ตามใจรัก สาวนักแฮก 640-655

 ตอนที่ 640 ในที่สุดก็เคลื่อนไหว


 


 


โชคดีที่เขาไร้เรี่ยวแรงเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอและยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดมากหากต้องตายด้วยน้ำมือของหญิงสาว


 


 


ซิงเหอมองอีกฝ่ายอย่างสงสัยและคิดว่าเขากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่กันแน่


 


 


มู่ไป่ไม่ได้อธิบายอะไรนอกจากอมยิ้มอยู่คนเดียว นี่ทำให้ซิงเหอยิ่งสงสัยมากยิ่งขึ้น “คุณกำลังยิ้มอะไรอยู่”


 


 


“ผมแค่มีความสุข”


 


 


“มีความสุขเรื่องอะไร” ซิงเหอตระหนักทันทีว่าใจของผู้ชายนั้นบางครั้งก็ไม่สามารถคาดเดาได้


 


 


“ดีใจที่คุณไม่ได้ปฏิเสธผม…” มู่ไป๋โน้มตัวลงไปหาหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเพื่อจูบลงบนริมฝีปากของเธออย่างดูดดื่ม


 


 



 


 


ซิงเหอเฝ้ารอให้ตระกูลหลินโต้ตอบแรงกดดันที่กำลังเผชิญ


 


 


ในขณะที่ทุกคนคิดว่าตระกูลหลินกำลังจะร่วงโรย บางอย่างไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น ในระหว่างการท่องเที่ยวบนเรือของเฉินหรู เธอเกิดพลัดตกลงไปในมหาสมุทรและเกือบจะจมน้ำ


 


 


เป็นความบังเอิญที่นายน้อยคนที่สามของตระกูลหลินอยู่แถวนั้น เขาไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองและว่ายน้ำลึกลงไปในมหาสมุทรเพื่อช่วยชีวิตเฉินหรูเอาไว้ ถ้าไม่ได้เขา เฉินหรูอาจจะเสียชีวิตในทะเลไปแล้ว


 


 


ไม่นานข่าวนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วเมือง A และสร้างความประหลาดใจให้ตระกูลถงและตระกูลเฉิน เพียงชั่วข้ามคืน ตระกูลหลินก็ได้กลายเป็นผู้ช่วยชีวีตของพวกเขา


 


 


ดังนั้นจึงเป็นเรื่องไม่ดีหากพวกเขายังคงกดดันตระกูลหลินอยู่ต่อไป


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น เฉินหรูกล่าวชื่นชมหลินเซวียนต่อหน้าทุกคนในตระกูลถงและตระกูลหลินอย่างไม่หยุดหย่อนที่เขาได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ดังนั้นแผนการกดดันตระกูลหลินจึงยุติลงโดยอัตโนมัติ อันที่จริงพวกเขากลับรู้สึกขอบคุณตระกูลหลินที่ช่วยเหลือพวกเขาเสียด้วยซ้ำ…


 


 


เพียงพริบตาเดียว หลายตระกูลที่กำลังอยู่ในสงครามกลับกลายเป็นมิตรต่อกัน การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้สร้างความตกใจให้กับคนที่กำลังเฝ้ามองดูเหตุการณ์อยู่ แม้แต่ตระกูลสียังไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น


 


 


ความย่อยยับของตระกูลหลินกำลังอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่อยู่ๆ แผนการทุกอย่างผันเปลี่ยนไปในอีกทิศทางหนึ่ง แล้วพวกเขาจะยอมรับบางสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฮวบฮาบเช่นนี้ได้อย่างไร


 


 


นี่ผิดกับแผนที่วางไว้โดยสิ้นเชิง!


 


 


มีเพียงซิงเหอและมู่ไป๋เท่านั้นที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


 


“ในที่สุดตระกูลหลินก็เคลื่อนไหว” ซิงเหอกล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มบาง เธอรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย


 


 


แม้แต่มู่ไป๋ก็ร่วมยิ้มด้วย “นั่นสิ เป็นการเคลื่อนไหวที่ดีเสียด้วย”


 


 


กลุ่มของแซมไม่อาจเข้าใจได้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกันแน่


 


 


“ตอนนี้พวกตระกูลหลินกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง แต่ทำไมพวกคุณสองคนถึงได้ดีใจที่ได้เห็นพัฒนาการของพวกนั้นแบบนี้ล่ะ” แซมถามด้วยท่าทีสงสัย อาลิและคนอื่นๆ มีท่าทีงุนงงเช่นกัน เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวที่เกิดขึ้น พวกเขาเกือบจะระเบิดด้วยความหัวเสีย!


 


 


ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการต้อนตระกูลหลินให้จนมุม แต่ตอนนี้ความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า แล้วพวกเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร


 


 


ดังนั้นท่าทีของซิงเหอและมู่ไป๋จึงเป็นอะไรที่ผิดปกติ พวกเขาไม่ได้ผิดหวังหรือโกรธแต่กลับยินดี!


 


 


มันน่ายินดีตรงไหนกัน!


 


 


ซิงเหอรู้ว่าพวกเขาไม่เข้าใจเธอจึงอธิบายให้พวกเขาฟังอย่างใจเย็น “ตระกูลหลินไม่ได้ถูกจัดการได้ง่ายๆ การกดดันไม่ได้ทำให้พวกเขาดับสูญ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา แล้วเราก็จะทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นต้องให้พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหว เราถึงจะสามารถจัดการกับพวกเขาได้”


 


 


อาลิยังคงไม่เข้าใจ “งั้นเธอก็ภาวนาให้พวกเขาเคลื่อนไหว แต่ทำไมล่ะ เรื่องนี้มีแต่จะทำให้พวกนั้นกลับมาแข็งแกร่งขึ้น แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงกับพวกนั้นดี”


 


 


ซิงเหอยิ้มอย่างมั่นใจ “ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อไป สิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้คือเปิดตามองให้ดีและให้แน่ใจว่าไม่มีโอกาสที่เราจะโต้กลับใดๆ หลุดมือไปได้!”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 641 การหมั้นหมาย


 


 


“แล้วถ้าไม่มีโอกาสนั้นล่ะ ถ้าตระกูลหลินไม่ลงมือทำอะไรเลย เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนกันใช่ไหม” อาลิถามอย่างกังวล


 


 


ซิงเหอส่ายหน้า “ไม่ พวกนั้นไม่มีทางนั่งอยู่เฉยๆ แน่นอน”


 


 


แคร์นจับใจความสำคัญได้และคาดเดา “ตระกูลหลินใช้เวลาตั้งนานกว่าจะมีฐานะได้อย่างทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่มีทางยอมทิ้งทุกอย่างที่ทำมาง่ายๆ …”


 


 


“ถูกต้อง” ซิงเหอพยักหน้า “พวกเขาเสียมามากเกินกว่าที่จะยอมแพ้ง่ายๆ พวกเขาจะไม่มีทางยอมแพ้จนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย”


 


 


“แล้วพวกนั้นจะต้องทำอะไรอีก ในเมื่อไม่มีใครคอยจับตามองพวกนั้นแล้ว ต่อให้ไม่ได้ทำอะไร พวกนั้นก็น่าจะกลับมาตั้งตัวได้อีกครั้งอยู่แล้ว” แซมกล่าวพร้อมคิ้วที่ขมวดย่น


 


 


ซิงเหอยิ้มบาง “เป็นไปไม่ได้ อย่างมากคราวนี้ตระกูลหลินก็ทำได้แค่ซ่อนตัว ตระกูลเฉินเพียงแต่หยุดข่มกดดันพวกเขา แต่พวกเขายังต้องพยายามอีกมากกว่าที่ความสัมพันธ์ของสองตระกูลจะกลับมาเป็นเหมือนเก่า ยิ่งไปกว่านั้น ท่านประธานาธิบดีเองก็เริ่มตั้งแง่กับพวกเขา ตระกูลหลินจะต้องทำอะไรอีกมากก่อนจะกลับมายืนหยัดอย่างเต็มภาคภูมิ”


 


 


“ใช่แล้ว!” ริมฝีปากของมู่ไป๋โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ดังนั้นนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น และพวกเขาจะต้องไปต่อเพราะแรงขับเคลื่อนนี้นี่แหละ”


 


 


“ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือการรอเวลาของเรา ต่อให้ไม่มีโอกาส เราก็จะสร้างโอกาสขึ้นมาเอง!” ความมุ่งมั่นอันเยือกเย็นส่องแสงวูบวาบอยู่ภายในแววตาของซิงเหอ คราวนี้พวกเขาจะบดขนี้ตระกูลหลิน นี่เป็นโอกาสเหมาะที่สุด หากพลาดโอกาสนี้ไปอาจเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง


 


 


ภายหลังการตกต่ำของตระกูลหลิน ขั้วอำนาจภายในเมือง A จะเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นสงครามครั้งนี้จะเป็นศึกชี้ขาดอย่างแท้จริง ทั้งฝ่ายซิงเหอและตระกูลหลินต่างเข้าใจจุดนี้ พวกเขาคุ้นเคยกับการที่สิ่งต่างๆ อยู่บนความไม่แน่นอนเช่นนี้


 


 


นับจากนี้ไป จะไม่มีใครกล้าพลาด พวกเขาต่างระวังในทุกฝีก้าวและกลัวสิ่งที่ไม่คาดฝัน


 


 



 


 


แต่ด้วยความระแวดระวังตัวของตระกูลหลินทำให้พวกเขาต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง พวกเขาจำเป็นต้องกอบกู้จุดยืนก่อนหน้านี้มาให้ได้ก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องซ่อมแซมความสัมพันธ์ที่มีต้องตระกูลอันทรงอำนาจอื่นๆ


 


 


เป็นอย่างที่ซิงเหอและมู่ไป๋คาดการณ์ มีข่าวใหญ่ออกมาจากฝั่งตระกูลหลิน


 


 


นายน้อยคนที่สามของตระกูลหลินและคุณหนูตระกูลถงกำลังจะหมั้นหมายกัน!


 


 


บรรดาคนนอกต่างไม่แปลกใจกับเรื่องของคนทั้งคุ่ เพราะเป็นที่รู้กันดีอยุ่แล้วว่าถงเยียนนั้นตกหลุมรักหลินเซวียน ดังนั้นพวกเขาจึงสรุปกันไปเองว่าในที่สุดหลินเซวียนก็ยอมรับรักจากถงเยียน


 


 


แต่สำหรับซิงเหอและคนที่เหลือแล้วพัฒนาการนี้น่าสงสัยเกินไป ถงเยียนเพิ่งถูกหลินเซวียนหลอกใช้ และต่อให้หลินเซวียนได้ช่วยชีวิตเฉินหรูก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะยอมยกถงเยียนให้กับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์ทั้งหมดยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาอันสั้น


 


 


การที่หลินเซวียนหมั้นหมายกับถงเยียนในเวลาแบบนี้ ต้องมีแผนการใหญ่บางอย่างอยู่เบื้องหลังแน่!


 


 


ซิงเหอไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลถงถึงยอมรับการหมั้นหมายในครั้งนี้


 


 


ตระกูลถงมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ตระกูลหลินก้าวถึงจุดสูงสุด ทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้ทั้งที่รู้ถึงความทะเยอทะยานอันแสนชั่วช้าของตระกูลหลิน


 


 


แม้แต่มู่ไป๋และผู้อาวุโสสีเองก็ไม่อาจเข้าใจเรื่องนี้


 


 


ผู้อาวุโสสีออกความเห็นด้วยท่าทีจริงจัง “ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่!”


 


 


“มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับตระกูลถงด้วยเหมือนกัน” มู่ไป๋คาดเดาแต่น้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ


 


 


ซิงเหอพยักหน้ารับ “อันที่จริงตระกูลถงดูเหมือนจะทำตัวตรงข้ามกับความต้องการของตัวเอง ฉันเชื่อว่ากุญแจที่จะทำให้เราเข้าใจเรื่องทั้งหมดอยู่ที่เฉินหรู”


 


 


ผู้อาวุโสสีและมู่ไป๋หันไปมองซิงเหอและรอฟังคำวิเคราะห์ของเธอ



ตอนที่ 642 เฉินหรู


 


 


ซิงเหออธิบายช้าๆ “เหตุการณ์ที่หลินเซวียนบังเอิญช่วยไปช่วยชีวิตเฉินหรูเอาไว้นั้นดูบังเอิญและน่าสงสัยเกินไป หลังจากนั้นไม่นานถงเยียนและหลินเซวียนก็ประกาศการหมั้นของพวกเขา เหตุการณ์พวกนี้ดูเหมือนถูกจัดวางไว้แล้วอย่างรอบคอบ ประเด็นอยู่ที่เรารู้ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งในการกลับมาของตระกูลหลินแต่ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากตระกูลถง ทุกหมดที่ว่ามาก็จะเป็นไปไม่ได้”


 


 


“งั้นคุณคิดว่าเฉินหรูเป็นคนที่แอบช่วยพวกเขาอยู่ลับๆ อย่างนั้นเหรอ” มู่ไป๋ซักถาม


 


 


ซิงเหอพยักหน้า “ฉันคิดแบบนั้น เธอเป็นคนที่หลินเซวียนช่วยและถงเยียนเป็นลูกสาวของเธอ เธอพยายามที่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งที่มีส่วนพัวพันอยู่มาก เพราะถ้าไม่มีการอนุญาตและอวยพรในฐานะแม่ของถงเยียน ถงเยียนไม่มีทางได้แต่งงานกับหลินเซวียนและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลถง ตระกูลเฉินและตระกูลหลิน”


 


 


“ใช่แล้ว!” ผู้อาวุโสสีพยักหน้าและกล่าวเสริม “ฉันคุ้นเคยกับตาแก่สองคนจากตระกูลเฉนิและตระกูลถง หลังจากรู้ถึงปัญหาของตระกูลหลิน พวกเขาไม่มีทางอนุญาตให้หลานรักแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลอสรพิษแบบนั้นง่ายๆ แน่ หรือต่อให้พวกเขาต้องการจะทำให้การจับคู่นี้เป็นจริงอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ตระกูลหลินยังต้องพยายามอีกมากก่อนจะสามารถพิสูจน์ความจริงใจของพวกมันได้


 


 


“เรื่องที่ตระกูลหลินหลอกใช้ถงเยียนผ่านมาได้นานแค่ไหนแล้วนะ มันเพิ่งจะผ่านมาไม่ถึงเดือนหนึ่งด้วยซ้ำแล้วพวกเขาจะให้อภัยและล้มเรื่องทุกอย่างไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้เลยรึ ต่อให้หลินเซวียนช่วยชีวิตเฉินหรู ก็ช่วยได้แค่ทำให้ทุกอย่างสมดุลเท่านั้น ตระกูลถงและตระกูลเฉินไม่น่าจะชื่นชมความช่วยเหลือของพวกตระกูลหลินมากถึงขนาดยอมยกถงเยียนให้ตระกูลหลินหรอก”


 


 


ถงเยียนเป็นลูกรักของตระกูลเฉินและตระกูลถง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตระกูลเฉินแล้ว ถงเยียนมีค่ามากกว่าทองเสียอีก เพราะเธอเป็นหลานเพียงคนเดียวของผู้อาวุโสเฉิน หากไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้อาวุโสเฉิน ก็ไม่มีใครสามารถแต่งงานกับถงเยียนได้ทั้งนั้น พูดอีกอย่างก็คือการหมั้นในครั้งนี้ได้รับการเห็นด้วยจากผู้อาวุโสเฉินแล้วนั่นเอง


 


 


แต่ทำไมเขาถึงได้เห็นด้วยและเห็นด้วยอย่างรวดเร็วขนาดนี้ล่ะ


 


 


พวกเขารู้ดีว่าถงเยียนไม่เกี่ยงงอนกับการจัดการในครั้งนี้อยู่แล้ว แต่การหมั้นหมายไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถตัดสินใจได้เพียงลำพัง ดังนั้นเฉินหรูจึงเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง เธอเป็นลูกสาวของผู้อาวุโสเฉิน จึงมีผลอย่างมากหากเธอเป็นคนพูดโน้มน้าวเรื่องทั้งหมดนี้


 


 


พวกเขาไม่เชื่อหากมีคนบอกว่าเฉินหรูเป็นผู้บริสุทธิ์!


 


 


แต่กระนั้น ซิงเหอและทุกคนกลับไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินหรูถึงเข้าข้างตระกูลหลิน


 


 



 


 


เพื่อให้รู้ถึงที่มาของปริศนาในครั้งนี้ ผู้อาวุโสสีจึงเชิญผู้อาวุโสมาร่วมดื่มชาเป็นการส่วนตัว โดยใช้การระบายความคับข้องใจเป็นเครื่องบังหน้า พวกเขาตกลงกันไว้แล้วว่าจะร่วมกดดันตระกูลหลินแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นนี้หมายความว่าอย่างไร


 


 


ตระกูลสีตัดสินใจที่จะไม่เอาเรื่องถงเยียนในข้อหาพยายามฆ่าก็ต่อเมื่อพวกเขายอมที่จะอยู่ฝ่ายเดียวกันเพื่อต่อสู้กับตระกูลหลินเท่านั้น


 


 


ถ้าเป็นเช่นนี้ ตระกูลสีไม่จำเป็นต้องให้เกียรติข้อตกลงของพวกเขาอีกต่อไป!


 


 


เพราะถึงอย่างไรเหตุการณ์ลักพาตัวที่ถงเยียนเป็นคนวางแผนยังคงเป็นคดีที่ยังไม่ได้รับการตัดสิน ดังนั้นตระกูลสีจึงยังสามารถรื้อฟื้นคดีและพลิกสถานการณ์ตระกูลหลายๆ ตระกูลได้


 


 


ผู้อาวุโสสีวิพากษ์วิจารณ์ผู้อาวุโสเฉินอย่างรุนแรง โดยอีกฝ่ายได้แต่นั่งเงียบราวกับนักเรียนที่ถูกจับได้ว่ากระทำผิด ในที่สุดผู้อาวุโสสีกล่าวสรุป “อาเฉิน ถ้าคุณไม่ให้คำตอบที่ผมพอใจภายในวันนี้เห็นทีนี่ได้กลายเป็นสงครามแน่! เพราะถงเยียน หลานชายคนโตของผมเกือบจะสูญเสียครึ่งหนึ่งของชีวิตเขาไปและเขากำลังอยู่ในระหว่างการพักฟื้น เพื่อเห็นแก่การมีศัตรูเดียวกัน ตระกูลสีของเราถึงได้ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแต่ตอนนี้… ถ้าคุณไม่ให้คำอธิบายที่ดีภายในวันนี้ งั้นเราก็ไปเจอกันในศาล! ดังนั้นบอกผมมาว่าทำไมคุณถึงได้ตัดสินใจทรยศเกียรติของตัวเองและคุกคามตระกูลสีของผมที่ไม่เคยทำอะไรให้นอกจากการเป็นมิตรที่ดีของคุณ!”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 643 พ่ายแพ้ต่อหลานของเขา


 


 


ผู้อาวุโสเฉินอับอายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการซักถามของผู้อาวุโสสี เขาถอนหายใจและกล่าว “ท่านสี ที่จริงแล้วเราไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอกนะ แต่ตระกูลหลินช่วยชีวิตลูกสาวผมไว้จริงๆ แล้วจะให้ผมกดดันพวกเขาต่อไปได้ยังไงกัน”


 


 


“ถ้างั้นคุณก็คงรู้สึกขอบคุณพวกนั้นมากจนรอที่จะเกี่ยวดองกันไม่ไหวเลยอย่างงั้นสินะ!” ผู้อาวุโสสีตั้งคำถามด้วยความเกรี้ยวกราด


 


 


ความไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโสเฉินเช่นกันระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันในเรื่องนี้ “มันไม่ใช่ความต้องการของผมที่จะเกี่ยวดองกับตระกูลหลิน!”


 


 


“ถงเยียนกับหลินเซวียนกำลังจะแต่งงานกัน คุณยังจะมาโกหกใส่หน้าผมอีกงั้นเรอะ”


 


 


“มันมีบางอย่างที่ผมไม่สามารถช่วยได้” ผู้อาวุโสหลินถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “ทุกคนก็รู้ว่าหลานสาวของผมชื่นชอบลูกหลานจากตระกูลหลิน การกักบริเวณหลานสาวผมเมื่อไม่นานมานี้อาจทำให้เธอไม่พอใจ เธอเลยหาโอกาสหนีออกจากบ้าน และสิ่งแรกที่ทำคือตรงดิ่งไปหาเด็กตระกูลหลิน เรื่องหนึ่งนำไปสู่อีกเรื่อง… พวกเขาเกิดได้เสียกัน! เสี่ยวเยียนของผมบอกมาทีหลังว่าเธอตกเป็นผู้หญิงของผู้ชายคนนั้นแล้ว และจะไม่ยอมแต่งงานกับใครอื่นนอกจากเขา แล้วผมจะมีทางเลือกอะไรอีกอย่างนั้นรึ ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวหรูเองก็เห็นชอบในการแต่งงานครั้งนี้แล้วจะให้ผมปฏิเสธพวกเขาได้ยังไงกัน แม้แต่ตระกูลถงเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมละมือ แล้วจะให้ผมทำยังไง”


 


 


“คุณหมายความว่าพวกเขาสองคน…” ผู้อาวุโสสีหน้านิ่ว


 


 


ผู้อาวุโสเฉินพยักหน้าราวกับแสงแห่งความหวังทั้งหมดได้มอดดับลงไปหมดแล้ว “ถูกแล้ว ถ้าเรื่องนั้นไม่เกิดขึ้น ผมคงทำทุกอย่างด้วยอำนาจที่ผมมีในการบดขยี้ตระกูลหลินชั้นต่ำนั่น! พวกมันกล้าดียังไงถึงได้มาลอบกัดพวกเรา มาล่อลวงทายาททางสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลเฉิน!”


 


 


แต่ถึงกระนั้นพวกเขามีทางเลือกอื่นอีกอย่างนั้นหรือ


 


 


ตระกูลหลินทำเรื่องต่ำทรามกับถงเยียน แต่เด็กสาวคนนั้นกลับโง่และยอมให้หลินเซวียนหลอกใช้ ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะมีอิทธิพลมากมายเพียงใดก็ไร้ค่าในเมื่อถงเยียนได้ยอมพลีกายตัวเองให้แก่หลินเซวียนไปแล้ว


 


 


ผู้อาวุโสทำอะไรไม่ได้เมื่อเป็นเรื่องของเด็กสาวคนนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการยอมรับการหมั้นหมายในครั้งนี้


 


 


การยอมรับอาจทำลายชีวิตของเธอ แต่การปฏิเสธกลับจะยิ่งทำลายชีวิตของเธอมากเสียยิ่งกว่า โชคยังดีที่ถงเยียนมีตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นเธอคงไม่ถูกข่มเหงรังแกมากนักถึงแม้เธอจะแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลที่ไร้หัวใจอย่างตระกูลหลิน


 


 


แต่กระนั้นพวกเขาจำเป็นต้องยอมยกสมบัติอันมีค่าเพียงหนึ่งเดียวให้อีกฝ่ายไปทั้งอย่างนั้นทั้งๆ ที่พวกเขาไม่เต็มใจเลยสักนิด!


 


 


“ท่านสี ตระกูลเฉินของผมมีถงเยียนเป็นทายาทเพียงคนเดียว ผมรู้ว่าผมทำผิดกับท่านและตระกูลสีแต่ผมทำอะไรไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าคู่แม่ลูก” ผู้อาวุโสเฉินถอนใจด้วยความเจ็บปวดอย่างชัดเจน ดูราวกับเขาแก่ตัวลงต่อหน้าต่อตาของผู้อาวุโสสี


 


 


ผู้อาวุโสเฉินทำงานหนักมาตลอดชีวิต สร้างชื่อเสียงมาด้วยตัวเองและได้รับความนับถือจากคนในประเทศ แต่สุดท้ายกลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวของตัวเอง


 


 


เขาไม่มีลูกชายและลูกสาวทั้งสองก็ไม่มีโชคเรื่องลูก เขามีเพียงหลานสาวคนเดียวแต่แค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว


 


 


อนิจจา ถงเยียนกลับเอาแต่ทำผิดพลาดที่น่าสลดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าและตอนนี้ยังทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อสร้างขึ้นมา


 


 


แล้วเขาจะมีเงินมหาศาลและอำนาจล้นฟ้าไปเพื่ออะไรกัน


 


 


ทั้งหมดนั้นสุดท้ายต้องถูกส่งต่อไปยังลูกหลานในอนาคตของเขา และด้วยประเด็นนี้ ผู้อาวุโสเฉินดันได้คนที่แย่ที่สุดมารับช่วงต่อไป


 


 


เมื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้ก็มีแต่จะทำให้ผู้อาวุโสเฉินรู้สึกอิจฉาผู้อาวุโสสี


 


 


“ท้ายที่สุด ท่านจะเป็นผู้กำชัยชนะคนสุดท้าย ถึงแม้ท่านเลือกที่จะออกจากเส้นทางนี้ไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน หลานชายทั้งสองของท่านก็เป็นคนหนุ่มที่ตั้งมั่น เมื่อมีหลานทั้งสองพร้อมที่จะรับช่วงต่อตำนานของท่านแล้วจะยังมีอะไรให้ท่านต้องกังวลอีกอย่างนั้นหรือ แต่ผมนี่สิ จะใช้ชีวิตอย่างหรูหราและฟุ่มเฟือยไปตลอดชีวิตเพื่ออะไร ในเมื่อความรุ่งโรจน์ของตระกูลเฉินกำลังจะร่วงโรยไปพร้อมกับการตายของผม เอาจริงๆ จะให้ผมเชื่อมั่นในตัวถงเยียนได้ยังไง แค่เด็กผู้หญิงคนนั้นสามารถหาความสุขในชีวิตของตัวเองเจอได้แค่นั้นผมก็รู้สึกของคุณสวรรค์มากแล้ว…”


 


 


ผู้อาวุโสสีรู้สึกสงสารผู้อาวุโสเฉินที่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยปัจจัยแวดล้อมปัจจุบันไม่ได้


 


 


การมีหลานสาวอย่างถงเยียนนั้นพอๆ กับการเอาโชคร้ายที่เกิดขึ้นจากคนในครอบครัวหลายรุ่นมารวมกัน



ตอนที่ 644 รีบหาที่ตาย


 


 


ผู้อาวุโสเฉินทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อครอบครัวมาตลอดตั้งแต่เขายังเป็นหนุ่ม เป็นเพราะเขาที่ทำให้ตระกูลเฉินมีอำนาจและความนับหน้าถือตาอย่างเช่นทุกวันนี้ แม้แต่ลูกสาวคนโตของเขายังทำดีที่สุดเพื่อสืบทอดตำนานอันรุ่งโรจน์ของครอบครัว


 


 


อนิจจา ทั้งหมดนั้นกับสูญเปล่าเมื่อตกมาอยู่ในมือของถงเยียน ในโลกนี้มีผู้ชายมากมายแต่เธอกลับเลือกไปตกหลุมรักคนไร้หัวใจจากครอบครัวหลิน ถ้าหากมันเป็นเพียงแค่ความรักชั่วครู่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่หญิงสาวกลับเลือกที่จะยอมมอบชีวิตทั้งชีวิตให้กับผู้ชายคนนั้น


 


 


เธออ่อนต่อโลกจริงจนคิดได้เพียงแค่ว่าเธอจะยังคงเป็นที่รักเหมือนอย่างเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หลังจากเธอแต่งงานไปแล้วอย่างนั้นหรือ


 


 


คงใช้เวลาไม่นานก่อนที่ฝูงหมาป่าจากตระกูลหลินจะหันมารุมขย้ำเธอ


 


 


พวกนั้นอาจปั้นหน้ายิ้มแย้มเมื่ออยู่กับเธอตอนนี้เพราะอิทธิพลของตระกูลเฉินและตระกูลถง แต่เมื่อผู้อาวุโสเฉินจากไปและตำแหน่งประธานาธิบดีเปลี่ยนมือแล้วละก็ ชะตากรรมของเธอจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง


 


 


อีกด้านหนึ่ง ตระกูลถงนั้น…


 


 


ต่างจากตระกูลเฉิน ตระกูลถงนั้นมีความสุขด้วยจำนวนลูกหลานมากมาย ถงเยียนอาจเป็นคุณหนูของบ้านในตอนนี้ แต่ในวัฒนธรรมของจีน ลูกสาวที่แต่งงานไปแล้วจะไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของบ้านนั้นอีกต่อไป


 


 


หลังจากแต่งงาน ถงเยียนจะกลายเป็นคนของตระกูลหลิน ดังนั้นตระกูลถงจะไม่เสียเวลากับเธออีกต่อไปและไม่ทำลายความคาดหวังของคนของตัวเองด้วยการไปช่วยตระกูลหลิน หลังเวลาผ่านไปสักพัก พวกเขาอาจจะถึงขนาดลืมการมีตัวตนอยู่ของถงเยียนไปเลยก็ได้


 


 


ดังนั้นการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของถงเยียนไม่เพียงแต่จะทำร้ายตัวเธอเอง แต่ยังทำร้ายคนทั้งตระกูลเฉินอีกด้วย!


 


 


แต่กระนั้นก็ยังพอมีด้านดีอยู่บ้างเช่นกัน แต่มันเป็นประโยชน์แต่กับตระกูลหลิน เพราะถงเยียนแทบจะขายตัวเองและตระกูลเฉินเพื่อช่วยให้ตระกูลหลินบรรลุเป้าหมายของพวกเขา!


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีถงเยียนอยู่ข้างผู้ชนะ เธอสามารถอยู่ข้างสนามและเฝ้ามองการพังพินาศของตระกูลหลินแต่ตอนนี้เธอกลับเต็มใจที่จะยอมรับความโกรธเคืองของตระกูลสี เธอสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสงบแต่เธอกลับเจตนาเลือกเส้นทางแห่งความพินาศ ดังนั้นถงเยียนไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวเองและครอบครัวของเธอแล้ว เธออาจจะไม่เหลืออะไรเลยด้วยซ้ำ…


 


 


ผู้อาวุโสสีไมได้รู้สึกเวทนาถงเยียน แต่เขารู้สึกสงสารผู้อาวุโสเฉิน


 


 



 


 


เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผู้อาวุโสสีถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะอธิบายถึงสถานการณ์ทุกอย่าง เขารู้สึกสลดใจต่อสิ่งที่ผู้อาวุโสเฉินต้องเผชิญ


 


 


“ตาแก่นั่นเป็นคนที่ควรได้รับการเคารพ แต่ชีวิตการทำงานของเขากำลังจะสูญเปล่าเพราะข้อบกพร่องที่ชื่อว่าถงเยียน เด็กคนนั้นกำลังจะทำลายตระกูลเฉินทั้งตระกูลด้วยมือของตัวเอง” ผู้อาวุโสสีคร่ำครวญ


 


 


มู่ไป๋ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องความเป็นอยู่ของครอบครัวอื่น โดยเฉพาะคนที่ครั้งหนึ่งเคยวางแผนการชั่วร้ายกับชีวิตของซิงเหอ


 


 


“พูดอีกแง่คือตระกูลเฉินยังคงไม่พอใจตระกูลหลินอยู่มากใช่ไหมครับ พวกเขาไมได้อยากจะยอมรับการหมั้นในครั้งนี้ใช่ไหม” มู่ไป๋ไล่เรียง


 


 


ผู้อาวุโสสีพยักหน้า “ถูกต้อง ถึงแม้ถงเยียนและหลินเซวียนจะได้เสียกันแล้วแต่ตาแก่เฉินก็ไม่ได้อยากจะยอมรับ แต่เฉินหรูยืนกรานให้เขาตอบตกลง ในเมื่อเฉินหรูและถงเยียนยอมรับเรื่องนี้ แล้วตาแก่อย่างเขาจะทำอะไรได้”


 


 


“ต้องมีอะไรผิดปกติกับเฉินหรูแน่นอน” ซิงเหอตั้งข้อสังเกต “เธอรู้ดีว่าการแต่งงานเข้าตระกูลหลินของถงเยียนจะทำลายชีวิตลูกสาวของตัวเองแต่เธอดูไม่กังวลเรื่องนี้เลยสักนิด ดังนั้นมันต้องมีความลับที่น่าอัปยศบางอย่างระหว่างเธอกับตระกูลหลินอยู่แน่ๆ”


 


 


“ความลับแบบไหนกัน” ผู้อาวุโสสีเอ่ยถามอย่างลอยๆ


 


 


ซิงเหอตอบ “นั่นยังคงเป็นปริศนา แต่ถึงยังไงมันจะต้องถูกเปิดเผยในที่สุด พวกเขากำลังจะจัดงานหมั้นใช่ไหมคะ เราควรจะไปร่วมงานเพื่อสอดแนมดูสักหน่อย”


 


 


มู่ไป๋ยิ้ม “ผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน ดูเหมือนเราจะต้องเตรียมตัวสำหรับการปรากฏตัวครั้งใหญ่เสียหน่อย งานหมั้นครั้งนี้พลาดไม่ได้”


 


 


ซิงเหอยิ้มกลับ “แน่นอน เพราะงานนี้อาจจะเป็นงานที่ช่วยเร่งความตายให้พวกนั้นก็ได้”


 


 


“ถ้าอย่างนั้นคุณสนใจจะเป็นคู่ควงของผมไหมครับ” มู่ไป๋เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 645 งานหมั้น


 


 


ผู้อาวุโสสีหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อเห็นการเย้าแหย่ของมู่ไป๋และซิงเหอ เขายินดีเป็นอย่างมาก แม้ว่าการล้างแค้นของตระกูลสีจะไม่บรรลุเป้าหมาย แต่เขาก็ยังมองเห็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลสี


 


 


เมื่อเทียบกับถงเยียนแล้ว ซิงเหอนั้นเฉลียวฉลาดและนำแต่ความโชคดีมาให้แก่ตระกูลสี เขาเชื่อมั่นว่าถ้าซิงเหอแต่งงานกับมู่ไป๋อีกครั้ง ชีวิตของพวกเขาจะมีแต่ดีขึ้นเพราะพวกเขาอยู่ระดับเดียวกันและจะช่วยเกื้อหนุนให้อีกฝ่ายเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ


 


 


ทันใดนั้นผู้อาวุโสรู้สึกอยากจะอวดผู้อาวุโสเฉิน ผู้อาวุโสเฉินนั้นพูดผิด ไม่เพียงแต่เขาจะมีบรรดาหลานชายที่เพียบพร้อมเท่านั้น หลานสะใภ้ของเขาก็ยังเป็นที่สุดของที่สุดอีกด้วย!


 


 


ผู้อาวุโสเฉินคงได้โกรธจนไอเป็นเลือดแน่หากรู้ว่าเขากำลังคิดเช่นนี้อยู่…


 


 



 


 


เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ ตระกูลหลินช่วยถงเยียนและหลินเซวียนด้วยการเป็นเจ้าภาพในการจัดงานหมั้นอย่างรวดเร็ว ผู้ทรงอิทธิพลทุกคนถูกเชิญมาร่วมในงานร่วมถึงตระกูลสีด้วย ตระกูลหลินจำเป็นต้องเชิญพวกเขาเพราะการไว้หน้าเป็นสิ่งที่สำคัญในสังคมชาวจีน


 


 


ตระกูลสีเองก็ตอบรับคำเชิญพร้อมกับสายตาอยากรู้อยากเห็น แต่ถึงกระนั้นผู้อาวุโสสีไม่ได้เป็นผู้เข้าร่วม มีเพียงซิงเหอและมู่ไป๋ที่เข้าร่วมงาน


 


 


เมื่อพวกเขาทั้งสองคนเดินทางมาถึง พวกเขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของสมาชิกตระกูลหลินแต่แฝงไปด้วยความไม่จริงใจ ตระกูลสีของพวกแกไม่ใช่เหรอที่วางแผนจะทำลายตระกูลหลินของพวกเรา? ขอโทษทีนะเพราะไม่ใช่แค่พวกเราจะรอดจากการโจมตีของพวกแกได้แล้วพวกเรายังอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้งด้วย ดังนั้นแผนการของพวกแกได้ล้มเหลวไปแล้วและในอนาคตคงบอกได้ยากว่าตระกูลไหนกันแน่ที่จะพังพินาศ!


 


 


ตระกูลหลินมั่นใจว่างานหมั้นในครั้งนี้จะเปลี่ยนชะตากรรมของพวกเขาไปอีกด้านหนึ่ง แผนของพวกเขากลับมาสู่ทางเดิมและพวกเขาจะได้โลกมาไว้ใต้การครอบครองในไม่ช้า!


 


 


เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะบดขยี้ตระกูลสีให้เป็นผุยผง ดังนั้นทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อซิงเหอและมู่ไป๋นั้นเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เกือบทุกคนที่เข้ามาทักท้ายพวกเขานั้นเข้ามาเพื่อโอ้อวด


 


 


ผู้อาวุโสหลินถามด้วยน้ำเสียงโอ้อวด “ทำไมท่านสีถึงไม่มาล่ะ ฉันคิดว่าเขาจะเสียอีก เขาแก่เกินกว่าจะมาร่วมงานมงคลแล้วงั้นหรือ”


 


 


มู่ไป๋จับใจความคำพูดที่เหน็บแนมนั้นได้ อีกฝ่ายกำลังบอกใบ้ว่าที่ผู้อาวุโสสีไม่มาร่วมงานเพราะเขาอับอายเกินกว่าจะมาโชว์หน้าของเขาหลังจากที่ตระกูลสีได้รับความพ่ายแพ้


 


 


มู่ไป๋ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมาย “คุณปู่บอกว่าท่านไม่ต้องเสียเวลาให้กับการแสดงที่ไร้ประโยชน์แบบนี้เพราะบอกไม่ได้ว่าการแต่งงานจะลงเอยด้วยดีหรือเปล่าน่ะครับ”


 


 


ผู้อาวุโสหลินเองก็จับใจความได้เช่นกัน มู่ไป๋กำลังถากถางวัตถุประสงค์ของงานหมั้นในครั้งนี้ว่าทั้งหมดอาจเป็นเพียงการแสดงที่เปล่าประโยชน์ก็ได้


 


 


สายตาที่ผ่านการคิดคำนวณของผู้อาวุโสหลินส่องประกายและกล่าวว่า “เขาพูดถูกนะ ไม่มีใครบอกได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ถึงอย่างนั้น บางสิ่งก็ได้ถูกกำหนดไว้บนฟ้าแล้ว ดังนั้นบางคนก็ควรที่จะเลิกดิ้นรนแล้วยอมแพ้ได้แล้ว”


 


 


มู่ไป๋ยิ้มมุมปาก “น่าสนใจดีนะครับที่ท่านผู้อาวุโสหลินคิดแบบเดียวกับผม คนบางคนควรที่จะยอมแพ้ได้เสียที”


 


 


ผู้อาวุโสหลินหัวเราะลั่น “งั้นเราจะได้เห็นกันว่าสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้นั้นจะถูกต้องหรือไม่ แต่ฉันหวังว่าเจ้าจะดูแลร่างกายของตัวเองให้ดีเสียก่อน ไม่งั้นฉันกลัวว่าเจ้าอาจจะไม่รอดอยู่จนถึงวันที่จะได้เห็นผลลัพธ์พวกนั้น”


 


 


มู่ไป๋โต้กลับ “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ แต่ท้ายที่สุดผมก็ยังหนุ่ม ร่างกายนี้จะยังอยู่กับผมไปอีกหลายสิบปี ถ้ายังไงแล้วผมรู้สึกเป็นกังวลกับสภาพร่างกายของท่านผู้อาวุโสหลินมากกว่า”


 


 


“อย่างนั้นรึ งั้นเราจะได้เห็นกันว่าใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน” ผู้อาวุโสหลินหยุดยิ้มและเดินจากไป


 


 


แววตาของมู่ไปเยือกเย็นและไม่สามารถคาดเดาได้



ตอนที่ 646 อย่าปล่อยมือผม


 


 


ซิงเหอออกความเห็นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ดูเหมือนตระกูลหลินจะมั่นใจว่าการเกี่ยวดองในครั้งนี้จะเป็นการกลับมาอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา”


 


 


ไม่เช่นนั้นผู้อาวุโสหลินคงไม่ห้าวหาญถึงขนาดตั้งใจมาพูดจาโอ้อวดต่อหน้าพวกเขาแบบนี้


 


 


มู่ไป๋หัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน “ก็สมควรที่จะมั่นใจ การแต่งงานของคุณถงมีค่าเท่ากับการชักจูงตระกูลเฉิน ตระกูลถงและฝ่ายท่านผู้หญิงมาเป็นพวกของตัวเอง ในเมื่อเป็นแบบนั้นแล้วทำไมจะไม่มั่นใจล่ะ”


 


 


“แต่ด้วยวิธีชั้นต่ำแบบนี้ ไม่มีใครที่อยากจะยืนอยู่ฝั่งนั้นอย่างเต็มใจจริงๆ หรอก”


 


 


“อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็จะเลิกราวีตระกูลหลิน”


 


 


“นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ดีจริงๆ”


 


 


ซิงเหอกวาดสายตาไปทั่วห้องและเห็นว่าหลายคนกำลังทำตัวประจบสอพลอตระกูลหลิน ด้วยงานหมั้นในครั้งนี้ตระกูลหลินได้ผูกมิตรกับครอบครัวที่มีอิทธิพลหลายครอบครัวซึ่งช่วยยกระดับฐานะของพวกเขาให้สูงขึ้นอีกมาก จึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่หลายคนอดทนรอที่จะเข้าไปประจบประแจงตระกูลหลินแทบไม่ไหวและทำให้อัตตาของตระกูลหลินพองโตขึ้นอย่างมาก


 


 


แต่พวกเขาคิดจริงๆ หรือว่าหลังจากที่ถงเยียนและหลินเซวียนแต่งงานกันแล้วทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความราบรื่น ตราบใดที่ตระกูลสียังมีชีวิตอยู่แล้วละก็ ไม่มีทาง!


 


 


ซิงเหอพิจารณาไปทั่วห้อง เธอเล็งเห็นความซับซ้อนบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่


 


 


“คุณสังเกตหรือเปล่าว่าตระกูลหลินไม่ได้สามัคคีกันอย่างที่เราคิด ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นคนตระกูลหลินใช่ไหม แต่เขาดูไม่ค่อยมีความสุขกับเรื่องนี้เท่าไหร่”


 


 


มู่ไป๋มองไปตามสายตาของหญิงสาวและเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งดื่มอยู่เพียงลำพังด้วยสีหน้าอมทุกข์ “นั่นคุณชายคนที่สามของตระกูลหลิน พ่อของหลินอวิ๋น”


 


 


“หลินฉิน? ลูกชายที่ไม่สำคัญที่สุดในบรรดาลูกชายทั้งสามคนของผู้อาวุโสหลิน? ฉันได้ยินมาว่าเขาไม่เคยทำอะไรสำเร็จเลยสักอย่าง เป็นแค่เจ้าหน้าที่ของรัฐตำแหน่งเล็กๆ และแทบจะไม่มีตัวตนในโครงสร้างอำนาจของตระกูลหลิน”


 


 


“ใช่แล้ว คุณทำการบ้านมาดีนี่” มู่ไป๋กล่าวชมเชย เธอทำเช่นนี้เพราะเป็นสาเหตุที่ซิงเหอยืนกรานว่าพวกเขาจะต้องมาร่วมงานในคืนนี้ ถ้ามีรอยร้าวใดๆ ภายในตระกูลหลิน พวกเขาจะต้องได้ใช้ประโยชน์จากมันอย่างแน่นอน


 


 


“ถ้าหลินฉินรู้ว่าหลินเซวียนเป็นคนฆ่าลูกสาวของเขา ฉันสงสัยว่าเขาจะจัดการพวกคนที่เหลือไหม” ซิงเหอคาดเดาราวพลางอมยิ้ม


 


 


มู่ไป๋ปฏิเสธ “แต่เราไม่มีหลักฐาน”


 


 


ถ้ามีหลักฐาน พวกตระกูลหลินจะอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้อย่างนั้นหรือ


 


 


“อันที่จริง ฉันอยากรู้ว่าทำไมหลินเซวียนถึงพกระเบิดไว้กับตัว ตอนนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลินอวิ๋นกำลังจะถูกจับ” ซิงเหอวิเคราะห์ “ดังนั้นหลินเซวียนต้องมีอะไรบางอย่างมากกว่าที่เห็น”


 


 


“ผมพนันว่าตระกูลหลินยังมีเรื่องที่ซ่อนไว้อีกเยอะ อยู่ใกล้ผมไว้แล้วอย่าเดินไปไหนตามลำพังละ” มู่ไป๋เตือนหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง พวกเขาทั้งคู่กำลังอยู่ในอาณาเขตของตระกูลหลิน


 


 


ซิงเหอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วงค่ะ อาลิอยู่กับฉันด้วย ฉันไม่เป็นไรหรอก”


 


 


อาลิเดินทางมากับพวกเขาในฐานะเลขาของซิงเหอ เธอคอยติดตามซิงเหออยู่ข้างหลังอย่างใกล้ชิดราวกับเป็นผู้ช่วยส่วนตัวจริงๆ แต่แท้จริงแล้วเธอมาที่นี่เพื่อเป็นบอดี้การ์ดของซิงเหอ


 


 


ซิงเหอหันไปมองอาลิและอีกฝ่ายก็ขยิบตากลับอย่างขี้เล่น ยิ่งไปกว่านั้นซิงเหอเคยเรียนคาราเต้มาบ้าง ดังนั้นตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้ใช้ปืน เธอจะยังปลอดภัย


 


 


แต่มู่ไป๋ไม่อาจหยุดความเป็นกังวลในตัวซิงเหอได้ เขากุมมือของเธอเอาไว้และปกป้องเธอราวกับหญิงสาวเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกใบนี้


 


 


“ถึงยังไงก็อยู่ใกล้ๆ ผมไว้แล้วอย่าปล่อยมือจากผมเด็ดขาด” เขาเอ่ยเตือนเธออย่างอ่อนโยน


 


 


“โอเค” ซิงเหออยากจะหัวเราะและพูดว่า คุณต่างหากที่เป็นคนไม่อยากปล่อยมือ!


 


 


อาลิที่เดินตามอยู่ด้านหลัง กลอกตาเป็นวงกลมใส่ท่าทีกระหนุงกระหนิงเบื้องหน้า


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 647 คุณรู้ความจริง


 


 


“ผู้ชายคนนั้นกำลังจะไปแล้ว” อยู่ๆ อาลิพูดขึ้น ซิงเหอและมู่ไป๋หันไปมองและเห็นว่าหลินฉินกำลังมุ่งหน้าออกไปยังสวนด้านหลัง ตระกูลหลินจัดงานหมั้นในครั้งนี้ที่บ้านของพวกเขาเอง ซึ่งมีขนาดใหญ่โตและมีสวนหลังบ้าน


 


 


ซิงเหอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “เข้าไปแนะนำตัวกันเถอะ”


 


 


“ได้สิ” มู่ไป๋ตัดสินใจเล่นไปตามน้ำ ในเมื่อพวกเขามาที่นี่เพื่อล้วงข้อมูลของศัตรู แล้วทำไมถึงไม่เริ่มที่หลินฉินล่ะ


 


 


พวกเขาสามคนปลีกตัวออกไปยังสวนด้านหลังอย่างเงียบๆ


 


 


หลินฉินต้องการปลีกตัวออกจากการเฉลิมฉลองเพราะมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เขาไม่ต้องการเห็นความสุขของคนอื่นๆ เพราะมันมีแต่จะยิ่งทำให้ความสุขของเขาทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เขาจึงเลือกที่จะแอบหลบมาอยู่ที่สวนด้านหลังเพื่ออยู่ตามลำพัง เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนเดินตามเขาออกมา


 


 


“คุณหลินฉินใช่ไหมคะ” เสียงอันชัดเจนของซิงเหอดังขึ้นจากด้านหลังของหลินฉิน


 


 


หลินฉินหันกลับมาด้วยความสงสัยและหน้าเสียเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือพวกซิงเหอ “พวกคุณ!”


 


 


เขารู้จักหน้าตาของซิงเหอและมู่ไป๋ แต่นอกเหนือจากใบหน้าที่ขมวดย่นแล้ว หลินฉินไม่ได้แสดงท่าทีมุ่งร้ายต่ออีกฝ่ายมากนัก ซิงเหอสังเกตเห็นสิ่งนี้ตั้งแต่แรก ในระหว่างงานเลี้ยง หลินฉินสังเกตเห็นพวกเขาแล้วแต่เขาเลือกที่จะเมินเฉยและไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจหรือโกรธแค้นพวกซิงเหอแต่อย่างใด


 


 


ซึ่งตรงกันข้ามกับครั้งแรกที่เธอพบกับหลินเชี่ยน ผู้หญิงคนนั้นต้องการจะฆ่าซิงเหออย่างจริงจังเพราะคิดว่าหลินอวิ๋นถูกฆ่าโดยซิงเหอและมู่ไป๋


 


 


ถ้าหลินเชี่ยนเกลียดพวกเขามากขนาดนั้น ตามหลักแล้วพ่อของเธอก็ควรจะปฏิบัติกับซิงเหอและพวกเฉกเช่นศัตรู แต่ซิงเหอกลับไม่เห็นความพยาบาทอยู่ภายในดวงตาของอีกฝ่ายเลย ความสงสัยของเธอได้รับการยืนยันในทันที…


 


 


หลินฉินออกปากถามอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง “พวกคุณตามผมมาทำไม พวกคุณวางแผนจะทำอะไร”


 


 


ซิงเหอยิ้มอย่างเป็นมิตร “พวกเราแค่อยากจะบอกอะไรบางอย่างกับคุณ ไม่ต้องกังวล”


 


 


“อะไร รีบบอกแล้วปล่อยผมไว้คนเดียวได้แล้ว!” หลินฉินคำรามอย่างหมดความอดทน


 


 


ซิงเหอจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาคมกริบและพูดขึ้นอย่างฉับพลัน “พวกเราไม่ได้เป็นคนฆ่าหลินอวิ๋น”


 


 


หลินฉินสะดุ้ง แต่กระนั้นเขาไม่ได้แสดงสัญญาณความโกรธแค้นหรือท่าทีอยากซักถามอะไร ดวงตาของเขาล่อกแล่กไปมาพร้อมกับอารมณ์ที่ยากจะอธิบายได้


 


 


“ถ้างั้นคุณก็รู้ความจริงมาโดยตลอดสินะ” ซิงเหอกระซิบและพิจารณาทุกการเคลื่อนไหวทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่าย “คุณหลิน คุณรู้อยู่แล้วว่าหลินเซวียนเป็นคนฆ่าหลินอวิ๋นใช่ไหม”


 


 


“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร!” หลินฉินโต้แย้งด้วยความร้อนรน “พวกคุณสองคนเป็นคนฆ่าลูกสาวผม แล้วยังกล้ามาโกหกต่อหน้าผมอีก! ในเมื่อวันนี้เป็นวันมงคลของตระกูลหลิน ผมจะไม่เอาเรื่องอะไรพวกคุณ ดังนั้นช่วยปล่อยผมไว้คนเดียวเถอะ”


 


 


หลินฉินพูดคำพูดที่ดูราวกับท่องจำและเดินจากไปด้วยความเร่งรีบ ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับโกหกของเขาได้


 


 


มู่ไป๋และซิงเหอหันมามองหน้ากันและเริ่มสื่อสารกันโดยไม่ใช้คำพูด หลินฉินรู้ความจริง


 


 


เขารู้ว่าหลินเซวียนเป็นคนลงมือฆ่าลูกสาวของเขาแต่เขาเลือกที่จะไม่ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่อธิบายเรื่องนี้ได้ การตายของหลินอวิ๋นเป็นคำสั่งของผู้อาวุโสหลิน!


 


 


หรือไม่ผู้อาวุโสหลินก็เป็นคนอนุญาตการตัดสินใจของหลินเซวียนที่จะฆ่าหลินอวิ๋น!


 


 


ในเมื่อผู้อาวุโสหลินประทับตราอนุญาตแล้ว หลินฉินจะทำอะไรได้ อันที่จริงแม้แต่หลินคังก็อาจเห็นด้วยในการกำจัดหลินอวิ๋น


 


 


ความคับแค้นใจของหลินฉินถูกเก็บกดเอาไว้เพราะเขาไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในครอบครัว


 


 


ตระกูลหลินไม่เพียงแค่อำมหิตกับคนภายนอก…


 


 


แต่ยังโหดเ**้ยมกับคนในครอบครัวตัวเองอีกด้วย


ตอนที่ 648 ลูกสาวของผู้อาวุโสหลิน


 


 


ซิงเหอและมู่ไป๋ตัดสินใจในสิ่งเดียวกันว่าหลินฉินคือตัวจุดชนวนที่พวกเขาต้องการ แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะหันหลังกลับ พวกเขาพบกับสายตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากพวกเขามากนัก เธอจ้องมองมายังพวกซิงเหออย่างสนใจใคร่รู้และดูเหมือนเธอจะได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่นี้ทั้งหมด


 


 


มู่ไป๋และซิงเหอตาโตด้วยความตกใจ


 


 


“คุณเป็นใคร” ซิงเหอเอ่ยถาม “คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลหลิน”


 


 


ผู้หญิงท่าทางบอบบางที่อยู่ในชุดหรูหราหัวเราะคิกคักกับตัวเองอย่างร่าเริงแต่ไม่ตอบคำถามของซิงเหอ


 


 


มู่ไป๋หรี่ตาของเขาและถามเพื่อทดสอบอีกฝ่าย “คุณคือลูกสาวของท่านผู้อาวุโสหลินใช่ไหมครับ”


 


 


“หายากนะที่จะมีใครจำฉันได้” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มกว้างก่อนหันหลังเพื่อเดินจากไป


 


 


“เดี๋ยวก่อน” ซิงเหอออกปากเรียกเพื่อหยุดอีกฝ่าย แต่ผู้หญิงคนนั้นทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกของเธอและเดินออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ซิงเหอจึงสั่งอาลิ “หยุดเธอไว้”


 


 


“ได้เลย!” ในขณะที่อาลิกำลังพุ่งตัวไปข้างหน้า หลินเซวียนปรากฏตัวขึ้นออกมาจากมุมของอาคารพร้อมกับบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งอยู่ด้านหลัง “พวกคุณมาทำอะไรกันที่นี่”


 


 


การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขาทำลายทุกอย่าง อาลิหยุดและเดินกลับไปยืนอยู่ด้านหลังซิงเหอ


 


 


หลินเซวียนพิจารณาพวกเขาด้วยสายตาเยือกเย็นและซักถาม “สีมู่ไป๋ ทำไมพวกคุณถึงไม่กินเลี้ยงสังสรรค์ในห้องโถงแต่กลับมาซ่อนตัวอยู่สวนหลังบ้านของผมแบบนี้ล่ะครับ”


 


 


มู่ไป๋จ้องกลับและหัวเราะในลำคอ “ทำไมล่ะครับ มีอะไรในสวนด้านหลังที่ไม่เหมาะสมให้คนภายนอกเห็นอย่างนั้นเหรอ ทำไมถึงต้องระแวงพวกเรานักละ”


 


 


“ไม่มีของแบบนั้นอยู่ในบ้านของผมหรอกครับ แต่ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของตระกูลหลินและพวกเราไม่ต้อนรับคนอย่างพวกคุณ” หลินเซวียนพูดอย่างไม่สุภาพ “ดังนั้นช่วยกลับไปที่ห้องโถงและหยุดเดินไปมาในบ้านของคนอื่นได้แล้ว”


 


 


“ไม่เป็นไร ในเมื่อตระกูลหลินดูเหมือนจะไม่ต้อนรับพวกเราให้อยู่ที่นี่ งั้นพวกเราก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ต่อ ขอตัวก่อน” ซิงเหอกล่าว พวกซิงเหอถอนตัวออกมาเพราะพวกเธอมีบางอย่างที่สำคัญจะต้องไปตรวจสอบ


 


 


หลินเซวียนหรี่ตามองแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไปของพวกซิงเหออย่างสงสัยและกระซิบบอกหนึ่งในบอดี้การ์ดของเขา “ไปสืบมาว่าพวกมันทำอะไรที่สวนด้านหลังและมันเจอใครบ้าง”


 


 


“ครับท่าน!” บอดี้การ์ดคนนั้นพยักหน้ารับคำสั่ง แต่การสืบค้นได้เพียงความว่างเปล่า ซิงเหอและมู่ไป๋ดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไรหรือพบใครที่นั่น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้หลินเซวียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาไม่สามารถระบุได้


 


 



 


 


ซิงเหอและมู่ไป๋ก้าวขึ้นรถหลังจากพวกเขาก้าวพ้นประตูบ้านของตระกูลหลิน


 


 


มู่ไป๋ยืนแล็ปท็อปให้ซิงเหอทันที “นี่”


 


 


“ขอบคุณ!” ซิงเหอพูดพลางเริ่มลงมือทำงานในโน๊ตบุ๊คตรงหน้าทันที


 


 


อาลิที่นั่งอยู่ด้านหน้าสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความประหม่าภายในรถและเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น มีอะไรบางอย่างสำคัญเกิดขึ้นงั้นเหรอ ทำไมฉันถึงไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


 


 


ซิงเหอตอบโดยไม่ถอนสายตาออกจากหน้าจอ “มีบางอย่างเกิดขึ้น แต่เราต้องการข้อมูลมากกว่านี้”


 


 


“เกี่ยวกับอะไร”


 


 


“ผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้” คราวนี้เป็นมู่ไป๋ที่ตอบคำถามของอาลิ


 


 


อาลิยังคงสับสน “เกี่ยวกับอะไรของผู้หญิงคนนั้นล่ะ เธออาจะทำตัวประหลาดอยู่นิดหน่อยแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกติชัดเจนนี่นา”


 


 


แต่ โอ ใช่แล้ว มันมีบางอย่างที่ผิดปกติเป็นอย่างมาเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ซิงเหอยุ่งเกินกว่าที่จะอธิบายทุกอย่างให้อาลิฟังเพราะเธอต้องหาทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 649 การปฏิบัติที่แปลกแยก


 


 


ผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นกุญแจสำหรับเปิดโปงตระกูลหลินก็ได้!


 


 


หลินซวงคือลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้อาวุโสหลินและเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในครอบครัว เธอเป็นเด็กขี้โรคมาตั้งแต่เกิดและถูกส่งไปอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของครอบครัวที่เป็นญาติกับตระกูลหลินที่อยู่ต่างประเทศตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย เมื่อเธออายุสิบแปดปีได้ย้ายมายังเมือง T เพื่อเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย


 


 


หลังจากเรียนจบ เธอย้ายไปอยู่นอกเมืองและเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่กับพวกตระกูลหลินเมื่อห้าปีก่อน เธอเป็นเหมือนวิญญาณที่ล่องลอยไปมาในครอบครัว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักตัวตนของเธอ


 


 


เหตุผลเดียวที่มู่ไป๋สามารถคาดเดาถึงตัวตนของเธอได้เป็นเพราะเขาเคยได้ยินมาว่าลูกสาวของผู้อาวุโสหลินมีร่างกายอ่อนแอและใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการรักษาอาการเจ็บป่วยของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังเคยพบกับผู้หญิงคนสำคัญคนอื่นๆ ของตระกูลหลินมาหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ที่พวกเขายังไม่เคยพบ แต่มีบางอย่างเกี่ยวกับหลินซวงที่ทำให้ซิงเหอและมู่ไป๋รู้สึกประหลาดใจ เธอช่างดูคุ้นเคยอย่างหน้าสงสัย…


 


 


การสืบค้นข้อมูลของซิงเหอไม่มีอะไรพิเศษนอกจากข้อมูลพื้นฐานทั่วไป แต่เมื่อพวกเขาเดินทางกลับมาถึงฮิลส์เรสซิเดนซ์ ผู้อาวุโสสีได้บอกข้อมูลบางอย่างกับพวกเขา


 


 


“ทำไมพวกเธอถึงถามเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ลูกสาวของตาแก่นั่นเหมือนไม่มีตัวตน ไม่มีใครเคยเจอตัวด้วยซ้ำ เธอถูกส่งไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ฉันได้ยินมาว่าเพราะเด็กคนนั้นต้องการอากาศบริสุทธิ์ที่นอกเมืองเพื่อรักษาอาการป่วยของตัวเอง พวกเราไม่เคยมีใครเคยเจอผู้หญิงคนนั้นมาก่อนและอยู่นอกเรดาร์ของพวกเราจนคิดว่าตระกูลหลินมีเพียงลูกชายสามคนและไม่รู้เลยว่าเขายังมีลูกสาวอยู่อีกคนหนึ่ง ทำไม มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับหลินซวงอย่างนั้นรึ”


 


 


ซิงเหอพยักหน้า “มีเรื่องน่าสงสัยเกี่ยวกับหลินซวงอย่างแน่นอนค่ะ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลหลินถึงดูไม่สนใจการมีตัวตนของเธอนัก ลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลกำลังป่วยแต่แทนที่จะหาหมอที่ดีที่สุดของประเทศที่น่าจะอยู่ในเมือง A มารักษาแต่กลับส่งเธอไปอยู่นอกเมืองและให้เธออยู่ที่นั่น”


 


 


และถึงแม้ว่าหลินซวงจะกลับมาอยู่กับครอบครัวตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน เธอกลับยังดูซีดเซียวเช่นเดิม เป็นใครก็ต้องสงสัยว่าตระกูลหลินดูแลลูกสาวอย่างไรถึงได้มีลักษณะเช่นนี้


 


 


ผู้อาวุโสตอบว่า “ตาแก่หลินให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาวอยู่แล้ว แต่เธอพูดถูก เขาไม่ควรจะเพิกเฉยลูกสาวตัวเองแบบนี้ เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์อยู่เหนือสิ่งอื่นใด ดังนั้นการดูแลลูกสาวให้ดีและให้เธอได้แต่งงานดีๆ มีแต่จะยิ่งมีประโยชน์มากกว่าวิธีที่พวกเขาทำกับเธออย่างทุกวันนี้ ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพวกนั้นถึงได้ยืนกรานที่จะทำเหมือนว่าหลินซวงไม่มีตัวตนอยู่แบบนี้”


 


 


“เป็นเรื่องแปลกมาก ผู้หญิงทุกคนในตระกูลหลินล้วนได้รับการศึกษาที่ดี แม้แต่หลินอวิ๋นยังได้เข้าทำงานในสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ดังนั้นวิธีที่ตระกูลหลินปฏิบัติกับหลินซวงนั้นผิดปกติอย่างแน่นอน” ซิงเหอตั้งข้อสังเกต


 


 


มู่ไป๋พยักหน้า “ใช่ แต่เราไม่รู้ว่าทำไม”


 


 


อาลิที่ฟังทุกอย่างมาตลอดชูมือขึ้นด้วยความโลเล “บางทีฉันอาจจะรู้นะ”


 


 


“ทำไมล่ะ” ซิงเหอและทุกคนที่เหลือหันไปมองอาลิด้วยความประหลาดใจ แม้แต่กลุ่มของแซมยังตกใจ อาลิจะรู้เหตุผลได้ยังไง


 


 


อาลิกระแอมก่อนเริ่มอธิบาย “บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นเหมือนฉันก็ได้ ฉันถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่ยังเด็กเพราะฉันเกิดในวันที่ไม่เป็นมงคล พวกเขากลัวว่าฉันจะนำโชคร้ายมาให้ครอบครัว บางทีหลินซวงคนนี้อาจจะมีชะตากรรมแบบเดียวกันกับฉันก็ได้”


 


 


ซิงเหอพยักหน้าเล็กน้อย “เธอมีเหตุผล”


 


 


มู่ไป๋ยิ้มอย่างเยือกเย็น “ผมต้องบอกว่าสำหรับครอบครัวอย่างตระกูลหลินแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำเรื่องแบบนี้ อะไรที่เป็นตัวนำพาโชคร้ายจะต้องถูกกำจัด เหมือนอย่างหลินอวิ๋น…”


 


 


ผู้อาวุโสสีส่ายหน้าและหัวเราะ “ไม่เหมือนกันหรอก ตระกูลหลินไม่เชื่อเรื่องโชคลาง อีกอย่าง ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นใครพูดว่าลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินจะเป็นตัวนำโชคร้ายเลยล่ะ ถึงตาแก่หลินจะมองคนหรือแม้แต่ลูกของตัวเองเป็นแค่ตัวสร้างผลประโยชน์เท่านั้นแต่เขาไม่ใช่คนงมงาย”



ตอนที่ 650 เกิดวันเดียวกัน


 


 


ซิงเหอและมู่ไป๋หันมามองหน้ากันอย่างฉับพลัน มู่ไป๋เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “คุณปู่ครับ เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินอย่างนั้นเหรอครับ”


 


 


ผู้อาวุโสสีอธิบาย “อ้อ ฉันลืมบอกไปว่าหลินซวงกับเฉินหรูเกิดที่โรงพบายาลเดียวกันและวันเดียวกัน…” เมื่อถึงจุดนั้นสีหน้าของผู้อาวุโสสีเปลี่ยนไปทันที ความตกตะลึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมู่ไป๋และซิงเหอเช่นกัน พวกเขามองหน้ากันและกันเพราะความคิดของพวกเขากำลังนำไปสู่ขอสรุปที่น่าตกใจ!


 


 


ซิงเหอลุกขึ้นทันที แววตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เฉินหรูนั่นมีความลับเกี่ยวพันกับตระกูลหลินจริงๆ!”


 


 


ผู้อาวุโสสีพูดด้วยท่าทีจริงจัง “แต่จะเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ ตระกูลหลินจะทำอะไรที่ไร้มนุษยธรรมอย่างนั้นจริงรึ”


 


 


“เราจะรู้เรื่องนี้ในไม่ช้า!” ซิงเหอกันไปทางมู่ไป๋และกล่าว “เราต้องการความช่วยเหลือจากลู่ฉี”


 


 


“ผมจะติดต่อเขาเดี๋ยวนี้” มู่ไป๋ขยับตัวตามทันที จากนั้นซิงเหอกันไปขอความช่วยเหลือจากกลุ่มของอาลิ “ฉันต้องการให้พวกคุณคนหนึ่งกลับไปที่เมือง T แล้วพาตัวคนคนหนึ่งมาให้ฉัน”


 


 


“ใค?” กลุ่มของแซมถาม


 


 


“ผู้หญิงที่เราช่วยมาจากประเทศ Y”


 


 


อาลิเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เธอพูดอย่างตะกุกตะกัดด้วยความตื่นเต้น “ฉันว่าฉันเข้าใจแล้วว่าปัญหาของหลินซวงคืออะไร! เธอกับผู้หญิงคนนั้น พวกเธอ…”


 


 


ซิงเหอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ถูกต้อง พวกเธอเหมือนกันอย่างประหลาด”


 


 


ในโลกนี้อาจมีหลายคนที่หน้าตาเหมือนกับใครอีกคนหนึ่ง แต่ซิงเหอรู้สึกว่ามันไม่น่ามีเรื่องบังเอิญเช่นนั้นเกิดขึ้นมากนัก ผู้หญิงคนนั้นถูกพบที่ฐานที่มั่นของสมาคมไอวี นี่หมายความว่าตัวตนของเธอจะต้องมีความสำคัญบางอย่างอย่างแน่นอน


 


 


บางทีเธออาจะมีความเกี่ยวข้องกับหลินซวงจริงๆ ก็ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น นี่ไม่ได้หมายความว่าตระกูลหลินมีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาคมไอวีด้วยอย่างนั้นหรือ


 


 


ยิ่งซิงเหอคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งพบความน่าสงสัยเกี่ยวกับตระกูลหลินมากขึ้นเท่านั้น เวลานี้เธอคาดเดาว่าพวกเขาไม่เพียงแค่จะทำลายตระกูลหลินเท่านั้นแต่ยังได้เปิดโปงแผนการต่างๆ มากมายที่ถูกซ่อนเอาไว้ด้วย!


 


 


สัญชาตญาณของซิงเหอนั้นแม่นยำจนน่าประหลาดเสมอ เมื่อเธอรู้สึกคลางแคลงในตระกูลหลิน เธอก็จะตามล่าพวกเขาไปจนสุดล่าฟ้าเขียว มู่ไป๋เองก็รู้สึกแบบเดียวกัน


 


 


พวกเขาติดต่อลู่ฉีและเผยข้อมูลให้เขารู้อย่างเป็นความลับ ลู่ฉียินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ


 


 


แซมและวูลฟ์เดินทางไปยังเมือง T เพื่อพาตัวเด็กสาวคนนั้นมา


 


 


ตอนนี้พวกเขาเพียงแค่ต้องรอเท่านั้น หลังจากคำตอบถูกเปิดเผย พายุที่โหมกระหน่ำจะทำลายล้างเมือง A พร้อมไปพร้อมกับตระกูลหลินราวกับพายุทอร์นาโด!


 


 



 


 


หลังจากหลินเซวียนและถงเยียนหมั้นหมายกันแล้ว หลินเซวียนพาเธอกลับมาเยี่ยมตระกูลเฉิน ตระกูลถง และแม้แต่ท่านประธานาธิบดีและท่านผู้หญิง


 


 


หลินเซวียนเป็นชายหนุ่มที่กระฉับกระเฉงและมีวิธีเข้าถึงจิตใจของผู้คน ด้วยการกระทำของเขาทำให้ความอคติที่มีต่อตระกูลหลินค่อยๆ เบาบางลง ยิ่งไปกว่านั้นถงเยียนยังดูมีความสุขมากที่สุดตั้งแต่พวกเขาเคยเห็นมา ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆ โน้มน้าวใจตัวเองว่าการให้ถงเยียนแต่งงานกับหลินเซวียนอาจจะไม่ใช่ความคิดที่แย่ก็ได้


 


 


ความประทับที่พวกเขามีต่อตระกูลหลินค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น


 


 


เฉินหรูกล่าวชื่นชมตระกูลหลินต่อหน้าทุกคน ทุกๆ วันและพวกเขาต่างค่อยๆ รู้สึกว่าบางทีตระกูลหลินอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกเขาคิด เพราะถึงอย่างไง เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแค่ข้อสงสัยแต่ไม่ได้มีหลักฐานที่แน่ชัด พวกเขาเป็นเพื่อนกันมานานหลายปีและไม่เคยแสดงท่าทีอะไรที่ชวนให้น่าสงสัย ดังนั้นบางที… ตระกูลหลินอาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ?


 


 


นอกเหนือจากการช่วยแก้ต่างให้ตระกูลหลินแล้ว เฉินหรูถึงขนาดทำอย่างหนักเพื่อโบ้ยความผิดไปให้ตระกูลสี ว่าเป็นเพราะตระกูลสีต้องการแก้แค้นตระกูลหลินทำให้พวกเขาแต่งเรื่องโกหกมากมายเพื่อใส่ความตระกูลหลิน


 


 


ทั้งหมดถูกเฉินหรูชักนำไปในทิศทางที่ผิด พวกเขารู้สึกสับสนอย่างช้าๆ แต่เป็นความจริงที่พวกเขาเริ่มซ่อมแซมความสัมพันธ์ที่มีต่อตระกูลหลินและตีตัวออกห่างจากตระกูลสี


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 651 ท่านประธานาธิบดี… กำลังจะตาย


 


 


การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็นข่าวดีสำหรับตระกูลหลิน สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เรื่องแล้วเรื่องเล่า ผู้อาวุโสหลินรู้สึกพึงพอใจเมื่อสิ่งที่เขาเตรียมการไว้ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อนในที่สุดก็ให้ผลตอบแทนอย่างงดงาม


 


 


หลังจากตระกูลหลินชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี เฉินหรูก็จะหาเหตุผลที่ยกเลิกงานหมั้นของถงเยียนกับหลินเซวียน เมื่อถึงเวลานั้นถงเยียนก็จะหมดความสำคัญ และพวกเขาจะไม่ต้องการเด็กผู้หญิงที่ใช้การไม่ได้คนนั้นมาทำให้สายเลือดของเขาต้องแปดเปื้อน


 


 


แน่นอนในความเป็นจริงแล้วไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นระหว่างถงเยียนกับหลินเซวียน ทั้งหมดเป็นเพียงการจัดฉาก ถงเนียนนั้นรักหลินเซวียนหมดหัวใจ ดังนั้นเธอจึงไม่ใส่ใจหากจะมีข่าวลือที่จะทำลายชื่อเสียงของเธอตราบใดที่มันทำให้เธอได้อยู่กับคนที่เธอรัก หลินเซวียนเองก็ไม่ติดใจกับการหมั้นหมายจอมปลอมนี้เช่นกันเพราะสุดท้ายพวกเขาก็จะไม่ต้องแต่งงานกันจริงๆ


 


 


พวกเขามีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดแต่ยังถูกเก็บเป็นความลับ ทั้งหมดนี้ก็เพื่ออนาคตของตระกูลหลิน


 


 


ร่างกายของท่านประธานาธิบดีทรุดโทรมลงเรื่อยๆ และตระกูลหลินกระสับกระส่ายกับเรื่องนี้ด้วยความหวั่นวิตก ชัยชนะอยู่เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น พวกเขาเฝ้ารออย่างหิวกระหายให้ท่านประธานาธิบดีประกาศออกจากตำแหน่งและเริ่มต้นขั้นตอนในการเลือกตั้งครั้งใหม่เสียที…


 


 


แต่ในนาทีสุดท้ายที่ทุกอย่างกำลังจะตกอยู่ในกำมือของพวกเขา อยู่ๆ ลู่ฉีกลับประกาศว่าการคิดค้นหัวใจเชิงกลประสบความสำเร็จแล้ว!


 


 


ท่านประธานาธิบดีกำลังจะปลอดภัย!


 


 


ข่าวนี้มาถึงตระกูลหลินราวกับลูกระเบิด และเฉินหรูคือผู้คาบข่าวนี้มาให้พวกเขา


 


 


“ลู่ฉีสร้างหัวใจนั่นเสร็จแล้วงั้นเรอะ” ผู้อาวุโสหลินไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน “ไหนบอกว่าหาวัสดุที่เหมาะสมไม่ได้ไง”


 


 


“พวกมันหาเจอแล้ว ลู่ฉีบอกว่าตระกูลสีช่วยเขาในการหาวัสดุนั้นจนเจอและเซี่ยซิงเหอเป็นคนสร้างมันขึ้นมา!” เฉินหรูพ่นข้อมูลออกมาด้วยความเกลียดชังและเย้ยหยัน “นังสวะนั่นแอบไปทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน”


 


 


มันเป็นผลงานจากการออกแบบหัวใจเชิงกลในครั้งนั้น ซิงเหอแอบสร้างมันอยู่เบื้องหลังและไม่มีข้อมูลความคืบหน้าใดๆ เล็ดลอดออกมาให้รู้


 


 


ใบหน้าของผู้อาวุโสหลินขมวดย่น “ผู้หญิงคนนั้นต้องถูกกำจัด! มันบังอาจมาขัดขวางแผนการของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”


 


 


หลินเซวียนหรี่ตาอย่างร้ายกาจ เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีความสามารถถึงเพียงนี้เช่นกัน เมื่อครั้งที่เธอจัดการกับเป่าหวา เขาคิดว่าซิงเหอเป็นเพียงนักธุรกิจหญิงที่ฉลาดหลักแหลมเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าจะมีความสามารถถึงขนาดสร้างอะไรอย่างหัวใจเชิงกลได้…


 


 


พวกเขาประเมินค่าผู้หญิงคนนี้ต่ำไปจริงๆ


 


 


“คุณปู่พูดถูกครับ ผมจะหาทางเอาตัวผู้หญิงคนนั้นออกไปและจัดการทำลายหัวใจนั้นซะ” หลินเซวียนลุกขึ้นและประกาศราวกับเป็นเทพแห่งการทำลายล้าง


 


 


แต่ในจังหวะนั้น โทรศัพท์ของผู้อาวุโสหลินดังขึ้น เป็นสายจากท่านผู้หญิง…


 


 


“ท่านหลิน ฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากจะหารือกับพวกคุณทุกคน พวกคุณช่วยมาที่บ้านประธานาธิบดีเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม พาท่านผู้ว่าหลินและคนที่เหลือมาด้วยนะคะ” ท่านผู้หญิงพูดพร้อมกับน้ำเสียงทุกข์ใจ


 


 


ผู้อาวุโสหลินตื่นตัวทันที “ท่านผู้หญิงอยากจะคุยเรื่องอะไรงั้นเหรอครับ ถึงได้เรียกพวกเรามากมายเข้าไปพบเช่นนี้”


 


 


“เกี่ยวกับสุขภาพของท่านประธานาธิบดีค่ะ ช่วยมาที่นี่เดี๋ยวนี้แล้วฉันจะบอกเรื่องทั้งหมดให้พวกคุณทราบ” จากนั้นเธอตัดสายไป


 


 


ผู้อาวุโสหลินปิดโทรศัพท์ในมือและบอกกับทุกคนในห้อง “ท่านผู้หญิงต้องการให้พวกเราทุกคนเดินทางไปที่บ้านประธานาธิบดี เธอบอกว่าเธอต้องการที่จะหารือเรื่องสุขภาพของท่านประธานาธิบดีกับพวกเรา”


 


 


หลินคังสับสน “ท่านต้องการให้พวกเราไปที่นั่นทุกคนงั้นเหรอครับ”


 


 


ผู้อาวุโสหลินพยักหน้าและในขณะนั้น มีโทรศัพท์อีกสายหนึ่งโทรเข้ามาหาเขา ซึ่งเป็นสายจากเฉินหรู ท่านผู้หญิงได้โทรหาเธอเช่นกันและขอให้เธอมาที่บ้านของท่านประธานาธิบดี


 


 


เฉินหรูวางสายและพูดกับตัวเอง “หรือว่าท่านประธานาธิบดี…กำลังจะตาย?”



ตอนที่ 652 ท้องฟ้ากำลังจะเปลี่ยน


 


 


ความคิดนี้ทำให้ทุกคนในตระกูลหลินรู้สึกตื่นเต้น


 


 


“ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้” ผู้อาวุโสสีไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ได้ “ไม่งั้นท่านคงไม่โทรเรียกพวกเราทุกคนไปพบ”


 


 


“ฉันจะโทรไปถามที่บ้านเองค่ะ!” เพื่อยืนยันข้อสงสัย เฉินหรูโทรไปหาผู้อาวุโสเฉินและตระกูลถง พวกเขาทั้งหมดก็ได้รับเชิญเช่นกัน


 


 


แม้แต่ผู้อาวุโสเฉินเองก็สงสัยว่าท่านประธานาธิบดีกำลังจะตาย นี่เป็นเหตุผลเดียวที่จะทำให้พวกเขาทุกคนทุกเรียกตัวเช่นนี้เพราะพวกเขาเป็นคนสนิทที่สุดของท่านประธานาธิบดี ถ้าท่านประธานาธิบดีเกิดเสียชีวิตอย่างกะทันหัน นี่จะกลายเป็นวิกฤตการณ์ระดับชาติ!


 


 


ท่านผู้หญิงต้องโทรเรียกพวกเขาไปพบเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างแน่นอน หลังจากยืนยันได้เช่นนั้น ตระกูลสีก็เก็บกลั้นความปีติยินดีเอาไว้ไม่ไหวและรีบรุดไปยังบ้านของท่านประธานาธิบดีกันทั้งคณะ แม้แต่ตระกูลเฉินและตระกูลถงเองก็มารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้า


 


 


พวกเขาคาดการณ์ว่าโครงสร้างทางอำนาจของจีนกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในวันรุ่งขึ้น ความรู้สึกของพวกเขานั้นซับซ้อน บ้างวิตกกังวล บ้างก็เศร้าโศก


 


 


เมื่อผู้อาวุโสหลินเห็นหน้าผู้อาวุโสถงและผู้อาวุโสเฉิน พวกเขาปั้นหน้าใส่กันและทำตัวราวกับว่าพวกเขารู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของท่านประธานาธิบดี ผู้อาวุโสเฉินกล่าว “ไม่ว่ายังไงก็อย่ามัวแต่ยืนเดาอยู่ตรงนี้เลย เข้าไปข้างในกันเถอะบางทีอาจจะเป็นเรื่องอื่นก็ได้”


 


 


“ท่านพูดถูก” ผู้อาวุโสหลินตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นค่อนข้างมาก แต่ใครจะกล้าโทษเขากันล่ะ


 


 


หากท่านประธานาธิบดีกำลังจะตาย เช่นั้นประเทศก็ต้องเริ่มการเลือกตั้งครั้งใหม่และตระกูลหลินมีโอกาสมากที่สุดที่จะชนะ ตระกูหลินอดทนรอที่จะเหยียบย่ำลงบนร่างไร้วิญญาณของท่านประธานาธิบดีเพื่อไปสู่อนาคตที่สดใสของพวกเขาแทบไม่ไหว


 


 


แต่เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปยังห้องประชุม พวกเขากลับพบว่าตระกูลสีเองก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน!


 


 


ไม่เพียงแค่ผู้อาวุโสสีและมู่ไป๋เท่านั้น แม้แต่เจียงเหนียนและมู่หนานเองก็อยู่ที่นั่นในชุดเครื่องแบบของกองทัพอย่างเต็มภาคภูมิ เมื่อเห็นเช่นนั้น ก็ยิ่งเป็นเหมือนการยืนยันข้อสงสัยของพวกเขายิ่งขึ้นไปอีก


 


 


ขณะนั้นเอง ท่านผู้หญิงได้เข้ามาภายในห้องนำโดยลู่ฉีและซิงเหอ


 


 


ถงเยียนเป็นคนแรกที่ถามอย่างร้อนรน “คุณป้าเรียกพวกเราทุกคนมาที่นี่เพราะท่านประธานาธิบดีกำลังจะตายใช่ไหมคะ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ทำไมทุกอย่างถึงเกิดขึ้นอย่างกะทันหันแบบนี้”


 


 


“เสี่ยวเยียน มีมารยาทด้วยลูก” เฉินหรูดุลูกสาวอย่างอ่อนโยนและเธอก็เอ่ยถามด้วยความกังวลเช่นกัน “พี่คะ เรียกพวกเราทุกคนมาทำไมเหรอคะ”


 


 


ท่านผู้หญิงมองไปยังคู่แม่ลูกและด้วยเหตุผลบางประการ เฉินหรูก็เห็นความผิดหวังและอารมณ์อื่นๆ ซ่อนอยู่ภายใต้สายตาคู่นั้น แต่ถึงกระนั้นพี่สาวของเธอดูเหมือนจะพยายามปิดบังมันเอาไว้อย่างยากลำบาก


 


 


ท่านผู้หญิงถอนหายใจ “เดี๋ยวเธอจะได้รู้เอง”


 


 


“ท่านประธานาธิบดีกำลังจะตาย ใช่ไหมคะ” ถงเยียนพูดโพล่งขึ้นมาอย่างไร้มารยาทอีกครั้ง “แต่คนพูดกันว่าเซี่ยซิงเหอสร้างหัวใจเชิงกลอะไรนั่นเสร็จแล้วและท่านประธานาธิบดีปลอดภัยแล้วไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้…”


 


 


เมื่อถึงจุดนี้ ถงเยียนเดือดดาลขึ้นอีกครั้งและโจมตีซิงเหอ “เซี่ยซิงเหอ ถ้าอะไรเกิดขึ้นกับท่านประธานาธิบดีละก็แกตายแน่! ทำไมแกถึงได้บอกว่าแกเจอวัสดุที่กำลังหาแล้วแถมยังแอบทำของนั่นอยู่ลับหลังทุกคนแบบนี้ แกอยากได้ความดีความชอบจนตัวสั่นใช่ไหม ฉันจะบอกแกให้นะ คราวนี้ไม่ใช่แค่แกทำพลาด แต่แกกำลังจะตายโดยไม่รู้ตัวด้วย!”


 


 


ผู้อาวุโสหลินพูดเสริมอย่างเจาะลงและโหดเ**้ยม “ตระกูลสีของเธอแอบลักลอบสร้างหัวใจเชิงกลนั่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเธอต้องแอบซ่อนเจตนาไม่ดีเอาไว้แน่ แล้วถ้าพวกเธอตั้งใจจะทำอันตรายอะไรท่านประธานาธิบดีแล้วเกิดท่านเป็นอะไรขึ้นมาจริง ถือว่าพวกเธอตระกูลสีเป็นกบฏ!”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 653 รอมาแสนนาน


 


 


“ใช่แล้ว เซี่ยซิงเหอ เธอตั้งใจปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุนั่น ดังนั้นเธอต้องมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่แน่ๆ!” เฉินหรูซักไซ้ซิงเหอ “เธอวางแผนจะทำร้ายท่านประธานาธิบดีและทรยศต่อประเทศนี้ใช่ไหม นังกบฏ!”


 


 


ซิงเหอทำเพียงหัวเราะใส่ข้อกล่าวหามากมายของอีกฝ่าย ดวงตาสีเข้มที่เย็นยะเยือกของเธอจ้องมองพวกเขาและพูดขึ้น “ใช่แล้ว พวกเราตระกูลสีตั้งใจที่จะไม่ป่าวประกาศความคืบหน้าของการวิจัยแต่ไม่ใช่เพราะพวกเรามีเจตนาร้าย แต่ทำเพื่อป้องกันคนที่มีเป้าหมายต่ำช้าอย่างพวกคุณ!”


 


 


ผู้อาวุโสหลินอึ้งก่อนหรี่ตาลงอย่างน่ากลัว “หมายความว่ายังไง”


 


 


“เซี่ยซิงเหอ พูดอะไรพล่อยๆ ถ้าแกไม่อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน เราได้ไปเจอกันในศาลข้อหาที่แกใส่ความให้ชื่อพวกเราเสื่อมเสีย!” เมื่อตอนนี้ถงเยียนได้กลายเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหลินแล้ว ดังนั้นคำว่า ‘พวกเรา’ ของเธอจึงไม่ได้หมายถึงตระกูลถงหรือตระกูลเฉิน แต่หมายถึงตระกูลหลิน เธอต้องการให้ซิงเหอรู้ตัวว่าเธอ ถงเยียน บัดนี้ได้ยืนอยู่ข้างตระกูลหลินแล้ว ถ้าเธออยู่ตรงนั้น เธอจะไม่ยอมให้ซิงเหอมีโอกาสมารังแกตระกูลหลิน!


 


 


ซิงเหอส่ายหัวเมื่อเห็นการกระทำอันโง่เขลาของอีกฝ่าย เธอพูดด้วยความเหยียดหยาม “ทายาทถง ฉันว่าเดี๋ยวคุณก็จะได้เห็นว่าคุณไม่ได้มีความสำคัญอย่างที่คุณคิดหรอกนะ”


 


 


“แกพูดถึงอะไร หมายความว่ายังไง” ถงเยียนเรียกร้อง สีหน้าของคนตระกูลหลินรวมถึงเฉินหรูหม่นลงทันที สิ่งที่ซิงเหอทำให้พวกเขาใจสั่นไปด้วยความหวาดวิตก…


 


 


“ฉันหมายความว่ายังไงงั้นเหรอ ถามลูกสาวคนเดียวของผู้อาวุโสหลิน ลูกคนที่สี่ของตระกูลหลิน แล้วคุณจะเข้าใจ” ซิงเหอมองไปยังทุกคนที่เหลืออยู่และเอ่ยถามโดยยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “ว่าแต่ คุณหญิงสี่ไปไหนล่ะคะ ทำไมเธอถึงไม่อยู่ที่นี่ล่ะ”


 


 


ความกังวลอย่างมากปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้อาวุโสหลิน เขาสงบสติอรมณ์ตัวเองและเริ่มเรียกร้อง “สมาชิกตระกูลหลินคนไหนจะมาหรือไม่มาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ ท่านผู้หญิง ท่านเรียกเรามาที่นี่ทำไมกันครับ อย่าบอกนะว่าเรียกเรามาฟังผู้หญิงคนนี้พูดจาบ้าบอเพ้อเจ้อแบบนี้!”


 


 


“ใช่ ลูกเรียกพวกเรามาทำไมงั้นรึ” ผู้อาวุโสเฉินเองก็สับสนไม่แพ้กับทุกคนที่เหลือในห้อง แต่พวกเขารู้สึกได้ว่าวัตถุประสงค์ในครั้งนี้อาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านประธานาธิบดีแต่เกี่ยวกับตระกูลหลินเสียมากกว่า…


 


 


ท่านผู้หญิงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้และถอนหายใจ “เหตุผลที่ฉันเรียกทุกคนมาที่นี่เพราะฉันมีบางอย่างจะประกาศ ซิงเหอจะบอกรายละเอียดทุกอย่างเอง ดังนั้นขอให้ทุกคนนั่งลงและฟังอย่างเงียบๆ ด้วย”


 


 


ความตึงเครียดภายในห้องเพิ่งสูงขึ้น พวกเขานั่งลงด้วยท่าทีจริงจังมีเพียงตระกูลสีเท่านั้นที่ยังเยือกเย็นเหมือนเช่นทุกครั้ง


 


 


ซิงเหอยืนนิ่ง ท่านผู้หญิงส่งสัญญาณให้เธอก่อนกล่าว “เอาเลย ฉันเชื่อในตัวคุณ”


 


 


ซิงเหอพยักหน้า เธอรู้ว่าท่านผู้หญิงในขณะนี้เหนื่อยล้าเต็มที เธอไม่อาจพูดความจริงได้ด้วยตัวเอง


 


 


แต่ซิงเหอปรารถนายิ่งกว่าสิ่งใดที่จะรับหน้าที่เปิดโปงตระกูลหลินต่อหน้าทุกคน!


 


 


นี่เป็นการแก้แค้นที่เธอเฝ้ารอมาแสนนาน นับตั้งแต่อุบัติเหตุของมู่ไป๋ เธอเฝ้าวางแผนและรอคอยช่วงเวลานี้และในที่สุดมันก็มาถึง


 


 


ตระกูลสีเฝ้ารอสิ่งนี้มานานเช่นกัน เพื่อเวลานี้พวกเขาสูญเสียไปมากมายและรอคอยมาแสนนาน


 


 


โชคดีที่วันนี้ทุกอย่างจะมาถึงจุดจบ!


 


 


เพื่อตรวจวัดเป็นครั้งสุดท้าย ซิงเหอมองไปยังตระกูลหลินด้วยสายตาที่เยือกเย็นไปถึงขั้วหัวใจด้วยความเกลียดชัง เธอทำให้แน่ใจว่าทุกคนมองเห็นความเกลียดชังนี้ ความกระสับกระส่ายแผ่ซ่านไปในหัวใจของทุกๆ คนโดยเฉพาะคนของตระกูลหลิน พวกเขาอยากจะหนีไปจากที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง


 


 


ตัวสร้างปัญหาอย่างถงเยียนซึ่งมีอายุน้อยที่สุดตระโกนขึ้นมาด้วยความฉุนเฉียว “เซี่ยซิงเหอ แกต้องการจะพูดอะไรกันแน่ รีบๆ เข้าเรื่องสักที!”



ตอนที่ 654 ตระกูลหลินต้องตายเดี๋ยวนี้


 


 


“ความปรารถนาของคุณคือคำสั่ง ถ้างั้นก็ฟังให้ดี แผนการชั่วช้าของตระกูลหลินของคุณถูกเปิดโปงแล้ว!” ซิงเหอประกาศด้วยเสียงดังฟังชัดเท่าที่เธอจะทำได้และชี้ไปยังกลุ่มคนเจ้าเล่ห์ ทุกคนในตระกูลหลินหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ! ทุกคนหันหน้าไปมองเธอ ใบหน้าของผู้อาวุโสหลินสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของซิงเหอที่ทะลวงเข้าไปถึงจิตใจของเขา


 


 


คนอื่นๆ ในตระกูลหลินแสดงสีหน้าไม่ดีเช่นกัน


 


 


ตระกูลเฉินและตระกูลถงตกตะลึง แผนการชั่วช้าของตระกูลหลิน… แผนการอะไรกัน


 


 


“ไร้สาระ!” ผู้อาวุโสหลินทุบโต๊ะและจ้องเขม็งไปยังซิงเหอราวกับจะกลืนกินเธอทั้งเป็น “ช่างเป็นเด็กสาวตัวน้อยที่สามหาวเสียจริง รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา! ถ้าเธอกล้าพูดจาดูหมิ่นอีกครั้งละกัน ฉันจะทำให้เธอได้ตกนรกทั้งเป็นแน่ ต่อให้เธอมีตระกูลสีหนุนหลังฉันก็จะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ! ฉันขอเตือนเธอ ตระกูลสี ถ้าพวกเธอมีใครกล้าต่อกรกับพวกเรา ตระกูลสีของฉันจะสู้จนสุดใจจนถึงนาทีสุดท้าย!”


 


 


ผู้อาวุโสหลินคิดว่าเขาจะสามารถข่มขู่ให้อีกฝ่ายหวาดกลัวได้ด้วยวิธีนี้แต่ซิงเหอและตระกูลสีไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเขาเลย ซิงเหอจะให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรู พวกเขาจะไม่มีวันยอมล่าถอยและจะมีแต่บุกอย่างโหดเ**้ยมยิ่งกว่า!


 


 


“ไม่จำเป็นต้องสู้จนถึงนาทีสุดท้ายหรอก เพราะตระกูลหลินของคุณกำลังจะตายเดี๋ยวนี้” ซิงเหอกล่าวแถลงที่ละคำ “ฉันเชื่อว่าไม่เพียงแค่พวกเราตระกูลสีที่ต้องการให้พวกคุณตาย แต่ตระกูลเฉินเองก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน!”


 


 


ผู้อาวุโสเฉินมึนงง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเฉินของเรา ซิงเหอ เธอกำลังพูดถึงอะไรอยู่กันเนี่ย”


 


 


ซิงเหอหันไปทางผู้อาวุโสเฉินและพูดอย่างเถรตรง “ผู้อาวุโสเฉิน คุณอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่ลูกสาวคนที่สองของคุณไม่ใช่ลูกสาวของคุณ แต่เป็นลูกสาวของตระกูลหลิน เพื่อวัตถุประสงค์ของแผนการชั่วร้ายของพวกเขา ตระกูลหลินสับเปลี่ยนลูกสาวของคุณกับลูกของพวกเขาตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน ดังนั้นลูกสาวที่คุณเลี้ยงดูมาตลอดช่วงเวลาหลายปีนั้นแท้จริงแล้วเป็นลูกสาวคนที่สี่ของตระกูลหลิน”


 


 


“แกโกหก—”


 


 


“ว่าไงนะ!”


 


 


เฉินหรูและผู้อาวุโสเฉินอุทานขึ้นพร้อมกัน นายหญิงเฉินและตระกูลถงต่างอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก


 


 


ตระกูลหลินต่างตกใจ เซี่ยซิงเหอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง


 


 


ถงเยียนตื่นตระหนก นังสวะนี่พูดถึงอะไร


 


 


“เซี่ยซิงเหอ แกกำลังพูดจาไร้สาระ! ถ้าฉันไม่ใช่คนตระกูลเฉินแล้วฉันเป็นใครกัน เซี่ยซิงเหอ มันจะมากเกินไปแล้วนะ กล้ามาพูดจาให้ร้ายชื่อของฉันแบบนี้ได้ยังไง ยาม ลากตัวมันออกไปเดี๋ยวนี้! พี่คะ ให้คนมาจับตัวผู้หญิงคนนี้เร็วเข้า!” เฉินหรูตะโกนโหวกเหวกราวกับคนเสียสติ แต่ไม่มีใครฟังสิ่งที่เธอพูด


 


 


ซิงเหอชำเลืองตามองเฉินหรูและกล่าว “เฉินหรู คุณรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมาสักพักหนึ่งแล้วสินะ เป็นเหตุผลเดียวที่ทำไมอยู่ๆ คุณถึงมีเจตนาที่จะช่วยตระกูลหลินขึ้นมา แต่ฉันต้องบอกว่าฉันไม่คิดว่าคุณจะใช้ลูกสาวตัวเองเพื่อช่วยสถานการณ์นี้ ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกัน ถ้าไม่ใช่เรียกว่ารักร่วมสายเลือด ฉันก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร”


 


 


“แกโกหก! แกกล่าวหาฉัน!” เฉินหรูตัวสั่นเพราะความโกรธและความกลัว “นังสารเลว กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้ ฉันจะฆ่าแก!”


 


 


เฉินหรูพุ่งตัวเข้าใส่ซิงเหออย่างรุนแรง ซิงเหอหลบหลีกออกด้านข้างอย่างง่ายดายทำให้เฉินหรูพลาดและล้มลงไปกองกับพื้น


 


 


“แม่คะ” ถงเยียนรีบเข้าไปช่วยแม่ของเธอก่อนมองไปยังซิงเหอด้วยสายตาเกลียดชังที่รุนแรง “นังชั่ว แกจะต้องชดใชที่ทำกับแม่ฉันแบบนี้!”


 


 


ถงเยียนโกรธมาก ความกลัวที่อยู่ในใจทำให้เธอพุ่งตัวเข้าใส่ซิงเหอเช่นเดียวกับแม่ของเธอ…


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 655 ผลตรวจดีเอ็นเอ


 


 


มู่ไป๋ที่ลุกขึ้นยืนอยู่ก่อนแล้วดึงตัวซิงเหอออกมาและเตะเข้าที่เข่าของถงเยียนเข้าอย่างแม่นยำ ถงเยียนลงไปกองกับพื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด


 


 


“พอได้แล้ว!” ท่านผู้หญิงร้องขึ้นอย่างฉับพลัน เธอมองไปยังเฉินหรูและถงเยียนอย่างโหดเ**้ยม “ที่นี่คือบ้านของท่านประธานาธิบดี ดังนั้นช่วยสำรวมด้วย ถ้าสร้างความวุ่นวายอะไรขึ้นอีกฉันจะจับกุมตัวพวกเธอ!”


 


 


“คุณป้า…” ถงเยียนตาระรื่นไปด้วยน้ำตาเมื่อถูกต่อว่า “นี่ไม่ใช่ความผิดของพวกเรานะคะ เป็นความผิดของเซี่ยซิงเหอ มันใส่ร้ายพวกเราแล้วจะให้พวกเรายืนเฉยไม่ทำอะไรงั้นเหรอคะ คุณป้าต้องช่วยพวกเรานะคะ!”


 


 


“พี่คะ พี่ต้องช่วยฉันจัดการเรื่องนี้เพราะฉันทนถูกสบประมาทแบบนี้ไม่ได้หรอกนะคะ!” เฉินหรูตะโกนด้วยความโกรธ


 


 


ทันใดนั้น ผู้อาวุโสเฉินแหวกตัวออกมาจากกลุ่มคนและจ้องมองไปยังซิงเหออย่างจดจ่อ “ในเมื่อเธอพูดแบบนี้ งั้นหลักฐานอยู่ที่ไหนล่ะ บอกมา ใครเป็นคนสั่งให้เธอพูดเรื่องพวกนี้!”


 


 


เสียงของผู้อาวุโสเฉินสั่นระรัวเช่นเดียวกับร่างกายของเขา ซิงเหอรู้ว่าเป็นเรื่องยากที่เขาจะยอมรับความเรื่องนี้แต่เธอเปิดเรื่องไปแล้ว “ไม่มีใครบอกฉันทั้งนั้น ฉันค้นพบเรื่องนี้ด้วยตัวของฉันเอง และฉันมีผลตรวจดีเอ็นเอว่าเฉินหรูเป็นลูกสาวของผู้อาวุโสหลินจริง”


 


 


อะไรนะ!


 


 


คำให้การของซิงเหอเป็นระเบิดอีกลูกหนึ่ง สีหน้าของตระกูลหลินและเฉินหรูเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ผู้หญิงคนนี้มีผลตรวจดีเอ็นเอ…


 


 


ทันใดนั้นลู่ฉีก้าวจึ้นมาและส่งเอกสารฉบับหนึ่งให้ผู้อาวุโสเฉิน “ผู้อาวุโสเฉินครับ นี่คือผลการตรวจครับ เฉินหรูเป็นลูกสาวของผู้อาวุโสหลินอย่างแน่นอน เราได้ข้อมูลทั้งหมดมาจากธนาคารดีเอ็นเอ”


 


 


สีหน้าของผู้อาวุโสเฉินซีดเผือดเมื่อมองดูผลการรายงานที่อยู่ในมือของลู่ฉี เขาไม่กล้าแม้แต่จะรับมันมา


 


 


สีหน้าของผู้อาวุโสหลินและเฉินหรูเองก็ซีดขาวไม่แพ้กัน พวกเขามองเห็นเรื่องร้ายอยู่ตรงหน้า พวกเขาไม่คาดคิดว่าทุกอย่างจะแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ ตระกูลสีเห็นความผิดปกตินี้ตั้งแต่เมื่อไหร ทำไมพวกเขาถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย


 


 


“ไม่จริง เอกสารนั่นเป็นของปลอม! ฉันไม่ใช่คนตระกูลหลิน ฉันเป็นลูกสาวตระกูลเฉิน! ฉันจะเป็นคนตระกูลหลินได้ยังไงกัน นี่เป็นเรื่องบิดเบือน! คุณพ่ออย่าเชื่อพวกมันนะคะ…” เฉินหรูตะโกนในขณะที่เธอพยายามลุกขึ้นยืนและเตรียมพุ่งตัวเข้าไปแย่งเอกสารฉบับนั้นและฉีกมันเป็นชิ้นๆ


 


 


แต่ในจังหวะที่เธอตั้งใจจะทำเช่นนั้น ผู้อาวุโสเฉินหันมามองเธออย่างฉับพลัน ดวงตาของเขาดำลึงราวหลุมดำ เฉินหรูหยุดนิ่งและแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น


 


 


“คุณพ่อ…” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ “คุณพ่อไม่เชื่อหนูเหรอคะ”


 


 


ผู้อาวุโสเฉินมองเฉินหรูด้วยแววตาที่เจ็บปวดแสนสาหัส เขาถาม “นี่คือเหตุผลที่ลูกช่วยตระกูลหลินมาตลอดงั้นเหรอ บอกพ่อมาตามตรง ลูกรู้เรื่องนี้มานานแค่ไหนแล้ว”


 


 


“ไม่จริง! หนูไม่เคยช่วยพวกเขา หนูไม่… คุณพ่อ คุณพ่อต้องเชื่อหนูนะคะ หนูเป็นลูกสาวของคุณพ่อจริงๆ หนูจะไม่ใช่ลูกของคุณพ่อได้ยังไง” เฉินหรูรีบอธิบายอย่างร้อนรน แต่มันยิ่งทำให้เธอดูน่าสงสัยมากยิ่งขึ้นและเธอไม่เคยเล่นละครตบตาที่ดี!


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสเฉินเป็นคนเลี้ยงดูเธอมากับมือ แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังโกหกอยู่หรือไม่


 


 


เขาจ้องมองเฉินหรูและกล่าว “เสี่ยวหรู บอกพ่อมาตามตรง ลูกรู้ความจริงตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าลูกต้องการจะอธิบายทุกอย่างให้กระจ่าง บางทีพ่ออาจจะยังให้อภัยลูกได้ แต่ถ้าลูกปฏิเสธที่จะยอมรับสารภาพ งั้นลูกก็ไม่ใช่ลูกสาวพ่ออีกต่อไป!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม