ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ 652-658
ตอนที่ 652 ถูกจับได้อีกแล้ว
ฮาเวิร์ดรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติเพราะเบ็นเนตต์นั้นแน่วแน่กับการร่วมมือระหว่างกลุ่มฟีนิกซ์และกลุ่ม EO มาก เหมือนกับว่าพวกเขาได้พูดคุยกันมาแล้ว ดูเหมือนเขาจะมองข้ามเงื่อนไขบางอย่างเสมือนโฮเวิร์ดไม่คิดจะปฏิเสธข้อเสนอเลย
แต่ฮาเวิร์ดไม่เข้าใจ เบ็นเนตต์บอกเงื่อนไขออกมามากเกินกว่าจะรับได้ เขาคิดอะไรอยู่นะ
เพราะฉะนั้นฮาเวิร์ดจึงคิดว่ามีอะไรแปลกๆ แต่สิ่งนั้นคืออะไรล่ะ เขาไม่รู้เลย แต่เขาจะต้องหาคำตอบให้ได้
ฮาเวิร์ดกระทืบเท้า แล้วอุณหภูมิของบรรยากาศรอบๆ ก็เพิ่มสูงขึ้น วัชพืชที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาไหม้เกรียมจนแห้งตาย!
มีวงแหวนแผ่ออกมารอบๆ ตัวของฮาเวิร์ด พลังของเขาน่าเกรงขามมาก!
ลูกน้องที่อยู่รอบตัวเขาพลันกระเด็นปลิวออกไปด้วยวงแหวนไฟนี้!
เขาไม่ได้เตรียมจะถอยกลับหรือรีบมุ่งหน้าไปไหน หลี่ว์ซู่เริ่มเครียดแล้วสิ หรือตัวตนของเขาจะโดนทำลายอีกแล้วนะ…
ตอนที่หลี่ว์ซู่ออกมาจากสำนักงานใหญ่ของกลุ่ม EO เขารีบไปหาฮาเวิร์ดโดยไม่ได้หยุดพักเลย ระหว่างทางเขาเจอลูกน้องของฮาเวิร์ดจึงลงมือฆ่าทิ้งซะ จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาเป็นลูกน้องคนนั้น
แต่บุคลิกและน้ำเสียงที่หลี่ว์ซู่เลียนแบบครั้งนี้ค่อนข้างแตกต่างจากลูกน้องคนที่ว่า ตอนแรกฮาเวิร์ดอาจจะไม่ได้สงสัยอะไรเพราะกำลังคิดเรื่องเบ็นเนตต์อยู่ แต่หลังจากที่เอะใจแล้ว หลี่ว์ซู่ก็โดนระเบิดจนกระเด็นออกไป
แต่ก็ช่างมันเถอะ หลี่ว์ซู่มาที่นี่เพื่อฆ่าต่างหาก!
เครือข่ายฟ้าดินนั้นปฏิบัติงานในต่างประเทศได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เหตุผลหนึ่งก็เพราะกลุ่มฟีนิกซ์และฝ่ายศรัทธานั้นแข็งแกร่งเกินไป
องค์กรใหญ่พวกนี้เคยวางกับดักเครือข่ายฟ้าดินที่บริเวณชายแดนประเทศเพื่อคอยตรวจจับพวกเขา นี่คือสไตล์การลงมือจู่โจมของฮาเวิร์ด
จะบอกว่าฮาเวิร์ดนั้นเป็นผู้ที่กระตือรือร้นที่สุดในโลกแห่งการบำเพ็ญนี้ก็ว่าได้ หากเขากำลังอยู่บนเวที ต่อให้แสงไฟจะมอดดับไปก็ตาม เขาก็ยังส่องประกายเจิดจรัสได้ สถานะของเขาแข็งแกร่งมาก
ก่อนหน้านี้ยอดฝีมือและสมาชิกส่วนใหญ่ของกลุ่มฟีนิกซ์ที่ทำตามแผนเดิมนั้นถูกส่งตัวไปหา ‘ยอดฝีมือที่ขโมยอาวุธไป’ กันอยู่
เพราะฉะนั้นตอนนี้ฮาเวิร์ดจึงตัวคนเดียว หลี่ว์ซู่อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาซุ่มโจมตีฮาเวิร์ดเสีย บางทีอาจทำให้ฝ่ายศรัทธาตกที่นั่งลำบากได้ และมันก็คงทำให้การแข่งขันแย่งชิงแร่นี้ผ่อนปรนลงมาได้บ้าง และก็คงทำให้ความกดดันที่เครือข่ายฟ้าดินต้องเผชิญหน้ากับประเทศอื่นๆ นั้นลดลงมาได้บ้าง และพวกเขาจะได้รับบทผู้ชมดูความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรใหญ่สององค์กรนี้ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เท่านั้น
หลี่ว์ซู่รู้ว่าครั้งนี้เขาต้องถูกจับได้แน่นอน แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะโดนจับได้เร็วขนาดนี้ ฮาเวิร์ดควรจะเอาเวลาไปโกรธแค้นเบ็นเนตต์สิ ทำไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้เนี่ย…
แต่หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าฮาเวิร์ดนั้นจำรูปร่างและน้ำเสียงของเขาไม่ได้หรอก เขารู้สึกว่าลูกน้องเขานั้นเชื่อถือไม่ได้และไม่เคยทำตัวแบบนี้มาก่อน
เมื่อไฟนั้นลามไปที่หลี่ว์ซู่ ม่านเกราะประกายดาวก็โอบรอบตัวเขาไว้ ประกายดวงดาวกลืนกินร่างหลี่ว์ซู่เข้าไปจนตัวเขาส่องแสงระยิบระยับ หลี่ว์ซู่พุ่งเข้าหาฮาเวิร์ด และทันใดนั้นฮาเวิร์ดก็ชี้มือขึ้นฟ้า จากนั้นนกฟีนิกซ์ก็บินออกมาจากนิ้วของเขา!
ตอนนี้หลี่ว์ซู่เริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว เขาไม่คิดเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่แล้วจู่ๆ นกฟีนิกซ์ตัวนั้นก็ตัวหดเล็กลง กลายเป็นไก่ติดไฟเท่านั้น…
ฮาเวิร์ด “…”
ฮาเวิร์ดไม่รู้ว่ามีอะไรผิดพลาดไป แต่แล้วเขาก็รู้สึกราวกับว่าราชันอัคคีได้ปรากฏตัวขึ้น พลังไฟของเขาเองก็รับรู้ได้ถึงการปรากฏตัวนั้น และมันก็ยอมศิโรราบต่อราชาตรงหน้าโดยดี
ก่อนหน้านี้เหลียงเช่อเคยตั้งใจจะโจมตีหลี่ว์ซู่ด้วยไฟของเขา แต่ไฟกลับดับมอดไปเสียดื้อๆ ในตอนนั้นเหลียงเช่อคิดว่าเขาได้ใช้พลังเวทไปหมดแล้ว หลี่ว์ซู่เองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน…
แต่ตอนนี้หลี่ว์ซู่เริ่มเอะใจแล้วว่าไฟที่อยู่ในตัวของเขาไม่ธรรมดาเสียแล้ว ราวกับว่าพลังไฟนี้เป็นนายทั้งปวงของไฟทั้งหลาย
“แกเป็นใครกัน” ฮาเวิร์ดถามเสียงเย็น เขาไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่าตัวเองโดนพลังบางอย่างกดเอาไว้อยู่ แต่ไอ้การเปลี่ยนจากนกฟีนิกซ์เป็นไก่ติดไฟนี่มันก็เกินไปหน่อยนะ!
นี่เป็นพลังของคนคนนี้หรือเขามีวัตถุวิเศษที่สามารถยับยั้งธาตุไฟได้กันแน่นะ ฮาเวิร์ดรู้สึกว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า ที่สุดแล้วการปะทุธาตุไฟนี้ก็ไม่มีลำดับขั้นหรอก เพียงแต่ระดับ B สามารถหยุดการโจมตีของระดับ C ได้ แล้วตอนนี้เขาก็มีพลังระดับ B ขั้นสูง หรือศัตรูของเขาคนนี้จะเป็นระดับ A กันนะ
แต่ผู้มีพลังสายธาตุไฟยังไม่มีใครไต่ระดับไปถึงระดับ A ได้นี่ แล้วถ้าศัตรูอยู่ระดับ A จริง ทำไมยังมาหยอกเขาเล่นๆ แบบนี้อยู่ล่ะ ฮาเวิร์ดควรจะตายไปนานแล้ว!
อีกอย่างจะมีระดับ A คนไหนกันที่เบื่อหน่ายชีวิตจนต้องปลอมตัวมากวนโทสะคนอื่นเล่นแบบนี้! เขาสติดีอยู่หรือเปล่า!
หลี่ว์ซู่ไม่ได้ตอบคำถามของฮาเวิร์ด เขามาที่นี่เพื่อฆ่าฮาเวิร์ดทิ้ง กระนั้นเขากลับพบว่าเขานั้นเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการยับยั้งผู้มีพลังธาตุไฟได้ อย่างกับมีคนยื่นหมอนมาให้ตอนเขากำลังอยากงีบอยู่เลยแน่ะ!
กระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อปรากฏตัวขึ้นด้วยเสียงคำราม หลี่ว์ซู่ใช้กระบี่ทั้งสองปกป้องตัวเอง
ฮาเวิร์ดตระหนักได้ว่าเขาเดาผิดแล้วที่ว่าชายคนนี้มาจากฝ่ายศรัทธา เมื่อตอนที่เขาได้ยินเสียงกระบี่บิน ไม่ใช่ว่าราชันฟ้าไม่มีไม้ตายอะไร เพียงแต่พวกเขาแค่ซ่อนไพ่เอาไว้มาโดยตลอด!
ราชันฟ้าปรากฏตัวขึ้นแล้ว!
สำหรับฮาเวิร์ดแล้ว ในเครือข่ายฟ้าดิน ใครที่มีพลังอยู่ระดับ B ก็นับเป็นราชันฟ้าทั้งนั้นแหละ!
ฮาเวิร์ดเริ่มเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างแล้ว ราชันฟ้าคนนี้เป็นคนปาเต้าหู้เหม็นจู่โจมองค์กรอื่นๆ และเป็นคนไปโจมตีสำนักงานใหญ่ของ EO นอกจากนี้เขายังขโมยอาวุธของฮาเวิร์ดและฟรานเชสโก้ไป แถมเขาอาจจะเป็นคนประกาศข่าวการจับมือเป็นพันธมิตรระหว่าง EO กับกลุ่มฟีนิกซ์ด้วย
แต่ถึงจะรู้เรื่องทั้งหมดก็สายไปแล้วล่ะ
ไฟของเขาถูกยับยั้งไว้ ฮาเวิร์ดเลยได้แต่โจมตีทางกายภาพเท่านั้น เขาไม่ยอมแพ้หรอก!
ฮาเวิร์ดชี้นิ้วขึ้นฟ้าอีกรอบ เขาอยากจะทดสอบดูว่าพลังของเขาถูกยับยั้งไว้จริงๆ หรือเปล่า ถ้าหลี่ว์ซู่ใช้วัตถุวิเศษจริงๆ มันก็ไม่น่าหยุดพลังของระดับ B ขั้นสูงได้!
แต่แล้วทันใดนั้น เจ้าไก่ติดไฟก็ร่วงหล่นลงมากับพื้น มันส่งเสียงร้องในลำคอแล้ววิ่งหนีไป…
ถ้าหลี่ว์ซู่เจอผู้มีพลังระดับ B คนอื่น เขาก็คงได้ประมือสู้กันอย่างสูสี ไม่รู้ใครจะตายไปก่อนกัน แต่เขาบังเอิญเจอผู้มีพลังสายธาตุไฟเสียนี่! กระบี่บินของหลี่ว์ซู่ล้อมรอบตัวฮาเวิร์ดไว้ แล้วร่างกายของเขาก็ค่อยๆ อ่อนพลังลง เขาสู้หลี่ว์ซู่ไม่ได้จริงๆ
ฮาเวิร์ดรู้ว่าถ้าไม่รีบคิดหาทางรอด เขาต้องตายที่นี่แน่ๆ ฝีมือการปลอมตัวของราชันฟ้าดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย อีกอย่างทำไมเขาถึงมีวิธีการสังหารมากมายอย่างนี้นะ!
ฮาเวิร์ดวิ่งหลบกระบี่บินสุดชีวิต เขาหยิบเอาขวดยาสีแดงสดมาจากช่องเก็บของล่องหนแล้วเทเข้าปากเพื่อปกป้องชีวิตของตัวเองไว้!
ที่สุดแล้วกลุ่มฟีนิกซ์ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขายังมีชื่อเสียงโด่งดังในโลกของผู้บำเพ็ญเรื่องฝีมือการวิจัยด้วย มีคนกล่าวไว้ว่ากลุ่มฟีนิกซ์สามารถทำให้คนธรรมดาปะทุพลังได้ อีกทั้งพวกเขายังประสบความสำเร็จเรื่องนี้อย่างงดงาม!
ตอนที่ 653 ข้อตกลง
ฮาเวิร์ดต้องใช้พลังถึงขีดสุดแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าเขาช้ากว่านี้ เขาอาจตายได้ มีแต่ต้องระเบิดพลังออกมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วดูว่ามันสามารถช่วยให้เขาหลุดรอดจากพลังยับยั้งไฟนี่ไปได้หรือเปล่า
ความสามารถในการยับยั้งไฟนั้นมีเอาไว้กดพลังของผู้มีพลังธาตุไฟอย่างเขา ตอนนี้เขาเสียเปรียบมาก เขาชักกลัวขึ้นมาแล้วสิ เมื่อก่อนเขาคิดว่าพลังสายธาตุต่างๆ ของผู้มีพลังนั้นมีความสำคัญ แล้วตอนนี้ผู้มีพลังธาตุไฟอย่างเขาก็พบกับศัตรูโดยธรรมชาติเสียแล้ว
ความได้เปรียบของหลี่ว์ซู่นั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อเองก็เฉียดเข้ามาใกล้ฮาเวิร์ดขึ้นเรื่อยๆ
เลือดของฮาเวิร์ดซึมไหลออกมาจากผิวกาย เสื้อคลุมของเขาเองก็เป็นรอยขาดวิ่น แขนของเขาชาไปแล้ว ร่างกายบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง
เขาเคยคิดว่าตัวเองนั้นเก่งที่สุดในโลก แต่ดูตอนนี้สิ เขาต้องมาวิ่งหนีตายหัวซุกหัวซุน นี่เหมือนกับการตบหน้าฮาเวิร์ด และเขาก็รู้สึกโกรธมาก!
เมื่อเขารู้สึกว่าพลังของเขาพุ่งขึ้นมาถึงขีดสุด เขาก็ยืนนิ่งๆ โดยไม่สนใจอีกว่าจะถูกโจมตีอย่างไร จากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วเรียกนกฟีนิกซ์ไฟออกมา วงแหวนไฟที่อยู่รอบตัวเขาปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มันช่วยปัดป้องกระบี่บินทั้งสองออกไป
อากาศรอบวงแหวนไฟในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรนั้นพลันบิดเบี้ยว พืชพรรณทั้งหลายเ**่ยวแห้ง ใบของพวกมันห่อม้วน
จากนั้นนกฟีนิกซ์ไฟก็บินออกไปจากมือของฮาเวิร์ด เพียงแค่ไม้เท้าของเขาเพียงอย่างเดียว อุณหภูมิสูงของสภาพแวดล้อมรอบๆ ก็พลันสูงขึ้น
สายตาของฮาเวิร์ดเย็นยะเยือก ในที่สุดเขาก็เรียกนกฟีนิกซ์ออกมาได้จากการใช้พลังชีวิตจนถึงขีดจำกัด การทำแบบนี้นั้นเป็นการทำลายโครงสร้างพลังชีวิตของเขาและอาจไม่สามารถทำให้กลับคืนมาได้ในอนาคตด้วย เป็นเรื่องยากสำหรับฮาเวิร์ดที่จะยอมรับเรื่องนี้ เพราะเขาเคยเป็นคนที่มีความสามารถที่จะเลื่อนเป็นระดับ A ได้มากที่สุดในกลุ่มฟีนิกซ์แล้ว
แต่หากเทียบกับความตายแล้ว แค่นี้นับว่าโชคดีมาก เขาถึงกับคิดว่าเครือข่ายฟ้าดินต้องการฆ่าเขาตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจะส่งราชันฟ้าแปลกๆ คนนี้ไปเจรจากับ EO ทำไม
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวหลี่ว์ซู่เองก็เพิ่งค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถยับยั้งความสามารถไฟได้นี่แหละ
หางของนกฟีนิกซ์นั้นสะบัดไปมาอยู่บนฟ้า อากาศรอบๆ เริ่มบิดเบี้ยว ฮาเวิร์ดชี้นิ้วไปที่หลี่ว์ซู่ เขาอยากจะใช้ไฟของเขาจัดการคนร้ายคนนี้ที่บังอาจมาทำให้โครงสร้างพลังชีวิตของเขาเสียหายหนัก
ส่วนหลี่ว์ซู่ที่ระวังตัวไว้อยู่แล้วก็ปกป้องตัวเองไว้ได้ดี ฮาเวิร์ดนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ ก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่อยากจบการต่อสู้นี้ไวๆ แต่หลังจากเขารู้ว่าเขาสามารถยับยั้งพลังไฟนี้ได้ ต่อให้ต้องวิ่งหนีตาย เขาก็ไม่รู้สึกร้อนใจอะไร กระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อนั้นไม่สามารถทำให้ฮาเวิร์ดบาดเจ็บสาหัสได้อีกต่อไป
ตอนนี้ฮาเวิร์ดหลุดพ้นจากการถูกยับยั้งพลังไฟของตัวเองแล้ว แต่หลี่ว์ซู่ก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไป ฮาเวิร์ดได้ใช้ยาขวดนั้นเพื่อเลื่อนระดับตัวเองเป็นระดับ A ชั่วคราว เขาใช้วิธีผิดธรรมชาตินี้เพิ่มพลังให้กับตัวเอง แปลกมาก!
“ไปเสียตอนที่ยังไปได้ แต่เราไม่จบกันแค่นี้หรอกนะ ฉันจะไปสะสางเรื่องนี้กับแกในถิ่นของแกด้วย” ฮาเวิร์ดพูดเสียงเย็น
นกฟีนิกซ์บินออกไปทันที หลี่ว์ซู่ขมวดคิ้วพลางคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขาเพิ่งเห็นว่านกฟีนิกซ์ไม่ได้บินมาตรงๆ ที่เขา
นกฟีนิกซ์สีแดงตัวนั้นสะบัดปีกและคาบไก่ติดไฟสองตัวนั้นไว้ในปากก่อนจะบินหนีไป
ฮาเวิร์ด “…”
หลี่ว์ซู่มองดูนกฟีนิกซ์นั้นบินหายไป เขาเองก็อึ้งเหมือนกัน เขาถามฮาเวิร์ด “เมื่อกี้พูดว่าไงนะ”
ฮาเวิร์ดค้อมหัวให้ “ขอโทษด้วยครับ”
[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +999!]
“ช้าไปแล้วล่ะพวก!” หลี่ว์ซู่ถอนใจ เขาได้รับการยืนยันแล้วว่าไฟสีขาวของเขานั้นอยู่ระดับสูงกว่าไฟอื่นๆ จริง ความสามารถในการยับยั้งไฟได้น่าจะนำหน้าพลังสายธาตุต่างๆ เลยล่ะ แล้วไฟของเขาก็เหนือกว่าอย่างชัดเจน
ฮาเวิร์ดหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป เขาไม่คิดเลยว่าแม้เขาจะใช้พลังถึงขีดสุดแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ถึงแม้ว่าเขาจะเรียกนกฟีนิกซ์ระดับสูงออกมาแล้วแต่มันก็อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
ข้างหลังเขามีกระบี่แสงสายฟ้าสิบเล่ม ตามมาด้วยกระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อ มันพุ่งเร็วจี๋ตรงไปที่ฮาเวิร์ด
กระบี่แสงสายฟ้านั้นได้สร้างตาข่ายไฟฟ้าและดักจับฮาเวิร์ดไว้ จากนั้นกระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อก็ตามมาเสร็จงานให้ทีหลัง ไฟรอบๆ ฮาเวิร์ดนั้นเริ่มจะมอดลงแล้ว เขาค่อยๆ ยกเกราะวิญญาณพลังวิญญาณขึ้นมาปกป้องตัวเองไว้อย่างหนักแน่น ทว่ามันกลับแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ อย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็รู้ว่าชีวิตตัวเองจบเห่แล้ว!
[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +1000!]
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็หยุดทุกอย่าง เขาถามออกไป “เคยสู้กับปรมาจารย์หุ่นเชิดมาก่อนไหม”
ฮาเวิร์ดเตรียมใจที่จะตายแล้ว แต่พอเขาได้ยินคำถามของหลี่ว์ซู่แบบไม่ทันตั้งตัว เขาก็ตกใจ เขาไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรแล้ว
เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแค่มองหลี่วชู่อย่างเย็นชา หลี่ว์ซู่เลยถามต่อ “ปรมาจารย์หุ่นเชิดนี่โจมตียังไงเหรอ แบบว่าใช้ตุ๊กตาไม้ที่ใช้ด้ายสีแดงทอเป็นตาข่ายและฆ่าคนแบบนั้นหรือเปล่า บอกหน่อยสิ”
นี่เป็นข้อสงสัยที่หลี่ว์ซู่เก็บไว้ในใจเป็นเวลานาน เขาสงสัยว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นใช้วิธีการโจมตีแบบเดียวกันหรือเปล่า เขาเคยเจอแค่สองคน และพวกเขาก็มีหุ่นเชิดเหล็กกันทุกคนด้วย แต่เขาเห็นอวิ๋นอี่ใช้ตุ๊กตาหุ่นไม้เล็กๆ เพราะฉะนั้นเขาจึงอยากรู้ว่าการโจมตีของหู่จื๋อนั้นเป็นอย่างไร!
ฮาเวิร์ดไม่คิดว่าหลี่ว์ซู่จะสนใจเรื่องนี้ เขาคงไม่ถามซักไซ้ต่อเรื่องความลับของกลุ่มฟีนิกซ์หรอกใช่ไหม
เอาจริงๆ แล้วหลี่ว์ซู่ไม่ได้ตั้งใจจะถามฮาเวิร์ดเรื่องกลุ่มฟีนิกซ์เลย เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้จักองค์กรนี้ดีอะไรขนาดนั้น ถึงเขาอยากจะถาม เขาก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรอยู่ดี…
แต่ข้อมูลเกี่ยวกับปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นไม่ได้เป็นความลับของกลุ่มฟีนิกซ์นี่ ฮาเวิร์ดก็รีบคิดอย่างว่องไว เขาไม่ยอมปล่อยโอกาสจะมีชีวิตรอดไปหรอก
เขาเอ่ยถามเสียงเย็น “ถ้าอยากรู้เรื่องปรมาจารย์หุ่นเขิดก็ปล่อยฉันไปสิ ข้อมูลเรื่องนี้สำคัญมากนะ ถ้ารู้เรื่องนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อเครือข่ายฟ้าดินมากๆ เชียว…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลี่ว์ซู่ก็พูดแทรกขึ้นมา “โอเค”
คำตอบของหลี่ว์ซู่นั้นตรงไปตรงมา แต่ฮาเวิร์ดเองก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี…
นี่เหมือนกับการซื้อเสื้อผ้าที่ตลาดเลย ราคาเสื้อผ้าอยู่ที่หนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าหยวน แต่ต่อราคามาได้เหลือร้อยเก้าสิบเก้า ตอนแรกก็อยากจะต่อราคากับเจ้าของร้านไปนานๆ แต่ว่าเจ้าของร้านกลับตกลงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ซื้อก็เหมือนกับว่าจะต้องแพ้ไป แล้วถ้าไม่ซื้อก็ต้องโง่มากแน่ๆ …
รู้สึกน่าขายหน้าแบบทันทีเลยล่ะ…
หลี่ว์ซู่เริ่มไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าฮาเวิร์ดไม่ยอมพูดอะไรออกมา
“ก็ตกลงไปแล้ว รีบๆ บอกมาเสียสิ”
ฮาเวิร์ดรู้สึกว่าตัวเองนั้นหมดหนทางแล้ว งั้นเขาก็ต้องบอกไปสินะ!
[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +999!]
ฮาเวิร์ดหัวเราะอย่างเยียบเย็น “งั้นก็ปล่อยฉันไปสิ จะรู้ได้ไงว่าเชื่อใจได้รึเปล่า ขอหลักประกันหน่อย”
หลี่ว์ซู่หงุดหงิด “ทำไมถึงจะไม่เชื่อกันล่ะ ไม่ใช่แค่จะปล่อยไปเฉยๆ นะ เดี๋ยวจะช่วยส่งออกไปด้วย…”
ฮาเวิร์ดใช้เวลาสักพักก่อนจะคิดออกว่า ‘ช่วยส่งออกไป’ นั้นน่าจะไม่ได้มีความหมายที่ดีนักเท่าไหร่…
[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +999!]
ตอนที่ 654 ทุกอย่างพินาศแล้ว
ตอนนี้ไฟในตัวฮาเวิร์ดเริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่แล้ว และเขาตัดสินใจว่าจะไม่เสียเวลากับหลี่ว์ซู่อีกต่อไป ตอนนี้เขาไม่มีพลังจะต่อกรและเขาก็อยากจบชีวิตตัวเองลงแทนที่จะสารภาพความจริงออกไป
หลี่ว์ซู่ไม่ได้หยุดเขาไว้ เขาจะไม่เห็นใจฮาเวิร์ดต่อให้เขาจะอยากรู้เรื่องปรมาจารย์หุ่นเชิดมากแค่ไหนก็ตาม
หลี่ว์ซู่มองฮาเวิร์ดทำลายโครงสร้างตัวเองอยู่ด้านข้างเงียบๆ
[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +1000!]
ฮาเวิร์ดนั้นเป็นคนดังในโลกของผู้บำเพ็ญ เนื่องจากเขามีหน้าที่รับผิดชอบฝ่ายต่างประเทศของกลุ่มฟีนิกซ์ คงพูดออกไปได้เต็มปากว่าเขาน่าจะเป็นที่รู้จักมากกว่านักบุญที่ต่อสู้ไปเพียงครั้งเดียวหลังจากเลื่อนเป็นระดับ A อีก
แต่อย่างไรก็ตามเขาก็เสียชีวิตลงในแอฟริกา หลี่ว์ซู่มองดูร่างไร้วิญญาณของเขาเศร้าๆ เขาไม่คิดเลยว่ายอดฝีมือแบบฮาเวิร์ดจะมาตายอย่างน่าสังเวชแบบนี้
ในขณะเดียวกัน หลี่ว์ซู่ก็สงสัยเรื่องไฟสีขาวของเขา เขาคิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้าธรรมดาๆ แต่เขากลับค่อยๆ เห็นแล้วว่าตัวจริงของเขานั้นน่าจะซับซ้อนกว่านั้นมาก
เขาพยายามนึกถึงชีวิตในวัยเด็กของตัวเอง แต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษหรือแปลกไปจากปกติ เขาก็เป็นเหมือนเด็กธรรมดา จนกระทั่งเขาโดนรถชนจนจี้สีดำของเขาแตกไปนั่นล่ะ
หลี่ว์ซู่ก้มลงมองดูขีดสามขีดบนมือตัวเอง แล้วไหนจะเรื่องไฟสีขาวอีก ทั้งหมดนี่เป็นปริศนา แล้วพ่อแม่ของเขาเป็นใครกัน หน้าตาเป็นอย่างไรนะ
เขาเคยยอมรับชะตากรรมที่ต้องเป็นเด็กกำพร้าของตัวเองและยอมรับว่าพ่อแม่นั้นทิ้งเขาไว้ เขายอมแพ้กับการคาดเดาหรือตามหาพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองแล้ว
กระนั้นก็มีเบาะแสเพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเศษเสี้ยวพวกนี้ก็ไม่ได้มอบคำตอบให้หลี่ว์ซู่อยู่ดี มีแต่ป่วนความรู้สึกของหลี่ว์ซู่เล่นๆ เท่านั้นแหละ
หลี่ว์ซู่ถอดแหวนมิติออกจากนิ้วของฮาเวิร์ด แล้วเขาก็เอาร่างไร้ชีวิตทั้งหมดใส่เข้าไปในตราแผ่นดินเพื่อเผามันทิ้ง รวมถึงศพของฮาเวิร์ดด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างสลายกลายเป็นเศษซากในเปลวไฟ
หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนหน้าตาเป็นฮาเวิร์ด ถึงแม้การเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาอาจถูกเปิดโปงจากการสร้างพันธมิตรปลอมๆ ขึ้นมาในครั้งก่อน แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร ท้ายที่สุดแล้วคนอื่นๆ ก็ไม่รู้ว่าตัวตนจริงๆ ของเขาเป็นใคร
ขนาดเซี่ยเหรินเซิงและคนในกลุ่มเองยังไม่รู้เลย ฟรานเชสโก้กับฮาเวิร์ดจะไปรู้ได้ไงล่ะ
ถึงฮาเวิร์ดจะลงหลุมไปแล้วแต่ความลับของหลี่ว์ซู่ก็ยังไม่ปลอดภัยหรอก ยังมีช่องว่างอีกมากมายเหลืออยู่ แต่หลี่ว์ซู่เลือกจะไม่ไปสนใจอะไรมาก ในขณะเดียวกัน เขาก็พร้อมลงมือทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันสนุกยิ่งขึ้นด้วยการใช้ตัวตนของฮาเวิร์ดนี่แหละ
ยิ่งยุ่งเหยิงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีกับเขาเท่านั้น
อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาตอนที่เขากำลังจะออกไป เขาเห็นเงาวิ่งไปรอบๆ ตัวจากทุกทิศทางในป่าโปร่งแห่งนี้
สีหน้าของหลี่ว์ซู่จริงจังขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดเลยว่าพวกนั้นตั้งใจมาหาเขา กระบี่ซือโก่วและกระบี่ฝูฉื่อพร้อมอยู่แล้ว แล้วแสงกระบี่อสนีบาตนับร้อยก็หมุนรอบภูเขาแห่งพลัง
เขาพร้อมฆ่าทุกคนเพื่อออกไปจากที่นี่ แต่ยังไงก็ขอให้ไม่มีระดับ A แล้วกัน
“เยี่ยมไปเลย ฮาเวิร์ด”
ฟรานเชสโก้ปรากฏตัวออกมา หน้าของเขาถูกเงาดำปกปิดไว้ใต้ผ้าคลุมสีขาว เขาเดินตรงมาที่หลี่ว์ซู่แล้วพูดขึ้นว่า “แกหลอกให้เราร่วมมือเป็นพันธมิตรกับแก ในขณะที่แกแอบไปตกลงกับเบ็นเนตต์ลับหลัง ขอให้พระเจ้าลงโทษคนหลอกลวงขี้โกงแบบแกเถอะ”
หลี่ว์ซู่ใช้เวลาสักครู่เพื่อคิดว่าจะตอบยังไงดี ฝ่ายศรัทธานั้นอารมณ์เสียเรื่องคำประกาศของ EO แบบฉับพลันเมื่อกี้งั้นเหรอ หลี่ว์ซู่เลียนเสียงของฮาเวิร์ดแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “โลกแห่งการบำเพ็ญก็เป็นไปตามกฎธรรมชาตินั่นแหละ ใครอยู่ก็รอด จะมาโทษความอ่อนแอของตัวเองเพราะเราเคลื่อนไหวเร็วกว่าไม่ได้หรอกนะ”
เขาต้องทำให้กลุ่มฟีนิกซ์และฝ่ายศรัทธาแตกกันให้ได้ เพราะงั้นก็เลยต้องทำตัวร้ายๆ หน่อย
แต่เอ๊ะ หลี่ว์ซู่สังเกตเห็นว่าฟรานเชสโก้ไม่ได้ให้แต้มอารมณ์อะไรมาเลยนี่ ทำไมเขาถึงยังทนฟังคำพูดยุแหย่พวกนี้ได้โดยไม่เป็นอะไรนะ หลี่ว์ซู่ไม่คิดหรอกว่าฟรานเชสโก้จะเป็นคนควบคุมอารมณ์ได้ดี
ทันใดนั้นก็มีเสียงหญ้าดังกรอบแกรบมาจากด้านหลังเขา หลี่ว์ซู่อ้างปากค้างด้วยความตกใจขณะมองไปรอบๆ อะไรวะเนี่ย! ทุกคนเป็นพันธมิตรของฝ่ายศรัทธาในแอฟริกาทั้งหมดเลยเหรอ แล้วยังมีผู้มีพลังระดับ B อีกตั้งห้าคนจากองค์กรใหญ่องค์กรอื่นด้วย!
หลี่ว์ซู่เริ่มเครียดแล้ว เขาไม่น่าดีใจไปก่อนเลย ระดับ B ห้าคนนี่เขารับมือไม่ไหวหรอก ถึงแม้จะไม่มีระดับ A มาเลยก็ตาม
ให้เอาชนะระดับ B คนเดียวยังยากเลย ไม่ต้องไปพูดถึงระดับ B ห้าคน!
หลี่ว์ซู่พยายามกู้สถานการณ์ “เรามาแบ่งแร่กันไปครึ่งครึ่งไหม ตอนนี้เราต้องหาคนขโมยอาวุธของเราก่อนนี่ เรายังไม่เจอตัวเขาเลย อย่าเพิ่งตีกันเองดีกว่านะ”
ถึงเขาจะยกเหมืองแร่ทั้งหมดให้ฝ่ายศรัทธาก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะเขาไม่ใช่ฮาเวิร์ดตัวจริงนี่…
แต่ฟรานเชสโก้นั้นส่ายหัวแล้วพูดว่า “เราปล่อยให้แกออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรอกฮาเวิร์ด แล้วเรื่องยอดฝีมือจากเครือข่ายฟ้าดินก็ไม่ต้องรีบร้อนฆ่าเขาหรอก”
หลี่ว์ซู่อึ้งไป งั้นถ้าฉันบอกว่าฉันนี่แหละคือยอดฝีมือจากเครือข่ายฟ้าดินตัวจริงที่ตามหากันมานานล่ะ จะปล่อยฉันให้ไปอาบน้ำไหม ก็บอกเองนี่นาว่าไม่ต้องรีบฆ่าฉันแล้ว…
เยี่ยมเลย ทุกอย่างพินาศหมดแล้ว ทำไมเขาต้องมาปลอมตัวเป็นฮาเวิร์ดตอนนี้ด้วยล่ะเนี่ย!
เมื่อก่อนหลี่ว์ซู่ชอบที่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นคนอื่นถ้าทุกคนอยู่ใต้การควบคุมของเขา เขาใช้ประโยชน์จากการที่ผู้คนไม่รู้ว่าหน้ากากนั้นทำอะไรได้บ้าง
แต่ตอนนี้เขากลับกลายมาเป็นแพะรับบาปของฮาเวิร์ดเสียแล้ว แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ ใครจะเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำอะไรจริงๆ หลี่ว์ซู่ไม่คิดเลยว่าฝ่ายศรัทธาจะเป็นฆาตกรอำมหิตแบบนี้ พวกเขาอยากกำจัดผู้นำคนสำคัญของกลุ่มฟีนิกซ์แบบนี้โดยไม่นึกถึงผลที่จะตามมาเลย
อีกอย่างพวกเขาก็ตัดสินใจเด็ดขาดมากด้วย พวกเขารวมตัวเป็นพันธมิตรกันเพื่อจะฆ่าฮาเวิร์ดตอนอยู่คนเดียวแบบนี้เหรอ
แต่พวกเขาต้องการชีวิตของฮาเวิร์ดนี่ ไม่ใช่หลี่ว์ซู่ หลี่ว์ซู่บริสุทธิ์นะ หรือไม่กันนะ เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้ว
ยังไงก็เถอะ จะเปลี่ยนกลับเป็นตัวเขาเหมือนเดิมก็ไม่มีประโยชน์แล้ว จะให้เขาพูดไปว่า ‘ฮ่าๆ ฉันไม่ใช่คนที่พวกแกตามหาหรอก เพราะฉันไม่ใช่ฮาเวิร์ด แค่ล้อเล่นเฉยๆ น่ะ!’ รึไง
แบบนั้นทุกอย่างก็ถูกเปิดโปงสิ! แล้วเขาก็คงโดนโจมตีอย่างแรง…
หลี่ว์ซู่เครียดมาก เขาจะทำอะไรได้อีกล่ะ วิ่งสิ!
ตอนที่ 655 นักบุญปรากฏตัวแล้ว
หลี่ว์ซู่คิดหาทางหนีที่เป็นไปได้จากการวิเคราะห์สถานการณ์ในสนามต่อสู้นี้แล้ว เขาคงต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกันซึ่งๆ หน้ากับฟรานเชสโก้ถ้าเป็นไปได้ เพราะดูเหมือนเขาจะมีไม้ตายซุกซ่อนไว้เช่นเดียวกับฮาเวิร์ด
ที่หลี่ว์ซู่เอาชนะฮาเวิร์ดได้ก็เพราะเขาดันมีความสามารถเอาชนะพลังธาตุไฟได้ แต่หลี่ว์ซู่ไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้กับฟรานเชสโก้ได้หรือเปล่า…
ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ หลี่ว์ซู่ยังไม่ค่อยพอใจที่การปลอมตัวของเขาถูกเปิดโปง แต่ตอนนี้เรื่องที่สร้างความรำคาญใจให้เขามากจริงๆ กลับเป็นฝีมือการแสดง ถึงแม้ท้ายที่สุดแล้วเขาจะเปิดเผยตัวตนออกมาเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จก็เถอะ เขาไม่ชอบใจทักษะการแสดงของตัวเองเอาเสียเลย…
ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้ว มีแต่ต้องแสร้งเล่นละครเป็นฮาเวิร์ดต่อไปเท่านั้นแหละ ซึ่งนี่ก็ทำให้เขาซวยมากๆ ด้วย หลี่ว์ซู่เครียดขึ้นมา เขาโดนกรรมตามสนองจากการเปลี่ยนตัวตนเป็นคนอื่นไปมาเสียแล้วสิ
ว่าแต่ฝ่ายศรัทธานี่จะเอาอะไรกันนะ พวกมันไม่คิดหน้าคิดหลังเลยเหรอถึงมาโจมตีคนสำคัญของกลุ่มฟีนิกซ์แบบนี้
แถมถ้าคนที่พวกมันกำลังจะลงมือฆ่าไม่ใช่หลี่ว์ซู่ แต่เป็นฮาเวิร์ดตัวจริง พวกฝ่ายศรัทธานี่แหละที่จะเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด อีกอย่างพวกคนที่ไม่ได้อยู่ในฝ่ายศรัทธาก็อาจปล่อยข่าวลับนี้ออกไปเมื่อไหร่ก็ได้
ในโลกนี้ไม่มีความลับหรอกนะ หลายครั้งที่คนที่ไว้ใจคนอื่นและเปิดเผยความลับให้พวกเขาฟังต้องมาเสียใจกับการกระทำที่ซื่อตรงไม่คิดอะไรของตัวเอง
หรือที่พวกฝ่ายศรัทธาไม่กลัวนักบุญนั้นเป็นเพราะพวกมันมีกองหนุนหลังที่แข็งแกร่งกว่ากันนะ
แล้วอยู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็ชี้นิ้วขึ้นฟ้าเพื่อเป็นเรียกนกฟีนิกซ์ไฟมา ทว่า…ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลี่ว์ซู่จึงตัดสินใจวิ่งพุ่งไปยังทิศที่ไม่ค่อยมีคลื่นพลังงานก่อตัวมากเท่าไหร่
เขาไม่คิดถึงเรื่องประณีประนอมแล้ว มีแต่วิ่งเพื่อรักษาชีวิตแล้วล่ะ!
พูดกันตรงๆ เลย หลี่ว์ซู่ขอโยนทุกอย่างทั้งหมดไปลงที่ฮาเวิร์ด ไอ้หมอนี่ต้องไปทำอะไรให้ฝ่ายศรัทธาโกรธมาแน่นอน
กระนั้นดูเหมือนว่าคนอื่นๆ จะพิจารณาไว้แล้วว่าหลี่ว์ซู่จะหลบไปทางไหนได้บ้าง มีกลุ่มคนห้าคนตามเขามาทันที
เท่านั้นแหละหลี่ว์ซู่ก็เริ่มคิดได้ว่าพลังของพวกระดับ B นั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน ยิ่งพวกเขาได้รวมกลุ่มกันหลายคนเพื่อทำภารกิจแล้วด้วย ความกดดันนี้มันมหาศาลกว่าตอนที่เขาสู้กับทาคาชิมะ ทาอิรัตสึเสียอีก
ผู้มีพลังสายโลหะสองคนมีอาวุธแหลมคมที่ทำจากโลหะชนิดพิเศษล้อมรอบครบมือ พวกเขาพร้อมโจมตีตลอดเวลา หลี่ว์ซู่สัมผัสได้ว่าอาวุธโลหะนั้นมีอะไรแปลกๆ พลังงานที่ปล่อยออกมาดูทรงพลังมากเหลือเกิน!
หลี่ว์ซู่บอกได้เลยว่าผู้มีพลังสายโลหะพวกนี้เป็นผู้ใช้อาวุธกระบี่ได้สบายๆ แต่ความแตกต่างของพวกเขาคือความได้เปรียบด้านปริมาณอาวุธของพวกเขานี่แหละ คมมีดของพวกเขานั้นมีพลังโจมตีถึงตายน้อยกว่ากระบี่บิน
กิ่งต้นไม้สั่นไหวอย่างหนักหน่วงจากการปล่อยคลื่นพลังงาน ใบไม้ร่วงหล่นลงมา กระนั้นพวกมันกลับถูกฟันขาดเป็นชิ้นๆ ด้วยพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นก่อนจะร่วงลงมาถึงพื้นเสียอีก
หลี่ว์ซู่เห็นสถานการณ์ที่ฟรานเชสโก้ได้เปรียบมากกว่าแบบสุดๆ ก็แล้วเครียดกว่าเดิม ฟรานเชสโก้เดินเข้ามาช้าๆ ผ้าคลุมสีขาวปลิวไสว
ถึงบรรยากาศจะมืดลงเรื่อยๆ แต่กลับมีแสงส่องสว่างแผ่ออกมาจากตัวฟรานเชสโก้
ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้เท่าไหร่ หลี่ว์ซู่ก็ยิ่งใจเต้นแรงมากขึ้นจากสนามพลังที่แผ่ออกมาคนระดับ B ทั้งห้าคน ฟรานเชสโก้พูดขึ้นมาอย่างสงบในขณะที่เขาค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ “ฉันเคยบอกแกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ทำตัวให้แข็งแกร่ง ไม่เกรงกลัวใคร และใจเย็นอยู่เสมอ เพราะพระเจ้าจะอยู่กับแกในทุกๆ ที่ที่แกไป”
เสียงของเขาฟังดูเหมือนโซ่ตรวน แล้วอยู่ๆ ตัวหลี่ว์ซู่ก็มีแสงออกมารอบๆ เหมือนกับที่ฟรานเชสโก้มี แต่เขากลับรู้สึกถึงแรงที่ทำให้หายใจไม่ออกจากแสงสว่างนั่น!
ทันใดนั้นเองหลี่ว์ซู่ก็คิดไปถึงท่าการโจมตีที่ฝ่ายศรัทธาเคยใช้ในอดีต พวกเขาไม่ค่อยต่อสู้แบบตัวต่อตัวนัก แต่จะใช้วิธีต่อสู้แบบเป็นกลุ่มมากกว่า พวกเขาก็มีกองทัพเป็นของตัวเองด้วย
เพราะฉะนั้นคนพวกนี้คงจะวางแผนใช้กลยุทธ์หมู่ในฆ่าศัตรูร่วมกันและใช้วิธีที่สืบต่อกันมา
แสงรอบตัวหลี่ว์ซู่สว่างมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป เขาคงจะขยับตัวไม่ได้เลยในเร็วๆ นี้แล้ว!
มีคนเคยวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างกลุ่มฟีนิกซ์และฝ่ายศรัทธา กลุ่มฟีนิกซ์นั้นโดดเด่นจากการมีสมาชิกที่ดุดันอยู่ไม่กี่คน ซึ่งนี่รวมไปถึงนักบุญและฮาเวิร์ดด้วย และพวกเขาต่างก็มุ่งเน้นที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามฝ่ายศรัทธานั้นต่างออกไป พวกเขามักจะทำให้ศัตรูอ่อนแอลงด้วยวิธีการจำกัดขอบเขตของพลัง
เพราะฉะนั้นนักบุญจึงกล้าเข้าไปเผชิญหน้ากับปรมาจารย์หุ่นเชิดในขณะที่หัวหน้าบาทลวงของฝ่ายศรัทธานั้นหลีกหนีไปเพื่อเลี่ยงปัญหา นักบุญทำอย่างนั้นเพราะฝ่ายศรัทธาใช้วิธีการโจมตีแบบคาดไม่ถึง และปรมาจารย์หุ่นเชิดก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
หัวหน้าบาทหลวงก็เลยเลือกที่จะเก็บตัวไม่ไปสู้มากกว่าถ้าเขามองว่าเขายังไม่เตรียมพร้อมดีพอ
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกได้ถึงพลังงานทรงพลังจากบนท้องฟ้า มันระเบิดออกมาสู่ภายนอกด้วยเสียงดังกึกก้อง ทุกคนมองขึ้นไปด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดเมื่อเห็นร่างของคนสองคนเข้าปะทะกันบบนฟ้า แรงอันมหาศาลนั้นแผ่ออกมาจนทำให้บรรยากาศรอบๆ ดูบิดเบี้ยวไปถนัด หากมองไกลๆ ก็ดูราวกับว่ามีลูกบอลไฟสองลูกกำลังพุ่งเข้าชนกัน
หลี่ว์ซู่ตกใจจนนิ่งไป ดูเหมือนทั้งสองคนนั้นจะไม่ใช่ระดับ A จากเครือข่ายฟ้าดิน เพราะเขารู้ว่าเฉินไป่หลี่และเนี่ยถิงนั้นมีวิธีการต่อสู้อย่างไร แล้วก็ไม่ใช่หลี่เสียนอีหรือปรมาจารย์หุ่นเชิดด้วยแน่ๆ …
ทั้งเฉินไป่หลี่ เนี่ยถิง หลี่เสียนอี หัวหน้าบาทหลวงจากฝ่ายศรัทธา นักบุญ และปรมาจารย์หุ่นเชิดทั้งสองคนนั้นถือเป็นคนที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดบนโลกนี้ในขณะนี้ พวกเขาเป็นเหมือนยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่และเป็นตำนานที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกแห่งการบำเพ็ญแล้ว
แต่ดูจากกลยุทธ์การต่อสู้แล้ว ชายสองคนบนฟ้านั้นเหมือนจะเป็นนักบุญและหัวหน้าบาทหลวง!
ไม่น่าเชื่อเลยว่าระดับ A สองคนนั้นจะถ่อมาที่ทวีปนี้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขามากันทำไม แต่เมื่อพวกเขาพบหน้ากันบนฟ้าแล้ว นักบุญก็เปิดฉากเข้าโจมตีก่อนทันที
มีคนพูดว่านักบุญนั้นเป็นคนชอบหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง เขาเข้าไปห้ำหั่นต่อสู้กับปรมาจารย์หุ่นเชิดในโบราณที่อเมริกาใต้มา
มีโพสต์ในกระทู้ของมูลนิธิเต็มไปหมดว่านักบุญนั้นอยากเอาชนะยอดฝีมือทั้งหมดและครองโลกนี้
แต่หลี่ว์ซู่ไม่คิดอย่างนั้น นักบุญก็คงเข้าไปต่อสู้กับเนี่ยถิงและหลี่เสียนอีแล้วถ้าเขามั่นใจในพลังของตัวเองจริงๆ แต่แน่ล่ะว่าหลี่ว์ซู่คงจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร เพราะไม่มีระดับ B ที่สติดีคนไหนจะอยากไปหาเรื่องระดับ A เข้าหรอก
ตอนนั้นเองที่นักบุญมองลงมาที่หลี่ว์ซู่แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเหมือนคลื่นใต้มหาสมุทร “ไปซะ”
หลี่ว์ซู่ได้ยินแบบนั้นก็รีบวิ่งแจ้นหนีไปด้วยความยินดี กลุ่มฟีนิกซ์เป็นกลุ่มที่เชื่อถือได้จริงๆ เพราะหัวหน้ากลุ่มนั้นเดินทางมาตั้งไกลเพียงเพื่อจะมาช่วยชีวิตเขา เยี่ยมไปเลย!
ตอนที่ 656 หลี่ว์ซู่จะกระโดดลงทะเลแล้วนะ
หลี่ว์ซู่เดาว่านักบุญนั้นมาเพื่อต่อสู้กับหัวหน้าบาทหลวงของฝ่ายศรัทธาโดยเฉพาะ และยอดฝีมือระดับ A คนนี้ก็แข็งแกร่งสมกับเป็นตำนานจริงๆ แต่ทั้งหมดนี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับหลี่ว์ซู่ สิ่งที่สำคัญคือนักบุญได้ช่วยชีวิตเขาไว้!
เขาขอฉวยโอกาสนี้ตอนที่ฟรานเชสโก้และคนอื่นๆ กลัวว่านักบุญจะเข้ามาขัดขวางการต่อสู้นี่แหละ พลังดวงดาวของเขาช่วยปลดแสงสว่างที่รัดรอบตัวเขาให้หายไป
ฟรานเชสโก้และคนอื่นๆ กลัวว่านักบุญนั้นจะเล็งเป้าหมายมาที่พวกเขา และพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองดูหลี่ว์ซู่หนีไปอย่างช่วยไม่ได้
หลี่ว์ซู่รู้สึกขอบคุณนักบุญเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่านักบุญนั้นเป็นคนจิตใจดีและชอบช่วยเหลือ ถ้าพวกเขาอยากจะสู้กันก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้นเถอะ อย่าเอาหลี่ว์ซู่เขาไปเกี่ยวด้วยเลย ถึงแม้ว่าเขาจะฆ่าฮาเวิร์ดไป แต่นักบุญก็ยังช่วยชีวิตเขาไว้อยู่ดี นักบุญน่ะใจดีที่สุดในโลกแล้ว
แต่เดี๋ยวก่อนนะ…
ขณะที่หลี่ว์ซู่วิ่งหนีไปในป่าอยู่นั่นเอง เขาก็เพิ่งนึกออกว่าเขายังเป็นฮาเวิร์ดอยู่นี่นา นักบุญช่วยชีวิตฮาเวิร์ดนี่…
อะแฮ่ม เขาไม่สนใจอะไรขนาดนั้นหรอก แต่เขาก็ยังรู้สึกขอบคุณอยู่ดี เพราะถ้าไม่ได้นักบุญ เขาก็คงตายแน่ๆ
แต่ถ้าเป็นแบบนี้หลี่ว์ซู่ก็ยืนยันได้เลยว่านักบุญใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงในการมาที่นี่แน่ๆ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงเห็นฮาเวิร์ดฆ่าฮาเวิร์ดแล้วล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นหลี่ว์ซู่ได้ตายของจริงแน่
แล้วนักบุญก็พูดขึ้นมาจากบนฟ้า “ไอ้ขี้ขลาด ในที่สุดวันนี้ฉันก็จับแกได้เสียที”
เสียงนั้นราบเรียบมาก แต่ก็แฝงความมั่นใจที่ไม่ธรรมดาอยู่ในนั้นด้วย!
หัวหน้าบาทหลวงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหลมสูงแบบคนแก่ “พวกมั่นใจเกินเหตุมักจะถูกขยี้ในภายหลังเสมอแหละ”
นักบุญได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “เกรงว่าคนที่จะขยี้ฉันได้ยังไม่เกิดเลยน่ะสิ”
หัวหน้าบาทหลวงพูดอย่างเย็นชา “ฟรานเชสโก้ แกทำอะไรอยู่น่ะ รีบเข้าไปฆ่าฮาเวิร์ดเสียสิ!”
ฟรานเชสโก้และคนอื่นๆ เร่งตามหลี่ว์ซู่ไป จากนั้นนักบุญก็บินโฉบลงมา ทำให้กิ่งไม้ที่อยู่ข้างล่างแตกหักไปด้วยแรงมหาศาลจากตัวเขา
หัวหน้าบาทหลวงพยายามจะขัดขวางไว้ แต่เขาไม่คิดว่าจู่ๆ นักบุญจะหยุดช่วยฮาเวิร์ดหลบหนี ที่เขาทำไปนั้นเป็นแค่การหลอกล่อความสนใจของหัวหน้าบาทหลวงเท่านั้นเอง
นักบุญหันหลังกลับมาแล้วปล่อยหมัดออกไป หัวหน้าบาทหลวงรีบสร้างเกราะสีเงินมาป้องกันหมัดนั้นได้ แต่เขาก็บาดเจ็บเล็กน้อยอยู่ดี
ทั้งสองคนบินขึ้นฟ้าไปอีกรอบ พวกเขาไม่สนใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นบนพื้นโลกอีกต่อไป
หลี่ว์ซู่นั้นผิดหวังเล็กน้อย ถ้านักบุญปกป้องเขาต่ออีกหน่อย ตัวเขาในแอฟริกาก็คงปลอดภัยแล้ว!
แต่เขาก็เข้าใจสถานการณ์แหละ นักบุญเข้ามาช่วยฮาเวิร์ดเพราะเผอิญว่าเขาอยู่ที่นี่พอดี แต่นักบุญมาที่นี่ก็เพื่อต่อสู้ไม่ได้จะมาช่วยเหลือใคร
อันกั๋วนั้นเป็นส่วนสำคัญของแอฟริกา ในตอนนั้น EO เลือกตั้งสำนักงานใหญ่ที่นี่ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นแหล่งเหมืองแร่ แต่เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมการหมุนเวียนขนส่งสินค้าจากทะเลอีกด้วย หลี่ว์ซู่นั้นวิ่งอย่างบ้าคลั่งและคิดอย่างรอบคอบขณะเตรียมเปลี่ยนเส้นทางหนี
เขาเจอทางหนีแล้ว ที่ที่เหมาะที่สุดก็คือสิ่งที่เขาคุ้นเคยดี นั่นก็คือในน้ำนั่นเอง! ไม่อย่างนั้นเขาก็คงถูกจับได้แน่ๆ คิดได้อย่างนี้ก็ไม่สวยเสียแล้ว เจ้าพวกนี้อยากจะซัดกับเขาจนเฮือกสุดท้ายจริงๆ!
แต่หลี่ว์ซู่ก็เพิ่งสังเกตว่า ทิศที่เขาวิ่งออกไปนั้นเป็นทิศที่มุ่งออกจากทะเล เขากำลังวิ่งเข้าหาพื้นดิน…
ไม่นะ! เขาต้องรีบเปลี่ยนเส้นทางเดี๋ยวนี้เลย!
แต่สิบนาทีผ่านไปก็แล้ว ยี่สิบนาทีก็แล้ว สามสิบนาทีก็แล้ว…
หลี่ว์ซู่มองไปข้างหลังแล้วก็เห็นว่าฟรานเชสโก้และคนอื่นๆ ยังคงไล่ตามเขามาอยู่เลย ถึงแม้เขาจะมีพลังโจมตีที่เพียงพอกับการปะทะกับผู้มีพลังระดับ B ก็ตาม แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายเขานั้นก็สู้ระดับ B ของจริงไม่ได้แน่ๆ โดยเฉพาะระดับ B ขั้นสูงแบบฟรานเชสโก้ด้วย
ระยะห่างระหว่างทั้งสองกลุ่มนั้นเข้าใกล้มาเรื่อยๆ หลี่ว์ซู่เริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ มา หัวใจเขาเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง
เขาไม่รู้ว่าทำไมเสียงฝีเท่านั้นถึงฟังดูแปลกๆ คล้ายกับม้าเหล็กโบราณผสานเสียงรัวกลองรบ พวกเขาอยากเข่นฆ่าเขากันแบบสุดๆ เลยสินะ
ในขณะที่หลี่ว์ซู่วิ่งอยู่นั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงผู้มีพลังสายธาตุโลหะสองคนสู้กันอยู่เป็นระยะๆ จากนั้นก็มีเหล็กแหลมพุ่งผ่านลงมาใกล้ตำแหน่งเขาราวกับฝนดาวตก ถ้าไม่ระวังให้ดี มีหวังเขาได้บาดเจ็บหนักแน่ๆ
ถึงแม้ว่าจะมีต้นไม้มากมายอยู่ในป่านี้ก็จริง แต่พื้นนั้นกลับแห้งผาก ดินทรายหนามาก หลี่ว์ซู่วิ่งอยู่ในผืนดินทรายนี้เหมือนกับวิ่งอยู่ในพายุทะเลทราย และยิ่งเขาวิ่งเร็วขนาดนี้ ก็ยิ่งทำให้เขาเตะดินฟุ้งเป็นฝุ่นควันอย่างไม่ตั้งใจ
หลังจากนั้นไม่นานพวกลุ่มที่ตามหลังหลี่ว์ซู่มาก็เล็กลงเรื่อยๆ …
ฟรานเชสโก้หงุดหงิดมาก ใครที่วิ่งนำหน้าอยู่ในสถานการณ์นี้ก็เสียเปรียบทั้งนั้นแหละ คนตามก็ตามฝุ่นตลบกบปากไปหมด เพราะอย่างนี้พวกเขาเลยตามหลี่ว์ซู่ไม่ทันไปพักหนึ่ง
ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขายังรู้สึกอีกว่าหลี่ว์ซู่กำลังเล่นสนุกอยู่ ขณะที่วิ่งอยู่ หลี่ว์ซู่ก็เก็บกิ่งไม้ยาวจากไหนไม่รู้ขึ้นมาได้และถือมันลากไปกับพื้นในขณะที่ก้าววิ่ง กิ่งไม้นั้นไม่ได้หนักมากแต่ก็ทำให้ฝุ่นตลบไปทั่วพอควร ฟรานเชสโก้แทบไม่เห็นว่าหลี่ว์ซู่วิ่งหายไปไหน
[ได้แต้มอารมณ์จากฟรานเชสโก้ รุสโซ่ +666!]
หลี่ว์ซู่ใช้ทางอ้อมไกลมาก ตอนแรกฟรานเชสโก้และคนอื่นๆ ก็ไม่ทันได้สังเกต แต่ทุกคนก็ค่อยๆ เห็นว่าที่จริงแล้วหลี่ว์ซู่กำลังวิ่งกลับไปอยู่ต่างหาก…
ในถิ่นทุรกันดารแบบนี้ไม่มีตรงไหนที่จะเอาเป็นจุดสังเกตได้ อีกอย่างพวกเขาก็มองผ่านฝุ่นควันนี้ไม่เห็นด้วย ฟรานเชสโก้และคนอื่นๆ ไม่ได้ดูทางเลยว่ากำลังวิ่งไปทางไหน แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ตอนแรกนักบุญและหัวหน้าบาทหลวงกำลังสู้อยู่บนหัวพวกเขา ในตอนนี้พอมองขึ้นไปก็ยังเห็นทั้งสองสู้กันอยู่บนฟ้าเหมือนเดิม
หลี่ว์ซู่ตะโกน “ช่วยด้วย!”
ฟรานเชสโก้และคนอื่นได้ยินอย่างนั้นก็พูดไม่ออก หรือว่าเขาจะคิดว่าในเมื่อหนีไปไหนไม่ได้เลยร้องหาความช่วยเหลือกันเนี่ย!
จากนั้นทุกคนก็ระวังกันมากขึ้น ไม่มีใครรู้ว่านักบุญจะเข้าไปช่วยฮาเวิร์ดอีกเมื่อไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นหลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้พูดประโยคยาวๆ ด้วย ครั้งนี้มันแตกต่างไปจริงๆ เพราะเมื่อก่อนนั้นเมื่อเขาโดนใครจับได้ว่าปลอมตัวเขาก็ฆ่าคนนั้นทิ้งเสีย
แต่ถ้าเขาโดนจับได้ในครั้งนี้นักบุญคงจะฆ่าเขาภายในไม่กี่นาทีแน่ๆ เขาไม่รู้ว่าปกติแล้วฮาเวิร์ดคุยกับนักบุญอย่างไร เพราะอย่างนั้นพูดสั้นๆ ไว้จะดีกว่า
แต่หลี่ว์ซู่สังเกตเห็นว่านักบุญกับหัวหน้าบาทหลวงนั้นกลับห่างไกลไปเรื่อยๆ …
“อย่าไปนะ!” หลี่ว์ซู่ตะโกนอีก
แล้วหลี่ว์ซู่ก็เห็นว่านักบุญนั้นไม่ได้สนใจจะมาช่วยเขาเลย!
กลุ่มฟีนิกซ์นี่ไม่ได้สามัคคีกันเหมือนที่เขาคิดไว้ เขาอุตส่าห์ชมนักบุญไปด้วยใจจริงเลยนะ หลี่ว์ซู่คนนี้คิดผิดไปเสียแล้ว!
ว่าแต่ทะเลอยู่ทิศไหนล่ะเนี่ย ในขณะที่วิ่งอยู่นั้นเขาก็รู้แล้วว่าทะเลอยู่ทางไหน หลี่ว์ซู่จะกระโดดลงทะเลแล้วนะ!
ตอนที่ 657 แข่งโต้วาที
อยู่ๆ ก็มีเสียงกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหว ทั้งสองคนพุ่งเข้าหากันโดยไม่มีหยุดยั้งราวกับดาวตกสองดวงวิ่งชนก่อนด้วยความเร็วสูง
ไม่มีใครเคยเห็นเหตุการณ์ที่ผู้มีพลังระดับ A เข้าต่อสู้กันแบบนี้มาก่อนเพราะนี่เป็นเรื่องที่หายากมาก
ย้อนกลับไปก่อนนั้น หลี่เสียนอีเองก็อยากจะประมือกับปรมาจารย์หุ่นเชิดนอกโบราณสถานเกาะช้างเหมือนกัน แต่ปรมาจารย์หุ่นเชิดกลับไม่สู้กลับ ทว่าตอนนี้หัวหน้าบาทหลวงและนักบุญนั้นเข้าต่อสู้กันอย่างเต็มกำลัง นี่เป็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชื่อเสียงขององค์กรระดับต้นๆ ของโลก งานนี้ไม่มีใครยอมใครแน่นอน
การต่อสู้นี้เกิดขึ้นทางตะวันออกเฉียงใต้ของแอฟริกา ให้ดูเฉยๆ ก็สนุกดีหรอก แต่ตัวเมืองกลับโดนถล่มราบคาบในทุกที่ที่พวกเขาผ่านไปน่ะสิ
ทั้งสองคนเหาะขึ้นจากพื้นไปประมาณร้อยเมตร พวกเขาบินผ่านเมืองอันกั๋วไปทางใด ตึกอาคารที่อยู่บนพื้นดินก็จะแกว่งไปมาตามแรงที่พวกเขาเข้าปะทะกันด้วย
ตึกอาคารพวกนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากพอจึงโค่นล้มลงมาด้วยแรงระเบิดและล้มลงมาทับคนธรรมดาที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่จนติดอยู่ในซากตึก
ส่วนหัวหน้าบาทหลวงและนักบุญนั้นไม่ได้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างล่างเลย พวกเขาไม่ได้มีอารมณ์จะมาสนใจเรื่องของคนอื่นนักหรอก ยิ่งไปกว่านั้นแล้วชาวบ้านก็คุ้นเคยกับการต่อสู้แบบนี้จนชินแล้วด้วย
สำหรับประชาชนทั่วโลก พวกเขาคิดว่าโลกที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณนี้ช่างเป็นโลกที่ยุ่งเหยิง แต่สำหรับในแอฟริกาแล้ว ผู้คนล้วนอยู่กับความยุ่งเหยิงนี้มานานแล้ว
เด็กเปลือยไม่ใส่เสื้อผ้าคนหนึ่งมองเหม่อดูดาวตกสองดวงพุ่งใส่กันบนท้องฟ้า ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น บ้านที่อยู่ข้างๆ เขาก็ถล่มลงมาแล้ว
กลุ่มผู้ใหญ่รีบวิ่งเข้ามาอุ้มเด็กคนนั้นและมองขึ้นไปบนฟ้าด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญ ทหาร หรือทหารรับจ้างก็เหมือนกันหมดแหละสำหรับพวกเขา
โลกไม่เคยใจดีกับพวกเขาเลย ทำให้พวกเขาต้องมาเจอความยากลำบากเจอโรคภัยและสงคราม
ไม่มีใครสนใจการต่อสู้บนฟ้านั่นหรอก ไม่มีใครสนว่าใครจะอยู่หรือใครจะตาย พวกเขาไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการต่อสู้นี้เสียหน่อย
มีสถานที่มากมายในโลกที่เหมือนกับแอฟริกาในตอนนี้ บางคนอาจไม่เข้าใจหรอกว่าความสงบสุขบนโลกใบนี้เป็นเรื่องไม่แน่นอน เพราะมันต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อ
หลี่ว์ซู่ตรวจสอบทิศทางที่เชากำลังจะไปอยู่ตลอด เขาต้องมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเพื่อหาทะเล
ฟรานเชสโก้ที่ตามเขามาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมุ่งไปทิศทางนั้น ตอนแรกทุกคนก็คิดว่าหลี่ว์ซู่วิ่งอ้อมมาเพื่อจะขอความช่วยเหลือจากนักบุญ พอนักบุญไม่สนใจหลี่ว์ซู่ ทุกคนก็ดีใจมาก แต่เวลาผ่านไปก็กลับไม่มีใครกล้ายิ้มออกมาเลย
ในขณะที่หลี่ว์ซู่วิ่งอย่างบ้าคลั่งนั้น เขาก็เตะฝุ่นให้ฟุ้งตลบไปด้วย ถ้าฟรานเชสโก้และคนอื่นๆ ไม่หลบ พวกเขาก็คงได้จมกองทรายสีเหลืองกลายเป็นผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมแน่…
กลุ่มที่ตามหลี่ว์ซู่ไปนั้นไม่ได้สื่อสารกันตลอดทาง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากสื่อสารหรอกนะ แต่เป็นเพราะถ้าเปิดปากออกมา ทรายคงกบปากแน่ และนั่นก็คงจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่าอภิรมย์เท่าไหร่
ถึงแม้ป่านี้จะเต็มไปด้วยทรายแต่มันก็มีสัตว์อยู่หลากหลายชนิด แอฟริกานั้นเป็นสถานที่ที่ขัดแย้งกันจริงๆ ถึงผู้คนจะยากจน แต่ดินกลับอุดมสมบูรณ์
แต่ถ้ามีสัตว์อยู่เยอะก็แปลว่าต้องมีมูลสัตว์อยู่เต็มไปทั่วด้วยแน่ๆ …
หลี่ว์ซู่หยิบกิ่งไม้แล้ววิ่งต่อไป เมื่อเขาเห็นว่ามีมูลสัตว์ก้อนใหญ่อยู่ เขาก็พอใจมาก เขาเอากิ่งไม้นั้นสะบัดมูลสัตว์ไปด้านหลัง
ฟรานเชสโก้และคนอื่นๆ มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นข้างหน้าเพราะดินทราย จากนั้นก็… ย่าห์!
ฟรานเชสโก้ที่วิ่งด้วยความเร็งสูงนั้นก็สัมผัสโดนกับมูลสัตว์ก้อนหนึ่ง มันค่อยๆ แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อสัมผัสโดนเข้าไป เสียงแตกนั้นฟังดูราวกับว่ามีอะไรระเบิดดังเผละ
อี๋…
ฟรานเชสโก้ก้มลงและเกือบอาเจียนออกมา บ้าอะไรวะเนี่ย โจมตีให้เหมือนเป็นผู้บำเพ็ญหน่อยได้ไหม!
[ได้แต้มอารมณ์จากฟรานเชสโก้ รุสโซ่ +666!]
ผู้บำเพ็ญในโลกแห่งการบำเพ็ญนั้นฆ่าคนมานักต่อนัก แต่พวกเขาไม่ค่อยมีหัวเรื่องความแข็งแกร่งด้านอารมณ์มากเท่าไหร่และไม่ทันได้ระวังกลยุทธ์สกปรกๆ แบบนี้ พวกเขาไม่ได้มีร่างกายอ่อนแอกันเลย แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับการฝึกซ้อมพิเศษ
กองทัพบางกองทัพมีการฝึกให้กินแมลงหรือแม้กระทั่งมูลสัตว์เผื่อต้องนำไปใช้หากต้องการอยู่รอดในสนามรบ อย่างมูลของสัตว์บางชนิดเช่นกระต่ายนั้นก็มีสารอาหารอยู่เยอะเหมือนกัน…
ในฐานะที่ฟรานเชสโก้เป็นนักวิชาการคนสำคัญของฝ่ายศรัทธา เขามีชีวิตที่สุขสบายพอควรเลยทีเดียว เขาต่อสู้ได้อย่างแข็งแกร่ง แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะโดนเล่นงานด้วยแผนสกปรกแบบนี้
หากคนถูกตามไม่ระวังตัวให้ดีละก็ เขาอาจจะถูกฆ่าโดยยอดฝีมือระดับ B ตั้งห้าคนได้ เขาควรจะต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอดไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้มีแผนเล่นสกปรกมากมายขนาดนี้ได้
ฟรานเชสโกเป็นผู้ดีสุภาพบุรุษ เขารับไม่ได้เลยสักนิด แล้วนักวิชาการคนสำคัญกลายเป็นคนเปื้อนดินสกปรกแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย!
ไม่ใช่สิ เขาเป็นคนเปื้อนดินสกปรกมาก่อนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขากลายเป็น…คนเปื้อนมูลสัตว์!
[ได้แต้มอารมณ์จากฟรานเชสโก้ รุสโซ่ +666!]
ผู้บำเพ็ญจากยุโรปแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเป็นผู้บำเพ็ญที่รู้สึกว่าตัวเองและผู้มีพลังนั้นเป็นคนธรรมดาๆ พวกเขาเป็นคนธรรมดาที่เผอิญมีความสามารถในด้านการบำเพ็ญก็เลยไม่รู้สึกแปลกแยกมากเท่าไหร่
แต่อีกกลุ่มนั้นรู้สึกต่างออกไป เพราะฝ่ายศรัทธานั้นคิดว่าตัวเองถูกเบื้องบนเลือกมา และมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนคนทั่วไป เพราะฉะนั้นคนธรรมดาก็ควรจะสนับสนุนพวกเขา นี่ไม่ใช่แค่หลักการขั้นพื้นฐานสำหรับการอยู่เหนือคนอื่นเท่านั้น แต่พวกเขาเชื่อแบบนั้นจริงๆ น่ะสิ
เรื่องนี้ทำให้เกิดการโต้แย้งเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในโลก และการโต้แย้งนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ยุโรปเท่านั้น มีการโต้เถียงแบบนี้ในอเมริกาเหมือนกัน
ส่วนกลุ่มเทพเจ้านั้นอยู่คนละชั้นโดยสิ้นเชิง พวกเขาบอกว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นลูกหลานที่สืบเชื้อสายของไททัน เพราะตำนานเขียนไว้อย่างนั้น…
ตอนแรกทุกคนก็คิดว่ากลุ่มเทพเจ้านั้นต้องการใช้การโต้แย้งนี้เพื่อทำให้คนธรรมดาในยุโรปเหนือเป็นทาสใต้อาณัติ เพราะที่สุดแล้วผู้บำเพ็ญจากองค์กรหลายคนก็เอาการโต้แย้งนี้มาเป็นข้ออ้างในการปกครองคนธรรมดา
แต่หลังจากนั้นทุกคนก็รู้ได้ว่ากลุ่มเทพเจ้าไม่ได้มีความคิดนั้นอยู่เลย พวกเขาแค่คิดไปในแบบที่แปลกประหลาดมากไปหน่อย
ที่กลุ่มเทพเจ้าหมายถึงนั่นก็คือเผ่าพันธุ์ของพวกเขาแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เหมือนความแตกต่างระหว่างหมาและแมว ไม่มีใครมีสิทธิ์มากกว่า พวกเขาต้องการอยู่ร่วมกันและเป็นเพื่อนกับมนุษย์เท่านั้น พวกเขาเชื่อว่าทุกคนนั้นเท่ากันหมด…
น่าทึ่งมากที่คนในโลกบำเพ็ญหรือกระทั่งพวกมนุษย์เองก็ไม่มีใครเข้าใจความคิดนี้ของพวกเขาสักคน…
ตอนที่ 658 ระวังโดนหลอก
หลายคนเชื่อกันว่ายุโรปนั้นเต็มไปด้วยสุภาพบุรุษ กระนั้นการจัดการประชุมรัฐสภายุโรปที่ใครๆ ต่างก็มองกันว่าเป็นสิ่งสูงส่งหรูหรากลับขัดแย้งกับสิ่งที่เชื่อ เอาจริงๆ แล้วมันคือตลาดนัดสำหรับอันธพาลดีๆ นี่เอง เป็นเรื่องปกติที่จะได้เห็นกระดาษบินว่อนไปทั่วหรือไม่ก็มีคนเถียงกันอย่างดุเดือด แล้วสถานที่จัดงานก็จะเละเทะเมื่องานจบ
การแข่งโต้วาทีเองก็เป็นแบบเดียวกัน กลุ่มที่เข้าร่วมการแข่งทั้งสามกลุ่มล้วนพ่นคำหยาบใส่กัน ทั้งกลุ่มคนธรรมดา กลุ่มองค์กรที่อยากจะควบคุมคนธรรมดา และกลุ่มที่ยืนยันว่ามนุษย์นั้นเหมือนกันและควรที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน สุดท้ายแล้วต่างคนก็ต่างมีความเชื่อเป็นของตัวเอง
กลุ่มเทพเจ้านั้นก็ประณามองค์กรอื่นๆ ในขณะที่โดนคนธรรมดาก่นด่าไปด้วยเช่นกัน
องค์กรอื่นๆ ไม่ค่อยเข้าใจกลุ่มเทพเจ้า กลุ่มเทพเจ้าเชื่อว่าตัวเองสูงส่งกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ งั้นก็ควรที่จะอยู่เหนือกว่าจะควบคุมมนุษย์ได้สิ แล้วทำไมกลุ่มเทพเจ้าต้องไม่เห็นด้วยกับองค์กรอื่นๆ ด้วย…
แต่สุดท้ายแล้วเมื่อคนธรรมดาเข้าใจแล้วว่ากลุ่มเทพเจ้าคิดอย่างไร พวกเขาก็รู้สึกแย่ที่เข้าใจผิดไปอยู่ดี…
ทำให้กลุ่มเทพเจ้าได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชาวยุโรป ไม่ว่าพวกเขาจะไปไหนก็ได้รับการต้อนรับเสมอ…
ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มหลังพลังจิตวิญญาณฟื้นคืน หลายประเทศฝั่งตะวันตกต่างก็เปิดกว้างสำหรับผู้มีพลังมากขึ้น พวกเขาสามารถทำธุรกิจได้อย่างอิสระและได้รับเกียรติมากขึ้น
ในสมัยนี้พวกผู้มีพลังในต่างประเทศนั้นมีชื่อเสียงมาก มากเสียจนกระทั่งถ้าพวกเขาไปเที่ยวคลับ บรรดาสาวๆ ก็ต้องมาเกาะแกะกันให้ตรึม ตัดภาพมาที่ผู้บำเพ็ญของจีนนั้นกลับต้องฝึกหนักทุกๆ วันภายใต้การจับตามองของเครือข่ายฟ้าดิน…
เมื่อก่อนพวกนักเรียนห้องเต้าหยวนก็ชอบพูดกันถึงชีวิตดีๆ ของผู้บำเพ็ญต่างชาติ ทุกคนมักจะมองสิ่งที่คนอื่นมีดีกว่าเสมอแหละ!
พวกเขาไม่สามารถเสียงดังกันในร้านเกมได้เพราะเครือข่ายฟ้าดินจะจับตัวพวกเขามาลงโทษหากเกิดเหตุใช้กำลังกับคนธรรมดา…
เพราะฉะนั้นผู้มีพลังพิเศษที่มีอิสระมากเกินไปในส่วนอื่นๆ ของโลกจึงเริ่มเหลิงและทะเยอทะยาน ในตอนแรกพวกคนธรรมดาก็ทำได้แค่มองอยู่ห่างๆ เท่านั้น แต่หลังๆ พวกคนธรรมดาเริ่มไม่พอใจแล้ว เพราะชีวิตของพวกเขาเริ่มได้รับผลกระทบจากผู้มีพลังมากไป
แต่ผู้คนก็เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บางคนเคยมองว่าสังคมในต่างประเทศนั้นดีงามเพราะที่นั่นอนุญาตให้คนพกปืนกันได้ แต่หลังจากที่เกิดเหตุกราดยิงหลายครั้งหลายครา พวกเขาก็เริ่มคิดได้ว่านโยบายการครอบครองปืนนั้นอันตรายกว่าที่คิด
ความคิดของคนเปลี่ยนไปตามผลประโยชน์ที่ได้อยู่บ่อยครั้ง ในความเป็นจริงแล้วทุกคนควรเลือกสิ่งที่เหมาะสมให้กับตัวเองก็เพียงพอแล้ว
องค์กรใหญ่ต้องปฏิบัติตามกฎ แต่พวกผู้บำเพ็ญลับกลับไม่ต้อง
ในเวลาเดียวกันนั้น ยอดมนุษย์สุดเย่อหยิ่งอย่างฟรานเชสโก้ก็กำลังเดือดได้ที่เมื่อเห็นมูลสัตว์ที่เขาเช็ดออกมาจากใบหน้า…
นี่คงเป็นการต่อสู้ที่สุดจะทนที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา ไม่ใช่ว่าการต่อสู้ของผู้บำเพ็ญควรจะเท่เหมือนการต่อสู้ระหว่างนักบุญกับหัวหน้าบาทหลวงหรอกรึไง ให้ตายเถอะ พวกเขาสู้กันบนฟ้าเลยนะ!
หลี่ว์ซู่ได้ทำลายความคาดหวังอันสวยหรูของชีวิตผู้บำเพ็ญเสียแล้ว…
แล้วทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็ตะโกนมาจากข้างหน้า “พูดกันตามตรงเลยนะ เราไม่ใช่ศัตรูกันสักหน่อยนี่ ทำไมเราไม่หยุดไล่กันแล้วจับมือกันโค่นเครือข่ายฟ้าดินแทนล่ะ”
เขาพยายามซื้อให้ตัวเอง เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะโจมตีเครือข่ายฟ้าดินร่วมกับฝ่ายศรัทธา ดูจากที่นักบุญกับหัวหน้าบาทหลวงสู้กันอย่างดุเดือดแบบนี้ ทั้งสององค์กรคงไม่ญาติดีกันเร็วๆ นี้หรอก
เพราะฉะนั้นหลี่ว์ซู่ก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น แต่ฟรานเชสโก้กลับตีความไปอีกอย่าง เขาไม่เชื่อหูตัวเอง นี่ฮาเวิร์ดเพิ่งบอกว่าเขาทั้งสองไม่ได้เป็นศัตรูกันอย่างนั้นเหรอ!
แล้วสีหน้าของฟรานเชสโก้ก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้น
ในที่สุดฟรานเชสโก้ก็เข้าใจว่าหลี่ว์ซู่พยายามจะทำอะไรหลังจากวิ่งไล่ตามเขามาสามชั่วโมง เสียงคลื่นนั่นเอง!
เขาอยากกระโดดลงน้ำมาตลอดเลยสินะ!
ฮาเวิร์ดอาจจะหนีรอดไปได้จริงๆ เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มฟรานเชสโก้นั้นคงช้าลงเมื่ออยู่ในน้ำ แล้วฟรานเชสโก้ก็รู้สึกชื่นชมเขาขึ้นมานิดหน่อย…
แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ “แล้วผู้มีพลังสายธาตุไฟจะวิ่งเข้าหาทะเลทำไม! หลอกกันแน่ๆ!”
“หรือจะมีคนมาช่วยกันครับ น่าจะมีผู้มีพลังสายธาตุน้ำอยู่ในทะเลรอช่วยเขาอยู่ อะไรแบบนั้นหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วยังตามไปอีก เราก็ซวยกันแล้ว!”
กลุ่มคนฉลาดกำลังคิดหาคำตอบที่เป็นไปได้ แต่ไม่มีใครเดาได้หรอกว่าฮาเวิร์ดตัวจริงนั้นโดนฆ่าตายไปแล้วโดยผู้มีพลังสายธาตุน้ำที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั่นแหละ!
ถึงเขาจะเอาชนะบนบกไม่ได้ แต่หลี่ว์ซู่สามารถเอาชนะฟรานเชสโก้ได้ง่ายๆ ในน้ำ!
นี่แหละคือข้อได้เปรียบในการอยู่ในถิ่นของตัวเอง
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็คิดว่าจะปล่อยกระบี่แสงอสนีบาตในน้ำได้อย่างไร ถ้าปล่อยกระบี่แสงสายฟ้าออกมาพร้อมกันสักสามร้อยเล่มได้ เขาอาจจะเปลี่ยนอาวุธที่มีเป็นปลาไหลไฟฟ้าได้…
แต่น่าเสียดายที่จำนวนของกระบี่แสงนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะได้ผลิตดาบต้นแบบขึ้นมามากขึ้นแล้วก็ตาม หลี่ว์ซู่พยายามเอานิ้วเข้าไปแหย่ๆ แล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นยกเว้นแต่ว่าจะโดนไฟช็อตอย่างรุนแรง
เขายังพยายามจะล่อสายฟ้าอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน นี่ยังไม่ได้นับเลยนะว่าโดนฟ้าผ่าให้เจ็บตัวเล่นไปกี่รอบ เขาต้องแอบทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมด เพราะถ้าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋รู้เข้าคงได้หัวเราะเยาะเขาเอาแน่ๆ …
เพราะฉะนั้นตอนนี้หลี่ว์ซู่ก็ยังไม่คิดมากว่าจะเพิ่มจำนวนกระบี่แสงได้อย่างไร เขาไม่อยากโดนสวรรค์ลงโทษอีกแล้ว คราวนี้เขาคงเอาชีวิตไม่รอดแน่ถ้าไม่มีเสาสีทองสี่ต้นนั่นไว้ปกป้องตัวเอง
ว่าก็ว่าเถอะ พูดถึงหลี่ว์เสี่ยวอวี๋แล้ว… ตอนนี้เธออยู่ไหนกันนะ
ไม่มีเวลาคิดแล้ว หลี่ว์ซู่อยู่ห่างจากหน้าผาไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น เขาเห็นทะเลอยู่ข้างหน้าแล้ว
เขารีบวิ่งต่อไปในขณะทำท่าจะหนีแบบสิ้นหวังสุดๆ ต่อให้เขาหลอกคนทั้งกลุ่มไม่ได้ อย่างน้อยก็น่าจะมีคนตามเขามาบ้างใช่ไหม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น