เพราะรักสลักใจ 879-886
ตอนที่ 879 เรื่องมงคลมาเยือนต่อเนื่อง
สุดท้ายลูกศิษย์ที่ส่งมาก็มิใช่ลูกศิษย์ธรรมดาแต่เป็นศิษย์เอก ศิษย์ก้นกุฎิสืบทอดบาตรไตรจีวร ถึงขั้นมีอาจารย์ผู้อาวุโสของสำนักมาด้วยตนเอง
เดิมทีล้วนเป็นวิชามรดกตกทอด ทุกคนต่างปิดผนึกไว้แน่นหนา ทว่าเห็นพวกซูเซียงเดินหน้าไม่ยึดติด ขอรับคำสอนอย่างถ่อมตน ห่วงใยเพื่อนมนุษย์ ผู้อาวุโสเหล่านี้ก็อดมิได้ที่จะแอบปาดน้ำตา บอกว่าตัวเองอายุเยอะปูนนี้แล้วยังใจกว้างสู้ผู้อื่นเป็นดรุณีน้อยคนหนึ่งไม่ได้ น่าละอาย!
ต่อมาก็ทยอยนำวิธีการและข้อมูลล้ำค่าที่แต่ละตระกูล แต่ละสำนักบ่มเพาะมาอย่างดีออกมาร่วมสมทบ ให้ทุกคนร่วมวิจัยศึกษาด้วยกัน
ระบบที่ซูเซียงใช้ก็คือระบบแยกสาขาเฉพาะทาง หากท่านต้องการรักษากระดูกก็ศึกษาเวชกรรมกระดูก ต้องการรักษาอายุกรรมก็เรียนอายุรศาสตร์ ไม่ผสมปนเปกัน ไม่อย่างนั้นแม้มีความรู้มาก ทว่าท่านไม่ถนัดสักด้าน เกิดเจอโรคหายากอะไรขึ้นมาจริงท่านก็คงจับต้นชนปลายไม่ถูก รักษาไม่หายแล้วผู้อื่นยังพูดว่าท่านไม่มีจรรยาบรรณแพทย์จงใจทำคนตาย เช่นนั้นไปพบท่านยมบาลแล้วก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจนตาย
แผนงานชุดนี้ของซูเซียง ตอนแรกเริ่มทุกคนยังวางตัวเป็นกลางแต่สุดท้ายก็ได้รับการพิสูจน์ผ่านการปฏิบัติจริงครั้งแล้วครั้งเล่า บัดนี้ซูเซียงจัดตั้งแผนกเฉพาะทางแห่งแรกขึ้น ไม่นานอาจมีแผนกกระดูกและแผนกวิจัยอื่นๆ ตามมา
วันนี้สำนักวิจัยโรคหัวใจของพวกเขาจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านราษฎรดีขึ้นล้วนซาบซึ้งน้ำใจของพวกซูเซียง และมีหลายคนที่ครอบครัวได้รับการช่วยเหลือทางสังคมและตัวเองก็ได้รับการช่วยชีวิต ต่างทยอยกันมาอวยพรให้ซูเซียง แพรแดงผืนใหญ่ ผ้าลายดอกผืนกว้าง ประทัดชุดใหญ่ จุดโคมไฟเชิดระบำสิงโต ครึกครื้นรื่นเริง
“ฉุนเอ๋อร์อยากกินอะไร ให้ท่านพ่อซื้อให้เจ้าหมดเลยดีไหม?” ซูเซียงแซวเด็กน้อยที่อุ้มอยู่ในมือจ้าวเซิง
แม้ลูกแยกจากพวกเขาสองสามีภรรยาไปตั้งแต่แรกเกิด ทว่าเด็กไม่เขินอายคนแปลกหน้าแม้แต่น้อย น่ารักว่านอนสอนง่ายอย่างยิ่ง คำก็เรียกท่านพ่อ คำก็เรียกท่านแม่ ยังมีท่านย่าอีก ทำเอาหัวใจคนอ่อนยวบ
โดยเฉพาะช่วงนี้ กระพรวนน้อยไม่ติดหนึบกับชิงสือแล้ว ทั้งวันเอาแต่เล่นกับน้องชายคนนี้ไม่ยอมปล่อยมือ ทำเอาชิงสือสีหน้ามืดครึ้มไปหลายวัน สิ่งนี้ทำให้คู่สามีภรรยาจับสังเกตเห็นอ ที่จริงจ้าวเซิงไม่ค่อยพอใจนัก รู้สึกว่าฐานะชิงสือต้อยต่ำไปหน่อย
ซูเซียงจึงถามว่า “ความสุขของลูกสำคัญกว่าหรือหน้าตาสำคัญกว่า?”
ต่อมาจ้าวเซิงก็เป็นใบ้ไปเสียดื้อๆ สองสามีภรรยาเองก็ปรึกษากันแล้วว่าลูกยังเด็ก ค่อยๆดูกันไปก่อน ไม่ต่อต้านและมิได้สนับสนุนชัดเจนเปิดเผย ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตา
“โอ๊ะ จวิ้นจู่จวิ้นหม่าพาคุณชายน้อยมาเที่ยวชมตลาดหรือขอรับ มาๆ คุณชายน้อยกินถังหูลู่สักไม้ ถังหูลู่ที่ปู่ทำนี่อร่อยมากเชียวล่ะ” ชายชราคนหนึ่งที่ภรรยาเคยป่วยเป็นโรคหัวใจอักเสบ อับจนหนทางแล้วจึงมาขอความช่วยเหลือจากซูเซียง เห็นพวกซูเซียงอุ้มลูกมาเดินเที่ยวตลาดก็รีบเข้ามาทักทาย
ฉุนเอ๋อร์เองก็มิได้กลัวคนแปลกหน้าแม้แต่น้อย รับถังหูลู่ที่ชายชราคนนั้นส่งมาให้ ยิ้มหวานเอ่ยหนึ่งเสียง “ขอบคุณขอรับท่านปู่” เลียถังหูลู่หนึ่งคำแล้วยิ้มตาหยีกล่าว “ท่านปู่ ถังหูลู่ของท่านหวานดีจริงๆ”
ไม่ใช่เด็กไม่เคยกินของดีอะไร ครานั้นตอนพวกหมอเตี๋ยอุ้มเขาไปก็ปกป้องเลี้ยงดูประคมประหงม แม้เป็นของที่จักรพรรดิรัชทายาทยังไม่มีวาสนาได้กิน ฉุนเอ๋อร๋ก็มีมิได้ขาด
กอรปกับกลับมาหลายวันนี้องค์หญิงเต๋อฮุ่ยกับซูเซียงย่อมห่วงแหนเขาเหมือนแก้วตาดวงใจ ไม่ว่าของดีอะไรล้วนได้กิน ทว่าฉุนเอ๋อร์เป็นเด็กดีรู้ประสาคนหนึ่ง รู้ว่าผู้อื่นมีน้ำใจ เขาก็ขอบคุณอย่างรู้ความมีมารยาท เห็นได้ว่าคราแรกนั้นพวกหมอเตี๋ยเลี้ยงดูเด็กได้ดีมากเพียงใด
ทีแรกบนหน้าชายชรายังแขวนความกังวลใจอยู่บ้าง ด้วยกลัวว่าสิ่งของข้างทางของตนจะไม่อยู่ในสายตาของคุณชายน้อยเขา กลับคิดไม่ถึงว่าคุณชายน้อยรับไปอย่างดีอกดีใจ ซ้ำยังกล่าวขอบคุณ จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงและชนชั้นสูงข้างกายหลายคนล้วนยิ้มแย้มให้เขา
สิ่งนี้ทำให้บุรุษชราปลาบปลื้มดีใจ ผู้คนกล่าวขานว่า จวิ้นจู่กับจวิ้นหม่าเป็นกันเองเข้ากับคนง่าย
ลับหลังยังมีบางคนซุบซิบบ้างเป็นครั้งคราว “นี่ คิดไม่ถึงเลยว่าบุรุษที่คราแรกนั้นเย็นชาอย่างกับพญายม ตอนนี้ถึงกับรู้จักพูดรู้จักยิ้มเป็นแล้ว”
ตอนที่ 880 มองดูลูกชายโง่เง่าแล้วอายุสั้น
“ตาทึ่ม ตอนแรกเจ้าก็เป็นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ อย่างกับหุ่นไม้ ตีแล้วก็ยังไม่ผายลมสักแอะ”
“ฮิฮิ ที่รัก ข้าก็พูดไปอย่างไรนั้นแหละ อีกอย่างข้าตีแล้วไม่ผายลมเมื่อใดกัน เจ้าไม่ตีลมนั่นก็ออกมาได้… ”
ภรรยาสาวคนนั้นถลึงตาดุบุรุษของตน “ชิ่ว ไสหัวไปเลยไป!”
และมีบางคนยังวิจารณ์ลับหลังอย่างปลงอนิจจัง ไม่ว่าบุรุษแกร่งกระดูกแข็งเป็นเหล็กอย่างไรได้พบเจอคนแสนดีอย่างจวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงคงมีหลอมละลายอ่อนยวบได้บ้างล่ะนะ
พระพันปีเห็นว่าในที่สุดลูกชายโง่เง่าของตนก็ยอมรามือแล้ว รวมถึงจารีตการสืบสันติวงศ์บ้านเมือง บุตรชายเป็นคนอายุห้าสิบกว่าแล้ว นางคงไม่อาจว่าราชการหลังม่านได้ตลอดหรอกกระมัง?
กอรปกับช่วงนี้จักรพรรดิกับรัชทายาททำตัวดีมากทีเดียว ไม่ได้ก่อเรื่องออกอุบายอะไร จักรพรรดิถึงกับยังเขียนจดหมายมาขอโทษกับพระองค์ ถ้อยคำจริงจังตั้งใจ พระพันปีเองก็รับรู้ได้ว่าในที่สุดเจ้าลูกโง่งมก็ตื่นรู้ได้สติกลับมาแล้ว มากน้อยก็ยังพอโอบอุ้มความหวังไว้ได้บ้าง
อีกทั้งคนฝ่ายนิยมจักรพรรดิเหล่านั้น เหตุด้วยจักรพรรดิเปลี่ยนแปลงทัศนคติทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจ ดังนั้นจึงกดดันทางพระพันปีให้ส่งมอบอำนาจคืน
ถึงที่สุดแล้วตอนนั้นจักรพรรดิกับรัชทายาทกระทำไม่ถูกต้อง พระพันปีริบอำนาจกลับไปย่อมเป็นการสมควร มิเช่นนั้นบ้านเมืองคงวุ่นวาย ทว่าบัดนี้องค์จักรพรรดิทรงสำนึกผิดแล้ว เปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่แล้ว รัชทายาทเองก็ถูกปล่อยออกมาจากศาลบรรพชนแล้ว สงบเสงี่ยมเรียบร้อยไม่เกิดเหตุใดอีก พระองค์เป็นพระพันปีชราคงไม่อาจกุมอำนาจไปได้ตลอดหรอกกระมัง แม่ไก่ขันยามเช้าสวรรค์จะลงทัณฑ์!
ดังนั้นพระพันปีจึงเรียกจักรพรรดิเข้าเฝ้าในตำหนักบรรทมของตน คืนอำนาจกว่าครึ่งกลับลงในมือเขา ทั้งยังตบไหล่ของเขาชี้แนะอย่างจริงจังจริงใจ “ลูกเอ๋ย อย่าได้ตำหนิแม่ใจร้ายถึงเพียงนี้ บัดนี้เจ้ารู้ผิดแล้ว เช่นนั้นแม่เองย่อมไม่กล่าวโทษเจ้าแล้ว ล้วนกล่าวกันว่าไม่มีสิ่งใดดีกว่ารู้ผิดแล้วแก้ไข หลายๆเรื่องแม่ไม่ให้เล่าลือไปถึงราษฎร มิได้ส่งผลต่อชื่อเสียงเจ้ามากนัก รวมถึงเวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว ขอเพียงเจ้าขยันหมั่นเพียรก็จะไม่เป็นไร…”
“ลูกเอ๋ย เจ้าต้องเชื่อฟังนะ อย่าทำเรื่องโง่งมเช่นนั้นอีก ในมือแม่ยังถืออำนาจเกือบครึ่งหนึ่งของเจ้าไว้ ขอเพียงในปีสองปีนี้เจ้าอยู่ในโอวาท ปฏิบัติราชกิจเพื่อชาติเพื่อปวงชนอย่างแท้จริง ไม่นานก็จะมอบคืนให้เจ้าทั้งหมด แม่ชราแล้ว มิได้คิดอยากสะสางเรื่องไร้สาระพวกนี้ ฉะนั้นเจ้าต้องสู้พิสูจน์ตัวเอง… ”
จักรพรรดิคุกเข่าโขกศีรษะคำนับด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งนัก ขอบพระทัยพระพันปีทรงเมตตาเขา และรับอำนาจเหล่านั้นกลับมา “พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกรู้ผิดแล้ว ภายภาคหน้าลูกจะปรับปรุงตัวใหม่ ไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้นอีก”
“เฮ้อ ไปเถิด ไปเถิด อายเจียเองก็เหนื่อยแล้ว ราชกิจรัดตัว ต่อไปห้าวันมาถวายบังคมทีก็ได้” พระพันปีตรัสแล้วก็โบกมือ
ก่อนหน้านี้นางไม่ยอมให้จักรพรรดิมาเข้าถวายบังคมมาโดยตลอดเพราะไม่อยากเห็นหน้าลูกชายโง่เง่าคนนี้ เห็นหน้าลูกชายโง่คนนี้ทีไรแล้วรู้สึกอายุสั้นทุกที เฮ้อ ลูกชายตัวดี นับตั้งแต่เกิดเรื่องอี้เมิ่งกุ้ยเฟย สติสตังนับวันยิ่งไม่เข้าที่เข้าทาง
ตอนนี้เห็นจักรพรรดิเชื่อฟังทำตามซ้ำยังรู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว นางผู้เป็นมารดาย่อมปลาบปลื้มยินดี ยอมผ่อนปรนให้จักรพรรดิเข้าถวายบังคมนางทุกๆห้าวัน แม้ตนเห็นว่าลูกชายคนนี้ยังดูไม่เข้ารูปเข้ารอยนัก ทว่าคงไม่อาจปล่อยให้ประชาชนติฉินนินทาออกไปว่าจักรพรรดิไม่เคารพหลักกตัญญูหรอกกระมัง?
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ ลูกทูลลา” จักรพรรดิรับสิ่งของเหล่านั้นมาแล้วก็โขกคำนับลาพระพันปี
เพียงแต่รอจนกระทั่งถึงตำหนักบรรทมของตัวเองแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนผัน “ยายแก่น่าตาย บังอาจช่วงชิงอำนาจของเจิ้น ไม่ดูตัวเองบ้างแก่จะลงโลงอยู่แล้ว หนังเหนียวจริงๆ…”
คราก่อนจักรพรรดิกับรัชทายาทเอ่ยคำไม่สมควรในพระตำหนัก ขันทีผู้นั้นก็ถูกรัชทายาทปิดปากตั้งแต่แรกเริ่ม ต่อมาจักรพรรดิคิดว่ามีแต่คนตายเท่านั้นที่พูดไม่ได้ ดังนั้นการปิดปากจึงเปลี่ยนเป็นการฆ่าปิดปาก
เรื่องนี้เหล่าคนสนิทข้างกายจักรพรรดิย่อมทราบดี ดังนั้นแม้บัดนี้ฮ่องเต้ตรัสวาจาเนรคุณเช่นนี้พวกเขาก็เพียงก้มหน้าแสร้งทำหูหนวกเป็นใบ้ หากบนหน้าเกิดปรากฏความรู้สึกเพียงครึ่งส่วน ก็ไม่แน่ว่าอาจรักษาชีวิตของตัวเองไว้ไม่ได้
ตอนที่ 881 ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง
ใบไม้ผลิปีที่สี่ ทางชายแดนสองแคว้นรวมหัวกันปลุกสงคราม จักรพรรดิมีราชโองการให้จ้าวเซิงกลับวังนำทัพ จ้าวเซิงไม่รับ บอกว่าเขามิใช่อ๋องแห่งสงครามแล้ว
จักรพรรดิมีความแค้นต่อจ้าวเซิงกับซูเซียงดำรงอยู่ในใจเป็นทุนเดิมแล้ว เพียงแต่ติดที่พระพันปีหนังเหนียวยังอยู่ เขาเลยไม่กล้าเล่นตุกติกอะไรก็เท่านั้น ตอนนี้ประกอบกับร้อนใจ โรคเลยกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ขว้างปาข้าวของแจกันในพระตำหนักเฉียนชิง[1]
“ลูกทรพีสมควรตาย ไอ้เด็กนอกคอกนั่นก็ยังไม่ตายนี่ ยังจะทำตัวยุ่งยากอะไรอีก ต้องเป็นนางหญิงชั่วนั่นยุยงแน่ หญิงชั่วสมควรตาย นางจิ้งจอกสมควรตาย…”
“ไม่รู้เจ้าเด็กเซิงนั่นไปโดนน้ำยาลุ่มหลงอะไรมา หญิงแพศยาปีศาจจิ้งจอกสมควรตายคนนั้รไม่ทันแต่งเข้าประตูก็เคยคลอดลูกมาแล้ว ตัวชั้นต่ำ หญิงแพศยาพันคนคร่อมหมื่นคนร่วมหมอน…”
แต่เขาก็ได้แค่ด่า ด่าจนสาแก่ใจแล้วทำอะไรได้? ตอนนี้เขาไม่มีวิธีจัดการซูเซียงอย่างแท้จริง
ก่อนอื่นไม่ต้องพูดถึงข้างกายซูเซียงมีชุ่ยหลิ่วมีองครักษ์มังกรเพวกนี้อยู่ รวมกับพระพันปียังส่งคนสนิทไวใจได้ของตนให้ซูเซียงหลายคน คนเหล่านั้นลองจับออกมาสักคนล้วนต้านรับราชองครักษ์ทั้งกลุ่มได้
พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในพระทัยจักรพรรดิก็เกิดไฟโทสะ เขาเพิ่งพ้นข้อห้ามได้ไม่กี่วัน ไม่ง่ายนักกว่าจะแอบส่งคนกลุ่มหนึ่งออกไปลอบฆ่าซูเซียง ที่ส่งไปนั้นเป็นล้วนยอดฝีมือในแต่ละด้าน เขาถึงขั้นออกเงินมหาศาลเชิญยอดฝีมือในยุทธจักรมาจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มีใครกลับมาสักคนไม่พอ สุดท้ายแล้วแม้แต่ใบหน้าของซูเซียงชั้นต่ำนั่นก็ยังไม่ได้เห็น เสียทั้งฮูหยินและรี้พล[2]
ตอนนั้นเขายังคิดอยู่ในใจว่าแม้สูญเสียล้มตายก็ไม่อาจปล่อยซูเซียงไปง่ายๆ ไม่พูดถึงสังหารนางได้ในชั่วอึดใจ แต่กรีดนางได้สักสองดาบก็คงทำได้กระมัง? หรือไม่ก็วางยาในน้ำอะไรก็ได้ อย่างไรคนในยุทธจักรเหล่านั้นคงมีเล่ห์เหลี่ยมต่างๆนานา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ขอเพียงเขาให้เงินมากพอ ไม่ว่าเรื่องใดก็ทำได้มิใช่รึ?!
ทว่ามีคำกล่าวหนึ่งว่าไว้ได้ดี น้ำประคองเรือได้ แต่ก็คว่ำเรือได้เช่นกัน หากใต้หล้าไม่มีประชาชน แล้วจะมีกษัตริย์ผู้ปกครองมาจากที่ไหน? ราษฎรสนับสนุนคนใด คนนั้นถึงจะได้เป็นแผ่นฟ้าของพวกเขา
คนสิบกว่าคนนั้นที่เขาส่งไปกำลังปรึกษากันอย่างลับๆ ทำอย่างไรถึงจะฆ่าซูเซียงได้โดยไม่รู้ตัว หรือเริ่มลงมืออย่างไรถึงจะมีโอกาสชนะ
ผลลัพธ์น่ะหรือ บังเอิ๊ญบังเอิญ เอ่อ ก็ไม่อาจนับได้ว่าบังเอิญหรอก สุดท้ายแล้ว มนุษย์กำลังกระทำสวรรค์กำลังดู เทพสวรรค์ก็ไม่ได้กินเปล่า
มีสุภาพสตีรสองคน เดิมทีบ้านก็อยู่ทางนี้ พอดีกลับจากไปซื้อผักอีกตรอกหนึ่งก็ได้ยินคนทางนี้กำลังหารืออะไรกันอยู่ เดิมทีก็เป็นสตรีช่างคุย แอบฟังสักสองสามประโยคตรงมุมกำแพงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวใหญ่สะเทือนฟ้าแบบนี้!
“พี่ใหญ่ ความคิดของน้องเล็กคือวางยาเถอะ ข้างกายคนชั้นต่ำนั่นมีองครักษ์มังกรคุ้มกันอยู่ นางยังเป็นพระแม่โพธิสัตว์ประจำใจผู้คน หากเราลงมือโจ่งแจ้งในเขตคนคึกคัก ยากจะรับรองว่าชาวบ้านโง่ๆพวกนั้นจะไม่สร้างปัญหา”
“ใช่แล้วพี่ใหญ่ เราเลือกเดินบนทางที่ปลอดภัยดีกว่า ถ้าถูกจับได้ ท่านบนฟ้าผู้นั้น…เช่นนั้นเราไม่มีทางแก้ตัวนะพี่”
“ใช่แล้วพี่ใหญ่ ใช้ยาพิษเถอะ ท่านบนฟ้าผู้นั้นบอกแล้ว ต่อให้เราทำให้คนชั่วนั่นบาดเจ็บแค่ดาบเดียวก็นับว่าสำเร็จแล้ว แต่ข้างกายคนชั่วนั่นมีคนรายล้อมมากขนาดนั้น เราทั้งหมดไม่กลัวตาย แต่ถ้าทำให้คนชั่วนั่นบาดเจ็บไม่ได้ กลัวว่าคนในบ้านคงพลอยติดร่างแหไปด้วย…”
พี่ใหญ่เห็นลูกน้องร้องโวยก็วางมาดเข้มปริปากกล่าว “อืม พวกเจ้าคนอื่นๆล่ะคิดว่าอย่างไร?”
“วางยาพิษอะไรกัน ข้าเป็นคนในยุทธจักร อย่างมากพ่ายแพ้สิบแปดปีให้หลังก็ยังเป็นลูกผู้ชาย ทำเรื่องเล่นแง่ออกอุบายพรรค์นี้ หยามเกียรติสุภาพบุรุษ!”
“สุภาพบุรุษผีอะไร! เจ้าอยู่ในยุทธภพฆ่าคนไปตั้งเท่าไรแล้ว เจ้ากล้าพูดหรือว่าตัวเองไม่เคยเป็นโจรเด็ดดอกไม้[3] ไม่เคยแตะต้องดรุณีบ้านตระกูลดีเหล่านั้น ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักหรอก ไม่อายบ้างหรือไร?!”
“เฮ้ย! ข้าไม่เคยข่มเหงดรุณีตระกูลดีเหล่านั้น ถ้าเจ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ข้าจะลงดาบเจ้าให้!” ผู้กล้าแห่งยุทธภพคนนั้นโบกดาบใหญ่ขึ้นอย่างไม่พอใจ หน้าเขียวหน้าแดงถลึงตาใส่คนตรงหน้า
สายตาเห็นว่าเริ่มทะเลาะกันขึ้นมาแล้ว พี่ใหญ่คนนั้นก็รีบโบกมือ “พอแล้วๆ ทุกคนล้วนหวังเงินทั้งนั้น ปรองดองก่อเกิดทรัพย์ไว้เถิด ทุกคนฟังข้าหน่อย หรือไม่เราแบ่งเป็นสองทาง ฝ่ายหนึ่งไปวางยาพิษ ฝ่ายหนึ่งไปลอบฆ่า คงมีทางใดทางหนึ่งสำเร็จ ”
ทุกคนเห็นด้วยกับแผนของพี่ใหญ่ จึงแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ตกลงกันเงียบๆว่าจะพาซูเซียงมาที่นี่อย่างไร ทำอย่างไรถึงจะฆ่าผลผลิตนอกคอกนั่นด้วยได้!
——
[1] พระตำหนักเฉียนชิง (乾清宫) หรือ พระตำหนักสุทไธสวรรค์ เป็นพระตำหนักหลังใหญ่ที่สุดในบรรดาพระตำหนักสามหลังแห่งฝ่ายใน ใช้เป็นสถานที่ประทับบรรทมของจักพรรดิ จนถึงสมัยของจักพรรดิยงเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิง เปลี่ยนมาใช้เป็นท้องพระโรงว่าราชการ
[2] เสียทั้งฮูหยินและรี้พล (赔了夫人又折兵) เป็นสำนวนจากเรื่องสามก๊ก อุปมาว่าเสียสองอย่างในคราวเดียว มาจากตอนการแต่งงานของเล่าปี่และซุนฮูหยิน เรื่องคือจิวยี่เสนอแผนสาวงามให้ซุนกวนในการยึดครองแคว้นเกงจิ๋วจากเล่าปี่ ต้องการลวงเล่าปี่มากังตั๋งโดยอ้างว่าจะให้แต่งงานกับซุนหยินเพื่อเชื่อมสัมพันธ์แล้วจากนั้นจะจับเล่าปี่เป็นตัวประกันเพื่อแลกเปลี่ยนกับแคว้นเกงจิ๋ว ขงเบ้งรู้ทันอุบายจึงซ้อนกลทำให้การแต่งงานเกิดขึ้นจริง ทั้งทำให้เล่าปี่กลับมาเกงจิ๋วอย่างปลอดภัยพร้อมซุนฮูหยิน จิวยี่นำทหารไล่ตามแต่ถูกทหารเล่าปี่ซุ่มโจมตี จากนั้นทหารเล่าปี่ก็ตะโกนเยาะเย้ยว่า “อุบายจิวยี่แสนแยบยล เสียทั้งฮูหยินและรี้พล”
[3] โจรเด็ดดอกไม้ หมายถึงโจรบ้ากาม ชอบข่มเหงกระทำชำเราสตรี
ตอนที่ 882 นายท่านเช่นข้ามาโปรดเจ้า
สตรีสองคนฟังอยู่ตรงมุมกำแพงทีแรกแค่มาดูชมเรื่องครึกครื้น ซุบซิบนินทา นึกว่าแม่นางน้อยบ้านใดอยากเป็นอนุนางบำเรอ อย่างไรเสียเรื่องพวกนี้ก็เห็นได้ไม่น้อยตามบ้านตระกูลใหญ่ พวกเมียน้อยเมียหลวงตระกูลร่ำรวย ทำทุกอย่างเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง ไม่ว่าวิธีการสกปรกอะไรก็เอามามาใช้ได้ทั้งนั้น ไหนเลยจะคาดคิดว่าจะได้ยินข่าวสะเทือนฟ้าสะท้านดินเช่นนี้เข้า
สตรีทั้งสองคนมองตากัน วิ่งกลับบ้านตัวเองอย่างเร็วรี่ ตามหาบุรุษบ้านตัวเอง
บุรุษในบ้านสตรีทั้งสองคนนั้นได้ยินว่าวันนี้มีคนคิดลงมือกับซูเซียงและเด็กคนนั้น ไหนเลยยังใจเย็นไหว? เรียกสมัครพรรค์พวกของตัวเองทันที ฉวยเครื่องมือในบ้านกับกระสอบ คนสามสิบกว่าคนกระโดดลงไปจากรั้วกำแพงที่ไม่สูงนักอันนั้น
ถ้าปะทะหน้าต่อสู้ด้วยดาบจริงปืนจริงขึ้นมา พวกเขาคงไม่สามารถเอาชนะยอดฝีมือในยุทธจักรและคนในวังเหล่านี้ได้แน่ แต่ถ้าดักทุบหัวก็ย่อมได้อยู่
พวกเขาทั้งหมดเขย่งเท้าอยู่บนมุมกำแพง จ้องรอจังหวะ นับหนึ่ง สอง สาม แล้วกระโดดลงไปพร้อมกัน คนพวกนั้นกำลังตกลงแผนการ สุ้มเสียงก็ไม่ได้เบา ส่วนไหนที่เห็นไม่ตรงกันก็ร้องโวยวาย บุรุษชาวบ้านเหล่านี้มือเบาเท้าเบาด้วยแล้ว พวกนั้นจึงมิได้พบสังเกต
พวกเขาเองก็ไม่พูดพร่ำ ทันทีที่กระโดดลงไปก็ยกท่อนไม้ขึ้นทุบลงไปบนหัวผู้อื่น ไม่ว่าเขาจะตายหรือไม่ตาย ขอทุบก่อนแล้วค่อยว่ากัน
คนสิบกว่าคนนั้นแม้ล้วนเป็นผู้ฝึกฝน ปฏิกิริยาตอบสนองก็รวดเร็ว ทว่าไหนเลยจะเคยประลองกับการเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้ คนพวกนี้ลงมือในที่ลับ ภายใต้สถานการณ์ป้องกันไม่ได้เช่นนี้จึงตกเป็นรองแล้ว
บุรุษเหล่านี้ก็ฉลาด เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้พวกจอมยุทธและคนในวังจำหน้าตาของพวกเขาได้แล้วมาคิดบัญชีทีหลัง พอทุบเสร็จแล้วอีกคนก็ปราดเข้ามาเอากระสอบคลุมหัวคนไว้ จากนั้นก็รุมสกรัมหนึ่งยก เตะต่อยจนคนเหล่านั้นร้องโอดโอย ถึงสุดท้ายจนคนร้องแทบไม่ออกแล้ว บุรุษเหล่านั้นก็รู้สึกว่าจะทุบคนตายก็ไม่ค่อยดีนัก จึงทำให้คนพวกนี้เวียนหัวแล้วโยนออกไปตรงถนนใหญ่ตรงปากตรอก
จำนวนคนมากถูกทำร้าย ซ้ำยังคลุมกระสอบดำย่อมดึงดูดความสนใจของทางการ นายอำเภอเสิ่นนำคนเข้ามา ครั้นตรวจสอบแล้วถึงกับพบว่าเป็นคนของในวัง จึงแจ้งข่าวให้แก่พวกซูเซียง
หลังจักรพรรดิได้รับข่าวก็ทรงพิโรธหนัก โชคดีที่เขาปิดปาดเร็ว มิเช่นนั้นถูกพระพันปีล่วงรู้เข้าก็สุดจะรู้ว่าจะเป็นเช่นไร ดังนั้นจึงทำได้เพียงกัดฟันกลืนเลือด
ทว่าครั้งนี้ไม่ได้การ เขาต้องจัดการหญิงชั่วนั่นให้ตาย ไม่อย่างนั้นโอรสผู้ห้าวหาญเชี่ยวชาญการรบคนนั้นของเขาต้องเสียการเสียงานเอาแต่อยู่กับนางปีศาจจิ้งจอกข้างนอกนั่น!
ในความคิดของจักรพรรดิ ขอเพียงแค่ฆ่าซูเซียงได้ จ้าวเซิงถึงจะเป็นอยู่ในโอวาท เดี๋ยวก็กลับมาข้างกายเขา ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานแทนเขา สู้รบรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้เขา
แต่เขาไม่รู้ บนโลกนี้ที่ไหนจะมีเรื่องดีขนาดนั้น? ท่านเกือบฆ่าบุตรชายของผู้อื่น ยังคาดหวังให้ผู้อื่นกลับมาปกป้องแผ่นดินให้ท่าน ปกป้องตำแหน่งของท่าน งีบหลับฝันเอาเถิด
แต่จักรพรรดิก็ต้องเครียดจนหัวขาวจริงๆ หลายปีมานี้เหลาสุรา สำนักแพทย์สมุนไพรของซูเซียง การผลิตกระดาษ พู่กันน้ำหมึกเอยไรเอย โดยพื้นฐานก็ควบคุมชีพจรเศรษฐกิจไว้กว่าครึ่งแคว้นแล้ว แตะต้องไม่ได้ง่ายๆ
รัชทายาทเองก็รำคาญใจ คิดว่าถ้าตัวเองมีความสามารถเหมือนจ้าวเซิงตัวเขาคงเข้าสู่สนามรบด้วยตัวเองไปแล้ว ไยต้องไปลำบากพูดปากเปียกปากแฉะ น้องชายโง่เง่าคนนั้นก็ดันเลอะเลือน ไม่เชื่อฟังแม้แต่น้อย ไยไม่เข้าใจความหวังดีของเขาบ้างเลย!
“เฮ้อ…” พอคิดถึงเรื่องนี้รัชทายาทก็ถอนหายใจอยู่ในตำหนักของตัวเอง
“องค์รัชทายาท ชายแดนมีรายงานด่วน!” ทหารพกดาบคนหนึ่งรีบเร่งเข้ามา นำม้วนไม้ไผ่ส่งลงในมือรัชทายาท
รัชทายาทรับมา โบกพระหัตถ์ “เจ้ารออยู่นอกประตูก่อน”
รัชทายาทเปิดม้วนสารไม้ไผ่ออก ยิ่งอ่านหัวคิ้วก็ยิ่งขมวดแน่น สายตาเห็นการศึกยิ่งติดพันขึ้นทุกวัน เขาเองก็ขัดเคืองใจยิ่งนัก
จักรพรรดิมีราชโองการลงมาอีกครั้ง สั่งการให้จ้าวเซิงเข้าเมืองหลวงโดยเร็ว รับราชโองการแต่งตั้งเขาเป็นอ๋องสงครามใหม่ นำตราทหารเร่งมุ่งไปชายแดน
ทว่าจ้าวเซิงไม่รับราชโองการ ซูเซียงนำราชโองการฉบับนั้นเคาะหน้าผากของกงกงคนนั้นจนหัวโน “ไป ไสหัวไปได้ไกลแค่ไหนก็ไกลแค่นั้น! ข้ากับสามีไม่สนใจหรอก!”
“ใครก็ได้ เอาออกไปที!” จ้าวเซิงเห็นภรรยาตัวเองเดือดดาล เขาก็โล่งใจ อย่างน้อยภรรยาก็แยกได้ว่าเป็นความผิดของใคร ไม่ตำหนิเขาทั้งหมดก็ถือเป็นเรื่องดี ดังนั้นจึงตะโกนเสียงเรียกพวกองครักษ์มังกรของตน
พูดไปแล้วก็สมน้ำหน้ากงกงคนนี้ รู้อยู่ชัดๆว่าจ้าวเซิงกับซูเซียงเป็นคนหาเรื่องด้วยไม่ได้ เจ้าพูดจาให้มันน่าฟังหน่อย อ่อนโยนหน่อยไม่ได้หรือไร ไม่ต้องทำท่ายโสโอหัง ทำตัวเป็นนายท่านเช่นอุตส่ามาโปรดเจ้าแบบนั้นน่ะ
ซูเซียงเป็นแบบอย่างของคนกินอ่อนไม่กินแข็งก็จริง แต่ก็ไม่ใช่จะมากระตุ้นโทสะของซูเซียงได้หรอกนะ!
ตอนที่ 883 สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นห่วงน้องชาย
ถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดิเป็นประมุขแห่งแคว้น เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดจ้าวเซิง อาศัยแค่เรื่องที่เขาทำร้ายลูกชายของตนจนเกือบตายซูเซียงก็สามารถฆ่าเขาได้แปดตลบแล้ว! ยังจะสั่งให้รับบัญชาเขา ยังจะให้กลับไปปกป้องใต้หล้าให้เขา! ฝันไปเถอะ!
ขันทีกระฟัดกระเฟียดจากไป กลับไปย่อมใส่สีตีไข่เพิ่มไม่น้อย
“เสด็จพ่อ อย่าพ่ะย่ะค่ะ น้องเล็กแม้ไม่เชื่อฟังแต่นั่นเป็นโอรสของพระองค์ เป็นน้องชายแท้ๆของลูก เสด็จพ่อ…”
หลังรัชทายาทเห็นราชโองการของจักรพรรดิบนโต๊ะมังกรฉบับนั้นแล้ว ก็ตกใจคุกเข่าลงบนพื้นดังปึง
แม้ในใจเคืองโกรธที่น้องชายของตัวเองไม่เชื่อฟัง ทะเลาะกับบิดาและพี่ชายบ้านตัวเองเพียงเพราะนางจิ้งจอกข้างนอกคนหนึ่ง หลายปีมานี้ก็ไม่เคยเอ่ยปากจะกลับมาเยี่ยมเยือนบ้าง จริงๆเลย อีกอย่าง เด็กคนนั้นก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ก็ดีแล้วนี่ ทำไมยังโกรธ ไม่ฟังกันบ้างเลย
ทว่าไฟสุมทรวงส่วนสุมทรวง แต่นั่นเป็นน้องชายที่เขาเลี้ยงดูมาเองตั้งแต่เด็กจนโต จะปล่อยให้ราชโองการฉบับนี้ของเสด็จพ่อลดขั้นเขาเป็นสามัญชนจับเขาขังคุกโทษประหารได้อย่างไร
โชคดีที่ราชโองการฉบับนี้ยังไม่ได้ประทับลัญจกรหยกของจักรพรรดิ ไม่อย่างนั้นคงมีผลบังคับใช้จริง
รัชทายาทเห็นจักรพรรดิทำท่าจะไปหยิบลัญจกรหยกมาเขาก็เสือกตัวหยิบลัญจกรอันนั้นมากอดแน่นไว้ในอ้อมอก โขกศีรษะติดต่อกัน “เสด็จพ่อ อย่าเลยพ่ะย่ะค่ะ อย่าเลย! น้องเล็กเขาจะต้องสำนึกผิด ลูกจะเขียนจดหมายไปอบรมเขาสักเที่ยว เขาต้องเชื่อฟังกลับมาอย่างแน่นอน เสด็จอย่าทรงกริ้วไปเลย เขาถูกปีศาจจิ้งจอกทำเสน่ห์ใส่ ตัวเขาเองมิได้มีความผิดร้ายแรงอันใดพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ ท่านให้เวลาเขาอีกหน่อยเถิด ดีหรือไม่ ขอร้องพระองค์แล้ว เสด็จพ่อ…”
รัชทายาททั้งโขกศีรษะขอความเมตตาจนหน้าผากห้อเลือด จักรพรรดิเห็นแล้วรำคาญ โบกมือใหญ่แล้วขว้างราชโองการใส่หน้าผากรัชทายาท “ไป รีบไสหัวไป เห็นพวกโง่งมเช่นเจ้าแล้วโมโห ออกไป!”
บัดนี้รัชทายาทไหนเลยยังกล้าพูดอะไรอีก รีบวางลัญจกรหยกไว้บนโต๊ะ หยิบราชโองการที่ยังไม่ได้ประทับตราขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งกลับเข้าตำหนัก จากนั้นจุดไฟเผามันจนมอดไหม้ เขากลัวว่าเสด็จพ่อจะทรงกริ้วจนประทับลัญจกรหยกลงไปบนราชโองการนั่นจริงๆ เช่นนั้นทุกอย่างคงจบสิ้นแล้ว
ทว่าจักพรพรรดิกับรัชทายาทนับวันยิ่งรู้สึกรำคาญใจ ทั้งหมดเป็นเพราะซูเซียงหญิงชั่วนั่นคนเดียว
ฮ่องเต้ไม่เพียงแต่รู้สึกว่าซูเซียงแย่งความดีความชอบของเขายังแย่งชื่อเสียงของเขาอีกด้วย เขาอยากกำจัดนางให้ตายเสีย ทว่ารัชทายาทนั้นมิใช่ คิดว่าขอเพียงซูเซียงยอมว่าง่ายเป็นแค่เช่อเฟยคนหนึ่งดีๆ อยู่ในวังหลังอย่างสงบเสงี่ยมไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง เขาก็ยินดีเห็นแก่น้องชายและเสด็จย่าช่วยละเว้นชีวิตนาง
แต่ใครจะรู้ สตรีคนนี้ไม่เชื่อฟัง ไม่ว่าง่าย พวกเขาจะทำอะไรได้?!
สองพ่อลูกจึงปรึกษากันว่าจะใช้สมุนไพรที่นำเข้าวังมาสร้างความลำบากให้ซูเซียง ทว่าทุกครั้งที่ส่งสมุนไพรเข้าวังล้วนเป็นเฉิงยวนคัดเลือกด้วยตนเอง นางทราบว่าในวังซับซ้อน ระหว่างทางเปลี่ยนหลายสถานที่ จากนั้นยังมีกงกงมารับไปอีกทอดหนึ่ง นางไร้หนทางตามสมุนไพรเข้าไปในวังด้วย
แม้นางไม่เคยอยู่ในวัง แต่ในบ้านตระกูลแพทย์ที่เคยอยู่มาก่อนนั้น ในเคหาสน์ก็มีพวกอนุภรรยาเช่นกัน แม้สงบสุขกว่าตระกูลใหญ่หลายๆตระกูลมาก แต่เรื่องขัดเคืองใจพวกนั้นก็ไม่น้อย มากน้อยนางเองก็พบเห็นมาบ้าง ย่อมรู้ซึ้งหลักการหนึ่ง นั่นก็คือ “ไม่ควรคิดร้ายใคร แต่พึงระวังคนคิดร้ายเรา” พูดอีกอย่างนี่เป็นสิ่งของที่นำเข้าวัง หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาไม่เพียงนางจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ แม้กระทั่งจวิ้นจู่จวิ้นหม่าเองก็อาจติดร่างแหไปด้วย
ฉะนั้นก่อนสมุนไพรเข้าวังอย่างเป็นทางการนางยังขอตรวจสอบอีกรอบ กงกงคนนั้นประหม่ายิ่งนัก ขัดขวางอยู่หลายครั้ง เฉิงยวนเองมิได้เอะใจ แค่นึกว่าคงกลัวเสียเวลา ยังยิ้มให้กงกงท่านนั้นแล้วยัดแท่งเงินให้แท่งหนึ่ง “กงกงผ่อนปรนหน่อยเถิด สตรีผู้น้อยแค่ตรวจดูรอบเดียว เร็วยิ่ง ไม่รบกวนงานท่าน”
กงกงคนนั้นจะพูดอะไรได้อีก ผู้อื่นตื๊อขอจะตรวจท่าเดียว เงินนั่นเขาย่อมไม่กล้ารับ อย่างไรเขาก็เป็นคนของจักพรรดิ ถ้ารับเงินกลับไปชีวิตคงหาไม่เป็นแน่
ตอนที่ 884 โจรตะโกนให้จับโจร
เขาจึงส่งเงินคืนไป พึมพำอยู่ในใจ เขาแค่ผสมของบางอย่างลงไปในสมุนไพร รสชาติใกล้เคียงกับสมุนไพรเหล่านี้มาก พวกเขาระมัดระวังมาก สตรีน้อยมาจากบ้านนอกคนหนึ่งจะรู้เรื่องอะไร?
แต่ไหนเลยจะคิดถึง เฉิงยวนแค่เปิดถุงออกดู ยื่นจมูกดมดูเล็กน้อยสีหน้าก็แปรเปลี่ยนฉับพลัน ชี้นิ้วพูดกับคนขนของทันที “นี่มันเรื่องอะไรกัน? ของที่พวกท่านผสมลงในนี้มีพิษ นี่เป็นสมุนไพรที่ต้องถวายให้ฝ่าบาทพระพันปี กินแล้วเกิดปัญหาพวกท่านจะรับผิดชอบไหวหรือ? พูดมา! เป็นไส้ศึกที่แคว้นศัตรูส่งมาใช่หรือไม่?!”
ที่จริงเมื่อครู่ตอนได้กลิ่นสมุนไพรแปลกไปเฉิงยวนก็พอเดาได้แล้วว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ต้องเป็นทางจักรพรรดิกับรัชทายาทเล่นพิเรนทร์แน่
ทว่านางเปลี่ยนใจ ถ้าจะพูดคงพูดแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเกิดพูดออกไปโต้งๆว่าเป็นอุบายของจักรพรรดิกับรัชทายาท อย่าว่าแต่เรื่องจะไม่จบ ชีวิตน้อยๆของนางก็คงรักษาไว้ไม่ได้ ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนทิศทาง บอกว่ามีไส้ศึกอยู่ในกลุ่มกงกงกับคนส่งของ คิดวางแผนจะใช้สมุนไพรลอบปลงพระชนม์จักพรรดิกับพระพันปี
วาจานี้เอ่ยออกมา บรรยากาศก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
เดิมทีกงกงคนนั้นกับผู้คุ้มกันสิ่งของสองสามคนยังเคยคิดว่า ถ้าถูกจับได้ก็จะกัดไม่ปล่อย บีบให้หญิงชาวบ้านคนนี้พูดทำนองว่าเป็นคำสั่งของจักรพรรดิ พอถึงเวลาก็จะต้องโทษให้ร้ายเบื้องสูง เพียงพอให้ประหารนางทั้งตระกูลแล้ว ถึงตอนนั้นทางซูเซียงก็ต้องถูกลากไปเกี่ยวด้วย ภารกิจของพวกเขาก็จะนับว่าสำเร็จ
แต่ทว่า ฮึ่ย! ใครจะคิดว่าสตรีบ้านนอกคนหนึ่งจะรู้เรื่องรู้ราวมากขนาดนี้ ดูจากคำพูดของผู้อื่นแล้วน้ำไม่รั่วสักหยด[1] อะไรคือไส้ศึกแคว้นศัตรู อะไรคือลอบปลงพระชนม์? พวกเขาคนกันเองจะสังหารฮ่องเต้หรือ? น่าขำนัก!
แต่น่าขันก็ส่วนน่าขัน พวกเขาจะพูดได้อย่างไรเล่า!
ทำได้เพียงขอโทษขอโพยไม่หยุด บอกว่าอาจมีคนวางแผนชั่วอะไรบางอย่างมาก่อกวน ต่อไปนี้พวกเขาจะตรวจตราให้เข้มงวด และยังบอกว่าสมุนไพรเหล่านี้ถือเป็นหลักฐานต้องการส่งเข้าวังให้ฝ่าบาทตรวจดู
ในใจเฉิงยวนพุ่งปรี๊ดขึ้นอีกครั้ง ตรวจดู? สมุนไพรมากมายขนาดนี้ตรวจดูกับผีสิ! ส่งเข้าวังเป็นหลักฐานแน่ล่ะ! ถึงเวลาจักรพรรดิก็จะบอกว่าไม่เคยเกิดเรื่องตรวจสอบยาตรงประตูวัง สมุนไพรที่คนของซูเซียงส่งมามีพิษ คิดทำร้ายสังหารจักรพรรดิกับพระพันปี ถึงตอนนั้นใครจะพูดได้เต็มปาก อย่างไรที่นี่ก็เป็นเขตอิทธิพลของผู้อื่น
เฉิงยวนจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “นี่ไม่ได้ เจ้านายของเรามีคำสั่งว่าหากสมุนไพรเกิดปัญหาต้องทำลายทิ้งทันที!” แท้จริงแล้วไม่มีคำสั่งนี้ แต่เวลานี้นางเองก็ทำได้เพียงถือขนไก่เป็นลูกเกาทัณฑ์ อย่างไรเสียซูเซียงเองก็เคยพูดไว้แล้ว ขุนพลอยู่นอกด่านไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งกษัตริย์ ให้นางตัดสินใจได้เอง
“แต่เฉิงฮูหยิน ไม่มีสมุนไพรเหล่านี้พวกข้าจะเอาหลักฐานที่ไหนไปหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังเล่า?” กงกงคนหนึ่งรีบพูดขึ้น สมุนไพรนี้จะทำลายไม่ได้ ต้องขนเข้าวังทั้งหมด ไม่อย่างนั้นล่ะก็ภารกิจของพวกเขาก็ล้มเหลวน่ะสิ
เวลานี้ มีเหล่าคุณหนูฮูหยินหลายคนเตรียมเข้าประตูข้างไปเยี่ยมเยือนชนชั้นสูงในบ้าน ได้ยินความเคลื่อนไหวทางนี้ศีรษะก็ยื่นเข้ามา ตอนนี้พวกเขาก็ยิ่งเป็นฝ่ายถูกต้อนแล้ว!
ถ้ารู้แต่แรกพวกเขาน่าจะรอให้เข้าวังก่อนแล้วค่อยลงมือ แต่จักรพรรดิทรงตรัสไว้ว่าหลังเข้ามาในวังอย่างเป็นทางการแล้วสายตาของพระพันปีมีค่อนข้างมาก ถึงเวลาลงมือแล้วจะยุ่งยาก ดังนั้นจึงให้ลงมือตรงประตูวัง ไหนจะรู้ว่าสตรีคนนี้ช่างจมูกสุนัขจริงแท้!
เฉิงยวนตีหน้าซื่อ “ของที่ผสมอยู่ในสมุนไพรพวกนี้ข้าสามารถแยกออกมาได้ รบกวนพวกท่านวิ่งเข้าไปในวังสักเที่ยว เชิญหมอหลวงมีชื่อคุณธรรมสูงส่งมาสองท่าน เราร่วมตรวจสอบด้วยกันเพื่อเป็นการพิสูจน์ หลังตรวจสอบกระจ่างแล้วจำเป็นต้องทำลายทิ้งตรงที่เกิดเหตุ”
เฉิงยวนเห็นสายตาลำบากใจของพวกเขาก็เยาะเย้ยอยู่ในใจ เห็นมีสาวน้อยกุลสตรีชะเง้อมองมาทางนี้ ก็จงใจใช้เสียงพูดให้ดังขึ้นมาก
ขันทีเห็นว่าต้องไปเชิญหมอหลวงในวังก็พลันลนลาน กอรปกับเห็นเกี้ยวหลายคันทางนั้น แม้เป็นครอบครัวของเฉินเฟย[2] เป็นคนของจักรพรรดิ แต่ยากจะรับรองว่าจะไม่เกิดปัญหา
ที่ต้องรู้ไว้คือเรื่องนี้จักรพรรดิบอกให้ปกปิดเป็นความลับ ห้ามให้พระพันปีทรงทราบก่อนยืนยันตัดสินโทษ มิเช่นนั้นล่ะก็ ศีรษะของพวกเขาที่จัดการเรื่องเหล่านี้ก็คงไม่ต้องเอามันไว้แล้ว!
แต่ถ้าสะเทือนไปถึงหมอหลวงผู้มีชื่อคุณธรรมสูงส่ง อย่าว่าแต่หมอหลวงชราเหล่านั้น แม้กระทั่งไปเชิญหมอชั้นผู้น้อยสองคนก็ยังกระทบถึงสายพระเนตรของพระพันปี
ขันทีคนนั้นกล่าวทันที “ไม่ต้องแล้ว พวกข้าเชื่อใจท่าน ท่านตรวจสอบเถิด ตรวจแล้วออกใบรายการให้พวกข้าก็เป็นอันได้” ในใจขันทีคิดคำนวณ แม้ไม่มีสมุนไพรแล้ว ส่งใบรายการเข้าไปก็เหมือนกัน สุดท้ายแล้วก็เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าซูเซียงส่งสมุนไพรมีพิษเข้าวังหลวงมิใช่หรือ? ถึงเวลา แม้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยการทำงานของพวกเขา อย่างน้อยที่สุดก็ยังสามารถรักษาศีรษะนี้เอาไว้ได้
——
[1] น้ำไม่รั่วสักหยด อุปมาหมายถึงไม่รั่วไหล ไม่มีช่องโหว่
[2] เฉินเฟย (宸妃) แปลว่า พระชายาผู้เป็นขององค์จักรพรรดิ แต่งตั้งขึ้นเป็นพิเศษในสมัยถังเกาจง พระราชทานให้แก่พระชายาคนโปรด เหนือกว่าขั้นเฟยทั้งสี่คือ กุ้ยเฟย ซู่เฟย เต๋อเฟยและเสียนเฟย
ตอนที่ 885 หญิงชนบทไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น
ก่อนหน้านี้เฉิงยวนแค่สงสัย แต่ตอนนี้ได้เห็นท่าทางของคนเหล่านี้ มีหรือจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
มุมปากยกขึ้นเยียบเย็น ในใจหัวเราะเยาะสองเสียง ทว่าสีหน้าท่าทางกลับเป็นธรรมชาติ “สิ่งของในยาสมุนไพรนี้สตรีผู้น้อยย่อมต้องเขียน และต้องเขียนสองฉบับ ด้านล่างมีลายมือชื่อของผู้น้อยเป็นหลักฐานรับรอง ฉบับหนึ่งส่งเข้าวัง ฉบับหนึ่งแปะไว้ตรงกำแพงประตูตรงนี้ ให้ทุกคนเห็นโดยทั่วกัน สมุนไพรนี้เกิดปัญหา สตรีผู้น้อยต้องการตรวจสอบออกมาด้วยตนเอง มิได้ส่งเข้าวังหลวง ขอให้ทุกท่านเป็นพยานให้กับสตรีผู้น้อยและผู้เป็นนายในบ้าน อย่าให้ถึงเวลาแล้วถูกคนป้ายสี…”
ขันทีได้ยินถึงว่าเดี๋ยวจะส่งเข้าวัง ในใจยังตื่นเต้นยินดี สุดท้ายก็เป็นแค่สตรีโง่เง่ามาจากบ้านนอกจะจัดการเรื่องอันใดได้? ผลกลับได้ยินเฉิงยวนบอกต่อว่าต้องติดประกาศตรงประตูกำแพงด้วย ให้ตายเถอะ ตอนนี้เขารู้สึกหน้าผากโป่งนูนขึ้นมาแล้ว!
นี่จะเป็นหลักฐานพิสูจน์ได้หรือไม่ได้ไม่สำคัญ สำคัญคือการแปะกระดาษแผ่นใหญ่อล่างฉ่างตรงหน้าประตูแบบนี้ สายตาของพระพันปีย่อมรู้เข้าน่ะสิ!
ดังนั้นขันทีจึงรีบกล่าวขึ้นอีกหน “ขออภัย ขออภัย เฉิงฮูหยิน แท้จริงเป็นเราขันทีจัดการไม่ดีจนเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันเช่นนี้! ท่านวางใจ ต่อไปเราจะตรวจสอบให้ชัดเจนอย่างแน่นอน สมุนไพรนี้ สมุนไพรนี้ท่านกทำลายเสียที่นี่เถิด ”
แท้จริงแล้วในหัวใจเฉิงยวนกำลังหลั่งเลือด สมุนไพรมากมายขนาดนี้ อีกทั้งของที่ส่งเข้าวังย่อมเป็นของที่ดีที่สุด น่าเสียดายเหลือเกิน เฮ้อ บาปกรรมจริงๆ เลย…
แต่จะทำอะไรได้ ในสมุนไพรพวกนี้ถูกของอื่นปนเปื้อนแล้ว ต่อให้ล้างแล้วล้างอีกก็ไม่สามารถใช้เป็นยาได้อีกแล้ว
ดังนั้นจึงแข็งใจ หยิบแท่งจุดไฟ เผาสมุนไพรทั้งหมดจนเกลี้ยงตรงนั้น รวมถึงโสมโลหิตอายุเกือบห้าร้อยปีอีกสองรากด้านในก็กลายเป็นขี้เถ้าไปเช่นเดียวกัน
บัดนี้ไม่เพียงแต่เฉิงยวน แม้กระทั่งขันทีสองสามคนนั้นก็ยังปวดใจหัวคิ้วกระตุก ของดีๆ ทั้งนั้น อย่าว่าแต่โสมโลหิตห้าร้อยปีเลย โสมธรรมดาอายุสิบกว่าปี ตัดแค่รากฝอยมายังขายได้หลายตำลึงเงินเชียวล่ะ…
ทว่าเฉิงยวนเป็นคนใจถึงคนหนึ่ง แม้คับแค้นก็ส่วนคับแค้น ปวดใจก็ปวดใจ แต่ยังจุดไฟเผาจนเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งเถ้าถ่านตอนสุดท้ายก็ถูกนางบดขยี้เป็นผุยผง สำหรับส่วนที่ไม่ติดไฟเหล่านั้น นางยังดึงดาบใหญ่ของผู้อื่นออกมาสับฉับๆ จนทั้งหมดเละเป็นโคลน!
เห็นนางถือดาบใหญ่ด้วยท่าทางฮึกเหิมห้าวหาญ เหล่าขันทีแต่ละคนก็อกสั่นขวัญหาย แม่เจ้า สมแล้วที่เป็นหญิงชาวป่ามาจากบ้านนอก ดูกิริยาป่าเถื่อนของนางนั่นสิ มันช่าง จิ๊ๆ …
เฉิงยวนเองก็ถูกยั่วโทสะเข้าแล้ว อันที่จริงยามปกตินางเป็นคนอบอุ่นน่ารักคนหนึ่ง แต่เพราะติดตามซูเซียงนานวันเข้า มากน้อยก็ได้เรียนรู้การระบายอารมณ์ ในเมื่อเจ้าไม่เมตตา ก็อย่ามาหาว่าข้าไม่ปรานี อีกอย่างสิ่งของเหล่านี้อย่างไรก็ไม่ได้ใช้งานแล้ว มิสู้กำจัดให้สิ้นซาก จะได้ไม่เกิดปัญหาอีก!
คิดอยากจับจุดอ่อน ก็ดูด้วยว่าตัวเองมีปัญญาหรือไม่ หึ!
สำหรับเรื่องนี้ฮ่องเต้เองก็ทำอะไรไม่ได้อย่างแท้จริง ทำได้เพียงจับแพะรับบาปอยู่หลายครั้ง บอกว่าเป็นไส้ศึกที่แคว้นศัตรูส่งมาให้ใส่ของปลอมปนลงในนั้น เรื่องนี้จึงนับว่าฝืนจบลงได้
แต่เฉิงยวนก็มิใช่คนโง่ เบื้องหน้าแม้ไม่พูดอะไร เบื้องหลังกลับเขียนจดหมายลับไปให้พวกซูเซียงแล้ว
จดหมายนี้ใช้เลขอารบิกเขียน ซึ่งถอดตามหลักหนังสือที่ซูเซียงกำหนดไว้โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น 1224 ก็คือหน้าที่หนึ่ง บรรทัดที่สอง คำที่ยี่สิบสี่ของหนังสือเล่มนั้น ต่อให้คนที่ทะลุมิติมาเหมือนกันจะรู้ความหมายของตัวเลข แต่ใครจะรู้ว่าถอดความตามหนังสืออะไร?
เพราะจักรพรรดิยับยั้งอย่างเข้มงวด ทั้งยังลอบฆ่าปิดปาก ดังนั้นเรื่องนี้ทางพระพันปีจึงได้รับเพียงข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ ถึงที่สุดแล้วก็จับไม่ได้ และมิได้เกิดเรื่อง นางเองก็พูดอะไรมากไม่ได้
การกระทำครั้งนี้รัชทายาทก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน แม้รัชทายาทไม่เคยคิดจัดการซูเซียงถึงตาย แต่คิดว่าคราวนี้ตำแหน่งเช่อเฟยเองก็คงให้ไม่ได้แล้ว ถึงเวลาสุดวิสัยทางด้านเสด็จพ่อนั้นเขาค่อยขอร้องอีกครั้ง ไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็ใช้แมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชาย[1] จับตัวซูเซียงแล้วส่งไปสถานที่ห่างไกลก็ได้แล้ว
แต่ไหนเลยจะคิดถึงว่าเฉิงยวนคนนี้ฉลาดมีไหวพริบ แป๊บเดียวก็อ่านเกมพวกเขาออก ไม่แน่ว่าทางพวกซูเซียงเองก็คงนึกเอะใจเอาไว้แล้ว!
เรื่องในวังพวกเขาจัดการแล้ว แต่ถ้าซูเซียงเกิดสงสัยแล้วกราบทูลพระพันปี…
——
[1] แมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชาย (狸猫换太子) มาจากนิทานพื้นบ้านเรื่องแมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชายและถูกนำมาสร้างในละครเปาปุ้นจิ้น เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยจักรพรรดิซ่งเจินจงแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ สนมหลิวและสนมหลี่ตั้งครรภ์ไล่เลี่ยกัน สนมหลิวจึงวางแผนทำร้ายสนมหลี่เพื่อให้โอรสของตนเป็นใหญ่ สั่งการให้ขันทีคนสนิทแอบนำแมวดาวถลกหนังไปสับเปลี่ยนตัวกับโอรสของสนมหลี่ ใส่ร้ายว่าสนมหลี่ให้กำเนิดสัตว์ประหลาดจนสนมหลี่ต้องถูกขังในตำหนักเย็น แต่โอรสของสนมหลี่ได้นางกำนัลและขันทีใจบุญช่วยไว้แอบส่งไปยังจวนท่านอ๋องแปด ต่อมาเรื่องราวผ่านไปกว่าสิบปีเปาปุ้นจิ้นได้พบสนมหลี่ที่หลบหนีออกมาจึงเริ่มสืบสวนคืนความยุติธรรมให้สนมหลี่ สำนวนแมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชายจึงใช้หมายถึงการสับเปลี่ยนแทนที่อะไรบางอย่าง การสลับตัว
ตอนที่ 886 คนหนุนหลังข้าคือฮ่องเต้
หลายวันนี้ รัชทายาทกำลังว้าวุ่นใจอยู่ในตำหนักบูรพาของตนเอง ด้วยกลัวว่าวันใดวันหนึ่งจะถูกเสด็จย่าเรียกเข้าตำหนักไปตำหนิเขารอบใหญ่
แต่หลังซูเซียงได้รับจดหมายแล้วก็ไม่ได้โมโห เพียงแค่กำชับอย่างเรียบเฉย “ต่อไปไม่จำเป็นต้องส่งสมุนไพรเข้าวังหลวงแล้ว ถ้าพระพันปีขอมาค่อยให้คนของเราส่งเข้าไปให้โดยตรงก็พอ”
และไม่รู้ว่าเป็นใครปล่อยข่าวลือ ภายในเวลาเพียงสองสามเดือน ทั่วแว่นแคว้นล้วนทราบกันว่าซูเซียงไม่ยินดีติดต่อสัมพันธ์กับราชวงศ์ ยินดีถวายสมุนไพรให้แค่พระพันปี
ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีกครั้ง บอกว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในอะไรเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ยังดีๆ กันอยู่ ไฉนเกิดเหตุขัดใจกันอีกแล้ว?
ชาวบ้านวิจารณ์กันอยู่ลับหลัง
“ที่เคยได้ยินมาก่อนหน้าบางทีอาจไม่ใช่ข่าวลือก็ได้ ดูเถิดจวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงเป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง ถ้ามิใช่คนในวังทำเกินขอบเขต แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร?”
“ใช่แล้ว ซื่อจื่อท่านนี้ก็ตามหากลับมาได้แล้ว จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงเองก็ลดไฟโทสะลงแล้ว เจ้าดู ผู้อื่นไม่ติดใจหาความแล้ว ทั้งยังเทียวส่งยาสมุนไพรให้กองทัพโดยไม่คิดเงิน จัดหาแพทย์หมอ ยังต้องการอะไรอีก?”
“คนเราหนอ ต้องรู้จักพอบ้าง…”
คำที่แพร่เข้าถึงวังหลวงยังเป็นคำที่ดีหน่อย ส่วนคำที่ฟังไม่รื่นหูเหล่านั้น ย่อมไม่มีใครกล้าเล่าถึงพระกรรณจักรพรรดิ มิเช่นนั้นจักรพรรดิทรงพิโรธเดือดดาลขึ้นมาคนเล่าข่าวนี่แหละที่จะปกป้องศีรษะไว้ไม่ได้ ใครมันจะยอมเอาหัวไปเสี่ยง!
ดังนั้นฮ่องเต้จึงมิได้ตระหนักถึงความร้ายแรงแท้จริงของปัญหานี้ มิได้ตระหนักว่าตนได้สูญเสียศรัทธาจากราษฎรไปแล้ว
เอาแต่โมโหคิดว่าซูเซียงคนชั่วผู้นี้ก็แค่โชคดี ครั้งนี้ไม่ได้ เขาก็ต้องจัดการครั้งต่อไป เขาไม่เชื่อว่าพระพุทธโพธิสัตว์จะคอยคุ้มครองนางได้ตลอดเวลา
ครานี้ฮ่องเต้ถึงกับปิดบังรัชทายาท ใช้ยาลูกกลอนตันเซินที่ส่งออกไปช่วยชีวิตราชวงศ์แคว้นหลินมาเป็นอุบาย
ใครจะรู้ เดิมทีเรื่องจัดการไว้เรียบร้อยดีแล้ว ผลคือเฉิงยวนกับหวังต้าหมาจื่อคนนั้นไม่รู้เป็นวิญญาณตามติดมาอย่างไร พวกเขามาถึงเมืองหน้าด่านสุดท้ายแล้วจึงค่อยลงมือ ผลกลับถูกสองคนนี้จับได้
พอกันที เฉิงยวนหมดความอดทนแล้ว! จวิ้นจู่บ้านนางยุ่งทั้งวันทั้งคืนก็เพื่อให้ช่วยเหลือคนได้มากขึ้น แต่จักรพรรดิน้ำเข้าหัวสมองไปแล้วหรือไร ยาดีแท้ๆ ประเดี๋ยวก็จะได้ใช้ช่วยชีวิตคนแล้ว กลับถูกเขามาทำลาย!
สมควรรู้ไว้ว่าผู้มีความจำเป็นต้องใช้ยาครั้งนี้เป็นฮองเฮาของแคว้นหลิน ก่อนอื่นไม่ต้องพูดถึงผู้อื่นมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับท่าน แม้นไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด การช่วยเหลือชีวิตคนคนหนึ่ง ได้บุญยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นมิใช่หรือ?
ผู้อื่นใช้ยาเม็ดของแคว้นท่านรักษาประคองชีวิต ราชวงศ์ผู้อื่นย่อมยอมถอยเท้าก้าวใหญ่ให้ท่านในหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเศรษฐกิจการค้าหรือการนำเข้าส่งออก คงได้ผลประโยชน์กลับมาเล็กน้อย
ท่านไม่อยากผูกมิตรก็แล้วไป ท่านยังจงจงใจก่อกวนผูกศัตรู นี่มิใช่น้ำเข้าสมอง ประตูหนีบหัวแล้วจะเป็นอะไรไปได้!
ตอนนี้เฉิงยวนไม่ทนแล้ว ร้องโวยขึ้นมาทันที “พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่? สมุนไพรที่ส่งเข้าวังคราก่อนพวกเจ้าก็เข้ามาแส่ สตรีผู้น้อยเห็นแก่เป็นสายเลือดของจวิ้นหม่าก็เลยไม่พูดอะไร พวกเจ้าทำเกินไปไหม?! ฮองเฮาแคว้นหลินนางมีแค้นพยาบาทอะไรกับพวกเจ้าหรือ? เจ้าถึงต้องการให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย!”
“พูดมาสิ! วันนี้ไม่พูดให้รู้เรื่อง อย่าคิดว่าแม่จะปล่อยให้ผ่านด่านนี้ไปได้!”
“เจ้าเป็นผู้หญิง ข้าเตือนเจ้าให้หุบปากเสียดีกว่า! นายผู้หนุนหลังข้าคือท่านบนฟ้าผู้นั้น เจ้าหาเรื่องด้วยได้รึ!” หัวหน้าคนจัดการงานผู้นั้นไม่พกสมองมาด้วยอย่างแท้จริง เขากำหมัดคารวะไปทางทิศตะวันออก บนหน้าแสนภาคภูมิใจ รูจมูกแทบจะชี้ขึ้นฟ้าแล้ว
ข่มขู่! ข่มขู่กันชัดๆ !
เจตนาของผู้อื่นก็คือบอกว่าเจ้านายที่หนุนหลังตนเป็นองค์จักรพรรดิ ต่อให้ไม่เป็นธรรมแล้วเจ้าจะทำอะไรได้?!
แม้กล่าวเช่นนี้ไม่ผิด แต่ท่านเล่นใหญ่พูดออกมาโจ่งแจ้งมันก็ไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะ!
“ฮ่องเต้แล้วอย่างไร ฮ่องเต้เองก็ต้องมีคุณธรรม! ฮ่องเต้เองก็ไม่อาจเห็นชีวิตคนเป็นต้นหญ้า! พูดอีกอย่าง นี่ก็มิใช่คนของแคว้นท่านนี่ มือของพวกท่านมันยื่นออกมายาวไปหน่อยไหม!” ในใจเฉิงยวนมากน้อยก็ยังมีสติอยู่ส่วนหนึ่ง คิดอยากพูดกับคนด้วยเหตุผล อย่างไรคนที่อยู่เบื้องหลังก็เป็นจักรพรรดิ นางไม่อาจทำเกินไปได้
ใครจะรู้ ผู้อื่นไม่ยินดีเปลืองน้ำลายด้วย!
“ใครก็ได้ รุมสาดดาบให้ข้าที พล่ามจ๊อกแจ๊กน่ารำคาญ ผู้หญิงแม่งเหมือนกับเป็ด…” หัวหน้าคนนั้นเห็นเฉิงยวนยังพูดไม่รู้จักถอยก็สั่งการคนด้านข้างทันที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น