้าเฉินเวยคิดจะให้เขาออกหน้าแทนเธอ งั้นเธอก็วางหมากพลาดแล้ว
เป็นอย่างที่คิด เฉินเวยแอบกัดฟันด้วยความโกรธ เดิมทีตอนที่เฉินเยี่ยนยังไม่ได้มาเกิดใหม่ เฉินหู่ปฏิบัติกับเธอและเฉินเยี่ยนไม่ต่างกัน นี่แค่ไม่ถึงครึ่งปีเอง เฉินหู่กับเฉินเยี่ยนกลายเป็นพวกเดียวกันไปแล้ว ช่างน่าโมโหจริง
อันที่จริงเฉินเวยเคยดึงเฉินหู่มาเป็นพวก แต่เพราะร่างเดิมของเฉินเวยทำไม่ดีกับเฉินหู่ ชอบแย่งของที่เป็นของเฉินหู่ ดังนั้นถึงแม้จะมาเกิดใหม่แล้ว เฉินเวยตีสนิทกับเฉินหู่ เฉินหู่ก็แค่วางตัวปกติกับเธอ
เฉินจงไม่ได้พูดอะไร เรื่องของเด็กก็ให้เด็กไปจัดการกันเอง พวกเขาเป็นผู้ใหญ่สามารถตัดสินใจโดยบังคับได้ แต่ผ่านไปแล้วยากที่ในใจลูกจะไม่ถือโทษ ไม่แน่จะแค้นเอาได้ ยิ่งไม่ดีใหญ่ พวกเขาไม่ใช่เด็กแล้ว ต่างมีความคิดของตัวเอง ปล่อยให้พวกเขาตัดสินกันเอง ไม่ว่าผลจะออกมายังไง บางทีผ่านไปช่วงระยะหนึ่งแล้วก็ถือว่าผ่านไป แน่นอน เขาก็หวังจะเป็นพี่น้องสามัคคีกัน แต่เขาก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เทียบกับบางบ้านแล้ว พี่น้องตบตีกันจนเลือดตกยางออก บ้านเขาถือว่าดีแล้ว เขาต้องให้ลูกรู้ว่าเป็นพ่อแม่สามารถมีส่วนร่วมได้ แต่พ่อแม่ไม่สามารถดูแลลูกได้ตลอดชีวิต ดังนั้นไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ก็ต้องเรียนรู้ที่จะแบกรับมันไป
เฉินเวยต้องการเงิน ถ้าตัวเขามี เขาก็ให้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเงินเลย เงินอยู่ที่เฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนให้ก็ถือว่าเฉินเยี่ยนมีน้ำใจกับเฉินเวย แต่นี่ไม่ให้?
ทำไมเฉินเยี่ยนถึงไม่ให้นะ? ลูกสาวคนโตคนนี้ถือว่าใกล้ชิดดูแลคนในบ้านมาก กับหวางจวนที่เป็นคนนอกก็ดูแลอย่างจริงใจ ทำไมถึงไม่พอใจเฉินเวยนะ? หรือเป็นเพราะเรื่องของอวี๋เหวยหมินครั้งที่แล้ว?
เป็นครั้งแรกที่เฉินจงเริ่มคิดปัญหานี้อย่างจริงจัง
เฉินเวยไม่ได้ดั่งใจหวัง นัยน์ตาแดงมองไปทางหวางนิวอย่างคับแค้นใจ ฝั่งเฉินเยี่ยนขี้เกียจดูเธอแสดงแล้ว เลยหันหลังกลับเข้าห้อง ผ่านไปสองนาทีเธอออกมาอีกครั้ง ระหว่างที่ล็อคประตูห้องก็ตะโกนเรียก “จวนเอ๋อร์ ไป ออกไปกับฉันหน่อย หู่จื่อ จะไปด้วยไหม?”
“พี่ใหญ่ พวกเราจะไปไหนกัน?”
เฉินหู่ได้ยินว่าจะออกไปข้างนอกก็ตื่นเต้น กระโดดมาตรงหน้าเฉินเยี่ยน
“เข็นรถไป ไปเอาชุดกับพี่ ครั้งที่แล้วพี่กับพ่อไปสหกรณ์ซื้อผ้ามา เลยตัดชุดให้พวกเราคนละชุด ปีใหม่แล้ว ยังไงก็ต้องมีชุดใหม่ใส่ไม่ใช่หรือ? พี่ว่าน่าจะทำเสร็จแล้ว พวกเราไปเอากัน”
เสียงเฉินเยี่ยนพูดไม่ดัง แต่ก็ไม่เบา เธอไม่กลัวเฉินเวยได้ยิน
เฉินจงไม่พูดอะไรเลย ครั้งที่แล้วเขาไปซื้อผ้ากับเฉินเยี่ยนจริง และตัดชุดให้ทุกคน เฉินเยี่ยนบอกว่าปีใหม่แล้ว ต้องมีชุดใหม่ ให้เขา หวางนิว เฉินหู่ หวางจวน เขาก็พูดถึงเฉินกุ้ยและเฉินเวย แต่เฉินเยี่ยนบอกว่าไม่มีตั๋วผ้าแล้ว เขาเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ ดังนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่หวางนิวเรียกให้เฉินเยี่ยนตัดชุดให้เฉินเวยและทุกคนในบ้าน เดิมทีเขาอยากจะพูดอธิบาย แต่เห็นเฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร เลยไม่รู้ว่าเฉินเยี่ยนคิดอะไร เขาเลยไม่ได้พูด
เฉินเวยตาโต นี่เฉินเยี่ยนหมายความว่ายังไง เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าไม่มีเงิน ไม่มีตั๋วผ้า ตัวเธอเองยังไม่มีชุดเลย ตอนนี้บอกว่าจะไปเอาชุดมา ดูท่าทางแล้ว เธอน่าจะตัดชุดไม่น้อย เธอจงใจไม่ไว้หน้าตัวเองสินะ?
“เยี่ยนจื่อลูกตัดชุดใหม่แล้วหรือ แม่ก็ว่าเยี่ยนจื่อไม่น่าทำแบบนี้ ตัดหมดเลยใช่ไหม? มีของเสี่ยวเวยด้วยใช่ไหม? ลูกสาวคนนี้จริงๆ เลย เมื่อกี้ไม่ยอมพูดอะไร ดูน้องลูกสิน่าสงสารใหญ่แล้ว
ฝั่งหวางนิวอึ้งไปเล็กน้อยแล้วพูดกับเฉินเยี่ยน แต่สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ หนูไม่รู้ว่าเธอใช่ขนาดไหน เลยทำแค่บ้านพวกเรา ไม่มีของเธอถ้าเธอจะทำคงต้องรอหน่อย”
เฉินเยี่ยนตอบอย่างไม่ลังเล เธอต้องการบอกเฉินเวยว่าเธอไม่ให้เงิน และจะไม่ตัดชุดให้ด้วย ที่ตอนนี้เธอลากหวางจวนและเฉินหู่ไป เพื่อที่จะให้เฉินเวยเห็น ฉันเอาของทั้งหมดแสดงออกมาให้เห็นแล้วแล้ว ท่าทีฉันก็แสดงออกมาแล้ว เธอจะทำอะไรได้ แกล้งทำเป็นน่าสงสาร แสดงว่าโดนกลั่นแกล้ง? ฉันไม่หลงไม้นี้ของเธอหรอก
เฉินเวยรู้สึกว่าคำพูดและท่าทีของเฉินเยี่ยนเหมือนตบหน้าเธอสองฉาดทำให้เธอเสียหน้า เดิมทีเธออยากจะให้เฉินหู่ฉีกหน้าเฉินเยี่ยน ตอนนี้กลับกลายเป็นโดนเฉินเยี่ยนตอบหน้าเธอ อะไรคือบอกว่าไม่รู้ว่าเธอใส่ไซส์ไหน ถ้าเธอจะทำให้ตัวเองด้วยใจจริง มาถามเธอก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ? แสดงว่าเธอจริงใจ
ตอนที่เฉินเวยโกรธเธอไม่ได้คิดเลย ว่าทำไมเฉินเยี่ยนจะต้องตัดชุดให้เธอ?
————
ตอนที่ 95
“พี่ใหญ่พี่ช่างดีจริงๆ ไป ไป พวกเรารีบไปกัน วันก่อนโกว่ต้านเพิ่งมาอวดผมว่าแม่เขาตัดชุดใหม่ให้เขาอยู่เลย คราวนี้ผมจะดูว่าเขายังจะอวดอยู่อีกไหม”
สองตาเฉินหู่เป็นประกาย เขาก็อยากได้ชุดใหม่เหมือนกัน โดยเฉพาะเพื่อนบางคนมาอวดต่อหน้าเขา เขาก็อยากจะเหมือนคนอื่นบ้าง แต่เขารู้เรื่อง ไม่เคยขอที่บ้านมาก่อนเลย แต่ตอนนี้มีแล้ว แน่นอนเขาย่อมดีใจ
“ไปเอาชุดแล้ว พี่จะไปพวกเราไปซื้อปลากับเนื้อ กลับมาพี่จะทำปลาให้พวกเรากินกัน ให้พวกเรากินกันจนพอ ปีนี้พวกเราได้ฉลองปีใหม่ที่ดีแล้ว”
เฉินเยี่ยนลูบศีรษะเฉินหู่ เธอจะทำให้น้องชายเธอมีเสื้อผ้าใหม่ใส่ตลอด
เฉินเวยกำหมัด เมื่อกี้ยังบอกกับตัวเองอยู่เลยว่าไม่มีเงิน ไม่มีสักสตางค์เดียว ตอนนี้เธอกลับจะไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วยังไปซื้อปลา ซื้อเนื้ออีก นี่ไม่ได้ตบหน้าเธอเต็มๆ หรือไง? เฉินเยี่ยนชั่วร้ายเกินไปแล้ว ทำไมไม่มีคนคุมเธอเลย พ่อก็ไม่พูดอะไร แม่ก็ใช่ ทำไมไม่ตีเฉินเยี่ยนสักชุด แย่งเงินเฉินเยี่ยนมาให้เธอนะ ปากก็บอกว่าจะดีกับเธอ แต่เป็นแค่ความว่างเปล่า
ฝั่งหวางจวนคิดแล้ว เธอก็เดินไปข้างหน้า ช่วยจับที่เข็นรถ ตั้งแต่เฉินเวยเข้ามาในบ้าน เธอไม่ได้พูดเลยสักคำ เพราะเธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูดได้ เดิมทีเธอไม่อยากออกจากบ้าน แต่ตอนนี้เฉินเวยอยู่ในบ้านเฉิน เธอเลยออกไปกับเฉินเยี่ยนดีกว่า ป้องกันเฉินเวยมาหาเธอด้วย อีกอย่างเฉินเยี่ยนบอกว่าตัดชุดแล้ว แล้วยังซื้อนี่ซื้อนั่นอีก เฉินเยี่ยนกับเฉินหู่สองคนอาจจะแบกไม่ไหว ตัวเองเลยไปช่วยด้วย
ส่วนตัวเอง หวางจวนสูดหายใจลึก เธอควรจะออกไปจากบ้านนี้ได้แล้ว เดินออกไป ไม่ใช่หลบอยู่แต่ในบ้านนี้ทั้งชีวิต
หวางจวนเดินมาหน้าประตู ในใจเธอยังรู้สึกกลัวอยู่บ้าง หลังจากมาถึงบ้านเฉิน เธอไม่เคยออกไปข้างนอกเลย เธออยู่แต่ในบ้านเฉินมาตลอด ให้ทำอะไรเธอก็ยอมหมด เธอเพียงแต่ไม่ยอมออกไป ไม่ยอมติดต่อกับคนภายนอก
หวางจวนหันหน้ากลับไป เธอเห็นเฉินเวยพอดี สายตาเฉินเวยเย็นชา มีแววโหดเหี้ยมและเกลียดชัง แล้วยังมีสายตาเหยียดหยามดูถูกอีกด้วย
หวางจวนหันหลับมา เดิมทีใจที่ลังเลก็แน่วแน่ขึ้นมา ในเมื่อพี่เยี่ยนจื่อให้ตัวเองตามเธอไป ก็หมายความตัวพี่เยี่ยนจื่อคิดว่าถึงเวลาที่ต้องออกไปข้างนอกแล้ว ตัวเองกลัวไม่ได้ ขอแค่ออกไปเป็นครั้งแรก ครั้งต่อไปเธอก็จะไม่กลัวอีกแล้ว
หวางจวนก้าวเทาออกไป เฉินเยี่ยนยิ้มออกมา ขอแค่มีจุดเริ่มต้น เดินออกไปก้าวแรก หวางจวนก็จะทำลายอุปสรรคที่มีอยู่ในใจได้แล้ว อุปสรรคในใจหายไป หวางจวนจะได้มีความกล้าที่จะเผชิญกับชีวิตข้างหน้า ไม่ใช่ขังอยู่แต่ในบ้านเฉินตลอดเวลา
เฉินเยี่ยนก็หันไปแวบมองเฉินเวย เธอเมินสายตาโกรธเกลียดของเฉินเวย เธอต้องการให้เฉินเวยโกรธ โกรธไปเธอก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีวันที่จะกลายเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกับเฉินเวยได้อีกแล้ว ดังนั้นเธอจะไม่แกล้งมีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับเฉินเวย พูดไปวันนี้ก็ต้องขอบคุณเฉินเวย ถ้าเฉินเวยไม่ออกมาแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรหวางจวนจะกล้าออกจากบ้านเฉินไปกับตัวเองสักที ต้องขอบคุณเฉินเวยเลย
เฉินเยี่ยน เฉินหู่ หวางจวนทั้งสามคนลากรถเข็นไป เดิมทีเฉินจงอยากจะไปด้วย แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้เรียกเขา อีกทั้งพวกเขามีกันสามคนแล้ว เขาเลยไม่ได้พูดอะไร เข้าบ้านไปจัดเก็บของ
“แม่ หนูเสียใจค่ะ เมื่อวานพี่ชายกับพี่สะใภ้ทะเลาะกันตั้งนาน หนูนอนไม่หลับเลย หนูขอนอนที่นี่หน่อยได้ไหมคะ?”
เห็นพวกเฉินเยี่ยนไปแล้ว เฉินเวยนวดศีรษะพูดกับหวางนิว
“ดูลูกพูดเข้า ที่นี่ก็บ้านลูก ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ไป เข้าห้องไปกับแม่ พี่ชายกับพี่สะใภ้ลูกทะเลาะอะไรกันรู้หรือเปล่า?”
ในใจหวางนิวก็ยังห่วงใยฝั่งนั้นมาก
“ก็เรื่องพี่สะใภ้บอกว่าที่บ้านไม่มีเงิน มาขอเงินกับพี่ พี่มีที่ไหนล่ะ ปกติหาเงินได้ก็เอาให้พี่สะใภ้แล้ว”
เฉินเวยพูดไปมั่วๆ เฉินกุ้ยกับช่างเหลียนทะเลาะกันให้ตายเธอก็ไม่สนใจ เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
“พี่ชายลูกซื้อเกินไป ช่างเหลียนมาคุมเงิน มีนิดหน่อยถ้าไม่ใช้หมดก็เอาไปให้ที่บ้านเธอ แล้วยังมาขอกับพี่ชายลูกอีก นี่ไม่ใช่ว่าทำให้พี่ลูกลำบากเหรอ?”
หวางนิวไม่พอใจลูกสะใภ้ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้
เฉินเวยเบ้ปาก ช่างเหลียนก็เคยคิดมาที่นี่ขอเงิน หลายครั้งที่เฉินกุ้ยมาขอเงินที่นี่ เฉินกุ้ยไม่เอ่ยอะไรทั้งสิ้น โดนบีบบังคับมา ออกไปเดินวนหนึ่งรอบแล้วกลับมา บอกว่าฝั่งนั้นไม่ให้เงิน ที่จริงเธอรู้ เฉินกุ้ยไม่ได้มาที่นี่เลย ถึงแม้เฉินกุ้ยกะมาหาเฉินจงและหวางนิว ก็จะพูดเรื่องเงินกับพวกเขา ถึงแม้เฉินกุ้ยจะซื่อ แต่เขาคิดถึงหน้าตา จะไม่มาดูถูกฝั่งนี้
แต่เธอคิดว่าช่างเหลียนก็น่าจะมาที่นี่เหมือนกัน มาขอเงินแล้วตัวเองขอไม่ได้ ดูแล้วช่างเหลียนไม่มีปัญญาขอ
“แม่ หนูไปนอนที่ห้องพี่ก็ได้ ยังไงพี่คงยังไม่กลับมาสักพัก”
เฉินเวยไม่ฟังคำบ่นหวางนิว หยุดฝีท้าที่จะเดินไปที่โถงบ้าน จุดประสงค์เธอไม่ใช่การนอน
“ไปห้องเยี่ยนจื่อ?”
หวางนิวลังเล เวลาปกติเฉินเยี่ยนบอกเธอไม่ให้ใครเข้ามาในห้อง เพราะห้องเยี่ยนจื่อวางท่อพันบุหรี่อยู่แล้วยังมีพวกเงินกับตั๋วอยู่ด้วย
“เมื่อกี้พี่ลูกล็อคประตูไปแล้ว”
หวางนิวรู้เจตนาของลูกสาวคนโต เธอเห็นเฉินเวยก้มหน้าอยู่ตรงนั้นไม่ยอมพูดจา เลยพูดขึ้นมาอีก “กุญแจนั่นพี่สาวลูกเป็นคนซื้อ ให้พ่อเก็บไว้ กุญแจเธอเอาไป ไม่ได้ให้ใครไว้ แม่ก็เปิดไม่ได้ แค่นอนไม่ใช่หรือ ที่ไหนก็เหมือนกัน ตอนเด็กลูกไม่ได้นอนเตียงนั้นตลอดนี่ ทำไมถึงมาเลือกเอาล่ะ?”
เฉินเวยมองหวางนิว แล้วมองไปที่ประตูนั้น บนประตูมีกุญแจระยิบระยับอยู่ตรงนั้น ช่างทิ่มแทงตาเหลือเกิน เฉินเยี่ยนจงใจป้องกันตัวเองเลยล็อคไว้ เธอมั่นใจขนาดนั้นว่าตัวเองจะเข้าไปในห้องเธอ?
เฉินเยี่ยนคนนี้ ทำไมถึงต้องมาป้องกันตัวเองด้วย! ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอก็สามารถเข้าไปในห้องเอาท่อพันบุหรี่มาดูให้รู้เรื่องแล้ววาดไปให้อวี๋เหวยหมิน และจะได้เอาเงินกับตั๋วของเฉินเยี่ยนไปด้วย ถึงเฉินเยี่ยนจะโมโหขึ้นมาแล้วจะทำอะไรได้ จะกล้ามาตบตัวเองหรือไง? มีพ่อแม่ปกป้องอยู่ อย่างมากเฉินเยี่ยนก็แค่ด่าตัวเอง เงินกับตั๋วเธอเอามาแล้ว ไม่มีทางคืนให้ เฉินเยี่ยนทำได้แค่ยอมรับความซวยของตัวเอง แต่ตอนนี้เธอเข้าไปไม่ได้ ยังไงก็ไม่สามารถเอาขวานมาฟันให้ประตูเปิดได้? พ่อแม่ต้องไม่ยอมแน่ ตอนนี้เฉินเวยอยากจะร้องไห้
ฝั่งเฉินเยี่ยนและเฉินหู่กับหวางจวนไปร้านตัดเสื้อ เสื้อผ้าตัดเสร็จแล้ว ครั้งที่แล้วเฉินเยี่ยนเป็นคนเลือกผ้า ขนาดเธอแอบวัดเสื้อผ้าของทุกคนแล้วมาบอกที่ร้าน ดังนั้นน่าจะใส่พอดี
สีของผ้ายุคนี้มีไม่เยอะ แต่สีแดง สีเขียว สีฟ้า สีดำ สีเทามีหมด เฉินเยี่ยนเลือกสีแดงอมชมพูให้ตัวเอง ตอนแรกเธอรู้สึกว่าสดไป แต่พอดูสีอื่น เธอส่ายหน้า ถึงแม้สีแดงอมชมพูจะอ่อนหวาน แต่ตอนนี้เธอวัยรุ่นอยู่ ยังใส่ได้ ฉลองปีใหม่แล้วยังไม่ต้องทำงานด้วย ใส่สีสันสดใสหน่อยก็ดูดี เป็นผู้หญิง ยังไงก็รักสวยรักงาม
สีที่เธอเลือกให้หวางจวนก็สดใสเหมือนกัน หวางจวนลองแล้ว เฉินเยี่ยนบอกว่าสวย เฉินหู่ที่อยู่ข้างๆ ก็บอกว่าสวย ใบหน้าหวางจวนแดงระเรื่อขึ้นมา นัยน์ตาก็เริ่มแดง หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ปีใหม่เธอได้ใส่เสื้อผ้าใหม่ที่สวยขนาดนี้ พี่เยี่ยนจื่อไม่เคยคิดว่าเธอเป็นคนนอกเลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็คิดถึงเธอเสมอ
“พี่ใหญ่ ดูผม ดูผมสิ เสื้อผ้าผมดีกว่าโกว่ต้านเยอะเลย กลับไปผมจะไปใส่ให้พวกนั้นดู ดูว่าพวกนั้นยังว่าผมไม่มีชุดใหม่ใส่อีกหรือเปล่า”
สีหน้าเฉินหู่ดีใจ เด็กวัยนี้ชอบเปรียบเทียบกัน ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่เห็นคนอื่นดีกว่าตัวเอง ย่อมไม่สบายใจ ปีก่อนเฉินหู่ใส่ชุดเก่าของเฉินกุ้ยที่เอามาแก้ ปีนี้พี่ใหญ่ตัดชุดใหม่ให้เขา เขาจะใส่ออกไปให้คนทั้งหมู่บ้านดู ให้ทุกคนอิจฉาเขา
————–
ตอนที่ 96
ออกมาจากร้านตัดชุด เฉินเยี่ยนพาเฉินหู่และหวางจวนไปสหกรณ์ซื้อขนม ซื้อเนื้อ ซื้อปลา ขอแค่เฉินเยี่ยนถูกใจ เฉินหู่ดีใจ เฉินเยี่ยนซื้อหมด
หวางจวนเห็นแล้วอึ้ง พี่เยี่ยนจื่อนี่อีกหน่อยต้องล้มละลายแน่ กลับไปคุณป้าต้องบ่นยาวอย่างเสียดายไม่เลิก แต่ก็นะ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าพี่เยี่ยนจื่อเป็นแบบนี้ รู้สึกสบายใจมาก
เฉินเยี่ยนก็รู้ว่าซื้อของมากมายขนาดนี้กลับไปหวางนิวต้องบ่ยเธอแน่ ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ ถึงจะผ่านปอีสิบยี่สิบปี ในหมู่บ้านที่เธออยู่ ก็ยังมีคนมากมายที่เสียดายที่จะกิน เสียดายที่จะดื่ม แม้แต่เสียเงินหาหมอยังเสียดายแทบแย่ ถึงจะซื้อของตอบแทนพวกเขา พวกเขาก็ยังว่าว่าซี้ซั้วใช้เงิน พวกเขามีแค่จุดมุ่งหมายเดียว เก็บเงินสร้างบ้าน สู่ขอลูกสะใภ้
หมู่บ้านเกษตรกรในยุคหลังของเฉินเยี่ยน เกือบทุกบ้านจะเป็นตึกสองชั้น แต่ละบ้านสร้างแข่งกัน สร้างให้สวย สร้างให้ดี กลัวว่าตัวเองสร้างไม่ดีแล้วจะโดนหัวเราะเยาะ
อันที่จริงครอบครัวหนึ่งก็มีคนอยู่แค่นั้น ชั้นบนไม่มีใครอยู่เลย ก็ไม่รู้ว่าจะสร้างเอาหน้าไปทำไม?
เงินที่เก็บทั้งชีวิตไม่พอสร้างบ้านจะทำยังไง?
ยืมสิ กู้ยืมเพื่อที่จะเอามาสร้างบ้านดี จากนั้นสู่ขอลูกสะใภ้ สู่ขอลูกสะใภ้ฝ่ายหญิงจะดูบ้านของฝ่ายชาย ถ้าคุณมีบ้านชั้นเดียวหรือเป็นบ้านดิน ฝ่ายหญิงก็จะไม่สนใจ ถึงแม้จะสนใจ ก็จะถามก่อนว่าจะสร้างบ้านไหม ถ้าสร้างก็คุยกันใหม่ แน่นอน ไม่ได้หมายความว่าถ้าไม่มีบ้านก็จะหาภรรยาไม่ได้เลย ยังสู่ขอได้อยู่ ถ้าบ้านสร้างไม่ดี แต่เป็นคนดีมากก็หาภรรยาได้ ไม่อย่างนั้นก็ได้ภรรยาที่ไม่ดีสักด้าน อยากจะได้คนที่ถูกใจยากมาก
นอกจากบ้านแล้วฝ่ายหญิงยังต้องการ ทองสามอย่าง[1]และสินสอด สินสอดบอกมาคำแรกก็หนึ่งแสนแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะควักเงินออกมาได้ และแน่นอน ไม่ใช่ว่าฝ่ายหญิงขอเท่าไรก็ต้องให้เท่านั้น ย่อมมีการตกลงราคากัน สามหมื่น ห้าหมื่น แปดหมื่นส่งไป จากนั้นค่อยคุยเรื่องสู่ขอ
สู่ขอลูกสะใภ้แพงแบบนี้ พอลูกสะใภ้เข้าบ้านมา หนี้ที่ติดค้างคนข้างนอก ก็ต้องรีบใช้คืน ต่อมามีลูกอีก ยังไงก็ต้องเป็นพ่อแม่ ลำบากทั้งชีวิตก็เพื่อลูก ถึงแม้ลูกสะใภ้จะไม่ได้ดั่งใจ จะหย่าได้หรือ? หย่าแล้วจะรับประกันได้ไหมว่าจะหาคนที่ดีกว่าได้? หย่าแล้วยังไม่ต้องพูดเรื่องลูก หย่าแล้วจะหาภรรยาใหม่ยิ่งหาไม่ได้ ดังนั้นอัตราการหย่าของคนในหมู่บ้านไม่สูง นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมลูกสะใภ้นับวันยิ่งไม่เห็นแม่สามีอยู่ในสายตา ไม่ทำอะไรเลย แล้วยังบ่นโน่นบ่นนี่อีก
เฉินเยี่ยนเข้าใจเรื่องพวกนี้ แน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่าเป็นกันทุกที่ ทุกหมู่บ้าน เทียบกับยุคหลังแล้ว สมัยนี้ยังนับว่าดี อย่างน้อยหมู่บ้านนี้ ลูกสะใภ้หลายคนก็ไม่แย่เลย แต่โชคดีได้ลูกสะใภ้อย่างช่างเหลียนหหรือหวางจวนที่มีคุณภาพที่สุด นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ระหว่างทางกลับเฉินหู่มีความสุขมาก เข็นรถโดยไม่บ่นว่าเหนื่อยเลย
หวางจวนและเฉินเยี่ยนก็เข็นรถ
ถนนไม่ดี ทั้งสามคนต้องระวังรถตลอดทาง กลัวว่าไม่ระวังรถจะคว่ำได้
อากาศก็หนาวนิดหน่อย แต่เพราะทั้งสามคนเดินตลอด เลยไม่รู้สึกว่าหนาวเท่าไร โดยเฉพาะหวางจวน ไม่ได้ออกมานาน ถึงแม้อากาศจะเย็น แต่เธอรู้สึกว่าได้ออกมา จิตใจไม่หนักอึ้งขนาดนั้นแล้ว เหมือนก้อนหินหนักที่ทับอยู่ในใจโดนย้ายออกไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่สหกรณ์มีคนเยอะ คนมากมายเต็มไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า และไม่มีใครมองเธอด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ไม่มีใครหัวเราะเธอ จริงๆ แล้วเธอสามารถออกมาได้ สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน เธอไม่ต้องเอาแต่หลบซ่อน ความรู้สึกนี้ ดีจริงๆ!
แน่นอนเฉินเยี่ยนก็อารมณ์ดีเหมือนกัน ก็เงินน่ะ หามาก็ต้องเอามาใช้ รสชาติความเป็นเจ้ามือใช้เงิน ช่างสบายใจเหลือเกิน อีกทั้งไม่ต้องอยู่บ้านเห็นใบหน้าเฉินเวย เธออารมณ์ดี
จนพวกเขามาถึงบ้านคิดว่าเฉินเวยต้องกลับบ้านไปแล้ว ไม่มีเธอ ตัวเองค่อยสบายใจขึ้นเยอะ
แต่เฉินเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าเธอกลับมาบ้านแล้ว ไม่เพียงแต่เฉินเวยยังไม่แ แต่ยังมีอีกสองคนมาเพิ่มด้วยคือเฉินกุ้ยและช่างเหลียน
พวกแรกยังไม่ไปเลย ยังมีอีกพวกมาอีก
สายตาช่างเหลียนที่มองของบนรถเข็นอย่างแวววาวนั้นหมายความว่ายังไง? หรือเธอคิดว่าของพวกนี้จะเอามาให้เธอ?
เห็นช่างเหลียนจะเอื้อมมือหยิบเสื้อผ้าในรถเข็น เฉินเยี่ยนส่งสัญญาณให้หวางจวนและเฉินหู่ทั้งสองคนหยิบเอาเสื้อผ้าไป
“เอาไปทำไม? วางลงมาให้ฉัน”
ช่างเหลียนเข้ามาจะตบหัวเฉินหู่ แย่งเสื้อผ้าในมือเฉินหู่
“พี่สะใภ้ เสื้อผ้านี่ไม่มีของพี่ พี่อย่าแย่งไปเลย”
เฉินเยี่ยนดึงมือช่างเหลียนไว้ เมื่อก่อนช่างเหลียนตอบตีเฉินหู่อยู่บ่อยครั้ง แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าเธอ ช่างเหลียนถือดีอะไร เธอมีสิทธิ์อะไรมาตีเฉินหู่!
เฉินหู่เหลือบมองช่างเหลียน อุ้มเสื้อผ้าวิ่งเข้าไปในบ้าน เขาไม่ยอมให้ช่างเหลียนแย่งเสื้อผ้าไป นี่พี่ใหญ่ให้เขา
“พ่อ แม่ นี่ไม่ได้ว่านะ จะเข้าข้างก็ไม่ควรเข้าข้างขนาดนี้หรือเปล่า? ทำไมไม่มีเสื้อผ้าชุดใหม่ของฉันกับเฉินกุ้ย? เมื่อกี้แม่ให้ผักพวกเรามา พวกเรารู้สึกซาบซึ้งาก คิดว่าในใจพ่อแม่ยังมีพวกเราอยู่ ไม่อย่างนั้นปีใหม่พวกเราคงไม่มีข้าวกิน หิวตาย แต่ดูของที่เยี่ยนจื่อเข็นกลับมานี่สิ ปลาตัวใหญ่ เนื้อ เค้กไข่ไก้ อาหารกระป๋องนี่ พวกพ่อแม่ได้กินดีอย่างนี้ทุกวัน มีชีวิตที่ดี แล้วใช้ รากบัว สาหร่าย วุ้นเส้นมาฟาดหัวพวกเรา มีแบบนี้ด้วยเหรอ? แม่คิดว่าพวกเรามาขอข้าวกินหรือ? ฉันไม่สน เอาของพวกนี้มา แลวเอาเงินกับตั๋วมาด้วย พวกเราไม่ต้องการมาก ขอแค่ครึ่งหนึ่ง พวกเราก็จะไม่พูดอะไรแล้ว ไม่อย่างนั้นปีใหม่นี้ทุกคนก็อย่าได้คิดฉลองกันเลย”
ช่างเหลียนโวยวายเสียงดัง ถ้าเธอรู้ว่าบ้านเฉินมีของพวกนี้เธอจะมาตั้งนานแล้ว เฉินกุ้ยนี่ไม่ได้เรื่อง ปกติเธอให้เฉินกุ้ยมา เฉินกุ้ยบอกว่าไม่มีอะไรเลย แล้วเธอจะเชื่อเฉินกุ้ยได้ยังไง
หวางนิวได้ยินช่างเหลียนโวยวายก็รีบเข้ามาดู เห็นของบนรถสีน้าเธอเคร่งขรึมขึ้นมา ไม่ใช่เพราะคำพูดของช่างเหลียน แต่ซื้อของมากมายขนาดนี้ต้องใช้เงินเท่าไร ของบางอย่างไม่จำเป็นต้องซื้อเลย ทำไมลูกสาวคนนี้ใช้เงินไม่เป็นเลยนะ?
“ดูเฉินเยี่ยนซื้อของมามากขนาดนี้ มีของแบ่งพวกเธออยู่แล้ว ไม่ต้องทเลาะกัน เข้าบ้านค่อยคุย”
หวางนิวไม่อยากให้ทะเลาะกันที่สนามบ้าน ไม่อย่างนั้นเพื่อนบ้านได้บินจะหัวเราะเอา
จุดประสงค์ของช่างเหลียนก็ไม่ใช่ทะเลาะเหมือนกัน ในเมื่อตกลงจะให้เธอ งั้นก็ค่อยคุยกันง่ายหน่อย ทำยังไงถึงเอาเงินฝั่งนี้มาไว้ในมือเธอ นี่ต่างหากที่เป็นจุดประสงค์เธอ ดังนั้นเธอเลยตามหวางนิวเข้าไปในบ้าน
เฉินเยี่ยนไม่ขยับ เพิ่งซื้อมา พวกเขาออกแรงลากกลับมา เอาให้ช่างเหลียน เธอไม่พอใจ เธอเรียกเฉินหู่กับหวางจวน จากนั้นพูดกับหวางจวนและเฉินหู่สองประโยค เธอค่อยเข้าไปในบ้าน
เฉินเวยมองเฉินเยี่ยนอยู่ตลอดเวลา เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนต้องไม่ยอมให้ช่างเหลียนได้ผลประโยชน์แน่นอน แต่ช่างเหลียนโวยวายได้ เธอต้องโวยวายแรงแน่นอน อีกทั้งครั้งนี้ช่างเหลียนมีไม้เด็ดมา เฉินเยี่ยนไม่ให้ผลประโยชน์ช่างเหลียนคงจะไม่ได้แล้ว ครั้งนี้หวางนิวต้องอยู่ข้างช่างเหลียนแน่นอน
เฉินเวยยิ้มกว้างขึ้นมา เฉินเยี่ยนเธอเก่งนักใช่ไหม? ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะกล้าเป็นปรปักษ์กับหวางนิว ถึงแม้จะเป็นปรปักษ์กับหวางนิว ทะเลาะกันไปเลยก็ดี เฉินเยี่ยนกับบ้านเฉินทะเลาะกัน อีกหน่อยดูสิว่ายังมีใครสนใจเธออีก ในเมื่อตัวเองไม่ได้ผลประโยชน์ ขอแค่มีคนมาดูถูกเฉินเยี่ยน ทำให้เฉินเยี่ยนพ่ายแพ้ ให้เฉินเยี่ยนเสียใจ โกรธ เธอก็ดีใจ สบายใจแล้ว
[1] แหวนทอง กำไลทอง สร้อยคอทอง
—————
ตอนที่ 97: ช่างเหลียนมีแล้ว
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนเห็นเฉินเวยยิ้ม เธอรู้ความคิดเฉินเวยดี ก็แค่อยากเห็นตัวเองพ่ายแพ้ใช่ไหม? แต่เฉินเวยคิดว่าตัวเองเอาชนะช่างเหลียนไม่ได้?
เฉินเยี่ยนรู้สึกขำ เมื่อก่อนเธอไม่ได้ทำอะไรช่างเหลียน นั่นเป็นเพราะเธอคิดว่าแยกกันอยู่ดีแล้ว แยกบ้านแล้ว มองไม่เห็นกันใจก็ไม่หงุดหงิด อีกอย่างมีพ่อแม่อยู่ที่นั่น ทะเลาะกันใหญ่ พ่อแม่ก็จะเสียใจ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอกลัวช่างเหลียน
เข้ามาในบ้าน เฉินเยี่ยนได้ยินช่างเหลียนร้องโวยวายกับหวางนิว เฉินจงกับเฉินกุ้ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ เฉินกุ้ยก้มหัวลง มองรองเท้าผ้าฝ้ายตัวเอง เหมือนกับไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับทุกคนยังไง
เฉินเยี่ยนหาม้านั่งนั่งลง
เฉินเวยยืนอยู่ไม่ไกล เธอแค่จะดูละครก็พอ
ช่างเหลียนกับหวางนิวคุยกันยาย จะเอานี่จะเอานั่น หวางนิวแค่พยักหน้า
เฉินหู่และหวางจวนก็เข้ามาในบ้าน พวกเขาสองคนมีเหงื่อซึมหน้าผากบางๆ แต่พอเข้าไปในบ้านทั้งสองคนดูตัวสั่นขึ้นมา อันที่จริงที่นี่พอเข้าฤดูหนาว ในบ้านจะค่อนข้างเย็น ไม่อุ่นเหมือนข้างนอก
พวกเขายืนอยู่ด้านหลังเฉินเยี่ยน
“เยี่ยนจื่อ พี่ชายลูกก็ไม่ได้สบายเลย ปีนี้พวกเราซื้อของมาเยอะ แบ่งให้พวกเขาครึ่งหนึ่ง ให้เขาได้ฉลองปีใหม่กัน”
หวางนิวพูดจบก็เงียบไป แล้วพูดอีก “นี่เสียเงินไปไม่น้อยเลย ที่ลูกยังเหลืออีกเท่าไร? เอาให้พี่สะใภ้สักยี่สิบนะ”
คำพูดหวางนิวยังไม่ทันจบ เฉินเยี่ยนยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย ช่างเหลียนไม่รอแล้วพูดขึ้นมา “ยี่สิบได้ที่ไหนกัน ฉันบอกแล้ว ดูเหมือนที่บ้านจะได้เงินมาหลายร้อย ฉันไม่สน อย่างน้อยต้องให้ฉันห้าสิบ อีกหน่อยทุกเดือนต้องให้บ้านเราสิบเหรียญ แล้วเราจะไม่พูดอะไร ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ไม่จบ”
ช่างเหลียนมองอย่างดูถูก ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าเธอหน้าใหญ่มาจากไหน ตอนที่แยกบ้านกันก็พูดจาแย่มาก ไม่สนว่าฝั่งนี้จะยังไง เธอไม่ต้องการส่วนแบ่งจากฝั่งนี้ ถึงแม้ฝั่งนี้จะหิวจนตาย ช่างเหลียนก็จะไม่ให้กินข้าวสักคำ ตอนนี้ทำไมมีหน้ามากล้าขอเงิน!
“เหลียนเอ๋อร์ ห้าสิบนี่มากไปหน่อยแล้ว เธอกับกุ้ยเอ๋อร์ก็ไม่ได้ทำอะไร เอาเงินมากขนาดนั้นไปทำอะไร? อีกอย่างเงินนี่ยังต้องเก็บไว้ให้เฉินหู่สร้างบ้านแต่งงานอีกนะ”
หวางนิวไม่ยอม
“เขาเป็นเด็กเพิ่งโตมาหน่อยเดียว แต่งงานอะไร ยังไม่เห็นว่าเขาโตเต็มที่เท่าไรเลย! สร้างบ้าน สร้างบ้านก็ต้องสร้างให้ฝั่งเราก่อน รอสร้างฝั่งเราเสร็จแล้วค่อยว่ากัน”
ช่างเหลียนชี้ไปที่เฉินหู่ สีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
เฉินหู่โกรธจนหน้าแดง อยากจะเข้าไปจัดการช่างเหลียน เฉินเยี่ยนดึงเขาไว้ ไม่ให้เขาเข้าไป
เฉินเยี่ยนทำแบบนี้ ช่างเหลียนคิดว่าพวกเขากลัวตัวเอง สีหน้ายิ่งแสดงความได้ใจ เธอรู้ ขอแค่เธอออกโรง ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
“แม่พูดว่าเงินเยอะอะไร ปีใหม่แล้วฉันไม่ต้องกลับไปบ้านพ่อแม่หรือ หรือจะให้ฉันกลับไปมือเปล่า? ปกติพวกเรากลับไปก็ไปอยู่ฟรีกินฟรี ตอนนี้มีเงินแล้ว ยังไม่ควรจะให้ที่บ้านพ่อแม่บ้างหรือ แม่ฉันเลี้ยงฉันโตมาขนาดนี้ ยังไม่ได้มีความสุขเลย ตามดูฉันจนเป็นกังวล ให้แม่ฉันจะมากจะน้อยก็สมควรให้
เสียงช่างเหลียนดังสะท้อนในบ้าน
สีหน้าหวางนิวดูไม่ดีเลย แต่เธอไม่ได้พูดอะไร
เฉินเยี่ยนขมวดคิ้ว สถานการณ์ของหวางนิวไม่ถูกต้อง ถึงแม้ที่ผ่านมาช่างเหลียนจะยะโสโอหังในบ้านนี้ แต่หวางนิวก็ไม่เคยตามใจเธอ ทำไม? หรือว่ามีจุดอ่อนอะไรที่อยู่ในมือช่างเหลียน?
“แม่ ทำไม?”
เฉินเยี่ยนถามหวางนิวตรงๆ
หวางนิวเข้าใจความหมายเฉินเยี่ยน สีหน้าเธอแลดูสับสนพูดขึ้นมา “เยี่ยนจื่อ พี่สะใภ้ลูมีแล้ว”
มีแล้ว? มีอะไรแล้ว?
เฉินเยี่ยนตอบสนองไม่ทัน จนช่างเหลียนใช้มือลูบท้องเธอให้ดู เฉินเยี่ยนถึงค่อยเข้าใจว่าหมายความว่าอะไร นี่หมายความว่าช่างเหลียนท้องแล้ว?
มิน่าเฉินเยี่ยนรู้สึกช้า หลักๆ เป็นเพราะว่าเธอไม่เคยท้องมาก่อน เลยคิดไม่ถึงว่าามีแล้วหมายถึงมีลูกแล้ว
หวางจวนและเฉินหู่ก็เงียบไป เฉินเยี่ยนเข้าใจแล้วว่าทำไมหวางนิวถึงยอมช่างเหลียน ทำไมครั้งนี้พี่ใหญ่ถึงมาที่บ้าน ทำไมครั้งนี้พ่อถึงไม่พูดอะไร เพราะในหมู่บ้าน ลูกถือว่าสำคัญ ที่สำคัญคือหลานคนโต จะให้ความสำคัญมาก
ช่างเหลียเข้ามาอยู่ในบ้านสองสามปีแล้ว ท้องครั้งนี้ ถือว่าเป็นหลานคนแรกของบ้านเฉินที่มาเกิด เฉินจงและหวางนิวย่อมให้ความสำคัญ ถ้าเป็นผู้ชาย ก็ถือว่าเป็นหลานชายคนโตของพวกเขาเลย แสดงว่าพวกเขาจะเป็นตาเป็นยายแล้ว แสดงว่าบ้านเฉินมีผู้สืบทอดแล้ว
ดังนั้นไพ่ในมือช่างเหลียนยิ่งแข็งแกร่งกว่า เธอคิดว่าเธอคือเทพในบ้านหลังนี้ เธอพูดอะไรก็ต้องได้อย่างนั้น ใครก็ไม่สามารถคัดค้านได้ ใครก็ต้องยอมเธอ
แต่นี่เกี่ยวอะไรกับตัวเอง?
เป็นช่างเหลียนที่ท้อง ไม่ใช่ตัวเองสักหน่อย ไม่ใช่ลูกของตัวเอง ทำไมตัวเองต้องยอม ต้องโอ๋ด้วย?
พูดไปแล้ว เด็กในท้องของช่างเหลียนเป็นหลานของเธอ ไม่ใช่ เป็นหลานของเจ้าของร่างเดิม ถ้าเด็กคนนี้น่ารักน่าเอ็นดู เธอก็จะรักและดูแล แต่ถ้าเด็กคนนี้ไม่น่ารักเหมือนช่างเหลียน เธอจะไปไปยุ่งเกี่ยวข้องเพราะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือกด้วย ถ้าเธอไปทำดีกับลูกคนอื่นโดยไม่มีหลักการ งั้นต่อไปจะทำยังไงกับลูกตัวเอง?
ดังนั้นช่างเหลียนท้องไม่ท้อง เธอไม่สนใจสักนิด อีกอย่างช่วงเวลาที่ช่างเหลียนท้องดูบังเอิญไปหรือเปล่า? มีลูกจริงหรือ?
เฉินเยี่ยนมองท้องช่างเหลียน ช่างเหลียนสวมชุดผ้าฝ้าย เห็นท้องป่องง่าย แต่ยุคนี้ทุกคนใส่ผ้าฝ้ายกันหมด ท้องก็ดูป่องหมด เธอมองไม่ออกว่าช่างเหลียนท้องจริงหรือเปล่า
เฉินเยี่ยนมองเฉินเวยอีกครั้ง มิน่าตอนนั้นเฉินเวยถึงยิ้ม แล้วมาได้ยินเรื่องที่ช่างเหลียนท้อง เลยคิดว่าครั้งนี้ช่างเหลียนต้องเอาตัวเองอยู่ล่ะสิ!
มองดูช่างเหลียนพูดจะเอาโน่นเอานี่ ได้ยินหวางนิวตอบนับเธอโน่นนี่ จู่ๆ เฉินเยี่ยนก็อยากจะหัวเราะ
“นี่เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?”
เฉินเยี่ยนพูดขึ้นมา ประโยคนี้ของเธอพูดออกไป ทั้งห้องมองเธอด้วยความอึ้ง สีหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ที่เหมือนกันคือใครก็คิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะพูดประโยคนี้ออกมา
“เยี่ยนจื่อ”
หวางนิวร้องขึ้นมา เธอไม่พอใจกับคำพูดนี้จองเฉินเยี่ยน ลูกใครท้องของช่างเหลียนเป็นใคร? เป็นหลานคนโตของเธอ เป็นหลานของเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง หรือว่าเพราะเงิน ลูกสาวเลยสามารถไม่ยอมรับได้หรือไง!
“หนูพูดผิดหรือคะ?”
สีหน้าเฉินเยี่ยนไม่เปลี่ยน ถามกลับอย่างนิ่งเฉย
“พี่สะใภ้หนูท้องแล้ว มีพี่ใหญ่ พี่เฉินเวยอยู่ฝั่งนั้น ดูแลให้ดีก็ได้แล้ว มีสองคนดูแลยังไม่พออีกหรือ? อีกอย่างยังมีคนที่บ้านพ่อแม่เธออีกไม่ใช่หรือ? ทุกวันพี่สะใภ้เอาแต่พูดว่าที่บ้านเธอดีกับเธอขนาดไหน บ้านสามีทำไม่ดีกับเธอ ตอนนี้เธอท้องแล้ว ก็ควรไปหาคนที่บ้านเธอสิ ตอนที่พวกเราแยกบ้านกันก็ตกลงกันแล้ว ถึงฝั่งพวกเราต้องการข้าวก็จะไม่ไปหาฝั่งพี่สะใภ้ ถึงฝั่งพวกเรามีเงินทอง พี่สะใภ้ก็จะไม่ขอแบ่งเลย นี่มีเขียนเป็นหลักานนะ หรือว่าเพราะตอนนี้พี่สะใภ้ท้องเลยไม่นับแล้ว? เด็กในท้องพี่สะใภ้เป็นหลานฉัน นี่ไม่ใช่เรื่องไม่จริง ถ้าพี่สะใภ้จะโลภหน่อย นี่ที่มี แม่ให้ของกินพี่สะใภ้ไปแล้ว ฉันก็ไม่ได้คัดค้าน ยังไงนั่นก็หลานฉัน เด็กเกิดออกมา ตอนกินก๋วยเตี๋ยว ฉันก็จะให้ไข่แน่นอน ใส่รองเท้าไปเยี่ยมหลาน ทุกบ้านก็ทำแบบนี้กันไม่ใช่หรือ? หรือเป็นเพราะว่าพี่สะใภ้ท้อง ทุกอย่างต้องฟังเธอหรือ? ต้องเอาเงินให้พี่สะใภ้ใช้? มีเหตุผลแบบนี้ด้วยหรือ? แม่คิดว่านี่เป็นเรื่องที่ควรทำ? หรือบอกว่าพ่อกับพี่ใหญ่คิดว่านี่คือเรื่องที่สมควร?
เฉินเยี่ยนถามขึ้นมา หลังจากที่เธอถาม คนในบ้านเงียบกันหมด เพระที่เฉินเยี่ยนพูดก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
————–
ตอนที่ 98: ช่างเหลียนมีแล้ว
โดย
Ink Stone_Romance
คำพูดของเฉินเยี่ยนทำเอาหวางนิวพูดไม่ออก เธอตอบโต้ไม่ได้ เพราะที่เฉินเยี่ยนพูดมีเหตุผล
ถ้าครอบครัวนี้ไม่ได้แยกบ้านกัน ถ้าอย่างนั้นที่บ้านไม่สนใจว่าใครหาเงินมา ทุกคนสามารถใช้ด้วยกันได้ แน่นอน ถ้าเป็นลูกสาว ออกจากบ้าน แต่งงานแล้ว เธอหาเงินได้ เธอยอมช่วยเหลือพี่น้องเธอ นั่นเป็นน้ำใจของเธอ ถ้าไม่ช่วย ก็โทษลูกสาวไม่ได้ เพราะลูกสาวแต่งงานไปแล้วก็ถือเป็นครอบครัวอื่นแล้ว
แต่ตอนนี้แยกบ้านกัน แล้วตอนแรกก็ตกลงกันแล้วด้วย ตอนนี้เงินที่หาได้ ถ้าเธอยอมเอาออกมาไปสมทบให้อีกบ้าน นั่นก็ไม่เท่าเทียมกัน แล้วก็ไม่ยุติธรรมกับฝั่งนี้ด้วย ถ้าเธอทำแบบนี้จริง คนที่เสียใจไม่เพียงแต่ลูกสาว แต่ยังมีลูกชายคนเล็กด้วย
ลูกสาว ลูกชายคนเล็กและสามี เธอไม่สามารถไม่ต้องการลูกสาวและลูกชายเพราะลูกสะใภ้ท้องได้ ถึงแม้ว่าในท้องลูกสะใภ้จะเป็นหลายคนโตของเธอ แต่อีกหน่อยลูกชายคนเล็กก็ต้องแต่งงาน ต้องคลอดลูกให้เธอเหมือนกัน ถ้ากลับกัน ฝั่งช่างเหลียนมีเงิน หู่จื่อไปขอกับพี่สะใภ้ ช่างเหลียนจะให้ไหม?
ไม่มีทาง ไม่เพียงแต่ไม่ให้ เธอยังจะพูดจาแย่ๆ ไล่ออกไปด้วย
แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงต้องขอร้องให้ลูกสาวให้เงินด้วยล่ะ? เงินนี้เป็นของลูกสาวและลูกชายคนเล็ก
แล้วก่อนหน้านี้ช่างเหลียนก็บอกแล้ว มีเงิน จะซื้อของให้พ่อแม่เธอ ช่วยครอบครัวเธอ ต้องกตัญญูกับแม่เธอ ครอบครัวตัวเองหาเงินมาอย่างยากลำบาก ทำไมต้องให้ช่างเหลียน ให้เธอเอาไปให้บ้านพ่อแม่เธอด้วย?
บ้านพ่อแม่ตัวเอง ตัวเองยังไม่ได้ให้ของขวัญเลย ตัวเองยังไม่กตัญญูเลย เธอช่างเหลียนมีสิทธ์อะไร!
คิดมาถึงตรงนี้ หวางนิวคิดได้แล้ว ลูกสาวไม่พูดไม่ผิด เงินนี่ให้ไม่ได้จริงๆ ช่างเหลียนเอาเงินไป ไม่แน่ว่าจะเอาไปใช้กับลูกเธอ หลานของเธอ เธอไม่สามารถไว้ใจบ้านช่างได้
เฉินจงเข้าใจเรื่องพวกนี้ดีกว่าหวางนิว ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ชอบใจที่ลูกสะใภ้จะกินดีแต่ขี้เกียจ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น คุณอยากจะมีชีวิตที่ดี คุณอยากจะมีเงินใช้ ได้สิ ไปหาเงินเอง ทำไมต้องมาขอกับคนอื่น? ถึงแม้เฉินกุ้ยกับเฉินหู่จะเป็นพี่น้องกัน แต่พี่น้องก็ต้องแบ่งแยกกันให้ชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นแยกบ้านกันแล้ว เฉินหู่ยังรู้จักที่จะพูด เขาไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ออกแรง ไม่ต้องการเงินนี่ พูดไปแล้วนี่ก็เป็นบ้านของเฉินหู่ ลูกสะใภ้ของลูกชายคนโตมีสิทธิ์อะไรมาขอเงิน ไม่มีใครติดหนี้พวกเขาสักหน่อย
“พี่ใหญ่ ผักพวกนั้นแม่ก็แบ่งให้แล้ว เดี๋ยวตอนกลับไปพวกลูกก็ถือกลับไปด้วยแล้วกัน ส่วนที่ลูกสะใภ้จะกลับบ้านพ่อแม่ ผักมีพอสี่อย่าง กลับไปก็ไม่ขายหน้า บ้านลุง แม่ก็ส่งให้สี่อย่าง พอดีเลย ส่วนเรื่องเงิน น้องสาวลูกพูดถูก แยกบ้านกันแล้ว เงินนี้น้องสาวทำผักทำบุหรี่หามาได้ เธอบอกว่าเก็บไว้ให้หู่จื่อสร้างบ้านสู่ขอภรรยา ถึงตอนนั้นพวกเราพอมี ก็ไม่มาขอกับพวกลูกแล้ว พวกลูกหาเองใช้เอง ไม่มีพวกเราเป็นภาระ พวกลูกจะได้ประหยัดขึ้น ถ้าเหลียนเอ๋อร์คลอดลูกแล้ว พวกแม่จะช่วยดูแล พวกเราต้องดูแลให้ลูกแน่ ส่วนเรื่องอื่น แยกกันอยู่แล้ว พวกพ่อแม่แก่แล้ว ก็ดูแลเรื่องมากมายขนาดนั้นไม่ไหว พวกลูกใครมีความสามารถคนนั้นก็หาเงิน อีกหน่อยถ้ามีใจก็ให้พวกแม่มาบ้าง ไม่มีใจ พวกแม่ก็ไม่ไปขอกับพวกลูกหรอก ขอแค่ไม่ให้แม่กับพ่อหิวจนตายก็พอแล้ว”
หวางนิวพูดกับลูกชาย เธอเชื่อว่าลูกชายยังพอเข้าใจ ไม่เหมือนลูกสะใภ้
ใบหน้าเฉินกุ้ยแดงระเรื่อ เขาไม่มีหน้ามาขอเงิน ตอนแรกแบ่งบ้านกันแล้ว สิ่งของแบ่งกันคนละครึ่ง บ้านก็ยังให้หลังที่ดีกับพวกเขา เท่ากับไล่พ่อแม่ แล้วยังมีน้องสาวน้องชายออกจากบ้านไป พ่อแม่ให้เงินน้องชายสร้างบ้านก็ถือว่าสมควร เขาเป็นพี่ชายไม่เพียงแต่ไม่ช่วย แล้วยังมาขอเงินอีก หมายความว่ายังไง?
แต่ช่างเหลียนบังคับเขาทุกวัน บอกว่าแต่งงานกับเขาไม่เคยมีชีวิตที่ดีเลยสักวัน ให้คนที่บ้านเธอดูถูก บอกว่าเขาเป็นลูกชายบ้านเฉิน หาเงินมาได้ ก็ควรจะแบ่งให้เขา เรียกให้เขามา ตอนแรกเขายังหลอกช่างเหลียนได้ แต่วันนี้เป็นตายยังไงช่างเหลียนก็ต้องลากเขามาให้ได้ เขาไม่ยอม ช่างเหลียนทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย แล้วยังบอกว่าเธอมีแล้ว ถ้าไม่มาขอเงิน พวกเขาจะไม่มีกินมีดื่ม ลูกต้องหิวตาย ผู้ใหญ่หิวยังไม่เป็นไร แต่นี่เป็นลูกของเฉินกุ้ย เป็นหลายคนโตของบ้านเฉิน บ้านเฉินไม่สนใจไม่ได้
สุดท้ายเฉินกุ้ยทำอะไรไม่ได้ โดนช่างเหลียนลากมา เขาสามารถทนช่างเหลียนโวยวายได้ แต่ตอนนี้ช่างเหลียนท้องอยู่ ถ้าเกิดเรื่องอะไร จะทำยังไง?
ตอนนี้คำพูดน้องสาวกับแม่ทำเขาหน้าแดง เขาเป็นคนซื่อ เขาหาเงินก้อนใหญ่ไม่ได้ แต่เขาไปขายผักที่ตลาดตลอด เขาปลูกพืชผักด้วยความตั้งใจ ปลูกธัญพืชในดิน นอกจากกินแล้ว ก็ให้ช่างเหลียนขาย ถ้าช่างเหลียนเป็นคนที่ใช้ชีวิตพอดี ชีวิตพวกเขาก็ยังสามารถอยู่ได้ แต่เงินที่เขาหามาได้ก็ให้ช่างเหลียนหมด ช่างเหลียนกลับบอกว่าไม่มีเงิน ทำไมถึงไม่มีเงิน? กินก็กินธัญพืชของที่บ้าน ผักที่กินก็เป็นของตัวเองปลูก เนื้อ ช่างเหลียนไม่เคยซื้อกลับมา ไก่พวกนั้นที่แบ่งมาไม่กี่ตัว ช่างเหลียนไม่ให้อาหาร คิดว่าเฉินเวยเคยให้อาหารไปครั้งหนึ่ง ต่อมาก็ตายหมด เขาฆ่าเอาเนื้อมากิน ไม่มีไข่ไก่แล้ว ทุกวันช่างเหลียนจะบ่นว่าไม่มีชีวิตที่ดี แต่เงินที่เขาให้ไปไหนหมด? ถึงแม้จะไม่มาก แต่ถ้าเธออยากจะกินจริงๆ ก็ยังสามารถซื้อของกินได้ ปีใหม่แล้ว ซื้อดีหน่อยก็พอซื้อได้ แต่ช่างเหลียนบอกว่าในตัวเธอไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว เขาไม่เชื่อ แต่จะทำยังไงได้?
อันที่จริงเขาก็เข้าใจ เงินนี่ถ้าไม่ใช่ช่างเหลียนเอาให้แม่เธอหมดก็เป็นตัวช่างเหลียนที่แอบเก็บไว้เอง ยังไงช่างเหลียนก็มาขอแต่เขา แต่ไม่ไปหาจากข้างนอกเลย
เขาก็เหนื่อย แต่เขาจะทำอะไรได้ นั่นเป็นภรรยาตัวเอง เธออยู่กับตัวเอง ตัวเองต้องดูแลเธอไปทั้งชีวิต
แต่ตัวเขาทนเธอได้ พ่อแม่น้องชายน้องสาวไม่จำเป็นต้องยอมเธอ พวกเขาไม่ได้ติดค้างช่างเหลียน
“พ่อแม่ เยี่ยนจื่อ หู่จ่อ เรื่องนี้พวกเราทำไม่ถูกต้องเอง เงินนี่ไม่ว่าภายหลังจะให้เยี่ยนจื่อใช้ตอนแต่งงาน หรือเก็บไว้ให้หู่จื่อสร้างบ้านสูจอภรรยาก็ดี เป็นเรื่องที่สมควร พวกเราเอาไม่ได้ ผักพวกนี้พวกเราก็ไม่เอาแล้ว ที่บ้านมีกิน พ่อแม่วางใจได้ ปีใหม่แล้ว พวกเราไม่ทำให้เสี่ยวเวยต้องหิวหรอก งั้นพวกเราไปก่อนนะ”
เฉินกุ้ยลุกขึ้นยืนแสดงท่าที เขาไม่มีหน้าจะอยู่ต่อแล้ว
ได้ยินลูกชายพูดแบบนี้ หวางนิวถอนหายใจออกมา แต่ในใจรู้สึกเจ็บอย่างประหลาด ถ้าตอนแรกไม่ให้ลูกชายแต่งงานกับช่างเหลียน ก็จะไม่แยกกันอยู่ วันนี้ก็คงไม่มาทะเลาะกันเรื่องเงินแบบนี้?
“เฉินกุ้ย คุณมันคนตายไปแล้ว คุณยังกล้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับฉันอีก อยู่กับคุณ เหมือนอยู่กับคนตาย…”
ช่างเหลียนได้ยินสามีบอกว่าไม่เอาเงิน เธอร้อนรน พุ่งไปตบหน้าเฉินกุ้ยหนึ่งฉาด จากนั้นก็ด่าไปแล้วดึงเฉินกุ้ยมา
เฉินกุ้ยอึ้งไป เขาคิดไม่ถึงว่าภรรยาจะทำแบบนี้ เขาอยากจะเอื้อมมือไปผลักช่างเหลียนออก แต่คิดถึงลูกในท้องช่างเหลียน เขาก็กำหมัดขึ้นมา เขาทำร้ายช่างเหลียน ทำร้ายลูกไม่ได้
ช่างเหลียนเห็นเฉินกุ้ยไม่ขยับ ยิ่งด่าหนักขึ้น ยิ่งลงมือหนัก ตบลงไปที่หน้าเฉินกุ้ย และยิ่งจิกคอ
หวางนิวดึง ช่างเหลียนยังถือโอกาสจิกหวางนิวไปสองที เฉินจงเป็นผู้ชาย แล้วยังเป็นสามีเธอ เขาไม่สามารถยื่นมือไปดึงภรรยาได้ เลยร้องไห้โวยวายเสียงดังขึ้นมา เสียงห้ามดังขึ้นมา ทั้งบ้านวุ่นวายพัลวัน
——————-
ตอนที่ 99: คำบ่นของเฉินกุ้ย
โดย
Ink Stone_Romance
ลูกสะใภ้โวยวายจนขนาดนี้ สีหน้าเฉินจงดูไม่ดีเลย เขาบอกหลายรอบว่าหยุดโวยวายได้แล้ว แต่ไม่มีใครฟังเขา เฉินหู่และเฉินจงก็เข้าไปแยกด้วย แต่ช่างเหลียนเหมือนคนบ้า ใครตีเธอ เธอก็ไปจิกคนนั้น ด่าคนนั้น มีเพียงเฉินเวยที่ยืนดูอยู่ข้างๆ เธออยากจะให้ยิ่งวุ่นวายก็ยิ่งดี ยิ่งเป็นบ้ากันไปเลยยิ่งดี เธอดูอย่างพอใจ
เฉินเยี่ยนก็ไม่ได้เข้าไปห้าม มองดูท่าทางช่างเหลียนที่ออกแรง เฉินเยี่ยนพูดขึ้นมา “พี่สะใภ้ พี่ไม่ได้ท้องใช่ไหม”
เสียงเฉินเยี่ยนไม่ดังมาก แต่จบคำพูดเธอ ทุกคนต่างหยุด รวมถึงช่างเหลียนด้วย
คนในบ้านอึ้งมาก เพราะคำพูดนี้ของเฉินเยี่ยนทำไมทุกคนช็อก มีหลายคนมองเธอมาด้วยสายตาที่น่าสงสัย ช่างเหลียนรีบกุมท้องแล้วพูดขึ้นมา “โอ้ย ท้องฉัน เฉินเยี่ยน เธออย่าซี้ซั้วพูดนะ ใครบอกว่าฉันไม่ท้อง ฉันท้องแล้ว ร่างกายฉันเองทำไมฉันจะไม่รู้ ยัยเด็กเมื่อวานซืน เธอไม่เคยแต่งงานมาก่อน จะรู้เรื่องอะไร”
ช่างเหลียนภายนอกดูเหมือนกล้าหาญแต่ข้างในแอบกลัวหน่อย เมื่อกี้เธอมัวแต่สนใจตบจิกเฉินกุ้ย เพราะเธอรู้สึกว่าเฉินกุ้ยไม่เป็นพวกเดียวกับเธอ สงสัยเธอ ดังนั้นจำเป็นต้องจัดการเฉินกุ้ย เธอจะทำให้เฉินกุ้ยไม่มีความสุข เฉินจงและหวางนิวสงสารลูกชาย ไม่แน่จะบังคับให้เฉินเยี่ยนเอาเงินมาให้ แต่เธอลืมไปว่าเธอมีลูกอยู่ เมื่อกี้พลุ่งพล่านไปหน่อย ไม่เหมือนคนที่ท้องอยู่เลย
สายตาเฉินเวยเป็นประกาย ช่างเหลียนบอกว่าเฉินเยี่ยนซี้ซั้วพูด เฉินเยี่ยนซี้ซั้วเหรอ? ตอนแรกเฉินเวยก็คิดว่าช่างเหลียนท้องแล้วจริง แต่ตอนนี้มาคิดดู ช่างเหลียนน่าจะโกหก คิดไม่ถึงว่าช่างเหลียนก็มีวิธีแบบนี้ วิธีแบบนี้ โกหกแบบนี้ เมื่อก่อนเธอใช้บ่อย ดังนั้นเธอเลยมองทะลุ แต่เธอจะไม่เปิดโปง ให้ช่างเหลียนโวยวายต่อไป ยิ่งโวยยิ่งดี เพียงแต่เธอนึกไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะไม่สนใจลูกในท้องของช่างเหลียนเลยสักนิด เฉินเยี่ยนนี่ก็ไร้น้ำใจ ดูเหมือนเมื่อก่อนที่เฉินเยี่ยนมีน้ำใจก็เป็นเรื่องหลอกลวง ครั้งนี้ถือว่าตัวเองได้รู้จักเฉินเยี่ยนแล้ว
“เยี่ยนจื่อ พี่สะใภ้ลูกแต่งงานมาก็หลายปีแล้ว ตามหลักก็ควรจะมีได้แล้ว ลูกไม่ต้องพูดแล้ว”
หวางนิวส่ายหน้าให้เฉินเยี่ยน ในใจเธอหวังจริงๆ ว่าลูกสะใภ้จะท้อง เธอยังคิดว่า ถึงแม่วันนี้ลูกชายไม่เอาอะไรไป เธอจะไม่ทำเป็นไม่สนใจ ต้องส่งของกินไปให้ฝั่งนั้นแน่ๆ
“พี่ เธอทำแบบนี้กับพี่ พี่ไม่เสียใจเหรอ? ใช่ ผู้ชายคนหนึ่งควรต้องทำดีกับภรรยาตัวเอง โดนเฉพาะลูกสาวที่มาจากชาติตระกูลดีมาอยู่ด้วย พี่ก็ควรจะรับผิดชอบเธอทั้งชีวิต แต่ครั้งนี้มีเงื่อนไข ให้เธอทำดีกับพี่ถึงจะได้ ส่วนพ่อแม่เลี้ยงพี่มา พี่ยิ่งต้องรับผิดชอบหรือเปล่า? เมื่อก่อนฉันไม่เคยส่งเสริมให้พี่หย่า เป็นเพราะฉันรู้สึกว่าพี่สะใภ้อาจจะคิดว่าพวกเราเป็นตัวยุ่งยาก แยกบ้านกันไปก็ดี ก็แค่ทำดีกับเธอ ใช้ชีวิตกับพี่อย่างสบายใจก็พอแล้ว แต่ตอนนี้เป็นแบบนี้หรือเปล่า? วันนี้เธอกล้าลงมือกับพี่ต่อหน้าคนมากมาย แล้วพรุ่งนี้ล่ะ อนาคตล่ะ เธอจะยิ่งทียิ่งมากไปกันใหญ่ พี่อยากจะอยู่กับสะใภ้อย่างนี้ไปตลอดชีวิตหรือ?
เฉินเยี่ยนถามเฉินกุ้ย ถามจริงจังมาก ตอนแรกถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดช่างเหลียน แต่เธอไมเคยคิดจะให้เฉินกุ้ยและช่างเหลียนหย่ากันจริง เป็นผู้หญิงทำไมจะต้องทำให้ผู้หญิงลำบากด้วย ถึงแม้ช่างเหลียนจะไม่ดี แต่เธอสามารถติดตามเฉินกุ้ยใช้ชีวิตด้วยกันได้ก็ดีแล้ว ยังไงอีกหน่อยตัวเองก็ต้องออกจากบ้านเฉิน คนที่จะอยู่กับเฉินกุ้ยทั้งชีวิตไม่ใช่พ่อแม่ และก็ไม่ใช่พี่น้อง ขอแค่เฉินกุ้ยมีความสุข คนอื่นก็ไม่ว่าอะไร
แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ใช่แบบนี้ ช่างเหลียนมีแต่บ่นด่าเฉินกุ้ย ไม่มีความเคารพเลยสักนิด หมายความว่าในใจช่างเหลียนไม่พอใจสามีเฉินกุ้ยคนนี้เลย เธอไม่ใช้ชีวิตกับเฉินกุ้ยด้วยความสบายใจ ในเมื่อเธอไม่สบายใจที่จะใช้ชีวิตกับเฉินกุ้ย ทำไมเขาจะต้องทนกับผู้หญิงแบบนี้ ให้เธอมาโวยวายทะเลาะกันทุกวัน?
เฉินกุ้ยโดนเฉินเยี่ยนถามจนอึ้งไป คำถามนี้เขาเคยคิด ในความคิดเขา หาภรรยาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตอนแรกจะสู่ขอช่างเหลียน ที่บ้านมีอะไรก็ควักออกมาหมด แต่บ้านช่างยังไม่พอใจ ยังบอกว่าให้เขารีบให้เฉินเยี่ยนแต่งงานเร็วๆ แล้วเอาสินสอดมาสู่ขอช่างเหลียน เขาไม่ตกลง ที่บ้านก็ไม่ตกลง ถึงแม้เขาขอช่างเหลียนไม่ได้ ก็จะไม่เอาน้องสาวไปแลก สุดท้ายบ้านช่างตกลงยกช่างเหลียนให้แต่งงานกับเขา เขาซาบซึ้ง ดังนั้นหลังแต่งงานเขาถึงทำดีกับช่างเหลียนขนาดนั้น
เหมือนที่น้องสาวพูด ทำดีกับภรรยาเป็นเรื่องที่สมควร เหมือนพ่อเขา ทั้งชีวิตนี้ถึงแม้จะเคยทะเลาะกับแม่บ้าง แต่สุดท้ายพ่อก็ไม่ลงมือทำอะไรแม่เลย ในหมู่บ้านนี่ถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก ภรรยาบ้านคนอื่น มีกี่คนที่ไม่เคยโดนสามีตี เขารู้สึกว่าเขาควรจะเป็นเหมือนพ่อ ไม่ตีภรรยา
แต่แม่มีใจที่จะใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ แม่แต่งงานมาก็ทำดีกับย่า กตัญญูกับผู้อาวุโส พ่อป่วยแม่ก็ปรนนิบัติดูแล ย่าป่วยติดเตียงอยู่สองปี ก็เป็นแม่ที่คอยดูแล นอกจากงานบ้าน งานเพาะปลูกแม่ก็ทำเหมือนกัน แล้วยังคลอดพวกเขาพี่น้องให้บ้านเฉินอีก มีของกิน แม่ก็มักจะให้พ่อ ห้พวกเขาก่อน ตัวเธอเองกินที่เหลือ ไม่เหลือเธอก็ทนหิว พ่อพูดอะไร แม่ก็ฟัง แม่วางพ่อไว้บนจุดที่สูงที่สุด แต่ช่างเหลียนล่ะ? เธอทำกับตัวเขา เหมือนกับที่แม่ทำกับพ่อไหม?
ไม่เหมือนเลยสักนิด อย่างที่น้องสาวพูด วันนี้เธอกล้าตบหน้าตัวเองโดนไม่ลังเลเลยสักนิด จิกตัวเอง ไม่ไว้หน้าตัวเองเลยสักนิด แล้วพรุ่งนี้ล่ะ อีกหน่อยล่ะ? ก็จะยิ่งเป็นมากกว่านี้
ทุกครั้งที่เขาไปบ้านช่าง บ้านช่างทำยังไงกับเขา? เอาของไปให้ทุกครั้ง ทำงานให้บ้านช่าง ทำงานที่หนักที่ลำบากที่สุด แต่บ้านช่างไม่มีใครสักคนที่เห็นแก่หน้าเขาเลย ตอนที่อารมณ์ดีก็เรียกเขาเข้ามานั่งในบ้าน อารมณ์ไม่ดีน้ำยังไม่ให้เขาดื่มสักคำเลย ไม่สนว่าเขาจะเพิ่งทำงานมา เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัว ตัวเองเข้าไปในบ้าน แล้วให้เขาตากแดดอยู่ข้างนอก
เขาติดหนี้บ้านช่างหรือ? เขาไม่ติด เขาถามตัวเองสิ่งที่ควรทำก็ทำหมดแล้ว เพื่อช่างเหลียน ตอนนั้นเขาเลือกแยกบ้าน วธีนี้เขาทำถูกไหม? เขาทำร้ายจิตใจของพ่อแม่พี่น้อง ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ แต่แลกอะไรกลับมาได้?
ทุกวันช่างเหลียนด่าพ่อแม่ ด่าเฉินเยี่ยน บอกว่าบ้านเฉินทำไม่ดีกับเธอ แต่บ้านเฉินทำไม่ดีกับเธอเรื่องอะไร? ที่แท้ตอนที่ไม่มีเงิน ช่างเหลียนไม่ทำอะไรทั้งนั้น เธอเคยไว้หน้าใครบ้าง? แยกบ้านก็เป็นช่างเหลียนที่โวยวาย แต่ตอนนี้ล่ะ? คิดจะมาดูถูกอีก หน้าตาพวกเขามีอะไรให้ดูถูก?
แล้วยังมีอีก…
น้องสาวบอกว่าลูกสาวคนโตอยู่กับเขา ต้องทำดีกับเจา แต่ตอนที่ช่างเหลียนอยู่กับเขาเป็นลูกสาวคนโตหรือ?
เขาเฉินกุ้ยเป็นคนชื่อ แต่เขาไม่โง่ หลังเขาแต่งงานกับช่างเหลียนมีอะไรกันครั้งแรก ถึงแม้ช่างเหลียนจะร้องเจ็บ แต่เขารู้สึกได้ว่าช่างเหลียนไม่ได้เจ็บจริง วันต่อมาแม่เขาถามว่าผ้าปูที่นอนสกปรกหรือไม่? เขาบอกว่าสกปรก แม่จะซักให้พวกเขา ช่างเหลียนเป็นตายยังไงก็ไม่ยอม ช่างเหลียนให้ไปซัก ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าแม่เขาหมายถึงอะไร ต่อมาเขาบังเอิญได้ยินหลายคนพูด เขาถึงค่อยรู้ ครั้งแรกของผู้หญิงจะมีเลือดออก เขาถึงรู้ว่าแม่เขาทำไมถึงถามว่าผ้าปูเตียงสกปรกหรือไม่ ถึงค่อยรู้ว่าว่าหลังจากเขาซักผ้าปูที่นอนเสร็จ แม่เขาบ่นว่าทำไมผ้าปูที่นอนถึงสะอาดแบบนี้ ไม่มีรอยเลอะอะไรเลย
————-
ตอนที่ 100: ความลับของช่างเหลียน
โดย
Ink Stone_Romance
ตอนนั้นเฉินกุ้ยถึงค่อยรู้เหมือนกัน ช่างเหลียนมีอะไรกับเขาครั้งแรกเลือดไม่ออก น่าจะไม่ใช่ครั้งแรก ตอนหลังเขาเคยถามช่างเหลียน ช่างเหลียนไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับ ซ้ำยังกับทะเลาะกับเขาอยู่ครึ่งค่อนวัน บอกว่าเขาดูถูกเธอ บอกว่าเธอเป็นหญิงบริสุทธิ์แต่งกับเขา บอกว่าเขาสาดน้ำสกปรกใส่ตัวเมือง แล้วยังโวยวายว่าจะไม่อยู่แล้ว
พ่อแม่ถามเขาว่าทะเลาะอะไรกัน เขาพูดไม่ออก ทำได้เพียงอดทนขอโทษช่างเหลียน ชดใช้ให้ ให้ช่างเหลียนหยุดโวยวาย สุดท้ายช่างเหลียนก็เข้านอนอย่างสบายใจ ช่างเหลียนเป็นผู้ชนะ ไม่มีใครรู้ว่าคืนนั้นเขาตาสว่างยันเช้า เรื่องผ่านไปแล้ว เขาไม่ได้พูดถึงอีก แต่ในใจเขาอึดอัด เรื่องนี้เก็บอยู่ในใจเขามาตลอด เขาไม่รู้จะพูดยังไง พูดออกไปไม่ได้ เขาก็เสียใจ เพราะเขาเป็นผู้ชาย วันนี้คำถามเฉินเยี่ยนทิ่มแทงใจเขา เธอช่างเหลียนไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ที่แต่งงานกับเขา ตอนแรกทำไมช่างเหลียนถึงแต่งงานกับเขา บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้
ภรรยาแบบนี้เป็นแบบที่เขาต้องการหรือ?
เฉินกุ้ยถามตัวเอง
เขาไม่อยากพูดความในใจออกไป ถ้าภรรยาคนนี้อ่อนโยน สุภาพ มีความรับผิดชอบ ใช้ชีวิตอยู่กับเขาด้วยความจริงใจ ในเมื่อไม่ใช่สาวบริสุทธิ์เขาก็ยอมรับแล้ว ยังไงนั่นก็คืออดีต ขอแค่อยู่กับเขา ทำดีกับเขาก็พอแล้ว
แต่ช่างเหลียนเป็นสักข้อไหม?
เปล่าเลย เธอไม่ได้มีคุณสมบัติสักข้อ เธอถือดียังไงมารดขี้บนศีรษะตัวเอง ถือดียังไงมาทำแบบนี้กับตัวเขาและคนในครอบครัว?
คนซื่อก็โกรธเป็นเหมือนกัน ตอนนี้เฉินกุ้ยเดือดขึ้นมา เดือดจนสีหน้าเขาดูน่ากลัว เขาคิดได้แล้ว ภรรยาแบบนี้เขาไม่ต้องการ ช่างเหลียนทำร้ายจิตใจเขา เขารู้สึกว่าถึงแม้ตัวเองจะเป็นชายโสดตอนแก่ แต่ก็ยังดีกว่ามีภรรยาแบบนี้เยอะเลย!
เฉินเยี่ยนเห็นสีหน้าเฉินกุ้ยเปลี่ยนไปมาไม่หยุด สุดท้ายสีหน้าเขาดูน่ากลัว เธอรู้ เฉินกุ้ยน่าจะฟังคำพูดตัวเองแล้ว แบบนี้หมายความว่าในใจเฉินกุ้ยก็ไม่พอใจช่างเหลียนอยู่เหมือนกัน? เขาจะหย่าไหม?
พูดตามจริง เฉินเยี่ยนไม่ได้อยากจะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องแต่งงานของคนอื่น ทุกคนต่างมีความคิดและชีวิตเป็นของตัวเอง คนอื่นจะใช้ชีวิตยังไงนั่นก็เป็นเรื่องของคนอื่น ดังนั้นเธอเลยไม่ค่อยอยากจะเข้าไปแทรกแซงชีวิตคนอื่น แต่ช่างเหลียนคนนี้ทำเกินไปแล้ว ถ้าเธอไม่ได้ท้อง นั่นคือโกหกทุกคน
กินดีแต่ขี้เกียจทำงาน เธอไม่ชอบ แต่เธอไม่ได้ว่าอะไร
ช่างเหลียนเข้าข้างบ้านตัวเอง เธอเข้าใจได้
แต่ช่างเหลียนทำแบบนี้กับพี่ใหญ่ เหยียบย่ำความเคารพเฉินกุ้ย นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงควรกระทำ
ถ้าเธอใช้คำว่าท้องมาหลอกทุกคนอีก นี่คือคำโกหกที่น่าเกลียดที่สุด ถ้าอย่างนั้นเธอก็ทำให้ใครยกโทษไม่ได้แล้ว
ช่างเหลียนก็เห็นสีหน้าของเฉินกุ้ยเช่นกัน เธอตกใจเล็กน้อย และก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเฉินกุ้ยจะไม่ต้องการเธอ ในใจเธอ เธอแต่งงานกับเฉินกุ้ยถือเป็นการแต่งกับคนฐานะด้อยกว่า คนบ้านเฉินต้องจุดธูปเอาของมาถวายเธอ
ช่างเหลียนคิดถึงความลับของเธอ เธอเป็นคนที่มีความลับ นั่นก็คือตอนที่เธอแต่งงานกับเฉินกุ้ยเธอไม่ได้เป็นหญิงสาวบริสุทธ์ แต่นั่นก็ไม่ใช่เธอยอม เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เธอจำเขาได้อย่างแม่นยำ เขาชื่อซุยหมิง แต่แม่ซุยหมิงไม่ยอมให้ซุยหมิงขอเธอแต่งงาน เพื่อที่จะได้แต่งงานกับซุยหมิง เธอออกไป แล้วมีอะไรกับกับซุยหมิง เธอนึกว่ามอบตัวให้ขนาดนี้แล้ว ถึงแม้ซุยหมิงจะไม่ยอมแต่ก็ต้องแต่งงานกับเธอ ขอให้เธอได้เข้าบ้านไป อีกหน่อยทุกเรื่องแค่เธอเป็นคนตัดสินใจ เธอก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้แล้ว
แต่เธอคิดไม่ถึง เธอให้แม่เธอไปคุย ให้ซุยหมิงสู่ขอเธอ แต่ซุยหมิงไม่ยอม บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงเกิดเรื่องแบบนี้ถือว่าผิดประเพณี ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง พวกเขาไม่ยอมให้ช่างเหลียนแต่งเข้ามาแน่นอน
แม่เธอและพี่ชายเธอไปโวยวายที่บ้านซุย แม่เธอยังบอกว่าถ้าบ้านซุยไม่ตกลง ช่างเหลียนจะตายอยู่ที่หน้าประตูบ้านซุยตรงนี้ แต่ยังไม่ทันรอให้เธอฆ่าตัวตายเลย แม่ซุยหมิงออกมาพูดก่อนเลย ถึงแม้จะช่วยกลับมาได้ แต่แม่ซุยหมิงก็กลับคำ ขอแค่เธอยังมีชีวิตอยู่ อย่าได้คิดว่าช่างเหลียนจะได้เข้ามาในบ้านพวกเขาเลย
ซุยหมิงตัดสัมพันธ์กับเธอ ยังไงก็ไม่สามารถให้แม่เขาตายได้ เธอโกรธจนทนไม่ไหว แต่โวยวายก็โวยวายแล้ว คนเขาไม่ยอม สองเดือนต่อมา ซุยหมิงแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ครอบครัวไม่ได้ดีไปกว่าเธอ ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาก็ธรรมดา ไม่ได้สวยกว่าเธอเท่าไร เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมซุยหมิงถึงไม่ต้องการเธอ?
แต่คิดไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาแต่งงานมีภรรยาไปแล้ว เธอทำได้แค่สาบานว่าจะหาคนที่ดีกว่าซุยหมิงอีก แต่ที่โชคร้ายไปกว่านั้นเธอนึกไม่ถึงว่าหลังจากนั้น ประจำเดือนเธอไม่มาสองเดือน เธอพบว่าตัวเธอท้อง ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ว่าท้อง เธอและแม่เธอจะไปโวยวายที่บ้านซุยหมิง บีบบังคับให้อีกฝ่ายแต่งงานกับเธอ แต่ตอนนี้ซุยหมิงเพิ่งแต่งงานไปไม่กี่วัน ไม่มีวันเท่านั้นเอง ถ้าเธอรู้ก่อนหน้านี้ก็ดี ช่างเหลียนเสียดายสุดๆ
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ เธอและแม่เธอก็ไปโวยวายที่บ้านซุยหมิงแล้ว บังคับให้ซุยหมิงหย่ามาแต่งงานกับเธอ
แม่ซุยหมิงพูดจาแย่มาก บอกว่าใครจะรู้ว่าใครเป็นพ่อเด็ก ยังไม่แต่งงานก็ไปนอนกับผู้ชายคนอื่น ผู้หญิงแบบนี้ ทำตัวง่าย มานอนกับลูกชายเธอได้ ก็นอนกับคนอื่นได้เหมือนกัน เด็กในท้องไม่แน่อาจจะเป็นลูกของผู้ชายคนไหนก็ได้! อย่ามาทำให้บ้านเธอเสื่อมเสีย เธอก็ไม่กลัวช่างเหลียนโวยวาย ลูกชายเธอแต่งงานแล้ว ช่างเหลียนยังไม่ได้แต่ง ทะเลาะกันขึ้นมา ชื่อเสียงช่างเหลียนก็เสียหายหมดแล้ว แต่งออกนี่ถือว่าประหลาด
ซุยหมิงไม่พูดอะไรสักคำ กลับกันเป็นภรรยาของซุยหมิงที่ออกมาพูด บอกว่าเธอแต่งเข้าบ้านซุยแล้ว เธอเป็นสะใภ้บ้านซุย เกิดเรื่องแบบนี้ ถ้าช่างเหลียนไม่ต้องการลูก รอช่างเหลียนผ่าตัด เธอจะไปดูแลช่างเหลียน ถือว่าดูแลแทนผู้ชายของเธอ ถ้าช่างเหลียนต้องการคลอดเด็กคนนี้ ก็ได้ ขอแค่เด็กคนนี้เป็นลูกของบ้านซุยจริง เธอก็รับเด็กคนนี้มาเลี้ยง เธอจะเลี้ยงเหมือนลูกแท้ๆ ไม่ทำไม่ดีกับเด็กแน่ๆ ให้ช่างเหลียนสบายใจได้ แต่ไม่ว่าช่างเหลียนจะเลือกทางไหน เธอก็ไม่หย่า
แม่ซุยหมิงออกมายืนข้างลูกสะใภ้ ซุยหมิงเห็นภรรยาตัวเองทำแบบนี้ก็ซาบซึ้ง รู้สึกว่าภรรยามีเหตุผล ดีกว่าช่างเหลียน เขาก็อยู่ข้างภรรยาเขาเหมือนกัน
ท่าทางพวกเขาทำให้ช่างเหลียนโกรธจนล้มไป แต่แม่ช่างเหลียนโวยวายอยู่นาน พวกเขาก็ไม่สนใจ ช่างเหลียนรู้ว่าบ้านซุยนั้นใจแข็งไม่ยอมหย่ามาแต่งกับเธอแน่ เธอเลยทำใจ แต่จะคลอดลูกออกมา? เธอไม่อยาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องท้องลำบากมากขนาดไหน อุ้มท้องเด็ก แล้วคลอดเด็กออกมา ภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เธอจะแต่งงานกับใครล่ะ
ดังนั้นสุดท้ายช่างเหลียนเลยเลือกที่จะเอาเด็กออก แม่เธอเรียกคนมา หาสถานที่เล็กๆ เธอทรมานไม่น้อยเลย สุดท้ายเอาเด็กออกไป ภรรยาของซุยหมิงมาดูแลเธอจริงๆ แล้ยังเอาไข่ไก่หลายฟองมาให้เธอกินด้วย บอกว่าให้เธอบำรุง
ภรรยาซุยหมงดูแลเธอมาหนึ่งเดือน เธอแกล้งภรรยาซุยหมิงสารพัด มีเพียงแกล้งภรรยาซุยหมิง เธอถึงค่อยได้ระบายออกมา ที่ทำให้เธอนึกไม่ถึงคือภรรยาซยหมิงไม่พูดอะไรสักคำ เธออดทน
เธอคิดว่าภรรยาซุยหมงไม่ได้เรื่องเลย แต่ที่เธอคิดไม่ถึงคือ วันที่เธอคลอดครบหนึ่งเดือน ภรรยาซุยหมิงเดินเข้ามาในบ้านตามปกติ ดูแลเธอเหมือนเดิม ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร ภรรยาซุยหมิงกลับตบหน้าเธอหนึ่งฉาด
ตอนที่ 101: ความคิดที่ชั่วช้า
โดย
Ink Stone_Romance
ภรรยาซุยหมิงไม่เพียงแต่ตบหน้าช่างเหลียน ยังสั่งสอนเธออีกชุดหนึ่งด้วย บอกว่าที่เธอมาดูแลปรนนิบัติช่างเหลียน ไม่ใช่เพราะว่าติดค้างช่างเหลียน แต่รู้สึกว่าช่างเหลียนเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอไม่อยากทำร้ายผู้หญิง ผู้หญิงคนหนึ่งยังไม่แต่งงาน ทำแท้งแล้ว ร่างกายเจ็บ อีกทั้งเด็กคนนี้เป็นของสามีเธอ ดังนั้นเธอยอมปรนนิบัติช่างเหลียน
แต่ช่างเหลียนเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่มีเหตุผล เหี้ยมโหด ไม่มีน้ำใจ คิดแต่จะได้ ไม่คิดจะให้ เธอดูถูกคนอย่างช่างเหลียน หลายวันนี้เธอจึงอดทนช่างเหลียน เพราะช่างเหลียนยังไม่ออกเดือน แต่ตอนนี้ช่างเหลียนออกเดือนแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องอดทนแล้ว ตบนี้เพื่อจะบอกช่างเหลียน ให้ช่างเหลียนเข้าใจ ที่ช่างเหลียนได้รับผลวันนี้ทั้งหมดเป็นเพราะเธอทำตัวเอง โทษคนอื่นไม่ได้ เธอหวังว่าต่อไปช่างเหลียนจะไม่ไปบ้านเธออีก ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่เกรงใจช่างเหลียนแล้ว
ช่างเหลียนโดนตบจนงง เธอคิดว่าภรรยาซุยหมิงอ่อนแอ ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายไม่อ่อนแอเลยสักนิด ตอนหลังเธอไปหาซุยหมิงที่บ้านอีกครั้ง โดนภรรยาซุยหมิงตบหน้าไล่ออกมา หลังจากนั้นเธอไม่กล้าไปอีกเลย
ช่างเหลียนเตรียมจะแต่งงาน แต่เรื่องของเอก็ยังโดนแพร่อกไป มีคนไม่น้อยรู้เรื่อง ดังนั้นที่ฝั่งบ้านเธอ เธอแต่งงานไม่ได้ง่ายๆ คนอื่นไม่ต้องการคนแบบเธอ เธอจึงทำได้แค่หาคนที่อยู่ห่างไกลหน่อย ธรรมดาหน่อย คนที่ไม่รู้เรื่องของเธอ แต่คนแบบนี้จะมีดีที่ไหน? เธอไม่ชอบ แต่ทำอะไรไม่ได้ ยังไงก็ไม่สามารถอยู่เป็นโสดจนแก่ที่บ้านได้
สุดท้ายเธอเลยแต่งงานกับเฉินกุ้ย เธอรู้สึกไม่ยุติธรรม เฉินกุ้ยเทียบกับซุยหมิงได้ที่ไหน? บ้านเฉินเทียบกับบ้านซุยได้ที่ไหน? ถึงแม้สุดท้ายซุยหมิงจะไม่ต้องการเธอแล้ว เธอก็ยังรู้สึกว่าซุยหมิงดีกว่าเฉินกุ้ยเป็นร้อยเท่า เธอไม่เคยเห็นเฉินกุ้ยอยู่ในสายตา อย่าว่าแต่มีใจเลย เธอรู้สึกว่าเฉินกุ้ยได้แต่งงานกับเธอ เป็นเพราะเฉินกุ้ยบำเพ็ญเพียรมาชาติที่แล้ว ชีวิตนี้เฉินกุ้ยจะต้องก้มหัวให้เธอตลอดชีวิต ทำงานเป็นวัวเป็นม้าแทนเธอ ต้องฟังเธอทั้งชีวิต เธออารมณ์ดีจะยิ้มหัวเราะกับเฉินกุ้ย อารมณ์ไม่ดี ก็จะถีบเฉินกุ้ยตกจากเตียงทันที เฉินกุ้ยจะต้องโอ๋เธอ ปรนนิบัติเธอ สำหรับเฉินกุ้ยแล้ว เธอนึกอยากจะตีก็ตี อยากจะด่าก็ด่า เฉินกุ้ยเป็นเป็นคนซื่อ และเป็นคนไม่เก่ง ไม่คัดค้านเธอ เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่เฉินกุ้ยไม่ต้องการเธอ วันที่เฉินกุ้ยจะมีความคิดเห็นกับเธอ
มีหรือ?
เฉินกุ้ยจะกล้าหรือ?
เห็นสีหน้าเฉินกุ้ยดูโหดเหี้ยมขึ้นมา ในใจช่างเหลียนรู้จักคำว่ากลัวขึ้นมาเป็นครั้งแรก
ช่างเหลียนกลัวแล้ว ฝั่งเฉินกุ้ยกลับโมโหขึ้นมาแล้ว
“ช่างเหลียนท้องแล้วนะ ไม่ต้องการแล้วจะทำอะไรได้ ลูกในท้องเธอเป็นเด็กของพวกเราบ้านเฉินเลยนะ”
ตอนที่เฉินจงโกรธจัดเตรียมจะพูดออกไป หวางนิวพูดขึ้นมา คำพูดนี้ของเธอ ช่างเหลียนหลังตรงขึ้นมา เหมือนโดนแทงด้วยยากระตุ้น ได้สติกลับมาอีกครั้ง เชิดหน้าขึ้น ใช่ใช่ ในท้องเธอมีเด็กอยู่ นี่เป็นไม้ตายของเธอ ใครก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ เธอจะกลัวอะไร!
ส่วนเฉินกุ้ยกลับอารมณ์ลงแล้ว เมื่อกี้กว่าจะรวบรวมความโกรธขึ้นมาได้ เขาใจอ่อนอีกแล้ว
เฉินเยี่ยนพูดไม่ออก แม่เจ้าโว้ย พี่นี่ช่าง พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้จริงๆ น่าเสียดาย ทิศทางที่ช่วยไม่ถูกต้อง แต่เธอจะพูดอะไรได้? เธอเข้าใจความคิดหวางนิว เด็กเป็นคนในครบครัว แต่ผ่านไปแล้ว ไม่มีคนแก่สักคนที่วังจะให้ลูกหย่าร้าง ทนกันได้ก็ทนกันไป
ลูก ลูก ทำยังไงเธอถึงจะมั่นใจว่าช่างเหลียนท้องหรือหลอกได้นะ? ยังไงเธอก็รู้สึกว่าช่างเหลียนไม่เหมือนคนท้องเลย แต่เธอพูดปากเปล่าออกไป ใครจะเชื่อ?
ฝั่งเฉินเวยก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง แบบนี้แหละ หวางนิวพูดได้จังหวะมาก ไม่หย่าก็ดี ช่างเหลียนไม่ออกไปจากบ้านเฉิน ช่างเหลียนก็จะต้องเป็นศัตรูกับเฉินเยี่ยนตลอดไป เธอก็คอยดูอย่างสนุกสนาน ถ้าช่างเหลียนออกไปแล้ว ศัตรูของเฉินเยี่ยนก็จะหายไปหนึ่งคน เธอไม่อยากให้เฉินเยี่ยนอยู่สบาย
แต่ช่างเหลียนท้องเป็นเรื่องลำบาก เรื่องช่างเหลียนท้องแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องหลอกลวง แต่หลังจากนี้อีกหลายเดือนล่ะ? ท้องช่างเหลียนไม่ใหญ่ขึ้นมา รอจนเดือนสิบ ช่างเหลียนจะไปขโมยเด็กที่ไหนมาให้บ้านเฉิน?
ถึงตอนนั้นทุกคนก็จะรู้ว่าช่างเหลียนแกล้งท้อง แล้วบ้านเฉินจะยังมีที่เหลือให้เธอยืนอยู่ไหม?
ไม่ได้ เธอไม่ต้องการให้ช่างเหลียนโดนไล่ออกไป ศัตรูของศัตรูก็คือพันธมิตรของตัวเอง ถึงแม้ว่าพันธมิตรจะไม่ดี แต่ยังไงก็เป็นพันธมิตรเธอจะช่วยช่างเหลียนหาวิธี
นึกออกแล้ว เฉินเวยกะพริบตาเป็นประกาย ระหว่างทางกลับบ้านเธอควรจะเตือนช่างเหลียนสักหน่อย ในเมื่อไม่มีเด็กคนนี้อยู่แล้ว เด็กคนนี้จำเป็นต้องหายไป แต่ให้หายไปยังไงนั่นเป็นเรื่องวิธีการ เธอต้องสอนช่างเหลียนให้ทำยังไงถึงทำให้เด็กคนนี้หายไปอย่างเนียนๆ เช่นตอนที่ไปบ้านเฉินอีกครั้ง ช่างเหลียนไปข้างเฉินเยี่ยน จากนั้นล้มลง แล้วบอกว่าเฉินเยี่ยนผลักเธอ รอจนตอนกลางดึกช่างเหลียนก็ร้องว่าเจ็บท้อง เลือดออกมาก แล้วเด็กก็หลุดออกมา แล้วคนอื่นก็จะสงสัยว่าเป็นตอนที่เฉินเยี่ยนผลักช่างเหลียนตอนนั้นทำให้ลูกช่างเหลียนไม่มีแล้ว
ส่วนเลือด ทำง่ายมาก แค่เอาเลือดสัตว์มาก็ได้แล้ว แล้วอีกฝั่งก็มีแค่เฉินกุ้ย ช่างเหลียนกับเธอ เธอกับช่างเหลียนเป็นพวกเดียวกัน หลอกเฉินกุ้ยได้ง่ายมาก รอจนคนที่นี่ไป เธอจัดการทุกสิ่งให้เรียบร้อย ถึงเฉินเยี่ยนจะสงสัย เฉินเยี่ยนก็มีหลักฐาน ตอนนั้นถึงแม้ทั้งตัวเฉินเยี่ยนจะเต็มไปด้วยปาก แต่จะพูดยังไงก็พูดได้ไม่เต็มปาก
เฉินเยี่ยนทำร้ายเด็กในท้องช่างเหลียน ช่างเหลียนมีข้ออ้างจะสู้กับเฉินเยี่ยน หลานคนโตของบ้านเฉินไม่มีแล้ว เฉินจงและหวางนิวจะโทษเฉินเยี่ยน เฉินกุ้ยก็จะเลียดเฉินเยี่ยน ตอนนั้นเฉินเยี่ยนไม่เพียงแต่เอาเงินออกมาชดใช้ช่างเหลียน คนบ้านเฉิน ต่างโทษเฉินเยี่ยนกันหมด แล้วเฉินเยี่ยนก็จะไม่มีที่ยืนในบ้านเฉิน เธอก็จะได้อาศัยจังหวะดีแกล้งทำเป็นคนดีได้
หวางนิวผิดหวังในตัวเฉินเยี่ยน เธอจะไม่ช่วยเฉินเยี่ยนอีก จัวเองก็จะได้ถือโอกาสนี้เอาที่ม้วนบุหรี่มา ถึงตอนนั้นการม้วนบุหรี่ก็เป็นเรื่องของอวี๋เหวยหมินแล้ว เป็นของอวี๋เหวยหมินก็ถือเป็นของเธอด้วย เธอก็จะมีเงินใช้ไม่หมด เธอไม่ต้องไปขอร้องเฉินเยี่ยนแล้ว
เฉินเวยยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ คิดว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ เธอคิดเรียบร้อยแล้วว่าจะพูดยังไงกับช่างเหลียน ครั้งนี้เธอจะต้องทำให้เฉินเยี่ยนตกที่นั่งลำบากครั้งใหญ่
ฝั่งเฉินเวยกำลังคิดอยู่ ฝั่งเฉินเยี่ยนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ตอนแรกเธอไม่ได้คิดมากขนาดนี้ เพียงแค่คิดว่าจะทำยังไงถึงจะพิสูจน์ได้ว่าช่างเหลียนไม่ได้ท้อง แต่เธอเหลือบไปเห็นเฉินเวยโดยไม่ได้ตั้งใจ สายตาเปล่งประกายของเฉินเวย ความดีใจที่แฝงอยู่ทำให้เฉินเยี่ยนตกใจ เธอลืมเฉินเวยไปเลย เฉินเวยต้องนึกแผนการชั่วช้าขึ้นมาอีกแล้วแน่นอน
เฉินเวยคิดจะทำอะไรนะ? เฉินเยี่ยนคิดถึงเรื่องแท้ง เธอเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับยุคสมัยนี้มาก่อน มีวิธีการอำพรางมากมายในครอบครัวใหญ่โต หลายเรื่องในนั้นคือใช้วิธีแท้งมาทำร้ายศัตรู ถ้าช่างเหลียนไม่ได้ท้อง เด็กคนนี้จำเป็นต้องมีข้ออ้างที่เหมาสมในการหายไป ถ้าเช่นนั้นการโยนความผิดให้คนอื่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด ส่วนตัวเธอก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก ขอแค่ช่างเหลียนมาใกล้ตัวเอง ช่างเหลียนล้มลง แล้วบอกว่าตัวเองผลัก คนอื่นก็จะเชื่อ โดยเฉพาะแม่ของเธอ เพราะครั้งที่แล้วเธอมีประวัติเรื่องอวี๋เหวยหมินมาก่อน
ต่อมาช่างเหลียนก็จะบอกว่าลูกเธอไม่มีแล้ว แล้วทุกอย่างก็จะชี้มาที่ตัวเอง ทุกคนจะโทษเธอ ถึงตอนนั้นเกรงว่าตัวเองจะโต้แย้งอะไรก็โต้แย้งไม่ได้ ส่วนช่างเหลียนและเฉินเวยก็จะสามารถเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเธอและคนบ้านเฉิน ได้สิ่งที่พวกเธอต้องการ
———
ตอนที่ 102: ออกลูกเป็นไข่?
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ เธอรู้สึกกลัวผลที่ตามมา ยังดี ตอนนี้ช่างเหลียนยังไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้ แต่เฉินเวยต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกช่างเหลียนต่อแน่ ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าช่างเหลียนต้องใช่วิธีการนี้
ตัวเองไม่สามารถให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ ไม่สามารถให้แผนการของเฉินเวยสำเร็จ
เฉินเยี่ยนคิดมาถึงตรงนี้ เธอเหลือบมองเฉินหู่ หันหน้าไปพูดกับเฉินหู่ไม่กี่คำ
“หู่จื่อ ลูกจะไปไหน?”
หวางนิวเห็นหู่จื่อฟังเฉินเยี่ยนแล้วตรงออกไปหน้าประตู เลยถามเสียงดัง
“ผม ผมจะไปเล่นกับพวกโกว่ต้าน พี่สาวทำชุดใหม่ให้ผมแล้ว ผมต้องไปบอกพวกโกว่ต้าน พวกแม่คุยกันเถอะ ยังไงผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง และไม่เกี่ยวกับผมด้วย”
เฉินหู่พูดจบก็เหลือบมองช่างเหลียน แววตาเขาดูไม่นิ่ง
“ลูกคนนี้นี่ไม่รู้เรื่องจริงๆ ที่บ้านเกิดเรื่องแบบนี้แล้ว ยังมีใจไปอวดชุดใหม่อยู่อีก ไปเถอะ ไปเถอะ แต่ละคนนี่กังวลใจอะไรเลย เรื่องในบ้านไม่ต้องไปพูดให้คนอื่นฟังนะ”
หวางนิวโบกมืออย่างรำคาญ เธอไม่ให้เฉินหู่ไม่ไปไม่ได้ เหมือนที่เฉินหู่พูด เขายังเด็ก แสดงความเห็นอะไรก็ไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ฟังจริงๆ
เฉินหู่วิ่งไปแล้ว เฉินเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่เชื่อว่าเฉินหู่จะออกไปเล่น เธอคิดว่าเฉินเยี่ยนต้องพูดอะไรกับเฉินหู่แน่นอน แต่เธอไม่ได้ยิน และเธอก็ไม่สามารถรั้งไม่ให้เฉินหู่ไม่ไปได้
“พี่สะใภ้ นี่พี่ยืนมานานขนาดนี้ ท้องไม่เป็นไรใช่ไหม? เดี๋ยวพวกเราพาไปตรวจไหม?”
เฉินเยี่ยนเห็นเฉินหู่วิ่งไปแล้ว ก็ถามช่างเหลียน
“ตรวจอะไร? ไปตรวจที่ไหน?”
ช่างเหลียนไม่เข้าใจ
“ไปสถานีอนามัยไง อย่าให้เด็กเหนื่อยจนเป็นอะไรไปเลย ตรวจดูหน่อยให้สบายใจ”
เฉินเยี่ยนพูด เธอไม่ได้พูดประโยคหนึ่งนั่นคือไปดูจะได้รู้ว่าเธอท้องจริงหรือเปล่า
“ตรวจอะไร! ท้องฉันฉันย่อมรู้ มีอะไรต้องตรวจ ฉันไม่ไปสถานีอนามัย นี่จะปีใหม่แล้วให้ไปสถานีอนามัย เธอจะเอาฉันใช่ไหม ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ได้หวังดี คิดจะให้ฉันไปสถานีอนามัย เด็กไม่มีแล้ว เธอจะได้สมใจ ฉันไม่ไป ท้องฉันไม่เจ็บ ลูกฉันยังอยู่ดี เธอไม่ต้องมาสนใจ”
ช่างเหลียนส่ายหน้า แต่น้ำเสียงเธอฟังดูไม่หนักแน่น ฟังดูเหมือนขาดความมั่นใจ แต่ยังนับว่าเธอตอบโต้ได้เร็ว หาข้ออ้างเรื่องปีใหม่ ไม่ยอมไปสถานีอนามัย กลัวโชคร้าย
“จริงด้วย นี่จะปีใหม่แล้ว ใครเขาไปสถานีอนามัยกัน กลิ่นอับชื้นจะตาย พี่สะใภ้ลูกบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร ลูกเป็นผู้หญิง เรื่องพี่สะใภ้ท้องลูกไม่เข้าใจหรอก ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ตอนแม่ท้องพวกลูกหลายคนนี่ ทำอะไรได้ก็ทำ ไปปลูกพืชในดินอะไรพวกนี้ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย พวกลูกก็ยังแข็งแรงดีอยู่ไม่ใช่หรือ”
ฝั่งหวางนิวก็เห็นด้วยกับคำพูดลูกสะใภ้
เทพช่วยเหลือมาอีกแล้ว เฉินเยี่ยนแอบส่ายหน้ากับตัวเอง เธอก็รู้ว่าหวางนิวความคิดเรียบง่าย มีอะไรก็พูดอย่างนั้น หวางนิวคิดอย่างนี้จริงๆ แต่ช่างเหลียนไม่แน่ว่าจะใช่
ช่างเหลียนไม่อยากไปก็ช่างเถอะ เฉินเยี่ยนไม่สามารถบังคับให้เธอไปได้
“พี่สะใภ้ไม่ไปก็ไม่ไป ยังไงอีกหลายเดือนท้องพี่สะใภ้ก็โตขึ้นมา ตอนนี้อากาศหนาวถนนไม่ดี อีกหน่อยพี่สะใภ้ออกจากบ้านให้น้อยลงหน่อย ป้องกันหกล้ม”
เฉินเยี่ยนพูดจบก็มองช่างเหลียน สายตาช่างเหลียนเป็นประกาย ใบหน้ากระตุกสองที อีกหลายเดือนท้องเธอต้องใหญ่ขึ้นมาแล้ว แต่เธอจะทำยังไงให้ท้องโต? หรือว่าต้องยัดของ แต่ถึงแม่ท้องจะโต ผ่านไปสิบเดือนเธอจะเอาอะไรมาคลอดล่ะ หรือว่าต้องเอาไข่ไก่มาบอกบ้านเฉินว่า เธอคลอดไข่ออกมาเหมือนแม่ไก่? คนบ้านเฉินจะเชื่อไหม? เฉินกุ้ยต้องเล่นงานเธอแน่
ไม่ได้ เธอต้องให้เฉินกุ้ยรับประกัน รับประกันว่าชีวิตนี้ห้ามทิ้งเธอ ถึงแม้เธอจะดูถูกเฉิกุ้ย ดูถูกบ้านเฉิน แต่เธอไม่มีทางที่ดีกว่านี้แล้ว ทางเลือกที่ดีกว่าคือเธอต้องอยู่บ้านเฉิน ให้บ้านเฉินเลี้ยงดูเธอ ตอนนี้ฝั่งนี้หาเงินได้แล้ว จะให้เธอไป? เธอไม่โง่หรอกนะ เงินของฝั่งนี้ก็ควรเป็นของเธอ อีกหน่อยเธอต้องการมีความสุข เธอจะต้องจับเฉินกุ้ยและคนบ้านเฉินให้อยู่
“เฉินกุ้ย วันนี้คุณต้องบอกฉันให้ชัดเจนต่อหน้าพ่อแม่คุณ คุณคิดจะทิ้งฉันหรือเปล่า? ถ้าคุณคิดจะทิ้งฉันจริง ฉันก็จะไม่รังควานคุณ ฉันจะไปกระโดดบ่อน้ำพร้อมลูกของเรา ฉันไม่อยู่แล้ว คุณมันไม่มีจิตใจ ตอนแรกที่บ้านจนขนาดนั้น เรายังแต่งงานกับคุณเลย ฉันเคยพูดอะไรไหม? ฉันจะแต่งงานยังไงก็ได้ แต่ฉันเลือกคุณ ฉันไม่ได้ใช้ชีวิตที่ดีกับคุณ ตอนนี้ดีแล้ว น้องสาวคุณหาเงินได้แล้ว พวกคุณไม่ต้องการเราแล้ว อยากจะเปลี่ยนสะใภ้คนใหม่ พวกคุณมันไม่มีหัวใจ พวกคุณเห็นฉัน เห็นครอบครัวช่างเป็นอะไร พวกคุณทั้งบ้านมันไม่ใช่คน ฉันจะอยู่ไปทำไม ให้ฉันตายเถอะ เราไม่มีชีวิตที่จะอยู่ต่อแล้ว”
ช่างเหลียนร้องไห้ออกมา โทษว่าเป็นความผิดของเฉินกุ้ยและบ้านเฉิน
ช่างเหลียนเดี๋ยวฉัน เดี๋ยวก็เรา เฉินเยี่ยนรู้ ตรงนี้เรียกเรามาตลอด แต่คนเมืองหรือที่ๆ อยู่ใกล้เมือง บางคนพูดฉัน คนที่พูดฉันก็จะรู้สึกว่าตัวเองสูงส่งขึ้นมาอีกชั้น ช่างเหลียนก็เลียนแบบคนอื่นเขา แต่เธอไม่มีคนสอนตั้งแต่เด็ก เลยเดี๋ยวเรียกฉัน เดี๋ยวเรียกเรา ใช้ไม่คล่องแคล่ว
ตอนนี้เธอเอาความตายมาบีบบังคับเฉินกุ้ย คนบ้านเฉินจะยอมให้เธอตายได้ยังไงโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เธอมีลูกอยู่ในท้อง ถึงแม้จะไม่มีลูก ก็ไม่ได้อยู่ดี ช่างเหลียนอาศัยว่าเฉินกุ้ยและคนบ้านเฉินจิตใจดี ดังนั้นพอร้องไห้โวยวายก็ได้ผลมาก
แต่ว่าไม่รีบ เฉินเยี่ยนมองดูอย่างเยือกเย็น เห็นช่างเหลียนเล่นละคร ขอแค่เสแสร้ง จะต้องมีวันที่หลุดแน่นอน
ช่างเหลียนร้องไห้โวยวาย หวางนิวปลอบ เฉินกุ้ยรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ก่อนหน้านี้เขามีความคิดไม่ต้องการช่างเหลียนแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดจะให้ช่างเหลียนตายเลย อีกอย่างช่างเหลียนยังท้องลูกของเขาด้วย ช่างเหลียนยังร้องไห้น่าสงสารอย่างนี้อีก ใครก็เคยทำผิดพลาดได้ ขอแค่ช่างเหลียนไม่โวยวา เขาก็จะกลับไปกับช่างเหลียน ใช้ชีวิตที่ดี
เฉินกุ้ยดึงช่างเหลียนที่กำลังจะเปิดปาก เฉินหู่ก็วิ่งเข้ามา พอเข้ามาในบ้านก็ตะโกนร้อง “มาแล้ว มาแล้ว “
“ใครมาแล้ว? นี่ทำไมต้องกระหืดกระหอบมา ลูกไม่ได้ไปเล่นกับพวกโกว่ต้านเหรอ? ทำไมกลับมาอีก?”
หวางนิวถามอย่างไม่พอใจ
เฉินเยี่ยนเข้าใจแล้ว เฉินหู่ไปทำเรื่องที่เธอมอบหมายให้เรียบร้อยแล้ว
“ปู่หกมาแล้ว”
เฉินหู่พูดจบก็มาที่ข้างเฉินเยี่ยน ตอนนี้ข้างหลังเขามาคนหนึ่งเดินเข้ามา คนนี้อายุไม่น้อยแล้ว ดูแล้วอายุน่าจะประมาณห้าสิบกว่า ผิวสีคล้ำ ริ้วรอยยับย่นบนใบหน้าไม่น้อย ที่คางมีหนวดเครา แต่สีหน้าดูไม่แย่เลย
คนนี้ชื่อหวางฮวายซู่ แต่คนอายุน้อยจะเรียกเขาว่าลุงหก ปู่หก เพราะเขาเกดคนที่หก เรียกลุงหกก็จะสนิทหน่อย ไม่ได้เรียกปู่หวาง
ปู่หวางเป็นแพทย์แผนจีน บรรพบุรุษที่บ้านถ่ายทอดมา ฝีมือไม่เลวเลย หลายปีก่อนหน้านี้ลำบาก แต่ต่อมาดีแล้ว เขาเริ่มรักษาอีกครั้ง แต่สองปีนี้เพราะว่าอายุเยอะแล้ว ถ้าไม่ใช่คนในหมู่บ้าน หรือไม่สนิท เขาจะไม่รักษา
เฉินเยี่ยนให้เฉินหู่ไปเรียกปู่หกมาที่บ้าน ไม่ใช่เพราะจะตรวจไข้ แต่เพื่อช่างเหลียน ปู่หกไม่พูดอะไร จับชีพจร ดูว่าช่างเหลียนท้องหรือเปล่า หรือว่าไม่มีปัญหาอะไร
———-
ตอนที่ 103: ลูกสาวบ้านเฉินกล้าหาญ
โดย
Ink Stone_Romance
เห็นปู่หกเดินเข้ามา เฉินจงรีบลุกขึ้นยืนทักทาย หวางนิวก็ให้เฉินหู่เลื่อนเก้าอี้มาให้ เชิญปู่หกนั่ง มีเพียงช่างเหลียน สายตาเธอมีแววหวาดกลัว จ้องเฉินเยี่ยนและเฉินหู่อย่างอาฆาต จากนั้นก้มหน้าลง เธอรู้ว่าปู่หกทำอะไร ไม่ว่าจะยังไง เธอไม่ยอมให้ปู่หกจับชีพจรเธอแน่
เชิญปู่หกนั่งลงแล้ว พูดคุยกันสักพัก บ้านเฉินก็รู้ถึงจุดประสงค์ที่ปู่หกมา และรู้ว่าเฉินหู่ไปทำอะไรมา เขาไม่ได้ไปเล่น แต่ไปเชิญปู่หกมา
แต่ปู่หกมาก็ดีเลย ให้เขาช่วยตรวจชีพจรให้ช่างเหลียน เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กในท้องช่างเหลียนไม่เป็นอะไร ทุกคนจะได้วางใจ
นี่คือความคิดของหวางนิวและเฉินกุ้ย
เฉินจงคิดมากกว่านั้น ลูกสาวบอกว่าช่างเหลียนไม่ได้ท้อง แล้วเรียกให้หู่จื่อไปเชิญลุงหกมา ส่วนช่างเหลียนแสดงออกแบบนั้น หรือว่าลูกสะใภ้โกหกจริงๆ?
เฉินเวยรู้แนวโน้มของสถานการณ์แล้ว เธอยังไม่ทันได้บอกช่างเหลียนเรื่องให้ใส่ร้ายเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนเลยเชิญหมอมา เธอเองก็ประมาทด้วย รู้แค่ว่าสถานีอนามัยอยู่ไม่ไกลจากบ้านพวกเขา คนทั่วไปป่วยก็จะไปสถานีอนามัย น้อยมากที่หมอจากสถานีอนามัยจะมาที่บ้าน เธอลืมไปเลยว่าในหมู่บ้านยังมีปู่หกคนนี้อยู่
พลาดไปหนึ่งก้าว เลยแพ้ทั้งกระดาน ตอนนี้เธอได้แต่หวังว่าช่างเหลียนจะออกแรงบ้าง ไม่ยอมให้ปู่หกคนนี้ตรวจชีพจร หรือถึงแม้จะจับชีพจร ช่างเหลียนก็โวยวายแข็งข้อขึ้นมา
“ฉันไม่ตรวจชีพจร เขาแก่จะแย่แล้ว ใครจะรู้ว่าเขาตรวจได้หรือเปล่า! ฉันไม่ตรวจ ให้ตายยังไงก็ไม่ตรวจ พวกคุณมาแกล้งฉัน ฉันไม่อยู่แล้ว”
ช่างเหลียนก็รู้ว่าปู่หกมาทำไม หน้าเธอซีดหมดแล้ว เธอไม่มีวิธีอื่น ตอนนี้ทำได้แค่โวยวาย เธอไม่ยอม ใครก็ทำอะไรไม่ได้ ขอแค่หลบวันนี้ไปได้ เธอจะคิดวิธีอื่น
“เหลียนเอ๋อร์ เธอพูดอะไรน่ะ ปู่หกเป็นคนมีความสามารถจริงๆ นะ ให้ตรวจชีพจรให้เธอต้องรู้แน่นอน อย่าร้องเลย ให้ปู่หกช่วยเธอตรวจดูหน่อย”
หวางนิวจ้องลูกสะใภ้ และก็ปลอบไปด้วย
แต่ให้ตายยังไงช่างเหลียนก็ไม่ยอม ทั้งร้องไห้ ทั้งด่า ใครไปใกล้เธอเธอถีบหมด ไม่ว่าจะหวางนิว เฉินกุ้ย ต่างทำอะไรเธอไม่ได้
ใช่แล้ว แบบนี้แหละ! เฉินเวยอดไม่ได้อยากจะปรบมือให้ ตอนนี้ดูเหมือนช่างเหลียนจะไม่ค่อยโง่แล้ว ร้องไปเลย ยิ่งร้องโวยวายมากเท่าไรก็ยิ่งดี
เฉินเวยอยู่ข้างๆ ใช้สายตาให้กำลังใจช่างเหลียน
เฉินเยี่ยนเดินก้าวเข้าไป ไม่รอให้ช่างเหลียนตอบโต้ เธอก็จับขาช่างเหลียนไว้
“จับไว้”
เฉินเยี่ยนพูดกับเฉินกุ้ย เฉินกุ้ยจับขาช่างเหลียนให้นิ่ง เขาไม่มีเวลาคิด ทำตามที่เธอพูดทั้งหมด
ช่างเหลียนเห็นขาโดนจับ เธอยื่นมือออกไปจะตีเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนคว้าจับแขนช่างเหลียนอย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับหวางจวนและเฉินหู่ “จับแขนเธอไว้ อย่าให้เธอขยับ”
ที่เธอร้องเรียกหวางจวนและเฉินหู่ เพราะทั้งสองคนจะปฏิบัติตามคำสั่งเธออย่างเคร่งครัด แต่หวางนิวไม่ได้ ไม่แน่ช่างเหลียนโวยวาย หวางนิวก็ปล่อยมือแล้ว
หวางจวนกดแขนข้างหนึ่ง เฉินหู่กดอีกข้าง เฉินกุ้ยกดขาของช่างเหลียน ส่วนเฉินเยี่ยนก็กดตัวช่างเหลียนไว้ แบบนี้ช่างเหลียนก็ขยับไม่ได้แล้ว ถึงแม้เธอจะมีปัญญา เธอก็ทำได้แค่ใช้ปากด่า แต่ขยับตัวไม่ได้
“พวกเธอนี่ นี่จะทำอะไรน่ะ”
หวางนิวอึ้งไป ลูกสาวคนนี้ทำไมทำเหมือนจะจับลูกสะใภ้มัดไว้
“ถ้าเธอด่าอีก ฉันจะเอาถุงเท้ายัดปากเธอ”
เฉินเยี่ยนเห็นช่างเหลียนยิ่งด่ายิ่งหยาบคาย เธอพูดอย่างใจเย็น
ช่างเหลียนจ้องเฉินเยี่ยน แต่เธอไม่กล้าด่า ถุงเท้าของเกษตรกร นั่นเป็นถุงเท้าอะไร? อากาศหนาว เหมือนเธอกับเฉินกุ้ย เดือนหนึ่งถึงค่อยล้างเท้าครั้งหนึ่ง ส่วนถุงเท้า ไม่รู้เลยว่าผ่านไปกี่วันถึงสักหนึ่งครั้ง เอามาอุดปาก นั่นก็เหม็นตายพอดีสิ”
เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนพูดจริงทำจริงสามารถทำให้พวกเขาหลายคนมาจับเธอได้ ต้องเอาถุงเท้ามายัดปากเธอได้แน่นอน เธอรับไม่ได้ ดังนั้นช่างเหลียนเลยปิดปาก เม้มปากแน่นมาก
“ปู่หกคะ รบกวนปูช่วยตรวจชีพจรพี่สะใภ้หนูให้หน่อยค่ะ ดูว่าพี่สะใภ้ป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า”
เฉินเยี่ยนเชิญปู่หก
ปู่หกมองด้วยความอึ้ง บ้านเฉินนี่เหมือนเล่นละครอยู่ จะเล่นไม้ไหนเนี่ย? เฉินหู่มาเชิญตัวเองด้วยความเร่งรีบ เขาคิดว่าใครในบ้านเฉินป่วยหนัก คิดไม่ถึงว่ากลายเป็นมาให้จับชีพจรให้สะใภ้บ้านเฉิน แล้วสะใภ้ยังไม่ยอมอีก ยังมาด่าตัวเองด้วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่โกรธ เตรียมตัวจะกลับ ไม่คิดเลยว่าลูกสาวคนโตบ้านเฉินจะสั่งให้คนมาจับพี่สะใภ้ไว้ แล้วยังพูดว่าจะเอาถุงเท้ามายัดปากเธอ ลูกสาวบ้านเฉินคนนี้ช่างห้าวหาญเกินไปแล้วมั้ง? ผู้หญิงแบบนี้ใครจะมาแต่งงานด้วย
แต่เหตุผลที่เขามาคือมารักษาคน คนเขายอมแล้ว เขาตรวจดูก็ได้
ปู่หกเดินเข้าไป ช่างเหลียนอยากจะต่อต้านแต่ขยับไม่ได้ เธออยากจะด่า พอเจอสายตาเฉียบขาดของเฉินเยี่ยนก็เลยกลืนคำด่าลงไปในท้อง เธอทำได้แค่มองปู่หกใช้มือมาจับชีพจรเธอตาปริบๆ
ปู่หกจับฝั่งหนึ่งแล้วก็ไปจับอีกฝั่ง ขมวดคิ้วขึ้นมา
จับชีพจรเสร็จแล้ว เขามองสีหน้าช่างเหลียนอีกรอบ แล้วยังให้ช่างเหลียนแลบลิ้นออกมาให้เขาดู ช่างเหลียนไม่ทำ เฉินเยี่ยนจิกคางช่างเหลียน ไม่ต้องรอให้เฉินเยี่ยนออกแรง ไม่ต้องรอให้เฉินเยี่ยนพูดอะไร ช่างเหลียนก็อ้าปาก แลบลิ้นออกมาให้ปู่หกดูอย่างว่าง่าย
ปู่หกดูเสร็จก็ขมวดคิ้ว หวางนิวตื่นเต้นแล้วถาม “ลุงหก ทุกคนไม่เป็นอะไรใช่ไหม? เด็กในท้องเธอยังปกติดีใช่ไหม?”
เดิมทีควรจะเป็นเฉินจงออกมาพูด แต่นี่เป็นเรื่องลูกสะใภ้ท้อง ดังนั้นหวางนิวถามจะเหมาะสมกว่า แต่เฉินจงก็เป็นห่วงเหมือนกัน
“เด็ก? ลูกสะใภ้เจ้าไม่ได้ท้อง จะมีเด็กมาจากไหน?”
ปู่หกถามหวางนิวกลับด้วยความแปลกใจ
จบคำพูดปู่หก เฉินเยี่ยนปล่อยมือออก ส่งสัญญาณให้หวางจวนและเฉินหู่ปล่อยมือด้วย หวางจวนและเฉินหู่เชื่อฟังเฉินเยี่ยน รีบปล่อยมือทันที ฝั่งเฉินกุ้ยกลับไม่เห็นสายตาของเฉินเยี่ยน ในหูเขาเหมือนมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมา ดังจนเขานิ่งงันไป ปู่หกพูดอะไร? ภรรยาไม่ท้อง? ในท้องไม่มีเด็ก?
เขารู้สึกว่าเขาตั้งตัวไม่ทัน มือออกแรงโดยไม่รู้ตัว
“คุณมันบ้าไปแล้ว จะบีบฉันจนตายเลยหรือ”
ช่างเหลียนร้องเจ็บ ออกแรงผลักเฉินกุ้ยออกไป เฉินกุ้ยรู้สึกตัวปล่อยมือ ช่างเหลียนยังไม่หายโมโห ยกขาถีบเฉินกุ้ยต่อ
“ลุงหก นี่ สะใภ้ฉันไม่ได้ท้องเหรอ? ทำไมถึงบอกว่าไม่มีล่ะ? ลุงช่วยตรวจอย่างจริงจังอีกทีให้หน่อย”
หวางนิวก็อึ้งไป ทำไมถึงไม่มีนะ ลูกสะใภ้พูดอยู่ว่าเธอท้องแล้ว
“ข้าจับชีพจรดูมือสองข้างแล้ว คนที่ท้องลักษณะชีพจรจะไหลเวียนราบลื่น เมื่อใช้นิ้วสัมผัสจะรู้สึกเหมือนสัมผัสไข่มุก ลูกสะใภ้เจ้ากลับตรงกันข้าม ไม่มีทางท้องหรอก”
ปู่หกพูดอย่างระงับอารมณ์ เขารู้สึกโกรธหน่อย พวกเขาสามารถสงสัยในตัวเขาได้ แต่ไม่ควรจะสงสัยฝีมือการแพทย์ของเขา เขามีประสบการณ์มากขนาดนี้ หรือว่าแม้แต่ท้องหรือไม่ท้องเขาจะตรวจไม่ออกเลยหรือ?
“แต่ แต่ ลูกสะใภ้ฉันบอกว่าเธอมีแล้วนี่ ทำไมถึงไม่มีล่ะ นี่เกิดอะไรขึ้น?”
หวางนิวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เธอก็รู้สึกตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน
ตอนที่ 104: ระเบิดลูกหนัก
โดย
Ink Stone_Romance
“ปู่หก เธอ เธอไม่ได้ท้องหรือ?”
เฉินกุ้ยลุกขึ้นมา เขาไม่ได้มองช่างเหลียน แต่ถามปู่หก หน้าเขาแดงมาก เหมือนกับความดันเลือดสูงขึ้น
“พ่อหนุ่ม อย่าเพิ่งใจร้อน สีหน้าเจ้าตอนนี้ดูไม่ดีเลย สงบสติอารมณ์ก่อน ข้าไม่รู้ว่าทำไมภรรยาเจ้าบอกว่าเธอมีแล้ว แต่ข้ารับรองได้ว่า เธอไม่ได้ท้องแน่นอน”
คำพูดปู่หกที่มั่นใจว่าช่างเหลียนไม่ได้ท้องพูดออกไป เฉินกุ้ยเหมือนพังทลาย เขาหันหลังกลับไปตรงหน้าช่างเหลียน กระชากเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายของช่างเหลียน แล้วตะคอกใส่ “ทำไมคุณต้องหลอกผม? ทำไมต้องบอกคุณท้องแล้ว อธิบายมา!”
เขาทนไม่ไหวแล้ว ภรรยาของเขา ผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่กับเขา เธอกลับหลอกตัวเอง เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่ ก่อนหน้านี้ดีใจขนาดไหน ตอนนี้เขาโกรธจัดมากเท่านั้น
“ปล่อยฉันไป ไอ้บ้า ปล่อยมือออกจากฉัน ฉันโกหกคุณแล้วไง! ถ้าไม่ใช่เพราะคุณโง่ ฉันจะหลอกคุณได้หรือ ใครใช้ใครคุณโง่เล่า คุณหาเงินไม่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะคุณ เพราะคุณไม่มีความสามารถทำให้ฉันท้องได้ เพราะคุณมันไม่ได้เรื่อง!”
ช่างเหลียนร้องอย่างไม่ยอมรับผิด เธอไม่เชื่อว่าเฉินกุ้ยจะกล้าตีเธอ ถึงแม้เธอจะโกหกยังไง คนโกหกก็จะไม่โทษตัวเอง
เฉินกุ้ยโกรธจัด เขาเงื้อมือจะตบช่างเหลียน เขาไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจนถึงตอนนี้ช่างเหลียนยังพูดจาแบบนี้ออกมาได้
“กุ้ยเอ๋อร์ ตีคนไม่ได้นะ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน”
หวางนิวรีบเข้าไปดึง ถึงแม้เฉินจงจะหน้าเครียด แต่เขาก็ดึงเฉินกุ้ยไว้เหมือนกัน ลูกสะใภ้ผิด แต่ถ้าลูกชายตบลูกสะใภ้ก็เป็นเรื่องเหมือนกัน
“ใช่แล้ว ลงมือไม่ได้ ข้าว่าพ่อหนุ่ม ที่จริงแล้วเรื่องนี้พวกเจ้าก็มีส่วนรับผิดชอบ ภรรยาเจ้าทำแท้งมาก่อน ทำไมเจ้าดูไม่เห็นอกเห็นใจ? เธอทำแท้งไม่ ยังเรื้อรังอยู่ ทำให้ท้องยาก แต่พวกเจ้าไม่ต้องร้อนใจไป ข้าสั่งยาปรับสมดุลหน่อย ปรับครึ่งปี แล้วค่อยรักษา จะมีลูกก็ทำได้อยู่
ปู่หกก็พูดขึ้นมา เขาพูดแทนช่างเหลียน แต่เขาไม่คิดเลยว่าพอเขาพูดออกไป ทุกคนในบ้านเฉินต่างเบิ่งตาโตมองมาที่เขา รวมถึงเฉินเวยที่กำลังดูละครฉากนี้อยู่และเฉินเยี่ยนที่กำลังครุ่นคิด
ปู่นี่พูดว่าไงนะ? บอกว่าช่างเหลียนเคยแท้งมาก่อน? เป็นไปได้ยังไง! ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม หลังจากช่างเหลียนแต่งงานเข้าบ้านเฉินเธอไม่เคยท้องมาก่อนเลย ไม่เคยท้องแล้วจะแท้งได้ยังไง?
หรือว่าเจ้าของร่างเดิมไม่รู้?
ก็เป็นไปได้ เจ้าของร่างเดิมเป็นลูกสาวคนโต เรื่องแท้งก็ไม่น่าจะบอกเธอ เฉินเยี่ยนมองพ่อ แม่ พี่ชาย แต่ดูจากท่าทีพวกเขาแล้ว เธอเห็นความตกตะลึง พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันหรือ? งั้นเรื่องช่างเหลียนแท้งคือเรื่องอะไรกัน? หรือว่ากับคนอื่น?
“ปู่หก พี่สะใภ้หนูแท้งตั้งแต่เมื่อไร?”
เฉินเยี่ยนถามออกไป
“สามปีได้แล้ว เธอแท้งทำให้ร่างกายบาดเจ็บ ถ้าไม่รักษาตัว กลัวว่าจะท้องไม่ได้”
ปู่หกก็รู้สึกผิดปกติ แต่เขาพูดความจริง
สามปี ช่างเหลียนแต่งงานกับพี่ชายเธอไม่ถึงสามปี ก็หมายความว่าปีนั้นที่เธอแต่งงานกับเฉินกุ้ย ปีนั้นถ้าช่างเหลียนไม่ได้แต่งงานกับเฉินกุ้ยแล้วแท้ง ก็หมายความว่าเป็นก่อนหน้าที่เธอแต่งงานกับเฉินกุ้ย
ผู้หญิงยุคนี้ไม่ได้หัวโบราณเหรอ? ทำไมช่างเหลียนถึงได้แท้งก่อนแต่งงาน?
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
ถ้าเธอเคยท้องมาก่อน แท้งมาก่อน ชื่อเสียงต้องไม่ดีแน่นอน ดังนั้นเธอเลยแต่งงานยาก ถึงได้มาแต่งกับบ้านเฉิน นี่ก็หมายความว่าทำไมช่างเหลียนถึงยอมแต่งกับคนที่ด้อยกว่า ทำไมช่างเหลียนตกลงแต่งงานกับบ้านเฉิน ไม่กี่เดือนก็แต่งแล้ว ตอนนี้มาคิดดูก็กระจ่างทุกเรื่อง
ต้องบอกว่าเฉินเยี่ยนเดาเรื่องราวได้ถูกต้อง แต่เธอเดาได้แล้ว คนบ้านเฉินที่เหลือกลับไม่เข้าใจ
“กุ้ยเอ๋อร์ ภรรยาลูกแท้งตั้งแต่เมื่อไร ทำไมลูกไม่บอกแม่? ถ้าแม่รู้ จะได้ดูแลเธอดีๆ ไม่ให้เป็นเรื้อรัง ถ้าพวกเรารู้เร็ว จะได้รักษาเร็ว ไม่แน่ตอนนี้อาจจะมีแล้วก็ได้ จริงๆ เลย”
หวางนิวหันกลับไปบ่นลูกชาย แต่เฉินกุ้ยลูกชายเธอตอนนี้หน้าเขียวด้วยความโกรธจัด
“ปู่หก ครั้งนี้รบกวนปู่จริงๆ ค่ะ บุหรี่กล่องนี้ปู่รับไว้เถอะค่ะ เรื่องพี่สะใภ้ของพวกเราถึงตอนนั้นอาจจะต้องรบกวนปู่นะคะ หนูเดินออกไปส่งปู่ก่อนค่ะ”
เฉินเยี่ยนหยิบบุหรี่กล่องหนึ่งยื่นให้ปู่หก ถึงแม้ที่นี่จะมีเรื่อง แต่เป็นเรื่องอื้อฉาว ถึงแม้พูดออกไปจะทำลายชื่อเสียงช่างเหลียน แต่บ้านเฉินก็จะกลายเป็นหัวข้อพูดคุยของคนอื่นไปด้วย ดังนั้นเฉินเยี่ยนไม่อยากพูดต่อหน้าปู่หก เรื่องราวจะเป็นยังไง ปิดประตูบ้านเฉินแล้วค่อยตัดสิน
“หึหึ บุหรี่นี่เป็นของดี งั้นขอบใจเยี่ยนจื่อ ได้ ข้าไปก่อน ถ้าต้องการยา พวกเข้ามาหาข้าได้ตลอด”
ปู่หกรับบุหรี่มาแล้วหัวเราะหึหึ เขาอายุมากและเข้าใจเรื่องราว ถึงแม้ที่นี่จะมีเรื่อง เขาก็จะไม่ถาม เขาเดินตามเฉินเยี่ยนออกไป
เฉินหู่และหวางจวนก็ตามออกมาด้วย เฉินหู่คิดจะตามเฉินเยี่ยน แต่หวางจวนกลับรู้ เรื่องราวต่อไปเธอไม่สมควรฟัง เธอคิดจะรออยู่หน้าประตูบ้านเฉิน เพื่อป้องกันคนในหมู่บ้านเข้ามาแล้วได้ยิน
ส่งปู่หกเสร็จแล้ว เฉินเยี่ยนถอนหายใจอยู่ที่ประตู เดิมทีมาหาปู่หกก็เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าช่างเหลียนไม่ได้ท้อง เธอไม่อยากให้ถึงเวลาช่างเหลียนใช้ลูกมาใส่ร้ายตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าปู่หกทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ คราวนี้บ้านเฉินพายุโหมขึ้นมาของจริงแล้ว
“บอกมา บอกมา คุณแท้งตั้งแต่เมื่อไร? เด็กเป็นลูกใคร บอกมาให้ละเอียด”
อยู่นอกประตู เฉินเยี่ยนได้ยินเสียงตะคอกของเฉินกุ้ย เสียงนั้นฟังดูเหมือนสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บ
เฉินเยี่ยนเข้ามาในบ้าน หวางนิวกำลังดึงเฉินกุ้ย สีหน้าเฉินกุ้ยน่ากลัวมาก เขาโดนบีบมาจนถึงขีดสุดแล้ว สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ
ช่างเหลียนดูนิ่งงันไป เธอไม่รู้จริงๆ ว่าการจับชีพจรจะสามารถรู้ได้ว่าเธอแท้งมาก่อน ทำแท้งครั้งนั้นแม่เธอพาเธอไป คิดถึงความผิดครั้งนั้น คิดถึงความเจ็บปวดนั้น เธอยังตัวสั่นอยู่ถึงตอนนี้ ประกอบกับตอนนั้นหาหมอไม่ดี เลยทำให้เธอเป็นโรคเรื้อรัง มิน่าตั้งแต่เธอแต่งงานมาสองสามปีนี้ถึงไม่ท้อง ส่วนเธอมีอะไรกับซุยหมิงสองครั้งก็ท้องแล้ว เธอคิดมาตลอดว่าเฉินกุ้ยไม่มีน้ำตา เป็นร่างกายเธอที่มีปัญหา
ไม่ ไม่ได้ เธอบอกไม่ได้ เธอยอมรับไม่ได้! ไม่อย่างนั้นเฉินกุ้ยจะต้องตีเธอ ไม่ต้องการเธอแน่ เธอไปจากบ้านเฉินไม่ได้ วินาทีนี้ ช่างเหลียนหวาดกลัว หวาดกลัวจริงๆ
“ลูกใครล่ะ? นอกจากคุณแล้วยังมีลูกใครได้อีก! เพิ่งแต่งเข้าบ้านคุณมา ฉันก็ท้องแล้ว ฉันไม่รู้ตัว เพราะตอนกลางคืนคุณเรียกฉันต้องมีอะไรกันให้ได้ ฉันปวดท้อง ต่อมามีเลือดไหลเยอะ ฉันก็ไม่กล้าร้อง ฉันรู้ที่ไหนว่าตัวเองท้อง เด็กก็ไม่มีแล้ว ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วฉันก็ไม่กล้าพูด ทำได้แค่อดทน ทนรับอยู่คนเดียว พวกคุณยังมาบอกว่าฉันวันๆ เอาแต่นอน ฉันทุกข์ทรมานแค่ไหนพวกคุณรู้ไหม? เป็นเพราะเรื่องนี้ ร่างหายฉันเลยมีตำหนิแล้ว ฉันยังไม่โทษคุณเลย คุณกลับมาตะคอกใส่ เป็นเพราะคุณ คุณทำร้ายลูกของเรา คุณยังมีหน้ามาตะคอกใส่ฉันอีก ทำไมชีวิตฉันถึงลำบากขนาดนี้ ยังจะอยู่ยังไง ฉันเป็นลูกผู้หญิงแต่งงานมาบ้านคุณ พวกคุณจะบีบให้ฉันตายเลยใช่ไหม”
ช่างเหลียนก็ตะโกนเสียงดังไม่แพ้กัน เธอจำเป็นต้องโยนความผิดให้เฉินกุ้ย ให้ตายเธอก็ไม่ยอมรับ
——–
ตอนที่ 105: ความคิดเห็น
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินกุ้ยเป็นผู้ชาย ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ของผู้หญิง เขาไม่รู้ว่าที่ช่างเหลียนพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่เขารู้ว่าช่างเหลียนแต่งงานกับเขาก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว ตกลงเธอแค่มีอะไรกับผู้ชายคนอื่น หรือแท้งลูกของผู้ชายคนอื่นมาก่อน แล้วแต่งงานกับเขา? เขาไม่แน่ใจ
เฉินเยี่ยนสังเกตสีหน้าของเฉินกุ้ยตลอดเวลา เธอดูออก เฉินกุ้ยต้องสงสัยช่างเหลียนแน่นอน ถ้าตอนที่ช่างเหลียนแต่งงานกับเฉินกุ้ยยังเป็นสาวบริสุทธิ์ พี่ใหญ่ต้องไม่มีสีหน้าแบบนี้แน่นอน
ถึงแม้ฝั่งช่างเหลียนจะโวยวายเสียงดัง แต่สีหน้าเห็นได้ชัดว่ารู้สึกผิด เธอเอาเรื่องลูกโยนไปให้เฉินกุ้ย เธอคิดว่าเธอจะมั่วเนียนไปได้ แต่เธอลืม ว่าตอนนั้นบ้านเฉินยังอยู่ด้วยกัน ถ้าเธอท้องจริง หรือแท้ง คนอื่นไม่รู้ หวางนิวต้องรู้แน่นอน ไม่มีทางปิดได้
อีกอย่างอารมณ์และนิสัยของช่างเหลียน ถ้าเฉินกุ้ยทำให้เธอแท้งจริง เธอต้องโวยวายแต่แรกแล้ว ไม่แน่คนที่บ้านเธอก็จะมาหาเรื่องด้วย บอกว่าบ้านเฉินดูแลลูกสาวเธอไม่ดี แต่ในความทรงจำของเฉินเยี่ยนไม่มีเรื่องนี้เลย
“ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องนี้? ผ้าปูที่นอนอะไรในบ้านนี้ฉันกับเฉินเยี่ยนเป็นคนซัก ทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าเหลียนเอ๋อร์แท้ง กุ้ยเอ๋อร์ จริงหรือเปล่า?”
หวางนิวก็รู้สึกว่าเรื่องราวดูไม่ชอบมาพากล ก่อนหน้านี้ลูกสะใภ้โกหกบอกว่าท้อง ต้องการนี่ต้องการนั้น เธอคิดว่าลูกสะใภ้ท้องเป็นเรื่องที่ดี แต่คิดไม่ถึงว่าเป็นเรื่องโกหก ปู่หกบอกว่าเธอแท้งมาก่อน แต่ช่างเหลียนแต่งงานเข้ามาไม่เคยมีวี่แววมาก่อน ทุกเดือนที่ผ้าปูที่นอนมาถึงเธอพอจำได้ว่าสะอาด เธอเป็นคนซัก เธอจำไม่ได้ว่ามีตอนที่ผ้าปูที่นอนมีเลือดมากด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ช่างเหลียนไม่มีประจำเดือน
เฉินกุ้ยได้ยินแม่ตัวเองถามแบบนี้ ยิ่งกำหมัดแน่น ดวงตาสองข้างแดงก่ำ ในหัวเขามีเสียงร้องหึ่งๆ ตลอดเวลา แต่เขากลับมาคิด ไม่มีเรื่องอย่างที่ช่างเหลียนว่าเลย ตอนกลางคืนเขาหาช่างเหลียนมีอะไรด้วย บางครั้งช่างเหลียนยอมเขา บางครั้งช่างเหลียนไม่ให้เขาแตะต้อง ไม่มีตอนที่เขามีอะไรกันเสร็จแล้วเลือดออกเลย ไม่ได้แท้งเลย เธอบิดพลิ้ว ต้องเป็นเพราะก่อนแต่งงานเธอไปนอนกับผู้ชายคนอื่นแล้วท้อง จากนั้นทำแท้ง แล้วค่อยแต่งงานกับตัวเอง ตัวเองช่างโง่จริงๆ
เห็นท่าทางเฉินกุ้ย เฉินเยี่ยนแอบถอนหายใจ ตอนนี้จะจัดการเรื่องนี้ยังไง? ถ้าไม่มีเรื่องช่างเหลียนแท้งยังพอง่ายหน่อย แต่เรื่องแดงขึ้นมา เกรงว่าช่างเหลียนและพี่ใหญ่จะไปกันต่อไม่ได้แล้ว
“ลูกพูดมา พูดมาสิ ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน”
ฝั่งหวางนิวออกแรงดึงเฉินกุ้ยแล้วตีเขา ต้องการให้เขาตอบ
เฉินจงถอนหายใจออกมา นั่งลงบนเก้าอี้อย่างแรง เขาก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ถึงตอนนี้แล้วยังไม่อะไรชัดเจนอีก ตอนแรกมีคนมาพูดเรื่องแต่งงานกับเฉินกุ้ย บอกว่าเป็นสาวในอำเภอ เขายังแปลกใจ ผู้หญิงในอำเภอทำไมถึงมาแต่งงานกับพวกเขาที่อยู่บ้านนอก? ฐานะครอบครัวเขาก็ไม่ดี ลูกชายก็หน้าตางั้นๆ นิสัยซื่อๆ ไม่น่าจะถึงขั้นที่หญิงสาวเจอครั้งเดียวก็ชอบพอแล้ว
ถามแม่สื่อไป บอกว่าผู้หญิงหน้าตาธรรมดา แต่นิสัยไม่แย่ เพียงแต่อยู่ที่บ้านไม่เคยทำงานมาก่อน พ่อแม่เธอกลัวว่าแต่งงานกับครอบครัวที่ดีไปจะลำบาก เลยยอมแต่งกับบ้านที่ด้อยกว่า
ตอนนั้นเขาไม่เห็นด้วย ครอบครัวเขาไม่อยากจะสู่ขอลูกคุณหนู จะสู่ขอคนที่ทำงานได้ ใช้ชีวิตเป็น ถึงค่อยเหมาะเป็นคู่ครอง
ต่อมามีคนหาหญิงสาวจากหมู่บ้านข้างๆ มาให้เฉินกุ้ย ยังไม่ทันได้ตกลงกัน ไม่รู้ว่ามีเรื่องเฉินกุ้ยตกลงแต่งงานกับช่างเหลียนแล้วเผยแพร่ออกไปได้ยังไง หมู่บ้านข้างๆ ยังโทษเขาอีกด้วย มีคู่แล้วยังจะมาดูลูกสาวบ้านเขา และไม่ดูฐานะบ้านเขาด้วย มีแบบนี้ด้วยหรือ?
ขัดใจกับหมู่บ้านข้างๆ แล้ว บ้านช่างมาหาที่บ้านอีกครั้ง สุดท้ายเฉินกุ้ยได้เห็นลูกสาวของบ้านช่าง ดูไปก็ถือว่าชอบอยู่ ทำงานไม่เป็นก็ไม่ต้องทำสิ แต่งภรรยาเข้ามาเขาจะทำงานมากขึ้นหน่อย อีกอย่างมีใครทำเป็นทกอย่างที่ไหน เขามาเรียนก็ได้แล้ว
ลูกชายเห็นด้วยแล้ว เขาจะพูดอะไรได้ งานแต่งนี้ บ้านช่างเรียกสินสอดไม่น้อยเลย เขาไม่ยอม ฝ่ายตรงข้ามยังมาเรียกให้ลูกสาวเขาแต่งงานกับชายแก่ที่โสดคนหนึ่งในอำเภอแล้วเอาสินสอดมาแลกให้บ้านช่าง ตอนนั้นเขาโกรธมาก บอกว่าลูกชายเขายอมเป็นโสดทั้งชีวิต เขาก็ไม่ยอมขายลูกสาว
เฉินกุ้ยก็เห็นด้วย ดังนั้นพวกเขาปฏิเสธบ้านช่างกลับไป เดิมทีคิดว่างานแต่งนี้ถือเป็นโมฆะแล้ว เขาโล่งใจไป แต่ความโล่งใจยังไม่ทันได้ออกจากปาก บ้านช่างกลับยอมรับ สินสอดน้อยก็น้อย ขอแค่อีกหน่อยให้ดูและลูกสาวเขาให้ดีก็พอแล้ว
อีกทั้งบ้านช่างขอให้รีบแต่งงาน คิดว่าเฉินกุ้ยก็ไม่เด็กแล้ว พวกเขาเลยตกลง ช่างเหลียนแต่งเข้ามาในบ้าน เขาถึงค่อยรู้ว่าลูกสะใภ้คนนี้มีฤทธิ์ขนาดไหน แต่แต่งงานแล้ว อะไรปล่อยผ่านได้ก็ปล่อย ใครให้ลูกชายเขายอมล่ะ
ช่างเหลียนทำตัวไม่ดีกับพวกเขาสามีภรรยา พวกเขาอดทน ยังไงพวกเขาก็แก่กว่า ขอแค่เธอใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายก็พอแล้ว
ช่างเหลียนทำไม่ดีกับเฉินเยี่ยน เฉินหู่ พวกเขาก็อดทน ลูกสาวแต่งงานออกไป อีกหน่อยลูกชายคนเล็กก็ต้องแต่งงานแล้วแยกบ้านกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อดทนไม่กี่ปีก็ยังไหว
แต่ตอนนี้ล่ะ? เธอทำเรื่องขายหน้าก่อนแต่งงานกับลูกชาย แล้วอยู่ที่บ้านยังประพฤติตัวไม่ดี ภรรยาแบบนี้ ถ้าเป็นเขาเขาไม่ต้องการ แต่ลูกชายล่ะ?
เฉินจงมองเฉินกุ้ย ลูกชายคนนี้ซื่อ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีความคิด ถ้าเขาบังคับให้ลูกชายหย่า แต่หลังลูกชายหย่าล่ะ? เขาจะโทษตัวเองไหม? แยกกันอยู่แล้ว ลูกชายโตแล้ว เรื่อนี้ต้องให้ลูกชายตัดสินใจเอง
“คุยอะไรกัน นี่ยังมีอะไรต้องคุยกันอีก! เธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ก่อนหน้าที่จะแต่งงานเข้าบ้านเราแล้ว ผมไม่ได้ทำเรื่องผิดมนุษยธรรม เธอแท้ง ผมไม่ได้ทำ!”
เฉินกุ้ยสะบัดหวางนิวออก กุมศีรษะตัวเองลงไปนั่งยองอยู่ที่พื้น น้ำตาไหลออกมา เขาเสียใจจริงๆ เขารู้สึกว่าตัวเองคับแค้นใจมาก มีเรื่องอะไรที่ทิ่มแทงใจไปว่าการที่รู้ว่าภรรยาตัวเองผ่านผู้ชายคนอื่นมาก่อน เคยมีลูกมาก่อนอีก
หวางนิวถอยไปสองก้าว เธอไม่อยากจะเชื่อ เธอยอมลูกสะใภ้ได้หลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ใหญ่เกินไป เธอยอมไม่ไหว
เฉินเวยยิ้มมุมปาก คิดไม่ถึงว่าก่อนแต่งงานช่างเหลียนเคยมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นมาก่อน เรื่องนี้ใหญ่เกินไป คิดว่าช่างเหลียนคงไม่มีที่ยืนในบ้านเฉินแล้ว
“ช่างเหลียนเสื่อมเสียแล้ว พี่ใหญ่ยังไงก็ไม่ต้องการเธอแล้วแน่ ครอบครัวโดนเธอทำจนเป็นแบบนี้ ปีใหม่ก็คงไม่ได้ฉลองแล้ว เธอพอใจแล้วสิ?”
เฉินเวยขยับมากระซิบด้านหน้าเฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนมองเฉินเวย สายตาเฉียบแหลม เฉินเวยหดเล็กน้อย สายตาเฉินเยี่ยนดุดันเหลือเกิน
“ฉันไม่อยู่แล้ว! พวกคุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ฉันโดนเฉินกุ้ยทรมานจนแท้ง พวกคุณไม่ยอมรับ พวกคุณมาโยนความผิดให้ฉัน พวกคุณทั้งครอบครัวกลั่นแกล้งฉัน พวกคุณเห็นว่าที่บ้านฉันไม่อยู่ เลยจะบีบให้ฉันตาย ฉันจะไปพูดเหตุผลได้ที่ไหน สู้ตายไปเสียดีกว่า ถึงเวลาก็มีคนบ้านฉันออกหน้าให้ฉัน บอกว่าพวกคุณบีบบังคับฉันตาย พวกคุณทำแบบนี้ไม่กลัวโดนฟ้าผ่าหรือไง?
ฝั่งช่างเหลียนนั่งลงไปร้องไห้กับพื้น ถึงตอนนี้เธอมีแค่หนทางเดียวให้เดินไปจนสุด ทำได้แค่โยนไปให้เฉินกุ้ย ไม่อย่างนั้นทั้งชีวิตที่เหลือของเธอได้หมดกัน
“ช่างเหลียน”
เฉินเยี่ยนร้องออกมา คนในบ้านต่างมองไปที่เธอ
“ตอนแรกเธอทำเรื่องนั้น ไม่มีทางที่คนอื่นไม่รู้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ได้แต่งมาที่นี่หรอก เรื่องจริงเป็นยังไง ไปสืบเอาจากแถวบ้านเธอก็รู้แล้ว เธอแน่ใจว่าต้องการให้เปิดโปงเรื่องแบบนั้นใช่ไหม?”
เฉินเยี่ยนถามช่างเหลียน ช่างเหลียนนี่คงไม่ได้คิดว่าเธอทำแบบนี้แล้วคนอื่นจะทำอะไรเธอไม่ได้หรอกนะ? เธอทำแบบนี้แล้วจะปดปิกความจริงได้งั้นหรือ?
———-
ตอนที่ 106: หย่า
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนพูดออกไป คนในบ้านฉุกคิด ใช่แล้ว อยากจะรู้เรื่องของช่างเหลียนว่ามีเรื่องอื้อฉาวมาก่อนหรือเปล่า ไปสืบเอาแถวบ้านเธอก็รู้แล้ว ถ้าช่างเหลียนทำจริง ไม่มีทางที่จะสืบไม่เจอ คนหนึ่งไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดจะไม่พูด อีกอย่างมีหลายคนที่ชอบนินทา ไม่มีทางที่ถามไม่ได้แน่
ช่างเหลียนอึ้งไป เธอนั่งอยู่บนพื้นมองเฉินเยี่ยนด้วยความอึ้ง นัยน์ตาเธอแดง แต่ไม่มีน้ำตา เธอลืมไปแล้ว เรื่องนี้มีไม่น้อยคนที่รู้ ไม่อย่างนั้นตอนนั้นเธอไม่มีทางเลือกแต่งงานที่ไกลอย่างนี้ แค่คนบ้านเฉินไปสืบมา ต้องสืบได้แน่นอน เรื่องนี้เธอไม่สามารถโบ้ยได้แล้ว
ถ้าคนบ้านเฉินรู้เรื่องที่เธอเคยทำเมื่อก่อนจะยังต้องการเธอไหม? ถึงแม้บ้านเฉินจะไม่ดียังไง แต่อยู่บ้านเฉินเธอพูดคำไหนคำนั้น ทุกคนต่างยอมเธอ ออกจากบ้านเฉินแล้วเธอจะทำยังไง?
“เป็นเพราะเธอ! ทั้งหมดเป็นเพราะเธอทำร้ายฉัน ถ้าไม่ใช่ว่าเธอแส่เรื่องมาก พี่ชายเธอจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ เพราะเธอเรียกคนมาจับชีพจรฉันให้ได้ เธอทำร้ายฉัน เธอทำฉันจนเป็นแบบนี้ ฉันจะสู้กับเธอ จะฉีกเธอ”
สายตาช่างเหลียนมีแววอาฆาต ไม่รู้เธอเอาแรงมาจากไหน เธอกระโดดขึ้นมาจากพื้นแล้วพุ่งตรงไปยังเฉินเยี่ยน เธอต้องการจะข่วนหน้าเฉินเยี่ยน เธอจะฆ่าเฉินเยี่ยน เพราะเธอคิดว่าเฉินเยี่ยนจงใจทำร้ายเธอ
เฉินเยี่ยนยังไม่ได้ขยับเลย หวางนิวก็ดึงช่างเหลียนไว้ เธอปฏิกิริยาไวที่สุดในบรรดาคนที่นี่ เร็วกว่าเฉินกุ้ย เธอกระชากช่างเหลียนมา ดึงผมช่างเหลียนแล้วตบหน้าช่างเหลียนหนึ่งที พูดด้วยความโกรธ “เธอยังกล้ามาตีลูกสาวฉัน? เธอมีสิทธิ์อะไรมาตีเยี่ยนจื่อ! ตัวเธอมันไม่ได้มีค่า ทำเรื่องน่าไม่อายแบบนี้ แล้วยังมีหน้ามาตีคนอื่น เธอขายขี้หน้าหรือเปล่า! วันๆ บ่นที่บ้านว่านี่ไม่ดี นั่นก็ไม่ดี ฉันยังไม่พูดอะไร เธอกับแม่เธอมาโวยวายบนเราต้องแยกบ้านกัน ฉันก็ยังไม่ได้อะไรเธอเลย เธอทำให้ครอบครัวของเราอยู่ดีๆ มาโดนเธอทำจนไม่เป็นครอบครัว ทำให้พี่น้องต้องแยกกัน ก่อนเธอยังไม่เข้ามาในบ้าน พวกเขาเป็นแบบนี้ที่ไหน ตอนนี้ยังจะกล้าลงมืออีก ฉันจะตีเธอนังหน้าด้าน!”
หวางนิวด่าไปก็ตีช่างเหลียน ช่างเหลียนจะตอบโต้ แต่เธอโดนหวางนิวดึงผม เธอหมดโอกาส ทำได้แค่ร้องเจ็บไม่หยุด
เฉินเยี่ยนและเฉินเวยจ้องมองตาโต คิดไม่ถึงว่าแม่ของพวกเขาจะดุเดือดเพียงนี้ เมื่อก่อนช่างเหลียนทำไม่ดีกับแม่สามีของตัวเองคนนี้ หวางนิวไม่เคยพูดจาไม่ดีเลย อย่าว่าแต่ลงมือเลย วันนี้น่าจะโกรธจัดมากจริงๆ
หวางนิวโกรธจริง เธอแต่งเข้ามาบ้านเฉิน ยายของสามี ซึ่งก็คือยายของเฉินเยี่ยนดีกับเธอมาก เธอกับคุณยายไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน ยายดีกับเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ เธอสาบานในใจ อีกหน่อยเธอหาภรรยาให้ลูกชาย จะต้องเป็นภรรยาที่ดีดูแลลูกชายเหมือนคุณยาย คนในบ้านอยู่กันอย่างสงบ ถึงแม้ชีวิตความเป็นอยู่จะไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่โกรธกัน ดังนั้นพอช่างเหลียนเข้ามาในบ้าน ถึงแม้ยายจะไม่พอใจ ยายก็ไม่เคยด่าช่างเหลียนมาก่อนเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลงมือ
วันนี้เกิดเรื่องแล้วเกิดเรื่องอีก เรื่องหักมุมเหลือเกิน สมองเธอมึนไปหมดแล้ว เธอยังไม่ทันตอบโต้ได้ทัน ช่างเหลียนจะมีตีลูกสาวเธอ เธอจะทนได้ยังไง! อีกอย่างลูกสาวเธอก็ไม่ได้ผิดด้วย ในความคิดเธอ ลูกสาวเธอ ลูกชายเธอเป็นคนดี ช่างเหลียนแต่เดิมไม่ดีอยู่แล้ว แล้วยังทำจนครอบครัวเป็นแบบนี้ ดังนั้นตอนนี้ในหัวหวางนิวโทษไปที่ช่างเหลียน ลงมือก็ไม่ยั้ง เอาความโกรธที่กักเก็บไว้หลายปีมานี้ลงที่ช่างเหลียนทั้งหมด
เฉินกุ้ยเห็นภรรยาโดนแม่ตัวเองตี ในใจเขาไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไน เขาก็อยากจะลงมือ แต่ว่าแม่ลงมือไปแล้ว ช่างเหลียนโดนแบบนั้นแล้ว เขายังจะลงมือได้เหรอ?
“แม่ พอแล้ว ไม่ต้องตีแล้ว”
ฝั่งเฉินเยี่ยนเขาไปดึงหวางนิวมา หวางนิวยังโกรธอยู่ ถ้าตีจนช่างเหลียนเป็นอะไรไปจะไม่ดี
หวางนิวด่าอีกหลายประโยค ปล่อยมือด้วยความโกรธ
เฉินจงตบบ่าเฉินกุ้ย ให้สัญญาณว่าเรื่องนี้ตัวเขาต้องเป็นคนจัดการ
เฉินกุ้ยคิดแล้วมาที่ข้างตัวช่างเหลียน เวลานี้ผมช่างเหลียนยุ่งเหยิงเหมือนรังนก ครึ่งซีกหน้ามีรอบเล็บข่วนแดงอยู่ กระดุมชุดผ้าฝ้ายก็โดนดึงจนหลุด ดูท่าทางจนตรอกมาก แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก หวางนิวไม่สามารถตีจนเธอเป็นอะไรได้ ทำได้แค่ตบไม่กี่ฉาด กระชากผม และข่วนไปไม่กี่ที
เฉินกุ้ยเห็นช่างเหลียนบาดเจ็บ สายตาช่างเหลียนเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เธอโกรธซุยหมิง โกรธแม่ซุยหมิง โกรธภรรยาซุยหมิง โกรธเฉินกุ้ย โกรธเฉินเยี่ยน โกรธคนในบ้านเฉินทุกคน เธอคือว่าตัวเธอเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด แต่พวกเขาก็ยังมาแกล้งเธอ พวกเขาต้องตาย!
เห็นเฉินกุ้ยกำลังมองเธออยู่ ช่างเหลียนยื่นมือออกไป เธอจะตบเฉินกุ้ย ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เรื่อง มองดูภรรยาตัวเองโดนคนรักแกยังไม่ยอมขยับ เขาไม่ใช่ผู้ชาย เขาควรจะลากคนที่ตีเธอออกไปจัดการอย่างโหดเหี้ยมให้ตัวเอง เขายืนดูตัวเองโดนตีได้ยังไง? ช่างเหลียนโมโห เธอจะตีเฉินกุ้ยเพื่อระบายอารมณ์ เธอจะข่วนเฉินกุ้ย ให้เฉินกุ้ยเอาสิ่งของทั้งหมดมา เอาทุกสิ่งอย่างที่เธอโดนกระทำมาระบายกับเฉินกุ้ย
เดิมทีถึงแม้เฉินกุ้ยจะโกรธ แต่เห็นช่างเหลียนเป็นแบบนี้ ใจเขายังรู้สึกเห็นใจและสงสาร แต่ช่างเหลียนตบมา ทำเอาฟางเส้นสุดท้ายของเฉินกุ้ยขาด เขาจับแขนช่างเหลียนแน่น เมื่อก่อนเขาทนช่างเหลียน เพราะเขาเห็นช่างเหลียนเป็นภรรยา ไม่สนว่าเขาจะปกป้องภรรยายังไง แต่ตอนนี้เป็นแบบนี้ เขาและช่างเหลียนดูแล้วไม่น่าจะไปรอด เขาจะไม่ทนช่างเหลียนแล้ว
“คุณก็จะตบผมอีกหรือ? ช่างเหลียน ถึงตอนนี้แล้วเขายังคิดจะลงมือกับผม? ใช้ผมเป็นที่ระบายอารมณ์?”
เฉินกุ้ยถามช่างเหลียนตรงๆ เสียงไม่ดังมาก แต่ฟังแล้วได้ยินถึงความเย็นชาอยู่ในคำพูด
ช่างเหลียนอึ้งไป เธอไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มสีหน้าเยือกเย็นคนนี้คือสามีตัวเอง ทำไมเขาถึงมองตัวเองแบบนี้?”
“ช่างเหลียน คุณฟังผมให้ดี ในเมื่อคุณดูถูกพวกเรา ดูถูกบ้านเฉินของพวกเรา คิดว่าแต่งงานกับผมทำให้คุณลำบาก งั้นก็ได้ เลยปีใหม่แล้ว เราสองคนหย่ากัน คุณกลับไปที่บ้านพ่อแม่คุณ ปีใหม่แล้วผมจะไปรับคุณทำเรื่อง ผมก็ไม่ต้องการภรรยาเช่นคุณเหมือนกัน”
ในที่สุดเฉินกุ้ยก็พูดออกมา พูดออกมาแล้วเขารู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังมีความผิดหวังอยู่
“คุณ คุณไม่ต้องการฉันแล้วจริงหรือ?”
ช่างเหลียนไม่อยากจะเชื่อ เธอตัวสั่นขึ้นมา เธอคิดว่าน่าจำมาก เมื่อก่อนเธอเคยคิด ถ้าเธอได้เจอคนที่ดีกว่า เธอจะต้องไปจากบ้านเฉินแน่ ไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่ก่อนหน้านี้เธอต้องมีคนที่ดีกว่าก่อน ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่น เธอไม่มีทางเดินอื่น เธอไปจากบ้านเฉินไม่ได้ อีกอย่างแค่เธอช่างเหลียนไม่ต้องการคนอื่น คนแบบเฉินกุ้ยมีสิทธิ์อะไรไม่ต้องการเธอ? เธอรับไม่ได้
เฉินกุ้ยไม่ลังเลเลย เขาพยักหน้า ตอนนี้เขารับช่างเหลียนไม่ได้แล้วจริงๆ โดยเฉพาะพอคิดว่าช่างเหลียนเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น มีลูก ศีรษะเขาเหมือนจะระเบิดออกมา เขาทนไม่ไหวอยากจะหย่ากับช่างเหลียนตอนนี้เลย แต่จะปีใหม่แล้ว ยังไงก็ต้องให้ผ่านปีใหม่ไปก่อนค่อยทำเรื่องหย่า ดังนั้นเขาจึงพูดว่าหลังปีใหม่
เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร ที่จริงเธอไม่ได้ชอบการหย่าร้าง และเธอก็ไม่ชอบเข้าไปยุ่งเรื่องความสัมพันธ์ของคนอื่น แต่ช่างเหลียนทำแบบนี้ เธอเห็นใจไม่ไหว ถ้าช่างเหลียนรู้จักประพฤติตัว ถึงแม้เธอจะมีอดีตที่ไม่ดี เธอเชื่อว่าบ้านเฉินก็คงไม่ไม่ต้องการเธอ ไม่ทำไม่ดีกับเธอ แต่ที่ช่างเหลียนทำ ตอนนี้ไม่มีใครสักคนในบ้านเฉินชอบเธอ เกรงว่าการหย่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
——–
ตอนที่ 107: เธอไม่ใช่ลูกสาวตัวเองแล้ว
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินกุ้ยและช่างเหลียนไปแล้ว
ถึงช่างเหลียนจะโวยวายอีก ตอนที่เฉินกุ้ยตัดสินใจแล้ว เธอก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเธอจะฆ่าตัวตายจริง
แต่เธอยังใช้ชีวิตไม่พอ เธอยังอายุน้อยขนาดนี้ เธอจะฆ่าตัวตายได้ยังไง? ขอแค่มีชีวิตอยู่ ก็ยังมีโอกาสอีกมาก ดังนั้นสุดท้ายแล้วช่างเหลียนเลิกโวยวาย เธอเดินตามเฉินกุ้ยไป
ตอนช่างเหลียนเดินไปเธอยังนึกถึงปลาพวกนั้น เนื้อพวกนั้น ผักพวกนั้น เธอจะไปหยิบมา ก็บอกให้เธอเอากลับไปบ้านพ่อแม่เธอไม่ใช่หรือ? เธอเอากลับไปจะได้ไปปรึกษาแม่เธอพอดี ดูว่าควรทำยังไง
เฉินเยี่ยนสั่งให้เฉินหู่และหวางจวนเอาปลาและเนื้อไปซ่อนในห้องเธอตั้งนานแล้ว ช่างเหลียนอยากจะเอาไปก็เอาไปไม่ได้ ส่วนผัก ตอนนี้หวางนิวโกรธช่างเหลียนอยู่ เธอไม่ให้ช่างเหลียนแน่ ด่าช่างเหลียนเป็นชุด สุดท้ายช่างเหลียนเดินมือเปล่าออกไป
เฉินเยี่ยนไม่รู้จะพูดว่าช่างเหลียนใจกล้า ทะเลาะกันถึงขั้นนี้แล้ว เธอยังคิดถึงของพวกนี้อยู่อีก หรือว่าเรื่องเฉินกุ้ยจะหย่ากับเธอไม่ได้สำคัญอะไรกับช่างเหลียนเลยหรือ?
สุดท้ายเฉินเวยก็ไปเหมือนกัน เธอจะไปหาอวี๋เหวยหมิน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อวี๋เหวยหมินฟัง ดูว่าจะสามารถหาวิธีอะไรตอบโต้เฉินเยี่ยนระหว่างนี้ได้บ้าง
เฉินจงนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น หวางนิวถอนหายใจ ปากก็พูดว่าบ้านเฉินโชคร้ายแบบนี้ มาเจอลูกสะใภ้แบบนี้ ก่อเรื่องจนไม่ได้ฉลองปีใหม่อย่างสงบสุข
หวางจวนอยู่ในครัว เรื่องแบบนี้หวางจวนไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง
เฉินเยี่ยนให้เฉินหู่ออกไปเล่นข้างนอก เธอและหวางจวนช่วยกับเก็บปลาและเนื้อที่เธอซื้อกลับมา
ตอนแรกดีใจมาก แต่ทะเลาะกันแบบนี้ ใครก็ต้องรู้สึกเศร้าหมอง
“พี่ พี่ว่าพี่ใหญ่จะหย่ากับพี่สะใภ้จริงหรือเปล่า?”
ระหว่างที่หวางจวนหมักเนื้อตามที่เฉินเยี่ยนบอกอยู่ ก็ถามเฉินเยี่ยนขึ้นมา ช่างเหลียนไม่ดี แต่ในหมู่บ้านพวกเขา เธอยังไม่เคยได้ยินว่ามีคนหย่ามาก่อนเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย ก็มีสามีที่ตีภรรยาตีจนภรรยาหนีกลับบ้านตัวเอง แล้วไม่กลับมาอีกเลย มีหนีไปกับคนอื่น แล้วยังมีเพราะโกรธกัน ภรรยาเลยกินยาฆ่าตัวตาย แต่หย่าแบบนี้ ยังไม่มี เรื่องนี้ถ้าแพร่ออกไป ทั้งหมู่บ้านต้องพูดคุยกันเรื่องบ้านเฉินแน่ ถึงแม้จะว่าช่างเหลียน แต่บ้านเฉินก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เฉินเยี่ยนพูดความจริง ถึงแม้ตอนนี้เฉินกุ้ยจะโกรธบอกว่าผ่านปีใหม่จะหย่ากับช่างเหลียน แต่ก็ยังอีกตั้งหลายวัน ใครจะรู้ระหว่างนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ถ้าช่างเหลียนร้องไห้ อ้อนวอนเฉินกุ้ยทุกวัน ตอนนั้นเฉินกุ้ยใจอ่อนไม่แน่ไม่หย่าแล้วก็ได้ ยังไม่ถึงวันนั้น ใครก็เดาไม่ออก
หวางจวนถอนหายใจ บ้านใครเกิดเรื่องแบบนี้ต่างก็ทุกข์ใจทั้งนั้น
แต่เฉินได้ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ทุกคนต่างต้องรับผิดชอบตัวเอง ช่างเหลียนจะเป็นยังไงก็อยู่ที่เธอเลือกเอง เธอไม่ต้องกังวลใจแทนช่างเหลียน
เฉินเยี่ยนเอาปลาและเนื้อที่ต้องหมักหมักเสร็จแล้ว ที่ต้องใช้เธอหั่นเรียบร้อย ตอนเย็นเธอทำปลาน้ำแดงหอมฉุยชามหนึ่ง ทำปลาเปรี้ยวหวานตัวหนึ่ง นอกจากนั้นยังผัดปักอีกสองอย่าง
“นี่ไม่ได้ฉลองปีใหม่หรือเทศกาลอะไร ทำเยอะแยะไปทำไม? มีอารมณ์กินที่ไหนกัน”
ในใจหวางนิวไม่มีความอยากเลย เธอไม่อยากอาหาร
“ซื้อมาแล้วก็ต้องกิน อีกอย่าง ฟ้าไม่ได้ถล่มสักหน่อย ทำไมไม่กินล่ะ พี่ชายหนูยังไม่ได้หย่าสักหน่อย ถึงแม้จะหย่า ก็ไม่ใช่ว่าไปหาไม่ได้ กังวลอะไร”
เฉินเยี่ยนพูดจบก็คีบปลาน้ำแดงชิ้นหนึ่งให้เฉินหู่
“พี่ใหญ่พูดถูก พี่ชายต้องหาภรรยาที่ดีกว่านี้ได้แน่”
เฉินหู่พยักหน้าติดต่อกัน กินเนื้อเข้าไป เขาไม่เคยได้กินเนื้ออร่อยแบบนี้มาก่อน แล้วยังใส่น้ำตาลด้วย ที่แท้เนื้อใส่น้ำตาลลงไปรสชาติเป็นแบบนี้นี่เอง
เฉินเยี่ยนเองก็คีบปลาเปรี้ยวหวานขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เพราะว่าไม่มีซอสมะเขือเทศ หน้าตาปลาเปรี้ยวหวานที่เธอทำเลยดูธรรมดา แต่รสชาติดีมาก
“พูดง่าย หาภรรยาคนหนึ่งง่ายขนาดนั้นที่ไหน ถ้าเจอคนไม่ได้เรื่องอีก พี่ชายลูกจะอยู่ยังไง”
หวางนิวกังวลใจแทนลูกชายจริง
“ถ้าทุกคนคิดเหมือนแม่ คนอื่นก็ไม่ต้องอยู่กันแล้ว ทำไมไม่พูดว่าพี่ชายสามารถหาผู้หญิงที่เก่ง นิสัยดีได้ล่ะ”
เฉินเยี่ยนชิมเนื้อบ้าง แล้วยังคีบให้หวางจวน ความรู้สึกที่ได้กินมื้อใหญ่ช่างแตกต่างจริงๆ
“แม่ก็คิดนะ แต่มันง่ายเสียที่ไหน ถ้าพี่ชายลูกจะหาอีกคน ก็จะกลายเป็นแต่งงานครั้งที่สอง บ้านอื่นที่มีลูกสาวก็ไม่แน่ว่าจะยอมแต่งกับเขา อายุมากแล้ว ต้องเพราะไม่มีอะไรดีถึงแต่งไม่ออก ไม่งั้นก็สามีตายแล้ว แล้วมีลูกติดอะไรพวกนี้ คนอื่นอาจจะว่าพวกเราได้อีก”
หวางนิวก็คิดอยากจะให้ได้ดี แต่ยิ่งเธอคิดก็ยิ่งปวดหัว ถ้าคนที่ดีหาง่ายขนาดนั้น ตอนนั้นงานแต่งของลูกชายคนโตก็ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจแบบนี้แล้ว
เฉินเยี่ยนคีบปลาให้หวางนิว หวางนิวใส่เข้าปาก พอได้กิน เธออึ้งไป “นี่ปลาอะไรน่ะ ทำไมหวานด้วย แล้วยังเปรี้ยวหน่อยๆ กินแล้วรสชาติไม่แย่เลย แล้วทำไมไม่คาวอีกด้วย? แม่เคยทำปลามาก่อน พ่อลูกยังบอกว่าคาวเลย”
ความสนใจของหวางนิวโดนปลาเปรี้ยวหวานดึงดูดไปแล้ว
“ปลานี่พี่เติมน้ำตาลลงไป แล้วยังมีน้ำส้มสายชู แล้วยังเอาไปทอดด้วย ตอนนั้นที่แม่ทำ ต้องไม่เหมือนกันแน่”
เฉินหู่พูดไป ก็กินไปอย่างตะกละตะกลาม หลักๆ เขากินเนื้อและปลา ส่วนผักอื่นๆ ที่พี่ใหญ่ผัด เขาไม่อยากกิน เขาอยากกินแต่ปลาและเนื้อ
“นี่ต้องใช้ของมากมายเท่าไรเนี่ย ทำแค่ปลาทำไมต้องสิ้นเปลืองขนาดนี้”
หวางนิวบ่นอย่างเสียดาย รู้สึกว่าลูกสาวใช้ชีวิตไม่เป็น
“แค่อร่อยก็พอแล้วนี่คะ”
เฉินเยี่ยนหัวเราะ เธอรู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องมากมาย ทุกคนต่างไม่มีอารมณ์กิน เลยตั้งใจทำกับข้างสองอย่างนี้ ให้ทุกคนกินกันอย่างอร่อย
เฉินจงครุ่นคิด ปลากับเนื้อนี่อร่อยมากจริง ผักอื่นๆ ก็อร่อย แต่วิธีทำนี่ลูกสาวไปเรียนมาจากที่ไหน? วิธีทำแบบนี้ไม่มีทางจะทำเป็นได้เอง หมู่บ้านข้างๆ ของพวกเขามีพ่อครัวคนหนึ่งรับทั้งงานแต่งและงานศพ ปลาและเนื้อที่เขาทำยังไม่อร่อยแบบนี้เลย เหมือนลูกสาวตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บในสวนผลไม้ครั้งนั้นก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย เปลี่ยนไปมาก ตอนแรกเขาไม่ได้คิดมาก เพียงแต่รู้สึกว่าบางทีลูกสาวได้รับผลกระทบหนัก เลยเปลี่ยนไป ตอนนี้คิดดูแล้ว ลูกสาวไม่ใช่ลูกสาวของเขาคนเดิมแล้ว เป็นคนละคนเลย
เฉินจงมองเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนกำลังคีบผักให้เฉินหู่ สายตาเธอดูอ่อนโยน มองออกว่าเธอรักเอ็นดูเฉินหู่มาก ไม่ได้เสแสร้ง
ลูกสาวไม่ชอบลูกสาวคนเล็ก เขารู้สึกได้ ลูกสาวคนเล็กก็ไม่ชอบลูกสาวคนโต ไม่อย่านั้นเธอคงไม่ทำเรื่องแบบนั้น ลูกสาวคนเล็กและลูกสาวคนโตมีเรื่องขัดแย้งอะไรกัน? พวกเธอเป็นพี่น้องกันแท้ๆ หรือว่า?
แต่ว่าลูกสาวคนโตปฏิบัติกับเขา กับหวางนิว กับเฉินหู่ด้วยความรัก เธอคิดอยากจะหาเงิน เงินนี่เธอก็ไม่ได้ใช้ในทางที่เสียหาย เอามาให้ที่บ้านใช้ด้วย ถึงแม้เธอจะมือเติบ แต่เธอก็เอามาใช้กับครอบครัว แม้แต่ตัดเสื้อผ้า เธอก็ตัดให้ตัวเองแค่ชุดเดียว ซื้อของกิน ก็ไม่เคยแอกินมาก่อน เธอเอากลับมาให้ทุกคนที่บ้านกิน ทุกครั้งที่ออกไป เธอไปกับตัวเอง ไม่สนว่าเดินไกลเท่าไร เธอไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยเลย แล้วยังทำกับข้าวที่บ้าน พันบุหรี่ เธอก็เหนื่อยมาก เงินที่หามาได้ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอ แต่เธอไม่เคยพูดว่าเป็นของเธอเลย ดังนั้นที่เธอคุมเงิน เพราะกลัวว่าพวกเขาจะเอาเงินไปให้เฉินกุ้ยและเฉินเวย ถ้าใช้กับที่บ้าน ให้เฉินหู่ เธอไม่ว่าอะไร
เธอยังช่วยหวางจวนไว้ ดูเธอเป็นคนที่มีจิตใจเมตตา แล้วยังมีคุณธรรมด้วย
แต่เธอไม่ใช่ลูกสาวคนเดิมของตัวเองแล้ว
———–
ตอนที่ 108: รสชาติของความสุข
โดย
Ink Stone_Romance
สายตาเฉินจงหมองลง เฉินเยี่ยนดีมาก แต่เธอไม่ใช่ลูกสาวตัวเองแล้ว
แต่จะพูดว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ ลูกสาวยังเป็นลูกสาวอยู่ เพียงแต่ความคิดของลูกสาวเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคน
เขารู้ว่าความคิดของตัวเองน่ากลัว แต่เขารู้สึกแบบนี้จริง เมื่อก่อนเคยได้ยินคนเล่าเรื่อง และพูดถึงวิญญาณที่ยืมร่างคนมาเกิดใหม่บ้าง ปีศาจบางตนจะเข้ามาสิงร่างคนอื่น วันนั้นลูกสาวได้รับบาดเจ็บในสวนผลไม้ ข้างสวนเป็นสุสาน เขาไม่รู้ว่าอะไรมาสิงร่างลูกสาวเขา แต่เขารู้ว่าไม่ใช่ลูกสาวเขาคนเดิมแล้วแน่นอน
เขากลับไปคิดถึงเรื่องราวมากมายหลังลูกสาวเปลี่ยนไป เธอทำร้ายคนบ้านเฉินบ้างไหม?
เหมือนจะไม่มี นอกจากที่เธอไม่พอใจเฉินเวย และแยกบ้านกับเฉินกุ้ยกับช่างเหลียน เธอไม่ดีกับช่างเหลียน เธอปฏิเสธการแต่งงานกับหลิวอี้ เธอเป็นคนมีความคิด แต่คนที่ทำดีกับเธอ เธอก็จะดีด้วย คนที่มีดีกับเธอ เธอถึงค่อยทำไม่ดีกับคนนั้น
เขาควรทำยังไงดี?
มือเฉินจงที่หยิบตะเกียบเริ่มสั่น
“พ่อ เป็นอะไรไปคะ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
เฉินเยี่ยนพบว่าเฉินจงดูผิดปกติ เลยรีบถาม
เฉินจงมองเฉินเยี่ยน สายตาเขาดูสับสน ถึงแม้ลูกสาวคนเดิมของเขาจะไม่ดี แต่นั่นก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขา อีกอย่างลูกสาวคนเดิมนอกจากเรื่องที่ไม่ชอบพูดแล้ว ก็ไม่มีอะไรไม่ดีเลย เธอเป็นคนซื่อมาก
“พ่อ ปวดหัวหรือคะ? มีตรงไหนไม่สบาย?”
เฉินเยี่ยนร้อนรน เธอไม่รู้ว่าเฉินจงเป็นอะไร มีโรคมากมายที่อยู่ๆ ก็กำเริบขึ้นมาน่ากลัวมาก จะเป็นพวกหลอดเลือดสมองหรือโรคหัวใจหรือเปล่า? หรือไม่ก็เป็นลมชัก? นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
“พ่อ อย่าทำให้ตกใจ เป็นอะไรไป”
หวางนิวทิ้งตะเกียบ ถลาไปข้างเฉินจง
หวางจวนและเฉินหู่ก็ถามอย่างร้อนรน
ตอนนี้เฉินเยี่ยนกลัวสังเกตเห็นสายตาของเฉินจงที่มองเธอ เฉินเยี่ยนอึ้งไป ทำไมพ่อมองตัวเองแบบนี้? สายตาเขา ทำไมสายตาเขาทำไมเธอรู้สึกเสียใจขนาดนี้?
หรือว่า?
เฉินเยี่ยนคิดถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง ใจเธอผวาขึ้นมา เธอรู้ว่าเธอและเจ้าของร่างเดิมต่างกันมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสัย เจ้าของร่างเดิมเป็นคนไม่ชอบพูดเลย ซื่อมาก โดนแกล้งก็ไม่กล้าบอก แต่เธอไม่ใช่ เธอคิดว่าเธอค่อยๆ เปลี่ยน คนจะได้รู้สึกว่าเธอได้รับบาดเจ็บเลยเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งขึ้น แต่นี่กลับปกปิดคนที่ใกล้ชิดที่สุดไม่ได้
เธอไม่อยากแกล้งใช้ชีวิตน่าสงสารแบบเจ้าของร่างเดิม เธอต้องการหาเงิน เธอคิดอะไรก็ทำอย่างนั้น ถ้าเป็นเหมือนเจ้าของร่างเดิม เธอกลับมาเกิดใหม่จะมีประโยชน์อะไร?
แต่ตอนนี้เธอถือว่าบ้านเฉินเป็นครอบครัวเธอจริงๆ แล้ว คิดว่าพ่อเฉินแม่เฉินเป็นพ่อแม่เธอจริงๆ คิดว่าเฉินหู่เป็นน้องชายแท้ๆ เธอไม่อยากสูญเสีย
ตอนนี้เฉินจงต้องรู้แล้วแน่ๆ แน่นอนเลย ถึงได้เป็นแบบนี้ ตัวเองจะสูญเสียครอบครัวนี้ไปหรือ?
เฉินเยี่ยนรู้ว่าคนในหมู่บ้านต่างเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ถ้าพวกเขารู้ว่าร่างตัวเองเปลี่ยนวิญญาณมา พวกเขาจะทำยังไง? จะเชิญคนมาจัดการตัวเองไหม? จะทำน้ำมนต์มาให้ตัวเองดื่ม ขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป? ตอนนั้นเธอจะยังเป็นครอบครัวกับพวกเขาอีกหรือไม่?
จิตใจเฉินเยี่ยนจมดิ่งสู่ก้นบึ้งของหัวใจ เธอก้มหน้าลงแล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมา เธอสบตาเฉินจง เธอถามตัวเองทุกอย่างที่เธอทำมาจากจิตใจที่คิดดีของเธอ เธอไม่ได้ทำร้ายเจ้าของร่างเดิมเลย เธอมาเกิดใหม่หลังเจ้าของร่างเดิมตายไปแล้ว เธอคิดว่าตัวเองเป็นเฉินเยี่ยนจริงๆ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด
ใช่ เธอไม่อยากเสียครอบครัวนี้ไป แต่เธอไม่ได้ทำอะไรน่าละอาย ถ้าพวกเขายอมรับเธอ เธอก็จะถือพวกเขาเป็นครอบครัวด้วยความจริงใจ ถ้าพวกเขาไม่ยอมรับเธอ ถึงแม้จะเจ็บช้ำ แต่เธอก็ต้องไป
เฉินเยี่ยนเห็นสายตาของเฉินจงดูตรงไปตรงมา ดูดื้อรั้น ดวงตาเธอมีหมอกบางๆ รื้นขึ้นมา แสดงให้เห็นถึงความเสียใจและอารมณ์ความรู้สึกเธอตอนนี้
เฉินจงเห็นดวงตาคู่นั้นแล้ว ใจเขาสั่น เขาเข้าใจความหมายของเฉินเยี่ยน จะทำยังไงดี?
ไม่ว่าจะพูดอะไร นี่ก็เป็นลูกสาวเขา ถึงแม้ความคิดจะเป็นอีกคนไปแล้ว แต่ร่างกายยังใช่ อีกอย่างตอนนี้ลูกสาวคนนี้มีความรู้สึกให้พวกเขา ทำดีกับพวกเขาอยู่
แค่นี้ก็พอแล้ว
ถ้าตัวเองทำอะไรอย่างอื่นออกไป ถึงเวลาคนที่เจ็บไม่ใช่แค่เฉินเยี่ยน แต่เป็นทั้งบ้าน
เฉินจงหลับตา ตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขาเปลี่ยนไปแล้ว
“ไม่มีอะไร ดูพวกเจ้าแต่ละคนตกใจกันใหญ่ ข้าไม่เคยกินปลาอร่อยแบบนี้มาก่อนเลย ดีใจจนก้างปลาเกือบติดคอ ปลานี้อร่อยมากจริงๆ เยี่ยนจื่อ คราวหน้าทำอีกนะ”
เฉินจงยิ้ม ตอบคำถามทุกคน แต่คนที่ตั้งใจฟัง จะฟังออกว่าน้ำเสียงเขาฟังดูเคร่งขรึม
“พ่อทำพวกเราตกใจกันหมด ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ดูสิ อายุเท่าไรแล้ว ทำเหมือนหู่จื่อไปได้ ไม่กลัวลูกสาวตัวเองหัวเราะเยาะหรือ”
หวางนิวค่อยเบาใจลง
น้ำตาเฉินเยี่ยนกลับหยดลงมา นี่พ่อยอมรับเธอแล้วใช่ไหม? เธอช่างโชคดีเหลือเกิน
“ร้องไห้ทำไม พ่อลูกชมอยู่นะ คราวหน้าต้องทำปลาอีก อร่อย”
หวางนิวเห็นเฉินเยี่ยนน้ำตาไหลก็รีบถาม
เฉินเยี่ยนพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร น้ำตาหยดลงไปในโจ๊กธัญพืช ฝาดนิดหน่อย แต่เธอกลับกินได้รสชาติของความสุข
ตอนที่เก็บโต๊ะ เนื้อตุ๋นน้ำแดงกับปลาเปรี้ยวหวานโดนกินจนเกลี้ยง แม้แต่น้ำราดก็โดนหวางนิวและเฉินหู่เอาหมั่นโถวจุ่มจนเกลี้ยง ดูได้รับความชื่นชอบมาก
กลับมานอนบนเตียง เฉินเยี่ยนคิดถึงเฉินจง เธอถือว่าโชคดีจริงๆ เธอรู้ว่าเฉินจงยอมรับเธอแล้ว ถึงแม้อีกหน่อยหวางนิวจะสงสัย เฉินจงก็จะโน้มน้าวเธอ คลายความสงสัยของหวางนิว ดีเลย คิดแล้วเธอสามารถมีที่ยืนในบ้านเฉินได้แล้ว
แต่ถ้าเฉินจงไม่ถาม เฉินเยี่ยนก็จะไม่บอกเฉินจงว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน เพราะเธอคิดว่าเธอคือเฉินเยี่ยน
วันรุ่งขึ้นเฉินเวยมาส่งข่าง บอกว่าเฉินกุ้ยลากช่างเหลียนไปแต่เช้าตรู่ ไปบ้านช่างเหลียนพร้อมกัน
เฉินจงคิดแล้วตัดสินใจไปบ้านพ่อแม่หวางนิวและพาเฉินหู่ไปด้วย ไปครั้งนี้ก่อนปีใหม่ก็ไม่ต้องไปแล้ว หลังกลับมาจะได้รู้ข่าวฝั่งนั้นพอดี ไม่เสียเวลา
ตอนแรกเฉินเยี่ยนคิดว่าควรตามไปด้วย แต่เฉินเยี่ยนอยากอยู่เป็นเพื่อนหวางจวนที่บ้าน เลยบอกว่าไม่ไป
อันที่จริงที่เธอไม่ไป หนึ่งเพราะคุณตา คุณยายของเฉินเยี่ยนตายไปแล้ว ฝั่งนั้นมีคุณลุง คุณอา คุณลุงเป็นคนซื่อๆ นิสัยคล้ายๆ เฉินกุ้ยพี่ชายเธอ คุณอาเป็นคนฉลาด แต่ก็ดีกับพวกเธออยู่
สองเพราะลูกพี่ลูกน้องของเธอ
เธอมีลูกพี่ผู้หญิงหนึ่งคน ลูกน้องผู้หญิงสองคน และลูกน้องผู้ชายหนึ่งคน
ลูกพี่ผู้หญิงดีกับเธอ ลูกน้องผู้ชายก็ซื่อเช่นกัน เพียงแต่ลูกน้องผู้หญิงกับเธอไม่ถูกกัน พูดจาใจดำไม่น่าฟังไม่เท่าไร ยังเคยแกล้งเจ้าของร่างเดิมด้วย ทำให้เจ้าของร่างเดิมขายหน้า นี่จะปีใหม่แล้ว เฉินเยี่ยนขี้เกียจไปมีเรื่องที่นั่น สู้อยู่ที่บ้านสงบๆ กับหวางจวนดีกว่า
ตอนบ่าย เฉินจง หวางนิว เฉินหู่กลับมา ก็ดีใจมาก ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่บ้านหวาง
หลังพวกเขากลับมาเฉินเวยก็มาหา เธอเอาข่าวเฉินกุ้ยมาบอก
เดิมทีเฉินกุ้ยจะพาช่างเหลียนกลับไปบ้านเธอ รอจนปีใหม่แล้วค่อยทำเรื่องหย่ากับช่างเหลียน แต่ไปรอบนี้ กลับมีการเปลี่ยนแปลงอีก ตอนบ่ายเฉินกุ้ยกลับมาด้วยกันกับช่างเหลียน ไม่ได้ให้ช่างเหลียนอยู่ที่บ้านช่าง
———-
ตอนที่ 109: คุณพ่อเฉินสามารถทำได้ทุกอย่าง
โดย
Ink Stone_Romance
จากคำบอกเล่าของเฉินเวย เฉินเยี่ยนและคนบ้านเฉินรู้แล้ว เฉินกุ้ยพาช่างเหลียนส่งกลับบ้าน แต่เขายังไม่ทันได้ออกจากบ้านเหลียน ก็โดนคนบ้านเหลียนจับไว้ ให้เขาพูดให้รู้เรื่อง
หลังเฉินกุ้ยพูดจนกระจ่าง บ้านช่างก็อึ้งไป พวกเขาก็ไม่คิดว่าเรื่องของช่างเหลียนจะโดนเฉินกุ้ยจับได้ อีกทั้งเรื่องช่างเหลียนท้อง มันสมควรจริงๆ
แต่บ้านช่างเป็นคนมีเหตุผลหรือ?
ไม่เคยมีเลยตั้งแต่แรก
พี่ชายช่างเหลียนบอกว่าถ้าเฉินกุ้ยกล้าทิ้งช่างเหลียนเขาจะอัดเฉินกุ้ย แต่เฉินกุ้ยใจแข็ง เขาบอกยอมโดนตีตาย ก็จะต้องหย่าให้ได้
สุดท้ายทะเลาะกันอยู่นาน บ้านช่างเห็นว่าเฉินกุ้ยไม่มีใจให้ช่างเหลียนแล้ว ถึงค่อยร้อนรนขึ้นมาจริงๆ ถ้าลูกสาวโดนส่งกลับบ้าน จะแต่งงานอีกจะแต่งกับใครได้? จะมีใครแบบบ้านเฉินที่ดูและเธอดีแบบนี้? บ้านเฉินเป็นคนซื่อ ได้เจอคนแบบนี้ ถือเป็นบุญของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถให้ลูกสาวกลับมาได้ ลูกสาวทำอะไรก็ไม่เป็น กลับมาก็เพิ่มคนกินข้าวขึ้นมาอีกคน เป็นความรับผิดชอบของพวกเขา
สุดท้ายแม่ช่างเหลียนเลยออกหน้า บอกว่าเฉินกุ้ยกับช่างเหลียนจะหย่ากันก็ได้ แต่ก่อนหย่าช่างเหลียนอยู่บ้านช่างไม่ได้ จะปีใหม่แล้ว มีที่ไหนที่ลูกสาวมาอยู่บ้านตัวเอง พวกเขาขายหน้าคนอื่น เธอให้เฉินกุ้ยพาช่างเหลียนกลับไป รอจนจัดการเรียบร้อยค่อยพาเธอกลับมา
เฉินกุ้ยไม่ยอม แต่พี่สะใภ้ของช่างเหลียนชี้หน้าด่าช่างเหลียน แล้วยังไล่ช่างเหลียนออกมาอีก บอกว่าช่างเหลียนทำขายขี้หน้า อย่าให้เธอกลับมาที่บ้าน ถ้าเฉินกุ้ยไม่พาเธอกลับไป ก็ให้ช่างเหลียนไปตายอยู่ข้างนอก
เฉินกุ้ยเห็นช่างเหลียนร้องไห้น่าสงสาร แล้วเห็นคนบ้านช่างทำแบบนั้นกับช่างเหลียน เขาทนไม่ได้ สุดท้ายเลยพาช่างเหลียนกลับมา เขาคิดแล้ว ไม่ว่าจะยังไงให้ปีใหม่ผ่านไปก่อน รอหลังปีใหม่ ค่อยทำเรื่องหย่าระหว่างเขากับช่างเหลียน แล้วค่อยส่งช่างเหลียนกลับไป ถึงเวลานั้นคนบ้านช่างก็ไม่พูดอะไรไม่ได้แล้ว
ดังนั้นเฉินกุ้ยเลยไม่ได้ส่งช่างเหลียนไป แต่พากลับมาอีกรอบ
บ้านเฉินได้ฟังก็เงียบไม่พูดจา ในใจพวกเขาก็รู้ว่าเป็นความคิดของบ้านช่าง แต่พวกจะทำอะไรได้? ไล่ช่างเหลียนออกไป? ถ้าแม่ช่างเหลียนไม่ให้เธอเขาบ้านจริงล่ะ? นี่อีกไม่กี่วันก็จะปีใหม่แล้ว หรือจะให้เธอฉลองปีใหม่บนถนน? เรื่องแพร่ออกไป คนบ้านเฉินก็จะไม่มีน้ำใจเกินไป
เฉินเยี่ยนก็รู้ ที่เรื่องนี้เป็นแบบนี้ เพราะบ้านช่างต้องปรักปรำโยนให้เฉินกุ้ยเพราะเขาซื่อเกินไป หนีไม่พ้นจากบ้านเฉิน เลยกลายเป็นแบบนี้ เรื่องนี้ตอนนี้ฝั่งนี้ก็เข้าไปยุ่งไม่ได้ ดูว่าเฉินกุ้ยจะทำยังไงแล้วกัน
ถึงแม้ช่างเหลียนจะไม่ได้กลับบ้านเธอ แต่เธอก็ไม่มาที่นี่ ไม่มีผลกับเฉินเยี่ยน ตอนนี้เฉินเยี่ยนก็ขี้เกียจสนใจเธอ ต่อไปเฉินเยี่ยนจะพาบ้านเฉินหลุดพ้นจากความทุกข์ หลังวันเซ่นไหว้เทพเจ้าเตาไฟ เธอ หวางนิว และหวางจวนเอาผ้าปูที่นอนทั้งหมดมาซัก เสื้อผ้าก็ซักด้วย แล้วทำความสะอาดของในบ้านในสนามข้างนอกข้างในจนสะอาดหมดจด
ทำงานเสร็จก็ถึงวันที่ 26 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติ บ้านเฉินก็เริ่มหาเนื้อ เนื้อหัวหู ลำไส้อะไรพวกนี้ ได้มาหม้อใหญ่ แล้วยังนึ่งเนื้อกับสมุนไพร ทอดไชเท้า พวกนี้เอาไว้ห่อเกี๊ยว
วันที่ยี่สิบเจ็ด บ้านเฉินเริ่มเตรียมทำอาหาร
เฉินจงนวดแป้งไว้เยอะมาก พวกนี้จะเอาไปเคลือบน้ำมัน ทำแป้งทอด นอกจากนี้ยังมีลูกชิ้นไชเท้า รากบัว แผ่นเต้าหู้ แผ่นมันเทศ
เฉินเยี่ยนเตรียมเนื้อไก่ เนื้อปลา กระดูกหมู เป็นของหมักทั้งหมด และต้องทอดเช่นกัน
เห็นของทอดเป็นตะกร้าๆ เฉินเยี่ยนน้ำลายไหลอยากกิน ฝั่งเฉินหู่เอาเข้าปากอย่างมีความสุข ก่อนปีใหม่ได้มีลูกชิ้น มีของทอดกินก็ไม่แย่แล้ว ปีนี้มีของพวกนี้เพียบ เยอะขนาดนี้ เขามีความสุขเหลือเกิน
เฉินเยี่ยนก็ชิมลูกชิ้น พอกิน เธอก็รู้สึกประหลาดใจ เธอคิดไม่ถึงว่าพ่อมีฝีมือดีขนาดนี้ด้วย ลูกชิ้นทอดนี่อร่อยเหลือเกิน อร่อยกว่าเธอเยอะเลย เธอไม่เคยกินลูกชิ้นที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน อร่อยกว่าของที่ขายในยุคหลังอีก
กินไปหนึ่งชิ้น เฉินเยี่ยนก็ไม่หยุดปาก กินไม่รู้ตัวไปสิบกว่าชิ้น แล้วลองอันนี้ ลองอันนั้น สุดท้ายเธอเห็นเส้นก๋วยเตี๋ยวที่พ่อเธอทอดออกมา เธออึ้งอีกรอบ เส้นก๋วยเตี๋ยวนี่ไม่ใช่ว่าใครก็ทอดได้ แต่ต้องมีเทคนิค ตัวเองยังทำไม่ได้เลย พ่อเธอเก่งจริงๆ สามารถทำได้ทุกอย่าง
“ครั้งที่พ่อลูกแสดงฝีมือเองเลย แม่แต่งงานกับพ่อหลายปีมานี้ เขาทำก๋วยเตี๋ยวทอดแค่สามครั้งเอง ปีนี้ได้เห็นอีกครั้งแล้ว”
หวางนิวพูดไป ก็หยิบเส้นก๋วยเตี๋ยวทอดไปชิ แววตามีรสชาติของความทรงจำ
“ผมยังไม่เคยกินเลย”
เฉินหู่ก็เข้าไปชิม เขาเพิ่งกินเป็นครั้งแรก
เฉินเยี่ยนกินไม่ไหวแล้ว ชิมแค่หนึ่งคำ เส้นแป้งทั้งกรอบ ทั้งหอม อร่อยกว่าที่ขายในยุคหลังเยอะเลย พ่อตัวเองคนนี้ช่างมีฝีมือมากจริงๆ
“พ่อ พ่อมีฝีมือนี่ ไปทอดลูกชิ้น ทำเส้นก๋วยเตี๋ยวทอดขายเถอะ”
เมื่อก่อนเฉินเยี่ยนไม่รู้ ถ้ารู้เธอส่งเสริมให้พ่อเธอทอดไปขาย
“จะมีคนซื้อหรือ? ทุกคนก็ทอดเป็นกันหมดไม่ใช่หรือ? อีกอย่างถ้าขายก็ต้องมีหม้อทอด มีแป้ง มีฟืน หลายอย่าง ผู้ชายที่ไหนไปขายของพวกนี้กัน ไม่ใช่ปาท่องโก๋เสียหน่อย”
หวางนิวคิดว่าลูกสาวพูดไม่ถูก
“ทำไมจะไม่มีคนซื้อ? คนอื่นทำได้ แต่ใครที่จะทำอร่อยเท่าของพ่อทอด หนูว่านี่อร่อยกว่าปาท่องโก๋เยอะเลย”
เฉินเยี่ยนไม่คิดแบบนั้น คนจีนละเอียดเรื่องการกิน คนที่มีฐานะดีแล้วยิ่งเลือกกินใหญ่ ของดีต้องมีคนซื้อแน่นอน
เฉินจงหัวเราะหึหึฟังภรรยาและลูกสาวเถียงกัน ไม่ได้พูดอะไร เขาวางความกังวลใจแล้ว เขายอมรับเฉินเยี่ยน เขาคิดว่าชีวิตแบบนี้ก็ดีมากแล้ว เมื่อก่อนลูกสาวกลัวเขา เห็นเขาเหมือนหนูเห็นแมว ตอนนี้ดีขึ้นมาก ลูกสาวกับเขาได้ใกล้ชิดกัน
“เสี่ยวเวยมาแล้ว เร็ว เพิ่งทอดใหม่ๆ รีบมาชิมเร็ว”
หวางนิวกำลังพูดอยู่ เห็นเสี่ยวเวยเข้ามา ก็รีบเรียกให้เธอมากิน ปีก่อนไม่มีเหลือแบบนี้ ของทอดยังต้องเก็บไว้ให้แขก ดังนั้นกินได้นิดเดียว ปีนี้ไม่เหมือนกัน มีเยอะขนาดนี้ อยากกินเท่าไรก็ได้เลย
นี่ตามกลิ่นมาหรือไง ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเธอจะมา เพราะหลายวันก่อนต้องทำงาน พอรู้ว่าวันนี้มีของทอดถึงค่อยมา
เฉินเยี่ยนดูถูกเฉินเวย แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร
เฉินเวยปากกับมือกินไม่หยุด จนอิ่มถึงค่อยหยุด ตอนนี้ท้องเธอขาดไขมัน มีของกินอร่อยขนาดนี้ ทำไมเธอจะไม่กินจนอิ่ม
“พี่ชายลูกกับเธอเป็นยังไงมั่ง? ยังทะเลาะกันทุกวันหรือเปล่า?”
หวางนิวยังเป็นห่วงทางนั้นอยู่ แต่เธอเคยพูดชื่อช่างเหลียน และไม่พูดว่าพี่สะใภ้เฉินเวย เห็นได้ว่าเธอไม่พอใจลูกสะใภ้คนนี้เป็นอย่างมาก
“พี่สะใภ้หนูทะเลาะกับพี่ชายมาสองวันแล้ว แต่สองวันนี้ไม่ทะเลาะกัน พี่สะใภ้ก็บอกว่าจะทำของทอดแล้ว แต่เธอนวดแป้งไม่เป็น ทำรูปร่างก็ไม่เหมือน ตอนจะทอด หนูจุดไฟให้ เธอไม่รู้ว่าน้ำมันร้อนหรือไม่ร้อน ตอนทอดยังลวกมืออีก พี่ชายเลยไม่ให้เธอทำแล้ว”
เฉินเวยเล่าคร่าวๆ ไม่มีใครถาม เธอเลยพูดอีก “มือพี่สะใภ้ไม่เป็นอะไรมาก แค่โดนลวก เธอร้องเจ็บ พี่ชายเลยให้เธอพัก พี่ชายกับหนูเลยทอด แต่แป้งแข็งแล้ว ทอดออกมากัดไม่ได้เลย เลยกินไม่ได้ แม่ทอดอร่อยอยู่ดี”
เฉินเวยประจบประแจง
—————-
ตอนที่ 110: ปีใหม่
โดย
Ink Stone_Romance
“ของพวกนี้พ่อลูกทำทั้งหมด แม่แค่เป็นคนจุดไฟให้ อร่อยก็กินเยอะหน่อย เดี๋ยวตอนกลับลูกก็เอาไปให้ทางนั้นบ้าง จะปีใหม่แล้ว ไม่มีกินไม่ได้”
หวางนิวลังเลสักพัก ในใจยังอดไม่ได้ ถึงแม้จะบอกว่าของเป็นของฝั่งนี้ แยกกันอยู่แล้ว แต่นั่นเป็นลูกชายเธอ ลูกสาวเธอ เธอจะปล่อยให้พวกเขาหิวได้ยังไง
เฉินหู่ไม่ได้พูดอะไร มีก็กินกันทุกคนนั่นแหละ
“ค่ะ”
เฉินเวยยิ้มหยักหน้า มีกินก็ไม่ควรไม่เอา อยู่ฝั่งโน้นหากินไม่ได้
“แม่ หนูมาฉลองปีใหม่ที่นี่ได้ไหมคะ?”
เฉินเวยกระซิบปรึกษาหวางนิว ที่นี่มีกินมีทุกอย่าง ฝั่งนั้นไม่มีอะไรเลย เธอไม่อยากอยู่ลำบากที่ฝั่งนั้น
“เธอมาวันที่สามสิบสิ เรียกพี่ชายกับพี่สะใภ้มาด้วย อยู่ฉลองปีใหม่กันทั้งครอบครัว แต่บอกไว้ก่อนนะ ตั้งแต่วันที่สามสิบเป็นต้นไป ยังไงก็แยกบ้านกันแล้ว ถึงแม้หู่จื่อจะยังไม่มีภรรยา แต่บ้านนี้เป็นของเขา เลยวันที่สามสิบไป พวกเธอต้องอยู่จุดไฟที่ฝั่งนั้นอยู่ดี”
หวางนิวยังไม่ทันตกลง เฉินเยี่ยนพูดขึ้นมาก่อน เธอรู้ ถ้าให้หวางนิวพูด หวางนิวต้องตกลงแน่นอน ก็ปีใหม่ ครอบครัวอยู่กันครบหน้า ยิ่งคึกคักยิ่งดี ส่วนหวางนิวตอบตกลง ไม่แน่เฉินเวย เฉินกุ้ยและช่างเหลียนจะมากินที่นี่วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนอีก มากินทุกวัน เธอไม่อยากเห็นหน้าคนพวกนี้ทุกวัน ไม่อยากทำกับข้าวให้เฉินเวยและคนพวกนั้นกินทุกวัน สู้เธอชิงตกลงก่อน แค่วันเดียว เลยปีใหม่ไปแล้ว คิดว่าเฉินเวยคงไม่มีเหตุผลจะมาอีกแล้ว
“พี่สาวลูกพูดถูก ยังไงก็แยกบ้านกันแล้ว ลูกกลับไปบอกพี่ชายและพี่สะใภ้ลูกให้มาวันที่สามสิบ พวกเราฉลองปีใหม่กัน”
หวางนิวคิดว่าลูกสาวคนโตพูดมีเหตุผล เลยเห็นด้วย
เฉินเวยแอบแค้นเฉินเยี่ยน เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนไม่พอใจ ถึงแม้จะตกลงให้เธอมาวันที่สามสิบ แต่ก็ปิดทางไม่ให้เธอมาทุกวัน แต่เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ ครั้งที่แล้วบ้านเฉินเกิดเรื่องแบบนั้น เธอไปหาอวี๋เหวยหมินเพื่อปรึกษา อวี๋เหวยหมินบอกให้เธออย่าเพิ่งลงมือวู่วาม อยู่ฉลองปีใหม่ไปก่อน รอเลยปีใหม่ พวกเขาค่อยมาคิดกัน ให้เธออย่าเพิ่งก่อเรื่อง
เฉินเวยก็รู้ว่าตัวเองสู้เฉินเยี่ยนไม่ได้ เฉินเยี่ยนยอมแลก ใจเด็ดกว่าเธอ เธอทำได้แค่ต่อกรกับผู้ชาย เฉินเวยเลยเชื่ออวี๋เหวยหมิน เลยทำตัวดีก่อน
เฉินจงไม่ได้พูดอะไร เฉินเยี่ยนพูดตรงกับความตั้งใจของเขา ลูกๆ สนิทกันดี ได้อยู่กันพร้อมหน้าทุกคนก็มีความสุข ถ้าขัดแย้งกัน แยกกันอยู่แล้ว ต่างคนต่างอยู่ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอันนี้ไม่ดี อันนั้นไม่ถูก พวกเขาเป็นพ่อแม่เห็นแล้วก็กลุ้มใจ
ตกลงกันแล้ว เฉินเวยกับหวางนิวก็คุยกันเรื่องอื่น
ตอนกลางวันไม่ได้ทำอาหาร ของกินเยอะขนาดนี้ กินกันอิ่มแล้ว เลยแค่ต้มน้ำดื่ม
ตอนบ่ายเฉินจงเริ่มเขียนป้ายมงคล ในยุคนี้คนขายป้ายมงคลยังน้อยอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย เพียงแต่คนซื้อไมเยอะ โดยเฉพาะเกษตรกร ซื้อป้ายมงคลแพงกว่าซื้อกระดาษแดงแน่นอน ดังนั้นคนในหมู่บ้านเลยซื้อกระดาษแดงกลับมา ถ้าไม่เรียกให้คนเขียนให้ ก็เขียนเอง แล้วแปะคำที่มีความหมายลงไป
ส่วนเฉินจงไม่เพียงแต่เขียนป้ายมงคลให้บ้านเฉิน เขายังเขียนให้อีกหลายคน คนแทบจะครึ่งหมู่บ้านต่างเอากระดาษแดงมาให้เฉินจงเขียนให้ มีคนมาหาคุณ นั่นก็แปลว่าเขาเห็นความสำคัญของคุณ เฉินจงไม่เคยปฏิเสธเลย
เรื่องนี้ก็มีอยู่ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเหมือนกัน แต่ความทรงจำก็คือความทรงจำ เรื่องจริงก็คือเรื่องจริง เฉินเยี่ยนเห็นเฉินจงหยิบพู่กันเขียนตัวหนังสือลงบนกระดาษแดงแล้วก็อึ้งไป เดิมทีเธอคิดว่าเฉินจงก็แค่เขียนตัวอักษรได้เฉยๆ แต่คิดไม่ถึงว่าลายมือตัวอักษรพู่กันของเฉินจงจะสวยขนาดนี้
เฉินเยี่ยนเขียนตัวอักษรสวยงาม ตัวอักษรของเฉินเวยดูธรรมดา ตัวอักษรอวี๋เหวยหมินเขียนได้ไม่แย่ แต่เฉินเยี่ยนกลับรู้สึกว่าอวี๋เหวยหมินเทียบเฉินจงไม่ได้ ตัวอักษรพู่กันของเฉินจงดูชำนาญ อีกทั้งที่เฉินจงเขียนมีหลายตัวอักษรที่เป็นอักษรจีนตัวเต็ม แต่เฉินเยี่ยนก็รู้จักหมด
เฉินจงเขียนป้ายมงคลหลายใบ แต่ซ้ำกันเยอะอยู่ เพราะป้ายมงคลล้วนแต่เป็นคำที่มีความหมายดี ทุกบ้านก็จะใกล้เคียงกัน ไม่มีใครต้องการให้วาดรูปดอกไม้
นอกจากป้ายมงคลแล้ว เฉินจงยังเขียนให้ผลผลิตดี มีสัตว์เลี้ยงมากขึ้น มีแดดในฤดูใบไม้ผลิอย่างพอเพียง เดินทางปลอดภัย มีโชค และอื่นๆ
เฉินเวยก็ดูตามมาตลอด เธอหลุบตาลง ในใจรู้สึกไม่สบาย ลายมือเธอน่าเกลียดมาก เพราะเธอไม่เคยมีความตั้งใจด้านนี้เลย เธอเห็นเขียนดีกว่าเธอก็รู้สึกอึดอัดแล้ว ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร
เขียนป้ายมงคลเสร็จ เฉินจงให้เฉินหู่เอาไปส่งให้แต่ละบ้าน จนป้ายมงคล 28 ใบติดเสร็จ ก็ไม่มีงานอะไรแล้ว ทุกวันกินๆ ดื่มๆ พูดคุยกัน
จนวันที่สามสิบ เฉินกุ้ย ช่างเหลียน และเฉินเวยต่างก็มา พวกเขามากินข้าวเช้า เฉินเยี่ยนมองออกว่าเฉินกุ้ยไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียด ช่างเหลียนเท่าวันนั้นแล้ว ส่วนสีหน้าช่างเหลียนก็ดูภาคภูมิใจ
หรือว่าพวกเขาดีกันแล้ว?
ถ้าเป็นแบบนี้จริง ก็ถือว่าช่างเหลียนมีวิธี สามารถเกลี้ยกล่อมเฉินกุ้ยได้อีกครั้ง
หวางนิวก็มองออก เธอลากเฉินกุ้ยไปคุยด้วยตั้งนาน ตอนกลับมาเฉินกุ้ยหน้าแดงเล็กน้อย
“เฮ้อ”
ในห้องครัว หวางนิวนวดแป้งไปก็ถอนหายใจไป
เฉินเยี่ยนถาม เธอรู้ว่าต้องเป็นเพราะเรื่องของเฉินกุ้ยและช่างเหลียนแน่นอน
“ถึงแม้จะบอกว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ลูกแยกทางกันแล้ว แม่กังวลพี่ชายลูกจะหาใหม่ แต่ตอนนี้พี่ชายลูกไม่ค่อยอยากจะเลิกกับพี่สะใภ้แล้ว แม่กลุ้มจะแย่”
หวางนิวพูดมาถึงตรงนี้แล้วมองในครัวไม่มีคนอื่น เธอพูดเสียงเบากับเฉินเยี่ยน “พี่ชายลูกพูดกับแม่ ไม่กี่วันก่อนเขาโกรธมาก แต่ช่างเหลียนร้องไห้กับเขาทุกวัน ที่บ้านแม่เธอก็ทำอย่างนั้นกับเธออีก ช่างเหลียนยังเอาใจเขา ตอนกลางคืนต้มน้ำร้อนให้ เธอยังลงมือล้างเท้าให้พี่ชายลูกด้วยตัวเอง อุ่นที่นอนให้ทุกวัน ปรนนิบัติพี่ชายลูก เธอเริ่มทำอาหารแล้ว แล้วจะทอดของยังโดนน้ำมันลวกมือด้วย พี่ชายลูกทนไม่ไหว ช่างเหลียนบอกว่าเธอแต่งงานกับพี่ชายลูก ชีวิตนี้ก็เป็นคนของพี่ชายลูกแล้ว เธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ขอร้องให้พี่ชายลูกอย่าทิ้งเธอไป เธอจะดีกับพี่ชายลูกทั้งชีวิต พี่ชายลูกเป็นคนหัวอ่อน ก่อนหน้านี้บอกว่าประคองให้ผ่านพ้นไป ขอแค่ช่างเหลียนปรับปรุงตัวด้วยความจริงใจ เขาก็จะไม่พูดเรื่องนี้อีก”
เฉินเยี่ยนเดาได้อยู่แล้ว เธอเข้าใจคนอย่างเฉินกุ้ย เป็นคนซื่อตรง และหัวอ่อน ช่างเหลียนทำแบบนี้ เฉินกุ้ยต้องใจอ่อนแน่นอน แต่ช่างเหลียนจะแก้ไขตัวเองได้? เธอไม่เชื่อ ถ้าช่างเหลียนตั้งใจแก้ไขจริง วันนี้สายตาที่มองตัวเองต้องไม่มีความเกลียดและได้ใจ
แต่เฉินเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไร เธออยากจะให้เฉินกุ้ยหย่า แต่เธอทำอะไรแทนเฉินกุ้ยไม่ได้
ครั้งที่แล้วเกิดเรื่องแบบนั้น ใช้ชีวิตอยู่กับช่างเหลียนมาหลายปี เฉินกุ้ยไม่น่าจะไม่รู้ว่าช่างเหลียนเป็นคนยังไง แต่เขายอม ใครจะบังคับเขาได้? ยังไงชีวิตก็เป็นของเขา
แค่มีสะใภ้แบบนี้ ในใจเฉินเยี่ยนจะไม่มีวันเป็นสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอและช่างเหลียนถือว่าเป็นศัตรูกันแล้ว อีกทั้งยังมีเฉินเวยอีกคน ตัวเองไม่ป้องกันไม่ได้
สายตาเฉินเยี่ยนเป็นประกาย เธอจะให้โอกาสช่างเหลียน แต่ไม่ใช่วันนี้
คิดถึงเรื่องพวกนี้ เฉินเยี่ยนสงบใจลง ช่วยหวางนิวและคนอื่นๆ ห่อเกี๊ยว ตอนบ่ายทำกับข้าวเย็นมาหกจาน ตอนเย็นผัดกับข้าวอีกสี่อย่าง รวมกับเกี๊ยวร้อยๆ ทุกคนฉลองปีใหม่กันอย่างมีความสุข
———–
ตอนที่ 111: เลี้ยงแขก
โดย
Ink Stone_Romance
ตกดึกตอนที่เฉินกุ้ย ช่างเหลียนและเฉินเวยกลับ หวางนิวให้พวกเขาเอาเกี๊ยวและของกินกลับไปด้วย เฉินเยี่ยนไม่ได้ห้าม
ปีใหม่วันแรกฟ้ายังไม่สว่างเฉินเยี่ยนก็โดนเสียงประทัดปลุกตื่น เธอลุกจากเตียง กินเกี๊ยว เฉินเยี่ยนจะงีบหลับอีกครั้ง แต่เสียงประทัดข้างนอกดังติดต่อกัน เธอนอนไม่หลับแล้ว
เฉินหู่วิ่งออกไปแต่เช้าไม่เห็นเงา ปีใหม่เป็นวันของพวกเขา ทุกวันได้ออกไปเล่นอย่างบ้าคลั่ง
เฉินกุ้ยและหวางนิวออกไปเยี่ยมบ้านคนอื่นแล้ว เฉินเยี่ยนและหวางจวนไม่มีอะไรทำ ทั้งสองคนเลยไปเดินเล่นในหมู่บ้าน
ปีใหม่แล้ว สีหน้าทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ดูครึกครื้นกว่าเวลาปกติเยอะเลย ไม่มีใครที่อยู่ดีๆ จะมาหาเรื่องคนอื่น
เห็นเหล่าบรรดาผู้หญิง ลูกสะใภ้ต่างสุมหัวกันพูดคุย เฉินเยี่ยนไม่ได้เข้าไปทักทาย เมื่อก่อนตอนปีใหม่เจ้าของร่างเดิมก็จะจับกลุ่มคุยกับผู้หญิงวัยรุ่นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เล่นด้วยกัน แต่เธอไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมแล้ว เธอไม่ออกไปไหนกับเพื่อนของเจ้าของร่างเดิมแล้ว อีกทั้งพวกเขาย้ายบ้าน ทุกวันเฉินเยี่ยนยุ่งมาก นอกจากหวางจวนแล้ว เฉินเยี่ยนแทบไม่มีเพื่อนในหมู่บ้านเลย
ทั้งสองคนค่อยๆ เดินไปถึงด้านนอกสวนผลไม้
ต้นไม้ในสวนผลไม้เต็มไปด้วยกิ่งไม้ มองไปแล้วดูวังเวงมาก
ยืนอยู่บนถนน ถึงแม้ทั้งสองคนจะใส่เสื้อนวมผ้าฝ้าย แต่ลมพัดมายังพัดโดนตัวอยู่
“กลัวไหม?”
เฉินเยี่ยนถามหวางจวน เธอและหวางจวนต่างเปลี่ยนชะตาชีวิตที่นี่ เพียงแต่หวางจวนหนักกว่าเธอ เธอสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้หญิงไปที่นี่ พรหมจารี และเกียรติยศศักดิ์ศรี สามารถพูดได้ว่าที่นี่เป็นที่ต้องห้ามของหวางจวน แน่นอน ถ้าหวางจวนสามารถเผชิญหน้ากับที่นี่ได้ หวางจวนก็สามารถแข็งแกร่งขึ้นมา
“กลัว”
หวางจวนมองดูสวนผลไม้ ร่างกายเธอสั่น ไม่รู้ว่าโดนลมโกรก หรือกลัว เธออดคิดถึงวันนั้นไม่ได้ วันที่เหมือนกับตกนรก
“กลัวก็ต้องเผชิญหน้า พี่เคยพูดว่าคนหนึ่งตายยังไม่กลัวเลย ยังต้องกลัวการมีชีวิตอยู่เหรอ? ใช่ ตอนมีชีวิตอยู่ยากกว่าตายเยอะ แต่ให้ยากลำบากแค่ไหนก็ต้องอยู่ ฉันกลัวที่นี่ แต่ฉันกล้าเดินมาถึงที่นี่ อีกหน่อยก็จะเดินมาถึงเหมือนกัน ฉันไม่กลัว”
จู่ๆ หวางจวนก็ยืดตัวตรงขึ้น ตอนนี้เธอกล้าเผชิญหน้าที่นี่ ต้องมีสักวันที่เธอจะกล้าเผชิญกันทุกสิ่ง
เฉินเยี่ยนตบให้กำลังใจหวางจวน หวางจวนโตแล้ว
“ไม่หนาวเหรอ?”
อยู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลังทำเอาทั้งสองคนสะดุ้งโหยง แต่เฉินเยี่ยนได้สติกลับมาเร็วมาก ใบหน้าเธอฉายแววประหลาดใจ เธอรู้ว่าเป็นใครแล้ว มีเพียงเขาที่ชอบมาปรากฏตัวข้างหลังเธอ
หวางจวนตกใจจนอ้ำอึ้งไป ตัวแข็งเกร็งสักพัก ทำไมที่นี่ถึงมีผู้ชาย?
“ซินห้าว ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”
เฉินเยี่ยนหันหลังไปเจอซินห้าวที่เธออยากเจอมาหลายวันแต่ไม่ได้เจอ เขาสวมชุดกันหนาวผ้าฝ้าย บนศีรษะไม่ได้สวมหมวก ดูแล้วไม่เหมือนคนทั่วไปที่อ้วนเทอะทะ ยังคงความหล่ออยู่
หวางจวนอึ้งอยู่ ทำไมถึงมีคนที่หน้าตาหล่อขนาดนี้อยู่? เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่หน้าตาดีขนาดนี้มาก่อนเลย หวางจวนหน้าแดงเล็กน้อย แต่เห็นเฉินเยี่ยนดูท่าทางสนิทกับอีกฝ่าย ใช่แล้ว เฉินเยี่ยนเรียกเขาว่าซินห้าว ที่แท้เขาก็คือซินห้าว คนที่คอยช่วยเหลือพี่เฉินเยี่ยนมาตลอด หน้าตาดีแบบนี้นี่เอง มิน่าพี่เฉินเยี่ยนถึงไม่มองหลิวอี้
เห็นพี่เฉินเยี่ยนดีใจขนาดนี้ หรือว่าเธอจะชอบคนที่ชื่อซินห้าวนะ? ถ้าพี่ได้แต่งงานกับซินห้าว ในหมู่บ้านใครยังจะกล้าว่าพี่แต่งไม่ออกอีก? ผู้หญิงในหมู่บ้านจะต้องอิจฉาพี่หนักมาก หวางจวนคิดอยู่ในใจมากมาย
“ปีใหม่ผมกลับไปหาคุณปู่ วันนี้ทำไมคุณออกมาจากบ้าน?”
แววตาซินห้าวมีรอยยิ้ม เขากลับมาได้หลายวันแล้ว เขาก็มาที่หมู่บ้านนี้หลายครั้งอยู่ แต่เขาไม่ได้ไปบ้านเฉิน คิดว่าจะบังเอิญเจอเฉินเยี่ยนหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่เจอ วันนี้เขาก็มาอีก เพราะตอนเย็นเขาต้องกลับอำเภอแล้ว พรุ่งนี้ต้องเข้าเมืองเป็นเพื่อนพ่อแม่ไปบ้านคุณยาย ช่วงนี้เขาเลยจะไม่กลับมา หมายความว่าถ้าวันนี้เขาไม่พบเฉินเยี่ยน อาจจะอีกนานเลยที่จะไม่ได้เจอเฉินเยี่ยน แต่เรื่องพวกนี้เขาไม่บอกเฉินเยี่ยน
“ไม่มีอะไรก็แค่ออกมาเดินเล่น ฉันให้เจ้าอ้วนฝากบอกคุณ ฉันยังติดเงินกับตั๋วคุณอยู่เลย คุณกลับมาทำไมไม่ไปเอาที่บ้านฉันล่ะ?”
เฉินเยี่ยนไม่ทันสังเกตว่าในน้ำเสียงตัวเองมีแววบ่นอยู่
ซินห้าวหัวเราะ เขาได้รับคำพูดที่เฉินเยี่ยนฝากมาบอกแล้ว เพียงแต่ช่วงนั้นเขายุ่งมากปลีกตัวไม่ได้ อีกทั้งเขาไม่ได้คิดจะเอาเงินกับเฉินเยี่ยน ดังนั้นเลยไม่ได้กลับไปหาเฉินเยี่ยน แต่ได้ยินเฉินเยี่ยนแอบบ่นตอนนี้แล้ว เขาไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจเลย กลับกันยังรู้สึกดีใจ ไม่ได้เจอตัวเอง เฉินเยี่ยนจะอยากเจออีกฝ่ายเหมือนตัวเองบ้างไหมนะ?
“คุณกลับไปกับฉันเถอะ ฉันเตรียมเงินกับตั๋วให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
เฉินเยี่ยนอยากจะเอาเงินกับตั๋วคืนให้ซินห้าว เธอติดค้างน้ำใจซินห้าวมากแล้ว เงินนี้เอาให้ซินห้าวเธอจะได้สบายใจขึ้นมาบ้าง
“วันนั้นเป็นวันปีใหม่ ไปบ้านคุณไม่น่าจะสะดวกหรือเปล่า?”
ซินห้าวไม่อยากจะไปบ้านเฉิน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้บ้านฉันไม่มีคนอยู่”
เฉินเยี่ยนพูดจบก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ประโยคนี้ทำไมฟังดูสองแง่สองง่ามนะ เหมือนที่บ้านไม่มีใคร เธอจะได้นัดแฟนกลับไปทำอะไรกัน แต่เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆ นะ
“ฉันหมายถึงคุณไปบ้านฉัน ฉันเอาเงินกับตั๋วให้คุณ เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ พ่อแม่ฉันก็บอกว่าให้ขอบคุณคุณด้วย ไม่มีอะไรไม่สะดวก ใช่แล้ว ฉันยังติดค้างคุณอีกมื้อเลย ไม่อย่างนั้นไปเป็นแขกบ้านฉันเถอะ ฉันจะทำให้คุณกิน จะได้ไม่ต้องไปร้านอาหาร”
เฉินเยี่ยนเปลี่ยนคำพูด
แววตาซินห้าวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เฉินเยี่ยนไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ผู้หญิงคนอื่นเห็นเขา ถ้าไม่เขินหน้าแดงก็ไม่กล้าพูดจา แต่จะแอบมองเขา ถ้าไม่ตกใจกับหน้าตาเย็นชาของเขาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นเหมือนซูเหม่ยลี่
คิดถึงซูเหม่ยลี่ ซินห้าวอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ ในสายตามีแววรังเกียจขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ และรังเกียจ แต่แม่เขากลับจะให้เขาหมั้นหมายกับซูเหม่ยลี่ แล้วยังบอกว่ามีแค่ซูเหม่ยลี่ที่คู่ควรจะเป็นภรรยากับเขา ฐานะทางบ้านซูเหม่ยลี่ดียังไง เขาก็ไม่ชอบ จะมีประโยชน์อะไร?
เฉินเยี่ยนเห็นซินห้าวขมวดคิ้วและสีหน้ารังเกียจ เขาแสดงออกกับตัวเอง? เป็นเพราะความกระตือรือร้นและท่าทีของตัวเองงั้นหรือ?
เฉินเยี่ยนอึ้งไปเล็กน้อย พูดตามจริง เธอรู้สึกดีกับซินห้าวมาก ซินห้าวหน้าตาหล่อ มีสไตล์ ความคิดเรียบง่าย แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่แบบนั้น มีการไตร่ตรองอยู่ในใจ อีกทั้งความคิดเขาที่มีต่ออารมณ์ตัวเอง ก็ไม่เหมือนความคิดของผู้ชายอีกหลายคน ทุกครั้งที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับซินห้าวเธอจะรู้สึกสบายใจมาก ไม่มีความรู้สึกไม่อิสระ เธออยากจะพูดอะไรก็พูด อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องสนใจว่าซินห้าวจะมองเธอยังไง เธอนับถือซินห้าวเป็นเพื่อนจริงๆ เธอไม่เคยคิดว่าจะมีความรักกับซินห้าวมาก่อน เพราะเธอรู้ว่าพวกเขาไม่เหมาะสมกัน แต่ถ้าซินห้าวรังเกียจเธอ งั้นเฉินเยี่ยนก็จะไม่เข้าใกล้ซินห้าวอีก อีกหน่อยจะรักษาระยะห่างกับซินห้าว เธอจะไม่เอาของที่ซินห้าวให้เธออีก เธอจะไปซื้อเอง
แน่นอน สูญเสียเพื่อนไป เฉินเยี่ยนย่อมไม่สบายใจมาก แต่เธอจะไม่ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายถึงแม้ว่าเธอจะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนก็ตาม คนเราเท่าเทียมกัน ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกดีกับเธอ เธอก็จะไม่เข้าไปใกล้อีก
————–
ตอนที่ 112: อย่าแม้แต่จะคิด!
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนกำลังคิดจะพูดอะไรออกไป แต่ซินห้าวหัวเราะเธอ “เมื่อกี้เพิ่งคิดถึงเรื่องนิดหน่อย ไปเถอะ จะเลี้ยงข้าวผมไม่ใช่เหรอ?”
เห็นซินห้าวแบบนี้แล้ว เฉินเยี่ยนถอนหายใจยาว ค่อยยังชั่ว ซินห้าวไม่ได้ทำกับเธอ
เพราะว่าซินห้าวขี่จักรยาน ดังนั้นเฉินเยี่ยนเลยให้ซินห้าวไปก่อน ยังไงเขาก็รู้ว่าบ้านตัวเองอยู่ไหน เธอกับหวางจวนค่อยๆ เดินกลับไป
เพราะว่าไม่ได้กลับไปพร้อมกัน ถึงแม้จะมีคนพูดถึงซินห้าว แต่ก็ไม่รู้ว่าซินห้าวไปบ้านเฉิน ดังนั้นคนในหมู่บ้านจึงไม่ได้พูดนินทาเรื่องนี้กัน
เฉินเยี่ยนและหวางจวนกลับมาถึงบ้าน ซินห้าวอยู่ในสนามบ้านเฉินเรียบร้อยแล้ว แต่เขาไม่ได้เข้าไปในบ้าน
เฉินเยี่ยนมองดู พ่อแม่ยังไม่กลับมา เธอเชิญให้ซินห้าวนั่ง เทน้ำให้ เสิร์ฟเมล็ดแตงโม ถั่วและน้ำตาลให้ซินห้าว เธอเข้าไปในห้องเอาเงินออกมา
“จะเชิญผมมากินข้าวไม่ใช่หรือ? ให้ผมกินอันนี้? ถึงแม้จะเป็นของดี แต่ผมกินไม่ไหวแล้ว”
ซินห้าวเห็นเฉินเยี่ยนยื่นเงินมาให้ เขาเลิกคิ้วพูด
เฉินเยี่ยนอดไม่ไหวหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มคนนี้เล่นมุขตลกด้วย
“ใครให้คุณกินอันนี้ นี่คือเงินที่ฉันให้”
เฉินเยี่ยนไม่ดูถูกใคร ถ้าไม่เจอก็ทำอะไรไม่ได้ เจอแล้วต้องคืนเงินเขาแน่นอน
“วันนี้วันปีใหม่ ครั้งหน้าค่อยว่ากัน”
ซินห้าวไม่ได้อยากได้เงินที่เฉินเยี่ยนยื่นให้เขาเลย เห็นแววตาเฉินเยี่ยนดูลึกซึ้ง
“วันขึ้นปีใหม่ทำไมเหรอ?”
เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจ เงินนี่เกี่ยวอะไรกับวันขึ้นปีใหม่
“พี่ วันขึ้นปีใหม่ไม่ควรใช้เงิน”
หวางจวนอธิบายอยู่ข้างๆ เฉินเยี่ยนค่อยเข้าใจ หมู่บ้านที่นี่จะไม่ใช้เงินในวันขึ้นปีใหม่ ไม่อย่างนั้นทั้งปีจะใช้เงินมากมาย ไม่มงคล แต่วันที่สองต้องไปบ้านตัวเอง ไปเยี่ยมญาติ แล้วถึงค่อยเริ่มใช้เงิน เฉินเยี่ยนไม่ค่อยเข้าใจประเพณีนี้ ดังนั้นเธอเลยไม่ถือ
เห็นสายตาซินห้าว เฉินเยี่ยนรู้ เขาก็แค่ใช้ข้ออ้างให้ตัวเองไม่ต้องคืนเงินเขา
“งั้นก็ได้ ครั้งหน้าแล้วกัน”
เฉินเยี่ยนคิดแล้วก็เก็บเงินกลับไป ในเมื่อตอนนี้ซินห้าวไม่ต้องการ ยังไงก็ต้องมีโอกาส ไม่จำเป็นต้องบังคับเขาตอนนี้ จะยิ่งแสดงถึงความไม่มีเหตุผล
เฉินเยี่ยนให้ซินห้าวนั่งรออยู่ในสนาม เธอและหวางจวนไปเตรียมกับข้าว
เพราะเป็นวันปีใหม่ บ้านส่วนใหญ่ปิดหมดเลย ดังนั้นเฉินเยี่ยนเลยรีบทำกับข้าวหกอย่าง น้ำแกงหนึ่งอย่าง
หวางนิวกลับมาก่อน กลับมาเห็นในสนามบ้านตัวเองมีผู้ชายยืนอยู่ก็ตกใจ พึมพำอยู่ในใจว่าใครกันหล่อขนาดนี้มาอยู่ในบ้านเธอ เธอถามซินห้าวว่าเป็นใคร เพราะเธอไม่รู้จัก
เฉินเยี่ยนออกมาแนะนำให้หวางนิว พอได้ยินว่าเขาคือซินห้าว หวางนิวก็ร้องด้วยความดีใจ พูดขอบคุณซินห้าวหลายครั้ง มองดูซินห้าวแล้วชอบใจ ขณะเดียวกันในใจก็เสียดาย ถ้าเป็นลูกเขยเธอก็ดี เสียดายลูกสาวเธอไม่คู่ควรกับเขา
เสียดายไป หวางนิวก็ออกมาเรียกเฉินจงกลับมา ที่บ้านมีคนมา สามีต้องกลับมาบ้านต้อนรับแขก ผ่านไปสักพักเฉินหู่ก็กลับมา เห็นซินห้าวก็ดีใจมาก พูดคุยกับซินห้าวมากมาย
ถึงแม้ซินห้าวจะดูเหมือนเข้ากับคนได้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักเข้าสังคม ไม่ว่าจะกับเฉินจง หวางนิว และเฉินหู่ เขาคุยได้หมด ไม่มีใครรู้สึกว่าเขาหยิ่งเลย
มานั่งที่โต๊ะ เห็นอาหารบนโต๊ะซินห้าวมองเฉินเยี่ยนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะมีฝีมือทำอาหารแบบนี้ อาหารนี่ดูดีกว่าในร้านอาหารอีก
ทุกคนกินกันไปพูดคุยกันไป ซินห้าวคิดในใจ มิน่าเฉินเยี่ยนถึงไม่ได้สนใจข้าวอบเนื้อแกะที่ร้านนั้น เทียบกับฝีมือทำอาหารของเธอ อาหารนี้มีรสชาติสีสันครบ อร่อยจริงๆ แต่ขณะเดียวกันเขาก็สงสัย ดูจากฐานะบ้านเฉินแล้ว เฉินเยี่ยนไปเรียนทำอาหารมาจากที่ไหน?
เฉินเยี่ยนหน้าตาดี แล้วยังมีความสามารถอีก ยอมลำบาก นิสัยก็ดี แล้วยังทำอาหารเก่งอีกด้วย ใครได้เธอไปเป็นภรรยา ช่างโชคดีจริงๆ
“อาห้าว กินเยอะหน่อย เยี่ยนจื่อทำอาหารอร่อยนะ ถือเสียว่าที่นี่เป็นบ้านเธอ ไม่ต้องเกรงใจ”
หวางนิวเห็นซินห้าวหยุดตะเกียบเหมือนกำลังคิดอะไร นึกว่าอีกฝ่ายเขิน เลยรีบเรียกให้ซินห้าวคีบกับข้าว
ซินห้าวขอบคุณ ไม่เหม่ออีก ตั้งใจกินข้าว
หลังกินข้าว เฉินจงและหวางนิวอยู่พูดคุยกับซินห้าว นานๆ ทีเฉินเยี่ยนจะแทรกขึ้นมาประโยคสองประโยค แต่ไม่พูดตามใจเหมือนเวลาคุยกันสองคน อย่างจะพูดอะไรก็พูด
ซินห้าวนั่งสักพักก็ลากลับ เดิมทีหวางนิวอยากจะให้เขาอยู่กิยข้าวเย็น แต่เดี๋ยวซินห้าวต้องกลับเข้าอำเภอแล้ว อยู่เย็นมากไม่ได้ เลยไม่ได้อยู่ต่อ
ที่หน้าประตู ซินห้าวขี่รถออกไปแล้ว ตอนที่กำลังจะเลี้ยวเขามองที่ประตูบ้านเฉินแวบหนึ่ง คนบ้านเฉินยังอยู่ที่ประตู เขามองเห็นชุดสีชมพูอ่อนนั้น สีชมพูนั้นเหมือนต้นดอกเหมยที่กำลังผลิบานในฤดูหนาว โชยกลิ่นหอมอ่อนๆ ภาพงดงามแบบนั้น ทำให้อดใจไม่ไหวอยากเข้าใกล้
เขาคิด สีชมพูหน้าหนาวนี้ได้หยุดอยู่ในใจเขาแล้ว ไม่ว่านานเท่าใดก็จะไม่จืดจาง
“เยี่ยนจื่อ ซินห้าวนี่ยังไม่ได้แต่งงานใช่ไหม?”
รอจนซินห้าวลับตาไปแล้ว หวางนิวดึงเฉินเยี่ยนเข้ามากระซิบถาม
“ยังไม่มีมั้ง หนูไม่ได้ถาม”
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า ก่อนหน้านี้ไม่เห็นซินห้าวพูด สองเดือนกว่านี้เธอไม่ได้เจอซินห้าว เธอไม่รู้จริงๆ ว่าซินห้าวมีคู่หมั้นหมายแล้วหรือยัง แล้วแม่มาถามแบบนี้หมายความว่ายังไง? หรือว่าคิดจะจับคู่ให้เธอกับซินห้าว?
“ถึงเวลาค่อยให้พ่อลูกไปสืบดู คราวหน้าถ้าซินห้าวยังมาอีก เรียกเสี่ยวเวยมาด้วยสิ ถึงแม้เสี่ยวเวยจะยังอายุน้อย แต่ก็ไม่ถือว่าเด็กแล้ว เธอเป็นเด็กดี หน้าตาก็ไม่แย่ ไม่แน่ว่า…”
หวางนิวพูดยังไม่ทันจบ สายตาเฉินเยี่ยนเย็นชาขึ้นมา เธอดึงแขนออกจากมือของหวางนิวแล้วพูดขึ้นมา “อย่าแม้แต่จะคิด!”
ท่าทางเฉินเยี่ยนเย็นชา เธอรู้ความตั้งใจของหวางนิว หวางนิวคิดว่าซินห้าวดี อยากจะได้ซินห้าวมาเป็นลูกเขย เธอไม่ได้คิดถึงเฉินเยี่ยน เพราะเฉินเยี่ยนมีชื่อเสียแบบนั้นอยู่ ดังนั้นคนที่ดีหน่อยจะไม่เลือกเฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนไม่โทษหวางนิว เพราะเธอรู้ว่าเป็นแบบนี้จริงๆ ชื่อเสียงสำคัญมาก สองเดือนนี้ เพราะว่าบ้านเฉินหาเงินได้แล้ว เลยมีคนมาคุยเรื่องแต่งงานไม่น้อย แต่คนที่มาสู่ขอไม่มีดีเลย ถึงแม้บ้านเธอหาเงินได้ แต่คนทั่วไปก็ยังถืออยู่ ไม่ยอมแต่งกับเธอ
ดังนั้นหวางนิวคิดว่าซินห้าวดี คิดว่าลูกสาวคนโตของตัวเองไม่คู่ควรกับเขา แต่หวางนิวไม่ควรเอาความตั้งใจนี้ให้กับเฉินเวย
เฉินเวยนั่นเป็นอะไร! เธอคู่ควรกับซินห้าวที่ไหน ให้เฉินเวยทำลายซินห้าว คิดถึงข้อนี้แล้วเฉินเยี่ยนก็รู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกโกรธแล้ว ดังนั้นเธอเลยพูดด้วยอารมณ์แบบนั้น
“ดูลูกสิ แม่ก็แค่พูด ไม่ได้ก็ไม่ได้ ลูกโกรธอะไร เสี่ยวเวยเป็นน้องสาวลูก ลูกไม่อยากให้เธอคบกับอวี๋เหวยหมิน อยากให้เธอแต่งงานกับคนดี ตอนนี้เจ้าหนูซินห้าวก็ดีขนาดนี้ แม่ก็แค่คิดเอง แม่รู้ว่าบ้านเราเทียบกับเขาไม่ได้ แม่ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง เอาล่ะ ไม่พูดแล้ว”
หวางนิวมองออกว่าลูกสาวโกรธ อาจจะเป็นเพราะลูกสาวก็มีใจให้เขาสินะ แต่ลูกสาวคนโตเคยหมั้นหมายมาก่อน เกิดเรื่องแบบนั้น แล้วยังถอนหมั้น บ้านห้าวต้องไม่ยอมแน่นอน ดังนั้นเธอเลยคิดถึงลูกสาวคนเล็ก ตอนนี้ลูกสาวคนโตเป็นแบบนี้ เธอเลยไม่พูดดีว่า จะได้ไม่ขัดแย้งกัน
—————-
ตอนที่ 112: เฉินเวยราวกับแมลงสาบ
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนสูดหายใจลึกทำให้ตัวเองสงบลง
“พ่อ แม่ ไม่ต้องพูดเรื่องซินห้าวกับเสี่ยวเวยนะ ซินห้าวไม่มีทางมีความเห็นเรื่องเสี่ยวเวย เรื่องงานแต่งเขามีพ่อแม่จัดการให้ อย่าทำให้เสี่ยวเวยมีความหวัง ไม่อย่างนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจะดูไม่ดี เขาเป็นเด็กดี อย่าเพียงเพราะช่วยเหลือพวกเรา จนสุดท้ายกลายเป็นศัตรูกัน”
เฉินเยี่ยนพูดให้หวางนิวฟังโดยเฉพาะ เธอจำเป็นต้องให้หวางนิวตัดใจ ดังนั้นเธอเลยพูดอย่างจริงจัง
“ใช่ๆ แม่ไม่พูดแล้ว ไม่พูดแน่นอน ดีไหม?”
หวางนิวรับปาก เธอก็คิดบ้าง แต่ลูกสาวพูดถูก ฐานะเขาดีขนาดนี้ จะมามองบ้านตัวเองได้ยังไง ตอนนี้เขาช่วยพวกเรา ถ้าผิดใจกันเพราะเรื่องนี้ก็ไม่ดี
เฉินจงไม่ใช่คนที่พูดมากอยู่แล้ว เฉินเยี่ยนค่อยวางใจ ขอแค่หวางนิวไม่พูด เฉินเวยก็จะยังไม่รู้เรื่องซินห้าวระยะหนึ่ง
ไม่โทษเฉินเยี่ยนที่เอาจริงเอาจังแบบนี้ เฉินเวยเป็นคนยังไง? เธอสามารถยั่วอวี๋เหวยหมิน แม้แต่เรื่องแบบนี้เธอยังทำได้ ยังจะมีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้อีก!
ถ้าให้เฉินเวยเจอซินห้าว เฉินเยี่ยนกล้ารับประกัน เฉินเวยต้องทิ้งอวี๋เหวยหมินไปยั่วซินห้าวแน่นอน เพราะไม่ว่าจะเป็นหน้าตาซินห้าวหรือฐานะทางบ้านของซินห้าวล้วนดีกว่าอวี๋เหวยหมินเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเองรู้จักซินห้าว อีกทั้งยังรู้สึกดีกับซินห้าว เฉินเวยต้องแย่งตัวเองแน่นอน ดังนั้นเธอไม่ยอมให้เฉินเวยได้รู้จักซินห้าว ถึงแม้เธอจะเชื่อมั่นซินห้าวก็ไม่ได้
ผ่านวันขึ้นปีใหม่เข้าวันที่สอง เฉินเวยมาที่บ้านโดยเฉินเยี่ยนยังไม่ได้ตอบตกลง เห็นเสื้อผ้าใหม่ที่ไม่เข้ากับยุคสมัยบนตัวเฉินเวย เฉินเยี่ยนเกือบหัวเราะออกมา
เฉินเวยสวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายตัวหนึ่ง เสื้อกันหนาวนี้ทำมาจากผ้าฝ้ายที่เฉินเวยซื้อให้หวางนิวตอนปีใหม่ ดังนั้นลายดอกไม้ที่ดูแก่แบบนั้น อายุอย่างหวางนิวใส่ไม่มีปัญหา แต่อายุวัยรุ่นอย่างเฉินเวยดูไม่เข้ากันเลย
ลายดอกไม่เพียงแต่แก่ อีกทั้งเสื้อกันหนาวยัดใยฝ้ายไว้เยอะ เลยดูหนา ดูอ้วนฉุมาก ท่อนล่างเป็นกางเกงผ้าฝ้ายสีดำ เท้าสวมรองเท้าหุ้มส้นผ้าฝ้ายสีดำ มองดูแล้ว เฉินเวยดูแก่กว่าอายุจริงหลายปีเลย แล้วก็ดูเชยเฉิ่มมาก
เฉินเวยนะเฉินเวย เธอก็มีวันนี้เหมือนกัน คิดถึงตอนที่อยู่ยุคปัจจุบัน เฉินเวยเป็นคนที่ทันสมัยมากที่สุด ทุกวันจะวิจารณ์ชุดของเฉินเยี่ยนว่าเชยบ้าง โบราณบ้าง บอกว่าเฉินเยี่ยนใช้เงินไม่เป็น บอกว่าเฉินเยี่ยนแต่งตัวไม่เป็น ตอนนี้เห็นแล้ว นี่คือเฉินเวยที่แต่งตัวทันสมัยหรือ? ถ้าไม่มองหน้า จะนึกว่าเป็นคุณป้า
“เสื้อกันหนาวนี้ลูกใส่ดูไม่ค่อยอ้วนเท่าไร ยังพอได้ วันนี้ใส่ชุดนี้แล้วกัน”
หวางนิวเห็นเฉินเวยแต่งตัวก็พยักหน้า
สีหน้าเฉินเวยเข้มเหมือนก้นหม้อ แต่ช่วยไม่ได้ เธอไม่มีชุดใหม่ จึงต้องใส่ชุดของหวางนิว ชุดแก่แบบนี้ เหมือนตัวแมลงสาบ แต่ถ้าเธอไม่ใส่ ใส่ของปีที่แล้ว ไม่เพียงแต่เล็กไป ไม่พอดีตัว ยังสกปรกมากอีกด้วย อากาศหนาว เธอขี้เกียจซัก จึงต้องใส่ชุดที่หวางนิวให้เธอมา
คิดถึงตรงนี้เธอจ้องมองเฉินเยี่ยนอย่างอาฆาต เฉินเยี่ยนได้ใส่เสื้อกันหนาวลายดอกเหมย ในสายตาเธอดูเชยมาก แต่สีสดใสแบบนี้ทำให้เฉินเยี่ยนดูมีชีวิตชีวา เหมือนหญิงสาววัยรุ่น ไม่เหมือนเธอที่สวมเสื้อกันหนาวเป็นคุณป้า เป็นเพราะเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนขี้งก ตัดชุดใหม่ให้เธอไม่กี่ชุดจะตายหรือไง
“แม่ พี่ใหญ่พาพี่สะใภ้กลับบ้านไปแล้ว ฝั่งนั้นเหลือหนูคนเดียว หนูตามพวกแม่ไปบ้านลุงด้วยนะคะ”
เฉินเวยบอกจุดประสงค์ที่เธอมา วันนี้ฝั่งนั้นเหลือเธอคนเดียว ถ้าไม่มานี่เธอจะหิวตาย
“ได้สิ”
หวางนิวพยักหน้า แล้วพูดขึ้นมาอีก “พี่ชายลูกกลับไปเอาของเป็นเพื่อนพี่สะใภ้หรือเปล่า? พี่ชายสีหน้ายังไง? เขายอมไปหรือเปล่า?”
“สีหน้าพี่ชายพอใช้ได้ พักนี้พี่สะใภ้ทำดีกับพี่ชายอยู่ พี่ชายไม่พูดเรื่องจะหย่ากับพี่สะใภ้อีกเลย”
เฉินเวยเข้าใจความหมายหวางนิว พูดจบเธอก็เหลือบมองเฉินเยี่ยน แววตาดูยั่วยุ เฉินเยี่ยนเธอเก่งมากเธอมีปัญญาคุมเฉินกุ้ยไหม? ตอนนี้เฉินกุ้ยไม่หย่ากับช่างเหลียนแล้ว ใครก็ทำอะไรไม่ได้ ขอแค่ช่างเหลียนได้อยู่บ้านนี้นานขึ้นอีกวัน ช่างเหลียนก็เกลียดเฉินเยี่ยนเพิ่มขึ้นอีกวัน เธอต้องตอบโต้เฉินเยี่ยนแน่
เธอเคยคุยเป็นการส่วนตัวกับช่างเหลียน เธอให้ช่างเหลียนทำดีกับเฉินกุ้ยก่อน ทำให้เฉินกุ้ยวางใจแล้วค่อยมาบอกฝั่งนี้ว่าเธอต้องการยาหาหมอเพื่อจะมีลูก นี่เป็นเรื่องใหญ่ เฉินจงกับหวางนิวไม่สนใจไม่ได้ เรื่องหาหมอหายาต้องใช้เงิน เงินจะมาจากไหน? สุดท้ายก็ต้องให้เฉินเยี่ยนออก
รอช่างเหลียนหายแล้ว ท้องได้จริงๆ บ้านนี้ก็จะไม่ใช่ของเฉินเยี่ยนอีกต่อไป ช่างเหลียนสามารถมีหน้ามีตาได้แล้ว ถึงเวลานั้นเธอจะทะเลาะกับเฉินเยี่ยน เฉินจงกับหวางนิวก็จะเข้าข้างเฉินกุ้ยกับช่างเหลียน
เฉินเยี่ยนทำงานลำบากเพื่อครอบครัว สุดท้ายเงินที่หามาได้ก็เป็นของบ้านเฉินอยู่ดี ไม่ใช่ของเฉินเยี่ยน ตอนที่เฉินเยี่ยนเสียใจ เธอจะให้อวี๋เหวยหมินหาผู้ชายที่หน้าตาไม่แย่แต่เป็นโรคให้เฉินเยี่ยนแต่งงานด้วย ชีวิตนี้ของเฉินเยี่ยนน่ะ ค่อยๆ ทุกข์ทรมานไปเถอะ ส่วนเธอกับอวี๋เหวยหมินจะดีวันดีคืน
เฉินเยี่ยนไม่แม้แต่จะมองเฉินเวย เธอรู้ความคิดเฉินเวย ขี้เกียจจะสนใจเธอ
“เฮ้อ”
หวางนิวถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรอีก
“แม่ หนูไม่ไปแล้วนะคะ พวกเราไปกันเยอะแบบนี้ ถึงแม้คุณอาจะไม่พูด แต่คงไม่ชอบใจ เวลากินข้าวก็นั่งกันไม่พอแล้ว หนูกับจวนเอ๋อร์อยู่บ้านนะคะ”
เฉินเยี่ยนเห็นเฉินเวยจะไป เธอเลยไม่ไป และเธอก็ขี้เกียจไปเยี่ยมญาติด้วย หลังกลับมาเกิดใหม่ เธอยังไม่ได้ไปบ้านลุงเลย
หวางนิวเห็นเฉินเยี่ยนไม่อยากไปจริงๆ ก็รู้ว่าเฉินเยี่ยนพูดความจริง การไม่เยี่ยมญาติไม่จำเป็นต้องไปทุกคนก็ได้ เธอเลยตกลง
ที่บ้านเหลือเฉินเยี่ยนและหวางจวน จะกินอะไรก็มี งานก็ไม่ต้องทำ ทั้งสองคนรู้สึกผ่อนคลาย
จนตอนบ่าย ไปเยี่ยมญาติกลับมา เฉินจงและเฉินหู่ไม่ได้กลับมาบ้าน เฉินจงไปเยี่ยมบ้านคนอื่น เฉินหู่เจอเพื่อนระหว่างทาง เลยไปเล่นกับเพื่อน ไปอวดว่าใครได้เงินอั่งเปามากกว่ากัน
สีหน้าเฉินเวยดูไม่ค่อยดี ดูท่าทางแล้วเหมือนโดนรังแกมา เฉินเยี่ยนก็ไม่อยากจะถาม
“เฮ้อ ลูกว่าถ้าพี่ชายลูกเลิกกับช่างเหลียนก่อนปีใหม่จะดีแค่ไหนนะ”
ฝั่งหวางนิวถือของที่หิ้วกลับมาจากบ้านตัวเองไป ก็กระซิบพูดกับเฉินเยี่ยนไปด้วย
“ทำไมคะ?”
เฉินเยี่ยนถาม เรื่องเฉินกุ้ยหย่ากับช่างเหลียน ที่จริงหวางนิวไม่เห็นด้วยมาตลอด ทำไมวันนี้ถึงได้เสียดาย
“วันนี้อาของลูกแนะนำผู้หญิงคนหนึ่งให้พี่ชาย เป็นคนหมู่บ้านข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว หน้าตาก็ไม่แย่ มีความสามารถ พ่อเธอเสียตั้งแต่เด็ก แม่เธออาศัยเธอถึงอยู่ได้ เพราะว่าพี่น้องเยอะ เธอเลยอยากจะแต่งงานช้าหน่อย ตอนนี้เธอมีน้องชายคนหนึ่งอายุสิบแปด บอกว่าจะแต่งงานแล้ว น้องสาวอายุสิบเจ็ด ก็บอกว่าควรแต่งได้แล้ว เธอต้องแต่งก่อน ให้ที่ดินที่บ้าน แม่เธอก็ไม่ได้หวังจะให้เธอหาผู้ชายที่อายุมากกว่า ขอแค่เป็นคนดี ผู้ชายมีจิตใจดีก็พอแล้ว อาลูกคิดว่าพี่ชายลูกไม่เลวเลย เลยเอาพี่ชายไปบอกเขาแล้ว แต่ตอนนี้พี่ชายไม่อยากจะหย่ากับช่างเหลียนแล้ว แม่เลยบอกอาลูก อาลูกว่าแม่ใหญ่ บอกว่าคุยเรื่องนี้กับฝ่ายหญิงไปแล้ว ปรากฏว่าฝั่งเราไม่หย่า เธอไม่รู้จะไปตอบเขายังไง เลยว่าแม่เป็นชุด”
หวางนิวถอนหายใจแล้วเล่าเรื่องราวให้เฉินเยี่ยนฟัง
—————–
ตอนที่ 114: ขโมยเงิน
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนฟังหวางนิวเล่าแล้วไม่ได้พูดอะไร คุณอาตัวเองใจร้อนไปจริงๆ ฝั่งนี้ยังไม่ทันได้หย่าเลย ฝั่งนั้นก็หาครอบครัวใหม่ให้แล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าฝ่ายหญิงฝั่งนั้นเป็นยังไง แต่ฟังดูแล้วอีกฝ่ายดูยินยอม
แต่ว่าตอนนี้เป็นอย่างที่หวางนิวว่า เฉินกุ้ยไม่ยืนหยัดที่จะหย่าแล้ว เธอและคนที่นี่ก็ไม่สามารถที่จะบังคับให้เฉินกุ้ยหย่า
“แล้วเฉินเวยล่ะ? เธอเป็นอะไรอีก?”
เฉินเวยไม่พูดเรื่องเฉินกุ้ยแล้ว เธอมีแผนในใจ
“จะอะไรก็ชุนฮวาว่าเธอสิ บอกว่าเสื้อกันหนาวเธอไม่เข้ากัน ดูแล้วเหมือนคุณป้าใส่ เสี่ยวเวยได้ยินก็เสียใจ ลูกก็เหมือนกัน ปีใหม่ตัดเสื้อกันหนาวชุดใหม่ให้เสี่ยวเวยหน่อยจะเป็นไรไป? ถ้าเสี่ยวเวยมีชุดใหม่ วันนี้เธอก็ไม่โดนชุนฮวาว่าหรอก ระหว่างกลับบ้านเสี่ยวเวยเสียใจจนตาแดงไปหมดแล้ว ต่อไปลูกไม่ต้องตัดชุดใหม่ให้แม่แล้ว เอาของแม่ไปให้เสี่ยวเวย”
พูดขึ้นมาหวางนิวรู้สึกไม่ค่อยพอใจลูกสาวคนโต รู้สึกว่าลูกสาวคนโตโหดร้ายกับลูกสาวคนเล็กไป พวกเธอเป็นพี่น้องกัน ไม่ควรแค้นกันแบบนี้
เฉินเยี่ยนรู้ว่าชุนฮวาที่หวางนิวพูดถึงคือลูกน้องผู้หญิงบ้านคุณลุง คือคนที่เคยแกล้งเจ้าของร่างเดิม คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เธอออกโรงมาหัวเราะเยาะเฉินเวย ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ชุนฮวารูปร่างเตี้ยมาก สูงประมาณ 150 เซนติเมตร หน้าตาก็ไม่สวย แต่เธอมีความมั่นใจตัวเองสูงมาก คิดว่าเธอเก่งกาจ ไม่เห็นใครในสายตา เธอไม่เข้าใจว่าชุนฮวาเอาความมั่นใจมาจากไหน ส่วนหวางนิวพูดเรื่องอื่น เฉินเยี่ยนไม่สนใจ หวางนิวเป็นแม่ เธอเป็นห่วงเฉินเวยก็เป็นเรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวกับตัวเอง
วันเวลาผ่านไป พริบตาเดียวก็วันที่สิบห้าแล้ว
วันที่สิบห้าเป็นเทศกาลโคมลอย เฉินจงทำโคมอันใหญ่ให้เฉินหู่ล่วงหน้า โคมทำมาจากเส้นเหล็กดัด ด้านนอกปะกระดาษ เฉินเยี่ยนยังวาดรูปด้านบนให้ ดูไปก็ไม่แย่เท่าไร ข้างในใส่ชามใบเล็ก ในชามใส่น้ำมัน มีไส้ตะเกียง พอจุดก็สว่าง โคมไฟส่องแสงสว่าง ถึงแม้จะไม่สว่างสดใส แต่ดูสลัว ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ตอนบ่ายเฉินจงสลักโคมไฟจากไชเท้าหลายอัน จะเอาไปไว้ในสุสาน ต้องมีวางไว้ที่หน้าสุสานบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว นอกจากนั้นหน้าประตูทุกบานในบ้านต้องวางโคมไฟไชเท้าเช่นเดียวกัน วางสองอันไว้หน้าประตู ต้องให้คอยสว่างอยู่ตลอด ไม่ให้ดับ หมายความว่าจะดี
เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าน่าสนใจ เลยลงมือสลักโคมไฟไชเท้าบ้าง แล้วยังใช้มีดสลักลายดอกไม้ลงไปด้วย แต่เพราะว่าเธอไม่ได้เรียนมา สลักออกมาเลยไม่สวย แต่เฉินหู่ชอบมาก หยิบไชเท้าที่เฉินเยี่ยนสลักดอกไม้ได้ครึ่งหนึ่งวิ่งออกไปอวดเพื่อน
“พี่ ฉันเห็นพี่สะใภ้ออกมาจากห้องเรา ดูท่าทางลุกลี้ลุกลน ประตูก็ไม่ได้ปิดดี วันนี้พี่ลืมใส่กุญแจ”
ตอนที่เฉินเยี่ยนกำลังหยิบไชเท้าอีกลูกหนึ่งขึ้นมา หวางจวนมากระซิบบอกข้างเธอ
มือเฉินเยี่ยนหยุดชะงัก วันนี้วันที่สิบห้า มีเทศกาล ดังนั้นเฉินกุ้ย ช่างเหลียนและเฉินเวยมาที่นี่กินข้าวเย็นถึงค่อยกลับ ปกติเวลาที่พวกเขามาเฉินเยี่ยนจะล็อคประตูห้องที่เธออยู่ เพราะข้างในมีเงิน มีไปป์บุหรี่ เธอไม่อยากให้เฉินเวยและช่างเหลียนเห็น
เมื่อกี้เฉินเยี่ยนเข้าไปในห้อง ตอนที่ออกมาเธอแค่ปิดประตูห้อง ไม่ได้ล็อค ส่วนช่างเหลียนเข้าไปในห้องเธอหลังเธอออกไป
สีหน้าเฉินเยี่ยนดูเย็นชา เธอวางไชเท้าและมีดในมือลุกขึ้นกลับไปที่ห้องเธอ
เธอมองเตียง หมอนโดนย้ายที่ เงินที่เธอวางไว้ใต้หมอนไม่อยู่แล้วจริงๆ
เฉินเยี่ยนเข้าไปในบ้าน หวางนิว เฉินกุ้ย เฉินเวย ช่างเหลียน อยู่ในบ้านทั้งหมด
“พี่สะใภ้”
เฉินเยี่ยนตะโกนเรียก
“หา มีอะไร”
ช่างเหลียนกำลังยกชามขึ้นดื่มน้ำ อาจจะเป็นเพราะรู้สึกผิด เธอได้ยินเฉินเยี่ยนตะโกน ชามในมือเธอหล่นลงไปที่พื้น เสียงแตกดังเพล้ง ชามตกแตกแล้ว คนในบ้านต่างมองไปที่ช่างเหลียน
“เธออยากจะทำให้ฉันตกใจตายหรือไง ฉันไม่ได้หูหนวก ร้องเสียงดังทำไม ดูสิ ชามแตกหมดเลย”
ช่างเหลียนไม่รับผิดแล้วยังโยนความผิด โทษว่าเฉินเยี่ยนเสียงดัง
“พี่สะใภ้ไปห้องฉันมาเหรอ?”
เฉินเยี่ยนไม่สนใจคำพูดเธอ แต่ถามเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เปล่า ฉันไปห้องเธอที่ไหน ห้องเธอล็อคอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ? ทำเหมือนจะป้องกันขโมย ฉันไม่เข้าใจเลย คนในครอบครัวทั้งนั้น ใครจะมาขโมยของเธอได้ ล็อคประตูอยู่ทั้งวัน”
ช่างเหลียนเบะปาก แต่ฟังจากเสียงแล้วดูออกว่าไม่มั่นใจ
“เยี่ยนจื่อ? เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
หวางนิวมองออกว่าผิดปกติ
“ก่อนหน้านี้หนูลืมล็อคประตู เมื่อกี้เห็นพี่สะใภ้ออกมาจากห้องหนู หนูเข้าไปดูก็เห็นว่าเงินที่หนูวางไว้ใต้หมอนหายไปแล้ว”
เฉินเยี่ยนพูดจบก็เหลือบมองช่างเหลียน ช่างเหลียนหันหน้าไปไม่กล้าสบตาเฉินเยี่ยน
“เท่าไรล่ะ? ทำไมหายไป? ลูกหาดีหรือยัง?”
หวางนิวร้อนรนขึ้นมา
สีหน้าเฉินกุ้ยดูไม่ดีเลย เขาก็มองช่างเหลียน
“มองฉันทำไม ฉันไม่ได้เอาไปสักหน่อย ฉันไม่ได้เข้าไปในห้องเธอ!”
ช่างเหลียนถูกมองจนอึดอัด พูดเสียงดัง แต่สีหน้าดูไม่มั่นใจ
“สิบแปดเหรียญเจ็ดสิบสองสตางค์ นี่เป็นเงินที่สองวันนี้หนูเตรียมจะไปซื้อกระดาษ หนูหาแล้ว ไม่เจอเลย มีพี่สะใภ้ที่เข้ามาในห้อง”
เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดว่าช่างเหลียนขโมย ดูท่าทางก็ชัดเจนมากแล้ว คนในบ้านก็มองไปที่ช่างเหลียน
“ฉันไม่ได้เอาไปจริงๆ ฉันไม่ได้ไปห้องเธอ พวกเธอทำอะไรกัน เห็นฉันเป็นขโมยหรือไง ทำไมพวกเธอมาแกล้งฉันแบบนี้ ฉันไม่อยู่แล้ว ฉันจะกลับ”
ช่างเหลียนสีหน้าโกรธ ลุกขึ้นยืนจะออกไปข้างนอก
ไม่ทันที่เฉินเยี่ยนจะขยับเลย เฉินกุ้ยรั้งเธอไว้ ถามหน้าเครียด “คุณบอกมา คุณได้เข้าไปในห้องเยี่ยนจื่อไหม เงินนี่คุณเอาไปหรือเปล่า?”
“ฉันไม่ได้เอาไป! คุณก็ไม่เชื่อฉัน ฉันเป็นภรรยาคุณนะ ทำไมคุณถึงเชื่อสิ่งที่เธอพูด ฉันไม่ได้เอาไป พูดร้องรอบฉันก็ไม่ได้เอาไป!”
ช่างเหลียนตะโกนเสียงดังใส่เฉินกุ้ย เหมือนเสียงยิ่งดัง ก็ดูเธอยิ่งมีเหตุผล ยิ่งไม่มีความผิด
เฉินกุ้ยมองเฉินเยี่ยน
“พี่ใหญ่ ในบ้านก็มีแค่ไม่กี่คน ไม่มีคนนอกเข้ามา เงินก็นับไว้แล้ว แล้วฉันก็เห็นพี่สะใภ้ออกมาจากห้องฉัน พี่สะใภ้เอาหรือไม่ได้เอาไป ดูกระเป๋าเธอก็รู้แล้ว ถ้าพี่สะใภ้ไม่ได้เอาไป ฉันก็จะขอโทษเธอ ถ้าเอาไป ก็ขอให้พี่สะใภ้อธิบายฉันด้วย”
เฉินเยี่ยนมองเฉินกุ้ย ในใจเธอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าช่างเหลียนเอาไป เพราะวันนี้เธอตั้งใจไม่ล็อคประตู แล้วเธอก็ตั้งใจให้ช่างเหลียนเห็นเธอนับเงินอยู่ในห้อง เห็นเธอเอาเงินวางไว้ใต้หมอน จนเธอออกมา ช่างเหลียนแอบเข้าไป ส่วนเงินเธอก็หายไปแล้ว เงินนี่ช่างเหลียนเอาไปแน่นอน ส่วนที่เฉินเยี่ยนทำแบบนี้นั้น ก็เพื่อจะให้โอกาสช่างเหลียน เธออยากจะดูว่าช่างเหลียนจะเอาเงินไปหรือเปล่า ถ้าเอาไป ก็หมายความว่าช่างเหลียนไม่ได้ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเลย คนแบบนี้อยู่บ้านเฉิน มีแต่จะทำให้เดือดร้อน ถ้าช่างเหลียนไม่ได้เอาไป แปลว่าเธอปรับปรุงตัวแล้วจริงๆ ก็สามารถอยู่กับเฉินกุ้ยได้อย่างสบายใจ เฉินเยี่ยนก็จะไม่เข้าไปยุ่งแล้ว ยังไงไม่ช้าก็เร็วเธอต้องแต่งงานอยู่ดี เฉินกุ้ยเป็นคนที่ใช้ชีวิตด้วย
ส่วนที่เธอเลือกวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ที่พรรคและอำเภอเริ่มทำงานกันแล้ว ถ้าจะหย่าก็สามารถไปได้เลย
———–
ตอนที่ 115: หมดใจแล้ว
โดย
Ink Stone_Romance
ช่างเหลียนได้ยินเฉินเยี่ยนพูดถึงกระเป๋า เธอรีบปิดบังส่วนเอวเธอไว้ จนเธอรู้สึกตัว เธอก็รีบปล่อยมือ ตะโกนเสียงดัง “ฉันไม่ได้เอาไป พวกเธอปรักปรำฉัน ฉันไม่อยู่แล้ว ฉันจะกลับบ้านแม่!”
ตอนนี้ทุกคนไม่ค่อยเข้าใจ
สีหน้าเฉินกุ้ยเขียว มือหนึ่งดึงช่างเหลียนไว้ อีกมือหนึ่งดึงเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายเข้ามา จะล้วงที่เอวช่างเหลียน
ช่างเหลียนไม่ปล่อย ขัดขืนเฉินกุ้ย แต่เธอถ้าจะตีจริงๆ เธอเป็นคู่ปรับกับเฉินกุ้ยเสียที่ไหน จนเฉินกุ้ยล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าตรงเอวออกมา เห็นเงินในผ้าเช็ดหน้าเฉินกุ้ยโกรธจนตัวสั่น ลุกขึ้นมา
“นี่เงินของฉัน เงินที่แม่ให้ฉัน ให้ฉันเอาไปซื้อยา นี่ไม่ใช่ของเฉินเยี่ยน ฉันไม่ได้เอาเงินเธอไปจริงๆ พวกคุณปรักปรำฉัน”
หวางนิวโกรธแทบตาย ลูกสะใภ้มาขโมยเงิน ครอบครัวนี้ไม่ใช่ว่าเลี้ยงขโมยอยู่เหรอ? แม่จะเข้าไป เฉินกุ้ยไม่ได้ห้าม มือเขาลองเขย่านับดู เงินในผ้าเช็ดหน้าไม่มากไม่น้อย สิบแปดเหรียญเจ็ดสิบสองสตางค์พอดี
“เธอใส่ร้ายฉัน เฉินเยี่ยนเธอมันน่าไม่อาย คนอย่างเธอไม่มีใครต้องการ เธอใส่ร้ายฉัน ไม่ตายดีแน่”
ช่างเหลียนรู้ว่าเรื่องแดงแล้ว เธอไม่สามารถแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ได้อีก แต่เธอไม่คิดว่าเธอผิด กลับยังด่าเฉินเยี่ยนอยู่
หวางนิวจะเข้าไปด่าช่างเหลียน แต่เฉินจงเข้ามาในบ้านดึงเธอไว้ ตอนนี้ด่าอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้เรื่องนี้จำเป็นต้องคุยให้รู้เรื่อง
ลูกสะใภ้ที่เป็นขโมยใช้ไม่ได้ ถ้าลูกชายยังไม่ยอมตัดสินใจหย่ากับช่างเหลียน งั้นเขาจะคุยกับเฉินกุ้ยให้ชัดเจน ต่อไปนี้จะตัดขาดกับฝั่งนั้นโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่เขาไม่รักลูกชาย แต่ลูกสะใภ้แบบนี้ใครจะรู้วันหลังจะก่อเรื่องอะไรอีก พวกเขาบ้านเฉินไม่เคยมีคนนิสัยแบบนี้
“ทำไม?”
เฉินกุ้ยถามช่างเหลียน แววตาเย็นชาและผิดหวัง พักหลังนี้ช่างเหลียนปฏิบัติกับเขาดี ดังนั้นเขาจึงคิดว่าถ้าช่างเหลียนสามารถทำแบบนี้ต่อไปได้ ก็ไม่ต้องหย่าแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าช่างเหลียนไม่ได้เปลี่ยนตัวเองเลย ยังกลับขโมยเงินอีก นี่เป็นนิสัยส่วนบุคคล คนบ้านเฉินมีแต่คนจิตใจดีและซื่อตรง ช่างเหลียนกลับมาเป็นขโมย เฉินกุ้ยไม่อยากคิดว่าถ้ามีคนรู้ บ้านเฉินจะทำตัวยังไง
“ทำไมอะไร? เป็นเพราะนังหน้าด้านเฉินเยี่ยนทำร้ายฉัน ฉันเอาเงินมาแล้วจะทำไม? เงินนี่ฉันก็มีส่วนแบ่ง! เธอหาเงินได้มากขนาดนี้ ทำไมไม่ให้ฉัน? คุณอายุมากกว่า เงินนี่ก็ควรเป็นของเรา ฉันเอามาไม่ถึงยี่สิบเอง เธอควรจะให้พวกเราอีกห้าสิบ ฉันไม่สน ถ้าวันนี้เฉินเยี่ยนไม่เอาเงินให้ฉัน ฉันจะไม่ยอมจบเรื่องนี้”
ไหนๆ แล้วช่างเหลียนเลยยอมรับไปเลย ในเมื่อกระชากหน้ากากออกมาแล้ว เธอก็ไม่เสแสร้งแล้ว ยังไงเฉินกุ้ยก็ไม่เลิกกับเธอ เธอเอาเงินมา อย่างมากก็แค่เอาใจเฉินกุ้ยไม่กี่วันก็ได้แล้ว
“เยี่ยนจื่อ เงินนี่ถือว่าพี่ขอยืมเธอก่อนได้ไหม?”
เฉินกุ้ยมองช่างเหลียนอยู่นาน เขาไม่พูดกับช่างเหลียนแล้ว แต่พูดกับเฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนมองออกว่าเฉินกุ้ยผิดหวัง เธอพยักหน้าให้เฉินกุ้ย
“ยืมอะไร? เงินนี่ควรเป็นของเราอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคุณขี้ขลาด ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ลำเอียง เงินนี่ก็เป็นของพวกเรานานแล้ว อีกหน่อยพวกเราจะกินข้าวที่นี่ ฝั่งนั้นไม่ทำกับข้าวแล้ว เฉินเยี่ยนเธอต้องเอาเงินมาให้ฉัน ฉันต้องซื้อยาบำรุงร่างกาย ฉันเป็นสะใภ้ใหญ่ของบ้านนี้ อีกหน่อยฉันจะเป็นผู้นำครอบครัว”
ช่างเหลียนเบะปาก หลายวันนี้แกล้งทำเป็นคนดีเธอแกล้งจนเหนื่อย เวลานี้ได้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง เธอคิดดีแล้ว เธอจะเป็นหัวหน้าครอบครัวเฉิน เหมือนเมื่อก่อน
“พวกเรายังไม่ตายนะ เธอคิดจะเป็นหัวหน้าครอบครัว ฝันไปเถอะ!”
หวางนิวโกรธจนทนไม่ไหวแล้ว อุทานใส่ช่างเหลียน
เฉินกุ้ยไม่พูดอะไร เอาเงินยัดให้ช่างเหลียน
“เงินนี่ให้คุณ พรุ่งนี้พวกเราไปยืนยันกับพรรค ไปอำเภอดำเนินเรื่อง ผมจะส่งคุณกลับบ้าน”
ประโยคนี้ของเฉินกุ้ยพูดออกมาต้องใช้พลังมหาศาล เขารู้สึกเสียใจในใจเขาโหวงๆ แต่ก็มีความรู้สึกโล่งใจอยู่
“คุณ! คุณพูดอะไร! คุณจะไม่อยู่กับฉันแล้วหรือ? เฉินกุ้ย ฉันทำอะไรผิดอีก คุณถือดียังไงไม่ต้องการฉัน ฉันทำเพื่อคุณนะ!”
ช่างเหลียนอึ้งไป เธอคิดว่าที่เธอขโมยเงินเฉินเยี่ยนไปไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเลย ไม่ใช่เรื่องผิด เธอยังคิดจะเอาสิทธิ์ควบคุมทรัพย์สินในบ้านมาอีกด้วย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินกุ้ยถึงทำแบบนี้กับเธอ
“ช่างเหลียน ตอนแรกคุณแต่งงานกับผม ผมรู้สึกชอบ ถึงแม้ตอนหลังคุณจะไม่ทำอะไรเลย มีนิสัยเสียอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็ไม่เคยคิดว่าไม่ต้องการคุณ คุณเป็นภรรยาผม ชีวิตนี้ผมจะดีกับคุณ แต่ชีวิตแบบนี้อยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมคนนี้ไม่มีตัวตนแล้ว ผมไม่ขออะไรมาก ขอแค่กลับมาจากทำงานที่นาข้างนอก กลับบ้านมามีข้าวกิน กลางคืนมีภรรยาคอยอุ่นที่นอนให้ ขอแค่ภรรยาไม่หาเรื่องทะเลาะ ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุข ให้ผมทำอะไรผมก็ทำทั้งนั้น ผมคิดว่าคุณเปลี่ยนตัวเองแล้ว คิดว่าเป็นแบบนี้ก็แล้วกันไป แต่คุณไม่เลย ผมรู้ คุณดูถูกบ้านผม คุณดูถูกผมมาแต่แรก คุณไม่ต้องลำบาก ผมก็ไม่อยากอยู่แบบนี้ต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะโสดไปทั้งชีวิต ผมก็ไม่ต้องหาภรรยาแบบคุณแล้ว”
เฉินกุ้ยพูดตรงมาก นี่คือความคิดในใจเขาจริงๆ
หวางนิวดึงแขนเสื้อเฉินจงมาเช็ดน้ำตา ครอบครัวสามัคคีกันก็พากันรุ่งเรือง ใครไม่อยากจะให้ครอบครัวตัวเองสามัคคีกลมเกลียวกัน แต่ที่บ้านมีลูกสะใภ้แบบนี้ ชีวิตจะไปมีความสุขได้ยังไง
เฉินเยี่ยนหลุบตาลง คำพูดเฉินกุ้ยทำให้เธอรู้สึกเสียใจ เรื่องวันนี้ถึงแม้เธอจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เธอก็แค่อยากให้เฉินกุ้ยเลิกกับช่างเหลียนเร็วขึ้น ถึงไม่มีเรื่องวันนี้ ช้าเร็วช่างเหลียนกับเฉินกุ้ยก็ต้องเลิกกันอยู่ดี เพราะอย่างที่เฉินกุ้ยว่า เขาแค่อยากจะมีชีวิตที่สงบสุข ต้องการภรรยาที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ ความต้องการง่ายๆ แค่นี้ แต่ช่างเหลียนก็ให้เขาไม่ได้
ใจช่างเหลียนไม่เคยอยู่ที่เฉินกุ้ยเลย เธอแค่อยู่ไปเรื่อยๆ ยิ่งทียิ่งทำให้บ้านเฉินขัดแย้งกันมากขึ้น สู้ให้เฉินกุ้ยเห็นธาตุแท้ของช่างเหลียนเร็วหน่อย รู้ว่าเธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ เลิกกันเร็วยิ่งดี
แน่นอนช่างเหลียนไม่ยอม เธอร้องไห้โวยวายใหญ่ ทำอยู่นานมาก แต่เฉินกุ้ยใจตายด้านไปแล้ว และใจแข็งด้วย ไม่ว่าช่างเหลียนจะทำยังไงเขาก็จะไม่เปลี่ยนใจ
ช่างเหลียนและเฉินกุ้ยไปแล้ว ตอนที่ไปช่างเหลียนยังหยิบเงินสิบแปดเหรียญเจ็ดสิบสองสตางค์ที่เธอขโมยเฉินเยี่ยนขึ้นมาจากพื้นเอาไปด้วย เธอดูเห็นแก่เงินมาก
เฉินเวยมองเฉินเยี่ยน เธอรู้ว่าเรื่องวันนี้ต้องเป็นแผนของเฉินเยี่ยนแน่นอน ไม่อย่างนั้นทำไมเฉินเยี่ยนถึงบังเอิญไม่ล็อคประตู แล้วช่างเหลียนก็เข้าไปขโมยเงินเฉินเยี่ยนพอดี? แต่เธอพูดแทนช่างเหลียนไม่ได้ เพราะช่างเหลียนขโมยเงินไปจริง ช่างเหลียนนี่ก็โง่เหลือเกิน มาขโมยเงินตอนนี้ได้ยังไง? บอกเธอไปแล้ว หลายวันนี้ต้องทำตัวมีคุณธรรม นี่มาตายน้ำตื้น เฉินเวยถอนหายใจออกมา เธอก็จะกลับแล้ว
คืนวันที่สิบห้า มีเพียงเฉินหู่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรถือโคมไปออกไปเล่นกับเพื่อนในหมู่บ้าน แล้วโคมไชเท้าที่สนามบ้านเฉินส่องแสงสว่างระยิบระยับอยู่ คืนนี้ไม่มีใครนอนหลับสนิทเลย
—————
ตอนที่ 116: ความคิดของเฉินเวย
โดย
Ink Stone_Romance
วันรุ่งขึ้นหวางนิวกินข้าวเช้าแล้วก็ออกไปเลย เฉินเยี่ยนรู้ เธอไปหาเฉินกุ้ยและช่างเหลียนที่ฝั่งนั้น อยากจะรู้ว่าเฉินกุ้ยและช่างเหลียนจะไปหย่ากัน หรือทะเลาะกันอยู่ที่บ้าน
เฉินเยี่ยนก็อยากรู้ แต่เธอไม่ได้ออกไป เธออยู่ที่บ้านรอฟังข่าว สิ่งที่ควรทำเธอทำไปหมดแล้ว ต่อไปก็คือการตัดสินใจของเฉินกุ้ย ถ้าครั้งนี้เฉินกุ้ยไม่หย่า เกรงว่าอีกหน่อยเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ยากที่จะหย่าแล้ว เธอรู้สถานการณ์ดี คิดวางแผนในใจ จะต่อกรกับฝ่ายนั้นยังไง
ตอนเที่ยงหวางนิวกลับมาบอกว่าเฉินกุ้ยพาช่างเหลียนไปที่พรรคแต่เช้า ช่างเหลียนไม่ยอม ด่าเฉินกุ้ยไปตลอดทาง แต่เฉินกุ้ยลากช่างเหลียนไปไม่พูดไม่จาสักคำ สุดท้ายที่พรรคออกใบรับรองให้ เฉินกุ้ยลากช่างเหลียนไปทิ่อำเภออีกรอบ คนในหมู่บ้านมากมายถามกันว่าบ้านหวางนิวเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ต้องการลูกสะใภ้แล้ว หรือว่าตอนนี้ที่บ้านฐานะดีแล้ว เลยอยากจะเปลี่ยนลูกสะใภ้ แล้วยังมีพูดว่าเป็นเพราะหวางจวน บอกว่าบ้านเฉินรับหวางจวนเข้ามาอยู่ในบ้าน เตรียมจะหาลูกสะใภ้คนเล็กให้เฉินกุ้ยหรือเปล่า บางคนก็บอกว่าซี้ซั้วพูด บอกว่าเฉินกุ้ยและหวางนิวมีอะไร ให้ช่างเหลียนเห็นแล้วก็ทะเลาะขึ้นมา ดังนั้นบ้านเฉินก็ไม่ต้องการช่างเหลียนแล้ว
คำพูดนินทาอะไรมีมาหมด แน่นอน คำพูดนี้หวางนิวจะไม่พูดกับหวางจวน
แต่หวางนิวโกรธมาก รู้สึกว่าคนในหมู่บ้านพูดจาแย่มาก แต่เธอก็ไม่สามารถอธิบายได้ จะพูดอะไรได้? บอกว่าก่อนช่างเหลียนแต่งงานก็เคยผ่านผู้ชายมาแล้ว ท้องมาก่อน? ส่วนเฉินกุ้ยอีกหน่อยก็อย่าคิดจะเงยหน้าขึ้นมองในหมู่บ้านได้เลย
บอกว่าช่างเหลียนขโมยเงินในบ้าน? ในบ้านมีขโมย ชื่อเสียงบ้านเฉินของพวกเขาจะดีได้ยังไง? ดังนั้นต่อให้เธอทุกข์ใจแค่ไหนก็ไม่พูด
ตอนบ่ายเฉินเวยวิ่งเข้ามาบอกว่าเฉินกุ้ยกลับมาแล้ว พอกลับมาก็ล้มลงนอนบนเตียงเลย พอถามเขา เขาบอกแค่ว่าจัดการเรื่องช่างเหลียนเสร็จแล้ว เขาไปส่งช่างเหลียนกลับบ้าน ต่อจากนี้ช่างเหลียนไม่ใช่ภรรยาของเขาแล้ว ใบหน้าเขายังมีแผล เหมือนตอนคนตีมา แต่ว่าเฉินกุ้ยไม่ได้พูดเรื่องโดนตี แค่นอนอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อน ดูแล้วน่าตกใจ
เฉินจงและหวางนิวตามเฉินเวยไปปลอบเฉินกุ้ย ถึงตอนเย็น เฉินกุ้ยและเฉินเวยมากินข้าวเย็น เฉินเยี่ยนเห็นเฉินกุ้ยถึงแม้จะดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา แต่ก็ไม่ได้เศร้าซึม เธอเลยวางใจได้ ตอนนี้ในใจเฉินกุ้ยย่อมเสียใจอยู่แล้ว แต่ก็จะค่อยๆ ดีขึ้น
วันต่อมาคนบ้านช่างมาโวยวาย บอกว่าช่างเหลียนแต่งงานมาบ้านเฉินสามปี บ้านเฉินบอกไม่ต้องการก็ทิ้งเธอเลย ไม่มีเหตุผล ต้องการให้บ้านเฉินชดใช้
บ้านช่างต้องการเงินฝั่งนี้ แต่แยกบ้านกันแล้ว เฉินเยี่ยนไม่มีทางให้พวกเขา สุดท้ายบ้านช่างเลยเอาผ้าห่ม ที่นอน ผัก ขอแค่ฝั่งนั้นมีอะไร พวกเขาก็เอาไปหมด
ตอนแรกเฉินเยี่ยนจะออกหน้า แต่เฉินกุ้ยห้ามไว้ไม่ให้เธอไปที่นั่น บอกว่าพวกเขาต้องการก็ให้เขาไป พวกเขาไปแล้ว ตั้งแต่นี้เขากับบ้านช่างไม่มีอะไรต่อกันแล้ว สิ้นสุดกับช่างเหลียน เฉินเยี่ยนเป็นผู้หญิง ไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นจะเสียชื่อเสียง
ถ้าแบบนี้แล้วจะทำให้เฉินกุ้ยสบายใจ ก็ให้บ้านช่างเอาของไปเถอะ ถ้าของเก่าไม่ไป ของใหม่ก็ไม่มา เฉินเยี่ยนเลยไม่ได้ไปสนใจแล้ว
เฉินกุ้ยและหวางนิวก็ไม่ได้ห้าม ขอแค่คนบ้านช่างไม่ลงมือทำร้ายคน ของไม่มีก็ไม่มี วันหลังยังซื้อใหม่ได้ ไม่มีสะใภ้ที่ก่อเรื่องวุ่นวาย ที่บ้านจะได้สงบสุข พวกเขาอายุยืนขึ้นอีกหลายปี
ผ่านไปสามวัน ฝั่งนั้นถึงค่อยสงบลงได้ ช่างเหลียนไม่มาอีกแล้ว บอกว่าให้ตายก็จะไม่ไปมาหาสู่บ้านเฉินอีก คนบ้านเฉินค่อยโล่งใจออกมา
“เยี่ยนจื่อ เสี่ยวเวยบอกว่าเธอกับพี่ชายอยู่ฝั่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่อง ตอนนี้พี่ชายไม่มีภรรยาแล้ว อย่างนั้นพวกเราก็กลับมาอยู่ด้วยกันดีไหม ไม่มีช่างเหลียนมาหาเรื่อง ก็ไม่มีคนทะเลาะแล้ว แม่ว่าเธอพูดถูก ลูกว่ายังไง?”
หวางนิวกะเทาะไปป์บุหรี่ไปพลางปรึกษาเฉินเยี่ยนไปด้วย ไปป์บุหรี่นี้เจ้าอ้วนเพิ่งเอามาส่งให้เมื่อเช้า เทศกาลโคมไฟผ่านไปแล้ว เลยเริ่มพันบุหรี่ใหม่
“แม่ พี่ชายไม่ใช่ว่าจะไม่แต่งงานอีกแล้ว ถ้าอยู่ด้วยกันอีก หนูกับเสี่ยวเวยก็ไม่ได้ออกเรือน หู่จื่อก็ไม่ได้แต่งงาน ฝ่ายหญิงเห็นพวกเราต้องแบกรับความผิดชอบเยอะขนาดนี้ ในใจเธอคงต้องกังขา พี่ชายก็ไม่ได้แต่งง่ายๆ พวกเราแยกกันอยู่ ฝั่งนั้นมีแค่พี่ชายกับเสี่ยวเวย ฝ่ายหญิงเห็นว่าไม่ได้รับผิดชอบอะไร แต่งเข้ามาก็เป็นผู้นำได้ คงยอมแต่งแน่ อีกอย่างตอนนั้นแยกกันแล้ว ตอนนี้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก ไม่ใช่เด็กเล่นขายของเหรอ? คนนอกจะหัวเราะเอาได้ รวมๆ แยกๆ ใครจะกล้าแต่งเข้าบ้านเราล่ะ”
เฉินเยี่ยนคิดไว้แล้วว่าเฉินเวยต้องออกความเห็นนี้ ดังนั้นเลยคิดคำตอบไว้แล้ว เฉินเวยอยากจะมาอยู่ด้วย ไม่มีทาง
“ที่ลูกพูดก็ถูก แม่แค่เห็นเสี่ยวเวยเล่าแล้วสงสาร งั้นก็ให้เธออยู่กับพี่ชายที่นั่นต่อ พ่อ พ่อว่าไง”
หวางนิวคิดว่าที่ลูกสาวพูดก็มีเหตุผล
“แยกบ้านแล้วไม่มีกลับมาอยู่ด้วยกันอีก ถ้าวันไหนพวกเขาไม่อยากทำอาหารก็มากินที่นี่ แต่คุณต้องบอกกับเสี่ยวเวยว่า สิ่งที่ควรทำสิ่งที่ควรเรียนเธอต้องทำได้หมด อีกหน่อยแต่งงานไป ถ้าทำไม่เป็น คนอื่นจะหัวเราะพวกเราได้”
เฉินจงก็เห็นด้วยกับความคิดเฉินเยี่ยน ลูกสาวคนเล็กนี้ขี้เกียจไปแล้ว ทั้งวันไม่ทำอะไร อาศัยแบบนี้ นี่ไม่ใช่เรื่อง
“ก็ได้ กลับไปฉันจะไปบอกลูก”
หวางนิวฟังสามีก็พูดเห็นด้วย ในใจไม่คิดเรื่องจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกแล้ว
เฉินเวยรู้ก็โกรธมาก เดิมทีคิดว่าพี่ชายกับช่างเหลียนหย่ากันแล้ว ก็ถือเป็นโอกาสจะได้กลับไปอยู่ด้วยกันอีก แบบนี้เธอก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ที่บ้านมีเฉินเยี่ยนหาเงิน มีหวางนิวและหวางจวนทำงานบ้าน เธอจะได้อยู่อย่างสบาย แต่คิดไม่ถึงว่าฝั่งนั้นไม่ยอม เธอและเฉินกุ้ยสองคนอยู่ที่นี่ เธอต้องทำอาหารให้เฉินกุ้ยทุกวัน ถึงแม้เธอจะทำไม่อร่อย แต่ก็ต้องทำ มือเธอหยาบไปหมดแล้ว เธออยากจะเป็นคุณหนูมีคนมาปรนนิบัติเธอ ไม่ใช่ทำงานเป็นคนใช้จนแก่ ชีวิตแบบนี้เมื่อไรจะสิ้นสุดลงสักทีนะ
ทุกครั้งเธอถามอวี๋เหวยหมิน อวี๋เหวยหมินจะให้เธออดทนไปก่อน บอกว่าอีกหน่อยต้องให้เธอมีชีวิตที่ดีแน่ แต่ต้องอดทนถึงเมื่อไร? ทนจนเธอแก่จนไม่มีใครเห็นหัว? ถ้าอย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไร!
เธอก็มองออก ตอนนี้อวี๋เหวยหมินก็ยังไม่มีวิธีหาเงินที่ดี ตอนปีใหม่เธอขอเงินอวี๋เหวยหมิน บอกว่าจะซื้อชุดใหม่ อวี๋เหวยหมินบอกว่าเขาไม่มีเงิน แม่เขามีอยู่บ้าง แต่ต้องเก็บไว้ให้เขาแต่งงาน เขาให้เฉินเวยรอ บอกว่าผ่านช่วงนี้ไปเขาจะหาเงินได้ ถึงเวลานั้นจะให้เฉินเวยใช้ให้หนำใจเลย
เฉินเวยสงสัย เธอกับอวี๋เหวยหมินมาที่นี่ก่อนเฉินเยี่ยนหนึ่งปี แต่ทำไมเธอไม่ทำอะไรเลย อวี๋เหวยหมินขายของหาเงินได้นิดหน่อย แต่เงินนั่นก็ไม่ได้ให้เธอ ตอนนี้เฉินเยี่ยนหาเงินได้แล้ว เฉินเยี่ยนอยากจะกินอะไรก็ซื้อ อยากจะใส่อะไรก็ซื้อ ส่วนเธอล่ะ? แม้แต่เสื้อหนาวตัวใหม่ยังไม่มี ใส่เสื้อหนาวของหวางนิวออกไปก็โดนคนหัวเราะ นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เฉินเวยต้องการ เฉินเวยถูกกำหนดให้อยู่เหนือคน ไม่ใช่โดนคนมาเหยียบย่ำ!
แต่เธอควรทำยังไง? เธอไม่คุ้นเคยกับยุคสมัยนี้ อีกหน่อยอะไรจะเจริญเธอก็ไม่รู้ ส่วนค้าขายมันลำบาก เธอไม่ต้องการลำบาก
เธอควรจะทำยังไงถึงจะมีชีวิตที่ดีนะ? ตอนนี้อวี๋เหวยหมินก็พึ่งไม่ได้ หรือเธอควรจะหาผู้ชายที่บ้านมีฐานะดี? ส่วนอวี๋เหวยหมินรู้แล้วจะทำยังไง เธอเชื่อมั่นว่ารับมือได้ แต่เธอควรจะหาใครดีนะ?
เฉินเวยคิดถึงแต่ละคนที่เธอรู้จัก ไม่มีใครที่เหมาะสมเลย แต่ในเมื่อเธอมีความคิดนี้แล้ว ไม่ช้าก็เร็วเธอจะต้องดำเนินการ
————-
ตอนที่ 117: เรื่องแต่งงาน
โดย
Ink Stone_Romance
ฝ่ายเฉินเยี่ยนยังไม่รู้ว่าเฉินเวยมีความคิดจะไปหาคนอื่นแล้ว เธอค้าขายธุรกิจบุหรี่ของเธอต่อ ห่อบุหรี่ ส่งบุหรี่ รับเงิน หลังปีใหม่ช่องทางการขายบุหรี่ดีมาก แค่เธอส่งบุหรี่ไปที่รับบุหรี่ที่เธอหามาก่อนหน้าตามเวลาก็ได้แล้ว ไม่ต้องไปตลาดแล้ว เห็นตั๋วเพิ่มขึ้นทุกวันทุกวัน เฉินเยี่ยนดีใจมาก และก็มีแรงทำ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เงินลงทุนเธอก็ค่อยๆ สะสมจนพอ รอจนนโยบายเปิดเสรีแล้ว เธอก็จะสามารถเอาเงินไปทำธุรกิจได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินลงทุนอีกต่อไป
ผ่านไปชั่วพริบตาเดียวสี่เดือนแล้ว ยังหาภรรยาของเฉินกุ้ยไม่ได้ บ้านเฉินกลับมีคนมาคุยเรื่องแต่งงานกับเฉินเยี่ยนอีกคน
คนที่มาไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นลุงป่าวเอินในหมู่บ้าน
ลุงป่าวเอินคนนี้เป็นหนึ่งในสองคนในหมู่บ้านที่เป็นคนงาน ทำงานในสหกรณ์ ครั้งแรกที่เฉินเยี่ยนและเฉินจงไปสหกรณ์ก็ไปหาลุงป่าวเอิน แต่ลุงป่าวเอินตำแหน่งธรรมดา สามารถบอกสถานการณ์กับเฉินจงและเฉินเยี่ยนได้ แต่ไม่สามารถรับสินบน
จนเชิญนั่ง เทน้ำให้ ได้ยินว่าลุงป่าวเอินเป็นพ่อสื่อมาสู่ขอเฉินเยี่ยน หวางนิวดีใจมาก ลุงป่าวเอินนั่นเป็นถึงคนงาน คนที่เขารู้จักต้องไม่แย่แน่นอน
เฉินเยี่ยนไม่ได้ปฏิเสธทันที เธอไม่ได้รู้สึกแย่กับลุงป่าวเอิน เป็นชายวัยกลางคนที่สุภาพ พูดจามีมารยาท เจอใครก็ยิ้ม ถ้าเขาสามารถทำได้ เขาจะช่วยอย่างกระตือรือร้น ใครไปหาเขาเพื่อยืมของ เขาก็ให้ยืม แต่ได้ยินว่าภรรยาเขา ป้าหลานฮวาขี้งก เพราะสามีตัวเองเป็นคนงานก็เลยรู้สึกว่าเหนือกว่าคนอื่น ถ้าคนอื่นไปยืมของที่บ้านเธอ แล้วลุงป่าวเอินไม่อยู่ เธอจะทำหน้าเครียด ถ้าไม่ทำเป็นแกล้งไม่ได้ยิน ก็ไม่ให้ยืม ดังนั้นคนในหมู่บ้านรู้สึกดีกับลุงป่าวเอินมาก แต่กับป้าหลานฮวากลับไม่ชอบมาก
คนแบบนี้มาสู่ขอ ถึงแม้ฐานะจะไม่ถือว่าดีมาก แต่ไม่ได้มุ่งร้ายแน่นอน ได้หรือไม่ได้ ลองฟังดูก่อน ยังไงคนบ้านเฉินก็ต้องเข้าสังคม ไม่สามารถไล่เขากลับไปโดยยังไม่ทันฟังได้
ลุงป่าวเอินบอกว่าเป็นหนุ่มคนหนึ่งที่สหกรณ์ ชื่อหลายชุน ปีนี้อายุยี่สิบสาม เพิ่งมาทำงานที่สหกรณ์ไม่นาน
บ้านหลายชุนไม่ได้อยู่ในอำเภอ แต่อยู่ในหมู่บ้านเวย พ่อแม่เป็นเกษตรกรเป็นคนซื่อๆ ยังมียาย มีน้องชายคนหนึ่ง น้องสาวสองคน น้องชายเด็กกว่าเขาสองปี แต่งงานไปปีที่แล้ว น้องสาวแต่งงานไปแล้วหนึ่งคน ยังมีอีกหนึ่งคนอายุสิบห้า ยังไม่ได้แต่งงาน
ส่วนเขา เดิมทีสู่ขอคนหนึ่ง เป็นหญิงข้างหมู่บ้านเวย แต่คิดไม่ถึงว่าสามปีก่อนผู้หญิงคนนั้นเป็นโรคเสียชีวิตไปแล้ว หลังจากนั้นก็มีคนอื่นมรคุยเรื่องแต่งงานกับหลายชุนแต่ไม่สำเร็จ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้แต่งงาน
ตอนแรก ลุงป่าวเอินไม่ได้คิดถึงเฉินเยี่ยน แต่เขาเห็นชุนหลายหนุ่มคนนี้ไม่แย่เลย ตัวเขาก็ขยันและซื่อตรง แล้วยังเป็นคนงานด้วย ถึงแม้จะมีคนบอกว่าเขาเป็นคนดวงไม่ค่อยดี แต่เฉินเยี่ยนก็โดนยกเลิกแต่งงานมา หาสามีไม่ได้ง่ายๆ เขาคิดว่าเฉินเยี่ยนหน้าตาดี มีความสามารถ ได้แต่งงานกับเวยหลายชุน ก็ถือเป็นเรื่องดี
ได้ยินคำพูดของลุงป่าวเอิน หวางนิวดีใจเป็นอย่างยิ่ง สถานะของผู้ชายจะไปหาได้ที่ไหน ทำงานในสหกรณ์ เป็นถึงคนงาน ลุงป่าวเอินเป็นพ่อสื่อให้ นิสัยต้องไม่แย่แน่นอน บ้านไม่ได้อยู่ในเมือง ก็ดูถูกบ้านตัวเองไม่ได้ เพราะฝ่ายชายดวงไม่ดี ดังนั้นเรื่องที่ลูกสาวบ้านตัวเองยกเลิกงานแต่งมาก่อน คงไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน คู่ครองแบบนี้หายังไงก็หายาก
หวางนิวพอใจเป็นพิเศษ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร มองไปที่สามีตัวเอง ที่บ้านสามีเป็นผู้นำ เรื่องนี้เธอทำได้แค่ให้ความเห็น ตัดสินใจไม่ได้
เฉินจงก็รู้สึกว่าใช้ได้ แต่เขามองเฉินเยี่ยน ตอนแรกรับปากกับเฉินเยี่ยนแล้ว ถ้าจะพูดเรื่องแต่งงานกับเธอ ต้องให้เธอตกลงด้วย
เฉินเยี่ยนไม่ได้ออกมาคัดค้น เธอรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเธอต้องแต่งงานอยู่ดี เพียงแต่ไม่อยากแต่งแบบคลุมถุงชน ส่วนคนที่ลุงป่าวเอินแนะนำ เธอยังไงก็ได้ ไหวหรือไม่ไหว ต้องเจอเจ้าตัวก่อนค่อยว่ากัน
“พี่ชาย เรื่องนี้ลำบากพี่แล้ว แต่พี่ก็รู้สถานการณ์ของบ้านเรา ก่อนหน้านี้เจอคนอย่างอวี๋เหวยหมิน บ้านเราเสียใจมาก ไม่อยากทำร้ายเยี่ยนจื่อ ได้ยินพี่ว่าหลายชุนคนนี้ไม่แย่ แต่ในเมื่อหาให้เยี่ยนจื่อ ให้เราไปดูก่อน ถ้าเป็นคนดีจริง ถึงตอนนั้นค่อยคุยกันได้หรือไม่?”
เฉินจงดูลูกสาวออก เขาพูดกับลุงป่าวเอิน ยังไงก็ต้องเห็นคนก่อนค่อยว่ากัน ถ้าถูกใจก็คุยกันต่อ ไม่สามารถฟังคนอื่นพูดแล้วตกลงได้เลย
“ได้สิ ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แบบนี้แล้วกัน สองวันนี้เจ้าหาเวลาไปสหกรณ์สักครั้ง ตอนนั้นเจ้าไปหาข้า ข้าจะชี้ให้เจ้าดู ถ้าถูกใจละก็ พวกเราค่อยคุยกันต่อ ถ้าไม่ถูกใจ ข้าจะหาคนที่ดีกว่านี้ให้เยี่ยนจื่อ”
ลุงป่าวเอินหยักหน้าเห็นด้วยอย่างอารมณ์ดี
ตกลงกันแล้วว่าวันมะรืนเฉินจงจะพาเฉินเยี่ยนไปสหกรณ์ ลุงป่าวเอินได้เรื่องก็กลับไป
เห็นหวางนิวคุยเรื่องนี้อย่างดีอกดีใจกับเฉินจง ได้ยินหวางนิวพูดเรื่องงานแต่งนี้ดีไม่หยุด ความคิดเฉินเยี่ยนลอยไปไกล ไม่รู้ว่าทำไมเธอคิดถึงซินห้าวขึ้นมา
เธอรู้สึกดีกับซินห้าว ถ้าเธอไม่ได้มีประสบการณ์จากชาติที่แล้วมาก่อน เธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงอายุยี่สิบ เธอต้องชอบซินห้าวแน่นอน มีความรักกับซินห้าว ตามหาความสุขของตัวเอง ไม่กลัวว่าสุดท้ายจะไปไม่รอด เธอก็จะยอมมีช่วงเวลาความรักที่สวยงาม
แต่เธอมีประสบการณ์มาก่อน สำหรับผู้ชายแล้ว ในใจเธอยังคัดค้านอยู่แม้แต่อวี๋เหวยมินแบบนั้นยังนอกใจได้เลย ประสาอะไรกับซินห้าว อีกหน่อยซินห้าวต้องเจอการยั่วหลายรูปแบบ ใช่ ตัวเองสามารถไล่พวกที่มายั่วข้างกายเขาได้ แต่เธอก็มีวันพลังหมด ถึงตอนนั้นซินห้าวจะทนไหวอยู่ไหม? เขาจะนอกใจไหม? ถ้าซินห้าวหักหลังเธอ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนนั้นเธอจะเป็นยังไง ดังนั้นเพื่อขจัดเรื่องพวกนี้ไม่ให้เกิดขึ้น เริ่มแรกเธอเลยให้สถานะเพื่อนกับซินห้าว ไม่คิดตามใจอยาก
ถ้าจะต้องแต่งงาน เธอยอมที่จะหาคนที่ธรรมดาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน อยู่ได้ก็อยู่กันไป ไม่ได้ก็เลิก ไม่ทุ่มความรู้สึกมากมาย อีกหน่อยจะได้ไม่ต้องเสียใจมาก
ส่วนเรื่องความรัก นั่นเป็นความคาดหวังของเด็กสาว เธอไม่ได้ใจร้อนและมีอารมณ์หุนหันพลันแล่นแบบนั้นอีกแล้ว เธอไม่ได้มีความเพ้อฝันแบบนั้นนานแล้ว เธอแค่ต้องการชีวิตที่สงบสุข
แต่พูดแบบนี้แล้ว ในใจกลับรู้สึกเสียใจอยู่ เดิมทีเธอรู้สึกกับซินห้าวโดนไม่รู้ตัว แต่ซินห้าวคิดกับเธอยังไงล่ะ?
ถ้าบอกว่าซินห้าวไม่ได้คิดอะไรกับเธอ เฉินเยี่ยนไม่เชื่อ เธอรู้สึกได้ว่าซินห้าวปฏิบัติกับเธอต่างออกไปเหมือนกัน ทุกครั้งสายตาที่เขามองเธอจะไม่เหมือนกับมองคนอื่น แต่หลังจากที่เจอกันวันปีใหม่ครั้งนั้น เธอก็ไม่ได้เจอซินห้าวอีกเลย แต่ทุกครั้งซินห้าวจะให้เจ้าอ้วนมาส่งไปป์บุหรี่และกระดาษตรงเวลา หมายความว่าซินห้าวยังนึกถึงเธออยู่ นึกถึงแต่ไม่มาหาเธอ เธอเริ่มไม่รู้แล้วว่าซินห้าวคิดยังไง
ตอนนี้คนที่มาคุยเรื่องแต่งงานกับเธอก็ไม่แย่เลย ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนซื่อตรง ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ แล้วเธอไม่รังเกียจ ก็ตกลงเลยแล้วกัน ส่วนเรื่องแต่งงาน เธอไม่ได้มีข้อต้องการเหมือนแต่ก่อนแล้ว ดังนั้นเฉินเยี่ยนจึงตัดสินใจไปดู ไปดูว่าเวยหลายชุนคนนี้เป็นยังไง
—————
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น