ตามใจรัก สาวนักแฮก 782-799

 ตอนที่ 782 ฉลาดเกินไปแล้ว


 


 


ซิงเหอพยักหน้าเล็กน้อย


 


 


“แผนของเธอคืออะไรเหรอซิงเหอ” อาลิถามด้วยความตื่นเต้น พวกเธอต้องการที่จะฟังสิ่งที่ซิงเหอวางแผนเพราะแผนการของซิงเหอไม่เคยล้มเหลว ถ้าซิงเหอคิดอะไรออกแล้วละก็ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงแบบบ้าระห่ำ


 


 


แซมถึงขนาดเอ่ยคำสัญญา “ไม่ว่าแผนของคุณจะเป็นยังไง หรือต่อให้ต้องเอาชีวิตของพวกเราเข้าไปเกี่ยวพันด้วย พวกเราก็ยินดีที่จะทำ! ออกคำสั่งมาเลย แล้วพวกเราจะจัดการที่เหลือให้เอง”


 


 


“ใช่แล้ว ใช้งานพวกเราได้ตามใจเลย” วูลฟ์กล่าวเสริมอย่างหนักแน่น เมื่อซิงเหอได้เห็นความมีน้ำใจและความเลือดร้อนของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา เธอไม่มีใจคิดจะส่งพวกเขาให้ทำภารกิจเสี่ยงตายได้ และแน่นอนว่านั่นไม่ใช่แผนของเธออยู่แล้ว


 


 


ซิงเหอยิ้มมุมปากและกล่าว “แผนการของฉันไม่ต้องการอะไรแบบนั้นหรอก อย่าลืมสิว่าเฮ่อปินควบคุมตระกูลเฮ่อหลานเอาไว้หมดแล้ว”


 


 


เฮ่อปินชะงัก แต่เขาเองก็ยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะสั่งปิดการดำเนินการของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมดได้ ทุกคนต่างก็คิดเช่นนั้น ทันใดนั้นอีเฉินพูดขึ้น “คุณต้องการให้เฮ่อปินไล่ผู้จัดการของสถานเลี้ยงเด็กนั่นออกอย่างนั้นเหรอ”


 


 


“มันเป็นไปไม่ได้” เฮ่อปินปฏิเสธทันควัน “ตอนนี้ตระกูลหวงบริหารจัดการที่นั่นมาสองชั่วอายุคนแล้ว ความลับทุกอย่างของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นอยู่ในมือของพวกมัน ภายนอกพวกมันอาจจะดูภักดีกับผม แต่ถ้าผมทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเจตนารมณ์ของเรื่องนี้ พวกมันไม่ลังเลที่จะต่อต้านผมแน่ๆ”


 


 


“ไม่มีความจำเป็นต้องไล่เขา เราแค่ต้องทำให้เขาล้มป่วยเท่านั้น” ซิงเหอกล่าว


 


 


“ล้มป่วย ยังไง” เฮ่อปินซักถาม


 


 


หากแต่มู่ไป๋เข้าใจแผนของซิงเหอได้ในทันที เขามองหญิงสาวและเผยรอยยิ้มออกมา “แผนของคุณคือทำให้เขาป่วยเป็นไข้หวัด”


 


 


มู่ไป๋หัวเราะเบาๆ “มันก็แค่เป็นเรื่องบังเอิญที่เด็กผู้ชายคนนั้นล้มป่วย และนี่จะเป็นเครื่องปกปิดได้ดีที่สุด”


 


 


ซิงเหอยิ้มตอบ “ถูกต้อง นี่จะเป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบสำหรับพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้น เราสามารถใช้เรื่องนี้ช่วยเด็กทั้งหมดออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นได้ด้วย”


 


 


“นี่ไม่เพียงแต่จะช่วยไม่ให้หวงเต๋อชิงเกิดความสงสัยเท่านั้น แต่ยังแก้ปัญหาทุกอย่างได้โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย”


 


 


“แต่มันจะช่วยได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น”


 


 


“นั่นไม่ใช่ปัญหา เป้าหมายคือแค่ซื้อเวลาเท่านั้น อีกไม่นานปัญหาทั้งหมดจะถูกแก้ไขอย่างถาวร”


 


 


“ถูกต้องที่สุด!” ซิงเหอพยักพร้อมรอยยิ้ม


 


 


มู่ไปตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่แฝงความหมายแบบเดียวกัน “นี่เป็นแผนที่เยี่ยมมาก ผมสนับสนุนเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้น ลู่ฉียังอยู่ที่ประเทศ R ถึงเวลาที่เขาจะได้ออกโรงแล้ว”


 


 


“ฉันเห็นด้วย งั้นเราจะเริ่มดำเนินการตามแผนนี้”


 


 


“แผนอะไร!” อาลิมองดูคนทั้งสองด้วยความงุนงง พวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย


 


 


แม้แต่เฮ่อปินและคนที่เหลือยังมืดแปดด้าน


 


 


“เราพูดง่ายๆ แบบนี้พวกคุณยังไม่เข้าใจอีกอย่างงั้นเหรอ” มู่ไปพูดพลางสอดส่ายสายตามองไปยังทุกคน อาลิอยากจะกลอกตาใส่อีกฝ่าย การที่พวกเขาใช้ความฉลาดในการปลอบประโลมอีกฝ่ายด้วยความรักก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่ตอนนี้มู่ไป๋กำลังดูถูกพวกเขาอย่างงั้นเหรอ จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยหรือไง


 


 


กระนั้นพวกเขาบังเอิญมีพรสวรรค์ด้านสติปัญญาค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับทั้งสองคนตรงหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่พยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้


 


 


ซิงเหออธิบายทุกอย่างช้าๆ และชัดเจน “วันนี้มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งป่วยใช่ไหม เราจะหาทางทำให้เด็กคนนั้นป่วยเป็นไข้หวัดที่แพร่เชื้อได้และใช้มันเป็นเหตุผลให้เราต้องกักบริเวณทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดกับเขา อย่างเช่นหวงเต๋อชิง แพทย์คนอื่นๆ รวมถึงครูอีกหลายคนให้ออกห่างจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กกำพร้าทุกคน”


 


 


“แล้วจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น” อาลิถามต่อเนื่อง


 


 


ซิงเหอยิ้มและกล่าว “เมื่อคนพวกนั้นถูกกักบริเวณ ก็ไม่ต่างอะไรกับแพะที่อยู่ในโรงเชือดของพวกเรา เราจะจัดการกับคนที่เราต้องการจะจัดการและปล่อยคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป”


 


 


ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแผนการทุกอย่างแล้ว!


 


 


“ซิงเหอ แผนของเธอคือการจัดการกับหวงเต๋อชิงตอนที่มันถูกกักบริเวณสินะ ระหว่างนั้นพวกเด็กๆ ก็จะต้องแยกกับพวกผู้ใหญ่เพราะมันเป็นแนวทางที่ยอมรับได้และจะเป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถปกป้องเด็กๆ ไม่ให้บาดเจ็บระหว่างดำเนินการด้วย ใช่ไหม” อาลิถามเพื่อให้แน่ใจ


 


 


“ถูกต้อง” ซิงเหอพยักหน้า


 


 


“ถ้างั้นรีบติดต่อคุณหมอลู่เลย เราต้องเริ่มลงมือให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้” อาลิพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแทนความรู้สึกของทุกคนในที่นั้น


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 783 ไข้หวัดใหญ่ระบาด


 


 


แผนการนี้สมบูรณ์แบบเพราะมันไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย ซิงเหอได้คิดหาทางออกที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้อย่างที่พวกเขาคาด ไม่มีปัญหาใดที่ซิงเหอจะแก้ไม่ได้ เมื่อมีแผนการถูกจัดวางเรียบร้อย ซิงเหอไม่ยอมเสียเวลาและติดต่อลู่ฉีทันที


 


 


หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ลู่ฉียอมตกลงที่จะช่วยอย่างง่ายดาย การสร้างไข้หวัดใหญ่ที่แพร่ระบาดได้นั้นไม่ต่างอะไรกับการเดินเล่นในสวนสาธารณะสำหรับเขา ลู่ฉีเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องอยู่แล้ว ของสะสมของเขาจึงเป็นยาต่างๆ และพืชที่มีสรรพคุณทางการแพทย์แปลกๆ ที่แม้แต่แพทย์คนอื่นๆ ยังต้องอาย แน่นอนว่าโรคระบาดที่เขาสร้างนั้นไม่มีทางรักษาหายได้ด้วยฝีมือของหมอทั่วไปในระยะเวลาสั้นๆ


 


 


ด้วยความช่วยเหลือของเฮ่อปิน ลู่ฉีจัดการสกัดเอาตัวเชื้อออกมาจากสัตว์


 


 


“ไข้หวัดชนิดนี้จะมีอาการเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป มันอาจดูอาการหนักแต่ไม่ทำให้ถึงตาย และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับเชื้อไวรัสตัวนี้เผยแพร่มาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีทางสร้างยาต้านเชื้อขึ้นมาได้ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน” ลู่ฉีพูดด้วยน้ำเสียงฟังดูภาคภูมิใจก่อนเสริมอีกว่า “แต่ไม่ต้องห่วงเพราะผมรู้วิธีสร้างวัคซีนสำหรับเชื้อตัวนี้อยู่แล้ว”


 


 


“คุณเคยทดสอบมันมาก่อนหรือยัง” ซิงเหอถาม


 


 


ลู่ฉีพยักหน้า “แน่นอน ผมเคยทดลองมันหลายครั้งแล้ว ผมถึงขนาดเลยทดลองด้วยตัวเองมาก่อนด้วยนะ”


 


 


กลุ่มของอาลิอึ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ลู่ฉีพูด ที่เขาถูกว่าเรียกว่านักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องนี่มันมีที่มานี่เอง


 


 


“ถ้างั้นเราจะใช้มัน” ซิงเหอพูดก่อนหันไปทางเฮ่อปิน “คุณกล้ารับความเสี่ยงนี้ไหม”


 


 


เฮ่อปินเข้าใจสิ่งที่ซิงเหอกำลังสื่อ เธอต้องการให้เขาเป็นคนไข้คนแรก


 


 


“แน่นอน ผมเชื่อในตัวคุณหมอลู่” เฮ่อปินกล่าวโดยไม่ลังเล ลู่ฉีได้ทำเรื่องหลุดโลกอย่างการปลูกถ่ายความทรงจำของเขาลงในสมองของเฮ่อหลานฉีมาแล้ว ดังนั้นกับอีแค่ถูกฉีดด้วยเชื้อหวัดเล็กน้อยแค่นี้จะไปน่ากลัวอะไร ดังนั้นเขาจึงยินดีที่จะเสี่ยง ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเขาตั้งแต่แรกแล้วดังนั้นความเสี่ยงนี้จึงไม่มีผลอะไรกับเขา…


 


 


ด้วยเหตุนี้ แผนการของซิงเหอจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ไม่นานนักเฮ่อปินได้ติดเชื้อ เขาเริ่มไอและอุณหภูมิร่างกายเริ่มพุ่งสูงขึ้น หมอหลายคนเข้ามาทำการตรวจร่างกายของเขาและทุกคนต่างสรุปเหมือนกันว่าเขากำลังป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ที่สามารถแพร่ระบาดได้ และเขาติดเชื้อนี้มาจากเด็กชายตัวน้อยที่ป่วยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า!


 


 


เพื่อเป็นการรับมือการสถานการณ์นี้ให้ดียิ่งขึ้น พวกหมอต้องการให้เด็กคนที่ป่วยถูกแยกออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อกักบริเวณและวินิจฉัย


 


 


เมื่อเต๋อชิงได้รับข้อมูลดังกล่าว เขาตกใจมาก “มันจะเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้ยังไงกัน ไม่มีเด็กคนไหนป่วย หรือแม้แต่เด็กผู้ชายคนนั้นเองก็ไม่แสดงอาการของโรคไข้หวัดเลยนี่”


 


 


“ตัวไวรัสอาจจะยังแฝงอยู่ในร่างกายของเด็กคนนั้นก็ได้ ไม่ว่ายังไงเด็กๆ จะต้องถูกส่งตัวไปตรวจที่โรงพยาบาล ผู้จัดการหวง กรุณาให้ทุกคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กคนนี้ในระยะนี้ถูกส่งตัวมาที่นี่เพื่อเราจะได้ทำการตรวจพินิจอย่างคร่าวๆ ด้วยนะคะ รวมถึงตัวคุณด้วยค่ะผู้จัดการหวง” ซิงเหอที่สวมหน้ากากอนามัยกล่าว


 


 


เต๋อชิงไม่หลงเชื่อคำพูดของเธอง่ายๆ เขาไม่เชื่อว่าว่ามีเชื้อไข้หวัดตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับข้อมูลคร่าวๆ จากตระกูลเฮ่อหลานว่าเฮ่อหลานฉีล้มป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่จริง ในที่สุดเต๋อชิงก็เชื่อ อันที่จริงเขากำลังกลัวด้วยซ้ำว่าตัวเองจะติดเชื้อไปแล้ว


 


 


หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกัน เต๋อชิงเป็นคนแรกที่ถูกเจาะเลือดเพื่อตรวจวินิจฉัย ทุกคนต้องตรวจ…


 


 


ส่วนเด็กชายที่ป่วยนั้น ซิงเหอให้จัดคนของเธอมาพาตัวเขาไป เขาเป็นตัวตนเชื้อดังนั้นเขาจึงต้องถูกกักบริเวณ เพราะถึงอย่างไรสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เต็มไปด้วยเด็กจำนวนมาก ซึ่งหากเด็กชายยังอยู่ที่นั้น เชื้อไวรัสจะถูกแพร่กระจายได้ง่าย


 


 


เฮ่อปินโทรหาเต๋อชิงเป็นการส่วนตัวเพื่อย้ำเตื่อนว่าเขาไม่อนุญาตให้อะไรก็ตามเกิดขึ้นกับเด็กเหล่านั้นเพราะพวกเขาถือเป็นทรัพย์สินที่สำคัญของตระกูลเฮ่อหลาน เหล่าเมล็ดพันธุ์ที่สำคัญเหล่านั้นจะต้องถูกปกป้อง!


ตอนที่ 784 ส่งตัวผู้จัดการหวงไปกักตัว


 


 


เต๋อชิงรู้ได้ถึงความตึงเครียดของสถานการณ์และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ถึงแม้พระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าไปแล้วแต่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ายังคงอยู่ในความวุ่นวาย หมอกควันแห่งความตึงเครียดปกคลุมไปทั่ว หากเชื้อไข้หวัดใหญ่เกิดแพร่กระจายไปทั่วจริง ความลับของพวกเขาจะถูกเปิดเผย จะไม่มีใครรอดพ้นจากการถูกพิพากษาไปได้ต่อให้พวกเขาทำงานให้กับครอบครัวทรงอำนาจอย่างตระกูลเฮ่อหลานก็ตาม ดังนั้นทุกคนจึงได้แต่ภาวนาให้นี่เป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาที่จะผ่านเลยไป


 


 


หลังจากวันแห่งความยุ่งวุ่นวายและรีบเร่ง ทุกคนต้องประหลาดใจเมื่ออยู่ๆ เต๋อชิงเริ่มไอ เขาถึงกับประหลาดใจกับการไอครั้งแรกของตัวเอง ราวกับภาพในการ์ตูน ทุกคนที่อยู่รอบข้างหันไปมองเขาเป็นตาเดียวและพร้อมใจกันก้าวถอยห่างออกมาจากตัวเขา


 


 


“ฉัน…” เต๋อชิงอ้าปากเพื่อเตรียมจะอธิบายแต่กลับถูกขัดด้วยอาการไอที่เพิ่มมากขึ้น


 


 


ซิงเหอออกคำสั่งทันที “ทุกคน พาผู้จัดการหวงไปกักตัวเพื่อทำการวินิจฉัยต่อไป”


 


 


“ครับ!” วูลฟ์และแซมที่สวมหน้ากากอนามัยและถุงมือซึ่งกำลังปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ดของซิงเหอตรงเข้าไปพาตัวเต๋อชิงออกไปจากห้อง


 


 


เต๋อชิงดิ้นรนด้วยความตื่นตระหนก “ปล่อยฉันนะ ฉันไม่ได้ป่วย! ฉัน… แค่ไอ…”


 


 


ซิงเหอถูกอย่างเป็นทางการ “ผู้จัดการหวงได้โปรดให้ความร่วมมือด้วยนะคะ เราต้องไม่ปล่อยให้เชื้อไข้หวัดนี้แพร่ต่อไปอีก!”


 


 


หลังซิงเหอพูดเช่นนั้น ทุกคนที่อยู่ที่นั่นได้แต่หวังให้เต๋อชิงถูกพาตัวออกไปให้เร็วที่สุด พวกเขาไม่ยอมสูญเสียทุกอย่างไปเพราะคนเพียงคนเดียวต่อให้คนคนนั้นคือผู้จัดการก็ตามที ดังนั้นเต๋อชิงที่น่าสงสารจึงถูกนำตัวออกไป


 


 


ในเมื่อข่าวการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นไม่อาจถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนได้เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา บรรดาแพทย์ที่ซิงเหอพามาด้วยจึงเปลี่ยนอาคารหลังหนึ่งภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นศูนย์กักตัว ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้หากไม่ได้รับอนุญาต แน่นอนว่าไม่มีใครปรารถนาจะเข้าไปใกล้อยู่แล้ว


 


 


หลายห้องที่อยู่ภายในตัวอาคารแห่งนั้นถูกฆ่าเชื้อและแยกตัวออกต่างหาก มีคนคอยเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องกักตัวทุกห้อง เพียงครู่เดียว เต๋อชิงก็ถูกพาตัวมายังห้องห้องหนึ่ง ไม่นานหลังจากนั้นศูนย์แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยผู้คน…


 


 


เด็กหลายคนก็เป็นผู้ป่วยด้วยเช่นกัน ในตอนแรกทุกคนคิดว่าไข้หวัดนี้จะไม่น่าเป็นกังวลและกลุ่มของซิงเหอนั้นตื่นตระหนกมากไปเอง แต่กระนั้นหลังจากที่หลายคนถูกส่งตัวมากักตัว ทั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เริ่มหวาดวิตก


 


 


ที่นั่นมีคนงานกว่าสามสิบคนและมีเด็กกำพร้ามากกว่าสองร้อยคน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทุกคนเกิดติดเชื้อ?


 


 


ผลลัพธ์จะเหมือนกัน คือพวกเขาจะถูกเปิดโปง!


 


 


เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ตระกูลเฮ่อหลานจึงให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่และขอให้ทุกคนกักตัว นั่นเป็นเพราะหากไข้หวัดนี้กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งออกไปสู่สาธารณชนแล้วละก็ ความลับของพวกเขาจะถูกเปิดเผยและตระกูลเฮ่อหลานทั้งหมดจะพังพินาศ


 


 


ดังนั้นต่อให้มีเสียงต่อต้านจากความไม่พอใจของเหล่าคนงานที่ถูกบังคับให้ต้องถูกกักตัวก็ตาม ตระกูลเฮ่อหลานก็ไม่สนใจเพราะพวกเขาต้องการให้เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


 


 


ซิงเหอเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเฮ่อหลานฉี ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นผู้นำไปโดยปริยาย ไม่มีคนในตระกูลเฮ่อหลานคนใดกล้าเข้ามาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้เพราะพวกเขากลัวว่าจะติดเชื้อไปด้วย


 


 


หลังจากจัดการกักตัวคนได้จำนวนหนึ่งแล้ว แพทย์จำนวนหนึ่งเข้ามาหาซิงเหอพร้อม ‘คำแนะนำ’ ให้แยกการกักตัวระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กออกจากกัน ซึ่งมีเหตุผลที่น่าเชื่อถืออยู่เบื้องหลังคำแนะนำนั้น เนื่องจากเด็กๆ มีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้นจึงไม่เกิดผลดีหากกักตัวเด็กๆ ร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่ เด็กๆ อาจติดเชื้อง่ายขึ้น ดังนั้นผู้ใหญ่และเด็กจะต้องถูกแยก


 


 


แม้คนที่ไม่แสดงอาการป่วยก็จำเป็นต้องถูกกักตัวอยู่สองวันเพื่อการเฝ้าดูอาการ


 


 


เด็กทั้งหมดถูกแยกออกไปอยู่อีกอาคารที่ตั้งแยกออกมาต่างหาก อาคารแห่งนั้นมียามรักษาความปลอดภัยคอยควบคุมอยู่มากมายและไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกทั้งสิ้นโดยที่กลุ่มของซิงเหอเป็นข้อยกเว้น เมื่อใดก็ตามที่ซิงเหอพาคนของเธอเข้ามาเพื่อตรวจร่างกายเด็กๆ เธอตระหนักได้ว่าเด็กเหล่านั้นเชื่อฟังเป็นอย่างดี ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะพวกเขาถูกเรียกมาเพื่อให้เชื่อฟังคำสั่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ต่อให้อยู่ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ พวกเขาก็ยังคงเชื่อฟังมากจนน่าปวดใจ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 785 รับมือกับคนที่เลี่ยงไม่ได้


 


 


แต่กระนั้นกลุ่มของซิงเหอยังคงสัมผัสได้ถึงความหวาดวิตกที่ปรากฏในดวงตาของเด็กส่วนมาก แต่เพราะพวกเขาถูกสอนมาตั้งแต่ยังเด็กไม่ให้ตั้งคำถามและให้ทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พวกเขาจึงไม่กล้าเอ่ยความไม่สบายใจเหล่านั้นออกมา ต่อให้กลุ่มของซิงเหอเรียกพวกเขามากินอาหารเย็น พวกเขาไม่เคยแย่งกันหรือเล่นกับอาหารเหมือนเด็กทั่วไปเลย ทุกคนต่อแถวมาลำดับและเริ่มลงมือกินราวกับมันเป็นภารกิจที่ต้องทำ


 


 


มีเด็กคนหนึ่งสำลักอาหารของเขา แต่เขากลับพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ส่งเสียงอะไรออกมา ซิงเหอสังกตเห็นและรีบเดินตรงเข้าไปหาเขาทันที เด็กชายตัวน้อยตัวแข็งทื่อทันทีที่สังเกตเห็นว่าซิงเหอกำลังเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาแห่งความหวาดวิตกของเขาจ้องมองมาที่เธอและกลัวว่าเขาได้ทำบางอย่างผิดพลาดไป เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวออกจากกรอบเขตเล็กๆ ของตัวเอง


 


 


เด็กน้อยต้องประหลาดใจเมื่อซิงเหอโน้มตัวลงมาหาเขาเพื่อยื่นขวดน้ำแร่ขวดหนึ่งให้


 


 


“จำไว้นะว่าถ้าสำลักอาหารจะต้องดื่มน้ำ โอเคไหม” เธอบอกเด็กชายด้วยเสียงนุ่ม น้ำเสียงของเธอไม่ได้อ่อนโยนเป็นพิเศษ แต่มันแผ่วเบาและนุ่มนวลราวกับขนนกสำหรับเด็กน้อย เด็กชายตัวน้อยรู้สึกอึ้งและรับขวดน้ำมาอย่างระมัดระวัง เขารีรออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะจิบน้ำอย่างระแวง


 


 


ซิงเหอรู้ว่าเด็กๆ เหล่านี้หวาดระแวงพวกผู้ใหญ่มากแค่ไหน ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรอีก เธอลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวเดินจากไป


 


 


“จะ…” ทันใดนั้น เด็กชายเปิดปากพูด น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ แต่ซิงเหอได้ยินและหันกลับมาด้วยความสงสัย


 


 


เด็กชายสบตากับซิงเหอและหลังจากแน่ใจว่าเธอจะไม่โกรธ เขาจึงเอ่ยถามต่ออย่างระวัง “พวกเราจะตายไหมครับ”


 


 


ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาดังขึ้นเล็กน้อย แต่มากพอที่จะทำให้เด็กคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ดูเหมือนเด็กๆ ทุกคนจะมีปฏิกิริยาไวต่อเสียงเป็นพิเศษ ดังนั้นคำถามของเด็กชายคนนี้จึงทำให้เด็กหลายคนหันไปจ้องมองที่ซิงเหอ


 


 


เมื่อต่อเผชิญหน้ากับดวงตาที่ว่างเปล่าและแฝงไปด้วยความหวาดกลัวหลายคู่ ซิงเหอตอบด้วยความมั่นใจ “ไม่หรอก พวกเธอทุกคนจะไม่เป็นอะไร”


 


 


เมื่อพูดจบ ซิงเหอหันหลังกลับไปโดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอพูดมีผลต่อเด็กๆ เหล่านั้นมากเพียงใด น้ำเสียงสงบนิ่งของเธอทำให้เด็กๆ รู้สึกถึงบางอย่างที่พวกเขาสามารถใช้ยึดเหนี่ยวได้ และนี่อาจเป็นครั้งแรกในชีวิตของเด็กเหล่านี้ที่พวกเขาได้รับรู้ถึงความอบอุ่นและมีเมตตา


 


 


พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร พวกเขาไม่รู้จะทำความเข้าใจกับความรู้สึกอบอุ่นที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในอย่างไร พวกเขาได้แต่จ้องมองซิงเหอโดยไม่รู้ตัวในขณะที่เธอเดินห่างออกไป…


 


 



 


 


หลังการจัดเตรียมทุกอย่าง กลุ่มของซิงเหอถอนหายใจด้วยความโล่งอก แผนการของพวกเธอดำเนินไปได้อย่างราบรื่นโดยปราศจากข้อผิดพลาดหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดๆ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะต้องจัดการกับคนบางคนแล้ว!


 


 


ซิงเหอลุกขึ้นกลางดึกและสายตาของเธอจับจ้องไปยังศูนย์กักตัวที่ตั้งอยู่ไม่ไกล แววตาของเธอดำมืดและเยือกเย็นราวกับความมืดในยามค่ำคืน กลุ่มของอาลิที่ติดตามเธออยู่ด้านหลังเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น “ซิงเหอ ได้เวลาลงมือแล้วใช่ไหม”


 


 


“ใช่ ไปกันเถอะ” จากนั้นซิงเหอเริ่มมุ่งหน้าไปยังศูนย์กักตัวโดยมีกลุ่มของอาลิติดตามอยู่ไม่ห่าง นอกจากพวกเธอแล้วยังมีลู่ฉีที่กำลังแบกกระเป๋ายาของเขามาด้วย เหล่าบอดี้การ์ดและแพทย์ที่อยู่ภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนี้ทั้งหมดถูกคัดมาโดยเฮ่อปิน พวกเขาเป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ต่อเฮ่อหลานฉีและยินดีที่จะทำทุกอย่างที่เฮ่อปินสั่งโดยไม่ตั้งคำถามอะไรทั้งสิ้น


 


 


ในการนี้ เฮ่อปินมอบอำนาจในการควบคุมทั้งให้แก่ซิงเหอ กลุ่มของเธอเข้าไปในศูนย์ควบคุมได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากเต๋อชิงเป็นบุคคลพิเศษทำให้เขาได้ใช้บริเวณทั้งหมดของชั้นบนสุดของตัวอาคารและยังมีแพทย์อีกสองคนคอยเฝ้าดูอาการป่วยของเขาอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย


 


 


สิ่งที่เขาไม่รู้คือทั้งศูนย์ควบคุมแห่งนี้มีเขาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งการจัดเตรียมนี้มีไว้เพื่อให้แผนของซิงเหอง่ายขึ้น


ตอนที่ 786 ปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า


 


 


ไม่นานกลุ่มของซิงเหอก็เดินทางมาถึงชั้นบนสุด แพทย์สองคนผู้ทำหน้าที่เฝ้าดูอาการของเต๋อชิงรายงานอาการของเขาให้ซิงเหอทราบ “อาการของผู้จัดการหวงชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ หลังจากการวินิจฉัยของพวกเรา เรายืนยันได้ว่าผู้จัดการหวงติดเชื้ออย่างแน่นอน”


 


 


ซิงเหอพยักหน้าและกล่าวด้วยเสียงนุ่ม “ข่าวล่าสุดจากนายน้อยบอกว่าเด็กชายที่ติดเชื้อเพิ่งจะเสียชีวิตไปและอาการของนายน้อยเองก็ไม่สู้ดีนัก”


 


 


สีหน้าของนายแพทย์ทั้งสองถอดสีเล็กน้อย “งั้นนี่ไม่ได้หมายความว่านายน้อยและผู้จัดการหวงจะ…”


 


 


“ใช่ เราไม่มีหวัง”


 


 


“งั้นเราควรทำยังไงดีครับ” แพทย์ทั้งสองคนเริ่มแสดงท่าทีเป็นกังวล ถ้าโรคนี้ถูกปล่อยให้แพร่ออกไปใครจะรู้ว่าจะต้องมีคนตายมากเท่าไหร่


 


 


“คุณเซี่ยครับ เราต้องเพิ่มจำนวนทีมแพทย์ เราไม่อาจปล่อยให้ไข้หวัดนี้แพร่กระจายออกไปได้อีก ผลที่จะตามมามันร้ายแรงเกินไป!” หนึ่งในนั้นเสนอแนะด้วยน้ำเสียงจริงจัง แพทย์อีกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอนั้น ทีมแพทย์ขนาดเล็กของพวกเขาไม่อาจควบคุมไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายออกไปได้ พวกเขายังกลัวด้วยว่าตัวเองอาจจะติดเชื้อเองด้วยซ้ำ แต่กระนั้นสิ่งที่พวกเขากลัวมากที่สุดคือการที่ตระกูลเฮ่อหลานจะตัดสินใจกำจัดพวกเขาและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าให้ราบคาบเพื่อป้องกันไม่ให้ความลับของพวกเขาถูกเปิดเผย


 


 


“นายน้อยจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เอง แต่จะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกจากที่นี่เป็นการชั่วคราว สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ปล่อยข่าวนี้ออกไปทั้งนั้น ไม่เช่นนั้น…” ซิงเหออ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่งและมันทำให้แพทย์ทั้งสองคนสะดุ้ง พวกเขาไม่เคยถูกจ้องมองด้วยสายตาที่คมกริบเช่นนี้มาก่อน ดูเหมือนเธอจะมองทะลุไปถึงความดำมืดที่อยู่ลึกที่สุดในจิตวิญญาณของพวกเขา


 


 


แต่ในวินาทีต่อมา ซิงเหอกลับมาเป็นปกติ “พวกคุณสองคนอยู่เวรมานานคงจะเหนื่อย ไปพักผ่อนก่อนเถอะ เราจะช่วยดูแลผู้จัดการหวงต่อเอง พวกคุณสองคนจะได้พักผ่อนแล้วก็ไปดูแลคนอื่นๆ ได้”


 


 


“ครับ!” แพทย์ทั้งสองคนเป็นแพทย์ทั่วไป ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกว่าการจัดการของซิงเหอนั้นสมเหตุสมผล เพราะถึงอย่างไรถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับคนที่สำคัญมากอย่างผู้จัดการหวง พวกเขาคงไม่อาจแบกรับความรับผิดชอบที่เกิดได้


 


 


หลังจากที่แพทย์ทั้งสองคนออกไป ซิงเหอก็สั่งให้วูลฟ์และแคร์นยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกประตูในขณะที่เธอและคนที่เหลือผลักประตูห้องผู้ป่วยของเต๋าชิงออกและเดินเข้าไปภายใน


 


 


เต๋อชิงกำลังนอนอยู่บนเตียงของเขาและไออย่างต่อเนื่อง เขามีไข้สูงและเห็นได้ชัดว่าเขากำลังรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก เมื่อเขาเห็นซิงเหอและพรรคพวกเดินเข้ามา เขาออกคำสั่งทันที “รีบเอายามาให้ฉันเร็วเข้า ถ้าพวกแกรักษาฉันไม่หาย… แค่ก… ฉันจะให้นายน้อยลงโทษพวกแกทุกคน… แค่ก…”


 


 


อาลิอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “แม้แต่ในเวลาแบบนี้ แกก็ยังมีแรงมาข่มขู่คนอื่นเขานะ”


 


 


“ในเมื่อมันอยากจะขู่พวกเรานัก ทำไมเราไม่ฆ่ามันทิ้งซะก่อนมันจะโวยวายมากไปกว่านี้ล่ะ!” แซมยิ้มมุมปากด้วยความเย็นชา


 


 


เต๋อชิงดูเหมือนจะรู้ได้ว่าบรรยากาศภายในห้องได้เปลี่ยนไปแล้วและเขาเบิกตาโพลงมองอีกฝ่ายด้วยความตกตะลึง สายตาหลายคู่ที่มองเขากลับมานั้นช่างดูแปลกประหลาดและไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย…


 


 


รังสีอำมหิตลอยคละคลุ้งอยู่ภายในห้องจนเต๋อชิงเอ่ยถามด้วยความหวาดวิตก “พวกแกวางแผนจะทำอะไรกันแน่ ฉันเป็นคนออกคำสั่งที่นี่นะ!”


 


 


“คุณเป็นคนข่มขู่พวกเราก่อน เราแค่ต้องป้องกันตัว” ซิงเหอกล่าวด้วยเสียงนุ่ม


 


 


เต๋อชิงเผยรอยยิ้มออกมาทันที “ฉันแค่ล้อเล่น ฉันจะไปข่มขู่พวกเธอทำไมกัน แค่ก… ต้องเป็นเพราะพิษไข้แน่ๆ … ฉันพูดไม่ดีออกไปและต้องขอโทษด้วยนะ เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกเธอช่วยหาทางรักษาฉันทีเถอะ…”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 787 พวกเราต้องการชีวิตของคุณ


 


 


“แต่พวกเราไม่ได้ล้อเล่น” ซิงเหอถอดหน้ากากอนามัยของเธอออกเพื่อเผยรอยยิ้มอันเยือกเย็น อาลิและคนที่เหลือทำแบบเดียวกันพร้อมแสดงความไม่เป็นมิตรให้อีกฝ่ายได้เห็น


 


 


เต๋อชิงลุกขึ้นนั่งด้วยหวาดวิตกและจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความหวาดระแวง “พวกแกตั้งใจจะทำอะไร ฉันเป็นผู้จัดการที่นี่นะ แม้แต่นายน้อยยังไม่กล้าแตะต้องฉัน ถ้าพวกแกกล้าลบหลู่ฉันแม้แต่นิดเดียว นายน้อยจะต้อง…”


 


 


“เขาจะต้องไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน” ซิงเหอกล่าวอย่างเลือดเย็น “หวงเต๋อชิง จะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณในคืนนี้”


 


 


“หมายความว่ายังไง…” เต๋อชิงควบคุมความกลัวของตัวเองที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนไม่ได้


 


 


“หมายความว่าเรากำลังจะเอาชีวิตของคุณไงล่ะ” ซิงเหอจ้องอีกฝ่ายเขม็งและพูดออกมา เต๋อชิงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร แซมก็เข้าไปคว้าตัวเขาและเหวี่ยงเขาลงจากเตียง


 


 


เต๋อชิงล้มลงกับพื้นอย่างไม่เป็นท่าและใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ “กล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้! จับพวกมันทั้งหมดเดี๋ยวนี้!”


 


 


แต่ไม่ว่าเขาจะส่งเสียงตะโกนดังเพียงใดก็ไม่มีใครเข้ามา กลุ่มของซิงเหอยังคงมีสติและสงบนิ่งเช่นเดิม นี่ทำให้เต๋อชิงเดือดดาล เขาพยุงตัวเองขึ้นอย่างรีบร้อนและรีบตรงไปที่หน้าต่าง


 


 


ก่อนที่เขาจะทันไปถึงหน้าต่าง เต๋อชิงถูกแซมกระชากตัวกลับมา อาลิเหยียบลงบนหน้าอกของเขาจนเขาแน่นิ่งอยู่กับที่


 


 


“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย มีคนจะมาฆ่าฉัน! ช่วยด้วย!” เต๋อชิงตะโกนจนสุดปอดแต่เนื่องจากพิษไข้ทำให้เสียงแหบและฟังออกได้ยาก ยิ่งเขาตะโกนมากเท่าไหร่ เสียงของเขาก็ยิ่งแย่มากขึ้นเท่านั้น


 


 


“แหกปากพอหรือยัง!” อาลิเพิ่มน้ำหนักลงบนฝ่าเท้าของเธอและมันทำให้เต๋อชิงไอมากขึ้นกว่าเดิมจนฟังดูราวกับเขากำลังจะไอเอาตับไตไส้พุงออกมาด้วย


 


 


หลังเสียงไอค่อยๆ ลดลง เต๋อชิงชำเลืองตามองไปยังกลุ่มของซิงเหอด้วยสีหน้าอันซีดเผือดและเรียกร้อง “ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดให้พวกแกเลยสักนิด ทำไมถึงมาขู่ฉันแบบนี้”


 


 


“ถูกต้อง คุณไม่เคยทำอะไรผิดให้พวกเรา แต่คุณทำเรื่องผิดหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานเกือบทั้งหมด เรากำลังเป็นตัวแทนสวรรค์และมาเพื่อมอบบทลงโทษที่สาสมให้คุณ” ซิงเหอประกาศอย่างเลือดเย็น


 


 


ในที่สุดเต๋อชิงก็เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เขาถามด้วยความตกใจ “นี่เป็นเพราะวิธีที่ฉันบริหารที่นี่อย่างงั้นเรอะ”


 


 


ซิงเหอยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย “คุณคิดจริงๆ เหรอว่าบริหารที่นี่ได้เป็นอย่างดีน่ะ”


 


 


“ทุกอย่างที่ฉันทำ เป็นคำสั่งที่นายท่านเฮ่อหลานสั่งให้ฉันทำ! ฉันแค่ทำตามคำสั่งของท่านเท่านั้น! พวกเราทำทั้งหมดนี่เพื่อตระกูลเฮ่อหลาน ดังนั้นอย่าบอกฉันนะว่ามือของพวกแกจะไร้มลทิน” เต๋อชิงโต้กลับ


 


 


ซิงเหอพยักหน้า “ถูกต้อง มือของพวกเราสกปรกจากการจัดการขยะอย่างคุณไงละ”


 


 


“งั้นใครให้สิทธิ์พวกแกมาทำกับฉันแบบนี้” เต๋อชิงเรียกร้อง “ถ้าพวกแกเก่งจริงละก็ ไปต่อกรกับนายน้อยหรือตระกูลเฮ่อหลานทั้งหมดสิ ฉันเป็นแค่เบี้ยตัวเล็กในแผนชั่วของพวกเขาเท่านั้น คนพวกนั้นต่างหากที่เป็นตัวการตัวจริง”


 


 


“นั่นคือเหตุผลที่เฮ่อหลานชางกลายเป็นตาแก่ติดเตียงไงล่ะ”


 


 


“แกว่าไงนะ” เต๋อชิงอึ้ง เขามองไปยังซิงเหอด้วยสายตาเหลือเชื่อ


 


 


ซิงเหอจ้องกลับมาที่อีกฝ่ายอย่างเยือกเย็นและพูดย้ำ “นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเฮ่อหลานชางถึงได้กลายเป็นตาแก่ติดเตียง”


 


 


“นายท่าน พวกแก… พวกแกเป็นคนทำให้นายท่านเป็นแบบนี้งั้นเรอะ” เต๋อชิงไม่ได้โง่ เขาปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้แทบจะในทันที ซิงเหอไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธอ แต่ดูจากวิธีที่เธอพูดถึงเรื่องต่างๆ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ไกลจากความจริงมากนัก เต๋อชิงไม่คาดคิดว่าพวกเธอจะกล้าพอที่จะต่อการกับเฮ่อหลานชาง


ตอนที่ 788 การแก้แค้น


 


 


คฤหาสน์ของตระกูลเฮ่อหลานนั้นเป็นดั่งป้อมปราการและเฮ่อหลานชางจะมีกลุ่มบอดี้การ์ดคอยประกบอยู่ข้างกายเขาเสมอ เขาเป็นคนที่ระแวดระวังตัวอย่างมาก แต่คนพวกนี้ยังสามารถจัดการเขาได้ คนพวกนี้ทำได้ยังไงกัน จากนั้นเต๋อชิงจึงตระหนักได้ว่าเขามีบางอย่างสำคัญกว่าที่จะต้องเป็นกังวล


 


 


เต๋อชิงมองตรงไปยังซิงเหอและถาม “พวกแกวางแผนจะทำอันตรายนายน้อยด้วยใช่ไหม ไข้หวัดนี่ก็เป็นฝีมือของพวกแกด้วยงั้นเรอะ!”


 


 


“ผู้จัดการหวงนี่เป็นคนฉลาดจริงๆ ถึงได้เดาได้อย่างแม่นยำเช่นนี้” ซิงเหอกล่าวพร้อมรอยยิ้มจาง


 


 


สีหน้าของเต๋อชิงซีดขาว “เป็นฝีมือของพวกแก!”


 


 


“ใช่แล้ว! แต่แกรู้เรื่องนี้ช้าเกิดไปหน่อย” อาลิพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย


 


 


เต๋อชิงปัดมือของเขาอย่างควบคุมไม่ได้ “ไม่ พวกแกฆ่าฉันไม่ได้ นายน้อยจะต้องสังเกตเห็นเรื่องนี้และสงสัยในการตายของฉัน ตระกูลเฮ่อหลานจะไม่มีวันปล่อยพวกแกให้เป็นอิสระแน่!”


 


 


“คุณคิดจริงๆ เหรอว่าเฮ่อหลานฉีจะมีเวลามาคิดเรื่องความเป็นความตายของคุณ” ซิงเหอถามพลางกดสายตาลงมองอีกฝ่าย เต๋อชิงจึงตระหนักได้ว่าเฮ่อหลานฉีเองก็กำลังดิ้นรนอยู่กับอาการป่วยอยู่เช่นกัน หากคนพวกนี้ตั้งใจจะจัดการกับเฮ่อหลานฉีแล้วมีหรือที่จะปล่อยคนที่มีความสำคัญน้อยกว่าอย่างเขาไป


 


 


“พวกแกเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงทำแบบนี้” เต๋อชิงถามพร้อมกับหัวใจที่จุกอยู่ที่คอ เม็ดเหงื่อไหลรินจากหน้าผาก อาการไอของเขาหายไปอย่างน่าอัศจรรย์เมื่อเขาต้องเผชิญหน้าอยู่กับความตาย


 


 


“เหตุผลที่เราทำแบบนี้ก็เพื่อ…แก้แค้น” ซิงเหอตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น สายตาของเธอที่กำลังพิจารณาอีกฝ่ายนั่นเย็นยะเยือกราวกับอากาศบนหลุมฝังศพของใครสักคน “เต๋อชิง บรรดาเด็กกำพร้าที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรแต่ต้องตายเพราะน้ำมือคุณได้กลับมาหลอกหลอนคุณแล้ว”


 


 


เต๋อชิงเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว ปกติแล้วเต๋อชิงคิดว่าการฆ่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ ณ ขณะนั้น ความหวาดกลัวอัดแน่นอยู่ในหัวใจของเขา “ทั้งหมดเป็นเพราะเฮ่อหลานชางสั่งให้ฉันทำ ฉันแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น! ฉันไม่ได้ฆ่าเด็กพวกนั้น ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพวกมัน! แกจะมาใส่ความฉันแบบนี้ไม่ได้ ฉันสาบานได้ว่าฉันไม่เคยลงมือฆ่าใครมาก่อนด้วยซ้ำ!”


 


 


“ตอแหล!” อาลิเตะเขาที่หน้าอกของเขาอย่างแรง เธอโกรธมากพอที่จะฆ่าชายตรงหน้าได้แล้ว “แกอาจจะไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าเด็กพวกนั้น แต่แกเป็นคนออกคำสั่ง หวงเต๋อชิง แกฆ่าเด็กบริสุทธิ์ไปมากมายจนต่อให้แกต้องตายอีกเป็นพันครั้งก็ไม่สาสมกับบาปที่แกทำเอาไว้ ในเมื่อแกมีความกล้าที่จะออกคำสั่ง งั้นแกก็ควรเตรียมตัวที่จะเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น!”


 


 


เต๋อชิงไอด้วยความยากลำบากก่อนที่อยู่ๆ จะหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “พวกแกไม่มีทางรอดออกไปจากที่นี่ได้ถ้าพวกแกฆ่าฉัน ทุกคนที่นี่เป็นคนของตระกูลเฮ่อหลาน พวกแกจะอธิบายการตายของฉันให้พวกเขาฟังได้ยังไง! แต่…”


 


 


เต๋อชิงพูดช้าลงและเริ่มข่มขู่ “ถ้าพวกแกไว้ชีวิตฉัน ฉันจะทำเหมือนว่าทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น ไม่งั้นก็ตายมันด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ! ฉันมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลาน พวกเขาไม่มีทางเพิกเฉยต่อการตายของฉันง่ายๆ แน่”


 


 


เต๋อชิงคิดว่านี่จะทำให้อีกฝ่ายกลัวและอันที่จริงมันทำให้กลุ่มของซิงเหอต้องคิดใหม่…


 


 


ซิงเหอดูเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “เราไม่ฆ่าคุณก็ได้ แต่บอกทุกอย่างที่คุณรู้มา ไม่งั้นเราจะโยนคุณออกหน้าต่างไปเดี๋ยวนี้!”


 


 


ทันใดนั้นแซมพุ่งตัวไปคว้าเต๋อชิงและลากเขาตรงไปที่หน้าต่าง แซมพลักหน้าต่างให้เปิดออกและลมในยามค่ำพัดเข้ามาภายในห้อง…


 


 


แซมกระชากร่างกายส่วนบนของเต๋อชิงออกไปพ้นขอบหน้าต่างและเมื่อเต๋อชิงมองลงไปยังความมืดเบื้องล่าง เขารู้สึกได้ว่าขาของตัวเองไร้เรี่ยวแรง ห้องของเขาตั้งอยู่บนชั้นสิบ การตกลงไปจากที่นี่มีแต่ตายสถานเดียว


 


 


เมื่อเห็นความหวาดกลัวของอีกฝ่าย แซมกระชากตัวเขากลับเข้ามาภายในห้องและโยนอีกฝ่ายลงกับพื้นก่อนปิดหน้าต่าง


 


 


เต๋อชิงอ่อนแรงจากการถูกโยนไปทั่วห้อง เขาให้พลังเฮือกสุดท้ายในการลากตัวเองไปที่ผนังด้านหนึ่ง เขาพิงตัวกับผนังและชำเลืองตามองอีกฝ่าย “พวกแกไม่กล้าฆ่าฉันหรอก ฉัน…”


 


 


ก่อนที่เต๋อชิงจะทันได้พูดจบประโยค เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะแขนข้างหนึ่งของเขาถูกบิดจนผิดรูปอย่างฉับพลัน เม็ดเหงื่อไหลรินบนใบหน้าของเขาและในที่สุดเขาก็รู้ซึ้งแล้วว่าคนพวกนี้เอาจริง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 789 จัดการคุณด้วยตัวฉันเอง


 


 


“ถ้าแกยังไม่ให้ความร่วมมือ ต่อไปจะเป็นหูของแก!” อาลิดึงมีดสั้นของเธอออกมาและลากด้านคมมีดไปตามคางของเต๋อชิง เต๋อชิงกลัวมาก นี่อาจเป็นเรื่องตลก แต่ส่วนมากแล้วคนไร้หัวใจที่ทำร้ายคนอื่น ส่วนมากมักเป็นพวกขี้ขลาด คนพวกนี้มักทำราวกับชีวิตของคนอื่นไม่มีค่า แต่กลับให้ค่าชีวิตของตัวเองจนสูงส่ง และเพื่อที่จะมีชีวิตรอด พวกคนนี้จะยอมสัญญาอะไรก็ได้ทั้งนั้น


 


 


เต๋อชิงพยักหน้าโดยไม่คิด “ฉันจะบอกทุกอย่าง! แต่พวกแกอยากรู้อะไรล่ะ ไม่ใช่ว่าพวกแกรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับที่นี่หมดแล้วอย่างงั้นเรอะ”


 


 


“คุณส่งพวกเด็กๆ ไปที่นั่นทุกครั้งได้ยังไง” ซิงเหอถามขึ้นอย่างฉับพลัน เต๋อชิงชะงักก่อนจะตระหนักได้ว่าซิงเหอกำลังพูดถึงอะไร ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ว่าเขาประเมินผู้หญิงคนนี้ต่ำไป เธอไม่ปล่อยให้รายละเอียดเล็กๆ หลุดมือไป และเธอจะบีบเค้นเอาข้อมูลทุกหยดที่เธอจะสามารถเอาจากเขาได้…


 


 


“พูด!” เต๋อชิงสัมผัสได้ถึงความเย็นของโลหะจากมีดสั้นของอาลิที่จ่ออยู่ที่คอของเขา เขาพูดโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว “พวกเขาส่งคนไปเอาเด็กมา ฉันแค่ต้องจัดการส่งคนไปด้วยนิดหน่อยเท่านั้น”


 


 


“อะไรอีก”


 


 


“หมดแล้ว ฉันแค่มีหน้าที่ในการบ่มเพาะเด็กเท่านั้น ฉันไม่รู้เรื่องอะไรนอกเหนือจากนี้”


 


 


ซิงเหอพยักหน้าและถามต่อ “จะมีเด็กตายกี่คนในแต่ละปี”


 


 


เต๋อชิงตอบอย่างซื่อตรง “นิดหน่อยเท่านั้น ไม่เยอะ”


 


 


“นิดหน่อยคือเท่าไหร่” ซิงเหอถามพลางเลิ่กคิ้วขึ้น


 


 


เต๋อขิงตอบหลังจากกลืนน้ำลาย “เด็กกำพร้าหนึ่งหรือสองคนจะตายทุกปี ฉันสาบานได้”


 


 


“ดูเหมือนคุณจะยังไม่เรียนรู้บทเรียนสินะ ตัดหูเขาออกข้างหนึ่ง!” ซิงเหอออกคำสั่งอย่างฉับพลัน


 


 


อาลิกระชับมีดสั้นมือขณะที่เต๋อชิงพูดเสริมอย่างลนลาน “สี่หรือห้าคน จะมากกว่านี้ไม่ได้ ไม่งั้นเราจะพูดจับได้ เราจะเสี่ยงไม่ได้!”


 


 


“สี่หรือห้าคนนี่เรียกว่านิดหน่อยงั้นเรอะ” ซิงเหอเย้ย สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลเปิดทำการมานานหลายทศวรรษ ถ้ามีการตายสี่ถึงห้าคนต่อปี แล้วจะมีเด็กตายไปแล้วทั้งหมดเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นเต๋อชิงจะต้องบอกตัวเลขที่บิดเบือนอย่างแน่นอนและตัวเลขที่แท้จริงจะต้องสูงกว่านั้นมาก!


 


 


ข้อสรุปนี้พิสูจน์ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่มนุษย์!


 


 


“ซิงเหอ เลิกเสียเวลาแล้วฆ่ามันกันเถอะ!” อาลิเปล่งเสียงลอดไรฟันที่ขบแน่น แค่คิดว่ามีชีวิตที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มากมายต้องตายเพราะฝีมือของผู้ชายคนนี้ อาลิก็ไม่อาจรอที่จะปักมีดสั้นในมือเธอลงไปที่หัวใจของอีกฝ่ายไว้ไม่ได้


 


 


เต๋อชิงร้องด้วยความหวาดวิตก “ฉันให้ความร่วมมือแล้วไง พวกแกรับปากแล้วว่าจะไว้ชีวิตฉัน!”


 


 


“เราพูดว่าเราจะไม่ฆ่าคุณ แต่ไม่ได้หมาบความว่าเราจะไม่ทำอย่างอื่น” ซิงเหอตอบอย่างเยือกเย็น


 


 


เต๋อชิงมองซิงเหอด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุด “พวกแกวางแผนจะทำอะไร”


 


 


“ยา” ซิงเหอไม่ตอบแต่กลับยื่นมือของเธอไปทางลู่ฉี เขาหยิบเข็มฉีดยาออกมาจากกระเป๋ายาของเขา “ยานี่จะทำให้เขาไม่สามารถขยับหรือพูดได้อีกตลอดชีวิต เขาจะมีสภาพเหมือนผักแต่จะยังรู้สึกตัว”


 


 


ใบหน้าของเต๋อชิงเปลี่ยนเป็นสีขาวโดยสิ้นเชิง—


 


 


จากนั้นเขาเห็นซิงเหอเดินตรงมาทางตัวเองพร้อมกับเข็มฉีดยาในมือ แววตาของเธอเยือกเย็นไร้ความปรานีใดๆ


 


 


“ไม่ แกจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้ ไม่… ช่วยฉันด้วย ช่วย…”


 


 


ปากของเต๋อชิงถูกแซมปิดจนสนิท อาลิกดแขนและขาของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้ดิ้น เต๋อชิงดิ้นรนด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามีแต่ไม่เป็นผล ผู้จัดการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทหารรับจ้างมืออาชีพสองคนอยู่แล้ว


 


 


ซิงเหอหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาและย่อตัวลง เธอพูดใส่หน้าอีกฝ่าย “ปกติฉันจะไม่มายุ่งกับคนอย่างคุณด้วยตัวเองเพราะมันเสียเวลา ดังนั้นจงภูมิใจในตัวเองไว้ด้วยนะเพราะคุณทำให้ฉันยอมมือสกปรกด้วยตัวเองได้ ความโสมมของคุณมันใหญ่หลวงมากจนฉันต้องกำจัดความโกรธออกด้วยตัวของฉันเอง จำไว้ กรรมมันตามสนองเสมอ—”


 


 


เมื่อพูดจบ ซิงเหอจัดการปักเข็มฉีดยาลึกลงไปที่แขนของอีกฝ่ายทันที!


ตอนที่ 790 นรกของพวกมัน!


 


 


ดวงตาของเต๋อชิงเบิกกว้างที่สุดเท่าที่เคยทำมาในชีวิต ความกลัวปรากฏเด่นชัดในดวงตาคู่นั้น กระนั้นซิงเหอไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ เธอจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเลือดเย็น เธอต้องการให้แน่ใจว่าเต๋อชิงกำลังจ้องมองเข็มฉีดยาที่กำลังปักอยู่ที่แขนของเขาก่อนที่เธอจะค่อยๆ ฉีดตัวยาเข้าไปในกระแสเลือดของเขาอย่างช้าๆ การกระทำของเธอนั้นเนิบช้าราวก้อนน้ำแข็งในสายตาของเต๋อชิง…


 


 


นั่นเป็นช่วงวินาทีที่น่าสยดสยองและทรมานที่สุดสำหรับเต๋อชิง ความหวาดกลัวในดวงตาของเขาทวีเพิ่มมากขึ้น กล้ามเนื้อตามร่างกายของเขาเกร็งราวกับเหล็ก หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น เขากลัวมากจนเกือบจะตายไปตรงนั้น


 


 


เมื่อตัวยาทั้งหมดถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของเต๋อชิง ความหวาดกลัวของเต๋อชิงพุ่งถึงขีดสุด ดวงตาของเขาว่างเปล่าและร่างกายของเขาเริ่มกระตุกอย่างผิดธรรมชาติ แซมและอาลิปล่อยมือจากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เต๋อชิงทิ้งตัวลงกับพื้นด้วยท่าทางบิดเกร็ง ฟองสีขาวเริ่มออกมาจากปากของเขา


 


 


“ลมชัก” แซมออกความเห็นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยและถากถาง


 


 


“เขากลัวมากเกินไปจนร่างกายของเขาไม่อาจแบกรับได้” ลู่ฉีอธิบาย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหมอแต่การได้มองดูปีศาจแบบนี้ถูกลงโทษก็ทำให้เขารู้สึกดี


 


 


อาลิเตะใส่เต๋อชิงอีกครั้งเพื่อระบายความโกรธของเธอ “มันสมควรโดนแล้ว! ตอนสั่งให้ฆ่าเด็กๆ พวกนั้นไม่กลัวแต่กลับมากลัวเอาตอนนี้เนี่ยนะ ไอ้ขี้แพ้เอย”


 


 


“แก พวกแก…” ทันใดนั้นเต๋อชิงเขวี้ยงมือของเขาออกมาและจ้องมองไปยังอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชัง เขาทำได้เพียงเปล่งเสียงคำไม่กี่คำออกมาก่อนที่ร่างกายของเขาจะกระตุกอีกและแขนทั้งสองข้างของเขาร่วงลงข้างตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง เขาตระหนักได้ว่าเขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะขยับตัวหรือแม้แต่จะพูด นี่ฉันกำลังจะกลายเป็นผักจริงๆ งั้นเรอะ เป็นไปไม่ได้…


 


 


เต๋อชิงพยายามอย่างมากเพื่อที่จะลุกขึ้นยืนแต่ร่างกายของเขากลับแข็งทื่อ เขาไม่อาจขยับได้แม้แต่ปลายนิ้วต่อให้พยายามมากเพียงใด นั้นเองที่เต๋อชิงได้รู้ความหมายที่แท้จริงของความกลัว เขาสื่อความต้องการความช่วยเหลือผ่านทางสายตาไปยังกลุ่มของซิงเหอ ความหวาดกลัวว่ายเวียนอยู่ภายในดวงตาทั้งสองข้างของเขา แต่พวกของซิงเหอกลับยืนมองด้วยความนิ่งเฉยอยู่เงียบๆ


 


 


“เอาเขากลับไปไว้บนเตียง เขาไม่สามารถขยับตัวได้เองอีกแล้ว” ลู่ฉีกล่าว แซมและอาลิดึงตัวเต๋อชิงขึ้นและเหวี่ยงร่างของเขาขึ้นไปบนเตียงอย่างลวกๆ


 


 


พวกเขาเมินเฉยต่อความเจ็บปวดของเต๋อชิงและหันไปทางซิงเหอ “ซิงเหอ เราจะทำอะไรต่อ”


 


 


หลังจัดการกับเต๋อชิงแล้ว พวกเขาต้องการจัดการกับพวกคนชั่วคนอื่นที่เหลืออยู่


 


 


ซิงเหอยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย “ต่อไปเราจะเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นนรกของจริง แต่เป็นนรกสำหรับพวกมัน!”


 


 


อาลิส่งเสียงเชียร์ “งั้นก็ลุยกันเลย!”


 


 


ซิงเหอไม่ชอบให้ทุกอย่างยืดเยื้อ ในเมื่อแผนการได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเธอต้องการที่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!


 


 


คืนนี้เธอจะทำให้คนพวกนั้นเข้าใจความหมายของความว่ากรรม ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับความโสมมนี่จะต้องชดใช้ ไม่มีใครลอยนวลไปได้ทั้งนั้น!


 


 


เหล่าคนบาปที่ถูกกักบริเวณไว้ต่างไม่รู้เลยว่านรกกำลังรอคอยพวกเขาอยู่ ซิงเหอจะไม่แสดงความเมตตาอะไรต่อคนพวกนั้นทั้งสิ้น เช่นเดียวกับกลุ่มของอาลิ พวกเขาพรวดพราดเข้าไปภายในห้องแต่ละห้องและฉีดยาให้กับคนพวกนั้น


 


 


ตัวยาที่ฉีดให้กับคนพวกนั้นแตกต่างกับที่ฉีดให้กับเต๋อชิง ตัวยานี้เพียงแค่ทำให้อาการป่วยของพวกเขาทวีความรุนแรงขึ้นอีกแต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต คนพวกนี้จะมีชีวิตอยู่เพื่อประสบกับความทรมานในทุกวินาทีจากการเจ็บปวดนี้


 


 


สำหรับเด็กๆ กลุ่มของซิงเหอให้มอบยาน้ำชนิดหนึ่งแก่พวกเขา พวกเขาจะแสดงอาการของไข้และหมดสติไป แต่จะไม่มีอันตรายใดๆ กับร่างกายของเด็กๆ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 791 ไฟ


 


 


ทั้งหมดเป็นแผนเพื่อสร้างภาพลวง แผนของซิงเหอคือการใช้เชื้อไข้หวัดในการทำลายสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ให้สิ้นซาก พวกเธอจะไม่ยอมปล่อยให้มันดำเนินการต่อไปได้อีกในอนาคต เอกสารที่อยู่ที่ชั้นใต้ดินถูกนำออกไปจนหมดหลังจากที่เธอจัดการแฮ็กระบบล็อก ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น


 


 


ก่อนที่พระอาทิตย์จะสาดแสง ทุกคนที่อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าล้มป่วย เชื้อไข้หวัดนั้นรุนแรงมากจนแม้แต่บอดี้การ์ดและบรรดาแพทย์ปฏิเสธที่จะเข้าใกล้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อให้พวกเขาใส่ชุดป้องกันเชื้อไวรัสแล้วก็ตาม มีเพียงกลุ่มของซิงเหอเท่านั้นที่อาสาทำงานนี้


 


 


ในขณะเดียวกัน เฮ่อปินได้รับการข้อมูลความคืบหน้าจากซิงเหอ สมาชิกที่สำคัญทุกคนของตระกูลเฮ่อหลานได้รับการอธิบายเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เมื่อพวกเขาเห็นวิดีโอที่ซิงเหอเป็นคนถ่าย พวกเขารู้สึกตกใจเพราะไม่คิดว่าเชื้อไข้หวัดจะเป็นอันตรายถึงเพียงนี้


 


 


แม้แต่เฮ่อหลานฉีผู้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษโดยทีมแพทย์ยังเอาแทบเอาชีวิตไม่รอดไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษแบบตนเอง แต่กระนั้นสิ่งที่คนตระกูลเฮ่อหลานตอบสนองหลังจากได้เห็นความทุกข์ทรมานเหล่านี้ไม่ใช่การส่งคนไปช่วยเหลือแต่กลับเป็นการทำลายทุกสิ่งที่อยู่ที่นั่นเพื่อปกปิดทุกอย่าง!


 


 


เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนหลายคนเกินไปและจะปล่อยให้ข่าวรั่วไหลออกไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะพังพินาศไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่มีทรัพยากรมากพอที่จะช่วยเหลือคนมากขนาดนั้น และถ้าพวกเขานำพาความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าไป ความลับของพวกเขาก็จะต้องรั่วไหลอย่างแน่นอน


 


 


ดังนั้นพวกเขาจึงเสนอให้ทำลายสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลให้ราบเป็นหน้ากลองด้วยเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ เมื่อเฮ่อปินได้ยินการตัดสินใจที่ไร้หัวใจของคนเหล่านั้นผ่านการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอ เขาก็รู้สึกเย็นเยือกไปทั้งหัวใจ นี่คือตระกูลเฮ่อหลานที่ทุกคนล้วนแล้วแต่ไร้หัวใจ แต่ก็อีกนั่นแหละ หากคนเหล่านี้ไม่โหดเ**้ยมเช่นนี้ เฮ่อหลานชางคงไม่เก็บคนพวกนี้เอาไว้แน่


 


 


เป็นเพราะการตัดสินใจที่โหดเ**้ยมเช่นนี้ที่ทำให้ความลับของตระกูลเฮ่อหลานถูกปกปิดและไม่เป็นที่สังเกตมาได้นานขนาดนี้ และเฮ่อปินเองก็จำเป็นต้องเล่นละครสวมบทบาทเป็นคนไร้หัวใจด้วยเช่นกัน เขาอนุมัติการตัดสินใจของคนพวกนั้นที่จะทำลายทุกคนและทุกสิ่งที่ยังคงถูกกักบริเวณอยู่ภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนั้น


 


 


ถึงแม้ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ แต่กลับไม่มีใครต้องการจะเป็นคนลงมือทำ พวกเขากลัวที่จะติดเชื้อ ในที่สุดคนพวกนั้นรวมตัวกันโยนความรับผิดชอบทุกอย่างไว้บนบ่าของเฮ่อปินด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเป็นผู้นำของตระกูล เฮ่อปินคาดคะเนทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มงูพิษพวกนี้เอาไว้แล้ว แต่เขายินดีที่จะแบกรับความรับผิดชอบนี้เอาไว้


 


 


เมื่อซิงเหอได้รับข่าวจากเขา เธอก็พูดพร้อมกับรอยยิ้ม “งั้นเราจะทำตามแผนต่อไป ปล่อยที่เหลือให้เราจัดการเอง”


 


 


“ตกลง ระวังตัวด้วยละ”


 


 


“ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานทุกอย่างจะจบ” ซิงเหอวางสายหลังให้คำมั่นเช่นนั้น เฮ่อปินเองก็ปิดโทรศัพท์ของเขาและจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่บริเวณกระจกมีชั้นน้ำแข็งปรากฏให้เห็น ยามค่ำคืนภายนอกคงจะหนาวจนเหมือนกับน้ำแข็ง แต่กระนั้นเลือดภายในกายของเฮ่อปินกลับเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้นที่มีต่อภารกิจที่มีคุณภาพและมีเกียรตินี้…


 


 



 


 


บรรดาแพทย์และบอดี้การ์ดที่ไม่ได้ติดเชื้อถูกส่งตัวออกไป เหล่าเด็กกำพร้าถูกแอบพาออกไปล่วงหน้าอย่างลับๆ เช่นกัน


 


 


จากนั้นทั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกราดด้วยน้ำมัน กลิ่นเหม็นอันบาดจมูกคละคุล้มไปทั่ว ทุกคนในกลุ่มของซิงเหอถือไฟแช็กไว้ในมือ พวกเขาพิจารณาตัวอาคารที่ว่างเปล่าตรงหน้าด้วยแววตาที่เมินเฉย


 


 


“เริ่มได้!” หลังจากที่ซิงเหอพูดเช่นนั้น เธอจุดไฟแช็กในมือก่อนจะโยนมันไปยังอาคารหลังหนึ่ง จากนั้นทุกคนจึงเริ่มทำตาม


 


 


เพลิงไหม้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงนั้นดูเหมือนเพลิงแห่งการชำระล้างจากพระเจ้าในขณะที่มันกำลังเผาทำลายทุกอย่างจะราบคาบ กลืนกินทุกอย่างที่แปดเปื้อนไปด้วยบาป


ตอนที่ 792 จุดจบของตระกูลเฮ่อหลาน


 


 


กลุ่มของซิงเหอยืนอยู่หน้าเพลิงไหม้ที่กำลังลุกโหม ดวงตาของพวกเธอสะท้อนภาพเปลวไฟที่กำลังโชติช่วงไปถึงท้องฟ้า อารมณ์ของทุกคนกำลังเร่าร้อนเช่นเดียวกับเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่เบื้องหน้า เพราะเปลวไฟนี่เป็นสัญลักษณ์ถึงจุดสิ้นสุดของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลและจุดจบของตระกูลเฮ่อหลาน!


 


 


ใช่แล้ว นี่จะเป็นจุดจบของตระกูลเฮ่อหลาน คนพวกนั้นคิดว่าไฟจะสามารถปกปิดร่องรอยได้แต่หารู้ไม่ว่าเปลวเพลิงนี้จะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของเปลวเพลิงจากนรกที่กำลังรอคนพวกนั้นอยู่!


 


 


เฮ่อปินไม่ได้ทำตามคำสั่งของคนพวกนั้นเพื่อปกปิดทุกอย่าง อันที่จริง เขาจะให้เหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ในการเปิดโปงทุกสิ่ง!


 


 


เหตุเพลิงไหม้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของประเทศ R ในวันต่อมา ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกับนักข่าวต่างพากันมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ในเวลาเพียงวันเดียว แทบทุกคนต่างได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเหตุเพลิงไหม้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิล


 


 


ทุกคนติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิดและชุยเชี่ยนระดมกำลังเข้าจับกุมทุกคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฮ่อหลานในทันที การทำการบ้านมานานหลายปีของเขาในที่สุดก็ให้ผลตอบแทน ในแบล็กลิสต์ของเขามีรายชื่อทุกคนที่เคยทำงานให้ตระกูลเฮ่อหลาน ด้วยคำสั่งของประธานาธิบดี เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าล้อมจับกุมคนพวกนี้และไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้หลบหนี


 


 


แม้แต่ที่ฐานปล่อยดาวเทียมยังถูกแวดล้อมไปด้วยกองกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ที่นั่นถูกปิดล้อมและคนที่ถูกจับกุมวิ่งพล่านไปทั่ว!


 


 


กลุ่มของซิงเหอเองก็ไปถึงที่นั่นตั้งแต่แรกเช่นกัน เธอคิดว่าเธอจะสามารถหาที่อยู่ของผู้เป็นแม่ได้จากที่ฐานแห่งนั้นและอีเฉินเองก็คิดแบบเดียวกัน แต่กระนั้นหลังจากจับกุมตัวทุกคนแล้วก็ยังไม่พบตัวพ่อแม่ของพวกเธอ


 


 


พวกเธอแทบจะพลิกฐานปล่อยดาวเทียมเพื่อค้นหาแต่ก็ไม่พบ


 


 


ซิงเหอรู้สึกสับสน “ทำไมพวกเขาไม่อยู่ที่นี่”


 


 


เธอคิดว่าพวกเขาจะต้องอยู่ที่นี่อย่างแน่นอนเพราะเหล่าเมล็ดพันธุ์ที่ดีและถูกจัดเลือกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะถูกส่งมาทำงานที่นี่ ซิงเหอยังสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติเพราะไม่มีคนในวัยหนุ่มสาวที่ซึ่งดูเก่งกาจเป็นพิเศษทำงานอยู่ที่ฐานแห่งนี้เลย


 


 


เป็นเรื่องน่าสงสัยเพราะสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะส่งเด็กที่มีความสามารถมาที่นี่ทุกปี พูดกันตามหลักแล้วควรจะมีคนทุกวัยอยู่ที่นี่และจำนวนของแต่ละช่วงอายุก็ไม่ควรจะแตกต่างกันมากนัก แต่กระนั้นพวกเธอกลับพบว่าที่นี่แทบไม่มีผู้ใหญ่ที่อยู่ในอายุช่วงยี่สิบถึงสามสิบปีเลย คนในช่วงอายุดังกล่าวดูเหมือนจะหายตัวไป


 


 


คนพวกนั้นควรจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะมาสานต่องานวิจัยของพวกเขา ดังนั้นฐานแห่งนี้ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมากแต่คนพวกนั้นกลับหายไปอยู่ที่ไหนกัน


 


 


“พาตัวคนที่รับผิดชอบที่นี่มาแล้วสืบให้รู้เรื่อง ที่นี่จะต้องมีความลับซ่อนอยู่อีกมากเหมือนกัน” มู่ไป๋กระซิบบอกซิงเหอ


 


 


ซิงเหอพยักหน้าและให้ตำรวจพาพวกเธอไปพบกับผู้รับผิดชอบซึ่งถูกจับตัวเอาไว้แล้ว ผู้จัดการคนนั้นมีชื่อว่าเฮ่อหลานหลง เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเฮ่อหลานชาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาไม่คิดว่าฐานของเขาจะถูกตำรวจเข้าจู่โจมอย่างกะทันหันเช่นนี้


 


 


เมื่อซิงเหอและคนอื่นๆ เดินทางมาถึง เฮ่อหลานหลงกำลังอยู่ระหว่างการต่อปากต่อคำกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติการในครั้งนี้ “ที่นี่ไม่มีสิ่งผิดปกติอะไรสักหน่อย และมันเป็นสถานที่ส่วนบุคคลด้วย พวกแกไม่มีสิทธิ์มาจับกุมใครที่นี่ทั้งนั้น! ฉันจะบอกให้นะว่าตระกูลเฮ่อหลานของเราไม่ใช่อะไรที่พวกแกจะมาล่วงเกินได้ ถ้าแกไม่ถอนกำลังไปตั้งแต่ตอนนี้ พวกแกทุกคนไม่มีทางแบกรับสิ่งที่จะตามมาได้แน่!”


 


 


“ฉันอยากจะเห็นว่าผลลัพธ์แบบไหนที่ตระกูลเฮ่อหลานซึ่งกำลังจะล่มสลายจะยังสามารถสร้างขึ้นมาหาเรื่องคนอื่นได้” ซิงเหอเอ่ยปาก


 


 


เฮ่อหลานหลงกันไปมองเธอและสีหน้าของเขาดำมืดขึ้น “แกว่าอะไรนะ!”


 


 


ซิงเหอหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน “ฉันบอกว่า ตระกูลเฮ่อหลานกำลังจะล่มสลาย”


 


 


“เป็นไปไม่ได้!” เฮ่อหลานหลงปฏิเสธอย่างควบคุมไม่ได้เพราะเขารู้ดีว่าตระกูลเฮ่อหลานนั้นทรงพลังมากแค่ไหน


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 793 โลกกำลังจะถึงจุดจบ


 


 


ตระกูลเฮ่อหลานใช้เวลานานหลายปีในการสร้างอำนาจและอิทธิพลของพวกเขาขึ้นมา จึงไม่มีทางที่พวกเขาจะถูกโค่นอำนาจลงได้ภายในคืนเดียว หากพวกเขาล่มสลาย ทั้งประเทศก็จะได้รับผลกระทบ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่เคยได้ยินถึงอันตรายใดที่จะมีผลกระทบกับตระกูลมาก่อน ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่อยู่ๆ จะเกิดขึ้นได้


 


 


“เป็นไปไม่ได้งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกคุณทุกคนถึงได้ถูกจับล่ะ สมาชิกของตระกูลเฮ่อหลานทุกคนอยู่ภายใต้การควบคุมหมดแล้วและตำรวจได้พบหลักฐานการกระทำผิดทั้งหมดของพวกคุณด้วย ดังนั้นคุณควรจะเก็บลมหายใจของตัวเองเอาไว้ดีกว่าเพราะไม่มีพวกคุณคนไหนหนีไปได้หรอก”


 


 


สีหน้าของเฮ่อหลานหลงซีดเผือดทันที ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อในสายตาของคนอื่นๆ เรื่องนี้เป็นเหมือนสายฟ้าที่ผ่าลงในเวลากลางวันแสกๆ โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ทุกอย่างยังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาไม่มีแม้แต่เวลาจะเตรียมตัว พวกเขาไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้เพราะมันหมายถึงการทุ่มเทนับสิบปีและการเสียสละที่ผ่านมาทั้งหมดของพวกเขากำลังจะสูญเปล่า!


 


 


“เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ ฉันจะไม่เชื่อเรื่องนี้!” เฮ่อหลานหลงร้องอุทานด้วยความปั่นป่วน ความเกรี้ยวกราดที่กำลังปะทุอยู่ในตัวเขาพุ่งตรงไปยังซิงเหออย่างเต็มที่ “ตระกูลเฮ่อหลานของเราไม่มีวันล่มสลายลงง่ายๆ ไม่มีใครสามารถบั่นทอนพลังของพวกเราได้ พวกเราเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ ไม่มีใครสามารถทำอันตรายพวกเราได้ทั้งนั้น!”


 


 


“แล้วถ้าคนคนนั้นคือเฮ่อหลานฉีล่ะ” ซิงเหอถาม


 


 


เฮ่อหลานหลงชะงัก “แกว่าไงนะ”


 


 


แซมเป็นคนที่ชอบทรมานคนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้พบกับคนที่สมควรโดนทรมาน เขาพูดเสริมขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก “เฮ่อหลานฉีเป็นคนให้หลักฐานทั้งหมดในการทำลายตระกูลเฮ่อหลานจากข้างในไงละ!”


 


 


“อะไรนะ…” เฮ่อหลานหลงชะงักไปด้านหลังเล็กน้อย ร่างกายของเขาโงนเงนไปมาราวกับว่าเขาจะทรุดลงไปเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นฝีมือของเฮ่อหลานฉีที่เป็นคนเปิดโปงทุกอย่าง… ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นจุดจบจริงๆ แล้ว!


 


 


“ไอ้คนทรยศ!” เฮ่อหลานหลงตะโกนด้วยความอาฆาต เขาหวังให้เฮ่อหลานฉียืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้เพื่อที่เขาจะได้สามารถฉีกอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นๆ ได้ คนอื่นๆ ต่างรู้สึกโกรธแค้นไม่ต่างกัน


 


 


“เฮ่อหลานฉีขายพวกเราอย่างนั้นเรอะ! ไอ้คนทรยศนั่นทำลายทุกอย่าง!”


 


 


“มันไปช่วยคนนอกทำลายทุกอย่างที่พวกเราสร้างขึ้นมาแบบนี้ได้ยังไง มันกำลังคิดอะไรอยู่!”


 


 


“เฮ่อหลานฉี ฉันจะฆ่ามัน!”


 


 


ทุกคนที่นั่นปั่นป่วนและเกรี้ยวกราด จนดูเหมือนเฮ่อหลานฉีได้ลงมือฆ่าพ่อแม่ของพวกเขาหรืออะไรแบบนั้น กลุ่มของซิงเหอตกใจเล็กน้อยเพราะพวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าคนพวกนี้จะร่วมใจกันต่อต้านศัตรูที่คุ้นเคยกันแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ภายในความโกรธแค้นของพวกเขานั้นมีความบ้าคลั่งแอบซ่อนเอาไว้อยู่


 


 


มู่ไป๋ดึงซิงเหอมาอยู่ข้างกายโดยอัตโนมัติด้วยกลัวว่าคนพวกนี้จะพุ่งเข้าจู่โจมพวกเขาอย่างกะทันหัน กลุ่มของทหารและตำรวจยืนประจำที่และเตรียมพร้อม หากมีใครคิดจะก่อจลาจลพวกเขาจะยิงโดยไม่ลังเล


 


 


“เฮ่อหลานฉีทำแบบนี้เพราะเขาไม่อาจทนเห็นความชั่วที่พวกคุณก่อได้อีกต่อไป สุดท้ายพวกคุณเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าได้ลงมือทำชั่วอะไรเอาไว้บ้าง” ซิงเหอโพล่งขึ้นอย่างฉับพลัน


 


 


เฮ่อหลานหลงเหลือบมองซิงเหอด้วยสายตาอันชั่วร้ายและเริ่มหัวเราะ “พวกเราเป็นคนบาปงั้นเรอะ ไม่เลย โลกนี้ต่างหากที่ทำให้พวกเราเป็นแบบนี้ ผู้ชนะมีสิทธิ์ได้ทุกอย่าง! ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้มีราชาและราชินีอยู่มากมายในหน้าประวัติศาสตร์แต่พวกเรากลับถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาปเพียงเพราะพวกเราปรารถนาจะทำแบบเดียวกัน ใครที่มีอำนาจ คนนั้นย่อมเป็นคนควบคุมทุกอย่าง นี่เป็นกฎของทุกสิ่ง โลกใบนี้เป็นของพวกเราตระกูลเฮ่อหลาน ดังนั้นจะมารีรออะไรเอาตอนนี้ล่ะ ทุกอย่างมันถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเป็นของพวกเรา! แล้วพวกแกทั้งหมดจะต้องตาย”


 


 


เฮ่อหลานหลงเริ่มพูดจาเหลวไหลด้วยเสียงสูงราวกับคนบ้า ทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว


 


 


“อีกไม่นาน พวกแกจะได้รู้ว่าทำเรื่องโง่เง่าแค่ไหนลงไป พวกแกทำลายทุกอย่างแล้วโลกนี้กำลังจะถึงจุดจบ…”


ตอนที่ 794 เป็นศัตรูกับทั้งโลก


 


 


เสียงหัวเราะแหลมสูงของเฮ่อหลานหลงดูเหมือนจะเป็นโรคติดต่อเพราะทุกคนเริ่มทำแบบเดียวกันกับเขา มันเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นผู้กุมชัยชนะเอาไว้ในมือและไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น


 


 


ซิงเหอจ้องมองเฮ่อหลานหลงด้วยสายตาคมกริบและถาม “คุณหมายความว่ายังไงที่ว่าเราทำลายทุกอย่าง”


 


 


เฮ่อหลานหลงหัวเราะอย่างชั่วร้าย “อีกไม่นานพวกแกก็จะเข้าใจเองนั่นแหละ! แกจะต้องเจ็บปวดกับผลที่จะได้รับจากการมาต่อกรกับพวกเรา! ผลที่แกไม่มีปัญญาแบกรับเอาไว้ได้!”


 


 


“ใช่แล้ว พวกแกไม่มีทางแบกรับผลที่จะตามมาได้แน่นอน! เตรียมตัวสำนึกผิดไว้ได้เลย”


 


 


“ในไม่ช้า ทั้งโลกจะได้รู้ว่าพวกเราทรงพลังแค่ไหนและโลกจะฆ่าพวกแกเป็นเบือเพื่อรักษาตัวมันเอาไว้”


 


 


“พวกโง่ พวกแกจะต้องกลัวจนตัวสั่น!”


 


 


“รอวันตายได้เลย!”


 


 


คนพวกนั้นจ้องมองมายังพวกซิงเหอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและดูไม่สงบนิ่งเอาเสียเลย ซิงเหอไม่คิดว่าคนพวกนี้กำลังแกล้งขู่เธออยู่ พวกเขาจะต้องรู้อะไรบางอย่างที่พวกเธอไม่รู้และเรื่องใหญ่บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ แต่กระนั้นพวกเธอก็มาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับได้อีกแล้ว พวกเธอไม่อาจปล่อยให้คนพวกนี้ลอยนวลไปได้ ทุกอย่างได้ถูกตัดสินไว้แล้ว และไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป


 


 


“อย่างนั้นเหรอ ฉันอยากจะเห็นว่าใครที่มีความสามารถพอที่จะสั่นคลอนโลกทั้งโลกได้เหมือนกัน เพราะถ้าคนคนนั้นไม่ใช่พระเจ้า ฉันก็ไม่คิดว่าจะมีใครทำได้หรอก!” ซิงเหอโต้แย้งด้วยวาจาอันเฉียบคม เธอไม่กลัวคำข่มขู่ของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย


 


 


เฮ่อหลานหลงหัวเราะเบาๆ อย่างชั่วช้า “สาวน้อย ฉันว่าเธออย่าทำตัวมั่นใจเกินไปนักเลย มันมีคนที่เก่งกว่าเธอและสิ่งที่อยู่เหนือจินตนาการของเธอเกิดขึ้นอยู่เสมอนั่นแหละ ฉันไม่อยากเสียเวลาคุยกับเธออีกต่อไปแล้ว ในเมื่อพวกเธอจะได้พบกับผลที่จะตามมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอยู่แล้ว”


 


 


“ทำไมคุณไม่บอกฉันตั้งแต่ตอนนี้ล่ะว่าผลที่ว่านั่นมันคืออะไร และใครจะเป็นคนเอาผลพวกนั้นมา” ซิงเหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงพลังและปราศจากความกลัว


 


 


เฮ่อหลานหลงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ฉันทำไม่ได้ แผนของเขาไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์อย่างเราจะสามารถเปิดเผยได้ เธอจะได้รู้เรื่องของเขาก็ต่อเมื่อเขาต้องการให้เธอรู้”


 


 


“ถ้างั้นเขาอยู่ไหน” ซิงเหอถามอีกครั้ง


 


 


เฮ่อหลานหลงเริ่มหัวเราะอย่างหน้าไม่อาย “คิดว่าพวกเราจะบอกเธอหรือไง อย่าเสียเวลาเลยเพราะเราจะไม่บอกอะไรเธอทั้งนั้น แต่ไม่ต้องห่วงเพราะทุกอย่างจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า”


 


 


“ได้ งั้นฉันจะรอดู พาพวกเขาออกไปแล้วทำการสอบสวนต่อ” ซิงเหอออกคำสั่งแก่หัวหน้าเจ้าหน้าที่


 


 


“ครับ” หัวหน้าเจ้าหน้าที่เข้าใจความตึงเครียดของสถานการณ์เป็นอย่างดี หลังจากที่เขาจับกุมตัวคนพวกนี้ เขาได้ทำการรายงานกลับไปยังชุยเชี่ยนทันที ฐานปล่อยดาวเทียมถูกปิดล้อมและผู้เชี่ยวชาญถูกพาตัวเข้ามาเพื่อทำการสืบค้นสถานที่แห่งนี้แบบทุกตารางนิ้ว


 


 


กลุ่มของซิงเหอยืนอยู่ด้านนอกและครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดของเฮ่อหลานหลง


 


 


“คุณคิดว่าหมอนั่นพูดจริงไหม โลกนี้จะถึงจุดจบจริงๆ งั้นเหรอ” อีเฉินถามทุกคนในกลุ่มด้วยท่าทีจริงจัง


 


 


ซิงเหอตอบด้วยเสียงนุ่ม “เขาอาจจะกำลังพูดความจริง แต่ฉันไม่คิดว่าโลกนี้จะถึงจุดจบ ไม่ว่าคนที่ว่านั่นจะมีพลังมากแค่ไหน โลกนี้ก็ไม่มีทางพังพินาศได้ง่ายๆ”


 


 


“แต่พวกมันพูดมั่นใจมาก…”


 


 


“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำอะไรไม่ได้ ถ้าคนคนนั้นเป็นอันตรายต่อโลกนี้จริง เขากำลังจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับทั้งโลก” ซิงเหอพูดตามหลักความเป็นจริง แววตาของเธอเฉียบคมราวกับปลายหมุด จิตวิญญาณแห่งการไม่ยอมแพ้ของเธอแสดงออกมาให้เห็นอีกครั้ง


 


 


เมื่อเห็นดังนั้น อีเฉินรู้สึกสงบลงอย่างมาก เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ถูกของคุณ ไม่ใช่ว่าเราทำอะไรไม่ได้เลยสักหน่อย ผมไม่เชื่อว่าถ้าทั้งโลกร่วมมือกันแล้วเราจะไม่สามารถจัดการอันตรายนั่นได้!”


 


 


แซมรู้สึกตื่นเต้น “แต่ฉันอยากจะรู้ใครคือคนที่สามารถเป็นภัยต่อโลกทั้งโลกได้ อะไรบางอย่างทำให้ฉันอยากเห็นหน้าคนคนนั้นจริงๆ”


 


 


อาลิส่งเสียงต่อว่าแซมทันที “พูดเรื่องไร้สาระอะไรเนี่ย ไปเจอคนคนนั้นทั้งๆ ที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยก็ไม่ต่างอะไรกับไปตายน่ะสิ ช่วยใช้สมองสักครั้งได้ไหม”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 795 ระบบทำลายตัวเอง


 


 


แซมทำหน้ามุ่ย “ฉันแค่พูด…”


 


 


ซิงเหอหันไปขอความเห็นจากมู่ไป๋ “คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้”


 


 


มู่ไป๋กล่าวความเนื้อผ้า “ผมจะคิดอะไรได้ล่ะ เราทำได้แค่ปล่อยเรื่องนี้ให้พวกประเทศมหาอำนาจจัดการ แน่นอนว่าถ้าเราสามารถล้วงข้อมูลจากเฮ่อหลานหลงได้มากขึ้นก็ยิ่งเป็นเรื่องดี ตอนนี้เราก็ตึงมือมากแล้ว เราจะยื่นมือเข้าไปช่วยก็ต่อเมื่อถูกขอให้ช่วย”


 


 


ซิงเหอพยักหน้าเห็นด้วย “ถูกของคุณ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แต่ฉันสาบานว่าจะขุดคุ้ยความลับของฐานนี้ทั้งหมด!”


 


 


“แน่นอน ที่นี่ยังซ่อนความลับเอาไว้อีกมาก เราจำเป็นต้องค้นหามันให้เจอให้เร็วที่สุดเพื่อที่เราจะได้มีเวลามากพอที่จะวางแผนรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เอาละ ไปกันเถอะ” มู่ไป๋พูดอย่างตรงไปตรงมา เขาวางแผนที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน พวกเขายังสามารถเข้าถึงทุกอย่างได้อย่างอิสระภายใต้การอนุญาตของชุยเชี่ยน ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ เมื่อประเทศอื่นเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเขาอาจจะไม่สามารถสำรวจฐานแห่งนี้ได้อย่างอิสระอีกต่อไป…


 


 


เมื่อแผนทุกกำหนดไว้แล้ว กลุ่มของซิงเหอเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาไม่คิดว่าเฮ่อหลานหลงพูดข่มเล่นๆ และไม่มีใครกล้ามองข้ามเรื่องนี้ พวกเขาวางเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจังตามที่มันควรจะเป็น


 


 


สิ่งแรกที่พวกเขามองหาจึงเป็นศูนย์กลางของฐานแห่งนี้ พูดอีกแง่คือห้องควบคุมหลักที่เก็บรักษาข้อมูลที่มีความจำเป็นเอาไว้ทั้งหมด


 


 


อย่างไรก็ตาม ภายในห้องควบคุมขนาดยักษ์ คอมพิวเตอร์ทุกตัวถูกล็อกไว้ด้วยรหัสผ่าน ที่นี่มันซูเปอร์คอมพิวเตอร์ตั้งอยู่มากกว่าสิบเครื่องและทุกเครื่องถูกล็อกไว้แตกต่างกัน การปลดล็อกพวกมันต้องใช้เวลามหาศาล กลุ่มของซิงเหอไม่ได้กลัวว่าการล็อกจะยากเกินไปแต่พวกเขากลัวว่าการปลดล็อกพวกมันจะใช้เวลามากกเกินไปต่างหาก


 


 


“เรามีผู้เชี่ยวชาญอยู่หลายคนที่นี่ ถ้าพวกเราแบ่งกันทำคนละเรื่อง ผมมั่นใจว่าเราจะทำได้เร็วขึ้นมากนะ” อีเฉินเสนอ


 


 


ซิงเหอพยักหน้า “ฟังดูดี ทุกคนจะรับผิดชอบคนละเครื่อง แต่ให้ฉันลองก่อนเป็นคนแรก บางทีมันอาจจะถูกติดตั้งระบบลบข้อมูลบางอย่างเอาไว้ก็ได้”


 


 


เธอกลัวว่าความเลินเล่อของพวกเธอจะไปสะกิดระบบพวกนั้นเข้าและโอกาสของพวกเธอก็จะมลายหายไป ไม่มีใครมีปัญหากับการให้ซิงเหอเป็นคนปลดล็อกเป็นคนแรก


 


 


ทันทีที่ซิงเหอนั่งลงหน้าเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง หน้าจอก็สว่างขึ้นทันที หน้าต่างที่แสดงการทำงานของระบบสแกนใบหน้ามนุษย์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอและคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นพูดขึ้นด้วยเสียงสังเคราะห์ “กรุณาใส่รหัสผ่านภายในสามวินาที ไม่เช่นนั้นระบบจะเริ่มต้นการทำลายตัวเองแบบต่อเนื่องในอีกหนึ่งนาที เริ่มการนับถอยหลัง สาม…”


 


 


จากนั้นเสียงสังเคราะห์เริ่มทำการนับถอยหลัง ซิงเหอลุกออกจากเก้าอี้และถอยออกมาจากคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นทันที ทุกคนมองไปที่คอมพิวเตอร์ด้วยความตกตะลึง ซิงเหอพูดถูกมาตลอด คอมพิวเตอร์พวกนี้ถูกติดตั้งโปรแกรมทำลายข้อมูลเอาไว้ แถมยังเป็นการทำลายตัวเองแบบต่อเนื่องอีกด้วย!


 


 


ถ้ารหัสผ่านไม่ถูกป้อนภายในสามวินาที ระบบจะทำการทำลายตัวเอง พวกเขาบอกได้เพียงว่าตระกูลเฮ่อหลานนั้นระวังตัวอย่างเหลือเชื่อ


 


 


“ซิงเหอ เราจะทำยังไงดี! มันกำลังจะทำลายตัวเองแล้ว!” อาลิโพล่งขึ้นอย่างหวาดวิตก ทุกคนต่างรู้สึกกังวลไม่แพ้กัน การนับถอยหลังสามวินาทีกำลังจะหมดลง และคอมพิวเตอร์จะทำการทำลายตัวเองในอีกหนึ่งนาทีหลังจากนั้น


ตอนที่ 796 หกสิบวินาทีแห่งความทรมาน


 


 


ถ้าคอมพิวเตอร์พวกนี้เกิดระเบิด ร่องรอยทั้งหมดจะมลายหายไปจนหมด!


 


 


อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครมีแนวทางแก้ไขสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ใครจะไปสามารถไขปัญหาภายในเวลานาทีเดียวได้กัน


 


 


“บ้าจริง ลองดูก็ได้ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียแล้ว!” ซิงเหอกระโจนกลับไปที่เก้าอี้และเริ่มลงมือจัดการกับคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น ทุกคนเข้าใจสิ่งที่เธอกำลังพยายามทำ ซิงเหอตั้งใจที่จะทำลายโปรแกรมทำลายตัวเองภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งนาที แต่มันจะเป็นไปได้ได้อย่างไง


 


 


แม้แต่ซิงเหอก็ไม่รู้คำตอบสำหรับคำถามนั้น เธอรู้เพียงว่าเธอจะไม่ยอมแพ้แม้จะถึงวินาทีสุดท้าย เธอจะไม่ยอมยืนอยู่เฉยและปล่อยให้การทำงานหนักที่ผ่านมาทั้งหมดสูญเปล่าไปทั้งอย่างนั้น แต่ให้ผลที่ออกมาจะล้มเหลว อย่างน้อยเธอก็ได้ทุ่มความสามารถทั้งหมดลงไปแล้ว…


 


 


ความเร็วในการพิมพ์ของซิงเหอเร็วมากจนไม่มีใครสามารถมองเห็นนิ้วมือของเธออีกต่อไป ทุกคนได้แต่ยืนอยู่รอบเธออย่างเงียบเชียบ พวกเขาลืมหายใจไปชั่วขณะแต่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะส่งเสียง


 


 


ทุกคนแอบเหลือบมองนาฬิกาของตัวเองเป็นระยะเพื่อคำนวณเวลาที่ยังเหลืออยู่ ทุกวินาทีที่ผ่านไป เม็ดเหงื่อที่ไหลบนใบหน้าของพวกเขาก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น แม้แต่หัวใจของพวกเขายังแทบหยุดเต้นไปบางจังหวะ ทุกวินาทีนั้นเป็นความทรมานอย่างแสนสาหัส!


 


 


เวลาทุกวินาทีผ่านไปไวเพียงพริบตา ทุกคนอธิษฐานอย่างแรงกล้าให้เวลาผ่านไปช้าลง แต่ในขณะเดียวกันพวกเขารู้สึกว่าทุกวินาทีนั้นช่างยาวนานจนเลือดตาแทบประเด็นเพราะพวกเขาต้องการหลุดพ้นจากความหวาดวิตกและความกดดันอันมหาศาลนี้เสียที เวลาหนึ่งนาทีนี้เป็นหนึ่งนาทีที่ทรมานที่สุดในชีวิตของพวกเขา


 


 


อย่างไรก็ตาม ซิงเหอคือคนที่กดดันมากที่สุด เธอต้องหยุดการทำลายตัวเองแบบต่อเนื่องให้ได้ไม่เช่นนั้นข้อมูลทุกอย่างจะหลุดมือไป!


 


 


“เหลืออีกยี่สิบวินาที!” เสียงของใครบางคนตะโกนดังขึ้นเพราะไม่สามารถเก็บความคิดนี้เอาไว้ได้อีกต่อไป ความเครียดภายในห้องเพิ่มสูงขั้นพร้อมกับเสียงเตือนนั้น


 


 


ซิงเหอเองก็เข้าสู่สภาวะประหม่าอย่างที่สุดของตัวเอง มือทั้งสองข้างของเธอขยับเร็วมากจนดูเหมือนเธอกำลังกดลงบนปุ่มที่แป้นพิมพ์อย่างมั่วซั่ว แต่กระนั้นระบบก็ยังคงไม่ถูกทำลาย เวลายังคงเดินต่อไป ไม่สะทกสะท้านต่อคำอธิษฐานของทุกคนในห้องที่หวังให้มันเดินช้าลงหรือหยุดไปเลยได้ก็ดี


 


 


“อีกสิบห้าวินาที!”


 


 


“อีกสิบสี่วินาที!”


 


 


“สิบสามวินาที…”


 


 


ทุกคนในห้องเตือนซิงเหออย่างควบคุมไม่ได้ การนับถอยหลังดำเนินต่อไปอย่างไร้หัวใจแต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด กลุ่มของอาลิกำหมัดแน่นและอธิษฐานอย่างเงียบๆ ให้ซิงเหอทำสำเร็จ


 


 


“อีกเจ็ดวินาที!”


 


 


“หกวินาที!”


 


 


“เราเหลือเวลาอีกแค่ห้าวินาทีแล้ว!”


 


 


เมื่อเสียงตะโกนนั้นดังขึ้น ทุกคนต่างตกอยู่ในความสิ้นหวังเรียบร้อยแล้ว ซิงเหอไม่อาจหยุดการทำงานของระบบได้ภายในเวลาแค่ห้าวินาทีที่เหลืออยู่แน่ ไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้ทั้งนั้น! ทุกคนจ้องมองไปที่เครื่องบอกเวลาโดยไร้คำพูดใดๆ พร้อมกลั้นหายใจ รอให้ระบบทำลายตัวเองกลืนกินทุกสิ่ง


 


 


เวลาห้าวินาทีสุดท้ายเริ่มลดลงเหลือ สี่ สาม สอง และหนึ่ง!


 


 


และมันหยุดอยู่แบบนั้น!


 


 


ในวินาทีสุดท้าย มือของซิงเหอหยุดนิ่ง ทุกคนคิดว่าเธอได้ยอมแพ้แล้วเพราะเธอได้ทำทุกอย่างที่เธอสามารถทำได้แล้ว อย่างไรก็ตาม อากาศภายในห้องยังคงหยุดนิ่งแต่เวลาจะผ่านไปแล้วอีกหลายวินาที ไม่มีการระเบิด และในที่สุดทุกคนตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ


 


 


มู่ไป๋กุมมือทั้งสองข้างของซิงเหออย่างเงียบเชียบ ซิงเหอเงยหน้าขึ้นมามองดวงตาที่ยิ้มแย้มทั้งสองข้างของเขา


 


 


“คุณทำได้แล้ว คุณสุดยอดจริงๆ …” ชายหนุ่มกระซิบอย่างแผ่วเบาพร้อมความยินดีอย่างเห็นได้ชัดขณะที่ริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มออกมา


 


 


ซิงเหออดที่จะตอบรับความยินดีของเขาไม่ได้ “ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะทำได้เหมือนกัน”


 


 


“ซิงเหอ เธอทำได้จริงๆ งั้นเหรอ! เธอทำได้แล้วจริงๆ!” อาลิกรีดร้องด้วยความดีใจและเสียงร้องของเธอปลุกทุกคนให้ตื่นจากภวังค์


 


 


เธอทำได้จริงๆ!


 


 


ทั้งหมดดังกระหึ่มไปด้วยเสียงยกย่องสรรเสริญ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 797 ยานอวกาศ


 


 


วิธีที่ทุกคนมองซิงเหอเปลี่ยนไป มันกลับกลายเป็นความอบอุ่นและความหลงใหลที่สะท้อนออกมาจากแววตาของพวกเขา แม้แต่อีเฉินและคนที่เหลือที่รู้ดีอยู่แล้วถึงความสามารถของซิงเหอยังรู้สึกประทับใจกับสิ่งที่มหัศจรรย์ที่เธอเพิ่งทำได้สำเร็จต่อหน้าพวกเขา ไม่ต่างกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ไม่คุ้นเคยกับซิงเหอมาก่อน พวกเขาไม่คาดคิดว่าซิงเหอจะเก่งกาจมากจนสามารถจัดการกับโปรแกรมที่มีความซับซ้อนมากในเวลาเพียงน้อยนิดเท่านั้น


 


 


ตัวโปรแกรมล็อกนั่นต้องมีความยากอย่างมากเมื่อพิจารณาจากสถานที่แห่งนี้และซิงเหอใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีในการเจาะเข้าไป…


 


 


เอาจริงๆ เธอต่างกับเทพเจ้าตัวจริงตรงไหนกันเนี่ย!


 


 


“ซิงเหอ คุณคือสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ เพราะอย่างงี้ไงคุณถึงเป็นไอดอลของผม!” แซมพร่ำสรรเสริญซิงเหอพลางชูนิ้วโป้งให้เธอ


 


 


“ซิงเหอ ผมก็อยากเรียนรู้ทักษะคอมพิวเตอร์แบบนี้เหมือนกัน คุณช่วยสอนผมหน่อยได้ไหม” แคร์นถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


 


 


“อาจารย์ เมื่อไหร่อาจารย์จะยอมรับผมเป็นลูกศิษย์อย่างเป็นทางการเสียทีล่ะ” อีเฉินเรียกซิงเหอว่าอาจารย์อย่างโจ่งแจ้ง


 


 


แคร์นได้ยินดังนั้นและพูดเสริม “ซิงเหอ ในอนาคตผมเองก็จะเรียกคุณว่าอาจารย์เหมือนกัน!”


 


 


“เดี๋ยวสิ สอนฉันด้วย!” อาลิเอาด้วยและชูมือของเธอขึ้นสูง บรรดาผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนต่างพากันชูมือขึ้นโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน แต่ไม่นานพวกเขาก็ต้องยกมือลงด้วยความละอาย


 


 


ซิงเหอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว ครั้งนี้เป็นแค่ความโชคดีของฉันเท่านั้น ฉันแค่ควานไปทั่วแล้วโชคก็เข้าข้างฉัน”


 


 


“คุณต้องเก่งมากก่อนที่จะสามารถดึงโชคมาอยู่ข้างคุณได้ ถ้าลองเป็นผมที่เป็นคนควานไปทั่วละก็ ผลลัพธ์คงออกมาแตกต่างจากนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์” แซมโต้แย้ง


 


 


“ใช่ๆ นี่เป็นเพราะเธอเก่งมาจากโชคเลือกที่จะอยู่ข้างเธอไงละ ถ้าเป็นคนอื่น ฉันรับประกันร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าคนคนนั้นต้องล้มเหลวแน่” อาลิพูดแทรกขึ้น ไม่ว่าอย่างไรทุกคนก็ลงความเห็นว่าซิงเหอนั้นยอดเยี่ยมที่สุดอย่างแน่นอน


 


 


ซิงเหอไม่เสียเวลาต่อล้อต่อเถียงเรื่องนี้ เธอลุกขึ้นยืนและกล่าว “การทำให้ระบบทำลายตัวเองกลับมาทำงานอีกไม่ใช่เรื่องดีกับเราอยู่แล้ว ซูเปอร์คอมพิวเตอร์พวกนี้มีระบบล็อกด้วยรหัสผ่านมากกว่าหนึ่งชั้น ฉันรับประกันไม่ได้ว่าครั้งต่อไปฉันจะโชคดีแบบนี้อีก”


 


 


“คุณหมายความว่าคอมพิวเตอร์พวกนี้ทั้งหมดแตะต้องไม่ได้อย่างนั้นเหรอ” มู่ไป๋ถามเพื่อความแน่ใจ


 


 


“ถูกต้อง” ซิงเหอพยักหน้า “ออกห่างจากคอมพิวเตอร์พวกนี้ทั้งหมด เพื่อรับประกันว่าข้อมูลที่อยู่ข้างในจะไม่ได้รับผลกระทบ ทางที่ดีทุกคนอย่าเข้าใกล้พวกมันเลยดีกว่า”


 


 


“ถ้าอย่างนั้นมันต่างอะไรกับการปล่อยให้พวกมันทำลายตัวเองล่ะ เพราะไม่ว่ายังไงพวกเราก็ไม่สามารถดึงเอาข้อมูลที่อยู่ข้างในออกมาได้อยู่ดี” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น


 


 


ซิงเหออธิบาย “เราไม่สามารถดึงข้อมูลออกมาได้ในตอนนี้ ต้องมาช่วยคิดหาทาง บางทีอาจจะมีสักวิธีที่เราสามารถปลดล็อกระบบทั้งหมดได้ จนกว่าเราจะมีแนวทางที่ปลอดภัย การไม่ผลีผลามจะเป็นสิ่งที่ฉลาดที่สุด”


 


 


“คุณพูดถูกต้องที่สุด…”


 


 


ทุกคนเห็นด้วยกับซิงเหอ แต่ก็อีก พวกเขามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อย่างนั้นหรือ ไม่มีใครในที่นี้ที่มีความสามารถเพียงพอที่จะปลดล็อกระบบนี้ได้ พวกเขารู้ดีว่าข้อมูลที่อยู่ภายในคอมพิวเตอร์พวกนี้นั้นมีค่ามาเพียงใด หากความเลิ่นเล่อของพวกเขาเป็นสาเหตุทำให้ข้อมูลทั้งหมดสูญสลายไป แล้วพวกเขาจะรับผิดชอบได้อย่างไร


 


 


ดังนั้นสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้คือการรอ และหาทางหลีกเลี่ยงปัญหานี้ แต่กระนั้นพวกเขายังสามารถสำรวจพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของฐานแห่งนี้ได้ บางทีพวกเขาอาจจะบังเอิญเจอข้อมูลอื่นๆ ก็เป็นได้


 


 


พวกเขาใช้เวลาทั้งวันในการสำรวจฐานแห่งนี้ทุกซอกทุกมุม บันทึกเดียวที่พวกเขาพบคือที่นี่มีดาวเทียมและยานอวกาศที่ยังไม่ได้ถูกปล่อยขึ้นไปสู่อวกาศ


 


 


กลุ่มของซิงเหอตกตะลึงเมื่อรู้ว่าฐานแห่งนี้มียานอวกาศอยู่ด้วย เมื่อพิจารณาจากขนาดของยานแล้วมันสามารถจุคนได้สามคน


 


 


อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าฐานแห่งนี้เคยส่งคนไปในอวกาศมาก่อนหรือไม่ เพราะการส่งคนไปในอวกาศโดยไม่ขออนุญาตก่อนนั้นเป็นความผิดที่ร้ายแรง คนพวกนี้ไม่มีทางประกาศเรื่องนี้ให้โลกรู้อยู่แล้ว


ตอนที่ 798 แนวร่วม


 


 


ไม่นานนัก ชุยเชี่ยนก็ได้รับรายงานดังกล่าวและเขาเดินทางมาตรวจสอบสถานที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง เมื่อเขาเห็นยานอวกาศ ชุยเชี่ยนก็กล่าวด้วยความมั่นใจ “ผมไม่รู้เลยว่าพวกเขาสร้างของแบบนี้ รัฐบาลไม่เคยมีบันทึกว่าพวกเขาเคยปล่อยของแบบนี้ไปสู่อวกาศมาก่อนหรือเปล่า”


 


 


“พวกเขาต้องเคยทำแน่เพราะเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาจนสมบูรณ์แล้วเช่นกัน” ซิงเหอตอบ เธอได้ทำการตรวจสอบยานอวกาศลำนี้ระหว่างรอการมาถึงของชุยเชี่ยน อย่างน้อยระบบภายในทั้งหมดก็เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด ความสมบูรณ์ขนาดนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน


 


 


ชุยเชี่ยนอึ้ง แต่เขาเชื่อซิงเหอ “แต่พวกเขาไปทำอะไรบนอวกาศกันล่ะ”


 


 


“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ”


 


 


“พวกเขาจะกำลังทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อโลกนี้อยู่จริงๆ อย่างนั้นเหรอ” ชุยเชี่ยนเริ่มเป็นกังวลทันที


 


 


มู่ไป๋พูดตามหลักความเป็นจริง “น่าจะเป็นแบบนั้น ไม่งั้นคนที่ฐานนี้คงไม่มีความมั่นใจมากขนาดนั้น แต่จนถึงตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถล้วงเอาข้อมูลอะไรออกมาจากคนพวกนั้นได้”


 


 


น้ำเสียงของชุยเชี่ยนเยือกเย็นขึ้น “งั้นเราจะทำงานสอบสวนต่อไป ผมไม่เชื่อว่าพวกมันจะไม่มีใครยอมปริปาก! เราต้องทำการสำรวจฐานนี้ให้หมดด้วย เราจะไม่ปล่อยให้มีอะไรเล็ดรอดไปได้เด็ดขาด!”


 


 


“บางทีเราอาจเริ่มที่คนของตระกูลเฮ่อหลานก่อนได้” ซิงเหอเสนอ


 


 


ชุยเชี่ยนพยักหน้า “แน่นอน”


 


 


พวกเขาต้องทำการสืบสวนในทุกแง่มุมและไม่อาจปล่อยให้มีสิ่งที่หลุดลอดมือไปได้ หากตระกูลเฮ่อหลานวางแผนทำการใหญ่และชั่วร้ายจริง พวกซิงเหอจะต้องรู้ให้ได้ก่อนที่สุดอย่างจะสายเกินไป แต่ไม่ว่าพวกเขาจะทำการสอบสวนอย่างหนักหน่วงเพียงใดก็ไม่มีความคืบหน้า


 


 


คนพวกนั้นปิดปากแน่นสนิทอย่างไม่น่าเชื่อและคนที่อยากจะบอกก็ไม่รู้อะไรเลย พูดง่ายๆ คือคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับโปรเจกต์กาแล็กซีจะไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้นต่อให้ถูกขู่ฆ่าก็ตาม


 


 


ซิงเหอประหลาดใจที่คนพวกนี้สามารถสร้างแนวร่วมแบบนี้ได้ คนพวกนี้เหมือนเป็นลัทธิที่สมาชิกทุกคนสาบานที่จะเก็บความลับเอาไว้ นี่มีแต่เพิ่มระดับความชั่วช้าให้แก่แผนการของพวกมัน เพราะลัทธิเช่นนี้มักมีความเชื่อทางจิตวิญญาณที่รุนแรงและเมื่อความเชื่อที่รุนแรงเช่นนี้นำไปสู่บางอย่างที่ชั่วร้ายแล้วละก็ ความยุ่งเหยิงจะถือกำเนิดขึ้น


 


 


ชุยเชี่ยนอยู่ในการประชุมลับเพื่อหารือถึงปัญหานี้ แม้แต่ประเทศจีนยังพยายามที่จะช่วยเหลือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้…


 


 


ไม่มีใครคิดว่าตระกูลเฮ่อหลานและพรรคพวกจะแกล้งพูดขู่ จนถึงตอนนี้ เฮ่อหลานหลงและคนของเขายังคงรอคอยความน่ายินดีที่พวกเขาเอาแต่พร่ำบอกอยู่ตลอดว่า รอคอยการปรากฏตัวของเขาคนนั้น


 


 


พวกเขาเชื่อในสิ่งที่ตนเองพูดอย่างจริงจัง สิ่งเดียวที่ชุยเชี่ยนและคนที่เหลือสามารถทำได้คือพยายามหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดก่อนเวลาจะหมดลง แต่เวลาผ่านไปหลายวันและยังไม่มีอะไรคืบหน้า…


 


 


ซิงเหออยู่ที่ฐานแห่งนั้นเพื่อจัดการกับบรรดาเครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่อยู่ภายในห้องควบคุม แต่เธอก็ไม่คืบหน้าไปไหนเช่นกัน เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์เหล่านี้เชื่อมต่อกันอยู่ หลังจากซิงเหอจัดการแฮ็กผ่านคอมพิวเตอร์ได้สองเครื่อง เธอบังเอิญไปสะกิดระบบทำลายตัวเองอีกตัวหนึ่งและเกือบทำลายคอมพิวเตอร์ทั้งหมด


 


 


โชคดีที่เธอจัดการระงับเหตุเอาไว้ได้ แต่เมื่อมีบทเรียนเกิดขึ้น ซิงเหอจึงไม่กล้าลงมือทดลองกับคอมพิวเตอร์เหล่านั้นอีกเลย เพราะเธอไม่รู้เลยว่ามีระบบป้องกันอยู่ในคอมพิวเตอร์พวกนี้มากน้อยแค่ไหน การทำพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ฐานแห่งนี้พังพินาศได้


 


 


มีเพียงรหัสผ่านเท่านั้นที่จะปลดล็อกคอมพิวเตอร์พวกนี้ได้ แต่เฮ่อหลานหลงและคนของเขาปฏิเสธที่จะบอก ตราบใดที่พวกเขาไม่ยอมปริปากบอกรหัสผ่าน ข้อมูลที่อยู่ภายในคอมพิวเตอร์พวกนั้นก็จะยังคงเป็นปริศนาต่อไป


 


 


มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าซิงเหอจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าที่เธอจะสามารถจัดการระบบป้องกันทั้งหมดลงได้


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 799 ช่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า


 


 


หากซิงเหอมีเวลา เธอก็สามารถค่อยๆ จัดการพวกมันได้ แต่เวลากลับเป็นสิ่งเดียวที่เธอไม่มี แต่กระนั้นซิงเหอก็ไม่ยอมแพ้ เธอย้ายไปยังจุดปล่อยยานและใช้ชีวิตทุกวันหมดไปกับการแฮ็คคอมพิวเตอร์ที่นั่นร่วมกับผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่ง เธอได้รับความช่วยเหลือจากมู่ไป๋ด้วยเช่นกัน เขาเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์และมีฝีมือดีกว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นั่นส่วนมาก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีคนเข้ามามีส่วนร่วมมากมาย พวกเธอก็ยังไม่พบแนวทางที่เป็นไปได้


 


 


กลุ่มแซมวูลฟ์แทบไม่มีส่วนร่วมอะไร พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากการเดินตรวจตรารอบฐาน


 


 


ในที่สุดหลังจากผ่านไปหลายวัน การตรวจสอบยานอวกาศก็เสร็จสิ้น!


 


 


ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งเพราะกล่องพลังงานของยานอวกาศลำนี้นั้นแตกต่างไปจากยานอวกาศทั่วไปโดยสิ้นเชิง มันเป็นเพียงช่องเล็กๆ ที่มีร่องรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ในนั้น จากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญแล้วนี่ถือว่าผิดปกติอย่างมาก ช่องเก็บพลังงานขนาดเล็กแค่นี้ไม่มีทางเพียงพอต่อการส่งมนุษย์ขึ้นไปยังอวกาศ ดังนั้นยานอวกาศลำนี้จึงว่าถือเป็นมีข้อผิดพลด อันที่จริงพวกเขาเริ่มรู้สึกสงสัยด้วยซ้ำว่าตระกูลเฮ่อหลานเคยพยายามส่งคนขึ้นไปยังอวกาศมาก่อนจริงหรือ


 


 


แต่กระนั้นเมื่อซิงเหอ มู่ไป๋ และอีเฉินได้เห็นโครงสร้างภายในของช่องใส่พลังงานนั้น พวกเธอก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก!


 


 


นั่นเป็นเพราะพวกเธอนึกถึงผลึกพลังงานขึ้นทันทีที่ได้เห็นร่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าพวกนั้น ร่องนั้นมีขนาดเท่ากับผลึกพลังงาน ดังนั้นนี่หมายความว่ามีเพียงของสิ่งนั้นเท่านั้นที่ถูกใช้เป็นพลังงาน…


 


 


ผลึกพลังงานไม่กี่ชิ้นจะสามารถให้พลังงานมากพอที่จะส่งยานอวกาศลำนี้ขึ้นไปยังอวกาศได้อย่างนั้นหรือ นี่มันฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์เกินไปแล้ว!


 


 


ซิงเหอและอีกคนไม่พูดอะไรและรีบหาข้ออ้างเพื่อออกจากห้อง พวกเธอหาห้องเงียบๆ และเริ่มหารือกันเอง


 


 


“ร่องที่ช่องพลังงานนั่น พวกคุณคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไรไหม” คำถามนี้ลอยออกมาจากปากของอีเฉินทันทีที่พวกเขาปิดประตูห้อง


 


 


ซิงเหอพยักหน้า “ต้องใช่แน่”


 


 


“งั้นสิ่งนั้นคือแหล่งพลังงาน” อีเฉินถามด้วยความตกตะลึง


 


 


“ใช่” ซิงเหอยืนยัน


 


 


“คุณมั่นใจขนาดนั้นได้ยังไง” อีเฉินถาม


 


 


คราวนี้มู่ไป๋เป็นคนตอบ “เพราะเราได้นำมันมาทดลองหลายอย่างและผลึกพลังงานนั่นสามารถปล่อยพลังงานออกมาได้อย่างมากมายและยาวนานมาก”


 


 


“ผลึกพลังงาน”


 


 


ซิงเหอพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง มันถูกเรียกแบบนั้น ซึ่งก็ถูกเพราะมันเป็นผลึกที่ให้พลังงาน”


 


 


อีเฉินสะดุ้งก่อนหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง “ผมเข้าใจแล้ว งั้นมันคือแหล่งพลังงานอย่างหนึ่ง ผมหลงคิดว่ามันเป็นวัตถุเวทมนตร์อะไรสักอย่างเสียอีก!”


 


 


กลายเป็นว่ามันเป็นเพียงเชื้อเพลิง ไม่ต่างอะไรกับก้อนถ่านธรรมดา…


 


 


“เวทมนตร์” ซิงเหอเองเริ่มหัวเราะเช่นกัน “มันเป็นแค่แร่พิเศษชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน”


 


 


ซิงเหอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว เป็นเวลาค่ำแล้วและเพราะฐานปล่อยดาวเทียมนี่ถูกสร้างขึ้นห่างจากเมืองที่เร่งรีบและวุ่นวาย จึงสามารถมองเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนได้โดยไม่ถูกบดบัง คืนนั้นมีดาวเต็มฟ้าราวกับพระเจ้าบังเอิญทำถังใส่ดวงดาวหกกระจายไปทั่วท้องฟ้า


 


 


พูดตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ดวงดาวส่วนใหญ่ที่เราเห็นอยู่บนท้องฟ้าคือบรรดาดวงอาทิตย์ดวงอื่นๆ ที่อยู่ห่างออกไปจากกาแล็กซีของเรา


 


 


พวกเราจะมอดไหม้ไปหมดก่อนจะทันได้เข้าใกล้ พูดตามหลักแล้วเราสามารถลงจอดที่ดาวเคราะห์ดวงอื่นหรือดวงจันทร์เท่านั้น


 


 


ซิงเหอเพ่งมองไปยังจุดจุดหนึ่งบนท้องฟ้ายามค่ำคืนและเอ่ยขึ้น “แต่ฉันสงสัยว่ามันมาจากที่นั่น”


 


 


อีเฉินและมู่ไป๋มองตามซิงเหอไปบนท้องฟ้า พวกเขาเข้าใจสิ่งที่เธอสื่อ ริมฝีปากของพวกเขาเม้มแน่นและไม่พูดอะไร พวกเขาเองก็คิดแบบเดียวกันแต่การพูดออกมาอาจทำให้พวกเขาดูเหมือนคนบ้า


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม