สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด 79-80

 บทที่ 79 ไม่มีใครน่าสงสารไปกว่ากันเลย

โดย

Ink Stone_Fantasy

เด็กสาวเดินวนไปวนมาในห้องแคบๆ นี้สักพักแล้ว


ห้องเล็กมากจนเด็กสาวเดินได้เพียงสามก้าว ก็ต้องหมุนตัวเดินกลับไปอีกด้านหนึ่งของ ‘ห้อง’ นี้


เป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา


“เธอ เธอเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วคะ?”


นอกหน้าต่างกระจกบานเล็กๆ ของห้องนั้น กลอเรียปิดปากตนเองเบือนหน้าหนี ไม่อาจทนดูภาพตรงหน้าได้อีก


“หลายสัปดาห์แล้วล่ะ ดูเหมือนว่าอาการของเอลลีจะหนักขึ้นเรื่อยๆ หมอก็เลยต้องยื่นขอห้องแบบนี้ให้เธอ”


กลอเรียหน้าซีดลงเล็กน้อย เพราะเธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน เพราะแผลแทงที่ท้องทำให้เธอต้องนอนโรงพยาบาลไปนานมาก


“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้…” กลอเรียซบบนบ่าของเลห์แมน ร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาๆ ด้วยความเศร้าเสียใจ


เลห์แมนถอนหายใจ ลูบแขนของตนที่ยังหลงเหลือความเจ็บปวดเล็กน้อยจากแผลถูกฟัน ก่อนหน้านี้เขาถูกฟันเข้าที่แขนข้างนี้เป็นแผลลึก หมอบอกว่าโดนเส้นเอ็นและกระดูก ถึงแม้ว่าจะเย็บต่อกันได้ แต่คงกลับมาใช้การไม่ได้คล่องแคล่วเหมือนเดิม “ฉันบอกแล้ว เธอไม่น่ามาเลย”


กลอเรียได้แต่สะอึกสะอื้นเบาๆ


หมอเคยเห็นอาการแบบนี้มาหลายรูปแบบ จึงไม่สะทกสะท้านกับภาพตรงหน้า “ผู้ป่วยน่าจะอยู่ในสภาวะกดดันมานาน หมอเคยไปตรวจสอบมาแล้ว เหมือนว่าสภาพครอบครัวของเธอจะไม่ค่อยดีนัก อีกอย่างจากการพูดคุยในช่วงนี้ หมอพบว่าคุณเอลลีรู้สึกอิจฉารุนแรงมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ยอมรับได้ในระดับหนึ่ง เธอจัดอยู่ในประเภทขัดแย้งในตัวเองระหว่างยินยอมและต่อต้าน”


หมอส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พวกคุณน่าจะเข้าใจนะ เมื่อสภาพจิตใจที่ตึงเครียดมานานเกินขีดจำกัดจะเป็นยังไง”


“ทั้งหมดเพราะฉันไม่ดีเอง…ฉันไม่เคยนึกเอะใจเลย” กลอเรียโทษตนเอง เธอมองเอลลีที่อยู่ในห้องผู้ป่วยอย่างเลื่อนลอย “มีครั้งหนึ่งเธอถามฉันว่า ถ้าวันหนึ่งเธอทำร้ายฉัน ฉันจะทำยังไง…ตอนนั้น ถ้าฉันนึกเอะใจละก็…”


หมอกลับถอนหายใจแล้วพูดว่า “คนเรามีความลับในใจกันทั้งนั้น คุณกลอเรีย ถ้าเรื่องนี้กลายเป็นความรู้สึกผิดของคุณละก็ เกรงว่าจะไม่ดีกับตัวคุณเองนัก ปัญหาของคุณเอลลีก็ไม่ได้เพิ่งเกิดวันสองวันนะครับ”


“คุณหมอครับ เอลลี…เอลลี เธอยังกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมครับ?” ไรอันมองหน้าหมอพร้อมเอ่ยถามด้วยความหนักใจ


“หมอตอบคุณไม่ได้หรอก” หมอส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ถึงแม้ยาและการทำจิตบำบัดจะช่วยควบคุมอาการของผู้ป่วยได้ แต่จะกลับมาดีขึ้นได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเธอเอง”


หมอยกนิ้วขึ้นมาชี้ไปที่หัวใจอย่างเฉยเมย “ในความเห็นของหมอ ผู้ป่วยก็ไม่ได้มีปัญหาด้านระบบประสาท แค่เธอยังไม่ยอมปล่อยวางเรื่องในนี้”


พวกเขาทั้งสามมองคนที่อยู่ในห้องนั้นอย่างเหม่อลอย


กลอเรียจ้องเธอ “ตอนที่ฉันเจอเอลลีครั้งแรก เป็นวันแรกที่ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ข้างๆ บ้านเธอ ฉันยังจำได้ว่า วันนั้นเธอสวมชุดเดรสนั่งอ่านหนังสืออยู่นอกบ้านคนเดียว ตอนนี้พอนึกย้อนไป เธอเป็นคนเงียบมาก และตลอดหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย”


เลห์แมนบีบบ่ากลอเรียจากด้านหลังเพื่อปลอบใจ


กลอเรียยิ้มด้วยสีหน้าซับซ้อน “ตอนแรก เธอก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉัน ทุกครั้งตอนฉันตะโกนเรียกเธอข้ามรั้วไม้มา เธอมักจะวิ่งกลับเข้าบ้านตลอด แต่มีอยู่วันหนึ่ง…”


กลอเรียพยายามหวนนึกถึงเรื่องในวันวาน “มีอยู่วันหนึ่ง จู่ๆ เธอก็เดินมาตรงรั้วไม้ และเป็นฝ่ายเรียกฉันก่อนเป็นครั้งแรก เธอถามฉันว่าอยากเป็นเพื่อนกับเธอจริงๆ หรือเปล่า ถ้าอยากจริงละก็ เธอจะแบ่งคุกกี้ให้ฉันครึ่งหนึ่ง แต่สุดท้าย ฉันก็ห้ามปากของตัวเองไม่ได้”


เลห์แมนรู้ว่านี่ไม่ใช่คำพูดที่กลอเรียกล่าวโทษตนเอง แต่เป็นความทรงจำอันมีค่าที่เธอหวนระลึกถึงในวัยเด็กเท่านั้น


“วันถัดมา ฉันก็หยิบลูกอมจากบ้านมาแบ่งเธอครึ่งหนึ่ง ตอนนั้นพวกเราเป็นแค่เด็กน้อยไร้เดียงสา มีอะไรก็หวังว่าจะได้แบ่งปันกับอีกฝ่าย” กลอเรียพูดเบาๆ “พวกเราเป็นแบบนี้มาสิบกว่าปีแล้ว แต่พอพวกเราโตขึ้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้วสินะ”


กลอเรียมองเอลลีที่อยู่ในห้อง แล้วก็ถามแผ่วเบาว่า “เลห์แมน นายว่า เอลลีกำลังคิดอะไรอยู่?”


ไรอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตอบอย่างไม่แน่ใจ “บางที…อาจจะเป็นโลกในอุดมคติล่ะมั้ง?”


“จะมีพวกเราอยู่ด้วยหรือเปล่า?”


“น่าจะ…”


ฉับพลันเอลลีที่อยู่ภายในห้องก็หยุดนิ่ง แล้วเงยหน้ามองผ่านหน้าต่างลูกกรงเล็กๆ ออกไป ไม่รู้ว่ากำลังมองอะไร




คุณนายแม็กกี้กำลังวิงวอนแทบขาดใจ เธอขยับตัวไม่ไหวแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ถูกสะบัดกระเด็นไปบนพื้นอย่างแรง


เธอได้แต่มองดูภาพน่าหวาดกลัวตรงหน้า และเอื้อมมือออกไปทางลูกสาวของตน พร้อมทั้งส่ายหน้าอย่างเจ็บปวดราวกับจะขาดใจ


เธอไม่รู้ว่าลูกสาวของตนตกใจจนตะลึงค้างไปแล้วหรือเปล่า ร่างกายของเจ้าตัวประหลาดนี่ ท่าทางจะขวางลูกสาวของเธอเอาไว้แล้ว


ตอนที่มือของปีศาจสาวแตะไปบนใบหน้าของลีน่า ลีน่าก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที แต่อีกฝ่ายก็จับบ่าเธอไว้แน่นไม่ให้ขยับตัว


ลีน่าเงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่ถลนออกจากเบ้า รวมถึงปากที่ฉีกออกจากกัน แต่กลับจำไม่ได้ว่านี่คือพี่สาวที่เล่าตอนจบของนิทานให้เธอฟัง


จากนั้นเด็กหญิงก็เอ่ยถามทั้งที่ยังตื่นกลัวว่า “คุณปีศาจเหรอคะ? แต่ทำไมถึงเป็นผู้หญิงล่ะ?”


เธอที่กลายร่างเป็นปีศาจก้มหน้าลงทันที ดวงตาเบิกกว้างกว่าเก่าเล็กน้อย ค่อยๆ เข้ามาเกือบจะถึงหน้าผากของลีน่าแล้ว


“คุณจะกินลีน่าเหรอคะ?” เด็กหญิงตกใจ เธอกอดหมอนของตนไว้แน่น คล้ายจะร้องไห้ออกมาแล้ว “พี่จะกินหัวใจของลีน่าเหรอคะ?”


แล้วเธอก็เปล่งเสียงพิลึกจากลำคอ


อา…!


“ลีน่าวิ่งเร็ว! เร็วเข้า!”


คุณนายแม็กกี้ตกใจกลัวรีบตะโกนสุดเสียงจากทางด้านหลัง


ขณะเดียวกันนั้นปีศาจสาวก็ใช้มือสองข้างประคองใบหน้าของลีน่า แล้วก็อ้าปากของตนทันที ปากที่กัดกินร่างของตำรวจสองคนมาแล้ว และมีเลือดของมาร์กซ์ติดอยู่กลายเป็นสีแดงสดไปแถบหนึ่ง


ลีน่าหลับตาปี๋พร้อมกับก้มหน้าลงทันที “ไม่กินหัวใจของลีน่าได้ไหมคะ? ลีน่าแบ่งหัวให้ใจคุณครึ่งหนึ่งก็ได้ ลีน่าไม่อยากให้กินหัวใจ ลีน่าไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจอีก แบ่งให้คุณครึ่งเดียวได้ไหม ได้ไหมคะ?”


ลีน่าที่หลับตาปี๋ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วลีน่าก็เห็นว่าคุณปีศาจ…พี่ปีศาจสาวยังไม่ได้กินเธอเข้าไป


แต่วินาทีที่ลืมตาขึ้นมา ดวงตาน่ากลัวของอีกฝ่ายกลับยังมองเธอนิ่ง ลีน่าจึงสะดุ้งตกใจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้กลัวจนหลับตาปี๋อีกแล้ว


เด็กหญิงไม่รู้ว่านี่มันตัวอะไรกันแน่


เธอแค่คิดอย่างไร้เดียงสาว่า นี่เป็นคุณปีศาจที่หลุดมาจากในนิทาน คุณปีศาจที่ควักหัวใจออกมาให้เด็กสาวในเรื่องเล่าจนกลายเป็นปีศาจที่ไร้หัวใจ


ทำไมถึงได้กลายเป็นพี่สาวไปได้ล่ะ


ลีน่าไม่เข้าใจในเรื่องพวกนี้เลย


“คุณแม่บอกว่า ถึงคุณปีศาจจะหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ก็จิตใจดีมาก คุณปีศาจจะเก็บผลไม้อร่อยเยอะๆ ไปให้เด็กสาวคนนั้นกิน คุณจำไม่ได้เหรอคะ?” หนูน้อยลีน่ากระชับหมอนในอ้อมกอดแน่นขึ้น “แต่ลีน่าแบ่งหัวใจให้คุณได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้นนะคะ…มากกว่านี้นิดหนึ่งก็ได้ แต่ว่า แต่ว่าจะเอาไปทั้งหมดไม่ได้นะ! ไม่อย่างนั้นลีน่าจะไม่มีหัวใจ แล้วก็จะเป็นเด็กหลงทาง ครึ่งหนึ่งได้หรือเปล่า?”


ได้ไหม?


ในชั่วพริบตานั้นเองเธอผลักลีน่าที่อยู่ใต้เงื้อมมือเธอออกไปให้พ้นทาง แล้วก้มหน้ามองดูมือทั้งสองข้างของตน มองดูรูปร่างตนเองในกระจกข้างๆ ให้ชัดเจน


แล้วก็นิ่งไปโดยพลัน


ลีน่ามองครุ่นคิดอยู่ด้วยความแปลกใจ แต่กลับเห็นพี่ปีศาจสาวพิลึกคนนี้ขยับตัวเดินผ่านเธอไปทันที แล้วก็เดินจากไปทีละก้าว


ในที่สุดก็เดินลงบันไดไป


“ลีน่า! ลีน่า!”


คุณนายแม็กกี้รีบคลานขึ้นมาจากพื้น ในที่สุดก็คลานมาถึงตัวของลูกสาวสักที จึงรีบดึงลูกสาวเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก


เธอลูบใบหน้าลูกสาวด้วยมือที่สั่นเทาทั้งสองข้าง แล้วประคองใบหน้าของลูกขึ้นมามองพิจารณา “ลีน่า! ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม! บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่แล้ว แม่อยู่นี่แล้ว”


“ลีน่าไม่เป็นไรค่ะ” ลีน่าแตะศีรษะของแม่เบาๆ จากนั้นก็พูดว่า “คุณแม่คะ คุณปีศาจจะกลับมาอีกไหมคะ? หนูเพิ่งเห็นคุณปีศาจร้องไห้ น่าสงสารจังเลยค่ะ”


คุณนายแม็กกี้รีบหันกลับไปมองแวบหนึ่ง


มาร์กซ์ยังคงนอนอาบเลือดอยู่ตรงมุมห้อง บางทีเขาอาจจะนอนแน่นิ่งไปตลอดกาลแล้ว


น่าสงสาร?


ใครน่าสงสารกว่ากันล่ะ? จู่ๆ คุณนายแม็กกี้ก็คิดขึ้นมาว่า ‘ไม่มีใครน่าสงสารไปกว่ากันเลย’




เธอลงมาที่ห้องรับแขกชั้นล่างของบ้านพักหลังนี้ แล้วเดินออกไปนอกระเบียงห้องรับแขกอย่างเผลอไผล ดวงตาทั้งสองเอาแต่มองไปทางทะเลสาบมืดมิดแห่งนี้


“นั่งไหมครับ?”


ตรงระเบียงนั้น ลั่วชิวชี้ไปที่เก้าอี้ข้างตัว แล้วเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา


บทที่ 80 ทะเลสาบก่อนฟ้าสาง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตรงระเบียง น้ำเย็นลมโชยจันทร์สุกสกาว ลั่วชิวมีสาวใช้นั่งอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนมาช่วงหนึ่งแล้ว แก้วเบียร์บนโต๊ะเล็กก็ดื่มไปได้ครึ่งหนึ่ง


รสขมฝาดๆ แผ่ซ่านไปบนริมฝีปากและตามฟันของลั่วชิว


เขามองเอลลีคล้ายกำลังตอบรับแววตาของเธอยามที่ถูกตำรวจสองนายลากออกไปต่อหน้า


“ตอนนี้…ฉันอัปลักษณ์มากไหม?”


เอลลีเอ่ยถามชายหนุ่มลึกลับอีกครั้งด้วยเสียงแหบพร่า “ตอนนี้ฉันอัปลักษณ์มากหรือเปล่า”


หลังลั่วชิวตรึกตรองอยู่สักพักถึงตอบว่า “หลายเดือนก่อนหน้านี้ ผมเคยเจอที่น่าเกลียดกว่านี้อีก…”


เจ้าของร้านลั่วนึกย้อนไปถึงภาพตอนที่เจอปีศาจผีเสื้อครั้งแรก “ตุ่มหนองขึ้นทั่วตัว บางส่วนก็แตกร้าว วางใจเถอะ อย่างน้อยลักษณะแบบนั้นก็น่ากลัวกว่าคุณในตอนนี้เยอะมาก แน่นอนว่าจากมุมมองของมนุษย์นะครับ”


“จริงเหรอ” เอลลีไม่ได้เหลียวมองลั่วชิว


เธอกำลังมองดูทะเลสาบ พลางพูดเสียงแผ่ว “ฉันนึกภาพไม่ออกเลย ฉันกลัวว่าพอคิดถึงมันแล้ว มันจะมาปรากฏอยู่ตรงหน้าฉัน…ฉันไม่รู้ว่า ด้านไหนเป็นตัวตนที่แท้จริงกันแน่ ฉันเพิ่งเห็นตัวเองในกระจก แต่ไม่รู้ว่านั่นเป็นตัวตนจริงๆ ของฉันหรือเปล่า ถึงอย่างนั้น…”


หลังเงียบไปครู่หนึ่ง เอลลีถึงพูดต่อแผ่วเบา “ถึงอย่างนั้นก็น่าเกลียดจริงๆ อัปลักษณ์เกินกว่าที่คิดไว้อีก มัน…”


เอลลีก้มหน้า เดินเข้าไปใกล้ขอบระเบียงไม้ แล้วมองดูเงาสะท้อนของตัวเองบนทะเลสาบจากแสงสลัวที่สาดส่องมาจากในบ้าน พูดอีกว่า “มันอัปลักษณ์มากจริงๆ”


“ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ?” ลั่วชิวลุกขึ้นยืน เดินมาข้างๆ เอลลี เพื่อดูเงาสะท้อนจากน้ำในทะเลสาบเป็นเพื่อนเธอ


เอลลียื่นมือออกมาชี้ดวงตาในเงาสะท้อนนั้นแล้วพูดว่า “นี่คือความอิจฉาของฉัน คุณดูสิ มันปริออกกลายเป็นความดุร้าย ฉันรู้ดีว่ากลอเรียเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เธอไม่เคยอยากได้อะไรจากตัวฉัน แต่ฉันกลับอดอิจฉาเธอไม่ได้”


เอลลีชี้ปากบนใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวจากเงาสะท้อนนี้อีก “นี่คือการหลอกลวงของฉัน ดูสิมันฉีกออกจากกันอยากหุบก็ทำไม่ได้ ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ชอบไรอัน แต่ที่ผ่านมาฉันกลับไม่เคยบอกเขากับปากตัวเองเลย เอาแต่เสพสุขกับการที่เขาทำดีต่อฉันอยู่เสมอมา ทั้งที่ฉันรู้ตัวว่าเกลียดกลอเรียเข้าไส้ แต่กลับยิ้มแย้มอยู่ตลอด”


แล้วเธอก็ใช้นิ้ววาดวงกลมวงหนึ่งล้อมรอบเงาสะท้อนทั้งหมด สักพักถึงพูดเสียงเบาว่า “นี่ก็คือฉัน…คนเสแสร้ง ขี้อิจฉา…ตัวตนแท้จริงของฉัน”


หลังจากนั้น เอลลีก็เงียบไป


ลั่วชิวยืนเป็นเพื่อนเธออยู่แบบนี้เป็นเวลานาน


ฉับพลันเอลลีก็อ้าปากพูดเสียงเบา “ฉันขอวานคุณเรื่องสุดท้ายได้ไหมคะ? แลกกับทั้งหมดที่เหลืออยู่ของฉัน”


“แน่นอนครับ พวกเราไม่เคยปฏิเสธคำขอของลูกค้าอยู่แล้ว” ลั่วชิวพูดพร้อมรอยยิ้ม


“ฉันโชคร้ายจริงๆ” เอลลียิ้มขมขื่น ริมฝีปากที่ฉีกออกทำให้รอยยิ้มขมขื่นยิ่งดูน่ากลัว “ฉันทำร้ายคนมามาก แม้กระทั่งตัวฉันเอง…ฉันกลับตัวไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อย…”


เธอหยุดพูดและนิ่งเงียบไป แววตาแตกร้าวแม้จะดุร้ายแต่เหมือนมีแสงวูบวาบแวบผ่านไป “แต่อย่างน้อย ขอให้คนที่ยินดีแบ่งหัวใจครึ่งหนึ่งให้ฉัน ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปดีๆ แล้วกัน”


“ถือว่าตัวคุณเองเป็นเธอใช่ไหม? เข้าใจแล้วครับ” ลั่วชิวพยักหน้าเบาๆ


“ขอบคุณค่ะ”


เอลลีเหลือบมองลั่วชิว ปากและตาของเธอที่ฉีกขาดออกจากกันไปแล้ว ค่อยๆ ประสานเข้าด้วยกัน


ตอนที่ยิ้มราวกับเธอได้รูปลักษณ์เดิมกลับมาแล้ว


เอลลีหลับตาลง ปล่อยให้ร่างกายร่วงลงไปในทะเลสาบอย่างอิสระ จมดิ่งไปในความมืดมิดของทะเลสาบลึกอย่างช้าๆ


ผิวน้ำยังนิ่งสงบ แต่กลับมีแสงสีชมพูจางๆ สว่างวาบ แล้วก็ลอยช้าๆ ไปตกลงบนฝ่ามือของลั่วชิว


สาวน้อยลีน่ายังกอดหมอนของตัวเอง เดินลงบันไดมาอย่างไร้สุ้มเสียง


สีหน้าของเธอซีดขาวอยู่บ้าง เธอกอดหมอนเดินมาด้วยเท้าเปลือยเปล่า ชุดนอนดูยับกว่าเดิมเล็กน้อย เธอเดินไปข้างๆ ลั่วชิวและโยวเย่ พูดเสียงสลดว่า “พี่ชาย พี่สาว แม่หายไปแล้ว พ่อก็หายไปด้วย พี่รู้ไหมคะว่าพวกเขาไปที่ไหน?”


ลั่วชิวเก็บลูกไฟในมือ แล้วจับมือของลีน่าตัวน้อยขึ้นมา พลางพูดเบาๆ ว่า “พี่พาหนูกลับไปหาแม่ของหนูนะ”


“จริงหรือคะ?”


ลั่วชิวจูงมือลีน่า เดินออกจากประตูไปโดยไม่พูดไม่จา




ห่างออกมาหลายร้อยกิโลเมตร


บนถนนริมทะเลสาบ รถพยาบาลและรถตำรวจจอดเรียงกัน ข้างหน้ารถทั้งสองคันนี้ ยังมีรถอีกสามคันจอดอยู่ด้วย


รถทั้งสามคันนั้นชนกัน อีกทั้งรอบด้านยังมีเลือดสดๆ หยดเต็มไปหมด ทีมกู้ชีพหลายคนกำลังรีบเคลื่อนย้ายร่างของตำรวจสองนายออกมาจากในรถตำรวจคันหนึ่งจากรถทั้งสามคันที่ชนกันนี้


ทีมแพทย์หนึ่งในนั้นมองตำรวจสองนายที่ถูกเคลื่อนย้ายออกมาแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่หายใจแล้ว ยืนยันการตาย”


ต่อมา พวกเขาก็เคลื่อนย้ายหญิงสาวในชุดนักโทษคนหนึ่งออกมาจากรถยนต์ส่วนตัว แล้ววางตัวเธอลงบนพื้น ก่อนเคลื่อนย้ายร่างของสามีภรรยาคู่หนึ่งและเด็กหญิงคนหนึ่งออกมาจากรถยนต์ส่วนตัวอีกคัน


ตำรวจสองคนตายแล้ว หมอที่ตามรถพยาบาลมากำลังเร่งช่วยชีวิตหญิงสาวในชุดนักโทษคนนี้รวมถึงครอบครัวอีกสามคนด้วย


“หมอ! หัวใจของผู้ชายคนนี้หยุดเต้นแล้วค่ะ!” พยาบาลคนหนึ่งพูดอย่างจำใจ


“หมอ! หัวใจของเด็กผู้หญิงคนนี้ก็หยุดเต้นแล้วค่ะ!”


“ผู้หญิงคนนี้ยังมีลมหายใจอยู่!” พยาบาลอีกคนพูดโพล่งขึ้นมา


แต่หมอไม่ได้ดีใจมากเท่าไร เพราะชีวิตน้อยๆ ในมือเขายังไม่ปลอดภัย…อาการบาดเจ็บของเธอสาหัสมาก!


“อย่ายอมแพ้นะ! ครอบครัวยังรอเธออยู่! อย่ายอมแพ้เด็ดขาด!!”


หมอพูดเสียงดัง ปั๊มหัวใจให้เด็กน้อยอยู่ตลอด เขาออกแรงพร้อมกับกดหน้าอกของเด็กน้อยเป็นจังหวะ แล้วตะเบ็งเสียงพูดว่า “ฟังนะ หนูน้อย! ฟื้นขึ้นมาสิ! ฉันรู้ว่าเธอเข้มแข็ง! เด็กน้อยฟังฉันนะ เธอยังต้องเข้าเรียน ยังต้องรู้จักเพื่อนอีกมากมาย เธอยังมีชีวิตสมบูรณ์แบบรออยู่ อย่าหยุดอยู่ตรงนี้ เด็กน้อย! หายใจสิ ได้โปรด…”



ข้างถนนหลวง อเล็กซ์กำลังหลับตาพริ้ม พร้อมกับแสดงสีหน้าเคลิบเคลิ้มยิ่ง


ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเขา


“ดูแล้วคุณอเล็กซ์คงได้กินมื้อหลักไปแล้วใช่ไหมครับ”


“ดูแล้วเจ้าของร้านลั่วชิวคงได้ทำธุรกิจชั้นดีไปแล้วสินะครับ”


เขาเหลียวหลังกลับมามองลั่วชิว


เจ้าของร้านลั่วกำลังจูงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในมือ แต่ลั่วชิวกลับไม่ได้มองเธอ เพียงแค่มองที่เกิดเหตุตรงหน้า อเล็กซ์เห็นก็ยิ้มเก้อ


เขาถอดหมวกออก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “เชื่อผมสิ นี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย คุณเอลลีที่กำลังขับหนีรถตำรวจชนเข้ากับรถคุณมาร์กซ์ที่ทางสามแพร่งนี้ แล้วรถตำรวจโชคร้ายที่อยู่ข้างหลังก็หลบไม่พ้นเหมือนกัน”


อเล็กซ์หรี่ตาพูด “ผมเห็นก็รีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที แต่ก็อย่างที่คุณเห็น คนพวกนี้วิญญาณออกจากร่างไปแล้ว”


“ไม่เป็นไรครับ” ลั่วชิวพูดแบบไม่ใส่ใจ


แล้วลั่วชิวก็ก้มหน้า ตบบ่าของหนูน้อยลีน่าเล็กน้อย แล้วพูดเสียงแผ่วเบา “ควรกลับไปได้แล้ว แม่หนูกำลังรออยู่นะ”


“พี่ชาย แล้วคุณปีศาจล่ะคะ?” ลีน่าตัวน้อยเดินไปข้างหน้าสองก้าว แล้วหันหน้ากลับมาถามทันที


ลั่วชิวพูดเสียงเบาๆ ว่า “มีปีศาจที่ไหนกัน ปีศาจเกิดจากจินตนาการของเราเอง กลับกันเถอะ ไม่อย่างนั้นจะสายไปนะ”


ลีน่าตัวน้อยพยักหน้า แล้วค่อยๆ เดินไปทางร่างตัวเอง



“ได้โปรด…หายใจสิเด็กน้อย! กลับมาเถอะ! ได้โปรด! หาย…ลมหายใจกลับมาแล้ว! กลับมาแล้ว! ออกซิเจน! พยาบาล! ออกซิเจนด่วน!!”


“วิเศษไปเลย! วิเศษไปเลย! สำเร็จแล้ว!”


อเล็กซ์มองดูพวกทีมแพทย์และพยาบาลตรงนั้นโห่ร้องทำท่าเต้นแร้งเต้นกาที่ช่วยชีวิตกลับมาได้อีกครั้ง แล้วเขาก็ใส่หมวกของตัวเองกลับออกไป


เขามองลั่วชิวแล้วพูดว่า “เช่นนั้น ครั้งนี้เป็นการจากลากันจริงๆ แล้วนะครับ เจ้าของร้านลั่วชิว”


เขาค่อยๆ เดินหายลับไปทางต้นไม้ด้านหลังท่ามกลางความมืด


เขาแบกกระเป๋าหนังใบใหญ่เดินทางไปด้วยตลอด แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยหยุดอยู่ที่ไหนนานเกินไป


ลั่วชิวมองไปตามทางที่อเล็กซ์เดินหายไปอยู่เงียบๆ ก่อนส่ายหน้าพลางพูดพึมพำว่า “กินเยอะขนาดนี้ ไม่กลัวจุกเลยนะ”



ประโยคนี้คาดว่าอเล็กซ์คงไม่ได้ยิน


เพราะว่าเขาอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรแล้ว ตอนนี้เขาเดินอย่างอารมณ์ดีมาใกล้ริมทะเลสาบที่มืดมิดแห่งนี้แล้ว เขาไม่เพียงแต่ทำงานสำเร็จ ทั้งยังได้กินจนอิ่มอร่อยไปอีกหนึ่งมื้อ


“ผู้สืบทอดของเจ้าของร้านคนก่อนน่าสนใจมากทีเดียว” อเล็กซ์พูดยิ้มๆ แต่ระหว่างที่ยิ้มตัวของเขาก็แข็งทื่อไปโดยพลัน


อเล็กซ์จึงกุมท้องตัวเองในทันที ด้วยใบหน้าเจ็บปวด หลังจากนั้นพักหนึ่ง ถึงได้ทำเหมือนกับหายใจได้ทั่วท้อง


เขามองทะเลสาบที่เงียบสงบแห่งนี้ แล้วฝืนยิ้มพูดว่า “น่าจะใช่…น่ากลัวมากเลย แบบนี้ใจแคบไปหน่อยนะ ปวดจัง…”


บากุ…คุณอเล็กซ์ท้องไส้ปั่นป่วนไปแล้ว




“นายท่าน เตรียมน้ำร้อนสำหรับอาบน้ำไว้แล้วค่ะ”


คุณสาวใช้เดินเข้ามาจากในความมืด แต่เธอกลับเห็นนายท่านของตัวเองนั่งยองๆ อยู่ข้างถนน


ลั่วชิวเก็บดอกไม้จำนวนหนึ่งที่ดูเหมือนเพิ่งบานได้ไม่นานจากบรรดาดอกไม้ป่าข้างถนน  พอเก็บดอกไม้จนเต็มมือ ลั่วชิวก็ลุกขึ้นยืน


เขากำดอกไม้พวกนี้เดินไปยังที่เกิดเหตุ จนมาหยุดอยู่ข้างตัวเอลลีที่นอนอย่างสงบ


ร่างกายของเธอเย็นเฉียบไปนานแล้ว


ไม่มีลมหายใจ และไม่มีชีวิตแล้ว ตอนนี้เธอดูสงบลงมาก มุมปากยังมีรอยยิ้มน้อยๆ ลั่วชิวรวบมือทั้งสองของเอลลีมาไว้บนหน้าท้องอย่างเบามือ จากนั้นก็วางดอกไม้สดในมือลงไป


“ความจริงคุณเอลลีสวยมากนะคะ” โยวเย่พูดขึ้นขณะอยู่ข้างๆ เจ้าของร้านลั่ว


“เธอก็สวยนะ”


เจ้าของร้านลั่วดูอารมณ์ดีทีเดียว เขาส่งดอกไม้ที่เหลืออยู่ในมือไปให้คุณสาวใช้


“ฉันจะหาที่ไว้ใส่นะคะ” เธอพูดเสียงแผ่วเบา


“กลับเถอะ ฟ้าจะสว่างแล้ว”




สมัยยังเด็ก


“คุกกี้พวกนี้แม่ฉันทำให้แหละ เพราะว่าฉันเป็นเด็กดีไงล่ะ หอมมากเลยใช่ไหม อยากกินหรือเปล่า?”


“อยากสิ!”


“งั้นฉันแบ่งให้เธอครึ่งหนึ่ง แต่เธอต้องเป็นเพื่อนกับฉันได้ไหม?”


“อืมๆ!”


“แต่ว่าตกลงแล้วนะ อีกหน่อยถ้าฉันลำบาก เธอต้องช่วยฉันนะ! แน่นอน ถ้าเธอมีเรื่องยากลำบาก ฉันก็จะช่วยเธอเหมือนกัน! ห้ามปิดบังกันนะ! เพราะแบบนี้ถึงจะเรียกว่าเพื่อนสนิทไงล่ะ! เธอจะเป็นเพื่อนสนิทกับฉันไปตลอดชีวิตไหม?”


“ได้สิ! ฉันชื่อกลอเรีย เธอล่ะ?”


“เอลลี ฉันชื่อเอลลี”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม