ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ 624-630

ตอนที่ 624 ขอบคุณนะเฮีย

 

ตอนนี้หลี่ว์ซู่ปลอมตัวมาเป็นทหารที่ชื่อว่าเค่อจื้อแทนแล้ว ทหารคนอื่นๆ จากทะเลล้วนแล้วแต่แซ่เค่อเหมือนกันหมด แต่หลี่ว์ซู่ไม่รู้เลยว่าเขามีความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ อย่างไร เขายังไม่รู้เลยว่าเค่อจื้อชอบทำงานอดิเรกอะไร ว่ากันตามสถานการณ์แล้วหลี่ว์ซู่เสี่ยงถูกเปิดเผยตัวตนง่ายมากเลยแหละ 


 


 


หัวหน้าทหารชุดเกราะดำเดินเข้ามา “ไปตรวจดูแล้วเป็นยังไงบ้าง” 


 


 


หลี่ว์ซู่หยุดคิดชั่วครู่หนึ่งก่อนตอบ “ยังหาไม่เจอเลยครับ เพิ่งส่งทหารออกไปหากันอีกรอบ” 


 


 


พวกทหารชุดเกราะทองแดงถูกเก็บซากใส่ไว้ในตราแผ่นดินไว้หมดแล้ว แต่เพราะปราสาทหลังนี้ใหญ่มาก เขาเลยสามารถแก้ตัวส่งเดชไปมั่วๆ ได้ 


 


 


ทหารชุดดำพูดกับเขาต่อ “ครั้งนี้ฉันจะให้แกไปทำหน้าที่นี้เพื่อแสดงความสามารถของตัวเอง ถ้าทำออกมาได้ดีละก็ ฉันจะอนุญาตให้แกไปฝึกฝนที่แท่นมังกรสักสามวัน” 


 


 


หลี่ว์ซู่แสร้งทำเป็นดีใจ “ขอบคุณครับท่าน!” 


 


 


ทหารชุดเกราะดำโบกมือ “เอาละๆ อยู่ด้วยกันสองคนไม่ต้องเรียกท่านก็ได้” 


 


 


หลี่ว์ซู่งุนงง จะพูดตามน้ำกันหน่อยไม่ได้เหรอ เค่อจื้อกับทหารชุดดำนี่สนิทกันสินะ 


 


 


หลี่ว์ซู่เงียบไปสองวินาทีเต็มก่อนจะพยายามพูดใหม่อีกรอบ “ขอบคุณนะพี่ชาย” 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อหมิง +666!] 


 


 


พอเห็นแต้มอารมณ์เด้งขึ้นมาแล้ว เขาก็รู้ว่าพูดอะไรผิดไปซะแล้ว เอายังไงดีละ ยอมๆ ให้เรียกท่านไปไม่ได้เหรอ 


 


 


“เอ่อ ขอบคุณนะพี่สาว?” 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อหมิง +666!] 


 


 


“งั้นก็ ขอบคุณนะเฮีย?” 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อหมิง +666!] 


 


 


เค่อหมิงจ้องหลี่ว์ซู่อย่างน่ากลัว สายตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะ “เค่อจื้อ จะบ้าไปแล้วเหรอ ฉันเป็นลุงคนที่สองของแกนะ!” 


 


 


หลี่ว์ซู่พูดเศร้าๆ “ฆ่ามันซะ” 


 


 


เขาอยู่ในร่างใหม่ยังไม่ถึงสิบนาทีเลย นี่แย่กว่าที่เคยปลอมตัวมาอีก… 


 


 


แล้วทรายขาวทะเลลึกก็พุ่งออกมาโอบล้อมร่างของเค่อหมิงเอาไว้ ปิดปากเขาสนิททันที 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อหมิง +1000!] 


 


 


หลี่ว์ซู่เก็บร่างศพของเค่อหมิงไว้ในตราแผ่นดินและสวมรอยเป็นเค่อหมิงแทน เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชอบเจอคนเข้ามาทำให้เสียเรื่องอยู่ตลอด 


 


 


พวกเขาเป็นบ้ากันไปหมดแล้วเหรอ ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่นหน่อยได้ไหม! 


 


 


ตอนนี้หลี่ว์ซู่และแอนโธนี่ร่วมมือกันจัดการ ฉะนั้นหากยังมีระดับ C หนีรอดไปได้ก็คงน่ากลัวแย่แล้ว หลี่ว์ซู่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกว่าปราสาทหลังอื่นๆ เป็นอันตรายต่อตัวเขาเองเลยนอกจากปราสาทหลังใหญ่หลังนั้น 


 


 


หรือเขาจะใช้ร่างเค่อหมิงเก็บกวาดทหารชุดดำพวกนั้นให้เรียบดีนะ 


 


 


หลี่ว์ซู่กะว่าจะเอาเกราะทองแดงให้กับเครือข่ายฟ้าดิน พวกเขาคงจะได้เอาไปใช้ประโยชน์กันดีทีเดียวแหละ เครือข่ายฟ้าดินนั้นมีอุปสรรคมากมายหลายอย่างให้จัดการ ไม่ใช่เพราะไม่มีกำลังคนเพียงพอ แต่เพราะว่าพื้นที่ที่ต้องดูแลทั้งหมดนั้นกว้างเกินไปต่างหาก 


 


 


ถ้าเครือข่ายฟ้าดินมีเกราะทองแดงสักหมื่นชุดอยู่ในมือ อย่างน้อยๆ ก็จะทำให้สมาชิกเครือข่ายฟ้าดินกว่าหมื่นคนนั้นสู้กับศัตรูได้เยอะกว่าเดิม และช่วยให้ปลอดภัยขึ้นด้วย 


 


 


แต่นั่นก็เป็นแค่การคาดเดาของหลี่ว์ซู่เท่านั้นแหละ เขายังไม่ได้ประโยชน์จากเกราะทองแดงด้วยพลังสูงสุดของมันเลย ยกเรื่องนี้ให้เนี่ยถิงเป็นคนคิดก็แล้วกัน 


 


 


แต่จากที่เค่อหมิงพูดเมื่อกี้ก็แสดงว่ายังมีแท่นมังกรอื่นอยู่ในปราสาทหลักอีก แล้วพวกทหารจากทะเลนี่มันคือตัวอะไรกันแน่ ทำไมถึงเอาดวงวิญญาณมังกรมาขังไว้ถึงสองดวงได้ พวกมันยังใช้ประโยชน์ของพลังดวงวิญญาณมังกรเพื่อฝึกต่อไปด้วย 


 


 


หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ เหมือนกับว่าพวกเขาใช้วิธีสกปรกทำอะไรแบบนี้อย่างนั้นละ ตอนนั้นไห่กงจื่อก็เอาเรื่องเผ่าพันธุ์มังกรมากลบความบกพร่องของตัวเองด้วยนี่ จะเกิดอะไรขึ้นนะถ้าเขาลองเรียกไห่กงจื่อออกมาตอนนี้ 


 


 


แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะทำอย่างนั้น หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าของต้องจัดการทหารชุดดำที่เหลือก่อน 


 


 


เขาทำทีเดินให้เหมือนที่เค่อหมิงเดินไปรอบๆ และสำรวจทั่วปราสาทหลัก เว้นนอกปราสาทไว้ เอาล่ะ ตอนนี้ทหารชุดดำที่อยู่ข้างนอกนี้ยังมีอีกเก้าสิบเก้าตน 


 


 


เขาไม่คาดคิดเลยว่าทหารจากทะเลที่ดูน่าเกรงขามเหล่านี้จะถูกควบคุมโดยแท่นมังกร ราวกับเป็นปิศาจเลือดที่ซ่อนอยู่ในโบราณสถานเพื่อหลบหนีจากภัยพิบัติ แต่เขาไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับทหารทะเลเลยน่ะสิ 


 


 


ทันใดนั้นทหารเกราะดำตนหนึ่งก็เข้ามาโค้งคำนับให้หลี่ว์ซู่ “ท่านครับ เราจะเอายังไงกันต่อไปดีครับ” 


 


 


หลี่ว์ซู่เลียนแบบที่เค่อหมิงพูดอย่างใจเย็น “ก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกท่านตอนอยู่กันสองคน” 


 


 


ทหารชุดดำคนนั้นงงไปเลย 


 


 


“ฉันเป็นลุงคนที่สองของแกไง” หลี่ว์ซู่พูดต่อ 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อเจียน +666!] 


 


 


หลี่ว์ซู่เองก็งงเหมือนกัน ก็เห็นนามสกุลเดียวกันนี่ แสดงว่ามาจากครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ เค่อหมิงเป็นถึงหัวหน้า แบบนี้ต้องอายุมากกว่าน่ะสิ แล้วคนอื่นๆ ก็ต้องอายุน้อยกว่าเขาใช่ไหม ถึงอีกคนจะอายุมากกว่าแต่ถ้าเขาพูดอะไรผิดไปก็ไม่ควรจะได้แต้มอารมณ์มามากขนาดนี้สิ 


 


 


เค่อเจียนสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดออกไป “ท่านครับ ผมเป็นลุงคนที่สามของท่านนะ” 


 


 


หลี่ว์ซู่งงมาก ทำไมมันยุ่งยากขนาดนี้เนี่ย แล้วทำไมลุงคนที่สามจะต้องมาฟังคำสั่งของหลานชายด้วย ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว! 


 


 


ขอพักบ้างได้ไหม! แล้วหลี่ว์ซู่ก็เอ่ยอย่างเศร้าๆ อีกรอบ “ฆ่าเขาซะ” 


 


 


แล้วทรายขาวทะเลลึกก็พุ่งผ่านไป 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากเค่อเจียน +1000!] 


 


 


จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็เผชิญหน้ากับทหารเกราะดำกว่าอีกสามสิบตน เขารู้สึกสับสนกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของทหารใต้ทะเลพวกนี้จริงๆ เขาพยายามชี้ถามคนอื่นๆ เพื่อหาคำตอบ พ่อของลุงแกชื่ออะไรนะ แล้วชื่อของพ่อของป้าคนที่สองล่ะ… 


 


 


“นี่ไม่งงกันได้ยังไงเนี่ย” หลี่ว์ซู่พูดไม่ออกเลย 


 


 


แต่ศพมันพูดตอบด้วยไม่ได้เนี่ยสิ หลี่ว์ซู่ค่อยๆ เอาศพทหารชุดดำใส่เข้าไปในตราแผ่นดินเงียบๆ เดี๋ยวค่อยถอดเอาเกราะออกมาตอนมีเวลาแล้วกัน 


 


 


หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขายังให้อาหารเจ้าโกลาหลด้วยเกราะสีดำไม่ได้ เพราะหอกสามง่ามกว่าพันอันนั้นน่าจะพอให้มันกินอิ่มไปสักพักหนึ่ง เขาต้องตรวจดูก่อนว่าเกราะสีดำนี่มีค่ามากแค่ไหน มันอาจจะพอมีประโยชน์ในอนาคตก็ได้ 


 


 


หลี่ว์ซู่ที่ยังปลอมตัวเป็นเค่อหมิงอยู่เดินไปรอบๆ เขาเดินกลับไปที่แท่นมังกรแล้วเก็บเอาเกราะทองแดงที่พื้นใส่ตราแผ่นดินด้วย 


 


 


ตอนนี้ก็คงมีทหารชุดดำอีกประมาณหกสิบตนที่เหลืออยู่ และพวกมันกำลังเฝ้ายามกันที่ปราสาทหลัก พวกนี้มีพลังระดับ C ด้วยความสามารถของแอนโธนี่แล้ว มันยังไม่สามารถฆ่าทหารพวกนี้ได้ในคราวเดียว แถมกระบี่บินของเขายังฟื้นฟูไม่เสร็จเสียด้วยสิ 


 


 


ตอนนี้จำนวนของทหารใต้ทะเลก็ลดลงไปมากแล้ว เขาปกปิดเรื่องนี้ด้วยการโกหกอย่างเดียวไม่ได้หรอก เขาต้องเดินหน้าต่อ 


 


 


เขาเดินไปที่ประตูของปราสาทหลักแล้วตะโกนใส่ทหารชุดดำที่เฝ้ายามอยู่อย่างโหดเ**้ยม “ทุกคน ตามฉันไปฆ่าไอ้มนุษย์นั่น! สั่งสอนให้มันรู้หน่อยว่ามันเข้ามาในปราสาทแล้วจะเจออะไร!” 


 


 


ทหารชุดดำคนหนึ่งพูดออกมาเบาๆ “ท่านครับ แล้วใครจะเป็นคนปกป้องพระราชากันละครับ พระองค์ยังอาการไม่ดีขึ้นเลย แล้วถ้าเกิดไอ้มนุษย์นั่นมันเข้าไปในปราสาทได้ล่ะครับ” 


 


 


หลี่ว์ซู่พูดเสียงเรียบ “ตัดหัวมันทิ้งซะ” 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากเค่ออวิ้น +1000!] 


 


 


ทหารเข้าใจทันทีเลยว่าหัวหน้าของพวกมันอยากให้ทำอะไร หลี่ว์ซู่ยังจำได้ว่าการทำโทษของคนที่นี่นั้นเป็นธรรมเนียมปกติของที่นี่  

 

 


ตอนที่ 625 หมวกเกราะสีดำ

 

ทหารชุดเกราะดำค่อยๆ ถอดหมวกออก แล้วทหารที่อยู่ข้างๆ เค่ออวิ้นก็รู้ว่าเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงบททำโทษนี้ได้เลย แต่พวกเขาไม่เห็นใจเขาหรอก เพราะในขณะที่องค์ราชากำลังฟื้นฟูร่างกายอยู่นั้น คำสั่งของเค่อหมิงถือเป็นคำขาด การที่เขาภักดีต่อองค์ราชาก็แปลว่าเขาจะไม่ขัดขืนคำสั่งของเค่อหมิง 


 


 


หลี่ว์ซู่เอ่ยอย่างน่ากลัว “คิดหรือว่าราชาของเราจะกลัวมนุษย์ชั้นต่ำแบบนั้น” 


 


 


“ไม่ครับท่าน ผมสำนึกผิดแล้ว” เค่ออวิ้นค้อมหัวลงต่ำ 


 


 


“เงยหน้าขึ้นมาได้” หลี่ว์ซู่อินกับบทหนักเลย… 


 


 


พอหลี่ว์ซู่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในปราสาทที่มีพลังเหนือมนุษย์นั้นกำลังฟื้นฟูร่างกายอยู่ เขาก็ใจชื้นขึ้นมา… 


 


 


ทหารเกราะดำตนอื่นๆ ไม่กล้าที่ชำเลืองมองไปเลย ทุกคนคิดว่าการตบหน้ากันก็เพียงพอแล้ว อย่าให้ถึงขึ้นเฆี่ยนตีกันเลย แต่แล้ว… 


 


 


ฉึบ! เค่ออวิ้นสิ้นใจตายในทันที… 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากเค่ออวิ้น +1000!] 


 


 


ทหารชุดดำที่เหลือก็พูดไม่ออก 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จาก…] 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จาก…] 


 


 


หลี่ว์ซู่ได้รับแต้มอารมณ์มาระลอกใหญ่ พวกทหารในชุดดำนั้นอึ้งกิมกี่กันไปเลย พวกเขามองร่างของเค่ออวิ้นที่กองอยู่บนพื้นอย่างหวาดกลัว ทำไมต้องทำโทษกันหนักขนาดนี้ด้วย หัวหน้าคงโกรธเลือดขึ้นหน้ามากแน่ๆ! พวกทหารเงียบกันเพราะตกอยู่ในความกลัว ไม่มีใครกล้าปริปากสักคน! 


 


 


หลี่ว์ซู่นั้นแปลกใจกับระบบลำดับขั้นของที่นี่มาก เขาอยากใช้โอกาสที่ไม่มีใครกล้าต่อต้านเขาเลยนี้สังหารทหารทะเลเพิ่ม 


 


 


สถานการณ์ตอนนี้ราวกับหลี่ว์ซู่นั้นกำลังเดินอยู่บนเส้นลวดที่ขึงห่างจากพื้นไปพันเมตร ถ้าเขาทำพลาดนิดเดียวก็คือตกลงมาตายแน่ๆ 


 


 


หากเป็นคนธรรมดาก็คงระมัดระวังตัวกัน แต่หลี่ว์ซู่ไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาทั้งม้วนหน้าม้วนหลัง เดินหน้า แล้วก็ถอยหลัง กว่าจะกล้าได้กล้าเสียขนาดนี้ก็ต้องเริ่มจากพัฒนาฝีมือให้เก่งกาจเสียก่อน… 


 


 


“ฉันจะเอาศพเขาทิ้งไว้ตรงนี้เป็นเครื่องเตือนใจทุกคน ยังมีใครกล้าหือกับฉันอีกไหม” หลี่ว์ซู่ทำเข้ม หน้าตาดุดันมาก 


 


 


เขากลัวว่าจะเสียศพไป เพราะเขาไม่สามารถปลอมตัวเป็นคนอื่นได้และเอาเกราะสีดำของพวกมันมา 


 


 


หลี่ว์ซู่หยุดคิดครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้น “พอลองคิดๆ ดู ที่เค่ออวิ้นพูดมาก็มีเหตุผลเหมือนกัน ฝ่าบาทต้องการการปกป้อง แก แก แก แล้วก็แก” หลี่ว์ซู่ชี้ไปที่ทหารชุดดำจำนวนหนึ่ง “พวกแกสิบคนตามฉันไปฆ่ามนุษย์คนนั้น!” 


 


 


กลุ่มทหารเกราะดำอึ้งไป งั้นแบบนี้เค่ออวิ้นตายฟรีงั้นเหรอ ทำไมไม่ลองคิดดูให้ดีๆ ก่อนจะโจมตีออกไปบ้างล่ะ ถ้าสิ่งที่เขาพูดมันถูกต้องแล้วก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าเขาตั้งแต่แรก… 


 


 


แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมากันสักคน 


 


 


ก่อนเค่อหมิงจะถูกหลี่ว์ซู่ฆ่าทิ้งนั้น เขาเคยเป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ก็ไม่เคยสั่งฆ่าใครจรองๆ มาก่อน พวกเขารู้ว่าปราสาทแห่งนี้มีมนุษย์แทรกซึมเข้ามาได้ แต่พวกเขาก็เข้าใจการกระทำของเค่อหมิงเหมือนกัน 


 


 


ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ตอนนี้มาคิดดีกว่าว่าจะไม่ไปกวนโมโหเค่อหมิงอย่างไร 


 


 


หลี่ว์ซู่ใช้เรื่องการฆ่ามนุษย์มาเป็นข้ออ้างเพื่อล่อทหารสิบตนให้ออกมา ตอนแรกเขากะว่าจะเอาทหารทั้งหกสิบสองตนออกไปที่เกาะเพื่อให้เฉินไป่หลี่ช่วยฆ่า แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินค่อยๆ เอาทหารออกมาฆ่าทีละกลุ่มแทน ถ้าทำแบบนี้แอนโธนี่จะได้ช่วยเขาได้ และไม่ต้องรบกวนเฉินไป่หลี่ 


 


 


ตอนที่พวกทหารกำลังว่ายขึ้นมาจากคูน้ำอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งถามขึ้น 


 


 


“ท่านครับ ท่านไม่สบายหรือเปล่าครับ ท่าเดินของท่านแปลกไปเล็กน้อย…” 


 


 


“ฆ่ามัน” หลี่ว์ซู่พึมพำ 


 


 


ทหารชุดดำพูดไม่ออก 


 


 


แต่ทรายขาวทะเลลึกกลับไม่ปรากฏออกมา หลี่ว์ซู่ก็เลยหัวเราะเก้อๆ “ฮ่าๆ ล้อเล่นเฉยๆ น่ะ” 


 


 


แล้วทำไมต้องมาเป็นอะไรตอนที่สำคัญด้วยเนี่ย 


 


 


“ท่านครับ” ทหารคนหนึ่งถาม “เมื่อกี้ท่านพูดอยู่กับใครนะครับ” 


 


 


หลี่ว์ซู่พยายามจะรักษาตัวตนที่ปลอมมาให้ได้มากที่สุด “ก็ไม่ใช่เรื่องของแกนี่ว่าฉันพูดอะไรไปกับใคร” 


 


 


“ระวังนะ! มันไม่ใช่นายของเรา!” แล้วอยู่ๆ ก็มีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา 


 


 


ทหารชุดดำแตกกระเจิงกันออกไป พวกมันชักดาบกันออกมาหมดเลย! หลี่ว์ซู่เพิ่งเห็นว่ารัศมีสีดำที่พวกทหารปล่อยออกมานั้นเชื่อมต่อกัน เหมือนกับครั้งแรกที่เห็นทหารจากทะเลไม่มีผิด ตอนนั้นเขายังประเมินฝีมือของมันไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเจ้าพวกนี้แข็งแกร่งขนาดไหน 


 


 


แต่เกราะสีดำนี่แปลกๆ แฮะ หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ว่าเกราะบนตัวเขาตอบสนองกลับ ทว่าเกราะบนตัวทหารตนอื่นกลับแผ่รัศมีตีโต้กลับมา 


 


 


หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจ หรือจะเป็นเพราะเกราะนี้นะ 


 


 


เขาเจอของดีเข้าให้แล้ว! 


 


 


“พวกแกกล้าขัดขืนคำสั่งฉันเหรอ!” หลี่ว์ซู่ยังคงทำเนียนต่อไป… 


 


 


แล้วทรายขาวทะเลลึกก็มาถึงเสียที มันทำเหมือนกับที่เคยทำมา คือรวบรวมเม็ดของทรายขาวทะเลลึกพื่อเปลี่ยนให้เป็นกระสุน! 


 


 


แต่พวกทหารชุดดำเตรียมตัวไว้แล้ว พวกมันเอาโล่ขึ้นมาป้องกัน ทรายขาวทะเลลึกลยจำเป็นต้องยิงโดนโล่ไปด้วยการเพิ่มกำลังเพื่อที่จะทำให้ทหารพวกนั้นบาดเจ็บ 


 


 


ทรายขาวทะเลลึกโจมตีต่อไปแต่ทหารทั้งสิบนั้นกลับปล่อยลูกบอลแสงสีน้ำเงินอ่อนออกมาปัดป้องทรายทิ้งไป หลี่ว์ซู่ประหลาดใจ เจ้าพวกนี้ใช้พลังจากเกราะมาป้องกันตัวเองได้ด้วยเหรอ 


 


 


หลี่ว์ซู่ตะโกน “ค่อยๆ เล็งเป้าหมายไปทีละคน!” ซือโก่วและฝูฉื่อก็โจมตีลูกสีน้ำเงินนั้นตอบ ทรายขาวทะเลลึกเลยเล็งโจมตีไปที่เดียวกัน 


 


 


แต่การป้องกันของพวกมันแน่นหนามา หลี่ว์ซู่ไม่เคยเห็นการป้องกันใดที่สามารถตั้งรับซือโก่วและฝูฉื่อได้มาก่อน! 


 


 


แต่อย่างไรก็ตามระดับ C ขั้นกลางและระดับ B นั้นแตกต่างกันเกินไป ลูกบอลแสงสีน้ำเงินนั้นแตกกระจายไปเหมือนกับแก้วหลังจากที่ปล่อยออกมาได้แค่สิบวินาทีเท่านั้น แล้วพวกทหารก็ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้อีก ก่อนจะค่อยๆ ตายไปข้างคูน้ำ 


 


 


“อืม ตายกันหมดแล้ว” หลี่ว์ซู่ผงกหัวด้วยความพอใจ เขาป้องกันไม่ให้โดนเปิดเผยตัวได้ แต่การทำแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกเท่าไหร่ ถึงอย่างไรตัวตนของเขาตอนนี้ก็ยังพอมั่นคงอยู่ 


 


 


หลี่ว์ซู่มองเกราะสีดำบนตัวเขา ขนาดมีแค่สิบชุดยังสร้างพลังที่หลอมรวมกันออกมาได้ขนาดนี้ แล้วถ้ามีร้อยชุดล่ะ 


 


 


หากต้องปะทะกับระดับ C ที่มีพลังพอๆ กันแล้ว พวกระดับ C พวกนั้นก็คงจะแพ้ราบคาบไปในไม่กี่วินาทีเท่านั้น 


 


 


หลี่ว์ซู่คิดไปถึงตอนที่ทหารจากทะเลในชุดเกราะสีทองแดงถอยทัพกลับไป ตอนแรกหลี่ว์ซู่คิดว่ามันน่าจะกลัวกลุ่มระลอกทองแดง แต่พอคิดอีกครั้งแล้วมันน่าจะกลัวว่าระลอกทองแดงทำมันเสียเวลาบนเกาะมากกว่า ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่มันกลัวที่สุดคือเฉินไป่หลี่ที่อยู่บนเกาะต่างหาก 


 


 


หลี่ว์ซู่ตื่นเต้นมาก เขาอยากลองสัมผัสเกราะสีดำพวกนี้จะแย่แล้ว 


 


 


เขาเดินทางกลับไปที่ปราสาท แล้วแอนโธนี่ก็โผล่ขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เขาถึงกับถือปลาสีเงินหนึ่งตัวไว้ในมือแล้วยื่นให้หลี่ว์ซู่ และเอาทรายขาวทะเลลึกขียนไว้ด้านหลังว่า ‘เอานี่เก็บไว้ในที่เก็บของล่องหนสิ’ 


 


 


หลี่ว์ซู่เงียบไปก่อนตอบกลับ “เธอควบคุมแอนโธนี่ให้ไปจับปลาอยู่งั้นสินะ” 


 


 


“ใช่เลย! แล้วปลานี่ก็อร่อยมากด้วยนะ!” 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากหลี่ว์ซู่ +666!]  

 

 


ตอนที่ 626 ปลาเล็กสีขาว

 

ตอนที่ 626 ปลาเล็กสีขาว 


 


 


หลี่ว์ซู่มองไปที่แอนโธนี่ที่กำลังหัวเราะเขินๆ อย่างเฉยเมย ออกไปจับปลาตอนกำลังมีอันตรายเนี่ยนะ อีกอย่าง ปลานี่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย ขนาดของมันใหญ่ประมาณฝ่ามือของเขาเท่านั้น นอกจากนี้เขาก็สัมผัสพลังที่ปล่อยออกมาไม่ได้เลยสักอย่าง โบราณสถานที่นี่แปลกชะมัด 


 


 


หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับผลไม้สี่ผลที่เขาเด็ดมาในตอนแรก แล้วหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ไปจับปลาต่อซะงั้น… 


 


 


นี่ผิดปกติอยู่นะ เขางงมาก ตั้งแต่มาถึงที่นี่เขายังไม่เห็นว่าจะมีสิ่งมีชีวิตเลย งั้นปลานี่ก็ต้องพิเศษสิ 


 


 


เขาจับหางของปลาแล้วเขย่าๆ แต่ก็ไม่มีปฏิกิรยาอะไรตอบกลับมาเลย เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย “ปลานี่อะไรน่ะ ตายแล้วหรือยัง” 


 


 


แล้วทรายขาวทะเลลึกก็เขียนตอบอยู่ข้างหลัง “ไม่รู้สิ ตอนเห็นครั้งแรกก็เป็นแบบนี้แล้ว เห็นว่าน่าอร่อยดีเลยจับมา” 


 


 


หลี่ว์ซู่คิดหนัก เขาคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะคิดมากเรื่องปลา เขาเลยเก็บมันใส่ไปในตราแผ่นดิน 


 


 


ในขณะที่เขากำลังเก็บเข้าไปอยู่นั้น จู่ๆ เจ้าโกลาหลก็ตื่นขึ้นมาแล้วกลืนปลาตัวนั้นเข้าไป… 


 


 


หลี่ว์ซู่อารมณ์เสียเลย คายออกมานะ! เสี่ยวอวี๋ยังไม่ได้กินมันเลยแล้วแกจะกินได้ยังไง ทีนี้ฉันจะบอกเธอยังไงดีล่ะเนี่ย 


 


 


ทันใดนั้นโกลาหลก็ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด หลี่ว์ซู่มองดูมันที่โตขึ้นมากว่าสิบเมตรจากปกติสองเมตร ผิวหนังของมันขยายออกเรื่อยๆ และสมานเข้าด้วยกันแล้ว 


 


 


ราวกับว่าปลานั้นจะรู้สึกตัวขึ้นมาและดิ้นรนอยู่ในท้องของเจ้าโกลาหล แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถพาตัวมันออกมาได้ 


 


 


จากนั้นโกลาหลก็หลับไปอีกครั้ง หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่ามันเป็นลมไปเพราะความเจ็บปวดหรือว่ามันต้องย่อยแท่นมังกรและปลาสีเงินนั้นจนต้องหลับไปกันแน่ 


 


 


หลี่ว์ซู่ตกใจมาก ปลาเล็กๆ แบบนั้นจะส่งผลกระทบอะไรขนาดนี้ได้ยังไงกัน ถ้าเขาไปหาปลานี่มาอีกแล้วเอาให้เจ้าโกลาหล มันจะกลายเป็นมังกรได้หรือเปล่า มังกรดำที่ยาวสิบเมตร! จะน่าประทับใจขนาดไหนเนี่ย! 


 


 


เขาทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วถามออกไป “เมื่อกี้ไปเอาปลาสีเงินมาจากไหนน่ะ มีอีกไหม” 


 


 


ทรายขาวทะเลลึกเขียนตอบอยู่ข้างหลัง “จะขโมยปลาสีเงินตัวจิ๋วของฉันเหรอ” 


 


 


หลี่ว์ซู่รู้สึกเก้ๆ กังๆ “ฮ่าๆ ไม่หรอกน่า” 


 


 


พอเขากลับไปแล้ว เขาจะไปหาซื้อปลาที่คล้ายกันแบบนี้ จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นมาอีกแน่ๆ … 


 


 


เขารีบกลับไปและพบว่ามีทหารชุดดำอีกห้าสิบสองตนกำลังรออยู่ หลี่ว์ซู่กำลังคิดว่าจะพูดอะไรกับทหารเพื่อแยกพวกมันออกมาอีกกลุ่มดี เขาควรพูดไปไหมนะว่าถูกซุ่มโจมตีจากในทะเล 


 


 


แต่ก็ฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ ถ้าจะพูดแบบนั้นก็ต้องมีร่องรอยอาการบาดเจ็บหน่อยใช่ไหมล่ะ 


 


 


หลี่ว์ซู่เลยป้ายเลือดบนหน้าและบนเกราะสีดำ จากนั้นเขาก็กลับไปอีกรอบ เขาไปถึงที่ประตูปราสาทหลักแล้วตะโกน “พวกเราถูกมนุษย์ซุ่มโจมตี! พวกแกอีกสิบตนตามฉันมา ไปช่วยกันหน่อย!” 


 


 


แล้วทหารชุดดำอีกสิบตนก็ตามหลี่ว์ซู่ไป หลี่ว์ซู่พาพวกเขาไปโจมตีระยะไกล พวกทหารชุดดำไม่รู้เลยว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมหัวหน้าไม่พูดอะไรสักคำเลยนะ 


 


 


พอพวกเขาไปถึงที่คูน้ำ หลี่ว์ซู่ก็แสร้งทำเป็นมองไปรอบๆ “แปลกจริง ตอนแรกก็โดนซุ่มโจมตีที่นี่นะ แล้วทุกคนหายไปไหนแล้วล่ะ” 


 


 


ใครบางคนถามขึ้นมา “ท่านครับ พวกเขาตายกันหมดแล้วเหรอ” 


 


 


“ทำไมพูดจาอัปมงคลแบบนั้น! ชิชะ!” 


 


 


“…ชิชะ” 


 


 


[ได้รับแต้มอารมณ์จากเค่อเจียน +666!] 


 


 


[ได้รับแต้มอารมณ์จาก…] 


 


 


ในตอนที่เสี่ยวอวี๋ควบคุมแอนโธนี่ออกไปโจมตีออกไปอย่างลับๆ หลี่ว์ซู่ก็ออกคำสั่ง 


 


 


หลังจากต่อสู้กับทหารชุดดำไปสิบตนเมื่อกี้ หลี่ว์ซู่และเสี่ยวอวี๋ก็รู้ว่าจะให้พวกมันร่วมมือกันต่อสู้ไม่ได้ ต้องรีบฆ่ามันก่อนที่พวกมันจะร่วมมือกัน ทำอย่างนี้เรื่องจะได้ง่ายขึ้น 


 


 


กลุ่มทหารในเกราะสีดำเจอทรายขาวทะเลลึกโจมตีเข้าไปก็คิดว่ามนุษย์มาซุ่มโมตีพวกมัน แต่หลี่ว์ซู่ก็เคลื่อนไหวออกไปในเวลาเดียวกัน พวกมันกำลังตั้งรับการโจมตีจากทรายขาวทะเลลึกอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะถูกหลี่ว์ซู่โจมตี! 


 


 


ซือโก่วและฝูฉื่อเลยได้โจมตีเข้าไปง่ายๆ เลย! 


 


 


หลี่ว์ซู่ได้เกราะสีดำเพิ่มมาอีกสิบเกราะแล้ว เขาไม่สามารถใช้ข้อก้ตัวเดิมๆ ที่เพิ่งใช้ไปได้ แล้วตอนนี้เขาจะพูดอะไรดีล่ะ 


 


 


แต่แล้วหลี่ว์ซู่ก็พบว่ามีน้ำวนที่ก่อตัวพวยพุ่งขึ้นมา หลี่ว์ซู่หันไปเจอกับคลื่นพลังงานสองคลื่นที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คลื่นพลังงานแบบนี้มาจากระดับ A แน่ๆ! 


 


 


หรือเนี่ยถิงจะมาที่โบราณสถานนี้ด้วยนะ 


 


 


ถ้าไม่ใช่ ในโบราณสถานแห่งนี้ก็มีแค่เฉินไป่หลี่แล้วที่มีพลังอยู่ในระดับ A! 


 


 


แล้วในพริบตาเดียวก็มีร่างของสองคนพุ่งเข้ามา หลี่ว์ซู่รีบหันกลับแล้วกระโดดเข้าไปในคูน้ำ เขาใช้ความสามารถพลังน้ำของเขาเป็นแรงขับเคลื่อนในปราสาทแห่งนี้ 


 


 


เขาเร่งความเร็วเหมือนตอร์ปิโดที่ถูกยิงมาจากเรือดำน้ำและตะโกนมาจากเหนือปราสาท “ศัตรูบุก!” 


 


 


แล้วเขามาที่นี่ทำไมเนี่ย หลี่ว์ซู่เริ่มไม่สบายใจแล้ว เขายังจำการต่อสู้ระหว่างหลี่เสียนอีและปรมาจารย์หุ่นเชิดได้อยู่เลย คนคนนี้ไม่ใช่คนที่หลี่ว์ซู่จะสู้ด้วยได้ 


 


 


เฉินไป่หลี่ตามปรมาจารย์หุ่นเชิดมาติดๆ หลี่ว์ซู่คิดว่าทั้งสองคนน่าจะปะทะกันมาตั้งแต่อยู่บนบกแล้ว แต่แล้วพวกเขาก็ลงมาสู้กันต่อในน้ำ 


 


 


หลี่ว์ซู่คิดไปอีกว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นเตรียมตัวมาอย่างดี เหมือนกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่ามีอะไรบางอย่างในโบราณสถานแห่งนี้ เขาตั้งใจแน่วแน่เลย 


 


 


ปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นใส่เสื้อคลุมสีดำและลอยขึ้นไปเหนือปราสาทคริสตัล มีหุ่นเกราะเหล็กยืนอยู่เคียงข้างเขา หลี่ว์ซู่มองขึ้นไป หมวกฮู้ดของเสื้อคลุมนั้นเปนสีดำสนิท หลี่ว์ซู่มองไม่เห็นหน้าของปรมาจารย์หุ่นเชิดเลย และหุ่นเกราะเหล็กนั้นก็ถูกครอบไปด้วยเกราะเหล็กอีกที 


 


 


การเคลื่อนไหวของพวกมันนั้นราบเรียบเหมือนกับอยู่บนบก นี่คงเป็นการทำงานของอุปกรณ์ป้องกัน 


 


 


แล้วปรมาจารย์หุ่นเชิดก็เดินเข้าไปในปราสาทคริสตัล เขาหัวเราะออกมาอย่างเศร้าๆ “นี่ไม่ใช่การโจมตีของศัตรูหรอก ไปบอกปลาเล็กสีขาวออกให้มาต้อนรับแขกหน่อย ไปบอกพวกมันว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดมาถึงแล้ว” 


 


 


หลี่ว์ซู่อึ้ง 


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากหลี่ว์ซู่ +666!] 


 


 


เขาตกใจมาก และเขาอยากถามหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้ไปขโมยราชาของพวกทหารเกราะสีดำตอนเขาหลับไปหรือเปล่า 


 


 


หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จับปลาสีเงินมาได้ แต่ปรมาจารย์หุ่นเชิดกลับบอกให้เรียกปลาเล็กสีขาวออกมาทักทายอีก… 


 


 


เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญแน่ๆ ราวกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับสัตว์ในตำนานกว่าพันๆ เรื่องกำลังพูดกับเขาว่า ‘นี่เพื่อน นายอาจจะไม่เชื่อเรื่องนี้ก็ได้นะ แต่ปลาเล็กสีขาวที่หาอยู่น่ะมันหายไปแล้วล่ะ…’ 


 


 


“ปรมาจารย์หุ่นเชิด รอก่อน” หลี่ว์ซู่หันและรีบไปที่ปราสาท เขาอยากพิสูจน์ให้แน่ใจว่าปลาสีเงินที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จับมาไม่ใช่ราชาของทหารพวกนี้ใช่ไหม และเขาก็มีเหตุผลที่จะเข้าไปด้วยใช่ไหมล่ะ  

 

 


ตอนที่ 627 ใครก็ตามที่อยู่ใต้บัลลังก์...

 

หลังจากที่หลี่ว์ซู่เข้าไปแล้วเขาก็เห็นว่ามีแท่นบางอย่างที่ดูเหมือนแท่นมังกร แต่ว่าขนาดใหญ่กว่ามาก 


 


 


แต่ที่หลี่ว์ซู่ตกใจก็คือไม่มีอะไรอยู่บนแท่นสีเขียวหยกนั่นเลย เห็นได้ชัดเลยว่าไม่มีอะไรอยู่บนนั้น หลี่ว์ซู่เอ่ยถามเสียงต่ำ “นี่ เอาปลาสีเงินตัวเล็กๆ จากที่นี่ไปหรือเปล่า…” 


 


 


ทรายขาวทะเลลึกโผล่ขึ้นมาจากบนพื้นแล้วตอบ “ใช่ เห็นว่ามันวางอยู่บนแท่น ไม่รู้ว่าใครเอามาไว้” 


 


 


หลี่ว์ซู่อึ้งไป 


 


 


เขาไม่ได้ให้แต้มอารมณ์อะไรหรอกนะ ทำได้แค่ชื่นชมว่าเสี่ยวอวี๋โชคดีอะไรแบบนี้ เธอจัดการสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโบราณสถานนี้ได้แบบงงๆ … 


 


 


แต่ที่ฟังดูจากเสียงของปรมาจารย์หุ่นเชิดแล้วนั้น ปลาเล็กสีขาวนี่ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นหรอก แต่ตอนที่ปรมาจารย์หุ่นเชิดคุยกับปีศาจเลือดระดับ A นั้นก็ไม่ได้ทำน้ำเสียงประหลาดใจอะไร เสียงแบบนั้นจะได้ยินก็ตอนที่คุยกับปิศาจเลือดระดับ B เท่านั้น 


 


 


หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าดวงตาแห่งค่ายกลนั้นอาจจะเป็นแท่นมังกรก็ได้เพราะในปราสาทนี้ดูโล่งแปลกๆ แต่เขาก็ไม่ได้จับต้องมันและปิดโบราณสถานไปทันที เขาวิ่งออกไปแล้วโบกมือไปที่ปรมาจารย์หุ่นเชิด “นี่เป็นคำสั่งจากราชา! โจมตีมันเดี๋ยวนี้!” 


 


 


เฉินไป่หลี่ถลาตัวพุ่งมา บอกตามตรงแล้วเขาไม่ได้ประหลาดใจอะไรเลย เขาคิดอยู่แล้วว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นคุ้นเคยกับสิ่งมีชีวิตในโบราณสถานนี้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้ยินเสียงปรมาจารย์หุ่นเชิดดังมาจากที่ไกลๆ ด้วย เฉินไป่หลี่คิดว่าเขาจะมาเตือนพวกสิ่งมีชีวิตในโบราณสถานเสียอีก แต่กลายเป็นว่าพวกมันขัดแย้งกันเองเหรอเนี่ย ดูไม่สมเหตุสมผลเลย… 


 


 


หลี่ว์ซู่ไม่ได้ปิดโบราณสถานเพราะว่าเขาอยากลองประมือกับปรมาจารย์หุ่นเชิดในนี้ดูเสียหน่อย เพราะถ้าปิดไปตอนนี้ ทั้งปรมาจารย์หุ่นเชิดและเฉินไป่หลี่คงได้ไปสู้กันข้างนอก และจะทำให้นักเรียนคนอื่นๆ บาดเจ็บไปหมด เพราะนักเรียนห้องเต้าหยวนก็จะอยู่ที่นั่นกัน 


 


 


พอหลี่ว์ซู่พูดจบ พวกทหารเกราะสีดำก็มารวมกันแล้วลอยขึ้นในน้ำ แล้วปรมาจารย์หุ่นเชิดก็หัวเราะเสียงเย็น “พวกแกจะตายกันหมด ไอ้ปลานั่นมันทรยศเกียรติของนายท่านแล้วสินะ รอนายท่านกลับมาก่อนเถอะ ใครก็ตามที่อยู่ใต้บัลลังก์ก็เป็นขี้ข้าหมดนั่นแหละ! ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดกันหมด!” 


 


 


หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจเลย ใครเป็นนายของปรมาจารย์หุ่นเชิดกัน แม้แต่ปรมาจารย์หุ่นเชิดที่เป็นระดับ A เองก็ยังเป็นขี้ข้าเขาด้วยงั้นเหรอ 


 


 


แต่ปรมาจารย์หุ่นเชิดดูจะจงรักภักดีมากทีเดียว ทั้งชีวิตเขาดูจะรับใช้เจ้านายคนนี้มาตลอด ทันใดนั้นหุ่นเหล็กก็พุ่งเข้าโจมตีทหารเกราะสีดำ 


 


 


มันปล่อยหมัดออกไปทำให้เกิดระลอกคลื่นพลังที่ขบวนตั้งรับของทหารพวกนั้น เกิดรอยบุ๋มยุบเข้าไปข้างในเลย 


 


 


แต่คนคนหนึ่งก็สามารถตายเพราะมดหลายๆ ตัวกัดได้เหมือนกัน การโจมตีที่ผสมเข้าด้วยกันของทหารระดับ C กว่า ห้าสิบสองตนนั้นเกินกว่าที่หุ่นเหล็กจะรับไหว 


 


 


หลี่ว์ซู่โชคดีไปนะเนี่ย ดีนะที่เขายังไม่ได้กำจัดพวกทหารชุดดำออกไปหมด ไม่อย่างนั้นล่ะแย่แน่ๆ 


 


 


แล้วเสื้อคลุมของปรมาจารย์หุ่นเชิดก็พันกันไปมั่วกับเสื้อคลุมของเฉินไป่หลี่ ในขณะที่ระดับ A ทั้งสองคนสู้กันอยู่นั้น น้ำที่ก่อตัวบนปราสาทคริสตัลก็หมุนวนเป็นฟอง ดาบบินสีเขียยของเฉินไป่หลี่นั้นได้หมุนวนรอบๆ ปรมาจารย์หุ่นเชิดเพื่อรอโอกาสโจมตี หางม้าที่อยู่ในมือเขานั้นเข้าไปอยู่ในน้ำวนนั้นและเขาก็เข้าโจมตีปรมาจารย์หุ่นเชิด 


 


 


แล้วทันใดนั้นก็มีหุ่นไม้กว่าสิบตัวลอยออกมาจากเสื้อคลุมของปรมาจารย์หุ่นเชิด มันพุ่งไปที่เฉินไป่หลี่ 


 


 


ข้อต่อของหุ่นไม้นั้นติดต่อกัน เหมือนกับหุ่นไม้ในละครเชิด พวกมันดูเหมือนจะไม่มีพลังทำลายล้างมากเท่าไหร่ 


 


 


แต่ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็ต้องตกใจ เพราะมีด้ายสีแดงโผล่มาจากแขนของหุ่นไม้และพุ่งตรงไปที่เฉินไป่หลี่ มันพุ่งออกไปเร็วมากขนาดที่ว่าต่อให้เป็นหลี่ว์ซู่ก็ยังหลบไม่ได้! 


 


 


ด้ายแดงนั้นบางมาก ทว่าเฉินไป่หลี่ก็หลบได้ หลี่ว์ซู่เห็นว่าเสื้อคลุมเต๋าของเฉินไป่หลี่นั้นเป็นรูโหว่ไปทั่ว ด้ายแดงจากหุ่นนั้นคมมากจริงๆ! 


 


 


แล้วหุ่นพวกนั้นก็หัวเราะออกมาขณะที่พุ่งไปหาเฉินไป่หลี่อีก มันล้อมรอบตัวเขาและปล่อยด้ายออกมา หุ่นพวกนั้นเหยียดแขนออกมาและจับด้ายสีแดงจากหุ่นตัวอื่นเพื่อสร้างกับดักจับเฉินไป่หลี่! 


 


 


แต่ดาบบินสีเขียวของเฉินไป่หลี่ก็โจมตีกลับอย่างรวดเร็ว เหมือนกับเป็นกระสุนที่ตัดกับดักนั้นขาดออก และกับดักใยนั้นก็ถูกทำลายไปสิ้น! 


 


 


“ความสามารถน่าประทับใจมากนะ” เฉินไป่หลี่พูดและหัวเราะเสียงเย็น เขาโยนเครื่องรางออกไป แล้วจากนั้นก็มีนักรบโบราณในชุดเกราะสีทองถือดาบยาวปรากฏตัวในน้ำ นักรบโบราณนั้นไปปรากฏตัวอยู่หน้าปรมาจารย์หุ่นเชิดภายในพริบตาเดียว! 


 


 


ปรมาจารย์หุ่นเชิดทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ถอยหลังกลับไป เสียงของนักรบนั้นดังและกังวานไปทั่ว “ข้าคือลิ่วหลิง ข้าจะกำจัดพวกวายร้ายด้วยดาบของข้า!”  


 


 


แล้วน้ำก็ถูกตัดออกเป็นสองส่วนด้วยดาบยาวนั้น ขนาดปรมาจารย์หุ่นเชิดยังไม่กล้าสู้กับนักรบโบราณนี้เลย 


 


 


ถ้าเขามีหุ่นเหล็กอยู่ข้างตัวก็คงจะสู้นักรบโบราณนี้ไปด้วยกันแล้ว แต่ตอนนี้มันกำลังสู้อยู่กับทหารเกราะดำอีกห้าสิบสองตนอยู่น่ะสิ! 


 


 


ตอนแรกปรมาจารย์หุ่นเชิดว่าจะเรียกปลาเล็กสีขาวมาร่วมสู้ด้วย ด้วยพลังของพวกเขาสองคนก็น่าจะพอฆ่าไอ้พวกมนุษย์พวกนี้ทุกคนในโบราณสถานได้ แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าปลานั่นจะเปลี่ยนข้างและจู่โจมกันแบบนี้ 


 


 


เสื้อคลุมของปรมาจารย์หุ่นเชิดปลิวไปข้างหลัง ชายเสื้อท่อนล่างของเสื้อคลุมสีดำถูกนักรบโบราณตัดไป เขารีบเข้าไปในปราสาทหลักทันที แล้วหลี่ว์ซู่ที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เกือบจะโดนลูกหลงไปด้วย… 


 


 


หลี่ว์ซู่รีบเข้าไปซ่อนข้างๆ อย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดจะสู้กับปรมาจารย์หุ่นเชิดตัวต่อตัวหรอกนะ เมื่อทหารชุดเกราะสีดำเห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามาปกป้องเขา ทันใดนั้นหุ่นเหล็กก็ปล่อยพลังออกมาอย่างรุนแรงและทำลายโล่ป้องกันของพวกทหารไป 


 


 


เมื่อไม่มีการป้องกันแล้วพวกทหารเกราะสีดำก็ถูกหุ่นเหล็กกำจัดไปง่ายๆ อย่างกับเผาหญ้าแห้งและไม้เน่าๆ ทิ้ง มันปล่อยหมัดออกมา กระนั้นเกราะก็ยังไม่ถูกทำลาย แต่พวกทหารได้รับความเสียหายไปมากจากการโจมตีเมื่อครู่ 


 


 


หลี่ว์ซู่รีบวิ่งหนีออกไปจากปราสาทหลัก และทันใดนั้นเฉินไป่หลี่รู้สึกว่านี่…มันคุ้นๆ 


 


 


ปรมาจารย์หุ่นเชิดก็ออกมาถึงประตูของปราสาทหลักจนได้ เขาหัวเราะขึ้นมา “ไอ้ปลาเล็กสีขาว ฉันจะฆ่าแกแทนเจ้านายเอง ไอ้ทรยศ!” 


 


 


แล้วทันใดนั้นเอง… 


 


 


“ปลาเล็กสีขาว แกไปซ่อนอยู่ที่ไหน!” ปรมาจารย์หุ่นเชิดเริ่มโกรธเกรี้ยว เขาไม่เห็นปลาเล็กสีขาวเลยในปราสาทนี้ 


 


 


เขาเริ่มคิดไปแล้วว่าอาจจะมีอุบัติเหตุอะไรในนี้หรือเปล่า ทหารชุดเกราะดำเข้ามารายงานกับปลาเล็กสีขาวนี่ เดี๋ยวนะ! ทหารนั่นมันแปลกๆ แล้ว! 


 


 


ปรมาจารย์หุ่นเชิดรีบออกไปหาหลี่ว์ซู่ “แกมันไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์ของปลาเล็กสีขาวนี่ ตายซะ!” 


 


 


หลี่ว์ซู่รีบหันหลังกลับและวิ่งออกไป “ช่วยฉันด้วย!” 


 


 


ทรายขาวทะเลลึกเข้ามาโจมตีปรมาจารย์หุ่นเชิดและพยายามจะหยุดเขา แล้วอยู่ๆ ที่พื้นก็กลายร่างเป็นมือหินขนาดยักษ์และเข้าไปตบปรมาจารย์หุ่นเชิด แต่เขาก็กลับสะบัดเสื้อคลุมกลับมา มือหินพวกนั้นกลายเป็นฝุ่นไปเลยในพริบตา 


 


 


แล้วหุ่นเหล็กก็เข้ามาขัดขวางหลี่ว์ซู่ไว้ แต่มันไม่ได้คาดคิดเลยว่านักรบโบราณนั้นจะเข้ามาด้วย เฉินไป่หลี่เองก็เข้ามาปกป้องหลี่ว์ซู่ด้วยเช่นกัน  

 

 


ตอนที่ 628 นี่แกรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร

 

ตอนที่ 628 นี่แกรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร


 


 


ปรมาจารย์หุ่นเชิดโฉบขึ้นไปเหนือทะเลเพื่อคิดหาทาง ในขณะนั้นเฉินไป่หลี่ก็เก็บเอายันต์กลับมา เตรียมพร้อมจะหยิบใช้


 


 


“ฉันจะกลับมาฆ่าแกในวันข้างหน้า จำคำฉันไว้ได้เลย” ปรมาจารย์หุ่นเชิดหัวเราะอย่างเย็นชา


 


 


เขาตัดสินใจไม่อยู่เอ้อระเหยต่อไป แต่หลี่ว์ซู่สงสัยอยู่อย่างหนึ่ง แล้วปรมาจารย์หุ่นเชิดจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรกัน


 


 


ตอนนั้นปรมาจารย์หุ่นเชิดขว้างหน้ากากมาให้หลี่ว์ซู่เพราะเขารู้ว่าตัวเขาเองปิดโบราณสถานไม่ได้ เพราะฉะนั้นหลี่ว์ซู่ก็อาจจะใช้แอนโธนี่บีบให้เขาสู้จนเหนื่อยตายที่นี่ตราบใดที่ดวงตาแห่งค่ายกลยังไม่ถูกแตะต้อง!


 


 


ปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้หลี่ว์ซู่จะพบกับเขาพียงสองครั้งทำให้หลี่ว์ซู่ประหลาดใจทุกครั้ง ครั้งนี้ตาแก่นั่นชนะเพราะเตรียมเอายันต์มาด้วยล่วงหน้า


 


 


แต่หลี่ว์ซู่ก็ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่ค้างคาใจ…


 


 


“นี่แกรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร” หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัย เพราะเขายังอยู่ในร่างของเค่อหมิงอยู่


 


 


“เดี๋ยวรู้แน่” ปรมาจารย์หุ่นเชิดพูด


 


 


“เยี่ยมไปเลย” หลี่ว์ซู่ตอบกลับอย่างดีใจ


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากอวิ๋นอี่ +199]


 


 


หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย ชื่อจริงของปรมาจารย์หุ่นเชิดคืออวิ๋นอี่เหรอ ฟังดูแปลกมาก แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าทำไม


 


 


เพราะก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นต้องเป็นคนที่อยู่มานาน เหมือนกับปีศาจชั่วร้ายอะไรแบบนั้น แต่ก็อย่างว่าแหละ ถ้าจะมีใครต้องอยู่ใช้ชีวิตไปนานๆ เพื่อมาเชิดหุ่นน่าขนลุกแบบนี้ ไม่เป็นบ้าไปก่อนก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่ชื่อเว่อร์ๆ แบบนั้นบอกตรงๆ ว่าขัดกับภาพลักษณ์ของเขาสุดๆ …


 


 


ทันใดนั้นเอง หุ่นเหล็กก็บินกลับไปอยู่ข้างปรมาจารย์หุ่นเชิดหลังจากที่โดนเรียกตัวกลับไป แล้วปรมาจารย์หุ่นเชิดก็เอาไข่มุกสีขาวในมือออกมาบดขยี้แล้วหายไปกับหุ่นของเขา


 


 


หลี่ว์ซู่มองอย่างตกใจ อะไรเนี่ย! มีทางออกไปจากโบราณสถานโดยไม่ต้องแตะต้องดวงตาแห่งค่ายกลด้วยเหรอ งั้นจะไล่ตามเขาไปก็เป็นไปไม่ได้เลยน่ะสิ!


 


 


แต่ตอนนี้หลี่ว์ซู่แน่ใจได้ว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นไปแตะต้องดวงตาแห่งค่ายกลตรงๆ ไม่ได้ แต่ทำไมกันล่ะ หรือว่ามันจะเป็นสิ่งพิเศษที่มีเพียงมนุษย์ที่ทำได้เท่านั้น


 


 


อย่างไรก็ตามถ้าปรมาจารย์หุ่นเชิดอยากไปเข่นฆ่าคนข้างนอกอีก พวกเฉินเฮ่าคงได้ตายกันหมดแน่ พวกที่ต่ำกว่าระดับ C ลงไปต้านทานการโจมตีของระดับ A ไม่ไหวหรอก หลี่ว์ซู่และเฉินไป่หลี่จะต้องออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย!


 


 


“ดวงตาแห่งค่ายกลก็คือแท่นเขียวหยกนั่น ไปเลยลุง!” หลี่ว์ซู่ตะโกนไปที่เฉินไป่หลี่ขณะที่เขารีบพุ่งเข้าใส่ทหารเกราะสีดำ


 


 


หลี่ว์ซู่ต้องรีบทำเวลาให้ไว เขากวาดเอาทหารเกราะดำลงไปในตราแผ่นดินก่อนที่เฉินไป่หลี่จะเข้าไปเก็บดวงตาแห่งค่ายกลมาได้ เขาต้องเอาเกราะพวกนี้มาให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เพราะมันอาจเป็นประโยชน์ในอนาคตได้…


 


 


ได้ยินอย่างนั้นเฉินไป่หลี่ก็รีบบินเข้าไปในปราสาทหลัก เขาหันมาดูหลี่ว์ซู่ที่กำลังเก็บเกราะอย่างพูดไม่ออก…


 


 


หลี่ว์ซู่นี่เป็นคนอย่างไรก็อย่างนั้นจริงๆ เขาเก็บความลับว่าเขาเอาดวงตาแห่งค่ายกลจากโบราณสถานเป่ยหมัง ถึงสุดท้ายความลับจะแตกก็เถอะ แถมหลี่ว์ซู่ยังเป็นคนที่มีส่วนช่วยทำภารกิจที่ญี่ปุ่นให้สำเร็จอย่างมากด้วย ถ้าทาคาชิมะ ทาอิรัตสึยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะรู้สึกอย่างกันนะว่ามีรคนระดับ A วางแผนเงียบๆ อยู่ที่นั้นมาตลอด


 


 


ถึงแม้เนี่ยถิงจะเอาชนะทาคาชิมะได้ แต่ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนฆ่าทาคาชิมะล่ะ แล้วถ้าทาคาชิมะเกิดอย่างมาแก้แค้นในวันข้างหน้าขึ้นมา ต่อให้เนี่ยถิงแข็งแกร่งแค่ไหนก็เถอะนะ


 


 


เพราะฉะนั้นจะพูดว่าหลี่ว์ซู่นั้นเป็นภัยอันใหญ่หลวงของเครือข่ายฟ้าดินก็ฟังดูไม่ใช่คำพูดเกินจริงไปนัก แล้วพวกหัวหน้ายังยอมให้เขาเก็บตราแผ่นดินไว้กับตัวได้อีก


 


 


มากไปกว่านั้นการที่ไปโบราณสถานในต่างประเทศนั้น หลี่ว์ซู่ก็ไม่ต้องมอบของที่ได้จากเกาะช้างให้กับเครือข่ายด้วย


 


 


แต่ที่หลัวปู้พัวนั้นแตกต่างออกไปเพราะมีเฉินไป่หลี่อยู่ที่นี่ ทางเครือข่ายฟ้าดินเองก็หมดทรัพยากรไปเยอะในการมาครั้งนี้ หลี่ว์ซู่จะเอาดวงตาแห่งค่ายกลไปเฉยๆ ไม่ได้หรอก พวกของเชิงกลยุทธ์นั้นจะต้องเอากลับมามอบให้เครือข่าย หลี่ว์ซู่รับไปแค่เกราะสีดำหนึ่งร้อยชุดก็เพียงพอแล้ว…


 


 


พอหลี่ว์ซู่เอาเกราะเก็บเข้าไปในตราแผ่นดินหมด รวมถึงชุดที่เขาใส่ด้วย เขาก็กลายร่างกลับมาเหมือนเดิม


 


 


แล้วภาพของโบราณสถานนั้นก็เริ่มพังลงต่อหน้าเขาและพุ่งเข้าหาปราสาทหลัก


 


 


เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ การผจญภัยสิบวันที่ผ่านมาได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว แล้วพวกนักเรียนห้องเต้าหยวนก็ปลอดภัยด้วยเหมือนกัน


 


 


แต่เขาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจไปหรอก เพราะเขารู้ว่าเขาจะต้องไปสู้กับปรมาจารย์หุ่นเชิดด้วยกันกับเฉินไป่หลี่!


 


 


แล้วตอนที่เขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว เขาก็เห็นเฉินเฮ่าและคนอื่นๆ เอนตัวพิงรถและสูบบุหรี่อยู่ ดูเหมือนว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดจะไม่ได้ปรากฏตัวมาที่นี่แฮะ หลี่ว์ซู่เลยรีบถาม “เมื่อกี้เห็นคนออกมาจากโบราณสถานก่อนพวกเราไหม”


 


 


เฉินเฮ่าตอบยิ้มๆ “นี่จะมาล้อเล่นกันเพราะคิดว่าฉันไม่เคยไปโบราณสถานมาก่อนใช่ไหม จะมีใครออกมาก่อนได้ไงเล่า”


 


 


แล้วหลี่ว์ซู่และเฉินไป่หลี่ก็มองหน้ากันอย่างตกใจ ปรมาจารย์หุ่นเชิดคงจะไปที่อื่นแล้ว


 


 


“คงจะฆ่าเขายากหน่อยถ้ามันสามารถแวบไปแวบมาได้แบบนี้” เฉินไป่หลี่พูดแล้วถอนใจออกมา


 


 


หลี่ว์ซู่เข้าใจเลย ปรมาจารย์หุ่นเชิดสามารถหนีออกไปตอนไหนก็ได้ที่รู้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าข้างตัวเอง แต่หลี่ว์ซู่ก็คิดพิจารณาก่อนจะตอบออกไป “ผมว่าเขาใช้มันตลอดหรือที่ไหนก็ได้ไม่ได้หรอก ไข่มุกที่เขามีอาจจะมีจำกัด และใช้ได้ครั้งเดียวแต่โบราณสถานหนึ่งแห่ง”


 


 


“แต่นั่นไม่ใช่อันสุดท้ายแน่” เฉินไป่หลี่ส่ายหัวตอบ “เขาน่าจะทำได้ดีกว่าแค่หนีไปเฉยๆ แบบนั้น เอาจริงๆ เขาก็ยังไม่หมดหวังในการต่อสู้ไปเสียหน่อย”


 


 


หลี่ว์ซู่ได้ยินอย่างนั้นก็คิดอะไรออก ครั้งนี้ความคิดของหลี่ว์ซู่ดูฟังเข้าท่า เขาสามารถกลับไปที่เกาะปลอดภัยและเอานักเรียนห้องเต้าหยวนเป็นตัวประกันก็ได้ หรือไม่ก็จับตัวหลี่ว์ซู่ไปยังได้เลย


 


 


“แล้วเกราะอยู่ไหน” เฉินไป่หลี่ถาม มองข้างๆ ไปที่หลี่ว์ซู่


 


 


“อ้อ อยู่กับผมครับ” หลี่ว์ซู่ตอบ


 


 


เขาเทเอาเกราะออกมาสิบชุดจากตราแผ่นดิน


 


 


เฉินไป่หลี่พูด แล้วเกราะก็ร่วงลงมาอีกประมาณร้อยชุด เฉินไป่หลี่เริ่มโมโหแล้ว “เทอีก”


 


 


“เทมาอีก! อย่ากวนฉันให้มากได้ไหมฮึ ของพวกนี้มันเป็นประโยชน์กับเรานะ จะเอาไปทำไมเยอะแยะ”


 


 


จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็เอาเกราะทั้งพันชุดออกมาภายในครั้งเดียว แล้วกองนั้นก็สุมใหญ่อย่างกับภูเขา! พวกนักเรียนห้องเต้าหยวนที่เพิ่งออกมาจากโบราณสถานก็เริ่ตื่นตาตื่นใจกัน พวกเขาเห็นเกราะแล้วก็ดีใจ คนที่เก็บเอาเกราะเต็มชุดมาได้ก็ต่างพึงพอใจในความสำเร็จของตัวเอง แต่ความสำเร็จของพวกเขานั้นเทียบอะไรไม่ติดกับสิ่งที่หลี่ว์ซู่ทำเลย!


 


 


พอเฉินไป่หลี่รู้ว่าหลี่ว์ซู่ไม่ยอมเอาเกราะสีดำให้แน่ๆ เขาก็เลยถาม “แล้วจะเอาเกราะที่เหลือไปทำอะไร”


 


 


หลี่ว์ซู่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ “เกราะไหนครับ”


 


 


เฉินไป่หลี่หัวเราะออกมาเสียงดัง “เราหายกันแล้วนะทีนี้”


 


 


หลี่ว์ซู่เข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร “แน่นอนเลยครับ”


 


 


จะมีใครไม่เห็นแก่ตัวบ้างล่ะ เครือข่ายฟ้ามีเกราะทองแดงกว่าพันชุดแล้ว ขอบเขตของพวกเขาคงไม่มีใครต้านทานไหว เว้นแต่ว่าจะมีระดับ A หรือระดับ B มาหาถึงที่! ทันใดนั้นเองหลี่ว์ซู่ก็คิดอะไรออก เขาได้หน้ากากมาจากปรมาจารย์หุ่นเชิดนี่นา แล้วปรมาจารย์หุ่นเชิดก็คงจะตามตัวเขาได้จากหน้ากากนี้


 


 


อะไรกันเนี่ย… หรือเขาจะตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว! 

 

 


ตอนที่ 629 ปลาสีเงินตัวเล็กของฉันหายไ...

 

การขนเกราะกว่าพันชุดกลับไปเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ทุกคนเข้าใจดีว่ามันสำคัญมาก เพราะการป้องกันของเกราะนี้จะช่วยเพิ่มพลังประสิทธิภาพการต่อสู้ให้กับทหารของเครือข่ายฟ้าดินได้อย่างยอดเยี่ยม


 


 


การจะรับมือกับกองทัพติดชุดเกราะหนักนี้ก็คงจะต้องใช้ผู้ที่มีพลังสายธาตุต่างๆ แล้วล่ะ เพราะชุดเกราะนี้กันได้แค่การโจมตีทางกายภาพเท่านั้น อย่างไรก็ตามพวกองค์กรอื่นๆ ไม่สามารถจัดทัพผู้มีพลังธาตุที่ฝึกฝนมาอย่างดีในจำนวนเยอะๆ ได้หรอก


 


 


รถทหารกำลังขับมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงภายใต้การควบคุมของเฉินไป่หลี่ ดูจากที่ต้องมีระดับ A ประกบดูอย่างดีแบบนี้ก็บอกได้เลยว่าเกราะนั้นมีความสำคัญต่อเครือข่ายฟ้าดินมากแค่ไหน


 


 


พวกนักเรียนห้องเต้าหยวนเองก็ต้องถอดชุดเกราะส่งคืนให้เหมือนกัน และข้อมูลที่พวกเขามีส่วนร่วมการทหารครั้งนี้ก็จะถูกบันทึกไว้ด้วยเช่นกัน


 


 


ถึงแม้ว่าจะมีเด็กผู้หญิงบางคนที่ซื้อเกราะไปให้ผู้ชายที่ชอบ แต่ก็ไม่มีใครเห็นแก่ตัวที่จะเอาเกราะไว้เป็นของตัวเอง มันก็น่าสนใจอยู่หรอก แต่พวกเขาไม่อยากเสียชื่อในการทำแบบนั้น


 


 


การตั้งราคาขายเกราะตั้งแต่แรกเป็นราคาที่แพงก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้วเกราะชุดหนึ่งหรือเครดิตทางทหารนั้นมีค่ามากกว่าห้าแสนหยวนเลยทีเดียว พวกนักเรียนไม่รู้กันหรอก พวกเขาจะรู้กันก็ต่อเมื่อได้รับเคล็ดวิชาการฝึกฝนไปหรือได้เลื่อนยศทหารกันโน่นแหละ จนกว่าจะไปถึงตอนนั้น พวกเขาก็โกรธพวกระลอกทองแดงที่ค้าขายไม่จริงใจไปก่อนแล้วกัน…


 


 


พวกสมาชิกระลอกทองแดงรวมถึงมั่วเฉิงคงนั้นยังต้องกลับไปเรียนที่วิทยาลัยผู้บำเพ็ญต่ออีก แต่เวลาสั้นๆ ที่ผ่านไปสิบวันนั้น ชื่อ ‘ระลอกทองแดง’ ก็กลายเป็นชื่อเกียรติยศของพวกเขาไปเสียแล้ว


 


 


ครั้งนี้พวกนักเรียนห้องเต้าหยวนได้มาฝึกทหารกันหมดแล้ว เลยไม่มีใครไม่รู้เรื่องชื่อเสียงของระลอกทองแดงบนเกราะที่ปลอดภัยหรอก พวกเขาจะกลับไปพร้อมกับความภาคภูมิใจไปด้วย


 


 


“พี่ซู่ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ” มั่วเฉิงคงพาสมาชิกทุกคนมากล่าวลาหลี่ว์ซู่


 


 


หลี่ว์ซู่ยิ้มและตอบกลับ “ดูแลตัวเองกันดีๆ นะ ขอให้โชคดีทุกคนเลย”


 


 


แล้วหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ออกไปจากค่ายหลัวปู้พัวเมื่อมีรถพิเศษที่เฉินไป่หลี่ส่งมารับมาถึง


 


 


พวกเขาจะไปที่เมืองที่ใกล้ที่สุดและขึ้นเที่ยวบินที่เร็วที่สุดกลับไปอวี้โจว พวกเขาปีนขึ้นไปที่ดาดฟ้าของอาคารที่สูงยี่สิบเจ็ดชั้นแทนที่จะอยู่กันแต่ในห้องของโรงแรม แล้วพวกเขาก็ห้อยขาลงมาขณะนั่งอยู่บนดาดฟ้า ตอนนี้เป็นเวลาที่ดวงตะวันใกล้ลับขอบฟ้า ให้ความรู้สึกเงียบและสงบไปทั่ว


 


 


“หลี่ว์ซู่ ปลาสีเงินตัวเล็กของฉันไปไหนล่ะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถามเสียงเรียบ


 


 


“ฮ่าๆ ก็อยู่กับฉันไง แต่ตอนนี้เราไม่มีอุปกรณ์ทำอาหารนะ กินสดๆ ไม่ได้หรอก หยุดจ้องหน้าฉันได้แล้ว” หลี่ว์ซู่ตอบกลับ เขาพยายามจะหลอกเธอเพราะจะไปหาปลาที่เหมือนๆ กันตอนนี้มาให้มันยากเกินไป พวกเขายังอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีคนกันนะ!


 


 


“ขอดูหน่อย” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูด


 


 


“ไม่เชื่อใจกันเหรอ” หลี่ว์ซู่แกล้งทำหน้าเสียใจ


 


 


“ไม่อะ”


 


 


“เอ่อ… โกลาหลมันกินปลานั่นไปแล้วน่ะ” หลี่ว์ซู่พูดออกไปด้วยสีหน้าหม่นหมอง หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะไม่ยอมแพ้แน่ๆ จนกว่าเธอจะได้สิ่งที่เธอต้องการ


 


 


แล้วหลี่ว์ซู่ก็ต้องอธิบายเรื่องโกลาหลให้เธอฟัง แล้วสุดท้ายเขาก็พูดเพิ่มไปอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันไม่คิดเลยนะว่ามันจะตื่นขึ้นมาแล้วกินปลาเข้าไปน่ะ…”


 


 


“โอเค” เสี่ยวอวี๋ผงกหัวรับรู้


 


 


หลี่ว์ซู่ยิ้มแล้วพูด “รู้อยู่แล้วล่ะว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ของเราเป็นคนเข้าอกเข้าใจจริงๆ!”


 


 


แต่ก่อนที่จะได้พูดจบนั้น หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน “งั้นโกลาหลอะไรนั่นกินปลาเงินตัวเล็กของฉันไปแล้ว คงจะไม่เป็นไรสินะถ้าฉันกินโกลาหลของเธอแทน”


 


 


[ได้แต้มอารมณ์จากหลี่ว์ซู่ +666…]


 


 


“มันเกิดมาจากธารน้ำศักดิ์สิทธิ์นะ แถมยังมีสายเลือดของมังกรชั่วร้ายแบบห่างๆ อีกก่อนที่มันจะมาเป็นวิญญาณอาวุธน่ะ งั้นถ้าจะให้พูดตรงๆ มันไม่มีชีวิตอยู่แล้วล่ะ…” หลี่ว์ซู่พยายามอธิบายว่ามันกินไม่ได้…


 


 


“นี่ หลี่ว์ซู่…” อยู่ๆ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ทำหน้าเศร้า “เด็กผู้หญิงที่ฉันไปเจอระหว่างฝึกทหารตายไปในโบราณสถานนะ”


 


 


หลี่ว์ซู่เงียบไปนิดหนึ่งก่อนตอบ “เราเจอเรื่องอะไรแบบนี้กันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”


 


 


“ก็ไม่ได้สนิทกันมากหรอก” หลี่ว์เสี้ยวอวี๋พูดเบาๆ “เธอยิ้มแล้วสวยมากเลย แล้วชอบแบ่งขนมให้กินด้วย เราไม่ได้พูดกันมาก แล้วฉันก็ไม่ได้เศร้าอะไรกับการตายของเธอมากหรอก แต่แค่คิดว่าครอบครัวของเธอจะเศร้ากันแค่ไหนน่ะ”


 


 


หลี่ว์ซู่นึกไปถึงสิ่งที่ทานิกุชิ บันไดเคยพูดกับเขาตอนเธอโค้งคำนับเก้าสิบองศาให้เขาที่สุสาน คำพูดนั้นพรั่งพรูออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “แต่บางสิ่งบางอย่างเราก็ต้องทำมันให้สำเร็จนะ”


 


 


“เปลี่ยนไปมากนะหลี่ว์ซู่” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดเสียงจริงจัง “ครั้งนี้เปลี่ยนไปจริงเลย”


 


 


หลี่ว์ซู่เงียบไปพักหนึ่ง เหมือนกับว่าโดนพันธนาการไปด้วยใยแมงมุมอุ่นๆ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะเป็นคนเสียสละและเต็มใจช่วยเหลือนะ แต่ว่าเขาได้รับผลกระทบจากการกระทำของคนเหล่านั้นมาแบบไม่รู้ตัว ทำให้เขาเห็นความสำคัญของความซื่อสัตย์และความจริงใจ


 


 


มีบางสิ่งที่เขาต้องทำ และเขาจะทำมันตอนที่เขาต้องการเท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมา หลี่ว์ซู่ลูบหัวหลี่ว์ฃเสี่ยวอวี๋แล้วถามออกไปว่า “เธอก็เปลี่ยนไปเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”


 


 


“หลี่ว์ซู่”


 


 


“ว่าไง” หลี่ว์ซู่หันไปหาหลี่ว์เสี่ยวอวี๋


 


 


“ใครจะตายไปก็ได้ แต่ไม่ใช่เธอนะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูด


 


 


“เสี่ยวอวี๋” หลี่ว์ซู่พูดตอบ เขามองไปยังอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปในที่สุด “เราทั้งคู่ไม่ตายหรอก”


 


 



 


 


บ้านบนถนนหลิวไห่ เมืองหลวง


 


 


สือเสวจิ้นกำลังอ่านหนังสือเย็บกี่อยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ แล้วเนี่ยถิงก็ส่งเอกสารที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่มาให้เขา เป็นบันทึกว่าหลี่ว์ซู่ได้ทำอะไรไปในโบราณสถานครั้งนี้


 


 


ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเกราะสีดำเอาไว้เลย มีแต่บอกว่าหลี่ว์ซู่ได้กำจัดสิ่งรบกวนนอกโบราณสถานได้ เขาตั้งกลุ่มระลอกทองแดงเพื่อช่วยให้การต่อสู้โดยรวมไม่ตึงเครียดมากนัก และได้ลงไปใต้น้ำลึกคนเดียว เอกสารนี้มาจากเฉินไป่หลี่ เพราะไม่มีคนอื่นรู้อีกแล้วว่าการต่อสู้ใต้น้ำนั้นเป็นอย่างไร


 


 


สือเสวจิ้นอ่านไปยิ้มไป “มีหัวใจกล้าเหมือนทอง โอเค มีกำปั้นหนักเหมือนเหล็ก โอเคนี่ แต่ทำไมไปโดนฟ้าผ่ามาได้ล่ะ”


 


 


“นี่แปลกใจด้วยเหรอ” เนี่ยถิงพูดเสียงเรียบ เจ้าเด็กนั่นปากไม่ดีแบบนั้นแถมยังชอบทำอะไรแปลกๆ อีก ควรจะโดนฟ้าผ่าไปตั้งนานแล้ว


 


 


“ฮ่าๆ อย่าเพิ่งโกรธสิ” สือเสวจิ้นหยุดคิดไปนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ “เราพูดเรื่องการลงโทษจากสวรรค์กันแล้วนี่ แล้วผมคิดว่าฟ้าผ่านี่คงเป็นการลงโทษจากสวรรค์แน่ๆ การเปลี่ยนแปลงร่างของสิ่งมีชีวิตที่เจาะจงนั้นจะนำสายฟ้ามาให้อยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเพดานนั้นจะสูงขึ้นสำหรับมนุษย์นะ ผมเชื่อมาตลอดเลยว่าการไปถึงจุดสูงสุดของระดับ A ได้จะต้องมีการลงโทษจากสวรรค์มาแน่ๆ เพราะมันฝืนธรรมชาติ แต่ในกรณีหลี่ว์ซู่แล้วฟังดูเป็นไม่ได้มากไปหน่อย เขาน่าจะโดนลงโทษเพราะเจ้าสิ่งมีชีวิตที่อยู่กับเขามากกว่า”


 


 


สือเสวจิ้นนั้นอนุมานสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลี่ว์ซู่เพียงแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น 

 

 


ตอนที่ 630 ปริศนาของปรมาจารย์หุ่นเชิด

 

“แล้วมันเป็นตัวอะไรกันล่ะ” เนี่ยถิงวิเคราะห์


 


 


“ไม่มีทางรู้ได้หรอก ที่สุดแล้วมันเป็นตัวของเขาเองไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องแข็งแกร่งมากกว่าคุณในตอนนี้แล้ว” สือเสวจิ้นตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แต่ผมขอแนะนำให้คุณไปคุยกับหลี่ว์ซู่เรื่องการลงโทษจากสวรรค์เถอะ เพราะคุณเองก็อยู่ห่างจากความเป็นความตายไปไม่กี่ก้าวแล้ว ผมกลัวว่าคุณจะโดนลงโทษเหมือนกันตอนที่คุณไปถึงระดับนั้นได้แล้วจริงๆ เขาอาจจะให้คำแนะนำที่มีประโยชน์กับคุณได้นะ”


 


 


ใบหน้าเรียบเฉยของเนี่ยถิงจู่ๆ คิ้วขมวดขึ้นมา “นี่จะบอกกันว่าให้ไปถามเขาเหรอว่ารอดชีวิตจากบทลงโทษจากสวรรค์มาได้อย่างไรน่ะ”


 


 


“แหมๆ” สือเสวจิ้นรีบกลับไปอ่านหนังสือ “ก็ไม่ได้พูดแบบนั้นนี่ครับ”


 


 


“แต่ก็ตั้งใจจะสื่อแบบนี้ใช่ไหม”


 


 


“งั้นคุณรู้ไหมล่ะว่าหลี่ว์ซู่นั้นน่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่รอดมาจากการลงโทษจากสวรรค์ในระยะเวลาร้อยปีที่ผ่านมาน่ะ” สือเสวจิ้นเสริมไปอีก “คุณปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าหลี่ว์ซู่นั้นมีประสบการณ์มากกว่าคุณในด้านใดด้านหนึ่ง…”


 


 


“ทำไมงั้นล่ะ ประสบการณ์มากกว่าเพราะเคยโดนฟ้าผ่ามาเหรอ”


 


 


สือเสวจิ้นเงียบไป ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เนี่ยถิงให้ความสำคัญกับสิ่งที่ดีกว่าเสมอ เขาได้อุทิศตนให้กับความเชื่อนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่แล้วในเวลาที่สำคัญอย่างนี้ เนี่ยถิงกลับทำอะไรที่ไม่คิดถึงภาพรวมเท่าไหร่ เนี่ยถิงรู้ว่าหลี่ว์ซู่นั้นเป็นคนที่เหมาะที่สุดของเครือข่ายฟ้าดินในการส่งไปทำภารกิจในต่างประเทศ ด้วยความสามารถของหลี่ว์ซู่และการที่เขาผ่านเคราะห์ลงโทษจากสวรรค์มาด้วยแล้วจะช่วยเขาได้มากในอนาคต


 


 


แต่สือเสวจิ้นก็เข้าใจดีว่ามันไม่ใช่ความผิดของเนี่ยถิงทั้งหมดหรอก เพราะหลี่ว์ซู่นั้นมีความสามารถในการกวนโอ๊ยคนอยู่เยอะเหมือนกัน แต่สือเสวจิ้นสงสัยจริงๆ ว่าหลี่ว์ซู่นั้นรอดมาได้อย่างไร ตามตำนานกล่าวว่าไม่มีใครรอดจากการลงโทษจากสวรรค์ได้ แล้วหลี่ว์ซู่ที่เข้าใกล้ระดับ B นั้นทำอย่างไรกันนะ


 


 


และในตอนนั้นเอง เนี่ยถิงก็คว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู จากนั้นก็กดโทรหาหลี่ว์ซู่ด้วยท่าทีใจเย็น สือเสวจิ้นเห็นแล้วตกใจจนพูดไม่ออก คนที่เชื่อมั่นในตัวเองอย่างเนี่ยถิงยังต้องยอมก้มหัวให้กับหลี่ว์ซู่เพื่อขอคำปรึกษาเพราะกลัวการลงโทษจากสวรรค์เลยเหรอ หลังจากที่หลี่ว์ซู่รับสาย ทั้งสองคนก็เงียบไปมากกว่าสิบวินาทีด้วยกัน…


 


 


จนสุดท้ายเนี่ยถิงต้องพูดอะไรออกไปเพื่อหยุดความเงียบนี้


 


 


“ฉันได้ยินว่านายโดนฟ้าผ่า”


 


 


ติ๊ด


 


 


เท่านั้นแหละ สายก็โดนตัดไป…


 


 


“ฮ่าๆๆ” เนี่ยถิงที่สงบอยู่เสมอกลับระเบิดหัวเราะออกมา “วิเศษไปเลยไหมล่ะ!”


 


 


สือเสวจิ้นก็งงไปด้วย


 


 


“พวกเราต้องจับตาดูปรมาจารย์หุ่นเชิดนั่นให้ดีๆ” เนี่ยถิงเปลี่ยนเรื่อง “ราชันฟ้าเฉินบอกว่าเขาอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่าหลี่เสียนอีและคาดเดาไม่ได้เลยว่าเขาจะเอาอย่างไรต่อไป แต่เรานิ่งนอนใจไม่ได้เพราะนี่เป็นเรื่องความเป็นความตาย”


 


 


ที่พูดมาเป็นเรื่องจริงถึงจะแข็งแกร่งกว่าก็ไม่ได้แปลว่าจะชนะได้เสมอไป


 


 


ผู้บำเพ็ญที่เล่นสกปรกมักจะโดนดูถูกอยู่เสมอ แต่ปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นเป็นข้อยกเว้น เพราะเขาไปกระตุ้นความโกรธแค้นของระดับ A คนอื่นๆ เข้าให้แล้ว


 


 


แล้วทันใดนั้นเนี่ยถิงก็ได้รับข้อมูลชิ้นหนึ่งมา โบราณสถานที่อเมริกาใต้ถูกปิดลงแล้ว มีคนตายไปในการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์หุ่นเชิดและนักบุญไปมาก และสุดท้ายก็ไม่มีใครแพ้หรือชนะ


 


 


เนี่ยถิงและสือเสวจิ้นมองหน้ากันด้วยความตกใจ ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่โบราณสถานจะปิดตัวลง ตอนแรกพวกเขาคิดว่ากลุ่มฟีนิกซ์จะเป็นคนจัดการดูแลโบราณสถานตรงนั้นเสียอีก เพราะมันครอบคลุมอยู่ในภูมิศาสตร์ของอเมริกาเหนือและใต้ แต่คาดผลลัพธ์แบบนี้มาก่อนไม่ได้เลย!


 


 


สือเสวจิ้นสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างตกใจ “มีปรมาจารย์หุ่นเชิดสองคนเหรอ ระดับ A ขั้นสูงสองคนเลยเนี่ยนะ พ่อของผมไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อนแน่ๆ”


 


 


“บางทีตระกูลอี่ที่เก่าแก่นั้นเป็นแค่เรื่องเผินๆ เท่านั้นแหละ น่าจะมีอะไรลึกลงไปกว่านี้แน่” เนี่ยถิงพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง ต้นกำเนิดของปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นเป็นปริศนา ทว่าพอเริ่มสงสัยเรื่องของเขาเท่านั้นแหละ จู่ๆ ก็มีพบว่าบางทีสิ่งมีชีวิตแบบเขาอาจมีมากกว่าหนึ่ง


 


 


“เฉินไป่หลี่บอกว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นคงจะเล็งเป้าหมายมาที่หลี่ว์ซู่แล้ว และเวลาที่เขาจะเจอหลี่ว์ซู่ก็มีไม่มากเท่าไหร่แล้วด้วย เราเตรียมตัวกันเลยดีไหมครับ” สือเสวจิ้นถาม


 


 


“คงจะสักพักแหละ สั่งให้พวกที่ประจำอยู่ต่างประเทศจับตาดูปรมาจารย์หุ่นเชิดนี้ไว้ให้ดี รีบรายงานมาถ้าเขาอยู่ใกล้ชายแดน” เนี่ยถิงพูด “แต่นายคิดหรือเปล่าว่าเราไม่เคยเห็นร่างที่แท้จริงของปรมาจารย์หุ่นเชิดเลย เราคิดว่าคนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีดำนั้นคือเขา ตอนแรกก็คิดว่าเขาอาจจะหน้าตาดูไม่ได้ แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ ถ้าเขาหน้าตาเหมือนอย่างพวกเราล่ะ เหมือนคนปกติทั่วไปน่ะ ถ้าอย่างนั้นเขาก็เข้ามาปะปนกับเราได้ง่าย แบบนี้พวกระดับ A ก็คงเฝ้ากันยากแล้ว”


 


 


“เตือนหลี่ว์ซู่ด้วยนะครับ เราจะเอาเขามาเสี่ยงเพราะเราประมาทไม่ได้” สือเสวจิ้นพูด


 


 


เนี่ยถิงพยักหน้าและโทรหาหลี่ว์ซู่อีกรอบ ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่แต่เนี่ยถิงจะไม่ทำตัวไม่ดีกับหลี่ว์ซู่ในเวลาแบบนี้ หลี่ว์ซู่ต้องรู้เรื่องนักเชิดหุ่นนี่ก่อนที่จะสายไป เพราะหลี่ว์ซู่ได้ทิ้งร่องรอยของตัวเองเอาไว้มากเกินกว่าที่จะปิดไว้ได้แล้ว


 


 


แต่ทว่า… หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…


 


 


เนี่ยถิงทำสีหน้าน่ากลัวขึ้นมาทันที


 


 


“มันเป็นเสียงรอสายหรือว่าไอ้หมอนี่มันบล็อกเบอร์ฉันจริงๆ แล้วเนี่ย”


 


 


“เสียงรอสายแหละครับ” สือเสวจิ้นกัดฟันพูด พวกเขานี่แหละเป็นคนคิดค้นวิธีนี้ขึ้นมา


 


 


“นายลองโทรสิ” เนี่ยถิงพูดและวางสาย


 


 



 


 


ก่อนที่เครื่องบินจะออกไปจากอวี้โจว หลี่ว์ซู่ก็ได้รับสายจากเนี่ยถิงและสือเสวจิ้น ตอนแรกเขาก็ไม่คิดว่าจะมีสายเข้าเพิ่มแล้ว แต่พอคิดอีกรอบแล้วสือเสวจิ้นน่าจะมีเรื่องสำคัญจริงๆ ถึงโทรมาสายที่สอง


 


 


หน้าของหลี่ว์ซู่หม่นลงเมื่อเขาเก็บโทรศัพท์ลงไป แต่ประตูขึ้นเครื่องกำลังปิดลงแล้ว พอเขานั่งลงบนเครื่องบิน เสี่ยวอวี๋ก็ถามขึ้นมา “มีอะไรหรือเปล่า”


 


 


“มี ดูเหมือนว่าจะมีปรมาจารย์หุ่นเชิดสองคนน่ะ แล้วสือเสวจิ้นก็อยากให้ฉันจับตาดูเขาไว้ด้วย เพราะเขาน่าจะเล็งเป้าหมายมาที่ฉันแล้วล่ะ” หลี่ว์ซู่พูดแล้วถอนหายใจ


 


 


“งั้นสู้กับพวกมันไปเลยสิ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดออกไปตรงๆ


 


 


“ก็…คงจะแพ้น่ะ” หลี่ว์ซู่หัวเต้นตุบๆ ด้วยความเจ็บปวด มีระดับ A ถึงสองคนเลยเหรอ!


 


 


“งั้นไปซ่อนก่อน ค่อยสู้พวกมันทีหลัง” เสี่ยวอวี๋พูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว


 


 


แต่หลี่ว์ซู่ยังมีความรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้น ระหว่างสู้กันเขาได้ไปดูบันทึกค่าอารมณ์ และมากกว่าสองชั่วโมงก่อนหน้านั้นก็มีชื่อของปิศาจเลือดปรากฏมา และก็มีอีกชื่อปรากฏต่อมาว่า ‘หู่จื๋อ’


 


 


หลี่ว์ซู่อ้าปางค้างด้วยความตกใจ ตอนนั้นที่เขาคิดว่าชื่อของปรมาจารย์หุ่นเชิดที่ชื่ออวิ๋นอี่นั้นแปลกแล้ว เพราะว่ามันไม่ใช่ชื่อของปรมาจารย์หุ่นเชิดที่เขาเคยได้ยินมาก่อน


 


 


เขาคงนึกออกได้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าคนที่เขาเจอที่ทะเลไม่ใช่คนที่เขาเคยเจอมาก่อนเลยถ้าความจำเขาดีกว่านี้


 


 


แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าโดนคนระดับ A สองคนหมายหัวไว้ หลี่ว์ซู่คิดอย่างหนักว่าสือเสวจิ้นให้คำแนะนำมาอย่างไร หรือเขาจะหลบอันตรายนี้โดยการปลอมตัวเป็นคนอื่นไปก่อนดีล่ะเนี่ย!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม