ตามใจรัก สาวนักแฮก 688-695

 ตอนที่ 688 จุดประสงค์ถูกเปิดโปง


 


 


แต่เมื่อคนพวกนี้มาเข้ารับการตรวจ ทุกคนกลับพูดว่าถูกเลี้ยงที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนั้นแม้ว่าจะไม่มีใครโตมาจากที่นั่นจริงก็ตาม


 


 


บางคนถึงขนาดมีพ่อแม่และมาจากครอบครับธรรมดา คนที่เป็นกำพร้าจริงนั้นมีเพียงหยิบมือเท่านั้น ทุกคนโกหกเพื่อให้ตรงกับข้อกำหนดที่ระบุไว้ ถ้าเป็นกรณีอื่นนี่อาจจะเป็นเพียงความโลภ แต่นี่กลับเป็นทุกคน มันต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น!


 


 


ถ้าซิงเหอไม่ได้พบกับอีเฉินในวันนั้น เธออาจจะไม่รู้ว่าวัตถุประสงค์ของพวกเขาคืออะไร แต่บัดนี้เธอมองเห็นแผนการของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดนี้ทำขึ้นเพื่อปกปิดความน่าสงสัยที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฮ่อหลาน พวกเขาเบี่ยงเบนความสนใจออกจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า


 


 


เฮ่อหลานฉีเกือบจะหลอกซิงเหอและทุกคนด้วยแผนการชั่วร้ายของเขาได้สำเร็จ เขาจะต้องคิดว่าหากการค้นหาครั้งนี้ไม่สัมฤทธ์ผล พวกซิงเหอจะยอมแพ้และจากไป เขาไม่คาดว่าอีเฉินจะปรากฎตัวหรือซิงเหอจะทำการตรวจสอบประวัติของผู้หญิงพวกนี้ด้วยตัวเธอเอง


 


 


บัดนี้ซิงเหอเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงกระตือรือร้นและเต็มใจที่จะช่วยเหลือพวกเธอเป็นอย่างมาก นั่นเพื่อให้เขาสามารถหลอกพวกเธอได้ง่ายขึ้น


 


 


ทันใดนั้นเอง ซิงเหอตระหนักได้ในที่สุดว่าความตะขิดตะขวนใจที่เธอรู้สึกที่โรงพยาบาลคืออะไร ถ้าผู้หญิงพวกนั้นเติบโตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกันจริง ทำไมพวกเธอถึงไม่เข้าไปทักทายกันหรือแม้แต่จะพูดคุยถึงเรื่องช่วงเวลาวัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกันล่ะ


 


 


ซิงเหอไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองมองการแสดงของผู้หญิงหน้าเงินพวกนี้ไม่ออก เธอตำหนิตัวเองในความไม่รอบคอบนี้


 


 


“นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก เพราะพวกเราก็ไม่ทันได้สังเกตความผิดปกตินี้เหมือนกัน” แซมปลอบโยนซิงเหอแต่ยังคงเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ว่าแต่ตระกูลเฮ่อหลานนั่นจะทำตัวลอดห่วงมากมายเพื่อสร้างการแสดงนี้มาหลอกเราไปทำไม เขาคิดอะไรอยู่”


 


 


“มีบางอย่างที่น่าสงสัยเกี่ยวกับครอบครัวนี้ใช่ไหม” อาลิเสริม


 


 


แคร์นพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “ต้องมีแน่ ไม่งั้นพวกเขาจะทำแบบนี้ไปทำไมกัน”


 


 


“แน่นอน มีบางอย่างที่น่าสงสัยมากเกี่ยวกับพวกเขา” ซิงเหอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง “มีปัญหาหนึ่งเกี่ยวกับพวกเขาที่น่าสงสัยมาก และฉันจะต้องคิดแผนที่รอบคอบมากขึ้นมาใช้รับมือกับพวกเขา”


 


 


“ปัญหาอะไร” แซมอึ้ง


 


 


“สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของพวกเขา บางอย่างไม่ดีอาจจะเกิดขึ้นกับลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินรวมถึงแม่ของฉัน พวกเธอทั้งสองคนมีความเกี่ยวข้องกับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่น่าสงสัยนั่น” ซิงเหอกล่าวสรุปอย่างกว้างๆ เธอไม่ได้พูดถึงโปรเจกต์กาแล็กซี ไม่ใช่ว่าซิงเหอไม่เชื่อใจพวกแซมแต่เธอไม่ต้องการดึงพวกเขาเข้ามาอยู่ในอันตราย


 


 


ก่อนที่เธอจะสามารถไขปัญหาทุกอย่างได้ เธอจะต้องระวังอย่างที่สุดไม่เช่นนั้นบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเธอจึงไม่เปิดเผยอะไรออกมาก่อนที่จะถึงเวลานั้น


 


 


“แม่ของเธอ” อาลิชะงัก “เธอว่าไงนะซิงเหอ คุณแม่ของเธอเกี่ยวข้องกับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านี่ได้ยังไงกัน”


 


 


“ใช่ เกี่ยวกับแม่คุณได้ยังไง” แซมและคนที่เหลือรู้สึกงุนงงเช่นกัน


 


 


ซิงเหอมองไปยังพวกเขาและกล่าว “ฉันเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้วันนี้ คุณแม่ของฉันเคยเป็นเด็กที่อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแต่เธอหายสาบสูญไป ฉันสงสัยว่าการหายตัวไปของเธอมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับเฮ่อหลานชางและครอบครัวของเขา นอกเหนือจากนั้น ฉันพบว่าตระกูลเฮ่อหลานไม่ได้ขาวสะอาดอย่างที่พวกเขาแสดงให้คนภายนอกเห็น ดังนั้นเพื่อให้ไปถึงต้นตอของความจริง เพื่อหาคุณแม่ของฉันและลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉิน เราจะต้องจัดการกับตระกูลเฮ่อหลานก่อนเป็นอันดับแรก”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 689 บางทีเธออาจเป็นคุณแม่ของคุณ


 


 


“อะไรนะ แม่ของเธอก็มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นงั้นเหรอ” อาลิและคนที่เหลืออึ้งด้วยความช็อก


 


 


ซิงเหอพยักหน้า “ใช่”


 


 


“บังเอิญอะไรอย่างนี้! เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง แม่ของเธอกับลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกัน เธอคิดว่าสองคนนั้นจะรู้จักกันไหม” ต่อมความสนใจของอาลิถูกกระตุ้น


 


 


ดวงตาทั้งสองข้างของซิงเหอสั่นเล็กน้อย “ฉันบอกไม่ได้ว่าทั้งสองคนจะรู้จักกันหรือเปล่า แต่พวกเธอมีอายุไล่เลี่ยกัน เพราะฉะนั้นก็อาจจะเป็นไปได้”


 


 


“พวกเขามาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกัน พวกเขาต้องรู้จักกันแน่ๆ! นี่มันน่าเหลือเชื่อ…”


 


 


“ซิงเหอ จะเป็นไปได้ไหมที่แม่ของคุณคือลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉิน” แคร์นเอ่ยขึ้นอย่างฉับพลัน นี่ทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ


 


 


แซมโผลงขึ้น “แคร์นอาจจะพูดถูกก็ได้!”


 


 


“ซิงเหอ ไปตรวจกันเถอะ อาจจะใช่แม่ของเธอก็ได้!” อาลิเชื่อในความเป็นไปได้ที่น่าสนใจนี่ แคร์นและวูลฟ์มองไปทางซิงเหออย่างคาดหวัง อะไรบางอย่างทำให้หัวใจของซิงเหอเริ่มเต้นเร็วขึ้น…


 


 


เป็นไปได้อย่างไร คุณแม่ของเธอคือลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินงั้นเหรอ มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญที่น่าขันเกินไปแล้ว แต่กระนั้นเธอไม่อาจหยุดตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องนี้ได้


 


 


ท้ายที่สุด เธอตัดสินใจที่จะพิจารณาความเป็นไปได้นี้เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว ซิงเหอบอกทุกคนหลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว “ตกลง พรุ่งนี้เราจะไปตรวจกัน”


 


 


“ซิงเหอ ถ้าแม่ของเธอเป็นลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินจริงๆ งั้นเธอก็คือส่วนหนึ่งของตระกูลเฉินที่แท้จริง ผู้อาวุโสเฉินจะเป็นคุณตาโดยสายเลือดของเธอและท่านผู้หญิงเองก็จะเป็นป้าโดยสายเลือดของเธอเช่นกัน ยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ ฉันว่าฉันเริ่มหวังให้แม่ของเธอเป็นคนที่พวกเรากำลังตามหาอยู่จริงๆ แล้วนะเนี่ย” อาลิกล่าวด้วยความตื่นเต้น


 


 


“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง โลกนี้คงเป็นสถานที่ที่อัศจรรย์น่าดู” แซมพูดอย่างมีความสุขแต่เสริมด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย “เราจะได้เห็นว่าคุณถงนั่นจะพุดอะไรเพื่อท้าทายตำแหน่งของคุณกัน!”


 


 


“ใช่ ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่ใช้สายเลือดมาเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งเธอ ดังนั้นหลังจากที่เราได้รับการยืนยันเรื่องนี้ เราจะกลับไปเอาความจริงตบหน้ายัยนั่นและทำให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่ากรรมมันเป็นยังไง” อาลิพูดแทรกขึ้นมา เธออดทนรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว เพราะเธออยากเห็นถงเยียนหน้าชาจะแย่อยู่แล้ว


 


 


ซิงเหออดขำไม่ได้ “เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันสักหน่อย อย่าเพิ่งคิดไปไกลนักเลย ถ้าผลออกมาว่าไม่จริง พวกเราจะได้กลายเป็นตัวตลก”


 


 


“ต้องเป็นจริงแน่ๆ!” อาลิกล่าวอ้างอย่างมั่นใจ “อย่าสงสัยในสัญชาตญาณของผู้หญิงเชียว”


 


 


“แม่ของคุณดูคล้ายหรือให้ความรู้สึกเหมือนคนตระกูลเฉินไหม” วูลฟ์ถาม


 


 


ซิงเหอนิ่งเงียบขณะดำดิ่งลงไปในความทรงจำ ที่จริงแล้วเธอจำอะไรเกี่ยวกับคุณแม่ของเธอไม่ได้มากนัก แต่ซิงเหอจำภาพของคุณแม่ของเธอว่าเป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดและสง่างามมาก กิริยาท่าทางของเธอดูคล้ายกับคนตระกูลเฉินและแม้แต่รูปลักษณ์ของพวกเขา…


 


 


อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนั่นไม่อาจใช้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ ซิงเหอตัดสินใจที่จะเอาเรื่องนี้ออกจากหัวไปก่อนในตอนนี้ จนกว่าเธอจะมีหลักฐานที่หนักแน่นก็ไม่มีประโยชน์ที่จะสร้างปราสาทขึ้นมาจากทราย


 


 


เธอจะต้องทำอย่างดีที่สุดเพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้นี้ เพราะถึงอย่างไรทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ แต่อะไรจะเกิดขึ้นถ้าคุณแม่ของเธอกับลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินเกิดเป็นคนเดียวกันขึ้นมาจริงๆ …


 


 


อารมณ์ของซิงเหอยุ่งเหยิงขึ้นอีกครั้งเพียงแค่คิดถึงเรื่องนี้


 


 



 


 


ทุกคืนมู่ไป๋จะโทรมาคุยกับซิงเหอ และคืนนี้ก็เช่นกัน


 


 


ซิงเหอบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้เขาฟัง


 


 


เมื่อมู่ไป๋ได้ยินเรื่องความเป็นไปได้นี้ เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง “พวกเขาจะเป็นคนคนเดียวกันจริงงั้นเหรอ”


ตอนที่ 690 สามสิบหกชั่วโมง


 


 


ซิงเหอตอบกลับด้วยเสียงต่ำ “ฉันไม่รู้ ดังนั้นฉันต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อน”


 


 


ซิงเหอและผู้อาวุโสเฉินไม่อาจทำการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาได้เพราะมันเป็นการตรวจสำหรับพ่อแม่กับบุตรเท่านั้น


 


 


แต่เธอสามารถทำการตรวจพิสูจน์เชื้อสายได้ ถ้าผลออกมาเป็นบวกนั่นหมายความว่าคุณแม่ของเธอคือลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินอย่างแน่นอน เธอมีข้อมูลดีเอ็นเอของผู้อาวุโสเฉินอยู่ เธอสามารถรับผลตรวจพิสูจน์ได้ในวันพรุ่งนี้


 


 


มู่ไป๋เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอ “เรื่องนี้ต้องได้รับการยืนยัน ถ้าพวกเขาเป็นคนคนเดียวกันจริง งั้นตระกูลเฮ่อหลานนี่ก็อันตรายกว่าที่เราคิด”


 


 


ถ้าตัวตนของทั้งสองทับซ้อนกัน มันจะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานและพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์กาแล็กซีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ความจริงแล้วตระกูลเฮ่อหลานจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับเธอในการค้นหาความจริงและอาจจะสามารถระบุที่อยู่ของคุณแม่ของเธอได้ แน่นอนว่าทั้งหมดตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่าแม่ของซิงเหอคือลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉิน


 


 


ซิงเหอไม่คาดหวังกับเรื่องนี้มากนัก แต่ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้มาเท่าไหร่ เธอยิ่งรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นเท่านั้น


 


 


“ถ้าได้รับการยืนยันเมื่อไหร่ ฉันจะกลับไปประเทศจีน” ซิงเหอสัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


 


 


มู่ไป๋คิดแบบเดียวกัน “หลังจากการยืนยัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะอยู่ต่อโดยไม่จำเป็น คุณต้องกลับมาหลังจากนั้นแล้วเราจะคิดหาวิธีจัดการกับตระกูลเฮ่อหลาน”


 


 


“ตกลงค่ะ” ซิงเหอตอบกลับโดยไม่ลังเล


 


 


แต่กระนั้นมู่ไป๋ยังคงแนะนำซิงเหอด้วยน้ำเสียงที่มีความกังวล “คุณต้องระวังตัวให้มากขึ้นเวลาที่อยู่กับพวกเฮ่อหลาน หลังจากที่คุณมั่นใจในความไม่น่าไว้วางใจของพวกเขา อย่าลังเลที่จะมาหาผมนะ อย่าแบกทุกอย่างไว้เองคนเดียว มันมีแต่จะทำให้ผมเป็นห่วงคุณนะ”


 


 


“ฉันรู้ค่ะ” ซิงเหอตอบอย่างนุ่มนวล


 


 


มู่ไป๋ครุ่นคิดและกล่าวเสริม “ทำไมคุณไม่กลับมาตรวจดีเอ็นเอที่นี่ล่ะ ถึงยังไงการค้นหาก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรอยู่แล้วอย่างที่คุณบอก”


 


 


“ไม่จำเป็น ฉันจะทำการตรวจดีเอ็นเอที่นี่ ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลตัวเอง” ซิงเหอให้คำมั่นก่อนเปลี่ยนไปซักถามอีกฝ่าย “แล้วคุณล่ะ การฟื้นตัวเป็นยังไงบ้าง”


 


 


มู่ไป๋ตอบอย่างมีความสุข “ผมสบายดี จริงๆ วางแผนว่าอีกสองวันจะบินไปหาคุณที่นั่น แต่ในเมื่อคุณจะกลับบ้านเร็วกว่านั้น ผมเลยคิดว่าผมจะรออยู่ที่จีนนี่แหละ”


 


 


ซิงเหออดยิ้มกับคนที่อยู่ปลายสายไม่ได้ “หลินหลินเป็นยังไงบ้าง ลูกกำลังทำอะไรอยู่”


 


 


“เขาสบายดีแต่บอกว่าคิดถึงคุณ เขาคิดถึงคุณทุกวินาทีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวัน เขาพูดแบบนี้” มู่ไป๋ตอบอย่างเนิบช้าด้วยน้ำเสียงอันทรงเสน่ห์


 


 


เขาต้องการให้คำพูดเหล่านี้ทำให้ซิงเหอรู้สึกอุ่นใจ แต่เธอกลับรู้สึกเศร้า เธอเองก็หวังว่าจะได้อยู่เคียงข้างหลินหลินเพราะเธอเองก็คิดถึงเขามากเช่นกัน…


 


 


“ฉันจะกลับไปให้เร็วที่สุด” ซิงเหอสัญญา


 


 


“โอเค” มู่ไป๋ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มก่อนพูดต่ออย่างเนิบช้าและเร้าอารมณ์ “เขาบอกด้วยว่า หลังจากที่คุณกลับมาแล้ว เขาอยากออกเดตกับคุณ อยากจะใช้เวลาอยู่กับคุณตามลำพัง อยากจะนอนอยู่บนเตียงข้างคุณ ไม่ว่ายังไงเขาก็คิดถึงคุณทุกวันและมีแผนและอะไรอีกหลายอย่างที่เขาอยากจะทำร่วมกับคุณ ดังนั้นคุณต้องรีบกลับมาเร็วๆ เพื่อไม่ให้เขาผิดหวัง…”


 


 


“เดี๋ยว คุณแน่ใจเหรอวาหลินหลินเป็นคนพูดเรื่องพวกนี้” ซิงเหอคิ้วขมวดด้วยความสับสน


 


 


มู่ไป๋ที่อยู่ปลายสายพูดโดยไม่อาย “ไม่อยู่แล้ว ทั้งหมดนั่นเป็นความคิดเห็นแก่ตัวของผมเอง”


 


 


ซิงเหอพูดไม่ออก


 


 


“ซิงเหอ ผมคิดถึงคุณจริงๆ นะ” มู่ไป๋พูดออกมาอย่างกะทันหัน “ถ้าวันหนึ่งมีสามสิบหกชั่วโมง ผมจะใช้เวลาสามสิบหกชั่วโมงนั้นคิดถึงแต่คุณ”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 691 ความเกี่ยวข้องทางสายเลือด


 


 


ถ้างั้นเขาก็พูดถึงตัวเองมาตลอด ดอกไม้แห่งความสุขเบ่งบานขึ้นในหัวใจของเธอ เธอไม่ใช่คนอารมณ์อ่อนไหว เธอไม่ชอบแสดงอารมณ์ที่แท้จริงออกมา แต่คำสารภาพรักเป็นครั้งคราวของมู่ไป๋ก็ทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหวได้เสมอ


 


 


เธอต้องยอมรับว่าเขารู้วิธีที่จะเข้ามาในหัวใจของเธอ เขาจะหยุดรุกก่อนที่จะทำให้เธออึดอัดเสมอ มันมีความกระตือรือร้นแต่ไม่กดดัน ในเรื่องของความสัมพันธ์มู่ไป๋ทำได้ดีมาก แต่ซิงเหอรู้ว่าความสัมพันธ์เป็นการให้และรับทั้งสองฝ่าย เธอไม่ควรคาดหวังให้มู่ไป๋เป็นคนทำทุกอย่าง เธอควรจะตอบแทนกลับไปในแบบเดียวกัน


 


 


อย่างไรก็ตามซิงเหอยังไม่สามารถพูดคำหวานๆ แบบนั้นออกมาได้ เธอจึงเสริมอย่างอ่อนโยน “ฉันเข้าใจ อันที่จริงฉันก็อยากจะกลับไปให้เร็วที่สุดเหมือนกัน”


 


 


ในฐานะของคนที่รู้จักเธอเป็นอย่างดี มู่ไป๋เข้าใจคำพูดที่เธอละไว้ เธอก็คิดถึงเขาเหมือนกัน เขาไม่ต้องการคำพูดสวยหรูเพราะการที่เธอคิดถึงเขาก็มากเกินพอแล้วสำหรับเขา


 


 


มู่ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจและมีความสุข “โอเค ผมจะรอคุณนะ อยู่ที่นั่นก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย”


 


 


“โอเค งั้นฉันจะวางสายแล้วนะ อย่าทำงานจนดึกนักล่ะ”


 


 


“ราตรีสวัสดิ์” มู่ไป๋พูดอย่างรักใคร่ หลังจากซิงเหอวางสายไป เขาก็วางโทรศัพท์ลงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อีกด้านหนึ่ง ซิงเหอก็กำลังยิ้มอยู่เหมือนกัน


 


 


แต่ทันใดนั้นเธอก็เปลี่ยนไปคิดเรื่องการตรวจดีเอ็นเอ ถ้าแม่ของเธอเป็นคุณหนูคนที่สองของตระกูลเฉินจริงๆ ล่ะ


 


 


แม้แต่คนที่เฉลียวฉลาดอย่างเธอก็ไม่สามารถตอบได้อย่างมั่นใจ


 


 



 


 


ซิงเหอและคนที่เหลือไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดีเอ็นเอในวันรุ่งขึ้น ซิงเหอเลือกวิธีที่ตรวจสอบได้เร็วที่สุดซึ่งสามารถรู้ผลลัพธ์ภายในไม่กี่ชั่วโมง พวกเธออยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอฟังผลเลย


 


 


และในระหว่างที่พวกเธอกำลังรอผลอยู่ เฮ่อหลานฉีก็โทรมาถามซิงเหอว่าเธออยู่ที่ไหนและชวนเธอไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน แต่ซิงเหอปฏิเสธเขาไป เฮ่อหลานฉีคนนี้แค่แสร้งทำเป็นช่วยเหลือเธอเพื่อทำให้การค้นหาของเธอไม่คืบหน้าเท่านั้น ซิงเหอมองแผนของเขาออกแล้ว ดังนั้นเธอจึงระวังตัวจากเขามากขึ้น


 


 


หลังจากที่เธอวางสายจากเฮ่อหลานฉี ซิงเหอก็ได้รับสายจากอีเฉินต่อ


 


 


“คุณเซี่ยอยู่ที่ไหนครับ ผมต้องการพบคุณ คุณออกมาตอนนี้เลยได้ไหม” อีเฉินพูดตรงๆ


 


 


ซิงเหอสงสัย “เป็นเรื่องสำคัญมากเหรอ ฉันกำลังยุ่งอยู่กับการทำอะไรบางอย่าง ยังไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้”


 


 


“งั้นผมก็ต้องขอโทษด้วยที่โทรมาขัดจังหวะคุณ เรื่องของผมยังรอได้ ไว้คุณทำธุระของคุณเสร็จก็ค่อยโทรมาหาผมแล้วกัน”


 


 


“โอเค” ซิงเหอรับปากก่อนที่จะวางสาย เธอไม่รู้ว่าทำไมอีเฉินถึงต้องการพบเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้จริงๆ เธอต้องรอดูผลการตรวจด้วยตัวเอง จิตใต้สำนึกของเธอกังวลและร้อนใจที่จะรู้เรื่องนี้


 


 


กลุ่มของอาลิยิ่งดูตื่นเต้นกว่าเธออย่างเห็นได้ชัด


 


 


หลายชั่วโมงต่อมาในที่สุดผลการตรวจก็ออกมา!


 


 


คุณหมอเดินเข้ามาหาซิงเหอพร้อมกับผลตรวจในมือของเขา ไม่รู้ทำไมซิงเหอถึงรู้สึกว่าเธอสามารถเดาผลลัพธ์ได้เมื่อสบตากับเขา


 


 


เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ คุณหมอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอและพูดว่า “ยินดีด้วยนะครับ ตัวอย่างทั้งสองมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด พูดให้ถูกก็คือเป็นความสัมพันธ์ของตากับหลาน”


ตอนที่ 692 คนเดียวกัน


 


 


ซิงเหอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “คุณพูดว่าอะไรนะคะ”


 


 


ถึงแม้ว่าเธอจะเตรียมใจไว้แล้วแต่พอได้รับการยืนยันจริงๆ เธอก็ยังรู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่ดี เธอเป็นเป็นญาติกับตระกูลเฉินจริงๆ!


 


 


แม่ของเธอคือลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉิน ซิงเหอตกตะลึงจนพูดไม่ออก


 


 


“เป็นเรื่องจริงใช่ไหม!” อาลิอุทานด้วยความประหลาดใจปนยินดี คนที่เหลือก็ประหลาดใจเหมือนกับเธอ


 


 


คุณหมอพยักหน้าเพื่อยืนยัน “เป็นเรื่องจริงครับ พวกเขาเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด นี่คือผลตรวจ”


 


 


คุณหมอส่งผลตรวจให้พวกเธอดู ซิงเหอรีบรับมันมาและอ่านอย่างรวดเร็ว…


 


 


มันเป็นเรื่องจริง เธอเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสเฉินทางสายเลือด เขาเป็นคุณตาของเธอและเธอก็เป็นหลานสาวของเขา คุณแม่ของเธอคือคุณหนูคนที่สองของตระกูลเฉิน


 


 


ในที่สุดเธอก็ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณแม่มากขึ้น ทุกอย่างรู้สึกเหมือนความฝันสำหรับซิงเหอ


 


 


“ซิงเหอ” อาลิมองเธอด้วยความเป็นห่วง “เธอโอเคไหม”


 


 


ซิงเหอหายตกใจและตอบเบาๆ “ฉันสบายดี”


 


 


“เธอไม่มีความสุขเหรอ” อาลิถามเธอเพราะปฏิกิริยาของเธอดูสงบนิ่งเกินไป พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเธอรู้สึกยังไง


 


 


ซิงเหอยิ้มเล็กน้อย “ไม่ ฉันดีใจที่มันเป็นเรื่องจริง”


 


 


“ดีแล้ว เพราะฉันก็ดีใจแทนเธอเหมือนกัน” อาลิหัวเราะ


 


 


แซมพูดแทรก “ยินดีด้วยนะซิงเหอ! คุณเจอครอบครัวของตัวเองแล้ว”


 


 


“ใช่แล้ว ยินดีด้วย” แคนส์กับวูล์ฟก็เสริมด้วยความจริงใจ


 


 


“ขอบคุณนะทุกคน” ซิงเหอพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่ใช่เพราะคิดที่ยอดเยี่ยมของทุกคน พวกเราก็คงไม่ได้มาทำอะไรแบบนี้”


 


 


ถ้าเธอจัดการเรื่องนี้คนเดียว เธอคงไม่คิดเหรอกว่าแม่ของเธอจะเป็นลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉิน ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องที่ซ้ำซากเกินไป แต่บางครั้งชีวิตก็น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านิยาย


 


 


บางทีทุกอย่างคงถูกกำหนดไว้แล้วว่าซิงเหอจะได้เดินทางมาในครั้งนี้เพื่อตามหาแม่ของเธอและค้นพบความจริง ด้วยผลตรวจที่อยู่ในมือเธอ ความตั้งใจของซิงเหอที่จะหาแม่ของเธอให้พบก็เพิ่มขึ้น!


 


 


ไม่ว่าอย่างไรคนที่เธอกำลังตามหาก็ไม่ใช่เพียงลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินอีกแล้ว แต่เป็นแม่ของเธอเช่นกัน


 


 


ซิงเหอประกาศด้วยความตื่นเต้น “พวกเราจะกลับประเทศจีนพรุ่งนี้ เราต้องไปบอกเรื่องนี้ให้ตระกูลเฉินรู้”


 


 


“เห็นด้วย!” อาลิและคนที่เหลือพยักหน้า ไม่ว่าซิงเหอจะตัดสินใจอย่างไร พวกเขาก็จะทำตามเนื่องจากพวกเขามาที่นี่ตามคำสั่งของประธานาธิบดีของประเทศ Y เพื่อมาปกป้องเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม


 


 


พูดง่ายๆ ก็คือซิงเหอไม่ใช่แค่น้องสาวของประธานาธิบดีของประเทศ Y เท่านั้นแต่ยังเป็นหลานสาวคนเดียวของท่านผู้หญิงของประเทศจีนอีกด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกจริงๆ แถมยังเป็นคนที่ฉลาดที่สุดด้วย


 


 


อย่างไรก็ตามเธอเป็นมากกว่านั้นสำหรับอาลิและคนที่เหลือ พวกเขาดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับเธอ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับคำสั่งโดยตรงจากประธานาธิบดี พวกเขาก็จะอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องและช่วยเหลือซิงเหอ


 


 


พวกเขาตัดสินใจที่จะช่วยเธอตามหาแม่และจัดการกับตระกูลเฮ่อหลานไปด้วยในระหว่างนั้น


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 693 ด้านอัปลักษณ์ของตระกูลเฮ่อหลาน


 


 


ไม่ว่าจะเสี่ยงแค่ไหนพวกเขาก็เต็มใจที่จะสู้ไปกับเธอ ซิงเหอจะจดจำและรักษามิตรภาพของพวกเขาไปตลอดชีวิต


 


 


หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าแม่ของเธอคือลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉิน ซิงเหอก็ไม่ได้ดูตื่นเต้นมากนัก แต่เธอกลับพาอาลิและคนที่เหลือไปพบอีเฉิน เธอไม่รู้ว่าทำไมอีเฉินถึงต้องการพบเธอ แต่เธอแน่ใจว่ามันจะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฮ่อหลาน


 


 


ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงจุดนัดพบซึ่งอีเฉินยืนรออยู่ก่อนแล้ว ขณะที่เธอลงจากรถ อีเฉินก็รีบเดินเข้ามาและทักทายเธออย่างเป็นธรรมชาติ


 


 


ซิงเหอถาม “พวกเรามาที่นี่ทำไม”


 


 


“เงียบแล้วตามผมมาก่อน!” อีเฉินสั่งอย่างลึกลับขณะที่เขานำทางพวกเธอไปยังตึกสูงระฟ้า กลุ่มของซิงเหองุนงงแต่พวกเธอก็เดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย พวกเธอขึ้นไปที่ชั้นสูงมาก กลุ่มของอาลิไม่ไว้ใจอีเฉินและท่าทางลึกลับของเขา แต่ซิงเหอเดินตามหลังเขาไปอย่างมั่นใจโดยไม่กลัวว่านี่จะเป็นกับดักบางอย่าง


 


 


ในที่สุดอีเฉินก็มาหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง ซิงเหอถามเบาๆ “ที่นี่คือที่ไหน”


 


 


“เข้ามาแล้วคุณก็จะรู้เอง” อีเฉินเปิดประตูแล้วก้าวยาวๆ เข้าไปเป็นคนแรก คนที่เหลือตามเข้ามาแล้วพวกเขาก็ตระหนักว่ามันเป็นเพียงห้องธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ


 


 


หลังจากปิดประตูอีเฉินก็อธิบาย “นี่เป็นที่ซ่อนตัวของผม เหตุผลที่ผมเรียกพวกคุณมาที่นี่ก็เพราะผมมีบางอย่างที่ต้องการให้พวกคุณเห็นหลังจากนี้”


 


 


“มันคืออะไร” ซิงเหอกดดัน


 


 


อีเฉินพูดอย่างเย็นชาพร้อมกับแสยะยิ้ม “ด้านอัปลักษณ์ของตระกูลเฮ่อหลาน”


 


 


ซิงเหอเลิกคิ้วขึ้น


 


 


แซมถามอย่างหงุดหงิด “ด้านอัปลักษณ์อะไร”


 


 


“ตามผมมา” อีเฉินพาพวกเขาเข้าไปในห้องที่ดูเหมือนจะเป็นห้องนอนของเขา หลังจากเข้ามาในห้องพวกเขาก็สังเกตเห็นกล้องส่องทางไกลที่หน้าต่าง


 


 


อีเฉินเลิกผ้าม่านขึ้นเล็กน้อยและปรับกล้องส่องทางไกลขณะที่เขาพูด “จากตรงนี้คุณสามารถมองเห็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแองเจิลที่บริหารโดยตระกูลเฮ่อหลานได้ ปีที่ผ่านมานี้ผมคอยเฝ้าสังเกตมันและได้เห็นด้านที่น่าเกลียดมากมายของพวกเขา ผมเรียกคุณมาวันนี้ก็เพื่อที่จะให้คุณได้เห็นสิ่งนั้นด้วยตัวเอง”


 


 


ซิงเหอเดินเข้าไปแล้วอีเฉินก็ขยับเพื่อเว้นที่ว่างให้เธอ ซิงเหอก้มหัวลงเพื่อมองผ่านกล้องส่องทางไกลไปยังบ้านเด็กกำพร้าขนาดใหญ่ประมาณหลายร้อยเมตรที่อยู่ข้างหน้าเยื้องไปทางซ้ายนิดหน่อย


 


 


บ้านเด็กกำพร้าทั้งใหญ่โตและสวยงาม มีเด็กหลายคนเล่นกันอยู่บนสนามหญ้า คนงานของบ้านเด็กกำพร้ากำลังยุ่งอยู่กับงานของพวกเขา ซิงเหอยังสามารถเห็นเด็กๆ เรียนหนังสืออยู่ในห้องเรียนอีกด้วย เธอมองไปทั่วบริเวณแต่ก็ไม่เห็นอะไรที่ดูน่าสงสัย


 


 


ถ้าให้พูดถึงสิ่งที่ดูผิดที่ผิดทางก็น่าจะเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่จอดอยู่ข้างๆ ทางเข้าบ้านเด็กกำพร้า ข้างหลังรถเปิดอ้าอยู่ มีของมากมายอยู่ในนั้นถึงแม้ว่ามันจะเต็มแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น


 


 


อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะไม่มีใครให้ความสนใจกับของที่เหลืออยู่ในรถบรรทุกเลย ถึงแม้จะมีคนงานอยู่รอบบริเวณนั้น พวกเขาก็ยืนคุยกันแทนที่จะขนของที่เหลือออกจากรถ นี่ทำให้ซิงเหอเกิดความสงสัย


 


 


เธอยืนขึ้นตรงๆ และถามอีเฉิน “มีบางอย่างผิดปกติกับรถบรรทุกคันนั้นใช่ไหม”


 


 


อีเฉินจ้องมองเธอด้วยความตกใจสุดขีดและอ้าปากค้าง “ทำ… ทำไมคุณถึงรู้ล่ะว่ามีบางอย่างผิดปกติกับรถบรรทุกคันนั้น!”


ตอนที่ 694 ศพเด็ก


 


 


ซิงเหอตอบตามตรง “สัญชาตญาณ”


 


 


อีเฉินรู้สึกหลอน เขาหัวเราะด้วยความกังวล “สัญชาตญาณของผู้หญิงทุกคนแม่นยำแบบนี้หรือว่าเป็นเฉพาะคุณคนเดียว”


 


 


“ฉันพูดได้แค่ว่ารถบรรทุกคันนั้นดึงดูดความสนใจของฉัน บอกฉันมา รถบรรทุกคันนั้นมีอะไรผิดปกติ” ซิงเหอถาม


 


 


อีเฉินตอบตามความจริง ใบหน้าของเขาหม่นหมองลง “ไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับรถบรรทุกหรอก เพราะปัญหามันอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า! รถบรรทุกช่วยขนส่งเสบียงมาที่สถานรับเลี้ยงแห่งนี้ มันจะมาทุกเดือนและเวลาที่มาถึงก็จะแตกต่างกัน แต่ทุกครั้งมันจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าทั้งวัน ภายนอกดูเหมือนว่าเพราะมีเสบียงมากมาย พวกเขาจึงต้องใช้เวลาทั้งวันเพื่อขนมันออกมา แต่ก็อย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่ความจริง รถบรรทุกจะอยู่ตลอดทั้งคืนเพราะพวกเขาต้องการความมืดในยามค่ำคืนไว้ขนบางอย่างออกไป และสิ่งเหล่านั้นก็คือด้านอัปลักษณ์ของตระกูลเฮ่อหลาน!”


 


 


“สิ่งที่ถูกขนออกไปจากบ้านเด็กกำพร้าคืออะไร” ซิงเหอกดดัน คำถามของเธอมักจะตรงไปตรงมาเสมอ


 


 


“ศพของเด็กๆ!” อีเฉินถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ทุกคนตกใจกับการเปิดเผยนี้


 


 


“คุณพูดว่าอะไรนะ” อาลิเรียกร้อง เธอคิดว่าเธอฟังผิด


 


 


อีเฉินพูดต่ออย่างสงบนิ่ง “ถูกต้อง รถบรรทุกมาที่นี่เพื่อขนศพของเด็กๆ ออกไป ทุกคนเป็นเด็กกำพร้าจากบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ ตอนแรกผมก็มองข้ามเรื่องนี้ไปเหมือนกันและต้องใช้เวลานานกว่าผมจะตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับรถบรรทุก หลังจากนั้นผมก็พยายามสะกดรอยตามรถบรรทุกไป แต่ก็หลังจากพยายามอยู่หลายครั้งกว่าผมจะได้เห็นว่าพวกเขาขับไปทางเมรุ พวกเขาขนศพของเด็กๆ ออกจากรถบรรทุกแล้วจัดการกับศพพวกนั้นที่เมรุเพื่อปกปิดเส้นทางของพวกเขา วันนี้ผมสังเกตเห็นว่ารถบรรทุกมาอีกครั้ง ผมเลยเรียกพวกคุณมาที่นี่เพื่อจะได้เห็นมันกับตาตัวเอง”


 


 


สิ่งที่อีเฉินเปิดเผยกดลงบนหัวใจของเธออย่างหนัก นี่เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้ กลุ่มของอาลิซึ่งล้วนแต่เป็นเด็กกำพร้ารู้สึกโกรธจัด


 


 


อาลิเรียงร้องด้วยความโมโห “คุณไม่ได้บันทึกรูปหรือวิดีโอตอนที่พวกเขาทำผิดไว้หรอ”


 


 


อีเฉินอธิบาย “แน่นอนว่าผมพยายามทำแบบนั้น แต่จะเรียกว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองมันยังไง มีครั้งหนึ่งที่คนงานไม่ระวัง ผมจึงสังเกตเห็นศพของเด็กๆ เข้า แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ทำพลาดอีก ดังนั้นผมเลยไม่สามารถบันทึกหลักฐานใดๆ ไว้ได้ นอกจากนี้ระบบรักษาความปลอดภัยของพวกเขาก็เข้มงวดมาก ไม่มีกล้องวงจรปิดอยู่รอบบ้านเด็กกำพร้าหรือเมรุให้ผมแฮกเข้าไปได้เลย แล้วยังมีหน่วยลาดตระเวนกับยามคอยเฝ้าอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ผมไม่สามารถรวบรวมหลักฐานใดๆ ได้ด้วยตัวเอง และถึงแม้ว่าผมจะรวบรวมหลักฐานเอาผิดพวกเขาได้ ตระกูลเฮ่อหลานก็สามารถยับยั้งมันอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องเปิดเผยตัวตนให้พวกเขารู้ แต่ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือของพวกคุณ ผมหวังว่าเราจะสามารถหาหลักฐานและเปิดโปงตัวตนแท้จริงที่น่ารังเกียจของตระกูลเฮ่อหลานได้”


 


 


เขาเชื่อมั่นในตัวซิงเหอและเพื่อนของเธอ


 


 


อาลิให้สัญญาอย่างมั่นใจ “ปล่อยให้การรวบรวมหลักฐานเป็นหน้าที่ของพวกเราเถอะ! วันนี้เราจะจับพวกมันให้ได้คาหนังขาเขาและทำลายตระกูลเฮ่อหลานที่ชั่วช้าตระกูลนี้!”


 


 


“ใช่แล้ว คืนนี้พวกเราจะไปเก็บหลักฐานก่ออาชญากรรมของพวกมัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเถอะ” แซมเสริมด้วยรอยยิ้มเย็น


 


 


จู่ๆ ซิงเหอก็ถามขึ้น “เด็กๆ ตายยังไง”


 


 


คำถามของเธอตรงไปที่อีเฉิน เขาส่ายหน้า “ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน แต่บ้านเด็กกำพร้ามีระบบรักษาความปลอดภัยดีเกินไป ผมไม่สามารถตรวจสอบได้”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 695 ระบบเฝ้าระวังผ่านดาวเทียม


 


 


“ของที่บรรทุกออกไปคือศพทุกครั้งเลยเหรอ” ซิงเหอถามอีกครั้ง


 


 


อีเฉินพยักหน้า “น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะรถบรรทุกไปที่เมรุทุกครั้ง”


 


 


“พวกเขาจะไปเมื่อไหร่”


 


 


อีเฉินดูนาฬิกาข้อมือของเขาแล้วตอบว่า “อีกสามถึงสี่ชั่วโมง”


 


 


ซิงเหอพยักหน้า เธอมองไปที่บ้านเด็กกำพร้าแล้วสั่งเบาๆ “เอาแล็ปท็อปมาให้ฉัน”


 


 


อีเฉินสงสัย “คุณจะเอามันไปทำไม ในบ้านเด็กกำพร้าไม่มีกล้องวงจรปิด”


 


 


ถ้ามันมีเขาก็คงแฮกเข้าไปและรวบรวมหลักฐานการกระทำผิดกฎหมายของตระกูลเฮ่อหลานได้ตั้งนานแล้ว


 


 


ซิงเหอตอบ “ฉันรู้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ต้องมีวิธีที่จะเอาข้อมูลมาได้”


 


 


“วิธีไหน”


 


 


ซิงเหอมองเขาจากข้างๆ และพูดอย่างชัดเจน “ระบบเฝ้าระวังผ่านดาวเทียม”


 


 


อีเฉินอ้าปากค้าง เขาลืมเรื่องแบบนั้นไปได้ยังไง


 


 


แม้จะไม่สามารถดูรายละเอียดของคนหรืออาคารจากดาวเทียมธรรมดาได้ แต่มันก็ยังมีดาวเทียมที่มีความแม่นยำสูงอยู่ อย่างไรก็ตามดาวเทียมพวกนั้นสงวนไว้สำหรับผู้มีหน้าที่รักษาความปลอดสูงสุดระดับประเทศเท่านั้น ประชาชนธรรมดาไม่เกี่ยวอะไรกับมัน แม้แต่อีเฉินก็ไม่กล้าแฮกเข้าไปในระบบแบบนั้น เพราะถ้าถูกจับได้ล่ะก็จะมีปัญหาตามมามากมาย


 


 


หรือว่าซิงเหอจะมีความสามารถถึงขนาดแฮกเข้าไปในระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุดแบบนั้นแล้วไม่โดนจับได้


 


 


อีเฉินไม่แน่ใจแต่เขาเชื่อเธอ และในเมื่อเธอเป็นคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มันก็หมายความว่าเธอมีความมั่นใจ เขาลังเลอยู่ไม่กี่วินาทีก่อนที่จะส่งแล็ปท็อปของเขาให้กับเธอ


 


 


อีเฉินวางแล็ปท็อปไว้บนโต๊ะ เปิดมัน และเตือนเธอด้วยความกังวล “คุณเซี่ย คุณต้องระวังไม่ให้ถูกจับได้นะครับ”


 


 


ซิงเหอพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอเริ่มปฏิบัติการโดยใช้แล็ปท็อป ถึงแม้พวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเธอเก่งแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นเธอทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ พวกเขาก็ยังอดรู้สึกทึ่งไม่ได้อยู่ดี โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เห็นว่าเธอแฮกเข้าไปในระบบเฝ้าระวังผ่านดาวเทียมของประเทศได้ง่ายแค่ไหน


 


 


ซิงเหอใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีในการแฮกเข้าไปในระบบ เธอระบุพิกัดของบ้านเด็กกำพร้า และมุ่งความสนใจไปที่กิจกรรมข้างในนั้น พวกเขาแทบจะก้มหัวให้เธอด้วยความชื่นชมล้วนๆ


 


 


แม้กระทั่งอีเฉินก็ประทับใจ ดวงตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยแรงบันดาลใจ “คุณเซี่ย ความสามารถของคุณทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตาอีกครั้ง! อันที่จริงคุณทำให้ผมอยากจะสมัครเป็นลูกศิษย์ของคุณ”


 


 


“นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” ซิงเหอตอบเบาๆ และสิ่งที่เธอพูดก็เป็นความจริง อย่างไรก็ตามมันทิ่มแทงหัวใจของอีเฉินจนเจ็บปวด ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร… แล้วเรื่องธรรมดาหน้าตาเป็นยังไงหรอ


 


 


อยู่ดีๆ อีเฉินก็รู้สึกว่าความสามารถของเขาที่ทำให้หลายคนประทับใจเป็นเรื่องกล้วยๆ เมื่อเปรียบเทียบกับความสามารถของซิงเหอ


 


 


แซมตบบ่าเขาแล้วพูดปลอบใจ “ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง แต่อย่าเศร้าไปเลย เพราะซิงเหอเป็นขีดจำกัดที่ไม่มีใครสามารถข้ามผ่านไปได้ไม่ว่าพวกเราจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม เพราะฉะนั้นพวกเราควรเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เรามีดีกว่า”


 


 


อีเฉินพูดไม่ออก นี่เป็นการปลอบโยนหรือทำให้หมดกำลังใจกันแน่เนี่ย


 


 


ต้องขอบคุณที่เขาได้รับการสั่งสอนจากซิงเหอมาตั้งนานแล้ว และได้เรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับความจริง


 


 


อีเฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย “ถึงแม้ว่าผมจะไม่สามารถเอาชนะเธอได้แต่ผมก็เรียนรู้จากเธอได้ คุณเซี่ยครับ ทำไมคุณถึงไม่รับผมเป็นลูกศิษย์ล่ะ”


 


 


ซิงเหอตอบโดยไม่ละสายตาออกจากหน้าจอ “ถ้ามีโอกาสก็เอาสิ”


 


 


อีเฉินตื่นเต้น!


 


 


“ผมจะถือว่านั่นคือคำตกลง หลังจากจบเรื่องนี้แล้ว ผมจะนับถือคุณเป็นอาจารย์!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม