ตามใจรัก สาวนักแฮก 664-671
ตอนที่ 664 ไม่ใช่ลูกสาวของผู้อาวุโสเฉิน
พวกเขาทุกคนสรุปกันว่าหลินซวงจะต้องเป็นลูกสาวของผู้อาวุโสเฉิน ในเมื่อเฉินหรูคือคนตระกูลหลิน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่หลินซวงจะเป็นคนตระกูลเฉิน
แต่กระนั้นทุกคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อเฉินหรูและหลินซวงต่างไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับตระกูลเฉิน!
ตระกูลสีทราบเรื่องนี้ในวันต่อมา ตระกูลเฉินตั้งใจเชิญพวกเขามาเพื่อหารือเรื่องนี้ แม้แต่ซิงเหอยังประหลาดใจกับเรื่องนี้ “ไม่ใช่หลินซวงอย่างนั้นเหรอ”
ผู้อาวุโสเฉินดูชราภาพลงอย่างมากภายในเวลาเพียงช่วงข้ามคืน “ไม่ใช่ เราตรวจดีเอ็นเอซ้ำถึงสองครั้ง ผลมันออกมาว่าไม่ใช่”
ผู้อาวุโสสีอึ้ง “ถ้าทั้งสองคนไม่ใช่ลูกสาวของคุณ แล้วลูกสาวคุณอยู่ไหนล่ะ”
“ตอนนี้ตำรวจกำลังสอบสวนหลินเจิ้งหวาอยู่ มันเรียกร้องให้เราปล่อยให้มันเป็นอิสระเพื่อแลกกับที่อยู่ของลูกสาวผม” ผู้อาวุโสเฉินเผยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเมื่อพูดถึงครอบครัวคนทรยศ “ฝันไปเถอะ! ผมยอมตายเสียดีกว่าที่จะยอมรับคำเรียกร้องของมันทั้งที่มันทำกับครอบครัวผมแบบนี้!”
“แต่ถ้าเราไม่ยอมทำตาม เราก็จะไม่มีวันรู้ว่าลูกสาวที่น่าสงสารของเราอยู่ที่ไหน” นายหญิงเฉินกล่าวพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้น
ทั้งเธอและผู้อาวุโสเฉินต่างรู้สึกไม่ดีมาตั้งแต่เมื่อวาน ความหวาดวิตกของพวกเขาลดน้อยลงเล็กน้อยเมื่อคิดว่าหลินซวงคือลูกสาวของพวกเขาแต่ในท้ายที่สุด เธอกลับไม่ใช่!
ความกังวลที่มีต่อชะตากรรมของลูกสาวที่จากกันของพวกเขาทำให้พวกเขาเป็นทุกข์ เหมือนกับมีดที่กำลังกรีดแทงหัวใจของพวกเขา
ผู้อาวุโสสีโกรธเป็นฟีนเป็นไฟ “ไอ้ชั่วหลินเจิ้งหวานั่น มันยังมีหัวใจอยู่ไหม! นอกจากจะสับเปลี่ยนเด็กแล้วมันยังสับเปลี่ยนเด็กคนนั้นกับเด็กกำพร้าคนอื่นแล้วเลี้ยงดูหลินซวงที่อุปการะมาเหมือนหมูเหมือนหมา พวกตระกูลหลินสมควรตาย พวกมันไม่มีหัวใจ!”
ความอำมหิตของตระกูลหลินดูเหมือนจะไร้ขอบเขต นอกจากพวกมันจะไม่ยอมเลี้ยงดูลูกสาวของศัตรูเหมือนอย่างที่ตระกูลเฉินดูแลเฉินหรูแล้ว พวกมันยังโยนเด็กน้อยตระกูลเฉินไปให้คนอื่น พวกมันทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ผมก็อยากให้พวกมันตายทั้งหมด!” ผู้อาวุโสเฉินเปล่งเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ “ผมปฏิบัติกับพวกมันเหมือนเพื่อนมานานนับสิบปีแต่พวกมันกลับกัดกินผมทั้งเป็นมาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา! ผมคงตายโดยไม่รู้เลยว่าลูกสาวที่แท้จริงของผมยังทนทุกข์ทรมานอยู่ข้างนอกนั่นและผมเลี้ยงลูกสาวของสัตว์ร้ายไว้ราวกับเป็นลูกของตัวเอง ผมถึงขนาดวางแผนที่จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกสาวของมันหลังจากผมตายไปแล้ว…”
ผู้อาวุโสเฉินโกรธมากพอจะที่ไอเป็นเลือด ต่อให้เขาตายเขาก็จะตามหลอกหลอนตระกูลหลิน
ความไม่พอใจนี่ตกไปอยู่ที่เฉินหรูและถงเยียนเช่นกัน เขาทุ่มเทความรักมากมายให้กับพวกเธอมานานนับสิบปี แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะปฏิบัติกับพวกเธอเฉกเช่นลูกหลานของตัวเองต่อไป ความแตกต่างนี้สร้างความเจ็บปวดมากเกินกว่าที่เขาจะแบกรับไหว เขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีให้พวกเธอแต่ในทางกลับกัน ลูกสาวของเขากลับถูกตระกูลหลินเอาไปขายราวกับสินค้าชิ้นหนึ่ง…
ผู้อาวุโสเฉินรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจเมื่อคิดถึงช่วงเวลาหลายปีที่เขาสูญเสียไปกับคนที่มาจากตระกูลซึ่งทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ในการบ่อนทำลายตระกูลเฉิน
ผู้อาวุโสสีปลอบโยนอีกฝ่าย “ท่านเฉิน นายหญิงเฉิน อย่าเพิ่งหมดหวังไปเลยนะ พวกคุณจะต้องดูแลตัวเองเพื่อตามหาลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินที่แท้จริง อย่ากังวลไปเลย พวกเราตระกูลสีจะช่วยค้นหาด้วยเช่นกัน ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ พวกเราจะต้องหาเธอพบอย่างแน่นอน”
ผู้อาวุโสเฉินพยักหน้า
ตอนที่ 665 ต้องการความร่วมมือของคุณ
“ถูกของคุณ พวกเราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อรอลูกสาวของเรากลับมา แต่เธอจะอยู่ที่ส่วนไหนของโลกล่ะ”
ซิงเหอกล่าวอย่างฉับพลัน “สืบเนื่องจากการสอบสวนพวกตระกูลหลินที่มีคนมากมาย ต้องมีใครบางคนที่รู้อะไรบางอย่างอยู่แน่!”
ผู้อาวุโสเฉินมองซิงเหอและพยักหน้า “ถูกของแม่หนู เราต้องไม่ยอมแพ้ ไม่มีวันที่ตระกูลหลินจะสามารถใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองได้ เราจะต้องหาลูกสาวของผมเจอด้วยตัวของพวกเราเองแล้วพวกมันจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตเช่นกัน”
ซิงเหอพยักหน้าอยู่ในใจ เธอเห็นด้วยกับผู้อาวุโสเฉิน พวกเขาจะไม่มีวันยอมจำนนจนต้องยอมรับการต่อรองของตระกูลหลิน!
จะปล่อยพวกมันไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง!
พวกเขาหารือต่ออีกครู่หนึ่งก่อนที่ซิงเหอจะขอพบกับฉีเสี่ยวชี่ ผู้อาวุโสเฉินเป็นคนน้ำใจงาม ถึงแม้ทุกอย่างจะออกมาว่าหลินซวงและลูกสาวของเธอไม่ใช่ลูกหลานของเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะอ้าแขนต้อนรับพวกเธอ เขาถึงขั้นรับหลินซวงเป็นลูกสาวบุญธรรมของเขาเอง
บัดนี้ทั้งแม่และลูกได้ย้ายข้างมาอยู่กับตระกูลเฉินแล้ว พวกเธอยังต้องการเวลาในการฟื้นตัวอีกมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเซี่ยเสี่ยวชี่ ร่างกายของเธอเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ แม้แต่ลู่ฉียังบอกว่าเธออาจจะอยู่ได้ไม่ถึงอายุสี่สิบปี ผู้อาวุโสเฉินรู้สึกเห็นใจกับความทุกข์ทรมานที่พวกเธอได้รับและตัดสินใจรับเลี้ยงพวกเธอเป็นลูกร่วมกับนายหญิงเฉิน พวกเขาทำโดยหวังว่าผลบุญนี้จะส่งไปถึงลูกสาวที่พลัดพรากของเขาเช่นกัน
ในตอนแรกซิงเหอคิดว่าผู้อาวุโสเฉินเป็นคนที่ทะนุถนอมลูกหลานของตัวเองโดยไร้เหตุผล แต่บัดนี้เธอตระหนักได้ว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเพราะเขารักและเป็นห่วงลูกหลานของเขาจริงๆ เธอเห็นสิ่งนี้สะท้อนอยู่ในตัวเธอเองเช่นกัน ดังนั้นความรู้สึกประทับใจที่เธอมีแต่พวกเขาจึงเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลหลินที่เป็นดั่งขยะของโลกนี้โดยแท้จริง!
เพราะซิงเหอเองก็กำลังตามหาแม่ของเธอ เธอจึงเข้าใจความเจ็บปวดของการสูญหายไปของคนในครอบครัว เธอไม่หวังให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะช่วยตระกูลเฉินในการหาที่อยู่ของลูกสาวคนที่สองของพวกเขา โดยหวังว่าพวกเขาจะได้กลับมาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ในไม่ช้า
…
เมื่อเสี่ยวชี่ได้ยินว่าซิงเหอต้องการพบเธอ เธอตอบรับด้วยความยินดี พวกเธอไปพบกันที่สวนด้านหลังของตระกูลเฉิน
ทั้งสองนั่งอยู่ใต้ร่มไม้บริเวณเฉลียง เสี่ยวชี่พร่ำบอกขอบคุณต่อซิงเหอ “คุณเซี่ย จริงๆ นะ ถ้าไม่ได้คุณ ป่านนี้ฉันอาจจะยังติดอยู่ในห้องทดลองบ้าๆ นั่นและตายโดยไม่รู้สาเหตุไปแล้ว ส่วนแม่ของฉัน เราก็คงไม่ได้พบกันถ้าไม่มีคุณ เธอคงต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่มีฉันอยู่เคียงข้าง คุณคือผู้ช่วยชีวิตของพวกเรา”
เสี่ยวชี่อดไม่ได้ที่จะร่ำไห้ออกมา “คุณเซี่ย คุณเป็นคนช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้จริงๆ ถ้าคุณต้องการอะไรจากฉัน ต่อให้เป็นชีวิตของฉัน ฉันก็ยินดียกให้!”
คำพูดเหล่านี้พรั่งพรูออกมาจากจิตใจของเสี่ยวชี่และเธอหมายความเช่นนั้นจริงๆ
ซิงเหอนั่งฟังอยู่เงียบๆ และตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ฉันไม่ต้องการให้คุณตอบแทนพวกเราด้วยชีวิตหรอก ถ้ามีอะไรที่ฉันจะเรียกร้องจากคุณก็คงเป็นการขอให้คุณใช้ชีวิตให้เต็มที่ นี่คือการตอบแทนที่คุณทำให้ฉันได้”
เสี่ยวชี่มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้านิ่งอึ้งและหยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย “ไม่ต้องห่วง ฉันสัญญา พวกเราจะทำเช่นนั้นแน่นอน! ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต พวกเราจะเผชิญหน้ามันด้วยรอยยิ้มและทำมันให้ดีที่สุด!” เสี่ยวชี่ให้คำมั่น
ซิงเหอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อ “แต่ตอนนี้ฉันต้องการความร่วมมือจากคุณในเรื่องบางอย่าง”
ตอนที่ 666 ฉันไม่ใช่คนธรรมดา
“ว่ามาเลยค่ะ!” เสี่ยวชี่รีบพยักหน้า “ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”
“ทำไมหลินเซวียนถึงทำการทดลองกับคุณ ร่างกายคุณมีความลับอะไรซ่อนอยู่อย่างนั้นเหรอ” ซิงเหอถามตามตรง เสี่ยวชี่ชะงักเพราะเธอไม่คิดว่าจะเป็นคำถามนี้
แม้ว่าเมื่อวานจะมีหลายคนถามเธอเรื่องนี้แต่เธอไม่คิดว่าซิงเหอจะสนใจเช่นกัน เธอไม่ได้ให้คำตอบเรื่องนี้กับใคร แต่นี่คือซิงเหอ…
“ทำไมเหรอ มีอะไรที่คุณบอกไม่ได้งั้นเหรอ” ซิงเหอกดดันเมื่อเห็นความลำบากใจปรากฏขึ้นบนสีหน้าของเด็กสาว
เสี่ยวชี่ส่ายหัว “ไม่ค่ะ ฉันแค่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ฉันกลัวว่าคุณจะไม่เชื่อเพราะมันฟังดูเหลือเชื่อเกินไป”
“ลองว่ามาสิ” ซิงเหอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เสี่ยวชี่สัมผัสได้ถึงความมั่นใจที่ซิงเหอมีต่อเธอ เธอเก็บความลับนี้มานานหลายปีและเธอหวังว่าจะพบใครสักคนที่เธอจะสามารถแบ่งปันเรื่องนี้ให้คนคนนั้นฟังได้และซิงเหอดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เสี่ยวชี่ตัดสินใจได้ในทันที
เธอมองไปรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอื่นก่อนจะเริ่มพูดอย่างช้าๆ “คุณเซี่ย ร่างกายของฉันมีความลับอยู่มากมายจริงๆ ค่ะเพราะฉันไม่ใช่คนธรรมดา!”
เธอคิดว่าซิงเหอจะต้องตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้แต่ซิงเหอกลับไปแสดงท่าทีอะไร อันที่จริงซิงเหอดูเหมือนจะคาดเดาทุกอย่างเอาไว้แล้ว
“พูดต่อได้เลย” ซิงเหอกระตุ้น เสี่ยวชี่รู้สึกกล้าหาญมากขึ้นและความกดดันที่มีอยู่ลดน้อยลง
“ที่บอกว่าฉันไม่ใช่คนธรรมดาเพราะคุณพ่อของฉัน เขา… เขาเป็นนักชีววิทยาที่เก่งกาจมากและมีความเชี่ยวชาญด้านการตัดแต่งพันธุกรรม ทำให้ร่างกายของฉันได้รับการพัฒนาทางพันธุกรรมด้วยฝีมือของคุณพ่อ…”
เสี่ยวชี่แอบเหลือบมองซิงเหอแต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังคงไม่สะทกสะท้าน จนดูราวกับเธอกำลังนั่งฟังบทสนธนาธรรมดาอยู่
“การตัดแต่งพันธุกรรมไม่ใช่เรื่องใหม่” ซิงเหออธิบาย
เสี่ยวชี่พยักหน้า “ฉันเข้าใจค่ะ แต่ว่าคุณพ่อของฉันแตกต่างออกไป เขาเชี่ยวชาญเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว และสิ่งที่เขาทำคือการดัดแปลงอายุไขของฉัน ทำให้มันยืนยาวขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเขาบอกว่าเขาไม่ใช่คนบนโลกนี้ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าคุณพ่อหมายความว่ายังไงก็ตาม แต่เขาหายตัวไปจากโลกนี้หลังจากนั้นไม่นาน และไม่กี่ปีหลังจากที่คุณพ่อหายตัวไป พวกตระกูลหลินก็ค้นพบตัวคุณแม่และฉัน ตอนนั้นฉันยังเด็ก ทำให้เผลอบอกความลับของคุณพ่อไป และคุณก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น พวกมันจับตัวฉันไว้เพื่อทำการทดลองเรื่อง… เพื่อดูว่าผลงานของคุณพ่อจะสามารถลอกเลียนแบบได้ไหมและเอาไปใช้กับพวกมัน! แต่หลังจากผ่านไปหลายปี พวกมันก็ยังไม่สามารถค้นพบอะไรได้”
ไม่เพียงเท่านั้น ร่างกายของเธอยังได้รับความเสียหายระหว่างการทดลอง ถ้าไม่ได้ยีนส์ที่คุณพ่อของเธอเป็นคนจัดการ ป่านนี้เธอคงตายจากการถูกทรมานไปนานแล้ว ความเกลียดชังกลับมาปรากฏในดวงตาของเสี่ยวชี่เมื่อเธอนึกถึงช่วงเวลาที่ถูกตระกูลหลินจับไปทดลองอย่างโหดเ**้ยม
ซิงเหอจ้องมองอีกฝ่ายและถามขึ้น “คุณพ่อของคุณหายตัวไปเมื่อสิบสองหรือสิบสามปีก่อนใช่ไหม”
เสี่ยวชี่ตาเบิกโพลงด้วยความช็อค “คุณ… คุณรู้ได้ยังไง”
“เขายังทิ้งของที่เหมือนโลหะสี่เหลี่ยมสีดำไว้กับคุณด้วยใช่ไหม” ซิงเหอถามอีกครั้ง
เสี่ยวชี่มองวิงเหอด้วยความรู้สึกที่คล้ายความหวาดกลัว “คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง! พวกตระกูลหลินบอกคุณงั้นเหรอ มีแค่ฉันกับแม่และตระกูลหลินเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้…”
ตอนที่ 667 ไม่ได้แตกต่างกัน
“เอาเป็นว่าพวกเราก็ไม่ได้แตกต่างกันนัก” ซิงเหอตอบอย่างเชื่องช้า เสี่ยวชี่อ้าปากค้าง ซิงเหอกำลังพูดถึงอะไร! พวกเธอจะไม่แตกต่างกันได้ยังไง
“คุณพ่อ… คุณพ่อของคุณ…”
“คุณแม่ของฉัน” ซิงเหอตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เธอหายตัวไปเมื่อประมาณสิบสามปีก่อน เหมือนกับคุณพ่อของคุณ ท่านบอกว่าท่านไม่ใช่คนบนโลกนี้”
เสี่ยวชี่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เธอไม่คาดคิดว่าซิงเหอจะผ่านประสบการณ์แบบเดียวกันกับที่เธอเจอ เธอคิดว่าเธอเป็นเพียงคนเดียวในโลกที่พบเจอประสบการณ์แบบนี้
“ฉันไม่รู้เลยว่าคุณก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน…” เสี่ยวชี่เอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งด้วยความไม่อยากเชื่อ
ซิงเหอพยักหน้า “ตอนแรกฉันก็คิดว่าเป็นฉันคนเดียวเหมือนกัน แต่ฉันได้เจอมาหลายคนแล้ว ถ้ารวมฉันด้วย คุณเป็นคนที่หก”
“หก!” เสี่ยวชี่อ้าปากค้าง “มีคนอย่างพวกเราอย่างน้อยหกคน”
“ถูกต้อง ฉันอยากตามหาพ่อแม่ของพวกเรา และเพื่อที่จะทำแบบนั้น พวกเราต้องค้นหาความลับของพวกเขา บอกฉันทุกเรื่องที่คุณรู้ที”
นั่นคือสิ่งที่เสี่ยวชี่ต้องการเช่นกัน เธอต้องการหาที่อยู่ของคุณพ่อเธอ ด้วยความช่วยเหลือของซิงเหอ ความปรารถนาของเธออาจจะกลายเป็นจริง สัญชาตญาณบอกเธอว่าซิงเหอคือคนที่เธอสามารถพึ่งพาได้ ซิงเหอจัดการทำลายสมาคมไอวีและโค่นตระกูลหลินลงได้ แล้วจะมีอะไรที่เธอทำไม่ได้อีกล่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อซิงเหอเป็นคนแบบเดียวกับเธอ ความน่าเชื่อถือของเธอก็ไม่ต้องพูดถึง
“คุณเซี่ยคะ ที่จริงฉันก็รู้อะไรไม่มากนัก ฉันรู้แค่ว่าคุณพ่อของฉันเป็นคนที่พิเศษ เขาทิ้งก้อนโลหะปริศนาสีดำเอาไว้และบอกว่ามันจะช่วยให้ฉันรอดพ้นจากความตายได้ในอนาคต เขาบอกแบบนั้นว่าฉันจะสามารถรอดพ้นจาหายนะครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกไม่นานได้ ฉันไม่รู้เรื่องนอกเหนือจากนั้น บางทีคุณแม่ฉันอาจจะรู้มากกว่านี้ก้ได้ ฉันจะถามคุณแม่ให้และถ้าได้ข้อมูลอะไรเพิ่มขึ้นแล้วฉันจะบอกคุณ”
“ขอบคุณ” ซิงเหอพยักหน้า “ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเล็กน้อยแค่ไหน อย่าลืมบอกฉันให้หมด เพราะฉันกลัวว่าเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่อาจจะไม่ใช่เรื่องโกหกก็ได้”
เสี่ยวชี่พยักหน้าด้วยท่าทีจริงจังและให้คำมั่น “ฉันจะรีบถามคุณแม่ให้เร็วที่สุดค่ะ! ถ้าคุณยังต้องการความช่วยเหลือจากฉันละก็มาหาฉันได้เลยนะคะ”
ความปลอดภัยของโลกไม่ใช่ความรับผิดชอบของเธอแต่เธออยากมีส่วนร่วมแม้เพียงเล็กน้อยที่จะช่วยรักษาความปลอดภัยของมันเอาไว้ เธอไม่ต้องการให้อะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับผู้อาวุโสเฉินและนายหญิงเฉินผู้เป็นคนมอบชีวิตใหม่ให้กับเธอ…
…
ซิงเหอและตระกูลสีไมได้อยู่ที่บ้านพักตระกูลเฉินนานนัก แต่พวกเขาได้ข้อมูลใหม่มากมายในการมาเยี่ยมเยือนครั้งนี้
ราวกับชะตากรรมที่ถูกกำหนดเอาไว้ พวกเขาบังเอิญพบกับเฉินหรูและถงเยียนที่เดินทางมาถึงในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางออกไป
การปะทะกันอย่างฉุกละหุกทำให้ทั้งสองฝ่ายชะงัก จังหวะที่เฉินหรูเห็นพวกเขา เธอดึงตัวถงเยียนและรีบเดินผ่านทางเข้าไปในภายใน
พ่อบ้านที่กำลังปรนนิบัติตระกูลสีอยู่มองเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเธอและรีบเข้าไปขว้างทางเอาไว้ทันที “พวกคุณสองคนเข้าไปไม่ได้นะครับ นายท่านเฉินบอกว่าท่านไม่ต้องการให้ใครเข้าไปรบกวนทั้งสิ้น ดังนั้นช่วยกลับไปด้วยครับ”
ถงเยียนชี้หน้าซิงเหอและร้องถาม “แต่คนพวกนี้เพิ่งจะออกมานี่ แล้วทำไมพวกมันถึงได้รับอนุญาตให้เขาไปรบกวนคุณตาได้ล่ะ”
พ่อบ้านหน้านิ่วเมื่อเห็นท่าทีไร้มารยาทของเธอและถอนหายใจ “นายท่านเฉินกำลังอ่อนล้าจากการพบปะกับแขกกลุ่มนี้ ดังนั้นท่านจึงไม่ต้องการพบแขกท่านใดอีก ช่วยกลับไปด้วย…”
“คุณตาจะปฏิเสธไม่เจอพวกเราได้ยังไง นี่ไม่ใช่ความผิดของพวกเราแท้ๆ แต่เราก็ยังอุตส่าห์มาที่นี่เพื่อขอโทษ ไม่ว่ายังไงคุณตาก็เป็นคนเลี้ยงดูพวกเรามา เขาไม่มีทางเมินพวกเราแบบนี้! ออกไปให้พ้นทางฉันซะ พวกฉันต้องได้พบคุณตาวันนี้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณตาจะเมินใส่พวกเราแบบนี้ได้!”
ตอนที่ 668 ไม่รีบแต่งงาน
คุณถง นายท่านไม่ต้องการถูกรบกวนจริงๆ ครับ ได้โปรดกลับไปด้วยครับ!
“ฉันเป็นหลานสาวของคุณตา มาพูดได้ยังไงว่าฉันมารบกวนเขา แกยังไม่ทันได้ไปถามคุณตาด้วยซ้ำ แล้วมาบอกได้ยังไงว่าคุณตาไม่ต้องการพบพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้นหลินซวงกับนังผู้หญิงอีกคนก็อยู่ในนั้น ดังนั้นฉันมีสิทธิ์ยิ่งกว่าพวกมันที่จะเข้าไปในบ้านหลังนี้ แกต้องเจตนาทำแบบนี้กับพวกฉันสินะ ฉันจะบอกแกไว้ให้ ฉันยังเป็นทายาทคนโตสุดของตระกูลถง และแกไม่ใช่คนที่จะมามีสิทธิ์ขัดคำสั่งของฉัน!” ดูเหมือนถงเยียนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
ตระกูลสีไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังแสดงออก ดังนั้นพวกเขาจึงก้าวขึ้นรถและจากไป
ผู้อาวุโสสีกล่าวด้วยเสียงต่ำอย่างเย้ยหยัน “เด็กนั่นไม่ได้เรียนรู้บทเรียนเลย แม้แต่ในเวลาแบบนี้ก็ยังไม่เห็นความผิดของตัวเอง!”
มู่ไป๋เสริมอย่างเย็นชา “ถ้าไม่เห็นแก่ตระกูลถง ผมมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นคงได้ไปนั่งคุกเข่าอยู่เคียงข้างตระกูลหลินแล้ว!”
แม้ว่าถงเยียนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลเฉินอีกแล้วแต่เธอยังคงมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลถง การไว้หน้าตระกูลถงในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเขาในระยะยาว
แน่นอนว่าทั้งหมดนี่เป็นข้อเสนอแนะของซิงเหอ เธอไม่สนใจที่จะถือสาเอาความกับการกระทำของถงเยียน อนาคตของผู้หญิงคนนี้จะยากลำบากมากกว่าเดิมหลังสูญเสียคนหนุนหลังถึงสองอำนาจใหญ่ประกอบด้วยตระกูลเฉินและท่านผู้หญิง นี่ถือเป็นการลงโทษที่สาสมแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นความจริงของชีวิตเธอก็ถือเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด
การทำให้คนอย่างถงเยียนต้องใช้ชีวิตอย่างสามัญชนไปตลอดชีวิตก็ถือเป็นการแก้แค้นที่ไม่เลวทีเดียว
ซิงเหอถือคติคนล้มอย่าข้ามอยู่เสมอเพราะคนพวกนั้นไม่มีค่าพอให้เธอต้องมาสนใจ!
ซิงเหอยังมีอนาคตของตัวเองให้ต้องกังวล หลังจากการแก้แค้น คนพวกนั้นจะหายออกไปจากความคิดของเธอโดยไม่เหลือร่องรอยอะไรทิ้งไว้เลย ยกตัวอย่างเช่นถงเยียนและตระกูลหลิน สำหรับซิงเหอแล้วเรื่องของคนพวกนี้ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ซิงเหอจะมองไปข้างหน้าอยู่เสมอ
เป้าหมายต่อไปของเธอคือการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโปรเจกต์กาแลคซี่ เธออยากรู้ว่ามหันตภัยที่ทุกคนพูดถึงคืออะไร สัญชาตญาณของเธอกำลังบอกว่ามันคือบางอย่างที่สำคัญและเธอจำเป็นจะต้องสืบค้นจนถึงต้นต่อให้ได้ มันจะกลายเป็นหายนะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้หากเธอไม่ทำเช่นนั้น!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซิงเหอก็แอบชำเลืองตามองไปยังมู่ไป๋
ชายหนุ่มจับสังเกตได้ถึงความเคลื่อนไหวอันน้อยนิดของเธอและถามอย่างอ่อนโยน “มีอะไรเหรอ”
ก่อนที่ซิงเหอจะทันได้ตอบ ผู้อาวุโสลีที่นั่งอยู่ด้านหน้าพูดแทรกขึ้นอย่างมีความสุข “เราจะเริ่มเตรียมงานแต่งงานของพวกเธอทั้งสองคนเมื่อเรากลับถึงบ้าน! ครั้งนี้เราจะต้องจัดงานให้ดี เป็นโอกาสดีที่พวกเธอสองคนได้พักผ่อนไปด้วยเลย ทำไมถึงไม่ไปพักผ่อนสักปีสองปีล่ะ จะถือเป็นการฮันนีมูนก็ได้นะ”
แต่กระนั้น ซิงเหอกลับปฏิเสธ
“อันที่จริง ฉันยังไม่รู้สึกอยากแต่งงานค่ะ” เธอพูดอย่างนุ่มนวล
ผู้อาวุโสสีสับสน “ทำไมล่ะ”
จากมุมมองของผู้อาวุโสสี เธอได้ทอดสะพานให้มู่ไป๋แล้วและทั้งสองคนก็ผ่านอะไรร่วมกันมามาก ดูเป็นเรื่องสมเหตุสมผลและเหมาะสมที่คนทั้งสองจะร่วมหอลงโลงกันเสียที ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ได้พูดอะไรเมื่อครั้งที่เขาเสนอความคิดเรื่องการแต่งงานก่อนหน้านี้ แล้วทำไมถึงได้มาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้เสียล่ะ
“มันเป็นความคิดของผมเองครับ!” มู่ไป๋อธิบายก่อนที่ซิงเหอจะทันได้ตอบคำถาม “คุณปู่ พวกเราทั้งสองคนไม่อยากรีบร้อนที่จะแต่งงานกัน ไว้พวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันหลังจากที่เรารู้สึกพร้อมมากกว่านี้แล้วก็ได้นะครับ”
ตอนที่ 669 ขอเขาแต่งงาน
ผู้อาวุโสสีรู้ดีว่าเมื่อใดที่ควรจะก้าวถอยหลังดังนั้นเขาจึงพยักหน้ารับ “ก็ได้ เรื่องนี้ควรเป็นการตัดสินใจของพวกเธออยู่แล้ว ปู่เชื่อมั่นในตัวพวกเจ้าทั้งสองคน”
“ขอบคุณครับ” มู่ไปตอบกลับพร้อมรอยยิ้มและรู้สึกขอบคุณคุณปู่ของตัวเองที่เข้าใจ ซิงเหอมองไปยังชายหนุ่ม แววตาของเธอดูเหมือนจะกล่าวคำขอบคุณเช่นเดียวกัน เธอรู้สึกขอบคุณที่เขาเข้าใจการปฏิเสธของเธอโดยไม่เรียกร้องเหตุผลใดๆ จากเธอทั้งสิ้น
มู่ไป๋จับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนเอนตัวเข้ามากระซิบที่ข้างหู “ผมไม่ได้ใจดีนักหรอกนะ คุณต้องอธิบายทุกอย่างให้ผมฟังหลังจากที่พวกเราถึงบ้านแล้ว โอเคไหม”
หากไม่มีเหตุผลที่ดีพอเขาจะไม่มีวันล่าถอยง่ายๆ แน่ มู่ไป๋ตั้งใจยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายขณะที่จ้องเขม็งไปยังซิงเหอ
ซิงเหอทำเพียงแค่พยักหน้ากลับพร้อมรอยยิ้ม เธอรู้สึกว่าเธอคิดค้างคำอธิบายเขาอยู่
…
เมื่อพวกเขาเดินทางกลับมาถึงฮิลส์เรสซิเดนซ์ มู่ไป๋ก็ดึงตัวซิงเหอเข้าไปยังห้องนอนทันที
“บอกผมมาว่าทำไมคุณถึงยังไม่ต้องการแต่งงาน วันนี้คุณไปคุยอะไรกับคุณเซี่ยมา” มู่ไป๋จ้องมองอีกฝ่ายและถามอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่านี่ต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับฉีเสี่ยวชี่ ซิงเหอต้องค้นพบอะไรบางอย่างจากผู้หญิงคนนั้น ซิงเหอพยักหน้าและอธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง
ใบหน้าของมู่ไป๋หม่นลง “คุณเชื่อเรื่องวันวิปโยคนั่นจริงงั้นเหรอ”
“ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ฉันไม่คิดว่าฉันจะปัดความคิดนี้ออกไปได้ง่ายๆ เยี่ยเซินพูดถึงเรื่องนี้แล้วมาตอนนี้เซี่ยเสี่ยวชี่ก็พูดถึงมันอีก ดังนั้นมันเป็นเรื่องที่ควรจะพิจารณาให้ดี”
“ผมเห็นด้วย ในเมื่อมันดูมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลึกพลังงานที่ต้องการการค้นคว้าอีกมาก” มู่ไป๋เห็นด้วย
ซิงเหอกล่าวต่อ “ฉะนั้นฉันต้องการไปให้ถึงต้นตอให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าบางอย่างที่เลวร้ายมากอาจจะเกิดขึ้น ถึงเวลานั้นทุกอย่างอาจจะสายเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นฉันก็อยากจะหาที่อยู่ของคุณแม่ให้พบ”
“โอเค ผมจะช่วยคุณทั้งหมดเอง!” มู่ไป๋ให้คำมั่นโดยไม่มีท่าทีโลเล ถึงแม้ตัวเขาเองจะไม่ได้เห็นด้วยไปกับแนวคิดเชิงไซไฟพวกนี้โดยสมบูรณ์นัก แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่หญิงสาวต้องการจะทำ เขาก็ยินดีช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่
ซิงเหอรู้สึกขอบคุณในความเชื่อมั่นและความเชื่อเหลือของชายหนุ่ม เธอสวมกอดเขาและพูดว่า “ไว้เรื่องนี้จบลง เราจะแต่งงานกัน”
มู่ไป๋สั่นสะท้านไปทั้งตัว นี่เป็นครั้งแรกที่ซิงเหอเป็นคนพูดความคิดเกี่ยวกับการแต่งงาน
เขาคว้าไหล่ของหญิงสาวไว้และผลักเธอออกเล็กน้อยก่อนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “คุณไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม”
ซิงเหอพยักหน้า “แน่นอนค่ะ ฉันไม่ได้ล้อเล่น”
“ในเมื่อคุณสัญญากับผมแบบนี้แล้ว ตลอดชีวิตของคุณ คุณจะแต่งงานกับผมได้แค่คนเดียวเท่านั้น ห้ามเฉไฉแล้วนะ!” มู่ไป๋เรียกร้องราวกับเป็นเด็กน้อยและเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
ซิงเหออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ฉันไม่แต่งหรอก ตราบใดที่คุณยังไม่รู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจนี้”
ใบหน้าของมู่ไป๋แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง “ทำไมผมจะต้องรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมาตลอดชีวิตด้วยล่ะ”
จากนั้นเขาดึงหญิงสาวกลับเข้ามาสู่อ้อมกอดและจุมพิตเธออย่างลึกซึ้ง หัวใจของเขาที่เคยเต็มไปด้วยความกลัวและความกังวล บัดนี้ความรู้สึกเหล่านั้นได้มลายหายไปจนหมดสิ้น
เชาเชื่อว่าซิงเหอเป็นผู้หญิงที่รักษาความพูด ในเมื่อเธอสัญญาว่าจะแต่งงานกับเขา เธอจะไม่มีวันคืนคำ
ในที่สุดก้อนหินอันหนักอึ้งก็ได้ถูกยกออกไปจากหัวใจของเขาเพราะในที่สุดเธอจะเป็นของเขาแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาได้ปักหลักอยู่ในทะเลแห่งความสุข
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้นและยิ่งจูบเธออย่างดูดดื่มยิ่งขึ้นกว่าเดิม เขาอยากจะจูบไปทั่วร่างของหญิงสาว แต่ในจังหวะนั้น โทรศัพท์ของซิงเหอดังขึ้น!
ตอนที่ 670 ตระกูลเฮ่อหลาน
มู่ไป๋พยายามที่จะไม่คว้ามือถือของซิงเหอมาหักทิ้งไปสองส่วน ใครมันกล้าโทรมาทำลายช่วงเวลาอันมีค่าของเขาแบบนี้
เขาทำเป็นเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์แต่ซิงเหอพลักเขาออกไป ความขุ่นเคืองและความไม่เต็มใจเวียนวนอยู่ในแววตาของเขาในขณะที่ริมฝีปากของพวกเขาแยกออกจากกัน
“ใครกัน” เขาถามอย่างไม่ใยดี แม้ว่าดวงตาของเขาจะฉายแววดำมืด
“เซี่ยเสี่ยวชี่” เธอตอบชายหนุ่มขณะกดรับสายโทรศัพท์
“ฮัลโหล ซิงเหอเหรอ นี่ฉันเองค่ะ เสี่ยวชี่ ฉันถามคุณแม่เรื่องคุณพ่อแล้วนะคะ” เสี่ยวชี่กล่าวอย่างระแวดระวังกับอีกฝ่ายที่อยู่ปลายสาย
ซิงเหอตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังแบบเดียวกัน “คุณได้อะไรมาบ้าง”
เสี่ยวชี่เชื่อซิงเหอหมดใจ เธอจึงเปิดเผยทุกอย่าง “คุณแม่บอกว่าคุณพ่อเคยบอกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับตระกูลที่ชื่อเฮ่อหลาน ฟังดูเหมือนพวกเขาจะเป็นศูนย์กลางของโปรเจกต์กาแล็กซีนี่ แต่คุณพ่อพยายามอยู่หลายปีที่จะหาที่อยู่ของตระกูลเฮ่อหลาน แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังบอกคุณแม่ว่าโปรเจกต์กาแล็กซีนั้นใหญ่เกินกว่าที่พวกเราจะจินตนาการได้เพราะมันเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของคนทั้งโลก แต่เขากลัวว่าหากบอกข้อมูลกับคุณแม่มากเกินไปจะนำอันตรายมาให้เธอ ดังนั้นนั่นคือทั้งหมดที่เขาบอกกับคุณแม่ และเป็นทั้งหมดที่ฉันสามารถหามาได้จากคุณแม่เช่นกัน”
“เฮ่อหลาน…” ซิงเหอพูดทวนชื่อที่ฟังไม่คุ้นหูและหลังจากเว้นระยะไปครู่หนึ่ง เธอเริ่มพูดต่อ “ขอบคุณมาก ข้อมูลของคุณเป็นประโยชน์มากเลย ปล่อยที่เหลือให้ฉันจัดการเอง แล้วฉันจะคอยอัปเดตข้อมูลให้คุณรู้ถ้าเราได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพ่อของคุณนะ”
“ตกลงค่ะ! ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออะไรขอให้บอกฉันได้เลยนะคะ” เสี่ยวชี่ตอบ
“เข้าใจแล้ว” ซิงเหอวางสายและมองไปยังมู่ไป๋อย่างจริงจัง
“เธอว่ายังไงบ้าง” มู่ไป๋เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำ
ซิงเหออธิบาย “คุณพ่อของเสี่ยวชี่บอกว่าโปรเจกต์กาแล็กซีนี่เกี่ยวข้องกับตระกูลที่ชื่อเหอหลานและเป็นโปรเจกต์ที่มีความสำคัญอย่างมากเพราะมันเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของคนทั้งโลก นี่คือทั้งหมดที่เธอหาข้อมูลมาได้ แล้วคุณเคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับตระกูลเฮ่อหลานนี่หรือเปล่า”
มู่ไป๋ส่ายหัว “ไม่ ผมเพิ่งได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก”
“พ่อของเสี่ยวชี่เองก็ตามหาตระกูลนี้อยู่เหมือนกันแต่เขาหาอะไรไม่พบ ดูเหมือนจะเป็นครอบครัวที่หาตัวยาก การหาที่อยู่ของพวกเขาเจออาจนำเราไปใกล้ความจริงขึ้นอีกก้าวหนึ่งก็ได้!” ซิงเหอกล่าวสรุปด้วยความมาดมั่น
มู่ไป๋พยักหน้า “ปล่อยเรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดในการตามหาครอบครัวนี้ ไม่ต้องห่วง เราจะหาพวกเขาเจอก่อนที่คุณจะรู้ตัวเสียอีก”
ซิงเหอพยักหน้าและตัดสินใจที่จะมีส่วนในการค้นหาครั้งนี้ด้วยตัวเอง ด้วยเป้าหมายในใจ ซิงเหอเริ่มควานหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตทันที มีหลายคนที่ใช้นามสกุลเฮ่อหลานแต่ไม่ใช่คนที่พวกเขากำลังตามหา
ในเมื่อตระกูลเฮ่อหลานที่เธอต้องการตัวมีความเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์กาแล็กซี พวกเขาจะต้องมีชื่อเสียงในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน แต่บรรดาข้อมูลที่ซิงเหอพบล้วนแล้วแต่เป็นสามัญชนธรรมดา แต่เพื่อความปลอดภัย เธอยังคงตรวจดูข้อมูลของพวกเขาทุกคน มู่ไป๋เองก็ช่วยเธออย่างเต็มความสามารถที่เขามี
การค้นหานี้เป็นความลับที่มีเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่รู้ พวกเขายังไม่คิดว่าจะเป็นการปลอดภัยที่จะเปิดเผยความลับสำคัญนี้ มันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากข่าวเรื่องนี้รั่วไหลออกไป
ทั้งสองคนใช้เวลาหลายวันหมดไปกับการขุดคุ้ยข้อมูลของคนสกุลเฮ่อหลานมากมาย แต่ไม่มีใครที่สอดคล้องกับเกณฑ์ที่พวกเขาวางไว้ ซิงเหอสงสัยว่าครอบครัวนี้อาจซ่อนเร้นตัวเองเป็นอย่างดีและคนภายนอกไม่มีทางหาข้อมูลใดๆ ของพวกเขาเจอ
พูดอีกแง่คือถ้าไม่ใช่การเปิดเผยตัวออกมาเอง พวกเขาจะไม่มีทางหาข้อมูลใดๆ เจอแน่
ตอนที่ 671 ข่าวคราวเกี่ยวกับลูกสาวคนที่สอง
ไม่เช่นนั้น คุณพ่อของเสี่ยวชี่คงค้นหาคนพวกนี้เจอตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ในเมื่อการจมเข็มในมหาสมุทรเช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์ พวกซิงเหอจึงต้องคิดหาวิธีใหม่
ในขณะที่ซิงเหอและมู่ไป๋กำลังติดอยู่กับการค้นหา ตำรวจเองก็กำลังพยายามทำให้ตระกูลหลินยอมปริปาก ผู้อาวุโสเฉินเองก็ยังพยายามอย่างหนักในการตามหาลูกสาวของเขาดังนั้นเขาจึงบอกกับตระกูลหลินว่าเขาจะปล่อยตัวใครก็ตามที่ยอมให้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกสาวของเขาแก่ตำรวจ แน่นอนว่าข้อเสนอนี้ไม่ครอบคลุมถึงอาชญากรตัวสำคัญอย่างหลินเจิ้งหวา หลินคัง และหลินเซวียน
หลายคนปรารถนาที่จะคว้าข้อเสนอนี้ไว้แต่ไม่มีใครที่ใกล้ชิดกับศูนย์กลางโครงสร้างทางอำนาจและข้อมูลของตระกูลหลิน แต่กระนั้นก็ยังยกเว้นอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ใกล้ชิดกับผู้ทรงอำนาจในตระกูลแต่กลับแทบไม่มีส่วนร่วมกับการกระทำผิดใดๆ ของตระกูลหลิน เขาคือหลินฉิน!
ลูกชายคนที่สามผู้ไร้ประโยชน์ของผู้อาวุโสหลิน เป็นเพราะตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในตระกูลทำให้เขาสามารถรับรู้ทุกอย่างโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งใด เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับความผิดต่างๆ ของตระกูลหลินเพราะเขาไม่มีประโยชน์สำหรับผู้อาวุโสหลิน
ถึงแม้ว่าหลินฉินจะเป็นลูกชายของหลินเจิ้งหวา แต่เป็นเรื่องน่าประหลาดที่ตระกูลเฉินและตระกูลสีไม่อาจหาเหตุผลใดๆ มาเกลียดผู้ชายคนนี้ได้ อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำผิดอะไรและไม่แสดงท่าทีทะเยอทะยานใดๆ ออกมา เขาเป็นเพียงแค่เหยื่ออีกคนหนึ่งในแผนการอันยิ่งใหญ่ของตระกูลหลิน
ตามหลักแล้วหลินฉินควรจะอยู่ข้างตระกูลหลินแต่เพราะพวกตระกูลหลินหักหลังเขาอย่างโหดเ**้ยมด้วยการสังเวยชีวิตลูกสาวของเขา ในเมื่อตระกูลหลินไม่อาจปิดกั้นเขาได้อีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจที่จะหยุดเสียสละตัวเองเพื่อครอบครัวที่ไม่เคยทำอะไรให้เขาเลย
เขาตัดสินใจที่จะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลหลินและเลือกให้ความร่วมมือเพื่อช่วยลูกสาวคนที่เหลืออยู่ของเขา แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก เขารู้เพียงแค่ว่าการที่ลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินได้ถูกส่งตัวออกนั้นเป็นเรื่องจริง
เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อนาคต ผู้อาวุโสหลินได้ส่งเด็กผู้หญิงตัวน้อยไปให้องค์กรต่างประเทศที่ดูแลเป็นพิเศษเกี่ยวกับเด็กกำพร้า องค์กรดังกล่าวรับเด็กกำพร้ามากมายจากประเทศจีนและตระกูลหลินส่งเด็กน้อยไปให้องค์กรดังกล่าวในฐานะเด็กกำพร้า
โชคไม่ดีนักที่หลินฉินไม่รู้ชื่อขององค์กรดังกล่าว บุคคลเพียงคนเดียวที่รู้ข้อมูลนี้คือหลินเจิ้งหวา
แต่คนชั่วหลินเจิ้งหวาปฏิเสธที่จะบอกชื่อขององค์กรดังกล่าวเพราะในเมื่อเขากำลังอยู่ในความทุกข์ยากแล้วเรื่องอะไรที่เขาจะยอมให้คนอื่นมีความสุขกันละ ดังนั้นเบาะแสจึงหยุดชะงักอีกครั้ง
นอกจากข้อมูลว่าเป็นองค์กรในต่างประเทศที่รับเด็กกำพร้าแล้วพวกเขาไม่มีข้อมูลอื่นใดที่จะนำมาประกอบ แต่กระนั้นองค์กรที่ว่าได้มาที่ประเทศจีนเมื่อสี่สิบเจ็ดปีก่อน ดังนั้นจึงมีข้อมูลบันทึกอะไรเอาไว้บ้าง
ท่านประธานาธิบดีดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังเช่นกัน แต่เขาเพิ่งจะฟื้นตัวจากการผ่าตัดและยังอยู่ในระหว่างการพักฟื้น เขาจึงมอบหมายทุกอย่างให้อยู่ภายใต้การดูแลของท่านรองประธานาธิบดี ท่านรองเข้าช่วยเหลือตระกูลเฉินในการตามหาที่อยู่ขององค์กรนั้นอย่างเต็มกำลังและหลังจากเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็พบข้อมูลที่มีค่า
ข้อมูลนี้ทำให้ซิงเหอและมู่ไป๋ต้องตกตะลึงที่สุดในชีวิต!
เมื่อสี่สิบเจ็ดปีก่อน เศรษฐกิจของประเทศกำลังเติบโต ทำให้มีผู้ลงทุนจากต่างประทเศเข้ามาหาโอกาสในการทำธุรกิจรวมถึงเหล่าลูกหลานชาวจีนที่เลือกเดินทางกลับมายังดินแดนเกิดเพื่อช่วยเหลือประเทศชาติของตร
หนึ่งในหลายครอบครัวเลือกที่จะเปิดสถานรับเลี้ยงเพื่อรับเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมด พวกเขาวางแผนที่จะพาเด็กกำพร้าเหล่านั้นไปต่างประเทศและให้โอกาสเด็กเหล่านั้นได้มีชีวิตใหม่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดีกว่า
ในปีนั้น สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ได้รับเด็กมาไว้ในการดูแลหลายคนแต่ดูเหมือนว่าลูกสาวคนที่สองของตระกูลหลินจะไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น แต่ข้อมูลนี้ไม่ใช่สิ่งที่สร้างความตกตะลึงให้ สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจคือครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังองค์กรการกุศลนี้คือตระกูลเฮ่อหลาน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น