อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 683-689

 ตอนที่ 683 เหวลึกของความรัก (2)

โดย

Ink Stone_Romance

รถยนต์ขับวนรอบเมือง


หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นรถยนต์ได้ขับมายังเกาะส่วนตัว จากนั้นก็ขับตรงดิ่งเข้าไปในอาณาเขตคฤหาสน์หรูหราแห่งหนึ่ง


คฤหาสน์แห่งนี้ไป๋ซู่เย่รู้จักเป็นทุนเดิม เจ้าของคือเชื้อสายราชวงศ์ของประเทศ Y เป็นของขวัญที่ประธานาธิบดีคนก่อนมอบให้แก่เจ้าหญิงและเจ้าชายของเชื้อสายราชวงศ์ประเทศ Y เวลานี้ของทุกปีเจ้าชายและเจ้าหญิงจะมาพักผ่อนที่แห่งนี้สักระยะหนึ่ง


ไป๋ซู่เย่ไม่เคยคิดเลยว่าที่นี่จะเป็นสถานที่รักษาตัวของเย่เซียว มิน่าคนของกระทรวงความมั่นคงถึงไม่พบร่องรอย ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดพวกเขาย่อมไม่กล้ากระทำการที่เกินกว่าเหตุมากไป


ก่อนที่เธอจะก้าวเข้าประตูได้ผ่านด่านแล้วด่านเล่าถึงถูกคนพาเข้าไปได้สำเร็จ


ณ เวลานี้แม้จะมืดค่ำแล้วแต่ตัวคฤหาสน์กลับเปิดไฟสว่างโร่ราวกับยามกลางวัน มีคนถือปืนเดินสำรวจความปลอดภัยทุกที่ ทหารมีอยู่ทุกหนแห่ง


กวาดมองรอบข้างทีและมั่นใจว่าที่แห่งนี้เข้มงวดแม้แต่แมลงวันยังบินเข้ามาไม่ได้ เธอกลับถอนหายใจโล่งอกแทน


เดินผ่านทางเดินสีทองระยิบระยับ เห็นเพียงถังซ่งในชุดเสื้อกาวน์สีขาวเดินมา


“พวกคุณถอยลงไปเถอะ” ถังซ่งโบกมือไล่คนข้างๆ


“เย่เซียวล่ะ? เขายังสบายดีไหม?” ไป๋ซู่เย่ถามอย่างประหม่า


“ตามผมมาเถอะ” ถังซ่งปรายตามองเธอนิ่งวูบหนึ่ง สายตาเย็นชาจนไป๋ซู่เย่ไม่รู้ว่าตนรู้สึกไปเองหรือไม่ มักรู้สึกว่าถังซ่งในตอนนี้แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรต่อตนมากขึ้น


แต่ยามนี้เธอเองก็ไม่มีใจจะไปสนใจว่าเขามีความรู้สึกอารมณ์อย่างไรต่อตน ทั้งหัวใจคิดถึงแต่เย่เซียว


เรือนหลัก


ชั้นสาม


ถังซ่งพาเธอขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นบน เสียงลิฟต์ดัง ‘ติ๊ง–’ ประตูเปิดออก ไป๋ซู่เย่ก็เห็นหลายคนกำลังถือปืนเดินไปมา และหยูอันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น


เขาเห็นไป๋ซู่เย่ตั้งแต่แวบแรกเช่นกัน สีหน้าดุดันแทบจะยกปืนที่ถือขึ้นมาทันที ปลายกระบอกปืนอันเย็นเฉียบจ่อไป๋ซู่เย่อย่างแม่นยำ


“ถอยหลังไป!”


เขาตวาดเสียง


“ฉันอยากเจอเย่เซียว” ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ถอยหลัง แต่สบตาหยูอันอย่างไม่สนใจอีกฝ่าย


“คุณไม่มีสิทธิ์!” หยูอันสีหน้าเย็นชา ปลายกระบอกปืนเข้าใกล้อีกนิด“ไป๋ซู่เย่ อย่าบีบบังคับให้ผมต้องฆ่าคุณ!รีบถอยหลังซะ!เย่เซียวไม่มีทางอยากเจอคุณ!”


ไป๋ซู่เย่หันไปมองถังซ่ง


ถังซ่งกดปลายกระบอกปืนหยูอันลง หยูอันหันกลับมามองถังซ่ง “คุณชายถัง!”


“ให้เธอเข้าไป” ถังซ่งพูดออกมาสั้นๆ


“ทำไมกัน?” หยูอันกัดฟันกรอด “ผมอยากฆ่าเธอตอนนี้เลย! ถ้าไม่ใช่เธอ เย่เซียวคงไม่โดนลูกกระสุนของไฟเรนเซ่หรอก!”


“จะฆ่าเธอหรือไว้ชีวิตเธอ เย่เซียวตัดสินใจเองได้!” ถ้อยคำของถังซ่งหนักแน่น เขายังคงกำปืนของหยูอันไว้ไม่ปล่อย หันมามองไป๋ซู่เย่อีกแวบหนึ่ง “คุณเข้าไปเถอะ”


“ขอบคุณ” ไป๋ซู่เย่หยักหน้า


“คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมให้คุณเข้าไปไม่ใช่เป็นเพราะคุณ” ถังซ่งไม่มีใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนแต่ก่อน ท่าทีที่มีต่อไป๋ซู่เย่เย็นชากว่าที่ผ่านมามากนัก


ไป๋ซู่เย่อยากถามเหตุผลกับถังซ่งให้รู้เรื่องกว่านี้ แต่ต้องไม่ใช่เวลานี้


ภายใต้สายตาจดจ้องของกลุ่มคน ดันประตูเข้าไป


หยูอันขืนตัวออกจากการกอบกุมของถังซ่ง “คุณชายถัง ผมไม่เข้าใจว่าคุณหมายความว่ายังไง!หรือว่าเย่เซียวยังถูกผู้หญิงคนนี้ทรมานไม่พอ?”


ดวงตาหยูอันแดงก่ำรู้สึกคับแค้นใจแทนเย่เซียว


ถังซ่งมองบานประตูที่ปิดสนิทด้วยแววตาล้ำลึกเล็กน้อย “จากนิสัยของเย่เซียวสักวันก็ต้องตามไปคิดบัญชีนี้กับเธอ ส่วนเธอจะอยู่หรือตาย วันนี้เย่เซียวคงให้จุดจบสักอย่างกับเธอ”


พูดถึงนี่เขามองหยูอันแวบหนึ่งด้วยสีหน้ายากจะคาดเดา “บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขา ให้พวกเขาตัดขาดมันด้วยตัวเอง ทุกคนจะได้สบายใจ”


ได้ยินเขาว่าดังนั้นสีหน้าเย็นยะเยือกของหยูอันผ่อนคลายลงกว่าเดิม แต่มือยังกำปืนแน่นพร้อมจะต่อสู้เสมอ


ผู้หญิงอย่างไป๋ซู่เย่ เขาจำเป็นต้องระวังตัวไว้ก่อน


……………………………………


ประตูห้องผลักเบาๆ ก็เปิดออกแล้ว


นี่เป็นห้องใหญ่ขนาดสองร้อยตารางเมตร ม่านหน้าต่างปิดสนิทไม่ปล่อยให้แสงจันทร์เล็ดลอดเข้ามาแม้แต่น้อย


หัวเตียงมีแสงไฟสลัวจากโคมไฟที่ปกคลุมบริเวณเตียงใหญ่ทั้งหมด


เย่เซียวนอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ เงียบสงบคล้ายจะหลับไปแล้ว เสียงเปิดประตูของเธอยังไม่ทำให้เขาตื่นได้


ใต้ผ้าห่มผืนขาวเผยให้เห็นไหล่ของเขาที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลชั้นหนา


บนแขนมีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ เนื่องจากว่าให้น้ำเกลือนานเกินไปตรงเส้นเลือดเลยมีรอยฟกช้ำ


ไป๋ซู่เย่เดินเข้าไปหาเขาหนึ่งก้าวก็เหมือนจะมีลวดเหล็กเส้นบางๆ พันล้อมหัวใจเธอ ค่อยๆ กระชับแน่นขึ้นจนเธอหายใจลำบาก


เย่เซียว…


สิบวันไม่เจอกัน…


เขาเหมือนจะผอมลงมากทีเดียว


กระทั่งหลับใหลหัวคิ้วกลับยังขมวดแน่นไม่คลายดูเย็นชา กลีบปากแห้งแตกขับให้เขาดูอ่อนแออย่างมาก อ่อนแอจนน่าปวดใจ…


เย่เซียวในความทรงจำอยู่อย่างเจ้าแห่งจ่าฝูง แข็งแกร่งไม่มีวันล้มลงตลอดกาล


เย่เซียวในขณะนี้กลับอยู่ในสภาพที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน กลับทำให้เธอทั้งสงสารและปวดใจ


ปลายนิ้วลูบไล้ผ่านรอยฟกช้ำบริเวณแขนเขาอย่างเจ็บปวดใจ จากนั้นเลื่อนไปใต้คางเขา ริมฝีปากที่แห้งผาก มาจนถึงดวงตาที่ปิดสนิท…


ไป๋ซู่เย่ขอบตาแดงระเรื่อ หายใจหอบหนัก


เธอรู้ว่ามันไม่ควร


กับเย่เซียว ไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันอีก ถึงขั้นที่เธอไม่ควรปวดใจ ไม่ควรมาที่นี่ แต่ว่า…


เมื่อเจอผู้ชายคนนี้ สติของเธอกลับเอาชนะความต้องการส่วนลึกของหัวใจไม่ได้…


มือกำแน่นปลายเล็บจิกฝ่ามือ เธออยากให้ความเจ็บนี้เรียกสติตัวเองกลับมาได้บ้าง


สูดจมูกทีพยายามกลั้นน้ำตาไว้ ก่อนจะถอนมือกลับไปเมื่อสัมผัสร้อนผ่าวตรงปลายนิ้วเหือดหายเรียกให้หัวใจเธอวูบโหวง กลับไม่กล้าใกล้ชิดกว่านี้


กลัว…


กลัวยิ่งใกล้ชิดมากเท่าไรก็ยิ่งทำใจถอยออกมาไม่ได้มากเท่านั้น


แต่ขณะที่จะผละมือออกกลับถูกคว้าข้อมือไว้อย่างแรง


มือของชายหนุ่มเย็นเฉียบเหมือนไร้อุณหภูมิ แตะสัมผัสผิวของเธอซึมเข้าไปในกาย สั่นเพราะความหนาวเหน็บ


เย่เซียว ตื่นแล้ว!


น้ำตาที่ไป๋ซู่เย่เพิ่งกลั้นไว้เมื่อสักครู่เอ่อคลออีกครั้งในชั่วพริบตาอย่างควบคุมไม่อยู่ ภาพตรงหน้าเหลือเพียงความพร่ามัว จากนั้นเป็นเสียงตะคอกของเย่เซียวที่พยายามระงับอารมณ์โกรธกริ้ว “ไป๋ซู่เย่ คุณคิดจะทำอะไรอีก?!”


ดุดัน


ราวกับเกลียดชังเหลือเกิน ถึงได้กัดฟันพูดทุกคำ


ไป๋ซู่เย่ใช้ดวงตาที่พร่ามัวมองเขา ดวงตาคู่ที่แดงก่ำของชายหนุ่มดุจสัตว์ดุร้ายที่พร้อมจะฉีกทึ้งตัวเธอให้ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ ถึงจะยอมชะล่าถอย


ในหัวเธอกลับขาวโพลน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรอธิบายเหตุผลที่ตนมาที่นี่อย่างไร ทั้งที่เธอเป็นคนบอกจบ คนที่บอกว่าจะไม่เจอกันอีกก็เธอ คนที่บอกไม่ตามพัวพันอีกก็เธอเช่นกัน แต่ครั้งนี้…คนที่เดินย้อนกลับมาตรงหน้าเขาใหม่อย่างห้ามใจไม่ไหวก็เป็นเธอด้วยเช่นกัน…


“ฉันควรไปแล้ว” ไป๋ซู่เย่อยากมีสติ อยากใจเย็น แต่น้ำตาหนึ่งหยดที่ร่วงหล่นลงมา เธอแกะมือของเย่เซียวเพื่อจะได้ขืนตัวเองออกจากฝ่ามือของเขา


…………………………………


ตอนที่ 684 เหวลึกของความรัก (3)

โดย

Ink Stone_Romance

“ไป๋ซู่เย่ คุณเห็นผมเป็นอะไร? แล้วเห็นที่นี่เป็นอะไร? เป็นสวนสนุกที่คุณอยากมาก็มา อยากไปก็ไปงั้นเหรอ?!”


คำซักถามที่น้ำเสียงเย็นชาทุกคำที่กล่าวออกมา


เขาจับแขนเธอไว้ทำให้เธอขืนตัวออกไม่ได้ เขากระชากก่อนจะพลิกตัวให้เธอมาอยู่ใต้ร่างแทน


ไป๋ซู่เย่อยากขัดขืนแต่พอโดนแผลบนหน้าอกของชายหนุ่มก็ไม่กล้าใช้แรงที่มืออีก ถึงอย่างนั้นเลือดสีแดงฉานยังคงซึมออกมานอกผ้าพันแผลไม่หยุด ย้อมผ้าพันแผลจากสีขาวกลายเป็นสีแดงในชั่วพริบตา


ภาพตรงหน้าช่างน่าตกใจนัก


 “ยังกล้าโผล่มาตรงหน้าผมอีก คิดว่าผมไม่กล้าฆ่าคุณจริงๆ หรือคิดว่าผมยังมีเยื่อใยกับคุณอีก?” ทุกคำที่เขาก่นเสียงคำรามออกมาแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด หน้าอกที่บาดเจ็บอยู่กระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง แสดงออกถึงอารมณ์โทสะที่กำลังปะทุของเขาในยามนี้อย่างชัดเจน


 “เย่เซียว คุณใจเย็นหน่อย!เข็มตรงหลังมือคุณ…” คำของเธอยังไม่ทันพูดจบ ลำคอระหงส์ก็ถูกเย่เซียวบีบไว้ด้วยมือเดียวก่อน


หัวเข็มที่เสียบคาหลังมือเขาเปลี่ยนทรงไปแล้วจนเนื้อบริเวณข้อพับแขนปูดโปนออกมา เขากลับเหมือนไม่รู้สึกอะไร เส้นเลือดตรงแขนเต้นตุบตับ สีหน้าขรึมจนน่ากลัวคล้ายต้องการจะบีบคอเธอให้หักทันที


ไป๋ซู่เย่ไม่สามารถหายใจได้ มือคว้าจับมือของเขาไว้ด้วยสัญชาตญาณ ไอแรงๆ สองทีและได้ยินเพียงเสียงซักถามอย่างเย็นชาของเขา “กระทรวงความมั่นคงสั่งให้คุณมาใช่ไหม?”


ไป๋ซู่เย่เชยตาขึ้นมองเขา ความเกลียดชังจากแววตาเขาคล้ายจะทิ่มแทงเธอให้ตาย เธอหายใจกระชั้นชิด “ทางกระทรวงเคยให้ฉันมาจริงๆ แต่…”


 “ตอนนี้เห็นผมไม่ตาย ผิดหวังมากใช่ไหม?” เย่เซียวหัวเราะประชด ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่เรียกให้คนเห็นเสียวสันหลังวูบ


มือที่บีบคอเธออยู่ยิ่งเพิ่มแรงมากกว่าเดิม “ไป๋ซู่เย่ เพื่อไม่ให้คุณได้กลับไปรายงานกับกระทรวงความมั่นคง คุณว่าผมควรฆ่าปิดปากคุณไหม?”


เพราะหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงเกินไปจนแผลของเขาปริมากขึ้นเรื่อยๆ เลือดสีสดซึมผ่านผ้าพันแผลจนไหลหยดลงใบหน้าเธอหยดแล้วหยดเล่า


ดวงตาเธอแดงก่ำรวมถึงลมหายใจที่หนักอึ้งขึ้นกว่าเดิม สองตากลับมองเขานิ่ง “เย่เซียว แผลคุณปริออกแล้ว ให้ถังซ่งเข้ามาทำแผลก่อน…”


มือของเธอช่วยกดแผลเขาไว้โดยไม่รู้ตัว เพื่อควบคุมไม่ให้เลือดไหลมามากกว่านี้


แต่การกระทำเช่นนี้ในสายตาของเย่เซียวแล้วกลับแลกมาได้เพียงความกระแนะกระแหนปนประชดประชัน


 “ยังเสแสร้งอยู่อีก!” เย่เซียวเกลียดไป๋ซู่เย่ที่เป็นเช่นนี้เหลือเกิน มือที่ว่างอีกข้างตะครุบมือเธอไว้ให้ยึดไว้เหนือศีรษะ แรงของเขามหาศาลเลยได้ยินเสียง ‘แกร๊ก’ นิ้วชี้ของเธอถูกหักคาที่ บริเวณศีรษะไป๋ซู่เย่มีเหงื่อซึมออกมาทันที แต่กลับไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องสักนิด


ข้างหูเป็นเสียงคำรามทุ้มต่ำอย่างเดือดพล่านของเขา “ปั่นหัวผมเหมือนตัวตลกครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกประสบความสำเร็จมากสินะ”


 “เย่เซียว ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร…” ไป๋ซู่เย่เลิกขัดขืน เสียงเบาหวิว “ฉันไม่เคยเห็นคุณเป็นตัวตลก”


 “ไม่เคยเห็นผมเป็นตัวตลก?” เย่เซียวโน้มตัวมองเธอแล้วหัวเราะแต่สีหน้ากลับคล้ายจะคร่าชีวิตเธอ “คืนนั้นคุณหน้าไม่อายถอดเสื้อผ้ามาขอร้องให้ผมกอดคุณ หรือว่าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอะไรแต่ความจริงตัวจริงของคุณก็คือคนสำส่อนอยู่แล้ว?”


ถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามของเขาเรียกให้ใบหน้าเธอซีดเซียวในชั่ววูบ


 “นั่นสิ ถ้าไม่สำส่อนเกินไปสิบปีก่อนคุณที่อายุแค่สิบแปดปีจะกล้าขายร่างกายตัวเองมาขึ้นเตียงผมได้ยังไง? สิบปีหลังต่อหน้าผมคุณก็ยังใช้วิธีนี้เหมือนเดิม!คุณพูดมาสิว่าผมสำคัญกับกระทรวงความมั่นคงของคุณมากเกินไป สำคัญจนคุณไม่สนใจทุกอย่าง หรือว่า…ไป๋ซู่เย่ คุณมันค่าตัวถูก ขอแค่ได้บรรลุตามเป้าหมายคุณก็อ้าขาให้คนอื่นเอาได้ง่ายๆ?!”


เพิ่งสิ้นเสียงเย่เซียว ‘เพี้ยะ–’ เกิดเสียงดังเมื่อถูกตบหน้าฉาดใหญ่


เย่เซียวตะลึง ถูกตบจนหน้าหัน ไป๋ซู่เย่หอบหายใจหนัก เดิมทีคิดว่าเขาจะระเบิดอารมณ์ใส่แต่เขากลับนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ไม่ขยับอยู่พักใหญ่


ไม่หันหน้ากลับมาด้วยซ้ำ


จากมุมมองของเธอเห็นเพียงมุมข้างของใบหน้าเย็นชานั่นเท่านั้น


ไป๋ซู่เย่ตัวสั่นระริก แกะมือที่บีบคอตัวเองออกอย่างแรง


 “ในเมื่อคุณไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันก็กลับไปรายงานกับกระทรวงความมั่นคงได้แล้ว” ไป๋ซู่เย่หัวเราะที น้ำตาซึมตรงหางตา “แต่คุณเย่เซียวไว้วางใจได้ จากนี้ไปไม่ว่าฉันจะทำเพื่อเป้าหมายอะไร ยอมให้ใครเอาก็ไม่มีทางอ้าขาให้คุณเอาได้ง่ายๆ อีก!”


เธอพูดจบก็ขืนตัวหมายจะพลิกตัวออกจากอาณัติของเขา


แต่เพิ่งมาถึงขอบเตียงก็เกิดสัมผัสเย็นเฉียบตรงขมับ


เธอไม่ได้หันข้างไปดูก็รู้สึกได้ว่ากำลังมีปืนจ่อขมับตัวเองอยู่


 “เพื่อไม่ให้ผู้ชายคนอื่นหลงกลคุณ ถูกคุณทำร้าย คุณว่าวันนี้ฉันควรฆ่าคุณตรงนี้เพื่อจบเรื่องสักทีดีไหม?”


ไป๋ซู่เย่ระงับความขมขื่นในใจไว้ กลับหันกลับไปอมยิ้มมองเขา รอยยิ้มนั่นยิ่งเรียกให้เขานึกโกรธ เธอเลิกคิ้วอย่างกระตุ้นอารมณ์ “เย่เซียว คุณทำแบบนี้…คงไม่ใช่เพราะทำใจให้ฉันไปขึ้นเตียงผู้ชายคนอื่นไม่ได้หรอกนะ?”


เย่เซียวหายใจติดขัด


คล้ายจะโต้กลับประโยคนี้ของเธอ ‘แกร๊ก’ ปืนถูกเหนี่ยวไก ยิ่งกดขมับเธอแรงกว่าเดิม


ไป๋ซู่เย่คิด…


เย่เซียวพูดไม่มีผิด จบเรื่องสักทีจะดีกว่า…


เทียบกับการทรมานกันและกันเช่นนี้ สู้ตายด้วยมือเขาคงจะดีกว่า


จู่ๆ เธอยกแขนขึ้นจับมือที่ถือปืนของเย่เซียว เห็นได้ชัดว่าเธอจะทำแบบนี้ สายตาเย่เซียวลุกวาว ปลายนิ้วเธอกลับประทับอยู่ตรงนิ้วโป้งที่อยู่บริเวณไกปืนด้วยสายตาแน่วแน่ไม่คิดจะหลบหนี “เย่เซียว ถ้าได้ตายด้วยมือคุณจริงๆ…แล้วคุณจะหลุดพ้นสักที ฉันเองก็หลุดพ้นเหมือนกัน…ดังนั้น คุณฆ่าฉันเถอะ!”


“คุณคิดว่า…ผมไม่กล้า?!” ผู้หญิงคนนี้แสดงละครเก่ง!เย่เซียวจำต้องคอยตักเตือนตัวเองให้ตัวเองประคองสติตลอดเวลา ห้ามหลุดเข้ากับดักของเธอเด็ดขาด


 “คุณคือเย่เซียว…ไม่มีอะไรที่คุณไม่กล้า” ไป๋ซู่เย่ยังคงยิ้มไร้ความหวาดกลัว สายตาฉายแววเหมือนจะได้หลุดพ้น “เย่เซียว ลงมือเถอะ!”


เห็นเธอเป็นแบบนี้ อยู่ๆ ความเกลียดชังก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นในใจของเย่เซียว


เธอต้องการตายอย่างเดียว!!


เธออยากหลุดพ้น!อยากปล่อยวาง!!


หลังทำเอาโลกของเขาปั่นป่วน บดบี้หัวใจที่ภักดีของเขาแหลกละเอียดกลับต้องการตายได้อย่างไม่คิดอาลัยอาวรณ์!สภาพจิตใจที่ปล่อยวางอย่างนั้น ราวกับว่าบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรให้เธอต้องคำนึงถึงอีก!


เรื่องอะไร?!ขณะที่เขายังไม่อาจหลงลืม เรื่องอะไรเธอถึงปล่อยวางได้ขนาดนี้!!


 “คุณอยากตาย ผมจะไม่ให้คุณตาย!” เย่เซียวสะบัดมือเธอทิ้ง ยิงปืนใส่ไหล่เธอหนึ่งนัด “ไป๋ซู่เย่ จากนี้เป็นต้นไป ผมจะทำให้คุณตายทั้งเป็น!”


ความเจ็บแล่นริ้วขึ้นจากบริเวณไหล่


เลือดสดทะลักออกมาทันควัน


ไป๋ซู่เย่รู้สึกมึนศีรษะชั่ววูบ ภาพตรงหน้าเป็นภาพใบหน้าด้วยแรงอารมณ์ที่พร่ามัวของเย่เซียว


……………………………


ตอนที่ 685 เหวลึกของความรัก (4)

โดย

Ink Stone_Romance

คนข้างนอกประตูได้ยินเสียงปืนก็รีบพุ่งเข้ามา


หยูอันถือปืนเดินนำอยู่หน้าสุดและแทบจะอดใจไม่ให้ลั่นไกใส่ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ แต่พอเห็นว่าคนที่ยิงปืนไม่ใช่เธอแล้วถึงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง


 “นายท่าน ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”


“เรียกถังซ่งเข้ามา!”


เย่เซียวพูดสั่ง


บนเตียงผ้าปูสีขาวสะอาดนั่น ยามนี้เต็มไปด้วยเลือด


ของเขา


และของเธอ


ไป๋ซู่เย่กดแผลตรงไหล่ไว้ เชยตามองเย่เซียวแวบหนึ่ง “เย่เซียว…ฉันไปได้แล้วใช่ไหม?”


เย่เซียวกลับไม่คิดสนใจเธอ


เธอหยัดตัวลงจากเตียง


ขณะนั้นเองถังซ่งก็เข้ามา เห็นเลือดเต็มเตียงก็แอบหวั่นใจ พอเห็นแผลบนไหล่เธอก็รู้ได้ทันทีว่าครั้งนี้ไป๋ซู่เย่ได้ทำให้เย่เซียวโกรธถึงขีดสุดแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะกล้าลงมือได้อย่างไร?!


เพียงแต่ว่า…


ตำแหน่งของไป๋ซู่เย่ในใจเขายังสำคัญมากอยู่ดี ไม่อย่างนั้นเขาจะทำใจปลิดชีวิตเธอไม่ได้ทั้งที่ตัวเองตกอยู่ในสภาพโทรมขนาดนี้ได้หรอก


 “พาเธอไปทำแผล!” เย่เซียวปรายตาไปทางถังซ่ง “อย่าให้เธอตายล่ะ ฉันยังเล่นไม่พอ!”


“นายท่าน แผลของท่าน…” หยูอันขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจ จนขนาดนี้แล้วไป๋ซู่เย่ตายก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียดาย ทำไมถึงยังสนใจแผลของเธออีก?


 “วางใจเถอะ มีฉันอยู่ ไม่มีใครตายได้หรอก” ถังซ่งตบบ่าหยูอันเป็นเชิงปลอบทีหนึ่งก่อนให้ทีมพยาบาลของตนเข้ามา หลังทำแผลให้เย่เซียวใหม่เขาก็พาไป๋ซู่เย่ออกจากห้องด้วยตัวเอง “ตามผมมาเถอะ ผมจะทำแผลให้คุณ”


…………………………


ไป๋ซู่เย่เดินตามหลังถังซ่งจากไปโดยมีหยูอันเฝ้าเย่เซียวไว้ สั่งให้คนมาเปลี่ยนผ้าปูหลังทำแผลให้เขาเสร็จ


หยูอันยืนอยู่ข้างเตียง ปากขยับหลายครั้งคล้ายมีอะไรอยากจะพูด เย่เซียวมุ่นคิ้ว “มีอะไรก็พูด อย่ามาอ้ำๆ อึ้งๆ”


 “ผมไม่เข้าใจ ทั้งที่เอาชีวิตเธอได้”


 “เอาชีวิตเธอ?” เย่เซียวแค่นหัวเราะเสียงเย็นที เงยหน้ามองหยูอันแวบหนึ่ง “ตอนนี้ฉันก็แทบจะปางตาย นอนอยู่ตรงนี้ขยับตัวไม่ได้ ถ้าตอนนี้ฉันฆ่าเธอแล้วคนของกระทรวงความมั่นคงมา คนของรัฐบาลมาขอเจ้าตัวคืน นายว่าฉันควรตอบรับพวกเขายังไง? โยนซากศพให้พวกเขา ให้พวกเขาฆ่าพวกนายให้หมดเพื่อชดเชยให้ไป๋ซู่เย่? คุ้มเหรอ?”


หยูอันเม้มปากไม่ได้พูดอะไรอีก สิ่งเหล่านี้ใช่ว่าเขาจะไม่ทราบ แต่ว่า…เหตุผลที่เย่เซียวไม่แตะต้องไป๋ซู่เย่ คาดว่าไม่ได้มีเพียงเหตุผลนี้เท่านั้น


 “พอแล้ว นายออกไปเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว” เย่เซียวไม่ได้พูดอะไรอีก


หยูอันรอทีมพยาบาลออกไปทั้งหมดแล้วตนก็ค่อยปิดประตูเดินออกไปช้าๆ


เย่เซียวนอนอยู่บนเตียง แม้จะเหนื่อยมากและเจ็บตรงแผลที่ปริออกเนืองๆ แต่กลับไม่ง่วงสักนิด ในหัวมีแต่ภาพที่เธอกุมไหล่ไว้ทั้งหมด…


ผู้หญิงคนนั้น ช่างหัวรั้นยิ่งนัก!


ต่อให้ลูกกระสุนทะลุไหล่เธอก็ไม่เคยจะหลุดเสียงครางสักนิด!


ปืนจ่อหัวเธอ เธอกลับไม่แม้แต่กะพริบตา ไม่แม้แต่จะร้องขอชีวิต! หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่กล้าท้าทายเขาขนาดนี้ ถูกเขาลั่นไกให้หัวแบะนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว!


……………………


อีกฟากหนึ่ง


ถังซ่งทำแผลให้ไป๋ซู่เย่ด้วยตัวเอง ขณะผ่าเนื้อตรงไหล่เธอเพื่อเอาลูกกระสุนออกมานั้นตรงบริเวณหัวคิ้วเธอชื้นไปด้วยเหงื่อบางๆ


 “ผมเห็นนิ้วมือคุณก็ไม่ปกติ บาดเจ็บเหมือนกันใช่ไหม?”


 “อืม” เธอตอบกลับเสียงจางๆ


 “ให้ผมดูหน่อย”


ไป๋ซู่เย่ยกมือขึ้น ถังซ่งดูแวบหนึ่ง “เย่เซียวหักเหรอ?”


เธอหยักหน้าพูดเบาๆ “เขาเองก็ไม่รู้”


ถังซ่งถอนหายใจ สั่งให้คนข้างๆ จัดการทำแผลตรงนิ้วให้เธอ ส่วนถังซ่งก็ทำแผลตรงไหล่ให้เธอ


 “ถ้าเจ็บก็ร้อง เย่เซียวไม่อยู่นี่ คุณไม่จำเป็นต้องทำเป็นเข้มแข็ง”


ถ้อยคำของถังซ่งคล้ายจี้จุดบางอย่างของไป๋ซู่เย่จนขอบตาแดงก่ำในทันที แต่สุดท้ายเธอก็แค่สูดหายใจเฮือกใหญ่ ยิ้มขมขื่น “ถังซ่ง เย่เซียวคิดว่าเรื่องดักฟังความเคลื่อนไหวของไฟเรนเซ่คราวนี้ เกี่ยวกับฉันใช่ไหม?”


 “ไม่เกี่ยวกับคุณเหรอ?” ถังซ่งเองก็ไม่ได้มองเธอ “นั่นเป็นการกระทำของกระทรวงความมั่นคงของพวกคุณ คุณเองก็เป็นรัฐมนตรี บ่ายเบี่ยงไม่ได้หรอกมั้ง?”


ไป๋ซู่เย่พยักหน้าที ประโยคนี้เถียงกลับไม่ได้จริงๆ


แต่…


“ครั้งนี้กระทรวงความมั่นคงไม่ได้บอกฉันเลยสักนิด ฉะนั้น ฉันไม่ได้ร่วมกระบวนการด้วยเลยตั้งแต่ต้น”


 “คำพูดเหล่านี้ เย่เซียวจะเชื่อไหม?”


 “เขาคิดว่าฉันกำลังปั่นหัวเขาเล่น ฉันพูดอะไร เขาก็ไม่เชื่อฉัน”


 “ไม่แปลก” ในที่สุดถังซ่งก็เชยตามอง “เหมือนตอนนี้ที่ผมคุยกับคุณ…ผมก็ไม่เชื่อคุณเหมือนกัน เมื่อไหร่ที่ความเชื่อใจระหว่างกันถูกทำลายก็ยากจะซ่อมมัน หนึ่งเดือนนี้ของคุณกับเย่เซียว เดิมทีก็ไม่มีความเชื่อใจอะไรให้กันอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ต้องคิดบัญชีคุณก่อน แต่นี่ก็ไม่ได้ใส่ร้ายคุณเพราะบัญชีระหว่างคุณกับเย่เซียว มันคิดยากมาตั้งนานแล้ว”


ความเศร้าจู่โจมเข้ามาในใจของไป๋ซู่เย่


ช่วงเวลานี้ของเธอกับเย่เซียว ความจริงก็มีแต่ความระแวงกัน ความลองใจกัน ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าก่อนสักคน


เขากลัวเธอหลอกใช้ ทรยศหักหลัง วางแผนใส่อีกครั้ง


ส่วนเธอก็คอยระวังตัวกับความเกลียดชังและความต้องการแก้แค้นของเขา…


 “งั้นแผลของเย่เซียว…ตอนนี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้วสินะ?”


ถังซ่งก้มมองเธอแวบหนึ่ง “คุณเจ็บเพราะเขาขนาดนี้ คุณยังเป็นห่วงเขาอีกเหรอ?”


 “…” ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบ


 “ไม่รู้ว่าอันตรายต่อชีวิตไหม แต่ตรงหัวใจเขายังมีลูกกระสุนอีกนัดที่ผ่าออกมาไม่ได้” พูดถึงตรงนี้น้ำเสียงของถังซ่งฉายแววผิดหวัง


ไป๋ซู่เย่หายใจติดขัด “คุณหมายความว่า…”


 “แผลตรงหัวใจ ลูกกระสุนมันเชื่อมกับหัวใจ ถ้าผ่าออกมาตามอำเภอใจ มีโอกาส 80% ที่เขาจะตายเพราะเสียเลือดมาก ไม่มีกล้าเสี่ยง ไฟเรนเซ่สงสารเขา ห้ามไม่ให้ใครมาเสี่ยง”


ไป๋ซู่เย่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ ในหัวขาวโพลน


ปากขยับหลายครั้งจนสุดท้ายก็หาเสียงตัวเองพบ “ถ้า…ถ้าไม่เอาออกมา ลูกกระสุนอยู่ในร่างกาย ตามแรงขยับของกล้ามเนื้อมีโอกาสที่ลูกกระสุนจะทะลุกล้ามเนื้อหัวใจเข้าไปในหัวใจ…”


 “ถ้าถึงวันนั้น เขาตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”


‘ตายอย่างไม่ต้องสงสัย’ ประโยคนี้ทำให้ไป๋ซู่เย่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “หมายความว่านี่เหมือนระเบิดเวลา พร้อมจะปะทุเมื่อไหร่ก็ได้…”


 “ใช่”


ไป๋ซู่เย่นั่งพิงเก้าอี้อย่างหมดแรง หลับตาลงแน่นแต่กลับมีน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ยิ่งไหลยิ่งเยอะ ยิ่งไหลยิ่งมาก


ถังซ่งก้มมองผู้หญิงที่ใบหน้าซีดเซียว น้ำตาอาบแก้มคนนี้อย่างนึกสงสารในใจ


ตัวเธอบาดเจ็บขนาดนี้ไม่เห็นจะมีน้ำตาตกสักหยด แต่พอรู้อาการของเย่เซียว อารมณ์กลับพังทลายอย่างสิ้นเชิง…


เดิมทีเขาคิดว่าไป๋ซู่เย่ไม่มีความจริงใจจริงๆ เสียอีก


………………………………


ตอนที่ 686 โซ่ตรวนรัก (1)

โดย

Ink Stone_Romance

มีช่วงพักใหญ่ที่ในหัวถังซ่งมีแต่ภาพที่ไป๋ซู่เย่ร้องไห้ น้ำตาเหล่านั้นเขาไม่รู้ว่าเพราะความรักหรือไม่ แต่หากนี่สื่อได้ว่าเธอรักเย่เซียว ความรักแบบนั้นช่างประหลาด คนปกติทั่วไปคงไม่มีบุญพอจะรับไหว


แต่กลับเหมาะสมกับคนแปลกอย่างเย่เซียวมาก เย่เซียวไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว หากเจอเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่แน่เขาอาจไม่สนใจด้วยซ้ำ คงไม่รักจนยากจะลืมกันขนาดนี้


 “เสร็จแล้ว ทำแผลเสร็จแล้ว สองวันนี้อย่าโดนน้ำ ต้องใส่ยาให้ตรงเวลา” ถังซ่งเก็บอุปกรณ์ยาแล้วพูดสั่ง


 “ขอบคุณ” เพราะเสียเลือดมากไปไป๋ซู่เย่เลยดูอ่อนแออยู่บ้าง เธอหันหลังไปหน่อยเพื่อใส่เสื้อให้ดี รอยเลือดตรงไหล่ชัดเจนมากจนสภาพเจ้าตัวดูแย่อยู่สักหน่อย


ถังซ่งสั่งคนข้างๆ “พาคุณไป๋ไปเปลี่ยนชุด”


 “ไม่ต้องลำบากหรอก ฉันได้เจอเขาแล้วฉันก็ควรกลับไปแล้ว ไม่อย่างนั้นไป๋หลางจะเป็นห่วงเอาได้” ไป๋ซู่เย่เก็บซ่อนอารมณ์ตนให้ดี ท่าทางนั้นคล้ายว่าน้ำตาที่ไหลพรากอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อสักครู่เป็นเพียงภาพลวงตาของถังซ่งเท่านั้น เธอหันกลับมามองถังซ่ง “ไม่ว่ายังไง ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณ…”


ถังซ่งเหยียดปาก “ขอบคุณผมอะไร? ขอบคุณผมที่ให้คุณได้แผลใหม่? บอกตามตรงตอนแรกผมคิดว่าตามนิสัยของเย่เซียว วันนี้เห็นคุณก็ควรฆ่าคุณเพื่อระบายความโกรธ”


ไป๋ซู่เย่ยิ้มขมขื่นไม่ตอบ เดิมทีเธอเองก็คิดว่าตนอาจจะตายด้วยน้ำมือเขาแล้ว


 “ผมจะให้คนพาคุณไปส่งที่ท่าเรือ”


ไป๋ซู่เย่พยักหน้า ชะงักเล็กน้อยเหมือนจะอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายไม่ได้พูด ถังซ่งคล้ายจะรู้ทันความคิดเธอ “คุณสบายใจได้ คุณไม่บอกผมก็จะดูแลเขาให้ดี”


ไป๋ซู่เย่ทำเพียงแค่ยิ้ม เปิดประตูเผลอหันไปมองบานประตูสุดทางเดินที่ปิดสนิทโดยไม่รู้ตัว นึกถึงชายหนุ่มที่อยู่ในห้องนั้น ท้ายที่สุดแค่ถอนสายตากลับมาเตรียมไปจากที่นี่


ขอแค่เขาปลอดภัย…ก็พอ…


ลูกกระสุนที่อยู่ในหัวใจนั่น ถังซ่งจะต้องหาทางได้แน่ๆ…


ไป๋ซู่เย่พูดปลอบตัวเองอยู่อย่างนั้นและเดินไปข้างนอก แต่เพิ่งเดินไปได้สองก้าวกลับได้ยินเสียงฝีเท้าอย่างพร้อมเพรียงจากด้านหลัง จากนั้นทางของเธอก็มีคนขวางไว้


 “รัฐมนตรีไป๋ เกรงว่าคุณต้องอยู่ที่นี่ไปชั่วคราวแล้ว” หยูอันเดินไปตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าเย็นชาดังเดิม


ไป๋ซู่เย่เงยหน้ามองเขา “คุณกลัวว่าฉันจะเปิดเผยความเคลื่อนไหวของพวกคุณเหรอ?”


“ไม่แปลกที่จะกังวลเรื่องนี้หรอกใช่ไหม? ก่อนที่นายท่านเราจะอาการคงที่ ผมว่าคุณคงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน”


ไป๋ซู่เย่ครุ่นคิดชั่วขณะและพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ได้ ฉันยอมอยู่”


ทางปลัดกระทรวงเธอไม่จำเป็นต้องรายงานอย่างละเอียด อีกอย่างอยู่ต่อไปเธอจะได้ถามที่มาที่ไปของเรื่องการดักฟังในครั้งนี้กับถังซ่งและหยูอัน


ไป๋ซู่เย่มองหยูอัน “พวกคุณกักบริเวณฉัน ถ้าไม่อยากเกิดความเดือดร้อนต้องให้ฉันติดต่อลูกน้องฉันก่อน”


หยูอันมองเธออย่างระแวงแวบหนึ่ง “อย่าคิดตุกติก!”


จากนั้นหันกลับไปสั่งคนที่ตามมา “พาเธอไป ให้คนเตรียมห้องให้ดี!”


 “ครับ รัฐมนตรีไป๋ เชิญตามผมมาเลย!”


……………………


ไป๋ซู่เย่ไม่ได้คิดมาก เดินตามคนของหยูอันไป


ทั่วอาณาบริเวณนี้ถูกพวกเขาปิดกั้นสัญญาณไว้ทำให้โทรศัพท์ของเธอโทรออกไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรกลัวก็แต่ไป๋หลางที่อยู่ทางนั้นจะเริ่มกระวนกระวายแล้ว


ไป๋ซู่เย่ถูกนำมายังห้องหนึ่ง อาจเป็นเพราะระแวงเธอทำให้ห้องของเธออยู่ห่างจากห้องเย่เซียวอย่างมาก เย่เซียวอยู่เรือนหลักส่วนเธออยู่เรือนสำรอง แต่พอเปิดม่านหน้าต่างก็เห็นหน้าต่างห้องของเขาได้บ้างไกลๆ แต่ห้องของเขาปิดหน้าต่างรวมถึงผ้าม่านไม่ปล่อยให้เห็นแสงข้างในสักนิดเดียว


ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง…


ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว เขาน่าจะหลับอีกครั้งแล้วสินะ…


ทั้งที่ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นแต่เธอกลับนั่งอยู่ขอบหน้าต่างอย่างดื้อดึง มองบานหน้าต่างนั่นนิ่งจนเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งที่ในหัวเธอยังเต็มไปด้วยแววตาเกลียดชังของเขารวมถึงถ้อยคำเหยียดหยามนั่น


ในสายตาของเย่เซียว เธอเป็นเพียงคนหนึ่งที่ต่ำต้อยไร้ค่าเท่านั้น


ไป๋ซู่เย่ยิ้มขมขื่น ดวงตาที่จดจ่อกับบานหน้าต่างนั่นอดไม่ได้ที่จะแดงระเรื่อ


ทันใดนั้นเองประตูห้องก็ถูกเคาะเสียงดัง


“เข้ามา” เธอปรับสีหน้าให้จริงจังและลงจากขอบหน้าต่าง


ประตูถูกเปิดจากข้างนอก ลูกน้องของเย่เซียว หลี่สือได้เอาโทรศัพท์ที่ผ่านการจัดการพิเศษเข้ามา “ใช้อันนี้ติดต่อลูกน้องคุณได้ แต่เราจะดักฟังทั้งหมดด้วย ฉะนั้นอย่าคิดตุกติก”


หลี่สือคนนี้ไป๋ซู่เย่ก็รู้จักเช่นกัน


รู้จักกันมาตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว


 “ขอบคุณ” เธอรับโทรศัพท์ไปโดยบอกเขาไปพลาง “ต่อให้พวกคุณไม่ดักฟัง ฉันก็ไม่มีทางปล่อยข่าว”


สีหน้าหลี่สือเรียบนิ่ง “คุณมีเวลาคุยแค่หนึ่งนาที”


ไป๋ซู่เย่พบว่าความจริงมันเปล่าประโยชน์ที่ตนจะอธิบายกับพวกเขา การทรยศหักหลังเมื่อสิบปีก่อนจดจำฝังใจ หลังเกิดผลที่ย่ำแย่ขนาดนั้น ที่นี่ไม่มีใครยอมเชื่อเธออีกแม้แต่คนเดียว


เธอไม่พูดพร่ำทำเพลง แค่รีบกดเบอร์โทรหาไป๋หลาง


รอสายไม่นานไป๋หลางก็รับสาย “รัฐมนตรี ใช่คุณไหม?”


 “ฉันเอง”


ได้ยินเสียงของเธอ ไป๋หลางถึงพรูลมหายใจออกมายาว “ในที่สุดคุณก็โทรมาสักที! ถ้าคุณยังไม่ออกมาผมจะแจ้งกระทรวงแล้ว”


 “นายอย่าวู่วามนะ!” ไป๋ซู่เย่จริงจัง “ไป๋หลาง คืนนี้นายไม่ต้องรอฉัน ฉันคงไม่กลับไปชั่วคราว”


ไป๋หลางถามอย่างระแวง “หมายความว่ายังไงครับ?”


 “ฉันอาจจะอยู่ที่นี่ไปสักสองวัน”


 “คุณถูกพวกเขากักบริเวณ?!” ไป๋หลางเลิกเสียงสูง “พวกเขาได้ใจเกินไปแล้ว กล้าลักพาตัวคุณ!”


 “นายใจเย็นหน่อย!” ไป๋ซู่เย่ขมวดคิ้ว “ฉันยอมเอง ถ้าทางกระทรวงถามนายอย่าพูดอะไร แค่บอกว่าฉันกำลังทำภารกิจ รายละเอียดรอฉันกลับไปค่อยรายงาน”


ไป๋หลางยังคงเป็นห่วง “อันตรายไหม?”


 “ถ้ามีอันตราย ฉันคงติดต่อนายไม่ได้หรอก” ไป๋ซู่เย่ไม่ได้บอกเรื่องที่ตนบาดเจ็บตรงไหล่ไป หากไป๋หลางรู้เข้าคงใจเย็นไม่ลง


เธอไม่อยากสร้างเรื่องอีก


ไป๋หลางรู้ว่าตนควบคุมความคิดเธอไม่ได้ สุดท้ายกล่าวเพียง “ไม่ว่ายังไงคุณต้องระวังตัวให้ดี”


หนึ่งนาทีถึงแล้ว โทรศัพท์ถูกตัดสายจากข้างนอก


ไป๋ซู่เย่ไม่ได้ชักช้าขณะคืนโทรศัพท์ให้หลี่สือ หลี่สือไม่แม้แต่จะถามสักประโยคก็หันหลังเดินออกไป จากนั้นก็มีคนรับใช้เอาเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาส่ง


ที่นี่มีพยาบาลและคุณหมอที่รูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับเธอ คิดว่าคงเป็นชุดที่เตรียมไว้ให้สำหรับพวกเธอก่อนหน้านี้


ไป๋ซู่เย่อาบน้ำโดยหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนแผลตรงไหล่


……………………………………


ตอนที่ 687 โซ่ตรวนรัก (2)

โดย

Ink Stone_Romance

ไป๋ซู่เย่อาบน้ำโดยหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนแผลตรงไหล่ ไม่ว่าจะแผลหรือนิ้วมือที่ถูกหักล้วนเจ็บอย่างมาก


ตอนเที่ยงคืนเธอทิ้งตัวนอนบนเตียง สิบวันนั้นในต่างประเทศที่ได้นอนอยู่บนเตียงไม่คุ้นเคยทุกคืน เห็นหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคยก็รู้สึกหัวใจว่างเปล่า พลิกตัวไปมายากจะหลับใหล ตอนนี้นอนอยู่ที่นี่มองหน้าต่างตรงข้าม รู้สึกได้ถึงความเจ็บตรงไหล่ ความว่างเปล่าในใจกลับลดน้อยลง เธอหลับตากระชับผ้าห่มให้ตัวเองผล็อยหลับไป


กลางดึก


จู่ๆ ก็เจ็บแผลอย่างรุนแรงทำให้เธอค่อยๆ ตื่นขึ้นมาสะลืมสะลือโดยหลงคิดว่ายังอยู่ในบ้านตน พอเอียงหัวมองไปนอกหน้าต่าง เห็นหน้าต่างบานนั้นที่เปิดม่านขึ้นพร้อมไฟในห้อง เธอถึงรู้ตัวว่ากำลังอยู่ที่ใด


วินาทีถัดมายิ่งตกใจหนักเข้าไปใหญ่


ห้องที่เย่เซียวพักอยู่กลับเปิดหน้าต่าง!นี่ชักจะแปลกเกินไปแล้ว!ในเวลาฉุกเฉินแบบนี้หน้าต่างทุกบานล้วนกันกระสุน ความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายหากเปิดหน้าต่างจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องบอก


กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ไป๋ซู่เย่รีบเด้งตัวลุกจากเตียงอย่างไม่รอช้า ควักเลนส์ส่องทางไกลขนาดเล็กที่พกติดตัวเสมอจากหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเพื่อส่องไปที่ห้องนั้น


ในห้องมีคนมากมายเดินเข้าออก และเป็นคุณหมอเสื้อกาวน์สีขาวทั้งหมด


เธอจำถังซ่งได้


ข้างเตียงมีหยูอันยืนอยู่


ฉะนั้น…เย่เซียวเป็นอะไร?


ไป๋ซู่เย่นึกถึงคำที่ถังซ่งบอกว่าหันกระสุนยังทิ้งอยู่ในหัวใจเขา หน้าอกเริ่มบีบรัด


ความกังวลต่างๆ ทำให้เธอเปิดประตูออกไปอย่างเร่งด่วนจนไม่ทันใส่เสื้อคลุมตัวนอกโดยใส่แค่ชุดนอนที่พวกเขาเตรียมไว้ให้กับรองเท้าแตะคู่เดียว


วิ่งออกจากเรือนรองถึงเห็นว่าฝนกำลังตก ลมหนาวที่มาพร้อมกับสายฝนกระหน่ำ ราวกับใบมีดที่กรีดกรายลงมา ในฤดูนี้อุณหภูมิที่ต่ำลงเรื่อยๆ ทำให้อากาศหนาวเย็นนั่นซึมเข้าแผลจนรู้สึกเจ็บราวกับถูกบดขยี้หัวใจ แต่เธอไม่ได้ลังเล ฝ่าฝนวิ่งไปที่เรือนหลักอย่างรีบร้อนใจ


……………………


เธอขึ้นไปชั้นสามโดยตรง


ตีสามที่ชั้นสามมีทหารเฝ้าเวรอยู่เช่นเคย เดิมทีคิดว่าจะถูกคนขวางไว้แต่หลี่สือแค่มองเธอแวบเดียวและไม่ได้ห้ามเธอ


เธอผลักประตูสับเท้าเดินไป


ได้ยินเสียงทุ้มของถังซ่งกำลังคุยกับผู้ช่วยข้างๆ “เกิดอาการหัวใจเต้นผิดปกติ เปิดหน้าต่างให้กว้างที่สุดให้อากาศถ่ายเทตลอดเวลา เปิดประตูด้วย!หยูอัน พวกนายออกไปให้หมด อย่ายืนใกล้หัวเตียงเขา!”


น้ำเสียงของถังซ่งหนักอึ้งมาก แค่ฟังน้ำเสียงนี้ไป๋ซู่เย่ย่อมรู้ได้ทันทีว่าอาการของเขาไม่สู้ดีนัก


หยูอันรับคำ เดิมทีจะหันหลังไปเปิดประตูแต่เหลือบเห็นไป๋ซู่เย่ที่ยืนตรงหน้าประตูพอดี หยูอันที่ตาแดงเพราะเส้นเลือดฝอยและหัวใจที่แทบจะหมดเรี่ยวแรง ทั้งเห็นเธอวิ่งมาในสภาพผมกับเสื้อผ้าเปียกโชกก็ไม่มีใจจะขับไล่เธอ แค่เอ่ยปากพูดประชด “คุณกระตือรือร้นกว่าใครเลยกับสถานการณ์นี้ของนายท่าน”


ไป๋ซู่เย่ไม่คิดจะเกิดความบาดหมางกับเขาในเวลานี้ แค่เปิดประตูตามคำสั่งของถังซ่ง ถามหยูอันเสียงเบา “เขา…เป็นยังไงบ้าง?”


 “ไม่ดีเท่าไหร่อย่างที่คุณหวังไว้”


 “…” สายตาของไป๋ซู่เย่มองเลยหยูอันไปยังชายหนุ่มที่นอนสะลึมสะลือบนเตียง


ตำแหน่งหัวใจของเขาคล้ายจะทรมานมาก มือใหญ่กุมหน้าอกไว้ตลอดต่อให้ตรงนั้นจะมีแผลก็ตามเขาไม่ได้ผ่อนแรงเลยสักน้อย ใบหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาดขณะนี้เต็มไปด้วยเหงื่อ


ไป๋ซู่เย่หอบหายใจหนัก เธอยืนมองห่างออกไปหลายเมตรแต่ราวกับรู้สึกไปพร้อมกัน หน้าอกอึดอัดจนหายใจไม่ออก


แพขนตาเธอสั่นไหว ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว


หยูอันมุ่นคิ้วแทบจะยกแขนขึ้นขวางเธอไว้โดยอัตโนมัติ ไป๋ซู่เย่ชะงักฝีเท้าและดันมือเขาออกไปช้าๆ “ฉันไม่มีทางทำร้ายเขา…”


คำพูดนี้บอกหยูอันแต่สายตากลับจดจ่ออยู่ที่เย่เซียวตลอดเวลา


หยูอันเพ่งสายตามองเธออีกสองที แววตาของเธอมีหลากหลายอารมณ์กำลังพลุ่งพล่านอยู่ เป็นห่วง ปวดใจ ดื้อรั้นหรือแม้แต่…รัก ล้วนทำให้เขาตกใจ ผู้หญิงคนนี้…ไม่ว่าจะเมื่อสิบปีก่อนหรือสิบปีหลัง ยังคง…เก่งเรื่องการแสดงไม่มีผิด!ความรู้สึกที่เธอหลอกลวงไปไม่ได้มีเพียงความรัก มิตรภาพเธอก็ทอดทิ้งมันได้


ต่อให้เช่นนั้นหยูอันกลับไม่ได้ขวางเธอไว้อีก มีคนอยู่ตั้งมากมายเธอไม่มีทางทำร้ายเย่เซียวได้


……………………


ถังซ่งฉีดยาให้เย่เซียวไปหลายเข็ม สีหน้าเจ็บปวดของเย่เซียวถึงถึงคลายตัวลงเล็กน้อย


ถังซ่งถอนหายใจ หันกลับไปก็เห็นไป๋ซู่เย่


 “คุณมาได้ยังไง?”


อีกอย่างยังอยู่ในชุดนอนกับผมที่เปียกอยู่หน่อยๆ


 “เขาเป็นยังไงบ้าง?”


ถังซ่งส่ายศีรษะ “หัวกระสุนที่ทิ้งไว้ในร่างกายทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ ปวดหัวใจ อาการไม่ถือว่าดี เมื่อกี้ฉีดยาระงับอาการกับแก้ปวดไป แผลปริอีกแล้ว ต้องทำแผลใหม่”


ถังซ่งพูดไปพลางหยิบกรรไกรตัดผ้าพันแผลที่ชุ่มด้วยเลือดออก


ใต้ผ้าพันแผลมีรอยแผลที่ปริให้เห็นเนื้อข้างใน ทำให้ลมหายใจเธอสั่นระริกน้อยๆ แผลตรงไหล่เธอเมื่อเทียบกับแผลบนตัวเขาแล้วไม่นักหนาอะไรเลย รอยแผลกระสุนบนตัวเขาล้วนอยู่ในจุดเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตทั้งนั้น…


 “นี่ก็ดึกแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะ ตอนนี้คุณก็เป็นคนเจ็บเหมือนกัน แผลต้องใช้เวลารักษาตัว”


ถังซ่งทำแผลอย่างชำนาญมือพร้อมคุยกับเธอไปด้วย


ไป๋ซู่เย่ยืนอยู่ข้างเตียง ใช้แขนข้างเดียวกอดตัวเองไว้โดยทิ้งสายตาไว้บนตัวเขานิ่ง สักพักถึงกล่าว “ฉันไม่ง่วง”


ถังซ่งหันข้างมองเธอแวบหนึ่ง ความห่วงใยในสายตาของเธอฉายออกมาอย่างปิดไม่มิด


สุดท้ายได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา “ถ้าตอนนี้คุณแสดงละครอยู่จริงๆ เสียดายนะที่ไม่ชิงรางวัลออสก้า”


ไป๋ซู่เย่ไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเขา ถามเพียง “ตอนนี้อาการเขาคงที่หรือยัง?”


 “ยัง”


 “แล้ว…”


 “หัวกระสุนติดในร่างกายมันจะติดเชื้อได้ง่าย เพิ่งเป็นไข้ไปตอนนี้ไข้ลดไปหน่อยแล้ว แต่กลางดึกน่าจะไข้ขึ้นอีก ผมต้องอยู่เฝ้าตลอดเวลา คืนนี้ทุกคนไม่น่าจะได้นอนกัน” ถังซ่งเบ้ปากอย่างนึกเสียใจทีหลัง “ผมไม่น่าตัดสินใจพาคุณมาเองเลย เห็นคุณแล้วไม่ได้เกิดผลดีกับแผลของเขาสักนิด ตอนนี้กลับแย่ลง ครั้งนี้ถ้าเขาเป็นอะไรไปจริงๆ ผมคือฆาตกร ส่วนคุณคือผู้สมรู้ร่วมคิด”


 “คุณทำเสร็จก็ไปนอนเถอะ ฉันอยู่เฝ้าเขาเอง มีอะไรค่อยเรียกคุณ”


 “คุณ?” ถังซ่งชำเลืองมองเธอวูบหนึ่งก่อนส่ายหน้า “ช่างเถอะ ให้คุณอยู่จริงๆ ต้องสร้างปัญหาให้ตัวผมแน่ๆ คุณยังเป็นคนเจ็บอยู่นะ ไปนอนไป อย่าให้ผมต้องมาดูแลสองคน”


 “ฉันอยู่เฝ้าเอง” ไป๋ซู่เย่ตอบกลับอย่างดื้อดึง


ถังซ่งอดมองเธออีกสองทีไม่ได้ “คุณคงไม่ได้มีเป้าหมายอื่นหรอกนะ?”


ไป๋ซู่เย่ใจเย็นวาบ ความรู้สึกที่ถูกสงสัยความจริงเธอชินชากับมันตั้งนานแล้ว แต่ก็รู้สึก…แย่มากอยู่ดี…


……………………………


ตอนที่ 688 โซ่ตรวนรัก (3)

โดย

Ink Stone_Romance

สุดท้ายถังซ่งพยักหน้าตัดสินใจเองให้ไป๋ซู่เย่อยู่ต่อ


อาจเป็นเพราะความรักที่แยกไม่ออกว่าจริงหรือปลอมที่ฉายออกทางแววตาของเธอ หรืออาจเป็นเพราะความเหนื่อยที่สั่งสมมาทั้งวันของเขา หลายวันนี้เขาเครียดตึงตลอดเวลาแทบไม่เคยผ่อนคลายสักชั่วยาม ตอนนี้มีคนคอยเฝ้าเย่เซียวแทนตน ก็ไม่แย่


ถังซ่งทำแผลเสร็จออกไปแล้ว


ก่อนไปมองเธอแวบหนึ่ง พยักพเยิดปลายคางไปที่ห้องอาบน้ำข้างๆ “ถือโอกาสที่ตอนนี้อาการของเขายังคงที่ คุณเข้าไปเปลี่ยนชุดข้างในนั่นก่อน เช็ดผมด้วย ใส่เสื้อเย่เซียวก่อนแล้วกัน เสื้อของเขาอยู่ในตู้ด้านนั้น”


ไป๋ซู่เย่พยักหน้ารับยืนส่งถังซ่งออกไป


หลังถังซ่งออกไปภายในห้องจึงเหลือเพียงเธอกับเย่เซียวสองคน


เปิดหน้าต่างปล่อยให้ลมข้างนอกพัดเข้ามา เสื้อที่เปียกโชกของเธอแนบกายยิ่งขับให้หนาวเหน็บกว่าเดิม ถ้าอยู่อย่างนี้ต่อไปกลัวว่าจะเป็นหวัดเข้าจริงๆ หากแผลเธอติดเชื้ออาการจะยิ่งแย่ลง


ไป๋ซู่เย่เงียบไปชั่วครู่ ตามองชายหนุ่มบนเตียงที่หัวคิ้วเริ่มคลายตัวลงแวบหนึ่ง เดินย่องเข้าไปเบาๆ เพื่อดึงผ้าห่มคลุมตัวเขาให้ดี


สายตาของเธอทิ้งอยู่บนใบหน้าเขาพักใหญ่ พาลนึกถึงเรื่องราวในอดีตมากมายขึ้นมารางๆ พวกเธอในวันนี้อาจจะเผชิญหน้ากันได้อย่างสงบแค่ตอนที่อีกฝ่ายหลับใหลเท่านั้นกระมัง


ระหว่างพวกเธอ วาดฝันอนาคตไม่ได้…


ในใจอดรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้


กลัวอารมณ์นี้จะพลุ่งพล่านกว่าเดิมเธอจึงไม่ได้คิดต่อ ลุกขึ้นเปิดตู้เสื้อผ้าของเขาพบว่าข้างในเต็มไปด้วยเสื้อเชิ้ตกับเสื้อสูทเรียงเป็นแถว ตู้ข้างๆ ถึงจะเป็นชุดนอนของเขา


ไป๋ซู่เย่เลือกหยิบตัวใหม่มาลวกๆ หมุนตัวเข้าไปในห้องน้ำ


ถอดชุดนอนที่เปียกโชกบนตัวลงก่อนสวมใส่ของเขา เขาตัวสูงขนาดนั้นจึงทำให้ชุดนอนหลวมโคร่ง พออยู่บนตัวเธอยิ่งขับให้เธอดูตัวเล็กอ้อนแอ้นกว่าเดิม เธอยืนตรงหน้ากระจกหยิบไดร์เป่าผมที่เปียกปอน ยิ้มขมขื่นให้ตัวเองที่สะท้อนบนกระจก เมื่อก่อนตอนอยู่กับเย่เซียวเธอจะชอบแอบเอาชุดนอนเขามาสวมใส่ทุกครั้งที่เขาไม่อยู่ข้างกายเพราะไปปฏิบัติภารกิจ เธอชอบให้กลิ่นของเขาโอบล้อมบนตัวเธอ ความรู้สึกอย่างนั้นราวกับว่าเขาอยู่ข้างกายตน


ไป๋ซู่เย่ตกอยู่ในภวังค์พลางหยิบผ้าขนหนูเช็ดผมตัวเองไปเป่าผมไป ทันใดนั้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากข้างนอกทำให้เธอขมวดคิ้วน้อยๆ แทบจะปิดไดร์เป่าผมทันที อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเนืองๆ


อีกทั้งเสียงฝีเท้ากำลังมุ่งตรงสู่ห้องน้ำที่เธออยู่


ใคร?


คิ้วเรียวของเธอย่นเข้าหากัน เปิดประตูฉับพลัน คนข้างนอกคล้ายคิดไม่ถึงว่าจะมีคนอยู่ข้างใน เห็นเธอก็อึ้งไปชั่วขณะ


วินาทีถัดมาดวงตาที่พร่ามัวมองไม่ชัดคู่นั้นหรี่ลง หลากหลายอารมณ์ฉายผ่านแววตาคู่นั้น คล้ายว่าเขาเริ่มแยกไม่ออกว่าภาพตรงหน้านั้นตนกำลังฝันไปหรือเป็นความจริง


 “เย่เซียว?” ไป๋ซู่เย่เองก็ตกใจนิ่งไปพักหนึ่งถึงเอ่ยขานชื่อนี้จากปากได้ บนตัวเขาเป็นชุดสำหรับผู้ป่วยสีขาวตัวใหญ่และบนหลังมือเสียบยาแก้อักเสบไว้อยู่ ราวเหล็กถูกเขาเคลื่อนมาด้วย เนื่องด้วยเมื่อสักครู่เขาเพิ่งไข้ขึ้นทำให้ใบหน้าขาวซีดขึ้นสีระเรื่อจางๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุด…


 “ถังซ่งฉีดกล่อมประสาทให้คุณไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณถึงตื่นเอาตอนนี้ได้ล่ะ?” เธอวางผ้าขนหนูกับไดร์เป่าผมในมือลง


ในที่สุดเย่เซียวก็เริ่มแยกความจริงกับความฝันออกได้แล้ว พูดประชดเสียงเย็น “ผมไม่ได้นอนหลับไปตลอดกาล ทำให้คุณผิดหวังงั้นเหรอ?”


เป็นความจริงที่ยาสงบฉีดลงไปทำให้เขาหมดเรี่ยวแรง แต่ตั้งแต่เล็กจนโตผ่านการฝึกฝนสุดโหดมามากนักทำให้เขาประคองสติได้เป็นอย่างดี ยากล่อมประสาทแค่นั้นยังทำให้เขาหมดสติไม่ได้หรอก


ไป๋ซู่เย่ไม่อยากทะเลาะกับเขาเลยไม่ได้ตอบกลับเขา แค่ยกมือวัดอุณหภูมิหน้าผากเขา มืออ่อนนุ่มทาบทับเข้ามาพร้อมกลิ่นหอมประจำตัวเธอทำให้เขาหายใจติดขัดและรู้สึกสติวูบโหวงไปชั่ววูบ โดยเฉพาะบนกายเธอในเวลานี้ยังใส่ชุดนอนของเขาอยู่…


ผมยาวที่ทิ้งบนไหล่ลวกๆ…


ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ามีเพียงเชือกตรงเอวที่ผูกไว้ไม่แน่นหนาเท่าไรเผยให้เห็นเอวคอดเล็กของเธอ บริเวณอกที่เปิดกว้างเผยให้เห็นไหปลาร้าแสนเซ็กซี่วับๆ แวมๆ ผิวขาวเนียนทั้งเย้ายวนและกระตุ้นอารมณ์


เธอไม่รู้หรือว่าการที่ผู้หญิงใส่เสื้อผ้าผู้ชายมันบ่งบอกอะไร? นั่นเป็นการยั่วยวนที่แนบเนียนและได้ผลดีที่สุด! หรือว่าคืนนี้เธอจงใจ!


เย่เซียวเกลียดความรู้สึกที่ถูกเธอปั่นหัว ขมวดคิ้วจับมือเธอที่ทาบหน้าผากลง กล่าวด้วยเสียงหงุดหงิด “ไสหัวไป! ให้เวลาคุณหนึ่งนาที หายไปจากสายตาของผม!”


แม้จะเป็นเพียงเสียงคำรามทุ้มต่ำแต่เสียงกลับแหบแห้งและฟังดูอ่อนแรงเล็กน้อย ในเมื่อยากล่อมประสาทก็ออกฤทธิ์อยู่บ้าง


มือของไป๋ซู่เย่ถูกเขาสะบัดทิ้งจนเธอครางฮึมด้วยความเจ็บที เผลอกุมนิ้วที่ถูกเขาหักเมื่อก่อนหน้าไว้โดยไม่รู้ตัว


หน้าผากสวยชื้นด้วยเหงื่อบางๆ


ขณะนั้นเย่เซียวเองก็เริ่มจับผิดสังเกตได้ เพียงแต่คิดว่าแรงสะบัดของเขาเมื่อสักครู่ไปโดนแผลยิงบนไหล่เธอเข้า สีหน้าคลายลงวินาทีเดียวแต่ก็รีบเกร็งใบหน้าในวินาทีถัดไป เอ่ยปากพูดเสียงเรียบ “ถ้าไม่อยากโดนอีกนัด ก็อย่ามารังควานผม!”


 “ฉันสัญญากับถังซ่งว่าคืนนี้จะอยู่ดูแลคุณที่นี่” ไป๋ซู่เย่เก็บความรู้สึกเจ็บเมื่อกี้ไว้แล้ว สีหน้ากลับสู่ความเรียบนิ่งก่อนหน้า “คุณจะเข้าห้องน้ำใช่ไหม ถ้าใช่ เข้ามาสิ ฉันไปหยิบเครื่องวัดอุณหภูมิมาให้คุณ”


ปล่อยเย่เซียวเดินเข้าห้องน้ำ เธอหันหลังเตรียมเดินออกไปเพราะไม่อยากทะเลาะกับเขา สภาพร่างกายและพละกำลังของเขาไม่อนุญาต


แต่ขณะที่ทั้งคู่เดินสวนไหล่กัน เย่เซียวคว้าข้อแขนเธอไว้ด้วยมือเดียว “สัญญากับถังซ่งว่าจะดูแลผม คุณดูแลผมอย่างนี้เหรอ?”


สายตาของเขากวาดมองผ่านตัวเธอ “วิ่งโร่มาที่ห้องผมในสภาพผมเปียกปอน เปลี่ยนเป็นชุดนอนของผม รัฐมนตรีไป๋ ขอถามคุณสักประโยคสิ นี่กำลังดูแล หรือว่า…กำลังยั่ว?”


คำสุดท้ายเขากัดฟันแน่น


ไป๋ซู่เย่รู้ว่าเขาแค่อยากพูดเหยียดหยามตนอีก ไม่ได้โกรธแต่กลับหัวเราะ หัวเราะอย่างน่าหลงใหล “ที่แท้คุณเย่เซียวยั่วง่ายขนาดนี้เชียว แค่ใส่เสื้อผ้า ไม่ต้องทำอะไรก็ยั่วคุณได้แล้วเหรอ?”


“ไม่ได้จริงๆ!” เย่เซียวโอบเอวด้านหลังเธอไว้กระชับแขนรั้งตัวเธอเข้าไปใกล้ บนตัวเขาเต็มไปด้วยกลิ่นยารุนแรงรวมถึงกลิ่นคาวเลือด ไป๋ซู่เย่มุ่นคิ้วเพราะเป็นห่วงว่าเขาจะใช้แรงเกินไปจนกระตุกโดนแผลอีก ได้แต่ยืนตัวเกร็งไม่กล้าขัดขืน เขามองเธอด้วยสายตาเย้ยหยัน เสียงแหบแห้งพ่นถ้อยคำร้ายกาจออกมา “เหมือนคราวก่อน ถอดเสื้อผ้าคลานขึ้นบนเตียงผมเอาใจผม บางทีผมอาจจะยอมมองคุณอีกสักหน่อย”


ไป๋ซู่เย่ยังคงยิ้มมองเขา “ฉันรู้”


เย่เซียวใจว้าวุ่นเพราะรอยยิ้มของเธอ “คุณรู้อะไร?”


 “รู้ว่าตอนนี้คุณก็ได้แค่มองเท่านั้น เจ็บขนาดนี้ทำอะไรก็ไม่ได้ ใครยั่วคุณก็แค่เป็นการเสียแรงเปล่า ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น”


 “ไป๋ซู่เย่!” เย่เซียวกัดฟันกรอด ผู้หญิงคนนี้กำลังดูถูกเขา?


……………………………


ตอนที่ 689 โซ่ตรวนรัก (4)

โดย

Ink Stone_Romance

 “ไป๋ซู่เย่!” เย่เซียวกัดฟันกรอด ผู้หญิงคนนี้กำลังดูถูกเขา?


 “คุณปล่อยฉันก่อน” ไป๋ซู่เย่แกะมือของเย่เซียว “เมื่อกี้ตอนมาจากเรือนรอง ข้างนอกฝนตกชุดนอนฉันเลยเปียก เลยขอยืมเสื้อผ้าคุณใส่ก่อนชั่วคราว ถ้าคุณไม่ชอบ รอคุณเข้าห้องน้ำเสร็จฉันเปลี่ยนกลับก็ได้ ตอนนี้คุณปล่อยฉัน ไปเข้าห้องน้ำ ฉันจะไปหยิบเครื่องวัดอุณหภูมิให้คุณ”


 “คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณกำลังพูดอยู่กับใคร?” ผู้หญิงคนนี้กลับใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง


 “คุณจะเอาปืนยิงฉันอีกเหรอ?” ไป๋ซู่เย่จับมือเขาที่วางบนเอวตนลงมา “ตอนนี้คุณเจ็บหนักขนาดนี้ ไหนจะโดนฉีดยากล่อมประสาทอีก ถ้าคิดจะเอาปืนยิงฉันคงไม่ง่ายขนาดนั้น มีความเป็นไปได้มากว่าฉันจะทำให้คุณได้แผล”


เย่เซียวแค่นเสียงเย็นชา “ถ้าคุณกล้าทำอะไรผม ยังไม่ทันเดินออกจากห้องนี้คุณก็จะถูกรุมทึ้งไม่เหลือชิ้นดี!”


ไป๋ซู่เย่ใช้นิ้วจิ้มผ้าพันแผลบนอกเขาทีหนึ่ง เย่เซียวร้องออกมาด้วยความเจ็บพลางกุมหน้าอกไว้ถลึงตาวาวโรจน์จ้องเธอ


 “คุณกล้าท้าทายผม?”


“อือฮึ ฉันก็ไม่เห็นโดนรุมทึ้งอะไรนี่” ไป๋ซู่เย่เลิกคิ้วสูง หันหลังปิดประตูห้องน้ำออกไป


 “ไป๋ซู่เย่!”


ด้านในของประตูเป็นเสียงกัดฟันกรอดของเขาที่ฟังดูจะอ่อนแรงสักหน่อย


ไป๋ซู่เย่พรูลมหายใจออกมายาวๆ อย่างที่คิดไม่มีผิดว่าระหว่างพวกเขามีเพียงตอนเขาหลับใหลเท่านั้นถึงจะไม่ทะเลาะกัน ตื่นมาก็ได้แต่ทรมานกันและกันเท่านั้น


เมื่อครู่ความจริงเธอไม่ได้ใช้แรงมากมายจิ้มแผลเขาแถมจงใจหลีกเลี่ยงปากแผลเขาให้มากที่สุด แต่…ไม่มั่นใจเลยว่าโดนแผลเขาหรือไม่


เธอไม่ได้รออะไร หยิบเครื่องวัดอุณหภูมิจากลิ้นชักออกมา


รออยู่ริมหน้าต่างสักครู่เย่เซียวถึงออกมาจากข้างใน อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของยากล่อมประสาทที่ทวีความรุนแรงขึ้นทำให้ฝีเท้าของเขาเริ่มช้าลง เธอเดินไปใช้มือหนึ่งช่วยจับเสาน้ำเกลือ อีกมือพยุงเขา


ไออุ่นและร่างกายอ่อนนุ่มของเธอแนบชิดเข้ามา เย่เซียวรู้สึกเพียงร่างกายยิ่งอ่อนแรงลงเรื่อยๆ


ปลายคางวางซ้อนบนไหล่เธอและตั้งใจหลบไม่ให้โดนแผลไหล่ขวาของเธอ ตาค่อยๆ ปิดลงจนสนิท


 “เย่เซียว?” ไป๋ซู่เย่เรียกเขาเบาๆ


เขาแค่ทิ้งร่างพิงเธอไว้ไม่มีเสียงตอบกลับ


หน้าหันข้างเล็กน้อยก่อนจะซุกเข้ากลุ่มผมหอมอ่อนๆ ของเธอ


ไป๋ซู่เย่ร่างสะท้าน หัวใจสั่นไหวรุนแรง เมื่อครู่…ปากของเขาเลื่อนผ่านผิวกายเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่เป็นปากที่แห้งและเย็นเฉียบ แต่…กลับทิ้งความร้อนผ่าวไว้บนผิวกายเธอเสียอย่างนั้น…


เธอถอนหายใจอย่างเอือมระอา


ยั่วยวน?


ถ้าจะบอกว่ายั่วยวน น่าจะเป็นเขาเสียมากกว่าหรือเปล่า?


 “คุณ…หลับแล้วเหรอ?” ไป๋ซู่เย่ถามเสียงเบา


เสียงที่ตอบกลับมีเพียงเสียงหายใจของเย่เซียว รวมถึง…สองแขนที่จู่ๆ ก็โอบกระชับกอดเอวเธอแน่น…


ไป๋ซู่เย่รู้สึกแสบที่ปลายจมูก น้ำตาเอ่อคลอทันใด


 “ไป๋ซู่เย่…”


เขาที่ไม่ตอบอะไรมาตั้งแต่ต้นจู่ๆ ก็พึมพำเรียกชื่อเธอ


เธออยากตอบรับ


แต่ลำคอกลับเหมือนถูกสำลีอุดไว้ พักใหญ่ที่นอกจากเสียงหอบหายใจหนักอึ้งกลับไม่สามารถเอื้อนเอ่ยสักคำออกมาได้ ได้ยินเพียงเสียงแหบแห้งของเขาถามต่อ “ทำไม…ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้?”


 “ถ้าฉันบอกว่าฉันเปล่า…คุณจะเชื่อไหม?” เสียงของไป๋ซู่เย่ก็แหบแห้งเช่นกัน เธอสูดหายใจหนักๆ “ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณถูกดักฟัง…”


 “ไม่รู้เหรอ?” ใบหน้าที่ซุกในกลุ่มผมเธอไม่เคยยกเงยขึ้น “เครื่องดักฟังถูกติดตั้งไว้มิดชิดขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะไม่ทันระวัง คิดว่าตอนนี้เราเองก็ยังไม่เจอ…”


ไป๋ซู่เย่หายใจติดขัด “คุณคิดว่า ฉันเป็นคนติดตั้งเครื่องดักฟัง?”


 “นอกจากคุณ ผมคิดไม่ออกว่าจะเป็นใครอีก…”


เธอหัวเราะที หางตากลับมีน้ำตาซึม


 “เย่เซียว คุณฟังให้ดี ฉันจะบอกแค่ครั้งเดียวและเป็นครั้งสุดท้าย ฉันไม่รู้ว่าคุณเจอเครื่องดักฟังที่ไหน ฉันยิ่งไม่รู้เลยว่าเครื่องดักฟังได้ยินอะไรมาบ้าง แต่ฉันไม่ใช่คนติดตั้งเครื่องดักฟัง ถ้าฉันเป็นคนทำจริงๆ ฉันไม่มีวันปฏิเสธ! เหมือนเรื่องเมื่อสิบปีก่อน ฉันไม่เคยปฏิเสธตั้งแต่ต้น…”


 “ถ้าไม่อยากถูกรุมทึ้งก็หุบปากซะ!” เย่เซียวได้สติมากขึ้นกว่าเดิมถึงเงยหน้าจากกลุ่มผมเธอ แต่ไม่ได้มองเธอ แค่พูดเสียงออกคำสั่ง “พยุงผมกลับเตียง”


ไป๋ซู่เย่ไม่รู้ว่าท่าทางตอนนี้ของเย่เซียวเชื่อหรือไม่เชื่อ


แต่หากเขาไม่ยอมเชื่อตน ต่อให้พูดต่อไปก็ไร้ความหมาย อย่างที่ถังซ่งบอกว่าระหว่างพวกเขาความจริงก็ไม่เคยมีความเชื่อใจกัน ต่อให้ตอนนี้เขาบอกว่าเชื่อเธอ นั่นเป็นแค่ความคิดฉาบหน้า แต่ความคิดจริงๆ ในใจเขา เธอรับรู้มันไม่ได้


เธอพยุงเย่เซียวกลับไปที่เตียง


เย่เซียวถึงสังเกตเห็นผ้าพันแผลตรงนิ้วมือเธอ กำลังอยากถามแต่สุดท้ายแค่เบี่ยงสายตาหนีไม่ได้ถามอะไร


 “คุณนอนนะ อย่าขยับ ฉันไปเปลี่ยนชุดก่อน” ไป๋ซู่เย่คิดว่าอย่างมากเดี๋ยวตอนกลับไปเปลี่ยนชุดสะอาดที่ห้อง ท่าทางของเขาในตอนนี้ เธอเองก็อยากสงบลงสักที


แต่แรกเย่เซียวหลับตาอยู่พอได้ยินคำพูดของเธอก็ลืมตาขึ้น มุ่นคิ้ว “รอเดี๋ยว!”


 “หืม?”


 “เครื่องวัดอุณหภูมิ!”


ไป๋ซู่เย่ถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ พลางหยิบกล่องใส่เครื่องวัดอุณหภูมิข้างๆ มาเปิดฝา พอฆ่าเชื้อเสร็จให้เขาหนีบไว้ใต้วงแขน


เจ้าตัวยังไม่ทันไปดีเขากล่าวขึ้นอีก “ผมอยากดื่มน้ำ ให้คนเทน้ำเข้ามาให้ผม”


 “ครั้งนี้มีแผลที่กระเพาะ คุณจะดื่มน้ำไม่ได้ ได้แค่ใช้คอตตอนบัดจุ่มน้ำแตะปาก”


 “งั้นก็ได้”


 “คุณรอเดี๋ยวนะ”


ไป๋ซู่เย่ลุกขึ้นเปิดประตูออกไป เย่เซียวทิ้งศีรษะไว้บนหมอนทำให้ไม่นานเจ้าตัวก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ข้างหูยังได้ยินเสียงพูดสั่งคนรับใช้เบาๆ ของเธอ ในหัวกลับเต็มไปด้วยประโยคเมื่อครู่ของเธอ ‘ฉันไม่ใช่คนติดตั้งเครื่องดักฟัง…’


ยังเชื่อได้อีกไหม?


ไป๋ซู่เย่…


คำพูดของคุณ ยังเชื่อได้อีกครั้งหนึ่งหรือเปล่า?


เมื่อไป๋ซู่เย่กลับมาอีกทีก็พบว่าเย่เซียวหลับไปแล้ว บรรยากาศรอบข้างราวกับเงียบสงบขึ้นมาทันใด


เธอยืนอยู่ตรงนั้นคอยมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและเริ่มเหม่อลอย จนประตูห้องถูกผลักเข้ามา คนข้างๆ ยื่นน้ำมาเธอถึงได้สติ


ดึงเครื่องวัดอุณหภูมิลงมาให้มั่นใจว่าไม่ได้เป็นไข้สูง เดี๋ยวหยอดน้ำเกลือหมดขวดไข้น่าจะลดแล้ว ถึงได้หยิบคอตตอนบัดมาจุ่มน้ำก่อนจะแตะๆ ริมฝีปากเขาให้เปียกชื้น


คล้ายกับว่าเขากระหายน้ำเหลือเกิน พอน้ำแตะโดนปากเขาก็ยื่นลิ้นออกมาเลียเบาๆ อย่างสะลึมสะลือ


เธอเห็นก็อดหัวเราะไม่ได้ “เย่เซียว คุณรู้ไหมว่าท่าทางของคุณตอนนี้เหมือนสุนัขตัวเล็ก…ไม่สิ สุนัขตัวโต พันธุ์ทิเบตันแมสติฟฟ์”


เธอพึมพำไปพลางใช้คอตตอนบัดที่จุ่มน้ำแตะกลีบปากบางแสนเซ็กซี่ของเขา


จากนั้น…


สายตาจดจ่อกับกลีบปากของเขา


ไม่อาจเลื่อนสายตาไปไหนได้อยู่พักใหญ่


เธอ กลับต้องการจะจูบเขา…


………………………………


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม