เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก 65-90
65 คุยกันส่วนตัว?
ที่เฉินเยี่ยนได้ยินเสียงแล้วสายตาเย็นชาขึ้นมา เป็นเพราะเธอฟังออกว่าคนที่มาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอวี๋เหวยหมิน
เขามาได้ยังไง? หลังจากเกิดเรื่องนั้นคนที่ไม่ควรมาก็คืออวี๋เหวยหมิน เขาไม่กลัวโดนตีเหรอ? ก็ถูก วันนี้พ่อไม่อยู่บ้าน ไปช่วยงานศพบ้านนั้นอยู่ อวี๋เหวยหมินถึงกล้ามา
หายไปนานขนาดนี้ นี่คือหาทางที่จะมาเล่นงานตัวเองได้แล้วหรือ? เธออยากจะดูว่าชายชั่วคนนี้จะใช้วิธีอะไรมาเล่นงานเธอ
ฝั่งหวางนิวก็ฟังเสียงอวี๋เหวยหมินออก สีหน้าโมโหขึ้นมา และไม่ถามเฉินเยี่ยนแล้ว เธอหันหลังไปเปิดประตูออกไปที่โถงบ้าน
“คุณป้า”
เป็นอวี๋เหวยยืนอยู่ที่โถงบ้านจริงด้วย พอเขาเห็นหวางนิวก็รีบยิ้มทัก ดูท่าทางกระตือรือร้นเหมือนเขากับบ้านเฉินไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อน
“ป้าอะไรกัน ใครเป็นป้าเจ้า อย่ามาซี้ซั้วเรียก ฉันเป็นให้ไม่ไหวออกไปเลย ฉันไม่รู้จักเจ้า เจ้าอยู่ที่ไหนสบายใจก็ไปอยู่ที่นั่นไป ถ้าเข้ามาบ้านข้าอีก จะตัดขาเจ้าให้”
หวางนิวระบายความโกรธใส่อวี๋เหวยหมิน ส่วนหวางจวนก็เข้ามาในห้อง
“อวี๋เหวยหมินมาเหรอ?”
เฉินเยี่ยนถามหวางจวน
หวางจวนพยักหน้า เธอกลัวเฉินเยี่ยนเสียใจ เลยรีบพูด “พี่ พวกเราไม่ต้องไปสนใจเขา พี่อย่าเสียใจไป”
“ฉันไม่เสียใจหรอก แค่คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้ามา”
เฉินเยี่ยนพูดตอบไป แต่ในใจกำลังคิดถึงจุดประสงค์ที่อวี๋เหวยหมินมา ตามปกติแล้วอวี๋เหวยหมินไม่ควรมานี่นา เธอคิดมาตลอดว่าเป็นเฉินเวยที่ออกหน้า”
“พี่”
หวางจวนเรียก คิดอยากจะพูดอะไร แต่ก็กลืนกลับเข้าไปอีก
“มีอะไร? มีเรื่องอะไรก็บอกฉันมา”
เฉินเยี่ยนรู้วาหวางจวนมีเรื่องจะพูด
“วันนี้หลังพี่ไปสหกรณ์ป้าก็ไปช่วยงานเหมือนกัน สักพักเสี่ยวเวยก็มา”
หวางจวนพูดไป พลางมองสีหน้าเฉินเยี่ยน
“เฉินเวย? เธอมาทำอะไร?”
เฉินเยี่ยนเข้าใจทันที วันนี้ที่อวี๋เหวยหมินมาต้องเกี่ยวข้องกับเฉินเวยแน่นอน คิดถึงจุดประสงค์ของเฉินเวย เฉินเยี่ยนพูดขึ้นมาอีก “เฉินเวย มาถามเธอว่าทำผักกาดขาวเผ็ดกับกิมจิยังไงใช่ไหม?”
หวางจวนคิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะเดาถูก เธอพยักหน้า
“เธอไม่ได้บอกไปใช่ไหม?”
เฉินเยี่ยนคิดว่าหวางจวนไม่น่าจะบอก ครั้งที่แล้วเธอกำชับหวางจวนไปแล้ว แต่ก็ไม่แน่ เฉินเวยคนนี้ถือว่าเก่งกาจ หวางจวนซื่อเกินไป
“เปล่าๆ ถึงแม้พี่จะสอนฉัน แต่พี่ไม่บอก ฉันก็ไม่สามารถบอกคนอื่นได้ ฉันเลยไม่ได้บอก”
หวางจวนรีบส่ายหน้า คนอื่นนี่รวมถึงทุกคน ดังนั้นถึงแม้เฉินเวยจะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเฉินเยี่ยน เธอก็บอกไม่ได้ นอกจากเฉินเยี่ยนจะอนุญาต
อีกอย่างคิดแล้ววันนี้คำพูดที่เฉินเวยพูดกับเธอ ตอนนี้เธอรู้สึกจริงๆ ว่าเฉินเวยไม่เหมือนภาพที่แสดงออกมา ที่จริงแล้วเป็นคนไม่ดี มิน่าพี่เฉินเยี่ยนถึงไม่ชอบเธอ
“ไม่ได้บอกเธอไปก็ดีแล้ว อีกหน่อยถ้าเธอมาถามอีกก็อย่าไปสนใจ ถ้าเธอพูดอะไร เธอว่าไปเลย อย่าไปกลัว และไม่ต้องรู้สึกไม่ดี”
เฉินเยี่ยนรู้จักเฉินเวยดี เฉินเวยถามหวางจวนไม่บอก เฉินเวยพูดขอความเห็นอกเห็นใจก็ไม่ได้ผล เธอต้องมาพูดจาหยาบคายกับหวางจวนแน่นอน หวางจวนต้องมาเจอเรื่องลำบากใจ
“ฉันรู้แล้ว พี่ วางใจได้”
หวางจวนพยักหน้า ก่อนหน้าเฉินเวยว่าเธอ ถึงแม้จะไม่ได้ด่าตรงๆ แต่ความหมายแฝงก็ไม่น่าฟังจริงๆ ตอนนั้นเธอลำบากใจมากจริงๆ แต่เธอยังกัดฟันไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น สุดท้ายเฉินเวยบอกเธอทำแบบนี้เพราะโดนเฉินเยี่ยนหลอกใช้ อยากจะหาคนมาใช้งานฟรีๆ บอกว่าเฉินเยี่ยนไม่ได้ดีกับเธอด้วยใจจริง เห็นเธอเป็นแค่วัวควายที่เอาไว้ใช้งาน บอกว่าเธอโง่ เห็นเฉินเยี่ยนเป็นผู้มีพระคุณ ที่จริงเฉินเยี่ยนดูถูกเธอ เห็นเธอไม่พูดอะไร ยังพูดอีกว่าเธอเป็นวัวควายของเฉินเยี่ยน และก็เป็นวัวควายของเธอด้วย เพราะเฉินเวยเป็นพี่น้องแท้ๆ ของเฉินเยี่ยน ส่วนหวางจวนก็เป็นแค่วัวควายของบ้านเฉินเท่านั้น ทำให้หวางจวนรู้ตัว ไม่อย่างนั้นภายหลังไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายแน่ และอื่นๆ อีก
หวางจวนรู้ความหมายของเฉินเวย ฟังแบบนี้แล้วเธอเสียใจมาก แต่เธอไม่เชื่อเฉินเวย เฉินเยี่ยนปฏิบัติต่อเธอยังไง เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ ดังนั้นเธอไม่ฟังคำยุแยงของเฉินเวย และก็เพราะครั้งนี้ ทำให้เธอรู้ว่าเฉินเวยเป็นคนยังไง แล้วตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะอยู่ห่างจากเฉินเวยหน่อย แต่เฉินเวยเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเฉินเยี่ยน เธอไม่สามารถพูดเรื่องไม่ดีของเฉินเวย ไปทำลายความสัมพันธ์พี่สาวน้องสาวต่อหน้าพี่เฉินเยี่ยนได้
“อะไร! เจ้ายังคิดจะมาสู่ขอเยี่ยนจื่อของเรา ฉันว่าอวี๋เหวยหมินนี่ฟ้ายังไม่มืดเลย เจ้าเพ้อฝันอะไรอยู่! บ้านฉันจะให้เยี่ยนจื่อมาแต่งงงานกับเจ้าได้ยังไง? สมองเจ้าโดนลาถีบมาสินะ ไป ออกไป รีบไปเลย อย่ามาทำให้ฉันขยะแขยง อยากจะมาขอลูกสาวฉัน ชาติหน้าก็อย่าหวัง”
หวางนิวเจอจุดประสงค์ที่อวี๋เหวยหมินมาจนเธออึ้งไป ด่าเสียงดัง
เฉินเยี่ยนที่อยู่ในห้องก็อึ้งไป อวี๋เหวยหมินมาที่บ้านเพื่อมาสู่ขอตัวเอง? อย่างที่หวางนิวว่า น้ำท่วมสมองเขาไปแล้วหรือ? รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่มีทางแต่งงานกับเขา เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร?
“คุณป้า อย่าพูดแบบนี้ ไม่ว่าจะยังไงผมกับเยี่ยนจื่อก็เคยหมั้นกันมาก่อน ผมก็ยังรู้สึกกับเยี่ยนจื่อ เรื่องครั้งที่แล้วผมทำไม่ถูกต้อง คุณลุงก็ตีผมมาเหมือนกัน ผมสำนึกผิดแล้ว คุณป้าอย่าโทษผมเลย ป้าดูสิน้องเยี่ยนจื่อกับผมถอนหมั้นกัน ก็หาคนอื่นไม่ได้ง่ายๆ ที่ผ่านผมก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้ แล้วมีแม่สื่อหาให้ผมไม่น้อยเลย ทำไมผมไม่เอาล่ะ? นั่นเพราะว่าในใจผมยังมีน้องเยี่ยนจื่ออยู่ ผมทำผิดไปแล้ว ผมไม่สามารถทำให้น้องเยี่ยนจื่อหาสามีไม่ได้ทั้งชีวิต ใครไม่เคยทำผิดบ้าง ทำผิดแล้วแก้ไขไม่ใช่เรื่องดีหรือ? พวกเราเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน อีกหน่อยป้ากับลุงผมคอยดูผมดู ถ้าผมกล้าทำไม่ดีกับน้องเยี่ยนจื่อ พวกป้ามาตีผมได้เลย พวกป้าคงเชื่อใจผมแล้วใช่ไหม”
อวี๋เหวยหมินพูดดูจริงใจมาก ดูท่าทางแล้วเหมือนเขาสำนึกผิดจริงๆ แล้วดูเหมือนเขายังมีความรู้สึกกับเฉินเยี่ยนอยู่จริง
ถึงแม้ในใจหวางนิวจะโกรธ แต่อย่างน้อยอวี๋เหวยหมินก็พูดโดนใจเธอ สถานการณ์ของเฉินเยี่ยนแต่งงานยากจริงๆ ถ้าไม่เปิดเรื่องครั้งที่แล้ว อวี๋เหวยหมินและเฉินเยี่ยนก็ถือว่าเหมาะสมกัน ถ้าอวี๋เหวยหมินสำนึกผิดจริง ในอนาคตทำดีกับลูกสาว ถ้าอย่างนั้น…
หวางนิวกำลังคิดในใจ ตอนนี้เฉินเยี่ยนเดินออกมาจากห้องแล้วพูด “เป็นไปไม่ได้ อวี๋เหวยหมินคุณไม่ต้องพูดแล้ว ให้ฉันแต่งงานกับคุณ? ฉันยอมไม่แต่งงานทั้งขีวิต”
เฉินเยี่ยนไม่เชื่อคำพูดบ้าๆ ของอวี๋เหวยหมินแน่นอน พูดอะไรเสียใจแล้ว อะไรยังมีความรู้สึกอยู่ เขาหวังจะให้ตัวเองตายมากกว่า
“เยี่ยนจื่อพูดถูก”
หวางนิวเห็นลูกสาวเดินออกมา เธอเข้าใจในทันที ไม่ได้เป็นอย่างที่อวี๋เหวยหมินพูด ทำไมต้องเอาลูกสาวตัวเองที่โดนเขาดูถูกมาให้แต่งงานกับเขาอีก ลูกสาวตัวเองไม่ใช่ว่าไม่มีใครต้องการ”
“คุณป้า น้องเยี่ยนจื่อ…”
ฝั่งอวี๋เหวยหมินยังอยากจะพูดต่อ แต่โดนเฉินเยี่ยนตัดบท “อวี๋เหวยหมินถ้าคุณยอมบอกจุดประสงค์แท้จริงที่มา ก็ว่ามา ฉันขี้เกียจจะเล่นเกมส์เดาใจกับคุณ ถ้าไม่บอก ก็กลับไปได้”
เผชิญหน้าอวี๋เหวยหมิน สีหน้าเฉินเยี่ยนไม่ดีเลย ถ้าเป็นเฉินเวย เฉินเยี่ยนยังอาจจะเห็นแก่ความเป็นพี่น้องกับเฉินเวยไม่พูดจาไม่น่าฟังออกไป แต่อวี๋เหวยหมินเป็นคนทำร้ายตัวเอง ตัวเองด่าเขา แม้กระทั่งลงมือ ก็ไม่มีคนสงสัย
“ใช่แล้ว เจ้ากลับไปเถอะ คราวหน้าไม่ต้องมาที่บ้านฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาไม้กวาดมาตีเจ้าให้ตาย”
หวางนิวก็ร้องเสียงดัง
สีหน้าอวี๋เหวยหมินดูย่ำแย่ขึ้นมา แต่คิดถึงจุดมุ่งหมายที่มาวันนี้ เขาปรับกลับมาให้เป็นปกติ แล้วพูดกับเฉินเยี่ยน “เยี่ยนจื่อ พวกเราคุยกันส่วนตัวได้ไหม?”
66 คุณเป็นผู้หญิงหรือเปล่า?
อวี๋เหวยหมินขอคุยกับเฉินเยี่ยนเป็นการส่วนตัว ถึงแม้ว่าเขาจะเกรงใจมาก เหมือนว่ากำลังขอความเห็นจากเฉินเยี่ยน แต่เฉินเยี่ยนกลับมองเห็นความแน่วแน่ในแววตาเขาออก เธอรู้ว่านี่เป็นจุดประสงค์ที่อวี๋เหวยหมินมาหาตัวเอง เขามีเรื่องจะพูดกับเธอ เขาอยากจะข่มขู่ให้ตัวเองตกลงอะไรกับเขา
แต่เขามีอะไรมาขู่ตัวเอง? บอกว่าเธอไม่ใช่เฉินเยี่ยนตัวจริง? แต่อวี๋เหวยหมินและเฉินเวยก็กลับชาติมาเกิดเหมือนตัวเอง บอกว่าเธอเหมือนพวกเขา พวกเขาไม่กล้าหรอก แล้วพวกเขามีอะไรมาขู่ตัวเองนะ? ตัวเธอไม่น่าจะมีอะไรเป็นจุดอ่อนอยู่ในเงื้อมมือเขาหรอก
สมองเฉินเยี่ยนหมุนไปมาอย่างรวดเร็ว
“เยี่ยนจื่อไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้า เจ้ารีบไปเถอะ เห็นเจ้าแล้วฉันโมโห ถ้าไม่เป็นเพราะเจ้า เยี่ยนจื่อจะเป็นอย่างนี้หรือ? แล้วยังจะมาขอคุยส่วนตัวอีก จะคุยหาอะไร”
ฝั่งหวางนิวไม่เห็นด้วย พูดจาไม่เกรงใจกันแล้ว
“คุณป้าฟังน้องเฉินเยี่ยนว่ายังไงก่อนดีกว่า ว่าไหม น้องเยี่ยนจื่อ”
อวี๋เหวยหมินมองเฉินเยี่ยนแล้วยังยักคิ้วอีก ฉายแววประชด เฉินเยี่ยนรู้จักอวี๋เหวยหมินดี สีหน้าและการกระทำของอวี๋เหวยหมินแบบนี้แสดงออกว่าเธอเดาไม่ผิด อวี๋เหวยหมินจะต้องมีจุดอ่อนของตัวเองอยู่แน่นอน ไม่อย่างนั้นจะไม่สำราญใจแบบนี้ คืออะไรนะ?
ตัวเองจะไปคุยสองต่อสองกับอวี๋เหวยหมินดีไหมนะ? ตัวเธอไม่ได้กลัวเขา แต่คิดว่าถ้าวันนี้ตัวเองไม่ตอบตกลงเขา เขาก็จะต้องใช้วิธีอื่นอยู่ดี ก็ได้ ลองฟังว่าเขามีจุดประสงค์อะไร ยังไงตัวเธอก็มีจุดอ่อนอยู่ในกำมือเขาอยู่แล้ว
“คุณอยากจะคุยกับฉันเป็นการส่วนตัว?”
เฉินเยี่ยนมองอวี๋เหวยหมินอย่างเยือกเย็น ถึงแม้เธอจะตัดสินใจแล้ว แต่จะไม่ทำหน้าดีให้อวี๋เหวยหมินดู
อวี๋เหวยหมินพยักหน้า
“ได้”
เฉินเยี่ยนตอบตกลง สีหน้าอวี๋เหวยหมินฉายแววดีใจ เขารู้อยู่แล้วว่าเฉินเยี่ยนจะต้องตอบตกลง เฉินเยี่ยนหนีไม่รอดจากเงื้อมมือเขาหรอก
“เยี่ยนจื่อ”
หวางนิวร้อนรน เธอไม่รู้ว่าลูกสาวยังมีอะไรจะพูดกันอีก ถ้าอวี่เหวยหมินปลอบลูกสาวสำเร็จจะทำยังไง?
“แม่ เรื่องนี้แม่ไม่ต้องยุ่งก็ได้ค่ะ แม่ไปยุ่งในครัวต่อเถอะ”
เยี่ยนจื่อแสดงให้รู้ว่าตัวเองแยกแยะได้
“จวนเอ๋อร์ เธอไปห้องครัวกับแม่”
เฉินเยี่ยนพูดกับหวางจวน
หวางจวนไม่ได้พูดอะไร ไปประคองหวางนิว เธอเข้าใจความหมายของเฉินเยี่ยน คือให้เธอคอยดูหวางนิว
หวางนิวไม่อยากไปห้องครัว หวางจวนลากเธอไป ปากหวางนิวยังบ่นพึมพำอยู่ แล้วโดนหวางจวนลากไป
“ไปเถอะ พวกเราไปห้องคุณ”
อวี๋เหวยหมินหัวเราะอย่างพอใจ เฉินเยี่ยนก็ยังต้องฟังเขาอยู่ดี
อวี๋เหวยหมินกำลังจะขยับ เฉินเยี่ยนหัวเราะแล้วพูดขึ้นมา “ใครบอกว่าจะไปห้องฉัน? ฉันเป็นลูกสาวในบ้าน จะให้ผู้ชายเข้าห้องได้ยังไง คุณสำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่า? คุณกับฉันอยู่ในห้องเดียวกันตามลำพัง คุณไม่กลัวคนนินทา แต่ฉันขายหน้าคนอื่น”
คำพูดเฉินเยี่ยนทำให้อวี๋เหวยหมินชะงักไป เขาอึ้งแล้วพูด “ไม่ให้ไปห้องคุณแล้วไปคุยกันที่ไหน?”
เฉินเยี่ยนมองอวี๋เหวยหมินแล้วยิ้ม รอยยิ้มนี้เสมือนดอกไม้กำลังผลิบาน สะท้อนเข้ามาในตาอวี๋เหวยหมิน
“โน่น พวกเราไปคุยกันตรงนั้น”
นิ้วเรียวของเฉินเยี่ยนชี้ไปทางหนึ่ง
อวี๋เหวยหมินโดนรอยยิ้มของเฉินเยี่ยนจนจำทิศถูกผิดไปเลย เขามองตามนิ้วเฉินเยี่ยน มองจนลูกตาเขาแทบจะหลุดออกมา
ไม่แปลกที่อวี๋เหวยหมินเป็นแบบนี้ เพราะที่เฉินเยี่ยนชี้ไปไม่ได้สถานที่ แต่เป็นหลุมหนึ่งที่ทุกบ้านในหมู่บ้านต่างก็มีในสนาม
ทุกบ้านมีหลุม ข้างในมีทุกอย่าง เป็นที่หมักปุ๋ย เอาไว้ใส่ปุ๋ยสำหรับทำการเกษตร ถึงแม้จะมีเกลิ่น แต่การทำเกษตรก็ต้องใช้ ถือเป็นสมบัติของชาวไร่ชาวนาเลย ดังนั้นทุกบ้านจะมี อีกอย่างดมจนชินแล้ว ก็ไม่รู้สึกว่าเหม็นแล้ว แต่ธาตุแท้ของอวี๋เหวยหมินเป็นคนยุคปัจจุบัน ชาติที่แล้วไม่เคยเห็นการของพวกนี้ ตอนที่เพิ่งมาถึง เจอหลุมปุ๋ยพวกนี้เขาอ้วกไปตั้งหลายรอบ ถึงแม้ตอนนี้เห็นของพวกนี้ก็เหมือนไม่เห็นแล้ว แต่เขาไม่เคยไปข้างหลุมนั่นมาก่อนเลย จะตักปุ๋ยคอกขึ้นมาหรือบากปุ๋ยคอกไปเขาไม่ทำทั้งนั้น ตอนนี้เฉินเยี่ยนกลับจะไปยืนคุยกับเขาข้างหลุมนั่น ไม่ได้จะรมให้เขามึนเหรอ?
เฉินเยี่ยนนี่เธอเป็นผู้หญิงหรือเปล่า? เธอสกปรกขนาดนี้แม่เธอรู้ไหมเนี่ย?
เห็นสีหน้าอวี๋เหวยหมินเฉินเยี่ยนก็รู้แล้วว่าอวี๋เหวยหมินคิดอะไร อวี๋เหวยหมินคนนี้เป็นพวกบ้าความสะอาด แต่เขาก็ขี้เกียจ หลังแต่งงานเธอเป็นคนทำงานบ้านทั้งหมด แล้วยังต้องปรนนิบัติเขา แต่เขาก็มักจะไม่พอใจนี่ ไม่พอใจนั่น เหมือนว่าเฉินเยี่ยนเป็นคนไม่รักความสะอาด เฉินเยี่ยนอดทนมาตลอด เพราะเธอคิดว่าการเป็นสามีภรรยาเป็นเรื่องทั้งชีวิต คนสองคนก็จะมีข้อเสียแบบนั้น แบบนี้ ขอแค่มีใจเพื่อครอบครัว ก็สามารถอภัยให้กันและกันได้
แต่ตอนนี้อวี๋เหวยหมินไม่ใช่สามีของเธอแล้ว เขาอยากจะคุยกับตัวเอง งั้นก็ต้องฟังตัวเอง คุณบ้าความสะอาดไม่ใช่หรือ? คุณรักความสะอาดใช่ไหม? ได้ ตอนนี้ฉันจะให้คุณยืนอยู่ข้างหลุมปุ๋ยคอกคุยกับฉัน ฉันจะดูว่าคุณจะยังคุยหรือไม่คุย?
จะคุยไหม?
เฉินเยี่ยนมองอวี๋เหวยหมิน สีหน้าดูผ่อนคลายเป็นปกติ
“คุณมันไม่ใช่ผู้หญิง!”
อวี๋เหวยหมินกัดฟันพูด
“ขอบคุณที่ชม งั้นคุณก็คิดว่าฉันเป็นผู้ชายแล้วกัน”
เฉินเยี่ยนไม่สนใจ
อวี๋เหวยหมินเจ็บใจโกรธ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเฉินเยี่ยนจะเป็นผู้หญิงแบบนี้
“ดูเหมือนคุณไม่ได้อยากจะคุยมาก ไม่อย่างนั้นคุณกลับไปปรึกษากับเฉินเวย ปรึกษากันเสร็จค่อยมาใหม่ หรือเรียกเฉินเวยมาด้วยกันเลยก็ได้ พวกเราสามคนจะยืนคุยกันตรงนั้น
เฉินเยี่ยนพูดไป เธอต้องการให้อวี๋เหวยหมินรู้ว่าสิทธิ์ของคนเริ่มก่อนไม่ได้อยู่ในมือเขา ในเมื่อคุณอยากจะคุย ก็ต้องฟังฉัน
อวี๋เหวยหมินหน้าเปลี่ยน เฉินเวยก็รักสะอาดมาก ให้เฉินเวยมายืนคุยอยู่ข้างหลุมนั่น เฉินเวยรับได้หรือ
“คุณคิดว่าทุกคนจะเหมือนเธอหมดเหรอไง”
อวี๋เหวยหมินโกรธจัดมองเฉินเยี่ยน จากนั้นเดินทีละก้าวไปข้างหลุมปุ๋ยคอก เขาไม่สามารถให้เฉินเวยที่รักไปยืนข้างหลุมปุ๋ยคอกได้ ตัวเขาเลยไปแทน
“ตอนนี้พูดได้แล้วสินะ”
อวี๋เหวยหมินเห็นเฉินเยี่ยนก็เดินตามเข้ามา เขาแทบจะบีบจมูกพูด เขากลั้นหายใจ กลิ่นนี่ฉุนเข้าไปในจมูกเสียจริง
“ใครบอกว่าพูดได้แล้ว?”
เฉินเยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง
“งั้นคุณจะเอายังไงอีก”
อวี๋เหวยหมินแทบกระโดดแล้ว ผู้หญิงตายด้านคนนี้ให้เขามายืนข้างหลุมปุ๋ยคอกแล้วยังไม่คุยอีก นี่จะทรมานตัวเองใช่ไหม?
“หลุมปุ๋ยคอกที่บ้านนี่ต้องพรวนแล้ว ที่จริงวันนี้พ่อฉันต้องทำ แต่เขาไปช่วยงานบ้านอวี๋แล้ว ตามหลักแล้วฉันต้องเป็นคนทำ แต่ตอนนี้คุณจะมาขอคุยกับฉัน ฉันทำไม่ได้แล้ว ถ้าคุณช่วยฉันทำ ฉันก็จะคุยกับคุณ ไม่อย่างนั้นก็ช่างเถอะ
เฉินเยี่ยนพูดแล้วหยิบคราดส่งให้อวี๋เหวยหมิน
อวี๋เหวยหมินอยากจะเอาคราดทิ่มเฉินเยี่ยนให้ตาย แต่เขาไม่กล้า ฆ่าคนตายผิดกฎหมาย อีกอย่างตอนนี้เขาอยู่บ้านเฉิน เขาไม่กล้าบ้าคลั่งขึ้นมา แต่อวี๋เหวยหมินคิดว่าสมองเฉินเยี่ยนต้องมีปัญหาแน่ๆ ให้ตัวเขาไปช่วยพรวนปุ๋ย ปุ๋ยนี่ไม่จำเป็นต้องพรวนอยู่แล้ว เธอคิดจะแกล้งตัวเอง
เห็นอวี๋เหวยหมินโมโหเหมือนกบพองตัวจะระเบิด เฉินเยี่ยนยักไหล่แล้วพูด “ถ้าคุณไม่อยากทำก็ช่างมันเถอะ ฉันก็ไม่อยากคุยเหมือนกัน รอเมื่อไรที่คุณอยากคุยค่อยมาหาฉันแล้วกัน สบายใจได้ งานนี้ฉันทิ้งไว้ให้คุณ ไม่ว่าคุณมาเมื่อไร ก็สามารถทำได้ตลอดเวลา ถ้าคุณไม่พอใจ คุณก็ให้เฉินเวยมาทำด้วยกัน ทำสองคนยังไงก็เร็วกว่าคนเดียวอยู่แล้ว อีกอย่างชายหญิงทำงานด้วยกันไม่เหนื่อยหรอก มีเธออยู่เป็นเพื่อนคุณ คิดอยากจะทำอะไรคุณก็ยอมทั้งนั้นใช่ไหม?
ที่จริงเฉินเยี่ยนไม่สนว่าอวี๋เหวยหมินจะทำหรือไม่ทำ เธอแค่อยากจะจัดการอวี๋เหวยหมิน ถ้าเขาอยากทำ ก็ทำ ถ้าไม่ทำ เธอก็ไม่มีอะไรเสียหาย
————
67 ยังหน้าด้านมากกว่านี้ได้อีกไหม?
อวี๋เหวยหมินจะระเบิดแล้ว เฉินเยี่ยนคนนี้กับเฉินเยี่ยนคนก่อนหน้าที่เขารู้จักเป็นคนละคนกันเลย เฉินเยี่ยนคนเก่าไม่ได้เป็นแบบนี้ เธอไม่ไร้คุณธรรมให้คนอื่นมาทำอะไรแบบนี้
เขาอยากจะสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป แต่คิดว่าให้เฉินเวยมาทำแทนเขา ถ้าไม่ทำ เขาจะสามารถลากเฉินเวยมาทำด้วยกันหรือ?
ช่างเถอะ ตัวเองทำยังไงก็แข็งแรงกว่าให้เฉินเวยทำ
“ผมทำไม่เป็น”
ถึงแม้อวี๋เหวยหมินจะคิดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ยอม อีกอย่างเขาทำไม่เป็นจริงๆ เขาไม่เคยทำมาก่อน
“ไม่เป็นก็หัดสิ ฉันสอนเอง ง่ายมาก คุณถอดรองเท้าแล้วกระโดดลงไปข้างใน จากนั้นพรวนเอาด้านล่างขึ้นมาอยู่ด้านบน เอาด้านบนลงไปไว้ด้านล่าง พรวนให้เท่าๆ กันก็เสร็จแล้ว”
เฉินเยี่ยนอธิบายอย่างจริงจังให้อวี๋เหวยหมิน เหมือนอวี๋เหวยหมินโดนส่งมาถึงหน้าประตูให้เธอแกล้ง ถ้าเธอไม่แกล้ง ไม่ระบายความโกรธให้ตัวเอง งั้นเธอก็โง่แล้ว
“เฉินเยี่ยน คุณอย่ามากไปหน่อยเลย จะโดนกรรมตามสนอง”
อวี๋เหวยหมินกัดฟัน
“กรรมตามสนอง?” เฉินเยี่ยนหัวเราะหึแล้วพูด “คุณกับเฉินเวยยังไม่กลัวเลย ฉันจะกลัวอะไร”
อวี๋เหวยหมินมองเฉินเยี่ยน เขาไม่ได้พูดอะไร เฉินเยี่ยนเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่เฉินเยี่ยนคนเดิมที่เคยรู้จักอีกแล้ว เฉินเยี่ยนคนเดิมต้องไม่มีทางทำแบบนี้กับตัวเองแน่นอน ที่บ้านมีงานสกปรกงานหนักอะไร เฉินเยี่ยนรับทำหมดเลย เธอทนไม่ได้ที่จะให้เขาทำ
ในขณะเดียวกันนอกจากความโกรธในใจแล้ว อวี๋เหวยหมินยังรู้สึกผิดหวังเบาๆ ด้วย
“ตกลงคุณจะทำหรือไม่ทำ?”
เฉินเยี่ยนถามอวี๋เหวยหมิน สีหน้าแสดงออกถึงความรำคาญ
อวี๋เหวยหมินรับคราดมา ในเมื่อเฉินเยี่ยนอยากจะจัดการเขา งั้นเขาก็จะทำ ยังไงก็ดีกว่าให้เฉินเวยมาทำ เดี๋ยวคอยตอนที่เขาพูดออกมา ตอนนั้นจะเป็นเฉินเยี่ยนที่ขอร้องเขาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะให้เฉินเยี่ยนทำ ดูถูกเฉินเยี่ยนก็ได้แล้ว
เห็นอวี๋เหวยหมินกลั้นหายใจหยิบคราดมาสีหน้าขยะแขยงมองไปที่หลุมปุ๋ยนั่น เฉินเยี่ยนบอกไม่ถูกว่าในใจเธอรู้สึกยังไง
อวี๋เหวยหมินไม่ได้กระโดดลงไปในหลุม ให้เขากระโดดลงไปฆ่าเขาให้ตายเสียดีกว่า ตอนนี้เป็นแบบนี้ก็ถือว่าเขาอดทนถึงขีดจำกัดแล้ว เฉินเยี่ยนก็ไม่ได้บังคับเขา แค่มองเขาอยู่อย่างนั้น
หวางนิวชะโงกหน้าออกมามองจากประตูห้องครัว แล้วพูด “จวนเอ๋อร์ เจ้าว่าพี่เยี่ยนจื่อเจ้าคุยอะไรกับอวี๋เหวยหมิน ทำไมเขาถึงไปพรวนปุ๋ยได้ล่ะ? ปุ๋ยนั่นก็ไม่ต้องพรวนนี่นา ฉันได้ยินมาว่าไอ้เด็กนั่นอยู่บ้านไม่ทำอะไรเลย ทำไมมาทำให้เรา? หรือว่าเขาสำนึกผิดแล้วจริงๆ อยากจะสู่ขอเยี่ยนจื่อ”
หวางจวนได้ยินหวางนิวพูดก็ใจสั่น พูดตอบ “คุณป้า พี่เยี่ยนจื่อเขามีแผนอยู่ พวกเราอย่าไปยุ่งเลย อวี๋เหวยหมินเต็มใจทำก็ให้เขาทำไปสิ”
สาเหตุเพราะเฉินเยี่ยน หวางจวนเลยรู้สึกไม่ดีกับอวี๋เหวยหมินหมือนกัน
“เจ้าว่าก็ถูก เขาอยากทำก็ให้ทำไป ยังไงพวกราก็ไม่ได้ไปบังคับเขา”
หวางนิวพยักหน้า กลับเข้าไปในห้องครัวกับหวางจวน แต่นานๆ ทีเธอจะชะโงกหน้ามองมาข้างนอกที
“เฉินเยี่ยน ตอนนี้ผมพูดได้แล้วนะ”
ฝั่งอวี๋เหวยหมินพรวนไปสองรอบ ใช้ปากหายใจ เขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นที่ทะลักเข้าไปในปอดเขา เขาแข็งใจอดกลั้นไว้
“ฉันก็ไม่ได้อุดปากคุณไว้นี่”
เฉินเยี่ยนก็กำลังเดาเจตนาที่อวี๋เหวยหมินมา บอกว่าจะแต่งงานกับตัวเอง นั่นเป็นไปไม่ได้
“ผมก็จะไม่อ้อมค้อมกับคุณเหมือนกัน คุณเอาวิธีทำผักมาให้ผม ตกลงว่าตั้งแต่วันนี้ต่อไปจะไม่เป็นศัตรูกับผมและเสี่ยวเวยอีก อีกหน่อยมีอาชีพที่หาเงินได้ เธอให้พวกเรา ได้เงินมา พวกเราจะให้เธอยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ผมจะถือว่าเรื่องของพวกเราให้มันผ่านไปไม่พูดอีก ยังไงพวกเราก็มาจากที่เดียวกัน ผมกับคุณก็เคยเป็นสามีภรรยากันหมาหลายปี ขอแค่คุณไม่เป็นปรปักษ์กับพวกเรา ผมและเสี่ยวเวยก็จะปล่อยคุณไป พวกเราหาเงินด้วยกันได้ดีขนาดไหน คุณว่าไหม?”
อวี๋เหวยหมินบอกจุดประสงค์เขาแล้ว เขามาเพื่อที่จะขอวิธีทำผักของเฉินเยี่ยน เดิมทีเขาไม่สนใจวิธีทำผักของเฉินเยี่ยน จะหาเงินได้สักเท่าไร แต่เฉินเวยพูดถูก จะให้เฉินเยี่ยนรุ่งเรืองไม่ได้ ถ้าเฉินเยี่ยนรุ่งเรืองขึ้นมา งั้นก็ไม่เป็นประโยชน์กับพวกเขาแล้ว แค่พวกเขากดเฉินเยี่ยนไว้ได้ เหยียบเธอไว้แทบเท้า พวกเขาถึงจะมีชีวิตที่ดี ดังนั้นไม่ว่าจะเงินเล็กๆน้อยๆ พวกเขาก็ต้องหยุดเฉินเยี่ยนไว้ จำเป็นต้องจับเฉินเยี่ยนให้อยู่หมัด ให้เฉินเยี่ยนไม่กช้ามาต่อกรกับพวกเขา
“อวี๋เหวยหมิน พวกคุณสองคนมีสิทธิ์อะไรมาพูดเรื่องนี้กับฉัน? ทำไมฉันจะต้องฟังพวกคุณ? สมองคุณมีปัญหาไปแล้วหรือ?”
เฉินเยี่ยนรู้สึกตลกมาก ผู้ชายคนนี้มาพูดเรื่องพวกนี้กับเธอ พูดเรื่องความรักอะไร พวกเขาเคยมีน้ำใจกับตัวเองสักนิดไหม? แล้วได้เงินมาจะแบ่งให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ธุรกิจของเธอทำไมจะต้องให้พวกเขา คิดอะไรดีจังเลยนะ
“เฉินเยี่ยน คุณอย่าลืม พวกเราเป็นสามีภรรยากันมาหลายปีนะ”
มืออวี๋เหวยหมินหยุดเคลื่อนไหว มองเฉินเยี่ยน
“แล้วยังไง?”
เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจที่อวี๋เหวยหมินมอง
“เฉินเยี่ยน ไฝบนตัวคุณอยู่ตำแหน่งไหน เป็นยังไง ผมรู้แจ่มแจ้ง คุณอยากจะให้ผมบอกทุกคนเหรอ? ถ้าผมพูดออกไป ชื่อเสียงคุณก็หมดแล้ว ถ้าคุณให้ทุกคนรู้ว่าคุณเคยนอนกับผมมาก่อน ไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์แล้วอย่างงั้นเหรอ?”
อวี๋เหวยหมินพูดจบก็ฉายแววยิ้มหยันบนใบหน้า
ตอนอวี๋เหวยหมินมาเขามั่นใจ เขารู้จักเฉินเยี่ยนดี เฉินเยี่ยนไม่สนใจชื่อเสียง แต่เรื่องความลับส่วนตัวเฉินเยี่ยนไม่สนใจไม่ได้ ดังนั้นเดินทางนี้เขาจะสามารถเอาเฉินเยี่ยนอยู่หมัด เขาไม่กลัวว่าเฉินเยี่ยนจะไม่ฟังเขา
เฉินเยี่ยนได้ยินคำพูดของอวี๋เหวยหมินแล้วสมองมีเสียงหึ่งๆ
“อวี๋เหวยหมิน แม่แกสิ คุณยังหน้าด้านกว่านี้ได้อีกไหม?”
ตอนนี้นอกจาจกโกรธแล้วเฉินเยี่ยนยังผิดหวังด้วย ไม่ว่าจะยังไงคนตรงหน้าคนนี้ก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี จนมาถึงจุดที่ทั้งสองคนมีความแค้น ก็บอกไม่ได้เลยว่าไม่มีเยื่อใยสักนิด ก่อนหน้าพวกเขาเคยรักกันมาก่อน ก่อนหน้าพวกเขาก็เคยใกล้ชิดสนิทสนมกัน ก่อนหน้านี้ผู้ชายคนนี้เคยสัญญาว่าจะรักเธอชั่วฟ้าดินสลายมาก่อน ก่อนหน้านี้ผู้ชายคนนี้เคยพูดว่าจะปกป้องเธอไปตลอดชีวิต คอยคุ้มครองเธอ ก่อนหน้านี้…
เอาเถอะ ถึงแม้ช่วงเวลาดีงามทั้งหมดจะไม่มีแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะกลายเป็นศัตรูกันแล้ว จะลงมือต่อกัน ก็มาอย่างเปิดเผยเลย เขาชนะตัวเอง หรือตัวเองชนะเขา ก็ไม่ควรจะมีคำพูดคับแค้นใจ ตอนนี้เขาเป็นแบบนี้ สีหน้าท่าทางแบบนี้ เขาทำตัวต่ำใช้วิธีสกปรก เพื่อจุดมุ่งหมายแล้วไม่เลือกวิธีการเลย เขาใช้ความลับในร่างกายตัวเองมาสู่กับเธอ นี่ทำให้เฉินเยี่ยนเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง แม้แต่เลือดก็เยือกเย็นไปด้วย คนที่ใช้ชีวิจอยู่กับตัวเองหลายปีเลยนะ ทำไมเขาถึงหน้าไม่อายขนาดนี้!
เห็นสีหน้าเฉินเยี่ยนแล้วอวี๋เหวยหมินรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที พูดตามตรงวิธีนี้เขาไม่ได้เป็นคนคิดขึ้นมา เขาไม่เคยคิดจะใช้วิธีแบบนี้มาข่มขู่เฉินเยี่ยน ยังไงเขากับเฉินเยี่ยนก็เคยรักใคร่กันมาก่อน ก่อนหน้านี้เขารักเฉินเยี่ยนด้วยใจจริง แต่เฉินเวยพูดถูก พวกเขาไม่มีวิธีอื่นมาสู้กับเฉินเยี่ยนแล้ว ส่วนเฉินเยี่ยนก็แคร์เรื่องนี้ พวกเขาเอาไปพูดข้างนอกไม่ได้ ขอแค่เอาเฉินเยี่ยนให้อยู่ ไม่ให้เธอมาสู้กับพวกเขา ให้เฉินเยี่ยนหาเงินให้พวกเขาใช้ก็พอแล้ว
คิดเรื่องพวกนี้ได้แล้วความอึดอัดของอวี๋เหวยหมินมลายหายไปแล้ว คนเราก็ต้องทำเพื่อตัวเอง ในเมื่อเฉินเยี่ยนจะต่อกรกับพวกเขา ก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะไร้น้ำใจ ใครให้เฉินเยี่ยนเป็นคนซื่อๆ ล่ะ
————-
68 คนที่ถูกตบก็คือคุณต่างหาก
เฉินเยี่ยนรู้สึกรันทดในใจ แต่อวี๋เหวยหมินกลับไม่สนใจ
“เฉินเยี่ยน ที่จริงคุณหาเงินได้น้อยขนาดนี้ผมไม่สนใจเลย พวกเราเป็นคนยุคหลัง ยังไงผมก็มีวิธีหาเงินได้มากอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้คุณเป็นแบบนี้ทำให้เสี่ยวเวยไม่สบายใจ คุณทำให้เสี่ยวเวยไม่มีความสุขก็เท่ากับทำให้ผมไม่มีความสุข คุณบอกวิธีทำผักกับพวกเรามา คุณทำให้เสี่ยวเวยสบายใจ รับเสี่ยวเวยกลับมา ทำดีกับเสี่ยวเวย รอจนผมหาเงินได้มาก ยังไงก็ไม่ทำให้คุณลำบากแน่”
อวี๋เหวยหมินรู้สึกว่าเขาพูดแบบนี้ออกมามีเมตตาที่สุดแล้ว
เฉินเยี่ยนมองเห็นความอึดอัดนั้นบนใบหน้าอวี๋เหวยหมิน แต่ก็หายไปแล้ว เธอรู้ อวี๋เหวยหมินไม่ได้เห็นใจเธอเลยสักนิด
“คุณเดินมานี่”
เฉินเยี่ยนกวักมือเรียกอวี๋เหวยหมินมา ถึงแม้ในใจเธอจะเสียใจมาก แต่สีหน้าเธอไม่แสดงออกอะไรเลย เธอไม่อยากให้คนมองเห็นความเสียใจของเธอออก
“คุณอยากจะพูดอะไร? ที่จริงเยี่ยนจื่อ ผมยังมีความรู้สึกกับคุณอยู่ เสี่ยวเวยเป็นคนดีขนาดนั้น แล้วยังบอบบางอีก คุณจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เลย ถือว่าคุณใจแคบมาก ถ้าอีกหน่อยคุณทำดีกับเสี่ยวเวยไม่ทะเลาะกับเสี่ยวเวย ไม่แน่ผมจะให้เสี่ยวเวยยอมรับเลี้ยงดูคุณด้วยกันเลย คุณไม่ต้องลำบากแล้ว ถึงตอนนั้น…”
อวี๋เหวยหมินเห็นเฉินเวยกวักมือเรียก เขาพูดไปแล้วเดินเข้าไปใกล้ เขาคิดว่าเฉินเยี่ยนต้องกลัวแน่ๆ ที่จริงเฉินเยี่ยนสวยมาก และเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม เพียงแค่ถ้าเฉินเยี่ยนคิดได้ เขาก็จะเลี้ยงดูเฉินเยี่ยน ถึงเวลาเฉินเยี่ยนและเฉินเวยก็จะอยู่กับตัวเอง ขนาบข้างโอบกอดซ้ายขวา ใช้ชีวิตที่มีทั้งสองภรรยาอย่างมีความสุข แล้วมีเงินอีก ชีวิตแบบนั้นแค่คิดก็ไม่มีความสุขไหนมาเทียมเท่าแล้ว
คำตอบสำหรับอวี๋เหวยหมินคือเสียงตบดังเปรี๊ยะ เฉินเยี่ยนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ อวี๋เหวยหมิน คุณมันหน้าไม่อาย ที่บ้านคุณรู้ไหม?
“คุณตบผม เฉินเยี่ยน คุณกล้าตบผม?”
อวี๋เหวยหมินคิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะกล้าลงมือตรงนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาขู่เฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนยังกล้าลงมือกับเขา เฉินเยี่ยนนี่เป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า ไม่รู้หรือว่าอีกหน่อยเขาจะประสบความสำเร็จ? ไม่กลัวเขาแก้แค้นหรือ!
เพี๊ยะ เฉินเยี่ยนตบอวี๋เหวยหมินอีกรอบ จากนั้นเธอสะบัดมือ เมื่อกี้เธอออกแรงมาก ตบเสร็จมือเธอเจ็บจริงๆ
“หยุด”
เห็นอวี๋เหวยหมินตาแดงก่ำ จะพุ่งมาสู้กับเธอ เฉินเยี่ยนทำมือห้าม รีบพูดอย่างรวดเร็ว “ทำไมถึงตบคุณ? ที่ตบก็คือคุณ อวี๋เหวยหมิน ตอนนี้คนที่หาเงินได้คือฉัน ไม่ใช่พวกคุณ คนที่โดนตีโดนด่าคือเฉินเวยไม่ใช่ฉัน คุณหน้าด้านมาขู่ฉัน ทำไมฉันถึงจะไม่ตบคุณ? ใช่ ฉันแคร์ ฉันกลัวคุณไปบอกคนอื่น แต่ถ้าฉันตัดสินใจจะไม่แต่งงานแล้ว คุณคิดว่าฉันยังจะกลัวไหม? คุณกับเฉินเวยมาถึงก่อนถึง ฉันไม่รู้ว่าคุณใช้วิธีอะไรหาเงิน แต่ตอนนี้ฉันเห็นพวกคุณสองคนทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง คุณคิดว่าพวกคุณเป็นตัวละครหลัก แสงไฟจะส่องมาที่ตัวเองงั้นหรือ? ถึงแม้คุณจะมีความรู้ แต่มันไม่เข้ากับยุคนี้ คุณมีวิธีหาเงินยังไง? คุณทำอะไรได้? คุณคิดว่าฉันจะกลัวคุณเหรอ?
เฉินเยี่ยนถามอวี๋เหวยหมิน เธอรู้ว่าอวี๋เหวยหมินอยู่กับเฉินเวย เฉินเวยทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ได้แต่พึ่งพาผู้ชาย บางทีอวี๋เหวยหมินมีความรู้นิดหน่อย แต่ไม่แน่ว่าจะเป็นประโยชน์ ไม่อย่างนั้นทำไมตอนนี้อวี๋เหวยหมินยังทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ไม่ใช่ว่าข้ามภพมาแล้ว คนที่เกิดใหม่จะสามารถรุ่งเรืองขึ้นมาได้ ถึงแม้สวรรค์จะให้โอกาสคุณ คุณก็ต้องขยันถึงจะถูก ถึงแม้จะขยัน แต่บางครั้งก็ต้องมีโชคด้วย
“เฉินเยี่ยน คุณก็แค่ทำผักเล็กๆน้อยๆได้เท่านั้นไม่ใช่หรือ? เก่งกาจตรงไหน ถ้าผมหาเงินผมก็จะหาเงินก้อนใหญ่ อย่าคิดว่าผมไม่เคยอ่านพวกนิยายข้ามภพข้ามชาติมาก่อน ทำสบู่หอม ทำบุหรี่ ทำดินปืน… ช่างเถอะ ไม่พูดถึงทำดินปืน ยังไงของพวกนั้นที่พวกเขามีผมก็ทำได้เหมือนกัน พวกตลาดหุ้นอะไรผมก็รู้ รอผมมีเงินลงทุน ถึงตอนนั้นผมจะซื้อหุ้น หาเงินได้มาก ผมก็จะเปิดบริษัท ทำอสังหาริมทรัพย์ ถึงตอนนั้นไม่ต้องพูดเรื่องอื่นแล้ว ไม่แน่ผมอาจจะได้เป็นเศรษฐีร้อยล้าน คุณก็แค่ผู้หญิงไม่มีความรู้คนหนึ่ง มาล่วงเกินผม อีกหน่อยคุณจะได้รับผลเอง”
นัยน์ตาอวี๋เหวยหมินฉายแววภูมิใจ อวี๋เหวยหมินเป็นคนมีความสามารถสูงแต่โลกทัศน์แคบมาก ถ้าอวี๋เหวยหมินยอมลดตัวลงมาหน่อย อีกหน่อยอวี๋เหวยหมินก็อาจจะสำเร็จ เพราะพวกเขารู้เรื่องมากกว่าคนยุคนี้เยอะ แต่อวี๋เหวยหมินไม่ใช่คนอย่างนั้น เขามีความทะเยอะทะยาน แต่เขาทำได้แค่ฝัน ไม่ขยันลงมือทำ ถ้าไม่สำเร็จ เขาก็จะรู้สึกว่าสวรรค์กลั่นแกล้งเขา แต่ไม่คิดว่าตัวเขาไม่ขยันพอ เขาคิดว่าพวกเขาเป็นคนที่มาเกิดใหม่ สวรรค์ก็จะเมตตาเขา เขาต้องการโอกาสที่ใหญ่ เขาคิดว่าสวรรค์จะโยนขนมลงมาให้เขา ดังนั้นความฝันแสนหวานที่เขาจะกลายเป็นเศรษฐีร้อยล้าน ไม่รู้หรือว่าเขาไม่ขยัน ไม่ลงมือทำ ความคิดก็เป็นได้แค่ความคิด ไม่มีวันเป็นจริงไปตลอดกาล
แต่เฉินเยี่ยนไม่คิดจะพูดเรื่องพวกนี้กับอวี๋เหวยหมิน เขายอมฝันก็ให้เขาฝันไป ตัวเองลงมือทำจริง จากเล็กๆ ค่อยๆ เติบโต ต้องมีสักวันอวี๋เหวยหมินจะเห็นตัวเองรุ่งเรือง ตอนที่กำลังตกใจนั้น คิดว่าเขาก็ตามตัวเองไม่ทันแล้ว
“หึ ได้ งั้นฉันจะรอดูคุณกลายเป็นเศรษฐีร้อยล้าน”
เฉินเยี่ยนหัวเราะอวี๋เหวยหมิน รอยยิ้มแฝงความประชดไว้เล็กน้อย
“ใช่ไหมล่ะคุณควรจะรู้จักผม ผมต้องกลายเป็นเศรษฐีแน่นอน”
อวี๋เหวยหมินคิดว่าเฉินเยี่ยนพูดแบบนี้ด้วยใจจริง เขาก็หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ แต่พอหัวเราะเขาก็รู้สึกเจ็บที่หน้า ถึงคิดได้ว่าเมื่อกี้เพิ่งโดนเฉินเยี่ยนตบไปสองที ออกแรงตบด้วย ใบหน้าเขายังเจ็บแสบอยู่เลย เมื่อกี้คำพูดของเฉินเยี่ยนทำเขาลืมเรื่องที่เฉินเยี่ยนตบเขาไปเลย
พอคิดว่าเขาโดนเฉินเยี่ยนตบ ลูกตาอวี๋เหวยหมินจ้องเขม็งขึ้นมา เมื่อกี้เฉินเยี่ยนต้องหักเหความสนใจเขาแน่ กลัวว่าเขาจะตบเธอ เมื่อกี้เลยห้ามตัวเองไว้ ไม่ได้ เขาจะไม่ยอมรับความเจ็บปวดนี้ ตัวเขาเป็นถึงผู้ชาย เฉินเยี่ยนกล้ามาตบเขา เป็นเรื่องกลับตาลปัตร ตัวเขาจะต้องให้บทเรียนเฉินเยี่ยนบ้าง
“คุณจะตอบตกลงผมไหม?”
อวี๋เหวยหมินถามเฉินเยี่ยนด้วยแววตาดุดัน
“ชาติหน้าฉันก็ไม่ตกลง”
เฉินเยี่ยนพูดด้วยความเย็นชา
“ได้ๆ นี่คุณพูดเองนะ”
อวี๋เหวยหมินเงื้อมฝ่ามือขึ้น จะตบลงไปที่เฉินเยี่ยนด้วยความโมโห วันนี้เฉินเยี่ยนผิดหวังกับอวี๋เหวยหมินถึงขีดสุด อย่างน้อยแม้แต่ความสำนึกดีในใจ คุณธรรมในใจอวี๋เหวยหมินยังหายไปหมดเลย
“อวี๋เหวยหมิน แกมันสัตว์เดรัจฉาน แกกล้าตบลูกสาวฉัน ฉันจะสู้กับแกเอง”
หวางนิวที่กำลังหั่นผักอยู่ในครัวโผล่หน้าออกมาพอดี พอมองไป ก็เห็นอวี๋เหวยหมินกำลังจะตบเฉินเยี่ยน เธอร้อนรน หยิบมีดหั่นผักแล้วเดินเข้ามา
เฉินเยี่ยนไม่ยอมโดนอวี๋เหวยหมินตบแน่นอน พอได้ยินหวางนิวร้อง เธอเห็นอวี๋เหวยหมินตัวสั่น คิดว่าครั้งที่แล้วอวี๋เหวยหมินโดนเฉินจงตี ในใจยังมีภาพจำอยู่ ตอนนี้เป็นแม่ตัวเองถือมีดหั่นผักเดินเข้ามา อวี๋เหวยหมินก็กลัวแล้ว
———–
ตอนที่ 69: ตกลงไปในหลุมปุ๋ยคอกแล้ว
โดย
Ink Stone_Romance
เขาจะลงมือกับตัวเองหรือ? สายตาเฉินเยี่ยนเย็นชา เธอมองดูอวี๋เหวยหมินไม่กล้าเข้ามาตบตัวเอง แต่ถอยหลังไป เหมือนว่ากลัวหวางนิวจะมาฟันเขา
ผู้ชายคนนี้ไม่มีความกล้าเลยสักนิด ตอนแรกตัวเองตาบอดไปแต่งงานกับเขาได้ยังไงนะ คิดถึงหลายปีนั้น เฉินเยี่ยนไม่เห็นคุณค่าตัวเอง เธอพุ่งไปทางอวี๋เหวยหมิน
“เฉินเยี่ยน คุณอย่าให้มันมากเกินไป ระวังท้องน้อยของคุณกับตรงนั้นผมจะ…”
เดิมทีอวี๋เหวยหมินตกใจที่หวางนิวถือมีดหั่นผักเข้ามาอยู่แล้ว เห็นเฉินเยี่ยนพุ่งมาทางเขา เขาคิดว่าเฉินเยี่ยนจะตบเขาอีก ในใจเขาเริ่มผวาแล้ว เขากลัวหวางนิวที่เข้ามาอย่างดุดัน แล้วจะฟันเขาจริง ตอนนี้เขาเลยขู่เฉินเยี่ยน ขอแค่เฉินเยี่ยนไม่ทำอะไรเขา เขาก็จะวิ่งหนีก่อน เรื่องภายหลังค่อยหาโอกาสมาคุยใหม่
แต่คำพูดอวี๋เหวยหมินทิ่มแทงใจเฉินเยี่ยน เดิมทีเธอไม่คิดจะลงมือกับอวี๋เหวยหมินอีก ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว แต่เธอไม่ได้ตบอวี๋เหวยหมิน แต่ไปข้างตัวอวี๋เหวยหมิน เธอยื่นมือเหมือนจะดึงแขนอวี๋เหวยหมินลากอวี๋เหวยหมินออกมา ขาก็ขัดขาอวี๋เหวยหมินไปด้วย
อวี๋เหวยหมินหลบเฉินเยี่ยนที่มาดึง เขาไม่ทันสังเกตขาเฉินเยี่ยน ขาเขาโดนขัด เขาทรงตัวไม่อยู่ เซล้มลงไปในหลุมปุ๋ยคอก คำพูดที่เขายังพูดไม่จบก็จมลงไปในหลุมปุ๋ยด้วย
หวางนิวที่ถือมีดหั่นผักมาอึ้งไป หวางจวนที่ตามหลังหวางนิวมาก็อึ้งเหมือนกัน
“นี่ นี่ นี่หล่นลงไปได้ยังไง?”
คำพูดหวางนิวติดๆ ขัดๆ
เฉินเยี่ยนไม่สะทกสะท้าน ตอนที่เธอใช้ขาปัดอวี๋เหวยหมินเธอรู้อยู่แล้วว่าอวี๋เหวยหมินจะตกลงไป เพราะอยู่ใกล้มาก แล้วอวี๋เหวยหมินไม่ได้ระวังตัวเลย ดังนั้นต้องตกลงไปอยู่แล้ว ส่วนเธอตอนที่อวี๋เหวยหมินตกลงไป ถอยหลังไปสองก้าวออกห่างจากขอบหลุม
มองดูอวี๋เหวยหมินที่ตะเกียกตะกายอยู่ในหลุมปุ๋ยคอก มองดูเสื้อผ้าและตัวอวี๋เหวยหมินที่เปลี่ยนสีแล้ว ผสมกับสีดำ เฉินเยี่ยนไม่เห็นใจ ในใจกลับสะใจด้วยซ้ำ
ตอนแรกเธอไม่คิดจะทำอะไรอวี๋เหวยหมิน รู้ว่าอวี๋เหวยหมินเป็นชายชั่ว เธอคิดแต่อยากจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ในเมื่อเขาไม่เห็นใจตัวเอง ตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเขา แต่เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าอวี๋เหวยหมินจะหน้าด้านขนาดนี้ ดังนั้นตอนนี้เห็นเขาเป็นแบบนี้ เธอจึงรู้สึกสะใจ
“เยี่ยนจื่อ นี่ ทำยังไงเนี่ย”
หวางนิวทำอะไรไม่ถูก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเรื่องแบบนี้ ในใจลนลาน
“วางใจเถอะค่ะ หนูไม่ทำเขาตายหรอก หลุมปุ๋ยพวกเราก็ลึกแค่นี้เอง เขาลุกขึ้นยืนก็ได้แล้ว”
เฉินเยี่ยนพูดเสียงเย็นชา เธอพูดไม่ผิด หลุมปุ๋ยบ้านเธอลึกมาก แต่ปุ๋ยมีน้อย อีกอย่างเพิ่งสูงถึงหัวเข่าของอวี๋เหวยหมินเอง อวี๋เหวยหมินตกลงไปถ้าไม่ใช้มือตะเกียกตะกาย เขาก็ลุกขึ้นยืนได้นานแล้ว แต่เขาใช้ทั้งมือทั้งขาตะกุย ไม่เพียงแต่ลุกไม่ขึ้น กลับทำให้ทั้งตัวสกปรกไปหมด
ว่าไปแล้วอวี๋เหวยหมินก็ลุกลี้ลุกลนเหมือนกัน เขาตกลงไปในหลุม แต่เขาไม่มีสติกลับมา สมองเขาเหมือนปิดตาย เขาจะปีนขึ้นมา ครั้งนี้หน้าทิ่มลงไปในหลุมปุ๋ย เขาร้องตกใจ ครั้งนี้ไม่ทันตั้งตัว ของพวกนั้นไม่น้อยหลุดเข้าไปในปากเขา
เฉินเยี่ยนอยู่ข้างบนมองเห็นอย่างชัดเจน เธอเกือบจะหัวเราะออกมา อวี๋เหวยหมินหนออวี๋เหวยหมิน คุณก็มีวันนี้เหมือนกัน ถ้าตอนนี้เฉินเวยอยู่ในนี้ คุณว่าอีกหน่อยเธอจะยังรักใคร่กับคุณอยู่ไหม? ถ้าคุณกับเธอจูบกัน เธอจะอ้วกออกมาไหม?
ดีจังเลย คราวนี้อวี๋เหวยหมินก็มีเรื่องที่ลืมไปลงไปชั่วชีวิตแล้ว
เฉินเยี่ยนแอบคิดอยู่ในใจ
“นี่ ทำไมเด็กนี่ถึง…”
คำพุดหวางนิวยังพูดไม่ทันจบ เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี ทำไมยังปีนลงไปกินปุ๋ยอีก
หวางจวนก็ไม่ได้พูดอะไร เธออ้าปากค้าง ภาพนี้สะเทือนใจเธอมาก ที่แท้ยังสามารถทำกับคนที่ไม่ชอบแบบนี้ได้ด้วย เมื่อก่อนเธอโง่เหลือเกิน รู้แต่ต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้าย อีกหน่อยเธอจะเรียนรู้แบบพี่เยี่ยนจื่อบ้าง
“เยี่ยนจื่อ ลูกว่าเดี๋ยวเขาจะกลับยังไงล่ะ?”
หวางนิวยังมองอวี๋เหวยหมินที่ตะเกียวตะกายอยู่ในหลุมปุ๋ยแล้วถามเฉินเยี่ยน
“ก็เดินกลับไปสิ หรือยังจะต้องให้คนแบกเขากลับไป? ถ้าเขายังมีหน้าทำแบบนั้น ก็ไปเรียกคนมาแบกเขา พาวนรอบหมู่บ้านแปดรอบ ให้เขาได้มีหน้ามีตา”
เฉินเยี่ยนรู้อยู่แล้ว เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ต่อให้อวี๋เหวยหมินโกรธยังไง เขาก็ต้องหลบหน้าหลบตา แอบกลับไป ไม่กล้าพูดมาก เพราะกลัวคนหัวเราะเยาะ เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับหน้าตาเป็นอย่างมาก
“แล้วถ้าแม่เขามาหาเรื่องเราถึงหน้าบ้านจะทำยังไง?”
หวางนิวรู้สึกกังวลใจ เธอด่าไม่ชนะคนอื่น
“ถ้าจะมาก็ให้เขามาเลย หนูรอเขามาอยู่เลย จะได้ให้คนอื่นเขารู้กันว่าลูกชายเขาเป็นยังไง ดูสิอวี๋เหวยหมินที่ตกลงไปในหลุมปุ๋ย อีกหน่อยจะมีใครยอมแต่งงานกับเขา”
เฉินเยี่ยนเชื่อว่าอวี๋เหวยหมินต้องไม่เป็นฝ่ายบอกแม่เขาก่อน
ฝั่งอวี๋เหวยหมินที่ลุกขึ้นยืนได้แล้ว ได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยนก็โกรธ คิดถึงสภาพตัวเองแบบนี้ เขาขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว เขาเข่าอ่อน ตัวสั่น ยืนไม่มั่งคงลงไปนั่งอีกรอบ ครั้งนี้เขาไม่ทันตั้งตัว ปุ๋ยคอกในหลุมกระจายรอบทิศ โดนอวี๋เหวยหมินทั่วศีรษะทั่วทั้งตัวอีกรอบ
“หรือหลุมปุ๋ยบ้านเราหอม เด็กคนนี้ถึงไม่อยากออกมานะ”
หวางนิวได้ยินลูกสาวพูด เธอรู้สึกว่ามีคนให้พึ่ง เห็นอวี๋เหวยหมินลงไปนั่งอีกรอบ เธอเลยถามด้วยความสงสัย
อวี๋เหวยหมินได้ยินคำพูดของหวางนิวก็ตัวสั่น นั่นคือโมโห เพราะเขารู้สึกว่าในท้องเขารู้สึกขย้อนมาเป็นพักๆ เขาอาเจียนออกมา
“พี่ ไม่ลากเขาขึ้นมาเหรอ?”
หวางจวนกระซิบถามเฉินเยี่ยน เห็นอวี๋เหวยหมินแบบนี้ เธอรู้สึกสงสารมาก แต่คิดถึงเรื่องที่อวี๋เหวยหมินทำ เธอก็รู้สึกแค้นขึ้นมาอีก
“ไม่ต้อง เดี๋ยวเขาอ้วกพอแล้ว ก็ปีนขึ้นมาเอง ตอนนี้พวกเราไปเรียกคนอื่นมา ไม่แน่คนอื่นอาจจะด่าพวกเราได้นะ”
ตอนนี้เฉินเยี่ยนนิ่งมาก เธอเหมือนคนนอก เหมือนอวี๋เหวยหมินไม่ใช่สามีเก่าเธอ เหมือนเธอกำลังดูหนังอยู่ เธอรู้ หลังจากวันนี้ ไม่เพียงแค่เธอ ในใจอวี๋เหวยหมินและเฉินเวยจะเปลี่ยนไปแล้ว อีกหน่อยความแค้นของพวกเขามีแต่จะมากขึ้น ดูว่าใครจะลงมือใครได้ก่อน
“แม่ พวกเราไปทำอย่างอื่นเถอะ หนู่อยู่ตรงนี้ดูเขาไว้”
เฉินเยี่ยนให้หวางหนิวและพวกเขาเข้าไปห้องครัวอีกครั้ง เธอยืนอยู่ริมหลุมปุ๋ยมองดูอวี๋เหวยหมินอาเจียนอยู่ในนั้น
“เฉินเยี่ยน คุณมันxx คุณต้องไม่ตายดีแน่ คุณXX”
อวี๋เหวยหมินอาเจียนไปก็ด่าเฉินเยี่ยนไป ด่าได้หยาบคายเท่าไร ก็ยิ่งด่า เหมือนว่าทำแบบนี้จะช่วยระบายความโกรธในใจเขาออกมา
“มีแรงคุณก็ด่าไปทั้งวัน พอดีฉันคิดว่าเป็นหญิงปากร้ายด่าก็ได้แล้ว แต่ฉันจะคิดเสียว่าเป็นหญิงปากร้ายด่าตามถนน ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะคิดเรื่องที่จะกลับไปยังไง”
เฉินเยี่ยนพูดอย่างไม่สนใจเลย ก่อนหน้านี้อวี๋เหวยหมินทำเรื่องพวกนั้นก็ทำเธอเจ็บใจแล้ว ด่าสองประโยคเธอไม่สนใจหรอก
————–
ตอนที่ 70: ที่แท้คือบุหรี่
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนทำตัวเป็นผู้หญิงไม่มีเหตุผลไปแล้ว? อวี๋เหวยหมินโกรธจนจะระเบิดแล้ว แต่คำพูดสุดท้ายของเฉินเยี่ยนเตือนเข้าขึ้นมา ตัวเขาสภาพนี้เดี๋ยวจะกลับบ้านยังไง ถ้าคนอื่นเห็น เขาคงอยู่ไม่ได้แล้ว กลิ่นเหม็นแบบนี้ อวี๋เหวยหมินอ้วกออกมาอีกรอบ
“คุณเป็นศพไปแล้วหรือไง ยังไม่ลากผมขึ้นไปอีก”
อวี๋เหวยหมินไม่อยากจะอยู่ตรงนี้แม้สักนาที หลังออกไปเขาสาบานว่าชีวิตนี้จะอยู่ในไกลจากหลุมปุ๋ย เขาจะไม่เข้ามาในสนามบ้านเฉินอีก เพราะพอมาที่นี่เขาจะนึกถึงความอับอายในวันนี้
“ฉันกับคุณเป็นอะไรกัน? ทำไมฉันจะต้องดึงคุณขึ้นมาด้วย?”
เฉินเยี่ยนเหล่มองอวี๋เหวยหมินแวบหนึ่ง
“คุณ คุณเป็นภรรยาผมนะ”
อวี๋เหวยหมินโกรธจะแย่อยู่แล้ว เฉินเยี่ยนนี่ทำไมคุยด้วยยากขนาดนี้ เมื่อก่อนเธอเชื่อฟังตัวเองจะตาย
นัยน์ตาเฉินเยี่ยนมีแววเยือกเย็นแวบขึ้นมา อวี๋เหวยหมินยังกล้าพูดแบบนี้อีก
“ผมหมายถึงชาติที่แล้ว ไม่ว่ายังไงพวกเราก็เคยเป็นสามีภรรยากัน ถ้าคุณไม่อยากให้ผมพูดถึงคุณ ก็ลากผมขึ้นไป”
อวี๋เหวยหมินอธิบาย ไม่ใช่ว่าตัวเขาปีนออกมาเองไม่ได้ แต่เขาขยะแขยง เขารู้สึกขาอ่อนแรงไปหมด เขาขยับไม่ได้ เขาเลยให้เฉินเยี่ยนดึงเขาขึ้นไป
“อยากให้ฉันดึงคุณขึ้นไปก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”
เฉินเยี่ยนพูดมาถึงตรงนี้แล้วแวบมองอวี๋เหวยหมิน เวลานี้อวี๋เหวยหมินแค่อยากจะรีบออกไปจากที่นี่แล้วเอาน้ำล้างตัวเองสักสิบยี่สิบรอบ สมองเขาคิดอะไรไม่ออกแล้ว ได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยน ก็รีบตอบ “แล้วคุณยังไม่รีบอีก”
“อยากให้ฉันดึงคุณขึ้นมา อวี๋เหวยหมิน ได้ งั้นคุณบอกฉันมา คุณกับเฉินเวยคิดแผนอะไร บอกมา แล้วฉันจะดึงคุณขึ้นมา”
เฉินเยี่ยนถามอวี๋เหวยหมิย ถึงแม้เธอจะพอเดาได้บ้าง แต่เธอยังอยากได้ยินอวี๋เหวยหมินพูด
สายตาอวี๋เหวยหมินเป็นประกายแวบขึ้นมา เฉินเยี่ยนนี่ฉลาดกว่าแต่ก่อนเยอะเลย เมื่อก่อนเฉินเยี่ยนโง่มาก
เห็นอวี๋เหวยหมินแบบนี้ ในใจเฉินเยี่ยนเจ็บขึ้นมา เธอใช้มือรวบผมข้างใบหู มองไปบนฟ้า แล้วพูดเสียงเบา “อวี๋เหวยหมิน เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าฉันโง่ แต่ฉันไม่จู้จี้จุกจิก ไม่อยากจะคิดมากขนาดนั้น คนอื่นทำดีกับฉันส่วนหนึ่ง ฉันจะทำดีตอบสิบส่วน ฉันเชื่อว่าฉันจริงใจกับคนอื่น คนอื่นจะต้องจริงใจกับฉันเหมือนกัน ดังนั้นแม้ฉันจะลำบาก ฉันก็ไม่สนใจ ไม่ใช่เพราะโง่”
อวี๋เหวยหมินโดนคำพูดเฉินเยี่ยนเข้าไปจนอึ้ง เขามองเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนเชิดคางขึ้นมาเล็กน้อย เธอมองท้องฟ้า ไม่ได้มองเขา ไม่รู้ว่าทำไมอวี๋เหวยหมินมองเห็นความเจ็บปวดของเฉินเยี่ยน ที่แท้เฉินเยี่ยนไม่ได้โง่มาตลอดหรือ? ที่แท้เพราะเธอเชื่อตัวเองมาตลอด เพราะตัวเองเคยทำดีกับเธอ ดังนั้นเธอเลยไม่วุ่นวายเรื่องตัวเอง ที่จริงแล้วเฉินเยี่ยนมีข้อดีเยอะแยะ เธออายุน้อย สวย ฉลาด แล้วยังไม่สนใจเงินทอง อยู่กับตัวเอง เธอคิดเพื่อตัวเขาทั้งหมด ที่จริงเฉินเยี่ยนเป็นภรรยาก็ไม่เลวเลย ถ้าไม่ใช่…
อยู่ๆ อวี๋เหวยหมินก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ไม่ ไม่ ไม่! ไม่ควรคิดแบบนี้ ในเมื่อเฉินเยี่ยนเป็นภรรยาของเขา ก็ควรคิดเหมือนเขา ที่เธอทำทุกอย่างเป็นสิ่งที่ภรรยาควรจะทำทั้งหมด ส่วนตัวเขาและเฉินเวย เฉินเยี่ยนไม่ควรทำแบบนี้กับพวกเขา เป็นเพราะเฉินเยี่ยนใจแคบ ยอมให้เขาและเฉินเวยไม่ได้ เขาและเฉินเวยไม่ได้ทำผิด ตอนนี้เฉินเยี่ยนมาตอบโต้พวกเขาอีกแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของเฉินเยี่ยน
“เป็นเพราะคุณทำตัวเอง อย่ามาพูดเหลวไหวเลย ผมและเสี่ยวเวยจะทำอะไรผมไม่บอกคุณหรอก เฉินเยี่ยน ไม่ช้าก็เร็ว จะต้องมีวันที่คุณเสียใจทีหลังแน่ ผมจะทำให้คุณเห็นว่าผมอวี๋เหวยหมินเป็นที่ชื่นชมของคนทั้งโลก ผมต่างหากที่เป็นคนทำการใหญ่ ผมและเฉินเวยจะกลายเป็นคนร่ำรวย เป็นที่เคารพ คุณวางใจได้ ถ้ามีวันหนึ่งคุณต้องการข้าวแล้วมาถึงหน้าประตูบ้านผม ผมจะให้คนไปป้อนข้าวคุณหนึ่งคำ”
อวี๋เหวยหมินไม่พอใจที่โดนเฉินเยี่ยนทำแบบนี้ เขาตัดสินใจว่าอีกหน่อยจะเอาความอัปยศอดสูนี้คืนให้เฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนเหลือบมองหน้าอวี๋เหวยหมินด้วยความเย็นชา เห็นสายตาดีใจของอวี๋เหวยหมอยที่เมื่อกี้พูดคำพูดนั้นออกมา คนแบบนี้พูดมาอีกคำเธอก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว เดิมทีคิดอยากจะถามเรื่องแผนการของอวี๋เหวยหมินและเฉินเวย แต่อวี๋เหวยหมินไม่ยอมบอกก็ช่างเถอะ
คิดมาถึงตรงนี้ฉฺนเยี่ยนหันหลังเดินไป
“เฮ้ อย่าเพิ่งไปสิ คุณบอกว่าจะดึงผมขึ้นมา เฮ้ คุณไม่สนใจผมไม่ได้ เฉินเยี่ยน ผมจะฆ่าคุณ เฉินเยี่ยน คุณกลับมา เฉินเยี่ยน ผมบอก ผมบอกแล้วได้ไหม”
อวี๋เหวยหมินเห็นเฉินเยี่ยนจะไป ก็ลนลาน รีบร้อง
“คุณอยากจะบอก แต่ฉันไม่อยากฟังแล้ว คุณค่อยๆ ปีนขึ้นมาเถอะ”
เฉินเยี่ยนพูดเสียงเรียบ ไม่หันหน้ากลับมา และไม่สนใจเสียงร้องของอวี๋เหวยหมินอีก เธอกลับเข้าห้องตัวเอง
เฉินเยี่ยนนัยน์ตาแดงก่ำนั่งอยู่บนเตียง ไม่ใช่ว่าเธอไม่โกรธ เธอแต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าวันนี้อวี๋เหวยหมินจะใช้วิธีแบบนี้มาบีบบังคับตัวเอง ถ้าอวี๋เหวยหมินใช้วิธีอื่นมาทำร้ายเธอ เธอจะไม่เสียใจเลย เขากลับมาใช้ส่วนที่อยู่ใต้ร่มผ้าบนตัวเธอมาขู่เธอ เขายังเป็นคนอยู่ไหม ไม่ว่าจะยังไงตัวเองก็เคยเป็นภรรยาของเขา เป็นคนใกล้ชิดที่สุดของเขา
น้ำตาเฉินเยี่ยนไหลลงมาหยดหนึ่ง เธอปาดออกไป ไม่ควรค่าเพื่อผู้ชายแบบนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะไม่เสียใจเพราะเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว เธอจะอยู่ที่นี่มีชีวิตที่ดี ถ้าเธอมีชีวิตที่ดี มีชีวิตที่สดใส แบบนี้ถึงคู่ควรกับตัวเอง และให้อวี๋เหวยหมินและเฉินเวยได้ดู
ก่อนหน้านี้อวี๋เหวยหมินพูดอะไรมา เขาพูดว่าเขาเคยอ่านนิยายมาก่อน คนที่เป็นตัวเองเก่งกาจมาก ทำมาหากินจนร่ำรวยขึ้นมาอาศัยอะไร?
ทำสบู่หอม?
ไม่ สบู่หอมเธอทำไมได้ ถึงแม้เธอจะเคยเห็นมาบ้างแต่เธอทำไม่เป็น
มีนางเอกหลายคนที่รวยมาจากการทำผัก แต่ตอนนี้ให้เธอเปิดร้านเธอก็ไม่มีเงินลงทุน อีกอย่างเธอก็ไม่ได้อยากทำมาก ที่ตอนนี้ทำกิมจิ ผักกาดเผ็ด เพียงเพราะเธอไม่มีเงิน ถือเป็นการจุดเริ่มต้น
ทำดินปืนนี่ยิ่งไม่ต้องคิดเลย ตัวเองไม่มีความรู้ทำอันนั้น
ได้ยินมาว่าหลังการเปิดประเทศ การค้าขายเสื้อผ้าพวกนี้ก็หาเงินได้มาก แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดประเทศ ตัวเองก็ไม่มีเงินทุนซื้อขายเสื้อผ้าด้วย ดังนั้นตอนนี้ยังทำไม่ได้ ซื้อหุ้น หึหึ ชาติที่แล้วตัวเองไม่เคยเล่นหุ้นมาก่อน แต่อวี๋เหวยหมินชอบเรื่องนี้มาก บางครั้งเขาจะลากตัวเองไปดูด้วย ตัวเธอไม่ดีใจเลยสักนิด เล่นหุ้น เธอคงขาดทุนยับเยิน อีกอย่างตอนนี้ยังไม่ใช่ยุคที่เล่นหุ้น ตัวเธอก็ไม่สามารถนั่งรอจนถึงเวลาแล้วไปซื้อหุ้นได้หรอก
ตัวเธอหวังใหญ่ไม่ได้ อะไรก็ต้องเริ่มทำตั้งแต่ทีละเล็กๆ ที่บ้านยากจน เธอต้องสะสมเงินของตัวเอง ดังนั้นไม่สนว่าตอนนี้จะเงินสตางค์หนึ่ง เหมาหนึ่งหรือเหรียญหนึ่ง นี่เป็นเงินลงทุนในอนาคตของเธอทั้งหมด
แต่เฉินเยี่ยนกลัวคิดถึงอีกอผนของอวี๋เหวยหมินขึ้นมาได้ บุหรี่
ถึงแม้ตัวละครหลักที่รวยในยุคโบราณทำบุหรี่ไม่ง่ายเลย แต่ยุคนี้ยังสามารถทำบุหรี่ได้อยู่ เฉินเยี่ยนก็คิดถึงคำพูดของพ่อ บอกว่าหัวหน้าอำเภอให้บุหรี่ที่พ่อไม่เคยเห็นมาหนึ่งตัว พ่อดีใจแทบแย่ ตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องแล้ว เธอละเลยอะไรไป ที่แท้ก็คือบุหรี่
————
ตอนที่ 71: ไปป์บุหรี่
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนรู้ว่ายุคนี้คนสูบบุหรี่ที่นี่ใช้ไปป์สูบบุหรี่ บางคนที่บ้านมีกระดาษอะไรที่ไม่ใช้แล้ว ก็จะเอาใบยาสูบมาห่อ ส่วนที่นี่มีปลูกใบยาสูบ ในความทรงจำของเฉินเยี่ยน ตอนที่ยังไม่แยกกันอยู่ เธอไปจับหนอนบนพื้นที่ปลูกใบยาสูบอยู่บ่อยๆ
—
แต่ยุคนี้ไม่มียาเส้น ถ้าตัวเองเอาใบยาสูบมาทำเป็นยาเส้น แล้วใช้กระดาษสีขาวม้วนเอา หรือขั้นสูงไปกว่านั้น ใช้ตัวกรอง แล้วปิดผนึกทำเป็นกล่อง อย่างนั้นต้องขายออกแน่ อีกอย่าง แบบนี้ถือว่าเป็นของชั้นสูง ต้องมีคนซื้อแน่นอน
แต่ตัวเธอจะทำใบยาสูบเปลี่ยนเป็นยาเส้นได้ยังไง? น่าจะหั่นได้มั้ง?
แล้วจะพันยังไงนะ? ใช้มือไม่ได้ แบบนั้นจะไม่เท่ากัน เธอจำได้ว่าในยุคปัจจุบันแม่เคยบอกว่ามีไปป์สูบบุหรี่แบบหนึ่งที่พันได้ ยัดยาเส้นเข้าไปข้างใน แล้วค่อยวางกระดาษขาวสองแผ่น จะมีแกนอะไรสักอย่าง พอดันเข้าไป กระดาษขาวนั่นก็จะห่อยาเส้นไว้เลย แล้วใช้น้ำยาหรือกาวติดให้แน่น ออกมาก็เป็นบุหรี่แล้ว สามารถพันได้ทั้งแบบมีตัวกรองและไม่มีตัวกรอง แต่ไปป์สูบบุหรี่แบบนั้นเธอไม่เคยเห็น และทำไม่เป็น จะทำยังไงดี?
“ท่านต้องการไปป์บุหรี่ใช่ไหม?”
ตอนที่เฉินเยี่ยนกำลังคิดไม่ออก อยู่ๆ ในหัวเธอก็มีเสียงพูดขึ้นมา เฉินเยี่ยนตกใจ แล้วก็เข้าใจว่าเสียงนี้เป็นเสียงในหลุมอวกาศที่พูดคุยกับเธอ
“ใช่แล้ว เธอทำไปป์บุหรี่ได้หรือ?”
เฉินเยี่ยนใช้วิธีการคิดติดต่อกับหลุมอวกาศ
ติดต่อกับหลุมอวกาศเสร็จเฉินเยี่ยนถอนหายใจยาวออกมา ได้ฟังความเห็นจากหลุมอวกาศนั้นเขามีไปป์บุหรี่แบบนั้นจริงๆ ไปป์บุหรี่ที่เธอหมายถึงไม่ใช่ไปป์บุหรี่แบบที่คนรุ่นหลังเขาใช้กัน แต่เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่ง เอาไว้พันบุหรี่ ถ้าหลุมอวกาศมี ตัวเองก็ไม่ต้องกังวลแล้ว เอาไปป์อออกมา เธอก็สามารถผลิตบุหรี่ได้แล้ว เงินนี่หาได้เร็วกว่าผักกาดเผ็ด หรือกิมจิมากเลย ดูเหมือนหลุมอวกาศไม่ได้หลอกลวงไปเสียทีเดียว อย่างน้อยก็เป็นประโยชน์กับตัวเอง นี่ก็พอแล้ว
เฉินเยี่ยนกำลังดีใจอยู่ หลุมอวกาศก็แสดงความเห็นต่อมาจนเกือบทำให้เธอด่าพ่อล่อแม่ เพราะหลุมอวกาศบอกเธอว่าต้องการไปป์บุหรี่ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่เฉินเยี่ยนจำเป็นต้องใช้เลือดบริสุทธิ์ของตัวเองไปเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ด้านในหลุมอวกาศ ส่วนเครื่องนั้นโดนเก็บอยู่ในหลุมอวกาศตอนที่อวี๋เหวยหมินตีเธอ จำเป็นต้องใช้เลือดบริสุทธิ์ของเฉินเยี่ยนเปิด ขอแค่เฉินเยี่ยนสละเลือดบริสุทธิ์หนึ่งหยด เครื่องก็จะออกแบบร่างไปป์บุหรี่มาให้
บ้าไปแล้ว แค่ดูรูปก็ต้องใช้เลือดบริสุทธิ์หนึ่งหยด เธอมีทั้งหมดหนึ่งร้อยหยด นี่ยังไม่รวมให้หลุมอวกาศทำอย่างอื่นอีก ถ้าคิดแบบนี้ เธอต้องใช้อีกหลายรอบเลย เลือดบริสุทธิ์ก็สร้างใหม่ไม่ได้ด้วย นี่ไม่ใช่หลอกลวงแล้วเรียกว่าอะไร
แต่จะหลวกลวงยังไงเฉินเยี่ยนทำได้แค่ใช้เลือดบริสุทธิ์เอาเครื่องคอมพิวเตอร์ออกมา เพราะไปป์บุหรี่นี่ทำยังไงเธอไม่รู้เลยจริงๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน
เฉินเยี่ยนเอาเลือดบริสุทธิ์เปิดเครื่องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว รอจนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในศีรษะเธอออกแบบภาพไปป์บุหรี่ออกมา เฉินเยี่ยนก็ไม่เจ็บแล้ว ถึงแม้ไปป์บุหรี่นี้ดูแล้วไม่ซับซ้อน แต่แสดงถึงรายละเอียดมาก บอกทีละขั้นตอนว่าทำยังไง ต้องใช้อะไรมีอยู่ในรูปหมด ละเอียดมากเลย
ยังไงเครื่องก็เปิดมาแล้ว ต้องใช้เลือดบริสุทธิ์ของเธออีกหนึ่งหยด เธอลองดูว่าจะให้คอมพิวเตอร์แสดงผลอย่างอื่นได้ไหม
เฉินเยี่ยนใช้ความคิดเธอเปิดคอมพิวเตอร์ แต่เครื่องไม่มีปฏิกิริยาเลยสักนิด เธอลองหลายวิธี แต่เครื่องนั้นไม่ไว้หน้าเธอเลย เฉินเยี่ยนรู้ เลือดบริสุทธิ์หนึ่งหยดสามารถให้ได้แค่สิ่งที่เธอต้องการ ถ้าเธอต้องการอย่างอื่นอีก ก็ต้องเอาเลือดบริสุทธิ์มาแลก
ช่างเถอะ ได้ภาพของไปป์บุหรี่แล้ว ไม่ว่ายังไงเลือดบริสุทธิ์หนึ่งหยดนั้นก็ไม่เสียเปล่า ไม่อย่างนั้นเธอไม่มีทางทำไปป์บุหรี่ออกมาได้แน่
ตอนนี้มีภาพแล้ว สามารถทำไปป์บุหรี่ได้แล้ว แต่ว่าตัวเธอเองทำไม่ได้ เรื่องงานช่างจะไปให้ใครช่วยเธอดีนะ?
เฉินเยี่ยนนึกถึงเฉินจงขึ้นมาทันที พ่อทำงานไม้เป็น ทำไมต้องไปหาคนไกลตัว หาพ่อเธอก็ได้แล้ว
คิดมาถึงคนช่วย มีคนทำไปป์บุหรี่ให้แล้ว อีกอย่างวันนี้อวี๋เหวยหมินพูดเรื่องบุหรี่ออกมาให้เธอโดยไม่ตั้งใจ เฉินเยี่ยนดีใจมาก เพราะเธอมีหนทางหาเงินอีกทางแล้ว
เฉินเยี่ยนกำลังดีใจอยู่ ได้ยินเสียงข้างนอกดังขึ้นมา เธอยืนอยู่หน้าประตูมอง เป็นอวี๋เหวยหมินปีนขึ้นมาจากหลุมปุ๋ยคอก กำลังทะเลาะกับหวางนิวอยู่
“เจ้าหาเรื่องพวกนี้เอง อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉัน อี๋ ดูตัวเจ้าเหม็นขนาดนี้ รีบไปซะ อย่ามาทำให้คนอื่นเหม็นไปด้วย”
หวางนิวบีบจมูกพูดใส่อวี๋เหวยหมิน มองดูทั้งหน้าทั้งตัวอวี๋เหวยหมินเต็มไปด้วยปุ๋ย เธอดีใจมาก เหม็นไม่เหม็นเธอไม่รู้สึกอะไร เพราะเวลาทำงานเธอก็ต้องตักปุ๋ยขึ้นมา รดปุ๋ยบนที่ดิน นี่เป็นสมบัติล้ำค่าในการทำเกษตรเลย มีอะไรให้รังเกียจ แต่อวี๋เหวยหมินตกลงไปในหลุมปุ๋ยของบ้านเธอ จนกลายเป็นแบบนี้ เธอรู้สึกโล่งใจออกมา ก่อนหน้านี้เธอยังเป็นห่วงลูกสาวจะโดนอี๋เหวยหมินหลอกอยู่เลย ตอนนี้เป็นแบบนี้ หมายความว่าลูกสาวตัดใจจากอวี๋เหวยหมินได้แล้ว แบบนี้ก็ดี ลูกสาวไม่โดนหลอก เธอก็วางใจแล้ว
“คุณ พวกคุณคอยดูผมแล้วกัน ผม ผม ฮัดชิ้ว ผมไม่ปล่อยเฉินเยี่ยนแน่”
อวี๋เหวยหมินพูดไปก็จามไป วันนี้เขาขายขี้หน้าหนักมาก เรื่องกระเทือนจิตใจอื่นๆ เขารับไม่ไหวแล้ว วันนี้เป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่านานเท่าไรกว่าเขาจะกลับเป็นปกติ
“เจ้าไม่ปล่อยพวกเรา พวกเราไม่ปล่อยเจ้าต่างหาก ดีเหมือนกัน อย่ามาปากดีตรงนี้เลย รีบไปซะ ดูเจ้าทำสนามบ้านฉันสกปรกไปหมดแล้ว”
หวางนิวพูดไปก็ทำหน้ารังเกียจถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าเธอทิ่มแทงอวี๋เหวยหมินจนทนไม่ไหว แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้เขาทนไม่ไหวอยากจะมีที่ที่มุดลงไป ไม่ต้องเจอใคร
“พวกคุณรอดูผมเถอะ”
อวี๋เหวยหมินพูดทิ้งท้ายอย่างโกรธแค้น วิ่งออกไปหน้าประตูบ้านเฉิน ถึงหน้าประตูเขาไม่ได้รีบออกไป แต่เขายื่นหน้าออกไปมองก่อน พอมองออกไป เขารีบดึงศีรษะกลับเข้ามา เพราะเขาเห็นมีสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ไม่ไกลจากบ้านเฉิน ส่วนทางกลับจากบ้านเฉินเขาต้องเดินผ่านสองคนนั้น แบบนี้สองคนนั้นก็จะเห็นเขา โดนคนเห็น ทั้งหมู่บ้านจนกระทั่งหมู่บ้านข้างๆ ก็จะรู้เรื่องนี้หมด เขาไม่มีหน้าออกไปเจอใครแล้ว
ไม่ได้ ยังไงก็ไม่สามารถให้คนเห็นได้ อีกหน่อยเขาจะเป็นถึงเศรษฐี ไม่สามารถมีประวิติเสียๆ แบบนี้ได้ ดังนั้นเขาเลยหันกลับมา เขาไม่กลัวคนบ้านเฉินพูดออกไป ถ้าคนบ้านเฉินพูดว่าเขาตกหลุมปุ๋ยที่บ้าน เขาก็แค่ไม่ยอมรับ บอกว่าบ้านเฉินกับเขามีความแค้นกัน ซี้ซั้วพูด ก็แค่ไม่มีคนอื่นเห็น ให้ตายยังไง เขาก็ไม่ยอมรับ
“เจ้ากลับมาอีกทำไม อยากให้พวกฉันเอาข้าวให้กินรึ”
ทางหวางนิวเห็นอวี๋เหวยหมินกลับมาอีก ก็ถามอย่างอารมณ์เสีย เฉินเยี่ยนที่อยู่ตรงประตูห้องรู้ ข้างนอกต้องมีคนแน่นอน อวี๋เหวยหมินรักหน้าตัวเองขนาดนั้น จะยอมให้คนที่เขาคิดว่าต่ำต้อยมาเห็นสภาพตัวเองแบบนี้ได้ยังไง
ถ้าเรียกคนอื่นเข้ามาดูก็ดี ให้คนอื่นเห็นสภาพน่าสมเพชของอวี๋เหวยหมินตอนนี้ คิดว่าน่าจะเป็นหัวข้อให้พูดกันอีกนาน น่าจะอีกนานกว่าอวี๋เหวยหมินจะกลับมาเป็นสภาพเดิม
แต่เฉินเยี่ยนส่ายหน้า ไม่ใช่ว่าเธอไม่กล้าทำ แต่เพราะเธอไม่อยากทำแบบนี้
————–
ตอนที่ 72: ทวงคืน
โดย
Ink Stone_Romance
“ผมไม่ต้องให้ป้ามายุ่ง ผมจะอยู่ตรงนี้รอ รอลุงกลับมา ผมมีเรื่องจะคุยกับลุง”
ตอนนี้อวี๋เหวยหมินไม่กล้าออกไป แต่ก็กลัวว่าหวางนิวจะไล่เขาออกไป เลยหาข้ออ้าง
“รอลุง? รอให้ลุงกลับมาตีเจ้าล่ะสิ”
หวางนิวพูดประชดใส่อวี๋เหวยหมิน
อวี๋เหวยหมินมองบนเพราะโดนประชด แต่เขาจะพูดอะไรได้ เขาพูดได้แค่ “คุณป้า ป้าต้มน้ำร้อนให้ผมหน่อย ผมจะล้าง ผมช่วยป้าทำงานจนเป็นแบบนี้ ป้าจะไม่สนใจไม่ได้ แล้วป้าเอาเสื้อผ้าของลุงมาชุดหนึ่งให้ผมหน่อย ผมจะเปลี่ยน”
อวี๋เหวยหมินทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาเหม็นจะตายอยู่แล้ว ดังนั้นเขาเลยยอมทนหน้าด้านพูดจาดีกับหวางนิว
“บ้านฉันไม่ได้เรียกให้เจ้ามาช่วยสักหน่อย ตัวเจ้ากระโดดลงไปเองจะโทษใคร ฉันยังต้องทำกับข้าวนะ จะเอาน้ำร้อนมาจากไหน ลุงก็ไม่มีชุดให้เจ้าเปลี่ยน ถ้าไม่ไป ก็รอไปแล้วกัน”
หวางนิวเบะปาก อยากจะมาล้างตัวที่บ้านเธอเหรอ? ไม่มีทาง เขาต้องใช้น้ำตั้งเท่าไร เธอไม่มีทางปรนนิบัติแน่
“คุณป้า”
อวี๋เหวยหมินเรียกอีกครั้ง แบบนี้ไม่ได้การ เขาทนไม่ไหวแล้ว
“เรียกผีสิ เรียกไปก็ไม่มี เจ้าอย่ามาทำให้ฉันขยะแขยง ไป ไปรอที่มุมกำแพงโน่น อยากรอลุง ก็รอไป ไม่อยากรอก็ไป ถ้าเจ้าไม่ไปรอที่มุมกำแพงดีๆ ฉันจะเรียกคนอื่นเข้ามาดู”
หวางนิวชี้ไปที่มุมกำแพง ให้อวี๋เหวยหมินไปรอตรงนั้น
อวี๋เหวยหมินโกรธจัด คนบ้านเฉินนี่น่ารักเกียจไปหมด น่ารังเกียจไปแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถให้คนอื่นเห็นได้ ดังนั้นเขาเลยไปรออยู่ที่มุมกำแพง ลมพัดมา ทั้งตัวเขาทั้งหนาวทั้งเหม็น อยากจะสลบไป
เห็นอวี๋เหวยหมินสภาพนี้เฉินเยี่ยนรู้สึกดีใจแวบขึ้นมา แต่ก็มีความเสียใจแวบขึ้นมาเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะอวี๋เหวยหมิน แต่เพราะอดีตของเธอ
เฉินเยี่ยนไม่สนใจอวี๋เหวยหมินที่นั่งอยู่มุมกำแพงตากลมอยู่ อวี๋เหวยหมินเรียกเธอ เธอก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไปห้องครัว ได้ยินเสียงหวางนิวกำลังพูดถึงสภาพน่าสมเพชของอวี๋เหวยหมินให้หวางจวนฟัง
“เยี่ยนจื่อ ลูกนี่สุดยอดจริงๆ ลูกคิดได้ยังไงให้เขาไปพรวนปุ๋ยให้บ้านเรา แล้วยังตกลงไปในหลุมปุ๋ยอีก ฮาฮาฮา แม่ขำจะตายอยู่แล้ว ปกติเห็นเจ้าอวี๋เหวยหมินนั่นเป็นคนรักสะอาด คราวนี้เขาโดนเสียบ้าง ก็สมควรอยู่หรอก”
พอเห็นลูกสาวคนโต หวางนิวก็พูดกับเฉินเยี่ยนไม่หยุด สีหน้าดีใจไม่เหมือนเสแสร้งเลย คนหมู่บ้านเกษตรค่อนข้างตรงๆ คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น หวางนิวไม่ชอบอวี๋เหวยหมิน เห็นเขาเป็นแบบนี้ ย่อมดีใจแน่นอน ไม่ต้องปิดบัง
“สะใจจริง แต่ไม่รู้ว่าแม่เขาจะมาหาเรื่องหรือเปล่า ป้านั่นด่าคนได้หยาบคายจะตาย”
ตอนนี้หวางจวนเริ่มกังวลใจ แม่อวี๋เหวยหมินนั่นไม่ควรไปยั่วโมโห ถ้าเธอมาหาเรื่อง กลัวว่าจะมีปัญหา
“กลัวเธอทำไม ตัวเขาหล่นลงไปเอง จะโทษใคร ถ้าเธอกล้ามาโวยวาย ฉันจะป่าวประกาศไปตามถนนให้รู้กันหมด ดูว่าใครจะขายหน้า”
เสีนงหวางนิวไม่เบาเลย อวี๋เหวยหมินที่อยู่มุมกำแพงที่สนามตัวสั่น หลังกลับไปต้องไม่ให้แม่มาโวยวายที่นี่ ไม่อย่างนั้นทั้งหมู่บ้านจะรู้หมด เขาก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้แล้ว
หวางนิวตอนนี้ไม่รู้ว่าเสียงเธอดังจนอวี๋เหวยหมินได้ยิน จะได้ไม่ต้องสร้างปัญหา
หลายคนนี้พูดคุยไปทำอาหารไป จนเฉินหู่กลับมาเขาพุ่งตรงเข้าไปในครัว พูดคุยกับหวางนิวอยู่สักพัก แล้วเข้าไปในโถงบ้าน เขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีคนหนึ่งยังนั่งอยู่ที่มุมกำแพง คนนั้นกำลังตัวสั่นอยู่
อวี๋เหวยหมินไม่ได้อยู่ในบ้านเฉินตลอด ระหว่างนั้นเขาเดินไปหน้าประตูบ้านเฉินตั้งหลายครั้ง แต่ข้างนอกมีคนตลอด เขาไม่กล้าออกไป จึงได้แต่รอ
จนถึงมื้อค่ำ เพราะเฉินจงยังไม่กลับมา หวางนิว เฉินเยี่ยน เฉินหู่ หวางจวนกินข้าวกันในห้องครัว
“ป้า คุณป้า ให้ข้าวผมชามหนึ่งเถอะ หนาว ผมหนาว”
อวี๋เหวยหมินทั้งหนาวทั้งหิว ทั้งตัวก็เหม็นอีก เขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เขามาขอข้าวถึงหน้าประตูห้องครัว อยากจะได้โจ๊กธัญพืชที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดจะมองเลยสักชาม
“ใคร ใครน่ะ”
เฉินหู่ตกใจขึ้นมา มองไปทางอวี๋เหวยหมิน แต่สภาพอวี๋เหวยหวินตอนนี้ดูได้เสียที่ไหน อาศัยแสงไฟจากเตา อวี่เหวยหมินตัวดำเป็นปื้น เหมือนผี ทำเอาเฉินหู่ตกใจจนโยนชามข้าวในมือไป สาดโจ๊กธัญพืชไปที่ตัวอวี๋เหวยหมิน
อวี๋เหวยหมินก็ตกใจจนกระโดด แต่ตอนนี้ปฏิกิริยาตอบโต้ของเขาช้าลง เลยไม่ได้ร้องออกมา เพียงแต่จ้องมองเฉินหู่ด้วยความอึ้ง
สายตาเฉินเยี่ยนขยับไปมา ไม่ได้พูดอะไร อวี๋เหวยหมินถึงกับมาขอโจ๊กธัญพืชหนึ่งชาม คนหนอคน…
“เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรบ้านข้า บอกมาเร็ว ไม่บอกข้าจะจัดการเจ้า”
ฝั่งเฉินหู่หยิบเหล็กร้อนขึ้นมา เป็นแท่งเหล็กที่บ้านเฉินเอาไว้ใช้เวลาก่อไฟ ดูท่าแล้วเหมือนแค่อวี๋เหวยหมินพูดผิดไปประโยคหนึ่ง เขาก็จะลงมือเลย
ไม่แปลกที่เฉินหู่จะทำแบบนี้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าในสนามบ้านตัวเองมีอีกคนอยู่ แล้วอยู่ๆ โผล่มา แล้วยังเป็นสภาพนี้อีก ไม่ตกใจก็แปลกแล้ว อีกอย่างตอนนี้ในบ้านมีผู้หญิงสามคน เขาเป็นผู้ชายคนเดียว การปกป้องผู้หญิงเป็นหน้าที่ของเขา
“ข้าอวี๋เหวยหมิน พี่เหวยหมินของเจ้าไง”
อวี๋เหวยหมินบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวว่าเฉินหู่จะเอาเหล็กร้อนในมือมาตีเขา
“อวี๋เหวยหมิน? มาทำบ้าอะไรที่นี่? ทำไมเหม็นอย่างนี้ เจ้าตกลงไปในส้วมมาเหรอ?”
เฉินหู่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าคนนี้คืออวี๋เหวยหมิน ถามจบเขาก็โมโหขึ้นมา “เจ้าเป็นพี่ใคร? ถุย อย่าคิดจะมาเป็นพี่ข้า เจ้าไม่คู่ควร เจ้ายังมีหน้ามาบ้านข้าอีก มาทำอะไร จะมาให้โดนตีใช่ไหม”
เฉินหู่พูดจาไม่ดีกับอวี๋เหวยหมินเลยสักนิด
อวี๋เหวยหมินกดความโกรธไว้ แม้แต่เด็กอายุสิบขวบก็แกล้งเขา บอกว่าจะตีเขา เขาน่าแกล้งขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่ตอนนี้เขาอยากจะพูดอะไรก็พูดไม่ได้ เขารู้สึกชา”
“ช่างเถอะ หู่จื่อ”
เฉินเยี่ยนดึงเฉินหู่มา เธอไม่อยากให้เฉินหู่ลงมือ
“ใช่แล้ว หู่จื่อ กินข้าวไป คนบางคนหน้าด้าน อย่าไปยุ่งกับเขา”
หวางนิวพูดจบก็ขมวดคิ้ว พูดกับอวี๋เหวยหมินด้วยความรังเกียจ “อยากกินข้าวก็กลับไปกินที่บ้านเจ้า บ้านเราไม่มีข้าวให้เจ้า รีบออกไปได้แล้ว เจ้าไม่เหม็น แต่พวกเราไม่อยากเหม็นไปด้วยนะ จริงๆ เลย”
อวี๋เหวยหมินมองสายตารังเกียจของหวางนิว เขาพูดไม่ออกว่าในใจรู้สึกยังไง ปกติเป็นเขาที่รังเกียจคนอื่น ตอนนี้กลับเป็นคนอื่นรังเกียจเขา แต่ตอนนี้เขาเหม็นจริงๆ แต่จะโทษใคร? เป็นเพราะเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนทำร้ายเขา คิดมาถึงตรงนี้อวี๋เหวยหมินจ้องมองเฉินเยี่ยนอย่างเคียดแค้น
“เจ้ายังกล้ามาจ้องพี่สาวข้า คิดจะทำอะไร ลองมองอีกทีข้าจะตีเจ้า”
เฉินหู่มองอวี๋เหวยหมิน โบกแท่งเหล็กร้อนในมือ เขาคิดว่าอวี๋เหวยหมินคนนี้ไม่ได้รับการสั่งสอนมา
อวี๋เหวยหมินไม่พูดอะไร เขารู้สึกว่าคนบ้านเฉินไม่มีเหตุผลเลย แต่เขาก็ไม่อยากไป ในครัวอบอุ่นกว่าข้างนอก
“นี่ทำอะไรกัน”
ตอนนี้เฉินจงกลับมาจากข้างนอกแล้ว มองดูหน้าประตูห้องครัวมีมนุษย์เปรอะมูลยืนอยู่ แล้วมองคนในห้องครัวเขาขมวดคิ้วถาม
“พ่อ ฉันจะเล่าให้คุณฟัง…”
หวางนิวเห็นสามีกลับมา ก็รีบเดินไปข้างหน้าเล่าเรื่องให้ฟัง เธอเล่าด้วยหน้าตาเบิกบานแช่มชื่น โดยเฉพาะตอนที่พูดถึงอวี๋เหวยหมินตกลงไปในหลุมปุ๋ยคอก ดูสดใสมาก
“สมน้ำหน้า ใครให้เขามาตีพี่สาว ไม่ตกลงไปตายก็ถือว่าเบาแล้ว”
หลังเฉินหู่รู้ว่าอวี๋เหวยหมินตกลงไปในหลุมปุ๋ยเขาถุยน้ำลายออกมา เขาไม่สงสารอวี๋เหวยหมินเลยสักนิด
————-
ตอนที่ 73: วงเป่า
โดย
Ink Stone_Romance
อวี๋เหวยหมินมารอตัวเอง เฉินจงเห็นเขาเหม็นไปทั้งตัว อวี๋เหวยหมินสีหน้าดูจนตรอกนัยน์ตามีแววไม่พอใจ
“เจ้ารอข้ามีอะไรจะพูด?”
ถึงแม้เฉินจงก็ไม่ชอบอวี๋เหวยหมิน แต่อีกฝ่ายเป็นแบบนี้แล้ว เขาเลยถามประโยคหนึ่ง
“ลุงเอาน้ำให้ผมล้างหน่อย แล้วเอาเสื้อผ้ามาให้ผมก่อนได้ไหม?”
ที่จริงอวี๋เหวยหมินไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น เขาไม่ไปจากบ้านเฉิน เพราะแค่ไม่อยากเจอคน ถึงแม้ว่าตอนนี้ฟ้าจะมืดแล้ว แต่บนถนนยังมีคนอยู่ เขาคิดจะอาศัยตอนฟ้ามืดแล้วรีบวิ่งกลับไป
“ไม่ได้”
เฉินจงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดเลย
อวี๋เหวยหมิน…
“มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา พูดจบก็ไปสะ อีกหน่อยไม่ต้องมาแล้ว ถ้าให้ข้าได้ยินเจ้าพูดเรื่องอยากจะแต่งงานกับเยี่ยนจื่ออีก ข้าจะตีขาเจ้าให้ขาด จำเอาไว้ ลูกสาวบ้านเฉินถึงแม้จะแต่งไม่ออก ก็จะไม่แต่งกับคนแบบเจ้า”
เฉินจงพูดตรงประเด็น ไม่เหลือพื้นที่ให้ต่อรองเลย
เฉินเยี่ยนรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา และก็วางใจ พ่อแม่ไม่คนที่โง่เขลาประเภทนั้น ไม่ยอมให้เธอทนเรื่องที่รับไม่ได้เพื่อชื่อเสียงที่ดีของเธอ ดูเหมือนสวรรค์ยังเมตตาเธออยู่
โดนพูดแบบนี้อวี๋เหวยหมินโมโหขึ้นมา พวกนี้ดูถูกเขา เขาต่างหากที่ดูถูกคนพวกนี้ อีกหน่อยถ้าเขารวยแล้ว เป็นเศรษฐีแล้ว เขาจะดูคนพวกนี้มากอดขาเขาร้องไห้ ถึงเวลานั้นดูว่าเขาจะทำให้พวกนี้ขายหน้ายังไง
“ในเมื่อลุงพูดแบบนี้แล้ว งั้นก็ถือว่าวันนี้ผมไม่ได้มาแล้วกัน หวังว่าอีกหน่อยลุงคงไม่เสียใจ”
อวี๋เหวยหมินพูดจบก็มองเฉินเยี่ยนอยากสมเพชแวบหนึ่งแล้วหันหลังเดินออกไป ตอนนี้เวลากำลังดี ฟ้ามืด เจอใครตามถนนก็มองไม่ออกว่าเขาคือใคร เขาวิ่งเร็วหน่อย ก็อาจจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้
“ถุย หน้าไม่อาย ยังบอกว่าไม่ได้มา ถ้าไม่ได้มาก็เป็นหลานขิงเต่ามั้งที่มาทำบ้านเราเหม็น”
หวางนิวพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ ฝีเท้าอวี๋เหวยหมินหยุดชะงัก รังเกียจเขาเหม็น เขาเหม็นมากจริงๆ ไม่ ไม่ ไม่ต้องคิดแล้ว เขาต้องรีบกลับไปเอาน้ำรากตัวสักสิบยี่สิบรอบ เขาต้องการลืมเรื่องวันนี้ พูดขึ้นมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแค่คิดถึงวันนี้เขาก็จะบ้าแล้ว
ในที่สุดอวี๋เหวยหมินก็ไปแล้ว คนบ้านเฉินกินข้าวเย็น แล้วพูดคุยกับเสร็จต่างแยกกันไปพักผ่อนห้องนอนตัวเอง
หวางจวนที่อยู่ในห้องไม่ได้ถามเฉินเยี่ยนว่าอวี๋เหวยหมินมาทำไม เพราะเธอรู้ว่าถ้าเฉินเยี่ยนอยากพูดเธอจะต้องพูดเอง เธอไม่พูดนั่นหมายความว่าไม่อยากให้เธอรู้
เฉินเยี่ยนพลิกตัว ก่อนหน้าคนคนบ้านเฉินเป็นห่วงกลัวว่าแม่อวี๋เหวยหมินเห็นอวี๋เหวยหมินสภาพนั้นแล้วจะมาหาเรื่อง แต่เธอไม่กังวลเลย อวี๋เหวยหมินคนที่รักหน้าตัวเองขนาดนั้น ถ้าแม่เขามาหาเรื่องแล้วทำให้คนในหมู่บ้านรู้เรื่องที่เขาตกลงไปในหลุมปุ๋ยคอก คิดว่าเขาคงได้คิดฆ่าคนแน่ ดังนั้นเขาเลยไม่พูด ถึงจะพูด เขาก็จะไม่ยอมให้แม่เขามาโวยวาย กลับกันยังจะให้แม่เขาปิดบังอีกด้วย ดังนั้นคืนนี้ไม่มีคนมาหรอก
แต่วันนี้เฉินเวยไม่ได้มา ก็ใช่ เฉินเวยคนนี้เห็นแก่ตัว ในใจมีแต่ตัวเอง เธอพูดให้อวี๋เหวยหมินมา ส่วนเธอแค่รอผลก็พอแล้ว ถึงอวี๋เหวยหมินจะกลับดึกมาก ถึงเธออยากรู้เธอก็ไม่มา เพราะเธอกลัวจะโดนเหมาไปด้วย เธออยากจะเล่นบทผู้ไร้เดียงสา
วันนี้ที่อวี๋เหวยหมินได้รับบทเรียนคิดว่าคงจะไม่พูดให้เธอบอกวิธีทำผักอะไรนั่นให้เขาอีก และจะคงไม่มาพูดจาน่าขยะแขยงเรื่องให้เธอและเฉินเวยอยู่ด้วยกันกับเขาอีกเหมือนกัน จากที่เธอรู้จักอวี๋เหวยหมินเขาไม่น่าจะพูดเรื่องสัญลักษณ์ในร่มผ้าของตัวเอง เพราะอวี๋เหวยหมินและเฉินเวยยังต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ เผื่อในอนาคตจะสามารถเอาออกมาให้ได้ แต่แผนนี้ของพวกเขาไม่สำเร็จ พวกเขาไม่ยอมรามือแน่ พวกเขาจะต้องคิดหาวิธีการอื่นมาจัดการตัวเอง เฉินเยี่ยนไม่กังวลใจมาก เพราะอวี๋เหวยหมินเป็นพวกใฝ่สูงแต่ทำอะไรไม่เป็น เฉินเวยก็ไม่ถือว่าเป็นคนฉลาดมาก เธอไม่กลัวพวกเขา เพียงแค่มีคนคิดจะจัดการเธอตลอดเวลา นานทีจะออกมารังควานเธอ น่ารำคาญมาก
ไม่คิดถึงพวกนั้นแล้ว หาเงินสำคัญกว่า พรุ่งนี้ต้องบอกพ่อให้เขาทำไปป์บุหรี่ให้ ตัวเธอก็ต้องคิดวิธีทำยาเส้น ในหมู่บ้านมีใบยาสูบเต็มไปหมด เอาใบยาสูบมาทำเป็นยาเส้นได้ แต่ยาเส้นก็ต้องปรุง ไม่อย่างนั้นรสชาติไม่ดี เธอไม่เคยทำมาก่อน ต้องศึกษาดู
วันรุ่งขึ้นเฉินเยี่ยนตื่นขึ้นมาเฉินจงก็ออกไปแล้ว เพราะวันนี้เป็นวันฝังศพยายของบ้านอวี๋ เขาตื่นแต่เช้าตรู่ออกไปช่วย
เฉินเยี่ยนก็ไม่มีอะไรทำ เลยออกไปดู ถือว่าไปเปิดหูเปิดตาดูงานฝังศพของยุคนี้ว่าคึกคักขนาดไหน
ถึงแม้เธอจะเป็นเกษตรกร แต่เธอเกิดช้า ยุคเธอเกษตรกรตายกับยุคปัจจุบันเหมือนกันทุกอย่าง
เฉินเยี่ยนเห็นคนครึ่งหมู่บ้าน ที่จริงไม่มีอะไรทำแค่ออกมาดูให้ครึกครื้น ตรงกลางถนนมีโลงศพวางอยู่ โลงศพมีสีดำ ด้านบนมีเชือกป่านเต็มไปหมด เชือกป่านนี้ล้อมกระบอกไม้เอาไว้ สักพักมีชายหนุ่มรูปร่างดีมายกโลงศพ จะย้ายจากถนนไปจนถึงป่าช้า ได้ยินว่าหลายคนที่ยกนี่ก็มีฝีมือ แต่เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจ
เฉินเยี่ยนเห็นมีคนใส่ชุดผ้ากระสอบหลายคนฟุบไปกับโลงศพทั้งสี่ด้าน แต่ละคนร้องไห้กับโลงศพดั่งฟ้าถล่ม ร้องไห้ไปปากก็ตะโกนไป ตะโกนว่ามีหมดทุกอย่างแล้ว ผู้หญิงพวกนี้เป็นลูกหลานของบ้านอวี๋
ด้านหน้าโลงศพมีคนใส่ชุดผ้ากระสอบคุกเข่าอยู่ เป็นผู้ชายทั้งหมด คนนำเป็นลูกชายคนโตของคุณยายอวี๋ ในมือเขาถือธงกระดาษเรียกดวงวิญญาณ นอกจากนี้ยังมีลูกชายอีกคนอุ้มอ่างน้ำ แล้วฟุบลงไปกับพื้นร้องไห้
เฉินเยี่ยนไม่เข้าใจพิธีพวกนี้ แค่มาดูเฉยๆ
นอกจากพวกนี้แล้วยังมีคณะวงเป่าอีกด้วย ทั้งหกเจ็ดคนต่างเป่าล้อมรอบโลงศพ เป่าจนที่ๆ ครึกครื้นต่างกระโดดขึ้นมาเป่าด้วย คึกคักมาก
เรื่องนี้เฉินเยี่ยนพอรู้อยู่ คนแก่เสียชีวิต พิธีศพจัดยิ่งครื้นเครง ยิ่งคึกคัก บ้านนี้จะยิ่งได้หน้าได้ตา ดังนั้นที่นี่ก็มีธุรกิจวงเป่าแล้ว พวกคนที่เป่าแตรพวกนั้น พวกเขารับทั้งงานมงคลและงานศพโดยเฉพาะ มาทำให้งานครื้นเครง
ชาติที่แล้วเฉินเยี่ยนก็เคยเห็น แต่ตอนนั้นวงเป่าไม่เหมือนกับยุคนี้เท่าไร ในยุคนี้ดูดั้งเดิมกว่า แต่วงเป่าในยุคหลังจะทำผิดจากเดิม ในวงเป่าจะต้องมีผู้หญิงหนึ่งคน ผู้หญิงคนนี้จะหน้าตาสวยหรืออัปลักษณ์ไม่เป็นไร แต่ต้องทำงานเป็น ไม่ว่าจะร้องเพลงเอย เต้นเอย ที่สำคัญต้องหน้าหนาด้วย เปิดกว้าง มีผู้หญิงแบบนี้แสดงถึงค่อยจูงใจคนอื่น ถ้าทั้งวงมีแต่ผู้ชาย ถึงจะเล่นเก่งแค่ไหน ก็มีแค่น้อยคนไปดู อีกอย่างมีครอบครัวของผู้เสียชีวิตมากมาย นอกจากวงเป่าแล้วยังเสียเงินจ้างนักแสดงร้องรำทำเพลงอีกด้วยมาให้งานคึกครื้น แต่เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดว่าคนตายเป็นเรื่องเสียใจหรือเรื่องน่ายินดี
ธรรมเนียมแบบนี้เฉินเยี่ยนไม่ไปวิจารณ์ เพราะไม่ใช่เรื่องที่เธอจะไปขัดขวางได้ ตอนนี้เธอดูแต่คนที่เป่าเครื่องดนตรีแต่ละคนออกแรงแสดงกัน พวกเขาเหมือนกินยาลูกกลอนมาเลย มีพลังไปทั้งตัว เสียงเป่าแตรที่ดังกึกก้องนั้นไม่เหมือนโศกเศร้าเลย แต่เหมือนเจอเรื่องดีใจอะไรสักอย่าง ปลุกใจให้ฮึกเหิม
——————–
ตอนที่ 74: ถีบส่งเรือข้ามฝาก
โดย
Ink Stone_Romance
คนพวกนั้นเป่าอย่างสุดพลังต่างกระโดดและปล่อยพลังในตัวออกมาให้หมด เพื่อให้เจ้าของบ้านเห็นว่าพวกเขาออกแรงเต็มที่ จะได้ยิ่งให้คนมาเรียกใช้เขา เขาจะได้มีกิน
“วงเป่าพวกนี้โหมแรงเต็มที่เลย เธอดูคนนั้นกระโดดสูงมาก”
“ถ้ากระโดดไม่สูงใครจะเรียกใช้พวกเขาล่ะ? พวกเขาเป็นพวกไม่มีงาน ไม่ออกสุดแรงแล้วจะเอาอะไรกิน”
“นั่นสิ ลูกฉันยังอยากจะเรียนเครื่องดนตรีเป่าเลย โดนฉันตีเสียหนัก เป่าพวกนี้ใครจะให้เกียรติ อีกหน่อยแม้แต่ภรรยาก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”
“นั่นก็ไม่แน่นะ เธอดูคนพวกนี้ พวกเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีภรรยา ฉันว่ายังพอได้นะ พวกเขากินอยู่ก็ไม่ได้เลวร้าย แล้วยังมีเงินอีก ถึงแม้ไม่ถึงเดือน แต่ก็ไม่อดตาย”
“เธอว่ายังพอได้ งั้นให้ลูกชายเธอไปเรียนเครื่องเป่า”
“พูดอะไรน่ะ ลูกชายเธอต่างหากที่ไปเรียนเครื่องเป่า อย่ามาพ่วงฉันด้วย”
……….
มีคนคุยกันทั่วทุกทิศ คุยกันทุกเรื่อง
ทุกคนไม่ได้ชีวิตที่ง่ายเลย เฉินเยี่ยนมองดูคนที่ร้องไห้หน้าโลงศพพวกนั้น แล้วมองดูพวกคนที่อกแรงเป่าอย่างเต็มที่ มองดูคนที่มามุงดู ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เต็มรอบด้าน อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าไม่น่าสนใจ
ชีวิตคนหนอ หนึ่งร้อยคนก็มีใบหน้าหนึ่งร้อยหน้า มีร้อยความคิด คุณไม่เห็นตรงกับคนอื่น คนอื่นก็ไม่เห็นตรงกันกับคุณ คุณไปแทนที่คนอื่นไม่ได้ คนอื่นก็แทนที่คุณไม่ได้ ชีวิตหนอ มีชีวิตที่ดีก็เพียงพอแล้ว
เฉินเยี่ยนกลับบ้านด้วยความหดหู่
“แม่ ไม่ต้องพูดแล้ว หนูอยู่ที่ดีดีจะตาย หนูไม่กลับ และจะไม่แต่งงานด้วย แม่กลับไปเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว”
เฉินเยี่ยนกลับมาบ้าน เพราะประตูใหญ่ไม่ได้ปิดเธอเลยเดินตรงเข้าไปในสนาม มาถึงหน้าห้องตัวเองเธอได้ยินเสียงหวางจวน ฟังดูแล้วหวางจวนกำลังคุยกับแม่เธอ เฉินเยี่ยนหยุดเดิน
“เด็กโง่ ไม่แต่งงานจะเป็นหญิงแก่ไปทั้งชีวิตหรือไง แม่บอกให้ ลูกคิดว่าบ้านเฉินทำดีกับลูก ลูกอย่าโง่เลย บ้านเฉินเอาลูกกลับมา ก็แค่อยากจะหาคนใช้งานฟรีๆ ตอนนี้ทั่วหมู่บ้านมีใครไม่รู้บ้าง บ้านเฉินก็แค่อยากจะมีคนไว้ใช้งานแทนตัวเอง ให้ลูกเป็นทำงานเหมือนวัวเหมือนม้าให้พวกเขา ลองลูกไม่ทำ พวกเขาจะเลี้ยงดูลูกเหรอ จะโยนลูกออกไป ถึงเวลานั้นพวกเขาจะบอกว่าลูกไม่ได้เป็นอะไรกับพวกเขา ลูกไม่ได้แซ่เฉิน แก่แล้วก็ไม่มีใคร ขยับตัวไม่ไหวแล้วใครจะดูแล ลูกร้องไห้ก็ไม่มีที่ให้ร้อง ก็มีแค่แม่คนเดียว ที่เป็นห่วงลูกด้วยใจจริง แม่จะหาบ้านสามีให้ลูก ถึงแม้ไม่ได้ดีที่สุด อย่างน้อยก็พออยู่ได้ ลูกไม่แต่งงาน อีกหน่อยแก่แล้วใครจะเลี้ยงดู ไม่มีใครเผากระดาษให้ ลูกจะกลายเป็นผีไร้ญาติ”
เสียงแม่หวางจวนดังเข้ามาในหูเฉินเยี่ยน เดิมทีเฉินเยี่ยนอยากจะออกไปห้องครัว ได้ยินคำพูดนี้เธอเลยหยุด ทั้งหมู่บ้านหาว่าพวกเขาบ้านเฉินหาคนมาทำงานแทนตัวเอง เอาหวางจวนมาทำงานเป็นวัวเป็นม้า? เฉินเยี่ยนรู้ว่าคำพูดนี้ต้องมีคนตั้งใจปล่อยออกไปแน่ แต่เธอไม่เข้าใจแม่หวางจวน ทำไมเธอถึงได้พูดแบบนี้ ตอนนั้นสภาพหวางจวนแบบนั้น ถ้าตัวเธอไม่ออกหน้า หวางจวนก็โดนบังคับให้ตายแล้ว ตอนนั้นแม่หวางจวนยังขอบคุณตัวเองอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงได้สงสัยตัวเอง แล้วยังมาบอกหวางจวน ตอนนี้บาดแผลในใจหวางจวนยังไม่กลับมาสภาพปกติเลย ยังไม่กล้าออกไปเจอผู้คน เธอให้หวางจวนแต่งงาน เธอหวังดีกับหวางจวนจริงหรือ? นี่มันถีบเรือข้ามฝากส่งชัดๆ
เฉินเยี่ยนไม่ชอบที่แม่หวางจวนพูดแบบนี้ แต่ต่างคนก็ต่างความคิด เธอไม่สามารถไปขอร้องให้คนอื่นมีความคิดเหมือนเธอได้
“แม่ แม่พูดแบบนี้ได้ยังไง พี่เยี่ยนจื่อดีกับหนูจริง คุณลุงและคุณป้าก็ดีกับหนู รวมไปถึงหู่จื่อด้วย ก็มองหนูเป็นพี่สาว พวกเขามาให้หนูทำงานเป็นวัวเป็นม้าอะไรกัน ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย คนบ้านเฉินกินอะไรหนูก็กินเหมือนกัน พวกเขาทำกับหนูเหมือนลูกสาวแท้ๆ หนูทำงานให้หน่อยจะเป็นไรไป? งานที่หนูทำไม่ถือว่าเป็นงานอะไรเลย ถ้าไม่มีพี่เยี่ยนจื่อ ถ้าไม่มีคุณลุงกับคุณป้า เกรงว่าตอนนี้หนูคงตายนานไปแล้ว ชื่อเสียงหนูเป็นแบบนี้ พวกเขาจะคิดอะไรได้? พวกเขาไม่กลัวลำบากเลย ไม่รังเกียจที่หนูขายหน้ารับหนูมาอยู่ที่นี่ เลี้ยงดูให้หนูมีกิน แบบนี้แล้วพวกเรายังมาว่าพวกเขาแบบนี้ ยังมีจิตใจอยู่ไหม?
หวางจวนถามแม่ตัวเองตรงๆ ภาพคืนนั้นแวบมาตรงหน้าเธอทีละฉาก ความเย็นชาของคนในครอบครัวทำให้เธออึ้งไป แต่เธอไม่ถือโทษ แต่วัรรี้แม่มาพูดจาแบบนี้ทำให้เธอเสียใจ คนเราควรจะมีจิตใจที่ดี คนอื่นช่วยคุณ คุณไม่ตอบแทน แล้วยังมาพูดจาแบบนี้ นั่นไม่ใช่คน
แม่หวางจวนโดนลูกสาวถามตรงๆ แบบนี้หน้าเธอแดงขึ้นมา รู้สึกไปต่อไม่ถูก
เฉินเยี่ยนที่อยู่นอกประตูพยักหน้า หวางจวนมีสติ และก็มีใจด้วย
“ลูกสาวคนนี้นี่ อย่าลืมนะ คนที่คลอดลูกมาเลี้ยงดูลูกมาคือแม่ ไม่ใช่บ้านเฉิน คนอื่นทำดีหน่อยลูกก็ลืมว่าเป็นใครแล้วหรือ ลืมว่าแซ่อะไร แม่ว่าพี่สะใภ้พี่พูดถูก บ้านเฉินนี่ก็ไม่ใช่คนดีอะไร ลูกโดนพวกเขาหลอกแล้ว พวกเขาก็แค่จะใช้งานลูก แล้วก็ดูลูกอายุถึงแล้ว ดูท่าทางไม่ขี้เกียจ หวังเอาลูกมาแลกกับสินสอด อย่าโง่ไปหน่อยเลย ทุ่มแรงหายแรงใจให้เขาไป เขาก็ไม่ได้จะเห็นลูกดี ไม่อย่างนั้นทำไมทุกคนถึงไปดูวงเป่ากันหมด ปล่อยให้ลูกอยู่บ้านทำงาน ก็เพราะลูกกับพวกเขาไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน มีงานก็โยนให้ลูก พวกเขาไปมีความสุขกัน”
แม่หวางจวนโดนลูกสวพูดจนเริ่มโมโห ตอนแรกเฉินเยี่ยนออกหน้ามาช่วงหวางจวน ช่วยชีวิตหวางจวนกลับมา ตอนนั้นเธอรู้สึกซาบซึ้ง แต่เธอรู้สึกว่าบ้านเฉินไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรควร หวางจวนเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเธอ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว ฝั่งนั้นก็ไม่มารังควานแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมให้หวางจวนกลับ? พวกเขาเป็นคนในครอบครัวของหวางจวนต่างหาก หวางจวนเป็นคนขยัน หวางจวนไม่อยู่บ้าน งานที่บ้านหลายอย่างตกมาที่เธอ เธอรู้สึกต้องใช้แรงมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย บ้านเฉินให้หวางจวนมาอยู่ที่บ้านตลอดเวลา ทำงานให้บ้านเฉิน เพราะคิดว่าหวางจวนขยันดี เลยใช้งานหวางจวนแทน ข้อนี้ที่บ้านเฉินทำไม่ถูก แล้วยังเรื่องที่บ้านเฉินอยากจะได้เงินสินสอดอีก อีกหน่อยจะได้เอาไปให้เฉินหู่ไว้สู่ขอภรรยา
“ไม่ต้องพูดแล้ว คำพูดแม่ทำร้ายคนอื่น ถ้าพี่เยี่ยนจื่อ คุณลุงกับคุณป้ามาได้ยินเขา พวกเขาจะเสียใจขนาดไหน พวกเขาช่วยหนูยังไม่มีปัญญาจะชดใช้เลย ปรากฏว่ามาโดนพวกเราว่าเสียๆ หายๆ คนเราถ้าไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ ยังเป้นคนอยู่ไหม? แม่ แม่กลับไปเถอะ อีกหน่อยไม่ต้องเข้ามาบ้านนี้แล้ว หนูไม่อยากให้คุณป้ากับพี่เยี่ยนจื่อเสียใจ”
หวางจวนตาแดงก่ำแล้ว ในใจก็เจ็บปวดมาก เห็นๆ อยู่ว่าพี่เยี่ยนจื่น ครอบครัวเฉินช่วยตัวเองแท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้แม่ถึงเป็นแบบนี้ ถ้าใจคิดแบบนี้ อีกหน่อยจะมีใครมาช่วย
“ลูกคนนี้นี่ทำไมพูดแล้วไม่ฟังนะ ลูกยังมาออกรับแทนคนบ้านเฉินอีก แม่เป็นแม่แท้ๆ นะ คนที่ดูตัวนี่พี่สะใภ้ลูกไม่ได้หามาให้ลูกง่ายๆ นะ ผู้ชายคนนั้นโตกว่าลูกหน่อย แต่คนอายุมากกว่าจะรู้จักดูแลคนอื่น เขาไม่มีแม่ ลูกแต่งงานไปไม่มีแม่สามีมากดดันลูก ชีวิตก็สบาย อีกอย่างเขาไม่รังเกียจลูกเลย คนแบบนี้มีไม่เยอะ ลูกยังจะคิดอะไรอยู่? เป็นแบบนี้ลูกจะหาใครดีๆ มาแต่งงานได้ยังไง? แม่ไม่สน พี่สะใภ้ลูกตอบตกลงไปแล้ว ถ้าลูกไม่กล้าออกหน้า แม่จะไปพูดกับคนบ้านเฉินเอง ลูกเป็นลูกสาวของบ้านหวาง บ้านเฉินไม่ปล่อยลูกไปไม่ได้”
แม่หวางจวนเริ่มโมโห ลูกสะใภ้หาคนที่ดีให้ลูกสาว ลูกสาวจะได้แต่งงานออก เธอคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เธอไม่เข้าใจทำไมลูกสาวถึงทึมทื่อแบบนี้
————-
ตอนที่ 75: เตือน
โดย
Ink Stone_Romance
“แม่ แม่เป็นแม่แท้ๆ ของหนู แม่คิดว่าคนนั้นเขาดีจริงหรือ? ผู้ชายคนนั้นอายุสามสิบห้าแล้ว ก่อนหน้านี้แม่บอกว่าแม่เขาไม่อยู่แล้ว ทำไมไม่อยู่ล่ะ เพราะโมโหเขาจนตาย ทุกวันเขาเอาแต่ดื่มเหล้า ดื่มแล้วก็เมาอาละวาด ทุบตีคน ภรรยาคนก่อนหน้าเขาก็โดนตีจนหนีไป พืชผลที่ปลูกก็ไม่สนใจ แล้วเขายังมีน้องชายสามคน น้องสาวอีกสองคน คนเล็กเพิ่งไม่กี่ขวบเอง เขาแค่อยากจะมาคนมาคอยรับใช้เขาทั้งวัน คอยรับอารมณ์เขา มาทำงานเป็นวัวเป็นม้าที่บ้านเขา เพื่อเงินสินสอดแค่นั้นแม่ก็ไปฟังพี่สะใภ้ให้หนูแต่งงาน แล้วยังบอกว่าเขาไม่รังเกียจหนู หนูควรจะพอใจแล้ว ทำไมหนูต้องพอใจ ทำไมหนูต้องแต่ง? บ้านเฉินดีกับหนูขนาดนี้ ทำไมหนูจะต้องแต่งงานไปให้คนอื่นมาเหยียบย่ำหนู ถึงแม้แม่จะเป็นแม่แท้ๆ ของหนู แต่หนูมีบ้านแยกออกมาเป็นของตัวเองแล้ว ตอนนั้นคุยกันแล้วว่าจะเป็นจะตายจะแต่งงานหรือไม่แต่งงานทั้งชีวิตไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านหวาง ตอนนั้นพวกแม่ก็ตกลงแล้ว และลงชื่อเป็นหลักฐาน ตอนนี้กลับมาพูดเรื่องพวกนี้ หนูไม่แต่งงาน แม่ไม่ต้องมาพูดอีกแล้ว ให้พี่สะใภ้เลิกคิดได้เลย และอย่าพูดว่าบ้านเฉินไม่ดีอีกเลย จะทำให้รู้สึกผิดหวัง”
เสียงหวางจวนฟังดูเย็นชา เธอไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมแม่แท้ๆ ถึงมาบีบตัวเองแบบนี้ เอาเรื่องที่ทำเพื่อตัวเธอมาอ้าง นั่นเพื่อตัวเธอเหรอ? นั่นยิ่งผลักตัวเธอเข้าไปในกองไฟ
เฉินเยี่ยนที่อยู่หน้าประตูอึ้งไป พูดตามจริง ถึงแม้คำพูดแม่หวางจวนจะทำให้รู้สึกผิดหวัง แต่เธอไม่เสียใจเลย เพราะคนเรามักเป็นแบบนี้ เห็นแก่ตัว เรื่องลำบากผ่านไปแล้ว มีหลายคนที่ตอนนั้นเธอไม่คิดจะช่วย แค่พิจารณาเฉยๆ ถ้าแม่หวางจวนให้หวางจวนแต่งงานกับคนที่ดี แล้วหวางจวนเอาชนะจิตใจตัวเองได้แล้ว เธอจะไม่คัดค้านคนบ้านหวางเลย ยังไงผู้หญิงก็ต้องมีครอบครัวถึงจะสมบูรณ์ มีครอบครัวถึงมีที่พึ่ง แต่ฟังความหมายที่หวางจวนพูดแล้วผู้ชายบ้านนั้นไม่ได้ดีอะไร นั่นมันขุมนรก เป็นแม่แท้ๆ ทำไมเธอถึงทำแบบนี้กับลูกสาวตัวเอง?
แม่หวางจวนอยู่ในห้องโดนลูกสาวตัวเองพูดทำร้ายจิตใจ ไม่เพียงแต่ทำร้ายจิตใจ เธอยังโกรธด้วย เธอคิดว่าวันนี้เธอมาพูดแล้ว ลูกสาวจะกลับไปพร้อมเธอ ยังไงลูกสาวก็ต้องแต่งงาน ค่อยรอว่าเต่งกับคนแบบไหน นั่นเป็นโชคชะตา ลูกสาวเกิดเรื่องแบบนั้นมา จะไปหาสามีแต่งงานได้ยังไง มีคนต้องการลูกสาว ลูกสาวก็ควรแอบดีใจได้แล้ว ใครจะคิดว่าลูกสาวจะไม่เข้าใจความหวังดีของตัวเอง ไม่รับความหวังดีของเธอเสียอย่างนั้น แล้วยังพูดแทนบ้านเฉินอีก ดูเหมือนบ้านเฉินจะเลี้ยงลูกสาวจนเสียนิสัยไปแล้ว สอนให้ไม่รู้จักครอบครัว ไม่รู้ว่าตัวเองแซ่อะไรไปแล้ว
“ลูกอย่าแยกแยะใครดีและไม่ดีไม่ออก ลูกไม่ลองคิดดูลูกเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น คนดีๆ ที่ไหนจะยังอยากได้ลูก แต่บ้านนี้ไม่ว่าอะไร แต่ลูกสามารถมีสามีได้ อีกหน่อยลูกมีลูกให้พวกเขา พวกเขาก็ทำอะไรลูกไม่ได้ ถึงแม้เขาจะกินเหล้าตบตีคน มีผู้หญิงที่ไหนที่ไม่โดนระบายอารมณ์ใส่บ้าง นั่นเป็นโชค แค่ตีไม่ตาย ทนๆ เดี๋ยวก็ผ่านไป ลูกคลอดลูกชาย อีกหน่อยลูกจะได้มีที่พึ่ง ลูกตายไป จะได้มีคนร้งไห้หน้าโลงศพให้ โยนสตางค์ลงไปให้อ่างให้ลูก ลูกไม่แต่งงานจะมีอะไร? ลูกคิดว่าบ้านพวกเขาจะทำดีกับลูกด้วยใจจริงหรือไง เฉินเยี่ยนนั่นเป็นคนยังไงลูกไม่รู้หรือ? ตัวเองทำเรื่องน่าขายหน้า ทั้งหมู่บ้านต่างพูดแต่เรื่องเธอ ลูกไปเรียนเรื่องหน้าอายมาจากเธอหรือ? แม่ว่าพี่สะใภ้ลูกพูดเรื่องเธอไว้ไม่เกินไปเลย เธอก็คือ…”
แม่หวางจวนกำลังจะพูดขึ้นมา เฉินเยี่ยนเปิดประตูเข้าไป คำพูดเธอหยุดไปทันที แล้วกลืนลงไปทั้งอย่างนั้น สำลักคอ หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนแม่ไก่
แม่หวางจวนทำตัวไม่ถูก กำลังนินทาอยู่พอดีเลย อยู่ๆ เธอก็มาปรากฏตัวตรงหน้า จะพูดก็ไม่ได้ ไม่พูดก็ไม่ได้ อึดอัดใจ
“คุณป้าเป็นอะไรไปคะ? คุณป้าว่าหนูว่ายังไง พูดต่อสิคะ?”
เฉินเยี่ยนถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ้อ เหอเหอ แหะแหะ ป้า ป้าก็แค่บอกว่าเฉินเยี่ยนเป็นคนดี เป็นคนดี ป้าขอบใจเธอมากนะ”
แม่หวางจวนยิ้มไม่เป็นปกติมาก เธอพูดว่าเฉินเยี่ยนต่อหน้าไม่ได้อยู่แล้ว พูดได้แค่เฉินเยี่ยนดี แต่น้ำเสียงแข็งมากถึงมากที่สุด ใบหน้าก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ
เฉินเยี่ยนยิ้ม ทำเหมือนไม่ได้ยินคำด่าพวกนั้นที่แม่หวางจวนพูด
หวางจวนก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน แต่เธอเข้าใจเฉินเยี่ยน ตัวเธอเองไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะเธอไม่กลัวว่าเฉินเยี่ยนจะได้ยิน เธอรู้สึกผิดหวังมากกับความคิดและวิธีคิดของครอบครัวตัวเอง
“พี่ กลับมาแล้วเหรอ แม่ฉันมาเยี่ยมน่ะ”
หวางจวนทักทายเฉินเยี่ยน
“แม่ พี่เยี่ยนจื่อกลับมาแล้ว แม่กลับไปเถอะ ยังไงเรื่องนี้หนูก็พูดชัดเจนไปแล้ว หนูจะไม่แต่งงาน แม่ไปบอกพี่สะใภ้เลย ถ้าเธอตกลงกับเขาไปแล้ว ใครอยากแต่งคนนั้นก็แต่งเลย หนูไม่แต่ง ถ้าจะต้องบังคับให้หนูแต่งงาน อย่างนั้นก็มารับศพหนูไปเลย”
หวางจวนคิดว่าจำเป็นต้องพูดให้รู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นถึงแม้วันนี้แม่กลับไป วันหลังพี่สะใภ้นั่นก็ต้องมาหาอีก น่ารำคาญ
แม่หวางจวนเห็นลูกสาวพูดจาเย็นชาขนาดนี้ กำลังคิดจะพูด แต่ได้ยินเสียงเฉินเยี่ยนพูดขึ้นมา “จวนเอ๋อร์ เธอมีที่ดินเป็นของตัวเองแล้ว ตอนนั้นตกลงกันแล้วว่าอีกหน่อยจะไม่ยุ่งกัน แค่เธอไม่ยอม ใครก็ทำอะไรเธอไม่ได้”
เฉินเยี่ยนพูดจบก็มองไปที่แม่หวางจวน แล้วพูดอีก “คุณป้า หนูไม่สนว่าคนอื่นคิดยังไง หนูก็ไม่สนเรื่องที่ตอนแรกคุณป้าขอบคุณหนูหรือตอนนี้ที่บ่นด่าหนู หนูรู้แต่หนูทำตามที่ใจตัวเองคิด ในเมื่อตอนแรกบ้านป้าทำแบบนั้นกับหวางจวน วันนี้ก็อย่ามาแอบอ้างมาหาเธอ บอกว่าทำเพื่อเธอ อย่าเอาสิ่งที่ป้าคิดเองว่าดีมาทำร้ายคนอื่น ถึงแม้หนูจะด่าคนกลางถนนไม่เป็น แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะแกล้งกันง่ายๆ วันหลังถ้าป้าจะมาหาหวางจวน พวกรายินดี ยังไงป้าก็เป็นแม่ลูกกัน ไม่มีใครมาแยกความสัมพันธ์ของพวกคุณได้ แต่ถ้าอีกหน่อยป้ามาเพื่อจะพูดนินทาว่าร้าน ป้ามาบังคับคน งั้นป้าก็มาให้น้อยหน่อยนะ ไม่อย่างนั้นทะเลาะกันขึ้นมาจะไม่งาม จวนเอ๋อร์ก็วางตัวลำบาก”
คำพูดนี้ของเฉินเยี่ยนทำให้แม่หวางจวนทั้งโกรธทั้งโมโห รู้สึกเหมือนตัวเองโดนตบหน้า แต่เธอไม่สามารถโต้แย่งเฉินเยี่ยนได้ เพราะเธอก็รู้สึกกระดากใจอยู่หน่อย อีกอย่างเธอรู้สึกกลัวเฉินเยี่ยนและคนบ้านเฉินอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่ถือโอกาสวันนี้ที่ไปดูวงเป่า ตอนที่บ้านเฉินไม่มีคนอยู่มาหาหวางจวนหรอก
เฉินเยี่ยนพูดจบก็พูดกับแม่หวางจวนขึ้นมาอีก “ใช่แล้ว ป้ากลับไปบอกพี่สะใภ้หวางจวนด้วย ให้เธอเลิกคิดร้ายกับหวางจวนได้แล้ว อย่าเพราะว่าครั้งนั้นบังคับให้เธอตายไม่ได้ ตอนนี้มาหาเรื่องเธออีก อีกหน่อยป้าต้องอาศัยให้เธอเลี้ยง ป้ากลัวเธอ แต่พวกเราไม่กลัว ทำให้เธอเสียนิสัยไม่ได้ เลยให้เธอพูดจา มีเวลาพูดเยอะแล้ว จะสร้างปัญหาให้ตัวเอง”
เฉินเยี่ยนเตือนหวางจวนคำหนึ่ง ให้เธอเอาคำพูดไปบอกพี่สะใภ้หวางจวน เธอคิดว่าแม่หวางจวนคนนี้ก็ไม่มีเหตุผล ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง โดนลูกสะใภ้ตัวเองโน้มน้าวไม่กี่คำ ก็ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับคนแบบนั้นแล้ว นี่เป็นครอบครัวอะไร เธอไม่แม้แต่จะคิดว่าลูกสาวตัวเองจะมีชีวิตยังไง เธอฝังลูกสาวตัวเองไปแล้ว อีกหน่อยเธอจะมีความสุขได้ยังไง? ยังบอกว่าเป็นแม่แท้ๆ มีแม่แท้ๆ แบบนี้ด้วย?
————
ตอนที่ 76: ยาเส้น
โดย
Ink Stone_Romance
“เยี่ยนจื่อ อย่าเข้าใจผิด พวกเราก็แค่ทำเพื่อจวนเอ๋อร์ เธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ของฉัน ฉันไม่ทำร้ายเธอ พี่สะใภ้เธอก็กลัวว่าอนาคตเธอจะไม่มีที่พึ่ง ถึงได้หาสามีให้ ถ้าจวนเอ๋อร์ไม่ยินดีจริงๆ ก็ค่อยว่ากัน”
ถ้าพี่สะใภ้หวางจวนหวังดีขนาดนั้น ตอนนั้นคงไม่บังคับให้เธอไปตายหรอก ตอนนี้เห็นว่าฝั่งนั้นไม่มาหาเรื่องหวางจวนแล้ว คิดว่าเรื่องผ่านไปแล้ว เลยอยากจะได้เงินสินสอดของหวางจวน มาเรียกว่าหวังดี ก็ไม่รู้ว่าทำไมแม่หวางจวนถึงคิดว่าลูกสะใภ้หวังดี
แม่หวางจวนพูดจบก็เห็นว่าหวางจวนและเฉินเยี่ยนดูไม่เห็นด้วยกับคำพูดเธอ เธอหัวเราะแหะๆ แล้วพูด “งั้น งั้นแม่ไปก่อน พวกเธอคุยกันเถอะ จวนเอ๋อร์ พี่สะใภ้ลูกก็ทำอะไรไม่ได้ พี่สะใภ้ลูกก็กลัวชื่อเสียงที่บ้านเสื่อมเสีย ถึงได้พูดแบบนั้น เธอไม่ได้อยากจะให้ลูกตายจริงๆ พี่สะใภ้ลูกเขาปากร้าย ลูกอย่าไปเคียดแค้นเขาเลย เรื่องนี้ถ้าเป็นบ้านอื่น ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ได้ ไม่พูดแล้ว แม่ไปละ ถ้าคิดได้แล้ว ก็กลับมาบอกแม่แล้วกัน”
แม่หวางจวนไปแล้ว หวางจวนไปส่งเธอที่หน้าประตู เฉินเยี่ยนส่ายหน้าถอนหายใจ บางครั้งเธอไม่เข้าใจคนพวกนี้คิดยังไง เมื่อก่อนคนเป็นแม่ยายจะเป็นคนตั้งกฎให้ลูกสะใภ้ จนแก่โทรม แต่หมู่บ้านเกษตรพวกนี้กลับตาลปัตรไปหมด ยุคนี้มีแม่ยายหลายคนที่ทำงานเห็นแก่หน้าลูกสะใภ้ ไม่สนใจว่าลูกสะใภ้จะขี้เกียจไม่ทำงานอะไร แม่ยายก็ทำอาหาร เลี้ยงลูกให้ แล้วยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับลูกสะใภ้เลย แต่แม่ยายก็ทำได้แค่โกรธตัวเอง ทำอะไรลูกสะใภ้ไม่ได้ พูดจาแรงๆ ใส่ลูกสะใภ้หน่อย ลูกสะใภ้ก็ร้องไห้โวยวายจะกลับบ้าน จะหย่า แม่ยายทำได้แค่อดทน ทำไม? หนึ่ง เพราะเวลาแก่ตัวไปต้องพึ่งพาลูกชายและลูกสะใภ้ สอง การแต่งงานในหมู่บ้านเกษตรกร สินสอดสำคัญมาก จะแต่งงานต้องสร้างบ้านให้ ต้องให้สินสอดกับสะใภ้ ฝ่ายหญิงแค่อ้าปากก็เรียกสินสอดมาหนึ่งแสนแล้ว ส่วนมากก็ขุดสมบัติที่บ้านไปหมด บางคนก็ไปกู้หนี้ยืมสินมา ถ้าลูกสะใภ้และลูกชายหย่ากัน แล้วจะแต่งงานอีกรอบ ถึงแม่จะแต่งรอบที่สอง สินสอดยิ่งมากกว่าเดิมอีก หายากไม่ว่า แต่งคนหนึ่งก็ไม่แน่ว่าจะได้ดีกว่าคนที่แล้ว รวมถึงเรื่องลูกอะไรอีก ยุ่งยากมาก ดังนั้นคนที่หย่ามีไม่เยอะ กลับกันเป็นผู้หญิงที่ทิ้งลูกแล้วหนีไปมากกว่า เพราะว่าเรื่องนี้ มีหลายเรื่องที่ลูกสะใภ้ทำไม่ดีกับแม่ยาย บางคนก็ด่าต่อหน้าเลย ทำเรื่องอกกตัญญูมากมาย ทำแม่ยายร้องสะอื้น
แต่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นแบบนี้เสมอไป ที่ไหนก็มีทั้งดีและร้าย ดังนั้นหลังเฉินเยี่ยนมาถึงที่นี่ เห็นพี่สะใภ้ช่างเหลียนเป็นแบบนั้น เธอไม่เคยคิดจะให้พี่ชายคนโตกับพี่สะใภ้หย่ากัน หนึ่ง เพราะคนยุคนี้หย่ากันน้อย หย่ากันจะขายหน้ามาก นอกจากเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ พ่อแม่บ้านเฉินต้องไม่เห็นด้วยที่เฉินกุ้ยจะหย่า สอง เป็นเพราะสถานการณ์ของหมู่บ้านเกษตรกร ดังนั้นเธอจึงคิดออกแค่เรื่องแยกบ้านอยู่
หวางจวนกลับเข้ามาเห็นเฉินเยี่ยนที่นั่งคิดอยู่บนเตียง
“นั่งสิ”
เฉินเยี่ยนตบบนเตียงให้หวางจวนนั่ง
“พี่”
หวางจวนเรียกขึ้นมา เธอก็คิดไม่ถึงว่าแม่เธอจะว่าบ้านเฉินแบบนี้ ถ้าเป็นเธอ ช่วยคนอื่นแล้วโดนมาว่าแบบนี้ คงจะเสียใจมาก
“ไม่ต้องกลัว ถ้าเธอไม่อยากแต่ง ก็ไม่มีใครบังคับเธอได้ เธอทำถูกแล้ว ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น แล้วเธอจะไปแต่งงานกับใครก็ได้ ถ้าจะแต่ง ก็ต้องแต่งกับคนที่ตัวเองชอบ แต่งกับคนที่มีคุณสมบัติที่ดี ไม่ต้องไปคิดเรื่องนั้น เธอไม่ผิด เธอไม่ต้องแบกมันไว้ในใจ แน่นอน ถ้าตอนนี้เธอไม่อยากแต่งงาน ก็ยังไม่ต้องคิดเรื่องนี้ ไม่ต้องไปสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง เพราะคนอื่นไม่ได้มาใช้กชีวิตแทนเธอ”
เฉินเยี่ยนปลอบหวางจวน กลัวว่าเพราะคำพูดแม่หวางจวน หวางจวนจะเชื่อฟังแม่เธอ
“ฉันรู้แล้ว พี่ ฉันไม่คิดว่าแม่จะพูดจาแบบนั้น ต้องมีคนมาพูดนินทาต่อหน้าแม่แน่นอน แม่คงไม่ได้สนใจ คนอื่นพูดยังไงเธอก็ฟังตามนั้น ขอโทษนะพี่”
หวางจวนขอโทษแทนแม่ตัวเอง
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ใส่ใจ เธอก็ไม่ต้องคิดมาก อยู่ให้สงบ สบายใจได้ พี่สะใภ้เธอไม่กล้ามาหาเรื่องหรอก ถึงจะมา ฉันก็จะไล่เธอออกไป”
เฉินเยี่ยนส่ายหน้าแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ใส่ใจ เธอรู้จักคนที่บ้านหวางจวนดีมาก เธอไม่โกรธ ส่วนพี่สะใภ้หวางจวน เธอเก่งแค่คนในบ้านตัวเอง กับคนนอกไม่กล้า เธอไม่กล้ามาหาเรื่องบ้านเฉิน ดังนั้นเลยให้แม่หวางจวนมาหาหวางจวน
หวางจวนเห็นเฉินเยี่ยนไม่ได้โกรธจริงๆ เลยค่อยวางใจหน่อย ฝั่งนั้นเป็นครอบครัวเธอ ถึงแม้เธอจะผิดหวัง แต่ยังไงก็เป็นครอบครัวเธอ เป็นที่ที่เธออยู่มาตลอด เธอรู้สึกผูกพัน แต่วันนี้แม่เธอมาพูดคำพูดพวกนี้ การกระทำแบบนี้ ทำให้เธอผิดหวังจริงๆ คิดว่าไปยุ่งกับบ้านนั้นน้อยลงหน่อยดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องมากมาย ตัวเธอไม่มีอะไร แต่เธอไม่อยากจะให้บ้านเฉินลำบาก
“พอได้แล้ว ไม่ต้องคิดแล้ว หลายวันนี้ไม่ต้องทำผัก หมักเสร็จหมดแล้ว รอเอาไปขาย ฉันอยากจะทำยาเส้น เธอช่วยฉันทำหน่อย”
เฉินเยี่ยนตบไหล่หวางจวน ไม่อยากให้เธอคิดฟุ้งซ่าน วิธีที่ดีที่สุดคิดหาเรื่องให้เธอทำ
“ได้สิ พี่บอกว่าทำยังไง”
หวางจวนสดใสขึ้นมาจริงด้วย ตอนนี้เธอชอบทำงาน มีเรื่องให้ทำ เธอก็ไม่มีใจไปคิดเรื่องอื่นแล้ว
เฉินเยี่ยนและหวางจวนทั้งสองคนหาใบยาสูบได้แล้ว เป็นใบยาสูบชนิดใบใหญ่ แห้ง ใช้มือขยี้ก็แตก แต่ขนาดที่แตกต่างใหญ่เล็กไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน แบบนี้รสชาติไม่อร่อย อีกทั้งม้วนขึ้นมาก็ต้องใช้แรง ดังนั้นเฉินเยี่ยนเลยตัดสินใจหั่นเอา
เฉินเยี่ยนและหวางจวนสองคนใช้มีดหั่นก่อน แต่หั่นไม่ง่าย สุดท้ายทั้งสองคนเลยใช้มีดใหญ่แบบที่ใช้ตัดหญ้า เพราะทั้งสองคนใช้มีดไม่ค่อยเป็น อีกทั้งใบยาสูบก็ไม่ใช่หญ้า ดังนั้นหั่นออกมาเลยไม่เท่ากัน
จนเฉินจงและหวางนิวกลับมาเห็นเฉินเยี่ยนและหวางจวนทั้งสองคนง่วนทำอยู่ตรงนั้น พอถาม พวกเขาก็ไม่พูดอะไร ยังไงนั่นก็เป็นใบยาสูบ ทั้งสองคนยอมทนทำก็ทนไป ถึงแม้จะทำจนแตกละเอียด เฉินจงก็ยังสามารถสูบได้
เฉินเยี่ยนเอาภาพร่างของไปป์บุหรี่ที่วาดออกมาให้เฉินจง เฉินจงมองดูอย่างจริงจัง นานๆ ทีจะถามสักประโยค จากนั้นพยักหน้ากับเฉินเยี่ยน หมายถึงเขาสามารถทำได้ ส่วนหนังที่ใช้ทำไปป์บุหรี่ เขาก็มีวิธีทำ
เห็นพ่อไม่พูดอะไรออกไปหาท่อนไม้ เลื่อยมาทำงาน เฉินเยี่ยนฉีกยิ้ม ได้เจอพ่อที่เข้าใจทุกเรื่องแบบนี้ แล้วยังทำเป็นทุกอย่างอีก เป็นโชคดีของเธอจริงๆ
เฉินเยี่ยนและหวางจวนออกแรงใช้มีดใหญ่หั่นแล้ว แล้วใช้มัดหั่นผักมาหั่น นั่งทำกันจนถึงเย็น หั่นได้ยาเส้นส่วนหนึ่งออกมา เฉินเยี่ยนส่ายหน้ากับยาเส้นที่หั่นออกมา มันไม่เท่ากันจริงๆ แล้วยังแห้งด้วย ห่อไปทั้งแบบนี้กระดาษจะขาด เธอจำได้ว่ายาเส้นในบุหรี่อ่อนนุ่ม บางทีวิธีเธออาจจะผิด หรือว่าต้องเอาใบยาสูบจุ่มน้ำ?
เฉินเยี่ยนครุ่นคิด แต่ฟ้าน่าจะมืดแล้ว เลยทำไม่ได้ ตอนกลางคืนเธอนอนอยู่บนเตียงพลิกตัวไปมาคิด คิดหลายวิธี รอจนฟ้าสว่าง เธอจะลองดู
————–
ตอนที่ 77: คาดคิด
โดย
Ink Stone_Romance
ทดลองมาตลอดสองวัน เฉินเยี่ยนเพิ่งค้นพบวิธีทำยาเส้นได้
เฉินเยี่ยนไม่ใช้มีดแล้ว เธอใช้กรรไกรตัด แบบนี้ตัดออกมาแล้วจะเท่ากันมากกว่า เธอฉีกเท่าที่หนาก่อน แล้วใช้กรรไกรตัดใบให้กว้างประมาณหนึ่งมิลลิเมตรเธอไม่สนใจความยาว เพราะความยาวคุมได้ยาก ทำเสร็จก็อุ่นหม้อ ใช้มือตักน้ำลงไปที่ก้นหม้อ เอายาเส้นใส่ลองไปในหม้อแล้วคลุกไปมา ตอนที่คลุกต้องระวังระดับน้ำ แห้งไม่ได้ เฉินเยี่ยนทดลองดูหลายครั้ง แห้งแล้วก็เติมน้ำ สุดท้ายค่อยควบคุมได้ระดับหนึ่ง รอจนคลุกแห้งแล้วค่อยใช้กรรไกรตัดยาเส้น ตัดจนได้ขนาดเท่าที่เธอต้องการ หลังทำเสร็จเธอก็ปิดผนึก
เธอให้เฉินจงลองสูบยาเส้นที่เธอทำ เฉินจงสูบเสร็จก็พยักหน้าติดต่อกัน บอกว่าดีกว่าที่เขาสูบก่อนหน้านี้เยอะเลย
เฉินเยี่ยนถือโอกาสตอนที่เฉินจงไม่สังเกตแอบลองสูบไปสองครั้ง เธอสำลักจนไอติดต่อกัน เธอบอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี ชาติที่แล้วเธอสงสัยก็เคยลอง ลองแล้วสำลักเหมือนกัน แต่ในความทรงจำ บุหรี่ในยุคหลังดีกว่ายาเส้นที่เธอทำแน่นอน
โรงงานพันบุหรี่น่าจะเติมกลิ่นหอมลงไปผสมด้วย แต่ตัวเธอไม่มีเคล็ดลับนี้ กลิ่นนี้จะแก้ยังไงนะ?
เฉินเยี่ยนยังคิดวิธีไม่ออก
เฉินจงใกล้ทำไปป์บุหรี่ออกมาได้แล้ว เพราะเป็นครั้งแรก เฉินจงทำสามครั้งถึงจะได้แบบที่เฉินเยี่ยนต้องการ เลยทิ้งที่ทำสองครั้งแรกไป
ได้ไปป์บุหรี่และยาเส้นแล้ว ที่เหลือก็เริ่มพัน แต่พันบุหรี่ต้องใช้กระดาษ ต้องไปซื้อกระดาษ ยุคนี้กระดาษก็ไม่ถูกเลย แล้วยังต้องไปสหกรณ์อีก พอคิดถึงสหกรณ์ เฉินเยี่ยนก็คิดถึงซินห้าว หนุ่มรูปหล่อคนนั้น หลายวันนี้ยุ่งจนไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น พอคิด ก็รู้สึกคิดถึงเขาขึ้นมาหน่อย ถ้าครั้งนี้ไปสหกรณ์ได้พบเขาก็ดี แต่ก็ไม่น่าจะบังเอิญขนาดนี้ นอกจากตัวเองไปหาเขา หาเขาหรือ? เธอรู้จักบ้านปู่เขาที่หมู่บ้านนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ไหม
ช่างเถอะ ตัวเองไปหาเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไร คนอื่นรู้เข้าก็ไม่ดี งั้นไปสหกรณ์คนเดียวดีกว่า
เฉินเยี่ยนคิดมาดีแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นเธอไม่ได้ไป ทำไม เพราะว่าบ้านเฉินมีแขกมา คนนี้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นหลิวอี้ที่มาหาครั้งที่แล้ว
ว่าไปครั้งที่แล้วที่หลิวอี้กลับจากบ้านเฉินก็โมโหนิดหน่อย เขาชอบเฉินเยี่ยน แต่รู้สึกว่าเฉินเยี่ยนไม่รักนวลสงวนตัว ทำไมเธอถึงได้ไปคลุกคลีกับหนุ่มวัยรุ่น ผู้หญิงแบบนี้ไม่เป็นกุลสตรี แต่กลับปิดว่าจะยอมปล่อยเฉินเยี่ยนไปแบบนี้ เขาก็ไม่สบายใจ
เขาเอาผักกาดขาวเผ็ดของบ้านเฉินให้แม่เขา ได้กินตอนเย็น รู้สึกว่ารสชาติดีมาก แม่เขาถามว่าไปเอามาจากไหน เขาเลยเล่าเรื่องราวให้ฟัง
แม่เขาไม่เห็นด้วยที่เขาไปหาหญิงสาวหมู่บ้านเกษตรกร บอกว่าเขาหน้าที่การงานดี น่าจะหาคนที่มีวิชาชีพที่ดี เป็นคนในโรงงาน หรือไม่ก็ครูอะไรพวกนี้ก็ได้ หาเกษตรกร ถึงแม้ผู้หญิงจะสวยยังไง เก่งเพียงไหน ครอบครัวพวกเขาก็เชิดหน้าชูตาไม่ได้
คำพูดของแม่เขาทำให้หลิวอี้ถอดใจ แต่ตอนกลางคืนนอนอยู่บนเตียงคิดถึงเฉินเยี่ยน ในใจเขารุ่มร้อน เฉินเยี่ยนสวย เก่ง ทำอาหารอร่อย ภรรยาแบบนี้สามารถปรนนิบัติเขาได้อย่างดี ตอนกลางคืนนอดกอดอยู่บนเตียงก็มีความสุขแล้ว นอกจากที่เธอเป็นลูกเกษตรกร นอกจากชีวิตที่ไม่สุขสบายแล้วอย่างอื่นไม่มีอะไรผิดแปลกเลย แต่แบบนี้ก็มีข้อดี เธอแต่งเข้ามาก็อยู่ต่ำกว่าเขาระดับหนึ่ง ใช้ชีวิตก็ต้องเกรงใจเขา ไม่ต้องกลัวว่าเธอจะดื้อไม่ฟัง จัดการง่ายดี
อีกอย่างถึงแม้การงานเขาจะไม่แย่ แต่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่มั่งคงมาก ถือว่าเป็นงานผู้ช่วย พ่อเขาเสียชีวิตเร็ว แม่เลี้ยงดูเขาและพี่ชายเติบโต พี่ชายแต่งงานแล้วกับผู้หญิงในเมืองใช้ชีวิตไปอย่างนั้น หน้าตาก็ธรรมดา แล้วก็ไม่ได้เพียบพร้อมมากมาย แล้วยังชอบพูดบ่นกับพี่ชายตลอดทั้งวัน
เขายังมีน้องสาวอีกหนึ่งคนยังไม่ได้แต่งงาน อารมณ์น้องสาวก็ไม่ถือว่าดีมาก แม่เข้าข้างน้องสาวคนนี้เป็นพิเศษ ถ้าได้แต่งกับคนเก่ง ต้องเข้าไม่ได้กับน้องสาวแน่นอน ถ้าเฉินเยี่ยนแต่งงานกับเขา ต้องไม่กล้าทำไม่ดีกับน้องสาวเขา แม่ว่าเธอ เธอก็จะเชื่อฟัง เฉินเยี่ยนต้องเกรงใจคนในบ้าน ไม่ให้เกิดเรื่องขัดแย้งกัน
ถึงแม้เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงในเมืองเพื่อให้มีหน้ามีตาขึ้นมา แต่เขารู้อยู่แก่ใจ ด้วยฐานะทางบ้านเขาถ้าจะหาผู้หญิงที่ดี นั่นเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายต้องเหมือนพี่ชายเขาแต่งกับคนธรรมดา หน้าตาพื้นๆ ไม่ได้เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติที่ดี แต่งเข้ามาแล้วยังโมโหเก่ง ภรรยาแบบนี้เขาไม่ต้องการ
คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเฉินเยี่ยนดีกว่า เฉินเยี่ยนฐานะต่ำต้อย ทั้งชีวิตนี้ต้องเกรงใจเขา ทั้งชีวิตนี้เขาต้องมาก่อน หมายความว่าทั้งชีวิตนี้ของเฉินเยี่ยนจะปรนนิบัติเขาเป็นอย่างดี ไม่โกรธ ไม่อารมณ์เสียใส่เขา ช่วยเขาดูแลแม่ ช่วยเขาเลี้ยงลูก จัดการงานบ้าน ตัวเองก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
ส่วนแม่เฉินเยี่ยน ตัวเกิดเป็นเกษตรกร ไม่เป็นที่ยอมรับ ให้เฉินเยี่ยนกลับบ้านน้อยลงก็พอ ไม่ให้บ้านเฉินกับเฉินเยี่ยนไปมาหาสู่กัน แบบนี้บ้านเฉินก็มาหาเรื่องเขาไม่ได้แล้ว ไม่มีปัญหา เขาก็จะได้สบายใจ
อีกอย่าง บ้านเฉินทำเกษตร เกษตรกรมีที่ มีธัญพืช มีพืชผัก อีกหน่อยไม่แน่ธัญพืชและผักให้ที่บ้านกินอาจจะไม่ต้องซื้อแล้ว ให้บ้านเฉินเอามาให้ จะได้ประหยัดตั๋วธัญพืชที่บ้านลงบ้าง ถ้าอย่างนั้นเขาก็มีกินมีใช้ ดูแล้วแบบนี้แต่งงานกับเฉินเยี่ยนก็ไม่ใช่ว่าไม่มีประโยชน์ กลับกันได้ประโยชน์ตั้งมาก
ยิ่งคิดหลิวอี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมาะสม เขาตัดสินใจแล้ว วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เขากินข้าวเช้าเสร็จก็ขี่จักรยานไปบ้านเฉิน แน่นอน ถึงแม้เขาจะมาบ้านเฉิน เขาก็มาแบบฐานะสูงส่ง บ้านเฉินต้องเข้าหาเขา เขามาคุยกับคนบ้านเฉิน เขาจะแต่งงานกับเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนและคนบ้านเฉินต้องจุดธูปขอแปดชาติถึงได้มา บ้านเฉินต้องประจบสอพลอเขา เพราะเขาทำให้บ้านเฉินมีหน้ามีตา
แล้วยังมีเฉินเยี่ยนอีก ถ้าพวกเขาสองคนตกลงปลงใจกันแล้ว อีกหน่อยเฉินเยี่ยนก็ไม่ต้องออกจากบ้านเฉินแล้ว ไม่ต้องไปขายผักอะไรนั่นแล้ว อยากทำ ก็ส่งผักมาให้บ้านหลิว บ้านหลิวกินไม่หมด ก็เอาไปให้เพื่อนบ้าน ไม่ได้อีกก็เอาไปให้แม่เขาขาย เงินขายผักนี่ต้องเป็นของบ้านหลิว เอามาช่วยจุนเจือบ้านหลิว
อีกอย่างเฉินเยี่ยนก็ไม่สามารถไปคลุกคลีกับใครได้อีกแล้ว โดยเฉพาะผู้ชาย อีกหน่อยเฉินเยี่ยนต้องอยู่ในบ้าน ถ้าให้เขารู้ว่าเฉินเยี่ยนติดต่อกับผู้ชายอีก ก็อย่าหาว่าเขาโกรธ ที่ไม่ให้โอกาสเฉินเยี่ยนและบ้านเฉิน
หลิวอี้ไปหาบ้านเฉินด้วยความคิดนี้ เขาคิดว่าเขามีบุญคุณกับบ้านเฉินและเฉินเยี่ยน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเห็นความดีของเฉินเยี่ยนจริงๆ เฉินเยี่ยนหน้าตาสวย ทำอาหารอร่อย เห็นว่าน่าจะเก่งคล่องแคล่ว คนในเมืองอย่างเขา จะมาหาเฉินเยี่ยนที่เป็นเกษตรกรได้ยังไง ลูกสาวชาวเกษตรกรจะคู่ควรกับเขาได้ยังไง นี่เขามาคุยกับบ้านเฉินเรียบร้อยแล้ว ยังต้องไปพูดฝั่งแม่เขา ให้แม่เขายอมรับเฉินเยี่ยน คิดดูแล้ว เพื่อเฉินเยี่ยนเขาเสียสละมากมาย อีกหน่อยเฉินเยี่ยนต้องทำตามเขาทั้งหมด ทำตามความคิดเขา เขาพูดอะไรเฉินเยี่ยนต้องเชื่อฟัง ไม่อย่างนั้นเฉินเยี่ยนก็ไม่ใช่คนแล้ว และก็ไม่เห็นแก่หน้าเขามากเกินไปแล้ว
——————ตอนที่ 78: ไม่พอใจ
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนและคนบ้านเฉินไม่รู้ความคิดหลิวอี้ ถ้ารู้เข้า คิดว่าเฉินเยี่ยนต้องมองบนใส่เขา คนๆ นี้ช่างคิดไปเองเหลือเกิน เขาคิดว่าเขาเป็นใครนะ
คิดว่าพ่อแม่บ้านเฉินก็คงไม่ต้อนรับหลิวอี้อบอุ่นขนาดนี้ ถึงแม้เขาจะอยากแต่งงานกับลุกสาว ถึงแม้จะคิดว่าพื้นฐานหลิวอี้ไม่แย่ แต่ถ้าหลิวอี้ทำแบบนั้นกับลูกสาวพวกเขา พวกเขาไม่มีทางวางใจให้เฉินเยี่ยนแต่งงานแน่
แต่พ่อแม่บ้านเฉินไม่รู้ความคิดหลิวอี้ เห็นหลิวอี้มาที่บ้านอีกแล้ว เลยคิดว่าหลิวอี้คงชอบลูกสาวเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาที่บ้านถึงสองครั้ง หมายความว่าเขาชอบลูกสาวจริงๆ ให้ความสำคัญกับลูกสาว เฉินจงกับหวางนิวเลยกระตือรือร้นกับหลิวอี้มาก
หลิวอี้นั่งในโถงบ้าน หวางนิวยุ่งไม่หยุด ไม่ว่าจะรินน้ำให้ แล้วยังไปจุดไฟ จะทำชาไข่ให้หลิวอี้ แล้วยังเรียกให้หลิวอี้อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันอีก
เฉินเยี่ยนกระตุกปากเล็กน้อย ไข่ชานี้อาเขยซินมาเยี่ยมถึงได้มา ทำไมต้องเอาไปให้หลิวอี้? แล้วเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของหลิวอี้ แม้แต่พูดเกรงใจสักคำยังไม่มี ก้นก็ไม่ขยับเลย ทำเหมือนว่าที่หวางนิวยุ่งทำให้แบบนี้ถือเป็นเรื่องสมควรแล้ว
“พี่ ผมไม่ชอบเขา พี่อย่าแต่งกับเขานะ เขาต้องไม่ดีกับพี่แน่”
ฝั่งเฉินหู่ดึงเสื้อเฉินเยี่ยนเบาๆ พูดดังแค่ให้สองคนได้ยิน
วันนี้เฉินหู่ไม่ไปโรงเรียน หลังหลิวอี้มาถึงบ้านเฉิน ทุกการกระทำอยู่ในสายตาเขาหมด ถึงแม้เขาจะสิบขวบแต่บางครั้งเด็กมีความรู้สึกไวกว่า เฉินหู่มองเห็นในแววตาหลิวอี้ไม่ได้เคารพบ้านเฉินเลย มีความดูถูกแผ่ซ่านออกมา แล้วเขาก็มองออกว่าสายตาหลิวอี้ที่มองเฉินเยี่ยนมีแววกระหายอยู่ อีกทั้งคำพูดของหวางนิว เฉินหู่รู้ว่าคนนี้ชอบพี่สาวตัวเอง อีกหน่อยอาจจะกลายมาเป็นพี่เขยตัวเอง ว่าไปแล้วมีพี่เขยเป็นคนในเมือง ได้ยินว่าการงานคนนี้ไม่เลวเลย เขาควรจะภูมิใจ แต่เฉินหู่เปล่าเลย ลางสังหรณ์เขาไม่ชอบหลิวอี้คนนี้ รู้สึกว่าเขาอวดดีเกินไป หลิวอี้ดูถูกบ้านเฉิน อีกหน่อยอาจจะทำไม่ดีกับพี่สาว ถ้าพี่สาวแต่งงานไปในเมือง อยู่ห่างขนาดนั้น ที่บ้านดูแลไม่ได้ พี่สาวเกิดเรื่องอะไร เขาก็ไม่รู้ แล้วจะช่วยพี่สาวได้ยังไง? ดังนั้นเขาเลยพูดแบบนั้นกับเฉินเยี่ยน
เทียบกับหลิวอี้แล้ว เฉินหู่อยากให้พี่สาวแต่งงานกับผู้ชายที่จริงใจดีกับพี่สาวจริงๆ ไม่ต้องอยู่ใกล้บ้านมากก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ไกลเหมือนในเมือง แบบนี้พี่สาวมีเรื่องอะไร พวกเขาก็ยังช่วยเหลือ ช่วยดูแลได้
เฉินเยี่ยนได้ยินคำพูดเฉินหู่ก็ลูบหัวเฉินหู่ เธอคิดเหมือนกับเฉินหู่ เพียงแต่เธอไม่คิดว่าเฉินหู่อายุน้อยขนาดนี้ยังสามารถดูนิสัยหลิวอี้ออก
“เยี่ยนจื่อ มานี่หน่อย”
เสียงหวางนิวด้านนอกตะโกนเรียก เธอจุดไฟเสร็จแล้ว ต้มน้ำ เตรียมจะตักไข่ชาให้หลิวอี้ จากนั้นค่อยเตรียมอาหารเที่ยง อาหารเที่ยงจะทำอะไร เธอยังคิดไม่ออก เลยตะโกนเรียกลูกสาวเข้ามาช่วยคิด ทำอะไรถึงจะทำให้หลิวอี้กินแล้วมีความสุข
“ลูกว่ากลางวันนี้พวกเราทำอะไรกินดี ที่บ้านไม่มีเนื้อ ผักนี่แล้วกันมีแค่นี้เอง ทำก๋วยเตี๋ยว? แป้งขาวก็เยอะขนาดนี้ ไม่รู้ว่าหลิวอี้จะกินได้ไหม แล้วไม่รู้ว่าเขาจะเสียดายหรือเปล่า? หรือลูกทำกับข้าวสองอย่างขึ้นมา? แม่เห็นว่าเขาดูชอบลูกมาก ครั้งที่แล้วเพิ่งมาไม่กี่วันก็มาอีกแล้ว ลูกอย่าทำหน้าบูดบึ้งใส่เขานะ เขาเป็นคนในเมือง มีฐานะ มานี่ก็ถือว่าให้ความสำคัญกับพวกเราแล้ว พวกเราไม่ให้เกียรติเขาไม่ได้นะ ลูกต้องทำดีกับเขาหน่อย ให้หน้าเขาหน่อย ถ้าลูกได้แต่งงานกับหลิวอี้ คนในหมู่บ้านใครจะกล้าพูดว่าลูกแต่งไม่ออก ใครยังจะกล้าบอกว่าลูกไม่มีใครต้องการ ให้พวกเขาดูเลยว่าลูกสาวเราแกร่งกว่าผู้หญิงคนอื่นอีก”
หวางนิวคิดจะทำอาหารไปพลางพูดกับเฉินเยี่ยน
“เดี๋ยวก็จะทำข้าวเที่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วยังจะทำไข่ชาอะไรอีก ทั้งหมดนี่ต้องใช้ไข่กี่ใบแล้ว ใช้เขากินก็ไม่มีเหลือแล้ว เหลือให้พ่อกินเถอะ พ่อทำงานเหนื่อยนะคะ”
เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าแม่ตัวเองต้อนรับขับสู้หลิวอี้ดีเกินไปหน่อยแล้ว
“ทำยังไงได้ หลิวอี้เป็นแขกสำคัญ จะไม่ให้ไข่ชาเขาได้ยังไง”
หวางนิวจ้องลูกสาว ในใจที่เข้มงวดก็เพราะอยากจะให้ได้ดี อีกฝ่ายดีขนาดนี้ ลูกสาวเราทำไมไม่ร้อนใจเลยนะ
“แม่ อาเขยซินอุตส่าห์เอาไข่ชามาให้ถึงบ้าน ตอนนี้เรื่องยังไม่เกิด ถ้าแม่ทำไข่ชา สุดทายไม่สำเร็จ เขาจะไม่หัวเราะเยาะเราเอาหรือ”
เฉินเยี่ยนพูดอย่างอดไม่ได้
“ลูกพูดก็ถูก ให้คนอื่นรู้ก็ไม่ดี แต่ทำไมถึงไม่สำเร็จล่ะ? แม่ว่าหลิวอี้นั่นชอบลูกจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะรีบมาบ้านเราทำไม”
หวางนิวรู้สึกว่าที่ลูกสาวพูดมีทั้งถูกและไม่ถูก
“เขามาแล้ว ไม่เห็นเอาอะไรมาให้เลยนี่คะ? มามือเปล่า ไม่แน่ว่าจะคิดแบบนั้น ถ้ามีใจแบบนั้นจริงจะมามือเปล่าได้หรือคะ? ยังไงแม่ก็อย่าเพิ่งทำไข่ชาเลย ฟังเขาพูดก่อนว่ายังไงค่อยว่ากัน หนูเป็นผู้หญิง ยังไงแม่ก็ไม่ควรเร่งอยู่ดี”
เฉินเยี่ยนก็รู้ว่าหวางนิวหวังดีกับเธอ ในความคิดหวางนิวหลิวอี้เป็นคู่ครองที่ดีมาก แต่เธอคิดไม่เหมือนกัน
“ลูกพูดถูก งั้นไม่ทำไข่ชาแล้ว?”
หวางนิวคิดว่าลูกสาวพูดมีเหตุผล
เฉินเยี่ยนพูดโน้มน้าวได้ หวางนิวไม่ทำไข่ชาแล้ว แต่ใช้แป้งขาวทำก๋วยเตี๋ยว ไม่ว่าจะยังไง หลิวอี้มาที่บ้าน เธอไม่สามารถทำหน้างอได้
ในบ้านหลิวอี้คุยอยู่กับเฉินจงนานมาก พอเห็นหวางนิวและเฉินเยี่ยนไม่ได้เอาไข่ชามาให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง บ้านเฉินไม่ได้ถือว่าเขาเป็นแขกพิเศษ บ้านเฉินนี่ไม่มีมารยาทจริงๆ ไม่รู้กฎการต้อนรับแขกเลย เขากลับไม่ได้คิดเลยว่าตัวเขาเป็นแขกที่เหมาะสมหรือเปล่า แขกมาหาที่บ้าน แล้วคิดจะมาคุยเรื่องแต่งงาน กลับมามือเปล่าสองครั้งติดกัน นี่เรียกว่าเป็นแขกแบบไหน มีความจริงใจและเคารพบ้างไหม?
หลิวอี้ไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ ในใจเขาคิดว่าเขามาหาบ้านเฉินถึงบ้านก็ถือว่าเป็นเกียรติมากพอแล้ว ส่วนเรื่องของฝาก ไม่จำเป็นเลย
จนเอาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ เห็นเส้นแป้งก๋วยเตี๋ยวสีหน้าหลิวอี้ก็ดูไม่ดีเท่าไร ถ้าบ้านเฉินเอาเส้นหมี่เหลืองมาให้ เขาจะลุกเดินออกไปเลย หมายความว่าบ้านเฉินไม่ให้ความสำคัญกับเขา เขาไม่จำเป็นต้องมาอีก
เฉินเยี่ยนมองสายตาจู้จี้ของหลิวอี้ที่มองพ่อแม่กับเส้นก๋วยเตี๋ยว ด้านหนึ่งซดก๋วยเตี๋ยวสองชามใหญ่ที่หอมกรุ่นอยู่ สายตามีแววดูถูก เธอไม่เข้าใจว่าหลิวอี้โอ่อ่ามาจากไหน แค่เพราะเป็นคนในเมือง? มีคนในเมืองบางคนยังสู้เกษตรกรไม่ได้เลย เพราะเกษตรกรมีที่ กินดีอยู่ดี อย่างน้อยก็มีกิน ในเมืองถ้าไม่มีตั๋วธัญพืช ไม่แน่ก็อาจจะไม่ได้กินข้าว หลิวอี้คนนี้ตำหนิบ้านเฉิน แต่กินข้าวกลับไม่เกรงใจเลยสักนิด กินมากกว่าเฉินจงอีก เฉินจงเป็นคนใช้แรง กระเพาะใหญ่เป็นเรื่องปกติ แต่หลิวอี้คนเดียวกินสองชามใหญ่ ก๋วยเตี๋ยวทำไม่พอ ไม่กี่คนที่เหลือได้กินแค่ครึ่งชาม เท่านี้หลิวอี้ยังทำเหมือนไม่พอใจ ทำไม!
ไม่เพียงแต่เฉินเยี่ยนที่คิดแบบนี้ หวางจวนและเฉินหู่ก็คิดแบบนี้เช่นกัน หวางนิวไม่คิดอะไร เธอคิดว่าคนในเมืองต้องกินแป้งขาวทุกวัน ไม่เสียดายอาหารที่พวกเขากิน ส่วนเฉินจงสีหน้าเป็นแบบนั้นตลอด ดูไม่ออกว่าเขาพอใจหรือไม่พอใจหลิวอี้
—————
ตอนที่ 79: เยี่ยนจื่อกินเสียข้าวสุก
โดย
Ink Stone_Romance
กินข้าวเที่ยง เก็บกวาดล้างเสร็จ เฉินเยี่ยนและหวางจวนทั้งสองคนพูดคุยกันเดินกลับเข้าห้องตัวเอง
ถึงแม้เธอจะไม่อยู่ที่โถงบ้าน แต่เธอส่งเฉินหู่ไปฟังที่โถงบ้าน พอได้ยินหลิวอี้พูดเรื่องแต่งงาน ก็มาบอกเธอ
“พี่ พี่ เขาขอแล้ว เมื่อกี้เขาพูดกับพ่อแม่เรา หมายความว่าเขาชอบพี่เข้าแล้ว ถามว่าพี่มีหมั้นหมายกับบ้านไหนไว้หรือยัง แม่บอกว่าไม่มี ดูท่าทีแม่แล้ว เหมือนจะเห็นด้วยมาก พ่อก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน ถ้าพ่อแม่ยกพี่ให้เขา จะทำยังไงดี”
เฉินเยี่ยนไม่กังวลเลยสักนิด เฉินจงและหวางนิวดีกว่าพี่อแม่หวางจวนเยอะเลย อย่างน้อยก็ไม่บีบบังคับเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถนั่งรออยู่ในนี้ได้ ยุคนี้การแต่งงานของลูกสาวพ่อแม่ยังเป็นฝ่ายตัดสินใจอยู่ ถ้าเธอไม่แสดงความคิดของเธอ พ่อแม่ตกลงเรื่องงานแต่งนี้เพราะหวังดีกับเธอ ถึงตอนนั้นโวยวายไปก็ดูไม่ดี
“ฉันจะไปพูดให้รู้เรื่อง”
เฉินเยี่ยนตัดสินใจพูดให้ชัดเจน ในเมื่อเธอไม่มีใจให้หลิวอี้ อีกหน่อยหลิวอี้ก็ไม่ต้องมาแล้ว หาภรรยาที่อยู่ในเมืองก็ได้แล้ว
“จะดีเหรอ?”
หวางจวนลังเลเล็กน้อย เมื่อก่อนเธอเชื่อฟังพ่อแม่ ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งที่แล้วแม่เธอมาบอกว่าบ้านนั้นไม่ได้เรื่อง แล้วเธอก็มาเกิดเรื่องนั้นอีก คิดว่าเธอก็ตงจะไม่คัดค้านรุนแรงแบบนี้ ส่วนหลิวอี้ถือว่าเป็นคู่ครองที่ดีในสายตาของคนในหมู่บ้าน
“ยืดเยื้อไปสิจะไม่ดี”
เฉินเยี่ยนไม่ใช่คนที่ชอบเรื่องเยิ่นเย้อ เธอไม่คิดว่าตัวเองออกมาพูดเรื่องแต่งงานจะมีอะไรไม่เหมาะสม
หวางนิวไม่รู้กำลังคุยกับหลิวอี้อยู่ พอเห็นเฉินเยี่ยนเข้ามาเธอเลยกลืนคำพูดลงไปในท้อง
“ทำไมลูกไปคุยเป็นเพื่อนกับจวนเอ๋อร์ในห้อง เข้ามาทำไม?”
หวางนิวส่งสายตาให้ลูกสาว ตอนนี้ลูกสาวไม่ควรจะออกมา
“ได้ยินว่าพี่หลิวอี้มาบ้านเพื่อคุยเรื่องแต่งงาน หนูเลยมาดูค่ะ”
เฉินเยี่ยนก็ไม่ได้ปิดบัง บอกเจตนาเธอตามตรง
“ลูกคนนี้นี่ เรื่องนี้มีแม่กับพ่อก็พอแล้ว ลูกกลับห้องไปเถอะ รอเสร็จเรื่องเดี๋ยวแม่บอกลูกอีกที”
หวางนิวจ้องเฉินเยี่ยน เรื่องนี้ลูกสาวไม่ควรเข้ามาร่วมด้วย ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะว่าลูกสาวหน้าไม่อายได้
หลิวอี้มองเฉินเยี่ยน สีหน้าเฉินเยี่ยนราบเรียบ เหมือนกำลังพูดถึงเรื่องของคนอื่นอยู่ ไม่มีความเขินอายเลยสักนิด
หลิวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจเขา เฉินเยี่ยนรู้ถึงจุดประสงค์ที่เขามาควรจะดีใจเป็นลิงโลดสิ แต่ทำไมสีหน้าเฉินเยี่ยนตอนนี้ถึงไม่ดีใจ?
“คุณลุง คุณป้าครับ ในเมื่อเยี่ยนจื่อมาแล้ว งั้นก็ให้เยี่ยนจื่อฟังด้วยเลยก็ดี จะได้ถามความเห็นเยี่ยนจื่อ”
หลิวอี้พูดออกมา เขาอยากรู้ว่าเฉินเยี่ยนคิดยังไง
เยี่ยนจื่อ เขาถึงกับเรียกชื่อของเธอเลย ช่างคืบหน้ารวดเร็วเหลือเกิน เฉินเยี่ยนบ่นในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า
เฉินจงไม่ว่าอะไร ฟังความเห็นลูกสาวก็ดีเหมือนกัน
“ถ้าพี่หลิวอี้จะมาคุยเรื่องแต่งงาน ทำไมไม่เรียกแม่สื่อมาสู่ขอ มาแบบนี้ดูสุกเอาเผากินไปหรือเปล่า?”
เฉินเยี่ยนถามหลิวอี้
หวางนิวก็มองไปทางหลิวอี้ ก่อนหน้านี้เธอดีใจเกินไป ไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น พูดเรื่องแต่งงานต้องมีแม่สื่อจริง น้อยมากที่ตัวเองจะมาเอง
“ผมแค่จะมาถามความเห็นของคุณลุงคุณป้าก่อน ถ้าทั้งสองฝ่ายสนใจกัน ผมค่อยพาแม่สื่อมา”
หลิวอี้ตอบอย่างสบายอารมณ์
หวางนิวพยักหน้า พูดแบบนี้ก็พอถูไถไปได้ ถ้าสองบ้านปรึกษากันดีแล้วค่อยเรียกแม่สื่อ ถ้าบ้านหนึ่งไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องเรียกแม่สื่อ จะได้ไม่เสียหน้า
“ไม่มีเหตุผลอื่น?”
เฉินเยี่ยนถามเสียงเรียบอีกครั้ง
หลิวอี้มองเฉินเยี่ยน มองอย่างจริงจัง
“ในเมื่อเยี่ยนจื่อถามแล้ว งั้นผมก็ไม่ปิดบังแล้วกัน ผมคุยเรื่องนี้กับแม่แล้ว แต่แม่ผมไม่เห็นด้วย บอกว่าเธอจะช่วยผมหาคนงานที่ดีให้ ไม่งั้นก็คุณครู เป็นคนในเมือง ทำงานให้ประเทศชาติ เธอก็ยอม แต่ผมเลือกเอง เธอไม่อยากให้ผมไปเลือกผู้หญิงชนบท หางานในเมืองไม่ง่าย มีอีกคนมากินข้าวที่บ้านเพิ่มเลยตื่นเต้นกันมาก เพื่อนบ้านก็จะดูถูก แล้วทั้งชีวิตเธอก็จะไม่มีหน้ามีตาเลย วันนี้ที่ผมมา ผืรู้สึกว่าเยี่ยนจื่อดีมาก ผมโต้ตอบที่แม่ผมกดดันมา คุณลุงคุณป้าน่าจะรู้ถึงความจริงใจของผมแล้วนะครับ”
คำพูดนี้ของหลิวอี้ทำให้เฉินเยี่ยนเข้าใจ เพื่อจะแต่งงานกับเธอ เขาเสียสละมากมาย คนทำงานในเมืองกับคุณครูเขายังไม่ต้องการ แล้วเขายังหักหลังแม่เขาอีก เธอควรจะซาบซึ้งเขา
“นี่ นี่มัน… ฉันไม่รู้จะพูดว่าอะไร อาอี้ เธอดีจริงๆ เธอกลัวไปคุยกับแม่เธอ เยี่ยนจื่อของเราเป็นผู้หญิงที่ดี เธอเก่งกาจ นิสัยก็ดี ถึงแม้พวกเราจะเป็นคนบ้านนอก แต่พวกเราก็ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องขนาดนั้น ไม่ทำให้เธอขายหน้าหรอก”
หวางนิวซาบซึ้งมาก ขนาดคนในโรงงานกับครูในเมืองเขายังไม่ต้องการเลย มาต้องการลูกสาวตัวเอง ยังจะมีอะไรพูดอีก
เฉินจงไม่คัดค้าน เขากำลังครุ่นคิดอย่างละเอียดอยู่
หลิวอี้ไม่สนใจความซาบซึ้งของหวางนิว เขามองเฉินเยี่ยน เขาต้องการให้เฉินเยี่ยนซาบซึ้ง
เฉินเยี่ยนจะซาบซึ้งไหม? เธอไม่ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูด หลิวอี้พูดขึ้นมาอีก “คุณป้าวางใจได้ กลัวไปผมจะต้องพูดกับแม่แน่นอน ผมก็รู้ว่าเยี่ยนจื่อเป็นคนดี ผมเชื่อว่าถ้าผมกับเยี่ยนจื่อได้แต่งงานกันจริง เยี่ยนจื่อจะต้องกตัญญูกับแม่ผมแน่นอน แม่ผมแก่แล้ว อารมณ์ก็ไม่ค่อยดี เยี่ยนจื่อตามใจแม่หน่อย ทำงานที่บ้านมากหน่อย ให้ผมสบายๆ แล้วคลอดลูกชายให้หลายคน งานในบ้านนอกบ้านเยี่ยนจื่อทำได้หมด เวลาผ่านไป แม่ผมก็ยอมรับเธอเอง”
“เยี่ยนจื่อมาในเมืองแล้ว มีคนมากินข้าวมากขึ้น พวกลุงป้าก็ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะเลี้ยงเธอเอง ถ้าคุณลุงคุณป้ามีใจ ก็ส่งผักกับธัญพืชมาที่บ้านได้ ถ้าไม่ส่งก็ไม่เป็นไร ผมไม่ให้เยี่ยนจื่อไม่ได้กินข้าวหรอก ผมแค่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะเอาว่าผมแต่งงานกับหญิงชนบท แล้วยังต้องดูแลบ้านภรรยาอีก ภรรยาก็ทำอะไรไม่เป็น เปลืองข้าวสวยเปล่าๆ ตัวผมเองไม่เป็นอะไร ผมแค่กลัวเยี่ยนจื่อจะเสียหน้า”
คำพูดนี้ของหลิวอี้ทำให้เฉินเยี่ยนพูดไม่ออก แต่งงานกับตัวเองแล้วจะได้กินอยู่อย่างสบาย แล้วยังให้บ้านภรรยาส่งธัญพืชไปให้อีก แต่งงานกันผู้ชายทำมาหากิน ผู้หญิงทำงานบ้าน คนอื่นจะหัวเราะเยาะอะไร? หลิวอี้คนนี้ตลกเกินไปแล้ว มาสู่ขอตัวเอง คิดว่าเป็นบุญคุณใหญ่หลวงกับตัวเองอย่างนั้น ตัวเองจะต้องเป็นทั้งภรรยาและแม่ที่ดีทั้งชีวิต ปรนนิบัติแม่สามี เลี้ยงลูก บ้านตัวเองก็ยังต้องหาเลี้ยงให้อีก ทั้งหมดทั้งมวลนี่ยังถือว่ากินเสียข้าวเปล่าอีก ให้คนอื่นหัวเราะเยาะ แล้วยังไม่แน่ว่าแม่สามีจะยอมรับอีก นี่เรื่องอะไรกัน เขาคิดไปแล้วว่าตัวเองจะแต่งงานกับเขา? เขาคิดได้ยังไงนะ
ฝั่งเฉินเยี่ยนคิดว่าหลิวอี้หน้าใหญ่ไปแล้ว ฝั่งหวางนิวกลับหยักหน้าไม่หยุดแล้วพูด “สมควรแล้ว สมควรแล้ว วางใจได้ เยี่ยนจื่อของเราเป็นคนกตัญญู ทำงานบ้านเก่ง ทำดีกับแม่สามีเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว บ้านเราไม่มีคนที่ไร้เหตุผลแบบนั้น ส่วนธัญพืชกับผัก ถ้าพวกคุณขาดแคลน ถ้าที่บ้านมี เดี๋ยวให้ลุงเอาไปส่งให้พวกคุณ ยังไงก็ไม่สามารถให้คนอื่นดูถูกพวกคุณได้ ขอแค่พวกคุณกินดีอยู่ดี พวกเรากินน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร”
—————
ตอนที่ 80: ฉันยินดี
โดย
Ink Stone_Romance
คำพูดของหวางนิวทำเอาเฉินเยี่ยนพูดไม่ค่อยออก แต่ในความพูดไม่ออกเฉินเยี่ยนก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา ทำไมหวางนิวถึงวางท่าทีต้อยต่ำขนาดนี้ เป็นเพราะเธอ หวังอยากจะให้เธอได้แต่งงานกับครอบครัวสามีที่ดี อยากจะให้บ้านสามีดีกับเธอหน่อย เพราะเรื่องนี้พวกเขาถึงทุ่มแรงกายแรงใจให้หมด
หลิวอี้ถือว่าพอใจกับคำพูดและท่าทีของหวางนิว บ้านเฉินกับบ้านเขาต่างกันขนาดนี้ เฉินเยี่ยนแต่งกับเขาถือว่าแต่งกับบ้านที่สถานะสูงกว่า จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน
“คุณป้าเข้าใจก็ดีแล้วครับ นอกจากเรื่องพวกนี้ยังหวังว่าคุณลุงและคุณป้าจะออกแรงพูดโน้มน้าวเยี่ยนจื่อ ไม่ให้เยี่ยนจื่อออกจากบ้าน คนไม่ดีข้างนอกมีเยอะ ถ้าโดนคนเห็นเข้า พูดไม่ดีออกไป บางครั้งคำพูดคนอื่นก็มีอิทธิพลมาก พวกคุณอยู่ชนบทอาจจะไม่ใส่ใจ แต่ที่ผมทำงาน แล้วยังครอบครัวผมต่างมีหน้ามีตา ถ้าให้ทุกคนรู้ว่าเยี่ยนจื่อไปมาหาสู่กับผู้ชายอื่น ถึงตอนนั้นคงมีคำพูดติฉินนินทา ไม่เพียงแต่เยี่ยนจื่อจะเสียหน้า คุณลุงคุณป้าก็ไม่มีหน้าเหมือนกัน นอกจากคนอื่นจะบอกว่าภรรยาผมไม่มีคุณธรรมแล้ว ยังว่าคุณลุงคุณป้าไม่สั่งสอนอีก สอนลูกสาวที่ทำผิดประเพณี ถึงตอนนั้นทุกคนก็เสียหน้ากันหมดแล้ว คุณลุงคุณป้าว่าไหม?”
หลิวอี้พูดถึงจุดประสงค์หลักที่เขามาแล้ว ให้เฉินเยี่ยนอยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ตอนที่พูดคำพูดพวกนี้ สายตาหลิวอี้ยังมีแววดูถูกอีกด้วย มีแววเหยียดหยาม
“ส่วนธุรกิจที่ขายผักนั่นก็ไม่ต้องทำแล้ว ออกไปไม่รู้ว่าจะเจอคนแบบไหน เกิดเรื่องขึ้นมาจะทำยังไง อีกอย่างให้ภรรยาไปปรากฏตัวในที่สาธารณะ คนอื่นจะว่าผมไม่มีปัญญา ผักพวกนั้นถ้าเยี่ยนจื่อชอบทำ ตอนนั้นเธอทำแล้วเอาไปให้เพื่อนบ้านก็ได้ ทำดีกับเพื่อนบ้าน ทุกคนจะได้นินทาน้อยลง ถ้าทำเยอะไป ให้แม่ผมเอาไปขายก็ได้ คุณลุงคุณป้าเอาผักมาให้พวกเราอย่าคิดว่าลำบากเลย ยังไงที่บ้านมีเยี่ยนจื่อเพิ่มมาอีกคนต้องมีเรื่องเพิ่มขึ้นเยอะเลย ถ้าคุณลุงคุณป้าไม่เอามาให้ ผมกลัวว่าฝั่งแม่ผมจะคิดมาก ผมก็ทำเพื่อเยี่ยนจื่อ ถ้าอีกหน่อยพวกผมร่ำรวยแล้ว ผมก็จะให้เยี่ยนจื่อมาช่วยที่บ้าน คุณลุงคุณป้าว่าไงครับ?”
หลิวอี้พูดเรื่องผักอีกแล้ว ในเมื่อวันนี้เขามาแล้ว ก็จะพูดกับบ้านเฉินและเฉินเยี่ยนให้ชัดเจน ให้บ้านเฉินรู้ว่าเขาเสียสละอะไรบ้าง ให้บ้านเฉินคิดว่าเขาต้องเผชิญกับสถานการณ์อะไรในปัจจุบัน ถ้าเรื่องพวกนี้บ้านเฉินและเฉินเยี่ยนทำไม่ได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องคุยกันแล้ว แต่เขาเชื่อว่าบ้านเฉินและเฉินเยี่ยนจะทำตามคำพูดเขา เพื่อที่จะยกระดับตัวเอง บ้านเฉินต้องตอบตกลงทั้งหมดแน่ ส่วนเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนก็ต้องตอบตกลง ครั้งที่แล้วผู้ชายคนนั้นนอกจากหล่อกว่า เด็กกว่าเขาหน่อยแล้ว เรื่องอื่นเทียบเขาได้ไหม? ขอแค่เฉินเยี่ยนไม่โง่ เธอจะต้องเลือกเขา เธอแต่งงานกับเขา จะต้องกลายเป็นคู่ครองที่น่าอิจฉาของทุกคน เฉินเยี่ยนต้องจับโอกาสนี้ไว้ไม่ให้หลุดมือ
หลิวอี้พูดจบสีหน้าเฉินจงดูไม่ค่อยดี ใช่ เขาอยากแต่งงานกับลูกสาว หลังเกิดเรื่องอวี๋เหวยหมินเรื่องการแต่งงานของเฉินเยี่ยนก็กลายเป็นความเจ็บปวดในใจของเฉินจง เขาอยากจะให้ลูกสาวได้คู่ครองที่ดี ให้ลูกสาวมีที่พักพิงที่ดี แต่คนบ้านใกล้เรือนเคียงไม่ได้หาง่ายๆ เลย ที่อยู่ไกลเขาก็ไม่คุ้นเคย เขากลัดกลุ้มใจอยู่เหมือนกัน หลิวอี้ปรากฏตัวมา ครั้งที่แล้วหวางนิวพูดขึ้นมา ในใจเขามีแสงสว่างขึ้นมา ขอแค่ฝ่ายตรงข้ามเป็นคนดี ทำดีกับลูกสาว เขาก็วางใจให้ลูกสาวแต่งงานได้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกสาวแต่งไปอยู่ในเมืองเขาจะมีหน้ามีตาอะไร ขอแค่ลูกสาวมีชีวิตที่ดีก็พอแล้ว แต่ตอนนี้คำพูดของหลิวอี้ทำให้เขาเสียความมั่นใจขึ้นมา อีกทั้งจากที่สังเกต เขารู้สึกว่าหลิวอี้ไม่ใช่คู่ครองที่ดี ลูกสาวแต่งงานไปกับเขา กลัวว่าจะไม่มีความสุข ตรงกันข้ามกลับเป็นทุกข์อีก
อยู่ในเมืองไม่เมือง เขาไม่เสียดาย พูดเรื่องมีหน้ามีตาออกไปมีประโยชน์อะไร ชีวิตลูกสาวไม่เป็นสุข เขาเป็นพ่อก็เจ็บปวดใจ ดังนั้นเฉินจงปฏิเสธงานแต่งนี้ในใจแล้ว
หวางนิวก็รู้สึกอึดอัด นี่หมายความว่าลูกสาวและพวกเขาไม่ดี เธอเป็นแม่ ลูกดีเสมอในใจแม่ ถ้าคนอื่นพูดเธอจะต้องทะเลาะกับคนอื่นแน่นอน ไม่ได้ เธอต้องพูดบ้าง ให้หลิวอี้รู้ว่าลูกสาวเธอดี
ฝั่งหวางนิวยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เฉินเยี่ยนก็พูดออกมา “พูดเงื่อนไขคุณจบแล้วใช่ไหม?”
ตอนแรกเฉินเยี่ยนไม่ได้แสดงท่าทีอะไร และไม่ได้ขัดคำพูดของหลิวอี้เลย เธออยากจะรู้ว่าหลิวอี้มีความคิดอะไร และให้พ่อแม่ฟังเหมือนกัน ให้พ่อแม่รู้ความคิดและความประพฤติของหลิวอี้ พ่อแม่เข้าใจแล้ว เธอปฏิเสธไป พ่อแม่ก็ไม่คัดค้านแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอปฏิเสธตั้งแต่แรก พ่อแม่ต้องคิดว่าเธอไม่รู้อะไรถูกอะไรควร
“ตอนนี้ก็แค่นี้แหละ คุณทำได้ผมก็ไม่พูดอะไรแล้ว เดี๋ยวผมไปจัดการฝั่งแม่ผม ถ้ามีอะไรอีก พวกเราค่อยปรึกษากันก็ได้”
หลิวอี้เห็นเฉินเยี่ยนถามนิ่งๆ เขาคิดว่าเฉินเยี่ยนน่าจะตอบตกลงเขา
“ปรึกษากันคงไม่จำเป็นแล้ว ถ้าคุณพูดเงื่อนไขคุณจบแล้ว งั้นก็เชิญค่ะ อีกหน่อยไม่ต้องมาแล้ว ไกลขนาดนี้ ไปมาแต่ละรอบเหนื่อยเปล่า พวกเราก็ไม่สะดวก คุณไม่มา ทั้งสองฝ่ายจะได้สบายใจ”
เฉินเยี่ยนไม่รู้จะพูดว่าหลิวอี้ดีตรงไหนจริงๆ คนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนนะ ยังไม่ได้บอกว่าจะแต่งเลย กลับพูดเงื่อนไขมากมายขนาดนี้ แล้วยังมายุ่งเรื่องเธอ บอกว่าเธอไม่มีที่บ้านสั่งสอน เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน
“คุณหมายความว่ายังไง?”
สีหน้าหลิวอี้ดูไม่ดีแล้ว
“ฉันหมายความว่าให้คุณกลับไปหาคนงานกับครูเถอะ คนบ้านนอกอย่างพวกเราต่ำต้อยไม่คู่ควรกับคุณ และจะไม่ไต่เต้าด้วย”
เฉินเยี่ยนพูดชัดเจนแล้ว หลิวอี้คนนี้เป็นพวกหลงตัวเองมาก คิดว่าใครจะเสียดายเขาเหรอ เป็นคนชนบทแล้วยังไง คนชนบทก็ไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น ทำไมจะต้องไปเป็นวัวเป็นม้าให้หลิวอี้ แล้วยังไม่ได้อยู่ดีด้วย สมองเธอก็ไม่ได้มีปัญหา เป็นโสดไปตลอดชีวิต และเธอก็ไม่ยอมเสียหน้าไปแต่งงานกับหลิวอี้
“เฉินเยี่ยน ตัวคุณเป็นยังไงคุณรู้ดี ผมยอมมานี่ เพราะเห็นว่าคุณไม่แย่ ผมไม่รังเกียจที่ชื่อเสียงคุณไม่ดี อยากจะให้โอกาสคุณ ผมคิดแทนคุณ กลัวคุณแต่งไม่ออก ไม่ใช่ว่าผมหาภรรยาไม่ได้ เฉินเยี่ยน ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่คุณแบบนี้ คุณหาสามีที่ดีได้หรือ แต่งกับผู้ชายบ้านนอก ต้องหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินไปชั่วชีวิต ผ่านไปหลายปีคุณจะมีหน้ามีตาอะไร อยู่กับผมอย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องลงไปที่นา ได้เป็นคนในเมือง มีความสุขมาคุณไม่ต้องการ คุณคิดอะไรอยู่?”
หลิวอี้คิดว่าเฉินเยี่ยนสมองเสียไปแล้ว ทำไมเธอไม่เข้าใจว่านอกจากเขาแล้วเธอไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว
“เยี่ยนจื่อ มีอะไรค่อยพูดค่อยจา”
หวางนิวยื่นมือไปดึงลูกสาว เธอไม่อยากให้เรื่องเสีย
“ฉันขอบคุณคุณค่ะ แต่ฉันยอมมีชีวิตหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ฉันหาเงินเองใช้เอง ฉันแต่งไม่ออกฉันยินดี ไม่ต้องให้ใครมาสนใจ ส่วนเป็นคนในเมืองแล้วจะมีความสุข ถ้าเป็นแบบที่คุณว่า ฉันแบกรับไม่ไหว”
เฉินเยี่ยนคิดว่าสมองหลิวอี้พังไปแล้ว ตอนนี้เธอแค่คิดว่าหลิวอี้มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น อย่ามารังควานคนอื่น
“เฉินเยี่ยน คุณคิดดูให้ดีนะ ถ้าวันนี้ผมออกจากบ้านนี้ไปแล้ว อีกหน่อยคุณมาร้องไห้อ้อนวอนผม ผมก็จะไม่เหลียวหลัง คุณคิดดูดีๆ อย่ามาเสียใจทีหลัง”
หลิวอี้คิดไม่ถึงว่าเขามาด้วยเจตนาดี ไม่รังเกียจเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนกลัวปฏิเสธเขา เฉินเยี่ยนรู้หรือเปล่าว่าเธอสูญเสียอะไรไป
————–
ตอนที่ 81: อิสระในการแต่งงาน
โดย
Ink Stone_Romance
เขาให้เธออย่าเสียใจภายหลัง เฉินเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้แล้วอดไม่ได้อยากจะหัวเราะ ถ้าตัวเธอแต่งงานกับเขาเธอจะเสียใจต่างหาก
“วางใจได้ สิ่งที่ฉันทำ คำที่ฉันพูด ไม่มีทางเสียใจแน่นอน”
เฉินเยี่ยนแน่วแน่มาก เธอจะเสียใจได้ยังไง ถ้าแต่งงานกับคนแบบนี้จริง เธอไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว
ได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยนหวางนิวถอนหายใจออกมา เธอรู้ ถึงเวลานี้พูดอะไรไปก็สายไปแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะเธอไม่อยากจะพูด ถ้าเธอถูกใจกับการแต่งงานครั้งนี้มาก เธอต้องพูดต่อหน้าเฉินเยี่ยนอยู่แล้ว พูดยังไงก็ไม่มีทางให้เฉินเยี่ยนพูดคำพูดพวกนี้ออกมา แต่เป็นเพราะคำพูดก่อนหน้าของหลิวอี้ เธอก็อาจจะไม่ได้ชอบมาก
“พูดมาถึงตรงนี้แล้ว พวกเราก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก พวกเราเป็นคนบ้านนอก กฎของคนในเมืองก็ไม่ค่อยรู้หรอก ส่วนเยี่ยนจื่อ เธอโดนพวกเราเลี้ยงจนเสียนิสัยแล้ว อารมณ์ก็ไม่ค่อยดี ทนลำบากไม่ไหว รับความโกรธไม่ได้ ถ้าจะให้เธอไปในเมือง กลัวว่าเธอจะทำไม่ได้ และโทษพวกเราเองที่ไม่มีโชคนั้น เป็นคนในเมืองไม่ได้ ใช้ชีวิตสบายเป็นคนบ้านนอกแบบเดิมดีแล้ว ลูกสาวอยู่ใกล้พวกเราก็สามารถดูแลได้ จะไห้ไม่ต้องไปโดนใครบ่นด่า ขอโทษด้วย สหายหลิว ให้คุณมาเสียเที่ยวแล้ว แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว สหายหลิวกลับไปคุยได้แล้ว ไม่อย่างนั้นลำบากสหายหลิวต้องผิดใจกับที่บ้านอีก พวกเราก็รู้สึกไม่ดีไปด้วย”
เฉินจงพูดแล้ว เขาพูดอย่างเกรงใจ แต่ในคำพูดแสดงความหมายชัดเจนแล้ว พวกคุณคนเมืองดี สูงส่ง พวกเราไม่อาจเอื้อม ลูกสาวเราจะไม่ไปลำบาก คุณอยากจะทำยังไงก็ทำเถอะ คุณดูถูกพวกเรา พวกเราไม่เสียดายหรอก
สีหน้าหลิวอี้ยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่ เฉินเยี่ยนทำเขาโกรธจนสำลัก เดิมทีเขาคิดว่าพ่อแม่บ้านเฉินจะควบคุมเฉินเยี่ยนได้ ตอนนี้กูเหมือนเฉินจงก็ทำอะไรไม่ชัดเจน มิน่าถึงได้สอนเฉินเยี่ยนเป็นผู้หญิงที่หน้าไม่อายแบบนี้ เดิมทีรากเหง้าก็ไม่ดีอยู่แล้ว โชคดีที่ตัวเองมารอบนี้ ได้รู้พฤติกรรมของคนบ้านเฉิน และโชคดีที่ตัวเองยังไม่ได้รีบร้อนหาแม่สื่อ ไม่อย่างนั้นได้ภรรยาแบบนี้ ได้พ่อตาแบบนี้ อีกหน่อยไม่แน่ว่าจะมีเรื่องวุ่นวายอีกเท่าไร
จริงๆ เลย ถ้ารู้ว่าบ้านเฉินเป็นแบบนี้มาก่อน เขาคงไม่มาแล้ว เสียเวลาเขา ถึงเฉินเยี่ยนจะสวยยังไง เก่งแค่ไหน แต่ไม่มีศีลธรรมแบบี้ เขาจะเอามาทำไม? ไม่แน่แต่งงานไปแล้วเธออาจสวมเขาเขาก็ได้ ถึงเวลานั้นตัวเขาเองจะเสียหน้าขนาดไหน ดูเหมือนตอนนี้บ้านเฉินก็ไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าตัวเขาแต่งงานกับเฉินเยี่ยนจริง ไม่แต่บ้านเฉินอาจจะข่มเขาก็ได้ ถึงตอนนั้นเขาคงมีเรื่องวุ่นวายนับไม่ถ้วน
แบบนี้ก็ดี ไม่มีเฉินเยี่ยน ตัวเองมีคนที่ดีกว่านี้อีก เขาจะทำให้เฉินเยี่ยนและบ้านแนได้เห็น เขาจะหาคนทำงาน หาคนที่สวย หาคนที่แกร่งกว่าเฉินเยี่ยนเป็นร้อยเท่า ถึงตอนนั้นเฉินเยี่ยนและเฉินจงจะต้องเสียใจจนตาย
“หึ ถือว่าผมตาบอดที่มาชอบคุณ ถือว่าผมมาเสียเที่ยวแล้วกัน”
หลิวอี้พูดทิ้งท้ายด้วยความโกรธแล้วออกไป
หวางนิวอยากจะยื่นแขนไปห้ามไว้ แต่ยื่นไปได้ครึ่งเดียวเธอก็หดแขนกลับ มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอรั้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เห็นได้ชัดว่าเขาดูถูกพวกเธอ ถึงแม้จะรั้งให้อยู่ก็ไม่ใช่เรื่อง อีกอย่างรั้งให้อยู่ลูกสาวก็ไม่ยอม เธอจะรั้งไว้ทำไม กินข้าว? หรือจะเอาผักให้เขากลับไปอีก? ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ มื้อเที่ยงไม่น่าทำก๋วยเตี๋ยวแป้งขาวให้เขาเลย โชคดีที่ยังไม่ได้ทำไข่ชาให้ ไม่อย่างนั้นเขาคงยิ่งไม่พอใจ
“คนนี้ดูไม่เลวเลย แต่ทำไมพูดจาไม่น่าฟัง จริงๆ เลย คิดว่าเขาดีขนาดไหน มาดูถูกพวกเรา พวกเราที่ดูถูกเขาต่างหาก เยี่ยนจื่อ อย่าเสียใจไปเลย อีกหน่อยยังมีคนที่ดีกว่านี้อีก”
หวางนิวกลัวลูกสาวไม่สบายใจ เลยรีบปลอบลูกสาว
มีอะไรต้องเสียใจ เฉินเยี่ยนไม่เสียใจเลยสักนิด หลิวอี้ไปแล้ว ไม่ยืดเยื้อ เธอโล่งใจต่างหาก อันที่จริงเฉินเยี่ยนไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองเป็นคนสวยขนาดที่ทำให้คนไม่สามารถละสายตาได้ เป็นคนที่ผู้ชายเห็นแล้วชอบเลย หลงรักเลย เธอไม่ใช่คนสวยแบบนั้น และเธอก็ไม่ต้องการความชื่นชอบแบบนั้น เธอคิดแค่อยากจะหาเงิน ให้มีชีวิตที่สุขสบาย ส่วนพวกผู้ชาย นานๆ ทีมีไว้ชื่นชมก็ดี ถ้ามีคนที่เหมาะสม คนที่ดีจริง เธอค่อยพิจารณา แต่ตอนนี้เธอยังไม่เจอใครที่เหมาะสม และเธอก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย
แต่หน้าตาเธอก็คือว่าสะสวย ไม่อย่างนั้นหลิวอี้ที่หลงตัวเองหนักขนาดนั้นจะเป็นฝ่ายรุกมาถึงบ้านจะขอเฉินเยี่ยนแต่งงานก่อนได้ยังไง
ถ้าดูแค่ภายนอก อีกหน่อยคนที่มาขอเธอแต่งงานคงไม่ไม่น้อย แต่ชื่อเสียงเธอไม่ถือว่าดีมาก ในจำนวนคนไม่น้อยที่จะเข้ามาก็เปลี่ยนใจกลางคัน ตอนนี้เธอยังไม่วางแผนแต่งงาน สู้เธอถือโอกาสนี้คุยกับพ่อแม่ไปเลยดีกว่า ไม่ต้องให้พวกเขายุ่งเรื่องแต่งงานของตัวเอง ตัวเธอจัดการเรื่องแต่งงานของตัวเองก็พอ
เฉินเยี่ยนคิดว่าโอกาสนี้ไม่เลวเลย เลยเอาความคิดเธอบอกกับเฉินจงและหวางนิว
“ได้ที่ไหนกัน เป็นผู้หญิงจะแต่งงานก็ต้องมีแม่สื่อทั้งนั้น เห็นว่าดี พ่อแม่ก็ตกลง มีที่ไหนที่ตัวเองตัวสินใจเอง นี่ไม่ถูกต้อง ลูกไม่ต้องสนใจ แม่กับพ่อลูกต้องหาผู้ชายที่ดีให้ลูกแน่นอน”
หวางนิวปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด เรื่องงานแต่งงานของลูก พ่อแม่เป็นฝ่ายตัดสินใจ จะให้ลูกสาวตัวเองตัดสินใจเองได้ยังไง
เฉินจงมองลูกสาว ความคิดลูกสาวนับวันยิ่งโตเป็นผู้ใหญ่
“แม่ หนูรู้ว่าแม่กับพ่อจะหาคนที่ดีให้ แต่ก่อนหน้านี้มีอวี๋เหวยหมิน ตอนนี้มีหลิวอี้มาอีก ครั้งหน้าไม่รู้ว่าจะเป็นใคร เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องของทั้งชีวิต ดังนั้นคนที่พวกพ่อแม่คิดว่าดี หนูอาจจะไม่คิดว่าดี อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับหนูก็ได้ หนูเป็นคนที่ต้องอยู่ด้วยทั้งชีวิต หนูคิดว่าหนูเป็นคนเลือกเองดีกว่าค่ะ”
เฉินเยี่ยนอธิบาย ยุคนี้น้อยมากที่จะมีความรักแบบอิสระ ส่วนมากเป็นแม่สื่อ พ่อแม่เป็นคนจัดการ เธอต้องการอิสระ ต้องพูดโน้มน้าวพ่อแม่
“ลูกตัดสินใจเอง ลูกจะดูเป็นที่ไหน ถ้าลูกดูไม่ดี ก็ไม่ดีทั้งชีวิตแล้วอย่ามาว่าพวกแม่นะ”
หวางนิวร้อง ลูกสาวคนนี้ทำไมไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยนะ ทำไมถึงมีความคิดเห็นมากขนาดนี้
“ชีวิตหนูไม่ดี หนูก็ไม่โทษพ่อแม่หรอก ทางที่หนูเลือกเอง หนูยอมรับ”
เฉินเยี่ยนพูดจบก็จ้องมองหวางนิว แล้วพูดอีก “แม่ หนูรู้ว่าแม่หวังดีกับหนู กลัวว่าหนูเลือกคนไม่เป็น แบบนี้ไหมคะ เรื่องแต่งงานพ่อแม่อย่าเพิ่งจัดการ ถ้าหนูมีคนที่ชอบพอ มีคนที่เหมาะสม หนูจะบอกพ่อแม่เอง ให้พ่อแม่ดู ถ้าพ่อแม่เห็นว่าผ่าน ก็ค่อยว่ากัน ถ้าพ่อแม่คิดว่าไม่ดี พวกเราก็ค่อยปรึกษากัน แน่นอน ถ้ามีคนมาเป็นแม่สื่อให้หนู พ่อแม่ก็ห้ามปิดบังหนู ตอบตกลงโดยไม่บอกให้หนูรู้ ต้องให้หนูยินยอม พ่อแม่ถึงค่อยตกลง แบบนี้ดีไหมคะ?”
เฉินเยี่ยนพูดอ่อนลงหน่อย เพราะนี่คือพ่อแม่ ไม่ใช่ศัตรู เธอแค่ต้องการอิสระ แต่ไม่ได้จะขัดแย้งกับพ่อแม่
“ได้ ว่าตามนี้แล้วกัน”
เฉินจงพยักหน้า เดิมทีหวางนิวจะบอกว่าไม่ได้ แต่สามีพยักหน้าแล้ว เธอก็ไม่พูดอะไร ได้แต่บ่นออกมา “ตามใจเธอ ลูกสาวคนนี้โดนเลี้ยงจนเสียนิสัยแล้ว นับวันยิ่งใจกล้า ตอนฉันอายุเท่าเธอฉันยังไม่กล้าพูดอะไรกับพ่อเลย พ่อฉันพูดอะไรฉันก็ตกลง ไม่ได้มีความเห็นเหมือนลูกสาวคนนี้ อีกหน่อยใครจะเอาเธออยู่”
“แม่เอาอยู่ วางใจได้ อีกหน่อยพวกหนูจะเชื่อฟังแม่หมด ใครไม่เชื่อฟัง หนูจะช่วยด่า”
เฉินเยี่ยนรีบเข้าไปกอดแขนหวางนิว ยิ้มออดอ้อน
“ว่าลูกไม่ฟังแม่ ยังจะไปว่าคนอื่นอีก นอกจากลูกแล้วยังมีใครอีก จะด่าก็ด่าตัวเองเถอะ”
หวางนิวใช้มือชี้ไปที่หน้าผากเฉินเยี่ยน แน่นอน นี่เป็นลูกสาวเธอ เธอบ่นแล้วก็จบไป ไม่ได้โกรธเฉินเยี่ยนจริงจัง
———-
ตอนที่ 82: ผมจะพาคุณเข้าเมือง
โดย
Ink Stone_Romance
ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่แล้วเฉินเยี่ยนดีใจมาก อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องกังวลว่าพ่อแม่จะตกลงเรื่องงานแต่งโดยที่เธอไม่รู้เรื่องแล้ว ให้เธอแต่งงานกับคนแปลกหน้า ถึงแม้เธอจะคัดค้านได้ แต่เธอไม่อยากให้พ่อแม่ต้องมีเรื่องขัดแย้ง เธอไม่อยากทำตัวนอกรีต เธออยากมีความรักแบบครอบครัว และเธอก็เห็นค่าความรักนี้
กลับมาที่ห้อง รู้ว่าหลิวอี้ไปแล้ว เรื่องงานแต่งไม่สำเร็จ เฉินหู่และหวางจวนดีใจแทนเฉินเยี่ยน
เฉินหู่ได้ยินเงื่อนไขพวกนั้นที่หลิวอี้พูดกับเฉินเยี่ยนแล้วโกรธจัด เขารู้สึกว่าพี่สาวเขาดีที่สุด คู่ควรกับทุกคน แต่หลิวอี้กลับตำหนิพี่สาวเรื่องนั้นเรื่องนี้ หลิวอี้นี่ตาไม่ถึง คนแบบนี้ พี่ใหญ่ไม่แต่งงานด้วยหรอก
หวางจวนกลับเงียบไป นี่ถึงเป็นพี่เฉินเยี่ยน ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น อย่าว่าแต่คำพูดพวกนั้นที่หลิวอี้พูดเลยให้พูดน่ากลัวกว่านี้ก็ยังยินดีตกลง ไปในเมือง ได้ลูกเขยที่มารักหญิงชาวเกษตรกร นั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนใฝ่ฝัน ไม่ต้องทำนา ไปเป็นคนในเมือง ทำงานบ้าน เลี้ยงลูก นี่เป็นเรื่องที่ควรทำ ถึงแม้แม่สามีจะไม่ชอบ แต่ใครใช้ให้ตัวเองเป็นคนชนบทล่ะ ก็ต้องก้มหน้าก้มตายอมรับไป
ส่วนเรื่องที่ไม่ไปมาหาสู่กับผู้ชาย แต่งงานแล้ว ในใจก็ต้องคิดแต่สามีและลูก เป็นครอบครัว จะมีเวลาไปรู้จักผู้ชายอื่นได้ยังไง ยังจะมีเวลาไปคิดถึงผู้ชายคนอื่นที่ไหน อีกอย่างคิดถึงผู้ชายคนอื่นเป็นเรื่องน่าขายหน้ามาก แต่จะไม่ให้ไปพูดคุยติดต่อกับผู้ชายเลย นี่ก็เป็นไปไม่ได้ ขอแค่ไม่เกิดเรื่องอะไรก็พอแล้ว
แล้วยังพูดเรื่องผักที่ให้บ้านหลิว เรื่องนี้กูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร แต่ก็ถือว่าได้ยกระดับ ถึงแม้จะเสียสละเล็กน้อยก็สมควร นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าเป็นคนอื่นต้องตกลงแล้วแน่นอน มีลูกเขยมาแต่งงานกับสาวชาวเกษตรกร พูดออกไปยิ่งมีหน้ามีตา นี่เป็นเรื่องมีเกียรติมาก ขนาดคนแบบนั้นพ่อแม่เธอยังตกลงเลย ไม่ต้องพูดถึงหลิวอี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นพ่อแม่เธอ ยังไม่ทันพูดอะไรก็ตกลงแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องมงคลที่เกิดเรื่องดีแบบนี้ ถ้าตัวเองกล้าคัดค้าน เกรงว่าคงโดนด่าจนตาย
ตัวเองจะคัดค้านไหม? หวางจวนแอบส่ายหน้า เธอและเฉินเยี่ยนมีความคิดไม่เหมือนกัน วิธีคิดไม่เหมือนกัน ความต้องการไม่เหมือนกัน เกรงว่าจะไม่คัดค้าน แต่ถ้าพี่เฉินเยี่ยนจะแต่งงานกับคนแบบหลิวอี้ คงต้องเหนื่อยทั้งชีวิต ไม่มีความสุข
เหนื่อยไหม? คนเราทำงานมีไม่เหนื่อยที่ไหนกัน ดูแม่เธอสิ ตั้งแต่วันที่แต่งเข้ามาอยู่ในบ้าน ยุ่งทั้งงานบ้านงานสวนไม่หยุด คลอดลูกออกมานอกจากอยู่ไฟแล้วก็ไม่เคยได้พักเลย กว่าจะเลี้ยงดูลูกหลายคนให้โตมา ต่อมาต้องสร้างบ้าน หาสะใภ้ เรื่องยากทั้งนั้น ไม่ง่ายกว่าจะได้สะใภ้มา คิดว่าจะได้พักผ่อนแล้ว แต่ตอนนี้สะใภ้แต่ละคนเทียบกันแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อน กล้าต่อกรกับแม่สามี
เดิมทีมีหลานก็ดีใจมาก พอหลานคลอดออกมา ยิ่งรู้สึกว่าลูกสะใภ้ปีกกล้าขาแข็ง นอกจากงานบ้านงานสวนที่แม่ยุ่งแล้ว ยังมีอีกภาระหนึ่งเพิ่มขึ้นมา คือเลี้ยงดูหลาน ตอนนี้ที่บ้านนั้น คำพูดเธอไม่สำคัญ เป็นพี่สะใภ้ที่มีอำนาจ ส่วนพี่รองก็ฟังพี่สะใภ้ แม่เธอไม่เคยมีความสุขสักวันเลย เธอก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติ ชีวิตของคนก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ? ผู้หญิงต้องเสียสละทุกอย่างเพื่อครอบครัว จะมีกี่คนที่คิดแบบพี่เฉินเยี่ยน? ถ้ามีคนรู้ความคิดพี่เฉินเยี่ยน ต้องคิดว่าพี่เฉินเยี่ยนเสแสร้ง แต่ทุกคนย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง ขอแค่ตัวเองคิดว่าดีก็พอแล้ว
เรื่องหลิวอี้ถือว่าผ่านไปแล้ว เฉินเยี่ยนจะไม่ไปคิดแล้ว วันต่อมาเธอตื่นแต่เช้าตรู่ บอกที่บ้านว่าจะไปสหกรณ์
เฉินจงก็ไม่ได้ห้ามเธอ ครั้งที่แล้วเฉินเยี่ยนไปเอง และก็กลับมาอย่างปลอดภัย เขาก็วางใจ อีกอย่างที่บ้านยังมีงานให้ทำ เขาไม่สามารถไปเป็นเพื่อนเฉินเยี่ยนได้ตลอด แค่บอกให้เฉินเยี่ยนรีบกลับมาหน่อย
เฉินเยี่ยนออกจากหมู่บ้าน ไม่ได้เดินไปทางสหกรณ์เลย เธอเดินไปทางถนนอีกเส้น จนเธอเดินมาถึงอีกหมู่บ้านหนึ่ง ในใจเฉินเยี่ยนเต้นตึกตักขึ้นมา นี่เป็นหมู่บ้านของปู่ซินห้าว เธอเดินใจลอยไม่มีสติมาถึงที่นี่ได้ยังไง? เดิมทีเธอคิดจะเดินมาทางนี้ไม่กี่ก้าวดูว่าจะบังเอิญเจอซินห้าวไหม คิดไม่ถึงว่าเดินไปเดินมาจะเดินมาถึงหมู่บ้านของปู่ซินห้าว จะกลับหลังดีไหม? แต่มาถึงหมู่บ้านแล้ว สู้ไปดูว่าซินห้าวอยู่หรือเปล่า? แต่เธอก็ไม่รู้ว่าบ้านของปู่ซินห้าวอยู่ตรงไหน?
เฉินเยี่ยนเดินไปรอบหมู่บ้านปู่ซินห้าวอยู่ครึ่งหนึ่งอย่างลังเล เธอไม่เห็นซินห้าว และไม่ได้ปรึกษาและถามกับคนในหมู่บ้านเธอว่าบ้านปู่ซินห้าวอยู่ตรงไหน
ไม่เจอซินห้าวอาจจะไม่อยู่ที่นี่ ตัวเองเดินไปดีกว่า ถ้าถามคนอื่น ตัวเองเป็นผู้หญิงไปหาที่บ้าน คนอื่นต้องนินทาแน่นอน เดิมทีเธอกับซินห้าวไม่ได้เป็นอะไรกัน ถ้าพูดออกไปต้องไม่ดีแน่
เฉินเยี่ยนคิดแล้วก็เดินออกจากหมู่บ้านของปู่ซินห้าว แล้วเดินกลับไป
ระหว่างทางฝีเท้าเฉินเยี่ยนว่องไวมาก เธอไม่ได้ผิดหวัง เดิมทีก็ไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องบังเอิญเจอซินห้าว แต่เฉินเยี่ยนคิดว่าเทียบกับหลิวอี้แล้ว เธอชอบติดต่อกับซินห้าวมากกว่า ถึงแม้ซินห้าวจะเย็นชา พูดน้อย แต่เขาไม่เรื่องมาก อยู่กับเขา เธอรู้สึกสบายกว่า
เฉินเยี่ยนเดินไปคิดไป จนหูได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นมา เฉินเยี่ยนถึงค่อยรู้สึกตัว มองไปเห็นจักรยานและคนบนจักรยานจอดอยู่ข้างตัวเธอ
“เอ๋ ทำไมคุณอยู่ที่นี่?”
พอเห็นคนเฉินเยี่ยนดีใจมาก คนนี้คือซินห้าวคนที่เมื่อกี้เฉินเยี่ยนหาไม่เจอ เห็นทิศทางของจักรยานแล้วเจาขี่ตามหลังเธอมา แปลว่าเมื่อกี้เขาอยู่ในหมู่บ้าน เพียงแต่ตัวเองมองไม่เห็น ทำไมเขาถึงตามมานะ?
ซินห้าวยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร ชี้ไปที่เบาะหลังรถของเขา
เฉินเยี่ยนเข้าใจความหมายเขา เธอไม่เกรงใจ ขึ้นไปนั่ง นั่งครั้งที่สองก็ถือว่าคุ้นเคยแล้ว
ถ้าบอกว่าทำไมซินห้าวถึงตามเฉินเยี่ยนมา พูดไปก็ถือว่าบังเอิญ เมื่อวานซืนซินห้าวกลับมาที่นี่ ไม่ได้ออกไปไหน เดิมทีตอนเช้าเขาเตรียมจะไป ปรากฏว่าเกิดเรื่องทำให้ล่าช้า ตอนที่เขาออกมา ก็ได้ยินคนพูดกันว่าในหมู่บ้านมีหญิงแปลกหน้าเข้ามา เดินไปมาอยู่ที่นี่สักพัก และไม่รู้ว่ามาหาบ้านไหน
ซินห้าวก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเอะใจ เขานึกถึงเฉินเยี่ยน และก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังขี่ตามออกไปด้วยความหวังริบหรี่ ไม่คิดว่าจะเป็นเฉินเยี่ยนจริงๆ แต่เรื่องพวกนี้เขาไม่บอกเฉินเยี่ยนหรอก แค่บอกว่าบังเอิญ เพราะเขากลัวว่าเฉินเยี่ยนจะรู้สึกขัดเขิน
ระหว่างทางเฉินเยี่ยนเล่าความคิดที่จะพันบุหรี่ให้ซินห้าวฟัง บอกว่าเธอจะไปซื้อกระดาษที่สหกรณ์ แล้วยังเล่าให้ซินห้าวฟังเรื่องที่เธอทำยาเส้นและรสชาติของยาเส้น
ซินห้าวไม่ค่อยพูดแทรกขึ้นมา ฟังเฉินเยี่ยนพูดมาตลอด เขารู้สึกว่าเฉินเยี่ยนเหมือนนกตัวจิ๋วที่สนุกสนานอยู่ พูดจิบจิบจิบ เสียงฟังดูเสนาะหู
“เฮ้ เลยแล้ว เมื่อกี้ควรจะเลี้ยว หยุดเร็ว พวกเราเลยมาแล้ว”
เฉินเยี่ยนที่กำลังพูดอยู่ร้องบอกซินห้าว เธอทนไม่ไหวกระโดดลงจากเบาะหลังจักรยาน เพราะเธอพบว่าซินห้าวขี่เลยทางที่จะไปสหกรณ์แล้ว
“นั่งดีๆ พวกเราไม่ไปสหกรณ์ ผมจะพาคุณเข้าเมือง”
เสียงเย็นชาของซินห้าวดังขึ้นมา คิดว่าเขาน่าจะวางแผนไว้แล้วแต่แรก
—————–
ตอนที่ 83: วิธีใช้ไปป์บุหรี่
โดย
Ink Stone_Romance
“เอ๋ เข้าเมือง? เข้าเมืองไปทำอะไร?”
เฉินเยี่ยนรู้สึกแปลกใจ เธอไม่ได้คิดว่าจะเข้าเมือง เจ้าของร่างเดิมก็ไม่เคยเข้าเมืองเลย เธอก็ไม่เคย เพราะเมืองอยู่ไกลกว่าอำเภอ ถ้าอาศัยเดินเอาไม่มีจักรยานมันเหนื่อยมาก อีกอย่างคนทั่วไปก็จะไม่เข้าไปในเมืองด้วย เพราะไม่มีความจำเป็น
“ถ้าคุณต้องการจำเป็นต้องใช้กระดาษในระยะยาวก็ต้องไปซื้อในเมืองอยู่ดี ผมรู้จักที่หนึ่งมีขาย ถูกกว่าสหกรณ์ อีกอย่างคุณบอกว่าตัวคุณทำยาเส้นรสชาติดีมากไม่ใช่หรอ? ผมจะพาคุณไปทำยาเส้น”
ซินห้าวบอกแผนการเขา ก่อนหน้านี้เฉินเยี่ยนพูดมาตลอด เขารับฟัง ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจเขาคิดตลอดเวลา ช่วยเฉินเยี่ยนยคิดหาวิธี ตอนนี้เขาคิดได้แล้ว
“ขอบคุณค่ะ”
เฉินเยี่ยนพูดขอบคุณเสียงเบา เธอคิดไม่ถึงว่าซินห้าวจะใส่ใจแบบนี้ เธอรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา เพราะซินห้าวไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเธอเลย เป็นการช่วยเหลือล้วนๆ โดยไม่ต้องการผลตอบแทน
ได้ยินคำขอบคุณของเฉินเยี่ยนแล้วซินห้าวฉีกยิ้ม ได้ช่วยเฉินเยี่ยนเขาดีใจมาก
“ยาเส้นทำยังไง ต้องไปซื้อ? อย่างนั้นต้องแพงมากแน่ ถ้าซื้อยาเส้นมาพันต้นทุนแพงเกินไป ไม่แน่ว่าฉันจะได้กำไร”
ขอบคุณเสร็จเฉินเยี่ยนก็พูดอย่างกังวล ถ้าซื้อยาเส้นที่คนอื่นปรุงเสร็จแล้ว ราคาไม่ถูกแน่ ต้นทุนก็เพิ่ม ราคาต้องสูงขึ้นแน่ รวมค่ากระดาษอีก อย่างนั้นคนที่ซื้อบุหรี่ไหวก็มีไม่เยอะ ตอนนั้นก็คงขายไม่ดี เธอคิดว่าตัวเองทำยาเส้นเอง แบบนี้ต้นทุนถูก ราคาก็จะถูกลงมา สามารถขยายไปถึงกลุ่มคนได้มากกว่า แบบนั้นธุรกิจบุหรี่เธอถึงค่อยดี ส่วนพวกที่มีเงิน เขาอยากจะซื้อก็ไปซื้อบุหรี่ที่มียี่ห้ออยู่แล้ว น้อยมากที่จะซื้อของไม่มียี่ห้อของเธอ สินค้าเธอเจาะกลุ่มที่มีเงินไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่สำหรับกลุ่มคนที่มีฐานะดี
“ไม่ได้พาคุณไปซื้อยาเส้น ยาเส้นรวมกับกระดาษคุณทำบุหรี่ออกมาไม่ได้กำไร และขายไม่ดีด้วย ส่วนผมจะพาคุณไปหายาเส้นที่ไหน ถึงแล้วคุณก็รู้เอง”
ทำไมซินห้าวจะไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้
“เอ้อ ยังต้องซื้อที่ปิดด้วยนะ”
เฉินเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าซินห้าวจะรู้เรื่องเยอะขนาดนี้ เธอยังคิดว่าซินห้าวไม่เข้าใจเรื่องค้าขายเลย
ซินห้าวหัวเราะ เขาพบว่าเวลาเขาอยู่กับเฉินเยี่ยนนั้นผ่อนคลายมาก เฉินเยี่ยนไม่เหมือนพวกคนอื่นที่อยู่รอบตัวเขา เห็นเขาก็เรียกให้เขาไปทำงาน บอกว่าวันๆ เขาทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่อย่างนั้นก็เร่งให้เขาหาคู่ แล้วยังมีพวกที่คิดจะใช้เขาเพื่อหาผลประโยชน์อีก ส่วนเวลาที่เขาอยู่กับฉินเยี่ยนนั้นบริสุทธิ์ใจ เขาไม่ได้คิดอะไร แค่ชอบความรู้สึกเวลาที่อยู่กับเฉินเยี่ยน
ซินห้าวขี่จักรยานไปแบบนี้ เฉินเยี่ยนนั่งอยู่เบาะหลังนานๆ ทีจะแกว่งเท้า ทั้งสองคนพูดคุยกันจนมาถึงเมือง
ซินห้าวพาเฉินเยี่ยนไปซื้อกระดาษก่อน เพราะเธอไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน ดังนั้นเธอไม่รู้ว่าที่ไหนเป็นที่ไหน ไม่รู้ทิศทางเลย ส่วนซินห้าวก็บอกเธอว่านี่คือถนนอะไร เป็นที่ไหน เธอได้แต่จำไว้ คิดว่าครั้งหน้าให้เธอมาคนเดียว เธอก็หาไม่เจอ
เฉินเยี่ยนซื้อกระดาษมาเยอะเลย เดิมทีเธอไม่คิดว่าจะซื้อเยอะขนาดนี้ ตัวเธอก็ไม่ได้มีเงินมากมาย แต่กระดาษที่นี่ถูกกว่าสหกรณ์ ยิ่งเธอซื้อเยอะส่วนลดก็ยิ่งมาก เธอเลยเปลี่ยนใจ ยังไงจะทำบุหรี่แล้ว ต้องใช้กระดาษอยู่ดี ครั้งนี้ซื้อมากหน่อย วันหลังจะได้ไม่ต้องมาบ่อย ซินห้าวก็รู้ว่าเฉินเยี่ยนน่าจะมีเงินติดตัวอยู่ไม่มาก เลยช่วยเฉินเยี่ยนออกก่อน ถือว่าให้เฉินเยี่ยนยืม อีกหน่อยเฉินเยี่ยนหาเงินได้แล้วค่อยเอามาคืนเขา
เฉินเยี่ยนไม่ได้คัดค้าน ซินห้าวจริงใจ เธอเก็บความซาบซึ้งไว้ในใจ อีกหน่อยถ้าซินห้าวต้องการให้เธอช่วยเหลือ เธอจะทำอย่างเต็มที่
ซื้อกระดาษเสร็จ ซินห้าวก็ขี่พาเฉินเยี่ยนไปอีกสักพัก ไปที่ที่ห่างออกจากเมืองไปหน่อย ที่นี่ดูค่อนข้างเปลี่ยว เฉินเยี่ยนขมวดคิ้ว ดูจากป้ายแล้วที่นี่เป็นสถานีที่รับทิ้งขยะขนาดใหญ่ ถึงแม้เธอจะไม่รังเกียจที่นี่สกปรก แต่ซินห้าวพาเธอมาที่นี่ทำไม? เธอไม่ต้องการซื้อของเก่า และไม่ต้องการขายของที่ไม่ใช้แล้ว
ซินห้าวทักคนเฝ้าประตู พาเฉินเยี่ยนเข้าไป เขาจอดจักรยาน แล้วพูดคุยทักอีกคน จากนั้นพูดกับเฉินเยี่ยน “ตามผมมา”
เฉินเยี่ยนงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ยังเดินตามซินห้าวเข้าไป ในใจเธอไว้ใจซินห้าว
เฉินเยี่ยนเห็นซินห้าวนั่งยองๆ อยู่ท่ามกลางขยะ ที่นี่มีขยะทุกอย่าง สกปรกและยุ่งเหยิง ชายหนุ่มรูปหล่ออย่างซินห้าวนั่งลงอยู่ตรงนั้นช่างไม่เข้ากันเลย แต่เฉินเยี่ยนเห็นซินห้าวไม่รังเกียจเลยสักนิด เขาคุ้ยเขี่ยหาของอยู่ตรงนั้น
“เยี่ยนจื่อ มาดูนี่สิ”
ซินห้าวหาสักพักมองดูเฉินเยี่ยนยืนมองเขาอยู่ตรงนั้น เขาเลยเรียก เรียกเสร็จเขาก็นิ่งไป เขาเรียกว่าเยี่ยนจื่อ เรียกชื่อที่เขาคิดอยู่ในใจ ไม่ใช่เฉินเยี่ยน เรียกชื่อเธอ แล้วยังเป็นชื่อเล่นด้วย ต้องเป็นคนสนิทไม่ใช่หรือ? และไม่รู้ว่าเฉินเยี่ยนสนใจหรือไม่? จะคิดว่าเขาล่วงเกินไปหรือเปล่า?
ในใจซินห้าวรู้สึกสั่นคลอนเล็กน้อย แต่ก็เรียกออกไปแล้ว อีกอย่างในใจเขาคิดกับเฉินเยี่ยนเป็นเพื่อน เขาไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลย
เฉินเยี่ยนไม่ได้สนใจ ก็แค่ชื่อ ก็แค่คำเรียกเท่านั้นเอง เรียกอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ซินห้าวเรียกเธอเยี่ยนจื่อ เธอรู้สึกแปลกนิดหน่อย แต่เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจ เทียบกับหลิวอี้ที่เรียกเธอเยี่ยนจื่อแล้วเธอสบายใจกว่าเยอะ
“คุณจะให้ฉันดูอะไร?”
เฉินเยี่ยนพูดแล้วเดินไปข้างซินห้าว
ซินห้าวเห็นสีหน้าเฉินเยี่ยนปกติเลยถอนหายใจเล็กน้อย เห็นเฉินเยี่ยนไม่โกรธ แบบนี้ก็ดี นี่ก็หมายความว่าในใจเฉินเยี่ยนก็คิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนแล้ว?
“ไปป์บุหรี่?”
เห็นซินห้าวหาของออกมาเฉินเยี่ยนเลยขมวดคิ้ว ซินห้าวหาไปป์บุหรี่ออกมามากมาย บางอันมีใส่ที่กรอง บางอันไม่ใส่ เขาหาของพวกนี้มาทำไม ทำไมต้องให้ตัวเองดูของพวกนี้?
“ยาเส้นไง”
ซินห้าวพูดไปก็ใช้มือเปิดไปป์บุหรี่ออก นิ้วเขาเรียวยาว เห็นข้อต่อกระดูกชัดเจน เห็นเป็นรูปร่าง สองมือนี้มีแรงมาก ถ้าตีคนต้องเจ็บมากแน่ เฉินเยี่ยนมองสองมือนี้จนเหม่อไป สักพักถึงค่อยรู้สึกตัว ที่ตัวเองจะมองคือยาเส้น ไม่ใช่มือของเขา
“อ่า ยาเส้น ใช่แล้ว ในไปป์บุหรี่มียาเส้น สามารถเอายาเส้นข้างในแกะออกมาใช้ได้ นี่ปรุงเสร็จแล้ว กลับไปผสมกับยาเส้นที่ฉันทำ รสชาติต้องไม่แย่แน่ ทำไมฉันโง่แบบนี้คิดไม่ถึงนะ คุณคิดได้ยังไง?”
ตอนนี้เฉินเยี่ยนรู้แล้ว ซินห้าวพาเธอมาที่นี่เพื่อจะหาไปป์บุหรี่ แล้วข้างในไปป์บุหรี่มียาเส้น เป็นยาเส้นที่ปรุงแล้วมาจากโรงงานบุหรี่ ตัวเองเอาไปใช้ได้ ตอนแรกเธอคิดจะทำเอง คิดว่าซื้อยาเส้นคนอื่นนั้นแพงมาก เลยไม่ได้คิดถึงไปป์บุหรี่
“แน่นอนผมใช้สมองคิดสิ”
ซินห้าวตอบกลับไปประโยคหนึ่ง แล้วหัวเราะขึ้นมา เห็นหน้าเฉินเยี่ยนดีใจเขาก็ดีใจไปด้วย ตอนนี้ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ทำงานแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไร ทำอะไรไม่เป็น เขาแค่ไม่สนใจงานคนงาน ไม่อยากเป็นคนงาน เขาอยากทำการค้า แต่แม้เขาคัดค้าน เขาไม่อยากให้แม่เสียใจ เลยยังไม่ได้ทำ ถึงแม้เขาจะไม่ทำ แต่ทุกวันเขาไม่ได้อยู่ว่าง มีช่วงหนึ่งเขาเข้าเมืองทุกวัน ไปมาหลายที่ รู้จักที่มากมาย ถ้าอีกหน่อยเขาทำการค้า อย่างน้อยที่นั่นมีอะไร เขาก็รู้หมด
———-
ตอนที่ 84: ก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะ
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าซินห้าวคุ้นเคยกับในเมืองมาก แต่คิดว่าแม่เขาเป็นคนเมือง ซินห้าวต้องมาในเมืองบ่อยๆ รู้จักถนนหนทางก็ไม่แปลก
เพียงแต่…
“คุณไม่คิดว่าที่นี่สกปรกหรือ?”
เฉินเยี่ยนถามซินห้าวเสียงเบา ถึงแม้เสื้อผ้าบนตัวซินห้าวไม่ใช่เสื้อผ้าทันสมัยมากขนาดนั้น แต่สำหรับยุคนี้ก็ถือว่าไม่แย่แล้ว ดูดีกว่าในหมู่บ้านพวกนั้นเยอะหลายเท่าเลย แล้วเขาหน้าตาหล่อด้วย แต่ตอนนี้มานั่งอยู่ในกองขยะที่นี่หาไปป์บุหรี่ เลยรู้สึกว่าไม่เข้ากันอย่างมาก
อย่าว่าแต่ซินห้าวเลย ให้ชายหนุ่มหลายคนในหมู่บ้านมาหาของที่นี่ คิดว่ามีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอม
ซินห้าวไม่สนใจเลยสักนิดเหรอ?
“สกปรกหรือ?”
ซินห้าวมองขยะที่กองดั่งภูเขา มองตัวเอง แล้วก็มองเฉินเยี่ยนแวบหนึ่ง จากนั้นหัวเราะแล้วพูด “ผมไม่คิดว่ามีอะไรสกปรก ขอแค่ใช้ได้ก็พอแล้ว ไปสถานที่โอ่อ่าระดับสูงแบบนั้น ที่นั่นไม่มีของที่พวกเราต้องการ สะอาดแค่ไหนแล้วมีประโยชน์อะไร?
คำพูดซินห้าวทำเฉินเยี่ยนอึ้งไป คิดดีๆ ที่ซินห้าวพูดก็มีเหตุผล เพียงแต่ฐานะบ้านซินห้าวไม่แย่ ทำไมเขาถึงเข้าใจเรื่องราวได้ดี?
“ตอนคุณเรียนวิชาอยู่วัดเส้าหลินคงลำบากไม่น้อยใช่ไหม?”
เฉินเยี่ยนนั่งลงถามซินห้าว และช่วยซินห้าวหยิบไปป์บุหรี่ขึ้นมา
มือซินห้าวชะงักไป แล้วค่อยเก็บขึ้นมาต่อ
“ตอนไปใหม่ๆ ไม่ชินเลย ถ้าจะบอกว่าลำบาก บางครั้งก็ลำบากมากจริง เป็นความลำบากที่คนปกติไม่มีทางเข้าใจ แต่หลังลำบากแล้วถึงจะได้ประสบการณ์”
เสียงซินห้าวไม่ดัง แต่เฉินเยี่ยนกลับมองเห็นความเด็ดเดี่ยวบนใบหน้าเขา
คิดแล้วซินห้าวคงลำบากมาก เทียบกับที่เขาเล่าแล้ว ตัวเองถือว่าโชคดีแล้ว เฉินเยี่ยนถอนหายใจหน่อยหนึ่ง ในใจแอบสงสารอยู่นิดหน่อย แต่ซินห้าวไม่ได้เหลวไหล เขาไม่ได้ไม่รู้เรื่องอะไร สมองก็ฉลาด เด็กแบบนี้อีกหน่อยต้องไปไกลแน่
ที่จริงตัวเองก็พูดไม่ได้ว่าเขาเป็นเด็กแล้ว ตอนนี้เธอแก่กว่าซินห้าวอยู่ไม่กี่ปีเอง อย่างมากก็เป็นน้องชาย
ซินห้าวและเฉินเยี่ยนเก็บไปป์บุหรี่ขึ้นมา ระหว่างนั้นซินห้าวเล่าเรื่องตอนที่เขาเรียนกังฟูกับเฉินเยี่ยนไม่น้อย ส่วนเฉินเยี่ยน ก็เล่าเรื่องที่น่าสนใจตอนเด็กให้ซินห้าวฟังเหมือนกัน แต่เธอไม่ได้สังเกตว่าที่เธอเล่าไม่ใช่เรื่องของเฉินเยี่ยนร่างเดิม แต่เป็นเรื่องของตัวเธอตอนยังเด็ก
มองดูใบหน้าที่ดีใจสุดขีดของเฉินเยี่ยนในตาซินห้าวเผยให้เห็นรอยยิ้มเหมือนกัน เพียงแต่ศัพท์และคำพูดที่เฉินเยี่ยนใช้บางอันเขาฟังไม่ค่อยเข้าใจ เช่นเรื่องที่เฉินเยี่ยนเล่าว่าตอนเด็กเธอกินของแช่แข็ง ของแช่แข็งคืออะไร? ทำไมเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน? ฟังเฉินเยี่ยนพูดแล้วเหมือนไอศกรีมแท่ง แต่ดูขั้นสูงกว่า แพงกว่าไอศกรีมแท่ง ในหมู่บ้านมีของแบบนี้ขายด้วยหรือ? ทำไมเขาไม่เคยเห็นมาก่อน? จากที่เขารู้ ฐานะบ้านเฉินเยี่ยนไม่ดีเลย ตอนเฉินเยี่ยนยังเด็ก คนในหมู่บ้านยังกินข้าวหม้อเดียวกันอยู่เลย? แล้วยังไม่มีการแบ่งที่นา และมีอาหารแช่แข็งขายที่ไหน ถึงแม้จะมี คนในหมู่บ้านก็คงซื้อไม่ไหวหรอก?
แต่เขาก็เชื่อว่าเฉินเยี่ยนไม่ได้โกหกเขา ที่เล่าคงเป็นเรื่องจริง แต่ทำไมมันดูขัดแย้งกันนะ?
ซินห้าวไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้ถาม เฉินเยี่ยนเล่าจบถึงค่อยรู้ว่าที่เธอเล่าเป็นเรื่องของเธอในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่ของร่างเดิม ตอนร่างเดิมยังเด็กอยู่ที่นี่ไม่มีอะไรเลย แต่จะให้อธิบายตอนนี้ก็คงอธิบายได้ไม่ชัดเจน เธอมองซินห้าว เหมือนซินห้าวไม่ได้สงสัยอะไร อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องตลกก็ได้ เฉินเยี่ยนแอบโล่งใจ ไม่สงสัยก็ดีแล้ว
“เก็บได้เท่านี้แล้ว ฉันว่าน่าจะพอแล้ว พวกเรายังต้องเก็บอยู่อีกไหม?”
เฉินเยี่ยนมองท้องฟ้า ตอนนี้เลยเวลาเที่ยงแล้ว น่าจะใกล้บ่ายสองโมงแล้ว ทั้งสองคนเก็บไปป์บุหรี่มามากมาย เท้าเธอเหน็บกินไปหลายรอบแล้ว
“ได้ ไม่ต้องเก็บแล้ว ของพวกนี้คุณเอาไปใช้ก่อน ไม่พอคราวหน้าค่อยมาใหม่”
ซินห้าวลุกขึ้นยืน ปัดเสื้อผ้าเบาๆ ทั้งสองคนเก็บไปป์บุหรี่ในกองขยะ ทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่น
เฉินเยี่ยนก็ปัดเสื้อผ้า บนตัวเธอมีแต่ฝุ่น มองดูไปป์บุหรี่ที่พื้นก็กังวล จะแบกไปยังไง
“รอผมก่อน”
ซินห้าวพูดแล้วก็เข้าไปในห้อง สักพักหยิบถุงที่ทำจากหนังปลาออกมา
“นี่ต้องจ่ายเงินให้เขาเท่าไร? ชั่งน้ำหนักขายหรือเปล่า?”
เฉินเยี่ยนถามระหว่างที่เอาไปป์บุหรี่ใส่ลงในถุง
“ไม่ต้อง ไปป์บุหรี่พวกนี้เขาขายไม่ได้เงินเท่าไร ไม่ต้องจ่ายเงิน พวกเราเอาไปเท่าไรก็ได้”
คำพูดซินห้าวทำเอาเฉินเยี่ยนอึ้งไป ไม่ต้องใช้เงิน นั่นก็หมายความว่าแค่มีเวลาก็สามารถมาที่นี่เก็บไปป์บุหรี่ได้เลย แกะเอายาเส้นออกมาก็พันบุหรี่ได้แล้ว แบบนี้ก็ไม่มีต้นทุนแล้ว ได้ฟรีๆ สิ
“ใครๆ ก็มาเก็บได้หรือ?”
เฉินเยี่ยนสงสัย เมื่อก่อนเธอรู้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ทำแบบนี้ถ้าทำได้ดี ก็หาเงินได้ไม่น้อยเลย
“ไม่ใช่ เขาไม่ยอมให้คนไม่รู้จักเข้ามาหรอก อีกอย่างถึงแม้รู้จักกัน แต่เขาก็ไม่มีทางให้คุณฟรีๆ ผมรู้จักคนที่นี่ ดังนั้นผมพาคนมาเก็บเท่าไรก็ไม่มีปัญหา”
ซินห้าวยิ้ม รู้สึกว่าเฉินเยี่ยนน่ารักมาก
“อ้อ ที่แท้อาศัยใบบุญของคุณ”
เฉินเยี่ยนคิดว่าแบบนี้ถึงจะถูก ไม่อย่างนั้นใครสามารถเข้ามาเก็บได้ ที่เก็บขยะนี่ก็คงขาดทุน
“ไปเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น ไปป์บุหรี่นี่พอใช้สำหรับคุณ”
ซินห้าวพูดแล้วก็หยิบถุงหนังปลาที่ใส่ไปป์บุหรี่แล้วขึ้นมา เอาถุงมัดไว้บนจักรยาน
“งั้นฉันเลี้ยงข้าวคุณนะ?”
ระหว่างทางที่กลับเฉินเยี่ยนรู้สึกเกรงใจ ซินห้าวพาเธอมา แล้วังช่วยออกแรงอีก จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย ยังไงก็ให้กลับไปแบบนี้ไม่ได้
“ได้สิ”
ซินห้าวตอบตกลงอย่างสบายใจ ขี่รถพาเฉินเยี่ยนมาถึงร้านอาหารเล็กๆ ร้านหนึ่ง
ยุคนี้ร้านอาหารเป็นร้านเล็กๆ ทั้งหมด ไม่สามารถเทียบได้กับร้านใหญ่ๆ ในยุคหลังได้เลย ดูเมนูแล้ว เฉินเยี่ยนส่ายหน้า ไม่มีผัดปัก มีก๋วยเตี๋ยวหลายอย่าง เธอเป็นคนไม่ชอบกินเส้นก๋วยเตี๋ยวเลย แต่ไม่กินก็ไม่ได้ ท้องเอาแต่ร้องแล้ว
ทั้งสองคนสั่งก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะคนละชาม
ก๋วยเตี๋ยวอบเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ เฉินเยี่ยนได้กินเป็นครั้งแรก ก๋วยเตี๋ยวอบจะมีหลายๆ อย่างผสมกัน ในนั้นมีเนื้อแพะ มีเส้น มีสาหร่าย มีวุ้นเส้น แล้วยังเติมต้นหอมซอยและผักชีสีเขียวสดที่ลอยอยู่ เห็นแล้วทำให้คนอยากกินมาก
เฉินเยี่ยนดมแล้ว หอมมาก เนื้อแพะนิ่มมาก ดื่มน้ำซุปไปคำหนึ่งก็รู้สึกสดชื่น อุ่นไปทั้งตัว คล่องกระเพาะมาก เพียงแค่เส้นก๋วยเตี๋ยวที่เธอรู้สึกใหญ่ไปหน่อย เธอไม่ชอบกิน ดังนั้นเธอเลยเขี่ยไปเขี่ยมา กินผัก วุ้นเส้น น้ำซุปหมดแล้ว กินเส้นก๋วยเตี๋ยวไปไม่กี่คำ
ซินห้าวกินไปก็แอบมองดูเฉินเยี่ยนไป ก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะนี่ถือว่าเป็นอาหารเลิศรสของคนทั่วไป มีเกษตรกรหลายคนที่ทั้งชีวิตนี้ยังไม่เคยได้กินเลย สำหรับเฉินเยี่ยน ที่เขาไปสืบมาก็สืบมาหมดแล้ว แต่ตอนนี้ดูเฉินเยี่ยนกินของ เขารู้สึกว่าเฉินเยี่ยนไม่เหมือนคนที่ไม่เคยเจอโลกมาก่อน อาหารเลิศรสสำหรับคนทั่วไปมาวางตรงหน้าเฉินเยี่ยนแล้วเหมือนไม่ใช่เลย เหมือนเฉินเยี่ยนไม่มีทางเลือกเลยต้องเลือกก๋วยเตี๋ยวอบ เหมือนเธอเคยกินอาหารเลิศรสมาสารพัด ตอนนี้ให้เธอกินก๋วยเตี๋ยวอบ ไม่ต่างกับให้เธอกินแป้งทอดเลย
———-
ตอนที่ 85: หวั่นไหวเล็กน้อย
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนกินก๋วยเตี๋ยวไปไม่กี่เส้น ตามหลักแล้วเธอควรจะกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ซินห้าวรู้สึกได้ว่าเฉินเยี่ยนไม่ได้สุภาพ แล้วก็ไม่ได้เกรงใจ แต่เธอไม่อยากกินจริงๆ ไม่ยอมกิน แล้วเธอชอบกินอะไรนะ?
“อิ่มแล้วหรือ? ถ้าคุณไม่ชอบก๋วยเตี๋ยวอบ งั้นสั่งอีกชามไม่ต้องใส่เส้น?”
ซินห้าวเห็นเฉินเยี่ยนวางตะเกียบ เลยถามเฉินเยี่ยน น้ำเสียงมีแววเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ฉันอิ่มแล้ว”
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า เดิมทีเธอไม่ได้ชอบก๋วยเตี๋ยวมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว นานๆ กินทีก็อร่อยอยู่ แต่หลังจากมาที่นี่เกือบทุกวันต้องกินก๋วยเตี๋ยว เธอเลยรู้สึกเศร้า
“ก็ได้ ถ้าคุณไม่กินผมกินเอง”
ซินห้าวพูดจบก็ยกขามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าเฉินเยี่ยนไปวางไว้หน้าตัวเอง แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมากิน
เฉินเยี่ยนอึ้งจนอ้าปาก “คุณ คือว่า คุณไม่พอกินหรือ? ไม่งั้นฉันสั่งอีกชามให้นะ?”
เฉินเยี่ยนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าซินห้าวจะกินเส้นที่เธอเหลือไว้ เส้นนี้เธอกินไปแล้วนะ เธอกินไปแล้วนะ ตอนนี้ซินห้าวเอามากินอีก ต้องเป็นคนที่สนิทกันถึงแบบนี้หรือเปล่า?
ไม่ ถึงแม้จะสนิทกัน ก็ไม่แน่ว่าจะทำแบบนี้ อวี๋เหวยหมินไม่เคยกินข้าวที่เธอเหลือมาก่อนเลย เธอและอวี๋เหวยหมินเป็นสามีภรรยากันนะ อีกอย่างในยุคนี้มีสักกี่คนที่จะกินข้าวเหลือ?
ตอนนี้ซินห้าวกินเส้นที่เธอกินเหลือ หมายความว่ายังไง? ตอนนี้ธัญพืชขาดแคลน หลายคนไม่สามารถกินเส้นจากแป้งขาวได้บ่อยๆ แต่บ้านซินห้าวไม่ขาด ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?
เห็นซินห้าวกินอย่างไม่สนใจใคร แล้วยังกินอย่างอร่อยมากด้วย ในใจเฉินเยี่ยนรู้สึกอึกอัด แต่ก็ยังมีความรู้สึกที่เธอบอกไม่ถูก
“ไม่เป็นไร ตอนที่พวกเราอยู่บนภูเขา เป็นบ่อยที่กินข้าวไม่ลง พอเห็นคุณกินเหลือผมก็รู้สึกสิ้นเปลือง นี่ก็พอแล้ว ไม่ต้องสั่งเพิ่มแล้ว”
ซินห้าวกินเสร็จก็เช็ดปากอย่างนิ่งๆ เหมือนเรื่องที่เขากินก๋วยเตี๋ยวของเฉินเยี่ยนไม่ได้เป็นเรื่องอะไร
“อ้อ”
เฉินเยี่ยนตอบอ้อไป บางทีนี่อาจจะเป็นนิสัยของซินห้าว ทนเห็นสิ้นเปลืองไม่ได้ เฉินเยี่ยนเลยไม่คิดมากอีก
แต่ซินห้าวเป็นแบบนี้จริงหรือ?
ไม่ใช่ หลังซินห้าวกลับมาเขาไม่ได้ไม่เคยกินข้าวกับคนที่บ้านหรือคนอื่นมาก่อน มีบางครั้งที่คนอื่นกินข้าวเหลือ กระทั่งมีครั้งหนึ่งเขาและแม่เขาไปกินข้าวกับคู่ครองที่แนะนำ ก๋วยเตี๋ยวชามนั้นผู้หญิงคนนั้นแตะแค่นิดเดียว เขาไม่แม้แต่จะมองเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกิน เพราะเป็นเฉินเยี่ยน เขาถึงกิน ส่วนทำไมเขาถึงกินเส้นที่เหลือของเฉินเยี่ยน? บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาคิดว่าเฉินเยี่ยนเป็นเพื่อน ระหว่างเพื่อนไม่จำเป็นต้องถืออะไรมากมาย
ตอนคิดเงินเฉินเยี่ยนอึดอัดขึ้นมาจริงๆ เขาต้องการตั๋วข้าว แต่เธอไม่ได้เอามา ตอนออกมาเธอไม่คิดว่าจะกินข้าวข้างนอก สุดท้ายคนที่ให้ตั๋วข้าวคือซินห้าว เขาบอกเฉินเยี่ยนไม่ต้องใส่ใจ ครั้งหน้าค่อยเลี้ยงเขา
ทั้งสองคนขี่ออกมาจากร้านสักพัก ซินห้าวหยุดรถ ให้เฉินเยี่ยนรอเขา ไม่นานเขากลับมาพร้อมยื่นขนมปังอบให้เธอ ข้างในมีเนื้อวัวอยู่
“คุณต้องกินไม่อิ่มแน่ ขนมปังอบเนื้อวัวนี่ยังร้อนอยู่ รีบกินเถอะ”
ซินห้าวดูเย็นชา แต่แววตาเขามีความอ่อนโยน ความใส่ใจของเขาทำให้ในใจเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาหยุดรถเพื่อจะไปซื้อขนมปังอบเนื้อวัวมาให้ตัวเอง เขารู้ด้วยว่าตัวเองกินไม่อิ่ม เฉินเยี่ยนรู้สึกหวั่นไหว ผู้ชายคนนี้ดีมาก ความรู้สึกนี้ดีมากจริงๆ
นั่งเบาะหลัง กัดขนมปังอบเนื้อวัวหนึ่งคำ ขนมปังหอมมาก เนื้อวัวยิ่งหอม สองอย่างผสมกันทำให้เฉินเยี่ยนได้อร่อยเต็มคำ ที่แท้ขนมปังอบเนื้อวัวอร่อยแบบนี้นี่เอง
เฉินเยี่ยนกัดคำใหญ่ ตอนนี้เธอค่อยเข้าใจนักแสดงวัยรุ่นในทีวีตอนยุคเจ็ดสิบแปดสิบพวกนั้นแล้ว ยุคนั้นสิ่งของพวกเขาไม่มีอะไรเลย แต่พวกเขาก็ยังอยู่อย่างมีความสุข เด็กชายวัยรุ่นปั่นจักรยานด้วยความฮึกเหิม สีหน้ามีรอยยิ้มของวัยแรกแย้ม หญิงที่นั่งเบาะหลังใบหน้าอ่อนหวาน ดูมีความสุข ดูเขินอายที่พิงไปกับแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม ความรู้สึกแบบนั้นเหมือนได้ครอบครองโลกทั้งใบ
เมื่อก่อนเธอไม่เคยเข้าใจ ทำไมคนที่นั่งหลังเบาะจักรยานถึงมีความสุขขนาดนั้น? ทำไมพวกเขาถึงดูร่าเริงแบบนั้น วันนี้เธอพอเข้าใจแล้ว ความรู้สึกแบบนี้ดีจริงๆ
นี่คือความรู้สึกหวั่นไหวใช่ไหม?
เฉินเยี่ยนเลียนแบบเด็กผู้หญิงในทีวีเอาหัวไปพิงกับแผ่นหลังของซินห้าว มือที่จับเบาะรถมาตลอดก็เอามาจับเสื้อซินห้าว
ซินห้าวรู้สึกได้ว่าเฉินเยี่ยนเคลื่อนไหว ร่างกายเขาแข็งทื่อ แล้วก็กลับมาเป็นปกติ
“คือว่า ขอโทษนะ ไม่ได้นั่งให้ดี”
เฉินเยี่ยนรู้สึกได้ว่าซินห้าวตัวแข็งถึงค่อยรู้สึกตัว ตัวเองไม่ใช่นางเอกในละคร เธอและซินห้าวไม่ใช่คนรักกัน ความรู้สึกหวั่นไหวก็จางหายไป
“ไม่เป็นไร ไม่งั้นคุณจับผมไว้”
ซินห้าวก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดประโยคนี้ออกไป เมื่อก่อนเขาให้เฉินเยี่ยนซ้อน มือเฉินเยี่ยนจะจับเบาะหลังตลอด วันนี้มาจับเสื้อเขา แล้วยังพิงเขาเล็กน้อย วินาทีนั้นหัวใจเขาเต้นรัวเร็วมาก ทำเขาเกือบประคองรถไม่นิ่ง ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดมาก ดังนั้นเขาเลยตัวแข็ง เขาไม่รู้ว่าจะตอบรับยังไง แต่เขารู้ว่าตัวเขาไม่ได้รังเกียจความรู้สึกนี้ เฉินเยี่ยนให้ความรู้สึกที่แตกต่างกับเขา เหมือนผู้หญิงพวกนั้นที่แม่เขาให้เขาทำความรู้จัก ผู้หญิงคนนั้นอยากจะจูงมือเขา ในใจเขาจะรู้สึกขัดแย้ง รู้สึกรำคาญ แล้วจะอยู่ห่างจากผู้หญิงคนนั้น แต่กับเฉินเยี่ยนไม่ได้เป็นแบบนี้ หรือว่าเขาชอบเฉินเยี่ยนเข้าแล้ว?
ซินห้าวตกใจ แล้วขจัดความคิดตัวเอง
ก่อนหน้านี้เฉินเยี่ยนแค่อินไปกับละคร ได้ยินคำพูดซินห้าว เธอยิ้มเล็กน้อย ยิ้มหวานมาก และก็มีความขมขื่นด้วย ถ้าหาก ถ้าหากเธอเป็นเด็กผู้หญิงในยุคนี้จริงๆ จะดีแค่ไหน เธอคิดว่าเธอชอบซินห้าว ได้ติดต่อกันหลายครั้ง สิ่งที่ซินห้าวทำวันนี้ บรรยากาศแบบนี้ทำให้เธอหวั่นไหว เธอชอบความรู้สึกนี้ ทั้งบริสุทธิ์และสวยงาม ใสๆ และหวานหอม
แต่เธอไม่ใช่เด็กยุคนี้จริงๆ เธอมีประสบการณ์มาก่อน เธอมีสามีมาก่อน เธออกหักมาก่อน ดังนั้นในเมื่อเธอมีใจหวั่นไหว เธอก็จะดับตั้งแต่เริ่มต้น เพราะฝ่ายตรงข้ามไม่เหมาะกับเธอ
“มือฉันมัน จับเบาะหลังดีกว่า”
เฉินเยี่ยนพูดเสียงเบา เธอรู้ว่าเธอสามารถชอบได้สัมผัสความรู้สึกอันบริสุทธิ์นี้ แต่ไม่สามารถตามใจตัวเองได้
ซินห้าวพูดไม่ออก บอกว่ามือมัน ต้องเป็นข้ออ้างแน่นอน เมื่อกี้เธอยังจับเสื้อตัวเองอยู่เลย ทำไมไม่บอกว่ามันล่ะ หรือว่าเมื่อกี้เธอเช็ดน้ำมันออกหมดแล้ว? เอาเสื้อตัวเองมาเป็นผ้าขี้ริ้ว?
ไม่ เฉินเยี่ยนไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ทำไมเธอไม่ยอมจับตัวเองอีกล่ะ? หรือว่าเขิน? ก็เป็นไปได้ แต่ก่อนหน้านี้เธอจับตัวเอง พิงตัวเองต้องไม่ใช่เป็นเพราะนั่งไม่มั่น เรื่องนี้ซินห้าวมั่นใจ หมายความว่าเฉินเยี่ยนอยากจะเข้าใกล้ตัวเองหรือเปล่านะ?
เฉินเยี่ยนไม่ได้รังเกียจตัวเองแน่นอน เหมือนที่ตัวเขารู้สึกกับเธอเช่นกัน
ไม่รีบ ตัวเองไม่สามารถทำให้เธอตกใจได้ ค่อยๆ เป็นไป ถ้าพวกเขาสองคนชอบกันจริง…
หลังชอบกันแล้วจะเป็นยังไงนะ? ซินห้าวไม่ค่อยเข้าใจ เขาไม่เคยมีความรักมาก่อน และไม่เคยชอบผู้หญิงสักคนเลย เขารู้แต่ว่า ความรู้สึกตอนนี้ดีมาก มีเฉินเยี่ยนซ้อนท้าย เขามีแรงขี่จักรยาน แค่นี้ก็พอแล้ว
———–
ตอนที่ 86: รวมเป็นบ้านเดียวกัน
โดย
Ink Stone_Romance
ตอนที่ซินห้าวพาเฉินเยี่ยนมาถึงหมู่บ้านท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เดิมทีเฉินเยี่ยนอยากจะลงจากจักรยานที่หน้าหมู่บ้าน แต่ซินห้าวรู้สึกว่าเฉินเยี่ยนแบกไปป์บุหรี่ในถุงหนังปลารวมกับกระดาษมากขนาดนั้นไปต้องใช้แรงมาก เลยบอกเฉินเยี่ยนว่จะไปส่ง
เห็นท้องฟ้าแล้ว ตอนนี้คนส่วนใหญ่น่าจะกำลังทำกับข้าวอยู่ คนว่างในหมู่บ้านมีไม่เยอะ ถ้าอย่างนั้นคนที่เห็นพวกเขาก็ไม่เยอะเหมือนกัน
เฉินเยี่ยนพยักหน้า ที่จริงเธอก็ไม่ได้สนใจมาก เพียงแต่คนยุคนี้เห็นอะไรก็จะเอาไปพูดต่อ ซินห้าวไม่สนใจ ตัวเองจะสนใจอะไร
ซินห้าวพาเฉินเยี่ยนมาส่งถึงหน้าบ้านเฉิน เฉินเยี่ยนเชิญให้ซินห้าวเข้าบ้าน ซินห้าวปฏิเสธ พาคนกลับมาแล้ว เขาก็วางใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในบ้าน อีกอย่างตอนนี้น่าจะเป็นเวลามื้อเย็นแล้ว เข้าไปแล้ว เขาต้องเรียกให้อยู่กินข้าวเย็นแน่ กินหรือ? เขากับคนบ้านเฉินไม่ได้สนิมกัน ไม่กินดีกว่า กลัวว่าคนบ้านเฉินจะเกรงใจ ดังนั้นเขาไม่เข้าไปดีที่สุด
ตอนที่ซินห้าวกลับรถจักรยานอยู่ เฉินหู่เพิ่งเลิกเรียนกลับมา เห็นซินห้าวและเฉินเยี่ยนอยู่หน้าบ้านก็อึ้งไป จากนั้นก็พุ่งตรงเข้าไป
“นี่น้องชายฉัน เฉินหู่ พวกเราเรียกเขาว่าหู่จื่อ”
เฉินเยี่ยนแนะนำเฉินหู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ให้ซินห้าว สีหน้าเต็มไปด้วยความรักใคร่
“นี่พี่ซินห้าว”
เฉินเยี่ยนพูดเสียงเบาแนะนำซินห้าวกับเฉินหู่
เฉินหู่เรียกเขา ซินห้าวหยักหน้าให้เฉินหู่ ยิ้ม แสดงความเป็นมิตร จากนั้นเขาขี่จักรยานออกไป
“พี่ ทำไมพี่ถึงรู้จักกับพี่ซินห้าวได้ เขาหล่อมากเลย หล่อกว่าหลิวอี้นั่นเยอะเลย รถที่เขาขี่ก็ทันสมัย ผมอยากจะเป็นแบบพี่ซินห้าว พี่ พี่ว่าผมโตขึ้นจะหล่อเหมือนพี่ซินห้าวได้ไหม”
เฉินหู่มองเบื้องหลังซินห้าวก็อิจฉามาก เด็กรุ่นนี้จะอิจฉาความหล่อ คนกับของที่ทันสมัยที่สุด อยากจะเลียนแบบ
“พี่เชื่อว่าอีกหน่อยเธอจะยิ่งหล่อกว่าพี่ซินห้าวอีก”
เฉินเยี่ยนลูบหัวเฉินหู่ เธอชอบน้องชายคนนี้มาก ในใจเธอ เธอรู้สึกว่าในอนาคตน้องชายคนนี้ต้องโดดเด่น
เฉินหู่ได้รับความมั่นใจจากพี่สาว สีหน้ามีแววดีใจ เขาช่วยเฉินเยี่ยนถือกระดาษและถุง ในใจกลับคิดว่า พี่ซินห้าวคนนี้มาส่งพี่สาวกลับบ้าน ดูไม่เหมือนพวกเขาเพิ่งรู้จักกันเลย พี่ซินห้าวนั่นเป็นคู่หมั้นหมายของพี่สาวหรือ? เขาเหมาะกับพี่สาวจริงๆ ดีกว่าหลิวอี้นั่นเป็นร้อยเท่า
เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าเฉินหู่คิดอะไรในใจ ถ้ารู้คงต้องหัวเราะแน่
เข้ามาในบ้าน หวางนิวและหวางจวนต่างเข้ามารับ หวางนิวเข้าไปช่วยถือไปก็บ่ไป บอกว่าเฉินเยี่ยนไปทั้งวัน กลับมาเย็นขนาดนี้ เธอเป็นห่วง ครั้งหน้าให้เฉินเยี่ยนกลับมาเร็วหน่อย
ตอนกินข้าวเฉินเยี่ยนเล่าคร่าวๆ ว่าวันนี้ไปเจออะไรมา แน่นอน เธอไม่ได้เล่าเรื่องไปหมู่บ้านปู่ซินห้าว บอกว่าบังเอิญเจอซินห้าวระหว่างทาง ซินห้าวพาเธอไป รู้ว่าเธอจะซื้อกระดาษก็บอกว่าในเมืองถูก สุดท้ายก็พาเธอไปเก็บไปป์บุหรี่ เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะให้ซินห้าว แต่ไม่มีตั๋วข้าว ซินห้าวเลยออกให้ จากนั้นพวกเขาก็กลับมา ส่วนเรื่องที่ใจเธอหวั่นไหวระหว่างทางเธอไม่ได้เล่า นั่นเป็นเรื่องความรู้สึกส่วนตัวของเธอ
“ลูกบ้านซินนี่ไม่ขี้เกียจ ลูกก็ไม่เรียกเขาเข้ามาในบ้าน เขาช่วยเรามาทั้งวัน จนถึงเวลากินข้าวแล้วยังให้เขาท้องร้องกลับไปอีก ไม่ดีนะ”
หวางนิวต่อว่าลูกสาว แน่นอน ไม่ใช่ต่อว่าจริงๆ จังๆ
เฉินจงไม่ได้พูดอะไร ในใจมีภาพใบหน้าแวบเข้ามา หนุ่มซินห้าวคนนั้นเขาจำได้ หล่อมาก พูดจาท่าทางก็ไม่เลวเลย เพียงแต่ ฐานะบ้านตัวเองไม่คู่ควรกับเขาน่ะสิ
“ก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะหรือ แม่ยังไม่เคยกินมาก่อนเลย พ่อของลูกยังดี เขาเคยเข้าเมืองอยู่หลายครั้ง เคยได้กินก๋วยเตี๋ยวอบครั้งหนึ่ง รสชาติเป็นยังไง?”
หวางนิวพูดจบก็ไม่ได้พูดเรื่องเฉินเยี่ยนไม่ชวนซินห้าวเข้าบ้านอีก ความคิดเธอเรียบง่าย ในหมู่บ้านเกษตรกร การช่วยเหลือเป็นเรื่องปกติ เหมือนพวกเขา บ้านคนอื่นมีเรื่องก็ไปช่วยวันสองวันถือเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ได้คิดถึงผลตอบแทนอะไร ตอนนี้เธอถามลูกสาวเรื่องก๋วยเตี๋ยวอบ น้ำเสียงมีแววอิจฉา เธอเคยไปไกลสุดแค่ผ่านอำเภอไป ไปอำเภอก็ไม่ได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหาร แม้แต่ซุปเผ็ดก็ไม่เคยดื่ม อย่าว่าแต่ก๋วยเตี๋ยวอบเนื้อแพะเลย คิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะได้กิน
“รอหาเงินได้แล้วพวกเราไปกินกันทั้งบ้าน”
เฉินเยี่ยนเจ็บปวดใจเล็กน้อย เธอไม่เสียดายก๋วยเตี๋ยวอบเลย แม่เธออิจฉาแบบนี้ เธอต้องทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้นให้ได้ ไม่คิดเรื่องอื่น อย่างน้อยให้แม่ ให้ครอบครัวอยากกินอะไรก็ได้กิน ไม่ใช่ว่าพูดขึ้นมาแล้วถามอย่างอิจฉาว่ารสชาติเป็นยังไง
“ถ้าหาเงินได้จริง พาพ่อ หู่จื่อและหวางจวนไปกินเถอะ แม่ไม่ไปหรอก แพงน่ะ แม่แก่แล้ว กินมากหน่อย น้อยหน่อยจะมีอะไร ถ้ามีเหลือก็เอาไปให้พี่ใหญ่ แล้วยังมีเสี่ยวเวยพาไปด้วย ให้พวกเขาได้ชิม เฮ้อ ไม่รู้ว่าพวกเขาฝั่งโน้นเป็นยังไงบ้าง พี่สะใภ้ลูกยังว่าเสี่ยวเวยอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
หวางนิวพูดความในใจ ตัวเธอเองเป็นยังไงไม่สำคัญ ที่สำคัญคือลูกของพวกเธอ ขอแค่พวกเขาได้ดี เธอก็พอใจแล้ว แต่พูดถึงฝั่งนั้น เธอก็ยังกังวลใจอยู่ แต่แยกกันอยู่แล้ว เธอทำได้แค่เป็นห่วง
เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร เธอเข้าใจความรู้สึกของแม่ ถ้าเธอเป็นแม่เธอก็คงคิดเพื่อลูกเหมือนกัน ยอมทุ่มเททุกสิ่ง น่าเสียดาย เธอไม่เคยเป็นแม่มาก่อน…
กินข้าวเสร็จ หวางนิวเอาไปป์บุหรี่เทลงที่พื้นในโถงบ้าน แล้วเริ่มแกะไปป์บุหรี่ออกมาภายใต้ตะเกียงน้ำมัน
ตอนแรกเฉินเยี่ยนบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยแกะ ยังไงเธอก็ไม่รีบ แต่หวางนิวบอกว่าเธอไม่มีอะไรทำ ตอนกลางคืนแกะออกมา วันรุ่งขึ้นเฉินเยี่ยนก็ได้ใช้แล้ว
ไปป์บุหรี่พูดไม่ได้ถูกวางอยู่บนพื้น ที่จริงมันอยากพูดว่าไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ มันอยากจะอยู่อย่างนี้อีกสักคืนพวกเธอรู้ไหม?
น่าเสียดาย มันพูดไม่ได้ ความคิดมันเลยโดนละเลยไป…
เฉินจงก็ไม่ได้พูดอะไร และใช้มือแกะไปป์บุหรี่ หวางจวนก็มาร่วมด้วย กระทั่งเฉินหู่ย้ายม้านั่งเล็กมาแกะไปป์บุหรี่ด้วยความสนุกสนาน แล้วยังบอกว่าครั้งหน้าถ้าไปสถานีรับทิ้งขยะอีกให้พาเขาไปด้วย เขาจะไปเก็บให้เยอะๆ
คนทั้งบ้านลงมือกันแล้ว ทำเอาเฉินเยี่ยนว่างไปเลย มองดูคนในครอบครัวแกะไปป์บุหรี่ภายใต้ความมืดของโคมไฟน้ำมันตะเกียงไป แล้วพูดคุยกันไป ดูปรองดองกันดี ขอแค่ทุกคนมีความรัก ความสามัคคี ถึงแม้จะทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็มีความสุขได้
คิดแบบนี้ เฉินเยี่ยนก็เข้าร่วมไปแกะไปป์บุหรี่ด้วยเป็นกลุ่มห้าคน
ตกกลางคืน เฉินเยี่ยนนอนบนเตียง หวางจวนนอนหายใจเป็นจังหวะยาวแล้ว เฉินเยี่ยนนอนไม่ค่อยหลับ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ง่วง เพียงแต่เธอรู้สึกเจ็บ ถึงแม้เธอจะนั่งเบาะหลัง แต่เบาะหลังจักรยานแข็งมาก ก้นนั่งจนเจ็บ อีกนั่งตอนนั่งยองๆ อยู่ที่พื้นเห็บไปป์บุหรี่อยู่หลายชั่วโมง แล้วตอนกลางคืนมาแกะไปป์บุหรี่อีกตั้งนาน เอวเธอเคล็ดไปหมด
ซินห้าวไปเป็นเพื่อนเธอทั้งขาไปขากลับ ขาเขาคงต้องเจ็บเหมือนกันสินะ?
คิดถึงซินห้าว เฉินเยี่ยนยิ่งรู้สึกนอนไม่หลับ ซินห้าวโดดเด่นมาก เพียงแต่เขาไม่เหมาะกับตัวเอง ไม่อย่างนั้นได้คบกับเขาคงดีมาก
เฉินเยี่ยนคิด แล้วก็ส่ายหน้า นอนอมยิ้มหลับเข้าสู่ความฝัน
————-
ตอนที่ 87: ช่องทางขาย
โดย
Ink Stone_Romance
วันรุ่งขึ้นเฉินจงช่วยเฉินเยี่ยนตัดกระดาษเรียบร้อย เฉินเยี่ยนเอายาเส้นสองอย่างมาผสมกัน จากนั้นเธอลองพันดู
ตอนแรกความละเอียดของบุหรี่ไม่เท่ากัน มีอันใหญ่ มีอันเล็ก มีอันที่ครึ่งบนใส่ยาเส้นเยอะ ครึ่งล่างใส่ยาเส้นน้อย ดูไม่ได้เลย
เพราะเป็นครั้งแรก น้ำหนักมือเฉินเยี่ยนยังไม่เท่ากัน ทำไปราวครึ่งชั่วโมงได้ เฉินเยี่ยนถึงค่อยพันบุหรี่ที่เท่ากันทั้งมวนออกมาได้
“พวกนี้เอาไปใส่ในกล่องไม่ได้หรือ?”
เห็นเฉินเยี่ยนเอาบุหรี่ที่ไม่เท่ากันแยกออกมาอีกฝั่ง หวางนิวเสียดายมาก กระดาษนี้ไม่ถูกเลย แล้วยังมียาเส้นอีก ถ้าทิ้งไป ล้วนเป็นเงินทั้งสิ้น
“แบบนี้เอาไปขายไม่ได้ คนอื่นเห็นคุณภาพสินค้าแบบนี้ ก็ไม่ซื้อหรอก เอาให้พ่อสูบเถอะ”
เฉินเยี่ยนไม่เสียดาย ทุกเรื่องล้วนยากตอนแรก เสียหายนิดหน่อยไม่ถือว่าเท่าไร ตอนนี้เธอควบคุมปริมาณยาเส้นให้เท่ากันได้แล้ว บุหรี่ที่พันไม่เท่ากันยิ่งน้อยลงทุกที
“ได้ ให้พ่อลูกสูบแล้วกัน แบบนี้เขาจะได้มีสูบ”
หวางนิวได้ยินว่าให้สามีสูบก็ไม่มีความเห็นอะไรแล้ว สามีเหนื่อยตั้งแต่เช้าจรดเย็น สูบบุหรี่หน่อยก็ถือว่าสมควร หวางนิวไม่พูดอะไรอีก ช่วยเฉินเยี่ยนปิดผนึกกล่องบุหรี่ตามที่เฉินเยี่ยนต้องการ
วันนี้ทั้งวันเฉินเยี่ยนและครอบครัวร่วมแรงร่วมใจกันห่อบุหรี่ออกมาได้ยี่สิบกล่อง แน่นอนที่พันออกมามีเอะกว่า แต่เพราะทำเสียไปตอนแรก อีกทั้งมีใบยาสูบที่หั่นออกมาไม่ครบ เลยเสียไปมาก
พูดเรื่องหั่นใบยาสูบ นี่เป็นเรื่องเทคนิค เฉินจงเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ตอนหลังเขาเปลี่ยนเป็นเลื่อยเหล็กขนาดเล็ก เฉินจงลองอยู่สองครั้งถึงเลื่อยบุหรี่ได้ครบ ถ้าให้เฉินเยี่ยนและหวางนิวทำ คงเสียมากกว่านี้
ทำกันแบบนี้ เฉินเยี่ยนห่อ เฉินจงหั่น หวางนิวและหวางจวนรับผิดชอบปิดผนึกกล่องและเอาบุหรี่ใส่กล่อง แล้วปิดฝากล่องบุหรี่อีกที เห็นแต่ละบุหรี่ออกมาแต่ละกล่องแล้ว เฉินเยี่ยนซาบซึ้งใจและภูมิใจด้วย ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว พวกเขาทำบุหรี่เองสำเร็จแล้ว ตามที่เธอเข้าใจ ในหมู่บ้าน บุหรี่มี่ใช้มือพันเองแบบนี้ปรากฏในยุคปีแปดสิบ แต่เธอทำออกมาเป็นครั้งแรกเร็วกว่าตั้งหลายปี อาศัยอันนี้เธอก็สามารถหาเงินได้ก้อนหนึ่งมาทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว
ผ่านไปสองวัน มาถึงวันที่มีตลาด เฉินเยี่ยนตามเฉินจงไปตลาดอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขายผัก แต่ยังมีบุหรี่ด้วย
ตลาดนี้พอขายผักได้ บุหรี่ถือเป็นของหายาก ถึงแม้จะถูกกว่าบุหรี่มียี่ห้อ เงินค่ากระดาษ ค่ายาเส้น รวมกันกำไรที่พวกเขาต้องการ บุหรี่กล่องหนึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถซื้อได้
เฉินเยี่ยนขายออกไปได้สิบสองกล่องที่ตลาดนี้ ถึงแม้จะไม่เยอะ แต่ก็ไม่ถือว่าน้อย ระหว่างทางกลับเฉินเยี่ยนและเฉินจงปรึกษากัน บุหรี่สามารถห่อได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องขายในตลาดจนหมด และสามารถเอาไปขายในหมู่บ้านหรือที่ที่มีคนเยอะได้ ถ้าไม่ได้อีกก็ไปเดินขายตามถนน แบบนี้ทุกวันจะได้มีรายได้ แน่นอน ไม่มีจักรยานก็จะลำบากหน่อย แต่ตอนนี้บ้านเฉินไม่มีปัญญาซื้อจักรยาน ไม่ต้องพูดเรื่องเงินไม่พอ แม้แต่ตั๋วจักรยาน พวกเขาก็ไม่มีปัญญาหามา
หลังจากกลับมาเห็นที่บ้านยังมีผักอยู่อีกไม่น้อย เฉินเยี่ยนคิดว่าสามารถไปโรงงานที่ครั้งที่แล้วไปได้ คิดว่าผักกาดขาวเผ็ดที่พวกเขาน่าจะกินหมดแล้ว ครั้งนี้ส่งกิมจิไปหน่อย อีกอย่างเธอยังเอาบุหรี่ไปได้อีกด้วย ที่นั่นคนไม่น้อย ถึงแม้รสชาติบุหรี่เธอจะต่างจากที่มียี่ห้อเล็กน้อย แต่ความต่างถือว่าไม่มาก ถึงแม้จะไม่มียี่ห้อ แค่ห่อสีขาว แต่ถูกกว่าบุหรี่มียี่ห้อนะ เธอเชื่อว่าจะสามารถขยายไปถึงคนกลุ่มกว้างได้
วันรุ่งขึ้นเฉินจงและเฉินเยี่ยนทั้งสองคนจูงรถเข็นไปโรงงานครั้งที่แล้ว เดินเข้าทางประตูหลังเจอชายอ้วนคนนั้นที่เจอครั้งที่แล้ว หัวหน้าเจิ้ง
ได้บอกความตั้งใจที่มาแล้ว หัวหน้าเจิ้งลองชิมกิมจิที่พวกเขาลากมา กินคำแรกหัวหน้าเจิ้งรู้สึกว่าเปรี้ยว แต่ผ่านไปสักพักเขารับรู้รสชาติอีกครั้ง
อีกทั้งกิมจินี้ไม่ได้หมักแค่ผักกาดขาว แต่ยังมีไชเท้า พริก ถั่วฝักยาว แครอทแล้วยังมีขิงอ่อน ขิงแก่อีกด้วย มีผักครบหมด รสชาติของผักแต่ละชนิดก็ไม่เหมือนกัน ถึงแม้จะเปรี้ยว แต่เปรี้ยวอย่างเจริญอาหาร กินไปแล้วให้ความรู้สึกกรุบกรอบ
ครั้งที่แล้วรสชาติผักกาดเผ็ดไม่เลวเลย ทำให้เขาได้หน้า หลังผู้นำกินแล้วก็พูดมาประโยค แบบนี้สิถึงจะถูกต้อง อาหารควรจะต้องใช้ใจหน่อย ได้รับการยอมรับจากผู้นำเขาก็ดีใจ แต่ผักกาดเผ็ดไม่สามารถกินได้ทุกวัน อีกอย่างกินจะหมดแล้ว ที่นี่วันหนึ่งมีคนกินข้าวตั้งหลายสิบคนเลย เขากำลังเครียดอยู่ เฉินเยี่ยนพ่อลูกเอากิมจิมาส่งให้ นี่ถือว่ามีคนมาประเคนให้ถึงที่เลย
หัวหน้าเจิ้งซื้อกิมจิและผักกาดขาวเผ็ดที่เฉินจงและเฉินเยี่ยนลากมาทั้งหมด แล้วให้เงินและตั๋วด้วยความดีใจ
เฉินจงเก็บเงินและตั๋วไว้ ใจตกไปแทบเท้า ดีมากจริงๆ ขายผักลอตนี้ไปได้ที่บ้านก็เหลือผักอยู่ไม่เท่าไรแล้ว มีเงินกับตั๋วนี่ ถึงแม้ที่เหลือจะขายออกไม่หมด ก็ถือว่ากำไรอยู่ แต่ที่เหลือก็ขายไม่ออกไม่ได้ ยังไงก็ถือว่า ธุรกิจขายผักนี้ได้กำไรแล้ว ไม่ขาดทุน
“พ่อ พ่อเอาบุหรี่ให้หัวหน้าเจิ้งลองสูบสักสองตัวสิ”
จบเรื่องผักแล้ว ฝั่งหัวหน้าเจิ้งให้คนเอาผักในไหออกมา เฉินเยี่ยนส่งสายตาให้เฉินจง ตอนมาเฉินเยี่ยนบอกเฉินจงไว้แล้ว ถ้าจะให้คนซื้อบุหรี่ ก็ต้องให้เขาลอง ไม่อย่างนั้นคนเขาไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี จะซื้อได้ยังไง
เฉินจงรีบเอากล่องบุหรี่ที่เปิดแล้วออกมา บุหรี่กล่องนี้เอาไว้สำหรับให้ลองสูบ เขายื่นให้หัวหน้าเจิ้ง
มีคนเอาบุหรี่มาให้ฟรีๆ ทำไมหัวหน้าเจิ้งจะไม่เอา ตอนนี้บุหรี่เป็นของขาดตลาดอยู่ คนทั่วไปอยากจะซื้อยังหาซื้อไม่ได้เลย อีกอย่างราคาก็แพง คิดไม่ถึงว่าคนในหมู่บ้านสองคนขายผักนี่จะมีบุหรี่ด้วย แต่ดูข้างนอกแล้วไม่รู้ว่ายี่ห้ออะไร
“เอ๋ รสชาติไม่แย่เลย บุหรี่นี่ยี่ห้ออะไร? พวกเจ้าไปเอามาจากไหน?”
หัวหน้าเจิ้งสูบไปสองที แล้วถามเฉินจงเสียงเบา
เฉินเยี่ยนยิ้ม เธอเก็บไปป์บุหรี่มาเยอะขนาดนั้น มีบุหรี่ที่ดี และก็มีแบบธรรมดา เอามาผสมกัน ถึงแม้จะเทียบกับอันที่ดีที่สุดไม่ได้ แต่รสชาติก็ยังพอใช้ได้
“ไม่มียี่ห้ออะไร พวกเราทำกันเอง พวกเราซื้อกระดาษและยาเส้นเอามาห่อ”
เฉินจงหัวเราะหึหึ แนะนำให้หัวหน้าเจิ้ง
“หัวหน้าเจิ้ง บุหรี่ที่พวกเราห่อเอง คุณได้ลองแล้ว รสชาติไม่แย่เลยใช่ไหม ไม่ต่างจากบุหรี่ที่มียี่ห้อเท่าไร แต่บุหรี่มียี่ห้อพวกนั้นขาดตลาดอยู่ คนทั่วไปหาซื้อไม่ได้ และซื้อไม่ไหว ส่วนของที่พวกเราทำเอง รสชาติดี ราคาถูกกว่า หัวหน้าเจิ้งช่วยพวกเราถามดูว่ามีใครต้องการซื้อไหมคะ?”
เฉินเยี่ยนพูดวัตถุประสงค์ที่เธอมาแล้ว ที่นี่มีหลายสิบคน เป็นคนงาน ยุคนี้คนงานเนื้อหอมมาก มีเงินเดือน พวกเข้าใช้จ่ายได้ ดังนั้นเป็นกลุ่มเป้าหมายของบุหรี่ คนหนึ่งซื้อกล่องหนึ่ง ก็ขายได้หลายแท่งแล้ว เหมาะกว่าไปขายในตลาดอีก
“ไม่มีปัญหา ที่นี่คนเยอะ เวลาปกติอยากจะซื้อบุหรี่ก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อได้ แต่บุหรี่พวกเจ้าสามารถรับประกันว่าเป็นรสชาตินี้ไหม?”
หัวหน้าเจิ้งมองเฉินเยี่ยนหยิบบุหรี่ออกมา สายตากลอกไปมา ถ้าพวกเขาสามารถรับประกันรสชาตินี้ ราคาก็ถูก งั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องช่องทางขาย ตัวเองซื้อไปหน่อยแล้วเอาไปขายคนงานในโรงงาน กล่องหนึ่งเพิ่มมาสตางค์หนึ่ง ขายได้มาก นานไป ก็ได้เงินมาไม่น้อยแล้ว นี่ถือว่าได้มาฟรี แล้วยังตกมาถึงคนที่รู้จักคนมากมายด้วย
————–
ตอนที่ 88: เจ้าอ้วนคือน้องชาย?
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนรับรองคุณภาพของบุหรี่ หัวหน้าเจิ้งรับบุหรี่ที่เฉินเยี่ยนเอามาทั้งหมด หัวหน้าเจิ้งไม่กลัวว่าเฉินเยี่ยนจะหลอกเขา เขาเข้าใจดี พ่อลูกบ้านเฉินคู่นี้ถ้าอยากจะทำธุรกิจ ต้องมองระยะยาว คงไม่หลอกลวงเรื่องคุณภาพ ไม่อย่างนั้นขายครั้งนี้ไป บุหรี่มีปัญหา ครั้งต่อไปก็ไม่มีใครมาซื้อของพวกเขาแล้ว ชื่อเสียงพวกเขาก็หมดแล้ว พวกเขาไม่ตัดทางทำมาหากินตัวเองหรอก
เฉินจงเห็นบุหรี่และผักที่ขายหมดแล้วก็ดีใจมาก ขอบคุณหัวหน้าเจิ้งติดต่อกัน เฉินเยี่ยนกลับรู้สึกว่าปกติ ทำไมหัวหน้าเจิ้งถึงซื้อบุหรี่เธอหมด? แน่นอนเพราะคิดว่าจะได้กำไร แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้รู้สึกไม่ดี คนเรา ใครไม่อยากจะให้ตัวเองได้กำไร ขอแค่ตัวเองมีผลประโยชน์ก็จะกระตือรือร้นขึ้นมา หัวหน้าเจิ้งได้ผลประโยชน์ เขาก็จะยิ่งขายบุหรี่ เป็นแบบนี้ ที่นี่ก็สามารถรับซื้อบุหรี่เธอในระยะยาวได้แล้ว สำหรับเธอ หัวหน้าเจิ้งได้กำไร ได้ทั้งสองฝ่ายถึงจะอยู่กันยาว
ระหว่างทางกลับ เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าฝีเท้าเฉินจงดูว่องไวขึ้นเยอะ ที่จริงเธอเองก็เหมือนกัน ขายหมดกับขายไม่หมด ได้เงินกับไม่ได้เงิน อารมณ์ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
“ขายหมดเลย? ให้เงินมาแล้ว? ไม่ได้ให้เครดิตใช่ไหม?”
หลังกลับมาหวางนิวมาต้อนรัย ในใจเธอยังรู้สึกกังวลอยู่
“ขายหมดแล้ว ยังให้เงินอย่างอารมณ์ดีด้วย แล้วยังบอกว่าอีกไม่กี่วันให้พวกเราไปส่งบุหรี่อีก แค่พวกเรามีบุหรี่ เขาก็ต้องการในระยะยาว ตอนนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้แล้ว”
สีหน้าเฉินจงดีอกดีใจมาก เงินที่หามาได้ช่วงนี้มากกว่าเงินที่ปกติพวกเขาหามากว่าครึ่งปีอีก ลูกสาวคนโตนี่ไม่เสียแรงเปล่าเลย หาเงินได้ แล้วยังมีตั๋วอีก ไม่ต้องพูดเลยว่าในใจเขาดีใจมากแค่ไหน
“ขอบคุณสวรรค์ ดีแล้ว หลังพวกคุณไปแล้วในใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัวเลย กลัวว่าเขาจะไม่ซื้อบุหรี่กับผักของเรา ขายออกได้ก็ดีแล้ว”
สองมือของหวางนิวประสานกันไหว้ฟ้า หวางนิวก็ดีใจตามไปด้วย
เฉินจงและบ้านเฉินเลยยุ่งทำผัก พันบุหรี่ ใส่ลงกล่อง ไปตลาด แล้วค่อยไปส่งให้หัวหน้าเจิ้ง
ยาเว้นที่แกะออกมาจากไปป์บุหรี่ที่เก็บมาเหลือน้อยแล้ว วันนี้ใช้ พรุ่งนี้ก็หมดแล้ว ตัวเองจะไปหาซินห้าวไหม? ครั้งที่แล้วตอนกลับก็ลืมถามเขา ถ้าไปป์บุหรี่หมดแล้วตัวเองจะยังไปหาเขาได้ไหม? คนที่นั่นรู้จักเขา คนอื่นเข้าไม่ได้ หรือตัวเองไปคุยกับคนที่อยู่ที่สถานีเก็บขยะดู ซื้อไปป์บุหรี่ของพวกเขา? ถึงแม้ว่าแบบนี้จะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่เธอก็ไม่สามารถไปรบกวนซินห้าวได้ทุกครั้ง
เฉินเยี่ยนกำลังคิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงหวางนิวในสนามตะโกนเรียกเธอ “เยี่ยนจื่อ ออกมาหน่อย มีคนมาหาลูก”
หาตัวเอง? ใครนะ? ต้องไม่ใช่คนในหมู่บ้านแน่นอน ถ้าเป็นคนในหมู่บ้านแม่ต้องเรียกให้เข้าบ้านแล้ว ตอนเรียกก็จะบอกว่าใครมาหาตัวเอง ดูแล้วคนนี้แม่ไม่รู้จักแน่
หรือว่าจะเป็นซินห้าว?
เฉินเยี่ยนตาเป็นประกาย มีความดีใจแวบขึ้นมา หรือว่าซินห้าวคำนวณว่าไปป์บุหรี่ตัวเองน่าจะใช้หมดแล้ว เลยมาหาตัวเองจะพาตัวเองเข้าเมืองใช่ไหม?
เฉินเยี่ยนรีบเดินออกไป เห็นคนที่มาหาเธอ เธออึ้งไปเลย
คนนี้ไม่ใช่ซินห้าว แต่เธอรู้จัก เคยเจอกันครั้งหนึ่ง เป็นเจ้าอ้วนที่ครั้งที่แล้วมีเรื่องทะเลาะกับซินห้าวที่สหกรณ์
เฉินเยี่ยนนิ่งไป ทำไมเขาถึงมาหาที่บ้านได้? เพราะเจ้าอ้วนกับพวกนักเลงพวกนั้นเป็นพวกเดียวกัน หรือว่าพวกเขาสืบมาแล้วว่าตัวเองเป็นพวกเดียวกับซินห้าว เลยมาหาเรื่องที่บ้านหรือ?
ไม่น่านะ คนที่สหกรณ์ไม่น่าจะมีใครรู้จักเธอเลย อีกอย่างมาหาเรื่องที่บ้าน คงไม่ใช่แค่เจ้าอ้วนมาคนเดียวหรอก สมองเจ้าอ้วนคนนี้ไม่ฉลาด ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะใช้ได้
“คนนี้บอกว่าจะต้องเจอลูกให้ได้ ถามว่าเขาเป็นใคร มาทำอะไร ก็ไม่ยอมบอก”
หวางนิวมองลูกสาว คนที่มาหาลูกสาวคนนี้ดูสูงใหญ่ร่างกายกำยำ เธอดูยังไงก็ไม่มีออร่า และไม่รู้ว่าลูกสาวไปรู้จักกันที่ไหน
“เธอคือเฉินเยี่ยนใช่ไหม?”
เจ้าอ้วนถามเฉินเยี่ยนจริงจัง เขาเห็นเฉินเยี่ยนก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวย แต่เขาไม่ได้มีใจคิดเป็นอย่างอื่น
“ฉันคือเฉินเยี่ยน คุณคือ?”
เฉินเยี่ยนไม่ได้เรียกชื่อเจ้าอ้วย เพราะครั้งที่แล้วเจ้าอ้วนกับซินห้าวมีเรื่องกัน เฉินเยี่ยนไม่ได้ออกหน้า
“พี่เยี่ยนจื่อ ข้าชื่อเจ้าอ้วน เรียกข้าว่าเจ้าอ้วนก็ได้”
พอเจ้าอ้วนเจอคน ก็รีบยิ้มกว้างให้เฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยน…..
หวางนิว……
อยู่ๆ ดีก็มาเรียกตัวเองว่าพี่ เขาน่าจะแก่กว่าตัวเองตั้งหลายปีนะ? ยังไงตัวเองก็ไม่น่าถูกเรียกว่าพี่ สมองคนนี้นี่ช่าง…..
“พี่เยี่ยนจื่อ…….”
ฝั่งเจ้าอ้วนเรียกขึ้นมาอีกรอบ เฉินเยี่ยนรู้สึกไม่คุ้นชิน ตัวเองใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือ?
“มาหาฉันมีเรื่องอะไร?”
เยี่ยนจื่อหยุดให้เจ้าอ้วนเรียกเธอว่าพี่ต่อไป ใครได้ยินมีคนโตกว่าตัวเองหลายปีมาเรียกเธอว่าพี่ในใจคงจะรู้สึกประหลาด
“มีเรื่อง มีเรื่อง ลูกพี่ใหญ่ข้าให้ข้ามาหาพี่”
เจ้าอ้วนไม่รู้เลยว่าตัวเองเรียกพี่นั้นไม่ถูกต้อง
“พี่ใหญ่?”
เฉินเยี่ยนขมวดคิ้วพี่ใหญ่ของเจ้าอ้วนคือใคร เธอไม่รู้จัก
หวางนิวแค่มองดูอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไร ฟังดูแล้วเหมือนลูกสาวก็ไม่รู้จักคนนี้ แล้วเขารู้จักลูกสาวได้ยังไง แล้วยังมีพี่ใหญ่? ทำไมดูไม่เหมือนคนดีเลย? หวางนิวเริ่มครุ่นคิด เธอค่อยๆ เดินไปที่ข้างกำแพง มือกวาดไปหยิบไม้กวาดบนพื้น ถ้าเจ้าคนนี้ทำอะไรไม่ดีขึ้นมา เธอจะใช้ไม้กวาดตีเขา
เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าแม่ตัวเองหยิบไม้กวาดมาเตรียมจะตีคนแล้ว เธอกำลังคิดว่าใครคือพี่ใหญ่ของเจ้าอ้วน
“ก็พี่ใหญ่ข้าไง ทำไม? พี่ไม่รู้จักเหรอ? เป็นไปไม่ได้ เขาให้ข้ามามาพี่เยี่ยนจื่อ ถ้าพี่ไม่รู้จัก พี่ใหญ่ข้าจะเรียกให้ข้ามาหาพี่ได้ยังไง? หรือพี่เป็นใครไม่ใช่พี่เยี่ยนจื่อที่ข้าตามหาหรือ?”
เหมือนเจ้าอ้วนเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว
“หยุด พี่ใหญ่ของเจ้าชื่ออะไรรู้ไหม?”
เฉินเยี่ยนรีบห้ามเจ้าอ้วน ถ้าให้เขาพูดต่อ คิดว่าอีกหนึ่งชั่วโมงเขาก็ยังไม่พูดเข้าประเด็น
“พี่ใหญ่ข้าชื่อซินห้าว เขาหน้าตาหล่อมาก วรยุทธ์ก็แกร่ง ข้าเอาชนะเขาไม่ได้ เขาเก่งกาจมาก”
เจ้าอ้วนพูดไป ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเลื่อมใส
เฉินเยี่ยน……..
ซินห้าว พี่ใหญ่พี่เจ้าอ้วนพูดถือคือซินห้าว เป็นไปได้ยังไง?!
อยู่ๆ เฉินเยี่ยนก็คิดถึงครั้งนั้น ซินห้าวเอาชนะเจ้าอ้วนได้ เจ้าอ้วนถามว่าทำไมเขาถึงเก่งขนาดนี้ แล้วยังเรียกซินห้าวว่าพี่ใหญ่อีก ตอนนั้นเธอคิดว่าสมองเจ้าอ้วนนี่คงเพี้ยนแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้เจ้าอ้วนจะนับถือซินห้าวเป็นพี่ใหญ่แล้วจริงๆ
ทำไมซินห้าวถึงรับเจ้าอ้วน แล้วยังให้เจ้าอ้วนมาหาตัวเองอีก เขาคิดยังไง?
ฉันรู้แล้ว พี่ใหญ่เจ้า…..ซินห้าว ฉันรู้จัก เขาให้เจ้ามาหาฉันมีเรื่องอะไร?”
เฉินเยี่ยนมองเจ้าอ้วนอย่างเสียไม่ได้ รู้สึกว่าที่เขาเรียกซินห้าวว่าพี่ใหญ่ แล้วเรียกตัวเองว่าพี่ ดูยังไงก็รู้สึกแปลก
“มีเรื่อง พี่ใหญ่ข้าให้ข้าเอาของมาส่งให้พี่ อยู่ที่หน้าประตูน่ะ ข้าลากเข้ามาให้พี่ พี่มาดูสิ”
เจ้าอ้วนพยักหน้าหงึกหงัก ในใจเขา ซินห้าวเก่งมาก คนที่เก่งกว่าเขา เขาจะเรียกพี่ใหญ่ เขาคิดว่านี่เป็นเรื่องสมควร ส่วนเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนอายุน้อยกว่าเขา ตามหลักควรจะเรียกว่าน้อง แต่เฉินเยี่ยนเป็นคนที่พี่ใหญ่ให้มาหา แล้วยังให้เขาเชื่อฟังเฉินเยี่ยน แบบนี้หมายความว่าเฉินเยี่ยนก็เก่งด้วย ในเมื่อพี่ใหญ่ยอมรับเฉินเยี่ยน เขาก็ยอมรับด้วย ดังนั้นเขาเรียกเฉินเยี่ยนว่าพี่ ไม่ได้ดูที่อายุ
—————
ตอนที่ 89: โรคมะเร็งที่หายไป
โดย
Ink Stone_Romance
ไม่ต้องรอเฉินเยี่ยนตอบ เจ้าอ้วนก็วิ่งไปถึงหน้าประตูแล้ว
“คนนี้ช่าง… ทำไมแม่รู้สึกว่าสมองเขาดูไม่ค่อยครบเลย”
หวางนิววางไม้กวาดในมือ พูดเสียงเบากับเฉินเยี่ยน ในเมื่อคนนี้เป็นคนที่ซินห้าวส่งมา ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่คนเลวอะไร ดังนั้นไม้กวาดก็ไม่จำเป็นแล้ว
เฉินเยี่ยนไม่พูดอะไร สมองไม่สมประกอบจริง แต่เธอบอกว่าเขาโง่ไม่ได้
เจ้าอ้วนเข็นรถเข็นเข้ามา บนรถมีถุงทำจากหนังปลาอยู่หลายใบ เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าข้างในถุงนี่คือไปป์บุหรี่ เธอยังไม่เห็น เธอแค่รู้สึก
“ถุงหลายใบนี้คือไปป์บุหรี่ หลายวันนี้พี่ใหญ่ให้ข้ากับคนอื่นเก็บมา เก็บมาได้หลายใบ พี่ใหญ่บอกว่าน่าจะพอให้พี่ใช้ได้ช่วงหนึ่ง นี่เป็นกระดาษ พี่ใหญ่ให้ข้าเข็นมาเหมือนกัน บอกว่าพี่ไม่มีจักรยาน ไปในเมืองลำบาก พี่ใหญ่ให้พี่ใช้ได้ตามสบายเลย บอกว่าหมดแล้ว เดี๋ยวเขาจะให้ข้าเข็นมาให้ พี่วางใจได้ ของพวกนี้พี่ใหญ่ดูแลให้”
ถึงแม้สมองของเจ้าอ้วนจะใช้งานไม่ค่อยได้ แต่คำพูดที่ซินห้าวฝากมาเขาสามารถอธิบายให้เข้าใจได้
เฉินเยี่ยนมองดูกระดาษขาวและกระดาษฟอยด์ แล้วยังมีไปป์บุหรี่อีกหลายถุง ในใจมีความรู้สึกที่พูดไม่ออก ของเธอเพิ่งหมดพอดี ซินห้าวก็ให้คนเอาของมาส่งให้ แล้วยังส่งมาเยอะขนาดนี้ คิดแทนเธอทุกอย่าง ความหวังดีแบบนี้ เธอควรจะตอบแทนยังไงดี?
“ของเยอะขนาดนี้ นี่ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยสินะ? รบกวนเจ้าแล้ว ของที่บ้านเพิ่งใช้หมดพอดี นี่จะได้ไม่ต้องลำบาก ซินห้าวเด็กคนนี้นี่ดีจริงๆ ทำไมเขาไม่มาล่ะ? พวกเราจะได้ขอบคุณเขาเสียหน่อย”
หวางนิวมองซ้ายขวาและทำเสียงจิ๊
เฉินเยี่ยนก็มองเจ้าอ้วน เธอก็อยากรู้ว่าทำไมเป็นเจ้าอ้วนมา ไม่ใช่ซินห้าว
“พี่ใหญ่ข้าติดธุระนิดหน่อยในเมือง เขาเลยให้ข้ามา และเพราะข้ามีแรง พี่ใหญ่จึงให้ข้ามา”
เจ้าอ้วนหัวเราะหึๆ สีหน้าดูซื่อ
“แล้วเงินจะให้เขายังไงล่ะ?”
ในใจหวางนิวคำนวณว่าของนี่ต้องใช้เงินเท่าไร ต้องให้ค่าเดินทางเขาด้วยไหม
“พี่ใหญ่ไม่ได้ให้ข้าเก็บเงิน ข้าก็ไม่รู้ว่าเท่าไร เรื่องเงิน ข้านับไม่เป็น รอตอนพี่เยี่ยนจื่อเจอพี่ใหญ่ค่อยว่ากันเถอะ เรื่องนี้ข้าไม่เกี่ยวข้อง ข้าแค่มีหน้าที่เอาของมาส่งให้พี่เยี่ยนจื่อ”
เจ้าอ้วนส่ายหน้า เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเท่าไร
“ได้ยังไงล่ะ นี่ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยนะ”
สีหน้าหวางนิวดูกังวลเล็กน้อย ของมากมายขนาดนี้เขาต้องใช้เงินไม่น้อยเลย บ้านพวกเขาและซินห้าวก็ไม่นับว่าสนิทกัน แบบนี้จะดีเหรอ?
“แม่ ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องเงินเดี๋ยวหนูค่อยให้ซินห้าว แม่กับจวนเอาของพวกนี้เข้าไปให้บ้านเถอะ”
เฉินเยี่ยนเข้าใจซินห้าว แต่ในใจเธอกลับหนักอึ้งไป เธอไม่อยากติดค้างน้ำใจคนอื่น แต่กับซินห้าวยิ่งติดยิ่งมากขึ้น
หวางนิวและหวางจวนเริ่มขนย้ายกระดาษและไปป์บุหรี่ เฉินเยี่ยนเริ่มคุยกับเจ้าอ้วน ที่สำคัญเธออยากรู้ว่าเจ้าอ้วนมาติดตามซินห้าวได้ยังไง
ผ่านการอธิบายของเจ้าอ้วน เฉินเยี่ยนเข้าใจ สถานีตำรวจในอำเภอที่พรรคภูเขาดำที่เจ้าอ้วนอยู่สลายตัว ได้ยินว่าหน่วยงานปกครองท้องถิ่นที่นั่นออกคำสั่งมา สั่งตรวจเข้มงวด ครั้งนี้ตำรวจกวดขันเข้มงวด แต่มีบางคนหนีออกมาได้ แต่ที่จับได้มากกว่า คราวนี้ พรรคภูเขาดำเลยถึงจุดจบ
ส่วนเจ้าอ้วนไม่ได้เข้าไป เพราะก่อนหน้าที่พรรคภูเขาดำจะโดนบุก ก่อนหน้าไม่กี่วันเขาเจอซินห้าว เขาตามติดซินห้าว ยอมรับซินห้าวเป็นพี่ใหญ่ ให้เป็นให้ตายยังไงก็จะตามติดซินห้าว ตอนแรกซินห้าวไม่สนใจเขา ทำหน้าบึ้งใส่เขา แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าทำไมซินห้าวถึงให้เขาติดตาม ผ่านไปสองวัน สถานีตำรวจก็ไปจับคนที่พรรคภูเขาดำ ถ้าเจ้าอ้วนไม่ได้ตามซินห้าว เจ้าอ้วนก็น่าจะติดร่างแหไปด้วย
“ข้าตอบตกลงพี่ใหญ่แล้ว อีกหน่อยจะไม่ติดตามพวกนั้นแล้ว ใครเรียกให้ข้าไปมีเรื่องข้าไม่ไปเลย ถ้าพี่ใหญ่เรียกข้า ข้าต้องไปแน่นอน พี่ใหญ่พูดแล้ว ให้อีกหน่อยข้าเชื่อฟังเขา เขาจะหางานให้ข้าทำ ตอนนี้ถึงไม่ต้องไปมีเรื่อง ข้าก็มีข้าวกิน พี่ใหญ่ดูข้าวให้ข้า ให้หมั่วโถวข้า แล้วยังมีเนื้อ เนื้อนั่นหอมมาก ข้าจะตามพี่ใหญ่ไปทั้งชีวิตนี้แล้ว ใครเรียกไปไหนข้าก็ไม่ไป”
เจ้าอ้วนพูดตามจริง เขาเลื่อมใสซินห้าวจริงๆ อีกทั้งยังรู้สึกเป็นบุญคุณ ถึงแม้ว่าเขาจะโง่ แต่ไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขารู้ว่าถ้าไม่ใช่ซินห้าว ไม่แน่เขาอาจจะเข้าคุกไปกับคนพวกนั้นแล้ว ตอนนี้เขาติดตามซินห้าว ไม่ต้องทะเลาะมีเรื่อง แล้วยังมีหมั่วโถวกับเนื้อให้กินอีก ชีวิตแบบนี้ช่างเป็นสุขเสียจริง ไม่ต้องกังวลอะไร
“พี่สาว ข้าเห็นพี่ใหญ่ทำดีกับพี่ ข้านอกจากจะเชื่อฟังพี่ใหญ่แล้ว ข้าก็เชื่อฟังพี่ด้วย อีกหน่อยถ้ามีงานอะไรที่ต้องใช้แรง เรียกข้าได้เลย ข้ามีแรงเยอะ ช่วยพี่ทำงานได้ ถ้าใครมารังแกพี่ หรือพี่ต้องการไปตีใคร ก็เรียกข้าได้เหมือนกัน หมัดข้านี้สู้พี่ใหญ่ไม่ได้ แต่คนอื่น หมัดข้าหมัดเดียวก็ตีพวกนั้นล้มได้แล้ว รับรองไม่มีใครกล้ารังแกพี่อีก”
เจ้าอ้วนกำหมัดใส่เฉินเยี่ยน พูดจาจริงจัง
“ขอบคุณนะ”
เฉินเยี่ยนพูดตอบ เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าไม่ต่อสู้ ตอนนี้จะมาสู้แทนเธอ แต่เธอก็รู้ว่าเจ้าอ้วนจริงใจ เลยไม่ได้ถือสาอะไร เธอกำลังคิดถึงเรื่องที่พรรคภูเขากำโดนกวาดล้าง พรรคภูเขาดำนี่กร่างอยู่ในอำเภอได้หลายปีขนาดนี้ จะบอกว่าไม่มีคนหนุนหลังเลยก็เป็นไปไม่ได้ พวกเขาต้องรู้จักคนในสถานีตำรวจหรือไม่ก็ในอำเภอแน่นอน อีกทั้งพวกเขาโหดเหี้ยม ดังนั้นเลยไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขาเลย ครั้งนี้กวาดล้างพวกเขาเข้มงวดขนาดนี้ เรื่องนี้ไม่ธรรมดา
คิดถึงที่เจ้าอ้วนมาเจอซินห้าว คิดเรื่องที่ซินห้าวรับเลี้ยงเจ้าอ้วน คิดถึงเรื่องพ่อซินห้าว เฉินเยี่ยนไม่เชื่อว่าซินห้าวจะไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้。
ครั้งที่แล้วซินห้าวปล่อยคนเลวพวกนั้นไป แต่เฉินเยี่ยนคิดว่าซินห้าวเป็นคนที่มีจิตใจยุติธรรม อีกทั้งคนพวกนั้นก็ต้องการจะหาเรื่องซินห้าวอีก คนพวกนั้นเป็นเนื้อร้ายในอำเภอ ซินห้าวไม่น่าจะไม่ยุ่ง ถ้าอย่างนั้นเขามีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้มากน้อยเท่าไหนนะ? เป็นเพราะเขา ในอำเภอถึงสั่งการโจมตีคนพวกนั้นหรือ?
พรรคภูเขาดำแตกแยกแล้ว คนที่ถูกจับก็ถูกจับไปแล้ว คนที่หนีก็หนีไปแล้ว เนื้อร้ายก็ถือว่าตัดทิ้งไปแล้ว ประชาชนก็ปรบมือยินดี รู้สึกขอบคุณหน่วยงานราชการ ขอบคุณตำรวจ จะมีกี่คนที่รู้ว่าซินห้าวเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? แต่ซินห้าวก็ไม่สนใจเรื่อพวกนี้อยู่แล้ว
ซินห้าวต้องรู้เรื่องพรรคภูเขาดำแน่นอน ดังนั้นเขาถึงได้เก็บเจ้าอ้วนมาก่อน ถือว่าช่วยเหลือเจ้าอ้วนออกมา ส่วนทำไมซินห้าวถึงช่วยเจ้าอ้วนออกมานั้น เธอสามารถเดาได้ เพราะเจ้าอ้วนไม่ใช่คนเลว ออกจากพรรคภูเขาดำแล้ว เจ้าอ้วนสามารถอาศัยแรงงานหาเงิน แล้วเจ้าอ้วนก็ไม่เคยทำอะไรเลวร้าย คิดว่านี่คงเป็นเหตุผลที่ซินห้าวรับเลี้ยงเจ้าอ้วน ถ้าเจ้าอ้วนไม่มีความเมตตาเหมือนคนพวกนั้น เกรงว่าซินห้าวคงไม่รับเลี้ยงดูเจ้าอ้วนหรอก เจ้าอ้วนติดตามซินห้าวก็ดีเหมือนกัน ยังไงเจ้าอ้วนก็แค่ต้องการข้าวกิน ซินห้าวสามารถให้เขาได้
แล้วซินห้าวล่ะ? เขาส่งเจ้าอ้วนมา แล้วตัวเขาล่ะ? บอกว่ามีธุระในเมือง เขามีธุระอะไรนะ? ถ้าได้เจอเขาก็ดี จะได้รู้ว่าเขามีเรื่องอะไร ดูว่าตัวเองสามารถช่วยอะไรได้บ้าง แต่เขาไม่มา ตัวเองจะไปหาเขาที่ไหน หาเขาไม่เจอหรอก
—————
ตอนที่ 90: หาเงินได้แล้ว
โดย
Ink Stone_Romance
“เจ้าอ้วน เจ้ากลับไปบอกซินห้าว… บอกพี่ใหญ่ว่าขอบคุณเขา บอกเขาว่าถ้ามีเวลาให้มานั่งเล่นที่บ้านหน่อย ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวเขา ให้เงินเขา”
เฉินเยี่ยนอยากเจอซินห้าว แต่ตอนนี้ซินห้าวอยู่ในเมือง เธอจึงให้ฝากเจ้าอ้วนไปบอกซินห้าว หวังว่าซินห้าวจะมีเวลามาหาที่บ้าน ยังไงตอนนี้ที่บ้านก็รู้แล้วว่าซินห้าวเป็นคนช่วยเรื่องไปป์บุหรี่และกระดาษ แล้วยังติดเงินเขาอีก ซินห้าวมาที่บ้านก็ไม่แปลก
“ได้ พี่สาวพี่วางใจได้ ข้าต้องบอกต่อคำพูดพี่แน่นอน ถ้าพี่ใหญ่ข้ารู้ว่าพี่เชิญเขามากินข้าวจะต้องดีใจมากแน่ พี่สาว พี่เชิญข้าด้วยหรือเปล่า ตอนนั้นพี่ใหญ่จะพาข้ามากินด้วยได้ไหม?”
ในความคิดของเจ้าอ้วนเรื่องกินสำคัญมาก เขาคิดว่าถ้าเฉินเยี่ยนให้เขามากินข้าวด้วยก็จะดีมาก
หวางจวนแอบมองเจ้าอ้วน ในตามีแววยิ้ม เจ้าคนนี้น่าสนใจเสียจริง ถ้าบอกว่าเขาไม่ฉลาด แต่เขากลับรู้เรื่องมาก ถ้าบอกว่าเขาฉลาด เขาก็ดูโง่ไปหน่อย แต่ก็ดูน่ารักดี คนแบบนี้ซื่อๆ มีอะไรก็พูดออกมา ไม่ต้องคอยระวัง
“เลี้ยงเจ้าสิ ตอนนั้นก็ให้พี่ใหญ่เจ้าพาเจ้ามาด้วยกัน ไม่รับประกันว่าจะอร่อยนะ แต่รับประกันว่ากินอิ่มแน่นอน”
นัยน์ตาเฉนเยี่ยนมีแววขำ เธอรู้สึกดีกับเจ้าอ้วน ความคิดเหมือนหวางจวน สำหรับคนอย่างเจ้าอ้วนแล้ว ไม่ต้องคอยระวังเลย
“ดีจังเลย ขอบคุณพี่สาว ถึงเวลาข้าจะมาแน่นอน งั้นข้าไปก่อนละ พี่ไม่ต้องไปส่งข้า ข้ารู้จักทาง”
เจ้าอ้วนหัวเราะยิ้มกว้าง หัวเราะอย่างพอใจมาก เหมือนว่เขาได้กินข้าวแล้วเลย
เจ้าอ้วนไปแล้ว เฉินเยี่ยนมองดูไปป์บุหรี่ที่กองเป็นภูเขาเล็กๆ ในบ้าน เจ้าอ้วนบอกว่าเขากับอีกคนเป็นคนเก็บ ใช้เวลาเก็บสองวันถึงจะเก็บได้เยอะขนาดนี้ ดูเหมือนซินห้าวจะคิดไว้ก่อนแล้วว่าไปป์บุหรี่เธอน่าจะใช้ใกล้หมดแล้ว ดังนั้นเลยเตรียมไว้ให้เธอล่วงหน้า แล้วยังมีกระดาษกับที่ปิดผนึกอีก ต่างเตรียมให้เธอครบ เธอไม่ต้อออกจากบ้านแล้ว มีครบทุกอย่าง แต่ไม่ได้เจอซินห้าว ในใจเฉินเยี่ยนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
มองดูหวางนิวและหวางจวนเริ่มลงมือแกะไปป์บุหรี่ มองดูสีหน้าพวกเธอมีความสุข เฉินเยี่ยนยื่นมือออกไปตีหน้าตัวเอง เส้นทางเพิ่งเริ่มต้น ตอนนี้ตัวเองมีความคิดเห็น และไม่มีสิทธิ์จะไปคิดเรื่องอื่น เธอต้องขยันหาเงิน เพื่อเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นต่างหาก
ใช้ชีวิตไปแบบนี้ พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองเดือนกว่าแล้ว ในสองเดือนนี้ เฉินเยี่ยนและคนบ้านเฉินต่างยุ่งกัน หนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำผักแล้ว เพราะว่าสาเหตุของอากาศเลยทำไม่ได้ แต่งานพันบุหรี่ยังคงดำเนินต่อไปอยู่ เมื่อวานเฉินเยี่ยนและเฉินจงไปหาหัวหน้าเจิ้งและอีกโรงงานหนึ่งเพื่อส่งบุหรี่ลอตสุดท้าย พวกเขาทำงานบุหรี่เสร็จแล้ว เพราะอีกครึ่งเดือนจะเป็นวันปีใหม่ อากาศหนาวแล้ว ถนนหนทางเดินลำบาก ตอนที่เจ้าอ้วนมาส่งไปป์บุหรี่และกระดาษครั้งที่แล้ว เฉินเยี่ยนบอกว่าก่อนปีใหม่เขาอย่าเพิ่งมาส่ง พวกเขาจะทำลอตนี้ให้เสร็จ แล้วพักผ่อน ฉลองวันปีใหม่
เฉินเยี่ยนนับเงินที่ได้มาเมื่อวาน นอกจากเงินที่ต้องให้ซินห้าวแล้ว เงินทั้งหมดที่หาได้ช่วงนี้รวมกันได้มาตั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าเหรียญเจ็ดสิบสตางค์กว่า แล้วยังมีตั๋วหลายอย่างอีกด้วย
เมื่อวานนับเสร็จเฉินเยี่ยนรู้สึกตื่นเต้น ตัวเลขนี้ถ้าเทียบกับยุคหลังไม่ถือว่ามากอะไร ไปซุปเปอร์มาร์เกตครั้งหนึ่งอาจไม่พอด้วยซ้ำ แต่สำหรับยุคนี้แล้ว นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย ก่อนหน้านี้ช่วงปีใหม่บ้านเฉินมีเงินไม่กี่เหรียญก็นับว่าไม่แย่แล้ว นี่เงินเกือบสองร้อยเหรียญถือว่ามากมายเหลือเกิน
นี่เป็นบทพิสูจน์ของเธอและคนในบ้านที่ร่วมแรงร่วมทำงานอย่างหนัก ตอนเธอเพิ่งมา ตอนที่แยกบ้านนั้นไม่มีอะไรสักอย่างเลย ตอนนี้มีเงินมากขนาดนี้ เธอจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง
อีกทั้งตอนนี้เธอสร้างจุดรับบุหรี่หลายจุด ทุกครั้งที่ห่อบุหรี่เสร็จก็เอาไปให้ที่จุดรับบุหรี่ก็ได้แล้ว พวกเขาไม่ต้องไปขายที่ตลาดอีกแล้ว ถือว่าผ่อนแรงลง
เรื่องเดียวที่เฉินเยี่ยนไม่ค่อยสบายใจคือซินห้าว สองเดือนกว่านี้เธอไม่เจอซินห้าวเลย ทุกครั้งเป็นเจ้าอ้วนที่มาส่งไปป์บุหรี่และกระดาษให้เธอ ทุกครั้งเธอถามเจ้าอ้วน เจ้าอ้วนบอกว่าซินห้าวมีธุระในเมือง ส่วนเรื่องอะไรนั้น ทุกครั้งเจ้าอ้วนจะเกาศีรษะแล้วบอกว่าเขาไม่รู้ เฉินเยี่ยนก็ถามไม่ได้ความ ฝากคำพูดไปกับเจ้าอ้วน เจ้าอ้วนรับปาก แต่เธอก็ไม่เห็นซินห้าวมาเลย
หรือซินห้าวจะขีดเส้นกั้นเธอกับเขา ก็ไม่น่าจะใช่ ทุกครั้งซินห้าวให้เจ้าอ้วนเอาของมาให้จะตรงเวลามาก อีกทั้งบางครั้งยังให้เจ้าอ้วนเอาของมาให้ เช่นครั้งหนึ่งเคยเอาขนมปังอบเนื้อย่างมาให้ มีครั้งหนึ่งเอาอาหารกระป๋องและเค้กไข่ไก่สองห่อมาให้ ทุกครั้งหวางนิวจะดีใจมาก บอกว่าซินห้าวคนนี้ช่างรู้เรื่องจริงๆ
แต่ของมา ซินห้าวกลับไม่มา เงินเขาก็ไม่เคยรับไป ให้เจ้าอ้วน เจ้าอ้วนก็ไม่ยอมรับ ดังนั้นเธอเลยเก็บสะสมมาตลอด คิดว่าถ้าได้เจอซินห้าวเมื่อไรก็จะเอาให้เขา แต่ซินห้าวกลับไม่เคยให้โอกาสนั้นกับเธอเลย
นอกจากเรื่องซินห้าว เฉินเวยก็มาหาที่บ้านหลายครั้ง เธอมาที่บ้านหลังรู้ว่าเฉินเยี่ยนเริ่มขายบุหรี่ได้เงิน เธอประหลาดใจมากที่เฉินเยี่ยนสามารถทำบุหรี่ได้ ส่วนอวี๋เหวยหมินทำอะไรไม่เป็นเลย เพราะอวี๋เหวยหมอนไม่รู้ว่าเอากระดาษพันยาเส้นยังไง อวี๋เหวยหมินเคยลองใช้ยาเส้น แต่ใช้มือพันก็ไม่ได้รูปร่างที่ต้องการ ดังนั้นเฉินเวยและอวี๋เหวยหมินเลยปรึกษากัน เลยมาหาเพื่อถาม
เฉินเวยถามเฉินเยี่ยนไม่ได้ ถามไปเฉินเยี่ยนก็ไม่บอก เธอแอบถามหวางจวน หวางจวนบอกเธอแค่ว่าใช้ท่อนไม้ทำเรียกว่าไปป์บุหรี่ ไม่ได้เอาท่อพันบุหรี่ให้เฉินเวยดู ทำไม? เพราะเฉินเยี่ยนเคยบอกเธอและเฉินจงอย่างเคร่งครัดมาก ว่าไม่สามารถให้ใครดูท่อพันบุหรี่ได้ ถึงแม้จะเป็นเฉินเวยหรือเฉินกุ้ย ไม่อย่างนั้นจะโดนเผยแพร่ออกไป ถึงตอนนั้นคนที่พับบุหรี่ได้จะไม่ได้มีแค่พวกเขาแล้ว คนอื่นก็ทำได้ แล้วคนอื่นก็จะใช้วิธีนี้หาเงิน มาแย่งพวกเขาค้าขาย พวกเขาจะหาเงินก็ไม่ง่ายแล้ว
เดิมทีหวางนิวคิดว่าไม่บอกคนอื่นได้ แต่เฉินกุ้ยเป็นลูกชายเธอ เฉินเวยเป็นลูกสาวเธอ เป็นคนครอบครัวเดียวกัน ไม่มีอะไรต้องปิดบัง แต่พอมาคิดถึงคำพูดลูกสาวอีกครั้ง บอกไปคนหนึ่ง ก็เท่ากับบอกสองคน บอกเฉินกุ้ยไป ช่างเหลียนก็ต้องรู้แน่นอน ช่างเหลียนรู้ แม่ของช่างเหลียนก็รู้ไปด้วย แม่เธอรู้ก็ต้องไปบอกคนอื่น ถึงตอนนั้นก็จะมีคนที่รู้มากมาย
ส่วนเฉินเวย ถึงแม้หวางนิวจะรักเฉินเวย แต่ก็ได้ยินมาว่าลูกสาวคนเล็กสนิทสนมกับอวี๋เหวยหมิน ถึงแม้ทุกครั้งเธอจะว่าลูกสาว แต่ทุกครั้งลูกสาวก็จะบอกว่าเธอไม่ได้คบกับอวี๋เหวยหมิน แต่ผ่านไปเธอก็ยังได้ยินว่าลูกสาวไปมาหาสู่กับอี๋เหวยหมินอยู่ เธอไม่ชอบอวี๋เหวยหมิน เธอกลัวว่าลูกสาวยังเด็กอยู่ จะโดนอวี๋เหวยหมินหลอก ดังนั้นเธอเลยไม่ได้บอกเฉินเวย หลักๆ เพราะไม่อยากให้อวี๋เหวยหมินได้ประโยชน์
ต่อมาคนที่มาสืบว่าห่อบุหรี่ยังไงยิ่งมากขึ้น หวางนิวยิ่งปิดปากแน่น ไม่ง่ายเลยกว่าที่บ้านตัวเองจะหาเงินมาได้ มันยากมาก เรื่องอะไรจะต้องบอกคนอื่น ถึงเวลาพวกเขาก็หาเงินได้เหมือนกันสิ แล้วตัวเองจะหาเงินจากไหน? เธอไม่โง่ บ้านอื่นมีวิธีหาเงินยังไม่เห็นจะคิดถึงเธอ และไม่บอกเธอด้วย ตอนนี้เธอก็ไม่บอกคนอื่นเหมือนกัน ดังนั้นรูปร่างท่อพันบุหรี่ก็ยังไม่ได้เผยแพร่ออกไป
——————–
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น