เพราะรักสลักใจ 887-894

 ตอนที่ 887 จักรพรรดิจุดชนวนโทสะปวงชน


 


 


แต่ภายใต้การรับรองของฮ่องเต้นั้น ถ้าเขาจัดการเรื่องนี้ไม่ดีล่ะก็ อย่าว่าแต่ศีรษะของเขาเลย แม้แต่หัวของตระกูลเขาก็เป็นอันต้องย้ายบ้าน!


 


 


อีกทั้งฝ่าบาทรับสั่งกับเขาแล้วว่าในสถานการณ์สุดวิสัยต่อให้ฆ่าคนก็ไม่เป็นไร ค่อยบอกกับขุนนางท้องที่สักคำว่าเป็นโจรท้องถิ่น ไม่จำเป็นต้องรายงานเบื้องหน้า


 


 


ดังนั้นหัวหน้าคนนี้ถึงได้ทำตัวกร่าง หน้าตาโอหังจะได้เห็นคนตายอยู่เช่นนี้


 


 


ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังได้รับสัญญาณจากหัวหน้า ก็ชักดาบคิดจะเข้ามาสังหารเฉิงยวนทันที


 


 


หวังต้าหมาจื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี ก็ขึ้นหน้ามาช่วยรับไว้ทันที ถูกดาบบาดเข้าที่แขน


 


 


เฉิงยวนคิดว่าฝ่ายตรงข้ามแค่จะขู่นาง ไหนจะคาดคิดว่าพวกเขากล้าฆ่าคนจริงๆ ล้วนกล่าวกันว่ามนุษย์ดินปั้นยังมีอารมณ์สามส่วน นับประสาอะไรกับนางที่ติดตามซูเซียงมาหลายปี ทั้งยังวิ่งทำการค้าข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง มากน้อยก็ยังได้ฝึกฝนการระบายอารมณ์ออกมาบ้าง


 


 


รวมกับเรื่องตรงหน้าประตูวังเมื่อหลายวันก่อน ความอัดอั้นตันใจก้อนหนึ่งที่สุมทรวงนางก็ยังไม่ได้ระบายออกมา


 


 


บัดนี้เห็นหวังต้าหมาจื่อบาดเจ็บเพราะช่วยชีวิตตน นางไหนเลยยังจะทนไหว! หนึ่งเท้าถีบผู้ชายด้านข้างคนหนึ่งล้มลง ดึงดาบในมือเขาขึ้นมา จากนั้นทำท่าทางห้าวหาญดุดัน “มาสิ มาสิ มาฆ่าข้าเลย! วันนี้ต่อให้ข้าต้องละทิ้งชีวิตนี้ ก็ต้องให้ทุกคนได้รับรู้ว่าฮ่องเต้เป็นสิ่งของอะไร!”


 


 


เห็นว่าเกิดการต่อสู้กันขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่าหวังต้าหมาจื่อกับคนของตัวเองต้องขึ้นหน้าเข้ามาช่วย โดยรวดเร็วคนทั้งฝ่ายก็ต่อสู้ตะลุมบอน ย่อมเห็นเลือดไม่น้อย


 


 


ชาวบ้านเหล่านี้แม้เป็นผู้ชมอยู่ด้านข้าง ทว่าเพราะแคว้นหลินกับต้าหรงมีสัมพันธไมตรีมารุ่นสู่รุ่น ชายแดนสงบสุขเสมอมา ไหนเลยจะเคยพบเจอเรื่องหลั่งเลือดใหญ่โตขนาดนี้ แต่ละคนล้วนตื่นกลัว


 


 


เฉิงยวนด้านหนึ่งใช้ดาบฟาดฟันอย่างดุดัน ด้านหนึ่งก็ร้องตะโกนเสียงดัง “พี่น้องชาวบ้านทั้งหลายดูไว้เถิด นี่เป็นเขี้ยวเล็บในมือจักรพรรดิ ฮองเฮาของแคว้นหลินประชวร จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงบ้านข้าลำบากทั้งวันทั้งคืนเพื่อคิดค้นยาสมุนไพรออกมาช่วยชีวิตคน ฮ่องเต้แสนดีของเรากลับใส่ยาพิษลงในยาสมุนไพรนี้ คิดจะจัดการฮองเฮาแคว้นหลินถึงแก่ความตาย นี่จะผูกอาฆาตให้บ้านเมืองเราแล้ว!”


 


 


“ท่านลุงท่านป้าทุกท่าน ทุกคนล้วนเข้าใจเหตุผลของเรื่องราว จักรพรรดิเป็นเยี่ยงไรทุกท่านล้วนเคยได้ยินมา วันนี้สตรีผู้น้อยไม่กลัวที่จะบอกพวกท่าน ทั้งหมดนี้เป็นความจริง! เรื่องที่พวกท่านรู้มายังไม่เท่าขนเส้นเดียวด้วยซ้ำ! เรื่องทำลายชาติทำร้ายราษฎรที่จักรพรรดิตัวดีของพวกท่านทำไว้ จิ๊ๆ เขาไม่ละอายที่จะทำ แต่ข้าละอายที่จะพูด!”


 


 


“ทุกท่านล้วนเป็นราษฎรชายแดน หากสองแคว้นเกิดสงคราม คนแรกที่เสียหายจะเป็นใครเล่า…จักรพรรดิตัวดีของพวกเรา เพียงเพื่อใส่ร้ายยัดของกลางให้จวิ้นจู่ของพวกข้า เขาไม่สนใจแม้แต่ความปลอดภัยของราษฏร ไม่สนใจความปลอดภัยของบ้านเมือง…เรื่องอื่นไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปอีกบ้าง! ”


 


 


เฉิงยวนผู้นี้เป็นคนฉลาดพูด แต่ละคำแต่ละประโยคแทงใจดำเข้ารุนแรง ไม่เพียงแต่บอกว่าระหว่างแคว้นหลินกับแคว้นต้าหรงไม่เคยขัดแย้งกัน ยาสมุนไพรที่ส่งไปก็เพื่อรักษาอาการประชวรของฮองเฮาผู้อื่น นี่เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดี


 


 


จากนั้นยังบอกว่าเรื่องที่เล่าลือถึงหูของชาวบ้านก่อนหน้านี้ล้วนเป็นจักรพรรดิกระทำด้วยตัวเอง อีกทั้งที่เล่าลือออกมายังแค่เล้กน้อยไม่เท่าเส้นขนเดียวของวัวเก้าตัว


 


 


ต่อมายังเปิดเผยชัดเจนว่าจักรพรรดิคิดสังหารอัครมเหสีของแคว้นอื่น ชักนำสงครามมาสู่สองแคว้น


 


 


ถ้าพูดแค่ข้างหน้าสองสามประโยคพวกชาวบ้านก็คงฟังผ่านๆ ไป หรือไม่ก็คงโมโหด่าทอสองสามประโยค พูดทำนองว่าจักรพรรดิไร้เมตตาไร้คุณธรรม ทว่าพอฟังถึงประโยคหลังๆ แล้ว ใครยังจะทนไหว?


 


 


อย่างไรนี่ก็เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ใกล้ตัวเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ถ้าเกิดสองแคว้นก่อสงคราม คนที่ทุกข์ยากคนที่ลำบากมิใช่ชาวบ้านตามชายแดนอย่างพวกเขาหรอกหรือ!


 


 


รวมกับก่อนหน้านี้ทุกคนก็เคยได้ยินมาว่าจวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงทำคุณประโยชน์เพื่อประเทศเพื่อประชาชนตั้งเท่าไร ตอนภัยแล้งปกป้องราษฎรมากแค่ไหน หลายปีมานี้ส่งเสบียงกองทัพมากเพียงใด ช่วยเหลือคนยากคนจนมาเท่าไหร่


 


 


บัดนี้กลับมาได้ยินว่าจักรพรรดิไม่เพียงแต่ใช้วิธีการต่ำทรามทำร้ายสังหารจวิ้นจู่เหนียงเนี่ยง ยังตั้งใจให้สองแคว้นเกิดสงคราม ชาวบ้านย่อมเดือดดาลลุกฮือ ถือจอบ ถือเคียว ถือไม้กระบอง ถึงขั้นถือตะหลิวพุ่งเข้าไปทางคนของจักรพรรดิพวกนั้น


 


 


นี่เป็นการจุดชนวนโทสะของราษฎรแล้ว!


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 888 รังแกคนมิใช่ทำกันแบบนี้


 


 


หัวหน้าคนนั้นเดิมทีได้รับบัญชาจากฮ่องเต้ ขอเพียงแค่เป็นคนของซูเซียงอยากจะฆ่าก็ฆ่าได้เลย อย่างแย่ก็อ้างว่าเป็นโจรท้องถิ่นจัดการ แต่คนเหล่านี้เป็นชาวบ้านธรรมดา พวกเขาไม่กล้าลงมือ


 


 


คนเหล่านี้ในใจหวั่นเกรง กอรปกับชาวบ้านไม่ลงมือก็ไม่ไว้หน้า แต่ละคนถ้าไม่ถูกฟันตายก็ถูกฟันบาดเจ็บ หัวแตกเลือดไหลหนีไป


 


 


เฉิงยวนโมโหสุดขีด แม้นางรู้ดีว่าการกล่าวถึงจักพรรดิอย่างเปิดเผยท้าทายเช่นนี้คงต้องถูกตัดหัว แต่นั่นแล้วอย่างไร ต่อให้ตนกับลูกสาวถูกฆ่า นางก็ไม่อาจยอมให้จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงต้องเสียเปรียบ และไม่อาจยอมให้ชาวบ้านต้องประสบเคราะห์!


 


 


เรื่องนี้ถึงหูราชวงศ์แคว้นหลินอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิผู้อื่นย่อมทั้งร้อนใจทั้งโมโห ปกติไม่มีเรื่องก็หาเรื่องเสียเองยังพอแล้วไป แต่รังแกคนก็มิใช่ทำกันแบบนี้!


 


 


แคว้นแห่งนี้ต่างกับต้าหรง พวกเขายึดหลักปฏิบัติสามีภรรยาเดียว หากฝ่ายหญิงอายุสามสิบแล้วยังไร้บุตร ถึงจะให้วงศ์ตระกูลจัดการด้วยการรับญาติเป็นบุตรบุญธรรมหรือไม่ก็หาทาสขุนนางอุ้มบุญทายาท แต่สตรีนั้นต้องอยู่ร่วมกันในตระกูล ฐานะอนุภรรยาหรือนางข้างห้องนั้นไม่อาจมี


 


 


ฮ่องเต้จึงมีเพียงพระอัครมเหสีพระองค์นี้พระองค์เดียว อีกทั้งเป็นภรรยาที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก กำเนิดรัชทายาทกับองค์หญิงใหญ่ให้เขา เป็นสามีภรรยารักใคร่ลึกซึ้ง


 


 


บัดนี้อุตส่าห์ตามหายาช่วยชีวิตภรรยาที่รักได้แล้ว กลับถูกจักรพรรดิของแคว้นต้าหรงมาทำลายเช่นนี้ โชคดีที่พวกเฉิงยวนหยุดยั้งยาเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นภรรยาของตนเผลอกินเข้าไป ชีวิตไม่ถึงแก่ความตายหรอกหรือ?!


 


 


แต่ถึงอย่างนั้น ยาช่วยชีวิตนี้ก็เสียหายไปแล้ว เช่นนั้นชีวิตของภรรยาเขา…


 


 


ฮองเฮาของผู้อื่นป่วยหนัก ภายใต้สถานการณ์จำเป็นเร่งด่วนต้องการยาบำรุงหัวใจมาช่วยชีวิต กลับถูกฮ่องเต้ต้าหรงก่อการณ์เช่นนี้ ใครมันจะไม่โมโห?!


 


 


พูดอีกอย่าง ผู้อื่นกับต้าหรงไม่เคยมีการติดต่อทางการทหาร ไม่มีการแย่งชิงดินแดน ท่านบอกว่าดินแดนตรงนี้เป็นของท่าน ยอมปาดให้ท่านเล็กน้อยก็เป็นอันได้ ยามปกติเสียเปรียบบ้างยังพออภัย แต่ฮองเฮาผู้อื่นป่วย ทุ่มเงินขอปันยามาเล็กน้อยคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงกระมัง? ซ้ำยังมิได้ทำอะไรท่าน นี่ท่านมิใช่กำลังฆ่าคนทางอ้อมอยู่หรือ?


 


 


ทว่าที่โชคดีคือ หวังต้าหมาจื่อเป็นคนมีสมองเฉลียวฉลาด เพราะทราบว่ายาเม็ดคราวนี้ต้องส่งไปให้ฮองเฮาของแคว้นหลินใช้ เขาจึงพกติดตัวมาด้วยจำนวนหนึ่ง


 


 


แม้นำมาเพียงเล็กน้อยไม่พอใช้ ประสิทธิผลก็ไม่ดีเท่ายาที่ซูเซียงลงมือผลิตออกมาด้วยตนเอง แต่พอสามารถใช้แก้ขัดในเวลาฉุกเฉินได้ เขาจึงให้ลูกน้องคนสนิทของตนถือป้ายของซูเซียงหวดแส้เร่งม้านำยาไปส่งทันที


 


 


จักรพรรดิแคว้นหลินที่เพิ่งได้ยินว่ายาถูกทำลายกำลังพิโรธเดือดดาล ก็เห็นคนของแคว้นต้าหรงถือป้ายเซียงหรงจวิ้นจู่รีบร้อนเข้ามาถวายยาสมุนไพรให้ บอกว่ายานี้แม้ประสิทธิผลไม่ดีเท่ายาที่ถูกทำลายทิ้งไปแล้ว แต่สามารถใช้ในยามฉุกเฉินได้ พวกเขาส่งสารนกพิราบฉบับบหนึ่งให้จวิ้นจู่แล้ว ยาจะตามมาสมทบโดยเร็ว


 


 


บ่ายวันเดียวกัน หวังต้าหมาจื่อก็รีบเร่งนำหมอเทวดาชื่อดังของท้องถิ่นเข้ามาในราชสำนักแคว้นหลิน


 


 


หมอเทวดาคนที่หวังต้าหมาจื่อพาเข้าไปคนนี้ก็มีไมตรีอันดีต่อกันกับซูเซียง ถึงขั้นยังรับหน้าที่สอนวิชาในสำนักศึกษาของซูเซียงกว่าหนึ่งปีครึ่ง หากมิใช่เพราะมารดาเฒ่าป่วยไข้ล่ะก็เขาคงไม่รีบร้อนกลับมาชายแดนแบบนี้


 


 


ประจวบเหมาะเขาเรียนเฉพาะทางด้านหัวใจพอดี ดังนั้นการส่งเขาเข้าไปจึงนับว่าช่วยเหลือได้มาก และยังลดไฟโทสะในใจของราชสำนักแคว้นหลินได้ด้วย


 


 


“ดีนักฮ่องเต้ต้าหรง ถ้ามเหสีของเจิ้นเกิดมีอาการผิดพลาดอันใด เจิ้นจะเหยียบย่ำทำลายบ้านเมืองของเจ้าให้จงได้!” จักรพรรดิแคว้นหลินโมโหตบโต๊ะ


 


 


แต่ต้องเห็นแก่ซูเซียงที่ทั้งส่งคนส่งยามาให้ เห็นแก่หมอเทวดาชราคนนั้นกับหวังต้าหมาจื่อ พวกเฉิงยวนที่ใช้คำพูดดีๆ โน้มน้าว กอรปกับฮองเฮามีอาการดีขึ้น เขาจึงดับไฟในเตาลงไปได้ไม่น้อย แต่ยังมีพระราชสาส์นฉบับหนึ่งส่งถึงต้าหรง


 


 


แคว้นหลินมีราชสาส์นมา เรื่องใหญ่เช่นนี้ถ้าพระพันปียังไม่รู้อีกล่ะก็คงหูหนวกตาบอดแล้ว


 


 


เรื่องก่อนหน้านี้จึงถูกเปิดโปงออกมาด้วยเช่นกัน พระพันปีเกรี้ยวกราดเดือดดาล ตำหนิจักรพรรดิรัชทายาทให้ยุติแต่พอควร เป็นถึงกษัตริย์และยุพราชผู้สูงศักดิ์ กระทำเรื่องเช่นนี้อับอายขายขี้หน้าหรือไม่!


 


 


ทว่าจักรพรรดิกลับไม่สำนึก บอกว่าซูเซียงคนชั่วผู้นั้นก่อกวนทำให้ราชวงศ์ไม่สงบสุข ถ้าไม่ใช่เพราะคนชั่วผู้นั้น จ้าวเซิงคงกลับมาอย่างว่าง่าย


 


 


รัชทายาทเองก็โน้มน้าวอยู่ข้างๆ ก็แค่หญิงหญิงชาวบ้านป่าเถื่อนคนเดียว ซูย่วนนางไม่ดีตรงไหน ต่อให้ไม่ชอบซูย่วน อนาคตค่อยรับเช่อเฟยโฉมงามให้เขาสักสองสามคนก็ได้นี่นา ไยต้องเอาหญิงบ้านนอกเคยแต่งงานแล้วคนหนึ่งด้วย!


ตอนที่ 889 พระพันปีสวรรคต


 


 


พระพันปีทรงกริ้วจนกระอักเลือดตรงนั้น ด้วยความเหนื่อยล้าและขุ่นเคืองพระทัยตลอดหลายปี ครานี้จึงล้มประชวรอย่างแท้จริง พระพันปีลงราชโองการเรียกตัวซูเซียงเข้าวังและมอบป้ายอาญาสิทธิ์อำนาจของตนให้แก่ซูเซียงอย่างเงียบๆ ยังแอบจัดการให้หัวหน้ากลุ่มอำนาจของตนได้พบปะกับซูเซียง


 


 


คล้อยหลังคนเหล่านั้น พระพันปีก็ทรุดตัวลงบนตั่งนุ่ม


 


 


บัดนี้นางเป็นตะเกียงไร้น้ำมันแล้ว โชคดีที่ซูเซียงเข้าเมืองหลวงมาเร็ว หากไม่ใช้โอกาสตอนนางยังมีแสงไฟริบรี่อยู่นี้ เกรงว่าธุระมากมายคงจัดการไม่ทันแล้ว


 


 


สุดท้ายพระโอษฐ์ของพระพันปีสั่นเทา ดึงมือซูเซียงไว้เอ่ยคำหนักแน่นจริงใจ “เซียงเอ๋อร์ ทั้งหมดเป็นเพราะย่าไม่ดีเอง หน้ามือหลังมือนี้ล้วนเป็นเนื้อทั้งนั้น เฮ้อ คนโง่นั่น…เฮ้อ เห็นแก่เซิงเอ๋อร์กับเจ้าโง่นั่นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน ทนได้ก็ทนเถิด ถ้าทำกันเกินไป ข่มขู่ถึงแก่ชีวิต เฮ้อ…เช่นนั้นเจ้าก็ตัดสินใจเองเถิดว่าควรจัดการอย่างไร…”


 


 


“ลูกหลานย่อมมีชะตากรรมของลูกหลาน อายเจียไร้กำลังแล้ว จัดการมิได้แล้ว…”


 


 


“ลูกหลานอกตัญญู ลูกหลานอกตัญญู…” หลังพระพันปีเอ่ยวาจานี้จบ พระเนตรก็ปิดลง น้ำใสหยดหนึ่งกลิ้งลงมาจากหางตา ลาลับโลกไปเช่นนี้


 


 


แม้กระทั่งลมหายใจสุดท้ายก็ยังไม่เห็นหน้าจักรพรรดิกับรัชทายาท


 


 


พระพันปีทิ้งคำสั่งเสียไว้สองประการ ประการแรกคือหลังนางสวรรคต ตราบใดที่ซูเซียงมิได้สมคบศัตรูก่อกบฎกระทำผิดมหันต์ต้องโทษร้ายแรงสิบประการ ไม่ว่าคนผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์คุกคามชีวิตของนาง มิเช่นนั้นไม่ว่าเป็นใครก็ตาม อำนาจที่นางเหลือทิ้งไว้จะขุดรากถอนโคนสิ่งกีดขวางทั้งหมดให้ซูเซียง


 


 


คำสั่งเสียฉบับนี้สามารถพูดได้ว่าค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล ล้วนกล่าวกันว่าโอรสวรรค์รับโทษเท่าเทียมกับปวงประชา พระพันปีกลับบอกว่า ขอเพียงแค่ซูเซียงไม่สมคบศัตรูก่อกบฏ ก็ไม่อนุญาตให้ใครคุกคามชีวิตนาง นี่เป็นการลำเอียงปกป้องกันอย่างชัดเจน


 


 


แต่นั่นแล้วอย่างไร? ผู้อื่นเป็นพระพันปี ซูเซียงเป็นทั้งผู้มีคุณูปการต่อบ้านเมือง เป็นคนดีมีคุณธรรม ยามปกติช่วยชีวิตคนตั้งมากมาย ต่อให้มีความผิดใหญ่โต ก็เอามาหักลบกันได้แค่คนสองคน


 


 


อีกอย่าง ทุกคนต่างรู้สึกว่าด้วยสติสัมปชัญญะของซูเซียง อย่าว่าแต่สมคบคิดศัตรูเลย ให้วางแผนทำร้ายสังหารคนหนึ่งคนนางก็ยังไม่ยินยอม


 


 


นอกจากนี้ยังมีคำสั่งเสียอีกหนึ่งประการคือหลังนางสวรรคตแล้ว ป้ายวิญญาณของนางให้จ้าวเซิงเป็นคนถือ โลงศพของนางให้ซูเซียงมาประคอง รัชทายาทกับจักรพรรดิห้ามสอดมือแม้แต่ปลายนิ้ว มิเช่นนั้นวิญญาณหลังความตายของนางจะไม่สงบ!


 


 


ถ้าบอกว่าคำสั่งเสียก่อนหน้านั้นทำให้ทุกคนขบคิดอยู่ในใจ เช่นนั้นเมื่อประการสุดท้ายนี้ออกมา ราชสำนักและราษฎรก็ตื่นตะลึงแล้ว


 


 


มีที่ไหนลูกชายแท้ๆ ยังมีชีวิตอยู่ แต่ให้สตรีคนหนึ่งมาช่วยประคองโลงศพให้นาง?


 


 


อีกอย่าง การถือป้ายวิญญาณนั้นเป็นเรื่องของจักรพรรดิ และต่อให้จักรพรรดิผู้มีฐานะเป็นกษัตริย์แห่งแคว้นมีข้อห้ามเหล่านี้ เช่นนั้นก็ควรให้รัชทายาทมาถือ ไฉนตกไปถึงมือหลานชายที่บัดนี้มีตำแหน่งเหลือแค่จวิ้นอ๋อง?


 


 


หลายปีนี้ โดยเฉพาะช่วงหลายวันมานี้ ไม่ว่าเป็นราชสำนักหรือชาวบ้านสามัญชน ล้วนมีคำวิจารณ์ต่อทุกการกระทำของจักรพรรดิกับรัชทายาทมากทีเดียว


 


 


รัชทายาทยังดีหน่อย ผู้คนเพียงบอกว่าเขากตัญญูอย่างโง่เขลา ไม่แยกแยะถูกผิด อย่างไรเสียมีหลายเรื่องที่เขามิได้เป็นคนกระทำ


 


 


แม้เรื่องของซูย่วนเสี้ยนจู่นั้นเล่าลือไปถึงราษฏรแล้ว แต่ทุกคนเพียงถือเป็นเรื่องขำขันฟังจบก็แล้วกันไป คิดว่าคนเป็นพี่ชายผู้นี้ห่วงใยน้องชาย แม้วิธีการไม่ถูกต้อง แต่ก็รักน้องชายจากใจจริง


 


 


ดังนั้นแม้รัชทายาทยังคงมีข้อเสียเล็กๆ น้อยๆ อยู่มาก แต่ด้วยพลังพี่น้องเคารพปรองดอง ทุกคนจึงยกโทษให้เขาไปสามส่วน พุ่งเป้าวิจารณ์แค่จักรพรรดิ


 


 


พระพันปีสิ้นพระชนม์แล้ว แม้กระทั่งป้ายวิญญาณรัชทายาทยังไม่ได้ถือ โลงศพก็ยังไม่ได้ประคอง เขาจึงค่อยตระหนักได้ว่าบางทีตนอาจทำผิดพลาดลงไปตรงไหนแล้วจริงๆ ?


 


 


ถ้าไม่ใช่แบบนี้ เหตุใดแม้แต่หลานชายคนนี้เสด็จย่ายังไม่อยากยอมรับเล่า?!


 


 


แม้แต่ไรมาเสด็จย่าค่อนข้างดุ พูดจาก็ไม่ค่อยน่าฟังอยู่บ้าง แต่ปฏิบัติกับพวกเขาอย่างดียิ่ง ถ้าต้องลำเอียง เสด็จย่าก็ควรช่วยเขาซึ่งเป็นหลานชายคนโตก่อนสิ ทำไมไม่ว่าเรื่องใดก็เอาแต่ปกป้องจ้าวเซิงกับคนชั่วคนนั้นเล่า?


 


 


ต้องเป็นเพราะตัวเองทำผิดตรงไหนแน่ เป็นเช่นนี้แน่…


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 890 อย่างไรถึงจะเรียกว่าหน้าไม่อาย


 


 


เพราะมีคำสั่งเสียของพระพันปี กอรปกับกลุ่มอำนาจของพระพันปีเหล่านั้นแน่วแน่ไม่ยอมให้ฮ่องเต้กับรัชทายาทเข้าโถงเซ่นไหว้ ต่อให้พวกเขาคุกเข่าอยู่ตรงนอกประตูก็ยังถูกไล่ออกไป


 


 


รัชทายาททำได้เพียงสวมชุดไว้ทุกข์ นั่งราบอยู่กลางตำหนักบูรพาของตัวเอง คิดร้อยตลบก็ยังไม่เข้าใจ


 


 


แต่จักรพรรดิมิได้คิดเช่นนี้น่ะสิ เขาคิดว่าเป็นเพราะซูเซียงทำให้พระชนนีสิ้นพระชนม์ ยังทำให้เขาผู้เป็นจักรพรรดิแบกชื่อว่าอกตัญญูไว้บนหลัง คงต้องให้บทเรียนนางสักหน่อยแล้ว ในเมื่อฆ่าไม่ได้ เช่นนั้นขังนางไว้วังหลวงตลอดชีวิตก็ได้


 


 


ขอเพียงอยู่ใต้หนังตาของตน หึหึ!


 


 


ดังนั้นจึงอาศัยช่วงเวลาที่กำลังเฝ้าพระศพของพระพันปี ฮ่องเต้ถึงกับมีราชโองการแต่งตั้งซูเซียงเป็นนางกำนัลผู้ช่วยห้องเครื่องขั้นสอง หลังจัดการงานส่งวิญญาณพระพันปีเสร็จสิ้นแล้วให้รับตำแหน่งในห้องเครื่องทันที


 


 


พูดให้น่าฟังก็คือเป็นนางข้าหลวงขั้นสองคนหนึ่ง พูดตามจริงแล้วก็คือเป็นแม่ครัว อีกทั้งมีกฎบัญญัติไว้ว่านางกำนัลไม่สามารถแต่งงานกับลูกหลานเชื้อพระวงศ์ได้


 


 


ตอนขันทีอ่านราชโองการจบแล้วมองซูเซียงด้วยรอยยิ้มเยาะเหยียด ซูเซียงกลับลุกขึ้นจากพื้น เหมือนดั่งเบญจมาศฤดูสารทที่ยืนตระหง่านทระนงท่ามกลางลมใบไม้ร่วง เปิดปากเอ่ยอย่างเรียบเฉย “รบกวนกงกงกลับไปกราบทูลฝ่าบาท ราชโองการฉบับนี้ข้าหญิงชาวบ้านกับสามีไม่อาจรับไว้ ขอฝ่าบาททรงถอนราชโองการ”


 


 


กงกงคนนั้นไหนเลยจะคาดคิดว่าซูเซียงกำเริบเสิบสานเช่นนี้ กล่าวตำหนิเสียงแหลม “นางหญิงป่าเถื่อน บังอาจไม่รับราชโองการ วันนี้ข้าจะต้องเอาชีวิตเจ้าให้ได้!”


 


 


ขันทีท่านนี้ได้รับบัญชาจากองค์จักรพรรดิ วันนี้ถ้าซูเซียงไม่รับราชโองการอยู่ในวังหลวงอย่างโดดเดี่ยวจนแก่ตาย ก็ต้องตาย ณ ตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ทั้งชีวิตของนางก็อย่าคิดออกจากวังหลวง อย่าคิดแย่งชิงความดีความชอบกับตน ฮ่าฮ่า!


 


 


ก่อนหน้านี้น่ะหรือ เขายังหวาดกลัวซูเซียงอยู่สามส่วน ทว่าตอนส่งพระศพของพระพันปีเขาแอบส่งคนลักลอบเข้าไปในตำหนักบรรทมของพระพันปี อย่างที่คิด ใต้ไม้กระดานแผ่นหนึ่งปรากฎตรามังกรวางอยู่


 


 


ตรามังกรของเสด็จพ่ออยู่ในมือเขาแล้ว พระพันปีสวรรคตแล้ว ซูเซียงยังจะมีภูผาที่ไหนให้พึ่งพิง แน่นอนว่าแผ่นฟ้ากว้างพสุธาใหญ่ เขาผู้เป็นจักรพรรดิยิ่งใหญ่ที่สุด!


 


 


“กงกง เป็นเช่นนี้ ราชโองการนั้นจวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงของเรามิอาจรับไว้ได้แน่นอน เชิญท่านถอยกลับไปและแถลงไขต่อฝ่าบาท” เวลานี้นางกำนัลรับใช้ข้างกายพระพันปีลุกออกมา


 


 


“บ่าวชราท่านรีบถอยเสียดีกว่า หรือไม่ก็เกลี้ยกล่อมคนชั่วผู้นี้ให้รีบรับราชโองการ ข้าเองจะได้กลับไปกราบทูลรายงานจักรพรรรดิโดยดี” กงกงคนนั้นยามพูดจาคิ้วกระตุก ตากะพริบ แค่เห็นก็รู้ว่ามิใช่ของดีอะไร


 


 


ล้วนกล่าวว่าบ่าวทาสนิสัยอย่างไรเจ้านายก็นิสัยอย่างนั้น บัดนี้ซูเซียงนับว่าเข้าใจแล้ว


 


 


เดิมทีในใจมากน้อยก็ยังโอบอุ้มความหวังไว้เส้นหนึ่ง คนเป็นพ่อแม่ต่อให้ผิดอย่างไร ทำเกินไปอย่างไร อย่างน้อยก็คงนึกถึงใจสามีนางที่เป็นลูกชายบ้างกระมัง? แต่ไหนจะคาดคิด เหอะๆ ผู้อื่นเห็นเจ้าเป็นแค่เครื่องมือทำสงครามเท่านั้น ถ้าเจ้าสู้รบไม่ได้ จะนับเป็นเงินสตางค์เดียวก็ยังไม่ใช่!


 


 


ซูเซียงยังคงเอ่ยประโยคนี้อย่างเรียบเอื่อย “เชิญกงกงกลับไปรายงานฝ่าพระบาท ราชโองการนี้ข้าหญิงสามัญชนไม่อาจรับ อีกอย่าง เรียนกงกงกลับไปเชิญหมัวมัวผู้อบรมมาสอนสั่งร่ำเรียนกฎระเบียบให้ดีอีกหน หญิงสามัญชน แม้เรียกตัวเองว่าว่าหญิงสามัญชน ทว่าบนตัวอย่างไรก็มียศเป็นเก้ามิ่ง กงกง ท่านเป็นเพียงบ่าวรับใช้คนหนึ่ง มิใช่คนที่พออ้าปากแล้วจะเรียกข้าว่าหญิงชั่วร้ายป่าเถื่อนได้ เช่นนี้จะแลดูเหมือนท่านกับเจ้าบ้านของท่านไม่ได้รับการสั่งสอน!”


 


 


เดิมกงกงได้รับบัญชาของจักรพรรดิก็ไม่เกรงกลัวถือว่ามีคนหนุนหลัง บัดนี้เห็นซูเซียงยังจองหองถึงเพียงนี้ ด่าว่าเขากับเจ้านายบ้านตนไม่ได้รับการสั่งสอน ตัวเขานั้นยังแล้วไป แต่นี่มิใช่กำลังด่าว่าจักพรรดิไม่ได้รับการสั่งสอนหรอกหรือ นี่พระพันปีเพิ่งลาโลกไปเชียวนะ


 


 


กงกงหมดทำอะไรไม่ได้อย่างแท้จริง ราชโองการก็ไม่อาจโยนทิ้งไว้บนพื้น จำต้องหิ้วศีรษะกลับไปรายงานองค์จักรพรรดิ


 


 


ฮ่องเต้แม้ทรงกริ้ว สั่งโบยเขาไปหนึ่งยก แต่ยังคงให้เขาดำเนินการต่อไป ให้เขาเร่งออกจากวังไปตามหาคน ถือโอกาสที่ลูกทรพีจ้าวเซิงยังจัดการธุระอยู่ข้างนอกไม่รู้เรื่องรู้ราว จับคนในครอบครัวซูเซียงมาฆ่าให้หมดแล้วโยนเข้าป่าลึกไปเป็นอาหารหมาป่า หรือไม่ก็ตั้งหม้อต้มเป็นอาหารสุนัข


 


 


ทางหนึ่งจักรพรรดิส่งคนไปจัดการเรื่อง ทางหนึ่งก็ให้คนเข้ามาขู่เตือนซูเซียงว่าทางที่ดีที่สุดอย่าทำลายวันครบรอบของพระพันปี มิเช่นนั้นนางจะได้เป็นคนบาปแห่งยุค ต้องถูกประหารเก้าชั่วคน


ตอนที่ 891 ท่านไม่รำคาญจะพูดแต่เจ๊รำคาญจะฟัง


 


 


ซูเซียงเพียงหัวเราะเย็นชาสองเสียง ไม่ได้พูดอันใด


 


 


แม้ในใจนางยังมีความกังวลอยู่บ้าง ที่ห่วงไม่ใช่ชีวิตของตัวเอง แต่ดูจากท่าทางของจักรพรรดิ เป็นไปได้ว่าอาจคุกคามไปถึงคนในครอบครัวนาง?


 


 


ยังมีคนข้างกายเหล่านี้ อย่างไรก็เป็นคนสนิทของเสด็จย่า นางก็อยากรับเป็นญาติพี่น้องของตน หรือไม่ก็เลี้ยงดูพวกเขาไปจนแก่เฒ่าล่วงลับ แต่ไม่ใช่มาเสียสละอย่างเปล่าประโยชน์ในสถานการณ์เช่นนี้!


 


 


ขณะที่ซูเซียงกำลังคิดหาหนทาง จักพรรดิกลับรอไม่ไหว ไม่รู้มุดออกมาจากรอยแยกไหน มายืนยื่นมือชี้หน้าซูเซียงเหมือนพวกหญิงปากร้าย “นางคนชั่ว บังอาจให้วิชาปีศาจมาล่อลวงโอรสของเจิ้น วันนี้เจิ้นจักสับเจ้าออกเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้น จากนั้นก็จะประหารครอบครัวเจ้าเก้าชั่วโคตร นางปีศาจจิ้งจอก คนชั่วช้าสมควรตาย…”


 


 


หัวคิ้วซูเซียงขมวดแล้วชูนิ้วแคะๆ หู หญิงร้ายกาจเอย ปีศาจจิ้งจอกเอย ประหารเก้าชั่วโคตรเอย คำพวกนี้นางได้ยินจนหูงอกรังไหมได้มาตั้งนานแล้ว


 


 


พอได้ยินเข้าหูอีกครั้งจากปากฮ่องเต้เอง นางแค่รู้สึกว่าตลกดี ท่านไม่รำคาญจะพูด แต่เจ๊รำคาญจะฟังแล้ว!


 


 


ทุกคนมัวแต่สนใจจักพรรดิกับซูเซียงทะเลาะกันทางนี้ ไม่ได้สังเกตเลยว่าข้าหลวงคนหนึ่งที่เฝ้าวิญญาณให้พระพันปี ถอยออกไปทางมุมประตูเล็กๆ อย่างเงียบเชียบ


 


 


คนผู้นี้มิใช่ใครอื่น พอดีเป็นบัณฑิตโง่เง่าที่พวกซูเซียงช่วยกลับมาเมื่อครานั้น ซ่งมู่


 


 


เมื่อแรกเริ่ม เขาสอบติดแค่จวี่เหริน ต่อมาก็สอบเข้าได้เป็นจิ้นซื่อ เขาอยากกลับมาตอบแทนบุญคุณ แต่เห็นสถานการณ์ในบ้านของพวกซูเซียงนับวันยิ่งดีขึ้น อีกทั้งความสัมพันธ์ของพระพันปีกับซูเซียงก็ดี ถ้าตอนนี้เขาตามติดขึ้นมาอีกก็คงมีความคิดผิดๆ หน้าไม่อายประเภทหนึ่ง ดังนั้นจึงแค่ส่งคนในอิทธิพลของตนเข้ามาแอบคุ้มกัน หรือไม่ก็บอกเล่าส่งต่อความดีของซูเซียงกับชาวบ้านเท่านั้น


 


 


บัดนี้เห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้อง แม้ไม่เคยเห็นจักพรรดิกี่ครั้ง แต่เพราะซูเซียงเคยสอนเรื่องต่างๆ ให้เขาไม่น้อย และด้วยเข้าเมืองหลวงมาสอบพบเจอเรื่องราวมามาก ขึ้นลงวงราชการก็หลายปี เขาย่อมมองความไม่ชอบมาพากลในเรื่องนี้ออก


 


 


ซ่งมู่รู้สึกว่าสถานการณ์ท่าไม่ดี จึงแอบเปลี่ยนชุดเครื่องแต่งกายของขันที มุ่งออกจากวังส่งคนไปแจ้งข่าวให้จ้าวเซิง และยังแอบไปจวนองค์หญิงเต๋อฮุ่ย ให้กองหนุนเหล่านั้นแจ้งรายงาน


 


 


โดยรวดเร็ว คนในครอบครัวซูเซียงที่เข้าเมืองหลวงทั้งหมดนี้ก็ถูกเคลื่อนย้ายอย่างลับๆ ซ่อนตัวอยู่ในเส้นทางลับ จวนองค์หญิงเต๋อฮุ่ยเองก็โยกย้ายกำลังทหารประจำการ ชาวบ้านเองก็เห็นท่าไม่ดี พากันส่ายหน้า พูดว่าคงเป็นทรราชนั่นชักใยอยู่เบื้องหลังอีกเป็นแน่


 


 


ประกอบกับการเข้าเมืองหลวงของสามีภรรยาสกุลหวังครั้งนี้เป็นความลับ มีเพียงองค์หญิงเต๋อฮุ่ยที่กลับมาอย่างโจ่งแจ้งและหลีกเลี่ยงสายตาของจักรพรรดิได้ ดังนั้นจึงช่วงชิงเวลาได้ไม่น้อย


 


 


อีกด้านหนึ่ง ซ่งมู่ยังส่งคนไปบ้านเก่าของซูเซียงที่มณฑลชิงเหอ รับญาติคนอื่นในบ้านของซูเซียงอย่างเช่นพวกแม่เฒ่าซูมาหลบซ่อนอย่างดี ดังนั้นกว่าที่คนของฮ่องเต้จะไปถึง จวนเซียงหรงจวิ้นจู่และบ้านเก่าของซูเซียงในหมู่บ้านตระกูลซ่งก็ว่างเปล่า แม้กระทั่งพ่อบ้านสาวรับใช้ก็ยังไม่มี


 


 


คนของจักพรรดิย่อมไม่พอใจ ออกค้นทุกสารทิศ ทว่าชาวบ้านไม่ได้โง่เขลา จักรพรรดิเป็นคนเช่นไร ส่วนซูเซียงช่วยเหลือทุกคนอย่างไร ไม่ว่าในใจของผู้ใดก็ล้วนมีคันชั่ง แม้กระทั่งคนในหมู่บ้านตระกูลซ่งพวกนั้นยังถูกกล่าวเตือนไว้ก่อนแล้วว่าถ้าผู้ใดเปิดเผยความลับ คนของจักรพรรดิไม่ฆ่าพวกเขา หรือต่อให้จวิ้นจู่ไม่กลับมา แต่คนของจวิ้นจู่ก็ไม่ปล่อยพวกเขาไปเด็ดขาด


 


 


ดังนั้นแม้คนของจักพรรดิยัดเงินให้พวกเขา ก็ไม่มีคนกล้ารับ หรือไม่ก็ทำหน้าทะเล้นรับมาแล้วแกล้งทำโง่เง่าหัวเราะฮี่ฮี่ฮ่าฮ่า สุดท้ายแล้วแม้แต่หญิงรับใช้ในบ้านซูเซียงสักคนพวกเขาก็ยังหาไม่เจอ


 


 


แต่ว่าเรื่องนี้ล้วนกล่าวถึงในภายหลัง มาพูดถึงทางนี้ จักรพรรดิกับซูเซียงทะเลาะกันใหญ่โตแล้ว


 


 


ทีแรกซูเซียงยังคิดจะถอยให้หนึ่งก้าว ตนกับจ้าวเซิงลดขั้นเป็นสามัญชน ออกจากเมืองหลวงไปก็ได้


 


 


ใครจะรู้ จักรพรรดิต้องการฆ่านาง ไม่เพียงเท่านั้น ยังขู่ว่าเขาส่งคนไปมณฑลชิงเหอไล่ฆ่าบิดามารดาลูกหลานญาติพี่น้องของนางแล้วด้วย


 


 


ล้วนกล่าวกันว่า โทษไม่ทันผู้อาวุโส ภัยไม่ถึงเด็กน้อย การกระทำครานี้ของจักรพรรดิซูเซียงได้แต่ส่ายหัวไม่เปิดปาก คนของทางพระพันปีนั้นโกรธจนพองขนแล้ว


 


 


“ฝ่าบาท เราเคารพพระองค์ในฐานะโอรสของพระพันปี จึงยอมอดยอมทน แต่ก่อนสิ้นพระชนม์พระพันปีมีราชโองการลับ เราจำเป็นต้องคุ้มครองความปลอดภัยของเซียงหรงจวิ้นจู่ แม้เป็นพระองค์… ”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 892 ความขัดแย้งเพิ่มระดับอีกขั้น


 


 


คนสนิทของพระพันปียังพูดไม่ทันจบ ฮ่องเต้ก็พุ่งพล่านทันที “เจ้านับเป็นสิ่งของอะไรกัน เจิ้นเป็นมังกรโอรสสวรรค์ เป็นเจ้าของใต้หล้าแห่งนี้! เจิ้นพูดอะไรก็เป็นตามนั้น ราษฎรกระจ้อยร่อยอย่างเจ้าไม่มีสิทธิมาพูด! เหอะๆ พวกเจ้ายังไม่รู้กระมัง ตรามังกรที่ไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงซ่อนไว้นั้นอยู่ในมือเจิ้นแล้ว ฮ่าๆ พวกเจ้ายังจะทำอะไรได้?”


 


 


“ขอเตือนพวกเจ้าให้สำเนียกหน่อย รีบส่งคนชั่วผู้นี้ออกมา ไม่แน่ว่าเจิ้นอาจยังพอเห็นแก่ที่พวกเจ้ารับใช้เสด็จแม่มานานหลายปี จะเหลือศพพวกเจ้าไว้ให้ครบทั้งร่าง!”


 


 


จบกัน ประโยคนี้แหย่รังแตนเข้าแล้ว!


 


 


คนสองฝ่ายลากบทสนทนาอยู่สองสามประโยค สุดท้ายจักรพรรดิสั่งการพลธนูให้ระดมยิงคนของพระพันปีรวมถึงซูเซียงให้ตาย


 


 


เดิมทีคนของพระพันปียังซ่อนตัวอยู่ในเส้นทางลับ บัดนี้เห็นท่าไม่ดี ทันใดนั้นคนกว่าหนึ่งพันคนก็ออกมาจากเส้นทางลับ ลมหายใจมากมายขนาดนี้หลบซ่อนอยู่ในวังหลวง จักรพรรดิกลับไม่ค้นพบ


 


 


เห็นคนพุ่งออกมาเป็นฝูงผึ้ง ในมือแต่ละคนถืออาวุธชั้นยอด บนร่างล้วนสวมเกราะถักเส้นไยทองคำหลายชั้น จักรพรรดิพลันหัวใจเต้นระทึก


 


 


แต่ตอนนี้ลูกธนูพาดขึ้นสายแล้ว ไม่ปล่อยไม่ได้ เขาต้องสั่งการคนของตนให้ลงมือ


 


 


กลายเป็นพายุฝนคาวโลหิตห่าหนึ่ง คนของจักพรรดิเข้าปะทะกับคนของพระพันปี และยังปะทะกันในเวลาที่พระพันปีเพิ่งลาโลก และปะทะกันตรงนอกโถงพิธีศพ นี่มันน่าขำขันสะเทือนโลกหล้าแล้ว!


 


 


รัชทายาทอยู่นิ่งในวังบูรพาต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาผู้เป็นหลานชายคนนี้ก่อนสิ้นมิได้เคารพกตัญญูให้ดี เป็นต้นเหตุให้เสด็จย่าเหนื่อยหน่ายระอาใจก็เป็นความอกตัญญูอันใหญ่หลวงแล้ว บัดนี้เสด็จย่าลาโลกไปแล้ว เขาจะทำตัวไม่เคารพหลักกตัญญูต่อพระองค์เฉกเช่นก่อนหน้าได้อย่างไร?     


 


 


ทว่า ตอนที่เขาเลี้ยวพ้นรั้วล้อมแถวหนึ่งก็ได้ยินเสียงเลือนรางแว่วๆ ตรงหลังภูเขาจำลอง เสียงนั้นฟังดูคุ้นมาก เหมือนกับ เหมือนกับ…


 


 


รัชทายาทยิ่งฟังยิ่งชอบกล เข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบ จึงได้ยินบทสนทนาเช่นนี้เข้า


 


 


“ท่านแม่ ท่านว่าฝ่าบาทจะฆ่านางคนชั่วนั่นได้จริงไหม ถ้าคนชั่วนั่นตายแล้ว ท่านพี่เซิงจะแต่งกับข้าไหม?”


 


 


“เด็กดี เจ้าวางใจเถิด หลายปีนี้เจ้าล่อลวงรัชทายาทจนลุ่มหลงไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ขอเพียงไม่มีนางคนชั่วซูเซียงนั่นอยู่ มีรัชทายาทคอยช่วยเจ้า มีหรือจะแต่งเข้าจวนอ๋องสงครามไม่ได้?”


 


 


“อื้มอื้ม ตัวโง่เง่าพรรค์นั้นยังคิดจะเป็นกษัตริย์ครองแคว้น เหอะๆ ลูกแค่กระดิกนิ้วก็วิ่งส่ายก้นดุ๊กดิ๊กมาแล้ว”


 


 


“เขายังชอบพอลูกอีกแหนะ คราก่อนตอนอยู่ในตำหนักของเขา ลูกเกือบทำเรื่องแบบนั้นกับอ๋องสงครามแล้ว เขาก็ยังเฝ้าอยู่ตรงประตู ท่านแม่ ท่านว่าเจ้าคนโง่นั่นซื่อบื้อหรือไม่?!”


 


 


“พอแล้วๆ อย่าพูดมาก คนในวังสายตาซับซ้อน ระวังกำแพงมีหู วันนี้คนชั่วซูเซียงผู้นั้นมีอันเป็นไปแน่แล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องเค้นหัวสมองหาทางใส่ยาหยอดตา[1]ให้รัชทายาทโง่เง่านั่นแล้ว แต่หลังจากนี้เจ้าต้องใช้มารยาสักหน่อย ล่อลวงรัชทายาทไว้ให้ดีๆ ขอเพียงมีรัชทายาทคอยช่วยเจ้าคิดอยากจะทำอะไรก็ย่อมได้ เฮ้อ ข้าว่าเจ้านี่ก็โง่เง่า ไท่จื่อเฟยไม่เป็น ฮองเฮาไม่เป็น อยากเป็นแต่จ้านหวังเฟยอะไรนั่น”


 


 


“ท่านแม่ ก็ลูกชอบท่านอ๋องนี่นา ครานั้นลูกได้เห็นเรือนร่างของเขาแล้ว กล้ามเป็นหมัดๆ เชียวล่ะ ฮิฮิ ชั้นเชิงทางด้านนั้นคงไม่เลวแน่ อนาคตถ้ามีโอกาสจะให้ท่านแม่ได้ลอง ขอเพียงท่านแม่ใช้งานได้ดี ภายภาคหน้าก็ไว้ชีวิตเขาหน่อยแล้วกัน”


 


 


“ดีอย่างที่เจ้าพูดจริงหรือ?”


 


 


“แน่นอนอยู่แล้ว ลูกเคยหลอกท่านเมื่อใดกัน? นายบำเรอที่มอบให้ท่านคราก่อนก็เป็นลูกเคยลองมาแล้วกับตัว รู้สึกว่าไม่เลว ท่านแม่เองก็ใช้สำราญดีมิใช่หรือ? ได้ข่าวว่าเขาปรนนิบัติท่านสุขสบายทีเดียว เมื่อไรจะให้เขากลับมาปรนนิบัติลูกบ้าง…”


 


 


“เจ้านี่มันไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ยังคิดหมายปองคนของแม่ เอาเถิด เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เจ้าอยากเอากลับไปก็ได้ เออใช่ เรื่องที่พูดกับเจ้าคราก่อนจัดการเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? ได้ข่าวว่าความลับนั่นเคลื่อนย้ายถึงมือรัชทายาทแล้ว เจ้าคงรู้ทางไปแล้ว?”


 


 


“หลายวันนี้ปั่นป่วนวุ่นวาย ท่านเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้ ใครจะมาสนใจเรื่องพวกนี้เล่า? พูดอีกอย่าง รัชทายาทโง่เง่านั่นต่อให้เขาชอบลูกยิ่งกว่านี้ก็คงไม่นำความลับของบ้านเมืองมาบอกลูกหรอกกระมัง? ไม่ต้องรีบร้อน ลูกจะค่อยๆ หาทาง”


 


 


 


 


——


 


 


[1] ใส่ยาหยอดตา (上眼药) หมายถึง ใส่เสริมเติมแต่ง แสดงละครต่อหน้าเพื่อประจบเอาใจหรือวางแผนชั่วร้าย


ตอนที่ 893 ที่แท้ความจริงเป็นเช่นนี้


 


 


“อือ เจ้าเองก็เร่งมือหน่อย เห็นว่าสถานการณ์ทางชายแดนไม่มั่นคงแล้ว ถึงเวลามีแผนที่ลับเราก็สามารถร่วมมือกับพวกเขาได้ ตอนนั้นก็จะให้เจ้าขึ้นเป็นองค์หญิงรัชทายาทสมใจ…”


 


 


สองแม่ลูกทางนี้กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส รัชทายาทที่อยู่ด้านหลังภูเขาจำลองราวกับถูกฟ้าผ่า


 


 


วินาทีนั้น เขาถึงค่อยรับรู้ว่าตัวเองผิดไปไกลโข คนงามบริสุทธ์ผุดผ่องอะไรกัน นั่นเป็นรองเท้าเก่าผุที่ไม่รู้ผู้อื่นเคยสวมใส่มาแล้วกี่ครั้ง! ภักดีรักชาติอะไรกัน พวกเขาถึงกับคิดเรื่องร่วมมือกับแคว้นศัตรู ตัวเองจะขึ้นครองใต้หล้านี้ เหอะๆ เหอะๆ…


 


 


ถ้าอย่างนั้นที่เขาเคยว่ากล่าวซูเซียงพวกนั้น….เหอะๆ…


 


 


เวลานี้ถ้ามิใช่รัชทายาทกลัวว่าพวกซูย่วนเสี้ยนจู่สองแม่ลูกจะรู้ตัว เขาคงตบริมฝีปากทั้งคู่ของตัวเองแรงๆไปแล้ว


 


 


ทว่าในวินาทีนั้นเอง เขาพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นั่นก็คือเสด็จพ่อส่งคนไปมณฑลชิงเหอลอบสังหารบิดามารดาบุญธรรมของซูเซียงทั้งตระกูล


 


 


เวลานี้เอง เขาได้ยินเสียงทะเลาะและเสียงศาสตราวุธปะทะกันดังแว่วมาจากที่ไม่ไกล เขามิได้โง่เขลา ย่อมรู้ว่าเป็นคนของจักพรรดิกับคนของพระพันปีเผชิญหน้ากันแล้ว


 


 


ตอนนี้ต่อให้เขาเข้าไปไกล่เกลี่ยก็ไม่ทันแล้ว รวมถึงเขาเชื่อมั่นว่าไม่ว่าอย่างไรคนของเสด็จย่าก็สามารถปกป้องซูเซียงได้ แต่ทางมณฑลชิงเหอนั่นไม่แน่


 


 


ดังนั้นรัชทายาทจึงใช้วรยุทธ์ที่เขาไม่เคยเปิดเผยมาก่อนแม้แต่น้อย ขยับมือเท้าออกมาอย่างแผ่วเบากลับถึงวังบูรพาอย่างรวดเร็ว จากนั้นสั่งการคนออกไปช่วยครอบครัวของซูเซียงทันที


 


 


 ทว่าข่าวที่คนรับภารกิจส่งกลับมากลับบอกว่าคนหายไปทั้งบ้านแล้ว แต่นี่เป็นเรื่องตอนบ่ายของสองวันให้หลังแล้ว เวลานั้นเขาไม่ได้เป็นรัชทายาท แต่เป็นจักรพรรดิอย่างถูกต้องชอบธรรมแล้ว


 


 


คนของฮ่องเต้กับคนของพระพันปีต่อสู้กันขึ้นมา แต่เพราะอยู่ต่อหน้าวิญญาณของพระพันปีจึงไม่กล้ากระทำเกินเลยนัก สองฝ่ายมากน้อยก็ยังเกรงๆกันอยู่บ้าง ไม่ได้ฆ่าคนจริงๆ แต่เลือดกลับสาดกระเซ็นเต็มพื้น


 


 


ขณะที่จักรพรรดิกำลังพิโรธ คนของพระพันปีก็กำลังคิดอยู่ในใจว่าควรโค่นจักรพรรดิองค์นี้ลงแล้วเปลี่ยนรัชกาลใหม่ดีหรือไม่ อย่างไรเสียตอนพระพันปีจากไปก็เคยพูดเรื่องเช่นนี้กับพวกเขา ภายใต้สถานการณ์เลวร้ายสุดวิสัยก็จำเป็นต้องปกป้องซูเซียง ปกป้องราษฎรทั้งใต้หล้า


 


 


ในภาวะชะงักงันนี้เอง เจ้าอาวาสวัดไท่ฉางซึ่งก็คือหลวงพ่อที่ซูเซียงเคยส่งโสมพันปีต้นนั้นไปให้ก็รีบเร่งเข้ามา


 


 


“โยมผู้อุปถัมภ์เป็นอะไรหรือไม่?” เจ้าอาวาสเข้ามาก็รีบร้อนไปถามไถ่ซูเซียงด้วยความเป็นห่วง กวาดสายตามองประเมิน


 


 


“ขอบพระคุณพระอาจารย์ห่วงใย ” ซูเซียงพูดแล้วก็พนมมือไหว้เจ้าอาวาส


 


 


แม้ในยุคปัจจุบันซูเซียงไม่เชื่อในพุทธะหรือพระเจ้า แต่ด้วยหลังประสบเรื่องทะลุมิตินางเองก็เริ่มเชื่อเรื่องพวกนี้ รวมกับครานั้นคิดว่าเสียลูกไปแล้วคิดอยากทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขา ดังนั้นนางจึงสวดมนต์ไม่น้อย


 


 


ตอนแรกเริ่มนางแค่อยากทำบุญให้ลูกจึงอ่านคัมภีร์พุทธเหล่านั้น ทว่าต่อมายิ่งศึกษามากขึ้นก็ยิ่งลึกซึ้ง รับรู้ถึงความเมตตาและเวทนาของพุทธศาสนา


 


 


ฉะนั้นการไหว้เจ้าอาวาสของนางครั้งนี้จึงกระทำด้วยความจริงจังและจริงใจ มิใช่เพราะเวลานี้มีคนเข้าหานาง จึงกระทำอย่างหวังผล


 


 


เป็นเพราะซูเซียงส่งโสมพันปีต้นนั้นไปให้ท่านเจ้าอาวาสจึงรอดชีวิตกลับมา และเพราะพระพันปีเอ็นดูเซียงหรงจวิ้นจู่คนนี้ ดังนั้นวันนี้พอพลวงพ่อได้รับข่าวก็รีบมาหาทันที


 


 


เดิมทีแค่อยากตอบแทนบุญคุณ และเห็นแก่มิตรภาพของพระพันปี แต่คิดไม่ถึงว่าพอพบเจอซูเซียงครั้งแรกก็เอ็นดูเด็กรู้ความรู้มารยาทคนนี้เลย


 


 


มองดูคิ้วตาของนาง เกิดมาดีจริงๆ เปี่ยมเมตตา มีกิริยาท่าทางอย่างพุทธศาสนิกชน


 


 


และแม้อยู่ภายใต้สถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้ สีหน้าของนางขรึมลงเล็กน้อยทว่ากลับไม่มีความตื่นตระหนกและลนลานใดๆ ช่างเป็นเด็กดี โธ่…


 


 


“เจ้าลาแก่หัวโล้น ทางที่ดีไสหัวไปได้ไกลเท่าไรก็ไปให้ไกลเท่านั้น มิใช่บอกว่าเป็นคนของพุทธะหรอกหรือ? มาแส่เรื่องชาวบ้านทำไม!” จักรพรรดิเห็นมีคนมาช่วยซูเซียงก็ไม่พอใจอย่างมาก


 


 


นึกถึงตัวเองที่เป็นจักรพรรดิมาสามสิบกว่าปีแล้ว ทำงานวิริยอุตสาหะมาโดยตลอดยังไม่เคยมีคนเข้าข้างตนมากถึงเพียงนี้ มีสิทธิ์อะไรที่คนชั่วอย่างซูเซียงถึงมีคนเข้าข้างนางมากขนาดนี้? บัดนี้ยังปกป้องนางอย่างไม่นึกเสียดายชีวิตอีก มีสิทธิ์อะไร!


 


 


จักรพรรดิยิ่งคิดยิ่งไม่พอพระทัย บริภาษคนโดยไม่ยั้งคิดแม้แต่น้อย


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 894 ไม่คู่ควรเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้น


 


 


อย่างไรก็ตามศาสนาพุทธถือเป็นศาสนาประจำชาติต้าหรง รวมถึงเจ้าอาวาสท่านนี้ยังเป็นสหายสนิทกับมารดาของตนที่เพิ่งลาโลกไป เอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อหน้าดวงวิญญาณของพระพันปีได้อย่างไร?!


 


 


แต่จักรพรรดิที่โมโหจนสมองบวมลืมสิ้นทั้งหมดทั้งมวล ชี้นิ้วด่าทอท่านเจ้าอาวาสอย่างเจ็บแสบ บอกว่าคนเป็นลาแก่หัวล้าน ออกบวชก็ออกบวชแล้วยังมายุ่มย่ามเรื่องทางโลกทำไม ไล่คนให้ไสหัวไปอะไรทำนองนั้น


 


 


เดิมทีวันนี้เจ้าอาวาสเพียงคิดเข้ามาพาซูเซียงออกไปเท่านั้น สำหรับจักรพรรดิองค์นี้พลาดพลั้งทำผิดอย่างไรก็เป็นบุตรชายแท้ๆของสหายที่เพิ่งลาโลกไปของตน เขาเองก็ไม่อยากทำให้เรื่องเกินเลยใหญ่โต


 


 


ฉะนั้นตอนฮ่องเต้ด่าทอเขาเขาจึงอดทนไว้ เพียงท่องอมิตาพุทธมิได้เปล่งวาจา จนกระทั่งจักรพรรดิตรัสขึ้นว่า “เจ้าลาแก่หัวโล้น ถ้ายังไม่ไสหัวไป เจิ้นจะฆ่าภิกษุทั้งใต้หล้าให้หมด! เจิ้นเป็นจักรพรรดิ อยากฆ่าใครก็ได้! ใครใช้ให้เจ้ามาแส่เรื่องชาวบ้าน ถึงเวลาเข้าวังพญายม นั่นล้วนเป็นเจ้าทำร้ายพวกเขาให้ตาย ไม่ใช่เรื่องของเจิ้น ฮ่าฮ่า!”


 


 


ฟังถึงตรงนี้ เจ้าอาวาสก็ถอนหายใจส่ายหน้า


 


 


ตอนที่เขามองไปยังจักรพรรดิอีกครั้งหนึ่งกลับไม่มีความเมตตาเช่นก่อนหน้า และเปิดปากกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ตัวท่านเป็นจักรพรรดิ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ถูกอำนาจวาสนามอมเมาสายตา ไม่สนใจความปลอดภัยของราษฎรและบ้านเมือง มิคู่ควรเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้น!”


 


 


เจ้าอาวาสพูดถึงตรงนี้ดูเหมือนเริ่มทนไม่ไหวแล้ว เหลือบมองไปทางโถงเซ่นไหว้หนึ่งสายตาแล้วขบฟัน ต่อให้เป็นลูกของสหายเก่าแก่ก็ไม่อาจปล่อยไว้ได้ มิเช่นนั้นล่ะก็ คนที่เสียหายจะเป็นราษฎรทั้งใต้หล้า!


 


 


ดังนั้นเจ้าอาวาสจึงหยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อกว้าง น่าตื่นตกใจว่าถึงกับเป็นตรามังกร


 


 


จักรพรรดิครั้นเห็นของที่เขาหยิบออกมา ก็ตื่นตะลึงตกใจ พูดลนลาน “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าลักลอบสร้างตรามังกรของจักรพรรดิองค์ก่อน นี่มันก่อกบฏ ทหาร ทหารมาจับพวกโจรก่อกวนราชสำนักพวกนี้ไว้!”


 


 


จักรพรรดิร้อนรุ่มยิ่งนัก ร้องตะโกนให้คนของเขาลงมือ


 


 


คราวนี้เจ้าอาวาสเจ็บปวดสิ้นหวัง ถอนหายใจกล่าว “ท่านเป็นโอรสของจักรพรรดิองค์ก่อน แม้แต่สมบัติของจักพรรดิองค์ก่อนก็ยังจำไม่ได้เชียว? ถือครองของปลอมเลียนแบบไว้อันหนึ่งก็นึกว่าตัวเองเป็นหนึ่งในปฐพีแล้วหรือ? ไม่มีราษฎรแล้วจะมีกษัตริย์มาจากไหน? ไม่มีกษัตริย์แล้วจะมีตรามังกรมาจากไหน? แม้แต่ความสัมพันธ์ภายในเจ้ายังไม่แจ่มแจ้ง นับประสาอะไรกับเป็นผู้ปกครองแคว้น!”


 


 


จักรพรรดิในเวลานี้ร้อนรนแล้ว เรื่องตรามังกรไม่อาจหยิบมาล้อเล่นได้เป็นอันขาด อีกทั้งเมื่อครู่ตนยังข่มขู่ลาหัวโล้นผู้นี้ว่าตนจะฆ่าภิกษุสงฆ์ทั้งใต้หล้า เพื่อปกป้องสงฆ์ทั้งใต้หล้าแล้วเขาไม่มีทางหลอกลวงตนแน่ ถ้าอย่างนั้น อย่างนั้น…


 


 


ในพระทัยฮ่องเต้ค่อนข้างวิตก หยิบตรามังกรอันนั้นออกมาจากแขนเสื้อ คิดไม่ถึงว่ากลับมือสั่น ทำหล่นลงพื้นดังเพล้ง กระแทกเข้ากับก้อนหินพอดี แตกออกเป็นสองซีก


 


 


ฮ่องเต้ถึงค่อยตื่นตะลึงครั้งใหญ่ ตรามังกรของจักรพรรดิองค์ก่อนตีด้วยทองคำบริสุทธิ์ เป็นไปได้หรือที่ร่วงลงบนก้อนหินแล้วจะแตกออก?!


 


 


เขาส่ายหน้าไม่หยุด นิ้วมือสั่นชี้ฝูงชนตรงหน้า ร้องโวยวายเหมือนพวกหญิงปากร้าย”เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ พวกเจ้ามันโจรสมคบศัตรูก่อกบฏ พวกเจ้ามันกบฏก่อกวนราชสำนัก ทหาร ทหาร จัดการให้เจิ้นทั้งหมด! ถ้าผู้ใดฆ่าลาแก่หัวล้านกับหญิงชั่วคนนั้นได้ ข้าให้รางวัลแต่งตั้งเขาเป็นว่านฮู่โหว! ”


 


 


รางวัลใหญ่ย่อมมีผู้กล้า แม้มีหลายคนมองออกว่าสถานการณ์ไม่เอื้อให้จักรพรรดิ แต่ก็คิดอยากมียศเป็นโหวหมื่นครัว จึงมีคนส่วนน้อยคิดลงมือทำเรื่องโง่เขลา


 


 


ในตอนที่กำลังจะเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกครั้ง เงาร่างสายหนึ่งก็มาถึงอย่างปราดเปรียวฉับไว


 


 


เคราขาวลอยพลิ้ว พัดพาไอเซียนอมตะ คนผู้นี้ก็คือตาแก่ที่เพิ่งออกจากด่านฝึกวิชา ราชครูของแคว้นต้าหรง


 


 


หลังเขามาถึงเพียงกวาดสายตามองหาซูเซียงแล้วหยิบสัมภาระของตัวเองออกมานั่งลงกับพื้น เริ่มร่ายคาถาพยากรณ์


 


 


จากนั้นเขาก็กระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่ง มวลอากาศสั่นกระเพื่อมเล็กน้อย จู่ๆกลางอากาศก็มีสายฟ้าตกลงมาหลายสาย กระทบลงรอบตัวองค์จักรพรรดิพอดิบพอดี ถึงขั้นยังมีกระแสไฟฟ้าสายเล็กสายหนึ่งระเบิดจนเกศาของจักรพรรดิชี้ตั้งขึ้นมา เมฆทะมึนปกคลุมท้องฟ้าทันใด มวลหนาหนักยิ่งกว่าอากาศมืดครึ้มเมื่อครู่

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม