ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ 679-686
ตอนที่ 679 ไม่มีอันตรายแบบไม่มีอะไรมา...
เขากระโดดลงน้ำจากตูนิเซียและไปเลียบฝั่งที่ซาร์ดิเนียในยุโรป เขาหนีจากแอฟริกามาเข้ายุโรปได้แล้วอย่างกับตำนานเลย เขาจะโชคดีขึ้นไหมนะ
พอเขาคิดแล้วก็อดซึ้งไม่ได้
ตอนที่เขากำลังว่ายน้ำอยู่น้ำเขาก็โผล่ขึ้นมาดูบนผิวน้ำบ่อย ๆ ว่ามาถูกทางแล้วหรือยัง เขาเรียนวิชาภูมิศาสตร์จากในโรงเรียนมาอย่างกว้าง ๆ วิชาภูมิศาสตร์ไม่ได้สอนสถานที่อย่างซาร์ดิเนียไว้มากเท่าไหร่ เขารู้แค่ว่าจะต้องกำหนดทิศทางทางภูมิศาสตร์อย่างไร และรู้ว่าวิธีคำนวณเขตเวลาของโลกเท่านั้น เขาก็เลยไม่มีความรู้เรื่องซาร์ดิเนียเลย
เขาคิดว่าซาร์ดิเนียก็คงจะเป็นเหมือนกับเกาะช้างนั่นแหละ คงจะเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและไม่ค่อยมีคนท้องถิ่นเท่าไหร่ แต่พอไปถึงซาร์ดิเนียแล้วเขาก็เห็นว่าเกาะนี้ใหญ่กว่าเกาะช้างมาก และเต็มไปด้วยเรือประมงและเรือยอชท์อยู่นับไม่ถ้วน มีบ้านที่สร้างแบบแปลกตาและมีต้นมะพร้าวเรียงรายเป็นระเบียบ นี่ไม่ใช่เกาะนักท่องเที่ยวเลย มันเป็นเมืองท่าธรรมดา ๆ ที่เฟื่องฟูมาก!
หลี่ว์ซู่คิดว่ากลุ่มจากเครือข่ายฟ้าดินคงจะเข้ายุโรปมาในเกาะอันเงียบสงบ แต่ดูเหมือนจะไม่ใข่แบบนั้นแล้ว
ส่วนชายฝั่งทะเลก็อบอุ่นและดูเจริญตาเจริญใจ น้ำใสเป็นประกาย มีหินหลายก้อนอยู่แถบชายฝั่งและมีถ้ำอยู่สองสามแห่งด้วย
หลี่ว์ซู่ยังเห็นรถที่ตกแต่งสวยงามที่ถนนข้าง ๆ ชายฝั่งด้วย ผู้คนกำลังส่งเสียงเสียงเชียร์โห่ร้องตามถนนและพวกเขาก็สวมชุดแฟนซีในขณะที่เต้นอย่างร้อนแรงบนรถพวกนั้น
รถที่ตกแต่งสวยงามพวกนั้นก็คือรถกระบะที่เอามาใส่ของตกแต่งเพิ่มเข้าไป และมีพื้นที่มากมายไว้ให้เต้นเสียด้วย
หลี่ว์ซู่ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังสนใจรถตกแต่งสวยงามกว่ายี่สิบคันพวกนั้นเพื่อปีนขึ้นมาบนบก เมื่อเขาโผล่ออกมาจากน้ำแล้วเขาก็ใช้พลังธาตุน้ำของเขาทำให้เสื้อผ้าแห้ง ตอนนี้ทั้งร่างกายเขาก็แห้งไปหมดแล้ว ไม่มีใครจะสงสัยอะไรได้
แล้วคนข้าง ๆ หลี่ว์ซู่ก็ตะโกนอะไรบางอย่างออกไปในอีกภาษาหนึ่ง หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร เขาเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองได้มาอยู่บนเกาะที่ไม่พูดภาษาอังกฤษเสียแล้ว เมื่อกี้พูดภาษาอิตาลีหรือเปล่า ก็ไม่นี่!
พวกเขาพูดกันหลายภาษาบนเกาะนี้ และซาร์ดิเนียก็มีประชากรเยอะแยะเหมือนกัน เกาะนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติ พวกเขาใช้กันถึงห้าภาษาด้วยกันและภาษาที่เอาไว้สื่อสารกันคือภาษาอิตาลี
ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงที่ดูกระตือรือร้นมาจับแขนหลี่ว์ซู่และเริ่มพูดอะไรบางอย่าง
“เป็นนักท่องเที่ยวจากจีนหรือคะ” หลี่ว์ซู่เงียบไปเพราะเขาไม่เข้าใจอะไรเลย แต่เขาก็ยิ้มและพยักหน้า
“ฉันชอบประเทศจีนมากเลยค่ะ!” แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม หลี่ว์ซู่ก็เลยพยักหน้าและยิ้มไปอีกอย่างสุภาพและกระอักกระอ่วน
มีชายหนุ่มคนหนึ่งบนรถกำลังเล่นโปโลน้ำและเขาก็มีพลังพิเศษเสียด้วย เขาสามารถควบคุมลูกบอลพวกนั้นให้ลอยขึ้นไปสูง ๆ ได้ทำให้ผู้คนโห่ร้องยิ่งกว่าเดิม
หลี่ว์ซู่ตกใจใจมาก เขาเคยอ่านข้อมูลมาว่าคนธรรมดาและผู้มีพลังในยุโรปมีปัญหากัน พวกเขาจะบ่นกันทุกสัปดาห์และมีการประท้วงทุก ๆ วันเพื่อให้ออกกฎหมายมาสั่งสอนพวกผู้มีพลังด้วย
แต่พอเขาเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ดูเหมือนคนธรรมดาจะชอบการแสดงของผู้มีพลังนะ แถมคนแสดงยังหล่อเหลาดี ถึงกับมีสาว ๆ ที่หลงใหลเขาตามรถไปต้อย ๆ ด้วย…
หลี่ว์ซู่นึกออกว่าเหรียญมีสองด้านเสมอ พวกที่เข้าร่วมในการถกปัญหาของผู้มีพลังก็เพราะว่าผลประโยชน์ของตัวเองได้ถูกพวกผู้มีพลังขู่เอาผลประโยชน์ไปแทน แต่ผู้มีพลังไม่ได้จะอาละวาดไปทุกคนหรอกนะ เพราะฉะนั้นทั้งสองโลกก็ยังไม่แยกขาดออกจากกันและค่อย ๆ รวมเข้ากันเพื่อหาทางอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนั่นเอง แต่กว่าจะไปถึงตอนนั้นได้ก็ต้องใช้เวลาเสียหน่อย
ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ดึงตัวหลี่ว์ซู่อย่างกระตือรือร้น เธอเป็นปลื้มกับการแสดงของชายหนุ่มคนนั้นมากจนเริ่มพูดไปเรื่อยเปื่อยแล้ว “คนนั้นเป็นลูกชายฉันเองล่ะค่ะ เขาเยี่ยมไปเลยใช่ไหม คุณชอบเขาไหมคะ”
หลี่ว์ซู่ยิ้มให้เธอและพยักหน้าให้เธอต่อไปอย่างสุภาพและออกจะงุ่มง่ามไปเสียหน่อย จากนั้นเขาพยักหน้าให้เธออย่างรุนแรงยิ่งขึ้น…
ทันใดนั้นเธอก็รู้ตัวว่าตัวเองถามคำถามไปผิดเสียแล้ว และคำตอบของหลี่ว์ซู่…ก็ทำให้เธอปล่อยมือจากแขนเขาไปทันที
[ได้แต้มจาก…]
หลี่ว์ซู่เห็นชื่อที่ปรากฏขึ้นมาแต่เขาอ่านไม่ออกและเขาก็อึ้งไปเลย เขาเพิ่งมารู้ว่าตัวเองได้พยักหน้าในสิ่งที่ไม่ควรพยักหน้าไปแล้ว ก็เขาไม่เข้าใจที่ผู้หญิงคนนั้นพูดนี่!
เขามองไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรแต่เธอก็เดินหนีออกไปเสียแล้ว เขาเกือบตะโกนออกไปว่า ‘เดี๋ยวก่อนครับ! ผมอธิบายได้!’ แล้วนะ
หลี่ว์ซู่เอาโทรศัพท์ออกมาเพื่อค้นหาบางอย่างในอินเตอร์เน็ต ตอนนี้มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในซาร์ดิเนียอยู่ รู้สึกเหมือนเป็นตรุษจีนเลยแต่แค่ไม่มีเชิดสิงโต เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย อีกเดี๋ยวหนึ่งก็มีรถอีกขบวนผ่านไป และครั้งนี้ก็เป็นคราวของผู้มีพลังสายโลหะกำลังขึ้นแสดง…
เขาไม่รู้เลยว่าพวกเขาเก็บค่าเข้าชมกันเท่าไหร่ หรือว่าการแสดงนี้อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นเองกันนะ พวกผู้มีพลังอาจจะเหมือนดาราคนดังที่แสดงต่อหน้าแฟนๆ ก็ได้ หรืออาจจะไม่ใช่
หลี่ว์ซู่ค้นข้อมูลไปเรื่อยๆ แล้วเจอว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดตามเทศกาล พวกเขาจะฉลองการแข่งม้าทุกๆ เดือนพฤษภาคม และคนพวกนี้กำลังเชียร์ทีมที่ตัวเองชอบ พูดกันตรงๆ แล้วก็เหมือนเป็นเชียร์ลีดเดอร์นั่นแหละ
ทำไมผู้มีพลังในยุโรปถึงได้ติดดินกันขนาดนี้นะ หลี่ว์ซู่เพิ่งรู้สึกว่าในจีนไม่ค่อยมีผู้มีพลังมากนัก แต่พอมาคิดอีกครั้งแล้วก็คงเป็นเพราะเครือข่ายฟ้าดินรวบรวมคนที่มีความสามารถไว้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การปะทุอาจจะเกิดขึ้นได้เมื่ออยู่ในความกดดันและวิญญาณของพวกเขาเกือบระเบิดออกมา เครือข่ายฟ้าดินเลยใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อปลดปล่อยศักยภาพของคนอื่นๆ ที่มีอยู่เป็นข้อได้เปรียบของพวกเขา หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี แต่การที่จะมีขบวนเชียร์ลีดเดอร์เกิดขึ้นในจีนนั้นคงเป็นไปได้ยากมาก ๆ
ถ้าเกิดขึ้นจริงๆ แล้วมีพวกขบวนเชียร์ลีดเดอร์ไล่ตามคนตายขึ้นมา พวกคนธรรมดาจะทนไหวเหรอ
อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องผิดกฎหมายด้วย ถ้าเครือข่ายฟ้าดินรู้เข้าแล้วพวกเขาคงจะมาพูดว่า ‘ทำแบบนี้ไม่ได้นะ พวกคุณไม่เคารพบรรพบุรุษเลย พวกคนตายได้เซ็นสัญญาปลูกถ่ายอวัยวะหรือเปล่าล่ะ ก็ไม่ใช่ไหมล่ะ’ พวกเขาคงจะยึดศพแล้วเผามันทิ้งไป
แล้วพวกเครือข่ายฟ้าก็ไม่ผิดด้วย ศพพวกนั้นอาจจะเป็นพวกศัตรูที่ถูกฆ่าไปก็ได้ การไล่ตามศพคนแบบนี้มันปกติตรงไหน
แต่ก็คงมีคนใส่ชุดเกราะผีสิงตกทอดมาหลายชั่วอายุคนบ้างแหละ แต่จะมีบรรพบุรุษคนไหนเซ็นสัญญาปลูกถ่ายอวัยวะไว้ก่อนบ้างล่ะ หลี่ว์ซู่ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย
[พวกเขาจะมาถึงซาร์ดิเนียกันเมื่อไหร่ครับ] หลี่ว์ซู่ถามโยวหมิงอวี่
[พวกเขาอยู่บนเรือสำราญน่ะ เดี๋ยวคงมาถึงอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า]
หลี่ว์ซู่รู่สึกอึดอัดหน่อยๆ เขารีบข้ามทะเลทรายเพื่อมาที่นี่เลยนะ แต่กลุ่มยังไม่มาถึงแถมยังล่องเรือสำราญกันสนุกอีก ทำไมถึงแตกต่างกันมากขนาดนี้เนี่ย
แล้วที่นี่ห่างจากจีนไปมากเท่าไหร่นะ หลี่ว์ซู่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรือสำราญจะช้าได้ขนาดนี้!
แล้วมันก็ไม่ได้ไกลมากสักหน่อย ก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่ไม่กล้าหลับที่ทะเลทรายบิลมาด้วยซ้ำ ตอนก่อนนอนพวกสัตว์มีพิษอย่างแมงป่องก็จะออกมา เขาไม่กลัวมันจะกัดเป็นแผลหรอก แค่เขาขยะแขยงมันเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่อันตรายแบบไม่มีอะไรมาเทียบได้เลย!
ตอนที่ 680 ไม่เจอกันนานเลยนะคอรัล
การเฉลิมฉลองในซาร์ดิเนียยังคงดำเนินต่อไปแต่หลี่ว์ซู่ไม่ได้สนใจอะไรต่อไปแล้ว เขาต้องใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์รอจนกว่ากลุ่มจะมาถึงที่นี่แล้วค่อยไปปกป้องคอรัล
เขาประหลาดใจที่เห็นนักท่องเที่ยวจีนมาที่นี่กัน มีหัวหน้าไกด์คนจีนกำลังโบกธงสีส้มและพูดใส่ไมค์ออกลำโพงเสียงดังขณะที่คนอื่นกำลังเที่ยวชมกันอยู่
“ทุกๆ คนครับ และนี่ก็คือเทศกาลการแข่งม้าของซาร์ดิเนีย ถ้าย้อนประวัติศาสตร์ไปสมัยก่อนล่ะก็…”
นักท่องเที่ยวจีนพวกนั้นมองดูกลุ่มคนกันอย่างสงสัย บางคนคงคิดว่าจะขอถ่ายรูปหรือขอสัมผัสพวกผู้มีพลังโดยจ่ายเงินสักสิบดอลลาร์ให้พวกเขาได้ไหม ในประเทศจีนนั้นไม่ค่อยจะได้เห็นผู้มีพลังได้ทั่วไปเท่าไหร่
แต่ก็ไม่ได้มีใครมารยาทแย่ขนาดเอามือไปสัมผัสผู้มีพลังหรอกนะ
ตอนนี้หลี่ว์ซู่เห็นแล้วว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานมาจากในหมู่ผู้คนที่เข้มข้นกว่านักแสดงพวกนั้นเสียอีก เขาใช้หางตากวาดมองรอบ ๆ เผื่อจะมีอะไรไม่ปกติเกิดขึ้น
พวกคนพวกนั้นไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศรื่นเริงที่นี่เท่าไหร่หรอกเพราะพวกเขาดูเหมือนเป็นผู้ชมที่ไม่มีอารมณ์ร่วมกับเทศกาลเลย
หลี่ว์ซู่เริ่มคิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน มีผู้มีพลังมากกว่าสิบคนอยู่ตามถนนข้างชายฝั่ง แล้วพวกผู้ชมที่อยู่ตรงนี้จะมีกี่คนได้ล่ะ
นี่เป็นแผนที่ถูกวางเอาไว้แล้ว หลี่ว์ซู่เริ่มจะคิดข้อสรุปออกแล้วโดยไม่รู้ตัว เขาไม่เชื่อหรอกว่าการรวบรวมพวกผู้มีพลังต่าง ๆ นี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ
“มีอะไรแปลกๆ นะ” หลี่ว์ซู่รู้สึกเหมือนกับว่ามีชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์หายไป เกาะนี้ควรที่จะเป็นเกาะที่ไม่มีความสำคัญใด ๆ กับพวกผู้มีพลังสิ แต่ในความเป็นจริงแล้วเมืองนี้นั้นเป็นเมืองที่เจริญพอสมควรเลย แถมการที่มีผู้มีพลังจากองค์กรขนาดใหญ่ปรากฏตัวกระจายอยู่รอบๆ ก็เป็นเรื่องน่าสงสัยทีเดียว
พวกเขามาทำอะไรกันที่นี่!
หลี่ว์ซู่ลองส่งข้อความไปหาโยวหมิงอวี่โดยแสร้งทำเป็นไม่มีอะไร [นี่คุณปิดบังอะไรผมไว้หรือเปล่าครับเนี่ย ในซาร์ดิเนียนี่มันแปลก ๆ นะ ทำไมถึงมีผู้มีพลังจากองค์กรใหญ่ๆ เต็มไปหมดเลยล่ะ]
ทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านหน้าหลี่ว์ซู่ไป เขามองขึ้นไปแล้วก็ต้องประหลาดใจ นั่นมันฟรานเชสโก้นี่!
หลี่ว์ซู่ขยับตัวไม่ออกเลย ถ้าฟรานเชสโก้อยู่นี่ด้วยก็แปลว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่จริงๆ นั่นแหละ!
เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวแบบปกติและเขากำลังเดินสำรวจถนนที่แออัดแห่งนี้ เครื่องแต่งกายที่เขาใส่นั้นดูกลมกลืนกับพวกชุดแฟนซีต่างๆ ที่พวกคนจากซาร์ดิเนียใส่ในงานเทศกาลแบบนี้
ฟรานเชสโก้หันมามองหลี่ว์ซู่แวบหนึ่งตอนเขาเดินผ่านทำให้หลี่ว์ซู่ขนลุก ไม่ใช่เพราะเขากลัวหรอกนะ แต่เป็นเพราะหลี่ว์ซู่มั่นใจว่าจะเอาชนะฟรานเชสโก้ได้เพราะเขาได้เลื่อนขั้นเป็นระดับ B ระดับเดียวกับฟรานเชสโก้แล้ว และหลี่ว์ซู่เองก็มีไพ่ตายอยู่หลายใบซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของตัวเองด้วย
จุดนี้หลี่ว์ซู่ภูมิใจในตัวเองมาก บอกตรง ๆ
แต่ความภูมิใจของเขานั้นไม่ได้ทำให้ตัวเองตาบอดหรอก เพราะเขารู้ว่ามีหัวหน้าบาทหลวงระดับ A ที่ยังคอยหนุนหลังฟรานเชสโก้อยู่ ถ้าหลี่ว์ซู่โดนคนพวกนี้รังแกตอนอยู่ต่างประเทศล่ะก็เขาก็คงหาความช่วยเหลือจากที่ไหนไม่ได้เพราะเฉินไป่หลี่และหลี่เสียนอีอยู่ไกลเกินไปมาก!
แต่ฟรานเชสโก้ก็ไม่ได้แสดงความสนใจอะไรหลังจากมองผ่านเขาไป เขาเดินต่อไปบนถนนข้าง ๆ ชายหาด หลี่ว์ซู่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาปลอมตัวอยู่ในคราบหลี่เถิงในแอฟริกามาตลอด รวมถึงตอนที่เขาสู้กับฟรานเชสโก้ตอนนั้นเขาก็ปลอมเป็นฮาเวิร์ดด้วย ก็ถูกแล้วที่ฟรานเชสโก้จะจำเขาไม่ได้
หลี่ว์ซู่ก้มหัวลงต่ำอีกรอบ และทำเป็นไม่รู้จักฟรานเชสโก้ เขาก้มดูโทรศัพท์ตัวเองและแสร้งเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยว จากนั้นโยวหมิงอวี่ก็ตอบกลับมา [มีไฮโซชาวยุโรปคนหนึ่งกำลังจัดประมูลในซาร์ดิเนีย และหนึ่งในสินค้าก็มีตัวอย่างของต้นไม้แห่งโลกด้วย เดี๋ยวจะจัดอีกครั้งในสองอาทิตย์หน้า พวกคนจัดงานมาจากครอบครัวที่มีอิทธิพลในยุโรป แล้วพวกเขาก็อยากทำการค้าขายแลกเปลี่ยนผลปะทุพลังที่เหมาะกับเด็กในครอบครัวด้วย]
[แล้วคุณรู้ได้อย่างไรครับว่าสินค้าตัวอย่างเป็นต้นไม้แห่งโลก] หลี่ว์ซู่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
[ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่ามันเป็นกิ่งไม้ขนาดสามสิบเจ็ดเซนติเมตรน่ะ] หลี่ว์ซู่พูดไม่ออกเลย หลังจากนั้นเขาก็เลยถามไปอีก
[ถ้าเป็นต้นไม้แห่งโลกจริงๆ แล้วจะคุ้มกับผลปะทุพลังลูกเดียวเหรอครับ พลังที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้คงเป็นธาตุไฟฟ้า แต่ผลปะทุพลังธาตุไฟฟ้าผลเดียวก็ยังเทียบต้นไม้แห่งโลกยังไม่ได้เลยนะครับ]
การคำนวณนี้ง่ายจะตาย ผลปะทุพลังลูกเดียวนั้นมีค่าแค่หนึ่งในสามของกุงเนียร์เท่านั้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของตัวอย่างสินค้าด้วย เพราะกิ่งของต้นไม้แห่งโลกกิ่งเดียวก็ไม่ได้มีพลังเท่ากับกุงเนียร์
[ก็ไม่ได้จะแลกกับผลปะทุพลังผลเดียวหรอก]
[กี่ผลกันครับ]
[ยี่สิบสามผล เขามีลูกชายยี่สิบสามคนน่ะ]
หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย เพราะที่จีนมีนโยบายลูกคนเดียวมานานทำให้เขานึกไม่ออกเลยว่าคนคนหนึ่งจะมีลูกได้มากมายขนาดนั้น! ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม หลี่ว์ซู่เลยถามต่อ
[งั้นพวกองค์กรเล็กๆ ก็ไม่เข้าร่วมงั้นเหรอครับและก็มีแต่พวกองค์กรใหญ่ๆ งั้นสิ แต่ขนาดพวกองค์กรใหญ่ๆ เองก็ไม่น่ามีของเยอะขนาดนั้นนี่ครับ]
[พวกเขาบอกว่าหักกิ่งแบ่งกันขายก็ได้น่ะ…]
“สุดยอดไปเลย…” หลี่ว์ซู่พึมพำกับตัวเอง สำหรับเขาแล้วเมื่อก่อนต้นไม้แห่งโลกนั้นเป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นของที่เอาตัดแบ่งแล้วเอาไปชงชาได้เลย
ถ้าเอาไปทำแบบนั้นจริงๆ ก็คงจะเป็นชาวิเศษเลยล่ะ แต่ใครจะทำแบบนั้นกันเล่า เสียของหมด!
ถึงความยาวของมันจะประมาณสามสิบเจ็ดเซนติเมตรเท่านั้น แต่ก็ยาวพอที่จะเอาไปทำด้ามกระบี่ล่ะนะ
แล้วในขณะนั้นก็มีเรือสำราญค่อยๆ เทียบเข้ามาที่ท่าเรือ หลี่ว์ซู่ที่ยืนไกลจากชายฝั่งก็สามารถเห็นผู้คนเดินลงมาจากเรือได้ มีบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครอยู่รอบตัวคนพวกนั้น แล้วพวกเขาก็ร่างกายสูงใหญ่กันมากด้วย ทั้งกลุ่มนั้นมีเด็กผู้หญิงเดินนำมา เธอมีเรือนผมสีเงินประกายทองปลิวไปตามลมทะเล เธอสวมชุดผ้าไหมสีเขียว ดูสวยงามอย่างกับว่าหลุดออกมาจากภาพวาด
หลี่ว์ซู่มองเธออยู่เงียบ ๆ ว่าไง… ไม่เจอกันนานนะคอรัล
เขามีความรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องพากลุ่มใหม่ของเขาไปสวีเดนอีกแล้วเพราะโยวหมิงอวี่ได้พูดถึงต้นไม้แห่งโลกมาแล้ว ที่จริงจุดหมายในตอนแรกของพวกเขาก็เป็นเกาะนี้นี่เอง คอรัลก็เลยมาที่นี่แน่ๆ สินะ
ถึงคอรัลจะไม่ต้องการตัวอย่างของต้นไม้โลก แต่ที่เธอมาปรากฏตัวที่นี่ก็เข้าใจได้ เพราะเธอเป็นเจ้าของของต้นไม้แห่งโลกอีกส่วนหนึ่งน่ะสิ
หลี่ว์ซู่ก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกันว่าพวกคนอื่นๆ จะไม่อยากได้กิ่งต้นไม้โลกส่วนอื่น ๆ
หลี่ว์ซู่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย ความรู้สึกลึกๆ ข้างในบอกเขาว่าเรื่องนี้มันจะไม่ง่ายแน่นอน ถึงการที่ฟรานเชสโก้และคอรัลมาปรากฏตัวที่นี่จะสมเหตุสมผลก็ตาม
หลี่ว์ซู่เดินกลับเข้าไปในฝูงชน ตอนนี้ตัวละครหลักก็มาถึงแล้ว งานของเขาตอนนี้ก็คือสังเกตเหตุการณ์ให้ได้ข้อมูลมากที่สุดก่อนกลุ่มจากเครือข่ายฟ้าดินจะมาถึง
ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องคิดให้ออกว่าพวกกลุ่มแก่นความเชื่อต้องการอะไร
แล้วทันใดนั้นลมก็เริ่มพัดแรง เหมือนกับว่าฟ้าถูกผ้าหลายๆ ชั้นปกคลุมไว้ ท้องฟ้าที่เคยสดใสตอนนี้กลับหมองลงแล้วในพริบตาเดียว หลี่ว์ซู่มองไปที่ผิวน้ำทะเล พายุกำลังมานี่เอง
ตอนที่ 681 คิดดีไม่ได้ดี
นานเท่าไหร่แล้วนะตั้งแต่เขาเจอคอรัลครั้งสุดท้าย คงจะเป็นตอนที่อยู่ในญี่ปุ่นสินะ ตอนเขาหมดสติไปหลังจากต่อสู้กับกลุ่มทวยเทพ หลังจากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาที่บ้านบนถนนหลิวไห่และไม่ได้เจอเธออีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น
บางครั้งหลี่ว์ซู่ก็อดชื่นชมคอรัลไม่ได้ในความกล้าของเธอที่มาบุกกลุ่มทวยเทพด้วยหุ่นอัศวินสองตัวเพื่อแก้แค้นให้เขา ตอนนั้นเขาไม่เห็นแววกลัวตายในตาของเธอด้วยซ้ำ
เมื่อก่อนเขาล้อเรื่องโรแมนติกน้ำเน่าไว้เยอะ หลี่ว์ซู่ไม่เชื่อเลยว่าเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหรือพวกความรู้สึกที่สุดจะลึกล้ำเหนือการมีชีวิตอยู่จะมีอยู่จริง แต่เมื่อหลี่ว์ซู่ได้เข้ามาสู่โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแล้วเขาก็เข้าใจว่าคนที่ตั้งใจจะรออีกคนหนึ่งไปตลอดกาลในแม่น้ำแห่งเวลาและโชคชะตานั้นมีอยู่จริง ๆ
เขาเห็นแก่ตัวเอง เขาไม่เชื่อเรื่องความรู้สึกและอารมณ์เพราะเขาคิดว่าคนพวกนั้นคงจะหายไปเองตามกาลเวลา
บางคนก็เปิดใจรับคนอื่นเข้ามาง่ายๆ เวลาที่มีคนแสดงความรักให้เพียงเล็กน้อย เรื่องแบบนี้มันไม่เกี่ยวกับความจริงใจหรอก ก็แค่ความเหงาเท่านั้นเอง
แล้วหลี่ว์ซู่เหงาหรือเปล่าน่ะเหรอ ก็ไม่หรอก เพราะเขามีหลี่ว์เสี่ยวอวี๋แล้ว ไม่ว่าโลกนี้จะโหดร้ายมากแค่ไหนแต่เขาไม่เคยบอกเธอเลยว่ามีคนบ่นเรื่องรสชาติของไข่ต้มที่เขาเอาไปขาย ว่าเขาใส่น้ำส้มสายชูมากเกินไปในซอสที่เขาเสิร์ฟลูกค้า หรือจะเป็นตอนที่เขารู้ตัวทีหลังว่าลูกค้าจ่ายเงินปลอมมาให้เขา
แต่เสี่ยวอวี๋รู้ทั้งหมดนั่นแหละ
หลี่ว์ซู่อยากจะลืมอดีตไปให้หมด เขายังไม่แน่ใจเลยว่าคอรัลจะยิ้มให้เขาอย่างที่เคยยิ้มให้มาก่อนหรือเปล่า แต่งานของเขาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกอยู่แล้ว เขาอยากจะตอบแทนบุญคุณของเธอที่เธอเคยปกป้องชีวิตเขามาก่อน และแบกเขาในป้อมปราการของกลุ่มทวยเทพเพื่อไปเอาศพหลิวซิ่วถึงตอนนั้นเธอจะบาดเจ็บไปทั้งร่างก็ตาม
หลี่ว์ซู่รอต้อนรับกลุ่มของคอรัลอยู่ไกลๆ แต่แล้วเขาก็เห็นว่าพวกลูกน้องของฟรานเชสโก้ก็เริ่มเคลื่อนไหวเหมือนกัน พวกมันแยกย้ายกันออกไปตามหลังกลุ่มเทวาแบบห่าง ๆ
หลี่ว์ซู่ทำตัวเหมือนว่าตัวเองเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดาและมองหาแผงขายอาหารตามถนน แต่เขาไม่ได้หยุดเดินเลย
อาหารของซาร์ดิเนียนั้นแตกต่างจากที่อื่นๆ พวกเขามีอาหารทะเลอยู่มากมายเพราะเมืองอยู่ใกล้ทะเล แต่อาหารจานเด็ดที่สุดก็คือหมูหันเสียบแท่งเหล็ก แต่ถึงวิธีการทำอาหารของทางยุโรปจะโด่งดังขนาดไหน พวกคนจีนส่วนใหญ่ก็ยังคิดถึงอาหารจากบ้านเกินอยู่ดีหลังจากลองอาหารพื้นเมืองที่นี่แล้ว…
รอบข้างนั้นไม่มีตึกสูงๆ อยู่เลย ตึกที่สูงที่สุดในเมืองนี้เห็นจะสูงได้แค่สี่ชั้นเท่านั้น เมื่อหลี่ว์ซู่เดินตามกลุ่มเทวาไปเรื่อยๆ เขาก็เห็นว่าคอรัลหันมามองทางเขา
แต่เธอก็มองไม่เห็นใครเลย คอรัลสับสน เธอรู้สึกได้ถึงบางอย่าง เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างที่อบอุ่นตามเธอมา…
แล้วผู้ชายข้างหลังคอรัลก็เห็นเธอมีท่าทางแปลกๆ เลยถามขึ้นมา “มีอะไรเหรอ” เขาถาม
“ไม่มีอะไรหรอก คิดว่าเจอคนรู้จักน่ะ” คอรัลตอบ เธอส่ายหัวอย่างช้าๆ สีหน้าของเธอดูไม่สู้ดีนัก ดูเหมือนว่าเธอจะไม่แข็งแรงเท่าไหร่
ชายคนนั้นดูจะคุ้นเคยกับคำพูดของเธอดี เขาตอบกลับมาอย่างสบายๆ ว่า
“เธอบาดเจ็บสาหัสตอนที่อยู่ในกลุ่มทวยเทพเพื่อเขาคนนั้น จนป่านนี้แล้วรอยแตกบนกุงเนียร์ยังไม่สมานได้เลย แล้วเขาคนนั้นล่ะ ผ่านมาตั้งนานแล้ว เขาได้แสดงความเป็นห่วงบ้างหรือเปล่า ไม่เลยสักครั้งเดียว! ฉันรู้ว่าไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวเธอไม่ได้เพราะเธอเป็นหัวหน้ากลุ่มเทวา แต่พวกเรารู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรกับเธอเลยสักนิด”
คอรัลพูดอย่างใจเย็นขณะก้าวเดินไปข้างหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการไปเอาตัวอย่างของต้นไม้แห่งโลกมา พวกเราหาวิธีสกัดพลังออกมาจากต้นไม้แห่งโลกแล้ว และเราก็มีผลปะทุพลังด้วย อีกอย่างฉันไม่เป็นไรหรอก ก็ฉันไม่เคยติดต่อเขากลับไปเลยสักครั้งนี่นา ฉันทำดีแล้วในครั้งนั้นน่ะ คุณปู่บอกพวกเราเสมอไม่ใช่เหรอว่าให้ทำดีอยู่เสมอ”
“ทำดีเหรอ แค่นั้นน่ะนะ หลอกตัวเองเก่งนะเนี่ย ทำดีไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกถ้าไม่ได้อะไรดีๆ กลับมา” ผู้ชายคนนั้นตอบกลับ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของคอรัลนี่เอง
แล้วทันใดนั้นคอรัลก็ทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “เราทำอะไรลงไปไม่ใช่เพื่อหวังผลตอบแทน แต่เราต้องเชื่อจริงๆ ว่าสิ่งที่ทำไปมันถูกต้องแล้ว”
แล้วจากนั้นทุกคนก็เงียบไป นิสัยของคอรัลเปลี่ยนไปหลังจากที่เธอได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่ม เธอต้องเผชิญหน้ากับส่วนที่มืดมิดที่สุดของโลกและต้องยืนเด่นอยู่ในวังศักดิ์สิทธิ์เหนือทุก ๆ คนในฐานะของหัวหน้ากลุ่มเทวา
เธออาจจะยังไม่ได้เก่งมาก แต่เธอก็กำลังพยายาม ความเชื่อมั่นในคุณธรรมของเธอจะส่องทางสว่างให้กับอนาคตของกลุ่มเทวาได้
หลี่ว์ซู่ยืนนิ่งอยู่หลังตึกห่างออกไปจากกลุ่มของคอรัล เขาไม่รู้เลยว่าคอรัลจะรู้สึกถึงเขาได้จากที่ไกลๆ แบบนี้ เธอยังไม่ได้เลื่อนเป็นระดับ A และเธอก็ยังไม่รู้ว่ามีกลุ่มแก่นความเชื่อตามหลังเธออยู่
แต่เขารู้ดีเลยว่ากลุ่มแก่นความเชื่อจะต้องมีแผนอะไรปกปิดไว้อยู่แน่ พวกเขาตามกลุ่มเทวาไปอย่างใกล้ชิดในขณะที่กลุ่มอื่นๆ ดูจะไม่ได้สนใจอะไร
หลี่ว์ซู่สังเกตเห็นว่าคอรัลดูซีดเซียวไป ถึงเขาจะไม่ค่อยมั่นใจเพราะเห็นเธอจากที่ไกลๆ ก็ตาม
ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่เขาก็ตัดสินใจแล้ว เขาจะไม่หนีพวกกลุ่มแก่นความเชื่อแน่ๆ เขาไม่อยากยอมรับความอับอายที่โดนฟรานเชสโก้ไล่ตามถึงสามชั่วโมง แถมถูกไฟฟ้าช็อตเข้าในทะเลอีก!
ไม่ว่าหัวหน้าบาทหลวงจะมาปรากฏตัวที่นี่หรือไม่ หรือเขาบาดเจ็บจากการต่อสู้กับนักบุญหรือเปล่าก็ยังไม่มีใครรู้ หลี่ว์ซู่คงจะได้เปรียบมากถ้าสองคนนั้นไม่มาปรากฏตัวที่เกาะนี้
บนเกาะซาร์ดิเนียนั้นประกอบไปด้วยเมืองทั้งหมดแปดเมืองด้วยกันซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าเกาะนี้ใหญ่ขนาดไหน เมืองที่หลี่ว์ซู่อยู่นั้นอยู่ตรงสุดทางใต้ของเกาะ เมืองนี้มีชื่อว่าวิลลาซิมิอุสและที่นี่มีโบสถ์อยู่มากมาย
คอรัลและกลุ่มคนทั้งสิบเอ็ดคนเลือกที่จะอยู่ในที่พักเงียบๆ มากกว่าจะไปอยู่ที่โรงแรมหรู ตอนแรกหลี่ว์ซู่ก็ประหลาดใจที่เห็นคอรัลเลือกใช้ชีวิตสมถะถึงแม้ว่าจะมีอิทธิพลและอำนาจมากก็ตาม แต่เขามารู้ภายหลังว่าพวกเขาได้จองตึกสี่ชั้นทั้งตึกแถมยังมีสวนส่วนตัวด้วย…
หลี่ว์ซู่เองก็ต้องหาที่ทางของตัวเองเหมือนกัน เขาจะต้องหาโรงแรมและกินอาหารอร่อย ๆ
เขาเดินไปเรื่อยๆ ตามถนนในต่างแดนนี้แล้วไปเจอผู้มีพลังสองประจันหน้ากัน ทั้งสองคนนั้นกำลังถูกไฟแผดเผา…
ทันใดนั้นหน้าต่างจากชั้นสองในบ้านเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ ก็ถูกเปิดออก หญิงแก่ผมสีเทาคนหนึ่งปาแท่งไม้ใส่ศีรษะของผู้มีพลังคนนั้น เธอตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดเป็นภาษาอังกฤษ “อยากจะต่อสู้กันก็ไปที่อื่นโน่น!”
หลี่ว์ซู่ตกใจมาก
เดี๋ยวก่อนนะ นี่เป็นวิธีที่คนธรรมดากระทำต่อผู้มีพลังงั้นเหรอ!
แต่ผู้มีพลังคนหนึ่งก็มองขึ้นไปและตอบกลับไปว่า “เข้าใจแล้วครับ คุณยาย”
หลี่ว์ซู่อึ้งยิ่งกว่าเดิม
ตอนที่ 682 เข้าใจตรงกันแล้ว
หลี่ว์ซู่เห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นหยุดทำทุกอย่างแล้วก็ชะงักไปเลย เรื่องนี้ทั้งแปลกทั้งใหม่มากสำหรับเขา ผู้มีพลังพวกนี้แปลกไปจากที่ประเทศเขาจริงๆ คงจะไม่มีภาพแปลกประหลาดแต่ก็ดูธรรมชาติแบบนี้ให้เห็นแน่ ๆ
ชายหนุ่มคนนั้นดูเหมือนเป็นเด็กที่เล่นต่อสู้กับเด็กคนอื่นๆ ไม่ว่าพลังของเขาจะแกร่งขนาดไหน แต่คุณยายของเขาก็ยังใช้ไม้เรียวตีเขาได้
หลี่ว์ซู่ก็เพิ่งนึกออกว่าพวกผู้มีพลังพวกนี้ก็มีพ่อแม่เหมือนกันนี่นา ถึงจะมีคนต่อต้านผู้มีพลังแต่ก็มีคนที่มีลูกเป็นผู้มีพลังอยู่
หลายๆ คนคิดว่าผู้มีพลังควรจะถูกแยกออกไปโดยสมบูรณ์ แต่จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อทุกคนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ถ้ามีคนปะทุพลังแล้วจะต้องตัดพ่อตัดแม่กันงั้นเหรอ คงเป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก
เมื่อก่อนหลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยเพราะว่าเขาไม่มีพ่อแม่หรือญาติ เขามีหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เองก็ฝึกบำเพ็ญกับเขาได้เหมือนกัน
แล้วเสียงของหญิงชราคนเดิมก็ดังขึ้นมาจากชั้นสอง “พายแอปเปิ้ลอบเสร็จแล้ว ขึ้นมากินเร็ว!”
“ครับคุณยาย!” ชายหนุ่มคนนั้นตอบ เขาหันไปหาผู้มีพลังอีกคนข้างๆ “พรุ่งนี้ไปที่ร้างๆ แล้วไปลองความสามารถใหม่กันนะ!”
“ได้เลย เดี๋ยวฉันก็ต้องกลับบ้านไปกินข้าวเหมือนกันแล้วเนี่ย” ผู้มีพลังคนนั้นเดินออกไป เขาเดินผ่านหลี่ว์ซู่แล้วเขาก็ยิ้มให้หลี่ว์ซู่ด้วย
หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย เมื่อกี้ไม่ได้สู้กันเหรอ แค่เล่นกันเท่านั้นเองสินะ
อย่างกับเรื่องเซนต์เซย์ย่าตอนที่เด็กๆ ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าตะโกนกันว่า ‘ดูประกายเพชรของฉันสิ’
ใครสนกันล่ะ หลี่ว์ซู่ก็คิดไปนั่นว่าสองคนนี้เป็นผู้มีพลังจากองค์กรใหญ่ที่กำลังจะสู้กันเสียอีก แปลกประหลาดกันไปใหญ่แล้ว!
เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าโลกแห่งการบำเพ็ญนั้นคงจะไม่เหมาะกับคนทั้งโลก แต่เมื่อมีการเกี่ยวข้องกันโดยสายเลือดแล้วทั้งสองโลกคงตัดขาดกันไม่ได้จริง ๆ
กลางคืนกำลังจะมาถึง หลี่ว์ซู่เจอโรงแรมเล็ก ๆ ก็เลยเดินเข้าไป เขาไม่คิดว่าจะเจอผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนนั้นที่แสดงความสามารถน้ำในตอนกลางวันที่ผ่านมาอยู่ที่แผนกต้อนรับ เขากำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่ หลี่ว์ซู่เห็นว่าเขากำลังแก้โจทย์แคลคูลัส
หลี่ว์ซู่ถามออกไปเป็นภาษาอังกฤษ “มีห้องว่างหรือเปล่าครับ”
เด็กหนุ่มคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วยิ้ม เขาพูดภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นกลับมา “คร้าบ มีห้องว่างคร้าบ”
จากนั้นแม่ของเด็กหนุ่มคนนั้นก็เดินออกมาจากห้องเก็บของ เมื่อเธอเห็นหลี่ว์ซู่เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที เธอพูดขึ้นมา “ตามลูกชายฉันมาทำไม! เขาชอบผู้หญิงนะ! กลับไปเสียเถอะค่ะ!”
เธอพูดเสร็จก็ผลักหลี่ว์ซู่ออกไป แล้วชายหนุ่มที่อยู่หลังแผนกต้อนรับก็ตกใจมาก เขาโดนตามเหรอเนี่ย แล้วแม่บอกว่าอะไรนะ เขาชอบผู้หญิงงั้นเหรอ…
หลี่ว์ซู่ยืนอยู่นอกโรงแรมโดยไม่รู้จะต้องทำตัวอย่างไร เขาทำอะไรผิดเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมวันนี้ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเลยนะ มีแค่เจอคอรัลอย่างเดียวที่เป็นไปตามแผนเท่านั้นแหละ
ชายหนุ่มคนนั้นเข้าไปขวางทางแม่และถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพูดว่า “ผมว่าเข้าใจผิดกันไปหรือเปล่าครับ แม่พูดภาษาถิ่นของเรากับเขานี่ แล้วเขาเข้าใจเหรอครับ เข้าใจผิดกันแน่ๆ”
เขาหันไปพูดกับหลี่ว์ซู่ด้วยภาษาคาตาลัน “เข้าใจที่ผมพูดไหม”
หลี่ว์ซู่เงียบไป เขาจะทำอะไรนอกจากพยักหน้าตอบได้ล่ะ แล้วสีหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นก็เปลี่ยนไป
[ได้แต้มจาก…]
หลี่ว์ซู่ว่ามีอะไรผิดปกติไปแล้ว เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เข้าภาษาอังกฤษแบบง่าย ๆ เพราะฉะนั้นเขาก็ถามเป็นภาษาอังกฤษไป “เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ”
พอหลี่ว์ซู่ถามคำถามนั้นออกไป เด็กหนุ่มก็เข้าใจทันทีว่าทำไมหลี่ว์ซู่ถึงได้พยักหน้าอย่างเงอะๆ งะๆ แบบนั้น ทั้งสองคนทำความเข้าใจกันเรียบร้อย และสุดท้ายก็เข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย…
หลี่ว์ซู่เพิ่งรู้ทีหลังว่าผู้หญิงคนนั้นคิดว่าหลี่ว์ซู่เป็นเกย์แล้วตามลูกชายของเธอมาถึงบ้าน
แต่หลี่ว์ซู่ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรหรอก เขาแค่กลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะไปปลุกอะไรบางอย่างในตัวลูกชายตัวเองหรือเปล่า
ในขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังทำสิ่งสำคัญอยู่นั้นเขาก็เพิ่งรู้ว่าเขากำลังมีปัญหาเรื่องเงิน เพราะว่าเงินสดที่เขามีนั้นเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็รับไปแล้วบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเธอค่อยขึ้นแผ่นดินใหญ่ไปแลกเงินก็ได้
การอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมันสะดวกแบบนี้นี่เอง ในตอนที่เขากำลังจ่ายเงินอยู่นั่นเอง เขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังข้างหลังเขา เขาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเพราะเขากำลังทำตัวเป็นแค่นักท่องเที่ยวธรรมดา
ตอนแรกก็ไม่มีใครจับคลื่นพลังของหลี่ว์ซู่ได้เหมือนกัน คลื่นพลังของเขาจะปรากฏขึ้นมาก็หลังจากที่เขาฝึกกับหอเกียรติกระบี่แล้ว ตอนที่จุดชี่ไห่เสวี่ยซานของเขาก่อตัวขึ้นนั้นมันน่ากลัวมากๆ
แต่พอทะเลจุดชี่ไห่เสวี่ยซานของเขาเปิดแล้ว รูในทะเลก็ไม่ได้เปิดออก แต่มันก่อตัวขึ้นเป็นอีกโลกหนึ่งแทน และนั่นก็เป็นวิธีที่ป้องกันไม่ให้คนอื่นสามารถรู้สึกถึงคลื่นพลังของเขาได้
เขาเลยทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป เขายังไม่ถูกจับได้ในตอนนี้
แล้วผู้มีพลังคนนั้นก็เดินมาข้างๆ หลี่ว์ซู่เพื่อถามเด็กหนุ่ม “มีห้องว่างบนชั้นสี่ไหมครับ”
ข้างบนชั้นสี่เป็นชั้นที่สูงที่สุดของโรงแรมเล็กๆ แห่งนี้ หลี่ว์ซู่เลือกโรงแรมนี้เพราะว่าเขาสามารถส่องดูโรงแรมของคอรัลได้จากชั้นดาดฟ้า!
หลี่ว์ซู่ไม่เคยเห็นคนสามคนนี้มาก่อนเลย แต่เขาเดาว่าคนพวกนี้ขึ้นมาสอดส่องคอรัลแหละ
แต่แน่นอนว่าเขาไม่สามารถตัดสินไปตามอำเภอใจได้ เพราะสุดท้ายแล้วก็มีองค์กรทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่มารวมตัวกันที่ยุโรปเพื่อต้นไม้แห่งโลกด้วย
“มาเที่ยวเหรอครับ” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงคนนั้นถามหลี่ว์ซู่เป็นภาษาอิตาลี
หลี่ว์ซู่ส่ายหัวแล้วถามกลับเป็นภาษาอังกฤษ “พูดภาษาอังกฤษได้ไหมครับ”
แล้วผู้มีพลังคนนั้นก็ถามใหม่เป็นภาษาอังกฤษ หลี่ว์ซู่ยิ้มและตอบกลับไป “ใช่ครับ พอดีผมไม่มีเรียน ก็เลยตัดสินใจมาเที่ยวนี่แหละ”
ถ้าได้วีซ่าของยุโรปมาแล้วก็สามารถไปรอบยุโรปตามต้องการ เพราะฉะนั้นนักเรียนที่เรียนอยู่ในยุโรปก็เดินทางไปมาในประเทศรอบๆ ยุโรปได้ถ้ามีกำลังทรัพย์มากพอ
หลี่ว์ซู่หยิบกุญแจและเดินขึ้นตึกไป โรงแรมที่ดูเก่าแก่แบบนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนระบบเป็นคีย์การ์ด แต่ใช้กุญแจธรรมดาแทน ในห้องนั้นเป็นห้องแบบง่ายๆ เขารู้สึกชื้นๆ คงเพราะเมืองนี้ตั้งติดกับชายฝั่ง
หลังจากที่หลี่ว์ซู่เดินขึ้นไปแล้วพวกคนสามคนนั้นก็พูดกันเบาๆ “ไอ้หมอนั่นดูไม่เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปเลยนะ ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวคนเอเชีย-อเมริกันจริงๆ ก็คงยกขโยงกันมาแล้ว ไปสืบมาว่าเขาเป็นใคร เราจะทำพลาดไม่ได้เชียว อีกอย่างแล้วมันดูบังเอิญเกินไปที่เขาจะเลือกพักที่นี่โดยเฉพาะ”
“ก็อาจจะเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดาก็ได้นี่นา” คนหนึ่งพูดขึ้นมาเบาๆ
“ไม่ใช่หรอก” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงคนนั้นพูด “เขาพูดอิตาลีไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้เรียนที่นี่ แล้วนี่ก็ไม่ใช่วันหยุดด้วย นักเรียนทั่วไปก็ต้องเรียนกันสิ ถึงเป็นวันหยุดจริงๆ ก็ไม่ควรจะมาที่เปลี่ยวๆ แบบนี้คนเดียว”
ผู้ชายอีกสองคนคิดว่าเพื่อนของเขามีประสบการณ์สูงจริงๆ เพราะผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงนี้เรียนจบมหาวิทยาลัยมาในขณะที่พวกเขาอีกสองคนไม่มีโอกาสได้ไปเรียนต่อ
ตอนที่ 683 หัตถ์ดำ
หลังจากที่พูดคุยกันไปสักพักแล้วผู้มีพลังสามคนนั้นก็ตัดสินใจออกไปตรวจดูหลี่ว์ซู่ ข้อสงสัยแรกก็คือการที่เขาเลือกโรงแรมนี้ แล้วผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงคนนั้นก็ถามผู้หญิงเจ้าของโรงแรม “เมื่อกี้พูดอะไรกันเหรอครับ”
พวกเขาถามเธอเพราะว่าเห็นหลี่ว์ซู่พูดคุยกับผู้มีพลังธาตุน้ำและเธอก่อนที่จะเดินเข้ามา พวกเขาพยายามจะทำความเข้าใจกัน ผู้มีพลังธาตุน้ำเลยเป็นล่ามแปลภาษาท่ามกลางบรรยากาศแปลกๆ ที่เกิดขึ้น
พอพวกผู้มีพลังถามผู้หญิงคนนั้นเธอก็ตื่นเต้นมากและตอบกลับเป็นภาษาอิตาลี “เขาน่ะเหรอ ฉันไปเจอเขาที่ชายหาดมาวันนี้ที่เทศกาลแข่งม้ามาค่ะ! ลูกชายฉันเป็นหัวหน้านักแสดงทีมที่ชื่อว่าเคา ฉันก็เลยออกไปให้กำลังใจลูกชายของฉันค่ะ!”
เธอตบบ่าลูกชายอย่างตื่นเต้น “เขาหล่อใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆๆ จะเป็นหัวหน้านักแสดงไม่ง่ายเลยนะคะ ต้องผ่านด่านทดสอบตั้งหลายอย่าง ลูกชายฉันเรียนเก่งด้วย เขาเรียนบทเรียนระดับมหาวิทยาลัยด้วยตัวเองเลย! เขาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดด้วยล่ะค่ะ ภาษาอังกฤษก็พูดเก่ง ฉันบอกเลยนะว่าลูกฉันน่ะ…”
“เดี๋ยวก่อนนะครับ เมื่อกี้เราถามอะไรคุณไปนะ” ผู้มีพลังทั้งสามอึ้งไปเลย ผู้หญิงคนนั้นหยุดคิดนิดหนึ่ง
“โอ๊ยตายล่ะ ความจำฉันเป็นอะไรไปหมดเนี่ย ลูกชายฉันกำลังจะอายุสิบเจ็ดค่ะ…”
“เดี๋ยวครับ หยุดพูดก่อน” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงหยุดผู้หญิงคนนั้น “ผมถามว่าคุณได้ไปคุยอะไรกับคนเอเชีย-อเมริกันคนนั้นกันครับ!”
“อ๋อ… ก็ไม่มีอะไรนี่คะ” ผู้หญิงคนนั้นนึกออกจนได้ แล้วผู้มีพลังสามคนก็เกิดอยากจะอัดคนขึ้นมา…
“ขอบอกก่อนเลยนะครับว่าเราสามคนเป็นผู้มีพลัง” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงพูดขึ้นมา
“แล้วยังไงล่ะคะ ลูกชายฉันก็เป็นผู้มีพลังเหมือนกัน ขอบอกเลยนะคะว่าตอนที่เขาปะทุพลังน่ะ…” ผู้หญิงคนนั้นมองพวกเขาอย่างดูถูก
ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงคนนั้นพูดไม่ออกเลย จะพูดกับเธอให้รู้เรื่องได้ไหมเนี่ย!
“พวกเรามาจากหัตถ์ดำ” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงพูดเสียงเรียบ
“ฉันเจอชายหนุ่มเอเชีย-อเมริกาคนนั้นที่ชายฝั่ง เขายืนอยู่ใกล้ๆ กลุ่มทัวร์จากประเทศจีน แล้วฉันก็ดึงเขามาพูดด้วย…” ผู้หญิงคนนั้นตอบไปอย่างเป็นความจริง ผู้มีพลังนั้นมีทั้งดีและไม่ดี แต่พวกหัตถ์ดำในอิตาลีนั้นไม่ดีแน่นอน การกระทำหลายอย่างของพวกเขาทำให้เกิดความไม่พอใจไปอย่างกว้างขวาง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยออกมาปรากฏตัวให้เห็นแล้ว กล่าวกันว่าหัวหน้ากลุ่มโดนพ่อของคนธรรมดาคนหนึ่งดุด่าอย่างรุนแรง
การที่ลูกชายของเธอเป็นผู้มีพลังทำให้เธอจิตใจเด็ดเดี่ยว เมื่อก่อนแถวๆ นี้มีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ในสวนของเพื่อนบ้าน และมันก็ขึ้นไปบดบังแสงของชั้นสองและชั้นสามของโรงแรม ทั้งสองฝ่ายเถียงกันอยู่นาน แต่พอลูกชายเธอปะทุพลังขึ้นมา พวกเพื่อนบ้านก็เลยตัดสินใจจ้างคนมาตัดกิ่งไม้ให้อย่างเงียบๆ …
แต่เธอใจเด็ดไปไม่ได้ตลอดหรอก จะทำอย่างนั้นกับพวกหัตถ์ดำไม่ได้
“แล้วเขาใช้หนังสือรับรองตัวตนอะไรในตอนเช็คอินล่ะ” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงถาม
“เราไม่ใช้หนังสือรับรองตัวตนกันที่นี่หรอกค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างระมัดระวัง
ในต่างประเทศก็มีบางแห่งที่ไม่ค่อยเคร่งเรื่องความปลอดภัยสาธารณะเหมือนกัน บางคนอาจจะไปเจอแมลงสาบหรือก้นบุหรี่ในห้องของโรงแรมคืนละพันดอลลาร์ก็ได้ แล้วโรงแรมเล็ก ๆ บนเกาะแบบนี้ก็ไม่ได้มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้ใช้ด้วย
ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงหยุดคิดไปนิดหนึ่งแล้วถามคนที่อยู่ข้างๆ เขา “เอาแองเจโลมา เอามาดูว่าเขาจับคลื่นพลังงานของผู้ชายคนนั้นได้หรือเปล่า”
แล้วคนคนนั้นก็เร่งออกไป ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงหันมาพูดกับผู้หญิงคนเดิม “จำไว้ว่าเราไม่เคยพูดเรื่องนี้กัน เข้าใจตรงกันนะ”
เขากำลังจะเดินขึ้นไปบนห้องแล้ว แต่ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็พูดออกมา “คุณยังไม่ได้จ่ายค่าประกันเลยนะคะ”
“ผมมาจากหัตถ์ดำนะ” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงหยุดแล้วพูดออกมา
“พวกหัตถ์ดำก็ต้องจ่ายค่าห้องค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาไปบอกคาร์เทล”
ผู้หญิงคนนั้นตอบ พอผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงได้ยินก็หัวเราะออกมา เขาหยิบเงินแล้วยื่นให้ “พวกกลุ่มอย่างคาร์เทลก็เก่งแต่ในซาร์ดิเนียเท่านั้นแหละ”
“เงินทอนคุณสิบดอลลาร์ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นตะโกนผ่านเคาน์เตอร์ตอบ
บทสนทนานั้นพลิกไปพลิกมาแต่ก็ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี ถ้าหลี่ว์ซู่อยู่ตรงนั้นด้วยเขาก็คงจะตกใจมาก ในต่างประเทศนั้นมีองค์กรของผู้บำเพ็ญอยู่หลายประเภท ทั้งแบบระรานไปทั่ว แบบชอบปกป้องคน หรือพวกกลาง ๆ ยังมีพวกที่ชอบทำวิจัยอีกเหมือนกับพวกนักวิทยาศาตร์ มีทุกรูปแบบเลยล่ะ
แต่อย่างน้อยหลี่ว์ซู่ก็รู้ว่าเขามาถูกที่แล้ว หลักฐานก็คือเขาเจอพวกผู้มีพลังหลายคนในวันเดียว
นี่มันก็คือการเล่นเกม ถ้าเดินๆ ไปแล้วไม่เจออะไรแปลกๆ ผิดปกติแล้วทางมันง่ายเกินไปล่ะก็แปลว่ามาผิดทางแน่ๆ
อีกอย่างคอรัลก็อยู่ที่นี่ด้วย
หลี่ว์ซู่มั่นใจเลยว่ามีคนอยากจะเข้าไปสู้กับคอรัล แล้วเรื่องต้นไม้แห่งโลกในตำนานนั่นน่ะ หลี่ว์ซู่ก็มีผลปะทุพลังอยู่ในมือเหมือนกัน เขาอาจจะขอซื้อบางส่วนมาก็ได้
หลี่ว์ซู่ยืนอยู่ในห้องชั้นสี่แล้วมองไปที่โรงแรมที่คอรัลอยู่ เขาเห็นเธอนั่งอยู่ในสวน เหมือนกำลังคิดอะไรอย่างหนักจนใจลอย
เมื่อมีคนบางคนเดินออกมาจากโรงแรมแล้วเธอก็ไม่ได้หันตามไป เหมือนเธอรู้อยู่แล้วว่าคือใคร เธอเลยยืดหลังนั่งตัวตรง
หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าคนคนนั้นกับคอรัลพูดอะไรกัน แต่คนคนนั้นกำลังถือแฟ้มไว้อยู่ เขาดูเหมือนจะถามคอรัลอะไรบางอย่าง พอคอรัลพูดตอบออกไปแล้วคนคนนั้นก็เขียนลงไปในกระดาษแล้วก็เดินกลับเข้าไปในโรงแรม
หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรเลย เขาเห็นฉากนั้นแล้วก็คิดได้ว่าคอรัลมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเธอดึงหอกกุงเนียร์ออกมาจากร่างได้ก็แปลว่าเธอสืบสายเลือดต่อจากโอดิน และเธอก็หลายเป็นหัวหน้าของเหล่าเทพในกลุ่มเทวา
หลายๆ คนคงเฝ้าฝันถึงตำแหน่งนี้ แต่หลี่ว์ซู่คิดว่ามันออกจะใจร้ายกับคอรัลอยู่เหมือนกัน
ใครจะรู้ล่ะ อาจเป็นเพราะหลี่ว์ซู่ไม่ชอบอำนาจและชื่อเสียงก็ได้
ร่างของคอรัลโอนเอียงเล็กน้อย เธอต้องเอาแขนเล็กๆ ของเธอจับเชือกชิงช้าไว้เพื่อรักษาสมดุล มันเกิดขึ้นเร็วมากแต่ก็หยุดไปเร็วมากเหมือนกัน พอผ่านไปสองวินาทีคอรัลก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
หลี่ว์ซู่ตกใจ เกิดอะไรขึ้นกับคอรัลกันเนี่ย เขามีภาพในหัวว่าคอรัลเป็นผู้หญิงที่สดใสมาตลอด แล้วคนระดับ B ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจะเซไปได้อย่างไรกัน
แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะได้รับผลกระทบจากสายเลือดของเธอเองไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้านี่เป็นผู้บำเพ็ญธรรมดาก็คงจะหายดีภายในสองเดือนแล้ว เว้นเสียแต่ว่ามันจะเป็นการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษาได้
ความแข็งแกร่งของกุงเนียร์นั้นน่ากลัวจริงๆ เมื่อเธอตั้งใจใส่กำลังในการโจมตีอย่างเกรี้ยวกราดแล้ว แม้แต่ระดับ A อย่างทาคาชิมะ ทาอิรัตสึยังไม่กล้าที่จะต่อกรกับคอรัลที่เพิ่งเลื่อนระดับเป็นระดับ B เลย
แต่ชีวิตของคอรัลและต้นไม้แห่งโลกนั้นเชื่อมต่อกัน เมื่อกุงเนียร์ร้าวไป เธอก็บาดเจ็บไปด้วย
หลี่ว์ซู่ไม่เคยเห็นภาพที่คอรัลอ่อนแอเลย รอยต้นไม้สีขาวที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันทำอะไรได้กลับปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็จางไป แต่หลี่ว์ซู่ไม่รู้สึกถึงอะไรได้เลย
และหลังจากนั้นสองวินาทีรอยที่ว่านั้นก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
ตอนที่ 684 ความกล้าของการกระทำมาจากคว...
หลี่ว์ซู่ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคอรัล แต่พอเห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วเขาก็รู้สึกไม่ดี
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! มีคนเคาะประตูห้องเขา พอเขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังออกมาจากด้านนอกเขาก็ไม่ได้เร่งรีบไปเปิดประตูเท่าไหร่ พอเขาเปิดออกมาก็เห็นผู้ชายวัยกลางคนร่างผอมและมีผิวสีแทนยืนอยู่ข้างนอกห้อง หลี่ว์ซู่ถามไปอย่างใจเย็น
“มาหาใครครับ”
คนคนนั้นไม่ได้พูดอะไร เขาหันกลับแล้วทิ้งหลี่ว์ซู่ให้มองตามไป คนนั้นเดินลงไปข้างล่างแล้วพูดกับผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงว่า “ไม่รู้สึกถึงคลื่นพลังนะ”
“โอเค” มีพลังที่ดูแข็งแรงพยักหน้า “ขอบคุณมากครับแองเจโล”
ผู้มีพลังที่สามารถรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังนั้นจะอยู่ในตำแหน่งสูงในองค์กรต่าง ๆ เพราะความสามารถนี้ไม่ได้หากันง่ายๆ
แองเจโลพยักหน้าตอบรับแล้วเดินออกไป หลี่ว์ซู่คงเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดาจริงๆ พวกหัตถ์ดำก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ถึงเขาจะมีอะไรปกปิดไว้อยู่ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร สุดท้ายแล้วเขาก็แค่คนธรรมดา
พอพวกหัตถ์ดำเดินขึ้นไปในห้องตัวเอง ก็มีผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
หลี่ว์ซู่นั่งอยู่ที่หน้าต่างแล้วเห็นว่ามีผู้คนเดินเข้ามา เขาปิดม่านลงอย่างเงียบเชียบและเหลือทิ้งไว้ให้เห็นเพียงช่องแคบ ๆ เท่านั้น เขาเคยเห็นคนพวกนี้มาก่อน เมื่อก่อนนั้นพวกนี้เคยตามฟรานเชสโก้
เขาค่อยๆ เปิดประตูออกไปเพื่อไปฟังว่าข้างล่างนั้นเกิดอะไรขึ้น พวกหัตถ์ดำเดินขึ้นไปแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เห็นกลุ่มแก่นความเชื่อนะ
หลี่ว์ซู่สรุปเอาเองว่าสามคนนั้นมาจากกลุ่มแก่นความเชื่อ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วก็น่าสนใจแล้วสิ ทำไมถึงมีหลายองค์กรสนใจคอรัลจัง หรือพวกคนทั้งหมดนี่รวมถึงสามคนนั้นด้วยจะอยากได้หอกกุงเนียร์กันนะ
จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็ได้รับข้อความจากโยวหมิงอวี่ [เจอพวกหัตถ์ดำจากอิตาลีมาแล้วหรือยัง พวกนั้นมาตรวจสอบนายแล้ว แต่ผู้มีพลังมีพลังที่สามารถตรวจจับคลื่นพลังได้บอกว่านายเป็นคนธรรมดา]
หลี่ว์ซู่งง เขาเคยได้ยินชื่อหัตถ์ดำมาก่อน พวกนี้เป็นองค์กรขนาดกลางในอิตาลี และหัวหน้าของกลุ่มเป็นระดับ B เขาจำอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้วเพราะไม่ได้ใส่ใจองค์กรนี้มาก
แต่โยวหมิงอวี่ก็ไม่ได้ถามหลี่ว์ซู่ว่าเขาปิดกั้นคลื่นพลังของตัวเองได้อย่างไร น่าหลานเชวี่ยเองก็มีความสามารถนี้เหมือนกัน อีกอย่างหลี่ว์ซู่ก็เคยเข้าไปในโบราณสถานมามากมาย เป็นปกติอยู่แล้วถ้าเขาจะมีความสามารถนี้
หลี่ว์ซู่ถามกลับไป [ผมมาสอดส่องดูคอรัล ผมว่าพวกหัตถ์ดำคงจะมาทำอย่างเดียวกันล่ะครับ คุณช่วยยืนยันหน่อยได้ไหม ช่วยส่งข้อมูลเกี่ยวกับพวกหัตถ์ดำมาให้ผมด้วยสิ]
หลี่ว์ซู่ตัดสินใจว่าเขาจะศึกษาเกี่ยวกับองค์กรรองๆ ของอิตาลีดูสักหน่อย
แล้วผ่านไปไม่ถึงสามชั่วโมง โยวหมิงอวี่ก็ส่งข้อมูลมาในกลางดึก ในอิตาลีไม่มีองค์กรชั้นนำ มีเพียงพวกหัตถ์ดำและพวกคาร์เทลเท่านั้น สององค์กรนี้ไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน และหัวหน้าของทั้งสองกลุ่มก็เป็นยอดฝีมือระดับ B กันทั้งคู่
พวกคาร์เทลจะเป็นพวกที่ชอบใช้อำนาจเหนือเกาะซาร์ดิเนียซึ่งและจะแตกต่างจากพวกหัตถ์ดำ พวกคาร์เทลนั้นชอบมีปฏิสัมพันธ์กับคนท้องถิ่นมาก
หลี่ว์ซู่เห็นว่าพวกเขาเหมือนจะเป็นกลุ่มของคนชนบทมากกว่า
พวกเขาไม่สนใจจะปกป้องความสงบสุขอะไร แต่จะเอาผู้มีพลังทั้งหลายออกมาจัดการแสดงในทุกๆ เทศกาล ก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกผู้มีพลังที่นี่นั้นค่อนข้างแปลกประหลาดออกไปจากที่อื่นเล็กน้อย
หรือไม่แปลกประหลาดกันนะ ใครบอกว่าผู้มีพลังจะต้องสู้กันอย่างเดียวล่ะ หลี่ว์ซู่คิดว่าการที่พวกเขาทำแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน
ตอนที่หัตถ์ดำเริ่มขยายอำนาจนั้นก็ทำให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างหัตถ์ดำและคาร์เทลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หัวหน้ากลุ่มหัตถ์ดำจะต้องมาที่ซาร์ดิเนียเพื่อมาต่อสู้กับคาร์เทล แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้
ไม่ใช่แค่นั้น แต่หัวหน้าหัตถ์ดำถึงกับได้รับบาดเจ็บตรงลูกอัณฑะลูกหนึ่งของเขาด้วย มันถูกบันทึกลงไปในข้อมูลผู้ป่วยของโรงพยาบาล
หลังจากนั้นเขาก็กลับมาแก้แค้นอีกรอบ แต่ก็เอาชนะไม่สำเร็จ ทำให้เรื่องนี้ยังคงค้างคาอยู่
หัวหน้าของกลุ่มหัตถ์ดำนั้นมีอายุยี่สิบเจ็ดปี เขาชื่อว่าแพทริคและยังเป็นเสือผู้หญิงด้วย เขาชอบไปหยอกเล่นกับพวกดาราในยุคที่ยังไม่มีการปะทุพลัง ว่ากันว่าตอนที่เขาไปเจอคอรัลครั้งแรกในงานเลี้ยงเขาก็ตกตะลึงไปเลย เขาไม่สนว่าความสามารถของพวกเขาจะแตกต่างกันมากขนาดไหน แต่เขาใช้ประสบการณ์ในการจีบผู้หญิงเข้าหาคอรัล และเขาก็ให้คำมั่นไว้ด้วยว่าคอรัลจะต้องแต่งงานกับเขา…
หลังจากนั้นมาเขาก็ไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นๆ อีกเลย แต่เขาก็หาทางใกล้ชิดคอรัลไม่ได้เสียที เขาต้องไปสวีเดนเพื่อไปหาเธอ แต่คอรัลไปตั้งกลุ่มเทวาเสียแล้ว
หลังจากที่คอรัลต่อสู้กับกลุ่มทวยเทพเสร็จเขาก็ชื่นชมเธอเป็นอย่างมาก เข้ากับสำนวนจีนที่ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลับบ้านมาก็มีค่ามากกว่าได้ทองแท่งแล้ว
หลี่ว์ซู่เข้าใจแล้วล่ะ ผู้ชายคนนี้อยากเข้าไปใกล้ชิดกับคอรัลนี่เอง
แต่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บตรงลูกอัณฑะลูกหนึ่งนี่นา ยังไม่เข็ดอีกเหรอ แถมความแข็งแกร่งถ้าเทียบกันระหว่างหัตถ์ดำและกลุ่มเทวานั้นแตกต่างมากเกินไปด้วย เขาไม่กลัวว่ากลุ่มหัตถ์ดำของตัวเองจะโดนกลุ่มเทวาจัดการเละไม่เป็นท่าเหรอ
หรือนี่จะเป็นอย่างที่ใครเขาพูดกัน ผู้ชายที่เหลืออัณฑะลูกเดียวจะกล้าบ้าบิ่นไม่กลัวใคร!
หลี่ว์ซู่ส่งข้อความหนึ่งออกไปหาโยวหมิงอวี่ [ทำไมไม่รีบบอกข้อมูลที่สำคัญขนาดนี้มาก่อนล่ะครับ!]
[มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ!] โยวหมิงอวี่ตอบกลับอย่างแปลกใจ
หลี่ว์ซู่มองออกไปแล้วเห็นขบวนรถหรูขับมาจอดนอกโรงแรมที่คอรัลอยู่ ขบวนนั้นดูจัดอย่างยิ่งใหญ่มาก
มีใครคนหนึ่งเปิดประตูรถเบนต์ลีย์ออกมา เขาสวมสูทสีขาวทั้งตัว ผมของเขาถูกเก็บเป็นเปียเส้นสั้นๆ พอหลี่ว์ซู่เห็นเขาคนนั้นก็อยากจะเข้าไปต่อยสักทีสองที เกิดไม่ชอบหน้าขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ…
ผู้หญิงอย่างคอรัลไม่มีวันชอบคนแบบนี้หรอก เขาดูขี้อวดเกินไป ทำไมจะต้องอวดรวยขนาดนี้ด้วย พวกกลุ่มเทวานั้นรวยกว่าเห็นๆ หลี่ว์ซู่บ่นอยู่ในใจ
เมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างกับว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ ก็มีผู้มีพลังธาตุดินสองคนเดินมาขวางเขาไว้ ดูเหมือนว่ากลุ่มเทวาจะไม่รับแขกวันนี้นะ
หลี่ว์ซู่เห็นว่านี่ดูน่าสนใจดีนี่ พวกผู้มีพลังธาตุดินนั้นช่วยปกปิดความลับไว้ ทำได้ดีพอควรเลยล่ะ
แล้วหัวหน้ากลุ่มหัตถ์ดำอย่างแพทริคก็คงไม่คิดว่าคนอย่างตัวเองจะเข้าไปไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ทำเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เขาหยิบกล่องใหญ่กล่องหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ผู้มีพลังธาตุดินสองคนนั้น หลังจากนั้นเขาก็กลับเข้าไปในรถแล้วจากไป
ผู้มีพลังธาตุดินสองคนนั้นเอากล่องที่เพิ่งได้รับมากลับเข้าไปในโรงแรม หลี่ว์ซู่ไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่ข้างในกล่อง แต่เขาสงสัยเหลือเกิน
จากนั้นเขาก็เห็นผู้มีพลังธาตุดินสองคนนั้นเดินออกมาอีกครั้ง พวกเขาเปิดกล่องใหญ่ ๆ ที่ดูสวยงามปราณีตนั้นออกแล้วทิ้งไว้กลางถนน ในกล่องนั้นเต็มไปด้วยกุหลาบนับไม่ถ้วน
ผู้มีพลังธาตุดินสองคนนั้นเริ่มแจกจ่ายดอกกุหลาบกับคนที่เดินผ่านไปมา พวกเขาไม่เหลือทิ้งไว้เลยสักดอก
หลี่ว์ซู่คิดว่าวิธีการจัดการดอกกุหลาบที่พวกเขาใช้นี้แปลกดีนะ แต่เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับคอรัล และมีอะไรที่เขาพอจะช่วยได้บ้างหรือเปล่า
พวกสมาชิกจากกลุ่มแก่นความเชื่อเดินออกมาถึงชั้นสี่แล้ว หลี่ว์ซู่ได้ยินพวกเขาเดินเข้าไปในห้องที่ถัดไปจากห้องข้างๆ เขา น่าสนใจดีไหมล่ะ องค์กรที่แข็งแกร่งสามองค์กรพักอยู่ในโรงแรมเล็กๆ ด้วยกันรวมถึงตัวเขาเองด้วย
พวกคนของหัตถ์ดำพักอยู่ตรงกลางระหว่างหลี่ว์ซู่และกลุ่มแก่นความเชื่อนั่นเอง
ตอนที่ 685 คำขู่
ห้องของโรงแรมเล็กๆ นี่ก็ต่างเป็นห้องธรรมดาทั่วไป มีเตียงขนาด 1.5 เมตร อยู่สองเตียง หลี่ว์ซู่เพิ่งเห็นว่าห้องรอบข้างเขานั้นหรือว่าห้องถัดไปก็ตาม แขกที่มาพักต่างเป็นผู้ชายทั้งหมด
เขาหลบอยู่หลังผ้าม่านเพื่อสอดส่องดูโรงแรมที่คอรัลอยู่จากช่องผ้าม่านแคบ ๆ แต่เขาก็ไม่เห็นว่าคอรัลจะปรากฏตัวออกมาเลย
หลี่ว์ซู่รอให้บางอย่างเกิดขึ้น ถ้าพวกหัตถ์ดำตรวจสอบประวัตินักท่องเที่ยวจีนธรรมดาๆ อย่างเขาแล้ว หลี่ว์ซู่ก็คิดว่าพวกนี้น่าจะทำเหมือนกันกับพวกแก่นความเชื่อ และกลับกันพวกแก่นความเชื่อก็จะตรวจประวัติพวกหัตถ์ดำเหมือนกัน
พวกเขาต่างมีภารกิจที่แตกต่างกันและจะต้องเกิดการขัดแย้งขึ้นแน่
พอตกดึกมาพวกหัตถ์ดำก็ออกไปข้างนอกกัน ขณะที่หลี่ว์ซู่พยายามเดาว่าพวกเขาจะไปที่ไหนอยู่นั้นพวกเขาก็กลับมาที่โรงแรมพร้อมกับหมูหันสองตัวและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกหลายขวด
หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ พวกคนอิตาลีนี่อธิบายยากจริง ๆ
แต่เขาก็ใจเย็นลงแล้ว ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้อะไรเลย แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้อะไรมาบ้างพอที่จะประเมินสถานการณ์ได้แล้วล่ะ
ถ้าหัวหน้าบาทหลวงจากกลุ่มแก่นความเชื่อไม่มาปรากฏตัวที่นี่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ต้องกลัวใครบนเกาะนี้แล้ว อีกอย่างไม่ว่าพวกกลุ่มแก่นความเชื่อหรือกลุ่มหัตถ์ดำจะตรวจประวัติเขา พวกนั้นก็จะคิดว่าคิดว่าเขาเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดา ๆ เท่านั้น
ถึงสถานการณ์ในตอนนี้จะไม่แน่นอนอะไรแต่มันก็เอื้อให้หลี่ว์ซู่ผ่านได้ง่าย ๆ
หลี่ว์ซู่เองก็กำลังจะลงไปซื้ออาหารเหมือนกัน ในขณะที่เขากำลังเดินออกไปนั้นพวกกลุ่มแก่นความเชื่อก็เดินออกมาจากห้องเหมือนกัน มีใครคนหนึ่งเดินนำออกมาและดูเหมือนว่าเขาอยากจะแกล้งให้หลี่ว์ซู่กลัวเล่นๆ เขายิ้มเสแสร้งให้หลี่ว์ซู่ก่อนถามออกไปเป็นภาษาอังกฤษ “มาเที่ยวคนเดียวไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีเหรอ อย่างแขนหักหรือขาหักอะไรแบบเนี้ย”
หลี่ว์ซู่เงียบไปสองวินาทีก่อนตอบ “ผมมีประกันสุขภาพอยู่ครับ”
พวกสมาชิกของกลุ่มแก่นความเชื่ออึ้งกันไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เข้าใจที่หลี่ว์ซู่พูดหรอกนะ เพราะประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปในทั่วโลก แต่ถึงจะมีประกันสุขภาพแล้วทำไมถึงได้ใจกล้าแบบนี้นะ!
[ได้แต้มจากจากไอแซค มาริโน่ +666!]
[ได้แต้มจากจาก…+…]
พวกเขาอยากจะแกล้งให้นักท่องเที่ยวคนนี้กลัวแล้วไล่ล่าเขาเล่น ๆ ปกติแล้วพวกนักท่องเที่ยวนั้นจะกังวลมากกว่าปกติอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาอยากจะไล่นักท่องเที่ยวไปก็ทำได้ง่าย ๆ แค่เข้าไปขู่นักท่องเที่ยวก็เท่านั้น แต่พวกเขาเจอนักท่องเที่ยวที่ทำประกันสุขภาพไว้เข้าแล้วสิ
แล้วยังไงล่ะ มีประกันสุขภาพแล้วมันยังไงกัน!
บรรยากาศรอบๆ เริ่มกระอักกระอ่วนขึ้นมา ไอแซค มาริโน่เห็นว่าไอ้หนุ่มตรงหน้าคนนี้มันมีอะไรแปลกๆ
แต่หลี่ว์ซู่เองก็ไม่ได้โกหกนะ เขามีประกันสุขภาพจริง ๆ เครือข่ายฟ้าจะส่งเงินค่าชดเชยจากเบี้ยประกันให้เขาทุกเดือนแหละ
เขาไม่กลัวพวกกลุ่มแก่นความเชื่อเลย หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าพวกนี้แค่อยากจะไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไปจากบริเวณที่คอรัลอยู่ก็เท่านั้น แต่พวกเขาควรไปเริ่มที่พวกหัตถ์ดำดีกว่าไหม
พวกองค์กรใหญ่ๆ นั้นต่างก็เกิดข้อขัดแย้งกันในช่วงเวลาสองสัปดาห์ก่อนการประมูล และมีสององค์กรใหญ่ที่อาจจะมีส่วนร่วมในข้อขัดแย้งนี้ด้วยโดยที่คอรัลไม่รู้ตัวเลย
แต่หลี่ว์ซู่เข้าใจทั้งสองฝ่ายนะ พวกหัตถ์ดำไม่ได้เป็นพวกคนดี และหัวหน้ากลุ่มหัตถ์ดำอย่างแพทริคเองก็ทำเกินไปด้วย เขาไม่ได้คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไรตอนที่เขาสารภาพว่าชอบเธอไป ทำไมต้องให้เธอมารู้สึกไม่ดีอย่างนี้ด้วยนะ!
หลี่ว์ซู่เริ่มโกรธขึ้นมาเสียแล้วสิ
หลี่ว์ซู่ทำเป็นไม่สนใจพวกกลุ่มที่เดินออกไป พอพวกเขาเดินสวนกันไป ไอแซคก็จับแขนเขาไว้แล้วพูดว่า “หวังว่าจะฟังคำเตือนฉันไว้นะ อย่าทำเป็นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาล่ะ เด็กหนุ่มๆ อย่างนายมันเลือดร้อน แต่ไม่ได้แปลว่านายจะเก่งไปทุกที่หรอกนะ”
ตอนหลี่ว์ซู่โดนจับแขนแน่นอย่างนั้นเขาก็เตรียมตัวฆ่าไอแซคไปเสียแล้วสิ เขาไม่รู้หรอกว่ากลุ่มแก่นความเชื่อนั้นจะมาตรวจประวัติเขาหรือเปล่า แต่ระวังไว้ก่อนก็ดี เขาจะใจเย็นลงได้เมื่อไอแซคมาขู่เขาแบบนี้แหละ เขาเลยยิ้มตอบและพูดเสียงเรียบๆ “ขอบคุณครับสำหรับคำเตือน”
แล้วไอแซคก็ปล่อยแขนเขาออก หลี่ว์ซู่มองตามขณะที่พวกนั้นเดินลงไป ไอแซคพูดขึ้นมา “หมอนี่ไม่เหมือนกับนักท่องเที่ยวทั่วไปเลย แต่มันก็ไม่ได้ปล่อยคลื่นพลังงานออกมา จับตาดูมันไว้ล่ะ มาดูกันว่ามันจะย้ายออกไปดีๆ หรือเปล่า”
จนถึงตอนนี้แล้วความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มแก่นความเชื่อและกลุ่มฟีนิกซ์ได้ถูกตัดขาดไปแล้ว ไม่มีใครได้ข่าวจากฮาเวิร์ดเลย และฟรานเชสโก้ก็ไม่กล้าออกมายอมรับด้วยว่าตัวเองฆ่าฮาเวิร์ดไป เหมือนกับว่าอยู่ ๆ ฮาเวิร์ดก็หายตัวไปในอากาศอย่างนั้น
เรื่องนี้ก็เลยทำให้กลุ่มฟีนิกซ์โกรธมาก รากฐานของการร่วมมือกันได้พังทลายไปแล้ว อีกอย่างนักบุญและหัวหน้าบาทหลวงก็มีเรื่องบาดหมางกันอีก
เครือข่ายฟ้าดินนั้นชอบจะแก้แค้นกับเรื่องเล็กๆ เสียด้วยสิ เป็นที่รู้ดีกันอยู่แล้วว่าพวกกลุ่มแก่นความเชื่อนั้นกวนประสาทคนอื่นไม่ค่อยเป็น แล้วถ้าเครือข่ายฟ้าดินร่วมงานกับกลุ่มฟีนิกซ์แล้ว ผลที่ตามมาก็คงจะน่าดูชมเลยทีเดียว
ถึงแม้กลุ่มฟีนิกซ์อยากจะให้องค์กรชั้นนำมีความเท่าเทียมกันแล้ว พวกกลุ่มแก่นความเชื่อยังรับความเสี่ยงนั้นไว้เองด้วย
เพราะฉะนั้นไอแซคจะไม่ใช้กำลังเข้าไปขู่หลี่ว์ซู่จนกว่าเขาจะแน่ใจว่าหลี่ว์ซู่มาจากเครือข่ายฟ้าดินหรือเปล่า
หลี่ว์ซู่เดินลงมาเจอผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาพูดออกไปว่า “ทำไมถึงเอาแขกสามคนเข้าไปพักให้ห้องห้องเดียวกันได้ล่ะครับ ตั้งสองห้องเลยนะ เอ…หรือว่า คือว่าตอนผมเดินลงมาน่ะครับ ผมได้ยินพวกเขาพูดกันใหญ่เลยว่าลูกชายคุณหล่ออย่างโน้นอย่างนี้”
ลูกชายของผู้หญิงคนนั้นเข้ามาแปลให้แม่ฟัง แล้วสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็เปลี่ยนไปทันที
หลี่ว์ซู่อยากจะดูเหตุการณ์ที่ตามมาจริงๆ ต้องสนุกแน่ๆ เขาเข้าไปยุ่งกับอะไรบางอย่าง แล้วถ้าเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาล่ะ
ผู้หญิงคนนั้นนั่งคิดอยู่สักพักก่อนที่จะถามขึ้นมา “แต่คุณไม่เข้าใจภาษาอิตาลีใช่ไหมคะ”
สองกลุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่นั้นพูดภาษาอิตาลีได้ แล้วถ้าหลี่ว์ซู่ไปแอบฟังพวกเขาพูดจริง ๆ หลี่ว์ซู่จะไปเข้าใจได้อย่างไร ชาย
หนุ่มคนเดิมแปลที่แม่พูดกลับมาให้หลี่ว์ซู่ฟัง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! อย่างนั้นเองเหรอครับเนี่ย สงสัยผมจะเข้าใจผิดไปนะ”
หลี่ว์ซู่หัวเราะ เขาเข้าใจแล้วว่าเขาไม่เหมาะกับการวางแผนในสถานการณ์แบบนี้เลย
ในขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังจะเดินออกไปหาของกินในหมู่บ้านอยู่นั้น ผู้หญิงที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ก็นั่งลง สีหน้าเธอเปลี่ยนไป เธอมองหน้าลูกชาย แล้วมองขึ้นมา ที่เธอกังวลไม่ใช่เรื่องที่หลี่ว์ซู่พูดเมื่อกี้หรอก แต่การที่มีกลุ่มผู้ชายสามกลุ่มมาพักอยู่ที่โรงแรมเธอนั้นเป็นเรื่องไม่ปกติเลย อีกอย่างลูกชายเธอก็หล่อปานนี้ด้วย
เธอคิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วก็ตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา “ฮัลโหล นี่คาร์เทลหรือเปล่าคะ ฉันอยากจะแจ้งว่ามีคนแปลกๆ หกคนเข้ามาพักอยู่ในโรงแรมของฉันค่ะ แล้วพวกนี้อาจจะมาจากกลุ่มหัตถ์ดำก็ได้!”
เธอรู้ว่าสามคนนั้นไม่ได้มาจากหัตถ์ดำ แต่คาร์เทลจ้องพวกหัตถ์ดำไว้อยู่แล้วเพราะเป็นศัตรูกันมานาน ต่อหน้าก็ยิ้มให้กัน แต่ลับหลังแล้วจะแทงกันข้างหลังให้ได้
ถึงคาร์เทลจะเป็นกลุ่มที่เป็นมิตรและพวกเขาหวังว่าผู้มีพลังนั้นจะใช้ความสามารถมาปกป้องคนอื่น ๆ แต่พวกเขาก็ไม่ห้ามให้สู้กันนี่ พวกหัตถ์ดำมาเคาะถึงหน้าประตูบ้านเพื่อจะสู้แล้ว พวกเขาหลีกเลี่ยงไม่ได้
แล้วพอหลี่ว์ซู่กลับมาที่โรงแรมแล้วเขาก็ต้องหยุดชะงัก เพราะรอบๆ โรงแรมนั้นเต็มไปด้วยกลุ่มคนแปลก ๆ ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน…
ตอนที่ 686 อย่าไปฟังมัน!
พวกคนที่อยู่รอบ ๆ โรงแรมกำลังเดินเข้าเดินออก พวกเขาสวมชุดแบบแปลกตาและพูดคุยกันเสียงดัง ทรงผมของแต่ละคนก็เจ๋งไปเลย มีทั้งทำทรงเดรดล็อกหรือตัดเท่ๆ แบบอันเดอร์คัต
พวกเขาดูเหมือนจะเป็นศิลปิน ถ้ามีคนไม่รู้เรื่องเดินผ่านมาแล้วอาจจะคิดว่าที่นี่กำลังจัดคอนเสิร์ตหรือเทศกาลอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ ผ่านไปสักพักก็มีพวกผู้มีพลังมาสมทบ บางคนก็ใส่ไม้ต่อขา บ้างก็แต่งตัวเหมือนตัวตลก มีบางคนที่เอาลิงมาด้วย อย่างกับเพิ่งจัดละครสัตว์กันมาแน่ะ!
หลี่ว์ซู่มองดูพวกเขาอย่างละสายตาไปไม่ได้ เขาแค่ไปหาอะไรกินมา พอกลับมาแล้วเกิดอะไรขึ้นเนี่ย หรือว่าพวกมีผู้มีพลังพวกนี้จะมาจากคาร์เทลงั้นเหรอ
องค์กรนี้ทำให้ความเชื่อที่เขาเคยมีเปลี่ยนไปเลย!
พวกคาร์เทลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ และพวกสมาชิกของคาร์เทลก็ชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้ว ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาไม่กลัวพวกเขาเลย
แต่เรื่องมันไม่เหมือนเดิมแล้ว มีผู้มีพลังคนหนึ่งที่ไว้ผมเดรดล็อกและใส่โซ่ทองอันใหญ่ออกมาพูดกับทุกคน “ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวลและไม่ต้องกลัวนะครับ พวกนี้เป็นพวกหัตถ์ดำ เราจะไม่รบกวนพวกคุณมาก เราจะสู้กับมันแล้วกลับไปอย่างเงียบๆ …”
แพทริคก็อยู่บนเกาะนี้เหมือนกัน แต่พวกเขาจะไม่ไปสู้กับแพทริคหรอกเพราะเขานั้นเป็นระดับ B ถ้าพวกเขาตัดสินใจต่อสู้กับเขาแล้วเดี๋ยวเรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่
และที่สำคัญ หัวหน้าของคาร์เทลตอนนี้ยังอยู่ทางตอนเหนือของซาร์ดิเนียเพื่อจัดงานดนตรี พวกเขาไม่อยากเสียเวลาจัดการกับแพทริคหรอก
ทุกคนไม่ชอบใจนักที่แพทริคมาที่ชาร์ดิเนีย แต่ตอนนี้พวกเขามีโอกาสจะได้จับคนจากหัตถ์ดำทั้งหกคน น่าสนใจมากจริง ๆ
เมื่อชาวบ้านในซาร์ดิเนียได้ยินแบบนั้นก็สนใจขึ้นมาและไม่อยากหลบออกไป พวกเขาอยากรอดูการต่อสู้ระหว่างผู้มีพลังน่ะสิ มีคนกำลังเริ่มขายบุหรี่ไปทั่วแล้วด้วย
จากนั้นพวกคนของหัตถ์ดำและกลุ่มแก่นความเชื่อก็เดินออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา สมาชิกคนหนึ่งของหัตถ์ดำพูดขึ้นมาว่า “พวกคาร์เทลหาเรื่องสู้กับคนอื่นก่อนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“สู้งั้นเหรอ” ใครคนหนึ่งตอบกลับ “นี่มันไม่ใช่การต่อสู้เลยนะ เราอยากจะอัดพวกแกให้เละ ทำไมพวกถึงจะไปสู้กับลูกชายของผู้หญิงคนนี้ล่ะ”
ผู้มีพลังของคาร์เทลชี้ไปที่ผู้หญิงข้างหลังเขา แล้วผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงก็ดูลังเลไป
“ฉันอยากจะไปสู้กับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่ได้มีงานอดิเรกหาเรื่องคนนะ!”
ผู้หญิงคนนี้พาพวกเขาซวยเสียแล้ว แถมพวกเขาก็หนีไปไหนไม่ได้ด้วย ตอนแรกผู้หญิงคนนี้อยากจะโทรหาให้ใครบางคนมาจัดการพวกหัตถ์ดำก็เท่านั้น แต่เธอไม่ได้คิดว่าจะมีคนมามากขนาดนี้นี่! เธอเองยังตกใจเลย
แล้วพอคนมากเยอะขนาดนี้เธอก็ไม่สามารถยอมรับได้ว่าตัวเองโกหกไป เพราะฉะนั้นเธอเลยพูดออกมา
“มีผู้ชายหกคนมาขอห้องพัก แล้วฉันเองก็ได้ยินพวกเขาพูดว่าลูกชายฉันหล่อ”
ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงงงไปหมด
แล้วพวกเขาไปเกี่ยวอะไรด้วยวะ!
เขามองดูผู้คนที่เดินไปมาและรู้แล้วว่าพวกคาร์เทลแค่จะหาเหตุผลมาอัดพวกเขาเท่านั้น พวกคาร์เทลเป็นพวกรักสงบมาก และกลุ่มหัตถ์ดำก็จะไม่ไปหาเรื่องพวกเขาก่อนหรอก คงจะดีกว่าถ้าไม่สร้างปัญหาในซาร์ดิเนีย ที่คาร์เทลมาที่นี่ก็แค่อยากจะมาช่วยผู้หญิงคนนี้เท่านั้น
แต่ตอนนี้หัตถ์ดำก็กลัวที่จะโดนคาร์เทลอัดจะตายอยู่แล้ว!
เขาตัดสินใจกัดฟันอธิบายออกไป แต่ผู้มีพลังจากคาร์เทลไม่อยากจะฟังเขา พวกเขามาเพื่อจะอัดให้เละแล้ว
แล้วทันใดนั้นสมาชิกของกลุ่มแก่นความเชื่อก็คิดออกว่าตัวเองไม่ได้เป็นเป้าหมายในสถานการณ์ครั้งนี้ และนี่เป็นข้อขัดแย้งของคาร์เทลและหัตถ์ดำเท่านั้น พวกเขากระแอมก่อนพูดออกไป “เราสามคนไม่ได้มาจากหัตถ์ดำครับ เรากลับไปได้ไหม”
“อ้าว พวกแกไม่ได้มาจากหัตถ์ดำเหรอ” คนจากคาร์เทลสับสน
“ถ้าไม่เชื่อเรา ถามเขาก็ได้ครับ” ไอแซคยักไหล่
แล้วทุกคนก็จับจ้องไปที่ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงคนนั้น
“พวกมันก็มาจากหัตถ์ดำนั่นแหละ” คนมีพลังที่ดูแข็งแรงตอบอย่างจริงจัง ไอแซคงงไปเลย
“พี่ชาย ทำไมทิ้งกันแบบนี้ล่ะ ถ้าฉันกลับไปได้ ฉันจะเอาไปบอกให้ทุกคนรู้!” ชายที่ดูแข็งแรงตัดพ้อ
“อะไรของมันวะ อย่าไปฟังพวกมันนะ!” ไอแซคและคนอื่นๆ เริ่มลุกลี้ลุกลนแล้ว!
[ได้แต้มจากจากไอแซค มาริโน่ +666!]
[ได้แต้มจากจาก…+…]
[ได้แต้มจากจาก…+…]
หลี่ว์ซู่ดีใจจนมึนหัวไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพวกแก่นความเชื่อก็ดี หรือกลุ่มหัตถ์ดำก็ดี เขาได้แต้มอารมณ์อย่างมากจากพวกนี้เลย แล้วเขาเองนี่แหละที่เป็นต้นเหตุของปัญหา!
ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงคิดอยู่แล้วว่าตัวเองจะโดนอัดแน่ๆ แต่ก็เรื่องก็หักมุมมาแบบนี้จนได้เมื่อเขาเอาพวกแก่นความเชื่อเข้าไปเอี่ยวด้วย
ไม่อย่างนั้นพวกเขาสามคนก็โดนคนตั้งห้าสิบคนรุมน่ะสิ แต่ถ้าพวกเขาหกคนสู้ด้วยกันแล้ว พวกเขาสามคนก็จะสู้แค่กับ 20 คนเท่านั้น ตัวเลขพวกนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่นี่
ดูความสามารถทางคณิตศาตร์ของเขาสิ! ความรู้เปลี่ยนโชคชะตาได้จริงๆ!
เริ่มแรกเลยเขาต้องเปลี่ยนโชคชะตาของไอแซคและสมาชิกอีกสองคนจากแก่นความเขื่อก่อน…
พวกหัตถ์ดำไม่เคยปรานีใครอยู่แล้ว พวกเขาใช้วิธีโกงและหักหลังคนอื่นมานักต่อนัก พวกเขาไม่รู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นด้วย
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็พร้อมจะขัดแย้งกันเต็มทีแล้ว หลายๆ คนจากคาร์เทลยังอยากจะรักษาภาพพจน์ศิลปินอยู่ แต่พอมีใครคนหนึ่งทำขวดเบียร์เปล่าๆ ตกลงบนพื้นเท่านั้นแหละ…การต่อสู้ก็เริ่มขึ้นทันที!
หลังจากที่โยนขวดเบียร์เปล่าลงบนพื้นแล้ว หลี่ว์ซู่ก็เข้าไปหลบอยู่ในมุมมืดเพื่อรอรับแต้มอารมณ์ เขาเอาผลชี่ไห่ออกมาจากกระเป๋า เขาเห็นแล้วว่าจุดชี่ไห่เสวี่ยซานที่เป็นภูเขาหิมะเกือบจะก่อตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาจะขุดและถล่มภูเขานี้ลงเพื่อเอาวิญญาณกระบี่ดวงที่สองมา!
หลังจากที่ได้กระบี่เฉวียอินมาแล้ว เขาก็ก้าวหน้าในภูเขาหิมะมาก ถ้านับกันแล้ว หลี่ว์ซู่ก็มีกระบี่บินอยู่สามเล่มด้วยกัน แต่กระบี่เฉวียอินนั้นสามารถกระจายออกเป็นสามสิบหกเล่มได้!
ถ้ากระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อนั้นโดดเด่นเรื่องความเร็ว กระบี่เฉวียอินก็โดดเด่นในเรื่องของปริมาณ
หลี่ว์ซู่หลบอยู่ในเงามืดและกำลังจะกินผลชี่ไห่เข้าไปเพื่อสร้างภูเขาหิมะให้เสร็จ แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เขาหันกลับแล้วเจอคอรัลจ้องมาที่เขา
พอคอรัลเห็นเขาแล้วเธอก็ระเบิดร้องไห้ออกมาทันที “ทำไมนายไม่เคยโทรหากันบ้างเลย”
หลี่ว์ซู่จ้องเธอกลับอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร และผลชี่ไห่ยังอยู่ในมือเขาอยู่เลย แต่แล้วเขาก็เอาผลล้างไขกระดูกแปดผลออกมาจากกระเป๋ายัดเข้าไปในมือของคอรัล “อันนี้ดีนะ เอาไปกินสิ”
“ตอบฉันมานะ อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ” เธอโมโหหนัก
คอรัลทนอายมามาก เธอคิดว่าหลี่ว์ซู่จะไม่สนใจอะไรเธออีกแล้ว เธอต้องสร้างเรื่องหลอกตัวเองมาตลอด แต่พอเธอเห็นหลี่ว์ซู่แล้วทุกอย่างก็สลายไปหมดเลย เธออยากจะปาผลพวกนี้ใส่หลี่ว์ซู่แทบตาย แต่ใจบาง ๆ ของเธอทำเรื่องแบบนั้นไม่ลง
“ไม่ต้องถามต่อหรอก ผลพวกนี้อร่อยนะ รีบกินเข้าไปเร็ว” หลี่ว์ซู่ไม่ได้อธิบายว่าผลพวกนี้คืออะไร แต่เขารู้สึกว่าผลล้างไขกระดูกพวกนี้คงจะช่วยคอรัลได้ เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่คิดมากเรื่องจะเป็นข่าวอะไรแล้ว เขาแค่อยากให้คอรัลรีบๆ กินผลพวกนี้เข้าไปเร็วๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น