อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! 662-668

 ตอนที่ 662 วางไม่ได้ ลืมไม่ลง (2)

โดย

Ink Stone_Romance

“อืม จริงสิ” ไป๋ซู่เย่พยักหน้า


คุณหญิงไป๋ชงชาสองแก้วจากห้องครัวมาถึงเพิ่งเห็นแผลบนหน้าผากเธอ เรียกใบหน้าตกใจจนไร้สีของคุณหญิงไป๋เข้า “นี่ลูกเป็นอะไรไป? ทำไมถึงมีแผลได้? รีบมาให้แม่ดูเร็ว!”


“แม่ อย่าตกใจไป แค่แผลนิดหน่อย แผลถลอก ทายาก็หายแล้ว”


“แผลนิดหน่อยจริงเหรอ?”


“อื้ม แม่วางใจเถอะ ถ้าสาหัส หนูจะอยู่บ้านเฉยๆ ได้เหรอ?”


คุณหญิงไป๋คิดๆ แล้วก็ถูก แต่ไม่ลืมที่จะตำหนิเธออีกสองประโยค คร่าวๆ ก็หาว่าเธอไม่รู้จักดูแลตัวเองอะไรเถือกนั้น


“ลูกน่ะ รีบเอารองเท้ามาให้อวิ๋นช่วนเปลี่ยนสิ วันนี้แม่ไปซื้อของข้างนอกแล้วบังเอิญเจออวิ๋นช่วน คนขับรถก็มีธุระอื่น แม่บอกว่าจะมาหาลูก อวิ๋นช่วนเลยบอกจะมาส่งแม่”


ช่างบังเอิญเสียจริง


ไป๋ซู่เย่คิดว่าต้องเป็นคุณหญิงไป๋ลากอวิ๋นช่วนมาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคนขับรถจะมีธุระอะไรสำคัญไปกว่าคุณหญิงไป๋อีก


“คุณนั่งสิ ฉันจะไปหยิบรองเท้าแตะมาให้” เธอบอกอวิ๋นช่วน


ที่บ้านเธอมีรองเท้าแตะสำหรับผู้ชายเพียงคู่เดียวที่ถูกเย่เซียวใส่ไปถอดทิ้งไว้ในห้องหนังสือ ไป๋ซู่เย่เดินไปหยิบมาให้อวิ๋นช่วนที่ห้องหนังสือ


“ขอบคุณ” อวิ๋นช่วนกล่าวขอบคุณพลางกวาดตามองรอบข้างทีถึงถามเธอ “ผมมาแบบนี้ไม่ได้รบกวนคุณใช่ไหม? ความจริง…ผมมาเพราะเป็นห่วงคุณจากเรื่องครั้งก่อน พอได้ยินคุณป้าบอกจะมา ผมเลยหน้าด้านตามมาด้วย”


“เรื่องคราวก่อน เรื่องอะไร?” คุณหญิงไป๋รีบแทรกหัวเข้ามาถาม


ไป๋ซู่เย่สบตากับอวิ๋นช่วนแวบหนึ่ง อวิ๋นช่วนหัวเราะไปอธิบายไป “ความจริงก็ไม่มีอะไรครับ แค่ครั้งก่อนซู่ซู่ไปร่วมงานเลี้ยงกับผม เธอดื่มมากไปหน่อย”


คุณหญิงไป๋หรี่ตาน้อยๆ มองคนนั้นทีมองคนนี้ทีแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่เลวนี่ ที่แท้พวกเธอสองคนก็รู้จักติดต่อกันลับหลังด้วย ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นห่วงเปล่าๆ แล้วสินะ”


ไป๋ซู่เย่แค่แย้มปากยิ้มโดยไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ ถามเพียง “แม่คะ ทำไมวันนี้จู่ๆ ถึงมาที่นี่ล่ะ? มีเรื่องอะไรกับหนูเหรอ?”


“แม่เป็นแม่ของลูก ไม่มีเรื่องอะไรก็มาหาไม่ได้เหรอ?” คุณหญิงไป๋มองเธออย่างคาดโทษ “แต่ครั้งนี้มา มีเรื่องจริงๆ ด้วย”


“ค่ะ แม่พูดมาเลย”


คุณหญิงไป๋นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามลูกสาว ยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบเบาๆ คำหนึ่ง พยักพเยิดปลายคางไปทางอวิ๋นช่วนพร้อมพูดขึ้น “อีกสิบวันก็คืองานฉลองวันเกิดครบร้อยปีที่พ่อแม่อวิ๋นช่วนร่วมจัดขึ้น คุณลุงคุณป้าอวิ๋นเชิญครอบครัวเราไปโรงแรมบ่อน้ำร้อนด้วยกัน ตอนนั้นลูกทำตัวให้ว่างด้วย”


ไป๋ซู่เย่เงียบไม่ได้ตอบกลับทันที คุณหญิงไป๋มองเธอ “ทำไม? ไม่สะดวกเหรอ?”


“อาจจะมีงานติดพัน” หากเธอไปจริง แวบแรกในหัวกลับนึกถึงว่าเย่เซียวจะไม่พอใจได้เสียอย่างนั้น


“ลูกอย่ามาอำ แม่รู้อยู่แล้วว่าลูกต้องใช้ข้ออ้างนี้มาอ้าง เลยโทรหาไป๋หลางแต่เช้าแล้ว ไป๋หลางบอกแม่ว่าช่วงนี้ลูกว่างมาก ไม่ได้ไปทำงานหลายวันแล้วด้วย”


เจ้าไป๋หลางทำไมถึงพูดมากขนาดนี้?


“แม่คะ หนูบาดเจ็บแบบนี้ อยากพักผ่อนที่บ้านดีๆ”


อวิ๋นช่วนเห็นถึงความไม่ยิมยอมพร้อมใจของเธอเลยช่วยเกลี้ยกล่อม “คุณหญิง ในเมื่อซู่ซู่ไม่อยากไป ผมว่างั้นช่างเถอะครับ”


คุณหญิงไป๋จ้องไป๋ซู่เย่แวบหนึ่ง “ไม่อยากไปก็ต้องไป ถ้าเป็นงานอื่นลูกไม่ไปก็แล้ว ครั้งนี้ลูกปฏิเสธไม่ได้จริงๆ แม้แต่น้องชายของลูกยังพาต้าไป๋ออกงานด้วย ถ้าลูกไม่ไป ลูกจะให้แม่กับพ่อลูกบอกเขายังไง? อีกอย่างแผลนี้สิบวันอาจจะไม่ทันหายดี แต่ก็ไม่กระทบลูกแช่น้ำร้อนนี่นา ถือว่าไปผ่อนคลายไง”


ไป๋ซู่เย่ระอา “หนูขอคิดอีกที ได้ไหมคะ?”


เธอยอมถอยถึงขั้นบอกคิดอีกที คุณหญิงไป๋เองก็เอาแต่พอใจไม่ได้ไล่ต้อนบีบบังคับต่อไป


…………………………


นานทีคุณหญิงไป๋จะมาสักครั้งเลยมัวแต่คุยจ้อกับเธอตั้งนาน ไป๋ซู่เย่ค่อนข้างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและบางครั้งจะหันกลับไปมองทางห้องนอนแวบหนึ่งขณะที่พวกเขาเผลอ คนอย่างเย่เซียวไม่ใช่คนมีความอดทนนัก ขังเขาไว้ในห้องนอนอย่างนี้ เขาโกรธขึ้นมาคงกระชากประตูออกมาแล้ว อีกอย่างขังไว้สักพักใหญ่ๆ คิดว่าเขาต้องไม่สบอารมณ์อย่างมากแหงๆ


“ทำไมวันนี้แม่รู้สึกว่าลูกแปลกๆ?” คุณหญิงไป๋จับความผิดปกติของลูกสาวออก


“เปล่าค่ะ” ไป๋ซู่เย่ปฏิเสธ ส่ายหัวเบาๆ “อาจจะเพราะมีแผลตรงหัวเลยมึนๆ นิดหน่อย”


“ชอบให้แม่เป็นห่วงจริงๆ ลูกน่ะไม่อยู่บ้าน เป็นผู้หญิงแต่กลับย้ายออกมาอยู่คนเดียว พอบาดเจ็บที่บ้านก็ไม่รู้ ถ้าลูกมีแฟนสักคน แม่คงไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้หรอก อวิ๋นช่วน เธอว่าถูกไหม?”


ลากเข้าประเด็นเรื่องแฟนหนุ่มอีกแล้ว


อวิ๋นช่วนยิ้มอบอุ่น “คุณหญิงสบายใจได้ ต่อให้ตอนนี้ผมยังไม่ใช่แฟนของเธอ ผมก็จะดูแลซู่ซู่ให้ดี”


คุณหญิงไป๋ได้ยินคำพูดนี้ของอวิ๋นช่วนก็ยิ้มหน้าบานทันที


ทั้งสามคนคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยพร้อมดูโทรทัศน์ไปด้วย คุณหญิงไป๋ตั้งใจให้พวกเขาสองคนสานสัมพันธ์กันเลยนั่งนิ่งๆ ไม่ยอมกลับ กระทั่งตอนเย็นห้าโมงครึ่งยกแขนขึ้นดูนาฬิกาแวบหนึ่งก่อนจะกล่าว “ซู่ซู่ นี่ก็เย็นแล้ว ลูกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เราสามคนไปทานอาหารเย็นด้วยกันดีกว่า”


“…” ไป๋ซู่เย่แอบคิดในใจ หากเธอไปทั้งอย่างนี้แล้วเย่เซียวจะทำอย่างไร?


แต่วินาทีถัดมาก็รู้สึกว่าความคิดนี้ของตัวเองช่างน่าขำ เย่เซียวทำอาหารเองได้แถมตอนเที่ยงยังมีกับข้าวเหลือในตู้เย็นไม่น้อย เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองหิวหรอก แต่ตัวเขาคนเดียวคงไม่อยากลงมือทำกับข้าวเองหรอกสินะ


“ผมจองร้านอาหารไว้แล้ว ตอนนี้ไปน่าจะทันเวลาพอดี” อวิ๋นช่วนยิ้มรับคำ


คุณหญิงไป๋มองเขาด้วยสายตาพึงพอใจมากกว่าเดิม บอกไป๋ซู่เย่ว่า “ลูกดูอวิ๋นช่วนสิ ละเอียดขนาดไหนที่จองอาหารเย็นไว้ตั้งนานแล้ว อย่ามัวแต่โอ้เอ้ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่สวยๆ หน่อยนะ อย่าใส่เสื้อผ้าลำลองมาอีกล่ะ ปกติเห็นลูกสวยขนาดนั้น วันนี้อวิ๋นช่วนมาทั้งทีลูกกลับใส่แค่ชุดธรรมดา”


อวิ๋นช่วนยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ซู่ซู่สวยอยู่แล้ว ใส่อะไรก็สวย”


คุณหญิงไป๋ได้ยินเขาว่าเช่นนี้ก็ยิ่งดีใจไปกันใหญ่ นี่มันมีความเป็นไปได้นี่นา คุณหญิงไป๋ลุกขึ้นลากเธอไปที่ห้องนอน ขณะเดียวกันก็พูดสั่งเสียงเบา “ลูกใส่เดรสที่เดือนก่อนลูกเคยใส่นะ ชุดนั้นสวยมาก”


“…แม่ หนูไม่ได้ไปดูตัวสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องใส่พิธีรีตองขนาดนั้น”


“ผู้หญิงน่ะต้องสวยไว้ก่อน รีบไปสิ”


ไป๋ซู่เย่เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนเพราะใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว เธอย่อมต้องไปทานอาหารเย็นกับคุณหญิงไป๋ ปฏิเสธไม่ได้


แต่ว่า…


พอนึกถึงเย่เซียว เธอก็เริ่มปวดหัว


ขณะที่เข้าไปเย่เซียวกำลังนั่งบนโซฟาในห้องเธอโดยที่เท้าเปลือยและไขว้ขายาว มือก็เปิดนิตยสารที่เธอวางทิ้งไว้ข้างๆ ไปพลาง ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาของเธอเขาไม่แม้แต่ปรายตาขึ้นมอง กล่าวเพียง “ดูเหมือนจะคุยกันออกรสนะ คุยไปตั้งหลายชั่วโมงนี่นา ท่านรัฐมนตรีไป๋เหมือนจะลืมไปหรือเปล่าว่าในห้องยังมีผู้ชายที่เคยนอนกับคุณซ่อนอยู่?”


………………………………


ตอนที่ 663 วางไม่ได้ ลืมไม่ลง (3)

โดย

Ink Stone_Romance

น้ำเสียงนี้…


แค่ฟังก็คล้ายจะมีลมพายุลูกใหญ่ใกล้เข้ามา


ไป๋ซู่เย่รู้ว่าเขาไม่ชอบใจอวิ๋นช่วนมาก คนคนนี้นิสัยเอาแต่ใจเหมือนเมื่อสิบปีก่อนแทบไม่เปลี่ยน ต่อให้เขาไม่ชอบเธอมากขนาดไหน ต่อให้เขาเกลียดชังเธออย่างไร แต่ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงสัญญากับเขา จึงไม่อนุญาตให้เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนอื่น


“เดี๋ยวฉันจะไปทานข้าวเย็นกับแม่ฉัน” ไป๋ซู่เย่เปิดตู้เสื้อผ้าค้นหากระโปรงไปคุยกับเขาไป “ตอนเย็นคุณทำกับข้าวเอง หรือจะให้ฉันห่อกลับมาให้คุณ?”


“มีแฟนของคุณอยู่ รัฐมนตรีไป๋ยังนึกถึงผมอยู่เหรอ?” เย่เซียวเงยหน้าใช้สายตาเย็นชาจ้องเธอโดยที่มีเตียงขวางกั้น


เธอไม่ได้หันกลับไปมองยังสัมผัสได้ถึงสายตาเยือกเย็นของเขา คล้ายจะมองเธอให้ทะลุ เธอเลือกกระโปรงสักตัวออกมาแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ ไม่ได้ตอบกลับเขา พูดเพียง “ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เปลี่ยนเสร็จค่อยออกมาคุย”


สักพักเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จออกมา


เย่เซียวเห็นเธอตั้งใจแต่งตัวมาอย่างดี ไฟนิรนามที่สุมในอกก็ลุกพรวดขึ้นมาฉับพลัน


เขาดันเธอเข้าไปในห้องน้ำ ดูดดังกัดทึ้งตามลำคอเธอ ทั้งที่ร่องรอยก่อนหน้าที่ทิ้งไว้บนลำคอจางลงไปบ้างแล้วแต่ตอนนี้กลับถูกเขาประทับใหม่


“เย่เซียว คุณหยุดบ้าได้แล้ว!” ไป๋ซู่เย่ผลักเขาแล้วทุบไหล่เขา “ถ้าคุณทำอย่างนี้ฉันจะออกไปยังไง?”


เย่เซียวหายใจหอบหนักผละห่างจากลำคอเธอ สายตาขึงขังจ้องเธอ “คุณต้องไปให้ได้ใช่ไหม?”


“ใช่ ฉันต้องไปให้ได้” คุณหญิงไป๋มาเองแล้วเธอไม่มีทางปฏิเสธที่จะทานอาหารเย็นกับท่าน ถูกเขาระบายอารมณ์ใส่อย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ แถมยังกัดเธอจนเจ็บ เธอก็เริ่มอารมณ์เสียแล้วเหมือนกัน


“ได้ งั้นก็ไสหัวไป!” เย่เซียวปล่อยเธอ เขารู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองเริ่มอยู่เหนือการควบคุมบ้างแล้ว ความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้แบบนี้มันแย่มาก! ตลอดช่วงบ่ายนั่งรอในห้องนี้จนความอดทนแทบจะร่อยหรอ!


ทุกนาทีช่างทรมาน ทุกนาทีมัวแต่คิดว่าเธอกำลังคุยอะไรกับผู้ชายคนนั้น กำลังทำอะไร แล้วทำไมถึงต้องใช้เวลาตลอดทั้งบ่าย?!


ส่วนเขากลับถูกเธอทิ้งไว้ในห้องนี้เหมือนโจร ไม่สนใจใดๆ! ความรู้สึกที่ต้องหลบซ่อนไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้อย่างนี้ มันแย่มากจริงๆ!


ไป๋ซู่เย่ไม่ให้เย่เซียวส่งผลกระทบต่ออารมณ์ตัวเองจนทำใจให้เย็นลงได้ สำรวจดูรอยจูบบนคอตัวเองที ยังดีที่ปล่อยผมลงแล้วไม่เห็น เธอจัดผมเล็กน้อย ก่อนออกไปหันกลับมามองเย่เซียวที่ยืนสูบบุหรี่ตรงระเบียงแวบหนึ่ง “ตอนค่ำฉันจะเอาข้าวกลับมาให้คุณ คุณรอหน่อย ฉันจะพยายามรีบกลับ”


ว่าแล้วปิดประตูออกไปโดยไม่สนใจเย่เซียวอีก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทั้งที่เป็นแค่การร่วมมื้ออาหารธรรมดา อีกทั้งนอกจากความสัมพันธ์อย่างนั้นกับเย่เซียวมันไม่มีชื่อเรียกด้วยซ้ำ แต่พอถูกเขาซักถามกลับรู้สึกผิดในใจแปลกๆ


เขาล่ะ? ที่โกรธหนักขนาดนี้เพราะอะไร? เพียงเพราะความแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของตัวเองหรือ?


……………………………………


เธอใส่กระโปรงยาวสีแดงเข้มเป็นที่ตะลึงเพราะความสวยงามเย้ายวน แต่มีผ้าพันแผลบนศีรษะจึงค่อนข้างส่งผลต่อความงามเล็กน้อย ก่อนออกจากบ้านคุณหญิงไป๋เลือกหมวกใส่ให้เธอ อวิ๋นช่วนมองเธอด้วยแววตาที่สื่อความหลงใหลอย่างชัดเจน เธอกลับไม่มีอารมณ์ร่วม


ร้านอาหารที่เขาจองอยู่ไม่ไกลจากเซียงเซี่ยกู่ที่เธอพักอาศัย พอพวกเขาปรากฏตัวคนในร้านอาหารก็ถลาเข้ามาต้อนรับ


มื้ออาหารนี้ไป๋ซู่เย่ทานอย่างไม่สบายใจนัก เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะและเหลือบมองเป็นพักๆ แต่…จนทานข้าวเสร็จเย่เซียวไม่โทรหาเธอแม้แต่สายเดียวหรือแม้แต่จะส่งข้อความสักข้อความ


รอออกจากร้านอาหารกำลังจะกลับ ไป๋ซู่เย่ถึงโล่งอกผ่อนคลายลง


“ผมไปส่งคุณก่อนค่อยส่งคุณหญิง” อวิ๋นช่วนออกจากร้านอาหารแล้วพูดขึ้น


คุณหญิงไป๋ตอบ “ไม่ต้องหรอก ไปส่งฉันก่อนค่อยส่งซู่ซู่เถอะ”


ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าคุณหญิงไป๋กำลังสร้างโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน จงซันอยู่ห่างจากตรงนี้ตั้งไกล ไปๆ มาๆ ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองชั่วโมง


ไป๋ซู่เย่มีเรื่องติดค้างในใจเลยไม่มีใจจะยืดเยื้อกับคุณหญิงไป๋ต่อ จึงตอบกลับว่า “ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจฉันหรอก ฉันเรียกรถกลับเองได้ ไม่ไกลมาก”


เธอยังต้องลงไปชั้นล่างเพื่อห่อข้าวให้เย่เซียว ตอนนี้ค่อนข้างค่ำแล้ว เกรงว่าเขาน่าจะหิวนานแล้ว


ไม่เปิดโอกาสให้คุณหญิงไป๋ได้พูดอะไรอีก เธอหันหน้าไปบอกอวิ๋นช่วน “ฝากแม่ฉันด้วย ขอบคุณนะ ครั้งหน้ามีโอกาสฉันค่อยเลี้ยงข้าวคุณ”


เป็นการปฏิเสธอย่างโจ่งแจ้ง อวิ๋นช่วนเป็นคนมีขอบเขตย่อมไม่ตามตื๊อให้เสียบรรยากาศ แค่พยักหน้ารับ เห็นพวกเขาเป็นอย่างนี้ คุณหญิงไป๋ก็ไม่บังคับฝืนใจอีก


ทั้งสามคนเดินไปตรงรถพร้อมกัน


ไป๋ซู่เย่ส่งพวกเขาสองคนกลับไป ขณะที่กำลังจะเรียกรถกลับโทรศัพท์แผดเสียงดังขึ้นในทันที


บนหน้าจอเป็นเบอร์แปลก


เธอกดแนบหูโดยไม่คิดอะไรมาก


“คุณไป๋ ฉันเอง”


เสียงน่าหลันดังมาจากอีกฝั่งของสาย ไป๋ซู่เย่ไม่ได้รู้สึกเกินคาด ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะใจกว้างพอจริงๆ สักวันเธอต้องมาหาตนอยู่แล้ว


“คุณมีเรื่องอะไร?”


“เราเจอกันหน่อยได้ไหม?”


ไป๋ซู่เย่บอกตำแหน่งไปอย่างง่ายดายเพื่อให้น่าหลันมาหาตน เธอเลือกร้านกาแฟข้างๆ ก่อนจะนั่งลงตรงริมกระจก ฤดูนี้ฟ้ามืดอย่างรวดเร็ว ไม่นานแสงบนฟ้าก็หายไปกว่าครึ่ง บนท้องถนนรถยนต์สวนทางกันไปมาเกิดแสงไฟหลากสี


ช่างไวนัก…


วันนี้จะผ่านไปอีกวันแล้ว…


ระหว่างเธอกับเย่เซียว ยังเหลือเวลาอีกนานเท่าไร?


พอนึกถึงคนคนนั้นสีหน้าก็ติดเศร้า


“ขอโทษที่มาช้า” ไม่นานน่าหลันก็มาถึง เธอยังอยู่ในชุดรูปแบบเดิมๆ กระโปรงขาวสะอาด นั่งอยู่ตรงข้ามเธอเงียบๆ อายุสิบเก้าปีผิวใสเหมือนลูกแก้ว


ไป๋ซู่เย่มองเธอที่เป็นอย่างนี้ ไม่อยากยอมรับว่าที่จริงในใจตัวเองก็แอบอิจฉา สิบเก้าปี สวยสดดั่งดอกไม้


“นั่งสิ” เธอยื่นเมนูให้น่าหลัน “เมื่อกี้ฉันเพิ่งทานข้าวมา ตอนนี้ทานอะไรไม่ลง ขอแค่น้ำเปล่าหนึ่งแก้ว คุณดูก่อนว่าคุณอยากทานอะไร”


น่าหลันไม่มีใจจะสั่งอาหาร นั่งอยู่ตรงข้ามเธอและใช้สายตาประเมินกวาดมองเธออย่างไม่คิดปิดบัง


ไป๋ซู่เย่สวยมาก กระโปรงยาวบนตัวเผยบุคลิกอันเด่นชัดของเธอออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งสง่าและเย้ายวนแต่กลับไม่ดูโล่งเปล่าเหมือนแจกันดอกไม้ อาจเป็นเพราะประสบการณ์เมื่อสิบปีที่ผ่านมาทำให้เธอมีแผลบางเบาติดตัว ทั้งลึกลับทั้งน่าหลงใหล ให้ผู้ชายเกิดความรู้สึกอยากสืบหาที่มาที่ไป


ลักษณะเด่นเหล่านี้เป็นของเธอเพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอ น่าหลันไม่มีทางมี…


ต่อให้เธอหน้าตาคล้ายคลึงอีกฝ่ายมากขนาดไหน ความชอบส่วนตัวจะคล้ายอีกฝ่ายมากเพียงใด แต่บุคลิกนั่นกลับไม่มีทางเหมือนได้!


“หน้าฉันมีอะไรดึงดูดคุณเหรอ?” ไป๋ซู่เย่เชยตาประสานสายตาเธอโดยตรง


“คุณไปจากเขาเถอะ…” อยู่ๆ น่าหลันก็เอ่ยปาก ไม่กี่คำที่ทำให้ไป๋ซู่เย่สะท้านน้อยๆ นัยน์ตาขรึมลง


………………………


ตอนที่ 664 วางไม่ได้ ลืมไม่ลง (4)

โดย

Ink Stone_Romance

“บางทีฉันพูดแบบนี้คุณอาจจะคิดว่ากะทันหันเกินไป แต่ความจริงก็คือก่อนที่คุณยังไม่ปรากฏตัว ฉันกับเย่เซียวมีความสุขมาก คุณไป๋ คุณเป็นมือที่สามระหว่างฉันกับเย่เซียว นี่เป็นความจริงที่ไม่มีข้อโต้แย้ง บางทีคุณอาจจะบอกว่าพวกคุณเคยรักกันตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว แต่พวกคุณจบกันตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว ทำไมสิบปีผ่านมา คุณยังมาตามตื๊อกับเขาอีก?”


น่าหลันเจ็บปวดจริงๆ พูดไปพูดมา ขอบตาก็มีน้ำตาเอ่อคลอชั้นบางๆ


เธอร้องไห้แล้ว


ร้องไห้อย่างน่าสงสารแบบที่ใครเห็นก็ต้องเห็นใจ


ไป๋ซู่เย่ขยับปากแดงทีแต่กลับมีเพียงประโยคเย็นชาออกมาเพียงประโยคเดียว “คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้มาตามตื๊อเขา”


น่าหลับกลับทำเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูด ได้แต่พูดเองเออเองต่อไป “ฉันรักเขา รักเขามากจริงๆ ฉะนั้นต่อให้ฉันรู้ว่าพวกคุณนอนด้วยกัน ฉันก็ไม่เคยซักถามสักคำได้แต่ทนอยู่เงียบๆ ทำเหมือนไม่เห็น ฉันยังรักเขาอยู่ ฉันรักเขาจนยอมลดคุณค่าตัวเอง รักจนยอมทิ้งอารมณ์ตัวเอง ศักดิ์ศรีของตัวเอง ทุกอย่างของฉัน…แล้วคุณล่ะ? คุณไป๋ คุณไม่กล้า สิ่งที่คุณปล่อยวางไม่ได้ มีมากเกินไป!”


ไป๋ซู่เย่คอยฟังคำร้องเรียน คำสารภาพของเธอเงียบๆ คอยมองท่าทางเสียใจของเด็กสาว จู่ๆ ไม่รู้ว่าตนควรดีใจแทนเย่เซียวหรือไม่ที่ข้างกายมีผู้หญิงสักคนที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจ ไม่โกหกเขา ไม่หลอกใช้เขา…


เธอเคยหวังให้เขาตามหาความสุขตัวเองให้เจอมากขนาดไหนกันนะ แต่เมื่อพบว่าความสุขนั่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเอง หน้าอกก็ยังเจ็บเหมือนเดิม…


เจ็บมาก…


น่าหลันกับเธอในอดีต ยังมีส่วนแตกต่างอยู่มาก


ไม่ว่าจะการที่รักผู้ชายสักคน เธอไป๋ซู่เย่ยังมีความภาคภูมิใจของตัวเอง อีกอย่างเธอไม่อาจเปิดเผยความรู้สึกอย่างไม่คิดปกปิดได้อย่างน่าหลัน


ความรักที่เธอต้องการ แบกรับภาระที่หนักหนามากมายเหลือเกิน…


หนำซ้ำเป็นอย่างที่น่าหลันบอก สิ่งที่เธอปล่อยวางไม่ได้ ยังมีอีกมาก


และสิ่งที่ปล่อยวางไม่ได้มากที่สุด ก็คือเย่เซียว…


ยิ่งปล่อยวางไม่ได้ก็ยิ่งต้องปล่อยวาง ต่อให้เหมือนถูกดึงเส้นเอ็น ถลกหนังก็ตาม…


เพราะ…


“สิ่งที่เย่เซียวรับไม่ได้ที่สุดไม่ใช่ตัวเองถูกหักหลัง แต่เขาต่างหากที่หักหลังคนอื่น จุดนี้ฉันเชื่อว่าคุณไป๋น่าจะรู้ดีกว่าฉัน”


คำพูดเดียวของน่าหลันจี้ตรงจุดที่ไป๋ซู่เย่ไม่อยากไปคิดและไม่อยากไปแตะต้องที่สุด


เธอยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกหนึ่งขณะที่ปลายนิ้วยังสั่นระริกน้อยๆ ความรู้สึกอัดอั้นในอกไม่ว่าอย่างไรก็กดทับลงไม่ได้สักที ได้ยินเพียงน่าหลันพูดต่อ “ถ้าเย่เซียวหลงรักคุณเข้าอีกครั้งนั่นจะเป็นหายนะครั้งใหญ่ของเขา เขาเป็นคนมีคุณธรรม ทรยศคนอื่นจะทรมานเขามากกว่าถูกคนอื่นทรยศ ทำให้เขายากจะรับได้และเจ็บปวดมากกว่า คุณไป๋ สิบปีก่อนคุณเคยทำผิดต่อเย่เซียวมาแล้ว สิบปีหลัง ฉันขอร้องคุณ…ไว้ชีวิตเขาด้วย…”


ประโยคท้ายน่าหลันแทบพูดด้วยเสียงขอร้อง


ไป๋ซู่เย่หายใจรุนแรง เธอรู้ผลของมันดี รู้มากกว่าน่าหลันมากนัก


สิบปีก่อนคือการยิงทะลุไส้


หากสิบปีหลังพวกเขายังอยู่ด้วยกัน จะเป็นแค่การยิงทะลุไส้หรือ?


เขาจะสูญเสียชีวิตได้…


เธอไม่อยากให้เขาต้องสังเวยชีวิต…


ไป๋ซู่เย่เงียบอยู่พักใหญ่ พยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในอก มือที่จับแก้วน้ำเกร็งแน่นจนปลายนิ้วขาวซีด พักใหญ่คล้ายสงบสติอารมณ์ได้เธอเชยตามองน่าหลันตรงข้ามแวบหนึ่ง “คำพูดเหล่านี้ไม่ต้องให้คุณบอกฉันเองก็รู้ ในเมื่อคุณอยากได้เย่เซียวขนาดนี้ก็พยายามไปไขว่คว้าเอง ไม่จำเป็นต้องมาร้องไห้สารภาพความในใจหรือคร่ำครวญต่อหน้าฉัน ความรักของคุณไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่สนใจสักนิด ส่วนเย่เซียว…ฉันมีการตัดสินใจของฉันเอง”


เธอพยายามใจเย็นถึงวินาทีสุดท้าย ทุกคำคมชัดและมีสติ


น่าหลันถูกเธอว่าเข้าก็หน้าแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้ พานรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย


ไป๋ซู่เย่เงียบ วางเงินบนโต๊ะลุกขึ้น “ฉันยังมีธุระอื่น คงอยู่คุยกับคุณต่อไม่ได้ ขอตัวก่อน”


ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้แล้วลุกขึ้นเพราะไม่อยากอยู่ตรงนี้นานไปกว่านี้


น่าหลันเองก็ลุกตาม มองเธอแวบหนึ่ง


“คุณเคยรักเขาไหม?” อยู่ๆ น่าหลันโพล่งถาม


ไป๋ซู่เย่สะท้านชะงักปลายเท้า มือที่ถือกระเป๋ากระชับแน่น แน่นจนปลายนิ้วที่บาดเจ็บอยู่เสียดสีจนเริ่มเจ็บอีกครั้งถึงตอบกลับ “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน คุณน่าหลันอย่าถามเลยดีกว่า ฉันไม่สนใจที่จะสอดรู้เรื่องความรักของคนอื่น และไม่มีความสนใจที่จะแบ่งปันเรื่องความรักของฉันให้คนอื่น”


“คุณมีสติและเหตุผลขนาดนี้ ยากจะคาดคิดได้ว่าคุณเคยรักเย่เซียวจริงๆ ฉันรู้สึกไม่คุ้มค่าแทนเขาเท่านั้นเอง”


มีสติและเหตุผล?


น่าหลันอาจจะไม่มีทางได้รู้ชั่วชีวิตว่าคนที่ยิ่งมีสติและมีเหตุผลมากเท่าไร ก็ยิ่งมีบาดแผลในใจมากเท่านั้น


…………………………


ไป๋ซู๋เย่พิงกระจกรถแท็กซี่โดยทิ้งสายตาว่างเปล่าไปนอกหน้าต่าง แสงไฟทุกอย่างในสายตาเธอนั้นเหลือเพียงภาพสีเทาหม่นเท่านั้น


เธอกับเย่เซียวได้ยืนอยู่ตรอกซอยทางตันที่ถูกวางกับดักไว้เต็มเกลื่อน…


ยิ่งก้าวไปข้างหน้าก็มีแต่จะสร้างบาดแผลให้แก่กันและกัน ก้าวถอยหลังถึงจะเป็นฟ้าที่สดใส จุดนี้เธอเชื่อว่าเขาเองก็รู้ดี


…………………………


ตอนที่ไป๋ซู่เย่หยิบกุญแจไขประตูเข้ามาเปิดไฟในห้อง เย่เซียวนั่งดูโทรทัศน์บนโซฟาด้วยใบหน้าเรียบตึง


ดึกขนาดนี้แต่ยังเท้าเปลือยไม่ใส่รองเท้าแตะ ไป๋ซู่เย่คิดจะหารองเท้าแตะจากตรงหน้าประตูออกมาแต่หาตั้งนานก็ไม่เจอ พอหันหลังอีกทีพบว่ารองเท้าแตะถูกม้วนเป็นก้อนยัดใส่ถังขยะ


“คุณทิ้งรองเท้าได้ยังไง?”


เย่เซียวเบนสายตาจากโทรทัศน์มาทางเธอ “รองเท้าเน่าๆ ที่คนอื่นเคยใส่ จะเก็บไว้ให้ผมใส่อีกเหรอ?”


“…” ประโยคนี้ฟังอย่างไรก็รู้สึกขัดหู


ไป๋ซู่เย่สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “สิบกว่าวันที่เหลืออยู่ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณ คุณไม่ใส่ก็ช่าง แต่รองเท้าเป็นของฉัน คุณจะโยนมันทิ้งไม่ได้”


เธอเก็บรองเท้าจากถังขยะออกมาจัดวางใหม่


เย่เซียวที่อัดอั้นอารมณ์ไว้ตลอดช่วงบ่ายและกลางคืนจนไฟสุมเต็มอก ตอนนี้เห็นเธอนิ่งขนาดนี้สุดท้ายเขาก็ทนต่อไม่ไหว โยนรีโมทใส่โต๊ะเตี้ยแรงๆ เกิดเสียงดัง ‘ปัง’ ที่เป็นเสียงน่าสะเทือนใจอย่างมากเมื่อได้ยินตอนกลางคืน


ก้าวขายาวไปตรงประตู ใช้ขาข้างเดียวเตะรองเท้าแตะที่เธอเพิ่งจัดวางเสร็จออก


เตะโดนมือเธอ เธอหุบนิ้วแน่นและรอผ่านไปครู่ใหญ่โดยที่ยังนั่งยองอยู่ตรงนั้นไม่พูดอะไร แต่ต่อจากนั้นเย่เซียวก็กระชากแขนเธอขึ้นจากพื้น


“เย่เซียว ถ้าคุณจะซักถามฉันเรื่องของอวิ๋นช่วน ฉันจะคิดว่าคุณกำลังหึง”


เย่เซียวตะลึงงัน


เขาไม่คิดเลยว่าเขายังไม่ทันเอ่ยปากพูดอะไรกลับถูกไป๋ซู่เย่ชิงพูดดักทางก่อน!


หึง?


“คุณรู้ตัวไหมว่าคุณพูดอะไรออกมา?!” สายตาของเขาเย็นชา


หึง? น่าขำสิ้นดี!


“แล้วคุณล่ะ รู้ไหมว่าตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่?” ไป๋ซู่เย่มองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ฉันกับอวิ๋นช่วนไม่เคยจูบกัน ยิ่งไม่เคยทำอย่างอื่นที่ลึกซึ้งกว่านั้น คุณกลับสนใจเขาขนาดนั้น ระแวงเขา เห็นเขาต้องโมโหทุกครั้ง แม้แต่รองเท้าที่เขาเคยใส่คุณยังทนมองไม่ได้ขนาดนี้ เย่เซียว คุณถามใจตัวเองก่อนว่าคุณอิจฉาหรือเปล่า หรือว่า…ความจริงแล้ว คุณยังชอบฉันอยู่?”


……………………


ตอนที่ 665 วางไม่ได้ ลืมไม่ลง (5)

โดย

Ink Stone_Romance

ไป๋ซู่เย่รู้ว่านี่เป็นถ้อยคำที่กำลังทำลายศักดิ์ศรีของเขา หากพูดออกมาเธอกับเย่เซียว…จะถูกไล่ต้อนเข้าไปในตรอกซอยทางตันอย่างแท้จริง…แต่ก็แอบคาดหวังกับคำตอบของเขาโดยไม่รู้ตัว


“ไป๋ซู่เย่ คุณอย่าคิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปหน่อยเลย!” ไม่ต่างกับที่คาดไว้ เขากัดฟันกรอดจ้องเธอด้วยสายตาดุดัน ดวงตาคู่นั้นคล้ายจะถลกหนังเธอทั้งเป็น


ในหัวไป๋ซู่เย่มีแต่คำพูดของน่าหลันเมื่อสักครู่ลอยเต็มไปหมด เธอกำมือแน่นหยิกฝ่ามือตัวเองเพื่อเบี่ยงเบนความเจ็บตรงหน้าอก สูดหายใจเข้าลึกกล่าวกับเขา “เย่เซียว คุณรู้ไหมว่าอะไรเรียกว่า ‘ไม่อิจฉา’ อะไรเรียกว่า ‘ไม่สนใจ’ และอะไรที่เรียกว่า ‘ลืมไปแล้ว’ ไหม?”


เขามองเธอ รอเธอพูดต่อ


“คุณกับน่าหลันอยู่ด้วยกันฉันไม่เคยโกรธและไม่เคยรู้สึกเศร้า ยิ่งไม่เคยอิจฉา กลับกัน…ฉันรู้สึกว่าเธอรักคุณมาก ฉันปลื้มใจแทนคุณ เย่เซียว ถ้าคุณรักกับเธอ ฉันจะอวยพรคุณ…อย่างจริงใจ”


สามพยางค์สุดท้ายเธอต้องสูดหายใจอย่างแรงถึงจะพูดมันได้จบประโยค


สิบปีก่อนที่ทรยศหัวใจตัวเอง มันทรมานกว่าการตาย ยอมไปตายเสียยังดีกว่า…


สิบปีหลังเป็นอีกครั้งที่พบว่าความเจ็บปวดจากการที่พูดไม่ได้ตามใจหวัง มันไม่ได้น้อยหน้ากว่ากันเลย…


ถ้อยคำของเธอที่กล่าวออกมา ทำให้รอบข้างเต็มไปด้วยเสียงหายใจของเย่เซียว


หนักอึ้ง


เรียบนิ่ง


อัดอั้น


ยากจะหายใจ


สายตาคู่นั้นจดจ้องเธออย่างดุดัน ขอบตาแดงเป็นริ้วๆ ภายใต้แสงไฟกลับดูน่ากลัวพอสมควร


ไป๋ซู่เย่รู้สึกว่าตัวเองหายใจลำบากมากพอแล้ว วินาทีถัดไป…วินาทีถัดมา ทุกการเสแสร้งของเธออาจจะพังทลายลงต่อหน้าเขาทั้งอย่างนี้…


“ดีจริงๆ เลยที่ไม่โกรธ ไม่เสียใจ ไม่อิจฉา!” ในที่สุดเย่เซียวก็อ้าปากพูดและย้ำประโยคของเธอใหม่ ทุกคำพูดกระแทกเสียงคล้ายจะกัดกระดูกเธอให้แหลกเหลว “ผมต้องขอบคุณคำตักเตือนของคุณจริงๆ ไม่อย่างนั้น…ผมเย่เซียวอาจจะต้องจบในมือคุณอีกครั้งจริงๆ”


พูดถึงตรงนี้เขายิ้มแล้ว


แต่รอยยิ้มนั่นกลับไม่ให้ความอบอุ่นสักนิด เรียกให้คนมองคนลุกวาบ


“คุณเก่งมากนะ ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงยี่สิบวันก็ทำให้ผมรังเกียจคุณถึงที่สุดได้ รังเกียจที่สุด!”


สี่พยางค์สุดท้ายเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกหัวใจเธอทีละครั้งๆ จนเธอรู้สึกเจ็บแม้กระทั่งหายใจ


เธอพยายามหาเสียงตัวเอง “งั้นสัญญาของเราจบลงแค่นี้ใช่ไหม?”


“จบ?” เย่เซียวเลิกคิ้วสูง หัวเราะ ต่อจากสีหน้ากลับแปรเปลี่ยนเป็นความดุดัน “ยังมีโอกาสเล่นคุณอยู่ เล่นวีรสตรีที่ทุกคนยกย่องนับถือและชื่นชมคนนี้ คุณว่า ผมจะยอมปล่อยโอกาสอันดีนี้ให้หลุดมือไปเหรอ?”


ฉะนั้นไม่ถึงวินาทีสุดท้ายไม่มีทางจบ


ไป๋ซู่เย่เข้าใจความคิดของเย่เซียว


เย่เซียวกลับไม่อยู่นานกว่านี้ ก่อนกลับ สายตาที่มองเธอยังฉายแววรังเกียจถึงขีดสุด


…………………………


เขากลับไปแล้ว


ห้องโล่งขึ้นมาทันตา


ต่อให้เปิดไฟอยู่แต่เธอกลับรู้สึกหนาวเย็นอย่างบอกไม่ถูก หนาวเสียจนคนอยู่รู้สึกเจ็บไปถึงกระดูก


ไม่ ไม่ใช่แค่กระดูก เจ็บกระทั่งตอนหายใจ เจ็บไปทุกเซลล์ในร่างกาย…


ความรู้สึกนั่นชอนไชไปที่หัวใจ


ไป๋ซู่เย่หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาจ้องโทรทัศน์ แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งดูต่อไปภาพตรงหน้ากลับยิ่งพร่ามัว…สุดท้ายถูกหยาดน้ำบดบังทั้งหมด บดบังจนมองอะไรไม่เห็น…


……………………


ครั้งนี้ถังซ่งไม่ได้ถูกโทรปลุกแต่เย่เซียวบุกเข้าบ้านเขาโดยตรง


ถังซ่งเปลี่ยนคู่นอนอีกแล้ว เห็นเย่เซียวพังประตูเข้ามาด้วยท่าทางเต็มไปด้วยแรงอาฆาตนั่นเจ้าตัวก็สะดุ้งตกใจจนตัวสั่น กอดห้าผ่มหลบอยู่ตรงมุม


“เย่เซียว พอแล้วนะ ฉันจะตกใจจนสมรรถภาพร่างกายแย่ลงเพราะนายแล้วนะ!”


“ให้เวลานายหนึ่งนาที ใส่เสื้อผ้าออกไปกับฉัน!”


“ไปไหน?” ถังซ่งไม่มีอารมณ์จะปลอบโยนผู้หญิงบนเตียง รีบสวมกางเกงขายาวใส่เสื้อเชิ้ต


เย่เซียวหันหลังเดินออกไปทิ้งท้ายให้เขาเสียงเย็นชาสั้นๆ ว่า “ซื้อเซ็กส์!”


“…” ถังซ่งตกใจจนตัวโยน คิดว่าตัวเองฟังผิดเลยรีบถามผู้หญิงข้างๆ “ที่รัก เมื่อกี้เขาพูดอะไรนะ?”


“ซื้อ…ซื้อเซ็กส์”


“บ้าเอ๊ย! เจ้าหมอนี่ถูกอะไรกระตุ้นมาเนี่ย?” ถังซ่งไม่กล้าชักช้ารีบใส่เสื้อผ้าลวกๆ แล้ววิ่งออกไปทั้งที่ยังไม่ทันติดกระดุมด้วยซ้ำ


…………


ขึ้นรถเย่เซียวพบว่ามีแต่กลิ่นบุหรี่เต็มรถ ที่ใส่ก้นบุหรี่มีก้นบุหรี่สิบกว่าชิ้นได้


ในมือยังคีบบุหรี่อีกหนึ่งมวน


“นายบ้าไปแล้วเหรอ? เย่เซียว ไม่คิดถึงสุขภาพบ้างหรือไง!” ถังซ่งย่นคิ้วรีบแย่งบุหรี่จากมือเขาแล้วบดขยี้ลงที่เขี่ยบุหรี่ให้ดับมอด “ฉันเคยเตือนนายแล้วใช่ไหมว่าร่างกายของนายตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน! นายทำร้ายตัวขนาดนี้ โรคเก่าพร้อมจะแย่ลงเสมอ ถึงตอนนั้นฉันกลัวว่าฉันจะช่วยนายไม่ได้!”


…………………………


“คาดเข็มขัดซะ!” เย่เซียวทิ้งแค่ประโยคเดียว


ถังซ่งไม่กล้าชักช้ารีบคาดเข็มนิรภัยทันที รถยนต์พุ่งทะยานออกไปเสียงดังปานจรวด ถังซ่งตกใจโวยวายอย่างบ้าคลั่ง“ให้ตายสิ! นายไม่กลัวตายแต่ฉันยังไม่อยากตายนะ! ก็แค่ไปซื้อเซ็กส์ไม่ใช่หรือไง นายต้องรีบร้อนถึงขนาดนี้เลยหรือไง! ฉันว่านายรีบไปหายมบาลมากกว่า!”


เย่เซียวไม่ตอบกลับสักคำแต่ความเร็วรถก็ไม่ชะลอลงแต่อย่างใด


“เพื่อน เรามีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จา ได้ไหม?”


ไม้แข็งไม่ได้ ถังซ่งจำต้องใช้ไม้อ่อน “นายว่า แค่ผิดหวังเรื่องความรักนิดหน่อย เราไม่เห็นต้องรนหาที่ตายเลยใช่ไหมล่ะ?”


เย่เซียวกลับฟังคำพูดเขาไม่เข้าหูเลยแม้แต่นิดเดียว สองมือกำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดหลังมือปูดโปนเต้นตุบๆ ถังซ่งตกใจหน้าซีดเซียว “ก็มีแค่ไป๋ซู่เย่ที่ทำเอานายเป็นอย่างนี้ได้ล่ะ หน้าสวยเป็นภัย หน้าสวยเป็นภัยจริงๆ! อย่ามาซวยถึงฉันนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย!”


หากต้องตายทั้งอย่างนี้ เขาไม่ได้ตายเพราะรถชนแต่ตายเพราะความไม่ยุติธรรมต่างหาก!


“ถ้านายกล้าพูดชื่อนั่นอีกที ฉันจะให้นายรู้ตอนนี้เลยว่าอะไรคือหายนะ!” ในที่สุดเย่เซียวก็ปริปากพูดสักทีแต่กลับไม่น่าฟังเท่าไร


“ได้ ฉันไม่พูด! นายรีบลดความเร็วลงเร็วๆ เรากำลังจะไปซื้อเซ็กส์ นี่ตกใจจนหมดแรงไปหมดยังจะซื้ออะไร?!”


เย่เซียวเพิกเฉยต่อคำพูดของเขาไปเลย


ผลสุดท้ายรถยนต์แทบบินมาถึงผับ เดิมทีระยะทางที่ต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงถูกเขาหดเหลือเพียงครึ่งชั่วโมง ขณะที่จอดรถถังซ่งแทบคลานลงจากรถ อาเจียนอย่างไม่รักษาภาพพจน์อีกแล้ว


ชั่วขณะในใจนั้นกลับไม่รู้ว่าควรก่นด่าตัวต้นเหตุอย่างไป๋ซู่เย่ดีหรือควรด่าเจ้าบ้าเย่เซียวดี


ทั้งคู่เดินเข้าไป แต่เดิมแค่เห็นถังซ่ง ไล่ตั้งแต่ผู้จัดการร้านจนถึงพนักงานร้านต้องรีบมาเอาอกเอาใจ ในเมื่อคุณถังไม่ใช่แค่ขึ้นชื่อบุคคลที่คุยง่ายแต่ยังใจป้ำอีกด้วย ให้ทิปเยอะมาก ทำเอาทุกคนอยากให้เขาแช่อยู่ในร้านทุกวัน แต่วันนี้กลับไม่เหมือนเช่นเคย วันนี้พอทุกคนเข้าใกล้หนึ่งก้าว วินาถัดมาก็รีบเบี่ยงตัวหลบห่างไกลสามวาราวกับหนียมบาลก็ไม่ปาน


…………………………


ตอนที่ 666 ไว้ชีวิตรักสักทาง (1)

โดย

Ink Stone_Romance

นั่นจะเพราะอะไรได้?


ก็เพราะข้างๆ มียมบาลจริงๆ น่ะสิ!


“นายอย่าหน้าบึ้งสิ คนที่รู้ก็รู้ว่านายมาซื้อเซ็กส์ แต่คนไม่รู้ก็นึกว่านายจะฟันคอใคร”


ทั้งคู่เดินมาถึงข้างบาร์ ถังซ่งสั่งเหล้าไปหนึ่งโหลวางไว้ตรงหน้าเขา เดิมทีอยากจะเกลี้ยกล่อมเขาว่าอย่าดื่มเยอะในเมื่อเขายังมีปัญหาสุขภาพ แม้จะไม่กำเริบมาหลายปีแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กำเริบอีก เพียงแต่ถังซ่งพอจะดูออกแล้วว่าต่อให้เขาพูดจนปากเปียกปากแฉะก็ใช่ว่าจะเกิดผล เพราะแค่พริบตาเดียวเย่เซียวได้เปิดขวดเหล้ายกดื่มรวดเดียวไปแล้ว


บ้าเอ๊ย!


ยกกินเป็นน้ำเลย!


ถังซ่งส่ายหัวอย่างระอาพร้อมตบบ่าเขา “รอนะ ฉันจะไปเรียกสาวๆ มาให้นาย อย่าล้มก่อนที่คนเขาจะมาล่ะ อีกอย่างสาวๆ จะรับการย่ำยีจากนายคืนนี้ไหวไหม?”


เย่เซียวไม่ได้สนใจเขา


ถังซ่งไปเพียงลำพัง แม่เล้าที่คุมได้ยินว่าไปปรนนิบัติเย่เซียวก็เริ่มชะล่าถอย “สาวๆ ที่บาดเจ็บวันนั้นยังพักฟื้นอยู่เลย! เย่เซียวแค่ดูก็รู้ว่ามีรสนิยมแปลกประหลาด ถึงสาวๆ ของเราจะออกมาขายแต่เราไม่รับงานแบบนี้ เงินสำคัญแต่ชีวิตก็สำคัญ ถูกไหมคะ?” รสนิยมแปลกประหลาด


ถังซ่งอยากหัวเราะ


แต่เขาก็อดที่จะสงสัยบ้างไม่ได้ว่าเจ้าเย่เซียวจะชอบแนว SM จริงๆ หรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้ทำไป๋ซู่เย่ให้ตกอยู่ในสภาพนั่นทุกครั้งไป?


มิน่าผู้หญิงคนนั้นถึงทำเขาโกรธจนกลายเป็นสภาพนี้


สุดท้ายถังซ่งยอมจ่ายเงินมากกว่าปกติห้าเท่าทั้งรับประกันว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างคราวก่อนอีกถึงได้เชิญหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งไป


รอพวกเขามาถึงเหล้าหนึ่งโหลบนเคาน์เตอร์บาร์ก็ถูกดื่มจนเหลือเพียงสองขวดกว่า ถังซ่งกลอกตาใส่ ถึงจะกรอกน้ำเข้าปากก็ไม่ขนาดนี้ไหม?


“ไปๆๆ เธอไปปลอบพี่ใหญ่ฉันหน่อย เธอจำไว้นะว่าต้องอ่อนโยน อย่าบุ่มบ่าม ใจกล้าเข้าไว้ ถ้าทำเขามีความสุขได้จะเพิ่มเงินอีกสิบเท่าให้เธอเลย” ถังซ่งผลักหญิงสาวคนนั้นไปทางเย่เซียว


เดิมทีหญิงสาวนึกกลัวอย่างจริงจัง


แต่พอได้ยินจำนวนเงินนั่นก็ไม่รู้สึกกลัวอีก


พอมาดูเย่เซียวอีกที…


ทั้งหล่อทั้งเท่ เป็นผู้ชายที่เห็นแวบแรกก็เรียกอารมณ์ได้จริงๆ อีกทั้งผู้ชายแบบนี้เรียกความต้องการจะครอบครองเขาจากคนอื่น ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะถูกเขาครอบครอง


……………………


“คุณ ดื่มคนเดียวจะน่าเบื่อไปหน่อยหรือเปล่า?” ขณะที่เย่เซียวกำลังดื่มได้ที่ มืออ่อนนุ่มของหญิงสาวก็พาดบนไหล่เขา


จากนั้นเธอพลิกตัวก็มานั่งบนหน้าขาเขาเสร็จสรรพ “ฉันดื่มเป็นเพื่อนเอง”


ถึงเย่เซียวจะดื่มมาแต่ดวงตาคู่นั้นยังติดเย็นชาเหมือนเดิม


ในหัวเขามีแต่ประโยคของไป๋ซู่เย่ลอยอยู่เต็มหัว…


คุณกับน่าหลันอยู่ด้วยกันฉันไม่เคยโกรธและไม่เคยรู้สึกเศร้า ยิ่งไม่เคยอิจฉา กลับกัน…ฉันรู้สึกว่าเธอรักคุณมาก ฉันปลื้มใจแทนคุณ เย่เซียว ถ้าคุณรักกับเธอ ฉันจะยินดีกับคุณ…จากใจจริง


เขาเย่เซียวไม่เคยที่จะต้องการเพียงไป๋ซู่เย่เพียงคนเดียว! น่าหลันได้ ผู้หญิงคนอื่นก็ได้! ต่อให้เป็นหญิงขายบริการก็ได้!


“เธอคือผู้หญิงที่ถังซ่งหามาให้ฉันเหรอ?” เย่เซียวถาม น้ำเสียงไม่ได้ส่อแววดูถูกสักนิด


“ใช่” เสียงหญิงสาวหวานใส


เหอะ


ผู้หญิงอย่างนี้สิถึงเรียกว่าผู้หญิง!


ไป๋ซู่เย่มีอะไรดีล่ะ? เป็นผู้หญิงที่ไร้ประสบการณ์ ไม่รู้จักเอาใจเขา ไม่รู้จักอ่อนโยน แถมยังไม่ยอมเสียน้ำตาสักหยดแม้จะบาดเจ็บจนตกอยู่ในสภาพนั้นก็ตาม ผู้หญิงแบบนี้ ใครจะสนใจ?


เย่เซียววางเหล้าลงมือใหญ่เลื่อนลงไปบีบคลึงบั้นท้ายของหญิงสาวในทีเดียว เอาแต่ใจและรุนแรง “มา เอาใจฉัน! ถ้าฉันสบาย เธออยากได้อะไรฉันให้หมด!”


สิ่งที่ให้กับไป๋ซู่เย่ได้ เขาเองก็ให้ผู้หญิงคนอื่นได้!


หญิงสาวถูกเขาบีบคลึงจนเผลอหลุดเสียงครางออกมา “คุณเหมือนจะมีรสนิยมรุนแรงนะ งั้นฉันไม่ถือตัวล่ะ…”


หญิงสาวคล้องลำคอเขาไว้ กระชากเนกไทเขาพลางยิ้มยั่วหนึ่งที เชิดหน้าหมายจะจูบริมฝีปากเขา


เย่เซียวขมวดคิ้วและกระชากผมเธอไว้เรียบร้อยอย่างแรงเพื่อขวางไม่ให้ริมฝีปากเธอใกล้เข้ามา หญิงสาวเจ็บจนร้องออกมาแทบหงายหลังไป ได้ยินเย่เซียวพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ปากของฉัน ไม่ใช่ใครก็แตะต้องได้ อย่าเหิมเกริม!”


“ค่ะ ค่ะ ฉันไม่กล้าแล้ว”


เย่เซียวใช้สายตาเรียบนิ่งจ้องอยู่ครู่ถึงได้ค่อยๆ ปล่อยมือ


“งั้น…ที่อื่นฉันสัมผัสได้ไหม?” หญิงสาวถามอย่างหวาดกลัว


เงินนี่มันหายากจริงๆ


เย่เซียวไม่ตอบกลับเธอ หญิงสาวตั้งจิตแน่วแน่โดยเลื่อนมือลงจากไหล่เขาด้วยความหวาดระแวง เลื่อนลงไปเรื่อยๆ ตามปกคอเสื้อเชิ้ตเขา เลื่อนลงไปอีกจนถึงจุดกึ่งกลางลำตัวของเขาผ่านกางเกง


ไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง!


นี่มันไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง!!


นี่ ผู้ชายแท้ใช่ไหม? ฝีมือของเธอขึ้นชื่อในวงการนี้เชียว รูปร่างเซ็กซี่ เสียงหวานใส ร่างอ้อนแอ้นที่แค่ยั่วผู้ชายทั่วไปเพียงนิดเดียวก็น่าจะอยากกลืนกินเธอทั้งตัวอย่างอดใจไม่ไหวแท้ๆ


แต่ผู้ชายตรงหน้า กลับ…ไม่มีปฏิกิริยา! ถึงตรงนั้นจะใหญ่มากแต่มันยังอ่อนตัวอยู่อย่างชัดเจน


เย่เซียวหมดความอดทน ย่นคิ้วเข้าหากันแล้วไล่เธอไปอย่างนึกรังเกียจ “ไสหัวไป!”


เดิมทีถังซ่งยืนมองอยู่ไกลๆ และกำลังสนุกกับเหตุการณ์ก่อนหน้า ทั้งที่คิดว่าจะโล่งใจสักทีอย่างน้อยตัวเองก็ไม่ต้องถูกเขาทรมานอีก แต่เพิ่งดื่มได้เพียงคำเดียวก็เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติ เขาวางเหล้าไว้บนบาร์รีบวิ่งเข้าไป


“เฮ้ๆๆ นี่มันอะไรกัน?” ถังซ่งขวางผู้หญิงที่กำลังจะเดินหนี


หญิงสาวนวดข้อมือที่ถูกเย่เซียวตรึงไว้เมื่อสักครู่ก่อนจะสบถด่าออกมาอย่างหงุดหงิด “บ้าบอ แข็งตัวยังไม่ได้เลยยังกล้ามาซื้อเซ็กส์!”


“แข็งตัวไม่ได้?”


“อืม! คุณถัง ฉันขอบคุณคุณมากนะคะที่ซื้อบริการฉัน แต่คราวหน้าคุณช่วยพาคนปกติมาหน่อยได้ไหม? คนคนนี้แค่ดูก็รู้ว่ามีดีแค่รูปลักษณ์แต่ใช้งานไม่ได้”


โดยปกติถังซ่งเป็นคนหน้ายิ้มแย้มใจดีโดยเฉพาะกับผู้หญิงจะสุภาพบุรุษอย่างมาก ตอนนี้ได้ยินหญิงสาวผู้นี้พูดไม่ดีถึงเย่เซียว หน้าตึงทันที “ไปๆๆ ใช้ไม่ได้เองยังจะพูดมาก!”


“…” หญิงสาวตกใจเพราะเย่เซียวมาก่อนและขณะนี้พอถังซ่งหน้าบึ้งขึ้นมาก็น่ากลัวมากเช่นกัน เธอปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบเดินหนีทันควัน ยังดีที่เธอไม่ได้ถูกเย่เซียวหักแขนอย่างเพื่อนคนก่อน


……………………


ถังซ่งมองเย่เซียวอย่างเอือมระอา “ฉันว่านายอยากทำยังไงกันแน่! บอกจะซื้อเซ็กส์ นี่ก็หาผู้หญิงมาให้แล้ว นายก็ทำลายบรรยากาศอีก”


“ดื่มขวดนี้หมดจะกลับ” เย่เซียวไม่อยากลำบากต่อ เซ็กส์บ้าอะไร สุดท้ายเขาก็ไม่ถูกใจ! ไม่ถูกใจ! ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ไม่ได้!


………………………………..


ตอนที่ 667 ไว้ชีวิตรักสักทาง (2)

โดย

Ink Stone_Romance

“ได้ กลับไปดีที่สุด บนเตียงฉันยังมีสาวๆ รออยู่เลย!”


สุดท้ายเหล้าทั้งสิบสองขวดถูกเย่เซียวจัดการคนเดียว ความจริงเขาคอแข็งมากแต่ก็ใช่ว่าจะทนให้เขาดื่มอย่างไม่คิดชีวิตได้ ฉะนั้นออกจากผับก็โยนกุญแจรถให้ถังซ่งทันที ถังซ่งเกือบจะต้องจุดธูปขอบคุณฟ้า นี่บรรพบุรุษคุ้มครองจริงๆ!ไม่อย่างนั้นให้เย่เซียวขับรถอีก เขาไม่ตายก็คงพิการ


ถังซ่งขับรถพาเขากลับไปโดยที่เขาหลับตาตลอดทาง มือนวดคลึงระหว่างคิ้วไปพลาง ผู้ชายคนนี้รู้จักหักห้ามใจตัวเองเป็นอย่างดีและไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเมาได้ง่ายๆ ตอนนี้ถือว่าเมาแล้วก็ยังคงควบคุมตัวเองอย่างเข้มงวด รักษาท่าทางเย็นชาเฉกเช่นปกติ ไม่ให้ทำเรื่องบ้าๆ บอๆ หลังเมาเด็ดขาด


รถขับถึงบ้านอย่างปลอดภัย


“เร็วๆๆ! รีบเรียกคนมาช่วย เจ้าหมอนี่หนักจะตายอยู่แล้ว!” ถังซ่งเพิ่งจอดรถก็ตะโกนเสียงดัง


ประตูคฤหาสน์ถูกเปิดออก พวกหยูอันเดินออกมาจากข้างใน หยูอันชะงักไปครู่เมื่อเห็นสภาพของเขา “นี่เกิดอะไรขึ้นครับ เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเขาดื่มหนักขนาดนี้มาก่อน”


“ก็ไม่บอกฉันเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันว่ายังไงก็ไม่พ้นเรื่องไป๋ซู่เย่”


หยูอันยิ่งไม่เข้าใจ เมื่อวานตนเพิ่งส่งเสื้อผ้าไปให้เขา เขาบอกว่าช่วงนี้จะพักที่นั่น ทำไมเพียงพริบตาเดียวทั้งคู่ทะเลาะกันอีกแล้วล่ะ? แต่แบบนี้ยิ่งดี


“เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เสียงอ่อนโยนที่แฝงด้วยความเป็นห่วงแว่วมา


น่าหลัน


เห็นได้ชัดว่าเธอนอนไปแล้ว กำลังอยู่ในชุดนอนที่สวมเสื้อกันหนาวไว้ลวกๆ


ถังซ่งมองเธอแวบหนึ่ง “สบายใจได้ยังไม่ตายหรอก หยูอัน ช่วยหน่อย พาเขาขึ้นไปข้างบนก่อน หนักเหมือนหมูเลย”


“พวกคุณระวังหน่อยนะ อย่าให้เขาล้ม” น่าหลันเอ่ยเตือนด้วยความกังวลอยู่ข้างหลัง


ถังซ่งหันกลับมาหยอกล้อเธอ “น้องน่าหลัน คุณลำเอียงเป็นห่วงแค่เขา ไม่ห่วงเราที่สองคนที่ถูกทับเอาแทบตาย ผมจะอิจฉาได้นะ”


น่าหลันทำหน้าเขิน “คุณชอบล้อฉันเล่นตลอดเลย ฉันไม่คุยด้วยแล้ว”


น่าหลันว่าแล้วเดินลงไปใหม่เพื่อต้มน้ำชาแก้เมาให้เย่เซียว


ถังซ่งมองแผ่นหลังของน่าหลันแล้วถอนหายใจ “เย่เซียวเอ๋ยเย่เซียว ไม่ใช่ว่าฉันว่านายนะ มีน้องน่าหลันเฝ้ารอนายอยู่อย่างนี้ นายก็ไม่ต้องไปรังควานไป๋ซู่เย่อีกเลย! ทั้งสองคนใช้ชีวิตต่อไปดีๆ ไว้ชีวิตกันและกัน กลับมาเจอกันและจากกันด้วยดี ไม่ดีกว่าหรือไง?”


ไม่รู้ว่าเย่เซียวได้ยินหรือไม่ อย่างไรเสียเขาฟุบบนไหล่ถังซ่งโดยไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงลมหายใจที่หยุดชะงักไปสั้นๆ ไม่กี่วินาที


………………………………


ไป๋ซู่เย่นอนบนเตียงทั้งที่ลืมตาจ้องเพดานห้องนิ่งๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่รู้สึกง่วง ความเงียบในห้องทำให้เธอรู้สึกอ้างว้างในใจคล้ายถูกบางอย่างล้วงออกไป และเหมือนมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับไว้ให้หายใจไม่ทั่วท้อง ทั้งที่เขาอยู่ที่นี่แค่วันเดียวแต่เธอกลับรู้สึกเหมือนมีร่องรอยของเขาทั่วทุกมุมห้องไปเสียแล้ว…


ท้ายที่สุด…


เธอลุกจากเตียงเดินไปที่ห้องหนังสือ


เก็บเอกสาร โน้ตบุ๊คของเขาทุกชิ้น ก่อนจะเก็บฟูกบนพื้นในห้องหนังสือเข้าไปในห้องอีกครั้ง เตรียมยัดใส่ตู้ดังเดิม ความรู้สึกที่มีอะไรทำช่วยเบี่ยงเบนความสนใจเธอได้ชั่วคราว


แต่พอเปิดตู้เสื้อผ้าออกเห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อสูทสีดำที่เรียงอยู่นั่น เหมือนหัวใจของเธอถูกแทงเข้าอย่างแรง เส้นบางอย่างในก้นบึ้งของหัวใจขาดสะบั้นลง ทุกหยาดอารมณ์พังทลายเรียกน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอยื่นมือสั่นระริกคว้าจับแขนเสื้อสูทหนึ่งตัวไว้แน่น กำไว้แน่น แน่นเสียจนเหมือนกำลังจับตัวเขาไว้ด้วยความสิ้นหวัง…


ในหัวมีแต่ประโยคของน่าหลัน ‘ขอร้องคุณช่วยไว้ชีวิตเย่เซียวด้วย…’


ความจริงไม่มีคำพูดนี้ของน่าหลัน เธอจะทำใจส่งเขาไปตายได้อย่างไรไหว? ยอมตัดความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องนี้ก็ไม่ยอมเอาชีวิตเขา…


สิบปีก่อน มากพอแล้ว…


หน้าอกเจ็บปวดเหลือเกิน จนถึงสุดท้ายเธอพิงหลังกับขอบเตียงกุมหน้าอกไว้ ค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงอย่างยากลำบากแต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ความเจ็บตรงอกก็ไม่ได้คลายลงสักนิด


เธอไม่รู้ว่าตนนั่งอยู่นานเท่าไรจนตาบวมเป่งถึงลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล หยิบโทรศัพท์ไว้ในมือ เธอกดโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง พยายามให้เสียงตัวเองฟังดูปกติ


………………………………


ขณะที่น้าหลี่เตรียมเข้านอนโทรศัพท์ในห้องโถงก็ดังขึ้น


“คุณไป๋?” น้าหลี่ค่อนข้างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงเธอ นี่มันเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วทำไมคุณไป๋ถึงโทรมาได้? “คุณไป๋ จะให้ฉันเปิดประตูไว้ให้หรือคะ?”


“เปล่า” ไป๋ซู่เย่ที่อยู่ทางนั้นยกยิ้มเพื่อให้น้ำเสียงตัวเองฟังดูผ่อนคลายที่สุด “เย่เซียวอยู่ไหม? หรือว่าหยูอันก็ได้”


“หยูอันเพิ่งกลับไปเลยค่ะ นายท่านอยู่บนห้องชั้นบน ฉันส่งต่อสายคุณไปในห้องเขาให้นะคะ?”


“ได้ รบกวนคุณหน่อย” ไป๋ซู่เย่พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเกิดเสียง ‘ตู๊ดๆ’ มาสองที เสียงนั่นทำเอาเธอตื่นเต้นจนหัวใจแทบหยุดเต้น เธอไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเย่เซียวจะยอมรับสายของเธออีกไหม


ก่อนกลับไปเขาใช้แววตารังเกียจอย่างนั้นมองเธอ…


“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”


ความคิดถูกหยุดยั้งลงเพราะเสียงที่ดังแว่วมา


ไม่ใช่เย่เซียว


แต่เป็น…น่าหลัน


ไป๋ซู่เย่ที่อยู่ทางนี้เงียบลงทันที สมองตันขึ้นมาชั่วขณะ


“คุณไป๋เหรอ?” น่าหลันไม่ได้ยินเสียงเลยถามเป็นหยั่งเชิง


ไป๋ซู่เย่ดึงสติกลับมายิ้มเบาบาง “ฉันเอง รบกวนพวกคุณหรือเปล่า?”


“คุณหาเย่เซียวเหรอ?”


“ช่างเถอะ เรื่องของฉันไม่รีบร้อนมาก” ไป๋ซู่เย่อยากวางสาย อยากมาก แค่จะให้เขามาเก็บของตัวเองกลับไป ไม่น่ารีบโทรเลย


“ไม่เป็นไร ถ้าคุณหาเย่เซียว ฉันจะปลุกเขาให้ แต่คืนนี้เขาหลับลึกมากคงไม่ยอมตื่นง่ายๆ แน่ คุณช่วยรอหน่อยนะ” น่าหลันวางโทรศัพท์ไว้อีกทาง ไป๋ซู่เย่หายใจหอบหนัก มือที่กำโทรศัพท์อยู่กระตุกสั่นเล็กน้อย


จากนั้นได้ยินเสียงอ่อนโยนของน่าหลัน “เย่เซียว เย่เซียว…ตื่นสิ โทรศัพท์ของคุณ…”


จากนั้นเป็นเสียงครางฮึมของชายหนุ่มและเสียงพลิกตัว ก่อนจะตามด้วยเสียงครางน้อยๆ ของน่าหลัน “เย่เซียว คุณอย่าทำแบบนี้…คุณกอดฉันแน่นเกินไปแล้ว…อื้อ เจ็บ…”


เสียงออดอ้อนนั่นหากเป็นผู้ชายได้ยินเข้าคงอดใจไม่ไหวหรอกสินะ…


ไป๋ซู่เย่หายใจรุนแรง ไม่สามารถทนฟังต่อได้อีกจึงกดวางสายไป


พักใหญ่…


มือที่เธอใช้จับโทรศัพท์ยังสั่นระริกอยู่


แม้เธอจะรู้ว่าเรื่องที่เขากอดน่าหลันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร ชายหญิงวัยบรรลุนิติภาวะจะดำเนินเรื่องต่อไปอย่างไรก็ไม่ผิด แต่เสียงที่ได้ยินเองกับหูช่างแตกต่างจากที่จินตนาการไว้ลิบลับ…


…………………


ตอนที่ 668 ไว้ชีวิตรักสักทาง (3)

โดย

Ink Stone_Romance

หัวใจเจ็บปวดกว่าทุกที…


เธอลุกยืนตัวโงนเงน เปิดกล่องยาแล้วหายาช่วยระบบไหลเวียนเลือดหัวใจกลืนลงไปโดยไม่ดื่มน้ำสักคำ


แต่ผ่านไปพักใหญ่…


ความเจ็บตรงอกไม่ได้ผ่อนปรนลงแม้แต่น้อย


กลับยิ่งอยู่ความเจ็บยิ่งทวีคูณขึ้น…


…………………………


น่าหลันเรียกเย่เซียวแต่ไม่สำเร็จกลับถูกเขายกตัวอุ้มขึ้นไปให้พลิกตัวจนเธอถูกเขาคร่อมไว้ใต้ร่าง “เย่เซียว…” เธอเรียกชื่อเขาอย่างตื่นเต้น


น่าหลันไม่เคยใกล้ชิดเขาขนาดนี้มาก่อนจึงรู้สึกเพียงหัวใจแทบหลุดจากอก เธอมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างหลงใหล ต่อให้เขากำลังเมาก็ยังมีเสน่ห์เพียงนี้ ทำให้เธอยอมมอบทุกอย่างให้เขา


เย่เซียวค่อยๆ ลืมตาขึ้น เพราะอาการมึนเมาขับให้ดวงตาคู่นั้นล้ำลึกเหมือนมหาสมุทรที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกชั้นหนา หรือจะเหมือนท้องฟ้ายามมืดที่มีแสงจันทร์ประดับ น่าหลันแทบจะเคลิ้มไปกับสายตาของเขา


“คุณมาอยู่นี่ได้ไง?” เขามองเธอด้วยความมึนงง มุมปากที่ติดเย็นชามาตลอดกลับจุดยิ้มเล็กๆ นิ้วเรียวยาวเกี่ยวผมที่ปรกข้างแก้มไปหลังศีรษะ


ท่วงท่านั้นอ่อนโยนเสียจนน่าหลันแทบจะน้ำตาไหลเพราะความดีใจ


เธอยิ้มหน้าซื่อๆ “คุณเมาแล้ว ฉันต้มชาแก้เมามาให้คุณก็เลยอยู่นี่น่ะ ตอนนี้คุณยังโอเคไหม?”


“โอเค ยังโอเค…กอดคุณก็รู้สึกดีมาก…”


“ถ้าคุณชอบก็กอดฉันแบบนี้ตลอดเลยได้ไหม?” ขอบตาน่าหลันร้อนผ่าวและกอดเขาตอบอย่างตื้นตัน


“คุณชอบให้ผมกอดคุณอย่างนี้เหรอ?” เขาถามเสียงแหบ


“อืม ชอบมาก”


“ในเมื่อชอบ…ทำไมถึงใจร้ายกับผมขนาดนี้?” เย่เซียวพูดถึงตรงนี้ก็หายใจรุนแรงขึ้น หัวคิ้วที่ขมวดคิ้วอยู่ของเขาค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวด “คุณชอบเอาแต่ใจแบบนี้เพราะเห็นว่าผมชอบคุณ…”


เมื่อครู่ตื้นตันมากเท่าไร ยามนี้ในใจน่าหลันก็ขมขื่นมากเท่านั้น


เธอเข้าใจแล้ว เย่เซียวไม่ได้กอดตัวเอง คนที่ชอบก็ไม่ใช่ตัวเอง…เขาแค่เห็นเธอเป็นไป๋ซู่เย่! เห็นเป็นผู้หญิงคนนั้น!


เธอซบนอนบนตัวเขาและเริ่มร้องไห้อย่างห้ามไม่ได้ “เย่เซียว คุณเองก็เหมือนเธอที่เห็นว่าฉันชอบคุณเลยทำร้ายฉันตลอดแบบนี้! เทียบกับไป๋ซู่เย่ คุณเองก็ใจร้ายมากเหมือนกัน! ทำไมคุณถึงยอมถูกผู้หญิงคนนั้นทำร้ายแต่ก็ไม่ยอมเปิดใจรับฉันสักที?”


“ซู่ซู่…”


“ซู่ซู่…”


เย่เซียวกลับไม่ได้ยินเสียงร่ำไห้ของหญิงสาว ปากแห้งกรังพึมพำ เรียกชื่อสองพยางค์ที่ฝังแน่นเข้าจิตวิญญาณ


ความจริงมีแค่ตอนเมาเท่านั้นที่เขาจะปล่อยปละละเลยตัวเองได้ถึงเพียงนี้ ปล่อยให้ชื่อนั่นวนเวียนอยู่ในหัวใจตัวเอง…


………………………………


ตลอดคืนนั้น


ไป๋ซู่เย่ตาค้างจนฟ้าสว่าง


ความจริงเธออยากหลับไปทั้งอย่างนั้นแต่เพราะในหัวมีแต่ภาพที่เขานอนกอดกับน่าหลันลอยเต็มไปหมด ความรู้สึกนี้มันแย่นัก หากหลับไปคงไม่ทรมานอีกแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็หยุดความคิดไม่ได้สักที


พวกเขาจะจูบลึกซึ้งมากขนาดไหน? พวกเขาจะกกกอดกันกี่ครั้งในหนึ่งคืน? ยิ่งไปกว่านั้นใช้ท่าอะไร? ใช้ท่าเดียวกับที่ทำกับเธอ หรืออย่างอื่น?


เธอคิดไปมาอยู่ๆ เริ่มรู้สึกว่าสมองกับหัวใจใกล้จะปริแตกพร้อมกันรอมร่อ


รอจนฟ้าสว่างเธอแทบพลิกตัวลงจากเตียงทันที เก็บเสื้อผ้าของเขาแต่ละชิ้นรวมถึงโน้ตบุ๊คเอกสารของเขาใส่ในรถ ไปยังบริษัทของเขา


มาถึงบริษัทของเขาในเวลาไม่ถึงเก้าโมงเช้า ห้องโถงใหญ่มีพนักงานไม่มากนัก เธอย้ายของแต่ละชิ้นไปที่หน้าเคาน์เตอร์ชั้นหนึ่งเพื่อฝากให้เคาน์เตอร์ส่งคืน ก่อนจะขับรถกลับโดยไม่คิดจะอยู่ต่อนานกว่านั้น


เช่นนี้แล้วในห้องของเธอไม่เหลือร่องรอยเขาอีกแล้วใช่ไหม? เธอจะลืมมันได้อย่างรวดเร็วใช่ไหม?


แต่เดิมเธอคิดว่าเขาย้ายไปอยู่กับเธอ พวกเขาจะใช้เวลาสิบกว่าวันที่เหลืออย่างราบรื่น แต่ไม่คิดเลยว่า…


เธอจับพวงมาลัยแน่น กล้ำกลืนไม่ให้น้ำตาเอ่อคลอไปมากกว่านี้


………………………………


ปวดหัวเหมือนจะร้าว


เย่เซียวค่อยๆ ตื่น


บนแขนมีแรงกดทับอยู่ เขามุ่นคิ้วลองขยับเล็กน้อยจนคนข้างกายเองก็เริ่มขยับตัวตาม


“คุณตื่นแล้วเหรอ?” น่าหลันลืมตาวาวในมองเขา


ใบหน้านั่นเรียกให้สติเขาหลุดไปชั่ววูบ


กดหัวคิ้วที่เต้นตุบๆ ลุกขึ้นนั่ง “คุณมานอนตรงนี้ได้ยังไง?”


เขาไม่ต้องห่วงอะไรเพราะเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น พวกเขาทั้งคู่ ไม่สิ อย่างน้อยเธอยังอยู่ในสภาพเสื้อผ้าครบครัน เมาจนสภาพนั่นแล้วจะทำอะไรได้อีก?


“เห็นคุณเมาขนาดนั้นฉันไม่ไว้ใจเลยมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ ตอนท้าย…ตอนท้ายคุณเป็นคนอุ้มฉันขึ้นเตียงเอง” พูดถึงท้ายๆ เธอกัดปากล่างเบาๆ ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อจางๆ


เย่เซียวจดจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด


“เมื่อคืนเมา คุณอย่าคิดมาก” เขากลับมาท่าทีเรียบนิ่ง เย็นชาอีกแล้ว


น่าหลันกระชับแรงที่จับผ้าห่มไว้แน่นกว่าเดิม หากเป็นไปได้เธอหวังว่าตัวเองจะจำไปตลอด แต่เมื่อคืนความอ่อนโยน ความเหนือการควบคุมที่เขามีให้เธอ ทุกอย่างก็แค่มอบให้ไป๋ซู่เย่!


เธอไม่พูดอะไรทั้งนั้นก่อนจะลุกขึ้นตาม เย่เซียวลงจากเตียงย่างกรายไปยังห้องน้ำ รูปร่างของเขาดีมาก ท่อนบนเปลือยเปล่าและท่อนล่างที่มีเพียงกางเกงขายาวตัวเดียว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นแสนเซ็กซี่และเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นผู้ชาย ล้วนเรียกให้คนมองหลงใหล


ต่อให้เป็นเพียงแผ่นหลังก็ตาม


น่าหลันนั่งอยู่ตรงนั้นกอดผ้าห่มสูดดมกลิ่นอย่างอาลัย ตรงนั้นยังมีกลิ่นเฉพาะของเขาหลงเหลืออยู่…


พักใหญ่เธอหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาดู บนหน้าจอเป็นรูปคู่ที่เธอกับเย่เซียวนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน เธอซบอยู่บนแขนเย่เซียว


……………………


ขณะเย่เซียวมาถึงบริษัท ทั้งเอกสาร โน้ตบุ๊คและเสื้อผ้าพวกนั้นตรงโซฟาทำให้เขาขมวดคิ้วแน่น นัยน์ตาสีเข้มขึ้น


หยูอันที่ตามเข้ามาเห็นสีหน้าของเขาก็อธิบาย “ได้ยินพนักงานหน้าเคาน์เตอร์บอกว่าทั้งหมดนี้ไป๋ซู่เย่เอามาส่งให้แต่เช้า”


เย่เซียวดึงเนกไทเพื่อให้ตัวเองผ่อนลมหายใจก่อนกล่าวอย่างใจเย็น “ให้เลขาเข้ามาจัดการ”


“ครับ” หยูอันถอยออกไปเงียบๆ


เขาไม่รู้ว่าระหว่างเย่เซียวกับไป๋ซู่เย่ทำไมถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ แต่ต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่งแน่ๆ


……………………


ตอนไป๋ซู่เย่มาถึงกระทรวงความมั่นคง ไป๋หลางหัวคิ้วชนกันเป็นปม “รัฐมนตรี คุณเป็นผู้หญิงนะ ไม่ต้องสู้ตายเหมือนผู้ชายก็ได้มั้ง? เจ็บขนาดนี้ไม่พักที่โรงพยาบาลยังวิ่งมาทำงานอีก”


ไป๋ซู่เย่เอาเอกสารเคาะหัวเขาไปที “ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลย ฉันเตือนนายไว้แต่แรกแล้วใช่ไหมว่าให้บอกกับคุณหญิงว่าฉันไปสัมมนาก็พอ นี่นายกลับบอกท่านว่าฉันว่างมาก”


“ท่านโทรมาผมก็ประหม่า พอประหม่าเลยพูดไปหมดเลย แต่คุณสบายใจได้ ไม่กล้าบอกเรื่องที่คุณบาดเจ็บไป”


……………………

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม