ตามใจรัก สาวนักแฮก 672-679

 ตอนที่ 672 ตระกูลที่เป็นปริศนา


 


 


สิ่งแรกที่มู่ไป๋และซิงเหอคิดหลังจากได้เห็นสิ่งนี้คือนี่ต้องเป็นตระกูลเฮ่อหลานที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงแล้วโปรเจกต์กาแล็กซีเกี่ยวข้องอะไรกับการรวบรวมเด็กกำพร้า


 


 


ซิงเหอและมู่ไป๋ไม่อาจคิดหาคำอธิบายในเรื่องนี้ได้ พวกเขาทำได้เพียงแค่รอข้อมูลเพิ่มเติมจากตระกูลเฉินเท่านั้น แต่ด้วยความช่วยเหลือของท่านประธานาธิบดี ทำให้การตรวจสอบเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้นมาก


 


 


ไม่นานพวกเขาก็พบข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานมากขึ้น ตระกูลเฮ่อหลานนั้นมาจากประเทศจีนแต่ภายหลังได้อพยพไปยังประเทศ R ซึ่งเป็นที่ที่ธุรกิจของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองและทำให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศนั้น หลังจากนั้นตระกูลเฮ่อหลานก็ได้เริ่มมีส่วนร่วมในการทำงานการกุศลและสร้างสถานรับเลี้ยงเด็กพร้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ R


 


 


เพื่อเป็นการตอบแทนแผ่นดินเกิดของตัวเอง พวกเขาจึงตั้งใจที่จะรวบรวมเด็กกำพร้าจากประเทศจีน อย่างไรก็ตาม พวกเขาแตกต่างจากครอบครัวเศรษฐีทั่วไปเพราะพวกเขาไม่เคยโฆษณาหรือป่าวประกาศกิจกรรมทางการกุศลของตนเอง ที่จริงแล้วตลอดช่วงยี่สิบถึงสามสิบปีที่ผ่านมา ข่าวคราวเกี่ยวกับพวกเขาค่อยๆ เงียบหายไปจนไม่มีข่าวใดๆ เลย เช่นเดียวกับที่ทุกคนได้ลืมเลือนเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขา ไม่น่าแปลกใจที่ซิงเหอและมู่ไป๋จะไม่อาจหข้อมูลอะไรเกี่ยวกับพวกเขาได้


 


 


แม้แต่ตระกูลเฉินยังไม่เคยได้ยินเรื่องของตระกูลเฮ่อหลาน ถ้าไม่ใช่เพราะการตรวจสอบนี้พวกเขาคงไม่รู้ว่ามีตระกูลปริศนาเช่นนี้อยู่ในโลกใบนี้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับตระกูลเฉิน พวกเขาเพียงแค่ต้องการตามหาลูกที่พลักพลากของพวกเขาเท่านั้น


 


 


แต่แม้จะทำการติดต่อไปยังองค์กรการกุศลดังกล่าวก็ยังไม่มีสิ่งใดนำไปสู่ที่อยู่ของลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินได้ แม้ท่านประธานาธิบดีจะติดต่อขอความช่วยเหลือส่วนตัวไปยังรัฐบาลของประเทศ Y แต่ข้อมูลที่ได้มาก็ยังไม่เพียงพอ


 


 


นั่นเป็นเพราะองค์กรการกุศลนี้เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นเมื่อสามสิบปีก่อน ข้อมูลทั้งหมดจึงมอดไหม้ไปกับเปลวเพลิงและเกือบทำให้ตระกูลเฮ่อหลานต้องล้มละลาย


 


 


ตระกูลเฮ่อหลานไม่อาจเลี้ยงดูเด็กๆ เหล่านั้นได้อีกต่อไป จึงทำให้เด็กๆ บางส่วนได้รับการอุปการะจากครอบครัวต่างๆ บางคนถูกส่งไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอื่น และบางส่วนเลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยตัวเอง โชคร้ายที่ในขณะนั้นตระกูลเฮ่อหลานยุ่งอยู่กับกอบกู้ธุรกิจของตัวเองจนไม่มีเวลาหรือพลังงานในการเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวของบรรดาเด็กกำพร้าเหล่านั้น


 


 


ตระกูลเฮ่อหลานได้เปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงหลายสิบปีต่อมาและดูเหมือนจะไม่มีใครจำได้ว่าพวกเขาเคยมีคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีเช่นนี้มาก่อนในอดีต


 


 


ตระกูลเฉินไม่สามารถหาข้อมูลเพื่อช่วยให้การค้นหาเด็กหญิงง่ายขึ้นมามากกว่านี้ได้แล้ว ดังนั้นการตามหาเด็กหญิงจึงดูเหมือนเป็นการงมเข็มในมหาสมุทรและต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง!


 


 


นี่นำมาซึ่งความโศกเศร้าและผิดหวังให้แต่ตระกูลเฉินเป็นอย่างมาก ซิงเหอรู้สึกเสียใจแทนพวกเขาเช่นกัน เธอเองก็คิดว่านี่จะนำทางพวกเขาไปยังลูกสาวที่พลัดพรากไปนานได้แต่ท้ายที่สุดก็ไร้ประโยชน์


 


 


แต่กระนั้นซิงเหอกลับรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานกับโปรโจกต์กาแล็กซีมากกว่า อะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกว่าครอบครัวนี้มีบางอย่างที่ซับซ้อนยิ่งกว่าที่พวกเขาเห็น


 


 


มู่ไป๋เห็นด้วย “ผมลองตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะให้การสนับสนุนกับหลายการกุศลแต่ทั้งหมดล้วนเป็นสถานรับเลี้ยงกำพร้า แต่ที่น่าแปลกคือพวกเขามีเรื่องที่น่าสงสัยเกี่ยวกับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าทุกปี มีเด็กเสียชีวิตจากอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่องแต่ไม่มีการบันทึกเก็บไว้ มีข่าวลือไปทั่วประเทศ Y ว่าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของตระกูลเฮ่อหลานนั้นต้องคำสาป แต่มันเป็นเพียงเรื่องเล่ากันปากต่อปากและคนที่เชื่อเรื่องนี้อย่างจริงจังก็มีอยู่เพียงหยิบมือเท่านั้น เพราะสุดท้ายข่าวลือก็จางหายไป แต่ถึงยังไงมันคงไม่มีควันถ้าไม่มีไฟ บางทีเราควรจะหาข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานนี้ให้ลึกขึ้น”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 673 หมดหนทาง


 


 


ซิงเหอประหลาดใจ “คุณหาข้อมูลได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”


 


 


มู่ไป๋พยักหน้า “ใช่ ผมบังเอิญมีเพื่อนที่ประเทศ R อยู่บ้าง เลยเป็นเรื่องง่ายกับพวกเขามากกว่าที่จะหาข้อมูล จากที่ฟังมา ตระกูลเฮ่อหลานมีชื่อเสียงที่ดีในประเทศ R และเป็นตระกูลใหญ่มากเสียด้วย แต่พวกเขามักจะไม่ค่อยแสดงออกอะไรนักทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักเฉพาะในหมู่คนจีนด้วยกันเท่านั้น”


 


 


“ถ้างั้นก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเราที่จะตรวจสอบพวกเขาสินะ” ซิงเหอกล่าวสรุป


 


 


“ถูกต้อง แม้แต่สื่อของประเทศ R ยังไม่รายงานข่าวเกี่ยวกับพวกเขาเพราะพวกเขาแทบไม่ทำอะไรต่อหน้าสาธารณชนเท่าไหร่ ทำให้เป็นเรื่องยากที่พวกเราจะหาข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนพวกนี้”


 


 


“ทำไมฉันไม่ไปเยี่ยมหาพวกเขาด้วยตัวเองเสียเลยล่ะ มันเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบพวกเขาโดยไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดนี่นา” ซิงเหอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันจะไปที่นั่นในฐานะตระกูลเฉิน น่าจะเป็นเหตุผลที่เป็นทางการเพียงพอ”


 


 


การตอบสนองแรกของมู่ไป๋คือการปฏิเสธความต้องการของอีกฝ่าย “คุณจะไปคนเดียวได้ยังไง ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณทำแบบนั้นแน่”


 


 


ซิงเหอมองชายหนุ่มตรงหน้าและกล่าว “แต่ฉันต้องทำ ฉันต้องไปที่นั้นเพื่อเข้าใกล้ปริศนาของโปรเจกต์กาแล็กซี การอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำให้เราคืนหน้าไปไหน”


 


 


“แต่…”


 


 


“ฉันจะเป็นตัวแทนของตระกูลเฉิน ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ อีกอย่างฉันสัญญากับคุณแล้วว่าฉันจะไม่เอาตัวไปอยู่ในความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น” ซิงเหอให้คำมั่น มู่ไป๋จ้องไปในดวงตาทั้งสองข้างของหญิงสาวที่เปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นและเขารู้ดีว่าไม่มีทางพูดให้เธอเปลี่ยนใจได้แน่ ไม่มีใครสามารถพูดให้ซิงเหอเปลี่ยนเป้าหมายได้ เธอรู้ว่าเธอต้องการอะไรและไม่มีใครจะมาหยุดเธอจากการไปถึงเป้าหมายนั้นได้


 


 


มู่ไป๋ยังรู้สึกเป็นห่วงแต่เขาจำเป็นต้องปล่อย “โอเค แต่คุณต้องสัญญากับผมว่าคุณจะโทรหาผมทันทีที่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้นกับคุณ”


 


 


“ตกลง” ซิงเหอยิ้มเล็กน้อย มู่ไป๋เองก็ยิ้มออกเมื่อเห็นรอยยิ้มของหญิงสาว เขาเหมือนลูกไก่ในกำมือของเธอที่ไม่สามารถปฏิเสธความต้องการใดๆ ของเธอได้ เขากลัวว่าวันหนึ่งเธออาจจะขอไปจากเขาและเขาไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกัน…


 


 


เขารู้ว่านั่นเป็นขีดจำกัดของเขา เขาจะยอมรับทุกอย่างที่ยังอยู่ในเงื่อนไขที่เธอจะยังอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป…


 


 


หลังตัดสินใจได้ มู่ไป๋และซิงเหอเดินทางไปปรึกษากับผู้อาวุโสเฉิน ผู้อาวุโสรู้สึกประหลาดใจด้วยความยินดี “เธออยากจะไปประเทศ R ด้วยตัวเองเพื่อช่วยเราค้นหางั้นเรอะ”


 


 


ซิงเหอพยักหน้า “แต่ไม่ใช่เท่านั้น ที่จริงฉันมีความสนใจอื่นเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานเป็นการส่วนตัว และในเมื่อเราบังเอิญมีเป้าหมายเดียวกัน ฉันหวังว่าผู้อาวุโสเฉินจะอนุญาตให้ฉันไปยังประเทศ R เพื่อข่วยค้นหาลูกสาวคนที่สองของผู้อาวุโสเฉิน”


 


 


“ทำไมเธอถึงได้สนใจตระกูลเฮ่อหลานล่ะ” ผู้อาวุโสเฉินสอบถาม


 


 


มู่ไป๋เป็นผู้ตอบ “ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย แต่พวกเรายังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ได้ มันเกี่ยวข้องกับการตามหาใครคนหนึ่งเช่นกัน เราสงสัยว่าตระกูลเฮ่อหลานนี่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการลับๆ อีกหลายอย่าง ดังนั้นเราหวังว่าจะใช้โอกาสนี้ในการล้วงความลับเรื่องนี้ออกมา”


 


 


ผู้อาวุโสเฉินพยักหน้าและถอนหายใจ “แปลกดี ฉันกำลังเตรียมส่งไปบางคนไปที่ประเทศ R อยู่พอดีแต่ยังไม่มีใครที่ดีพออยู่ในใจ ถ้าเป็นเธอสองคน ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบ! ฉันเชื่อมั่นในความสามารถของพวกเธอและถ้าเธอต้องการจะช่วยฉันหาลูกสาวแล้วละก็ ฉันจะรู้สึกยินดีไปตลอดชีวิตเลย”


 


 


รอยยิ้มอย่างสุขใจปกคลุมใบหน้าของผู้อาวุโสเฉิน


 


 


ซิงเหอยิ้มกลับ “นี่หมายความว่าคุณยอมรับข้อเสนอของเราใช่ไหมคะ”


 


 


“แน่นอนที่สุด!” ผู้อาวุโสเฉินตอบรับอย่างง่ายดาย


ตอนที่ 674 ส่วนหนึ่งของตระกูลเฉิน


 


 


“ทำไมฉันถึงต้องปล่อยโอกาสดีแบบนี้ไปด้วยล่ะ ฉันมันผ่านช่วงเวลารุ่งโรจน์มาแล้วและนี่เป็นเพียงความหวังเดียวที่ฉันมี ถ้าเธอช่วยฉันเรื่องนี้ได้ แน่นอนว่าฉันจะต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว”


 


 


“ขอบคุณค่ะ ฉันจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยหาที่อยู่ของลูกสาวคุณ!” ซิงเหอให้คำมั่นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ด้วยความประทับใจในความจริงใจของซิงเหอทำให้ความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัวของผู้อาวุโสเฉิน


 


 


เขาพิจารณาซิงเหอย่างถี่ถ้วนและอดถามไมได้ “ในครอบครัวของเธอมีใครอีกบ้าง พ่อกับแม่ของเธอยังอยู่ไหม”


 


 


ซิงเหอชะงักไปเล็กน้อย เธอไม่รู้เลยว่าทำไมผู้อาวุโสเฉินจึงถามเธอเรื่องนี้ แต่กระนั้นเธอเลือกที่จะตอบด้วยความสัตย์จริง “คุณพ่อของฉันเสียไปหลายปีแล้ว ส่วนคุณแม่เองก็หายสาบสูญไปก่อนหน้านั่น จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้ว่าคุณแม่อยู่ที่ไหน แต่ฉันยังมีคุณอาและลูกพี่ลูกน้องอยู่กับฉันค่ะ”


 


 


ผู้อาวุโสเฉินยินดีอยู่ในใจเมื่อได้ยินดังนั้น ด้วยสถานปัจจุบันของซิงเหอทำให้เขาสามารถเสนอสิ่งต่อไปนี้ได้


 


 


“ในเมื่อทั้งพ่อและแม่ของเธอไม่ได้อยู่แล้ว เอาอย่างนี้ไหม ฉันจะรับเธอเป็นหลานสาวบุญธรรมของฉัน” ผู้อาวุโสเฉินเสนอพร้อมรอยยิ้ม ซิงเหอและมู่ไป๋ช็อก!


 


 


“ทำไมล่ะคะ” ซิงเหอรู้สึกประหลาดใจ


 


 


ผู้อาวุโสเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม “เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะไปประเทศ Y ในฐานะตัวแทนของตระกูลเฉิน ดังนั้นเธอต้องมีตัวตนที่ชัดเจน ถ้าเธอเป็นหลานสาวบุญธรรมของฉันก็จะน่าเชื่อถือขึ้น ไม่เห็นด้วยงั้นรึ แน่นอนว่าตัวฉันเองก็สนใจอยากรับเธอเป็นหลานอยู่แล้ว เธอเป็นคนมีความสามารถมากและช่วยพวกเราในการล้างแค้นให้สำเร็จ ดังนั้นพวกเราทุกคนรู้สึกขอบคุณในความช่วยเหลือของเธอและพวกเราทุกคนเอ็นดูเธอนะ แถมเธอยังได้ช่วยชีวิตของท่านประธานาธิบดีเอาไว้ด้วย ดังนั้นฉันมั่นใจว่าเสี่ยวอวี๋เองก็ยินดีมากที่จะรับเธอเป็นลูกบุญธรรมเช่นกัน”


 


 


ซิงเหอชะงัก “แต่ทำไมคนสำคัญอย่างท่านผู้หญิงถึงจะมารับฉันเป็นลูกบุญธรรมล่ะคะ”


 


 


ผู้อาวุโสเฉินเท่าใจการสงวนท่าทีของซิงเหอและส่ายหน้าก่อนเอ่ย “เสี่ยวอวี๋เขายินดีที่จะรับเธอเป็นลูกบุญธรรม ถึงยังไงซะเสี่ยวอวี๋ก็ไม่มีลูกเป็นของตัวเองและจะเป็นแค่พลเมืองธรรมดาคนหนึ่งหลังจากที่ท่านประธานาธิบดีเกษียณอายุไปแล้ว นี่เป็นความต้องการของเสี่ยวอวี๋เองที่อยากได้เธอเป็นลูกบุญธรรม ถ้าเธอยินดี เรื่องนี้ก็ถือเอาตามนี้! ดังนั้นช่วยรับข้อเสนอนี่เถอะนะ พวกเราทุกคนชอบเธอจริงๆ และฉันเองก็จริงจังกันข้อเสนอนี้”


 


 


“…” ซิงเหอไม่รู้จะพูดอะไรและเธอหันไปมองมู่ไป๋โดยไม่รู้ตัว


 


 


มู่ไป๋ยิ้มอย่างมีความสุข “คุณควรตอบตกลง! นี่เป็นเรื่องดีนะ คุณไม่อยากมีครอบครัวที่รักคุณเพิ่มขึ้นงั้นเหรอ”


 


 


แววตาของซิงเหอสั่นเล็กน้อย ใช่ นี่คือสิ่งที่ฉันกำลังมองหาอยู่ไม่ใช่หรือ


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกับตระกูลเฉินมากขึ้น เธอตระหนักได้ว่าเธอรู้สึกใกล้ชิดกับพวกเขาอย่างอธิบายไม่ถูก ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกรังเกียจที่จะได้รับการอุปการะจากพวกเขา


 


 


“ได้ค่ะ ฉันตกลง!” ซิงเหอพยักหน้าและให้คำมั่นด้วยความจริงจัง


 


 


“ดี ดี!” ผู้อาวุโสเฉินหัวเราะอย่างสุขใจ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอคือส่วนหนึ่งของตระกูลเฉิน เป็นหลานสาวของเฉินโฮ่วเต๋อคนนี้! ถ้ามีใครกล้ามารังแกเธอในอนาคต บอกคุณตาคนนี้ได้เลย ฉันจะช่วยจัดการคนพวกนั้นให้เธอเอง!”


 


 


ซิงเหอไม่คิดว่าเขาจะมีเมตตากับเธอถึงเพียงนี้ เธอรู้สึกประทับใจและยิ่งไปกว่านั้น มันมีความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ภายในหัวใจของเธอ แต่เธอสัญญาว่าถ้าตระกูลเฉินปฏิบัติกับเธอเป็นอย่างดีและจริงใจจริงๆ แล้วละก็ เธอเองก็จะทำดีกับพวกเขาเช่นกัน การมีครอบครัวเพิ่มากขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรอยู่แล้ว


 


 


ดังนั้นซิงเหอจะได้กลายเป็นหลานสาวบุญธรรมของผู้อาวุโสเฉิน


 


 


ผู้อาวุโสเฉินรีบบอกข่าวเรื่องนี้แก่ท่านผู้หญิงทันทีและเธอยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะรับซิงเหอเป็นบุตรบุญธรรมของเธอ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 675 แทนที่


 


 


ผู้อาวุโสเฉินได้เชิญผู้คนมากมายมาเพื่อเฉลิมฉลอง ผู้อาวุโสสีอยู่ที่นั่นเพื่อเป็นสักขีพยานร่วมกับเพื่อนที่ทรงอิทธิพลอีกมากมายของผู้อาวุโสเฉิน พวกเขามองการเฉลิมฉลองครั้งนี้ด้วยความจริงจังเป็นอย่างมาก เพราะสุดท้ายซิงเหอจะกลายเป็นลูกสาวบุญธรรมของท่านผู้หญิง


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น เธอจะเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านผู้หญิง ผู้อาวุโสเฉินไม่มีหลานสาวคนอื่นนอกเหนือจากซิงเหอและเสี่ยวชี่ ซิงเหอนั้นมีอายุมากกว่าเสี่ยวชี่ ดังนั้นเพียงชั่วข้ามคืน ซิงเหอจึงกลายเป็นทายาทอันดับหนึ่งของประเทศจีน ข่าวนี้กระจายไปทั่วสังคมชั้นสูงของเมือง A อย่างรวดเร็ว


 


 


เมื่อเฉินหรูและถงเยียนได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? อยู่ๆ เซี่ยซิงเหอกลับกลายมาเป็นคนตระกูลเฉินและเป็นลูกสาวบุญธรรมของท่านผู้หญิงได้ยังไงกัน!?


 


 


มันเป็นความผิดของซิงเหอที่ทำให้พวกเธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้ จากมุมมองของพวกเธอ ซิงเหอเป็นคนทำร้ายชีวิตพวกเธอจนหมดสิ้น คนชั้นต่ำและชั่วช้าอย่างมันกลายมาเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้ยังไง? ถงเยียนปฏิเสธที่จะยอมรับความจริงนี้ เธอไม่อาจเชื่อได้ว่าตระกูลเฉินจะให้ค่าซิงเหอมากกว่าเธอ


 


 


ด้วยความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด ถงเยียนเรียกร้องคำอธิบายจากผู้อาวุโสเฉิน เธอไม่อาจยอมรับได้ว่าคุณตาอันเป็นที่รักจะหาคนอื่นมาแทนที่เธอ ไม่เพียงเท่านั้น คุณป้าที่ปฏิบัติกับเธอราวกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองยังมีลูกสาวคนใหม่อีกคนหนึ่ง และคนที่มาแทนที่เธอในทั้งสองตำแหน่งนั้นคือเซี่ยซิงเหอ คนเพียงคนเดียวที่เธอเกลียดชังมากที่สุดในโลกใบนี้!


 


 


ถงเยียนไม่อาจกลำกลืนยอมรับเรื่องนี้ได้ไม่ว่าเธอจะพยายามสักแค่ไหน พวกเขาทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง? พวกเขาทำร้ายความรู้สึกของฉันมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?


 


 


เธอยื่นคำขาดและเรียกร้องให้ทุกคนออกห่างจากเซี่ยซิงเหอ ยกเลิกงานเลี้ยงและทวงคืนความรักและความเคารพที่เซี่ยซิงเหอเป็นคนแย่งมันไปจากเธอ!


 


 


การเรียกร้องอย่างไร้เหตุผลของถงเยียนได้รับเพียงสายตาอันผิดหวังของผู้อาวุโสเฉิน


 


 


“แม้แต่ในเวลาแบบนี้ ทำไมถึงยังยึดติดอยู่กับนิสัยเดิมของตัวเองอยู่ได้?” ผู้อาวุโสเฉินถามพร้อมทั้งถอนหายใจ


 


 


ถงเยียนถอยหลังและบ่นพึมพำ “แต่คุณตาคะ หนูเป็นหลานตัวจริงของคุณตานะคะ หนูเป็นคนในครอบครัวของคุณตา เซี่ยซิงเหอนั่นต่างหากที่ไม่ใช่! ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนทำลายชีวิตหนูและเอาทุกอย่างไปจากหนู! ทุกอย่างที่คุณตากำลังยกให้มันควรเป็นของหนูแล้วมันจะมาขโมยไปจากหนูได้ยังไง!?”


 


 


ผู้อาวุโสเฉินถอนหายใจ “ถงเยียน ฉันเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบที่เลี้ยงดูเธอจนโตมาเป็นแบบนี้ ดังนั้นฉันจะไม่โทษแม่ของเธอ แต่มันถึงเวลาที่เธอควรจะเรียนรู้บทเรียนอะไรบ้างแล้ว มีแต่คนที่ทำงานหนักเท่านั้นถึงจะได้รับผลตอบแทนในชีวิต พวกเราปรนเปรอเธอมาตลอดหลายปีและมันก็มากเกินพอแล้ว นับตั้งแต่นี้เธอควรจะรู้จักพึ่งพาตัวเองและอย่าพึ่งพาคนอื่นอีกต่อไปเพื่อตัวของเธอเอง ถ้าเธอเก็บเอาเรื่องนี้ไปใส่ใจเธอจะยังคงเป็นหลานสาวของฉัน แต่ถ้ายังทำตัวดื้อดึงมากนัก เราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ตกลงตามนี้นะ ตอนนี้ช่วยกลับบ้านไปซะแล้วอย่ามาที่นี่อีก สิ่งที่เธอควรทำในตอนนี้คือยินดีที่ความจริงแล้วเธอยังเป็นคุณหนูของตระกูลถงอยู่และควรทำตัวให้เหมาะสมได้แล้ว นี่คือคำแนะนำของฉัน”


 


 


จากนั้นผู้อาวุโสเฉินลุกขึ้นและเดินจากไป ไม่ว่าถงเยียนจะแสดงท่าทีใหญ่โตแค่ไหนเขาก็ไม่หันกลับมามอง


 


 


นี่ไม่ใช่ความใจดำอำมหิตของเขาแต่การมองดูถงเยียนมีแต่จะย้ำเตือนถึงความเจ็บปวดที่ตระกูลหลินทำให้เขาต้องเผชิญ แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวของถงเยียนทำให้เธอไม่อาจเข้าใจเจตนาของผู้อาวุโสเฉินได้ในช่วงเวลาอันสั้นเพียงเท่านั้น แล้วจะไม่ให้ผู้อาวุโสเฉินผิดหวังในตัวเธอได้อย่างไร?


 


 


ก่อนหน้านี้ตระกูลเฉินคิดที่จะเพิกเฉยกับความผิดต่างๆ ของเธอเพราะเธอเป็นที่รักของพวกเขา แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ความสำคัญของเธอที่มีต่อพวกเขาถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรงเพราะเธอไม่ใช่คนตระกูลเฉินแต่กลับเป็นพวกตระกูลหลิน สำหรับสังคมจีนแล้วสายเลือดเป็นตัวตัดสินในหลายสิ่ง


ตอนที่ 676 การเดินทางครั้งใหม่


 


 


ถงเยียนไม่เคยเข้าใจว่าความสัมพันธ์นั้นต้องเกิดจากความทุ่มเทของทั้งสองฝ่าย ตบมือข้างเดียวไม่อาจมีเสียงดังได้ เช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์ มิตรภาพ ความรัก หรือสายสัมพันธ์ภายในครอบครัว


 


 


เธอยังคงคิดว่าเธอสมควรได้รับความรักทั้งหมดที่พวกเขาเคยมีให้เธออย่างมากมายเพียงเพราะเธอคือถงเยียน


 


 


ดังนั้นคำถามสำหรับตอนนี้คือ เธอจะเรียนรู้บทเรียนนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปหรือไม่


 


 



 


 


ซิงเหอไม่มีเวลามารับมือกับความเดือดดาลของถงเยียน เธอกำลังเตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังประเทศ R มันเป็นการเดินทางครั้งใหม่เอี่ยมสำหรับเธอและเธอไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรรอเธออยู่ในอนาคต


 


 


แต่เธอจะทำมันให้ดีที่สุด มู่ไป๋ช่วยเธอจัดเตรียมทุกสิ่งและทำถึงขนาดไปส่งหญิงสาวถึงสนามบินด้วยตัวของเขาเอง


 


 


เขาปรารถนาที่จะร่วมเดินทางไปกับเธอแต่เขาไม่อาจทำตามใจตัวเองได้ เขายังไม่ได้กลับไปสีเอ็มไพร์เลยนับตั้งแต่อุบัติเหตุของเขาในครั้งนั้น ถึงแม้ว่าบริษัทจะกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีแต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น บริษัทไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ตลอดกาลโดยไม่มีเขา


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น ซิงเหอเดินทางไปยังประเทศ R ในฐานะตระกูลเฉิน การที่เขาเดินทางไปด้วยจึงไม่มีประโยชน์ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือซิงเหอไม่ต้องการให้เขาละทิ้งหน้าที่ของตัวเองไปเพราะเธอ…


 


 


เขาต้องกลับไปยังบริษัทเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นเขากลัวว่าตัวเองอาจจะตามเธอขึ้นเครื่องบินไปด้วย


 


 


“จำไว้นะว่าคุณต้องดูแลตัวเองให้ดีและระวังอันตรายอยู่เสมอ ผมจะตามไปหาคุณหลังจากที่ทุกอย่างทางนี้เข้าที่เข้าทางหมดแล้ว” มู่ไป๋พร่ำบอกเรื่องนี้แก่ซิงเหอ


 


 


ซิงเหอยิ้มบาง “ฉันดูเป็นคนน่าเป็นห่วงในสายตาคุณงั้นเหรอ อีกอย่างฉันไม่ได้ไปนานสักหน่อย เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”


 


 


“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เยี่ยมเลย แต่ถ้าคุณต้องการอะไร โทรหาผมนะ อย่าแบกทุกอย่างไว้คนเดียวล่ะ”


 


 


“โอเค”


 


 


มู่ไป๋ลูบไล้เรือนผมของหญิงสาวและเอ่ยเรียกร้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แล้วก็ อย่าลืมคิดถึงผมด้วยนะ”


 


 


“ตกลง” ซิงเหอให้คำมั่นพร้อมรอยยิ้มเป็นนัยแต่มู่ไป๋อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ จากนั้นชายหนุ่มดึงอีกฝ่ายเข้ามาสวมกอดอย่างแนบแน่น เขากอดเธอไว้แน่นจนถึงเวลาขึ้นเครื่องเขาจึงยอมปล่อยซิงเหอออกอ้อมกอดของตัวเอง


 


 


ซิงเหอกล่าวลาชายหนุ่มด้วยหัวใจที่หนักอึ้งและก้าวขึ้นไปยังห้องโดยสารของเครื่องบิน ก่อนที่เครื่องจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าหลังจากนั้นไม่นาน


 


 


ซิงเหอนั่งอยู่ริมหน้าต่างและมองไปยังมู่ไป๋ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมเพื่อเฝ้ามองเธอจากไป สายตาของทั้งสองสอดประสานกันจนลับสายตาและไม่อาจมองเห็นอีกฝ่ายได้อีก


 


 


เสียงของแซมดังแทรกขึ้นมาจากด้านข้างของซิงเหอ “จำเป็นต้องทำแบบนี้จริงเหรอ ไปแค่อาทิตย์เดียวเองนะ”


 


 


อาลิเองก็ทำเสียงไม่พอใจ “อีกอย่าง นี่ใช้เวลาเดินทางแค่สองชั่วโมงเอง เราไม่ได้ไปที่ไหนไกลๆ สักหน่อย”


 


 


“ถ้าคุณสีต้องการละก็ เขาจะบินไปกลับระหว่างสองประเทศทุกวันยังได้เลย” แคร์นแนะด้วยน้ำเสียงนิ่ม แต่กระนั้นโทนเสียงของเขายังแทรกความรู้สึกอิจฉาและเหน็บแนม เพราะเขาเองก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับฉากรักกระมุ้งกระมิ้งแบบนี้


 


 


วูลฟ์เอ่ยปากขึ้น “เราพูดก็ง่ายหรอกเพราะเราไม่เข้าใจความรู้สึกของพวกเขานี่”


 


 


“เฮ้ย แกจะอยู่ข้างใครกันแน่” แซมชำเลืองตามองเพื่อนของเขา


 


 


อาลิบ่นพึมพำเช่นกัน “นายนี่ไม่ทำงานเป็นทีมเลย”


 


 


“คนทรยศ” แคร์นตำหนิอีกฝ่ายด้วยใบหน้านิ่ง


 


 


วูล์ฟโต้แย้ง “ฉันแค่พูดความจริง พวกเราที่โสดกันทุกคนไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาหรอก!”


 


 


“แล้วถ้าฉันจะให้แกเข้าใจความรู้สึกของความตายล่ะ”


 


 


“ฉันเห็นด้วย!”


 


 


“จับมันไว้!”


 


 


ทั้งสามคนกระโดดทับวูลฟ์และเริ่มตะลุมบอน ซิงเหออดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นพวกเขากำลังเล่นกัน


 


 


ในขณะเดียวกัน ในที่สุดมู่ไป๋ก็ถอนสายตาออกจากเครื่องบิน เขาเดินกลับไปยังรถของเขาและขับออกไป เขาไม่ได้ยึดติดกับการแยกจากชั่วคราวนี้มากนัก เพราะเขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในเป้าหมายเช่นเดียวกันกับซิงเหอ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 677 ชื่อของฉันคือเซี่ยซิงเหอ


 


 


เป้าหมายในชีวิตของเขาคือการแข็งแกร่งเพียงพอที่จะแบกท้องฟ้าเอาไว้ให้ทุกคนที่เขาห่วงใยได้โดยเฉพาะซิงเหอ


 


 


หากเธอเป็นดั่งนกอินทรีที่เกิดมาเพื่อโผบินไปบนท้องฟ้าที่เปิดกว้าง เช่นนั้นเขาจะไม่พันธนาการเธอเอาไว้แต่เขาจะเฝ้าระวังท้องฟ้าเอาไว้เพื่อให้เธอได้โบยบินโดยไม่มีสิ่งใดมาขัดขวาง


 


 



 


 


ประเทศ R นั้นเป็นประเทศเพื่อนบ้านของจีน ทั้งสองประเทศมีต้นกำเนิดเดียวกันและมีวัฒนธรรมที่เหมือนกัน ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจะมาถึงประเทศ R แต่พวกเขาก็รู้สึกราวกับไม่ได้จากประเทศจีนไปไหน กระนั้นมีเพียงสิ่งเดียวที่ย้ำเตือนพวกเขาว่าไม่ได้อยู่ประเทศจีนนั่นคือภาษาพูดและภาษาเขียนของที่นี่


 


 


แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับซิงเหอเพราะสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจด้วยความยินดีคืออาลิและคนที่เหลือนั้นสามารถพูดได้หลากหลายภาอย่างคล่องแคล่ว


 


 


อาลิอธิบายพร้อมรอยยิ้ม “ฉันว่าเธอคงเดาได้ว่านี่เป็นความภาคภูมิใจของพวกเรา ในประเทศ Y น่ะมีอะไรให้เรียนรู้อยู่ไม่มากนักหรอก แต่ถ้าตั้งใจเพียงพอก็มีความรู้ด้านการใช้อาวุธและภาษาต่างๆ ให้เรียนรู้ได้ฟรีๆ เลยละ”


 


 


เนื่องจากประเทศ Y เป็นประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสงคราม จึงมีความหลากหลายทางประชากรซึ่งทำให้พวกเขาได้มีโอกาสติดต่อสื่อสารกับคนจากหลายเชื้อชาติ นี่ทำให้หลายสิ่งเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขา


 


 


แต่กระนั้นซิงเหอยังไม่ได้เผยแผนการทั้งหมดออกมา เป้าหมายคร่าวๆ ของเธอคือการตามหาที่อยู่ของลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินและตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเฮ่อหลานกับโปรเจกต์กาแล็คซี่ เธอจะตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไปเมื่ออยู่หน้างาน


 


 


เครื่องบินเดินทางมาถึงประเทศ R หลังจากนั้นไม่นาน ตระกูลเฮ่อหลานได้รับข้อมูลการมาถึงของพวกซิงเหอจากตระกูลเฉิน พวกเขาจึงส่งคนมารอรับกลุ่มของซิงเหออยู่ที่สนามบิน


 


 


แต่ซิงเหอไม่คาดคิดว่าคนที่ตระกูลเฮ่อหลานส่งมาจะเป็นคนที่มีความสำคัญมากขนาดนี้


 


 


“ผมเป็นลูกชายคนโตของตระกูลเฮ่อหลานชื่อเฮ่อหลานฉีครับ ผมเป็นตัวแทนของตระกูลเฮ่อหลานในการต้อนรับทุกคนสู่ประเทศ R” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตัวสูงโดดเด่นแนะนำตัวเองอย่างสุภาพต่อกลุ่มของซิงเหอ


 


 


พวกเขาประหลาดใจเมื่อพบว่าตระกูลเฮ่อหลานได้ส่งผู้นำตระกูลในอนาคตมาต้อนรับพวกเขาเช่นนี้ ชายคนนี้ดูรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา บางทีอาจจะมีอายุมากกว่านิดหน่อย การปรากฏตัวของเขาเป็นเครื่องเน้นย้ำความสำคัญที่ตระกูลเฮ่อหลานมีให้แก่พวกซิงเหอ


 


 


ด้วยอายุที่ไล่เลี่ยกันทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดคลายลงไปบ้าง ซิงเหอแนะนำตัวเองอย่างสุภาพเช่นกัน “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเฮ่อหลาน ฉันเป็นหลานสาวบุญธรรมของผู้อาวุโสเฉิน ฉันมาที่นี่ในฐานะของท่านเพื่อตามหาลูกสาวที่หายสาบสูญไปของท่านค่ะ เราคงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของพวกคุณอีกมาก ดังนั้นต้องขอขอบคุณล่วงหน้าด้วยนะคะ”


 


 


เฮ่อหลานฉียิ้มด้วยความใจดี “ถ้างั้นคุณคือคุณเซี่ย ต่อไปช่วยเรียกผมด้วยชื่อนะครับ พอถูกเรียกว่าคุณเฮ่อหลานแล้วฟังดูประหลาดและทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ว่าแต่จะให้ผมเรียกคุณเซี่ยว่ายังไงดีครับ ไม่ทราบว่าผมขอทราบชื่อเต็มของคุณเซี่ยได้ไหม”


 


 


ก่อนที่ซิงเหอจะมาถึง เธอบอกกับผู้อาวุโสเฉินให้บอกเพียงนามสกุลของเธอให้ตระกูลเฮ่อหลานทราบ เธอกำลังเฝ้ารอโอกาสนี้อยู่


 


 


ซิงเหอสบตาอีกฝ่ายและกล่าวอย่างเชื่องช้า “ซิงเหอ ชื่อของฉันคือเซี่ยซิงเหอค่ะ”


 


 


ซิงเหอมองเห็นความอึ้งและความประหลาดใจปรากฎขึ้นอย่างรวดเร็วในดวงตาของเฮ่อหลานฉี!


 


 


อย่างไรก็ตาม เขากลับมาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว อันที่จริงเขาแกล้งทำเป็นประหลาดใจและอ้าปากค้าง “เป็นชื่อที่ไม่เหมือนใครดีนะครับ ผมไม่เคยได้ยินชื่อแบบนี้มาก่อนเลย แต่มันเหมาะกับคุณดีนะ โดยเฉพาะเมื่อผมมองเห็นจักรวาลกำลังส่องประกายระยิบระยับอยู่ในดวงตาทั้งสองข้างของคุณ”


 


 


เฮ่อหลานฉีเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการพูด ประกอบกับหน้าตาอันหล่อเหลาและภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าถ้าเขาต้องการแล้วละก็เขาสามารถดึงดูดผู้หญิงคนไหนก็ได้ นี่คือสิ่งที่เขาทำแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับซิงเหอ


ตอนที่ 678 ชื่อที่เป็นเอกลักษณ์


 


 


แต่ซิงเหอไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป เธอไม่สะทกสะท้านกับคำพูดประจบประแจงโดยเจตนาของเฮ่อหลานฉี


 


 


“คุณเฮ่อหลาน พวกเราค่อนข้างร้อนใจในการเดินทางครั้งนี้ หวังว่าคุณจะสามารถช่วยพวกเราค้นหาคนในครอบครัวของเราให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แน่นอนว่าถ้าการเดินทางในครั้งนี้สำเร็จลุล่วง ตระกูลเฉินจะตอบแทนความมีน้ำใจของพวกคุณอย่างงาม”


 


 


เฮ่อหลานฉีสังเกตได้ถึงความแตกต่างของซิงเหอ ดังนั้นเขาจึงยกเลิกวิธีที่ปกติเขาใช้กับผู้หญิงทั่วไปทันที “แน่นอนครับ พวกเราจะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ นับเป็นเกียรติของเราที่ได้ช่วยเหลือพวกคุณ”


 


 


“ขอบคุณ”


 


 


“ด้วยความยินดีครับ ตอนนี้เชิญไปที่รถเถอะครับ ผมจะพาพวกคุณไปยังบ้านตระกูลเฮ่อหลานก่อนเป็นลำดับแรก” เฮ่อหลานฉีกล่าวอย่างสุภาพก่อนขยับตัวไปช่วยเปิดประตูรถให้ซิงเหอ พวกเขาก้าวขึ้นรถของเฮ่อหลานฉีและมุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลเฮ่อหลาน


 


 


ตลอดทาง เฮ่อหลานฉีแนะนำสถานที่ทางวัฒนธรรมมากมายในประเทศ R ให้ซิงเหอรู้จักอย่างออกรส เขาถึงขนาดเอ่ยปากชวนให้ซิงเหออยู่ที่นั่นนานขึ้นเพื่อที่เขาจะสามารถรับผิดชอบหน้าที่ที่ได้รับในฐานะหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีได้


 


 


ซิงเหอกล่าวปฏิเสธทุกคำเชิญชวนของอีกฝ่าย ไม่ว่าเขาจะแสดงท่าทีกระตือรือร้นมากเพียงใด ท่าทีของซิงเหอยังคงเหมือนเดิมและไม่มีสะทกสะท้าน


 


 


นี่หมายความว่าเฮ่อหลานฉีไม่อาจอ่านความคิดเธอได้ง่ายนัก เขาไม่สามารถล้วงไปถึงในจิตใจของเธอได้ เฮ่อหลานฉีมีโอกาสได้พบผู้หญิงมามากมายและเขาต้องยอมรับว่าซิงเหอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาอ่านไม่ออก


 


 


ถึงอย่างนั้นทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเมื่อเขาสามารถพาเธอขึ้นเตียงได้ เขามั่นใจในความสามารถในการยั่วเย้าของตัวเอง เขาพยายามเข้าใกล้ซิงเหอทั้งทางกายและอารมณ์แต่ซิงเหอนิ่งสนิทราวกับก้อนหินไม่ว่าเขาจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม


 


 


ในที่สุดทั้งหมดได้เดินทางมาถึงยังบ้านพักตระกูลเฮ่อหลานซึ่งมีความกว้างใหญ่ ตั้งอยู่ในย่านที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศ R และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด ไม่น่าแปลกใจที่ข่าวเกี่ยวกับพวกเขาถึงมีน้อยนิดนัก


 


 


บรรดาตัวบ้านที่อยู่ภายในก็มีขนาดใหญ่โตเช่นกัน ความโอ่อ่าของสิ่งปลูกสร้างและพื้นที่ที่กว้างขวางบ่งบอกถึงความทรงอิทธิพลและอำนาจของตระกูลเฮ่อหลานได้เป็นอย่างดี ผู้นำของตระกูลเฮ่อหลานคนปัจจุบัน เฮ่อหลานชาง ซึ่งเป็นพ่อของเฮ่อหลานฉีได้ออกมาทำการต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง


 


 


เมื่อเขาได้ยินชื่อของซิงเหอ เฮ่อหลานชางแสดงท่าทีประหลาดใจเช่นกัน “ชื่อของคุณเซี่ยนี่เป็นเอกลักษณ์ดีนะ ทำให้นึกถึงหนึ่งในจักรวาลที่กว้างใหญ่ ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมขอถามได้ไหมว่าชื่อของคุณได้แรงบันดาลใจมาจากอะไร พ่อแม่ของคุณคิดชื่อที่ทั้งไพเราะและมีเอกลักษณ์เช่นนี้ได้ยังไง”


 


 


ซิงเหอเห็นใบหน้ายิ้มของเฮ่อหลานชางแต่เธอสามารถจับได้ถึงความสนใจที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ภายใต้ดวงตาของเขา เฮ่อหลานฉีถึงกับพูดเสริมขึ้นด้วยความใคร่รู้ “ใช่ครับ พวกท่านคิดชื่อแบบนี้ได้ยังไงกัน”


 


 


พวกเขายึดติดกับชื่อของเธอมากไปหน่อย ซึ่งทำให้ซิงเหอยิ่งตระหนักได้ถึงเจตนาที่แท้จริงของพวกเขา


 


 


“ไม่ได้มีเรื่องอะไรอยู่เบื้องหลังหรอกค่ะ” ซิงเหอตอบ “คุณพ่อคุณแม่ของฉันพบกันในระหว่างดูการแสดงเกี่ยวกับจักรวาลที่หอดูดาว พวกท่านเลยคิดชื่อนี้ขึ้นมาได้”


 


 


“เป็นเรื่องราวที่ดีจริงๆ” เฮ่อหลานชางออกความเห็นพร้อมเสียงหัวเราะและเขาดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “เป็นชื่อที่งดงามที่ทำให้คุณเซี่ยแตกต่างจากคนอื่นๆ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านผู้หญิงแห่งจีนถึงได้รับคุณเป็นลูกสาวบุญธรรม”


 


 


เนื่องจากพื้นเพที่ไม่ธรรมดาของซิงเหอทำให้พวกเขาปฏิบัติกับซิงเหออย่างสุภาพมาก แต่พวกเขาทำในแบบที่เห็นได้ชัดว่าเป็นการประจบสอพลอ ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าตระกูลเฮ่อหลานนี่เป็นครอบครัวที่เต็มไปด้วยคนเจ้าเล่ห์


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 679 จุดมุ่งหมายของเฮ่อหลานฉี


 


 


ความต้องการของซิงเหอที่จะเริ่มการค้นหาทันทีนั้นได้รับการตอบรับอย่างง่ายดายเช่นกัน พวกเขาทำราวกับว่าไม่ว่าสิ่งที่เธอต้องการจะไร้เหตุผลแค่ไหน พวกเขาก็ยินดีที่จะยอมรับ พวกเขาแสดงออกว่าพวกเขาจะเล่นเป็นเจ้าบ้านที่ยอดเยี่ยมและกลุ่มของซิงเหอเป็นแขกที่พวกเขานับถือ


 


 


แต่กระนั้นซิงเหอกลับคิดในทางตรงกันข้าม เธอคาดการณ์สิ่งเหล่านี้ไว้แล้ว เธอจะไม่ลดกำแพงของตัวเองลงต่อหน้าคนพวกนี้และคิดว่าอันที่จริงแล้วพวกเขากำลังระแวงเธออยู่เช่นกัน สิ่งที่พวกเขาทำมีแต่จะทำให้เธอระวังตัวเองกับพวกเขามากยิ่งขึ้น


 


 


หลังหยั่งเชิงกันไปมา ดูจะไม่มีฝ่ายไหนที่อ่านใจอีกฝ่ายออก


 


 


ภายหลังการหารือเกี่ยวกับรายละเอียดในการค้นหา ซิงเหอแสดงเจตนาที่จะกลับอย่างชัดเจน ไม่ว่าตระกูลเฮ่อหลานจะพยายามให้เธอพักที่บ้านพักรับรองแขกมากแค่ไหนก็ตาม ซิงเหอก็ปฏิเสธความโอบอ้อมอารีของพวกเขา เธอยืนยันที่จะพักที่โรงแรมซึ่งตระกูลเฮ่อหลานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยินยอมตามความปรารถนาของเธอ


 


 


เฮ่อหลานฉีถึงขนาดพาพวกซิงเหอมาส่งที่โรงแรมด้วยตัวของเขาเอง เขาช่วยกลุ่มของซิงเหอหาโรงแรมที่ดีที่สุดและพาพวกเขามาส่งก่อนที่จะจากไป ต่อให้คนโง่ยังบอกได้ว่าเฮ่อหลานฉีพยายามอย่างมากที่จะทำให้ซิงเหอชื่นชอบในตัวเขา


 


 


จังหวะที่เขากลับไป แซมพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “หมอนั่นคิดว่าพวกเราเป็นคนโง่ที่มองเจตนาของมันไม่ออกหรือไงกัน”


 


 


“เขาต้องหลงเสน่ห์ความสวยของซิงเหอแน่ เขาถึงได้ทุ่มเทขนาดนี้!” อาลิเสริมด้วยเสียงเยาะเย้ย


 


 


“คุณต้องระวังตัวเวลาอยู่ใกล้หมอนั่นนะ ไม่ว่าจุดประสงค์ของมันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ทางที่ดีอยู่ห่างมันไว้จะดีกว่า” แซมเตือนซิงเหออย่างอ่อนโยน


 


 


อาลิเองก็กล่าวเตือนซิงเหอ “อย่าไปหลงคำพูดสวยหรูของหมอนั่นเชียวนะ”


 


 


ซิงเหอหัวเราะ “พวกคุณคิดว่าฉันจะหลงกลได้ง่ายๆ จริงเหรอ”


 


 


“…” ทุกคนที่เหลือเงียบกริบ จริงด้วย ซิงเหอเป็นคนฉลาดมาก แล้วจะไปเชื่อกลหลอกเด็กของเฮ่อหลานฉีได้ยังไงกัน ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมีผู้ชายที่น่าดึงดูดใจอย่างสีมู่ไป๋รอคอยเธออยู่ เฮ่อหลานฉีนั่นก็ไม่ได้ดูแย่แต่ในเรื่องของพื้นแพครอบครัวและบุคลิกภาพแล้วยังตามหลังมู่ไป๋อยู่หลายขุม!


 


 


ความจงรักภักดีที่มู่ไป๋มีต่อซิงเหอเพียงอย่างเดียวก็สามารถปัดคู่แข่งทั้งหมดให้ตกกระป๋องไปได้แล้ว อาลิและคนที่เหลือไม่มีอะไรต้องกังวล


 


 


ซิงเหอไม่ใช่คนที่ต้องการให้ใครมาเป็นห่วงเธอ เธอเป็นคนไว้ใจได้ยิ่งกว่าคนส่วนมากดังนั้นการพยายามอันน้อยนิดของเฮ่อหลานฉีนั่นยังไงก็ไร้ประโยชน์!


 


 


แซมและคนที่เหลือสรุปเอาเองว่าเฮ่อหลานฉีคนนั้นสนใจในตัวซิงเหอเพราะเขารู้สึกสนใจเอเป็นการส่วนตัวแต่ซิงเหอกลับคิดตรงกันข้าม เฮ่อหลานฉีจะคว้าผู้หญิงคนไหนก็ได้ที่เขาต้องการ ดังนั้นการที่เขามาประจบประแจงเธออย่างออกหน้าต้องมีความตั้งใจอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่ อาจเกี่ยวข้องกับตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ…


 


 


เพราะถึงอย่างไร ตัวตนในฐานะลูกสาวของท่านผู้หญิงเองก็มีน้ำหนักอยู่พอสมควร แต่เขาต้องการใช้ประโยชน์อะไรจากตัวตนของเธอนั้นซิงเหอเองก็ยังบอกไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ซิงเหอมั่นใจคือตระกูลเฮ่อหลานนี่น่าสงสัยอย่างแน่นอน!


 


 


เธอมั่นใจเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์กาแลกซี ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่มีท่าทีที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับชื่อของเธอ


 


 


ความตั้งใจของซิงเหอที่มาที่นี่ด้วยตัวเองคือเพื่อใช้ชื่อของเธอเป็นเครื่องทดสอบ และเป็นอย่างที่เธอคาด พวกเขาติดกับ


 


 


บัดนี้เมื่อเธอแน่ใจว่าตระกูลเฮ่อหลานน่าสงสัย จึงถึงเวลาจะล้วงเอาวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาออกมา ซิงเหอไม่พักและเริ่มตรวจสอบเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลาน อนิจจา ข้อมูลที่เธอหาได้ยังคงน้อยนิดเหมือนก่อนหน้านี้ ตระกูลเฮ่อหลานนั่นเก็บตัวเงียบเกินไปจนไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม