ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง 91-108
ตอนที่ 91
“เธอจะทำอะไรได้ตอนนี้” เซียวเจี่ยนลุกขึ้น หัวเราะเยาะด้วยสายตาดูหมิ่นที่ก้มลงมองเซียวจิ้นหนิง ซึ่งสูงเพียงแค่ไหล่เขา แม้จะสวมรองเท้าส้นสูงแล้วก็ตาม จากนั้นเขาก็เอ่ยเรียกชื่อเธออย่างเย็นชา “คุณเหยาจิ้นหนิง”
“ฮะๆๆ สักวันหนึ่ง พวกคุณจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำกับฉัน!” เซียวจิ้นหนิงหันหลัง เดินออกจากห้องทำงานของเซียวเจี่ยน
เมื่อเห็นเซียวจิ้นหนิงยังคงฉุนเฉียวโมโหง่าย เซียวเจี่ยนก็ส่ายศีรษะอย่างสมเพช “ถ้าไม่มีปัญญาจะทำอะไร ก็อย่าพยายามอวดอ้างหลอกคนอื่นเลย ไม่อย่างนั้นเธอจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรม” เขาพึมพำกับตัวเอง เดินไปที่เก้าอี้ทำงานแล้วนั่งลงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเลขาฯ “แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ห้ามไม่ให้เซียวจิ้นหนิงเข้ามาในเซียวกรุปอีก ใครก็ตามที่ปล่อยให้เธอเข้ามาจะถูกไล่ออก”
เมื่อได้ยินอย่างนี้เลขานุการก็ตกใจ ดูเหมือนว่าเซียวจิ้นหนิงกำลังจะหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
พวกคนรวยนี่ไม่เคยยอมอ่อนข้อให้ใครเลยจริงๆ เซียวจิ้นหนิงคิดว่าเธอสามารถใช้เล่ห์เพทุบายจัดการกับทุกคนได้ แต่กลับถูกจับได้ และไล่ออกจากตระกูลเซียวในเวลาอันรวดเร็ว เธออาจถูกขับออกจากเมือง A เลยด้วยซ้ำ
เมื่อคิดเช่นนี้เลขานุการก็ตัวสั่น ทุกตระกูลล้วนมีความลับที่น่าตกใจ! เรื่องราวกลับกลายเป็นว่าลูกสาวของเซียวหงลี่คือลูกสาวที่แท้จริงของเซียวหงอี้!
ช่างสับสนวุ่นวาย!
…
ทางอีกด้านหนึ่ง ที่กองถ่ายละคร ‘When We Were Young’ (เมื่อครั้งเรายังเยาว์วัย) หนิงเหยี่ยนโกรธมากจนต้องโทรศัพท์ไปหาเฮ่อหว่านโจว และด่าว่าเขาอย่างรุนแรง “เฮ่อหว่านโจว ดูสินายทำอะไรลงไป! ตอนนี้เซียวจิ้นหนิงจบสิ้นแล้ว นายต้องหานางเอกคนใหม่ให้ฉัน แล้วนอกจากนี้งบประมาณของละครเรื่องนี้ก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย! ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยว่าใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้!”
เฮ่อหว่านโจวก็กำลังตกที่นั่งลำบากเช่นกัน เขาไม่คาดคิดว่าหลิวเฉิงอวี่จะเปิดเผยเรื่องอัปยศของเซียวจิ้นหนิงในเวลานี้ หลิวเฉิงอวี่เป็นคู่หมั้นที่แย่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา ถ้าเขาเป็นเซียวจิ้นหนิงเขาจะฆ่าหลิวเฉิงอวี่…
ให้ตายเถอะ… เขาควรเตรียมการบางอย่างตั้งแต่รู้ว่าเซียวจิ้นหนิงไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเซียวหงอี้กับหลินหรูแล้ว มาถึงตอนนี้เขาควรทำอย่างไร
เฮ่อหว่านโจวลูบหัวคิ้วไปมา พยายามหาคำปลอบใจหนิงเหยี่ยน “หนิงเหยี่ยน นายจะโทษฉันได้อย่างไรเรื่องนี้ เป็นความผิดของคู่หมั้นเซียวจิ้นหนิงไม่ใช่หรือ ใครจะรู้ล่ะว่าเขาจะเปิดเผยเรื่องเลวร้ายของเซียวจิ้นหนิงตอนนี้”
“ไม่ต้องแก้ตัว!” หนิงเหยี่ยนตะโกนใส่โทรศัพท์ต่อหน้านักแสดงทุกคนในกองถ่าย “นายเป็นคนเลือกนางเอกคนนี้ให้ฉัน! ตอนนี้นายจะโทษคนอื่นได้หรือ ถ้าฉันเป็นหลิวเฉิงอวี่ฉันก็ต้องเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวของเซียวจิ้นหนิงแบบนี้เหมือนกัน ทำไมฉันต้องยอมรับ ‘ชีกกิทช์’ แบบนั้นเป็นคู่หมั้น เพิ่มทุนมาก็แล้วกัน ฉันจะเลือกนางเอกคนใหม่เอง! นายได้ยินฉันไหม”
เฮ่อหว่านโจวถามว่า “นายต้องการเงินทุนเพิ่มอีกเท่าไร”
“อย่างน้อยหนึ่งร้อยล้าน!” หนิงเหยี่ยนพูดอย่างเฉียบขาด “ฉันจะเลือกนางเอกที่มีความสามารถจริงๆ และต้องถ่ายทำละครทั้งเรื่องใหม่หมด เพราะฉะนั้นนายเตรียมเงินทุนไว้ให้ดี!”
“ฉันจะคุยกับหลิวเฉิงอวี่ เขาต้องเป็นคนจ่ายอย่างน้อยแปดสิบล้าน!” เมื่อพูดถึงเงินเฮ่อหว่านโจวก็สมองปราดเปรื่องขึ้นมาทันที “หรือเราจะล้มเลิกโครงการนี้ นายไม่เคยทำละครทีวีมาก่อนไม่ใช่หรือ นายยกเรื่องนี้ให้กับผู้กำกับคนอื่นได้นี่ แล้วหลังจากกำกับโฆษณาทีวีให้น้องชายฉันเสร็จ นายก็มาสร้างภาพยนตร์โดยใช้เรื่องอื้อฉาวของเซียวจิ้นหนิงเป็นเค้าโครง เรามาเจาะตลาดภาพยนตร์กันดีกว่า”
“ฉันเคยสร้างภาพยนตร์มาก่อน!”
เฮ่อหว่านโจวกล่าวว่า “ฉันรู้ ฉันหมายความว่านายถนัดกำกับภาพยนตร์มากว่า ไม่ต้องทำละครทีวีแล้ว ฉันจะหาผู้กำกับคนอื่นมากำกับละครทีวีเรื่องนี้แทน ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย นายไม่ต้องกังวลเรื่องนี้”
หนิงเหยี่ยนเหน็บแนมอย่างรู้ทัน “เฮ่อหว่านโจว นายวางแผนไว้แล้วใช่ไหม”
นี่เฮ่อหว่านโจวกำลังขอให้เขาเลิกกำกับละครโทรทัศน์จริงๆ หรือ!
เฮ่อหว่านโจวกล่าวว่า “เซียวจิ้นหนิงไม่ได้ถูกเลิกจ้างแสดงละครเรื่องนี้ นายบอกกับสื่อไปเลยว่านายทนทำงานกับเซียวจิ้นหนิงไม่ได้ นายจึงถอนตัว แล้วหลังจากนั้นฉันจะหาผู้กำกับคนใหม่มากำกับละครเรื่องนี้แทน”
หนิงเหยี่ยนลุกขึ้นพร้อมด้วยเสียงฮึดฮัด เดินวนไปมาในห้องพักผู้กำกับแล้วถามว่า “แล้วเฮ่อหว่านอีล่ะ เธอยอมเล่นละครเรื่องนี้เพราะฉัน ถ้าฉันเลิกกำกับเธอต้องฆ่าฉันแน่!”
“ฉันรับมือกับหว่านอีได้ ถึงอย่างไรละครก็เพิ่งเริ่มถ่ายทำมาไม่นาน ชื่อเสียงเซียวจิ้นหนิงถูกทำลายยับแล้ว ชาวเน็ตพากันสาปแช่ง และบอกด้วยว่าจะไม่สนับสนุนผลงานของเธอ ถึงเราจะเลิกถ่ายทำละครเรื่องนี้ไปเลยก็ไม่มีใครว่าอะไร”
หนิงเหยี่ยนหรี่ตาลงและกล่าวเสียดสี “เฮ่อหว่านโจว จริงๆ แล้วเพราะนายไม่อยากลงทุนเพิ่มใช่ไหม”
เฮ่อหว่านโจวตอบด้วยเสียงหัวเราะ “จริงๆ เราไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงลงทุนหนักๆ กับละครทีวีหรอก แต่ถ้าเป็นหนังละก็ฉันอาจลองดู แล้วเรื่องนี้ก็เป็นละครไอดอลเด็กวัยรุ่น นายรู้ไหมว่าคนดูเบื่อละครแบบนี้…”
“แต่เรื่องนี้เป็นแนวใหม่!” หนิงเหยี่ยนตะโกนใส่โทรศัพท์ “นายไม่เชื่อความคิดของฉันอย่างนั้นหรือ!”
“ใจเย็นๆ …” เฮ่อหว่านโจวกล่าว “ฉันอยากให้นายสร้างภาพยนตร์ไอดอลวัยรุ่น”
หนิงเหยี่ยนไตร่ตรองสักครู่ก่อนถามว่า “นายอยากให้ฉันคว่ำบาตรเซียวจิ้นหนิงหรือ”
เฮ่อหว่านโจวกระแอม “ผู้กำกับหลายคนทำแบบนั้นอยู่แล้ว นักแสดงชาย นักแสดงหญิงเกือบทุกคนที่ทำงานกับเซียวจิ้นหนิงกำลังวิจารณ์เธออย่างหนัก และมีใครบางคนโพสต์บนอินเตอร์เน็ตเป็นคลิปวิดีโอเซียวจิ้นหนิงตบผู้ดูแลเธอ และด่าว่าเด็กใหม่ในกองถ่าย นายไม่ได้เป็นคนเดียวหรอกที่ทำ” เขากระแอมและกล่าวต่อไปว่า “แล้วอีกย่างหนึ่ง ถ้านายทำแบบนี้พวกพี่น้องตระกูลเซียวก็จะพอใจ ทำไมนายถึงไม่ควรทำล่ะ”
หนิงเหยี่ยนเริ่มโกรธ “บัดซบ! เห็นฉันเป็นคนชอบเหยียบย่ำคนบัดซบแบบนั้นหรือไง!”
เฮ่อหว่านโจวรู้ว่าเขาเกือบเกลี้ยกล่อมหนิงเหยี่ยนสำเร็จแล้ว จึงกล่าวต่อไป “ก็ได้ๆ แล้วแต่นาย ตอนนี้มีนักข่าวจำนวนมากรออยู่นอกกองถ่าย แค่บอกพวกเขาว่านายจะถอนตัว แล้วฉันจะจัดงานแถลงข่าวให้นาย บอกสื่อแค่ว่านายจะทุ่มเทให้ภาพยนตร์ และไม่ถ่ายทำละครทีวีแล้ว จะได้ง่าย เวลาที่ฉันอธิบายกับคนอื่นต่อไป”
หนิงเหยี่ยนตอบตกลง
แต่ทันใดนั้นเฮ่อหว่านโจวก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้จึงถามว่า “เอ้อ ว่าแต่ ‘ชีกกิทช์’ นี่หมายถึงอะไรหรือ”
หนิงเหยี่ยนหัวเราะเบาๆ และตอบว่า “หมายถึง ‘ชีกกี บวก บีทช์’ ไง ผู้หญิงที่เลวแล้วยังหน้าด้านอีกด้วย!”
เฮ่อหว่านโจวหัวเราะแล้วกล่าวว่า “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว” จากนั้นเขาก็วางสาย แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ “เฮ้อ ฉันประหยัดไปได้ร้อยล้านหยวน! เงินไม่ได้ออกดอกอยู่บนต้นไม้นะ ฉันจะยอมเสียไปง่ายๆ อย่างนั้นได้อย่างไร… ฉันไม่ได้โง่!”
หนิงเหยี่ยนวางสาย แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนถูกเฮ่อหว่านโจวหลอกอย่างไรก็ไม่รู้
ในนาทีนั้นเฮ่อหว่านอีก็มาถึงพอดี เธอดูตื่นเต้นแม้จะหน้านิ่วคิ้วขมวด เธอมองหนิงเหยี่ยนยิ้มๆ และถามว่า “คุณอยากชวนพวกเขาออกมาดื่มไหมคืนนี้ ได้เวลาฉลองกันแล้ว!”
ตอนที่ 92 ถอนตัว
หนิงเหยี่ยนก็ต้องการดื่ม ไม่ใช่เพื่อฉลอง แต่เพื่อคลายเครียด แม้เขาจะไม่ชอบนักแสดงนำในละคร แต่เขาชอบละครเรื่องนี้ เป็นละครที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างมาก แม้จะเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นก็ตาม เขาลังเลอยู่เหมือนกันที่จะถอนตัว
“เธอจะชวนใครมาดื่ม” หนิงเหยี่ยนคิดว่าคนตระกูลเซียวต้องยุ่งมากในเวลานี้
ทันใดนั้นหนิงเหยี่ยนก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาถามว่า “เธอได้อ่านข่าวพี่น้องตระกูลเซียวหรือเปล่า ที่ถูกนักข่าวโจมตีตอนที่พวกเขาไปดูหนังกับเซียวโหรวเมื่อคืนนี้”
เฮ่อหว่านอีส่ายศีรษะ เมื่อคืนเธอถ่ายทำฉากกลางคืน ไม่รู้เลยว่าเซียวเหยาถูกนักข่าวโจมตี “เกิดอะไรขึ้นหรือ” เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาข่าว
แต่เธอไม่พบอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ “ไม่มีข่าวเรื่องนี้เลย”
หนิงเหยี่ยนมองหน้าเฮ่อหว่านอี กล่าวเสียงเรียบว่า “แน่นอนสิ ตอนนี้ไม่เห็นข่าวอะไรเลย ฉันบังเอิญเห็นตอนกำลังดูข่าวออนไลน์ แค่สองสามนาที แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวพวกเขาไปดูหนังเพิ่มเติมทางอินเตอร์เน็ตอีกเลย และต่อมายังมีรายงานอีกว่า หงกวงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ถูกศาลสั่งปิด ด้วยข้อหาติดสินบนและหลีกเลี่ยงภาษี”
“แล้วนั่นเกี่ยวข้องกับที่พี่น้องตระกูลเซียวถูกหงกวงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ประโคมข่าวหรือ” เฮ่อหว่านอีถามด้วยความประหลาดใจ
หนิงเหยี่ยนพยักหน้าและตอบว่า “ใช่ เพราะฉะนั้นบอกได้เลยว่าพี่น้องตระกูลเซียวปกป้องเซียวโหรว ได้ดีแค่ไหน อย่าเพิ่งชวนพวกเขาออกมาดื่มตอนนี้จะดีกว่า นักข่าวต้องจับตาพวกเขาอย่างใกล้ชิดแน่ๆ แล้วอีกอย่างเธอก็เป็นดาราที่โด่งดัง มีกลุ่มปาปารัซซี่ตามอยู่ตลอดเวลา ถ้ามีการถ่ายภาพเธออยู่กับเซียวโหรวเดี๋ยวจะเป็นข่าวด่วนขึ้นมาอีก บางทีสุดท้ายเธออาจมีชื่อติดอยู่ในข่าวใหญ่ของตระกูลเซียวด้วย”
เฮ่อหว่านอีคิดว่าเขาพูดถูก เซียวโหรวกับพี่ๆ อาจไม่อยากเจอนักข่าว จะเป็นการดีกว่าถ้าเธอไม่ขอให้เซียวโหรวออกมาจนกว่าเรื่องจะจบ
หนิงเหยี่ยนกล่าวว่า “แล้ววันนี้ฉันก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะไปฉลองกับเธอด้วย ฉันตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นผู้กำกับ มาเป็นนักแสดงแทน”
เฮ่อหว่านอีเลิกคิ้วถามเขาเสียงสูงว่า “ผู้กำกับหนิงกำลังจะมาแย่งงานฉันเหรอ”
“แย่งงานเธอได้อย่างไร” หนิงเหยี่ยนส่งเสียงฮึดฮัดแบบหยิ่งในศักดิ์ศรี “ฉันจะเป็นนางเอกได้อย่างไร เธอนี่พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย” เขาเสยผมแล้วเดินออกไป
ขณะมองเข้าไปในโรงถ่ายซึ่งเสียงดังอึกทึก เฮ่อหว่านอีรู้สึกขึ้นมาเป็นครั้งแรกว่านี่ไม่ใช่โรงถ่าย แต่เป็นแหล่งซุบซิบนินทาและความชั่วร้าย เธอยิ้มและคิดว่านี่อาจเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะมาที่นี่
ทันทีที่หนิงเหยี่ยนเดินออกจากโรงถ่าย กล้องจำนวนมากก็พุ่งเข้ามาหาเขา
“ผู้กำกับหนิง คุณคิดอย่างไรกับเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับนักแสดงนำในละครโทรทัศน์ของคุณ คุณจะปล่อยให้เซียวจิ้นหนิงรับบทนางเอกต่อไปไหม”
“ผู้กำกับหนิง ว่ากันว่าคุณไม่ชอบเซียวจิ้นหนิงตั้งแต่แรกแล้ว คุณรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเซียวจิ้นหนิงกับตระกูลเซียว ก่อนที่จะมีข่าวออกมา”
“คุณบอกอะไรเราได้บ้างคะ ผู้กำกับหนิง”
“ผู้กำกับหนิง เซียวจิ้นหนิงมาที่นี่ไหมครับวันนี้”
หนิงเหยี่ยนยกมือขึ้นห้าม นักข่าวนิ่งเงียบทันที หนิงเหยี่ยนกล่าวว่า “ผมจะไม่ตอบคำถามใดๆ เกี่ยวกับเซียวจิ้นหนิง และผมไม่รู้ว่าผู้ผลิตละครจะถอดเซียวจิ้นหนิงออกหรือไม่ สิ่งที่ผมบอกได้ก็คือ ตอนนี้เซียวจิ้นหนิงยังเป็นนักแสดงนำในละครเรื่องนี้ แต่ผม… หนิงเหยี่ยนขอถอนตัว”
ผู้คนต่างส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันระงมทันที นักข่าวหันมามองหน้ากันและกัน ก่อนจะรีบหันกลับไปทางหนิงเหยี่ยนอีกครั้ง “ผู้กำกับหนิง เป็นเพราะเซียวจิ้นหนิงหรือเปล่า”
“ผู้กำกับหนิง จะเกิดอะไรขึ้นกับละครเรื่องนี้คะ ถ้าคุณถอนตัว”
“ผู้กำกับหนิง คุณหมายความว่าจะเลิกสร้างละครเรื่องนี้เลยหรือเปล่า”
“ผู้กำกับหนิง ‘When We Were Young’ เป็นละครทีวีเรื่องแรก หลังจากคุณถ่ายทำเรื่องสุดท้ายเมื่อสองปีก่อน คุณจะถอนตัวจริงๆ หรือ”
“ผู้กำกับหนิง คุณจะยังกำกับละครทีวีไหมคะ ในอนาคต”
“ผู้กำกับหนิง ถ้าผู้ผลิตเปลี่ยนนักแสดงนำ คุณจะกลับมาเป็นผู้กำกับในละครเรื่องนี้ไหม”
หนิงเหยี่ยนขมวดคิ้วแล้วตอบว่า “ขึ้นอยู่กับบริษัทของผม”
นี่คือข้ออ้างของเขา เพราะทั้งหมดนี้เฮ่อหว่านโจวเป็นคนสั่งให้เขาทำ ดังนั้นที่ถูกต้องคือเฮ่อหว่านโจวควรเป็นคนตอบคำถามเหล่านี้แทนเขา
นักข่าวสมองไวคนหนึ่งเข้าใจในทันทีจึงถามเขาว่า “ผู้กำกับหนิง คุณหมายความว่าเป็นการตัดสินใจของบริษัทใช่ไหม ที่ให้คุณถอนตัวจากละครเรื่องนี้”
หนิงเหยี่ยนเลิกคิ้ว “ผมพูดแบบนั้นเมื่อไหร่ ผมแค่บอกว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับบริษัท ว่าผมจะกลับมากำกับอีกหรือเปล่า” จากนั้นเขาก็เริ่มเดินออกไป พร้อมกับบอกว่า “เอาล่ะ คำตอบของผมมีแค่นี้ ขอโทษด้วย”
ขณะมองตามร่างหนิงเหยี่ยนที่เดินห่างออกไปจากสายตา สมาชิกนักแสดงคนอื่นๆ ที่เกลียดเซียวจิ้นหนิงต่างก็รู้สึกแย่ไปตามๆ กัน เซียวจิ้นหนิงจะรู้บ้างไหมว่าพวกเขาพยายามอย่างหนักแค่ไหน กว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับหนิง ตอนนี้ความพยายามของพวกเขาพังทลายลงเพราะเธอ ทำไมผู้กำกับหนิงถึงไม่ถอดเซียวจิ้นหนิงออกจากละคร แทนที่จะเขาจะถอนตัว”
ทันทีที่หนิงเหยี่ยนจากไป นักข่าวก็เข้ามาในโรงถ่าย และเริ่มสัมภาษณ์ทีมงาน…
ทีมงานบอกพวกเขาว่า ไม่มีฉากไหนของเซียวจิ้นหนิงที่หนิงเหยี่ยนกำกับเอง และพวกเขาไม่แปลกใจที่หนิงเหยี่ยนเลือกที่จะถอนตัว เพราะหนิงเหยี่ยนคิดว่าฝีมือการแสดงของเซียวจิ้นหนิงแย่มาตั้งแต่แรก… หนิงเหยี่ยนไม่ชายตามองเลยด้วยซ้ำ เวลาที่เธอถ่ายทำอยู่ในฉาก
เฮ่อหว่านอีซึ่งหนีออกมาทางประตูด้านหลัง มองดูนักข่าวผู้บ้าคลั่งแล้วส่ายศีรษะ พูดกับผู้จัดการร่างเล็กของเธอว่า “นักข่าวพวกนี้ก็ทำงานกันหนักเหลือเกิน”
เซียวจิ้นหนิงซึ่งปิดหน้าปิดตามิดชิดยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน จ้องมองไปที่หน้าจอขนาดใหญ่บนถนนและกำมือแน่น ‘บัดซบ! เป็นเพราะเซียวโหรว เป็นเพราะนังสารเลวผอมแห้งคนนั้น เฉิงอวี่ถึงทำกับฉันแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ถึงไล่ฉันออกจากบ้าน! …
…เซียวโหรว! เซียวโหรว! ทำไมแกไม่เลิกตามจองล้างจองผลาญฉันซักที แกรุกรานจนฉันต้องมาถึงจุดนี้! ’
เธอไม่ได้เป็นดาราสาวที่น่าหลงใหลอีกต่อไป แต่กลายเป็นหนูจรจัดข้างถนน เธอต้องปิดบังตัวเองให้มิดชิดทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก!
เซียวจิ้นหนิงห้ามตัวเองไม่ได้ เธอโกรธจนตัวสั่นเมื่อได้ยินคำตอบของหนิงเหยี่ยนกับนักข่าว “ฉันจะทำให้แกต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำกับฉัน!”
…
ทางอีกด้านหนึ่ง เซียวส่ากับเซียวจิ่งไปเจอกับถังซีในสวนสาธารณะไม่ไกลจากโรงเรียน ใบหน้าพี่ชายทั้งสองยังคงมีรอยช้ำดำๆ ม่วงๆ แม้จะทายาแก้ฟกช้ำแล้วก็ตาม ทั้งสองจึงสวมหมวกและหน้ากากมาด้วย เมื่อเห็นรถที่จอดอยู่ข้างถนนทั้งสองก็มองหน้ากันและกัน อุทานพร้อมกันว่า “เด็กคนนี้ขับรถโดยไม่มีใบขับขี่!” เธอช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้!
ถังซีไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นพี่ชายทั้งสองเธอก็รีบทักทาย “มีนักข่าวเต็มไปหมดเลยที่หน้าประตูโรงเรียน ที่หน้าบ้านเรายังมีนักข่าวมารอกันอยู่ไหมคะ”
ตอนที่ 93 กลับบ้านกับเราเถอะ
เซียวส่าส่ายศีรษะแล้วตอบว่า “ไม่มากเท่าไร ส่วนใหญ่พวกเขาไปอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน แล้วนี่เธอออกมาได้อย่างไร”
ถังซีบอกพวกเขาสั้นๆ ว่าคุณครูเหอช่วยให้เธอออกมา แล้วเดินไปที่รถ “รีบกลับบ้านกันดีกว่าค่ะ ดูเหมือนว่าพี่เหยาจะไปที่เมือง J เดี๋ยวเรากลับไปคุยเรื่องนี้กันที่บ้านนะคะ”
“ดี ตามนั้น” เซียวส่ากับเซียวจิ่งขับรถมาที่นี่ด้วยกัน ขากลับแต่ละคนจึงขับกลับคนละคัน ถังซีไปกับเซียวจิ่งซึ่งขับรถที่เซียวเหยาขับมาส่งเธอที่โรงเรียนเมื่อเช้า
ถังซีถามว่า “พวกเขาพูดว่าอย่างไรบ้างคะ”
“พวกเขาจะพูดอะไร” เซียวจิ่งหน้าตาบูดบึ้ง “แน่นอน ก็ต้องบอกว่าอยากพาเธอกลับไปน่ะสิ เธออยากกลับไปไหม”
ถังซีหัวเราะเบาๆ ตอบว่า “ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาหมีนะ ที่พวกเขาจะมาเก็บไปเมื่อไรก็ได้ที่ต้องการ และโยนทิ้งเมื่อพวกเขาไม่ต้องการ ที่ฉันจะกลับบ้านนี่เพราะฉันไม่มีอารมณ์เรียนหนังสือแล้ววันนี้ ฉันไม่ได้จะกลับไปกับพวกเขาหรอกค่ะ”
เซียวจิ่งโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของถังซี เขาไม่อยากสูญเสียน้องสาวคนเล็กที่เขาดูแลมาสองเดือนกว่าแล้ว
เมื่อทั้งสามกลับถึงบ้านก็พบว่าเซียวเจี่ยนมาที่บ้านพวกเขาด้วยเช่นกัน เซียวจิ่งกับเซียวส่ารู้สึกประหลาดใจแต่ไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองเข้าไปนั่งข้างๆ หยางจิ้งเสียนพร้อมกับถังซี และถังซีทักทายเซียวหงอี้กับครอบครัวเขาอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ คุณป้า คุณลุง ลูกผู้พี่เจี่ยน”
หลินหรูรู้สึกว่าหัวใจเธอมีเลือดไหลซิบๆ เมื่อได้ยินเซียวโหรวเรียกเธอว่า ‘คุณป้า’ จริงๆ แล้วในตอนนั้นเธอรู้สึกโล่งอกเมื่อเซียวโหรวเลือกที่จะไปอยู่กับครอบครัวเซียวหงลี่ แม้จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคิดว่าเซียวโหรวไม่ควรเรียกเธอว่า ‘แม่’ ไปตลอดชีวิต และคิดว่าเซียวหงลี่กับครอบครัวจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน ที่รับลูกสาวมือไวอย่างนี้เอาไว้
แต่เมื่อเซียวโหรวปรากฏตัวต่อหน้าครอบครัวเซียวหงอี้วันนี้ พวกเขาจำเธอไม่ได้จนกระทั่งเธอกล่าวทักทาย หลังจากนั้นนั่นเองพวกเขาจึงตระหนักว่า เด็กผู้หญิงที่สวยงามคนนี้คือลูกสาวและน้องสาวของพวกเขา
หลินหรูกำมือแน่น เด็กสาวสวยน่ารักและสง่างามคนนี้คือลูกสาวของเธอ และควรเติบโตขึ้นอย่างมีความสุขอยู่เคียงข้างเธอ
เซียวเจี่ยนก็ตกใจเช่นกัน ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเซียวโหรวคือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนนั้นเธอก็สวยขึ้น แต่ไม่สวยเท่าวันนี้ ความงดงามของเธอแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน คนเราจะสวยขึ้นมากมายอย่างนี้ได้อย่างไรในเวลาอันรวดเร็ว เธอสวยมากจนเขาตะลึงกับรูปร่างหน้าตาของเธอ!
เซียวหงอี้ก็ตกตะลึง เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้ เด็กสาวที่สวยจนต้องตะลึงคนนี้หรือคือลูกสาวของเขา
“โหรวโหรว นี่เธอไปทำศัลยกรรมมาหรือ” เซียวหงอี้คิดว่าเธอไม่มีทางสวยได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ทำศัลยกรรมพลาสติก
ใบหน้าถังซีเข้มขึ้นทันที เธอถามว่า “คุณลุงหมายความว่าอย่างไรคะ คุณลุงมาที่นี่เพื่อถามหนูเรื่องการทำศัลยกรรมเหรอคะ”
สีหน้าเซียวเจี่ยนเปลี่ยนไป เขามาที่นี่กับพ่อแม่ในวันนี้ก็เพื่อพาเซียวโหรวกลับบ้าน คุณพ่อพูดแบบนี้จะเป็นการสร้างความระคายเคืองให้เซียวโหรว แล้วเธอก็จะไม่กลับไปกับพวกเขา! เขาจึงกล่าวขึ้นว่า “คุณพ่อครับ เมื่อก่อนเซียวโหรวไม่ดูสวยน่ารักอย่างนี้ เพราะน้องขาดสารอาหาร ตอนนี้น้องได้รับการดูแลอย่างดีจากอาหญิง ทำให้น้องสวยขึ้นเรื่อยๆ เราควรขอบคุณอาหญิงที่ดูแลโหรวโหรวเป็นอย่างดี”
เซียวหงอี้พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่ เราควรขอบคุณอาสะใภ้ที่ดูแลน้องสาวของลูกเป็นอย่างดี”
เมื่อเข้าใจในความหมายของเขา ถังซีก็รู้สึกทึ่งในความเฉลียวฉลาดของเซียวเจี่ยน สิ่งที่เขาพยายามอธิบายก็คือ หยางจิ้งเสียนเป็นเพียงอาสะใภ้ของถังซี ไม่ใช่แม่ของเธอ แน่นอนว่าพี่น้องตระกูลเซียวทั้งสองและหยางจิ้งเสียนก็เข้าใจความหมาย และรู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่ขณะที่พวกเขากำลังจะพูดอะไรออกมา ถังซีก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ลูกผู้พี่ คุณเข้าใจผิดแล้ว เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายของฉันที่จะต้องดูแลฉัน คุณมาขอบคุณพวกเขาแทนฉันทำไม”
หลินหรูรู้สึกผิดหวังที่ได้ยินคำพูดของถังซี แต่เธอรู้ว่าเธอใจร้อนเกินไปจึงรีบกล่าวว่า “ใช่จ้ะ ใช่ ลูกพูดถูก ที่แม่มาที่นี่วันนี้ก็เพื่อมาขอโทษลูก แม่ขอโทษโหรวโหรว แม่ไม่ควรเข้าใจลูกผิด เชื่อคำพูดใส่ร้ายของเซียวจิ้นหนิง และปฏิบัติต่อลูกแบบที่แม่ทำลงไป ไม่สำคัญว่าลูกจะยอมให้อภัยแม่หรือเปล่า แม่แค่อยากมาขอโทษ”
ดวงตาถังซีสั่นระริก หลินหรูที่เธอเห็นในวันนี้ แตกต่างจากหลินรูที่ก้าวร้าวในแบบที่เธอเคยเห็นเมื่อก่อน วันนี้หลินหรูละทิ้งความเย่อหยิ่งถือตัว และยอมอ่อนข้อลงมาก
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา เซียวโหรวตัวจริงจะไม่ตาย หากคุณคิดได้ก่อนหน้านี้
เมื่อคิดเช่นนั้นในใจ ถังซีก็หัวเราะออกมาเบาๆ และตอบว่า “คุณป้าคะ คุณป้าพูดเรื่องอะไร นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณป้า หนูไม่โทษคุณป้าหรอกค่ะ แต่หนูอยากจะขอบคุณที่ส่งหนูมาอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นอย่างนี้”
ใบหน้าหลินหรูและเซียวหงอี้นิ่งแข็งขึ้นมาทันที เซียวเจี่ยนก็ชะงักเช่นกัน เขามองลึกลงไปในดวงตาถังซี และกล่าวอย่างจริงจัง “โหรวโหรว คุณพ่อคุณแม่ขอโทษเธอแล้ว และตอนนี้ทุกคนก็รู้กันหมดแล้วว่าเธอเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ ถ้าเธอยังอยู่ที่นี่ ผู้คนจะคิดกับพวกเราอย่างไร”
ถังซีเลิกคิ้ว มองหน้าเซียวเจี่ยนด้วยรอยยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ได้มาขอโทษ แต่จะมาบังคับให้ฉันกลับไปใช่ไหม” เธอเย้ยหยัน และทันใดนั้นสีหน้าเธอก็แข็งกร้าวขึ้นมาขณะกล่าวต่อไป “ฉันไม่สนใจหรอกว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับพวกคุณ! พวกคุณไม่ได้ต้องการยอมรับฉันตั้งแต่แรก และอยากบอกใครๆ ว่าฉันเป็นแค่ ‘ลูกสาวบุญธรรม’ ของครอบครัวคุณ ฉันไร้ค่าอย่างยิ่งในสายตาพวกคุณจริงไหม ฉันต้องกระดิกหางดีใจที่จะได้เป็นลูกสาวบุญธรรมของพวกคุณหรือ ฉันควรไปอยู่กับพวกคุณทั้งน้ำตาเพราะกระดูกที่พวกคุณโยนให้หรือ พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร”
เมื่อรู้ว่าคำพูดของเขาไม่เหมาะสม เซียวเจี่ยนก็สูดลมหายใจแล้วรีบกล่าวว่า “พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น พี่หมายความว่า ความจริงได้เปิดเผยออกมาแล้ว เธอควรกลับไปอยู่ในสถานะเดิมของเธอ เธอยังสามารถมาหาคุณอารองกับครอบครัวได้ หลังจากกลับไปอยู่บ้านของเรา จริงไหม”
“ไม่” ถังซีตอบอย่างเย็นชา “นับตั้งแต่วินาทีที่ฉันเรียกคุณอารองว่าพ่อ ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าฉันไม่มีความสัมพันธ์กับพวกคุณอีกต่อไป เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ไปกับพวกคุณ!”
เซียวหงอี้รู้สึกเสียใจที่ได้ยินอย่างนี้ เขาถามด้วยความคาดหวังว่า “เซียวโหรว ลูกอยากให้เราทำอย่างไร ดูสิ ลูกเห็นไหมว่าเราทุกคนรอลูกอยู่ คุณปู่ของลูกก็ต้องการให้ลูกกลับบ้านไปกับเราเช่นกัน ลูกไม่ควรอยู่ที่นี่ รบกวนอารองของลูกต่อไป!”
“พี่ใหญ่พูดได้อย่างไรคะว่าเป็นการรบกวน ในเมื่อลูกสาวของฉันอยู่ที่บ้านของเธอเอง!” หยางจิ้งเสียนขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกพี่บอกไม่ใช่หรือ ว่ามาที่นี่เพื่อขอโทษโหรวโหรว ถ้าต้องการขอโทษ ก็ขอโทษแล้วกลับไปเสีย แต่ถ้าพวกพี่มาที่นี่เพื่อมาพาลูกสาวของฉันไปจากฉัน ฉันต้องขอโทษที่จะบอกว่าฉันไม่ต้อนรับ ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว!”
ถังซีจับมือหยางจิ้งเสียนไว้และยิ้มให้เธอ เมื่อเห็นอย่างนี้หยางจิ้งเสียนก็ค่อยๆ สงบลง ในขณะที่เซียวเจี่ยนขมวดคิ้วและกล่าวว่า “คุณอาหญิงครับ ผมคิดว่าคุณอาต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า เซียวโหรวเป็นลูกใคร”
ตอนที่ 94 ฉันไม่ใช่ลูกคุณ
“แน่นอน อาเข้าใจชัดเจน!” หยางจิ้งเสียนตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “โหรวโหรวยื่นมือมาหาพวกเรา ตอนที่พ่อแม่เธอไม่ต้องการยอมรับเมื่อลูกสาวกลับมาหา และหลังจากนั้นเป็นต้นมา โหรวโหรวก็กลายเป็นลูกสาวของครอบครัวเรา ไม่มีใครสามารถแย่งโหรวโหรวไปจากอาได้!”
น้ำตาร่วงรินจากดวงตาหลินหรู ในที่สุดตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าคนเราไม่อาจก้าวพลาด หากใครก็ตามก้าวพลาดคนๆ นั้นจะไม่มีโอกาสแก้ตัว ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเสียใจ
“โหรวโหรว แม่ขอโทษ แม่ไม่ควรทอดทิ้งลูก แม่ขอโทษ” จู่ๆ หลินหรูก็กล่าวขึ้น ขณะมองหน้าถังซี “แม่เสียใจที่ไม่ได้ขอโทษลูก ซ้ำยังไล่ลูกออกจากบ้านตอนที่ลูกกลับมา แม่ขอโทษในสิ่งที่แม่ทำกับลูก ถ้าลูกต้องการอยู่กับพ่อแม่ในปัจจุบันของลูก แม่ก็ไม่บังคับ แม่แค่หวังว่าลูกจะอนุญาตให้แม่มาหาลูกบ้าง ได้ไหม”
ถังซีไม่รู้จะตอบอย่างไรเมื่อได้ยินคำพูดอันซาบซึ้งของหลินหรู เธอพูดไม่ออกจริงๆ
เธอมองหยางจิ้งเสียน เธอไม่อาจตัดสินใจแทนเซียวโหรว และไม่อาจตัดความสัมพันธ์กับเซียวหงอี้และครอบครัว แต่เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับพวกเขาโดยไม่สนใจความรู้สึกของพ่อแม่และพี่ๆ ถ้าครอบครัวปัจจุบันของเธอเห็นด้วย เธอจึงจะตอบตกลงกับหลินหรู
หยางจิ้งเสียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก เราสองครอบครัวมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ตราบใดที่คุณไม่พยายามทำให้โหรวโหรวไปจากฉัน คุณก็มาหาเธอได้ทุกเวลาและทุกที่”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหลินหรูก็รู้สึกโล่งอก ในที่สุดเธอก็ยิ้มออกมาและกล่าวขอบคุณหยางจิ้งเสียน “จิ้งเสียน ขอบคุณมากนะ ช่วยดูแลโหรวโหรวแทนฉันด้วย โหรวโหรว… แม่…”
ถังซีไม่มีความเข้าใจใดๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวมาตั้งแต่ยังเด็ก เวลานี้เมื่อเห็นหลินหรูและเซียวหงอี้ร้องไห้อย่างหนักเธอก็ขมวดคิ้ว และกล่าวว่า “อย่าร้องไห้อีกเลยค่ะ ถึงแม้นี่จะไม่ใช่สถานการณ์ที่มีความสุข แต่ฉันไม่ชอบเห็นพวกคุณร้องไห้”
เมื่อคิดว่าเซียวโหรวเป็นห่วงเธอ หลินหรูก็ยิ้มทั้งน้ำตา “ตกลงจ้ะ ตกลง ถ้าโหรวโหรวไม่อยากให้แม่ร้องไห้ แม่ก็จะไม่ร้อง”
เมื่อเห็นว่าถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว เซียวหงอี้ก็พยายามเกลี้ยกล่อมเซียวโหรวให้ออกไปทานอาหารกับพวกเขา หลินหรูมองหน้าลูกสาวด้วยความหวัง ตั้งแต่โหรวโหรวกลับมาเธอไม่เคยได้ทานอาหารกับโหรวโหรวเลย… ดูเหมือนว่าเธอไม่สมควรเป็นแม่ของโหรวโหรวจริงๆ
เซียวเจี่ยนคิดว่าในขณะที่เซียวหงลี่กับครอบครัวไม่อยู่ด้วย จะง่ายกว่าในการโน้มน้าวเซียวโหรว เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เติบโตขึ้นมาในชนบท ไม่มีมุมมองของตัวเองมากนัก พวกเขาอาจโน้มน้าวใจเธอได้ในระหว่างมื้ออาหาร
ถังซีไม่อยากออกไปทานอาหารกับพวกเขา เธอต้องการรอฟังข่าวจาก 008 อยู่ที่บ้าน ความสนใจทั้งหมดของเธอในวันนี้อยู่ที่เซียวเหยา และเธอไม่อาจละความตั้งใจได้ “ไม่ค่ะ มีนักข่าวมากมายอยู่ข้างนอก ฉันไม่อยากเปิดเผยตัวเองมากเกินไป”
หยางจิ้งเสียนพยักหน้าและกล่าวว่า “โหรวโหรวสุขภาพไม่ค่อยดี ทานอาหารข้างนอกมากเกินไปจะไม่ดี เราก็เลยทำอาหารให้เธอทานที่บ้าน ถ้าพวกพี่อยากออกไปทานอาหารกลางวันกัน ก็ไปเถอะค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังขอให้พวกเขากลับไป
เซียวหงอี้กับภรรยาและลูกชายออกมาด้วยความผิดหวัง เมื่ออยู่ในรถเซียวหงอี้เห็นหลินหรูอาการค่อนข้างแย่จึงพยายามปลอบใจ “เซียวโหรวจะกลับมาหาเราในไม่ช้า อย่าเศร้าไปเลย”
หลินหรูยกมือถูไปมาระหว่างหัวคิ้วและยิ้มเยาะตัวเอง “ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันไม่เคยเปิดใจคุยกับโหรวโหรวมาก่อนเลย วันที่ลูกกลับมาฉันเข้าบริษัททันทีหลังจากส่งเธอไว้ที่บ้าน เพราะฉันมีงานต้องดูแล และเมื่อกลับมาฉันก็พบว่าเธอขโมยสร้อยคอเซียวจิ้นหนิง ฉันดุด่าเธออย่างรุนแรงและไล่เธอออกจากบ้าน หลังจากนั้นเธอก็ถูกรถชนและ… ตอนไปรับเธอที่โรงพยาบาลฉันสาปแช่งเธอทันทีที่เห็นหน้า และตำหนิว่าเธอเอาแต่สร้างปัญหาให้ฉัน ฉันไม่เคยปฏิบัติดีๆ ต่อเธอเลย และเลือกที่จะตำหนิเธอเสมอ”
เซียวเจี่ยนมองมารดาผ่านกระจกมองหลัง เขากัดริมฝีปากแน่นและไม่พูดอะไร คนที่ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเช่นนี้ คือผู้หญิงคนนั้น!
“บ้าบัดซบ!” หลินหรูสบถรอดไรฟัน “ฉันจะไม่ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปแน่ ทำไมหล่อนช่างโหดเ**้ยมได้ขนาดนั้น! โหรวโหรวของฉันทำผิดอะไร ทำไมหล่อนถึงจงใจใส่ร้ายเธอ เธอแค่กลับมาอยู่บ้านของเธอเท่านั้น!”
ในขณะกำลังขับรถเซียวเจี่ยนกล่าวว่า “เธอมีเหตุผลของเธอที่จะทำแบบนั้น เป็นการดีกว่าสำหรับเธอที่จะจัดการแบบนั้นก่อนที่พวกเราจะมีความรู้สึกดีๆ ต่อโหรวโหรวมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจะไม่มีโอกาส ถ้าพวกเราเริ่มเข้ากันได้กับโหรวโหรว และเริ่มรักโหรวโหรวมากกว่าเธอ”
หลินหรูกำมือแน่น กล่าวด้วยความเกลียดชัง “ฉันจะทำให้หล่อนหายไปจากเมือง A! ฉันเลี้ยงดูหล่อนมาเป็นอย่างดีกว่ายี่สิบปี! แต่หล่อนกลับตอบแทนฉันด้วยการฆ่าลูกสาวแท้ๆ ของฉัน!”
เซียวเจี่ยนเลิกคิ้ว ก่อนจะกล่าวว่า “คุณแม่ครับ ดูเหมือนโหรวโหรวไม่ได้เกลียดคุณแม่มากมายเลยนะครับ ถึงอย่างไรคุณแม่ก็เป็นแม่แท้ๆ ของเธอ คุณแม่ไปหาเธอบ่อยๆ สิครับ ไปคุยกับเธอ บางทีสักวันหนึ่งเธอจะยอมกลับบ้านเรา”
หลินหรูยิ้มแหยๆ กลับบ้านเราหรือ เธอเห็นแล้วว่าเซียวหงลี่กับหยางจิ้งเสียนดูแลโหรวโหรวดีขนาดไหน เด็กผู้หญิงที่ก่อนหน้านี้ผอม ซีดเซียว ขี้อาย และขลาดกลัว กลายเป็นเด็กสาวแสนสวยในบ้านของพวกเขาหลังจากนั้นเพียงสองเดือน
พูดตามตรงว่า เธอไม่เคยคิดว่าพวกเธอจะเลี้ยงดูโหรวโหรวได้ดีขนาดนี้ ถึงแม้โหรวโหรวจะมาอยู่กับพวกเธอตั้งแต่แรกที่เด็กสาวกลับมาก็ตาม
เซียวหงอี้กล่าวว่า “ถ้าโหรวโหรวไม่กลับมาบ้านเรา ความสัมพันธ์ของเรากับครอบครัวหลิวก็จะ…” ถ้าเป็นเช่นนั้นเซียวกรุปก็จะสูญเสียเสาหลักที่ยิ่งใหญ่ในการสนับสนุน!
หลินหรูขมวดคิ้วมองเซียวหงอี้อย่างเย็นชา “เซียวหงอี้ ในสายตาคุณมีแต่เงินเท่านั้นหรือ นั่นน่ะลูกสาวฉันนะ ไม่ใช่เครื่องมือทำการค้าของคุณ!”
ด้วยไม่คาดคิดว่ามารดาซึ่งมักคิดถึงแต่ผลกำไรก่อนเสมอจะพูดแบบนี้ เซียวเจี่ยนจึงเลิกคิ้วมองด้วยความตกใจ หลินหรูกล่าวต่อไปว่า “ฉันจะบอกอะไรให้นะเซียวหงอี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่าได้พยายามคิดหาผลประโยชน์จากโหรวโหรว ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้คุณเสียใจ ได้ยินไหม”
เซียวหงอี้ขมวดคิ้วขณะโต้ตอบ “คุณรู้หรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะต้องพยายามรักษาความสัมพันธ์ของเรากับตระกูลหลิวไว้ เราคงไม่ต้องรีบร้อนให้โหรวโหรวกลับมาหรอก ทั้งที่รู้ว่าจะต้องเสี่ยงกับความระคายเคืองของน้องชายผม!”
“ถ้าคุณต้องการยอมรับโหรวโหรวเพียงเพราะตระกูลหลิวละก็ ฉันยอมให้โหรวโหรวปฏิเสธเราดีกว่า!” หลินหรูกล่าวอย่างเย็นชา “เพราะคุณ ฉันถึงต้องพลัดพรากจากลูกสาวฉันมานานกว่ายี่สิบปี และปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นธรรมตอนที่เธอกลับมาหาฉัน ตอนนี้เพราะหลิวเฉิงอวี่ไม่ต้องการเซียวจิ้นหนิงแล้ว คุณก็เลยจะใช้โหรวโหรวเป็นเครื่องมืออย่างนั้นหรือ คุณไม่รู้สึกละอายบ้างหรืออย่างไร”
เมื่อเห็นว่าเซียวหงอี้เริ่มทะเลาะกับหลินหรู เซียวเจี่ยนก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “พอแล้วครับ โหรวโหรวยังไม่ได้กลับมาเลย คุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันเพื่ออะไร!”
“พอแล้วอย่างนั้นหรือ” หลินหรูจ้องหน้าเซียวเจี่ยนแล้วระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา “ถ้าแม่ไม่ต้องรีบร้อนไปเมือง W เพื่อช่วยพ่อของลูกจัดการธุรกิจในตอนนั้น แม่คงไม่ต้องคลอดน้องสาวลูกก่อนกำหนด และสูญเสียเธอไปอย่างนี้!”
ตอนที่ 95 พิรุธ
หลินหรูโกรธเซียวหงอี้ตั้งแต่เธอรู้ว่าเซียวจิ้นหนิงไม่ใช่ลูกสาวเธอ แต่เธอไม่เคยแสดงออก ไม่เอ่ยถึงตอนทะเลาะกับเขาในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ แต่ในที่สุดเธอก็โพล่งออกมา หลินหรูทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอร้องไห้ออกมาดังๆ “ตอนที่แม่ถูกส่งเข้าโรงพยาบาล พ่อของลูกไม่ได้อยู่ด้วย ถ้าเขาอยู่ ลูกสาวของแม่จะหายไปไหม! แม่จะถูกพรากจากลูกสาวนานหลายปีอย่างนี้ไหม”
ประกายความเจ็บปวดด้วยความรู้สึกผิดฉายชัดบนใบหน้าเซียวหงอี้เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขากล่าวเสียงต่ำ “ผมก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ แต่นั่นก็นานยี่สิบกว่าปีแล้ว จะมาพูดถึงอีกเพื่ออะไร”
“ทำไมจะพูดไม่ได้!” หลินหรูเสียงดัง “คุณควรรู้ว่าคุณเป็นหนี้เรา! เพราะฉะนั้น เซียวหงอี้ คุณไม่ควรพยายามผลหาประโยชน์จากลูกสาวฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณ!”
เซียวเจี่ยนอดยกมือขยี้หัวคิ้วตัวเองไม่ได้ เขาคิดไม่ถึงว่าครอบครัวเขาไม่เพียงแต่จะล้มเหลวในการรับเซียวโหรวกลับคืนมา แต่ยังมาขัดแย้งกันเองอีก
…
ทางอีกด้านหนึ่ง หยางจิ้งเสียนจับมือถังซีไว้และกล่าวขอบคุณ “โหรวโหรว ขอบใจนะจ๊ะ ที่ไม่ทิ้งเราไปกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของลูก”
ถังซียิ้มและตอบว่า “ตั้งแต่วินาทีที่คุณแม่เอื้อมมือมาหาหนู คุณแม่คือครอบครัวของหนูค่ะ เพราะฉะนั้นหนูจะอยู่เคียงข้างคุณแม่โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่ หนูคือลูกสาวของคุณแม่ตลอดไปค่ะ”
หยางจิ้งเสียนกอดถังซี “ขอบใจนะจ๊ะ ลูกรักของแม่”
ถังซียิ้ม ตบหลังหยางจิ้งเสียนเบาๆ “คุณแม่พักผ่อนเถอะนะคะ หนูจะไม่กลับไปโรงเรียนแล้วค่ะวันนี้ พี่ส่า พี่ช่วยทำอาหารกลางวันให้เราหน่อยได้ไหม ฉันรู้ว่าพี่ทำอาหารเก่ง!”
เซียวส่าส่งเสียงตะโกนออกมาทันที “โหรวโหรว ยายตัวเล็ก ใครบอกเธอว่าพี่ทำอาหารเก่ง!”
ถังซีหัวเราะอย่างล้อเลียน “พี่ไม่อยากทำอาหารให้คุณแม่เหรอ”
หยางจิ้งเสียนก็มองหน้าเซียวส่า และเลิกคิ้วขึ้นถามว่า “ลูกไม่อยากทำหรือ”
เซียวส่ายกมือขึ้นยอมแพ้ “ถ้าอย่างนั้น ผมต้องขอผู้ช่วยสองคนครับ!”
หยางจิ้งเสียนหัวเราะเบาๆ ชี้ไปที่เซียวจิ่งพร้อมกับบอกว่า “จิ่งเขาจะช่วยลูก”
ด้วยความพึงพอใจอย่างมากกับการแสดงออกของถังซีในวันนี้ เซียวจิ่งจึงอารมณ์ดี เขาร้องออกมาในเชิงเย้าแหย่ทันที “คุณแม่ครับ! แล้วโหรวโหรวล่ะครับ ทำไมผู้ชายอย่างเราถึงต้องมารับใช้คุณๆ ผู้หญิงด้วยล่ะ”
หยางจิ้งเสียนปล่อยถังซีจากอ้อมกอด ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มสดใสตอบว่า “เป็นเรื่องธรรมชาตินะจ๊ะ เพราะคุณๆ ผู้ชายเกิดมาเพื่อรับใช้ผู้หญิงอย่างเรา”
“ผมไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย…”
ถังซีหัวเราะเบาๆ “เพราะฉะนั้นพี่ๆ ทั้งสอง พร้อมจะรับใช้พวกเราหรือยัง”
พี่ชายทั้งสองลุกขึ้นยืน โค้งด้วยท่าทางแสดงความเคารพและกล่าวขึ้นพร้อมกัน “เรายินดีรับใช้องค์ราชินีและเจ้าหญิงน้อยของเรา”
ถังซีลุกขึ้นย่อตัวถอนสายบัวให้พี่ๆ ทั้งสอง แล้วหันไปกล่าวกับหยางจิ้งเสียน “คุณแม่ทำความสะอาดห้องให้หนูมาตั้งแต่เช้า ต้องเหนื่อยมากแน่ๆ ตอนนี้คุณแม่ไปพักผ่อนก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหนูจะคอยควบคุมพี่สองคนทำอาหารเอง ไม่ให้พวกเขาอู้ พออาหารเสร็จแล้วหนูจะขึ้นไปตามคุณแม่นะคะ”
หยางจิ้งเสียนจูบแก้มถังซี แล้วเดินยิ้มกว้างขึ้นไปชั้นบน
หลังจากหยางจิ้งเสียนขึ้นไปแล้วถังซีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เซียวจิ่งลงนั่งข้างเธอ ขมวดคิ้วพร้อมกับถามเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้น พี่รู้สึกว่าเธอมีอะไรบางอย่างจะบอกเรา และทำไมถึงต้องหาข้ออ้างส่งคุณแม่ขึ้นไปข้างบน”
เซียวส่าพยักหน้า เงยหน้าขึ้นมองไปชั้นบนแล้วถามเสียงเบาว่า “เธอมีอะไรปิดบังพวกเราอยู่หรือ”
ถังซีคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจบอกพวกเขาเรื่องเกี่ยวกับเซียวเหยา แม้จะไม่แน่ใจว่าเซียวเหยาตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ก็ตาม แต่ลางสังหรณ์ของเธอไม่เคยผิดพลาด
เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีจึงกระซิบ “พี่เหยาไปเมือง J ค่ะ”
เซียวจิ่งพยักหน้า “เมือง J พี่รู้จัก อยู่ไม่ไกลเท่าไร ทำไมเธอดูตื่นเต้นจัง”
ถังซีส่ายศีรษะให้เซียวจิ่งซึ่งดูสบายอกสบายใจ “ฉันกำลังพูดถึงเมือง J ของมณฑล Y”
เซียวส่าไม่ได้เห็นเป็นเรื่องใหญ่ เขายักไหล่แล้วกล่าวว่า “พี่เหยาเดินทางไปทั่วโลก เขาเป็นคนลึกลับมาก มีเรื่องใหญ่อะไรหรือกับการที่เขาจะไปเมืองเจ…” แล้วทันใดนั้นเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงข่าวที่อ่านเมื่อเช้า จากนั้นก็ถามถังซี “เธอหมายถึงเมือง J ของมณฑล Y หรือ”
ถังซีตอบด้วยการพยักหน้าอย่างแรง “ใช่ค่ะ ฉันหมายถึงเมือง J ที่อยู่ติดกับสามเหลี่ยมทองคำ”
เมื่อเห็นใบหน้าอันเคร่งเครียดของพี่น้องทั้งสอง เซียวจิ่งก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เซียวส่าถามถังซีว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่เหยาถึงไปเมือง J เขาไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองหรอกหรือ”
ถังซีมองขึ้นไปบนชั้นสอง หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจว่าหยางจิ้งเสียนไม่ได้ลงมา เธอก็ตอบเสียงเบา “พี่เหยาไม่ใช่เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ แต่เป็นผู้บังคับการหน่วยรบพิเศษของกองกำลังพิเศษแห่งชาติ เขามียศทหารเป็นพันตรีแล้วด้วย พี่รู้ไหมว่านี่หมายความว่าอย่างไร”
เซียวจิ่งกล่าวว่า “นั่นหมายความว่า พี่เหยาแลกสิ่งนี้มาด้วยเลือดเนื้อ”
ถังซีพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
เซียวส่ารู้สึกประหลาดใจ “แม้แต่พวกเรายังไม่รู้เรื่องนี้ เธอรู้ได้อย่างไร”
ถังซีขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงวิธีที่เธอจะไปเมือง J เพื่อช่วยเซียวเหยาด้วยทักษะเอนกประสงค์ เธออยากให้พวกเขาเตรียมใจจึงตอบว่า “ฉันเคยบอกพวกพี่แล้วก่อนหน้านี้ว่าฉันเป็นนางฟ้า ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ของฉันดีมาก เพราะฉะนั้นจึงง่ายมากที่ฉันจะแฮ็คแฟ้มข้อมูลของกองกำลังพิเศษ”
เซียวจิ่งตบศีรษะเธอ “จริงจังหน่อย! เธอแน่ใจหรือว่าพี่เหยาตกอยู่ในอันตราย”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากเซียวเหยาในวันนี้
ถังซีส่ายศีรษะ “ฉันไม่แน่ใจ เพียงแต่รู้สึกไม่ค่อยดี ฉันรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย ตอนที่พี่เหยาไปทำงานไกลๆ สองครั้งที่ผ่านมา”
เซียวส่าก็รู้สึกเช่นเดียวกันในวันนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของถังซีเขาก็อดมองสบตาเซียวจิ่งไม่ได้ เซียวจิ่งกล่าวอย่างลังเล “พี่เหยาฉลาดและเก่งในศิลปะการต่อสู้ เขาจะไม่เป็นอะไร…” จากนั้นเขาก็หยุด ก่อนจะกล่าวต่อว่า “บางทีเขาอาจยังอยู่ที่สนามบิน เราโทรหาเขา ขอให้เขากลับบ้านดีไหม”
เมื่อนึกถึงภาพที่เห็นในวันนี้ ถังซีก็ยิ้มแหยแล้วบอกว่า “พี่เหยามีเฮลิคอปเตอร์มารับไปแล้วค่ะ”
เซียวจิ่งขมวดคิ้วกล่าวว่า “เธอหมายความว่า เราไม่สามารถทำอะไรเพื่อห้ามเขาได้เลยหรือ”
เซียวส่าก็ดูวิตกกังวลอย่างมากเช่นกัน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาให้ถังซีดูข่าวที่เขาเห็นเมื่อเช้านี้ และถามว่า “พี่เหยาไปเมือง J เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
ถังซีอ่านข่าวแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ใช่ค่ะ ตามแฟ้มในฐานข้อมูล พี่เหยาจะจับคลอสร่วมกับประเทศอื่นอีกสามประเทศในครั้งนี้”
“คลอส!” เซียวจิ่งอุทานออกมาดังๆ “นี่เธอกำลังพูดถึงผู้ชายคนที่นานาชาติกำลังตามล่าอยู่อย่างนั้นหรือ”
ถังซีพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“ผู้ชายคนนี้คือผู้ก่อการร้าย ว่ากันว่าเขาทั้งค้ายาเสพติดและค้าอาวุธด้วย! เขาไม่ได้…”
ถังซีกล่าวอย่างเคร่งเครียด “เพราะอย่างนั้นฉันถึงเป็นห่วงมาก!”
เซียวส่าเม้มริมฝีปากแล้วมองหน้าถังซี ถามว่า “โหรวโหรว เธอเก่งคอมพิวเตอร์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
ตอนที่ 96 เซียวเหยา ผู้บังคับการกองกำลังพิเศษ
ถังซีหยุดชะงัก พระเจ้า! เธอลืมไปสนิทว่าเซียวส่าเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์มาก เมื่อกี้เธอเพิ่งบอกเขาว่าเธอแฮ็คฐานข้อมูลของกองกำลังพิเศษ เขาจะขอให้เธอลงสนามประลองกับเขาอีกไหม
“พี่ส่า ฉันบอกพี่แล้วว่าฉันเป็นนางฟ้าน้อย ฉันแค่ซ่อนพลังของฉันไว้ก่อนหน้านี้…”
“แล้วตอนนี้เธอไม่ต้องซ่อนแล้วหรือ”
ถังซีรู้ว่าเขารู้ความลับเธอหมดแล้ว เธอไม่สามารถปกปิดด้วยการโกหกได้อีกต่อไป เธอจึงโพล่งออกมาเฉยๆ ว่า “พี่เหยาตกอยู่ในอันตรายแล้วตอนนี้ ฉันยังจะซ่อนพลังไว้ได้ยังไงล่ะ”
เซียวส่าระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที แล้วกล่าวว่า “โหรวโหรว สิ่งที่เธอพูดฟังดูสมจริงมาก จนพี่เกือบจะเชื่ออยู่แล้ว!”
ถังซีอึ้ง จ้องมองเซียวส่าด้วยความงุนงง ในขณะที่ฝ่ายหลังลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องครัว “เอาล่ะ เลิกฝันกลางวันได้แล้ว เธอก็แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ตั้งใจเรียนหนังสือให้มากๆ เพราะถึงเธอจะเป็นนางฟ้าจริงๆ พี่ก็ไม่ลืมที่เราเดิมพันกันไว้หรอก ถ้าเธอไม่เรียนให้หนักและแพ้พนันพี่ เธอต้องเอาเงินค่าจ้างของเธอมาจ่ายพี่หนึ่งล้านหยวน”
เซียวจิ่งก็ส่ายศีรษะ ลุกขึ้นเดินเข้าห้องครัว บอกว่าเขาจะไปช่วยเซียวส่า เขาลูบผมถังซีพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โหรวโหรวน้อย ช่างจินตนาการเสียจริง ถ้ามีเวลาว่างเธอก็ลองเขียนนิยายสิ พี่จะอ่านนิยายเธออย่างแน่นอน”
ถังซีจ้องมองตามหลังพี่ชายทั้งสองที่กำลังเดินเข้าห้องครัวด้วยสายตาว่างเปล่า หมายความว่าพวกเขาคิดว่าเธอแค่ล้อเล่น และมาร่วมเล่นละครน้องๆ รักพี่ชายไปกับเธออย่างนั้นหรือ
ทำไมเธอถึงรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมากะทันหัน!
พี่น้องสองคนนี้ควรเป็นนักแสดงจริงๆ!
ในห้องครัวเซียวส่ายืนพิงโต๊ะทำอาหาร ขณะที่เซียวจิ่งยืนพิงเคาน์เตอร์บาร์ ทั้งคู่ต่างดูท่าทางวิตกกังวล เซียวส่าถามว่า “นายคิดว่าพี่เหยาตกอยู่ในอันตรายจริงไหม”
เซียวจิ่งตอบพร้อมกับพยักหน้า “ผมรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากพี่เหยาแล้ว”
“และคุณแม่ได้รับบาดเธอเจ็บที่มือ เพราะท่านรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” เซียวส่าเสริม จากนั้นเขาก็มองหน้าเซียวจิ่ง กล่าวต่อไปว่า “แล้ว… นายเชื่อไหมว่าโหรวโหรวของเราเป็นนางฟ้า เป็นไปได้ไหมว่าเธอได้ยินเรื่องที่พี่เหยาพูดในโทรศัพท์”
เซียวจิ่งหันศีรษะชะโงกดูถังซีที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนโซฟา แล้วยิ้มออกมา “ถ้าเธอเป็นนางฟ้าจริงๆ ทำไมเธอจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเดือนเพราะเซียวจิ้นหนิงด้วยล่ะ เธอแค่ขี้โม้เท่านั้นเอง”
เซียวส่าขมวดคิ้ว “ฉันคิดไม่ถึงว่าพี่เหยาจะทำงานที่เสี่ยงอันตรายขนาดนี้ โดยเก็บเป็นความลับไม่ยอมบอกพวกเรา!”
“ทำไมคุณลุงหยางถึงไม่รู้ว่าพี่เหยาทำงานให้กองกำลังพิเศษ” เซียวจิ่งสงสัย ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “ผมจะโทรหาคุณลุง ถามท่านเกี่ยวกับหน่วยรบพิเศษของกองกำลังพิเศษ”
“อย่าถาม ถ้าเราบอกคุณลุงเรื่องงานของเขา แล้วพี่เหยากลับมาโดยไม่เป็นอะไร คุณพ่อคุณแม่จะรู้ว่างานของเขาคืองานอะไร” เซียวส่ากล่าว “บางทีพี่เหยาอาจไม่ต้องการให้คุณพ่อคุณแม่รู้และเป็นห่วงเขา”
“เขาเป็นพันตรี!” เซียวจิ่งกล่าวเสียงต่ำ “ตอนนี้พี่เหยาอายุเท่าไหร่ เขาเป็นพันตรีแล้ว ทั้งๆ ที่อายุยังแค่ยี่สิบปลายๆ!”
ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าทหารจะได้เลื่อนยศขึ้นเป็นจ่า และเท่าที่พวกเขารู้เซียวเหยาเริ่มทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองเมื่อสองหรือสามปีก่อน แสดงว่าเซียวเหยาไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่สืบราชการลับ แต่เป็นผู้บังคับการกองกำลังพิเศษ และเขาได้ยศนายพันเพราะตำแหน่งนี้! พวกเขาตกใจสุดขีด!
คุณตาของพวกเขาเป็นแค่พลโท แม้ท่านจะรับราชการในกองทัพมานานหลายสิบปี แต่เซียวเหยาติดยศพันตรีแล้ว บางทีเขาอาจได้เลื่อนขึ้นเป็นพันโทในไม่ช้า! ลักษณะแบบนี้จินตนาการได้ไม่ยากว่าผู้บังคับการคนนี้ผ่านอะไรมาบ้าง
“อย่าบอกคุณพ่อคุณแม่นะ” เซียวส่ากล่าวอย่างจริงจัง ตายายลุงป้าน้าอาและลูกพี่ลูกน้องทางสายมารดาของพวกเขาล้วนรับใช้ในกองทัพ ส่วนบิดานั้นถึงจะทำงานในหน่วยงานของรัฐก็จริง แต่เขาไม่ต้องการให้ลูกๆ รับราชการในกองทัพ อย่างไรก็ตามท่ามกลางความประหลาดใจของพวกเขา เซียวเหยาทำไปแล้ว และมียศถึงพันตรี!
เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
เซียวเหยาไม่ค่อยได้อยู่กับครอบครัวเมื่อตอนพวกเขาเป็นเด็ก ชีวิตพี่ชายใหญ่ในช่วงมัธยมปลายและมหาวิทยาลัยอยู่ในเมืองหลวง เพราะฉะนั้น…
“ฉันเพิ่งรู้สึกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ว่าเราควรใส่ใจพี่เหยาให้มากกว่านี้” เซียวส่าหันหลังไปล้างหม้อ “พวกเราอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับพี่เหยามานานหลายปี แต่เราไม่เคยรู้ความลับของเขา จนกระทั่งโหรวโหรวบอกเราเรื่องนี้”
เซียวจิ่งหยิบผักจากตู้เย็นออกมาล้างพลางบ่นว่า “ผมกลัวจังเลย เมื่อคิดว่าพี่เหยาเป็นผู้บังคับการกองกำลังพิเศษที่เราเคยเห็นแต่ในทีวี… ผมไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า พี่ชายของผมจะเป็นแบบเดียวกับคนที่ผมเคยเห็นแต่ในหนังเท่านั้น … “
ถังซีแอบย่องมาที่ประตูครัว นั่งยองๆ ลงแอบฟังการสนทนาของพี่ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขาถังซีก็ทำปากยื่น ดูเหมือนพี่ๆ จะไม่เชื่อคำพูดเธอ เพราะฟังดูน่าตกใจเกินไป อันที่จริงถ้า 008 ไม่ได้ให้ข้อมูลของเซียวเหยาแก่เธอ เธอก็คงไม่เชื่อเช่นกันว่าพี่ชายของเธอเป็นนายทหารของกองทัพ ไม่น่าแปลกใจที่เซียวเหยาประทับใจในภาพยนตร์เรื่องที่ไปชมกันเมื่อคืนวานนี้มาก ดวงตาเขาเปล่งประกายเจิดจ้าเมื่อได้ยินว่าเธออยากเป็นทหารกองกำลังพิเศษ
พี่ชายสองคนพูดคุยกันเรื่องนี้พักหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เมื่อถึงตอนนี้ถังซีก็เลิกแอบฟัง กลับไปนั่งที่โซฟา เริ่มค้นหาข้อมูลด้วยแท็บเล็ตของเซียวส่า
เธอต้องหาว่าส่วนไหนของเมือง J ที่เหมาะสมในการหลบซ่อนตัว โดยเฉพาะสำหรับพวกอาชญากร ถ้าพี่เหยาไม่สามารถจัดการกับคนเหล่านั้นได้ เธอจะทำแทน!
เธอเป็นคนที่เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง การสังหารผู้ก่อการร้ายจะไม่ส่งผลกระทบต่อจิตใจเธอมากนัก
…
เมือง J มณฑล Y
เมื่อเซียวเหยาลงจากเฮลิคอปเตอร์ ทีมทหารในเครื่องแบบก็เข้ามาหาเขา เซียวเหยาเดินไปหาพวกเขา ทั้งหมดทำความเคารพในแบบทหาร ซึ่งเขาก็รับความเคารพแบบทหารเช่นกัน เขาถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
“กองกำลังของเรากำลังติดตามคลอสและคนของเขา ร่วมกับนายตำรวจของประเทศอื่นๆ และเราพบสถานที่ที่น่าสงสัยสองแห่งครับผม” ชายคนหนึ่งรายงานแก่เซียวเหยา พร้อมกับส่งแท็บเล็ตในมือให้เขา “นี่คือสถานที่หลบซ่อนตัวที่เป็นไปได้ของคลอสและลูกน้องครับผม ผู้การ!”
เซียวเหยารับมาดูและพยักหน้า “แจ้งทหารทุกคนให้เฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมที่จะสนับสนุนกองทัพต่างชาติ”
“ครับผม!”
เซียวเหยาตามทหารเข้าไปนั่งในรถ ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขามองดูชื่อผู้โทรและรับสาย “ครับ ท่านนายพล เซียวเหยาพูดครับผม!”
“จับตายคลอสที่เมือง J ในทุกกรณี อย่าปล่อยให้เขามีชีวิตรอดออกจากเมือง กองทัพของเราไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายที่ลักลอบเข้ามาในดินแดนของเราหลบหนีไปได้!”
“ครับผม! ผมจะลงมือด้วยตัวผมเอง”
ท่านนายพลกล่าวอย่างเคร่งเครียด “ดี แต่ตามที่เราได้รับแจ้ง คลอสมีอาวุธพร้อมมือ คุณต้องระมัดระวังให้มาก เข้าใจไหม”
เซียวเหยาตอบรับด้วยการยืนยัน “เราจะกำจัดคลอสและคนของเขาให้สิ้นซากในเมือง J ให้จงได้ เราจะไม่ยอมให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาสร้างความเดือดร้อนในประเทศของเรา ครับผม!”
ขณะกล่าวเช่นนี้เขาก็คิดถึงสิ่งที่ถังซีพูดเมื่อคืน และยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาสงสัยว่าเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ถ้ารู้ว่าพี่ชายของเธอเป็นพันตรีแห่งกองกำลังพิเศษที่เธอชื่นชมมาตลอด
ตอนที่ 97 เปิดใช้งานทักษะอเนกประสงค์
เมื่อมาถึงค่ายพักชั่วคราวของกองทหาร เซียวเหยาเดินตรงเข้าไปในห้องบัญชาการเพื่อสั่งการกับทหารที่อยู่ในบริเวณนั้น เมื่อเห็นว่าทุกคนปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี เขาก็สั่งรองผู้บังคับการให้เตรียมพร้อมเข้าจับกุม “ผมจะเข้าร่วมปฏิบัติการด้วย คุณจะเป็นผู้รับคำสั่ง! ไอ้สารเลวพวกนั้นมีอาวุธร้ายแรง แจ้งให้คนของเราระมัดระวังตัวให้มากขึ้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้รองผู้บังคับการก็ลุกขึ้น และพยายามห้ามเขา “ผู้การครับ ผมจะเข้าไปเอง เราจะจับคนพวกนั้นได้แน่นอน ภายใต้คำสั่งของผู้การ!”
เซียวเหยาขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ทำตามคำสั่ง!”
“ครับผม!” รองผู้บังคับการท่าทางเคร่งเครียด “ตามรายงาน พวกมันมีปืนพกเอ็ม 1935 บราวนิ่งรุ่นใหม่ล่าสุด เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดี นอกจากนี้พวกมันยังก็มีอาก้า 47 มาด้วยสองพันกระบอก ครับผม!”
สีหน้าเซียวเหยาเข้มขึ้นทันที อาก้า 47 สองพันกระบอก! แน่นอนว่านี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พกอาวุธในประเทศจีน ยกเว้นบุคลากรทางการทหาร พวกมันไม่มีสิทธิ์นำอาวุธเหล่านี้เข้ามาในประเทศจีน! เว้นแต่ว่า… คนเหล่านี้ไม่ได้ถือปืนทั้งหมดนี้เข้ามากับตัว ตอนผ่านเข้ามาในเขตแดน! “อาวุธพวกนี้ถูกส่งมาประเทศจีนได้ยังไง”
“ผู้การครับ บริเวณนี้คือชายแดนที่ติดกับสามเหลี่ยมทองคำ แล้วอาวุธเหล่านี้จะถูกส่งมายังประเทศของเราได้ด้วยวิธีไหนล่ะครับ”
“โดยเรือหาปลา!” เซียวเหยากล่าว “แล้วระเบิดล่ะ สายของเราให้ข้อมูลอะไรบ้างเกี่ยวกับระเบิด”
รองผู้บังคับการส่ายศีรษะ “ไม่มีรายละเอียดครับ เขาไม่เห็นระเบิด จึงไม่รู้ว่าเป็นระเบิดชนิดไหน ผู้การครับ ขอให้พวกเราออกปฏิบัติการภายใต้คำสั่งของคุณเถอะนะครับ!”
“ผู้การครับ ผู้บังคับการหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของประเทศ T ต้องการพบท่านครับผม!”
เซียวเหยาพยักหน้า และออกจากห้องบัญชาการไปยังห้องรับรอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลังจากผู้บังคับการของประเทศ T ออกจากห้องไป เซียวเหยาก็ตัดสินใจที่จะอยู่สั่งการที่ค่าย โดยให้รองผู้บังคับการนำทหารออกปฏิบัติการ รองผู้บังคับการยิ้มด้วยความยินดีใจ และกล่าวว่า “พวกเราจะบรรลุภารกิจครั้งนี้แน่นอน ภายใต้คำสั่งของผู้การ ครับผม!”
เซียวเหยาตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อย่าประมาท ภารกิจนี้ไม่ง่าย ถึงขนาดที่คลอสกล้าเข้ามาในประเทศเราแบบโจ่งแจ้ง นั่นหมายความว่ามันมีความพร้อม คุณต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่ เข้าใจไหม!”
รองผู้บังคับการพยักหน้า “ผู้ก่อการร้ายพวกนี้ มันกล้าเข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศของเราได้อย่างไร ผมจะไม่มีวันปล่อยให้พวกมันหนีรอดไปได้!”
เซียวเหยาตบไหล่รองผู้บังคับการแล้วกล่าวว่า “ระวังตัวด้วย!”
อีกสองชั่วโมงต่อมาเซียวเหยาก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อเกิดภาพการระเบิดขึ้นในวิดีโอ ดวงตาเขาแดงก่ำ เขาผลุดลุกขึ้นทันที ร้องเรียกรองผู้บังคับการ แต่ไม่มีเสียงตอบ ด้วยดวงตาจ้องเขม็งที่ภาพในวิดีโอ เซียวเหยากำมือแน่น ชกโต๊ะอย่างแรง ร้องตะโกนอย่างดุดัน “คลอส!”
“ดูเหมือนผมจะประเมินกองกำลังพิเศษของประเทศคุณสูงเกินไป แม้แต่กับระเบิดที่พวกมันวางไว้คุณก็ยังรับมือไม่ได้”
เซียวเหยาหรี่ตาลงด้วยความเจ็บแค้น “คลอส ฉันไม่ปล่อยแกออกจากเมือง J ทั้งยังมีชีวิตแน่!”
เขาเหวี่ยงหูฟังในมือไปที่ทหารอีกคนที่นั่งถัดจากเขา “แจ้งพิกัดคลอสให้ผมทราบตลอดเวลา!”
นายทหารมองหน้าเซียวเหยา กล่าวขึ้นด้วยความตกใจ “ผู้การครับ เรียนท่านผู้บัญชาการขอคำสั่งจากท่านดีไหมครับ!”
“ผมคือผู้บัญชาการของคุณ!” เซียวเหยาตะโกน “หุบปาก! คำสั่งจากท่านผู้บัญชาการของคุณคือจับตายคลอสในทุกกรณี อย่าให้รอดชีวิตออกไปจากเมือง J”
เซียวเหยาขับรถออกไปยังพื้นที่ปฏิบัติการด้วยความเร็วสูงสุด ดวงตาเขาเริ่มแดงเรื่อเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานนอนเกลื่อนอยู่บนพื้น เขาขับรถตรงไปยังค่ายพักของคลอส ซึ่งชายคนนั้นกำลังรอเขาอยู่ด้วยตัวเอง เมื่อคลอสเห็นเซียวเหยาก็ยิ้มและกล่าวว่า “ในที่สุดคนที่ผมสามารถใช้ขู่กองทัพประเทศคุณได้ก็มา ดูเหมือนผมจะไม่ได้เสียกระสุนไปเปล่าๆ อย่างน้อยคุณก็มา ผมรอคอยมานานที่จะได้พบคุณ ผู้พันเซียวเหยา!”
เซียวเหยามองหน้าเขาแล้วถามอย่างเยือกเย็น “แกเป็นใคร”
ข้อมูลประวัติของเซียวเหยาเป็นความลับสุดยอด ไม่มีบันทึกไว้แม้แต่ในเอกสารลับของกองกำลังพิเศษ นอกจากผู้บัญชาการกองกำลังโดยตรงแล้วไม่มีใครรู้ข้อมูลของเขา ชาวต่างชาติอย่างคลอสรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นใคร!
คลอสยิ้ม กางแขนออก แสดงให้เห็นว่าทีมที่เขานำมานั้นมีศักยภาพแค่ไหน “ผมก็คือคนที่คุณอยากฆ่าไง คุณคิดว่าผมเป็นใครล่ะ”
จากนั้นรอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้า เขาสั่งคนของเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “จับเป็น!”
เซียวเหยาลุกขึ้นยืนบนรถพร้อมกับหัวเราะเยาะ ยกปืนยิงจรวดอาร์พีจีขึ้นประทับยิง สิ่งที่ตามมาจากเสียงระเบิดดังกึกก้องคือคนจำนวนมากถูกยิ่งล้มลงกับพื้น จากนั้นเซียวเหยาก็หยิบอาก้า 47 ขั้นมาเล็งไปที่หัวของคลอส คลอสหลบกระสุน และจ้องมองเซียวเหยาอย่างเดือดดาลสุดขีด “แกพลาดครั้งใหญ่เสียแล้ว! …
…ฉันจะให้รางวัลห้าล้านดอลลาร์ กับใครก็ตามที่จับมันได้!”
เซียวเหยายิ้มเยือกเย็น กล่าวว่า “ห้าล้านดอลลาร์ซื้อชีวิตฉันไม่ได้หรอก!”
การยิงต่อสู้อย่างรุนแรงปะทุขึ้นทันที
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงมีผู้ก่อการร้ายเหลืออยู่ไม่มากนัก ร่างกายเซียวเหยาเต็มไปด้วยบาดแผล บางแห่งเป็นบาดแผลจากกระสุนปืนฝังใน และมีบาดแผลที่หน้าท้อง ซึ่งเกือบทำให้เขาเอาชีวิตไม่รอด…
…
ถังซีนั่งอ่านรายงานทางการทหารล่าสุดอยู่ที่โซฟา เมื่อเห็นข่าวสถานการณ์ปัจจุบันว่ามีการระเบิดครั้งใหญ่ในเมือง J ผู้คนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ เธอก็รู้ทันทีว่านี่เป็นเพียงรายงานข่าวอย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่ได้บอกถึงสถานการณ์จริง…
เมื่อเห็นน้องสาวหน้าซีดเผือดขึ้นมากะทันหัน เซียวส่ากับเซียวจิ่งก็จะเอ่ยปากถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอกล่าวขึ้นเสียก่อน “พี่เหยาบาดเจ็บ ฉันต้องไปช่วยชีวิตเขา…” จากนั้นเธอก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาเซียวจิ่งกับเซียวส่าทันที ทั้งๆ ที่รองเท้าแตะยังวางอยู่หน้าโซฟา…
เซียวส่าและเซียวจิ่งมองหน้ากันไปมา แล้วเซียวส่าก็คว้าตัวเซียวจิ่ง “เมื่อกี้เธอนั่งอยู่ตรงนี้ใช่ไหม”
เซียวจิ่งก็ตื่นตระหนกอย่างมากเช่นกัน เขาพยักหน้าอย่างตกตะลึง และเอ่ยขึ้นอย่างมึนงง “โหรวโหรวเป็นนางฟ้าจริงๆ ใช่ไหม ตลอดเวลาที่พวกเราไม่เคยเชื่อเธอ”
จากนั้นพี่ชายทั้งสองก็นึกขึ้นมาได้เกือบจะพร้อมกัน ถึงสิ่งที่ถังซีพูดไว้ก่อนจะหายตัวไป ทั้งสองผุดลุกขึ้น เซียวส่ากล่าวว่า “เร็วเข้า ติดต่อโรงพยาบาล! แจ้งให้ทางนั้นเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัด!”
เซียวจิ่งรีบโทรศัพท์ ขณะที่เซียวส่ารีบจัดการเรื่องอื่นๆ
…
ถังซีรู้สึกคล้ายกับหน้ามืด และวินาทีต่อมาเธอก็มาถึงพื้นที่ที่กำลังมีการต่อสู้ จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงระบบทำงาน…
[ระบบ : โฮสต์ถังซี คุณได้เปิดใช้งานทักษะการย้ายที่แบบฉับพลันของทักษะอเนกประสงค์ ดังนั้นคุณต้องเคลื่อนย้ายเซียวเหยากลับไปที่เมือง A ภายในสองชั่วโมง]
ถังซีมองดูภูมิประเทศโดยรอบแล้วขมวดคิ้ว “ศูนย์ ศูนย์ แปด เนื่องจากทักษะที่คุณให้ฉันเป็นทักษะอเนกประสงค์ นั่นหมายความว่าฉันสามารถเปิดใช้งานทักษะทุกอย่างที่ครอบคลุมการปฏิบัติงานได้พร้อมกัน ไม่จำเป็นต้องเปิดใช้ทีละอย่าง ฉันต้องการเปิดใช้งานทักษะทั้งหมด!”
[ระบบ : ถังซี คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือ คุณไม่รู้หรือว่า ร่างกายของคุณไม่สามารถรองรับการเปิดใช้งานทักษะทั้งหมดที่มีอยู่ในทักษะอเนกประสงค์ได้พร้อมกันในเวลาเดียว! เมื่อใดก็ตามที่คุณทำอย่างนั้น ร่างกายของคุณจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักที่สุด และจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้ฟื้นตัว ในช่วงเวลานั้นคุณอาจตายได้ทุกวินาที! คุณเข้าใจไหม]
ถังซีมีท่าทางแน่วแน่ “ถึงอย่างไรฉันก็ยังต้องการเปิดใช้งาน! ฉันจะฆ่าคลอสและผู้ก่อการร้ายให้หมด!”
[ระบบ : คุณเพียงแค่ต้องพาเซียวเหยากลับไป และส่งเขาให้ถึงมือหมอ!]
ถังซีตอบด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ “ศูนย์ ศูนย์ แปด เมื่อคุณส่งฉันมาที่นี่ นั่นก็หมายความว่าศัลยแพทย์ธรรมดาไม่สามารถช่วยชีวิตพี่ชายฉันได้!” จากนั้นโดยไม่ให้โอกาส 008 ได้พูดอะไร เธอก็กล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น “เปิดใช้งานทักษะอเนกประสงค์เดี๋ยวนี้!”
ตอนที่ 98 ความไว้วางใจโดยไม่มีเงื่อนไข
ทักษะอเนกประสงค์ถูกถังซีบังคับเปิดใช้งานด้วยตัวเอง
008 โกรธมากที่เธอทำแบบนี้
[ระบบ : ถังซี คุณรู้ไหมว่าคุณจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างถ้าทำแบบนี้ คุณจะหมดแรงและหมดสติ เข้าสู่ภาวะโคม่า! คุณจะตายภายในสองชั่วโมง!]
อย่างไรก็ตามถังซีไม่มีเวลาใส่ใจกับอย่างอื่นมากนัก เธอตัดการเชื่อมต่อโดยตรงกับ 008 ปิดกล้องวงจรปิดทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ที่เซียวเหยาถูกโจมตี รวมถึงอุปกรณ์ติดตามสถานการณ์จริงบนร่างกายเซียวเหยา จากนั้นร่างของเธอก็เปล่งแสงเจิดจ้า แล้วทันใดนั้นเธอก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางผู้คนที่รายล้อมเซียวเหยา
ในขณะที่ผู้คนตกตะลึง เธอก็หยิบปืนกลจากพื้นขึ้นมากราดยิง สังหารทุกคนหมดสิ้นในทันที หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน ส่งสายตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเธอ และกำลังจะก้าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เธอตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คลอส! “
ทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกน คลอสซึ่งก้าวเท้าข้างหนึ่งขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์แล้ว ก็มีปฏิกิริยา เขาถอนเท้ากลับ ส่วนเซียวเหยาซึ่งอยู่ในอาการโคม่าพยายามดิ้นรนที่จะลืมตา เมื่อคลอสเห็นว่าคนของเขาทั้งหมดถูกฆ่าตายในชั่วพริบตา เขาก็จ้องมองถังซี ถามว่า “แกเป็นใคร”
“คนที่จะฆ่าแกไง” ขณะกล่าวประโยคนี้เธอก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าคลอส ซึ่งเล็งปืนยิงใส่เธอทันที เธอหลบได้อย่างง่ายดาย ชั่ววินาทีที่เธอหลบกระสุนคลอสก็รีบขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เมื่อเห็นว่าเฮลิคอปเตอร์กำลังจะบินขึ้น ถังซีก็หัวเราะอย่างเย้ยหยัน ร่างเธอเปล่งแสงเจิดจ้า แล้วไปปรากฏขึ้นข้างๆ คลอส คลอสเบิกตาโพลงจ้องมองหญิงสาวผู้น่าสะพรึงกลัวคนนี้ ขณะยังคงยิงใส่เธอ ถังซีหลบกระสุนอย่างฉับพลัน ชักปืนจากมือคลอสแล้วชกเข้าที่ดวงตาเขาข้างหนึ่ง
“นี่สำหรับพี่ชายฉัน!”
จากนั้นก็ตามด้วยอีกหนึ่งหมัดที่ดวงตาอีกข้างของเขา “นี่สำหรับทหารเหล่านั้น!”
ในที่สุดเมื่อถึงนาทีนี้นักบินก็ตระหนักว่าพวกเขาควรยิงถังซี อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะสามารถกระทำการใดๆ ถังซีก็ยกปืนขึ้นยิงนักบินทั้งสอง เมื่อทั้งคู่ถูกยิงตายเฮลิคอปเตอร์ก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ถังซี ยิ้มอย่างเลือดเย็น เล็งปืนไปที่คลอสซึ่งนอนอยู่บนพื้น “ตอนนี้ก็ถึงตาแกแล้ว”
ถังซียิงเขาที่คอ “นี่สำหรับพี่ชายฉัน!”
จากนั้นเธอก็ยิงที่หัวใจคลอส “นี่สำหรับรองผู้บังคับการของพี่ชายฉัน!”
แล้วกระสุนอีกหลายนัดก็ถูกปล่อยออกมา หลังจากยิงจนหมดกระสุน เธอก็เปิดประตูเฮลิคอปเตอร์ คว้าร่างคลอส แล้วกระโดดลงมา และวินาทีต่อมาเฮลิคอปเตอร์ก็ระเบิด
เซียวเหยาเบิกตากว้างจ้องมองเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังระเบิด ร้องเรียกชื่อโหรวโหรวสุดเสียง แต่ไม่มีใครตอบเขา
ในขณะที่เขากำลังจะยิงตัวเอง ถังซีก็ปรากฏตัวตรงหน้า โยนร่างคลอสลงข้างๆ เซียวเหยามองขึ้นไปเห็นถังซี เขาคิดว่ากำลังฝัน โหรวโหรวซึ่งควรจะอยู่ในเมือง A มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ และช่วยเขาฆ่าคลอสได้อย่างไร
ทันใดนั้นถังซีก็ขมวดคิ้ว ทรุดลงคุกเข่า เซียวเหยาอยากเข้าไปพยุงเธอ แต่เขาอ่อนแอเกินกว่าจะลุกขึ้นจากพื้น ถังซีรีบทรงตัวให้มั่นคง แล้ววิ่งเข้าไปประคองเซียวเหยา กล่าวกับเขาเบาๆ ว่า “พี่เหยา ฉันจะพาพี่กลับบ้าน ลูกน้องพี่กำลังมา เดี๋ยวพวกเขาจะเจอร่างคลอส”
เซียวเหยาส่ายศีรษะ แตะมือถังซีเบาๆ และกล่าวว่า “พี่ต้องการทำลายร่างมันให้แหลกเหลว!”
ถังซีมองดูพื้นที่ซึ่งเพิ่งผ่านการต่อสู้มาสดๆ ร้อนๆ มีชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์และคราบเลือดเกลื่อนไปทั่วแล้วพยักหน้า เธอคว้าร่างคลอสขึ้นมาจากพื้นด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วโยนลงไปด้านข้าง ตรงจุดที่คลอสฝังกับระเบิดไว้ เสียงตูมดังสนั่น และร่างคลอสแหลกกระจาย
เซียวเหยาส่งข้อความถึงท่านผู้บัญชาการ ก่อนจะมองหน้าถังซี และกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรง “โหรวโหรว พาพี่ไปโรงพยาบาล”
ถังซีพยักหน้า กำลังจะประคองเซียวเหยาขึ้นจากพื้นเมื่อโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เธอมองดูเห็นว่าเป็นสายจากเซียวจิ่ง เธอรับโทรศัพท์แล้วกล่าวเสียงแผ่ว “พี่จิ่ง ฉันเจอพี่เหยาแล้ว”
เซียวจิ่งไม่ถามอะไรเลย เพียงแค่กล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า “พาพี่เหยามาที่โรงพยาบาลหลินอัน เราจัดเตรียมทุกอย่างไว้ที่นี่แล้ว”
ถังซีมองดูบาดแผลของเซียวเหยา นอกเหนือจากโรงพยาบาลที่ได้รับการจัดการเป็นพิเศษแห่งนี้แล้ว เธอสามารถพาเซียวเหยาไปที่โรงพยาบาลทหารได้ อย่างไรก็ตามถ้าเธอพาเขาไปที่โรงพยาบาลทหารในเมือง A คนในตระกูลหยางรวมทั้งคุณพ่อคุณแม่จะรู้เรื่องนี้ เธอจึงบอกว่า “ตกลง ฉันจะพาพี่เหยาไปที่โรงพยาบาลหลินอัน” เซียวเหยากลับสู่อาการโคม่าขั้นวิกฤติอีกครั้ง ถังซีหลับตาลง ร่างเธอส่องแสงเจิดจ้า แล้วทั้งสองก็มาปรากฏตัวที่ลานจอดรถใต้ดินของโรงพยาบาลหลินอัน ในช่วงเวลานั้นเองที่เซียวส่ากับเซียวจิ่งรีบวิ่งมาพร้อมกับเตียงเข็นผู้ป่วย และเห็นว่าร่างเซียวเหยาเต็มไปด้วยเลือด และสภาพถังซีก็ดูน่าเป็นห่วงมากเช่นกัน เมื่อไม่มีเวลาซักถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พวกเขาจึงรีบอุ้มเซียวเหยาวางเขาลงบนเตียงเข็น แล้วเข็นไปทางลิฟต์
ถังซีตะเกียกตะกายเข้าไปในลิฟต์ มองดูเซียวเหยาซึ่งซีดไปทั้งตัวอย่างน่าหวาดกลัว และอ้าปากหายใจอย่างยากลำบาก “พี่เหยามีบาดแผลจากกระสุนปืนอย่างน้อยยี่สิบแห่ง สามแห่งที่หน้าท้อง มหัศจรรย์มากที่เขารอดชีวิต”
เซียวส่าและเซียวจิ่งตกใจมาก ทำไมเขาถึงมีบาดแผลจากกระสุนปืนมากมายขนาดนี้!
เซียวส่ามองดูถังซี อดถามไม่ได้ว่า “แล้วเธอล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง”
ถังซีส่ายศีรษะแล้วตอบว่า “ฉันเพลียนิดหน่อย พี่จิ่ง พี่ส่า ช่วยจัดห้องผ่าตัดให้ฉันด้วย ฉันจะผ่าตัดให้พี่เหยา แล้วอย่าให้ใครเข้าใกล้เรา”
เธอรู้สึกเพลียอย่างที่พูด ราวกับพลังภายในร่างกายค่อยๆ ถูกระบายออกไปทีละน้อย ทำให้เธอหมดแรง
ดูเหมือนว่า 008 ไม่ได้โกหก หากทักษะอเนกประสงค์ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มกำลัง เธอจะไม่สามารถทนแบกรับไหว เวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาทีนับตั้งแต่เธอเปิดใช้งานทักษะอเนกประสงค์ แต่เธอรู้สึกว่าเธอกำลังจะตายแล้วตอนนี้…
เซียวจิ่งกับเซียวส่าไว้วางใจในตัวถังซีอย่างไม่มีเงื่อนไข เธอพยายามพาเซียวเหยากลับมาได้ในเวลาอันสั้น นั่นหมายความว่าเธอมีความสามารถพิเศษจริงๆ เซียวจิ่งพยักหน้ากล่าวว่า “ตกลง เธอผ่าตัดให้พี่เหยาได้เลย”
ขณะมองดูเซียวเหยาซึ่งมีบาดแผลจากกระสุนปืนจำนวนมาก และกำลังจะตาย พวกเขาไม่เชื่อว่าหมอคนอื่นจะช่วยชีวิตพี่ชายได้
เมื่อลิฟต์มาถึง เซียวจิ่งกับเซียวส่าขอให้พยาบาลเข็นเซียวเหยาเข้าไปในห้องผ่าตัดเพื่อให้เลือดและวางยาสลบ แล้วบอกพวกเขาว่าแพทย์ที่พวกเขาเตรียมไว้กำลังจะมาถึง
โรงพยาบาลเป็นของตระกูล ดังนั้นแพทย์จึงปฏิบัติตามคำสั่งอย่างไม่มีเงื่อนไข นอกจากนี้ผู้ป่วยยังเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเซียว เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไร และเข็นเซียวเหยาไปตามคำสั่ง เซียวส่าพาถังซีไปเปลี่ยนชุดผ่าตัด ถังซียิ้มให้เขาเมื่อเธอเห็นว่าเขาดูตื่นตระหนกและวิตกกังวลมาก เธอกล่าวว่า “พี่ส่า ฉันจะช่วยพี่เหยาเอง ไม่ต้องห่วงนะคะ”
เซียวส่ามองใบหน้าอันซีดเซียวของถังซี ถามเสียงแผ่วว่า “แน่ใจนะ ว่าเธอไม่เป็นอะไร”
ถังซียิ้ม ล้างมือด้วยสบู่ หลังจากนั้นก็สวมหมวกผ่าตัด สวมหน้ากาก แล้วเดินออกจากห้อง เธอตอบว่า “ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ จะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับฉันได้ล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันเลย”
เซียวส่าพยักหน้า เขากอดถังซีเมื่อมาถึงหน้าประตูห้องผ่าตัด และกระซิบกับเธอว่า “โหรวโหรว เรามอบพี่เหยาไว้ในมือเธอแล้วนะ”
นี่คือการแสดงออกถึงความไว้วางใจโดยไร้เงื่อนไขที่มีต่อถังซี
ตอนที่ 99 กลับสู่วินาทีแห่งความตาย
โดยไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไป ถังซีผลักประตูห้องผ่าตัดเปิดออกแล้วเดินเข้าไปข้างใน
เธอรู้สึกว่าเวลาของเธอใกล้หมดแล้ว จึงต้องรีบทำงานให้เสร็จสิ้นในเวลาอันสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้
ดวงไฟหน้าห้องผ่าตัดสว่างขึ้น พี่ชายสองคนนั่งอยู่ที่ทางเดิน และจ้องมองดวงไฟนั้นไม่วางตา เป็นความทุกข์ทรมานจากการรอคอยอันยาวนาน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทั้งสองรู้สึกราวกับรอมานานแสนนาน แต่กลับพบว่าเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงห้านาทีเท่านั้น เมื่อมองดูนาฬิกาข้อมือ
ขณะที่แสงของยามกลางวันมืดลง ดวงไฟหน้าห้องผ่าตัดก็ดับลงในที่สุด ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก นายแพทย์หลายคนเดินยิ้มออกมา ถังซีอยู่ท่ามกลางการรายล้อมของพวกเขา เซียวจิ่งและเซียวส่ามองสบตากัน รู้ทันทีว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จ
พี่น้องสองคนเดินเข้าไปหาคณะแพทย์ ถังซีมองหน้าพี่ชายทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะหันไปหาคณะแพทย์และพยาบาลพร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณนะคะ ที่ให้ความร่วมมือ ฉันอยากคุยกับคุณเซียวจิ่งและคุณเซียวส่าตามลำพังค่ะ เดี๋ยวพวกเราเอาไว้คุยกันพรุ่งนี้นะคะ”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ เซียวส่าก็รู้ทันทีว่าถังซีไม่ต้องการให้คนเหล่านั้นรู้จักตัวตนของเธอ เขาจึงกล่าวขึ้นว่า “อย่าบอกใครนะครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ พวกคุณไปได้แล้ว”
“เข้าใจครับ” ศัลยแพทย์อาวุโสคนหนึ่งตอบ “หลังจากนี้แล้ว คุณหมอถัง ขอให้เราได้คุยกันเรื่องความรู้ทางการแพทย์อีกสักครั้งนะครับ แม้ว่าการผ่าตัดครั้งนี้จะกินเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงหรือประมาณนั้น แต่นี่เป็นงานที่ยากมาก คุณต้องใช้พลังงานไปทั้งหมด คงต้องเหนื่อยมาก เราจะออกไปเดี๋ยวนี้ พักผ่อนให้เต็มที่นะครับ”
ถังซีตอบด้วยรอยยิ้มและพยักหน้า หลังจากคณะแพทย์จากไปถังซีก็ถอดหน้ากากบนใบหน้าออก แล้วยิ้มให้เซียวจิ่งกับเซียวส่า เอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “พี่ส่า พี่จิ่ง พี่เหยาไม่เป็นอะไรแล้ว” และเมื่อจบคำพูดเธอก็หมดแรงร่วงผล็อยลงกับพื้น ก่อนที่เซียวส่ากับเซียวจิ่งจะเข้ามารับตัวเธอไว้ทัน
เซียวส่าตะโกนว่า “เร็วเข้า ส่งเธอไปห้องฉุกเฉิน!”
เซียวจิ่งกล่าวอย่างเคร่งเครียด “ถอดชุดผ่าตัดของโหรวโหรวออกก่อน”
เซียวส่ากับเซียวจิ่งรีบถอดชุดผ่าตัดและหมวกออก และพบว่าใบหน้าเธอซีดเซียวอย่างน่ากลัว เซียวส่าเป็นห่วงน้องมากจนดวงตาเขาแดงเรื่อขึ้นทันที “โหรวโหรว น้องจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
หนึ่งในสองคนนั้นหยิบชุดผ่าตัดขึ้นจากพื้น ในขณะที่อีกคนรีบอุ้มถังซีไปที่ห้องฉุกเฉิน ไม่สนใจแม้แต่เซียวเหยาที่พยาบาลคนหนึ่งเพิ่งเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด
เมื่อเห็นเซียวจิ่งกำลังอุ้มหญิงสาวที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ศัลยแพทย์ที่เพิ่งกลับออกมาจากห้องผ่าตัดไปยังห้องฉุกเฉินก็ร้องครางอยู่ในใจ ‘เกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนี้ คนหนึ่งมีบาดแผลจากกระสุนปืนเต็มไปหมดทั้งตัวและเกือบตาย ในขณะที่อีกคนหนึ่งมีเลือดท่วมตัว…’
พวกเขาเพิ่งกลับมาจากสนามรบหรือ
อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ขอให้เซียวจิ่งรีบพาหญิงสาวไปที่เตียงพยาบาล เขาตรวจร่างกายถังซีแล้วกลับพบว่าไม่มีบาดแผลใดๆ จึงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ผู้ป่วยรายนี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บนะครับ”
เซียวจิ่งตะโกนว่า “ที่เปื้อนบนร่างกายเธอเป็นแค่สีแดง! เร็วเข้าสิครับ ตรวจดูว่าทำไมเธอถึงอยู่ในอาการโคม่า!”
หางตาของศัลยแพทย์หรี่ลง ‘นี่เป็นเลือดมนุษย์ชัดๆ คุณบอกได้ยังไงว่านี่คือสีแดง คุณเซียวนี่คุณกำลังพูดเหลวไหลอะไร!’ แต่เนื่องจากคุณเซียวบอกว่าเป็นสีแดง ดังนั้นนี่จึงเป็นสีแดง เขาเป็นแค่หมอไม่ใช่นักสืบ…
แต่ว่า…วันนี้ไม่มีเหตุฆาตกรรมในเมือง A ใช่ไหม
ขณะบ่นในใจศัลยแพทย์ก็ใช้หูฟังตรวจร่างกายถังซีอย่างละเอียด เขาตะลึงไปชั่วขณะกับความงามเมื่อเห็นใบหน้าเธอ ก่อนจะตรวจร่างกายเธอต่อไป ซักครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว “ร่างกายของผู้ป่วยรายนี้ว่างโหวง”
เซียวส่าซึ่งตามมาทีหลังเมื่อได้ยินอย่างนี้ก็ขมวดคิ้ว จ้องหน้าศัลยแพทย์ถามอย่างเย็นชาว่า “คุณหมายความว่าอย่างไร”
ศัลยแพทย์ขมวดคิ้ว อันที่จริงเขาก็อธิบายไม่ถูก แต่สิ่งที่เขาบอกได้คือ… “ไม่เหลืออะไรในร่างกายของคนไข้… แน่นอน ผมไม่ได้หมายความว่าอวัยวะภายในของเธอหายไป แต่ศักยภาพการทำงานภายในร่างกายเธอกำลังถูกดูดออกไปโดยอะไรบางอย่าง หรือพูดให้ชัดคือ ระบบในร่างกายเธอล้มเหลวในระดับร้ายแรง คุณเข้าใจไหม”
เซียวส่าและเซียวจิ่งตกใจมาก โหรวโหรวบอกพวกเขาว่าเธอเป็นนางฟ้า แต่พวกเขาไม่เคยเชื่อเลย หากโหรวโหรวเป็นนางฟ้าจริง เธอจะถูกเซียวจิ้นหนิงกลั่นแกล้งรังแกอย่างหนักแบบนั้นได้อย่างไร แต่วันนี้พวกเขาได้เห็นความสามารถของเธอด้วยสายตาตัวเอง จนในที่สุดพวกเขาก็เชื่อว่าเธอเป็นนางฟ้า… โหรวโหรวเป็นแบบนี้เพราะพลังเธอกำลังจะหมดใช่ไหม
“ผมต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยชีวิตเธอไว้ได้” เซียวจิ่งถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เซียวส่ากล่าวว่า “ลองทุกวิถีทางเท่าที่จะเป็นไปได้! หมอต้องช่วยเธอ!”
เขาสองคนจะรู้สึกผิดมาก ถ้าโหรวโหรวต้องเสียชีวิตไปเช่นนี้ และเซียวเหยาจะฆ่าตัวตายแน่นอน แม้โหรวโหรวจะพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยชีวิตเขาก็ตาม พวกเขาไม่ต้องการสูญเสียสมาชิกครอบครัวสองคนในคราวเดียว!
เซียวจิ่งกับเซียวส่าคิดถึงพ่อกับแม่ขึ้นมาพร้อมกัน หากคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าโหรวโหรวกำลังอยู่ในอาการโคม่า อันเป็นผลมาจากการช่วยชีวิตเซียวเหยา ท่านทั้งสองจะรู้สึกผิดอย่างมาก
“ผมทำได้เพียงให้น้ำเกลือเธอ นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว” สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือให้น้ำตาลกลูโคสแก่หญิงสาว เพราะเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย…
“ทำอะไรก็ได้ ที่เป็นการป้องกันไม่ให้อวัยวะของเธอทำงานล้มเหลว!” เซียวส่าและเซียวจิ่งตะโกนออกมาพร้อมกัน
ศัลยแพทย์ส่ายศีรษะ “ไม่มีอวัยวะส่วนไหนของเธอทำงานล้มเหลว ผมไม่รู้จะอธิบายให้คุณเข้าใจยังไง สิ่งเดียวที่คุณทำได้ตอนนี้คือรอ เข้าใจไหมครับ”
“เรียกศัลยแพทย์อาวุโสมาซิ!” เซียวจิ่งตะโกน หมออะไรกันขาดความรับผิดชอบขนาดนี้ ก็บอกอยู่เมื่อกี้ว่าระบบในร่างกายน้องสาวพวกเขาล้มเหลวในระดับร้ายแรง แต่กลับไม่ยอมทำอะไรเพื่อไม่ให้อาการหนักไปกว่านี้…
ศัลยแพทย์ขมวดคิ้วและบอกพยาบาลให้โทรหาศัลยแพทย์อาวุโส หลังจากถูกเรียกตัวมา หัวหน้าศัลยแพทย์ก็ทำการตรวจถังซีอย่างละเอียด แล้วส่ายศีรษะกล่าวว่า “ผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้สมองตาย แต่ผมรับประกันไม่ได้ว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่ สภาพร่างกายเธออ่อนแอเหลือเกิน จนดูเหมือนจะเป็นปาฏิหาริย์ที่เธอยังมีชีวิตอยู่”
“แน่นอน ผมรู้ว่าเป็นปาฏิหาริย์!” ด้วยไม่รู้จะระบายอารมณ์อย่างไร เซียวส่าจึงได้แต่ขอให้พวกเขาเตรียมห้องพักคนไข้
ห้องพักนั้นอยู่ติดกับห้องพักของเซียวเหยา พี่น้องทั้งสองคนหนึ่งเฝ้าถังซี อีกคนเฝ้าเซียวเหยา ทั้งสองรู้สึกผิดอย่างมากที่ไม่สามารถช่วยเหลือเซียวเหยาเมื่อเขาตกอยู่ในอันตราย และยังทำอะไรไม่ได้อีก เมื่อโหรวโหรวอยู่ในอาการโคม่า ทำไมพวกเขาถึงไร้ประโยชน์อย่างนี้
…
ถังซีตกลงสู่ความมืดมิด รู้สึกราวกับเธอกำลังจมดิ่งลง ทันใดนั้นเธอก็ลืมตาขึ้น และพบเพียงว่าตัวเองอยู่กลางทะเล เธอเห็นเครื่องบินตกลงมาจากท้องฟ้า และระเบิดขึ้นทันทีในนาทีที่สัมผัสผืนน้ำ เธอเห็นตัวเองระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ยกเว้นมือข้างหนึ่ง มือข้างที่ถูกปลาปิรันย่ากัดกิน เหลือเพียงแค่ปลายนิ้วก้อย เธอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง…
เป็นไปได้อย่างไร! ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ เธอไม่ได้กลายเป็นเซียวโหรวหรอกหรือ ทำไมเธอถึงเห็นช่วงเวลาที่เธอเสียชีวิต! เธอตายแล้วจริงๆ หรือ
ตอนที่ 100 ซีซี กลับบ้านกับผมนะ
ทันใดนั้นภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไป ถังซีเห็นคนสองคนยืนอยู่ที่ชายทะเล คนหนึ่งคือเฉียวเหลียง และอีกคนคือเพื่อนสนิทของเธอ ฉินซินหยิ่ง ซึ่งดูเหมือนจะพร่ำพูดอะไรกับเฉียวเหลียงราวกับคนเสียสติ แต่เฉียวเหลียงยังคงนิ่งเฉยและเอาแต่จ้องมองทะเล… ถังซีว่ายน้ำไปหาเขาสุดแรงเท่าที่จะทำได้ แต่กลับพบว่าเธอขยับไม่ได้เลยไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม จากนั้นภาพก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เธออยู่ในบ้านพักหลังหนึ่งซึ่งเฉียวเหลียงถือกล่องเล็กๆ ที่มีนิ้วมือเธออยู่ข้างใน
เขาทิ้งตัวลงบนเตียงและร้องไห้…
น้ำตายังคงพร่างพรูจากดวงตาถังซี ขณะที่เธอร้องออกมาดังๆ “เฉียวเหลียง! เฉียวเหลียง! ฉันอยู่นี่! ฉันอยู่ตรงนี้ หันมามองฉันสิ! ได้โปรดหันมามองฉัน!”
เธอเห็นภาพนั้นด้วยตาตัวเอง ภาพที่เฉียวเหลียงซุกตัวอยู่บนเตียง มือกุมที่หัวใจ ร้องไห้อย่างสิ้นหวัง พร้อมกับร้องออกมาไม่รู้จบว่าเขารักเธอ ขอร้องให้เธอกลับมาหาเขา เธอรู้สึกว่าหัวใจเธอปวดร้าวราวกับถูกบีบเค้นด้วยมือขนาดใหญ่ เธอร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง “เฉียวเหลียงมองดูฉันสิ ฉันยังไม่ตายจริงๆ … ฉันยังไม่ตาย อย่าเศร้าไปเลย”
ขณะกำลังนอนอยู่บนเตียง ทันใดนั้นเฉียวเหลียงก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ ถังซีรีบตามเขาไป เมื่อเห็นเฉียวเหลียงชกกระจกในห้องน้ำ และเห็นว่ามือเขากลายเป็นสีแดงเพราะชุ่มโชกไปด้วยเลือด เธอก็รู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น “เฉียวเหลียง ฉันขอร้อง อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้… เป็นความผิดของฉันทั้งหมด ถ้าฉันได้เข้าไปดูอีเมลในกล่องจดหมาย ฉันก็จะรู้ว่าคุณยังคงรักฉันเนิ่นนานมาตลอด และฉันจะไม่ใจแข็งปฏิเสธไม่ติดต่อกับคุณ ได้โปรด… อย่าทำร้ายตัวเองอย่างนี้…” ถังซีก้าวออกไปจับมือเฉียวเหลียง แต่พบว่าเธอไม่สามารถจับมือเขาได้…
เธอเป็นเพียงภูตผีวิญญาณในตอนนี้ และทำอะไรไม่ได้เลย!
ถังซีรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน ขณะมองดูมือเธออย่างสิ้นหวัง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เธอสัมผัสเฉียวเหลียงไม่ได้… ใครก็ได้ช่วยที…
เธอไม่เคยสิ้นหวังมากมายขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่พบว่าตัวเองตายและกลับมาเกิดใหม่เป็นเซียวโหรว แต่ตอนนี้เธอรู้สึกหมดสิ้นหนทาง เธอสัมผัสเฉียวเหลียงไม่ได้ และเขามองไม่เห็นเธอ เขาทำร้ายตัวเอง… แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลย!
เธอคุกเข่าอยู่ข้างๆ เฉียวเหลียง ร่างกายเขาเปียกโชกอยู่ใต้ฝักบัว เลือดจากมือเขายังคงไหลและถูกชะล้างไปกับสายน้ำ…
เป็นเวลานานกว่าเฉียวเหลียงจะลุกขึ้นในที่สุด จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น… เฉียวเหลียงรับโทรศัพท์ในชุดคลุมอาบน้ำ แล้วเธอก็เห็นใบหน้าเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป เขาตะโกนอย่างดุดันว่า “คุณเป็นใคร”
ถังซีพยักหน้าด้วยความประหลาดใจ และรู้สึกมีความสุข เธอโถมตัวเข้าหาเขาพลางพยักหน้าอย่างสิ้นหวัง กล่าวว่า “ฉันเอง อาเหลียง นี่ฉันเอง! คุณเห็นฉันไหม คุณเห็นฉันใช่ไหม ฉันซีซีไง มองดูฉันสิ…”
“ถังซีหรือ” น้ำเสียงเฉียวเหลียงสั่นสะท้าน ราวกับเขาไม่เชื่อว่าบุคคลที่อยู่ปลายสายคือถังซี แต่เขามีลางสังหรณ์และสัมผัสแปลกๆ มาจากส่วนลึกของหัวใจ นี่คือถังซีจริงหรือ เขาจ้องมองรอยแผลที่มือขณะถามว่า “นั่นถังซีใช่ไหม”
ถังซีพยักหน้า เอื้อมมือไปแตะใบหน้าเฉียวเหลียง “ฉันเอง ฉันอยู่ข้างๆ คุณตรงนี้แล้ว มองดูฉันสิ… อาเหลียง มองดูฉัน…”
ทันใดนั้นเฉียวเหลียงก็โยนโทรศัพท์มือถือทิ้งและนั่งลงบนเตียง ดวงตาเขาแดงก่ำ น้ำเสียงเขาต่ำเมื่อเย้ยหยันตัวเอง “เธอตายไปแล้ว เธอจะโทรหาแกได้อย่างไร เฉียวเหลียง หยุดเพ้อฝันได้แล้ว! อะไรทำให้แกคิดว่าแกจะอยู่ในความฝันได้ตลอดไป”
“อาเหลียง คุณไม่ได้อยู่ในความฝัน! คุณไม่ได้อยู่ในความฝัน ฉันอยู่ข้างๆ คุณนี่ไง! ฉันอยู่ข้างๆ คุณ!” ถังซีตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เมื่อได้ยินถ้อยคำอันที่ไร้ชีวิตจิตใจของเฉียวเหลียง แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด… จู่ๆ ถังซีก็ลุกขึ้น พยายามทำลายข้าวของเพื่อดึงความสนใจจากเขา แต่กลับพบว่าเธอไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลย…
เธอคุกเข่าลงข้างๆ เฉียวเหลียง ซุกหน้าลงกับฝ่ามือด้วยความเศร้า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้… ทำไมถึงเป็นแบบนี้…”
ในนาทีนั้นถังซีก็ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น ตามมาด้วยภาพเฉียวเหลียงผุดลุกขึ้นราวกับถูกสารอะไรบางอย่างกระตุ้น เขาวิ่งไปเปิดแล็ปท็อป แล้วเปิดกล่องจดหมายอีเมล…
เมื่อเห็นเวลาและชื่อผู้ส่งอีเมล ถังซีก็ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ปรากฏว่าเหตุการณ์นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น… ในวันนั้น…
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นสีดำ และภาพทั้งหมดเปลี่ยนไปอีกครั้ง เธอมาอยู่ที่ลองบีชซึ่งเธอไม่คุ้นเคยเลย เธอมองไปรอบๆ เห็นเฉียวเหลียงเดินอยู่คนเดียวริมทะเล เขาดูไม่ดีเท่าไร หนวดเคราค่อนข้างยาวเหมือนไม่ได้โกนมานาน ทำให้เขาดูเหมือนคนที่ต้องเผชิญโชตชะตาอันพลิกผัน
ถังซีไม่มีอารมณ์ใดๆ อีกต่อไปหลังจากเห็นภาพในบ้าพัก เธอตามเฉียวเหลียงไปเงียบๆ ดูเขาเดินไปตามชายหาดทีละก้าวๆ และหยุดมองเธอเป็นครั้งคราว ราวกับเธอมีตัวตน
ถังซียื่นมือออกไปพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า ถามเบาๆ ว่า “คุณยิ้มทำไม”
เฉียวเหลียงยิ้มอย่างอ่อนโยน จับปอยผมทัดหูให้เธอ พร้อมกับเอ่ยเบาๆ ว่า “ผมยิ้ม เพราะภาพลวงตาในวันนี้ช่างเหมือนจริงมาก คุณยิ้มให้ผม”
ถังซีรู้สึกว่าหัวใจเธอปวดร้าวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้รู้ว่าเขาเดินไปตามชายหาดอย่างสงบไม่ใช่เพราะเขาลืมเธอ แต่เพราะเขากำลังอยู่ในความฝันที่เขาถักทอขึ้นเพื่อตัวเอง เขาเพ้อฝันว่าเธออยู่ข้างๆ เขา เธอกอดเฉียวเหลียงและกระซิบว่า “นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาค่ะ ฉันอยู่เคียงข้างคุณ อาเหลียง คุณเห็นฉันใช่ไหม”
“ใช่ ผมเห็นคุณ เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่ภาพลวงตา” เฉียวเหลียงเอื้อมมือมากอดถังซี แต่ถังซีเห็นว่าเขากอดความว่างเปล่า น้ำตาเธอร่วงพราวอย่างไม่อาจหักห้าม…
เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร… เป็นไปได้อย่างไร
เขาเห็นเธอ เธอจับมือเขาได้แล้วตอนนี้ แต่ทำไมเขาถึงสัมผัสเธอไม่ได้! ทำไม
ทันใดนั้นเฉียวเหลียงก็เดินไปทางทะเล ถังซีร้องตะโกนด้วยความตกใจ “อาเหลียง ตอนนี้มืดแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ น้ำทะเลเย็นมาก อย่าลงไปในทะเลเลย!”
เฉียวเหลียงมองไปด้านข้าง แล้วหันมาข้างหลัง ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า “ตกลง กลับบ้านกันเถอะ กลับไปทานอาหารค่ำกันซีซี คุณหิวใช่ไหม”
ถังซีพยักหน้า “ฉันหิวแล้ว ฉันอยากทานกุ้งก้ามกราม กลับไปทานกุ้งก้ามกรามกันเถอะนะ ดีไหม อย่าอยู่ริมทะเลต่อไปเลย”
ถังซีกลัวจริงๆ เธอกลัวว่าเฉียวเหลียงจะฆ่าตัวตาย เขากำลังพยายามทำร้ายตัวเองโดยการเดินลงทะเล…
เธอเอื้อมมือไปจับมือเฉียวเหลียง เขาโอบกอดเธอไว้ และกล่าวเบาๆ ว่า “เรามาที่นี่กันหลายวันแล้ว ซีซี กลับเมืองจีนกับผมในวันสองวันนี้เถอะนะ ตกลงไหม ที่ลองบีชนี่ไม่สนุกเลย”
ตอนที่ 101 เรื่องน่าสงสัย
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเหลียง ถังซีก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอคิดว่าเขาจะต้องได้รับข่าวการส่งอีเมลไปยังกรรมการบริหาร บอกทุกคนว่าเธอกำลังเดินทางไปต่างประเทศตามลำพัง เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ได้กลับประเทศจีนในช่วงเวลานั้น เขาต้องสืบหาพื้นที่เครือข่ายอินเตอร์เน็ทของเธอ จึงมาที่ลองบีช
เธอพยักหน้ากล่าว่า “ตกลง เราจะกลับบ้านกันในวันสองวันนี้ แต่ตอนนี้เรากลับไปทานอาหารค่ำกันก่อนเถอะ คุณไม่ได้ทานอะไรเลยมานานเท่าไหร่แล้ว”
ก่อนหน้านี้เขาผอม แต่ตอนนี้เขาผอมลงกว่าเดิม กลายเป็นหนังหุ้มกระดูกไปแล้ว หัวใจเธอเจ็บแปลบเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้
ดวงตาเฉียวเหลียงเป็นประกายขึ้นเมื่อได้ยินว่าเธอเห็นด้วย เขาพาเธอไปที่บ้านพักพร้อมกับกล่าวว่า “ตกลง กลับไปทานอาหารค่ำกัน”
เมื่อกลับถึงบ้านพักเฉียวเหลียงขอให้ถังซีไปนั่งดูโทรทัศน์รอที่โซฟา ขณะที่เขาไปทำอาหาร อาห้ากับอาหกมองเห็นเฉียวเหลียงพูดกับความว่างเปล่า “คุณดูทีวีอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ผมจะไปเตรียมอาหารทะเลที่คุณโปรดให้คุณ” ทั้งสองมองหน้ากันและกันอย่างเงียบกริบและคิดในใจ เจ้านายเสียสติไปแล้วหรือ
เฉียวเหลียงมองกลับไป เห็นลูกน้องทั้งสองกำลังอ้าปากค้างมองมาที่เขาจากมุมห้องนั่งเล่น ในขณะที่อาหกยังถือแล็ปท็อปค้างอยู่ในมือ เฉียวเหลียงหน้าบึ้งถามอย่างเยือกเย็น “พวกนายมาทำอะไรที่นี่”
เฉียวเหลียงคิดอย่างไม่พอใจว่า สองคนนี้ไร้สติจริงๆ! ไม่เห็นหรือว่าซีซีของเขาอยู่ที่นี่
อาห้ากับอาหกพยักหน้าทันทีและรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองไปยืนมองหน้ากันอยู่ในสวน “เจ้านายดูเหมือนจะเป็นบ้าไปแล้ว”
“ภาพหลอนของเขาดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นมากวันนี้” อาห้าดูเป็นกังวลขณะพูดถึงเรื่องนี้ “เมื่อสองวันก่อนเขายังไม่เป็นอะไรเลย แค่เหม่อลอยบ้างเป็นครั้งคราว แต่ตอนนี้เขาดูเหมือนจะแน่ใจว่ามีคุณถังอยู่ข้างๆ เขา”
อาหกกล่าวว่า “เจ้านายไม่ได้กินอะไรเลยในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาจะต้องหิวเกินไปจนเสียสติแน่ๆ”
ถังซีออกมาข้างนอกกับสองคนนี้ด้วย เธอฟังการสนทนาและมองกลับไปที่เฉียวเหลียง เขาทำราวกับว่าเธอยังคงนั่งอยู่ที่โซฟา เขายิ้มไปทางนั้นขณะกำลังปรุงอาหาร
ถังซีตระหนักทันทีว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่เธอ เป็นแค่เพียงจินตนาการที่เขาสร้างขึ้นเอง และบังเอิญบทสนทนาของเธอเกิดไปสอดคล้องกับภาพลวงตาของเขา
เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีรู้สึกเศร้าใจ ถ้าขืนเขาทำอย่างนี้ต่อไป เขาจะทำลายตัวเองในวันหนึ่ง!
เธอต้องหาวิธีให้เขารู้ให้ได้ว่าเธอมีตัวตนอยู่!
เธอรีบเข้าไปดึงดูดความสนใจเฉียวเหลียง แต่เขาไม่เห็นเธอเลย เขายังคงพูดไปที่โซฟาต่อไป “รอเดี๋ยวนะ ซอสกุ้งใส่ต้นหอมกับกุ้งก้ามกรามใกล้เสร็จแล้ว”
ถังซีพยายามคว้าเครื่องมือทำอาหารในมือเขา แต่เธอแตะต้องอะไรไม่ได้เลย เธอเอื้อมมือไปเคาะกระจกที่เคานเตอร์บาร์ แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน เธอก็แตะกระจกไม่ได้…
ไม่ได้ผลหรอก เธอทำไม่ได้ เธอต้องกลับไปที่ร่างเซียวโหรวเพื่อติดต่อกับเขาอีกครั้ง…
แต่เธอจะกลับไปได้อย่างไร!
ถังซีหลับตาและตั้งจิตแน่วแน่ที่จะกลับไป แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน เมื่อลืมตาขึ้นมาเธอก็ยังเห็นเฉียวเหลียงทำอาหารให้เธออยู่ในห้องครัว เธอไม่สามารถกลับไปได้
…
ในโรงพยาบาลหลินอันที่เมือง A เซียวส่าและเซียวจิ่งเริ่มร้อนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เซียวเหยาฟื้นแล้ว และถามหาเซียวโหรวไม่หยุด แต่เธอยังคงอยู่ในอาการโคม่าอย่างหนัก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่สามารถเก็บซ่อนเรื่องนี้จากพ่อกับแม่ได้อีกต่อไป ทั้งสองขอลาป่วยที่โรงเรียนให้เซียวโหรว แต่โฆษณาโทรทัศน์จะเริ่มถ่ายทำในวันเสาร์ ตอนนี้พวกเขาไม่รู้จะหาทางอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ แก่เฮ่อหว่านหนิงอย่างไร…
พี่น้องตระกูลเซียวไม่เคยสูบบุหรี่ แต่ตอนนี้ทั้งเซียวจิ่งและเซียวส่าคาบบุหรี่ไว้ที่ปาก เดินไปเดินมาอยู่ตรงทางเดินทั้งคู่ สีหน้าทั้งสองวิตกกังวลอย่างมาก เซียวจิ่งสูบบุหรี่เข้าไปลึกๆ กล่าวเสียงเบาว่า “ตอนที่ผมกลับไปบ้านเมื่อเช้า คุณพ่อคุณแม่ถามผมอีกแล้ว ผมคิดว่าเราคงเก็บความลับไว้ไม่ให้ท่านรู้อีกต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ แล้วอีกอย่างผมก็เจอคุณป้าที่ประตูหน้าบ้านอีกด้วย”
เซียวส่าขมวดคิ้ว สูบบุหรี่เข้าไปลึกๆ และพ่นควันออกมา “เราคงปิดบังพี่เหยาไม่ได้เหมือนกัน เขาถามพี่ว่า หรือว่าเมื่อคืนนี้โหรวโหรวประสบอุบัติเหตุ”
พยาบาลเข้ามาเตือนพวกเขาว่าห้ามสูบบุหรี่ พี่น้องทั้งสองจึงดับบุหรี่แล้วโยนลงถังขยะ ทันใดนั้นประตูห้องพักคนไข้ก็เปิดออก เซียวเหยาซึ่งบาดเจ็บสาหัสก้าวออกมา เขามองสองพี่น้องเขม็ง และถามอย่างเย็นชาว่า “โหรวโหรวอยู่ห้องไหน”
เซียวส่ากับเซียวจิ่งมองหน้ากัน เซียวส่ายิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว รีบวิ่งไปพยุงเซียวเหยา แล้วพูดเสียงดังว่า “พี่เหยา พี่พูดอะไรหรือ โหรวโหรวก็ต้องไปโรงเรียนสิวันนี้ และไม่มีเวลามาเยี่ยมพี่ ถ้าพี่คิดถึงเธอพี่โทรหาก็ได้นี่”
เซียวจิ่งพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่ครับ พี่เหยา แต่พี่ลุกออกมาจากเตียงแบบนี้ไม่ได้นะ กลับไปนอนเถอะครับ”
เซียวเหยาจ้องหน้าน้องทั้งสองเขม็ง ก่อนจะค่อยๆ เอนตัวพิงกำแพง เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ทำตัวผิดปกติ และหลังจากเหวี่ยงสายตาเหลือบดูทั้งคู่ เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “อย่าให้พี่ถามอีกครั้ง บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับโหรวโหรว”
สองพี่น้องสบสายตากันโดยเร็ว เซียวส่ายักไหล่ เซียวจิ่งจึงกล่าวว่า “ไปคุยเรื่องนี้กันในห้องเถอะครับ ตรงนี้มัน…”
เซียวเหยาหันหลังกลับเดินเข้าไปในห้องพัก และน้องชายทั้งสองรีบตามเขาเข้าไป เซียวส่าช่วยพยุงเซียวเหยาให้นอนลงบนเตียงผู้ป่วย ปรับเตียงให้ และวางหมอนสองใบไว้ใต้ศีรษะเซียวเหยา
เซียวจิ่งเดินไปนั่งบนโซฟาหนังสีดำ เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางขึงขังว่า “พี่เหยา อันที่จริงเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับโหรวโหรว วันนั้นจู่ๆ เธอก็ให้เราไปรับกลับมาบ้าน แล้วบอกเราว่าพี่ไปทำภารกิจที่เมือง J เธอเล่าให้เราฟังเรื่องงานของพี่ และบอกว่าพี่อาจตกอยู่ในอันตรายในครั้งนี้”
“เราถามว่าเธอรู้ได้อย่างไร” เซียวส่ากล่าว “เธอบอกว่าทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ของเธอดีมาก เธอสามารถเจาะเข้าไปในฐานข้อมูลของกองกำลังพิเศษได้ ผมไม่เชื่อในตอนแรก แต่สิ่งที่เธอพูดตรงกับสิ่งที่ผมรู้”
เซียวเหยาขมวดคิ้ว จ้องหน้าน้องทั้งสอง เซียวส่ากล่าวต่อไปว่า “ตอนราวๆ บ่ายสามโมงเธอบอกว่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับพี่ แล้วเธอก็หายวับไปจากห้องนั่งเล่น” เซียวส่ายังรู้สึกตื่นตกใจไม่หาย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น เขาจบคำพูดว่า “เธอหายตัวไปในอากาศเฉยๆ เลย แม้แต่รองเท้าก็ไม่ได้สวมไป…”
เซียวเหยาพยักหน้า ขณะพยายามนึกดูว่าเธอจะหายตัวไปต่อหน้าต่อหน้าเซียวส่าทันทีทันใดได้อย่างไร “อย่างนั้นหรือ”
“โหรวโหรวเคยบอกว่าเธอเป็นนางฟ้า” เซียวจิ่งกล่าว “เราก็เลยคิดว่าโหรวโหรวต้องไปช่วยชีวิตพี่แน่ๆ เราถึงได้มาเตรียมโรงพยาบาลไว้ แล้วโทรหาเธอ แต่ทันทีที่วางสายเธอก็พาพี่กลับจากเมือง J มาถึงเมือง A ใครจะมีความสามารถอย่างนี้ได้ นอกจากเทวดานางฟ้าหรือพวกเซียน”
“แล้วถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกับโหรวโหรว!” เซียวเหยาคำราม “ตอบมา!”
เซียวส่าเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “อย่าเพิ่งโมโหสิ พี่เหยา ต้องใช้เวลาเล่าอีกนาน เรื่องมันยาวกว่าจะจบ…”
“ก็พูดมาเร็วๆ สิ!” เซียวเหยาตะโกนด้วยสีหน้าบึ้งตึง…
ตอนที่ 102 ความลับเปิดเผย
เซียวส่ามองหน้าเซียวจิ่งซึ่งกล่าวต่อไปว่า “พี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก หมอในโรงพยาบาลไม่สามารถช่วยชีวิตพี่ได้ โหรวโหรวเป็นคนผ่าตัดให้พี่ แม้แต่หมอผ่าตัดที่เชี่ยวชาญก็อาจต้องใช้เวลาทั้งวันในการผ่าตัดครั้งนี้ แต่โหรวโหรวใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงกับยี่สิบห้านาทีในการผ่าตัดจนเสร็จ และช่วยชีวิตพี่ไว้ได้”
“แต่หลังจากที่โหรวโหรวแจ้งว่าพี่ปลอดภัยแล้ว เธอก็ตกอยู่ในอาการโคม่า และตอนนี้ยังไม่ฟื้น” เซียวส่ากล่าว
เซียวเหยาขมวดคิ้ว สูดหายใจลึกๆ เมื่อนึกถึงภาพหญิงสาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้า เขากำมือแน่น ถามเสียงต่ำว่า “หมอบอกว่ายังไง”
น้องสาวของเขาเป็นนางฟ้า เธอจะต้องไม่เป็นอะไร ในเมื่อเธอสามารถตกลงมาจากท้องฟ้าเพื่อช่วยชีวิตเขาได้ เธอก็ต้องรักษาตัวเองให้ปลอดภัยได้ เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นกังวล
เซียวส่าส่ายศีรษะตอบว่า “หมอตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติในตัวโหรวโหรว บอกแค่เพียงว่าโหรวโหรว ไม่ได้สมองตาย แต่… ก็บอกด้วยว่าระบบในร่างกายโหรวโหรวล้มเหลว แต่เขาไม่รู้ว่าส่วนไหนของร่างกายเธอล้มเหลว”
เซียวเหยาขมวดคิ้วอีกครั้ง “พวกนายเล่าเรื่องนี้ให้คุณพ่อคุณแม่ฟังหรือยัง”
เซียวจิ่งส่ายศีรษะ “ไม่ครับ ผมไม่กล้าเล่า ผมไม่กล้าบอกท่านเรื่องพี่ และไม่กล้าบอกท่านเรื่องโหรวโหรวด้วย ผมแค่บอกว่าโหรวโหรวจะไปอยู่บ้านเพื่อนร่วมชั้นเรียนหลายวัน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันสองวันนี้ แต่เมื่อเช้าผมรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว”
โชคดีที่พ่อกับแม่ไม่ได้ถามเขาเรื่องเซียวเหยา… พวกท่านเพียงแต่บ่นว่าพี่ชายเขาไม่เคยโทรกลับบ้านเลย เวลาไปไหนไกลๆ
“ช่วยพี่หน่อย” เซียวเหยาพยายามลุกขึ้น
เซียวจิ่งกับเซียวส่ารีบเข้ามาประคองให้เซียวเหยาลุกขึ้นจากทั้งสองด้าน เซียวส่าถามว่า “พี่เหยา พี่จะไปไหน”
เซียวเหยาขมวดคิ้วถามว่า “โหรวโหรวอยู่ไหน”
“ห้องถัดไปครับ” เซียวจิ่งตอบ “เพื่อความสะดวกของพวกเรา ผมเลยจัดให้ไม่มีผู้ป่วยอื่นในชั้นนี้ และโหรวโหรวอยู่ห้องติดกับพี่”
เซียวเหยาพยักหน้า “พาพี่ไปหน่อย พี่อยากเห็นเธอ”
บาดแผลของเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง และตอนนี้เขารู้สึกเจ็บแปลบจากการลุกขึ้นมาเมื่อกี้ แต่เนื่องจากมีชายหนุ่มฉกรรจ์สองคนคอยช่วยเหลือ เขาจึงสามารถ ‘ใช้แรง’ พวกเขา และประหยัดพลังงานของตัวเองได้
เซียวเหยามาถึงห้องพักฟื้นของถังซีด้วยความช่วยเหลือของน้องชายทั้งสอง เมื่อเขาเห็นเด็กสาวที่ซีดเซียวแต่ยังคงงดงามบนเตียงผู้ป่วย หัวใจเขาก็ปวดร้าว เป็นเพราะเธอใช้พลังจนหมดเพื่อช่วยเขา เธอจึงได้เป็นแบบนี้ใช่ไหม
เธอบอกว่าเธอเป็นนางฟ้า แต่เธอไม่เคยแสดงความสามารถของเธอต่อหน้าพวกเขา อย่างไรก็ตาม ในวันนั้นจู่ๆ เธอก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยชีวิตเขา…
โหรวโหรว ได้โปรดตื่นขึ้นมาเถอะ ถ้าเธอเป็นแบบนี้พี่จะยอมให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เธอเสียสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตพี่ แม้ว่าพี่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป พี่ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวด และเศร้าโศกไปตลอดชีวิต เธอรู้ไหม
เซียวเหยาอยู่ในภาวะเสียขวัญเมื่อกลับมาที่ห้องพักของเขา เซียวจิ่งรีบเรียกหมอให้มาฉีดยาแก้ปวดให้เซียวเหยา แต่ฝ่ายหลังยกมือขึ้นห้ามหมอไม่ให้ฉีด เพราะเขาจะสามารถลืมความเจ็บปวดทางจิตใจได้ก็ด้วยความเจ็บปวดทางร่างกายเท่านั้น เซียวส่ากับเซียวจิ่งไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ จึงปล่อยให้คุณหมอกลับไป เซียวจิ่งกล่าวว่า “พี่เหยา ทำไมพี่ถึงโหดร้ายกับตัวเองอย่างนี้ล่ะ”
เซียวส่าเสริมว่า “ใช่ พี่เหยา โหรวโหรวไม่ต้องการเห็นพี่เป็นแบบนี้ พี่ต้องฟื้นตัวเร็วๆ นะ เพื่อโหรวโหรว”
เซียวเหยาไม่สนใจพวกเขา กล่าวขึ้นว่า “เอาโทรศัพท์มาให้พี่”
เซียวส่ามองหน้าเขาทันทีด้วยท่าทางตกใจ “พี่จะทำอะไร”
เซียวจิ่งส่งโทรศัพท์ให้เซียวเหยา เซียวส่าตะโกนเสียงดังทันที “เซียวจิ่ง คนทรยศ เราเก็บเรื่องนี้จากคุณพ่อคุณแม่มาหลายวัน ถ้าพี่เหยาโทรหาท่านตอนนี้ ท่านตีเราตายแน่!”
“หุบปาก!” แม้ขณะบาดเจ็บอยู่เซียวเหยาก็ยังคงมีอำนาจเหนือน้องๆ เซียวส่ารีบหุบปากอย่างรวดเร็ว เซียวเหยาโทรหาผู้บัญชาการของเขา หลังจากทางปลายสายรับโทรศัพท์ เซียวเหยาก็รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาถามอะไรบางอย่าง ซึ่งเซียวเหยาตอบว่า” ใช่ครับ แล้วคลอสก็ถูกยิงตรงจุดนั้น…
…ผมจะพยายามหายเป็นปกติให้เร็วที่สุด และจะรายงานให้ท่านทราบเมื่อผมออกจากโรงพยาบาลครับ” ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งมีคำถามอื่นตามมา เซียวเหยาขมวดคิ้ว แต่ก็ยังตอบว่า “โรงพยาบาลหลินอันที่เมือง A ครับผม!”
เขาวางสายแล้วหันกลับมามองน้องชายทั้งสองที่เฝ้ามองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น และกล่าวอย่างเยือกเย็น “ถ้าพวกนายอยากถามอะไร เอาไว้ถามเมื่อพี่คุยโทรศัพท์เสร็จ”
สองพี่น้องพยักหน้า เซียวเหยามองหน้าพวกเขาก่อนจะโทรออกอีกครั้ง เขาพูดสั้นๆ สองสามคำแล้วบอกให้อีกฝ่ายมาที่โรงพยาบาลหลินอัน ทันทีที่เซียวเหยาวางสายน้องชายทั้งสองก็ถามว่า “พี่เหยา ที่โหรวโหรวบอกเป็นเรื่องจริงใช่ไหม พี่เป็นผู้บังคับการหน่วยรบพิเศษของกองกำลังพิเศษใช่ไหม”
เซียวเหยาพยักหน้าและบอกว่า “อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร เข้าใจไหม”
สองพี่น้องพยักหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็ถามว่า “ว่าแต่พี่เข้าร่วมกองทัพตั้งแต่เมื่อไรน่ะ ไม่เคยเห็นพี่น็ฌ็๋๋ฝึกหรืออะไรตอนไหนเลย… พี่ต้องได้รับการฝึกฝน และคัดเลือก ถึงจะได้เข้าร่วมกองกำลังนี้ใช่ไหม แล้วตอนนี้พี่ก็เป็นพันโทแล้ว”
“พันตรี” เซียวเหยาแก้ไขให้ถูกต้อง “หลังจากภารกิจนี้พี่คิดว่าพี่จะได้เป็นพันโท”
อันที่จริงเขามีคุณสมบัติที่สมควรจะเป็นพันโทมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้เลื่อนยศ นอกจากนี้การเลื่อนตำแหน่งของเขาก็เร็วเกินไป ดูจะไม่ยุติธรรม อย่างไรก็ตามภารกิจครั้งนี้สำคัญมาก และเขาสามารถฆ่าคลอสได้ ซึ่งเป็นความดีความชอบอย่างมาก…
เมื่อนึกถึงเพื่อนร่วมหน่วยรบที่เสียชีวิตเซียวเหยาก็ดูเศร้า เขากล่าวเสียงเรียบว่า “เอาล่ะ โทรหาคุณพ่อคุณแม่ได้แล้ว บอกท่านว่าพี่อยู่ที่โรงพยาบาล ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ โหรวโหรวพลาดตกบันไดและบาดเจ็บที่ศีรษะตอนมาเยี่ยมพี่”
เซียวส่ายิ้มเยาะอย่างไม่เห็นด้วย “พี่เหยา พี่คิดว่าคุณพ่อคุณแม่จะเชื่อหรือ”
เซียวเหยาก็รู้สึกเหมือนกันว่าเรื่องที่เขากุขึ้นไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไร ขณะนั้นนั่นเองโทรศัพท์มือถือของเซียวจิ่งก็ดังขึ้น เซียวจิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอ แล้วโยนลงไปบนเตียงคนไข้ทันทีด้วยความตกใจ “โอ บ้าไปแล้ว พูดถึงก็มาเลย!”
เซียวเหยามองหน้าเซียวส่า แสดงท่าทางให้น้องชายส่งโทรศัพท์ให้เขา เซียวส่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งให้เซียวเหยาแต่โดยดี และฝ่ายหลังก็รับสาย “คุณแม่ครับ…”
หยางจิ้งเสียนกับเซียวหงลี่มาถึงโรงพยาบาลเกือบจะพร้อมกัน เมื่อเห็นเซียวเหยานอนอยู่บนเตียงพวกเขาก็เป็นห่วงมาก โดยเฉพาะเซียวหงลี่ เมื่อพบว่าลูกชายบาดเจ็บสาหัส และเห็นว่าการบาดเจ็บนั้นเป็นบาดแผลจากกระสุนปืนอย่างชัดเจน เขาก็ร้องโวยวาย “ลูกควรให้เหตุผลที่ดีกับพ่อ ไม่อย่างนั้นลูกกับน้องๆ ทุกคนจะไม่มีวันได้ออกจากบ้านอีกเลย!”
หยางจิ้งเสียนเป็นห่วงเซียวโหรว แทนที่จะถามถึงอาการบาดเจ็บของเซียวเหยาต่อไป เธอจึงหันมองไปรอบๆ ห้องพักคนไข้และถามเบาๆ ว่า “โหรวโหรวอยู่ไหน ส่าบอกแม่ไม่ใช่เหรอว่าสองสามวันที่ผ่านมาน้องอยู่ที่โรงพยาบาลเหมือนกัน น้องมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลเหยาใช่ไหม”
ตอนที่ 103 ทางออก
พี่น้องสองคนดูอ้ำอึ้ง พูดไม่ออก
เซียวหงลี่รับราชการมานานหลายปี ได้เห็นผู้คนหลากหลายประเภท มีดวงตาที่แหลมคมและยาวไกล เมื่อเห็นพี่น้องสองหนุ่มมีท่าทางหลบหน้าหลบตา เขาก็วางสีหน้าเคร่งขรึมถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับ โหรวโหรว!”
“น้องหมดสติตอนพยายามช่วยชีวิตผมครับ ตอนนี้น้องอยู่ในห้องคนไข้ห้องถัดไป” เซียวเหยากล่าวอย่างอ่อนโยน พร้อมกับมองหน้าพ่อกับแม่
เซียวหงลี่และหยางจิ้งเสียนรีบไปที่ห้องคนไข้ข้างๆ ทั้งสองวิตกกังวลมากขึ้นอีกหลายเท่า เมื่อเห็นว่าถังซีนอนหมดสติอยู่บนเตียงผู้ป่วย ทั้งสองตรวจสอบจอแสดงผลทางการแพทย์ และรู้สึกโล่งใจที่ได้เห็นตัวเลขแสดงค่าต่างๆ ทุกตัวเป็นค่าปกติ หลังจากกลับไปที่ห้องเซียวเหยา เซียวหงลี่ก็จ้องหน้าพี่ชายทั้งสามและถามอย่างดุดัน “ทุกคนต้องให้เหตุผลที่ดีแก่พ่อ ทำไมเซียวเหยาถึงบาดเจ็บ ทำไมโหรวโหรว เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องไปช่วยชีวิตเขา และทำไมเธอถึงอยู่ในอาการโคม่า”
เซียวเหยารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นี่เขาเป็นลูกชายของคุณพ่อคุณแม่จริงหรือเปล่าเนี่ย
เซียวเหยามองหน้าเซียวส่าและเซียวจิ่ง เซียวส่ารีบเดินไปเฝ้าที่ประตูทันที จากนั้นเซียวเหยาก็เริ่มเล่า “ผมเป็นผู้บังคับการกองกำลังพิเศษ แห่งกองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายสากลแห่งประเทศจีนครับ วันที่ผมไปส่งโหรวโหรวที่โรงเรียน ผมได้รับคำสั่งจากท่านผู้บัญชาการให้มุ่งหน้าไปที่เมือง J มณฑล Y เพื่อสังหารหัวหน้าองค์กรอาชญากรรมก่อการร้ายระหว่างประเทศชื่อคลอส แต่เราถูกพวกมันซุ่มโจมตีและฆ่าตายเกือบหมด”
เซียวหงลี่ขมวดคิ้วมองดูลูกชายคนโตอย่างเพ่งพินิจ เขาคิดอยู่เสมอว่าเขารู้จักลูกชายดี แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าลูกชายเป็นผู้บังคับการ เป็นพันตรีแห่งกองกำลังพิเศษ… เขาหลับตานึกภาพได้เลยว่าลูกชายผ่านอะไรมาบ้างในเวลาหลายปีที่ผ่านมา
หยางจิ้งเสียนรู้สึกระคนกันระหว่างเสียใจและภูมิใจ เธอเกิดในตระกูลทหาร แม้จะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขหลังจากแต่งงานกับเซียวหงลี่ แต่เธอก็รู้สึกเสียใจอยู่เสมอว่าไม่มีลูกๆ ของเธอคนใดเข้าร่วมกองทัพ เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าลูกชายคนโตจะทำให้เธอประหลาดใจ
บุตรชายทั้งสามของหยางจิ้งเชาพี่ชายเธอ เข้ารับราชการในกองทัพตั้งแต่พวกเขาอายุยังน้อย หลานชายทั้งสามอยู่ในวัยสามสิบแล้วตอนนี้ เพิ่งมียศเพียงร้อยเอก แต่ลูกชายเธอเป็นพันตรีแล้ว
และพี่ชายของเธอเป็นเพียงพลตรี…
เธอไม่รู้ว่าควรจะเสียใจกับลูกชายหรือภูมิใจในตัวเขาดี
เซียวหงลี่ถามว่า “โหรวโหรวไปช่วยชีวิตลูกไกลถึงขนาดนั้นได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ลูกอยู่ที่เมือง J แล้วทำไมน้องถึงหมดสติ”
“คุณพ่อคุณแม่รู้ใช่ไหมครับว่าโหรวโหรวแตกต่างจากคนทั่วไป” แทนที่จะตอบคำถามของเซียวหงลี่ เซียวเหยากลับย้อนถามทั้งสองแทน
เมื่อได้ยินคำถามของเซียวเหยา เซียวหงลี่ก็เดาได้ว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนั้นอาจเป็นสิ่งที่เกินกว่าจะจินตนาการ หรือยอมรับได้ยาก เขาจึงเงียบเสีย
หยางจิ้งเสียนพยายามยิ้ม แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เธอจึงถามว่า “ลูกหมายความว่าอย่างไร แม่ไม่เข้าใจ”
เซียวเหยาถอนหายใจตอบว่า “ผมมีบาดแผลกระสุนปืนมากกว่ายี่สิบนัด และที่ร้ายแรงที่สุดคือแผลที่ท้อง ซึ่งทำให้ผมเกือบเสียชีวิต ขณะที่ผมคิดว่าผมกำลังจะตาย โหรวโหรวก็มาปรากฏตัว”
ทันใดนั้นหยางจิ้งเสียนก็ยกมือขึ้นปิดปาก แล้วพึมพำว่า “ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่แม่เห็นวันนั้นก็เป็นความจริงน่ะสิ…”
เซียวเหยามองหน้าหยางจิ้งเสียน เซียวหงลี่ก็ขมวดคิ้วมองเธอด้วยความสงสัยถามว่า “คุณเห็นอะไร”
หยางจิ้งเสียนมองหน้าเซียวส่าซึ่งยืนอยู่ที่ประตู แล้วมองเซียวจิ่ง ก่อนจะเริ่มเล่า “ฉันเห็นโหรวโหรว หายตัวได้…
…วันที่พี่ใหญ่กับภรรยามาที่บ้านเรา ฉันขึ้นไปงีบหลับหลังอาหารกลางวันที่ห้อง หลังจากนั้นฉันหิวน้ำ ก็เลยลุกขึ้นมาหาน้ำดื่ม แต่ตอนที่ฉันเปิดประตูห้องออกมา ฉันเห็นว่าจู่ๆ โหรวโหรวก็หายตัวไปจากโซฟา หลังจากนั้นจิ่งกับส่าก็รีบออกไป ฉันคิดว่าฉันกำลังฝัน…” หยางจิ้งเสียนดูงุนงงเล็กน้อยเมื่อเล่าต่อไป “แต่ปรากฏว่านี่เป็นความจริง…” เธอมองหน้าเซียวเหยาแล้วถามว่า “โหรวโหรวเป็นมนุษย์หรือเปล่าลูก”
เซียวหงลี่ไม่เชื่อคำพูดของเธอ “คุณแน่ใจหรือว่าคุณไม่ได้ฝัน”
“คุณพ่อครับถึงคุณแม่จะฝัน แต่เราไม่ได้ฝันนะครับ” เซียวจิ่งขัดขึ้น “โหรวโหรวบอกเราว่าเธอเป็นนางฟ้า แต่เราคิดว่าเธอล้อเล่น เราไม่เชื่อจนกระทั่งวันที่พี่เหยาตกอยู่ในอันตราย และโหรวโหรวไปช่วยชีวิตเขาไว้ พี่เหยาได้รับบาดเจ็บสาหัส คณะแพทย์ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ แต่โหรวโหรวใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการผ่าตัดจนสำเร็จเรียบร้อย และพี่เหยาก็รอด…”
เซียวเหยาพยักหน้าแล้วเสริมต่อไปว่า “แต่โหรวโหรวตกอยู่ในอาการโคม่า เพราะเธออ่อนเพลียมากหมอบอกว่าเธออาจจะไม่ฟื้นเลย”
หยางจิ้งเสียนพึมพำ “ไม่น่าแปลกใจที่ฉันรู้สึกว่าเธอแตกต่างจากวันแรกที่ฉันเห็นเธอ ปรากฏว่าเธอเป็นนางฟ้าจริงๆ”
เซียวหงลี่กล่าวอย่างจริงจังว่า “นี่คุณพูดอะไร ไม่มีเทวดานางฟ้าหรือผีสางอะไรหรอกในโลกนี้ อย่าพูดไร้สาระ!”
เซียวจิ่งแย้งอย่างไม่เห็นด้วย “คุณพ่อครับ แล้วคุณพ่อคิดโหรวโหรวเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนล่ะครับ”
“เอาล่ะ จำไว้ให้ดีว่า โหรวโหรวหมดสติเพราะเธอวิ่งตกบันได ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว!” เซียวหงลี่มองหน้าทุกคน และสรุปจบอย่างไม่พอใจ “โหรวโหรวเป็นลูกสาวของครอบครัวของเรา เธอเป็นคนปกติเข้าใจไหม”
คนที่เหลือทั้งสี่พยักหน้า แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่เปิดเผยความลับของโหรวโหรว ไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้ว่าโหรวโหรวเป็นนางฟ้า ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องเผชิญปัญหาอย่างใหญ่หลวง ถ้าเกิดมีคนคิดไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนั้นตอนนี้โหรวโหรวก็อยู่ในอาการโคม่า อาจสายเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะเสียใจ หากความลับของเธอถูกเปิดเผย
เซียวหงลี่กล่าวอย่างจริงจัง “พ่อจะไปโทรศัพท์ เรานั่งอยู่เฉยๆ รอให้โหรวโหรวตื่นขึ้นมาเองไม่ได้หรอก”
เซียวเหยากล่าวว่า “ผมขอให้คุณหมอด้านสมองมืออาชีพจากเมืองหลวงมาตรวจอาหารโหรวโหรวแล้วครับ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากเกี่ยวกับสมองมนุษย์”
เซียวหงลี่พยักหน้าและลุกขึ้น “พักผ่อนให้เต็มที่อย่าวิตกกังวลมากเกินไป สำหรับโหรวโหรวพ่อเชื่อว่าเธอจะฟื้นอย่างแน่นอน”
เซียวจิ่งขมวดคิ้ว “แต่โฆษณาน้ำหอมที่จะฉายทางทีวีกำลังจะเริ่มถ่ายทำวันเสาร์นี้แล้ว ตอนนี้เราจะอธิบายกับพวกเขาว่ายังไงดีล่ะครับ”
เซียวเหยากล่าวว่า “โทรหาเฮ่อหว่านหนิง บอกเขาว่าโหรวโหรวเข้าโรงพยาบาล”
เซียวส่าพยักหน้า “นี่เป็นเพียงวิธีเดียว โหรวโหรวไม่ได้ทำผิดสัญญา เธออยู่ในอาการโคม่าร้ายแรง ถ้าจำเป็นเราจะจ่ายค่าเสียหายตามสัญญา และให้เฮ่อหว่านหนิงเลือกหานางแบบคนอื่น”
เซียวเหยาเห็นด้วย และบอกให้เซียวจิ่งโทรหาเฮ่อหว่านหนิง “ขอให้เขามาที่โรงพยาบาล ยังไงเขาก็คงมาอยู่แล้ว”
ขณะที่เฮ่อหว่านหนิงได้รับโทรศัพท์ เฮ่อหว่านอีมาที่บริษัทของเขาพอดี เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวจิ่ง เฮ่อหว่านหนิงก็ขมวดคิ้ว ถามด้วยความห่วงใยว่า “เธอพ้นขีดอันตรายหรือยังครับ”
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและกล่าวว่า “ตกลงครับ ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้” ขณะวางหูโทรศัพท์เขาก็กล่าวกับเฮ่อหว่านอี “เซียวโหรวตกบันไดหมดสติ พี่จะไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล”
ตอนที่ 104 เยี่ยมคนป่วย
เฮ่อหว่านอีรู้สึกประหลาดใจ เธอจึงไปโรงพยาบาลพร้อมกับเฮ่อหว่านหนิง เฮ่อหว่านอีเป็นคนที่บอกทุกอย่างที่เธอรู้กับหนิงเหยี่ยนเสมอ ในขณะที่เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้หนิงเหยี่ยนฟัง เขากำลังปรึกษาธุระอยู่กับเฮ่อหว่านโจว ฝ่ายหลังจึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซียวโหรว และเมื่อเฮ่อหว่านโจวรู้ หยางมู่คุนจึงได้รับรู้ด้วยโดยปริยายเช่นกัน ดังนั้นในเวลาที่เฮ่อหว่านอีกับเฮ่อหว่านหนิงมาถึง พวกเขาทุกคนก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
เมื่อเฮ่อหว่านอีเห็นพวกเขาก็ถามว่า “ทำไมทุกคนถึงมาอยู่ที่นี่กันหมด”
“ทำไมเธอถึงไม่บอกเราเรื่องนี้ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ” หยางมู่คุนถาม
เฮ่อหว่านหนิงไม่ได้สนใจจะสนทนากับพวกเขา และเดินตรงเข้าไปในโรงพยาบาล ทุกคนจึงรีบเดินตามเขาไป เมื่อทั้งหมดมาปรากฏตัวที่ห้องพักคนไข้ เซียวส่าซึ่งยืนอยู่ตรงทางเดินก็ตะลึงงัน ทำไมทุกคนถึงมาที่นี่พร้อมกัน…
“น้องรอง ทำไมช่วงนี้นายไม่ติดต่อฉันเลย…” ทันใดนั้นหยางจิ้งเสียนก็เดินออกมาจากห้องของเซียวโหรว หยางมู่คุนจึงหยุดชะงักทันที และหันไปทักทายเธอ เขาร้องออกมาว่า “คุณน้า…”
หยางจิ้งเสียนมองดูผู้คนมากมายด้วยความประหลาดใจ แต่ในไม่ช้าเธอก็หายตกใจ “พวกเธอมากันหมดเลยหรือ โอ คุน หลานก็มาด้วย”
ทุกคนทักทายเธอ “สวัสดีครับ คุณน้าหยาง”
หยางจิ้งเสียนยิ้มแล้วตอบว่า “สวัสดีจ้ะ”
ทั้งหมดพูดคุยทักทายหยางจิ้งเสียน ยกเว้นเฮ่อหว่านหนิงซึ่งยืนอยู่ข้างๆ และถามว่า “คุณน้าหยางครับ ผมขอเยี่ยมโหรวโหรวได้ไหมครับ”
หยางจิ้งเสียนนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ได้จ้ะ แต่ต้องเงียบๆ นะ”
ทุกคนจึงเข้าไปในห้องพักคนไข้ และมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง เธอซีดเซียวมาก แต่ยังคงสวยงามราวกับนางฟ้า พวกเขารู้สึกเสียใจกับเธอจริงๆ เฮ่อหว่านอีเม้มริมฝีปาก แม้เธอจะได้พบกับเซียวโหรวเพียงครั้งเดียว แต่เธอก็จำได้ว่าเด็กสาวร่าเริงสนุกสนานและมีชีวิตชีวาในช่วงที่พวกเธอพบกันครั้งสุดท้าย แต่ตอนนี้เด็กสาวนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย
เซียวจิ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “โหรวโหรวอ่อนแอมากในตอนนี้ กรุณาออกไปเถอะ”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ทุกคนก็เดินออกไปที่ทางเดิน เซียวจิ่งพูดกับเฮ่อหว่านหนิงว่า “ตอนนี้โหรวโหรวอยู่ในอาการโคม่า ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะฟื้น ผมคิดว่าถ้าคุณต้องรีบถ่ายโฆษณาทีวี คุณสามารถหานางแบบใหม่ได้ และแน่นอน เราจะจ่ายค่าเสียหายตามสัญญา”
เฮ่อหว่านหนิงหันไปมองห้องพักของเซียวโหรว และขมวดคิ้วถาม “เธออยู่ในอาการโคม่ามานานแค่ไหนแล้ว”
เซียวจิ่งตอบตรงๆ “เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่วันจันทร์ เราคิดว่าเธอจะตื่นขึ้นมาในสองหรือสามวัน แต่หมอบอกว่าอาจต้องใช้ปาฏิหาริย์ในการที่เธอจะตื่นขึ้นมา” เซียวจิ่งขมวดคิ้วกล่าวต่อไปว่า “เรากำลังรอปาฏิหาริย์อยู่ แต่มันยังไม่เกิดขึ้น”
หนิงเหยี่ยนถามด้วยหัวคิ้วที่ขมวดแน่น “เธอเป็นแบบนี้ได้อย่างไร”
เขามีอคติกับเซียวโหรวในตอนแรก อย่างไรก็ตามหลังจากได้สนทนากับเซียวโหรวในคืนนั้น เขาก็เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเธอ เขาตกลงกำกับภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ให้เฮ่อหว่านหนิง ก็เพราะต้องการเห็นว่าเธอมีความสามารถมากแค่ไหน เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเธอจะประสบอุบัติเหตุ
เฮ่อหว่านหนิงตอบว่า “แล้วค่อยมาดูเรื่องนั้นกันทีหลัง ผมต้องการเซียวโหรวคนเดียวเท่านั้น ผมไม่คิดว่านางแบบคนอื่นจะมีความสามารถพอสำหรับงานนี้”
“แต่โฆษณาทีวีของคุณจะเริ่มถ่ายทำวันพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ” เซียวจิ่งขมวดคิ้ว “กรรมการบริหารคนอื่นๆ ของ OLS จะยอมหรือ”
แล้วนอกจากนี้เฮ่อหว่านหนิงยังบอกไว้ด้วยว่า จะมีการเปิดตัวน้ำหอมรุ่นเมจิกบัตเตอร์ฟลายล่วงหน้า จึงต้องถ่ายทำและเปิดตัวโฆษณาทางโทรทัศน์ล่วงหน้า
เฮ่อหว่านหนิงเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “เราจะรอสักพัก ผมจะพยายามหาทางออก เซียวโหรวเป็นคนรักษาสัญญาเสมอ ถ้าเธอฟื้นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ล่ะ”
ไม่มีใครพูดอะไรโต้แย้ง แต่ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเฮ่อหว่านหนิง เพราะถ้าเซียวโหรวจะฟื้นเธอก็ฟื้นขึ้นมานานแล้ว แต่นี่เธอยังไม่ฟื้น…
“นายบอกว่าเซียวโหรวตกบันไดที่โรงพยาบาลนี่ใช่ไหม” จู่ๆ เฮ่อหว่านโจวก็ถามขึ้น “เธอมาโรงพยาบาลทำไมหรือ”
“เซียวเหยาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล เธอจะรีบมาโรงพยาบาลเมื่อได้ยินข่าว และเธอรีบร้อนจนสะดุด” หยางจิ้งเสียนตอบ “แต่เธอตกบันไดที่บ้าน ไม่ใช่ที่โรงพยาบาล”
เฮ่อหว่านอีตกใจมาก ขณะที่หนิงเหยี่ยนถามว่า “เซียวเหยาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือครับ อุบัติเหตุร้ายแรงหรือเปล่า”
“ร้ายแรงมาก เขายังอยู่ในห้องถัดไป” เซียวจิ่งตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เขายังลุกขึ้นไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพี่เหยาร่างกายอ่อนแอมากขนาดนี้”
เฮ่อหว่านอีไม่พูดอะไร แต่เธออดไม่ได้ที่จะเดินไปที่ห้องพักคนไข้ เซียวเหยาหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเพราะความเจ็บปวดในร่างกาย ได้ยินทุกคนพูดคุยกันอยู่ข้างนอกห้อง แต่เขาไม่มีแรง เมื่อได้ยินใครบางคนดันประตูเปิดเข้ามาเขาก็ลืมตาขึ้นมองทุกคนด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น และกล่าวว่า “มากันด้วยหรือ”
เมื่อเห็นสภาพลูกพี่ลูกน้องที่เจ็บหนัก หยางมู่คุนก็กล่าวออกมาพร้อมกับสบถ “เฮ้ย นี่นาย ชิบ…” เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังจะพูดอะไรออกมา หยางมู่คุนก็กลืนคำพูดลงไปและกล่าวว่า “เหยา นายนี่โชคร้ายจริงๆ! นายเป็นคนขับรถดีมาก ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ยังไงเนี่ย”
“ฉันรีบ จะไปขึ้นเครื่องบิน” เซียวเหยาตอบอย่างไร้อารมณ์ แล้วถามว่า” ทำไมพวกนายทุกคนถึงมาได้ล่ะ”
เฮ่อหว่านโจวกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “นายพูดอะไร พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน เราก็ต้องมาเยี่ยมนายสิ เพราะนายประสบอุบัติเหตุไงล่ะ นี่นายเป็นไงบ้าง ดีขึ้นบ้างไหม”
เซียวเหยากำลังรู้สึกเจ็บปวดและไม่อยากพูดคุยกับพวกเขา จึงได้แต่พยักหน้า แล้วพลิกตัวหันหลังนอนหลับตา เฮ่อหว่านอีซึ่งไม่ได้พูดอะไรเลย เมื่อเห็นเซียวเหยาดูเหนื่อยอ่อนมากเธอก็รีบบอกว่า “ออกไปข้างนอกกันเถอะ ให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่”
เมื่อเห็นสภาพเซียวเหยาแบบนี้ ทุกคนก็รู้ว่าเขาบาดเจ็บสาหัส จึงไม่พูดอะไรอีก บอกเพียงแค่ให้เขาพักผ่อน และออกจากห้องพักของเขา
สำหรับงานโฆษณาทีวี เฮ่อหว่านหนิงยืนยันว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม หากเซียวโหรวยังไม่ฟื้นจริงๆ เขาจึงจะเลือกนางแบบคนใหม่
เซียวส่ากับเซียวจิ่งเดินไปส่งพวกเขาลงไปชั้นล่าง หนิงเหยี่ยนถามว่า “คุณลุงคุณป้านายรู้เรื่องนี้ไหม”
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงเซียวหงอี้กับครอบครัว เซียวจิ่งและเซียวส่าก็ทำหน้าบึ้งและตอบว่า “ฉันไม่ได้บอกพวกเขา เพราะไม่อยากให้พวกเขาเป็นห่วงโหรวโหรว”
หนิงเหยี่ยนมองหน้าทั้งคู่อย่างจริงจังและกล่าวว่า “แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร นายควรบอกพวกเขา ถ้าพวกเขารู้เรื่องเองจากทางอื่น นายคิดว่าพวกเขาจะยังยอมให้เซียวโหรวอยู่บ้านนายต่อไปหรือ”
คนอื่นๆ เงียบกริบในประเด็นนี้ เซียวจิ่งขมวดคิ้วกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ฉันเข้าใจ เราจะคิดดูก่อน ขอบใจนะที่เตือน เราจะแจ้งข่าวพวกนายถ้ามีอะไรคืบหน้า”
ในขณะนั้นนั่นเอง ก็มีรถตรวจการของทหารมาจอดลงตรงหน้าพวกเขาอย่างฉับพลัน ชายฉกรรจ์ในชุดหน่วยรบพิเศษลงจากรถแล้วรีบเปิดประตูให้ผู้ที่นั่งมาในรถ หลังจากนั้นชายคนหนึ่งก็ลงจากรถ ทุกคนต่างเฝ้ามอง หยางมู่คุนอ้าปากค้าง เมื่อเห็นชายคนนั้น ซึ่งกำลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ตามมาด้วยทหารองครักษ์ “นั่นไม่ใช่…”
ตอนที่ 105 ตกตะลึง
หนิงเหยี่ยนขมวดคิ้วถามว่า “เขาเป็นใคร ทำไมนายต้องประหลาดใจมากขนาดนั้น”
“นายพลเห่า!” หยางมู่คุนจ้องมองตามร่างชายคนนั้นด้วยความตกใจ ขณะกระซิบกระซาบ “ท่านเป็นผู้บัญชาการกองกำลังพิเศษ!”
บุรุษผู้นี้มักจะอยู่ในเมืองหลวง และเป็นที่นับถือด้วยตำแหน่งสูงในกองทัพ แม้แต่ปู่ของเขาก็ยังเป็นนายพลที่มีตำแหน่งต่ำกว่าคนผู้นี้ ทำไมบุคคลแบบนี้ ที่เคยเห็นแต่ในทีวี จึงมาปรากฏตัวที่เมือง A และยังมาที่โรงพยาบาลหลินอันอีกด้วย! เขามาเยี่ยมคนป่วยใช่ไหม
คนระดับนี้ มีชื่อเสียงเช่นนี้ คงไม่ได้มาพบแพทย์ แต่ในเมื่อเขามาที่นี่แบบนี้ เขาต้องมาเยี่ยมคนป่วยแน่ๆ!
ทุกคนประหลาดใจ รวมถึงเฮ่อหว่านหนิงด้วย เขาถามว่า “คุณแน่ใจหรือว่าเป็นท่าน ถ้าท่านจะมาเยี่ยมคนป่วยสักคน ก็น่าจะเยี่ยมที่เมืองหลวง ทำไมท่านถึงมาที่นี่”
หยางมู่คุนส่ายศีรษะตอบว่า “ฉันไม่รู้ แต่ที่ฉันรู้คือผู้ชายคนนี้คือนายพลเห่าจริงๆ พลเอกเห่าหง ฉันแน่ใจว่าเป็นท่าน!”
“ท่านมาทำอะไรที่นี่” หยางมู่คุนขมวดคิ้วพูดกับตัวเอง “แม้แต่ตอนที่คุณปู่ป่วย ท่านยังไม่เคยมาเยี่ยมเลย”
เซียวส่ากับเซียวจิ่งมองหน้ากัน และคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ท่านนายพลจะมาเยี่ยมเซียวเหยา นายพันตรีเล็กๆ คนหนึ่งอย่างนั้นหรือ
หยางมู่คุนถามว่า “เฮ้ น้องๆ ทั้งสอง มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงมารักษาตัวในโรงพยาบาลของนายหรือ”
เซียวส่ากล่าวอย่างไม่พอใจ “นายคงไม่คิดหรอกนะว่าเราจะต้องรู้ ว่ามีผู้ป่วยแบบนั้นในโรงพยาบาลของเราหรือเปล่า”
“แปลกมาก… แปลกจริงๆ …” หยางมู่คุนส่ายศีรษะ “เดี๋ยวกลับบ้านฉันจะถามคุณปู่ว่ามีนายพลคนไหนมาใช้ชีวิตอยู่ในเมือง A บ้างหรือเปล่า”
เฮ่อหว่านโจวหัวเราะกล่าวว่า “คุณปู่นายเกษียณแล้ว ท่านอาจไม่รู้ นายกลับไปถามพ่อนายก็ได้นี่”
หยางมู่คุนส่งเสียงออกทางจมูกเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ฮื่อ พี่น้องฉันทั้งผู้ชายผู้หญิง ทุกคนเป็นทหารในกองทัพ ยกเว้นฉัน เพราะเหตุนี้พ่อฉันก็เลยไม่ชอบฉัน และไม่ค่อยยิ้มให้ฉันซักเท่าไร แต่ทำไมเราทุกคนต้องเข้าร่วมในกองทัพด้วยล่ะ ฉันรับใช้กองทัพเป็นเวลาสองปีตามที่พวกท่านต้องการแล้ว จะมาขอให้ฉันอยู่ในกองทัพตลอดชีวิตได้อย่างไร”
เฮ่อหว่านโจวส่ายศีรษะ “นายไม่รู้หรอก ว่านายโชคดีแค่ไหน!”
เซียวส่าอยากรีบไปดูว่านายพลเห่ามาเยี่ยมพี่ชายเขาจริงๆ หรือเปล่า เขาจึงอยากรีบส่งคนเหล่านี้กลับไป “เฮ้ พวกเราอย่ามายืนอยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาลแบบนี้เลย เป็นจุดสนใจหมดแล้ว ถึงเวลาที่พวกนายทุกคนจะกลับไปได้แล้ว”
หนิงเหยี่ยนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เมื่อมีรถอีกคันหนึ่งมาจอดลงตรงหน้าพวกเขา ชายสองคนสวมชุดขาวลงจากรถ ถือแล็ปท็อปไว้ในมือ นายแพทย์คนหนึ่งพูดถึงสภาพของผู้ป่วยกับนายแพทย์อีกคนหนึ่งขณะลงจากรถ “จากประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ผมมองไม่เห็นปัญหาอะไรเลย ผมคิดว่าเซลล์สมองของเธอจะต้องเสียหายร้ายแรง คุณคิดว่ายังไง”
นายแพทย์อีกคนดูท่าทางกังวล “ต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก พวกเขาถึงได้รีบขอให้เรานั่งเครื่องบินจากเมืองหลวงมาที่นี่”
นายแพทย์ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรอีก และเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
ด้วยความร้อนรนจากความวิตกกังวล เซียวส่ากับเซียวจิ่งพยายามส่งแขกให้รีบกลับไป “รีบกลับได้แล้ว”
เซียวจิ่งมองหน้าเฮ่อหว่านอีและกล่าวว่า “เฮ้ ซุปเปอร์สตาร์ ไม่มีงานทำหรือไง ได้ข่าวว่ามีงานแสดงต้องไปถ่ายไม่ใช่หรือ ไปได้แล้ว เราก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน”
หนิงเหยี่ยนสุนัขจิ้งจอกผู้เจนสังเวียน สังเกตเห็นพี่น้องทั้งสองดูวิตกกังวลมาครู่ใหญ่แล้ว ขณะมองตามหลังคนทั้งสองเขาหรี่ตาลง กล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “พวกนายสังเกตไหม ว่าสองคนนี้ปิดบังอะไรบางอย่างจากพวกเรา”
หยางมู่คุนก็รู้สึกเช่นกัน เขาพยักหน้าเห็นด้วย “ดูเหมือนทั้งสองคนอยากให้เราออกไปโดยเร็วที่สุด”
เฮ่อหว่านอีกล่าวว่า “ถ้าเราอยากรู้ว่าพวกเขาซ่อนอะไรบางอย่างจากเราหรือเปล่า เราก็ควรกลับขึ้นไปชั้นบน และไปดูกันหน่อย”
ทุกคนตัดสินใจขึ้นไปชั้นบนอีกครั้ง ยกเว้นเฮ่อหว่านหนิง เฮ่อหว่านโจวมองหน้าน้องชายแล้วเดินเข้าไปตบไหล่กล่าวว่า “น้องชาย นายไม่คิดว่าหมอพวกนั้นจะมาดูอาการเซียวโหรวหรือ นายไม่อยากรู้หรือว่าอาการจริงๆ ของเธอเป็นยังไง”
เฮ่อหว่านหนิงถูกเกลี้ยกล่อมด้วยเหตุผลนี้และพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นไปดูกัน”
ทุกคนรีบขึ้นไปที่ชั้นวีไอพีอีกครั้ง เป็นไปตามที่พวกเขาคาดคิด นายแพทย์ที่พวกเขาเห็นด้านล่างเข้าไปในห้องพักคนไข้ของเซียวโหรว หยางมู่คุนยักคิ้วให้เฮ่อหว่านหนิงพร้อมกับกล่าวว่า “เห็นไหมล่ะ”
“พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ถูกเชิญตัวมาจากเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ”
“และพวกเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทั่วไป” หยางมู่คุนกล่าวพร้อมกับเม้มริมฝีปาก “ทั้งสองคนดูไม่เหมือนหมอธรรมดา ฉันคิดว่าพวกเขาเป็นหมอทหาร”
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ “ฮะ? หมอทหาร!”
หยางมู่คุนยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้พวกเขาเงียบเสียง “ตอนที่ฉันเข้ารับราชการในกองทัพ คุณพ่อส่งฉันไปที่ฐานการฝึกในเมืองหลวง ฉันอยู่ที่นั่นสองสามเดือน มีหมอทหารจำนวนมากมาศึกษาหลักสูตรพิเศษ ภายใต้การคุ้มครองและการสนับสนุนของรัฐ หมอสองคนนี้ดูเหมือนหมอพวกนั้น”
ทันใดนั้นนายพลเห่าก็เดินออกมาจากห้องพักของเซียวเหยา และสนทนากับหยางจิ้งเสียนด้วยท่าทางอารมณ์ดี ดูไม่ขึงขังอย่างที่พวกเขาเพิ่งเห็นที่ชั้นล่าง หยางมู่คุนถอยหลังไปพิงฝาผนังร้องออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม”
หนิงเหยี่ยนพึมพำ “ตานายไม่ได้ฝาดหรอก นายพลเห่า คนเดียวกับที่เราเห็นในทีวี มาเยี่ยมเซียวเหยาด้วยตัวเอง”
เฮ่อหว่านโจวกระทุ้งสีข้างหยางมู่คุน ถามเสียงเบาว่า “นายพลเห่าคนนี้มาเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องนาย เพราะคุณอานายหรือ”
หยางมู่คุนทำเสียงหงุดหงิด “เป็นไปได้ยังไง” เขาเพิ่งบอกทุกคนไปว่า แม้แต่คุณปู่ของเขาป่วย ก็ยังไม่มีโอกาสพิเศษอย่างการที่นายพลเห่ามาเยี่ยมด้วยตัวเองเลย!
แม้ว่าเมือง A จะสามารถเปรียบเทียบกับเมืองหลวงได้ในเรื่องความเจริญมั่งคั่ง แต่ก็ไม่อาจเทียบได้ในแง่มุมอื่นๆ
เฮ่อหว่านหนิงที่นิ่งเงียบมาตลอด ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ถึงยังไงท่านก็เป็นคนมีชื่อเสียง ท่านมาทำอะไรที่เมืองนี้ ถ้าพวกคุณมีคำถาม ก็เดินเข้าไปถามสิ!” จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องพักคนไข้
สายเกินไปที่ทุกคนจะห้ามเขาทัน พวกเขาจึงได้แต่รีบตามไป โชคดีที่นายพลเห่าออกไปแล้ว
เซียวส่ากับเซียวจิ่งกำลังรอผลการตรวจของแพทย์อยู่นอกห้องเซียวโหรว เมื่อเห็นกลุ่มคนเหล่านี้เดินกลับมาทั้งสองก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ แล้ววางแผนว่าจะทำเป็นแกล้งไม่รู้อะไรเลย
หยางมู่คุนเดินเข้ามาตบไหล่เซียวจิ่งพร้อมกับหัวเราะ “น้องเล็ก นายมีอะไรปิดบังซ่อนเร้นพวกเราอยู่หรือเปล่า นั่นน่ะคือนายพลเห่า ตาฉันไม่ฝาดใช่ไหม”
เซียวจิ่งขมวดคิ้ว “ฉันไม่รู้ว่าตานายฝาดหรือเปล่า ฉันไม่ใช่ตาของนาย”
เซียวส่าพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เซียวจิ่งพูด
ทันใดนั้นหยางจิ้งเสียนก็ออกมาจากห้องเซียวเหยา เมื่อเธอเห็นทุกคนชุมนุมกันอยู่ดวงตาเธอก็มีร่องรอยความประหลาดใจทันที และถามว่า “อ้าว นี่ยังไม่ได้กลับกันไปหรือ”
“คุณน้าหยางครับ พวกเรารู้สึกเป็นห่วงโหรวโหรว พวกเราบังเอิญเห็นมีหมอมาจากเมืองหลวงที่ชั้นล่าง เราก็เลยกลับมา”
เฮ่อหว่านอีอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวพอคุณหมอออกมาและแจ้งผลการตรวจ พวกเราก็จะกลับค่ะ”
ตอนที่ 106 ระเบิดลงอย่างต่อเนื่อง
หยางจิ้งเสียนยิ้มแล้วกล่าวว่า “ตกลงจ้ะ ทุกคนรอฟังผลอยู่ที่นี่ได้ น้าจะกลับไปทำซุป” จากนั้นเธอบอกเซียวจิ่งกับเซียวส่าให้ดูแลเซียวโหรวและเซียวเหยาให้ดี
สองพี่น้องพยักหน้ารับ หยางจิ้งเสียนจึงกลับไป ทุกคนจับตามองพี่น้องทั้งสอง ขณะที่หยางมู่คุนยิ้มอย่างมีเลศนัย พร้อมกับเร่งเร้า “น้องๆ ทั้งสอง ตกลงนายจะบอกเราไหม”
สองพี่น้องทำสีหน้าที่บ่งบอกว่า ‘ให้ฉันตายเสียดีกว่าจะยอมบอก’
แล้วเสียงเยือกเย็นของเซียวเหยาก็ดังออกมาจากห้องพักคนไข้ “เข้ามานี่!”
เซียวส่าและเซียวจิ่งยักไหล่ ผลักหยางมู่คุนออกไป แล้วเดินเข้าไปในห้องพักของเซียวเหยา ถึงแม้ หยางมู่คุนจะเก่งในศิลปะการต่อสู้ แต่เขาเทียบเซียวเหยาไม่ติดในเรื่องนี้! ตอนนี้เซียวเหยาเรียกให้พวกเขาเข้าไปในห้องแล้ว สองพี่น้องจึงไม่กลัว
เซียวเหยามองดูผู้คนที่ยืนอยู่หน้าเตียงคนไข้ และกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “ฉันมียศพันโท เป็นผู้บังคับการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สังกัดกองกำลังพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ”
ทุกคนตกตะลึง
เซียวส่ากับเซียวจิ่งอดหัวเราะอย่างสะใจไม่ได้ สองพี่น้องคาดเดาไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องตกใจอย่างมาก เมื่อได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเซียวเหยา ดูสิ ทุกคนตะลึงงันกันแค่ไหน…
ว่าแต่เมื่อไหร่กันที่เขาได้เลื่อนยศเป็นพันโท?
นายพลเห่ามาแจ้งเรื่องนี้ใช่หรือเปล่า โอ พระเจ้า! เขาได้เลื่อนตำแหน่งเร็วเกินไปไหม!
หยางมู่คุนกระพริบตาปริบๆ มองหน้าเซียวเหยาซึ่งนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง จ้องเขาด้วยสีหน้านิ่งงันพร้อมกับเอ่ยพึมพำ “ญาติเหยา เมื่อกี้นายเพิ่งบอกว่าตอนนี้นายเป็นอะไรนะ ตำแหน่งนายมันยาวเกินไป ฉันจำไม่ได้”
“ฉันเป็นพันโท ผู้บังคับการหน่วยปฏิบัติการพิเศษกองกำลังต่อต้านการก่อการร้าย”
เฮ่อหว่านโจวมองเซียวเหยาซึ่งนอนอยู่บนเตียง เขายิ้มมุมปากขณะกล่าวว่า “จริงหรือ”
สุดยอดมาก ถ้าเป็นเรื่องจริง!
บิดาหยางมู่คุนตอนนี้เป็นเพียงนายพลตรี! แม้ท่านจะอายุหกสิบเศษแล้ว! แต่เซียวเหยาได้เป็นพันโทแล้ว ไม่น่าตกใจหรือ
เซียวเหยาพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “จริง”
ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความอึ้งและทึ่ง เฮ่อหว่านอีไม่อยากจะเชื่อ เธอรู้มาตลอดว่างานของเซียวเหยาเป็นงานที่พิเศษ แต่ไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นวีรบุรุษเช่นนี้ และงานของเขานั้นอันตรายมาก เธอถามอย่างอ่อนโยนว่า “เธอไม่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ใช่ไหม”
เซียวเหยาตอบด้วยการพยักหน้า “ฉันถูกยิงระหว่างปฏิบัติภารกิจ แต่อาชญากรก็ถูกฆ่าตาย นั่นคุ้มค่าแล้ว”
หนิงเหยี่ยนเป่าปากดังวี๊ด กล่าวว่า “นายคือวีรบุรุษ! ไม่น่าแปลกใจที่น้องสาวนายตกใจมากจนตกบันได นายอาจได้โชคลาภมหาศาลจากการฟาดเคราะห์ครั้งนี้”
เซียวเหยายังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆ “ใช่ ฉันเพิ่งได้เลื่อนยศเป็นพันโท”
เซียวจิ่งกับเซียวส่ามองสบตากันอย่างรวดเร็ว เป็นไปตามที่พวกเขาคาดเดา ท่านนายพลมาเพื่อแจ้งข่าวการได้เลื่อนยศแก่เซียวเหยา!
แต่การได้เลื่อนยศโดยแลกมาด้วยชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องดีนัก
ขณะมุมปากหยางมู่คุนเหยียดกว้างก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น จากนั้นประตูห้องพักของเซียวเหยาก็เปิดออกและหยางจิ้งเชาปรากฏตัว เขากวาดสายตามองทุกคนในห้องพักคนไข้ ก่อนจะหน้านิ่วคิ้วขมวดหันกลับไปมองผู้ติดตามและถามว่า “คุณได้รับรายงานมาผิดพลาดหรือเปล่า”
ผู้ติดตามส่ายศีรษะตอบว่า “รายงานจากระบบคอมพิวเตอร์ไม่มีทางผิดพลาดครับ ท่านนายพลเห่าเดินทางมาที่ห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลหลินอันห้องนี้ เพื่อเยี่ยมผู้ป่วย ครับผม”
หยางจิ้งเชาขมวดคิ้ว มองไปรอบๆ ห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง พบเพียงว่าผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงคือเซียวเหยา จากนั้นเขาก็เดินก้าวยาวๆ เข้าไปมองหน้าเซียวเหยา บารมีเขาน่าเกรงขามจนไม่มีใครกล้าพูดอะไร แม้แต่หยางมู่คุนลูกชายเขาก็ยังอึ้งและก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว มีเพียงเซียวเหยาเท่านั้นที่ดูสงบนิ่งด้วยรอยยิ้มขณะกล่าวว่า “คุณลุง มาเยี่ยมผมหรือครับ”
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ” หยางจิ้งเชาถาม ขณะจ้องหน้าหลานชายผู้ไม่เคยเกรงกลัวเขามาตั้งแต่เด็กๆ “ตำแหน่งหน้าที่การงานที่แท้จริงของเธอคืออะไร”
ทุกคนอึ้ง “…”
โอ ท่านช่างเป็นคนตรงจริงๆ!
เซียวเหยาไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด นี่คือบุคลิกลักษณะความกล้าหาญและตรงไปตรงมาของทหาร เขากล่าวว่า “ผมคือพันโทเซียวเหยา แห่งกองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายครับ!”
น้ำเสียงเขาเรียบเฉยไร้ความรู้สึกใดๆ แม้จะฟังดูอ่อนล้าไปบ้าง แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์อันน่าประทับใจแม้แต่น้อย
หางตาหยางจิ้งเชาหรี่ลง และราวกับว่าได้ยินไม่ชัดเจน เขาถามซ้ำอีกครั้ง “เธอว่าอะไรนะ”
เซียวเหยากล่าวคำพูดก่อนหน้านี้ซ้ำอีกครั้ง หยางจิ้งเชาหันมาจ้องหน้าลูกชายทันที ด้วยความรู้สึกว่าทำไมลูกชายเขาถึงแย่กว่าเซียวเหยามากมายขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เขามักคุยโวถึงลูกชายอีกคนมาตลอดว่าเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยม ได้ติดยศร้อยเอกในวัยยังไม่พ้นยี่สิบปลายๆ เขาคิดไม่ถึงว่าลูกชายของน้องเขย ซึ่งเขาเคยดูหมิ่นนั้น แท้จริงแล้วคือนายทหารยศพันโท!
ช่างน่าอายเสียจริง!
จู่ๆ เขาก็อยากแลกเปลี่ยนลูกชายกับน้องเขยขึ้นมาเสียอย่างนั้น! ใครก็ได้ช่วยห้ามเขาที!
“ท่านนายพลเห่ามาเยี่ยมเธอหรือ” หยางจิ้งเชาใช้เวลานานกว่าจะสงบจิตใจลงได้ และนึกออกว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่
เซียวเหยาพยักหน้าตอบว่า “ใช่ครับ”
“ทำไม” หยางจิ้งเชาขมวดคิ้ว แม้หลานชายจะเป็นถึงพันโท แต่คนใหญ่คนโตอย่างนายพลเห่าก็ไม่ควรมาเยี่ยมเพียงเพราะเขาป่วย
“ผมอยู่ภายใต้บังคับบัญชาโดยตรงของท่านนายพลเห่าครับ”
“เธออยู่หน่วยไหนในกองทัพ”
“กองกำลังพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายครับ” เซียวเหยาไม่ลงลึกในรายละเอียดมากนัก
หยางจิ้งเชาถอนหายใจ มองหน้าหลานชายและถามว่า “เธอเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมเข้าเมืองหลวงเพื่อรับการฝึกอบรมหลังจากเรียนจบมัธยมต้น และจบหลักสูตรที่นั่นครับ” เซียวเหยาไม่ตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เขารู้ว่าคุณลุงต้องตรวจสอบแน่นอนถ้าท่านรู้เรื่องนี้ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาบอกท่านด้วยตัวเองจะดีกว่า
หยางจิ้งเชาพยักหน้า มองเซียวเหยาด้วยสายตาอันเฉียบคม “เธอนี่เก็บความลับเก่งจริงๆ พ่อแม่เธอรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่”
“วันนี้ครับ”
หยางจิ้งเชาหรี่ตาลง เอ่ยชื่นชมเขา “ไม่เลว หลายชาย”
เซียวเหยายังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “เนื่องจากตำแหน่งหน้าที่ของผมค่อนข้างมีความพิเศษครับ ยิ่งคนรู้เรื่องนี้น้อยเท่าไรก็จะยิ่งดี และผมคิดว่าคงไม่ค่อยมีใครอยากทราบอาชีพที่แท้จริงของผมสักเท่าไหร่ เพราะถ้าหากทราบแล้วพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตราย”
ทุกคน “…”
ทำไมจู่ๆ เราถึงเกิดไม่อยากรู้เรื่องตัวตนที่แท้จริงของเขาขึ้นมาในฉับพลันก็ไม่รู้สิ สายเกินไปแล้วใช่ไหม ที่เราจะออกจากห้องนี้
หยางจิ้งเชากะพริบตาปริบๆ ไม่ถามอะไรอีกต่อไป เพียงแค่กล่าวอย่างจริงจังว่า “หลังจากอาการดีขึ้นแล้วไปที่บ้านลุงด้วย ไปอธิบายเรื่องนี้กับคุณตาของเธอ”
เซียวเหยาพยักหน้า “ครับ!”
หยางจิ้งเชาหันกลับมามองหยางมู่คุน แล้วตะคอก “สำหรับแก ออกจากห้องนี้ไปได้แล้ว!” จากนั้นก็ก้าวออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามอง
ทุกคนมองหยางมู่คุนอย่างเห็นอกเห็นใจ ในขณะที่เฮ่อหว่านโจวตบไหล่เขาแล้วกล่าว่า “ดูแลตัวเองนะ มู่คุน!”
หยางมู่คุนเดินออกไปด้วยใบหน้าเศร้าสลด คิดอยู่ในใจว่าทำไมเขาช่างโชคร้ายเหลือเกิน ที่บังเอิญต้องมารับรู้อาชีพการงานที่แท้จริงของลูกพี่ลูกน้อง พร้อมๆ กับการมาปรากฏตัวในที่เดียวกันของบิดา ผู้ซึ่งเกลียดเขามากที่สุด!
โอ ฉันอยากกลับเข้าไปอยู่ในท้องแม่!
เซียวเหยากวาดตามองทุกคน และถามว่า “มีคำถามอะไรอีกไหม”
หนิงเหยี่ยนส่ายศีรษะ “ไม่ ฉันไม่อยากรู้อยากเห็นอะไรอีกเลย ฉันคิดว่าชีวิตของฉันสำคัญกว่า”
เซียวเหยาพ่นลมหายใจอย่างแรง “แล้วพวกนายกลับมาทำไม สายเกินไปแล้วล่ะที่พวกนายจะเสียใจ”
เฮ่อหว่านหนิงถามว่า “คุณหมอที่อยู่ในห้องข้างๆ คือคณะแพทย์ที่คุณเชิญมาที่นี่ใช่ไหมครับ” เขาเป็นห่วงเซียวโหรวมากกว่า
เซียวเหยาพยักหน้า หันไปมองเซียวส่าพร้อมกับกล่าวว่า “ไปฟังผลซิ”
ตอนที่ 107 ฉันอยากกลับบ้าน
หลายวันผ่านไปเซียวโหรวก็ยังไม่ฟื้น แต่เฮ่อหว่านหนิงยืนกรานที่จะรอเซียวโหรวอีกหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้เซียวเหยาลุกจากเตียงได้แล้ว และคอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงถังซีเกือบทั้งวันทุกวัน เซียวส่ากับเซียวจิ่งอยู่เฝ้าที่โรงพยาบาลหลายวัน ก่อนจะกลับไปทำงานเมื่อเพื่อนร่วมงานโทรมาขอร้อง
หยางจิ้งเสียนมาทุกวัน นำอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมาให้เซียวเหยา และมาเช็ดตัวให้เซียวโหรว หลังจากหลินหรูรู้ว่าลูกสาวตกบันไดและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เธอก็รีบวิ่งมาที่โรงพยาบาลทั้งน้ำตา และอยู่ที่นั่นโดยไม่สนใจการงาน
เซียวหงอี้ไม่สามารถเปลี่ยนใจภรรยา ทำได้แค่ขอให้เซียวเจี่ยนเข้าไปดูแลบริษัทบันเทิงของพวกเขาแทน เซียวเจี่ยนยินดีอย่างยิ่งในเรื่องนี้เพราะเขาเป็นคนบ้างาน เขาไม่ชอบทำอะไรเลยนอกจากทำงาน เขารู้สึกว่าการพักผ่อนและการหาความบันเทิงเป็นเพียงเรื่องไร้สาระไม่มีคุณค่าแก่ชีวิต
แต่เขาก็ยังหาเวลาไปเยี่ยมน้องสาวที่โรงพยาบาล แม้จะไปเพียงครั้งเดียวก็ตาม
เพราะเขาคิดว่าเขาไม่ใช่หมอ เซียวโหรวจะไม่ฟื้นขึ้นมาได้จากการที่เขาไปอยู่ที่โรงพยาบาลทุกวัน เขาควรกลับไปทำงานดีกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเขาสามารถปลุกให้เซียวโหรวตื่นขึ้นมาได้ด้วยการนั่งเฝ้าเธอที่โรงพยาบาล เขาก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้น
ช่วงเวลานี้หลินหรูและหยางจิ้งเสียนเข้ากันได้ดี ในขณะที่หลินหรูคิดว่าพวกเขาดูแลเซียวโหรวไม่ดีพอ เป็นสาเหตุให้เธอตกบันได เธอก็รู้ว่าเธอจะบ่นว่าไม่ได้ เธอจึงไม่พูดอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแค่มาอยู่คอยดูแลเซียวโหรวร่วมกับหยางจิ้งเสียนทุกวันเท่านั้น
หลังจากเช็ดตัวให้เซียวโหรวแล้ว หยางจิ้งเสียนก็นำน้ำที่ซักผ้าเช็ดตัวไปเททิ้งที่ห้องน้ำ จากนั้นก็มานั่งลงที่โซฟาใกล้ๆ ขณะมองดูหลินหรูซึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงเซียวโหรว จับมือลูกสาวเธอไว้ เธอก็ถามเบาๆ ว่า “อาหรู ไม่เป็นไรจริงๆ หรือ ที่เธอไม่ไปทำงาน”
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลินหรูซึ่งทำงานหนักมาตลอดชีวิต จู่ๆ ก็หยุดทำงานได้อย่างกะทันหัน และมานั่งอยู่ที่นี่ทุกวัน เพื่อคอยเฝ้าลูกสาวซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยเกลียดมาก
หลินหรูมองเซียวโหรวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอยิ้มอย่างรังเกียจตัวเองขณะกล่าวว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันคิดว่ามีเพียงงานเท่านั้นที่ทำให้ฉันมีความสุขได้ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความทะเยอทะยานของฉันเป็นสิ่งที่ผิด ฉันทำงานหนักขนาดนั้นเพื่ออะไร เพื่อชีวิตที่ดีกว่าหรือ แต่ชีวิตของฉันก็ดีพอแล้วนี่ เพื่อให้ลูกๆ ของฉันมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือ แต่ในขณะเดียวกันฉันกลับเมินเฉยต่อลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง เมื่อถึงเวลาที่ฉันคิดได้ และอยากชดใช้ทุกอย่างให้เธอ ลูกสาวฉันกลับต้องมานอนป่วยหนักอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะทำงานหนักและหาเงินทั้งหมดนั้นมาเพื่ออะไร!”
สามีเธอเป็นคนร่ำรวย ลูกชายเธอก็สามารถหารายได้ด้วยตัวเอง ทั้งสองไม่ได้ต้องการเงินของเธอ เธอเคยลงทุนทั้งเงินและแรงทั้งหมดให้กับผู้ได้ชื่อว่าเป็น ‘ลูกสาว’ แต่แล้วก็พบว่า… ท้ายที่สุดเมื่อเธอตัดสินใจจะชดเชยทุกสิ่งทุกอย่างให้กับลูกสาวที่เธอให้กำเนิด ลูกสาวกลับไม่ให้โอกาสเธอ
หยางจิ้งเสียนเม้มริมฝีปากและถอนหายใจ “ในเมื่อโหรวโหรวเคยฟื้นขึ้นมาจากการบาดเจ็บสาหัสในครั้งนั้นได้ เธอก็ต้องฟื้นขึ้นมาได้ในครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นบอกว่าร่างกายโหรวโหรวอ่อนล้าเกินกว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ในตอนนี้ บางทีอาจเป็นการดีที่เธอจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”
ใช่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจากเมืองหลวงตรวจร่างกายเซียวโหรวและสรุปว่าเธอกำลังนอนหลับ
นอนหลับอย่างนั้นหรือ ใครกันจะนอนหลับนานเป็นสัปดาห์อย่างนี้ พวกเขาบอกด้วยว่าเธออาจไม่ตื่นตลอดกาล นั่นไม่เหมือนกับสมองตายใช่ไหม! อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นบอกว่าแตกต่างจากอาการสมองตาย เพราะผู้ป่วยสมองตายจะเหมือนกับต้นพืชที่เ**่ยวแห้งไปแล้ว แทบไม่มีโอกาสฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้เลย นอกจากจะมีปาฏิหาริย์เท่านั้น แต่สำหรับเซียวโหรว เธอสามารถตื่นขึ้นมาได้ตลอดเวลา เพียงแต่พวกเขาบอกไม่ได้ว่าเมื่อไร
หลินหรูมองดูเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียงไม่วางตา และกล่าวเบาๆ ว่า “จิ้งเสียน เธอสัญญาอะไรกับฉันอย่างหนึ่งได้ไหม”
หยางจิ้งเสียนขมวดคิ้ว ถามกลับว่า “สัญญาอะไรหรือ”
“เธอให้โหรวโหรวไปๆ มาๆ ใช้ชีวิตอยู่ทั้งที่บ้านเธอและที่บ้านฉันได้ไหม หลังจากโหรวโหรวฟื้นขึ้นมาแล้ว” หลินหรูรู้ว่าเธอขอมากเกินไป แต่เธออยากอยู่กับลูกสาวจริงๆ เมื่อเห็นหยางจิ้งเสียนขมวดคิ้วเธอก็รีบบอกว่า “ฉันรู้ว่าฉันขอมากเกินไป แต่ฉันไม่รู้จริงๆ นะว่าเหยาจิ้นหนิงโกหก ถ้ารู้ฉันจะไม่ทำแบบนั้นกับโหรวโหรวเลย ฉันสาบานว่าจากนี้ไปฉันจะทำทุกอย่างเพื่อโหรวโหรว ถ้าใครกล้ามาทำร้ายโหรวโหรว ฉันจะไม่มีวันปล่อยคนๆ นั้น! ฉันขอแค่นี้ได้ไหม”
หยางจิ้งเสียนเม้มริมฝีปากแทนคำตอบ ในเวลานั้นเซียวเหยาเดินเข้าประตูมาพอดี เขากล่าวเสียงเรียบว่า “เอาไว้คุยเรื่องนี้กันอีกครั้งเมื่อโหรวโหรวฟื้นแล้วนะครับ เราจะขอความเห็นจากโหรวโหรว ถ้าเธอเห็นด้วยเราจะไม่ห้าม”
…
ถังซีใช้เวลาหลายวันในลองบีช อยู่กับเฉียวเหลียงตลอดเวลาทุกวัน เธอเฝ้าดูกลุ่มคนที่เฉียวเหลียงส่งออกไปตามหาเธอกลับมาโดยไม่ประสบความสำเร็จ เฝ้าดูเฉียวเหลียงเดือดดาลด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด เฝ้าดูภาพหลอนของเฉียวเหลียงพัฒนาความรุนแรงยิ่งขึ้น เฝ้าดูอาการนอนไม่หลับของเฉียวเหลียงที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ และเฝ้าดูเขาพูดคุยกับเธอตลอดค่ำคืนอันยาวนาน ขณะถือกล่องน้ำแข็งที่มีนิ้วมือเธออยู่ในนั้น
ยิ่งเฝ้าดูนานเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ และยิ่งอยากตบหน้าตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
เป็นไงล่ะ ถังซี เธอทรมานเฉียวเหลียงขนาดนี้ได้อย่างไร
เมื่อคิดเช่นนี้ ถังซีก็พยายามอย่างหนักที่จะกลับคืนสู่ร่าง อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะใช้วิธีใด แบบไหน เธอก็ไม่สามารถออกจากลองบีช ไม่สามารถกลับไปเมือง A หรือเมืองหลวงได้ เธอทำได้แค่เฝ้ามองเฉียวเหลียงทรมานตัวเอง ไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดยั้งเขาได้
ขณะที่ถังซีกำลังจมดิ่งลงสู่ห้วงลึกของความสิ้นหวังและความรู้สึกผิด อาหกก็วิ่งขึ้นมาชั้นบน ในมือถือแล็ปท็อปมาด้วย และกล่าวกับเฉียวเหลียงที่นั่งอยู่บนพื้น “เจ้านายครับ ผมหาเจอแล้วครับ ที่อยู่ของพื้นที่เชื่อมต่อเครือข่ายนั้นเป็นเท็จ เป็นที่อยู่ปลอมที่ถูกสร้างขึ้นครับ ที่อยู่จริงอยู่ในประเทศจีน ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับลองบีชเลย แต่ผมระบุพื้นที่แน่นอนไม่ได้ แผนกอื่นที่เก่งคอมพิวเตอร์กว่าผมจะสามารถหาตำแหน่งที่แน่นอนที่ผมหาไม่เจอได้ครับ”
ถังซีเม้มริมฝีปาก หากรู้ความจริงข้อนี้แต่แรก เธอจะไม่ใช้ทักษะการแฮ็คของ 008 เธอคิดไม่ถึงว่าแม้แต่แฮ็กเกอร์มืออาชีพก็ไม่สามารถติดตามเธอได้
ตอนนี้เธอตั้งความหวังอย่างจริงจังว่าพวกเขาจะหาพบโดยเร็วว่าเธออยู่ส่วนไหนในประเทศจีน หรือแม้แต่หาตัวเธอพบ เพื่อที่เฉียวเหลียงจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอยู่ทุกวันอย่างนี้ หัวใจเธอปวดร้าวเหลือเกินเมื่อเห็นเฉียวเหลียงต้องเป็นแบบนี้ไม่มีวันสิ้นสุด
ถังซีมองดูเฉียวเหลียงด้วยความเศร้า เขานั่งนิ่งอยู่บนพื้นอย่างเลื่อนลอย ความเสียใจท่วมท้นในใจเธอ เธอรู้ว่าเขากลับสู่ภาพหลอนอีกแล้ว
อาหกเรียกเฉียวเหลียง แต่เขาไม่ตอบ อาหกจึงตะโกนว่า “คุณถัง!”
เมื่อได้ยินอย่างนี้เฉียวเหลียงก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที เขาหันกลับไปมองอาหก และฝ่ายหลังกล่าวซ้ำอย่างรวดเร็วในสิ่งที่เพิ่งพูดไป เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “ประเทศจีนหรือ อยู่ในเมืองหลวงหรือเปล่า”
อาหกส่ายศีรษะ “ผมไม่แน่ใจครับ สิ่งที่ผมแน่ใจก็คืออยู่ในประเทศจีนจริงๆ เป็นที่อยู่ปลอมที่ใช้ปกปิดตำแหน่งที่แท้จริงครับ”
เฉียวเหลียงผุดลุกขึ้นจากพื้น กล่าวอย่างจริงจัง “เตรียมตัวกลับบ้าน!”
อาหกไม่รีรอ เขาพยักหน้าแล้วรีบลงไปชั้นล่าง แจ้งอาห้าและคนอื่นๆ ให้กลับมาที่ที่พัก และเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศจีน
เมื่อเห็นเช่นนั้นถังซีก็รู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก ถ้าพวกเขากลับไปประเทศจีนจะเกิดอะไรขึ้นหากเธอไม่สามารถกลับไปได้ เมื่อคิดอย่างนี้ถังซีก็ตะโกนออกมาด้วยความหวาดวิตก “ศูนย์ ศูนย์ แปด ฉันอยากกลับบ้าน!”
ตอนที่ 108 ฟื้นแล้ว
ถังซีลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เธอเห็นคือใครบางคนนอนซบอยู่บนร่างเธอ เป็นผู้หญิงผมสีน้ำตาลเข้ม ไม่ใช่ผมดำ ดังนั้นนี่ไม่ใช่คุณแม่ เธอขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็หวีดร้องออกมาด้วยความโล่งอก เธอกลับมาแล้ว!
ใช่! เธอกลับมาแล้ว!
เธอลองใช้ทุกวิถีทางเท่าที่จะนึกออก ยกเว้นการเรียกหา 008 ถ้าเธอเรียก 008 ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เธอคงตื่นขึ้นมาตั้งนานแล้วใช่ไหม
เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีก็ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาให้กับความโง่เขลาของตัวเอง อาจเป็นเพราะเสียใจที่ไม่ได้เรียกหา 008 ตั้งแต่แรก หรืออาจเป็นเพราะเธอตื่นเต้นเกินไปที่ได้กลับมา แต่เธอร้องไห้ออกมาจริงๆ น้ำตาเธอไหลพรากอย่างกลั้นไม่อยู่
หลินหรูตกใจเสียงหวีดร้องของถังซี เธอมองสำรวจถังซีอย่างละเอียด แล้วด้วยความโล่งอกเธอกอดถังซีแน่น และร้องไห้น้ำตานองหน้ากล่าวว่า “ลูกรัก ในที่สุดลูกก็ฟื้น รู้ไหมว่าแม่กลัวเหลือเกิน”
ถังซียังไม่หายตื่นเต้น ในเวลานี้เธอต้องการใครสักคนจริงๆ ที่จะแบ่งปันความสุข เธอจึงกอดหลินหรูขณะร้องไห้และหัวเราะไปพร้อมกัน ในที่สุดเธอก็ได้กลับมาแล้ว ตอนนี้เธอสามารถไปหาเฉียวเหลียง ไปบอกให้เขาหายเศร้า บอกเขาว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
หลินหรูดีใจที่ถังซีกอดเธอ เธอเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณนะโหรวโหรว ขอบคุณที่ให้อภัยแม่”
เมื่อได้ยินเสียงหลินหรู ถังซีก็คลายอ้อมกอด ค่อยๆ ปล่อยหลินรูออกจากอ้อมแขน เธอประหลาดใจมากที่เห็นว่าเป็นหลินรู เธอยิ้มอย่างเก้อเขินและถามว่า “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่”
หลินหรูรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยจากปฏิกิริยาของถังซี แต่ก็ยังคงสงบนิ่งและกล่าวว่า “ลูกอยู่ในอาการโคม่ามาหลายวันแล้ว แม่เป็นห่วงลูกมาก…”
“ขอบคุณนะคะ” ถังซียิ้มแล้วมองดูนาฬิกาบนผนัง ยังเช้าอยู่ หลินหรูคงเฝ้าเธอมาตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาแน่ๆ เมื่อเห็นว่าหลินหรูเต็มใจทำแบบนี้ให้เซียวโหรว เธอก็ไม่อาจตัดสินใจไม่ให้อภัย ถังซีจึงกล่าวว่า “คุณคงเหนื่อยมาก”
เป็นครั้งแรกที่หลินหรูได้ยินน้ำเสียงที่ลูกสาวพูดกับเธอเช่นนี้ เธอโบกมือไปมาด้วยความตื่นเต้นและตอบว่า “ไม่เลยจ้ะ ไม่เลย แม่ไม่เหนื่อยเลย ดีเหลือเกิน… ดีเหลือเกินที่ลูกฟื้นขึ้นมา แม่จะไป…” หลินหรูชะงัก จากนั้นก็พูดต่อ “โทรบอกคุณแม่ของหนู รอแป๊บเดียวนะ พวกเขาก็มาเฝ้าหนูอยู่ที่โรงพยาบาลนี่ทุกวันเหมือนกัน ตอนกลางคืนแม่จะมาผลัดกับคุณแม่ของหนู ทุกคนต้องดีใจมากแน่ๆ ที่รู้ว่าหนูฟื้นแล้ว…”
ถังซีรู้สึกว่าหลินหรูเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ก้าวร้าว ไม่เห็นแก่เงินเหมือนเมื่อก่อน และไม่ได้พยายามหาความดีความชอบให้ตัวเองเลยด้วย
ถังซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เธอถามว่า “พี่ใหญ่ของฉันปลอดภัยดีไหมคะ”
ขณะที่หลินหรูกำลังจะตอบ เซียวเหยาก็ผลักประตูห้องคนไข้เปิดเข้ามา เขาดูหล่อขึ้นกว่าเดิมอีกในเครื่องแบบทหาร ดูเข้มแข็งและมีพลัง เขายิ้มให้ถังซีและกล่าวว่า “ขอบใจมากนะโหรวโหรว พี่สบายดีแล้ว”
หลินหรูไม่เข้าใจความหมายของเซียวเหยา แต่ถังซีเข้าใจ เธอตอบด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นข่าวดีที่สุดสำหรับฉัน ฉันดีใจที่เห็นพี่ปลอดภัยค่ะ พี่เหยา”
“แต่ถ้าเธอไม่ฟื้นขึ้นมา พี่จะรู้สึกผิดอย่างมาก” เซียวเหยากล่าวอย่างจริงจัง ด้วยท่าทางเคร่งเครียด
ถังซีเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร เธอรู้ว่าเซียวเหยาอาจเดาว่าเธอเป็นนางฟ้า ใครเล่าจะสามารถทำในสิ่งที่เธอทำได้ นอกเสียจากนางฟ้า แล้วเธอยังสามารถพาเขากลับจากเมือง J มายังเมือง A ในฉับพลันได้อีกด้วย!
แน่นอน เป็นเรื่องดีสำหรับคนอื่นที่คิดว่าเธอเป็นนางฟ้าน้อย แต่ตัวเธอเองรู้ดีว่าทุกอย่างนี้เป็นความดีความชอบของ 008
หลินหรูพยักหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังเจือด้วยความหวาดกลัวว่า “ใช่จ้ะ โหรวโหรว ไม่ว่าหนูจะเป็นห่วงพี่ชายมากแค่ไหน หนูก็ไม่ควรรีบร้อนตอนลงบันได หนูอยู่ในอาการโคม่าหลายวันเลย พวกเราทุกคนเป็นห่วงมาก ต้องระมัดระวังมองขั้นบันไดให้ดีนะจ๊ะเวลาขึ้นลงบันได” เมื่อกล่าวจบ เธอก็ออกไปโทรศัพท์
เหลือเพียงถังซีกับเซียวเหยาเท่านั้นในห้อง ฝ่ายหลังเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ ถังซี จากนั้นก็พิจารณาดูถังซีอย่างละเอียด ถังซีมัวยุ่งอยู่กับการประเมินเวลาเที่ยวบินของเฉียวเหลียง ไม่ทันสังเกตท่าทางของเซียวเหยาที่แปลกไป
เซียวเหยาอยากถามถังซีหลายอย่าง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ถามอะไรเลย ไม่นานหลังจากนั้นหลินหรูก็โทรศัพท์เสร็จและกลับเข้ามา เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณแม่ของหนูกำลังจะมา เธอทำซุปมาให้ หนูทานซุปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะกลับไปทำอาหารกลางวันให้หนู”
“คุณไม่กลับไปทำงานเหรอคะ” ถังซีมองหลินหรู เธอไม่รู้จะเรียกหลินรูว่าอย่างไรดี จึงเลือกใช้คำแบบไม่เจาะจง
หลินหรูยิ้ม แล้วเดินไปปอกแอปเปิลให้เธอพร้อมกับกล่าวว่า “แม่ลาพักร้อนจ้ะ แม่อยู่ดูแลลูกได้ แต่ถ้าหนูไม่อยากให้แม่อยู่ที่นี่…”
“คุณอยู่ที่นี่ได้ค่ะ” ถังซีรีบขัดจังหวะหลินหรูด้วยรอยยิ้ม หลินหรูมองตอบด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งใจ และปอกเปลือกแอปเปิลต่อไป
เซียวเหยากระซิบ “ป้าหลินมาอยู่เฝ้าที่นี่ตั้งแต่เธออยู่ในอาการโคม่า พี่ว่าป้าหลินคงเสียใจจริงๆ ที่เคยทำกับเธอแบบนั้น”
ถังซียิ้ม ไม่พูดอะไร
ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็เกิดขึ้นกับเธอ ถังซีบอกว่า “พี่เหยา ฉันรู้สึกง่วง อยากนอนแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ทั้งหลินหรูและเซียวเหยาก็ขมวดคิ้วพร้อมกันทันที เซียวเหยากล่าวว่า “ถ้าง่วงก็ลงไปเดินเล่นในสวนข้างล่างดีกว่า ยังเช้าอยู่อากาศไม่ร้อน อย่านอนเลย!”
หลินหรูก็กล่าวด้วยความกังวลใจเช่นกัน “ใช่จ้ะ หนูนอนมานานมากแล้ว ถ้าหนูไม่ตื่นขึ้นมา… อย่านอนอีกเลยนะ ทานแอปเปิลก่อน ดีไหมจ๊ะ”
ทันใดนั้นถังซีก็รู้สึกขึ้นมาว่าจริงๆ แล้วหลินหรูเป็นคนน่ารัก
เธอมองดูทั้งสองคนอย่างสิ้นหวัง “ฉันสัญญาค่ะ ว่าจะนอนแค่ห้านาทีเท่านั้น… นะคะ”
เซียวเหยาตอบพร้อมกับส่ายศีรษะ “ไม่”
หลินหรูยิ้มและกล่าวว่า “ห้านาทีสั้นนิดเดียว แม่ว่าทานแอปเปิลดีกว่านะจ๊ะ หนูจะได้สดชื่น”
ถังซีไม่รู้จะทำอย่างไร “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปล้างหน้า สมองจะได้ปลอดโปร่ง ดีไหมคะ”
เซียวเหยายิ้ม เอื้อมมือไปขยี้ผมถังซีแล้วบอกว่า “ไปเลย อย่าลืมแปรงฟันด้วยล่ะ เธอนอนโคม่ามาตั้งอาทิตย์กว่า ไม่ได้แปรงฟันนานมากขนาดนี้ลมหายใจอาจเหม็นได้นะ”
ถังซีเหลือบตาค้อนเซียวเหยา แล้วทันใดนั้นเธอก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และตะโกนกลับมาว่า “พี่เหยา! พี่โทรหาคุณป้าเฉียวให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันไม่ได้ไปหาท่านเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ท่านต้องรอฉันนานมากแน่ๆ!”
เซียวเหยาส่ายศีรษะ “ไม่หรอก ท่านไม่ได้รอ จิ่งโทรไปหากู้อวิ๋นตั้งแต่วันศุกร์ และเขาพาคุณป้าเฉียวมาเยี่ยมเธอแล้ว ไม่ต้องห่วง ไปล้างหน้าแปรงฟันเลย”
ถังซีรู้สึกโล่งอกที่ได้รู้ว่าเธอไม่ได้ทำให้ป้าเฉียวรอเก้อ เธอไม่อยากทำให้ใครรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าบุคคลนี้เป็นมารดาของเฉียวเหลียง และเธอจะรู้สึกผิดมาก ถ้ามารดาเฉียวเหลียงต้องเตรียมอาหารและเสียเวลาไปเปล่าๆ กับการรอเธอ
ทันทีที่เข้าไปในห้องน้ำ ถังซีก็ติดต่อ 008 เพื่อตรวจสอบคะแนนประสบการณ์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น