ตามใจรัก สาวนักแฮก 768-781

 ตอนที่ 768 เร่งรีบ


 


 


“เฮ่อหลานฉี?” ชุยเชี่ยนตกใจ คนพวกนี้ทำอะไรกับเฮ่อหลานฉี เขาถึงได้ยอมให้ความร่วมมือ


 


 


“ใช่ค่ะ จากนี้ไปเฮ่อหลานฉีจะเป็นพวกเดียวกับเรา”


 


 


“พวกเดียวกับเรา!” ชุยเชี่ยนถามซ้ำด้วยความตกใจ เขารู้สึกว่าคำพูดของซิงเหอฟังดูเหลวไหลโดยสิ้นเชิง


 


 


ซิงเหอไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดแต่ เธอกลับพูดเบาๆ “ไว้พวกเราค่อยพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมตอนพบกัน”


 


 


“โอเคครับ” ชุยเชี่ยนไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น จนถึงตอนนี้เขาเริ่มจะเชื่อใจซิงเหอมากขึ้นแล้ว ดังนั้นเขาเลยโอเคกับทุกอย่างที่เธอต้องการ อย่างไรก็ตามเขายังค้นพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่เชื่ออยู่ดีว่าทุกอย่างได้รับการแก้ไขแล้ว


 


 


นับตั้งแต่นี้ไปเขาจะเป็นอิสระจากการควบคุมของเฮ่อหลานชางโดยสมบูรณ์แล้วจริงๆ หรอ


 


 


ชุยเชี่ยนรอคอยอย่างคาดหวังด้วยความตื่นเต้นและตกตะลึงระหว่างที่ซิงเหอกำลังเดินทางมาพบเขา ในแง่หนึ่งเขาก็กลัวว่าซิงเหอแค่หลอกเขา แต่ในอีกแง่หนึ่งเขาก็ภาวนาให้มันเป็นเรื่องจริง หลังจากได้พบกับซิงเหอและขอคำยืนยันจากเธอถึงสามครั้ง ในที่สุดเขาก็เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกและเต็มไปด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ชุยเชี่ยนยิ้มอย่างเจิดจ้า แสงส่องออกมาจากตัวของเขา


 


 


“คุณเซี่ยครับ คุณจัดการกับเฮ่อหลานชางยังไงเหรอ ผมรู้สึกว่าแผนการมันประสบความสำเร็จง่ายไปหน่อยไหม”


 


 


แน่นอนว่ามันน่าสงสัยสำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องที่อยู่เบื้องหลัง ซิงเหออธิบายอย่างใจเย็น “เฮ่อหลานฉีเป็นคนจัดการกับเฮ่อหลานชางค่ะ”


 


 


ชุยเชี่ยนตกตะลึง “เฮ่อหลานฉี! เขาเป็นลูกชายของเฮ่อหลานชางไม่ใช่เหรอ…”


 


 


“เขาเป็นลูกชายของเฮ่อหลานชาง แต่มีความลับบางอย่างระหว่างพ่อกับลูก หลังจากที่เฮ่อหลานฉีค้นพบความจริงบางอย่าง เขาก็ตัดสินใจที่จะเข้าข้างเรา”


 


 


“อย่างนั้นเหรอครับ เฮ่อหลานชางซ่อนความลับแบบไหนไว้จากลูกชายกันแน่” ชุยเชี่ยนสนใจ เขารู้จักพ่อลูกคู่นี้มาหลายปีแล้ว เขาไม่เคยสังเกตเห็นความขัดแย้งระหว่างสองคนนี้มาก่อนเลย


 


 


“ฉันขอโทษด้วยค่ะ แต่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ฉันไม่มีสิทธิ์พูดออกไป อย่าห่วงเลยค่ะ เฮ่อหลานฉีกลับเนื้อกลับตัวแล้วจริงๆ และจะเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของพวกเรา เขายังสัญญาว่าจะให้ความร่วมมือกับพวกเราอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย เขาจะไม่พูดเรื่องของคุณออกไปเด็ดขาด”


 


 


ชุยเชี่ยนถาม “แล้วเฮ่อหลานชางล่ะครับ”


 


 


“เขายังมีชีวิตอยู่แต่ต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนเตียง เพราะเขากลายเป็นคนแก่ไปแล้ว”


 


 


ชั่วขณะนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของชุยเชี่ยน คนสารเลวแบบนั้นสมควรได้รับมันแล้ว!


 


 


ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้แก้แค้นเฮ่อหลานชางด้วยตัวเองแต่เขาก็ยังรู้สึกพอใจกับการแก้แค้นอยู่ดี ภัยคุกคามยิ่งใหญ่ที่สุดในการดำรงชีวิตอยู่ของเขาคือเฮ่อหลานชาง ตอนนี้ไม่มีตาแก่คนนั้นมาขวางทางแล้ว เขาไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีกต่อไป ในเมื่อเฮ่อหลานฉีเต็มใจที่จะลั่นไกใส่เฮ่อหลานชาง นั่นก็แสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อถือได้


 


 


ที่สำคัญคือเขาเชื่อซิงเหออย่างเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเลิกขุดคุ้ยรายละเอียด ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจและนั่นก็คือสิ่งที่เขาต้องการ


 


 


“คุณเซี่ย ครั้งนี้กลุ่มของคุณทำให้ผมประทับใจจริงๆ และผมก็ดีใจที่เลือกร่วมมือกับคุณ ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือจากผมในอนาคตก็บอกมาได้เลยนะครับ ถ้าเป็นเรื่องที่ผมสามารถทำได้ ผมก็จะช่วยอย่างสุดความสามารถแน่นอน” ชุยเชี่ยนพูดอย่างซื่อตรงด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างมาก


 


 


ซิงเหอสบตากับมู่ไป๋ซึ่งนั่งอยู่ข้างเธอและบอกกับชุยเชี่ยน “เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่คุณพูดแบบนั้นเพราะพวกเรามีเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือจากท่านประธานาธิบดีค่ะ”


 


 


ชุยเชี่ยนถามกลับ “เรื่องอะไรครับ บอกมาได้เลย”


 


 


“พวกเราอยากรู้ทุกเรื่องที่คุณรู้เกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลาน”


 


 


ชุยเชี่ยนงุนงง “คุณไปถามข้อมูลพวกนั้นจากเฮ่อหลานฉีไม่ดีกว่าเหรอ ผมเชื่อว่าเขาต้องรู้มากกว่าผมแน่”


 


 


“เรื่องมันกลับกลายเป็นว่าเฮ่อหลานชางก็ระวังตัวกับเขาด้วยเช่นกัน เขารู้ข้อมูลแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงอยากให้คุณช่วยบอกเรื่องอื่นให้เราเข้าใจมากขึ้น”


 


 


ชุยเชี่ยนพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเริ่มเล่าเกี่ยวกับประวัติของตระกูลเฮ่อหลานโดยไม่ถามอะไรต่ออีก “คุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าตระกูลเฮ่อหลานอพยพมาที่ประเทศ R เมื่อประมาณหกสิบปีก่อน”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 769 จุดเริ่มต้นของฝันร้ายของเขา


 


 


“ภายในไม่กี่ปี ธุรกิจของพวกเขาก็เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ R… อย่างไรก็ตามความทะเยอทะยานของพวกเขาไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น พวกเขาใช้ทรัพย์สมบัติมหาศาลของตัวเองเพื่อหาทางเข้ามาในหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลและติดสินบนกับพวกคนใหญ่คนโต


 


 


“ต่อมาพวกเขายังเป็นผู้สนับสนุนของศูนย์ส่งดาวเทียมแห่งแรกในประเทศ R อีกด้วย จากนั้นตระกูลเฮ่อหลานก็เริ่มก่อตั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อเริ่มฝึกอบรมให้เด็กมีความสามารถ หลังจากที่พวกเด็กๆ โตขึ้นมาตระกูลเฮ่อหลานก็จะส่งพวกเขาไปประจำการในแผนกต่างๆ รวมถึงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล


 


 


“คุณสามารถพูดได้ว่าตั้งแต่ต้นตระกูลเฮ่อหลานไม่เคยหยุดขยายอำนาจเลย และอำนาจทางการเมืองที่แท้จริงของประเทศ R ก็อยู่ในกำมือของพวกเขา มันน่าแปลกมากที่พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีทุกคนที่ประเทศนี้เคยมีมา ส่วนมากได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีเพราะการสนับสนุนของพวกเขา


 


 


“ประมาณสามสิบปีก่อน ตระกูลเฮ่อหลานเป็นตระกูลที่คนในประเทศ R รู้จักกันดี เพราะทั้งประเทศสามารถรับรู้ได้ถึงอิทธิพลของพวกเขา แต่หลังจากนั้นหลายปี พวกเขาก็เริ่มล่าถอยไปอยู่เบื้องหลังและห่างไกลจากสายตาของสาธารณชน ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าความทะเยอทะยานของพวกเขาจะลดลง หมากหลายตัวของพวกเขายังคงอยู่ในรัฐบาลและพวกเขาก็ยังมีอำนาจและอิทธิพลมากเหมือนเดิม


 


 


“อุบัติเหตุเพียงอย่างเดียวเกิดขึ้นเมื่อประมาณสิบปีที่ผ่านมา เนื่องจากความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ทางด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ วิถีชีวิตของประชาชนเลยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และนี่เริ่มทำให้ผู้คนเชื่อในอุดมการณ์เกี่ยวกับความเสมอภาค


 


 


“ในที่สุดการเลือกประธานาธิบดีตามแบบอนุรักษ์นิยมก็ถูกทำลาย พรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่สามารถเอาชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี นับตั้งแต่นั้นมาพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคประชาธิปัตย์ก็แข่งขันกันไม่หยุด ในขณะที่ทุกคนมัวแต่ให้ความสนใจกับการต่อสู้ระหว่างสองพรรคนี้ ตระกูลเฮ่อหลานก็ค่อยๆ เลือนลางไปจากจิตสำนึกของสาธารณชนได้สำเร็จ


 


 


“ในช่วงเวลานั้นพวกเขาพยายามที่จะแย่งอำนาจกลับมา และนั่นก็คือตอนที่ตระกูลชุยเข้ามาเกี่ยวข้อง เฮ่อหลานชางประทับใจกับภูมิหลังและศักยภาพของตระกูลผม เขาเลยเลือกที่จะร่วมมือกับพวกเรา เขาคอยสนับสนุนและฝึกฝนพวกเรา


 


 


“หลังจากทำงานหนักร่วมกันมาหลายปี ในที่สุดผมก็ได้ตำแหน่งประธานาธิบดีมาครองด้วยความช่วยเหลือของเฮ่อหลานชาง ผมคิดว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขสำหรับผม ชีวิตของผมจะดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ผมคิดผิดอย่างมหันต์เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายของผม


 


 


“หลังจากที่ผมได้รับเลือก เฮ่อหลานชางก็เริ่มมอบหมายภารกิจให้ผมทำ ภารกิจแรกๆ ผมยังพอยอมรับได้ แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มเข้าใกล้กับการกระทำผิดกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่นเขาต้องการให้ผมปกปิดอาชญากรรมบางอย่างที่ตระกูลของเขาก่อ ช่วยขอเงินสนับสนุนให้เขาโดยใช้อำนาจของผม และแต่งตั้งคนของเขาเข้ามาในหน่วยงานสำคัญต่างๆ ของรัฐบาล…


 


 


“มันเป็นวัฏจักรที่ชั่วร้าย เพราะยิ่งผมช่วยเขามากเท่าไหร่มันก็เป็นการมอบหลักฐานให้เขาใช้ต่อกรกับผมมากขึ้นเท่านั้น มันเหมือนกับบ่อน้ำ ยิ่งผมพยายามตะเกียกตะกายมากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งจมลึกลงไปและเร็วขึ้นเท่านั้น”


 


 


ชุยเชี่ยนถอนหายใจ ซิงเหอมองออกว่าคนคนนี้เป็นคนที่มีสำนึกผิดชอบชั่วดี และภารกิจผิดกฎหมายที่เฮ่อหลานชางบังคับให้เขาทำก็ก่อความเสียหายให้กับเขา อย่างไรก็ตามเขาถูกขังอยู่ภายในคุกนี้ที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง นี่เป็นทางเลือกของตระกูลชุยมาตั้งแต่ต้น พวกเขาทำข้อตกลงกับปิศาจ ดังนั้นพวกเขาก็ต้องทนอยู่กับมัน!


 


 


กระนั้นชุยเชี่ยนก็ไม่สามารถยอมให้เนื้องอกอันตรายที่ชื่อว่าตระกูลเฮ่อหลานดูดกลืนชีวิตของประชาชนในประเทศ R อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงแอบรวบรวมข้อมูลการกระทำผิดของตระกูลเฮ่อหลานลับหลังพวกเขา


 


 


เขาวางแผนที่จะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดออกไปเมื่อเขาลาออกจากตำแหน่งหรือถูกบังคับให้ลาออก เขาหวังว่าข้อมูลที่เขารวบรวมนี้จะมากพอที่จะทำลายตระกูลเฮ่อหลาน!


 


 


จากนั้นชุยเชี่ยนก็ตั้งใจที่จะฆ่าตัวตายเพื่อเป็นการขอโทษสำหรับบาปกรรมที่เขาสร้างขึ้นกับประเทศที่เขารัก


ตอนที่ 770 ศูนย์ส่งดาวเทียม


 


 


แน่นอนเขากลัวว่าตระกูลเฮ่อหลานจะเปิดโปงเขาก่อนที่จะถึงเวลานั้น และพวกเขาก็จะทำให้เขากลายเป็นแพะรับบาป นั่นคือเหตุผลที่เขาบันทึกการหมั้นหมายระหว่างเฮ่อหลานฉีกับชุยอิงไว้ในไฟล์ เขาต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่ามันมีความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่างตระกูลชุยกับตระกูลเฮ่อหลาน เขาเตรียมใจที่จะตายไปพร้อมกับพวกเขา ถ้าเขาจะต้องถูกเผาไหม้ในเปลวไฟ เขาก็จะต้องลากตระกูลเฮ่อหลานลงนรกไปพร้อมกับเขาให้ได้


 


 


อย่างไรก็ตามตอนที่เฮ่อหลานชางยื่นคำขาดครั้งสุดท้ายกับเขา หลักฐานที่เขารวบรวมยังไม่มากพอที่จะพาดพิงไปถึงตระกูลเฮ่อหลาน ถ้าซิงเหอไม่ได้มาปรากฏตัวเหมือนนางฟ้าเพื่อช่วยเขา เขาและตระกูลชุยคงจบลงด้วยการเป็นเครื่องสังเวยอีกกลุ่มในแผนการชั่วร้ายของตระกูลเฮ่อหลาน


 


 


เขาถอนหายใจด้วยความโล่งออกอีกครั้ง เพราะในที่สุดทุกอย่างก็จบลงแล้ว…


 


 


ชุยเชี่ยนไม่ลังเลที่จะเปิดเผยการกระทำผิดกฎหมายที่เขาได้ทำให้กับตระกูลเฮ่อหลาน เพราะเขาเชื่อว่าจนถึงตอนนี้ พวกเธอคงจะรวบรวมหลักฐานเหล่านั้นได้แล้ว นอกจากนี้ซิงเหอยังมีเฮ่อหลานฉีเป็นพวกอีกด้วย ดังนั้นเขาน่าจะบอกเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับเขาให้เธอฟังหมดแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องซ่อนความผิดของตัวเองไว้และบอกทุกอย่างที่เขารู้กับพวกเธอ


 


 


กลุ่มของซิงเหอฟังเขาพูดอย่างอดทน พวกเธอไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาและดูเหมือนจะไม่ได้ตัดสินเขาไปในทางใดทางหนึ่ง


 


 


“คุณบอกว่าตระกูลเฮ่อหลานเป็นคนดูแลศูนย์ส่งดาวเทียมแห่งแรกของประเทศ R ใช่ไหมคะ” ซิงเหอถาม


 


 


ชุยเชี่ยนพยักหน้า “ถูกต้อง สถานที่นั้นเต็มไปด้วยคนของพวกเขา แต่เนื่องจากประเทศของเราไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการเดินทางไปในอวกาศ เท่าที่ผมรู้ สถานที่นั้นเลยแทบจะถูกทิ้งร้าง”


 


 


“แต่คนของเฮ่อหลานชางก็ยังอยู่ที่นั่น” ซิงเหอชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติตรงๆ


 


 


ชุยเชี่ยนสงสัย “ใช่แล้ว ไม่รู้ทำไมพวกเขาถึงยังอยู่ที่นั่น อันที่จริงผมก็เคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน ทำไมพวกเขาถึงยังอยู่ที่ฐานทัพซึ่งแทบจะถูกทิ้งไปแล้ว ถึงแม้ว่าฐานทัพนั้นจะยังคงส่งดาวเทียมจำนวนหนึ่งออกไปทุกปี มันก็ไม่น่าจะมีประโยชน์ต่อตระกูลเฮ่อหลาน เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจต้องการใช้ดาวเทียมพวกนั้นเพื่อหาข้อมูลเพิ่ม แต่ดาวเทียมทั้งหมดที่ถูกส่งออกไปจากที่นั่นก็หมดอายุการใช้งานหรือมีข้อบกพร่อง ฐานทัพนี้ไม่น่าจะมีประโยชน์ต่อพวกเขา มันอาจพอมีประโยชน์อยู่บ้างเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว แต่ตอนนี้มันน่าจะเป็นสถานที่ชำรุดทรุดโทรมซึ่งคนส่วนใหญ่ลืมเลือน”


 


 


“พวกเราไปดูศูนย์ส่งดาวเทียมนั่นได้ไหมคะ” ซิงเหอถาม


 


 


ชุยเชี่ยนส่ายหน้า “ไม่น่าจะได้เพราะคุณต้องได้รับอนุญาตจากเฮ่อหลานชางก่อนที่จะเข้าไปใกล้มัน คุณต้องผ่านมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยหลายอย่าง และที่นั่นก็ยังมีสมาชิกในครอบครัวของตระกูลเฮ่อหลานคอยดูแลอยู่ด้วย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปได้”


 


 


ซิงเหอกับมู่ไป๋มองหน้ากันและสื่อสารกันโดยไม่ต้องพูด จะต้องมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับศูนย์ส่งดาวเทียมนั่นแน่ๆ!


 


 


แม้แต่ชุยเชี่ยนเองก็เริ่มเห็นถึงความน่าสงสัยของสถานที่นี้หลังจากได้ทำการวิเคราะห์


 


 


เขาพูดอย่างจริงจัง “ฐานทัพก็ต้องมีความลับของมันเองเหมือนกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแน่ๆ ผมให้คนของผมไปตรวจสอบเกี่ยวกับข่าวของเด็กเป็นอัมพาตซึ่งโดนทอดทิ้งคนนั้นเช่นกัน และพวกเขาก็พบว่าเด็กทุกคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นแปลกมาก แต่พวกเขาไม่สามารถเจาะจงได้อย่างแน่นอนว่าเด็กพวกนั้นแปลกยังไง ผมตั้งใจว่าจะตรวจสอบให้ลึกลงไปกว่านั้นแต่เฮ่อหลานชางหาคนโชคร้ายบางคนมารับผิดแทน และเนื่องจากผมอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาผมเลยไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้เหตุการณ์นั้นผ่านไปเงียบๆ”


 


 


“ไม่ใช่ทอดทิ้งแต่เป็นการทำลาย” ซิงเหอพูดขึ้นมากะทันหัน


 


 


ชุยเชี่ยนตกใจ “ทำลายหรอ คุณหมายความว่ายังไง”


 


 


ซิงเหอยิ้มอย่างขมขื่น “พวกเขาจะเอาเด็กคนนั้นไปเผาที่เมรุ”


 


 


ชุยเชี่ยนตกตะลึงเกินกว่าจะพูดอะไรได้!


 


 


ความจริงอันโหดร้ายทำให้เขาหนาวเหน็บไปถึงกระดูกสันหลังแล้วเขาก็สั่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 771 ขอบคุณพวกคุณ


 


 


“นี่ไม่ใช่เหยื่อคนแรกของพวกเขา ดังนั้นพวกเราจึงต้องตรวจสอบสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและศูนย์ส่งดาวเทียมแห่งนี้ให้ลึกขึ้น ฉันสงสัยว่าตระกูลเฮ่อหลานกำลังวางแผนการใหญ่บางอย่างอยู่” ซิงเหอพูด คำพูดทุกคำของเธอทำให้ชุยเชี่ยนรู้สึกหนาวเหน็บ


 


 


“แผนการใหญ่?” ชุยเชี่ยนตกใจกับการเปิดเผยนี้ “แผนการแบบไหน? พวกคุณทุกคนรู้เรื่องอะไรอีก?”


 


 


ซิงเหอส่ายหน้า “ฉันไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลนั้นออกมาในตอนนี้ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่พวกเราไม่รู้ หลังจากที่ได้รับการยืนยันมากขึ้น ฉันจะบอกทุกอย่างกับคุณแน่นอน เพราะพวกเราต้องการความช่วยเหลือจากคุณเพื่อทำลายตระกูลยิ่งใหญ่นี้ อาศัยแค่เฮ่อหลานฉีคนเดียวไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นได้หรอก”


 


 


ในตอนนั้นชุยเชี่ยนจึงตระหนักว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานไม่ใช่เฮ่อหลานชาง แต่เป็นขนาดที่ใหญ่โตของตระกูลนี้!


 


 


ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาตระกูลเฮ่อหลานได้แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของประเทศราวกับโรคร้ายที่ไม่สามารถรักษาได้ การกำจัดเฮ่อหลานชางก็แค่ช่วยให้ได้หยุดพักชั่วคราวเท่านั้น มันไม่สามารถกำจัดเนื้องอกอย่างตระกูลเฮ่อหลานออกไปโดยสมบูรณ์ ดีไม่ดีการหายไปของเฮ่อหลานชางอาจเป็นการเตือนภัยให้พวกเขาและทำให้พวกเขาระมัดระวังมากขึ้น ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฮ่อหลานชางจะต้องเก็บไว้เป็นความลับ!


 


 


“งั้นพวกเราจะต้องไม่ปล่อยให้ความจริงเกี่ยวกับเฮ่อหลานชางรั่วไหลออกไป…” ชุยเชี่ยนเปิดปากพูดแต่ก่อนที่เขาจะพูดจบซิงเหอก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ


 


 


“พวกเรารู้เรื่องนั้นดีไม่อย่างนั้นเราจะเลือกไปจัดการกับเฮ่อหลานชางโดยส่วนตัวทำไม?”


 


 


วิธีที่ชุยเชี่ยนใช้มองซิงเหอเปลี่ยนไป “คุณเซี่ยทำให้ผมประทับใจกับแผนการอันซับซ้อนของคุณอีกครั้ง ต้องขอบคุณที่ครั้งนี้มีพวกคุณอยู่ ไม่อย่างนั้นประเทศ R คงจะเจอกับปัญหาใหญ่!”


 


 


“ท่านประธานาธิบดีหมายความว่ายังไงครับ?” มู่ไป๋ซึ่งเงียบมาตลอดถามขึ้น


 


 


ชุยเชี่ยนอธิบายทันที “ตอนแรกผมตั้งใจที่จะนำหลักฐานกระทำผิดกฎหมายของตระกูลเฮ่อหลานออกมาเปิดโปงในวันนี้และเลือกที่จะตายไปพร้อมกับพวกเขา ผมแค่คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเท่านั้น ตระกูลเฮ่อหลานจะต้องสู้กับมันไปจนถึงที่สุดแน่นอน เนื่องจากมีคนของพวกเขาอยู่ทั่วประเทศ ถ้าความจริงนี้ถูกเปิดโปง ผลที่ตามมาก็คงเลวร้ายจนไม่สามารถจินตนาการได้…”


 


 


ซิงเหอขมวดคิ้ว “โชคดีที่คุณไม่ได้ทำแบบนั้น”


 


 


ชุยเชี่ยนเองก็ตระหนักว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง “ใช่แล้ว ต้องขอบคุณที่คุณได้ช่วยผมและประเทศนี้เอาไว้”


 


 


ไม่อย่างนั้นแทนที่เขาจะช่วยให้ประเทศของเขาปลอดภัย มันจะเป็นการทำให้ประเทศนี้ตกอยู่ในความวุ่นวายแทน และเขาก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ ตอนนี้ชุยเชี่ยนประทับใจกับกลุ่มของซิงเหอมาก ในอนาคตเขาสาบานว่าจะช่วยพวกเธอด้วยทุกอย่างที่เขามี และเขาเชื่อว่าด้วยความร่วมมือของพวกเขา สักวันหนึ่งพวกเขาจะสามารถโค่นล้มตระกูลเฮ่อหลานทั้งหมดได้ เขาจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้เห็นเนื้องอกที่ชั่วร้ายก้อนนี้หายไปจากประเทศที่เขารัก!


 


 


นี่เป็นหน้าที่และโอกาสเดียวที่เขาจะได้ไถ่โทษกับสิ่งที่ทำผิดไป หลังจากบอกลาชุยเชี่ยน ซิงเหอกับมู่ไป๋ก็เริ่มวิเคราะห์กันต่อในรถ หลังจากปรึกษากันเป็นเวลานานพวกเขาก็ตัดสินใจว่าจะเริ่มต้นที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แน่นอนว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากเฮ่อปิง


 


 


สิ่งที่เฮ่อปิงต้องทำก็คือการประกาศกับสาธารณชนว่าเฮ่อหลานชางล้มป่วยเพราะเส้นเลือดในสมองอุดตัน และเขาจะต้องรับช่วงต่อในการดูแลกิจการของตระกูล ข่าวการล้มป่วยของเฮ่อหลานชางแพร่สะพัดไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีใครสามารถบอกอย่างแน่นอนว่าอาการของเขาเป็นอย่างไร


 


 


เฮ่อปิงแสร้งทำตัวเป็นเฮ่อหลานฉีเพื่อช่วยเหลือในแผนการของซิงเหอ เนื่องจากเขาเติบโตขึ้นมาในบ้านของตระกูลเฮ่อหลาน เขาจึงรู้เรื่องภายในหลายอย่าง ดังนั้นการแสร้งทำตัวเป็นเฮ่อหลานฉีเลยไม่ใช่ปัญหา


 


 


ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสงสัย ในระหว่างกระบวนนี้เฮ่อปิงได้ค้นพบหลายอย่างที่ตระกูลเฮ่อหลานแอบทำอยู่เบื้องหลัง เขารวบรวมข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้และส่งพวกมันทั้งหมดไปให้ชุยเชี่ยน


 


 


หน้าที่ของชุยเชี่ยนก็คือการปลดอำนาจที่เฮ่อหลานชางได้แทรกเข้ามาในแผนกและหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล!


ตอนที่ 772 เข้าควบคุมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า


 


 


หน้าที่ของซิงเหอคือการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจกต์กาแลกซี ทุกคนแยกย้ายกันไปทำภารกิจของตัวเอง สาธารณชนไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ที่เกิดขึ้นลับหลังพวกเขาเลย ไม่มีใครรู้ว่าภารกิจนี้จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของประเทศ R รวมไปถึงทั้งโลก!


 


 



 


 


หลังจากสืบสวนอยู่สองสามวัน กลุ่มของซิงเหอก็แน่ใจว่าทั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและศูนย์ส่งดาวเทียมน่าสงสัยพอๆ กัน นี่ก็เพราะว่าหลังจากที่ข่าวการล้มป่วยของเฮ่อหลานชางแพร่ออกไป ผู้จัดการของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและศูนย์ส่งดาวเทียมก็ติดต่อเฮ่อปินมาทันที


 


 


หลังจากที่พวกเขายืนยันอาการป่วยของเฮ่อหลานชางกับเขาแล้ว พวกเขาก็ถามว่าเขาจะเข้ามารับช่วงต่อจากบิดาได้เมื่อไหร่ เฮ่อปินแสดงได้อย่างสมบทบาทและตอบกลับไปว่าเขาพร้อมทุกเมื่อ


 


 


อันดับแรกเฮ่อปินตัดสินใจที่จะจัดการกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อน


 


 


ซิงเหอเปลี่ยนชุด ทรงผม และหาแว่นตากรอบใหญ่มาใส่เพื่อปลอมตัวเป็นเลขาของเฮ่อปิน เธอจะติดตามเขาไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วย ส่วนกลุ่มของแซมก็ปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ดของเฮ่อปิน


 


 


เนื่องจากตัวตนที่ไม่ธรรมดาของมู่ไป๋ คนส่วนใหญ่ในประเทศ R เลยรู้จักเขา เขาจึงไม่ได้ตามมาด้วย เขามีหน้าที่เฝ้าสังเกตวิดีโอที่เชื่อมต่อกับกล้องที่ซ่อนอยู่ในปกเสื้อสูทของซิงเหอแทน


 


 


เมื่อพวกเธอมาถึงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หวงเต๋อชิงซึ่งเป็นผู้จัดการก็ออกมาต้อนรับพวกเธอด้วยตัวเอง เต๋อชิงอยู่ในวัยหกสิบปีแล้วแต่เขายังคงมีชีวิตชีวาและดูแลร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี เขาสวมชุดสูทตัวยาว เขาตรวจสอบพวกเธอด้วยสายตามืนหม่นและระมัดระวัง


 


 


กระนั้นเขาก็ฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรทันทีเมื่อเห็นเฮ่อปิน นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเฮ่อหลานฉีมากแค่ไหน แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากความจริงที่ตอนนี้เฮ่อหลานฉีกลายเป็นผู้นำของตระกูลเฮ่อหลานไปแล้ว


 


 


“นายน้อย ทำไมจู่ๆ นายท่านถึงล้มป่วยเพราะเส้นเลือดในสมองอุดตันล่ะครับ” หลังจากการทักทายอย่างเป็นกันเองกับเฮ่อปิน เต๋อชิงก็ถามถึงเรื่องนี้พร้อมกับขมวดคิ้ว


 


 


ปากของเฮ่อปินคว่ำลงจากความโศกเศร้าและโทษตัวเอง “ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของผมเอง! เป็นเพราะว่าท่านเป็นห่วงผมมากเกินไปจนไม่ได้พักผ่อนดีๆ ในช่วงเวลานั้น ก็อย่างที่คุณรู้ว่าสุขภาพของท่านทรุดโทรมลงทุกปี ผมเกรงว่าความเหนื่อยล้าและความอ่อนเพลียเมื่อไม่นานมานี้คงทำให้ร่างกายของท่านรับไม่ไหว”


 


 


ฟังดูเป็นข้ออ้างที่เชื่อถือได้ ถึงอย่างไรก็มีเรื่องโชคร้ายมากมายเกิดขึ้นกับตระกูลเฮ่อหลานในช่วงเวลานั้น เฮ่อหลานฉีถูกจับกุมและเฮ่อหลานชางก็ออกไปหาทางช่วยเขาทุกวัน นั่นคือสิ่งที่ทุกคนรู้ดี มันไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าเขาจะล้มป่วยจากการใช้กำลังมากเกินไป นอกจากนี้เฮ่อหลานชางก็ไม่ได้อยู่ในช่วงที่แข็งแรงที่สุด การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนในวัยนี้


 


 


เต๋อชิงถอนหายใจแล้วพูด “นายท่านเป็นเสาหลักของตระกูลเฮ่อหลาน เรื่องที่ท่านล้มป่วยอย่างกะทันหันทำให้พวกเราทุกคนเป็นห่วงจริงๆ”


 


 


เฮ่อปินเลียนแบบเฮ่อหลานฉี เขาพูดตอบอย่างสุภาพ “ผมเองก็เป็นห่วงคุณพ่อเหมือนกัน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมให้ความพยายามที่ท่านทำเพื่อตระกูลเฮ่อหลานสูญเปล่า ผมจะช่วยสานต่อเจตนารมณ์ของท่านเอง ลุงหวงครับ ผมคงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากลุงในอนาคต”


 


 


เต๋อชิงยิ้มกว้างทันทีเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น “ได้โปรดอย่ากังวลเลยครับนายน้อย พวกเราจะช่วยเหลือคุณอย่างสุดความสามารถแน่นอน พวกเราจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวังและทำภารกิจสูงส่งที่ท่านมอบหมายให้กับเราจนสำเร็จ! ทั้งหมดนี้ก็เพื่อศาสนาและความเชื่อของเรา!”


 


 


แววตาของเต๋อชิงเต็มไปด้วยความรู้สึกเลื่อมใสอย่างมากเมื่อเขาพูดถึงศาสนาและความเชื่อ ซิงเหอสังเกตปฏิกิริยานี้และเก็บความสงสัยเอาไว้ เธอจะต้องไปหาคำตอบภายหลังว่าความเชื่อที่เขาพูดถึงคืออะไร


 


 


เฮ่อปินเล่นไปตามน้ำและตะโกนอย่างเร่าร้อน “ใช่แล้ว นี่คือความเชื่อของเรา! แต่ผมกลัวว่าผมจะไม่สามารถทำได้ดีเท่าคุณพ่อ ดังนั้นวันนี้ลุงหวงช่วยเล่าทุกอย่างให้ผมฟังอย่างละเอียดและชี้แนะผมได้ไหมครับ ผมควรจะทำยังไงเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามมาตรฐานของคุณพ่อ!”


 


 


“ไม่มีปัญหาครับ ตามผมมาเลย!” เต๋อชิงพยักหน้าหงึกๆ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 773 ความลับทั้งหมดจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า


 


 


เต๋อชิงนำพวกเขาเข้าไปในบ้านที่อยู่ภายในบริเวณของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เมื่อพวกเขามาถึงประตู เต๋อชิงก็สั่งให้ซิงเหอและคนที่เหลือรออยู่ข้างนอก


 


 


“ลุงหวงครับ เธอคนนี้คือเลขาของผม เป็นคนที่ไว้ใจได้ เฮ่อปินพูดความจริงในขณะที่โบกมือไปทางซิงเหอ


 


 


เต๋อชิงลังเล “แต่ผมไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย”


 


 


เฮ่อปินยิ้ม “ลุงหวงก็รู้จักพ่อของผมดี คุณไม่มีทางรู้จักลูกน้องทุกคนที่ท่านมีหรอก เธอเป็นเลขาของผมมาหลายปีแล้ว พวกคุณคงไม่มีโอกาสได้พบกันมาก่อนแต่ไม่ต้องห่วงครับ เธอเชื่อถือได้แน่นอน!”


 


 


เต๋อชิงเข้าใจความหมายของเขา เฮ่อหลานชางเป็นคนที่มีความลับมากมาย และในเมื่อเฮ่อหลานฉีออกปากรับรองซิงเหอ เขาจึงเลือกที่จะเชื่อซิงเหอ


 


 


“ก็ได้ เธอมากับพวกเรา” เขาบอกซิงเหอ


 


 


ซิงเหอพยักหน้าอย่างสุภาพแต่ไม่มีอารมณ์ใดๆ ในดวงตาของเธอ จิตใจของเธอตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง เต๋อชิงพยักหน้ายอมรับเมื่อเขาเห็นแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนคนที่นายท่านเฮ่อหลานจะจ้างมาให้ลูกชายของเขา


 


 


เขาบอกให้บอดี้การ์ดรออยู่ข้างนอก ซิงเหอตามพวกเขาเข้าไปในบ้านอย่างไม่เกรงกลัว มีอาคารหลายแห่งอยู่ภายในบริเวณของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และนี่ก็เป็นอาคารซึ่งดูไม่สะดุดตาที่สุด ดังนั้นเธอเลยประหลาดใจเมื่อตระหนักว่าอาคารนี้นำทางไปยังห้องใต้ดินที่ซ่อนอยู่ ต้องใส่รหัสต่อเนื่องหลายชุดเพื่อที่จะเข้ามาในนี้ เต๋อชิงกดรหัสอย่างระมัดระวัง แม้แต่เฮ่อปินก็ไม่มีโอกาสได้เห็นว่าเขากดอะไร


 


 


หลังจากที่ประตูของห้องใต้ดินเปิดออก เขาก็พูดอย่างนอบน้อม “นายน้อย ทุกอย่างในนี้คือความลับทั้งหมดจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเรา ตามผมมาเลยครับ”


 


 


เต๋อชิงเดินอยู่ข้างหน้าพวกเขาเพื่อนำทาง ซิงเหอกับเฮ่อปินลอบมองหน้ากันอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินตามเขาไป ชั่วขณะที่พวกเขาก้าวเข้ามา ประตูของห้องใต้ดินก็ปิดลงโดยอัตโนมัติ


 


 


เฮ่อปินกับซิงเหอเกร็งขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และพวกเขาก็รีบเดินให้เร็วขึ้นเล็กน้อยเพื่อตามเต๋อชิงให้ทัน ทั้งห้องมืดสนิท หลังจากเดินไปอีกไม่กี่ก้าวจู่ๆ เต๋อชิงก็ปรบมือเพื่อเปิดใช้งานระบบไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยเสียง


 


 


ภายในห้องสว่างขึ้น ซิงเหอกับเฮ่อปินจึงได้เห็นห้องใต้ดินอย่างชัดเจน…


 


 


สถานที่นี้ไม่ได้พิเศษอะไร มันเต็มไปด้วยชั้นหนังสือจากกำแพงหนึ่งไปยังอีกกำแพงหนึ่ง ทำให้มันดูเหมือนห้องสมุดส่วนตัว ชั้นหนังสือเต็มไปด้วยแฟ้มจำนวนนับไม่ถ้วน นอกจากนี้การตกแต่งของสถานที่นี้ก็ดูเก๋ไก๋นำสมัยด้วยอุปกรณ์ใหม่ล่าสุดทั้งหมด ซิงเหอกับเฮ่อปินรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังอยู่ในห้องสมุดในอนาคตเมื่อยืนอยู่บนพื้นที่เปล่งประกายราวกับกระจก อย่างไรก็ตามพวกเขาระมัดระวังไม่ให้ความรู้สึกประหลาดใจแสดงออกมาบนใบหน้า


 


 


เนื่องจากเฮ่อปินไม่ได้พูดอะไร เต๋อชิงเลยแนะนำสถานที่อย่างกระตือรือร้น “นายน้อย สถานที่นี้จัดเก็บบันทึกทั้งหมดจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาหลายปีแล้ว ผมมั่นใจว่านายท่านคงไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าให้คุณฟังมากนัก แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะรู้ว่าจุดประสงค์ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเราก็เพื่อที่จะเลือกและฝึกฝนผู้มีความสามารถสำหรับที่แห่งนั้น”


 


 


เฮ่อปินพยักหน้าอย่างง่ายๆ “แน่นอน”


 


 


เต๋อชิงพูดต่อ “ตามกฎที่บรรพบุรุษของคุณเป็นคนตั้ง คุณจะต้องมาที่นี่เพื่อทำรายการสินค้าและตรวจสอบทุกอย่างเป็นประจำทุกปี แต่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปริมาณงานนะครับ เพราะผมคอยดูแลมันอย่างต่อเนื่องและพวกมันก็ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระบบ”


 


 


“แฟ้มของทุกคนอยู่ที่นี่” เฮ่อปินถาม เขาไม่ลืมเรื่องมารดาของซิงเหอ คำถามนี้ก็เพื่อเธอ


 


 


เต๋อชิงส่ายหน้า “น่าเสียดาย ไม่ใช่ทุกคนครับ แฟ้มของเมื่อสิบปีแรกถูกทำลายไปแล้ว แฟ้มที่อยู่ที่นี่คือช่วงหลังจากนั้น”


 


 


“ถูกทำลายทั้งหมดเลย?” เฮ่อปินถามด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่


 


 


เต๋อชิงพยักหน้า “ใช่ครับ ทุกแฟ้มเลย ปีนั้นความลับของเราเกือบจะรั่วไหลออกไป ดังนั้นคุณปู่ของคุณเลยตัดสินใจที่จะทำลายทุกอย่าง ไม่เหลือข้อมูลใดๆ ไว้เลย ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่รอดมาจนถึงวันนี้หรอกครับ”


ตอนที่ 774 ฟาร์ม


 


 


“เนื่องจากบทเรียนในครั้งนั้น ตอนนี้พวกเราจึงระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น ก็อย่างที่คุณเห็น ระบบรักษาความปลอดภัยของเราอยู่ในระดับดีเยี่ยม ยกตัวอย่างเช่นห้องใต้ดินแห่งนี้ที่จัดเก็บความลับทั้งหมดของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถ้ามีใครลอบเข้ามาในนี้ อุปกรณ์ส่งสัญญาณวงจรไฟฟ้าภายในจะเริ่มทำงานเพื่อทำลายข้อมูลทั้งหมด! มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้รหัสผ่านของห้องนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผมห้องนี้ก็จะถูกทำลาย และเริ่มกระบวนการจัดเก็บใหม่” เต๋อชิงพูดอย่างภูมิใจ


 


 


เฮ่อปินเลียนแบบเขาและพูดอย่างภูมิใจ “ใช่แล้ว ตระกูลเฮ่อหลานของเราเก่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัย”


 


 


“ถูกต้องครับ แต่นับจากนี้ไปคุณจะรู้ความลับทั้งหมดนี้ด้วย นายน้อย ถึงแม้ว่าอาการป่วยอย่างกะทันหันของนายท่านจะถือเป็นเรื่องโชคร้ายจริงๆ ผมก็ยังอยากที่จะแสดงความยินดีกับคุณที่ได้เข้าควบคุมตระกูลเฮ่อหลานทั้งหมด!”


 


 


เต๋อชิงคนนี้เป็นคนไม่ซื่อสัตย์ เฮ่อหลานชางยังนอนใกล้ตายอยู่บนเตียงแต่เขาก็เริ่มประจบเฮ่อหลานฉีแล้ว อย่างไรก็ตามนี่เป็นผลดีต่อเฮ่อปิน เพราะมันจะทำให้ภารกิจของเขาง่ายขึ้น


 


 


“ลุงหวง ผมสามารถดูแฟ้มที่นี่ตามที่ต้องการได้ไหมครับ” เฮ่อปินถามอย่างสุภาพ


 


 


เต๋อชิงพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้วครับ! ในบรรดาคนในตระกูลเฮ่อหลานทั้งหมด มีแค่คุณกับผมเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์นี้”


 


 


เฮ่อปินพยักหน้าตอบและดึงแฟ้มอันหนึ่งออกมาอ่าน ซิงเหอไม่ได้ขยับเข้าไปใกล้ เธอยืนอยู่กับที่ แสดงได้อย่างสมบทบาท เฮ่อปินยังคงพลิกแฟ้มต่อไปหลายอัน แต่เขาไม่ได้ศึกษามันอย่างละเอียด กระนั้นกล้องที่ซ่อนอยู่ในเนกไทของเขาได้บันทึกทุกอย่างเอาไว้


 


 


หลังจากที่ดูแฟ้มอื่นๆ อีกเล็กน้อย เฮ่อปินก็เสนอให้พวกเขาไปเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถึงอย่างไรสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เป็นเหตุผลหลักที่พวกเขามาที่นี่ เต๋อชิงไม่มีปัญหากับเรื่องนั้นและนำทางพวกเขาออกไปจากห้องใต้ดิน ซิงเหอตามพวกเขาไปและได้เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า


 


 


ถ้าเธอไม่รู้มาก่อน ซิงเหอคงจะไม่คิดว่าที่นี่คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพราะมันดูเหมือนฟาร์มปศุสัตว์มากกว่า!


 


 


ตลอดทางเต๋อชิงอธิบายให้พวกเธอฟังอย่างภาคภูมิใจว่าพวกเขาเลี้ยงดูเด็กกำพร้าพวกนี้อย่างไร พวกเขาปลูกฝังเด็กกำพร้าพวกนี้ด้วยกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ


 


 


สำหรับทารกที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ พวกเขาจะให้โปรตีนซองที่แนะนำโดยนักโภชนาการ และทารกจะได้รับการตรวจร่างกายทุกวัน ครึ่งปีต่อมาเด็กที่ร่างกายแข็งแรงจะได้รับเลือกให้เข้าร่วมในการฝึกฝนเป็นพิเศษ ส่วนเด็กที่ได้คะแนนสูงทั้งในการทดสอบทางร่างกายและจิตใจจะได้รับเลือกให้เข้าร่วมในการฝึกฝนตัวต่อตัว…


 


 


พวกเขาคัดกรองเด็กทารกเพื่อที่จะเลือกคนที่ดีที่สุด เด็กกำพร้าสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่มโดยใช้ระบบการให้คะแนนที่แตกต่างกัน พวกที่มีคะแนนสูงสุดคือเด็กกำพร้าที่ฉลาดและแสดงความจงรักภักดีต่อตระกูลเฮ่อหลาน


 


 


แน่นอนว่าเด็กกำพร้าที่ได้คะแนนต่ำก็มีโอกาสที่จะได้คะแนนมากขึ้น ตราบใดที่พวกเขาแสดงให้เห็นว่ามีการพัฒนาในภายหลังหรือมีความพรสวรรค์ที่โดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่ง


 


 


เด็กกำพร้าที่มีคะแนนสูงสุดจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ห้องพักที่ดีที่สุด อาหารที่ดีที่สุด และการศึกษาที่ดีที่สุด การดูแลจะแย่ลงไปตามระดับคะแนน เด็กกำพร้าที่มีคะแนนต่ำที่สุดจะถูกคัดออก แต่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาต่อจากนั้นเป็นความลับ


 


 


ดังนั้นเด็กพวกนี้จึงต้องต่อสู้ตั้งแต่อายุยังน้อย ภายใต้ระบบที่โหดร้ายและรุนแรงแบบนี้ เด็กทุกคนต้องผลักดันตัวเองทุกวัน พวกเขาใช้เวลาทุกวินาทีเพื่อคิดหาทางปรับปรุง เล่าเรียน และทำให้ตัวเองยอดเยี่ยมที่สุด


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 775 โหดเ**้ยมเหลือเกิน


 


 


นี่หมายความว่าเด็กๆ จะไม่มีช่วงเวลาในวัยเด็กเลย หรืออาจพูดได้ว่าวัยเด็กของพวกเขาไม่ใช่ช่วงเวลาที่มีความสุขเนื่องจากมันเต็มไปด้วยการเรียนและการแข่งขันเท่านั้น ระหว่างทางพวกเขาได้เห็นเด็กหลายคน และทั้งหมดก็เป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าหกขวบ


 


 


น่าแปลกที่เด็กทุกคนตัวสูงกว่าวัยปกติ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ที่น่ากลัวที่สุดก็คือดวงตาของพวกเด็กๆ เด็กทุกคนควรจะมีใบหน้าที่ไร้เดียงสา แต่ดวงตาเด็กพวกนี้แทบจะปราศจากชีวิต ไม่มีการหัวเราะหรือร้องไห้ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของเด็ก แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ดูโตและเป็นผู้ใหญ่อย่างน่ากลัว…


 


 


ทุกครั้งที่ซิงเหอสบตากับดวงตาที่มืดหม่น ไร้ชีวิตชีวา และใบหน้าที่ปราศจากความรู้สึกของพวกเด็กๆ หัวใจของเธอก็บีบรัดแน่น แม้แต่เฮ่อปินเองก็ทำใจเชื่อสิ่งที่พวกเขาเห็นได้อย่างยากลำบาก อย่างไรก็ตามเต๋อชิงยังพูดฉอดๆ ต่อไปอย่างมีความสุข มีความภาคภูมิใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาราวกับว่าเด็กพวกนี้เป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากการทดลองของเขา และเขาจะพูดเป็นนัยถึง ‘สถานที่นั้น’ เป็นครั้งคราว


 


 


จากคำพูดของเขา ซิงเหอกับเฮ่อปินเข้าใจว่าเด็กกำพร้าที่เก่งที่สุดจะถูกส่งไปยังสถานที่แห่งนั้น มาตรฐานของสถานที่นั้นค่อนข้างสูง พวกเขายอมรับแต่เด็กกำพร้าที่เก่งที่สุดเท่านั้นและไล่เด็กที่เหลือออกไป ด้วยเหตุนี้เต๋อชิงจึงพยายามพัฒนาวิธีฝึกฝนของเขาให้ไร้ที่ติมามากกว่าสิบปีเพื่อที่จะเลี้ยงเด็กกำพร้าให้ออกมาสมบูรณ์แบบ วิธีฝึกฝนที่เขาคิดค้นขึ้นมาเริ่มโหดร้ายและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ …


 


 


เขายังใช้เทคโนโลยีเพื่อกระตุ้นการเติบโตในสมองของเด็กๆ อีกด้วย เขาจะใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสิ่งอื่นที่คล้ายกันเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์สมองในกะโหลกศีรษะของเด็กๆ …


 


 


“ลุงหวงครับ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเราสามารถสร้างอัจฉริยะได้กี่คนจากการใช้เทคโนโลยีนี้” เฮ่อปินถามอย่างตื่นเต้นแต่ภายใต้ความตื่นเต้นที่เห็นได้ชัดของเขากำลังเดือดพล่านไปด้วยความเยือกเย็นอย่างร้ายแรง


 


 


เต๋อชิงหัวเราะโดยไม่ทันสังเกตเห็นอารมณ์ที่อยู่ในดวงตาของเขา “ไม่ใช่ว่าผมต้องการจะยกหางตัวเองหรอกนะ แต่หลายปีที่ผ่านมาผมสามารถสร้างอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบมามากกว่ายี่สิบคนแล้ว!”


 


 


“เยอะขนาดนั้นเลย ลุงหวงถือเป็นอัจฉริยะจริงๆ!” เฮ่อปินชื่นชม


 


 


เต๋อชิงรู้สึกพอใจในตัวเองเป็นพิเศษ มันเป็นเรื่องยากที่จะเจออัจฉริยะโดยกำเนิดแต่ด้วยการใช้วิธีของเขา เขาสามารถสร้างอัจฉริยะให้ตระกูลเฮ่อหลานได้ประมาณยี่สิบคน เขามีส่วนสำคัญในการทำเรื่องชั่วช้าทั้งหมดของตระกูลเฮ่อหลาน


 


 


“คุณเคยลองเพิ่มจำนวนของอัจฉริยะไหมครับ” เฮ่อปินถาม


 


 


เต๋อชิงตอบ “แน่นอนครับ พวกเราเคยลองดูแล้ว แต่เด็กส่วนใหญ่ไม่สามารถอยู่รอดจากการชักนำนั้น สมองของพวกเขากลายเป็นอัมพาตและหยุดทำงาน พวกเราจะกำจัดเมล็ดพันธุ์ที่ไร้ค่าเหล่านี้ทันที”


 


 


“ใช่แล้ว การปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไปก็มีแต่เปลืองอาหารเปล่าๆ ให้พวกเขามอบมันกลับมาสู่โลกดีกว่า” เฮ่อปินพูดพร้อมกับแสยะยิ้ม แต่ลึกเข้าไปในดวงตาของเขามีเศษเสี้ยวของความเกลียดชังอยู่ ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่เขารู้สึกเกลียดตระกูลเฮ่อหลานมากกว่าตอนนี้เลย!


 


 


เขาถูกเลี้ยงขึ้นมาให้เป็นนักฆ่าตั้งแต่ยังเด็ก และเขาคิดว่าชีวิตของเขาโหดร้ายแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเขาต้องขอบคุณที่พ่อไม่ส่งตัวเขามาอยู่ที่นี่ เพราะเด็กพวกนี้มีชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าเขาอีก


 


 


สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือวิธีการที่พวกเขาปฏิบัติกับสิ่งที่เรียกว่าเมล็ดพันธุ์ไร้ค่าเหล่านี้ เมื่อเด็กๆ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือความตายที่แสบร้อน! เมรุแห่งนั้นคงจะคร่าชีวิตของเด็กน้อยบริสุทธิ์ไปหลายคนแล้วแน่ๆ


 


 


ไม่มีใครรู้ว่าตระกูลเฮ่อหลานแอบทำเรื่องไร้ศีลธรรมแบบนี้ เฮ่อปินรู้สึกละอายใจขึ้นมาลึกๆ ทันทีที่เขามีสายเลือดของตระกูลเฮ่อหลานไหลเวียนอยู่ในตัว เขารู้สึกอึดอัดมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้


 


 


แม้กระทั่งคนที่ผ่านการฝึกฝนเพื่อเป็นนักฆ่าอย่างเขายังได้รับผลกระทบขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงเป็นห่วงซิงเหอ ทว่าเมื่อเขาแอบมองเธอ เขาก็พบว่าใบหน้าของเธอไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาเลยสักนิด เธอเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ตามพวกเขามาอย่างเงียบๆ อันที่จริงเธอเงียบมากถึงขนาดสามารถกลมกลืนไปกับพื้นหลังได้อย่างง่ายดาย


 


 


ดวงตาของเธอเป็นสีเดียวกับความมืดมิด ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เธอยังคงรักษาสีหน้าที่ไม่สามารถอ่านได้


 


 


เมื่อได้เห็นแบบนี้เฮ่อปินเลยแอบเตือนตัวเองให้รักษาจิตใจให้สงบ และไม่แสดงวี่แววของความอ่อนแอหรือน่าสงสัยออกมา


ตอนที่ 776 เด็กคนสุดท้าย


 


 


หลังจากที่เดินดูกระบวนการฝึกฝนส่วนใหญ่แล้ว ในที่สุดเต๋อชิงก็พาพวกเขาไปพบกับเด็กกลุ่มหนึ่ง เด็กกลุ่มนี้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดที่เพิ่งได้รับการคัดเลือก อย่างไรก็ตามทั้งหมดมีแค่ห้าคนและทุกคนก็เป็นเด็กผู้ชาย


 


 


“ไม่มีเด็กผู้หญิงเหรอครับ” เฮ่อปินถามด้วยความอยากรู้


 


 


เต๋อชิงส่ายหัว “ไม่มีครับ เด็กผู้หญิงที่ผ่านการรับเลือกมีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้ชาย นายน้อยอย่าดูถูกพวกเขาเพราะยังอายุน้อยนะครับ พวกเขาทั้งหมดเป็นเด็กอัจฉริยะ”


 


 


“อย่างนั้นเหรอ งั้นขอให้พวกเขาแสดงให้เห็นหน่อยดีไหม” เฮ่อปินเลียนแบบเฮ่อหลานฉีและเสนอด้วยรอยยิ้มสุภาพ เต๋อชิงให้เด็กชายบางคนแสดงความสามารถของตัวเองออกมาทันที แล้วซิงเหอกับเฮ่อปินก็ต้องแปลกใจที่เด็กทั้งหมดเป็นอัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์!


 


 


ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขายังคุ้นเคยในด้านอื่นๆ อีกมากมาย บางคนเก่งด้านวิศวกรรมศาสตร์ คนอื่นเก่งด้านเคมี คณิตศาสตร์ และฟิสิกส์…


 


 


อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ระหว่างที่พูดความรู้ของตัวเองออกมารัวๆ เด็กผู้ชายพวกนี้เหมือนกับคนที่เล่าเรียนมานานหรือคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีความรู้สึก ถึงแม้ว่าความรู้ที่พวกเขาแสดงออกมานั้นจะไม่ได้ยากมาก แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถและศักยภาพในการเรียนรู้ที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา


 


 


มองดูใบหน้าเล็กๆ น่ารักที่ปราศจากความไร้เดียงสาและถูกบังคับให้กลายเป็นเครื่องจักรเพื่อการเรียนรู้ไม่ได้ทำให้เฮ่อปินกับซิงเหอประทับใจแต่อย่างใด มีแค่ความหนักหน่วงในใจของพวกเขา


 


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นเด็กคนสุดท้ายที่เซไปทางซ้ายทีขวาทีในขณะที่กำลังแสดงความรู้ทางด้านเคมีให้พวกเขาดู ตอนแรกเด็กน้อยก็กัดฟันและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อซ่อนอาการไม่สบายของตน อย่างไรก็ตามอาการป่วยของเขารุนแรงเกินไปจนเขาแทบจะทนไม่ไหว


 


 


เขาเกือบจะเป็นลมและล้มลงไปแล้วตอนที่เต๋อชิงพุ่งออกมาข้างหน้าเพื่อจับตัวเด็กชายและเรียกร้องด้วยความโมโห “นายป่วยหรอ!”


 


 


“ไม่ ไม่ครับ ผมไม่ได้ป่วย!” นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กชายแสดงความรู้สึกออกมาและมันคือความกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะหวาดกลัวต่อบางสิ่งอย่างมาก


 


 


เต๋อชิงไม่สนใจเด็กชายและสั่งเด็กคนอื่นๆ อย่างเย็นชา “ไปพาพนักงานมาเดี๋ยวนี้ แล้วเอาเขาไปหาหมอ!”


 


 


“ครับ!” ดูเหมือนว่าเด็กคนอื่นจะกลัวติดหวัดเลยรีบหนีออกมาราวกับกลุ่มนกพิราบ เด็กชายที่ป่วยอยู่หน้าซีดลงอย่างมาก และร่างกายผอมบางของเขาก็ไม่สามารถหยุดสั่นได้


 


 


ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในขณะที่เขาขอร้อง “ผู้จัดการ ผมไม่ได้ป่วยจริงๆ นี่เป็นแค่ไข้หวัด ผมจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้ ผมสัญญา…”


 


 


เต๋อชิงทำเสียงต่ำอย่างเย็นชาและจ้องมองเด็กชายอย่างชั่วร้าย “นายลืมกฎของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปแล้วหรือไง นายต้องบอกพวกเราถ้านายป่วย การที่นายซ่อนเรื่องนี้ไว้แปลว่านายละเมิดกฎ!”


 


 


“ผมขอโทษ ผม ผมคิดว่าผมจะหายดีอย่างรวดเร็ว… ผู้จัดการ ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่กล้าทำแบบนี้อีกแล้ว…” เด็กชายที่เกือบจะอายุครบห้าขวบน้ำตาคลอเนื่องจากความหวาดกลัว อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าที่จะร้องไห้ออกมาดังๆ หยาดน้ำตาที่เหมือนกับไข่มุกร่วงลงมาจากดวงตาสีเข้มของเขาอย่างเงียบงัน


 


 


อยู่ต่อหน้าเด็กที่น่ารักและน่าสงสารขนาดนี้ เต๋อชิงก็ไม่ได้ใจอ่อน อันที่จริงสีหน้าของเขามีแต่จะมืดหม่นขึ้น


 


 


“ฉันพูดไปตั้งหลายรอบแล้ว ไม่มีใครอยู่เหนือกฎ! นายคิดว่ายังจะมีครั้งหน้าสำหรับนายอีกเหรอ ถ้าฉันไม่ลงโทษคนที่ฝ่าฝืนกฎอย่างนาย แล้วฉันจะควบคุมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ได้ยังไง!” เต๋อชิงคำรามใส่หน้าของเด็กชายก่อนที่จะตบลงไปบนใบหน้าของเขาอย่างแรง แรงตบของเขาทำให้เด็กชายตัวน้อยล้มลงไปกับพื้นทันที


 


 


นี่ทำให้ซิงเหอกับเฮ่อปินตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าเต๋อชิงจะทำเรื่องโหดร้ายอย่างกะทันหันแบบนี้


 


 


ตอนที่เด็กชายเงยหน้าขึ้นมาและพวกเขาได้เห็นรอยแดงที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าผอมๆ นั้นทันที ความเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรงก็ปะทุขึ้นภายในดวงตาของพวกเขา


 


 


 


 


ตอนที่ 777 ความชั่วร้ายที่จำเป็น


 


 


เต๋อชิงทำเกินไปแล้ว!


 


 


เห็นได้ชัดว่าเด็กชายตัวน้อยยังคงมึนงงจากการโดนทำร้ายร่างกาย ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวดและไม่สบาย


 


 


“ยืนขึ้นมา!” เต๋อชิงสั่งอย่างรุนแรง คำสั่งของเขาดูเหมือนจะมาจากขุมนรก


 


 


เด็กชายตัวสั่นอย่างชัดเจน เขาพยายามที่จะยืนขึ้นแต่การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันทำให้เขาอาเจียนไปทั่ว เมื่อเห็นแบบนี้เต๋อชิงก็ขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง อย่างไรก็ตามเขารีบหันไปบอกกับเฮ่อปินอย่างนอบน้อม “นายน้อยครับ ตรงนี้เริ่มไม่สะอาดแล้ว คุณไปรอผมที่สำนักงานดีกว่า ผมจะไปหาคุณหลังจากที่จัดการกับเมล็ดพันธุ์ไร้ค่านี้”


 


 


“คุณตั้งใจที่จะจัดการกับเขายังไง” เฮ่อปินถามอย่างเย็นชา เต๋อชิงคิดว่าเฮ่อหลานฉีแสดงความไม่พอใจต่อเด็กคนนี้ เขารีบตอบ “แน่นอนว่าพวกเราจะทำการตรวจร่างกายของเขา ถ้าผลออกมาโอเคก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้ามันเป็นการเจ็บป่วยร้ายแรง พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทิ้งเขา”


 


 


แววความกลัวปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเด็กชายซึ่งเจ็บปวดจากความชอกช้ำเมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘ทิ้ง’


 


 


“ไม่ ไม่นะ ผู้จัดการ ผมไม่เป็นไรจริงๆ …” เด็กชายตัวน้อยคงใช้แรงทั้งหมดที่เขารวบรวมได้เพื่อยืนขึ้นและร้องไห้อย่างกระวนกระวาย “ผู้จัดการ ไม่ ได้โปรด ผมไม่เป็นไรจริงๆ ดูผมสิ ผม…”


 


 


ก่อนที่จะพูดจบเด็กชายก็หน้ามืดและทรุดลงไปกับพื้น หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้สติอีก


 


 


เต๋อชิงสาปแช่งอย่างรุนแรง “คนพวกนั้นทำอะไรกันอยู่ ทำไมพวกเขาถึงไม่พบอาการป่วยที่ร้ายแรงแบบนี้! ฉันจะทำหน้ายังไงถ้าเมล็ดพันธุ์แบบนี้ถูกส่งไปที่นั่น”


 


 


เฮ่อปินพูดต่อจากประโยคของเขาทันที เขาถามตามปกติ “ครั้งนี้จะส่งเด็กไปกี่คน”


 


 


เต๋อชิงอธิบาย “มีแค่ห้าคนที่คุณได้เห็น แต่ดูเหมือนว่าเราจะต้องเอาออกไปหนึ่งคน!”


 


 


“บางทีเราอาจจะยังรักษาเขาได้ ลุงหวง พวกเราไม่ควรเสียเมล็ดพันธุ์ที่มีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ พวกเขาไม่ได้หาง่ายนัก” เฮ่อปินเตือนเขาเบาๆ


 


 


เต๋อชิงยิ้ม “แน่นอนครับ ถ้าเขาไม่เป็นไร พวกเราก็จะไม่ละทิ้งเขาแน่นอน แต่ถ้าอาการป่วยของเขารุนแรงเกินไปพวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่น”


 


 


ชั่วขณะที่เต๋อชิงพูดจบ หมอสองคนก็รีบวิ่งเข้ามา เต๋อชิงสั่งเมื่อเห็นพวกเขา “พาเขาไปที่ห้องตรวจ จำไว้ว่าต้องตรวจอย่างละเอียด”


 


 


“รับทราบครับ!”


 


 


พวกเขาอุ้มเด็กชายตัวน้อยออกไปทันที และเต๋อชิงก็พาเฮ่อปินไปยังจุดอื่น


 


 


เฮ่อปินพูดด้วยอำนาจ “ลุงหวง วันนี้เป็นวันแรกที่ผมเข้ามารับงานพวกนี้ต่อ ดังนั้นหลังจากที่คุณได้ผลตรวจของเด็กคนนั้นก็อย่าลืมแจ้งผมด้วย ผมไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในวันที่ผมเข้ามารับช่วงกิจการต่อ”


 


 


“แน่นอนครับ” เต๋อชิงเข้าใจว่านี่เป็นอาการเห่อของใหม่ เฮ่อหลานฉีไม่เคยแสดงความสนใจในกิจการของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างชัดเจนมาก่อน เขามักจะปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง ดังนั้นนี่จึงเป็นคำอธิบายเดียวที่เต๋อชิงสามารถคิดได้ว่าเป็นเหตุผลของคำสั่งของเฮ่อปิน


 


 


เฮ่อปินไม่ต้องการที่จะทำอะไรมากเกินไป ไม่อย่างนั้นมันอาจทำให้เต๋อชิงเกิดความสงสัย เขาเลยเสริมด้วยรอยยิ้ม “ปล่อยเรื่องนั้นไปก่อน ลุงหวงช่วยพาผมไปดูที่อื่นได้ไหมครับ ผมต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมจากลุงหวง ผมรู้สึกว่าลุงหวงมีเรื่องที่จะสอนมากกว่านี้”


 


 


“ถือเป็นโชคดีของตระกูลเฮ่อหลานจริงๆ ที่นายน้อยตั้งใจเรียนรู้แบบนี้” เต๋อชิงใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้ตัวเองเป็นที่ชื่นชอบของเฮ่อปิน


 


 


เฮ่อปินหัวเราะและพูดอย่างถ่อมตัว “เป็นเพราะว่าลุงหวงเชี่ยวชาญมากต่างห่าง ผมถึงสามารถเรียนรู้จากคุณได้มากมาย ดังนั้นลุงหวงต้องสอนทุกอย่างที่รู้ให้กับผมนะครับ”


 


 


“นายน้อยยกยอผมเกินไปแล้วครับ แน่นอนว่าผมจะเปิดเผยความลับของผมให้นายน้อยฟังเพื่อประโยชน์ของตระกูลเฮ่อหลานและเหตุผลของเรา…” หลังจากที่ได้รับคำชมเต๋อชิงก็เริ่มสบายใจและลดการป้องกันตัวของเขาลง นอกจากนี้เนื่องจากเฮ่อหลานฉีจะกลายมาเป็นเจ้านายของเขาในอนาคต เขาเลยยอมบอกทุกอย่าง


 


 


ด้วยเหตุนี้ซิงเหอกับเฮ่อปินเลยได้รู้ถึงความชั่วร้ายที่ ‘จำเป็น’ อีกหลายเรื่องที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำ…


 


 


เพื่อการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดให้จงรักภักดีที่สุด สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจึงทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อฝึกฝนพวกเขา และคงไม่ต้องพูดว่าการฝึกฝนส่วนใหญ่นั้นเข้มงวดและป่าเถื่อนมาก…


ตอนที่ 778 ความซื่อสัตย์อย่างแท้จริง


 


 


เด็กๆ ไม่แสดงข้อบกพร่องใดๆ ออกมาเลย โดยเฉพาะท่าทีไม่เชื่อฟัง ชั่วขณะที่มีใครฝ่าฝืนกฎ บทลงโทษอย่างทรมานก็จะรอคอยพวกเขาอยู่!


 


 


พวกเขาฝึกฝนเด็กกำพร้าเหล่านี้ไม่ต่างไปจากการฝึกสุนัข พวกเขาปลูกฝังจิตใจที่กำลังเติบโตของเด็กๆ ให้เชื่อฟังพวกเขาอย่างสมบูรณ์ เด็กที่เกเรจะถูกลงโทษ และหลังจากที่ได้รับการลงโทษเพียงพอแล้ว เด็กพวกนั้นก็จะหมดประโยชน์ เมื่อขาดคุณสมบัติก็ต้องถูกกำจัดทิ้ง พวกเด็กๆ ไม่เคยรู้เกี่ยวกับวิธีกำจัดนี้ พวกเขารู้แค่ว่าจู่ๆ เพื่อนบางคนก็หายตัวไปภายในชั่วข้ามคืน


 


 


เด็กทุกคนยังอายุน้อยมาก ไม่มีใครสามารถดูแลและอยู่รอดด้วยตัวเองได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกทอดทิ้ง พวกเขาจึงกลายเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์และทำตามคำสั่งทุกอย่างของพวกผู้ใหญ่


 


 


ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่พอใจอยู่ข้างในแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดมันออกมา เพราะกลัวว่ามันจะไปถึงหูของพวกผู้ใหญ่ เนื่องจากถูกเลี้ยงให้เติบโตขึ้นมาด้วยการฝึกอบรมอย่างเชื่อฟังมาหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็นมนุษย์ที่ไม่สนใจสิ่งใด เป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบ


 


 


แน่นอนว่าเด็กที่ป่วยหนักจะถูกทอดทิ้งไป นี่คือเหตุผลว่าทำไมเด็กชายตัวน้อยในวันนี้ถึงหวาดกลัวขนาดนั้นและพยายามซ่อนอาการป่วยของเขาไว้ เขากลัวมากตอนที่โดนจับได้เพราะเขากลัวว่าจะถูกทอดทิ้งจริงๆ


 


 


ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนที่ทำงานอยู่ที่นั่นมองว่าเด็กๆ เป็นเด็ก กลับกันพวกเขาทำเหมือนกับว่าเด็กพวกนี้เป็นปศุสัตว์ พวกเขาจะลงโทษเด็กที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบ รวมถึงเด็กที่ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของพวกเขา ลงโทษแม้กระทั่งความผิดพลาดที่เล็กที่สุด


 


 


ไม่มีเด็กคนไหนรู้เกี่ยวกับโลกที่อยู่นอกกำแพงของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในจิตใจเล็กๆ ของพวกเขาคิดว่าวัยเด็กควรเป็นแบบนี้ และเด็กทุกคนในโลกใช้ชีวิตเหมือนกับพวกเขา อันที่จริงพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีโลกภายนอกอยู่ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคือโลกของพวกเขา


 


 


การที่พวกเขาสามารถล้างสมองของเด็กพวกนี้อย่างสมบูรณ์เป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจที่สุดในความคิดของเต๋อชิง นี่ก็เพราะว่าสถานที่แห่งนั้นต้องการคนที่ยอมเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์…


 


 


เต๋อชิงกล่าวว่าเขาเรียนรู้วิธีการควบคุมแบบนี้มาจากพ่อของเขา ตอนที่ตระกูลเฮ่อหลานเปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลที่ขัดแย้งกับชื่อแห่งนี้ขึ้นมา พ่อของเต๋อชิงเป็นคนดูแลเด็กๆ


 


 


เมื่อเฮ่อปินได้ยินเรื่องนี้ ตาของเขาก็สั่นกลัวเล็กน้อยและถามไปเรื่อย “นี่แปลว่าเด็กกำพร้ากลุ่มแรกที่พ่อของลุงหวงเป็นคนเลี้ยงต้องดีที่สุดแน่”


 


 


เต๋อชิงพูดอย่างภูมิใจ “แน่นอนอยู่แล้ว ตามที่ได้ยินจากข่าวลือ เมล็ดพันธุ์กลุ่มแรกที่พ่อของผมเป็นคนเลี้ยงดูนั้นโชคดีมากเพราะมีอัจฉริยะหลายคน อย่างไรก็ตามไม่มีใครในพวกเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น อันที่จริงจนถึงตอนนี้พวกเราก็ยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่”


 


 


“เราจะส่งเมล็ดพันธุ์กลุ่มล่าสุดไปที่นั่นเมื่อไหร่” เฮ่อปินเปลี่ยนเรื่องคุย


 


 


“ภายในอีกไม่กี่วันครับ พวกเราได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว”


 


 


เฮ่อปินพูดพร้อมพยักหน้า “ทำไมถึงไม่ให้ผมตามไปด้วยล่ะ”


 


 


เต๋อชิงตกใจ เฮ่อปินอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ผมต้องเข้าไปควบคุมสถานที่นั้นต่อเหมือนกัน”


 


 


“อ้อ แน่นอนครับ ได้อยู่แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นผมจะแจ้งนายน้อยอีกทีและนายน้อยก็สามารถไปกับพวกเรา”


 


 


“ขอบคุณครับลุงหวง”


 


 


ชั่วขณะที่เฮ่อปินพูดประโยคนั้น โทรศัพท์ของเต๋อชิงก็ดังขึ้น


 


 


เขารับสาย สีหน้าของเขาดำคล้ำขึ้นหลังจากที่สนทนาต่อไปอีกสักพัก เขาพูดกับปลายสาย “สังเกตอาการต่อไป ถ้าเขาไม่ดีขึ้น ฉันมั่นใจว่านายรู้ว่าต้องทำยังไง”


 


 


หลังจากวางสายเขาก็อธิบายกับเฮ่อปิน “นายน้อย เราตรวจพบว่าเด็กผู้ชายก่อนหน้านี้ป่วยด้วยโรคสมองอักเสบ ผมไม่คิดว่าเขาจะฟื้นตัวได้”


 


 


“อย่างนั้นเหรอ เป็นข่าวที่น่าเศร้าจริงๆ” เฮ่อปินออกความเห็นเบาๆ


 


 


“ใช่ครับ น่าเศร้าจริงๆ!” เต๋อชิงเห็นด้วยกับเฮ่อปิน แต่เขาแค่รู้สึกเศร้าใจเพราะเสียดายทรัพยากรที่สูญเปล่าไปกับการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์นี้เท่านั้น


 


 


 


 


ตอนที่ 779 ฆ่าพวกเขา


 


 


เต๋อชิงรู้สึกเดือดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องที่เด็กน้อยคนนี้ไม่ยอมบอกความความจริง ทำให้เขาต้องสูญเสียเมล็ดพันธุ์ดีๆ


 


 


“นายน้อย พวกเราไม่สามารถเก็บเด็กคนนี้ไว้ได้อีกต่อไป! อาการของเขาอาจจะกำเริบขึ้นมาอีกถึงแม้ว่าครั้งนี้เราจะรักษาเขาได้ พวกเราควรจะ…” จากนั้นเต๋อชิงก็ทำท่าปาดคอตัวเอง


 


 


“ลุงหวงมักจะจัดการกับเมล็ดพันธุ์ที่พังแล้วด้วยความสะดวกแบบนั้นเสมอเลยหรือครับ” เฮ่อปินหลุบตาลงต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เต๋อชิงเห็นความเย็นชาในนั้น


 


 


เต๋อชิงพยักหน้าอย่างพอใจ “แน่นอนครับ พวกเราไม่มีเวลาที่จะมาดูแลเด็กพวกนี้ ถ้าพวกเขาหมดประโยชน์กับพวกเราแล้ว เราจะเสียเวลาและทรัพยากรกับพวกเขาต่อไปอีกทำไม”


 


 


“แต่ว่านี่จะไม่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เหรอ เผื่อว่า…”


 


 


“นายน้อย คุณกำลังแสดงความเห็นใจออกมา!” เต๋อชิงพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ในท้ายที่สุดแล้วเด็กพวกนี้ก็เป็นแค่เครื่องมือให้พวกเราเอาไว้ใช้งาน นอกจากนี้การถูกทอดทิ้งก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นกับพวกเขา”


 


 


สีหน้าของเฮ่อปินหม่นลงทันที เขาสรุปอย่างเยือกเย็น “คุณพูดถูก แต่เด็กชายคนนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ดี และเราสามารถใช้เมล็ดพันธุ์แบบเขาให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ดังนั้นตอนนี้เราต้องพยายามรักษาเขาอย่างเต็มที่ พวกเราจะปรึกษาเรื่องนี้กันทีหลังหากมันล้มเหลว ลุงหวงช่วยผมจัดเตรียมการเดินทางไปที่นั่นภายในวันนี้เลย ผมต้องการแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อรับช่วงต่อโดยเร็วที่สุด”


 


 


น้ำเสียงของเฮ่อปินเต็มไปด้วยอำนาจและไม่สามารถมองข้ามได้ มันทำให้เต๋อชิงซึ่งได้แต่พยักหน้าอย่างเชื่อฟังหุบปากลง


 


 


หลังจากนั้นเฮ่อปินก็จากไปพร้อมกับซิงเหอ เขาไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นั่นต่ออีกแม้นาทีเดียว


 


 


หลังจากออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พวกเขาก็ได้เห็นพื้นที่โล่งกว้าง ในที่สุดความรู้สึกที่แท้จริงของพวกเขาก็ระเบิดออกมา อาลิและคนที่เหลือซึ่งถูกสั่งให้ออกไปก่อนหน้านี้วนรถมารับพวกเขา


 


 


หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในรถ อาลิก็รีบถามซิงเหอ “ซิงเหอ นั่นเป็นเรื่องจริงเหรอ! สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามันบ้าขนาดนั้นเลย”


 


 


ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตามเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลึกกว่านั้น แต่พวกเขาก็ได้ยินทุกอย่างผ่านไมค์หูฟัง พวกเขาสั่นไปด้วยความไม่เชื่อและความโกรธตอนที่ได้ยินเต๋อชิงไล่พูดถึงความสำเร็จมากมายที่เขาภาคภูมิใจออกมา พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าซิงเหอกับเฮ่อปินที่ได้เห็นทุกอย่างด้วยตัวเองทนมันได้ยังไง


 


 


ซิงเหอพยักหน้าเร็วๆ “ใช่ ทั้งหมดเป็นความจริง”


 


 


แซมสาปแช่งด้วยความโมโห “บัดซบ คนพวกนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า! โชคดีนะที่ฉันไม่ได้ตามเข้าไป ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องทำให้แผนปลอมตัวของพวกเราพังไม่เป็นท่าด้วยการบีบคอพวกเขาตรงนั้นเลย!”


 


 


“ตอนที่อยู่ในประเทศ Y ฉันคิดว่าเด็กๆ ที่นั่นมีชีวิตที่เลวร้ายมากแล้ว แต่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้มันน่าสยดสยองยิ่งกว่าอีก! พวกเขาทำเหมือนกับเด็กเหล่านี้เป็นสัตว์และสุนัขตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นทารก คนพวกนี้ยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่อีกเหรอ!” วูล์ฟพูดด้วยความชิงชัง


 


 


“เราจะฆ่าพวกเขาไหม” แคร์นถามอย่างตรงประเด็น


 


 


เฮ่อหลานฉีคลายเนคไทของเขาออกแล้วตอบ “ถ้าพวกเราทำแบบนั้นมันจะดูน่าสงสัยเกินไป”


 


 


“ซิงเหอ เธอคิดยังไง” อาลิจ้องมองซิงเหอด้วยสายตาคาดหวัง พวกเขารอไม่ไหวแล้วที่จะหักคอของหวงเต๋อชิง ถ้าปล่อยให้สัตว์ประหลาดประเภทนี้มีชีวิตอยู่ต่อไป มันก็มีแต่จะนำอันตรายมาสู่เด็กผู้บริสุทธิ์มากขึ้น ดังนั้นเขาจะต้องถูกกำจัด


 


 


ซิงเหอไม่ได้ตอบทันที เธอตอบหลังจากหยุดนิ่งสักพัก “ให้เวลาฉันคิดแผนการหน่อย”


 


 


“โอเค!” อาลิและคนที่เหลือมีความสุข ตราบใดที่ซิงเหอเต็มใจที่จะจัดการกับเต๋อชิงพวกเขาก็พอใจแล้ว นั่นก็เพราะว่าแผนการของเธอจะสำเร็จแน่นอน


 


 


รถวิ่งไปตามทางอีกสักพักก่อนที่พวกเขาจะมาสมทบกับมู่ไป๋ มู่ไป๋ให้คนของเขาซ่อนอยู่แถวๆ นี้เพื่อเผื่อว่าเกิดเรื่องอันตรายกับกลุ่มของซิงเหอ เขาต้องการที่จะอยู่ใกล้พอที่จะเข้าไปช่วยเหลือพวกเขา


 


 


ซิงเหอออกมาจากรถของเฮ่อปินแล้วเข้าไปในรถของมู่ไป๋ ในขณะที่เธอปิดประตู มู่ไป๋ก็ส่งไวน์แดงให้เธอแก้วหนึ่ง


 


 


“สิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น” เขาบอกเธอด้วยเสียงกระซิบ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย


ตอนที่ 780 ทำให้มือของฉันแปดเปื้อน


 


 


ซิงเหอตกตะลึงเพราะเธอก็รู้สึกไม่สบายจริงๆ …


 


 


เธอไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมา แต่เธอหายใจไม่ออกเพราะความสะอิดสะเอียนและความรู้สึกอันตรายในหัวใจ ซิงเหอรับแก้วไวน์มาและดื่มมันจนหมดภายในอึกเดียว


 


 


มู่ไป๋จ้องมองเธอแล้วถาม “อีกแก้วไหม”


 


 


“ขอบคุณค่ะ แต่แค่นี้ก็พอแล้ว” ซิงเหอส่ายหน้า เธอกลัวว่าดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะทำให้เธอคิดอะไรไม่ออก ยิ่งกว่านั้นแค่แก้วนั้นแก้วเดียวก็ช่วยได้มากแล้ว


 


 


มู่ไป๋รับแก้วคืนมาจากมือของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “คุณวางแผนจะทำอะไรต่อ”


 


 


ซิงเหอไม่ตอบแต่กลับออกความเห็นเบาๆ “คุณเห็นตาของเด็กๆ พวกนั้นไหม มันไร้ความรู้สึกและว่างเปล่า พวกเขายังเด็กอยู่เลยแต่วิญญาณของพวกเขาถูกดูดออกไปแล้ว”


 


 


“ผมสังเกตเห็นเหมือนกัน” มู่ไป๋พยักหน้า เขาได้เห็นทุกอย่างผ่านกล้องที่ซ่อนอยู่ นั่นคือเหตุผลที่เขาเข้าใจว่าทำไมความรู้สึกของซิงเหอถึงได้รับการกระทบกระเทือน ภายนอกเธออาจดูเข้าถึงยากและโดดเดี่ยว แต่ลึกๆ แล้วเธอเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวและซึมเศร้า เธอไม่ปรานีกับศัตรูของเธอแต่แสดงความเมตตาของต่อผู้ที่อ่อนแอ เธอแยกแยะสิ่งที่เธอรักและเกลียดได้อย่างชัดเจน มู่ไป๋เข้าใจเธอดี


 


 


“แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่โหดร้ายที่สุดที่พวกเขาทำ สิ่งที่โหดร้ายที่สุดก็คือมันไม่มีขอบเขตสำหรับความผิดพลาด เมื่อคิดว่าพวกเด็กๆ ไม่มีค่าพอก็มีแต่จะต้องตายเท่านั้น” ซิงเหอพูดอย่างเย็นชา “สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าควรจะบ้านสำหรับเด็กกำพร้าไม่ใช่เหรอ แต่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลแห่งนี้เป็นแค่นรกที่คร่าชีวิตของผู้บริสุทธิ์มากมายเท่านั้น!”


 


 


“เราสามารถฆ่าพวกเขาทุกคนถ้าคุณต้องการ” มู่ไป๋พูดตรงๆ “ขอแค่คุณพูดมา แล้วจะมีการนองเลือดเกิดขึ้น”


 


 


“ไม่ ฉันอยากจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” ซิงเหอส่ายหน้าด้วยความมุ่งมั่น ครั้งนี้เธอจะทำให้มือของตัวเองแปดเปื้อน เธอไม่ต้องการที่จะหลบอยู่ข้างหลังมู่ไป๋และกลายเป็นผู้หญิงที่พึ่งพาผู้ชายของตัวเองอย่างเดียว


 


 


ราวกับอ่านใจเธอออก มู่ไป๋จับมือเธอแล้วพูดพร้อมกับแสยะยิ้ม “พวกเรารวมกำลังกันดีไหม”


 


 


ซิงเหอมองเขาแล้วในที่สุดก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ”


 


 


มู่ไป๋ลิงโลดใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องไปเสี่ยงภัยในกลุ่มดำ ตราบใดที่เขาอยู่กับเธอ เขาก็มีความสุข


 


 



 


 


สถานการณ์ภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้กลุ่มของซิงเหอตกใจ กลุ่มของอาลิอยากจะรีบกลับไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อสังหารหมู่สัตว์พวกนั้นหลังจากที่พวกเขาได้เห็นวิดีโอจากกล้อง


 


 


“พวกเขาใช่มนุษย์หรือเปล่า พวกเขาทำเหมือนกับเด็กพวกนี้เป็นสุนัขได้ยังไง” อาลิเรียกร้องด้วยความเจ็บปวดและโมโหพร้อมกับชี้ไปที่ภาพบนหน้าจอที่เด็กๆ กำลังอยู่ระหว่างการฝึกซ้อม ฉากนี้กระตุ้นความโกรธของคนอื่นๆ ในห้องเช่นกัน


 


 


ในวิดีโอ เด็กๆ เรียงแถวกันเป็นเส้นตรงและกำลังเผชิญกับสิ่งที่สามารถอธิบายด้วยคำว่าการฝึกสุนัขเท่านั้น ครูฝึกที่กวัดแกว่งแส้ตะโกนออกคำสั่ง เช่น เอียงตัว คุกเข่า และกระโดด พวกเด็กๆ ก็จะทำตามคำสั่งเหมือนสุนัข ทันใดนั้นครูฝึกก็มีแววตาบ้าคลั่ง เขาสั่งให้เด็กๆ ตบหน้าตัวเองสิบครั้ง แล้วเด็กๆ ก็ทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง…


 


 


พวกเด็กๆ เหมือนกับหุ่นยนต์ไม้และทำตามคำสั่งที่ครูฝึกป้อนเข้ามาในสมองของพวกเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคำสั่งไร้ความหมายอย่างการตบหน้าตัวเองก็ตาม พวกเขาทำตามคำสั่งอย่างเที่ยงตรง ดวงตาของเด็กพวกนี้ว่างเปล่าและไม่มีชีวิตชีวา สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของพวกเขาก็คือการรับคำสั่ง ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น


 


 


กลุ่มของซิงเหอได้ยินวิธีการล้างสมองของคนพวกนี้มามากมายแต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็น ‘การฝึก’ แบบนี้ด้วยตาตัวเอง เด็กพวกนี้ควรจะดูน่ารักและไร้เดียงสา สมควรได้รับความรักและใส่ใจ


 


 


ดังนั้นมันจึงทำให้พวกเขาแทบจะระเบิดเมื่อมองดูสิ่งที่ ‘สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า’ ทำกับพวกเด็กๆ อย่างไรก็ตามนี่เป็นแค่ปัญหาผิวเผินเท่านั้น ขณะที่วิดีโอเล่นต่อไปเรื่อยๆ ระดับความโกรธของคนในห้องก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 781 เรื่องของฉัน


 


 


เด็กๆ เหล่านั้นไม่ต่างอะไรกับสุนัขเลยจริงๆ …


 


 


พวกเดรัจฉานในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นไม่ได้ปฏิบัติกับพวกเขาเช่นมนุษย์ แต่ทำเหมือนพวกเขาเป็นลูกสุนัข!


 


 


แซมและอาลิรู้สึกหายใจแทบไม่ออก พวกเขาไม่เคยรู้สึกแย่และโศกเศร้าขนาดนี้มาก่อน ราวกับมีลูกไฟขนาดมโหฬารก่อตัวขึ้นในทรวงอกของพวกเขา และถ้าพวกเขาไม่ปล่อยมันออก มันจะแผดเผาพวกเขาทั้งเป็น


 


 


เรื่องนี้ส่งผลถึงอื่นๆ ด้วยเช่นกัน แม้แต่ซิงเหอและเฮ่อปินที่ได้เห็นทุกอย่างกับตายังทำใจได้ยากที่จะต้องเห็นเด็กๆ เหล่านั้นอีกครั้ง เลือดในกายของพวกเธอเดือดพล่านไม่น้อยไปกว่ากลุ่มของแซมเลย ดังนั้นกลุ่มของแซมจึงไม่อาจทนดูภาพจากวิดีโอที่บันทึกเอาไว้ได้จนจบ


 


 


“ซิงเหอ ไปฆ่าพวกมันกันเถอะ!” อาลิแผดเสียงขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความโกรธแค้นและเจ็บปวด


 


 


สีหน้าของแซมและหนุ่มๆ คนอื่นต่างซูบซีด แซมส่งเสียงขู่ฟ่อในลำคออย่างไม่พอใจ “เรายอมทำเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องดึงใครมาเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ! ฉันทนนั่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ ไปฆ่าพวกชาติชั่วนั่นกันเดี๋ยวนี้เลยแล้วช่วยเด็กๆ พวกนั้นออกมา!”


 


 


“ใช่ เราจะทำเรื่องพวกนี้เองและพวกคุณไม่ต้องมีส่วนยุ่งเกี่ยวด้วย” แคร์นกล่าวอย่างหนักแน่น วูลฟ์ควักปืนสั้นของตัวเองขึ้นมาและเริ่มตรวจดูลูกกระสุน…


 


 


เมื่อเห็นดังนั้น ทุกคนในกลุ่มแซมวูลฟ์เริ่มทำแบบเดียวกัน พวกเขาทั้งสี่คนเคยเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาประเทศที่มีสงครามกลางเมือง ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจความโชคร้ายของเด็กเหล่านี้มากที่สุด เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้พบกับเด็กกำพร้าผู้โชคร้าย หัวใจของพวกเขาจะถูกบีบเคล้นด้วยความเจ็บปวด คนเป็นพ่อแม่ทอดทิ้งลูกที่ไร้เดียงสาของตัวเองได้ลงคอแบบนี้ได้อย่างไรกัน


 


 


บางทีพ่อแม่ของเด็กๆ เหล่านี้อาจมีความจำเป็นที่ไม่อาจพูดออกมาได้อยู่ก็ได้ แต่นี่มันแย่ยิ่งกว่า สถานเลี้ยงกำพร้านี่รับเด็กๆ มาเลี้ยงและทำกับพวกเขาอย่างโหดร้ายทารุณ เด็กๆ พวกนี้ทำผิดอะไรกัน ไม่เลยสักนิด!


 


 


ถ้าพระเจ้าจะนิ่งเฉยกับสิ่งที่โหดร้ายและชั่วช้าเช่นนี้ งั้นพวกเขาก็จะเข้าไปช่วยตัดสินให้เอง แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของพวกเขา กลุ่มแซมวูลฟ์จะไม่ยอมยืนเงียบและปล่อยให้เรื่องโหดร้ายเช่นนี้ดำเนินอยู่ต่อไป พวกเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง!


 


 


ไม่มีใครห้ามพวกเขาได้ พวกเขาเตรียมทุกอย่างพร้อมภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ความหุนหันพลันแล่นทำลายความใจเย็นและเหตุผลทุกอย่างจนขาดสะบั้น พวกเขาไม่ทันให้รู้สึกตัวว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นบุ่มบ่ามแค่ไหน


 


 


“ทุกคน ใจเย็นๆ สิ่งที่พวกคุณทำด้วยความเร่งรีบไม่เกิดประโยชน์กับใครทั้งนั้น” ซิงเหอกล่าวเตือนสติพวกเขาอย่างนุ่มนวล


 


 


แซมพูดด้วยน้ำเสียงเสียดแทง “พวกเราใจเย็นต่อไปไม่ได้อีกแล้ว! ไม่ต้องห่วง พวกเราจะไม่หลับหูหลับตาฆ่าใครมั่วๆ และพวกเรารับรองได้ว่าจะไม่ทำให้แผนของคุณยุ่งเหยิง”


 


 


“ซิงเหอ นี่เป็นเรื่องของพวกเรา เป็นความรับผิดชอบของพวกเรา ดังนั้นปล่อยให้เราทำเถอะ” อาลิให้คำแนะนำ “ฉันรู้ว่าเรากำลังทำตัวบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่นี่คือวิธีที่พวกเราทำงาน เราไม่อาจปล่อยให้เรื่องโหดร้ายแบบนี้เกิดขึ้นต่อไปได้อีก พวกเรายอมรับเรื่องแบบนี้อยู่เงียบๆ ไม่ได้ ดังนั้นต่อให้เรื่องนี้ต้องแลกด้วยชีวิต พวกเราก็ไม่เสียใจ พวกเราทั้งสี่คนก็เป็นแบบนี้แหละ เป็นเหตุผลที่ทำไมกลุ่มแซมวูลฟ์ถึงรอดอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ฉันขอบคุณเธอมากนะที่เป็นห่วงพวกเรา แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามเปลี่ยนใจพวกเรา”


 


 


“ใช่ นี่เป็นเรื่องของพวกเรา!” วูลฟ์กล่าวสรุป


 


 


ทันใดนั้นซิงเหอเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ “คุณหมายความว่ายังไงที่ว่านี่เป็นเรื่องของพวกคุณ”


 


 


กลุ่มของอาลิอึ้งนิ่งเพราะพวกเขาไม่คิดว่าซิงเหอจะโกรธถึงขนาดนี้ ซิงเหอลุกขึ้นยืนและจ้องมองพวกเขาอย่างรุนแรง “นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกคุณ มันเป็นเรื่องของฉัน นี่เป็นเพราะฉันที่ทำให้พวกเรามาอยู่ที่นี่ นี่เป็นการแก้แค้นของฉัน เป็นการตามหาแม่ของฉัน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับฉันทั้งสิ้น ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องของฉันอย่างแน่นอน แล้วฉันจะปล่อยให้พวกคุณแบกรับความเสี่ยงที่ไม่มีความจำเป็นนี้เพื่อฉันได้ยังไง ฉันไม่ได้บอกว่าเราจะปล่อยพวกมันไว้แบบนั้น นั่งลงแล้วฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะพูด แล้วพวกคุณค่อยตัดสินใจว่าจะยังอยากจะรีบทำตัวสะเพร่าอยู่อีกไหม”


 


 


กลุ่มของอาลิเผยรอยยิ้ม “เธอมีแผนแล้วงั้นเหรอ”


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม