สาวน้อยปลูกผัก 624-627
TQF:บทที่ 624 ต่างคนต่างมีแผน (1)
ฟางซูหยุนที่ทั้งโกรธทั้งเคืองพอได้ยินเสียงหัวเราะแล้วก็อารมณ์เย็นขึ้นเยอะ ภายใต้การจ้องมองจากท่านพ่อและท่านแม่นางได้แต่ยืนขึ้น
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยไม่อยู่ มีแต่นางที่สัตว์อมตะเชื่อฟัง เพราะฟางซูหยุนพำนักอยู่ในมิติบ่อยๆ และยังอยู่ด้วยกันกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วย เหล่าสัตว์อมตะจึงรู้จักนางตั้งนานแล้ว
นางเดินไปข้างนอก เด็กๆในบ้านก็ตามออกไปดู โดยเฉพาะฟางถงยวี่ที่จับแขนนางไว้อย่างมีความสุข “ท่านย่าใหญ่ ยวี่เอ๋อจะไปกับท่านด้วย”
“ได้ พวกเราไปด้วยกัน” ฟางซูหยุนยิ้มเมื่อมองไปยังหลานสาวคนนี้ ในใจมีความสุขไม่น้อย
“ท่านย่าใหญ่ ข้าก็จะไปด้วย”
“ข้าก็จะไปด้วยท่านย่าใหญ่ ข้าไม่อยากพลาดเรื่องสนุกแบบนี้”
พี่น้องฟางซีเฉิงไม่ยอมล้าหลัง จะตามออกไปดูด้วย ฟางซูหยุนยิ้มเบาๆพยักหน้าให้กับพวกเขา
ภายใต้การห้อมล้อมจากเด็กๆ ฟางซูหยุนปรากฏตัวสู่สายตาทุกคน
เมื่อนางออกมา เจ้านกที่เฝ้าอยู่หน้าประตูพากันบินขึ้นไปหมดเพื่อให้พวกนางออกมา
พอก้าวออกมาฟางซูหยุนก็กลับมามีท่าทีเย็นชา “ใครจะเข้าไปรึ”
“ซูหยุน พวกเราเอง คือพวกเราอยากคุยกับพ่อเจ้า” 1 ในตาแก่เผยรอยยิ้มใจดี
ตาแก่คนอื่นรีบตามขึ้นมาและคลี่ยิ้มเอาใจ
เด็กๆที่ตามออกมาต่างยืดอกด้วยท่าทีภาคภูมิ พวกเขาไม่ต้องทำตัวต่ำต้อยต่อหน้าคนพวกนี้อีกแล้ว และก็ไม่ต้องเอาอกเอาใจคนพวกนี้ และก็ไม่ต้องโดนพวกเขาเยาะเย้ยถากถางด้วย
กลับกัน เหล่าคนรุ่นหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆต่างมีสีหน้าอิจฉาพวกเขา 2 พี่น้อง อย่างไรซะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ทุกคนก็เห็นกันหมด
กับการตั้งใจประจบประแจงของเหล่าอาวุโสแล้ว ฟางซูหยุนเพียงแค่กวาดตามองอย่างเย็นชาก่อนจะสั่งกับเจ้านกที่บินอยู่บนท้องฟ้า “เสี่ยวเสี่ยวมีเรื่องต้องทำ พวกเจ้าหาที่พักซะหน่อย”
“จิ๊บๆๆๆ”
เสียงนกร้องเบาๆถือเป็นการตอบรับฟางซูหยุน เหล่านกน้อยก็บินไปบนบ้านต่างๆอย่างว่าง่าย แต่ยังคงเฝ้าที่นี่ไว้
หากมีคนก่อเรื่อง พวกมันก็จะมาปรากฏตัวทันที แม้ว่าสัตว์อมตะพวกนี้จะยังไม่กลายร่างเป็นคน แต่จิตสำนึกของพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรมากกับมนุษย์ผู้ใหญ่ พอจะรู้อยู่บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น
สั่งเสร็จฟางซูหยุนไม่แม้แต่จะมองพวกเขา ก็จูงมือเด็กๆเดินกลับไป
“ยัยหนูคนโตตระกูลฟาง…”
จู่ๆตาแก่คนหนึ่งข้างๆก็เรียกฟางซูหยุนไว้
ฟางซูหยุนชะงักฝีก้าวพลางหันกลับมามอง เห็นว่าผู้เฒ่า 2-3 คนเดินมาหาตัวเอง และท่าทางพวกเขาก็ดูใจดี “พวกเจ้าคือ…”
“ยัยหนูคนโตตระกูลฟาง เจ้าลืมจริงๆเหรอว่าข้าคือใคร” ตาแก่ผมขาวคนหนึ่งมองนางด้วยรอยยิ้ม
ฟางซูหยุนมองไปมองมาก็นึกออกทันที ร้องเสียงหลง “ท่านคือท่านตารอง”
ท่านตารองที่ว่าเป็นน้องชายของตาแท้ๆของฟางซูหยุน ตอนเด็กๆนางเคยเจอเขา และหน้าตาก็คล้ายคลึงท่านตาด้วย ไม่ผิดแน่
ชื่อของผู้เฒ่าคนนี้คือมู่หรงหงเฟย เขาเองก็รู้เรื่องของบ้านใหญ่ตระกูลฟางดี พี่ชายของเขาเสียชีวิตไปไว ส่วนเขาก็แค่ญาติคนละสายเท่านั้น เรื่องของบ้านใหญ่ตระกูลฟางไม่อาจแทรกแซงได้ นอกจากสงสารในใจแล้วก็ทำอะไรไม่ได้อีก
แต่การกลับมาของฟางซูหยุนทำให้เขาแปลกใจระคนดีใจ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด เขาพยักหน้าพลางยิ้ม “ยัยหนูคนโตตระกูลฟาง ไม่คิดว่าเจ้าจะกลับมาแล้ว และยังจำข้าได้ด้วย”
“ซูหยุนคารวะท่านตารอง ไม่คิดว่าท่านตารองมาด้วย เสียมารยาทเสียจริงๆที่ไม่ได้ไปต้อนรับ” ฟางซูหยุนเย็นชากับเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลฟางตัวเองเท่านั้น กับคนของตระกูลอื่นๆแล้ว โดยเฉพาะตระกูลที่เป็นญาติกันนางปฏิบัติด้วยมารยาทตลอด
เด็กๆตระกูลฟางก็ไม่กล้าเสียมารยาท คารวะตาแก่ที่เป็นญาติกับครอบครัวตัวเอง
มู่หรงหงเฟยกลับชี้ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆคนหนึ่งพลางเอ่ย “ยัยหนูคนโตตระกูลฟาง คนๆนี้ก็เกี่ยวดองกับเจ้าเหมือนกัน เขาเป็นท่านตาของหลานเจ้า ชื่อมู่หรงซงหมิง”
“ที่แท้ก็พี่มู่หรงนี่เอง ซูหยุนเสียมารยาทไป” ฟางซูหยุนคารวะญาติคนนี้
“เรื่องเล็กๆ ซูหยุนน่าจะยังจำข้าได้อยู่ ตอนนั้นข้าเคยเป็นเพื่อนเล่นกับหมิงเห้อ ไม่รู้ว่าเจ้ายังจำได้อยู่มั้ย” มู่หรงซงหมิงพินิจพิเคราะห์ฟางซูหยุนที่งดงามไร้ที่ติ แววตาเป็นประกาย
“พวกเราน่าจะเคยเจอกัน คุ้นตาอยู่” ฟางซูหยุนพยักหน้า เอียงตัว “ท่านตารอง พี่มู่หรง เชิญ…”
“เชิญ….”
ไม่ว่าจะเป็นคนที่ถูกเชิญหรือไม่ถูกเชิญก็พากันเข้ามาหมด พอดีเลยมีคนนำทาง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็เข้าไม่ได้อีก
ฟางเต๋อหยวนออกมาต้อนรับแล้ว เมื่อเห็นคนที่คุ้นเคยก็ทักทายกันอีกสักพักก็พากันเข้าห้องรับแขกไป
ตาแก่ทั้งฝูงแกล้งทำเป็นคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ แต่นึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เด็กสาว 2 คนที่กลับมาพร้อมฟางซูหยุนไปไหนซะแล้ว ไม่เห็นพวกนางเลย
แม้ว่าพวกเขาจะแปลกใจ แต่ก็ไม่กล้าสอบถามต่อหน้าฟางซูหยุน แต่ละคนคุยกันแต่เรื่องที่ไม่เกี่ยวกัน สายตากลับเหลือบไปที่ฟางซูหยุนบ่อยๆ คอยฟังสิ่งที่นางพูด
ฟางซูหยุนไม่มีอารมณ์จะสนใจตาแก่พวกนี้ นางคุยเล่นอยู่กับพวกผู้หญิงและเด็กๆ
“ท่านย่าใหญ่ วิทยายุทธของน้องสูงแค่ไหนเหรอ” ฟางถงยวี่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พูดถึงหลานสาวตัวเอง ฟางซูหยุนเผยรอยยิ้มบางๆ “ตอนนี้เสี่ยวเสี่ยวอยู่ตอนปลายของระดับก้าวสู่เทพเทวาแล้ว อีกไม่นานน่าจะบรรลุเป็นปรากฏเทพเทวาได้”
“ซื้ดดด”
เด็กๆต่างสูดลมหายใจเข้าลึก พวกเขาทุกคนรู้ว่าวิทยายุทธของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวสูงกว่าพวกเขา แต่ไม่คิดว่าจะสูงถึงขั้นที่พวกเขาได้แต่มอง
TQF:บทที่ 625 ต่างคนต่างมีแผน (2)
พวกเขายังอยู่แค่ระดับก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะเท่านั้น และอายุของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็น้อยกว่าพวกเขาด้วย แต่กลับอยู่จุดที่สูงจนแค่คิดก็ไม่กล้า
น้าสาวหลี่เจียฉีที่อยู่ข้างๆก็มีสีหน้าตะลึง มองพี่สามีที่ท่าทางสาวกว่าตัวเองตั้งเยอะ “พี่ใหญ่ วิทยายุทธของเสี่ยวเสี่ยวสูงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ท่านป้าใหญ่ เสี่ยวเสี่ยวฝึกฝนยังไงน่ะ เก่งขนาดนี้” หลานสะใภ้เหลียงรุ่ยหวงถามทึ่งๆ
หญิงสาวที่ตระกูลฟางแต่งงานด้วยล้วนมีวิทยายุทธไม่สูงนัก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ พรสวรรค์พวกนางไม่ดีเท่าไหร่ ตระกูลก็ไม่ได้สูงส่ง ไม่มีทรัพยากรมาช่วยฝึกฝน ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้พวกนางก็คงไม่แต่งกับบ้านใหญ่ตระกูลฟางที่ไม่ค่อยได้รับการเคารพ
เพราะฉะนั้นแม่สามีและลูกสะใภ้คู่นี้จึงมีวิทยายุทธแค่ระดับรรลุราชันย์จักพรรดิ์เท่านั้น เสี่ยวเอ้อข้างนอกนั่นยังมีวิทยายุทธระดับก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะหรือบรรลุราชันย์จักพรรดิ์เลย เมื่อเทียบกับพวกนางแล้วก็ต่างกันมากโขอยู่
นี่ก็เป็น 1 ในเหตุผลที่ทั้งบ้านใหญ๋ถูกรังแกมาตลอด
พูดถึงวิทยายุทธของหลานสาวฟางซูหยุนมีสีหน้าภูมิใจ “เสี่ยวเสี่ยวเป็นเด็กที่ตั้งใจมาก และนาง…..”
พูดถึงตรงนี้ฟางซูหยุนหยุดลง มองไปยังเด็กๆที่วิทยายุทธต่ำ หวนนึกไปถึงว่าที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวน วิทยายุทธระดับก้าวสู่จักพรรดิ์อมตะถือเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย แต่ที่ผืนดินฉางไห่ถือว่าต่ำไปจริงๆ
พวกตาแก่ที่ฟังบทสนทนาของพวกนางอยู่ร้อนใจจนแทบจะเอ่ยปากถาม ผิดหวังนิดหน่อยที่ฟางซูหยุนไม่พูดต่อ แต่ก็ยังมีความคาดหวังอีกมาก
ฟางซูหยุนมองเด็กๆที่สีหน้าหม่นหมองจึงกล่าวขึ้นอย่างอ่อนโยน “พวกเจ้าวางใจเถอะ รอให้เสี่ยวเสี่ยวว่างจะช่วยยกระดับให้พวกเจ้า ขอแค่พรสวรรค์พวกเจ้าไม่แย่เกินไป วิทยายุทธของพวกเจ้าจะถูกยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“จริงเหรอท่านย่าใหญ่ น้องสาวจะช่วยข้าเหรอ” ฟางถงยวี่ถามอย่างร้อนรน แม้แต่พี่น้องตระกูลฟางก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
“พวกเจ้าวางใจเถอะ ที่ข้าพูดน่ะเรื่องจริง” ฟางซูหยุนพูดอย่างขบขัน “เรื่องแบบนี้เป็นแค่เรื่องเล็กเท่านั้นสำหรับเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อย ไม่เป็นอะไรหรอก”
“อิอิ น้องสาวเก่งจัง”
ฟางถงยวี่หัวเราะอย่างมีความสุข พี่น้องตระกูลฟางก็เบาใจลง เผยรอยยิ้มสบายใจ
ไม่ใช่แค่พวกเขา 2 พี่น้องหรอก แม้แต่แม่สามีและลูกสะใภ้ข้างๆก็มีรอยยิ้มดีใจแทนเด็กๆ
พวกตาแก่ที่แอบฟังอยู่ก็ดีใจเช่นกัน แม้ว่าทุกคนจะรู้กันอยู่แล้วว่ามียาเม็ดที่ช่วยยกระดับสมรรถภาพร่างกายและพรสวรรค์ หรือด้วยอิทธฤทธิ์บางอย่าง แต่คนที่มีไว้ในครอบครองจริงๆมีน้อยมาก
ของที่วางจำหน่ายอยู่ที่ตึกจงหยวนด้านนอกนั่นก็มีของแบบนี้ แต่ละวันมีแต่คนไปแย่งซื้อกันอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังไม่พอขาย เรียกได้ว่าคนที่ต้องการมีมากจริงๆ
ถ้าหากพวกนางมีของแบบนี้หรือฝีมือแบบนี้ละก็ ไม่อยากจะคิด ไม่ว่าใครก็ต้องเทิดทูนพวกนางเหมือนบรรพบุรุษก็ไม่ปาน
“ท่านย่าใหญ่ น้องสาวเป็นปรมาจารย์ฝึกสัตว์เหรอ นางมีสัตว์อมตะเท่าไหร่ล่ะ”
ฟางถงยวี่ถามเรื่องเกี่ยวกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วยความอยากรู้ และก็เป็นคำถามที่พวกตาแก่อยากรู้ด้วย มีคนถามแทนพวกเขาก็ยิ่งตั้งใจฟัง
แต่เดิมพวกเขาที่ยังชวนคุยเรื่องไร้สาระอยู่เงียบไปอย่างไม่รู้ตัว สายตาทอดไปยังฟางซูหยุนกันทั้งหมด
ฟางซูหยุนกลับหัวเราะละยื่นมือไปลูบหัวฟางถงยวี่ “เยอะมาก อย่างที่เสี่ยวเสี่ยวบอก นางอยากจะมีสัตว์อมตะเท่าไหร่ก็ได้ เรียกได้ว่าเยอะจนพวกเจ้าคาดไม่ถึง”
ความลับเกี่ยวกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อย ฟางซูหยุนย่อมไม่บอกทุกอย่างอยู่แล้ว ทำแบบนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่
แต่แค่ตอบไปแบบนี้ก็พอจะให้ตาแก่ที่อยู่ที่นี่ตะลึงไปอีกครั้ง ถ้าเป็นคำพูดของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวพวกเขาไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่กับคำพูดของฟางซูหยุนคนที่เชื่อมีเยอะมาก
ดังนั้นตาแก่เหล่านี้จึงมีสีหน้าที่ดีใจเป็นอย่างมาก รวมถึงคู่สามีภรรยาฟางเต๋อหยวนด้วย เรียกได้ว่าตั้งแต่วันนี้ไป สายบ้านใหญ่ของเขาก็หลุดพ้นแล้ว วันเวลาที่พวกเขาจะได้เชิดหน้าชูตาก็มาถึงแล้ว
ฟางซูหยุนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีก จึงบอกกับเด็กๆ “หากพวกเจ้ามีสายพันธุ์สัตว์อมตะที่ชอบ รอเสี่ยวเสี่ยวออกมาให้นางยกให้คนละตัว ไม่ว่าจะเป็นสัตว์วิญญาณหรือสัตว์อมตะนางมีหมด”
“ว้าว เยี่ยมไปเลย….”
“ข้าชอบช้างหยก”
“ข้าชอบเสือป่าเมฆาม่วง”
ห้องรับแขกเก่าๆที่นี่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข ตาแก่ทั้งหลายก็บากหน้าไม่ยอมจากไปสักที
ส่วนในตึกหลัก
คนของบ้านรอง บ้านสาม บ้านสี่รวมตัวอยู่ด้วยกัน หลายสิบคนนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่โอ่อ่าหรูหรา สีหน้าพวกเขาไม่สู้ดีแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
นายท่านรองผู้เป็นเจ้าบ้านมองทุกคน ก่อนจะกวาดสายตาผ่านพี่น้อง 2 คนของตัวเอง คิดไปคิดมาก็ลุกขึ้นบอกกับทั้งคู่ “น้องสาม น้องสี่ พวกเจ้าตามข้ามาที่ห้องหนังสือ” พูดจบนายท่านรองก็หันหลังเดินจากไป
นายท่านสามและนายท่านสี่ลุกตามไป พวกเขาสบตากันก่อนจะเดินตามคนข้างหน้าไปเงียบๆ
คนอื่นๆในห้องรับแขกมองตามคนมีอำนาจที่สุดทั้ง 3 คนออกไป แต่บนใบหน้าพวกเขาไม่ได้มีแววยินดีแต่อย่างใด มีแค่ความไม่สบายใจและความหวั่นเกรง
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เหล่าลูกศิษย์ที่สูงส่งอยู่เสมอรู้สึกหวาดระแวง
โดยเฉพาะฟางหมิงจื้อที่หน้าตาเคร่งเครียด 2 มือในแขนเสื้อก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
เขาอดนึกไปถึงตอนนั้นไม่ได้ ตอนที่เขาทำลายความภาคภูมิของฟางหมิงเห้อ เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นสีหน้าหมดอาลัยตายอยากของลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ในที่สุดเขาก็ได้ความเจิดจรัสที่ตัวเองต้องการ ในที่สุดเขาก็เป็นคนเก่งกาจในสายตาทุกคน
สิ่งที่เขามีในทุกวันนี้ล้วนได้มาด้วยฝีมือโหดเหี้ยมของตัวเอง ได้มาด้วยการเหยียบย่ำลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง จริงๆทุกอย่างก็สมเหตุสมผลอยู่แล้ว ไม่เคยมีใครบอกว่าเขาผิด
TQF:บทที่ 626 ต่างคนต่างมีแผน (3)
แต่จู่ๆวันนี้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองผิด เขาไม่ควรลงมือรุนแรงขนาดนั้น โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นชีวิตหลายสิบปีของฟางหมิงเห้อที่จะตายแหล่มิตายแหล่ เขากลัว กลัวว่าตัวเองก็ต้องมีวันนี้เหมือนกัน
ทำยังไงดี เขาจะทำยังไงดี
ฟางหมิงจื้อทะเลาะกับตัวเอง คนอื่นๆมองหน้ากันเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรออก
ขณะนั้น เหล่านายท่านที่อยู่ในห้องหนังสือ ฟางเต๋อซิว ฟางเต๋อถัง ฟางเต๋อหรง นายท่านทั้ง 3 ที่เดินไปไหนก็มีแต่คนเคารพ บัดนี้กลับมีท่าทีหมดหนทาง ราวกับทั้งบ้านถูกฆ่าทิ้งแต่ไม่มีปัญญาจะแก้แค้น
เนิ่นนาน นายท่านรองฟางเต่อซิวถึงเงยหน้าขึ้น “ฟางซูหยุนกลับมาแล้ว สถานการณ์พวกเจ้าก็เห็นแล้ว ไหนลองพูดซิว่าจะทำอย่างไรกันดี”
“……”
ฟางเต๋อถังและฟางเต๋อหรงต่างขมวดคิ้วไม่ปริปาก ไม่ได้เสนอความคิดเห็นอะไร
เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขาพี่น้อง มีความไม่พอใจแว้บหนึ่งใจตาของฟางเต๋อซิว “พวกเจ้าต้องรู้ไหวนะ ฟางซูหยุนไม่ยอมรามือแน่ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นพวกเจ้าเองก็รู้ดี ตอนนี้จะทำตัวไม่ยุ่งไม่เกี่ยวรึไง”
“…..” นายท่านสามฟางเต๋อถังอ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้าด้วยรอยยื้มขมขื่น
ฟางเต๋อซิวเบือนสายตาไปที่นายท่านสี่ฟางเต๋อหรง เขามีสีหน้าทำอะไรไม่ได้และกล่าวเรียบๆ “เจ้าบ้าน พี่สาม พวกท่านก็รู้ว่าข้าก็แค่รับธุรกิจบางอย่างจากมือพี่ใหญ่เท่านั้น เรื่องอื่นข้าไม่ได้ทำ อย่างมากข้าก็แค่คืนธุรกิจพวกนั้นให้พี่ใหญ่ก็จบ”
“เจ้า…”
สีหน้าฟางเต๋อซิวเข้มขึ้น เอ่ยเสียงเย็น “น้องสี่ เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร เจ้าคิดว่าแยกตัวเองกับพวกเราได้เหรอ”
“เจ้าบ้านพูดเป็นเล่นไป ข้าทำอะไรข้ารู้อยู่แก่ใจ ส่วนจะแยกออกจากพวกท่านได้มั้ยนั้น คงไม่ใช่ท่านหรือข้าที่ตัดสิน เชื่อว่าในใจพี่ใหญ่รู้ดี โดยเฉพาะหลายปีมานี้ข้าไม่เคยรังแกบ้านใหญ่เลย”
พูดมาถึงตรงยี้ฟางเต๋อหรงก็ไม่รักษาหน้าพวกเขาอีกต่อไป พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ข้าเคยบอกแล้วใช่มั้ย ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นพี่เป็นน้องกัน จะทำอะไรก็อย่าให้เกินไปนัก เหลือเส้นกั้นไว้วันหน้ายังคุยกันได้ เจ้าบ้านกับพี่สามลืมคำพูดที่ข้าเคยพูดแล้วรึ”
“ตอนนี้ก็เหมือนกัน ข้าจะทำอย่างไรข้ารู้ตัวเองดี ส่วนพวกท่านจะทำอย่างไรไม่เกี่ยวกับข้า และข้าก็จะไม่ร่วมมือด้วย พวกท่านคิดกันเอาเองก็แล้วกัน ข้าลาล่ะ”
พูดจบฟางเต๋อหรงก็ประสานมือหันหลังเดินออกไป ไม่สนว่าสีหน้าของนายท่านอีก 2 คนแย่แค่ไหน
“เจ้าน้องสี่คนนี้นี่…..”
เจ้าบ้านสบถหนักๆแต่ก็ทำอะไรน้องชายคนนี้ไม่ได้ วิทยายุทธของอีกฝ่ายไม่ต่างกับเขาเท่าไหร่ และฟางเต๋อหรงก็รู้เรื่องที่เขาเคยทำดี เขาไม่สามารถขู่อะไรได้
ต่อให้เขาจะลงมือ พวกผู้อาวุโสในตระกูลฟางก็ไม่ยอมหรอก ตอนนั้นที่เขาทำตัวต่อต้านฟางเต๋อหยวนก็แค่แย่งอำนาจและตำแหน่งเจ้าบ้านของเขาเท่านั้น ไม่กล้าลงมือฆ่าจริงๆ
ไม่อย่างนั้นตำแหน่งเจ้าบ้านของเขาก็คงไม่มั่นคง และก็เป็นเพราะความกังวลแบบนี้ครอบครัวฟางเต๋อหยวนถึงได้มีโอกาสพลิกตัวได้
แน่นอนว่าสาเหตุหลักๆก็เพราะฟางซูหยุนกลับมา ถ้าไม่ใช่เพราะการกลับมาอย่างกะทันหันของนางละก็ ตำแหน่งเจ้าบ้านนี้นายท่านรองก็ยังนั่งสบายอยู่
แต่ตอนนี้เขากลับสบายไม่ออก เพราะอีกไม่นานก็ต้องถูกคิดบัญชีเรื่องที่เคยก่อไว้ อย่าว่าแต่จะเสียตำแหน่งเจ้าบ้านไปเลย คนในตระกูลสายเขาก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่สบาย
เทียบกับการทำใจยอมรับของเจ้าบ้านแล้ว ใบหน้าของนายท่านสามฟางเต๋อถังเริ่มจะบิดเบี้ยว พูดอย่างเคียดแค้น “พี่รอง พวกเราไม่มีทางเลือก ตอนนี้ได้แต่ทุ่มทุกอย่างแล้วสู้ตาย ข้าไม่เชื่อว่ายัยเด็กที่ฟางซูหยุนพากลับมาจะมีความสามารถขนาดนั้นจริงๆ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ฟางเต๋อซิวเลิกคิ้ว นัยน์ตาอึมครึมจ้องเขม็งไปยังคนตรงหน้าที่เริ่มจะบ้าคลั่ง
ฟางเต๋อถังกัดฟันกรอด กำหมัดแน่น “พี่รอง พวกเราผูกใจแค้นกับบ้านใหญ่มากที่สุด พวกนางไม่ปล่อยเราไว้แน่ เราจะรอโดนสังหารเฉยๆแบบนี้ไม่ได้”
“เรื่องนี้….”
ฟางเต๋อซิวนิ่งไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยาก แต่เขารู้ว่าโอกาสมีน้อยมากๆ อย่าว่าแต่ย่าหลานฟางซูหยุนยากจะต่อกรด้วยเลย แม้แต่พวกปีศาจเฒ่าในตระกูลก็คงไม่ยอม
ไม่มีความช่วยเหลือจากเหล่าปีศาจเฒ่า อยากจะเอาชนะสัตว์อมตะในมือยัยเด็กนั่นยากเกินไป อีกว่าปรมารจารย์ฝึกสัตว์ของตระกูลฟางก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว สัตว์วิญญาณและสัตว์อมตะก็กลายเป็นอาหารของอีกฝ่าย ตอนนี้ในมือพวกเขายังมีพลังเหลือเท่าไหร่เชียวที่จะไปสู้กับย่าหลานฟางซูหยุน
คิดมาถึงตรงนี้คิ้วของฟางเต๋อซิวขมวดกันเป็นปม การตัดสินใจนี้ยากมาก ยากมากจริงๆ
“พี่รอง….”
ราวกับดูออกว่าฟางเต๋อซิวลังเล ฟางเต๋อถังทั้งโกรธทั้งร้อนใจ ตะคอกเสียงต่ำ “พี่รอง ตำแหน่งเจ้าบ้านของท่านจะไม่เอาแล้วหรือไง ท่านจะยกให้คนอื่นง่ายๆแบบนี้เหรอ”
“น้องสาม ความหมายของเจ้าข้าเข้าใจ ข้าก็อยากจะทำแบบนั้น แต่เรื่องนี้ยังต้องทบทวนดีๆก่อน ว่าการร่วมมือของพวกเรา 2 บ้านจะมีโอกาสชนะมากแค่ไหน”
“พี่รอง…”
ฟางเต๋อถังร้อนใจแล้วจริงๆ เขารู้ว่าหากตัวเองไม่ตอบโต้ละก็ ถึงเวลาสายเขาก็คงจบเห่ โดยเฉพาะลูกชายของเขาที่เป็นคนลงมือทำให้ฟางหมิงเห้อพิการ ปมนี้ไม่มีทางคลายได้
เห็นเขาจะพูด ฟางเต๋อซิวชูมือขัดไว้ “น้องสาม เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อนไป ข้าต้องไตร่ตรองดีๆ วางใจเถอะ พวกนางยังไม่ลงมือไวขนาดนี้หรอก พวกเรามีเวลาเตรียมตัว เจ้าก็ไปคิดดีๆก็แล้วกัน”
“พี่รอง…”
“ไปเถอะ”
ฟางเต๋อซิวโบกมือและหลับตาลง ไม่พูดอะไรอีก
“พี่รอง….”
ร้องเรียกอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่สนใจตัวเอง ฟางเต๋อถังจึงลุกออกไป
คนที่ออกมาคนแรกคือนายท่านสี่ฟางเต๋อหรง เขาเดินมาถึงห้องรับแขกก็พุ่งไปสั่งให้ภรรยาและลูกหลานของตัวเองรีบกลับบ้านไปซะ
TQF:บทที่ 627 ต่างคนต่างมีแผน (4)
ทั้งครอบครัวออกไปอย่างรีบร้อน เหลือไว้เพียงคนของบ้านรองและบ้านสามที่มองหน้ากัน พวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อกี้นายท่านทั้ง 3 คุยอะไรกัน ทำไมนายท่านสี่ถึงต้องรีบร้อนออกไป
พอกลับมาถึงบ้านตัวเอง ฟางเต๋อหรงก็รีบสั่งเด็กๆในบ้านไม่ให้ออกไปไหนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ไม่อย่างนั้นจะลงโทษตามกฎบ้าน
ได้รับคำสั่งนี้เด็กๆย่อมไม่กล้าพูดอะไรมาก ที่จริงทุกคนก็รู้กันดีว่าตระกูลฟางจะเกิดเรื่องแล้ว
ส่วนจะบานปลายขนาดไหนไม่มีใครเดาออก จึงอยู่ที่บ้านตัวเองอย่างว่านอนสอนง่าย นี่ต่างหากคือวิธีรักษาชีวิตที่ดีที่สุด
เมื่อกลับเข้าห้องหนังสือตัวเองฟางเต๋อหรงก็นั่งลง คนที่ตามเขาเข้ามาคือภรรยาและลูกชาย 2 คนของเขา
ลูกชายคนโตฟางหมิงเลี่ย ลูกชายคนเล็กฟางหมิงเฉิน ภรรยาของเขาหลินหวี่เจิน คุณหนูจากตระกูลหลิน 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ ทั้ง 3 ตามเข้ามาพลางมองเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ท่านพ่อ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี” ฟางหมิงเฉินถามเป็นคนแรก ในแววตามีความกังวล
หลินหวี่เจินเดินเข้าไปที่ด้านหลังสามี นวดไหล่เขาเบาๆ “นายท่าน แม้ว่าความสัมพันธ์ของเรากับบ้านใหญ่จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้รังแกอะไรพวกเขา ข้าว่าพวกเขาคงจะไม่กำจัดจนหมดสิ้นหรอกใช่มั้ย”
“ท่านพ่อ ครอบครัวท่านลุงใหญ่ไม่ใช่คนใจร้าย ไม่น่าจะลงมือกับพวกเราใช่มั้ย” ฟางหมิงเลี่ยพูดขึ้นบ้าง
ฟางเต๋อหรงที่หลับตาอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้น เหลือบมองลูกชายทั้ง 2 “ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าฟางซูหยุนจะกลับมาจริงๆ และนางไม่ใช่แค่กลับมา ยังแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ โชคดีที่ข้าไม่ได้เข้าร่วมด้วย ไม่อย่างนั้นชีวิตพวกเจ้า….”
พูดมาถึงตรงนี้ฟางเต๋อหรงก็ถอนหายใจ อดเตือนสติลูกชายทั้ง 2 ของตัวเองไม่ได้ “พวกเจ้าจำไว้นะ ไม่ว่าจะทำอะไรอย่าให้มันเกินไปนัก โดยเฉพาะกับคนที่มีสายเลือดเดียวกัน ทำอะไรเหลือหนทางให้ตัวเองบ้างก็ดี ที่ว่าทีใครทีมันนี่มันคือเรื่องจริงนะ แต่คนที่จำคำๆนี้ได้มีน้อยมาก”
“ท่านพ่อ ข้าเข้าใจท่าน”
“ท่านพ่อ ข้ารู้แล้ว”
2 พี่น้องซึมซับประโยคนี้ไว้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกโชคดีที่ท่านพ่อตัวเองไม่ได้ทำอะไรที่เกินไปในตอนนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องอยู่ไม่เป็นสุขแน่
“พวกเจ้าก็อธิบายให้เด็กๆฟังดีๆล่ะ บางครั้งไว้ชีวิตคนอื่นตอนนี้ก็เท่ากับไว้ชีวิตตัวเองในวันหน้า แน่นอนนี่แค่สำหรับคนภายในตระกูลเดียวกันเท่านั้น กับคนนอกละก็ต้องเอาให้ตายเท่านั้น ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด” ฟางเต๋อหรงบอกกับลูกชาย 2 คนอย่างเข้มงวด
“ขอรับท่านพ่อ”
“เข้าใจขอรับ ท่านพ่อ”
“อื้ม จำไว้ก็ดีแล้ว” ฟางเต๋อหรงพยักหน้าด้วยความพอใจ ที่จริงเรื่องแบบนี้เขาเคยสอนลูกหลานตัวเองตั้งนานแล้ว และก็เพราะแบบนี้คนในบ้านสี่ของเขาจึงไม่มีใครไปเหยียบย่ำซ้ำเติมคนบ้านใหญ่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องรังแกเลย
แม้จะไม่เคยทำร้ายคนบ้านใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่เคยช่วยเหลือ เพียงแต่เย็นชาและเมินเฉยใส่
และก็เพราะแบบนี้คนบ้านสี่ก็กลัวว่าจะถูกลงโทษเหมือนกัน แต่ละคนไม่สามารถมีความสุขได้
เหมือนว่าฟางเต๋อหรงจะมองความคิดพวกเขาออก เอ่ยเสียงเบา “พวกเจ้าวางใจเถอะ อย่างมากก็แค่คืนธุรกิจให้บ้านใหญ่ไป เรื่องอื่นๆเราไม่ได้เข้าร่วม หลังจากนี้ก็ยิ่งไม่เข้าร่วม พวกเจ้าทุกคนต้องเฝ้าอยู่ในบ้านนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามเข้าไปยุ่ง เข้าใจมั้ย”
“ท่านพ่อ ท่านหมายความว่า…”
2 คนพี่น้องมีท่าทีตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
ฟางเต๋อหรงสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเขาจะทำอะไรไม่เกี่ยวกับพวกเรา ยังไงซะเราก็ไม่ได้จะเข้าร่วมอยู่แล้ว พวกเจ้าก็เหมือนกัน เข้าใจมั้ย”
“ทราบแล้วท่านพ่อ”
2 พี่น้องพยักหน้าพร้อมกัน พวกเขารู้ว่าหากมีเรื่องกันจริงๆละก็ ต้องเป็นจุดจบที่ไม่ตายไม่เลิกแน่ๆ จะไม่ให้กลัวได้อย่างไร
หลินหวี่เจินที่ยืนอยู่ด้านหลังใช้ความคิดอยู่สักพักก็กล่าวขึ้น “นายท่าน ให้ข้าไปคุยกับตระกูลหลินมั้ย”
“อย่า เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามดีกว่า”
ฟางเต๋อหรงพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ถ้าพวกเจ้าได้รับข่าวจากตระกูลหลินบอกพวกเขาว่าอย่ายุ่ง หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เตือน”
“ได้นายท่าน ข้ารู้ว่าต้องทำยังไงแล้ว”
“ท่านพ่อ ท่านวางใจเถอะ พวกเราจะไม่บุ่มบ่าม”
ครอบครัวบ้านสี่หารือการรับมือเสร็จก็เบาใจลง
เหล่าคนที่ยังนั่งรออยู่ในห้องรับแขก พอคนบ้านสี่ไปแล้ว ผ่านไปไม่นานนายท่านสามที่หน้าดำคร่ำเครียดก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน เขาตะคอกใส่ลูกหลานเขา “ไสหัวกลับไปซะ…”
ด้วยประโยคนี้ คนบ้านสามก็ไปกันจนหมด เหลือเพียงคนบ้านรอง
ฮูหยินใหญ่ของบ้านรองลุกขึ้นสั่งกับเด็กๆในบ้าน “ทุกคนก็กลับบ้านไปนอนพักผ่อนเถอะ มีอะไรเดี๋ยวส่งคนไปแจ้งเอง”
พวกเขาที่กังวลใจที่สุดตอบรับก่อนจะกลับห้องพักผ่อนด้วยจิตใจที่แตกต่างกันไป
ไม่นานนักในห้องรับแขกก็เหลือแค่ฮูหยินใหญ่และชายวัยกลางคนอีก 3 คน ซึ่งก็คือลูกชาย 3 คนของบ้านรอง ฟางหมิงต๋า ฟางมิงหยาง ฟางหมิงผิง พวกเขาก็แอบเขม่นกันเองเหมือนกัน ใครๆก็อยากได้ตำแหน่งเจ้าบ้าน
แต่เรื่องวันนี้เข้ามารบกวนแผนของพวกเขาแต่ละคนโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้
แม่ลูกทั้ง 4 คนสบตากัน ฮูหยินใหญ่ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย “ไปสิ ไปดูหน่อยว่าพ่อเจ้าจะเอายังไง”
“ขอรับท่านแม่”
พี่น้องทั้ง 3 สบตากัน พวกเขามีสีหน้ากังวล เดินตามร่างท่านแม่ไปที่ห้องหนังสือท่านพ่อ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น