ตามใจรัก สาวนักแฮก 619-639
ตอนที่ 619
จะจำมันไว้สำหรับตอนนี้
“ทำไมล่ะครับ” ลู่ฉีถาม
“เพราะว่าครั้งนี้พวกเราจะไม่ถามหาความรับผิดชอบจากถงเยียน” ซิงเหออธิบายเบาๆ
แซมเป็นคนแรกที่คัดค้าน “ทำไมล่ะ! หล่อนเกือบจะฆ่าคุณแล้ว!”
ลู่ฉีเข้าใจความคิดของเธอทันที “คุณวางแผนที่จะใช้เรื่องนี้ชดเชยการกระทำผิดของมู่ไป๋งั้นเหรอ”
ซิงเหอพยักหน้าก่อนที่จะหันไปมองปฏิกิริยาของมู่ไป๋ ดวงตาของเขามืดมิดขณะยิ้มอย่างชั่วร้าย “คุณคิดว่าผมจำเป็นต้องทำเรื่องแบบนั้นเพื่อหนีจากข้อหากระทำผิดกฎหมายงั้นเหรอ”
“ฉันรู้ว่าคุณไม่สนใจเรื่องข้อกล่าวหาทางอาญา” ซิงเหอมองเข้าไปในตาของเขาและพูดต่อ “แต่ศัตรูที่แท้จริงของเราคือตระกูลหลิน เราต้องจดจ่ออยู่กับพวกเขา แน่นอนนี่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมปล่อยถงเยียนไป แต่ตอนนี้เราไม่มีเวลาไปจัดการกับเธอ หลังจากที่เรากำจัดตระกูลหลินได้ เราก็จะมีเวลาเหลือเฟือให้คิดบัญชีกับเธอ”
ดวงตาสีเข้มของมู่ไป๋มืดมนลง “คุณไม่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเหรอ”
ซิงเหอหัวเราะ “ทำไมฉันจะต้องรู้สึกแบบนั้นคะ ถงเยียนช่วยพวกเราได้มากเลย เธอไม่เพียงแค่ทำร้ายฉันแต่ยังเป็นการเปิดโปงตระกูลหลินด้วย ประธานาธิบดีไม่ใช่คนโง่ ความทะเยอทะยานรุนแรงของตระกูลหลินจะต้องเป็นที่รับรู้กันในเร็วๆ นี้”
เมื่อเวลานั้นมาถึง แผนการของตระกูลหลินก็จะถูกทำลาย ประธานาธิบดีจะไม่สนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปแต่จะหาวิธีกำราบพวกเขาแทน ครั้งนี้แผนการของตระกูลหลินส่งผลตรงกันข้าม
ขอแค่ซิงเหอตายไป ประธานาธิบดีก็จะตายตามมาในไม่ช้า อนิจจา เธอกลับรอดชีวิต วันข้างหน้าคงยากลำบากสำหรับตระกูลหลิน นอกจากนี้ในเมื่อยังมีความหวังว่า ประธานาธิบดีจะฟื้นตัวได้ ตระกูลหลินก็จะยิ่งกระวนกระวาย เป็นการเพิ่มโอกาสให้พวกเขาทำพลาดเหมือนกับครั้งนี้
ไม่ว่าพวกเขาจะระมัดระวังแค่ไหน ในที่สุดพวกเขาก็ต้องทำพลาด และเมื่อมันเกิดขึ้นเรื่องสกปรกที่พวกเขาทำก็จะถูดเปิดโปง
แน่นอนว่ามู่ไป๋ก็คิดเรื่องทั้งหมดนี้ได้เช่นกัน เขามองซิงเหออย่างรักใคร่และประทับใจกับจิตใจที่เข้มแข็งของเธอ เธอเกือบจะโดนฆ่าแต่ก็ยังมีความคิดเฉียบแหลมที่จะวิเคราะห์สถานการณ์อย่างละเอียดและวางแผนโดยที่ไม่บ่นอะไรสักคำ ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่สามารถทำแบบนั้นได้
บางทีผู้ชายหลายคนอาจไม่ชอบคนแบบซิงเหอเนื่องจากความรักอิสระและไม่ต้องการพึ่งพาผู้ชายของเธอไปซะทุกเรื่อง แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้มู่ไป๋ชอบเธอ อย่างไรก็ตามความเข้มแข็งของเธอทำให้เขาเป็นห่วงเธอมากขึ้นและอยากจะทะนุถนอมเธอตลอดไป
เขาจับมือเธอแล้วยอมรับ “ครั้งนี้พวกเราจะปล่อยถงเยียนไป แต่ผมจะจดจำเรื่องเล็กน้อยนี้ตลอดไป”
ซิงเหอยิ้มบางๆ “ฉันก็ด้วย”
เธอไม่ใช่แม่พระ ใครก็ตามที่กล้ามาทำร้ายเธอจะต้องเตรียมตัวรับผลกรรมเอาไว้ เธอจะไม่ยอมให้ความอยุติธรรมที่พวกเขาทำกับเธอรอดพ้นจากโทษทัณฑ์!
เธอเข้าใจว่าโลกดำเนินการอย่างไร ผู้ชนะเท่านั้นที่จะอยู่รอด การเมตตาศัตรูก็เท่ากับการทำร้ายตัวเอง
ดังนั้นสิ่งที่ถงเยียนทำ… พวกเขาจะจดจำมันไว้สำหรับตอนนี้ แต่ในที่สุดเด็กสาวจะต้องชดใช้มันพร้อมกับดอกเบี้ย!
…
หลังจากปรึกษาหารือกันซิงเหอก็ช่วยพามู่ไป๋กลับไปที่ห้องของเขาเพื่อพักผ่อน นับตั้งแต่ตอนที่ตื่นขึ้นมาเขาก็ทำทุกอย่างด้วยพละกำลังเท่านั้น พอทุกคนจากไปแล้ว ในที่สุดสีหน้าของเขาก็แสดงให้เห็นถึงความอ่อนล้า
ซิงเหอช่วยให้เขาทานยาแล้วพาเขามานอนบนเตียง “คุณอยากให้ฉันเรียกลู่ฉีให้ไหม”
มู่ไป๋คว้ามือเธอมาจับแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็น ตราบใดที่คุณอยู่กับผม ผมก็ไม่เป็นไร”
“ก็ได้ค่ะ” แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อซิงเหอเห็นด้วย “ฉันจะไปอาบน้ำก่อน”
“ผมไปด้วย” มู่ไป๋โพล่งออกมาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก ต่อมาเขาก็เริ่มหน้าแดงจากการพูดผิด
ซิงเหอจ้องมองเขาด้วยความสงสัย ดูเหมือนดวงตากระจ่างใสของเธอจะสื่อว่า มาอาบน้ำกับฉัน? คุณอยากตายเหรอ
ตอนที่ 620
ความต้องการ
มู่ไป๋กระแอมไออย่างประดักประเดิดแล้วรีบกลับคำ “ผมหมายความว่าจะไปอาบน้ำเหมือนกันหลังจากที่คุณอาบเสร็จ”
“คุณควรจะพักผ่อนให้ดี ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าคุณจะไปเป็นลมในนั้น” ซิงเหอพูดก่อนที่จะเข้าไปในห้องน้ำ
มู่ไป๋ไม่สามารถระงับเสียงหัวเราะได้หลังจากได้เห็นเธอทำตัวไม่ถูก เธอหมดหนทางเยียวยาจริงๆ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ใกล้ชิดแบบนี้ แต่มู่ไป๋คิดว่านั่นมันน่ารักมาก เขารู้สึกโชคดีที่มีโอกาสได้มาเจอเธออีกครั้งเพื่อสานความสัมพันธ์ร่วมกันเป็นครั้งที่สอง ต้องขอบคุณที่พวกเขาทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่…
เขาจะรู้สึกขอบคุณตลอดไปที่เขาเป็นคนได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดแทนที่จะเป็นเธอ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็เป็นธรรมดาที่มู่ไป๋จะเชื่อมโยงอุบัติเหตุไปถึงหลินเซวียนและตระกูลหลิน ความไม่พอใจและความเกลียดชังปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขา เขาจะทำให้ตระกูลหลินต้องชดใช้กลับมาเป็นพันเท่า!
ดังนั้นวันเวลาของตระกูลหลินกำลังถูกนับถอยหลัง
ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของเขาก็ฉีกยิ้มกว้างเมื่อคิดถึงความเสียสละและความพยายามที่ซิงเหอทำเพื่อช่วยเขา นี่หมายความว่าในใจของเธอมีที่สำหรับเขาแล้วใช่ไหม ไม่อย่างนั้นเธอจะมาเมือง A คนเดียวเพื่อช่วยเขาล้างแค้นทำไม ดังนั้นเธอจะต้องใส่ใจเขาอยู่บ้าง!
มู่ไป๋กระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เขาลุกขึ้นมานั่งหลังตรง เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำ ร่างกายของเขาก็เริ่มร้อนรุ่ม
เขาอยากจะบุกเข้าไปในนั้นจริงๆ อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ถ้าเขาทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากซิงเหอเขาจะต้องถูกสับเป็นชิ้นๆ แน่ มู่ไป๋เอนตัวกลับไปนอนบนเตียงและกระสับกระส่ายอย่างไม่สบายตัว ภาวนาให้ความทรมานของเขาสิ้นสุดเร็วๆ
…
หลังจากที่ซิงเหออาบน้ำเสร็จ เธอก็ตระหนักว่าไม่มีชุดใหม่ให้เปลี่ยน อย่างน้อยก็มีเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำแต่มันจะดูไม่สุภาพเล็กน้อย
ถึงยังไงก็ดีกว่าให้เดินออกไปโดยไม่ใส่เสื้อผ้า!
ซิงเหอลังเลก่อนที่จะใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ เธอผูกปมให้แน่นหนาเป็นพิเศษ หลังจากที่เป่าผมเสร็จเธอก็เดินออกมาจากห้องน้ำและตระหนักว่ามู่ไป๋หลับไปแล้ว เขากำลังหลับลึก คงเป็นเพราะเขาเหนื่อยจากใช้แรงมากเกินไปเมื่อก่อนหน้านี้
ซิงเหอรู้ว่าเขายังไม่หายดีดังนั้นเธอจึงไม่ได้รบกวนการนอนของเขา เธอเดินย่องไปบนพื้นอย่างเงียบเชียบแล้วเอนตัวลงนอนบนเตียงข้างๆ เขา
อย่างไรก็ตามชั่วขณะที่เธอเอนตัวลงนอน ผู้ชายซึ่งเธอคิดว่าหลับไปแล้วก็ผลิกตัวขึ้นมาแล้วขังเธอไว้ภายใต้อ้อมกอดของเขาทันที ก่อนที่เธอจะทันตอบสนอง ริมฝีปากคู่หนึ่งก็จูบลงมาบนริมฝีปากของเธอ!
ซิงเหอเบิกตากว้างด้วยความตกใจและจ้องเข้าไปในดวงตาของมู่ไป๋ซึ่งปราศจากอาการงัวเงียโดยสิ้นเชิง เธอเห็นประกายไฟรุนแรงแผดเผาอยู่ในดวงตาคู่นั้น
เขาบดริมฝีปากของเธอด้วยความต้องการราวกับชายหนุ่มที่พเนจรอยู่ในทะเลทรายมาหลายวันจนในที่สุดก็เจอบ่อน้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่มู่ไป๋ยอมแพ้ต่อสัญชาตญาณดิบของเขาโดยสมบูรณ์…
มันทำให้ซิงเหอตกใจจริงๆ อย่างไรก็ตามต่างจากครั้งก่อน ครั้งนี้เธอไม่ได้ดันตัวออกแต่กำมือและเปิดตาขึ้นช้าๆ เมื่อสัมผัสได้ว่าเธออนุญาต เปลวไฟในดวงตาของมู่ไป๋ก็ลุกโชนมากขึ้น เธอสามารถรู้สึกถึงสายตาแผดเผาของเขาบนผิวหนัง
การจูบเปลี่ยนเป็นรุนแรงและใกล้ชิดขึ้นราวกับว่าเขาตั้งใจที่จะกลืนกินเธอเข้าไป มือของเขาวนเวียนอยู่ตรงสายรัดเสื้อคลุมของเธออย่างไม่สามารถควบคุมได้…
เมื่อเขาสัมผัสผิวกายเปลือยเปล่าของเธอ ซิงเหอก็สั่นทุกนาที มันแทบจะมองไม่เห็นแต่มู่ไป๋ก็ยังสังเกตได้ เขาหยุดทันทีแล้วจูบของเขาก็อ่อนโยนขึ้นมาก
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้ทำให้ความใกล้ชิดลดลง อันที่จริงอากาศในห้องดูเหมือนจะรุนแรงขึ้น พวกเขารู้สึกเสพติด ความต้องการทางเพศแผ่ขยายไปรอบห้อง…
สมองของซิงเหอกระเจิดกระเจิงไปหมด เธอแทบจะไม่สามารถรวบรวมกำลังเพื่อขยับตัวได้
ตอนที่ 621
เพ่งเล็งตระกูลหลิน
และในตอนที่ซิงเหอคิดว่าเขาจะทำอะไรไปมากกว่านี้ เขาก็หยุด แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่หยุด เธอก็จะเป็นคนหยุดมันอยู่ดีเพราะร่างกายของเขาอาจทนต่อแรงกดดันไม่ไหว
มู่ไป๋ขยับลงมาจากตัวเธอและยังหายใจแรงขณะที่เขาพูดว่า “ครั้งนี้ผมจะปล่อยคุณไป แต่หลังจากเรื่องนี้จบลง พวกเราจะแต่งงานกัน”
เขาไม่อยากทำลายทุกอย่างก่อนคืนแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ เขาจะทำให้คืนนั้นเป็นคืนที่เธอไม่มีวันลืม อย่างไรก็ตามซิงเหอไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงานเลย พอตอนนี้เขาพูดถึงมัน เธอเลยจะเก็บมันไปคิด ไม่ว่าจะตกลงหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ควรคุยกันวันหลัง
“เราคุยเรื่องนี้กันทีหลังได้ค่ะ ฉันง่วงแล้ว” ซิงเหอหันหลังให้เขาแล้วปิดตาลง แก้มของเธอแดงก่ำ อารมณ์ใคร่ที่ไม่สามารถควบคุมได้ก่อนหน้านี้ทำให้ใจเธอไม่สงบ
มู่ไป๋ยิ้มขณะที่มองการตอบสนองของเธอ เขาโอบกอดเธอจากด้านหลังและกระซิบเข้าไปในใบหูของเธอ “โอเค ครั้งหน้าก็ได้”
ในที่สุดเขาก็ปิดตาที่เมื่อยล้าลงและสูดดมกลิ่นกายของเธอ เขาเหนื่อยแต่การมีซิงเหออยู่ในอ้อมแขนทำให้เขารู้สึกพอใจและปลอดภัย
เขาสัญญาว่าจะไม่จากเธอไปไหนอีกในอนาคตและเขาจะไม่ทำให้เธอต้องเป็นห่วง
คืนนั้นเป็นคืนที่พวกเขาทั้งคู่หลับสบายที่สุดนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระเบิด ในที่สุดความกังวลของซิงเหอก็สลายไปเมื่อมีมู่ไป๋อยู่ข้างเธอโดยปลอดภัย
ภารกิจที่เหลือก็คือการแก้แค้นตระกูลหลิน!
ซิงเหอคิดเกี่ยวกับแผนการที่เธอได้ร่างไว้แล้ว
…
วันถัดมาพวกเขาก็ยังปรึกษากันว่าจะทำอะไรต่อไป
“คุณวางแผนจะทำยังไงต่อ” มู่ไป๋ถามเธอด้วยรอยยิ้มนิดๆ เขาชอบดูเวลาซิงเหอครุ่นคิด มันแสดงให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและการพึ่งพาตนเอง เหมือนกับราชินีที่บัญชาประเทศของเธอ
กลุ่มของอาลิก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอมีแผนอะไร
ซิงเหอยิ้มบางๆ “แน่นอนว่าเราจะฟ้องร้องถงเยียน”
อาลิประหลาดใจ “แต่เธอบอกว่าให้ปล่อยหล่อนไปก่อนไม่ใช่เหรอ”
“เราสามารถใช้หล่อนเพื่อจัดการกับตระกูลหลิน แล้วพวกเราจะปล่อยหล่อนไปได้ยังไง”
“แต่ว่าเมื่อวาน…” แซมก็สับสนเช่นกัน
ซิงเหออธิบาย “นั่นก็เพราะว่าในท้ายที่สุดพวกเราก็ไม่สามารถฟ้องร้องหล่อนได้จริง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะตัดหล่อนออกจากเรื่องนี้ มีแค่การเพ่งเล็งเธอเท่านั้นถึงจะเพิ่มความโกรธที่ตระกูลถง ตระกูลเฉิน และประธานาธิบดีมีต่อตระกูลหลิน”
มู่ไป๋อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มออกมา “คุณตั้งใจจะทำให้ตระกูลหลินกลายเป็นศัตรูของสาธารณชน?”
ซิงเหอพยักหน้า “ลำพังแค่ตระกูลสีอาจไม่สามารถทำอะไรตระกูลหลินได้ แต่ถ้ารวมอำนาจของตระกูลถง ตระกูลเฉิน และประธานาธิบดีเข้ามาด้วย ดูซิว่าตระกูลหลินจะหาทางรอดไปจากเรื่องนี้ได้ยังไง”
“ซิงเหอ นั่นมันเยี่ยมไปเลย!” อาลิมองเธอด้วยความชื่นชม “ฉันเข้าใจที่เธอพูดแล้ว เธอจะยืมมือพวกเขาเพื่อจัดการกับตระกูลหลิน”
ซิงเหอพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้อง”
แคร์นยิ้ม “ตอนที่ตระกูลหลินวางแผนเอาชีวิตเธอ พวกเขาคงไม่ตระหนักว่ามันเป็นการมอบหลักฐานให้เธอ”
แซมเริ่มหัวเราะ “มีแค่เธอเท่านั้นที่สามารถใช้ประโยชน์จากทุกอย่างได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าตระกูลหลินรู้ว่าเธอวางแผนอะไรไว้ พวกเขาคงต้องกระอักเลือดเพราะความเสียใจแน่”
อันที่จริงมู่ไป๋ก็คิดแผนนี้ได้เหมือนกันแต่เขาสุขใจแทนซิงเหอ “เยี่ยมไปเลยที่คุณสามารถคิดแผนการดีๆ แบบนี้ได้”
ซิงเหอกระพริบตามองเขาอย่างงงงวย เธอรู้สึกว่าแผนนี้คิดออกได้ไม่ยากนัก แต่ก็นะผู้หญิงคนอื่นคงจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ของตัวเองเพื่อโต้กลับหลังจากที่โดนจ้องเอาชีวิตได้หรอก ไม่ใช่แค่นั้นแผนการของเธอยังลากกลุ่มคนที่มีอิทธิพลของเมือง A เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย
ตอนที่ 622
ฟ้องร้องถงเยียน
กลุ่มคนที่มีอิทธิพลเหล่านี้มีอำนาจมากพอที่จะโค่นล้มทั้งประเทศ การที่เธอกล้าคิดแผนการเพื่อใช้ประโยชน์จากพวกเขานั้นสมควรแก่การยกย่อง แต่สำหรับซิงเหอแล้วพวกเขาก็เป็นแค่หมากในแผนการของเธอเท่านั้น
หลังจากคิดแผนการได้แล้วมู่ไป๋ก็หาทนายความกลุ่มหนึ่งมาให้ซิงเหอเพื่อร่างหนังสือยื่นฟ้องไปที่ศาลทันที ผู้ที่ถูกกล่าวหาก็คือถงเยียน
เธอเป็นทายาทหญิงของตระกูลถง คุณหนูที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศจีน แต่ยังมีคนกล้าฟ้องร้องเธอ!
ชั่วขณะที่หนังสือยื่นฟ้องถูกส่งออกไปศาลก็ติดต่อไปยังตระกูลถง คนที่รับโทรศัพท์คือเฉินหรู เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“เสี่ยวเยียนของฉันแค่สั่งสอนเธอเล็กน้อยเท่านั้นและไม่ได้ทำร้ายเธอเลย แต่เธอยังกล้าฟ้องร้อง! เธอรู้หรือเปล่าว่ากำลังสู้กับใครอยู่”
คุณปู่ถงกับคุณย่าถงก็ตกใจพอๆ กัน คุณย่าถงอาจมีลูกหลานมากมายแต่ถงเยียนเป็นหลานสาวคนแรกของเธอ เธอโกรธมากเมื่อได้รู้เรื่องนี้
“ผู้หญิงคนนี้ไม่มีเหตุผลจริงๆ ในเมื่อเธอปลอดภัยดีแล้วเธอก็ควรจะปล่อยเรื่องนี้ไป แต่เธอกลับกล้าฟ้องร้องเสี่ยวเยียน เธอไม่กลัวว่าจะทำให้ตระกูลถงของเราโกรธหรือยังไง?”
ตระกูลถงไม่ใช่ตระกูลธรรมดา พวกเขาเกี่ยวดองกับตระกูลเฉิน แถมยังมีความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีและอีกหลายตระกูลที่มีอำนาจในประเทศจีน ผู้หญิงคนนั้นต้องโง่แค่ไหนกันถึงกล้าฟ้องร้องถงเยียน เธอไม่รู้หรือว่านี่จะทำเธอกลายเป็นศัตรูของหลายตระกูลที่มีอำนาจที่สุดในประเทศจีน?
คุณปู่ถงมีความรอบคอบกว่า “เธอมีตระกูลสีคอยหนุนหลังอยู่ เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา พวกเราไม่ควรประมาท”
“แล้วยังไงล่ะคะ เธอก็เป็นแค่สะใภ้ที่หย่าออกมาจากตระกูลสีแล้ว พวกเขาไม่ปกป้องเธอหรอก” เฉินหรูโต้เถียงด้วยความดูถูก “ถึงแม้ว่าเธอจะมีตระกูลสีคอยหนุนหลัง พวกเขาจะสู้กับตระกูลมากมายที่มีอำนาจได้เหรอ”
“มันจะสำคัญอะไรว่าพวกเขาทำได้หรือไม่ ความจริงก็คือเสี่ยวเยียนเป็นคนผิด แม้แต่ประธานาธิบดีก็รู้เรื่องนี้ เธอคิดว่าพวกเรายังจะปิดบังมันได้อีกเหรอ” คุณปู่ถงถอนหายใจ “ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้จุดอ่อนของพวกเราก็ถูกเปิดเผยแล้ว ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ก็คือให้ผู้หญิงคนนั้นถอนฟ้อง”
“หนูจะเป็นคนไปบอกให้เธอทำแบบนั้นเดี๋ยวนี้!” เฉินหรูยืนขึ้นและประกาศอย่างได้ใจ เธอคิดว่าเธอจะสามารถไปกดดันให้ซิงเหอถอนฟ้องได้ด้วยตัวเอง
ในท้ายที่สุดปรากฏว่าซิงเหอไม่ต้องการที่จะเจอเธอด้วยซ้ำ ยามบอกเธอว่าซิงเหอยังคงชอกช้ำจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และไม่สามารถพบใครได้ มันคือคำสั่งของหมอ
เธอจึงขอพบสีมู่ไป๋
นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ “นายน้อยสีเพิ่งตื่นขึ้นมาจากสภาพไม่รู้สึกตัวและออกแรงมากเกินไปจากการเดินและวิ่งเมื่อวาน บาดแผลของเขาเลวร้ายลง พวกเราไม่สามารถปล่อยให้คุณนายเข้าไปพบเขาได้ เว้นแต่คุณนายจะเต็มใจรับผิดชอบต่อสุขภาพของเขา”
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินหรูถูกไล่ให้กลับไป ในเมือง A ไม่สิ ทั้งประเทศนี้มีใครกล้าทำกับเธอแบบนี้บ้าง?
แม้กระทั่งหลังจากที่เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูลถง พวกเขาก็เคารพเธอเสมอ เธอเป็นลูกสาวของตระกูลเฉิน น้องสาวคนเดียวของท่านผู้หญิง
คนอื่นแทบรอไม่ไหวที่จะเข้ามาประจบประแจงเธอ แต่ทั้งซิงเหอและมู่ไป๋ปฏิเสธที่จะพบเธอ
ความเกลียดชังที่เฉินหรูมีต่อพวกเขามีแต่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามเธอยังคงมีสติพอที่จะรู้ว่าเธอไม่สามารถบุกเข้าไปอย่างที่ใจต้องการ
ดังนั้นเธอเลยเปลี่ยนวิธี ในเมื่อมู่ไป๋ปฏิเสธที่จะพบเธอ งั้นเธอก็จะไปขอความช่วยเหลือจากท่านผู้หญิง
ถ้าท่านผู้หญิงต้องการจะพบพวกเขา พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมทำตาม
…
เฉินหรูรีบเดินทางไปที่บ้านของประธานาธิบดีทันที หลังจากที่ท่านผู้หญิงฟังเธอบ่นหล่อนก็พูดเบาๆ “มันก็ยุติธรรมแล้วที่พวกเขาฟ้องร้องเธอ ครั้งนี้เธอทำเกินไปจริงๆ”
ตอนที่ 623
ผู้อาวุโสสีกำลังเดินทางมาเมือง A
เฉินหรูรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมทันที “แต่ว่าพี่คะ เสี่ยวเยียนไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ เธอแค่สั่งสอนผู้หญิงคนนั้นเพราะหล่อนทำตัวน่ารำคาญเท่านั้น พี่จะโทษว่าเสี่ยวเยียนเป็นคนผิดได้ยังไง มันจำเป็นด้วยหรอที่พวกเขาต้องยึดติดกับการทำผิดเล็กน้อยมากขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังดูถูกตระกูลถงและตระกูลเฉินของเรา”
ท่านผู้หญิงขมวดคิ้ว “แม้แต่ในเวลาแบบนี้เธอก็ยังไม่ยอมรับอีกเหรอว่าลูกสาวทำผิด ก็เป็นเพราะเธอนั่นแหละที่ปกป้องลูกมากเกินไป เสี่ยวเยียนถึงกลายเป็นแบบนี้ ถ้าหลานไม่ยอมบอกที่อยู่ของซิงเหอ เธอรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ซิงเหอจะต้องหิวตายเพราะโดนขังอยู่ในห้องใต้ดิน นี่เป็นการฆาตกรรมที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า เนื่องจากห้องใต้ดินถูกปิดไว้อย่างมิดชิดเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นหาตัวของเธอเจอ เรื่องนี้ไม่สามารถมองข้ามได้เพียงเพราะโชคเข้าข้างที่ในท้ายที่สุดซิงเหอก็ปลอดภัย
เฉินหรูรู้ว่าพี่สาวของเธอเป็นคนใจอ่อน เธอจึงเริ่มร่ำไห้ “ฉันรู้ค่ะพี่ว่าครั้งนี้เสี่ยวเยียนทำเกินไปจริงๆ แต่เธอก็ได้รับบทเรียนแล้ว เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนเลย ตลอดเช้านี้เธอก็ไม่ยิ้มสักนิด เธอรับรู้ความผิดของตัวเองแล้ว ฉันเลยอยากผู้หญิงคนนั้นยกโทษให้เธอ นอกจากนี้เธอก็ยังเด็กอยู่ พวกเราไม่ควรทำลายทั้งชีวิตของเธอเพียงเพราะความผิดพลาดเล็กน้อย…”
เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ท่านผู้หญิงมีท่าทีอ่อนลง “ถ้าเสี่ยวเยียนสำนึกผิดจริงๆ ก็ดีแล้ว แต่ถึงอย่างไรฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าตระกูลสีต้องการจะยื่นคำฟ้อง ฉันไม่สามารถขอให้พวกเขาถอนฟ้องได้จริงๆ … ก็ได้ ฉันจะช่วยเธอติดต่อพวกเขา แต่ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งกับการเจรจาต่อรอง ไม่ว่าพวกเขาจะเต็มใจยกโทษให้เสี่ยวเยียนหรือไม่ ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของเสี่ยวเยียน”
เฉินหรูยิ้มทันที “ขอบคุณค่ะพี่ เราไปหาพวกเขากันตอนนี้เลย ถ้าพี่ไม่เข้าข้างเรา ฉันกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเสี่ยวเยียน”
ท่านผู้หญิงมองน้องสาวของเธอแล้วรู้สึกว่าเธอจะต้องปวดหัวแน่ๆ ถึงแม้จะมีคำพูดว่าความผิดของเจ้าชายและคนธรรมดาเท่าเทียมกัน แต่เมื่อความผิดของเจ้าชายถูกค้นพบ มันก็ยังทำให้จักรพรรดิตัดสินใจได้ลำบากอยู่ดี
เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่ท่านผู้หญิงสามารถทำได้ก็คือการตัวเชื่อมให้พวกเขา แต่เรื่องของอนาคตจะเป็นอย่างไร เธอจะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ท่านผู้หญิงโทรหามู่ไป๋ น้ำเสียงของเธออ่อนโยนและมีทักษะในการพูดให้ฟังดูไม่เหมือนการคาดคั้น “ฉันได้ข่าวว่าซิงเหอยังพักรักษาตัวอยู่และตระกูลถงก็รู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ ครั้งนี้เป็นความผิดของถงเยียนแน่นอน ดังนั้นไม่ว่ายังไงเธอก็ควรจะไปขอโทษซิงเหอด้วยตัวเอง ตระกูลถงก็อยากจะไปเยี่ยมเธอเหมือนกัน ฉันเลยอยากรู้ว่าพวกคุณสองคนจะว่างเมื่อไหร่”
แน่นอนว่ามู่ไป๋เห็นแก่หน้าเธอ “ในเมื่อตระกูลถงตั้งใจที่จะมาขอโทษ พวกเราก็ยินดีต้อนรับ แต่ว่าพวกเราทั้งคู่ยังพักฟื้นอยู่ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ให้พวกเขามาพรุ่งนี้ได้ไหมครับ คุณปู่ของผมก็จะมาที่เมืองนี้เหมือนกัน”
“ผู้อาวุโสสีก็จะมาด้วยเหรอ ดีเลย ฉันจะบอกให้พวกเขาแวะไปเยี่ยมพรุ่งนี้”
“โอเคครับ”
ท่านผู้หญิงชวนเขาคุยต่ออีกสักพักก่อนที่จะวางสาย
“เป็นยังไงบ้างคะพี่” เฉินหรูซึ่งอยู่ข้างๆ เธอถามอย่างร้อนใจ
ท่านผู้หญิงอธิบายช้าๆ “พรุ่งนี้ผู้อาวุโสสีจะเดินทางมาเมือง A พวกเธอสามารถไปเจอพวกเขาตอนนั้นได้ ยังไงก็ตาม กุญแจสำคัญของการพบเจอครั้งนี้ก็คือการพูดให้ผู้อาวุโสสีหายโกรธ ถ้าเธอได้คำสัญญาจากเขาว่าเขาจะไม่เอาเรื่องอีกต่อไป ตระกูลสีก็จะทำตามคำสั่งของเขา”
เฉินหรูพยักหน้าด้วยความเข้าใจแล้วรอยยิ้มพึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “งั้นฉันก็รู้ค่ะว่าต้องทำยังไง ฉันเชื่อว่าในที่สุดตระกูลสีก็ต้องเลือกที่จะหยุดเรื่องนี้”
นั่นก็เพราะเธอตัดสินใจที่จะดึงคุณพ่อและพ่อตาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสถงและผู้อาวุโสเฉิน ตระกูลสีจะไม่ยอมทำตามคำขอของพวกเธอได้ยังไง
ตอนที่ 624
บังคับให้เธอสารภาพความจริงออกมาดีกว่า
ผู้อาวุโสสีอาจเคยมีตำแหน่งสูงในอดีตแต่เขาเลือกที่จะปลีกตัวออกห่างจากเมือง A และมันก็เป็นธรรมดาที่อิทธิพลของเขาจะลดลง นั่นคือวิธีที่โลกเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ว่าคุณจะรุ่งเรืองมากแค่ไหน ชั่วขณะที่คุณทิ้งระยะห่างออกมาจากศูนย์กลางของทุกอย่าง คุณก็จะถูกลืมเลือนไปในที่สุด
ในทางกลับกันตระกูลถงและตระกูลเฉินยังอาศัยอยู่ในเมือง A ลูกหลานของพวกเขาก็เติบโตขึ้นและปักหลักในเมือง A ดังนั้นอิทธิพลของพวกเขาจึงมีแต่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
พูดง่ายๆ ก็คือตระกูลสีไม่ใช่ศัตรูที่คู่ควรอีกต่อไป อันที่จริงตระกูลสีถดถอยลงในสายตาของพวกเขา ด้วยเหตุนี้ถ้ามีทั้งตระกูลเฉินและตระกูลถงอยู่ที่นั่นตระกูลสีก็จะต้องยอมแพ้
เว้นแต่ว่าตระกูลสีจะไม่สนใจอนาคตในโลกการเมืองของพวกเขาอีกต่อไปหรืออยากจะถดถอยต่อไป พวกเขาก็สมควรรู้ว่าต้องทำอย่างไร
ท่านผู้หญิงอ่านความคิดของเฉินหรูออกได้อย่างง่ายดาย
เธอเตือนเฉินหรูเมื่อสังเกตเห็นรอยยิ้มพึงพอใจของหล่อน “อย่าคิดง่ายจนเกินไป ไม่ว่ายังไงพรุ่งนี้เธอก็ควรจะไปขอโทษอย่างจริงใจ เพราะพวกเขาจะเลือกปล่อยเรื่องนี้ไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของเธอ”
คำเตือนของเธอลอยทะลุหูไป เฉินหรูเพียงแค่พยักหน้า “อย่าห่วงเลยคะพี่ ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง”
ไม่ว่ายังไงเธอก็มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเธอสามารถทำให้ตระกูลสียอมทำตามคำขอของเธอได้ เธอเริ่มที่จะมั่นใจในตนเองมากเกินไป
ท่านผู้หญิงยังคงพยายามเตือนด้วยความหวังดี “ว่าแต่เธอรู้หรือยังว่าใครเป็นคนโน้มน้าวให้เสี่ยวเยียนมาจัดการซิงเหอ”
เฉินหรูขมวดคิ้วด้วยความสับสน “ไม่มีคนแบบนั้นหรอกค่ะ เสี่ยวเยียนสาบานด้วยชีวิตว่ามันเป็นความต้องการของเธอเองที่จะสั่งสอนผู้หญิงคนนั้น เพราะว่าเธอไม่สามารถทนเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นได้”
“การฆ่าคนคือการสั่งสอนพวกเขาอย่างนั้นเหรอ!” ในที่สุดท่านผู้หญิงก็หมดความอดทน “รีบบังคับให้เธอสารภาพความจริงออกมาดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่”
“ได้ค่ะ ฉันเข้าใจ” เฉินหรูพยักหน้าอย่างว่าง่าย ท่านผู้หญิงหวังว่าเธอจะสามารถทำให้น้องสาวมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีขึ้นมาบ้าง
…
หลังจากที่เฉินหรูจากไป ท่านผู้หญิงก็ไปที่ห้องนอนเพื่อตรวจสอบอาการสามีของเธอ สภาพร่างกายของเขาเสื่อมโทรมลงไปเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าลู่ฉีจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาสุขภาพของเขาไว้แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความเจ็บป่วยจากการลุกลามได้
อย่างไรก็ตามประธานาธิบดียังคงรักษาทัศนคติในแง่บวกของเขาไว้ ความตายไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกดดันมากเท่าเมื่อก่อนอีกแล้ว
ตอนที่ท่านผู้หญิงเดินเข้ามา เขาก็ยังทำงานอยู่ เขากำลังอ่านเอกสารบางอย่างด้วยการพิงตัวอยู่กับหัวเตียง
ท่านผู้หญิงบ่นเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นเขาทำแบบนี้ “ทำไมคุณถึงยังทำงานอยู่อีกล่ะคะ คุณควรจะพักผ่อนนะ”
ประธานาธิบดีตอบด้วยเสียงหัวเราะดังลั่น “ผมก็หวังว่าจะทำแบบนั้นได้ แต่ผมไม่สามารถพักผ่อนได้ง่ายๆ เมื่อรู้ว่ายังมีงานที่ต้องทำให้เสร็จ การพักผ่อนก็มีแต่จะทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น”
“นั่นไม่ใช่ข้ออ้างนะคะ” ท่านผู้หญิงพูดก่อนที่จะหันไปหาเลขา “เอาเอกสารออกไป ครั้งหน้าคุณต้องทำตามคำสั่งของหมอ อย่าให้ประธานาธิบดีทำงานมากกว่าหกชั่วโมงต่อวัน”
เลขาซึ่งยืนอยู่ข้างเตียงพยักหน้า “ได้ครับท่านผู้หญิง”
จากนั้นเขาก็ขยับเข้าไปเอาเอกสารออกมา ประธานาธิบดีอยากจะหยุดเขาแต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของภรรยา เขาก็หยุดตัวเองไว้
“เรื่องของถงเยียนเป็นยังไงบ้าง” ในเมื่อเขาไม่สามารถทำตัวให้ยุ่งอยู่กับงานได้ ประธานาธิบดีจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุย ท่านผู้หญิงนั่งลงข้างๆ เขาแล้วเล่าทุกอย่างให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงหมดหนทาง
“หวังว่าตระกูลสีจะไม่เอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่หากพวกเขาจะทำแบบนั้นก็คงไม่มีใครปกป้องเสี่ยวเยียนได้” ท่านผู้หญิงถอนหายใจ
ประธานาธิบดีพยักหน้าเล็กน้อย “เธอสมควรโดนลงโทษเพราะเธอทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย”
“ฉันรู้ค่ะ แต่…” ท่านผู้หญิงไม่ได้พูดจนจบประโยคแต่ถอนหายใจออกมาแทน อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ
ประธานาธิบดีพูดความคิดของเธอต่อ
“แต่ตระกูลเฉินกับตระกูลถงจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นใช่ไหม”
ตอนที่ 625 ทําให้เต็มที่ไม่งั้นก็กลับบ้านไป
ท่านผู้หญิงก้มหน้าด้วยความละอายใจ ตระกูลเฉินคุ้นชินกับการป้องกันข้อบกพร่องของตัวเอง พ่อของเธออาการหนักที่สุด เขาจะกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลเพื่อปกป้องคนของเขา ถงเยียนเป็นหลานสาวคนเดียวของเขา เขาคงยอมเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเธอ
นี่คือเหตุผลที่ถงเยียนสามารถทำเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรงแบบนี้โดยไม่เกรงกลัว
ท่านผู้หญิงกังวลว่าตระกูลเฉินและตระกูลถงจะทะเลาะกับตระกูลสีเพราะเรื่องความผิดของถงเยียน และนี่จะทำให้เกิดเรื่องไร้สาระ แล้วสามีของเธอจะตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
เขาอาจเป็นประธานาธิบดีแต่เขาก็เป็นผู้ตัดสินพวกคนที่มีอำนาจ ไม่อย่างนั้นประเทศนี้คงตกอยู่ในความวุ่นวายไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขายังต้องต่อสู้กับอาการเจ็บป่วยของตัวเอง เธอไม่อยากให้เรื่องนี้มาทำลายสุขภาพของเขา
ประธานาธิบดีเข้าใจความกังวลของเธอ เขาปลอบใจเธอ “อย่าห่วงเลย เรื่องนี้จะถูกตัดสินอย่างเงียบๆ และถึงแม้ว่าจะไม่เป็นแบบนั้น มันก็ไม่ทำให้ผมถึงตายหรอก”
“อย่าพูดเรื่องแบบนั้นสิคะ” ท่านผู้หญิงตำหนิเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง “คุณจะไม่เป็นไร หลังจากที่ลู่ฉีสร้างหัวใจกลเสร็จ อาการเจ็บป่วยของคุณก็จะถูกรักษา”
ประธานาธิบดีหัวเราะ “ผมจะรอให้ถึงวันนั้น ผมเชื่อว่าผมจะไม่เป็นไร ดังนั้นคุณไม่ควรกังวลจนเกินไป ยังมีผมอยู่ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก”
“แล้วถ้าตระกูลสีไม่ยอมอ่อนข้อให้ล่ะคะ?”
“หลักฐานที่สีมู่ไป๋ทำผิดกฎหมายยังอยู่กับพวกเรา ดังนั้นตอนนี้เราจะให้พวกเขาหาทางออกกันเอาเองก่อน หากจำเป็นจริงๆ เราก็จะเข้าไปยุ่ง อันที่จริงพวกเขาก็ผิดกันทุกคนแต่ตอนนี้ความสมดุลของอำนาจยังไม่คงที่ ชั่วขณะที่ตราชั่งเอนเอียงอาจทำให้เกิดโศกนาฏกรรมที่ไม่สามารถจินตนาการได้ หวังว่าพวกเขาจะตัดสินเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นเราก็จะจับพวกเขาทุกคนเข้าคุก” ประธานาธิบดีพูดอย่างขุ่นเคือง
ท่านผู้หญิงรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ได้ยินสามีของเธอพูดแบบนั้น เธอรู้ว่าสามีของเธอจะต้องจัดการเรื่องนี้ได้อย่างดี เพื่อประเทศนี้เขาต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานและเสียสละมามากแล้ว
บางครั้งก็จำเป็นต้องยอมละทิ้งกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมของทั้งประเทศและประชาชน
…
คุณปู่สีมาถึงเมือง A ในคืนนั้น ซิงเหอกับมู่ไป๋เดินทางไปรับเขาที่สนามบินด้วยตัวเอง
การกลับมาเมือง A ก่อให้เกิดอารมณ์หลากหลายขึ้นในใจของเขา “ฉันได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ฉันคิดว่าจะไม่ได้เห็นเมืองนี้อีกแล้วในชีวิตนี้”
มู่ไป๋แสยะยิ้ม “การที่คุณปู่กลับมาในครั้งนี้ก็เพื่อทำภารกิจยิ่งใหญ่ นี่เป็นการกลับมาอย่างสมเกียรติสำหรับคุณปู่”
คุณปู่สีหัวเราะ “นั่นก็ยังไม่แน่ ไม่มีใครบอกได้ว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง”
“จะมีแค่บทสรุปเดียวเท่านั้น” มู่ไป๋ตอบอย่างมั่นใจ “พวกเราจะชนะเพราะว่าพวกเราต้องชนะ!”
“หลานพูดถูก! พวกเราต้องชนะ!” ความรู้สึกแรงกล้าปรากฏขึ้นในดวงตาของคุณปู่สีทันที นี่คือจิตวิญญาณของตระกูลสี การไม่ยอมแพ้
“เร็วเข้า ขึ้นรถกันเถอะ หลานจะได้เล่ารายละเอียดให้ปู่ฟัง”
“โอเคครับ”
ซิงเหอกับมู่ไป๋ช่วยพยุงเขาเข้าไปในรถแล้วพวกเขาก็ขับรถตรงไปยังฮิลส์เรสซิเดนซ์ ในรถ มู่ไป๋เล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณปู่ของเขาฟังอย่างละเอียด”
คุณปู่สีพยักหน้าด้วยความพอใจ เขาหันไปกล่าวชมซิงเหอและเห็นด้วยกับเธอ “แผนของเธอยอดเยี่ยมมาก พวกเราควรทำแบบนี้แหละ ใช้ประโยชน์จากกำลังของคนอื่นเพื่อโจมตีตระกูลหลิน การสู้กับพวกเขาโดยตรงไม่ใช่ความคิดที่ฉลาด”
“ดังนั้นพวกเราจึงต้องการความร่วมมือจากคุณปู่ในวันพรุ่งนี้” มู่ไป๋พูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
คุณปู่สีตอบด้วยความมั่นใจ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของปู่เถอะ ปู่รู้จักตาแก่สองคนจากตระกูลถงและตระกูลเฉินมาหลายปีแล้ว ปู่รู้แล้วว่าพวกเขาจะมาไม้ไหน ปู่จะไม่มีวันยอมให้พวกเขามารังแกตระกูลสีของเรา พวกเราจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!”
ตอนที่ 626 ขอโทษซิงเหอ
ผู้อาวุโสสีมีความสำคัญมากหากพวกเขาต้องการจะออกอุบายให้ตระกูลถงและตระกูลเฉินขัดแย้งกับตระกูลหลิน เขาอาจปลดเกษียณไปแล้วแต่เขาก็ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของตระกูลสี และเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในครอบครัว ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องมาที่นี่เพื่อเผชิญหน้ากับตระกูลเฉินและตระกูลถง
ซิงเหอมองแผนการของเฉินหรูออกตั้งแต่แรกแล้ว หล่อนคิดว่าถ้ามีผู้อาวุโสของตระกูลเฉินและตระกูลถงอยู่ที่นั่นด้วย ตระกูลสีก็จะต้องยอมอ่อนข้อให้
ใช่แล้ว ตระกูลสีจะยอมอ่อนข้อให้ในที่สุดแต่มีเงื่อนไขที่สมน้ำสมเนื้อ ผู้อาวุโสสีไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ อย่างที่พวกเขาคิด พวกเขาไม่รู้เลยว่าแผนที่พวกเขาวางไว้อยู่ภายใต้การคาดการณ์ของซิงเหอทั้งหมด
ตระกูลหลินที่คิดว่าพวกเขาจะปลอดภัยเพราะคอยบงการอยู่เบื้องหลังไม่รู้เลยว่าพวกเขามีชนักติดหลังอันใหญ่อยู่!
…
คืนนั้น บุคคลสำคัญของเมือง A มารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเรื่องการกระทำผิดของถงเยียน เธอเป็นปัจจัยสำคัญที่เชื่อมโยงคนพวกนี้เข้าด้วยกัน นี่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของทายาทหญิงอันดับหนึ่งในประเทศจีนอีกครั้ง
เธอได้สร้างปัญหาให้ตัวเองและเกือบทุกตระกูลทรงอำนาจในเมือง A ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือเธอ นี่เป็นสิทธิพิเศษที่เธอสามารถได้รับคนเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในขณะที่ทุกคนกำลังคิดหาวิธีช่วยเหลือเธอ เธอกลับนอนฝันหวานอยู่ เธอไม่มีความกังวลสักนิด ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง หน้าที่เพียงหนึ่งเดียวของเธอก็คือการใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลินและเรียกร้องความรักจากทุกคน
วันรุ่งขึ้นถงเยียนตามตระกูลเฉิน และตระกูลถงเพื่อไปพบตระกูลสีอย่างไม่เต็มใจ
ถ้าเธอไม่ไปตระกูลสีก็จะไม่ถอนคำฟ้องแล้วชื่อเสียงของเธอก็จะได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามความเสียหายนั้นเล็กมากจนแทบจะมองไม่เห็น ถึงแม้ถงเยียนจะไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร ตระกูลของเธอก็จะไม่ยอมให้มีประวัติการทำผิดกฎหมายใดๆ มาทำให้ชื่อเสียงของเธอมัวหมอง
ถงเยียนอาจเป็นเด็กเหลือขอเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่เธอจะแสดงความเคารพและมีความยับยั้งชั่งใจเป็นครั้งคราวเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสของเธอ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาทะนุถนอมเธอมาก ในที่สุดเธอก็ยอมตามมาด้วย
ในขณะเดียวกันเธอก็สาบานว่าถ้าเซี่ยซิงเหอตกมาอยู่ในกำมือของเธออีกครั้ง เธอจะทรมานหล่อนอย่างไร้ความปรานีโดยไม่จบสิ้น!
ถงเยียนคิดว่าตราบใดที่เธอขอโทษ ตระกูลสีกับซิงเหอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรู้สึกยินดีและยอมรับคำขอโทษของเธอ ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขาจะต้องรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับคำขอโทษจากเธอ อย่างไรก็ตามอีกไม่นานเธอก็จะได้รู้ว่าตัวเองไร้เดียงสาแค่ไหน!
…
ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ผู้อาวุโสสี ผู้อาวุโสถง ผู้อาวุโสเฉิน ซิงเหอ ถงเยียน และเฉินหรูมารวมตัวกัน
หลังจากการทักทายพอเป็นพิธี ผู้อาวุโสเฉินก็บอกให้ถงเยียนมาขอโทษซิงเหอทันที
“เสี่ยวเยียนมาขอโทษคุณเซี่ยสิ ครั้งนี้หนูเป็นคนทำผิด ดังนั้นในอนาคตอย่าล้อเล่นแบบนี้อีกนะ” ผู้อาวุโสเฉินพูดด้วยเจตนาชัดเจนว่าต้องการจะปกป้องถงเยียน เขาลดข้อหาพยายามฆาตกรรมมาเป็นการล้อเล่น ช่างหน้าด้านอะไรอย่างนี้
ผู้อาวุโสสีหัวเราะอย่างไม่เต็มใจ
ถงเยียนทำตามอย่างเชื่อฟังแล้วปั้นหน้ายิ้มให้ซิงเหอ “คุณเซี่ย ครั้งนี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันสาบานว่ามันเป็นแค่การล้อเล่นเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ อย่าโกรธไปเลย ครั้งนี้ยกโทษให้ฉัน ตกลงไหม ฉันสาบานว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ยกโทษให้ฉัน นะ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ถงเยียนขอโทษใครสักคนด้วย ‘ความจริงใจ’ แบบนี้
เฉินหรูยิ้มด้วยความโล่งอกแล้วเสริมว่า “ใช่แล้วคุณเซี่ย เสี่ยวเยียนของฉันสำนึกผิดแล้ว ดูสิว่าเธอเสียใจแค่ไหน ครั้งนี้ให้อภัยเธอ ตกลงไหม”
อาวุโสถงกับผู้อาวุโสเฉินก็เข้ามาช่วยพูดแทนถงเยียน พวกเขาได้รับพรสวรรค์ในการพูดพร่ำไม่หยุด คนที่โง่หน่อยคงจะเอนเอียงเพราะคำพูดของพวกเขาและยอมรับ ‘คำขอโทษ’ แบบนั้น
ตอนที่ 627 พวกเราก็ทำได้เหมือนกัน
อนิจจา ศัตรูของพวกเขาคือซิงเหอ สมองของเธอเปรียบเสมือนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เธอมองถงเยียนเล็กน้อยและไม่พูดอะไร เธอแค่จ้องมองหล่อนเฉยๆ
ถงเยียนสับสน “คุณมองอะไรน่ะคุณเซี่ย คุณจะไม่ยกโทษให้ฉันเหรอ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของคนอื่นจางหายไปแล้วพวกเขาทั้งหมดก็หันมามองซิงเหอ บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไป ซิงเหอทำลายไมตรีดีๆ ที่คนพวกนี้จงใจสร้างขึ้นมาโดยไม่ต้องพูดอะไรสักคำ
มีแค่ผู้อาวุโสสีที่ยิ้มอยู่ในใจ เจ้าพวกโง่ กล้าใช้อุบายประเภทนี้กับหลานสะใภ้ของฉันเหรอ พวกแกยังไม่มีคุณสมบัติพอ!
ซิงเหอไม่ได้ตอบคำถามของถงเยียนแต่ถามเบาๆ “คุณถงตั้งใจจะขอโทษฉันจริงๆ เหรอ”
ถงเยียนพยักหน้า “แน่นอน”
ซิงเหอยิ้มบางๆ “การขอโทษต้องมีความจริงใจ ถ้าคุณต้องการจะขอโทษแบบนี้ก็เก็บแรงของคุณไว้เถอะ”
“เธอว่าไงนะ!?” นิสัยปกติของถงเยียนกำลังจะปะทุขึ้นมาแต่เธอก็พยายามอดกลั้นมันไว้แล้วตอบด้วยรอยยิ้มครึ่งๆ กลางๆ “คุณเซี่ยพูดอย่างนั้นได้ยังไง ฉันมีแต่ความจริงใจเท่านั้น”
แม้กระทั่งผู้อาวุโสถงก็ขมวดคิ้ว “คุณเซี่ย ทั้งฉันและผู้อาวุโสเฉินมาที่นี่ด้วยตัวเองเพราะเห็นแก่หน้าคุณ แล้วเสี่ยวเยียนของเราก็ยอมถ่อมตัวลงมาขอให้คุณให้อภัยเธอ คุณจะบอกว่าพวกเราไม่จริงใจได้ยังไง”
“ผู้อาวุโสสี คุณเป็นผู้ตัดสินแล้วบอกพวกเรามาซิว่าพวกเราขาดความจริงใจเหรอ” อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสเฉินเลือกที่จะกดดันผู้อาวุโสสี “ผู้อาวุโสอย่างพวกเราสองคนมาที่นี่ด้วยตัวเองและมอบของขวัญให้มากมายหวังว่าพวกคุณจะไม่ถือสาเอาความเรื่องนี้ คุณจะบอกว่าพวกเราแสดงความจริงใจไม่พอจริงๆ เหรอ”
“ใช่แล้ว ทุกคนสามารถเห็นความจริงใจของพวกเราได้อย่างชัดเจน!” ผู้อาวุโสถงเสริมอย่างท้าทาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังปกป้องถงเยียนและรังแกตระกูลสีรวมถึงซิงเหอด้วย!
อย่างไรก็ตามตระกูลสีก็ทำแบบนั้นได้เหมือนกัน!
ผู้อาวุโสสีหัวเราะเบาๆ แต่ตอบอย่างไม่สนใจ “อยากให้ฉันตัดสินเหรอ ก็ได้ คำตัดสินของฉันก็คือในเมื่อซิงเหอบอกว่าพวกคุณทุกคนไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ งั้นเธอก็คงพูดถูก!”
“อะไรนะ” ผู้อาวุโสเฉินตกใจ
ผู้อาวุโสถงไม่คิดว่าผู้อาวุโสสีจะหน้าด้านแบบนี้ “ผู้อาวุโสสี คุณหมายความว่ายังไง เห็นได้ชัดว่าคุณกำลังปกป้องเซี่ยซิงเหอคนนี้และจงใจต่อต้านพวกเรา!”
“ไม่ใช่ว่าพวกคุณทุกคนก็ทำแบบนั้นกับถงเยียนเหมือนกันหรอ!” ผู้อาวุโสสีโต้ตอบอย่างไม่ลดละ “ถ้าคุณต้องการจะรังแกตระกูลสีของผม แน่นอนว่าผมก็ต้องโจมตีกลับ แต่คุณคิดว่าตระกูลสีของผมจะถูกรังแกได้ง่ายๆ เหรอ อย่างมากพวกเราก็จะสู้ไปจนถึงที่สุดแล้วมาดูกันว่าใครจะชนะ!”
“คุณ…” ผู้อาวุโสถงโมโหจนพูดอะไรไม่ออก แม้แต่ถงเยียนกับเฉินหรูก็กัดฟันด้วยความโกรธ
ไม่มีใครคิดเลยว่าผู้อาวุโสสีจะอวดดีและน่ารังเกียจแบบนี้ ไม่ไว้หน้าพวกเขาเลย
เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงกล้ามาพูดกับพวกเขาแบบนี้!
ผู้อาวุโสเฉินซึ่งมีความคิดรอบคอบมากกว่าไม่ได้โกรธแต่ค่อยๆ ถาม “ผู้อาวุโสสี คุณบอกว่าพวกเรารังแกครอบครัวของคุณ แต่ผมมีคำถาม บอกผมหน่อยว่าพวกเรารังแกคุณยังไง ครั้งนี้พวกเรามาขอโทษด้วยความจริงใจจริงๆ”
“ก็ได้ งั้นผมจะบอกคุณให้!” ผู้อาวุโสสีประกาศด้วยอำนาจ สายตาของเขาคมกริบ “ซิงเหอของพวกเราเดินทางมาที่นี่เพื่อช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยของประธานาธิบดีด้วยความมีน้ำใจ เธอมีบทบาทสำคัญในการคิดค้นหัวใจกลจนสำเร็จ แต่เธอได้อะไรกลับมา เด็กผู้หญิงจากตระกูลถงของคุณพยายามที่จะเอาชีวิตเธอเพียงเพราะว่าหล่อนไม่ชอบซิงเหอ ดังนั้นบอกผมมาสิว่าถ้านั่นไม่ใช่การรังแกตระกูลสีของผมแล้วมันคืออะไร หรือพวกคุณคิดว่าพวกเราจากตระกูลสีไร้ประโยชน์มากนัก คุณเลยสามารถดูหมิ่นและฆ่าคนของตระกูลสีเพียงเพราะว่าคุณอยากจะทำแบบนั้น!”
ตอนที่ 628 ไม่ได้ถูกหลอกง่ายๆ
ประโยคสุดท้ายของผู้อาวุโสสีทำให้ผู้อาวุโสเฉินและผู้อาวุโสถงไม่สบายใจ
ผู้อาวุโสเฉินอุทานอย่างเร่งรีบ “ผู้อาวุโสสี คุณไม่สามารถกล่าวหาเรื่องรุนแรงแบบนี้ พวกเราไปดูหมิ่นหรือพยายามฆ่าคนของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ผู้อาวุโสสี ข้อกล่าวหาแบบนี้ไม่ควรพูดออกมาง่ายๆ! คุณต้องรับผิดชอบ!” ผู้อาวุโสถงก็โต้กลับเหมือนกัน
ถงเยียนเองก็อยากจะพูดบางอย่างแต่ถูกเฉินหรูห้ามไว้ หล่อนส่งสัญญาณให้เธอปิดปากให้สนิท นี่ไม่ใช่เวลาหรือสถานที่ที่เธอควรพูด คำพูดของเธอมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงและทำให้ตระกูลสีโกรธมากขึ้นเท่านั้น
พวกเธอควรปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสทั้งสองคน พวกเธอแค่ต้องรอคอยผลลัพธ์อย่างเงียบๆ และอดทน
ถงเยียนเข้าใจสัญญาณของมารดาแต่ความขัดแย้งในใจของเธอนั้นไม่สามารถระงับไว้ได้ อย่างไรก็ตามเธอฉลาดพอที่จะรู้ว่าควรหุบปากเมื่อไหร่
ซิงเหอใช้สังเกตการสื่อสารของพวกเธอ แล้วแสงเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอแวบหนึ่ง พวกเธอคิดว่าการไม่พูดอะไรเลยจะแก้ปัญหาได้งั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!
ผู้อาวุโสสีใช้คำพูดโจมตีต่อไป “รับผิดชอบคำพูดของผม พวกคุณสองเขาคิดว่าผมพล่ามเรื่องไร้สาระงั้นเหรอ!”
เขาชี้นิ้วไปที่ถงเยียนด้วยความโมโหและเรียกร้อง “หล่อนลักพาตัวหลานสะใภ้ของผมไปแล้วขังเธออยู่ในห้องใต้ดินเพื่อปล่อยให้เธอตาย ถ้านั่นไม่ใช่การพยายามที่จะเอาชีวิตซิงเหอแล้วมันคืออะไร ถ้าไม่ได้หลานชายของผมบังคับให้หล่อนยอมบอกที่อยู่ของซิงเหอออกมาด้วยความยากเย็น เด็กผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นก็จะปล่อยให้ซิงเหอหิวตาย! ห้องใต้ดินถูกปิดไว้โดยสมบูรณ์ ใครจะไปรู้ว่าหลานสะใภ้ของผมจะมีชีวิตรอดอยู่ในนั้นได้นานแค่ไหน นี่เป็นการพยายามมุ่งร้ายต่อชีวิตเธอ แล้วพวกคุณสองคนยังกล้ามาบอกผมว่ามันเป็นแค่การเล่นพิเรนทร์อีกเหรอ คุณต้องล้อเล่นแน่! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็จะสั่งให้คนของผมไปลักพาตัวเด็กผู้หญิงคนนี้บ้าง ขังเธอไว้ในสถานที่ห่างไกลจากเมือง แล้วค่อยมาบอกพวกคุณว่ามันเป็นแค่การเล่นพิเรนทร์! อย่าคิดนะว่ามีแค่ตระกูลถงกับตระกูลเฉินของพวกคุณเท่านั้นที่ทำแบบนั้นได้! ตระกูลสีของผมก็สามารถเล่นพิเรนทร์แบบนั้นได้เหมือนกัน! ถ้าคุณไม่เชื่อผมก็รอดูได้เลย!”
ณ เวลานั้นสีหน้าของผู้อาวุโสถงกับผู้อาวุโสเฉินก็มืดมนลง พวกเขาคิดว่าจะสามารถปกปิดเรื่องนี้ได้ด้วยคำพูดสวยหรู แต่ตระกูลสีไม่ได้ถูกหลอกง่ายๆ
ผู้อาวุโสสีได้เปิดเผยเหตุการณ์ทั้งหมดออกมาในที่แจ้ง ดังนั้นแผนการที่พวกเขาตั้งใจจะแสร้งทำเป็นขอโทษเลยล้มเหลวอย่างยิ่งใหญ่
ในเมื่อตระกูลสีตัดสินใจที่จะมองการกระทำของถงเยียนเป็นการพยายามฆาตกรรมด้วยเจตนามุ่งร้ายเพื่อจะฆ่า งั้นคนพวกนี้ก็จะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ พวกเขาไม่สามารถพูดว่าการกระทำของถงเยียนเป็นการเล่นพิเรนทร์ของเด็กๆ ได้อีกต่อไป พวกเขาจำเป็นต้องแสดงความจริงใจให้เห็นบ้าง
หลังจากคิดเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ผู้อาวุโสเฉินก็ถอนหายใจแล้วประกาศออกมา “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณต้องการให้พวกเราจัดการเรื่องนี้กันยังไง คุณเสนอเงื่อนไขมา ถ้ามันเป็นสิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ พวกเราก็จะทำ”
ผู้อาวุโสถงได้ยินผู้อาวุโสเฉินพูดแบบนั้นก็เข้าใจ ตระกูลสีจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆ พวกเขาจำเป็นต้องเสียสละบางอย่างเพื่อที่จะยุติเรื่องนี้
“ผู้อาวุโสสี พวกเราตระกูลถงก็จะให้ข้อเสนอแบบเดียวกัน บอกมาเลยว่าจะให้พวกเราทำอะไรเพื่อจบเรื่องนี้”
เฉินหรูแสดงบทบาทของมารดาผู้ห่วงใยลูก เธออ้อนวอน “ผู้อาวุโสสี ฉันรู้ค่ะว่าครั้งนี้ถงเยียนของฉันทำเรื่องที่น่ากลัว แต่เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของฉัน เธอไม่ได้เป็นเพียงทายาทหญิงคนเดียวของตระกูลถงแต่ยังเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่ ตระกูลเฉินมี พวกเราไม่สามารถยอมให้เรื่องนี้ทำลายชีวิตเธอ ดังนั้นเสนอเงื่อนไขของคุณมาได้เลย แล้วพวกเราจะทำตามตราบใดที่คุณยอมปล่อยเธอไป”
ถงเยียนรับบทบาทของการแสดงต่อ เธอยื่นปากด้วยความเสียใจอย่างชัดเจน “คุณปู่สีคะ ตอนนี้หนูสำนึกผิดแล้วจริงๆ ครั้งนี้ได้โปรดให้อภัยหนูเถอะ”
ผู้อาวุโสเฉินเปลี่ยนวิธีเพื่อใช้ประโยชน์จากความเห็นอกเห็นใจ
“ผู้อาวุโสสี ตระกูลของพวกเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีแล้ว ครั้งนี้ผมจะยอมรับว่าพวกเราได้ล้ำเส้นและทำร้ายครอบครัวของคุณ แต่เห็นแก่มิตรภาพที่ยาวนานของพวกเรา คุณช่วยให้อภัยเด็กคนนี้หน่อยได้ไหม ตระกูลเฉินและตระกูลถงจะจดจำน้ำใจของคุณในครั้งนี้ตลอดไป”
ตอนที่ 629 ซิงเหอสำคัญมาก
ตระกูลเฉินกับตระกูลถงยอมถ่อมตัวลงมาขอร้องขนาดนี้แล้ว ดังนั้นคนปกติคงจะประเมินสถานการณ์ออกแล้วยอมจบเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสีไม่ใช่คนแบบนั้น
เขายังคงนิ่งเฉยและพูดว่า “พวกคุณสองคนจะมาบอกเรื่องนี้กับผมทำไม คำพูดของหลานสะใภ้ผมถือเป็นประกาศิตของเรื่องนี้ พวกเราจะแก้ไขปัญหานี้ยังไงก็ขึ้นอยู่กับเธอ ถ้าเธอปฏิเสธที่จะยอมรับคำขอโทษของพวกคุณ ตระกูลสีของเราก็จะสนับสนุนการติดสินใจของเธอไปจนถึงที่สุด”
สีหน้าของผู้อาวุโสเฉินและผู้อาวุโสถงมืดมนลง ตาแก่คนนี้กลายเป็นคนไร้ยางอายเพื่อปกป้องคนของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ สมัยหนุ่มๆ เขาไม่ใช่คนแบบนี้ เขาเคยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตระกูลสีเหนือสิ่งอื่นใด เขาจะไม่ทำแบบนี้เพื่อใครทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสีอีกแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นในท้ายที่สุดซิงเหอก็ปลอดภัยไม่ใช่เหรอ แล้วเขาทำแบบนี้ทำไม
“ผู้อาวุโสสี คุณเป็นตัวแทนของตระกูลสี แล้วทำไมคุณถึงไม่ใช่ผู้ที่ตัดสินปัญหานี้ล่ะคะ” เฉินหรูถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ผู้อาวุโสสีส่งเสียงหึอย่างเย็นชา เขาพูด “เพราะว่าซิงเหอยังไม่ยอมตกลงที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสี แน่นอนว่าผมไม่สามารถตัดสินใจแทนเธอได้ ตระกูลสีของเราต้องทำตัวให้เป็นที่ชื่นชอบของเธอ ถ้าในอนาคตจู่ๆ เธอตัดสินใจที่จะไม่แต่งเข้ามาในตระกูลสีก็แย่น่ะสิ”
นี่ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองคนตกตะลึง ตระกูลสีต้องทำตัวให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงธรรมดาตั้งแต่เมื่อไหร่
พวกเขาไม่ใช่คนโง่ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าตระกูลสีให้ความสำคัญกับซิงเหอมากแค่ไหน พวกเขาคิดว่าตระกูลสีจะเมินเฉยต่อเธอหลังจากที่หย่ากับมู่ไป๋ไปแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาตระหนักแล้วว่าตระกูลสียังคงหวังให้เธอแต่งเข้ามาในตระกูลอีกครั้ง มากถึงขนาดที่พวกเขายอมให้เธอเป็นคนตัดสินใจปัญหานี้
เซี่ยซิงเหอคนนี้มีความสามารถแบบไหนกันแน่ ตระกูลสีถึงให้ความสำคัญกับเธอขนาดนี้
พวกเขาหลายคนดูถูกซิงเหอมาตลอด แต่ตอนนี้วิธีที่พวกเขามองเธอได้เปลี่ยนไป คนที่พวกเขาคิดว่าสำคัญน้อยที่สุดกลับกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุด แผนการของพวกเขาผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น
ถงเยียนเองก็ประหลาดใจกับความสำคัญของเซี่ยซิงเหอ ถ้าเธอรู้เร็วกว่านี้… เธอคงไม่รีบร้อนลงมือ อย่างไรก็ตามถงเยียนไม่เสียใจที่เธอทำแบบนั้น เธอแค่เสียใจที่ไม่ได้วางแผนให้รอบคอบกว่านี้
“คุณเซี่ย ผู้อาวุโสสีพูดถูก คุณเป็นผู้เคราะห์ร้าย ดังนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณว่าจะยอมยุติเรื่องนี้ไหม บอกมาได้เลย คุณต้องการให้พวกเราชดเชยแบบไหนถึงจะยอมยกโทษให้เสี่ยวเยียน ไม่ต้องห่วง พวกเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำตามข้อเรียกร้องของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม” ผู้อาวุโสเฉินพูดอย่างใจดีแต่ด้วยน้ำเสียงมีอำนาจ”
ปกติแล้วการวางตัวที่น่าประทับใจของเขาจะได้รับความเคารพจากคนอื่น แทบจะทุกคนที่ต้องยินยอมให้กับอำนาจของเขา อย่างไรก็ตามซิงเหอไม่กังวล
“งั้นครั้งนี้คุณจะยอมขอโทษอย่างจริงใจไหม” ซิงเหอถามเบาๆ น้ำเสียงของเธอปราศจากอารมณ์โดยสิ้นเชิง
ดวงตาของผู้อาวุโสเฉินวาววาบ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
เขาตอบด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน คำขอโทษในครั้งนี้จะมีความจริงใจอย่างสุดซึ้ง”
ซิงเหอหันไปถามถงเยียน “นั่นรวมถึงคุณถงด้วยหรือเปล่า”
เธอพยักหน้า พยายามระงับความโกรธของตัวเอง “ถูกต้อง! ครั้งนี้ฉันจริงใจแน่นอน!”
คงไม่ต้องบอกว่าเธอไม่ได้จริงใจจริงๆ หรอกและเป็นธรรมดาที่ซิงเหอสามารถรับรู้ถึงความไม่เต็มใจของถงเยียน อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้สนใจคำขอโทษของถงเยียน สิ่งที่เธอต้องการคืออย่างอื่น
ซิงเหอพยักหน้าเล็กน้อย “ได้เลย ในเมื่อคุณถงเต็มใจที่จะแสดงความจริงใจ ฉันก็ต้องการให้คุณตอบคำถามข้อเดียวเท่านั้น”
“คำถามอะไร ถามมาได้เลย” ถงเยียนให้ความร่วมมืออย่างว่าง่ายสำหรับตอนนี้
ซิงเหอจ้องมองเธอแล้วถามอย่างสงบนิ่งแต่ชัดเจน “เหตุผลที่ทำให้คุณจ้องจะเอาชีวิตของฉันคืออะไร ฉันอยากได้ยินความจริง”
ตอนที่ 630 ไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์!
สายตาของถงเยียนสั่นไหวเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเธอรีบกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา “คุณพูดเรื่องอะไร จริงอยู่ที่ฉันเข้าใจคุณผิดไปบ้าง แล้วต่อมาคุณก็ทำให้ฉันรู้สึกอับอาย ดังนั้นฉันเลยต้องการจะแกล้งคุณเล่นๆ …”
ซิงเหอเยาะเย้ยและจ้องมองเธออย่างรุนแรง “คุณต้องการจะฆ่าฉันเพราะเรื่องแค่นั้น”
“ฉันบอกคุณแล้วว่ามันเป็นแค่การล้อเล้น…”
“พอได้แล้ว!” ซิงเหอตัดบทเธออย่างโหดเ**้ยม “ถงเยียน ถ้าคุณยังทำตัวแบบนี้ต่อไปก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องยอมรับคำขอโทษของคุณ คุณไม่ยอมรับความผิดของตัวเองด้วยซ้ำ แล้วคุณจะหวังให้ฉันให้อภัยคุณได้ยังไง”
“ฉันไม่ยอมรับความผิดของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่” ในที่สุดถงเยียนก็หมดความอดทน “เซี่ยซิงเหอ เธอพยายามจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรอีก ตระกูลถงและตระกูลเฉินของเรายอมออกหน้ามาอ้อนวอนให้เธอยกโทษให้ ดังนั้นอย่ามาทนสอบความอดทนของเรา! เธอคิดว่าพวกเรากลัวเธอจริงๆ เหรอ ฉันขอบอกเธอไว้เลยว่าเราแค่เห็นแก่หน้าตระกูลสีเท่านั้น เพราะฉะนั้นอย่ามาไม่รู้คุณคนแล้วลองเสี่ยงโชคของตัวเอง ไม่อย่างนั้นเธอกับตระกูลสีขี้แพ้ทุกคนอาจพบว่าตัวเองตายอยู่ในร่องน้ำที่ไหนสักที่โดยไม่รู้ว่าทำไมด้วยซ้ำ…”
“หุบปาก” ผู้อาวุโสเฉินตัดบทเธออย่างเกรี้ยวกราด เสียงคำรามอย่างกะทันหันของเขาทำให้ถงเยียนตกตะลึง เธอจ้องมองเขาด้วยความไม่เชื่ออย่างถึงที่สุด เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ คุณตาที่ปกติแล้วเอาอกเอาใจเธอทุกอย่างถึงตะโกนใส่เธอ เขาขึ้นเสียงกับเธอแบบนี้ได้ยังไง
ความผิดหวังและความโกรธทำให้น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเธอ
อย่างไรก็ตามนั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด ผู้อาวุโสถงก็ตำหนิเธอเหมือนกัน “ถงเยียน ใครสอนให้หลานพูดจาแบบนี้ มารยาทของหลานไปอยู่ที่ไหน! อีกอย่างใครเป็นคนชักจูงให้หลานแอบทำเรื่องแบบนั้น บอกพวกเรามาเร็วเข้า!”
ตระกูลถงและตระกูลเฉินต้องการรู้ว่าคนที่หลอกใช้ถงเยียนเป็นใคร เพราะว่าถ้าตัวตนของคนๆ นั้นถูกเปิดเผย พวกเขาก็จะสามารถโยนความผิดของถงเยียนไปให้คนๆ นั้นได้ ทว่าเด็กหญิงไม่ยอมบอกความจริง
ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังไม่ยอมสำนึกผิด ตั้งใจทำให้เรื่องมันแย่ลงกว่าเดิมอย่างไม่ลดละ เธอไม่เข้าใจหรือยังไงว่าถ้าเธอไม่ให้ความร่วมมือ ชีวิตของเธอก็จะจบสิ้น
ตระกูลสีได้ระบุจุดยืนแล้ว พวกเขาจะไม่ยอมถอยง่ายๆ
เด็กหญิงยังคงทึ่มทื่ออยู่แบบนี้ เธอยังคงอ่านสถานการณ์ไม่ออก เธอคิดจริงๆ เหรอว่าพวกเขาจะปกป้องเธอได้ตลอดไป
เธอไม่รู้เลยว่าตระกูลถงกับตระกูลเฉินอาจได้รับผลกระทบเพราะเธอ พวกเขาเอาหลายอย่างเข้าไปเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเธอ แล้วทำไมเธอยังโง่ถึงขนาดไม่เข้าใจเจตนาของพวกเขาอีก
เฉินหรูอาจทะนุถนอมลูกสาวของเธอ แต่เธอรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาตามใจลูก ถ้าศัตรูของพวกเธอเป็นตระกูลธรรมดาๆ ทั่วไป พวกเธอก็ยังสามารถตามใจความคิดที่ไม่มีเหตุผลของหล่อนได้ แต่ศัตรูของพวกเธอคือตระกูลสี
ถ้าตระกูลสีตัดสินใจที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ก็จะไม่มีใครรอดไปได้โดยไม่ได้รับความเสียหาย
ตระกูลเฉินกับตระกูลถงอาจมีอำนาจก็จริง แต่พวกเขาไม่ได้มีอำนาจถึงขนาดสามารถปิดบังฆาตกรได้ พวกเขาจะพังทลายจากแรงกดดันของสาธารณชน ดังนั้นพวกเขาจะต้องบังคับให้เธอพูดความจริงออกมา
“เสี่ยวเยียน…” เฉินหรูคว้าตัวเธอเข้ามากอดอย่างอ่อนโยนและปลอบใจเธอ “แม่ขอโทษที่ทำให้ลูกต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แค่เห็นน้ำตาของหนูก็ทำให้แม่เสียใจมากเลย”
ถงเยียนร้องไห้หนักขึ้นภายในอ้อมกอดของมารดา “คุณแม่ หนูเกลียดทุกคน แม่ทำอย่างนี้กับหนูได้ยังไง หนูไม่ได้ทำอะไรผิดเลยและหนูก็ขอโทษแล้ว ดังนั้นคุณแม่ทำอย่างนี้กับหนูได้ยังไง ทุกคนใจร้ายมากเลย รวมตัวกันแกล้งหนู!”
ถงเยียนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ น้ำตาของเธอร่วงลงมาเหมือนน้ำตก
ตอนที่ 631 ถูกตระกูลหลินหลอกใช้
ถงเยียนร้องไห้และโต้แย้งอย่างไม่มีเหตุผลราวกับเจ้าหญิงแต่ใจ เธอคิดว่าครอบครัวของเธอจะยกโทษให้เธออย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งปกติแล้วเป็นเช่นนั้นแต่ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป น้ำตาของเธอไม่อาจแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้อีกต่อไป
“เสี่ยวเยียน พวกเรารู้ว่าลูกได้รับรู้บทเรียนแล้วแต่ลูกต้องบอกพวกเราว่าทำไมลูกถึงทำแบบนี้ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าลูกยอมบอกพวกเราทุกคนจะให้อภัยลูกอย่างแน่นอน” เฉินหรูกล่าวแนะนำและปลอบโยนลูกสาวของเธออย่างอ่อนโยน
ถงเยียนมองผู้เป็นแม่ด้วยพร้อมน้ำตาที่เอ่อนองก่อนถามอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงเหรอคะ ถ้าหนูบอกเหตุผลแล้วทุกคนจะยกโทษให้หนูเหรอ”
“แน่นอน” เฉินหรูพยักหน้าด้วยความหนักแน่น
ผู้อาวุโสถงเองก็กล่าวคำมั่นเช่นกัน “พวกเราแค่อยากรู้ว่าทำไมหลานถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ เรื่องอื่นไม่ได้สำคัญอะไรเลย เสี่ยวเยียน ปู่รู้ว่าหลานเป็นเด็กซื่อตรง ดังนั้นถ้าหลานบอกความจริงกับพวกเราก็จะไม่มีใครโทษหลานอีก”
“ตาเองก็สัญญาเหมือนกัน!” ผู้อาวุโสเฉินกล่าวเสริม พวกเขายังคงช่วยกันปลอบประโลมถงเยียนราวกับเธอเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกใบนี้
ผู้อาวุโสเห็นดังนั้นแล้วแทบจะอาเจียน หากลูกหลานของเขาทำตัวแบบถงเยียนเขาคงตัดขาดกับลูกหลานคนนั้นเสียตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว
ซิงเหอที่มีอายุมากกว่าถงเยียนไม่กี่ปีเฝ้ามองดูสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ในที่สุดเมื่อถงเยียนได้รับการพะเน้าพะนอจากทุกคนจนพบใจเธอจึงตัดสินใจที่จะพูดความจริง
ถงเยียนชี้ไปทางซิงเหอและคร่ำครวญด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ที่จริงแล้วที่หนูทำแบบนี้ทั้งหมดเป็นความผิดของผู้หญิงคนนั้น”
“คุณปู่คุณตาก็รู้ว่าหนูเป็นเพื่อนกับพี่สาวตระกูลหลิน พวกตระกูลสีไม่เพียงแค่ฆ่าพี่หลินอวิ๋นเท่านั้นแต่เซี่ยซิงเหอยังฮุบบริษัทของพี่หลินจิงไปด้วย แม้แต่ที่บ้านท่านประธานาธิบดีมันก็ยังตั้งใจมาก่อกวนพี่หลินเชี่ยน ผู้หญิงคนนี้เป็นมนุษย์ที่น่ารังเกียจ หนูเลยอยากจะสั่งสอนมันแทนพี่ๆ หลิน!”
ทันทีที่ถงเยียนพูดจบ สีหน้าของทุกคนบิดเบี้ยวทันที
“งั้นที่คุณมาหาเรื่องฉันเพราะคุณต้องการช่วยตระกูลหลินระบายความไม่พอใจอย่างงั้นเหรอ” ซิงเหอถามอย่างง่ายๆ
ถงเยียนหยักหน้า “ถูกแล้ว ฉันเป็นเพื่อนที่ดีของพวกเขา ดังนั้นเธอจะมาโทษฉันไม่ได้ที่โดนหาเรื่องเพราะฉันแค่อยากจะช่วยเพื่อนฉันเท่านั้นแหละ”
“งั้นพวกตระกูลหลินต้องดูแลเธออย่างดีมากแน่ๆ” ซิงเหอพูดต่ออย่างนุ่มนวล
ถงเยียนยิ้มเยาะ “แน่นอนอยู่แล้ว! ทุกคนในตระกูลหลินดูแลฉันดีมากๆ เลยละ พวกเราตระกูลถงและตระกูลหลินเป็นมิตรที่สนิทสนมกันมาโดยตลอด”
ซิงเหอพยักหน้า “ตอนนี้ฉันมองเห็นภาพทั้หมดแล้ว”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องนี้ ฉันมีเหตุผลของฉัน! ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของเธอนั้นแหละ ทำไมเธอถึงต้องคอยทำลายตระกูลหลินด้วย พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดแถมพวกเขายังมีจิตใจดีงามถึงขนาดไม่เอาเรื่องเธอข้อหาฆาตกรรมพี่หลินอวิ๋นแต่เธอกลับตามจ้องล้างจองผลาญพวกเขา ดังนั้นนี่เป็นความผิดของเธอที่ทำตัวข้ามเส้นแล้วยังจะจองหองอีก พวกเขาใจดีเกินว่าที่จะทำอะไรคนอย่างเธอดังนั้นฉันถึงต้องช่วยพวกเขา เพราะฉะนั้นคราวหน้าเธอควรจะรู้จักทำตัวให้ดีกว่านี้แล้วเลิกทะนงตัวได้แล้ว” ถงเยียนกล่าวสั่งสอนซิงเหอราวกับเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง
ผู้อาวุโสสีระเบิดหัวเราะลั่น “คุณเฉิน คุณถง เจ้าหญิงน้อยของพวกคุณนี่น่ารักและใสซื่อเป็นบ้าเลยนะ!”
แถมยังโง่หาจนหาอะไรมาเปรียบไม่ได้เสียด้วย!
แน่นอนว่าผู้อาวุโสทั้งสองรับรู้ได้ถึงความประชดประชันในความเห็นอีกของอีกฝ่าย พวกเขาล้วนเป็นผู้เล่นตัวสำคัญในแวดวงการเมืองดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจได้ในทันที ถงเยียนถูกตระกูลหลินใช้ประโยชน์!
พวกเขารู้ว่าถงเยียนนั้นสนิทกับตระกูลหลินเพราะเธอตกหลุมรักนายน้อยคนที่สามของตระกูลหลินอยู่
ตอนที่ 632 ถึงเวลาโต้ตอบ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาตระกูลหลินปฏิบัติกับถงเยียนเป็นอย่างดีแต่จะเป็นเช่นนั้นก็ต่อเมื่อเธอยังคงมีประโยชน์กับพวกเขาเท่านั้น!
ผู้อาวุโสทั้งสองคิดถึงสิ่งต่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างรวดเร็ว ถงเยียนตกหลุมรักหลินหลินเซวียนมานานแล้ว
ในเวลานั้น บรรดานายน้อยรุ่นที่สองที่กล้าต่อกรกับหลินเซวียนต่างถูกถงเยียนสั่งสอนบทเรียนไปทั้งสิ้น ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นเพราะถงเยียนรักเพื่อนของเธอและความผิดก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยให้หลานสาวทำเช่นนั้น
แต่ตอนนี้ถงเยียนไปไกลถึงขั้นก่อเหตุฆาตกรรมเพื่อช่วยตระกูลหลิน นี่ทำให้พวกเขาสงสัยว่าตระกูลได้เสี้อมสอนและใช้ประโยชน์ถงเยียนมานานแล้ว
พวกเขารู้ถึงความบาดหมางระหว่างตระกูลสีและตระกูลหลิน ถงเยียนถูกบอกว่าตระกูลหลินนั้นสูงส่งเกินกว่าจะมาทำอะไรซิงเหอ มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน
พวกเขาเพียงแค่ใช้ประโยชน์ถงเยียนในการทำร้ายซิงเหอ ยิ่งไปกว่านั้นสุขภาพของท่านประธานาธิบดีเองก็ทรุดโทรมลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ดังนั้นตระกูลหลินจะต้องทำตัวไม่ให้น่าสงสัย นี่ทำให้พวกเขาสงสัยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะพวกตระกูลหลินไม่ต้องการให้มือของตัวเองต้องแปดเปื้อนเลือด ดังนั้นพวกเขาจึงส่งถงเยียนเข้ากองไฟแทนพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น หากความผิดของถงเยียนถูกเปิดโปง ชื่อเสียงของทั้งตระกูลถงและตระกูลเฉินก็จะได้รับผลกระทบ ทำให้พวกเขาเสียโอกาสที่จะต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งเก้าอี้ประธานาธิบดี ดังนั้นตระกูลหลินนั้นเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสามตัว!
นกตัวแรก พวกเขาสามารถแก้แค้นได้โดยไม่ต้องกระดิกนิ้ว
นกตัวที่สอง พวกเขาสามารถทำลายตระกูลถงและตระกูลเฉินได้โดยใช้ถงเยียน
นกตัวที่สาม พวกเขาสามารถกอบโกยผลประโยชน์ทั้งหมดในสังเวียนและฉกตำแหน่งประธานาธิบดีไปได้สำเร็จ!
ยิ่งผู้อาวุโสเฉินและผู้อาวุโสถงคิดเรื่องนี้มากเท่าใหร่ ใบหน้าของพวกเขาก็ยิ่งดำมืดมากขึ้นเท่านั้น แม้แต่เฉินหรูยังนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น…
เธอหันไปทางผู้เป็นพ่อและพ่อสามีของเธอด้วยความหวาดกลัว “คุณพ่อคะ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี”
ผู้อาวุโสเฉินกล่าวกับผู้อาวุสีด้วยสีน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านสี ดูเหมือนว่าวาพวกเราคงต้องขอยุติการพูดคุยครั้งนี้เพียงเท่านี้ก่อน พวกเรามีเรื่องบางอย่างที่สำคัญกว่าต้องทำ”
ผู้อาวุโสถงเองก็ถูกแทรกขึ้นมา “ใช่แล้ว พวกเรามีบางอย่างที่สำคัญมากต้องหารือกัน”
ผู้อาวุโสสีรอให้พวกเขาพูดเช่นนั้นอยู่แล้ว เขายิ้มสดใสและกล่าว “เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่มาดื่มชาด้วยกันสักวันหนึ่งล่ะ”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะเป็นคนจัดการเอง” ผู้อาวุโสเฉินให้คำมั่น
“งั้นเรื่องวันนี้ก็จบแค่นี้แล้วกัน” ผู้อาวุโสสีประกาศก่อนชำเลืองตามองไปยังถงเยียนสายตาดูถูกระดับหนึ่ง “พวกเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกับสาวน้อยคนนี้หรอกนะ อีกอย่างนี่ไม่ใช่ความผิดของเธอตั้งแต่แรก”
ผู้อาวุโสเฉินและผู้อาวุโสถงต่างยินดีที่ในที่สุดความขุ่นเคืองที่ถงเยียนเป็นคนทำได้ถูกยกไปไว้เบื้องหลังเสียที พวกเขาได้หลีกเลี่ยงหายนะครั้งใหญ่ไม่ให้เกิดขึ้นและยังได้รับรู้ถึงความทะเยอทะยานและแผนการชั่วร้ายของตระกูลหลินอีกด้วย
โชคดีที่พวกเขาค้นพบเรื่องนี้ได้ค่อนข้างเร็วไม่เช่นนั้นทุกอย่างอาจจะสายเกินไป ตอนนี้เป็นเวลาที่จะโต้กลับแล้ว!
ตระกูลหลินกล้ามาใช้ประโยชน์พวกเขาอย่างนั้นเหรอ รนหาที่ตายเสียแล้ว!
ผู้อาวุโสเฉินพาตัวถงเยียนกลับไปอย่างรวดเร็ว ถงเยียนยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเพียงแค่รู้สึกยินดีที่ได้รับการให้อภัย แต่คนอื่นๆ จากไปพร้อมกับหัวใจที่หนักอึ้ง
ถงเยียนไม่รู้เลยว่าการลงโทษที่รอเธออยู่คือการถูกกักบริเวณ อย่างน้อยเธอก็จะไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนจากตระกูลหลินอีกต่อไป
ทันทีที่พวกเขาจากไป มู่ไป๋ก็เดินเข้ามาในห้องรับรอง
ผู้อาวุโลสีมองหน้าหลานชายและหัวเราะ “ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีนะถ้าให้ฉันพูด มาดูกันว่าตระกูลหลินจะรับมือเรื่องนี้ยังไง”
“พวกเขาไม่ต้องลงมือโต้ตอบตระกูลหลินหรอก สิ่งที่พวกเขาทำได้คือการกดดันตระกูลหลินต่างหาก” มู่ไป๋พูดรอยยิ้มเย็นยะเยือก
ตอนที่ 633 ข่มตระกูลหลิน
ซิงเหอกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “แค่นั้นก็เกินพอแล้ว ภารกิจของเราในตอนนี้คือการห้ามไม่ให้ตระกูลหลินได้ตำแหน่งประธานาธิบดีไปครอง ปัญหาอื่นนอกเหนือจากนั้นเราสามารถค่อยๆ แก้ได้”
“ถูกต้อง ครั้งนี้ความปรารถนาของตระกูลหลินจะไม่มีทางเป็นจริง!” ผูอาวุโสสีกล่าวอย่างมีความสุข ตราบใดที่ตระกูลหลินไม่ได้รับใช้ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ยังมีโอกาสอีกเหลือเฟือที่จะจัดการกับอีกฝ่ายในอนาคต
บัดนี้ ตระกูลถง ตระกูลเฉิน และแม้แต่ท่านประธานาธิบดีเองก็จะหาทางข่มตระกูลหลิน ตระกูลหลินจะต้องรับมือการโจมตีจากรอบด้านที่จะเกิดขึ้นอย่างเปิดเผย โอกาสที่ตระกูลหลินทำพลาดจะมีสูงขึ้น และเมื่อความผิดพลาดเกิดขึ้น พวกเขาจะทำให้แน่ใจว่าตระกูลหลินถูกทำลายจนย่อยยับและหมดสิ้น!
อย่างที่ซิงเหอพูด เธอกลัวแค่ว่าตระกูลหลินจะไม่กล้ามาหาเรื่องพวกเขา แต่เมื่อพวกนั้นเริ่มลงมือ ตระกูลสีก็จะมีโอกาสโจมตีกลับอย่างรุนแรง
โชคดีที่ครั้งนี้ตระกูลหลินเลือกที่จะโจมตีพวกเขาไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ได้รับโอกาสดีเช่นนี้
ต้องขอบคุณเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่ทำให้พวกเขาพบจุดอ่อนของตระกูลหลิน นับจากนี้ความแตกหักระหว่างตระกูลสีและตระกูลหลินได้มาถึงจุดเดือดแล้ว
…
หลังจากตระกูลเฉินและตระกูลถงค้นพบความทะเยอทะยานของตระกูลหลินแล้ว พวกเขารายงานเรื่องนี้ให้ท่านประธานาธิบดีทราบทันที ภายหลังการสืบสวน ความทะเยอทะยานของตระกูลหลินก็ค่อยๆ เผยออกมา
การมีความทะเยอทะยานไม่ใช่เรื่องผิดแต่การหลอกใช้ถงเยียนนั้นผิดอย่างแน่นอน การใช้ประโยชน์จากถงเยียนก็เหมือนกับการใช้ประโยชน์ตระกูลเฉินและตระกูลถงรวมถึงท่านประธานาธิบดีด้วย ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราต้องเรียกร้องค่าชดใช้!
ตระกูลสียังช่วยให้หลักฐานการกระทำผิดกฎหมายมากมายของตระกูลหลิน ทำใหเป็นการรวมตัวกันของหลายตระกูลเพื่อกดดันตระกูลหลิน มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะไล่กวดตระกูลหลิน ปัญหามากมายถูกวางดักพวกเขาไว้ในทุกเส้นทางและไม่มีทางใดที่ส่งผลดีกลับพวกตระกูลหลินเลย
ยกตัวอย่างเช่น หลินเชี่ยนถูกย้ายออกจากบ้านของท่านประธานาธิบดีและทีมแพทย์ที่รักษาท่านด้วยเหตุผลบางประการ อำนาจบางอย่างที่อยู่มือของหลินคังถูกถอดออก แม้แต่ธุรกิจต่างๆ ของตระกูลหลินยังเริ่มประสบวิกฤต…
พูดอีกอย่างคือตระกูลหลินถูกต้อนจนมุมจากทุกด้าน ตระกูลหลินไม่ใช่คนโง่ทำให้พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ได้ออย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนพวกมันจะเริ่มสงสัยพวกเราแล้ว” ผู้อาวุโสหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักใจ
หลินเซวียนเสริมด้วยเสียงนุ่ม “ผมเองก็ติดต่อถงเยียนไม่ได้ ได้ยินมาว่าเธอถูกกักบริเวณ แผนการของเราถูกเปิดโปงแล้วอย่างแน่นอน”
“แล้วทีนี้เราจะทำยังไงกันดี” หลินคังหน้านิ่ว ความรู้สึกยุ่งยากแผ่กระจายไปทั่ว
พวกเขาไม่คิดว่าการหลอกใช้ถงเยียนจะสร้างปัญหาให้พงกเขาถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่อาจต่อกรกับอำนาจที่รวมกันของตระกูลถง ตระกูลเฉินและท่านประธานาธิบดีได้
ตระกูลเล็กๆ อื่นๆ ร่างอยู่ข้างท่านประธานาธิบดี คนพวกนั้นพร้อมที่จะทำตามความปรารถนาของท่านประธานาธิบดีอยู่แล้ว ทำให้เมื่อรู้ว่าท่านกำลังข่มตระกูลหลิน คนพวกนั้นก็ทำตามทันที
นี่คือสาเหตุที่มำให้ตระกูลหลินต้องการตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นอย่างมาก เพราะคนที่สามารถเข้าถึงคนหมู่มากได้ย่อมทำอะไรก็ได้
พวกเขาเกือบจะได้เก็บผลจากแผนการที่ลงมือลงแรงเอาไว้แล้ว
อนิจจา…
ตระกูลสีกลับเข้ามาขัดขวางแผนการของพวกเขาในนาทีสุดท้าย!
ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลสี ทุกอย่างจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
ผู้อาวุโสหลินตวาดใส่หลินเซวียนทันที “ฉันบอกแกก่อนหน้านี้แล้วว่าช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต่อกรกับตระกูลสี ตอนนี้เป็นไงละ! ไม่ใช่แค่ทำให้พวกมันไม่พอใจแต่เรายังตกเป็นเป้าของหลายฝ่ายอีก!”
ตอนที่ 634 วันคืนที่ยากลำบากในอนาคตสำหรับตระกูลหลิน
แผนการต่างๆ ของพวกเขาล้มเหลว โอกาสที่จะได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสูญสลาย สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคืนนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นการล้มสลายของตระกูลหลิน
แม้หลินเซวียนกำลังถูกต่อว่าแต่ท่าทีของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงนอกเสียจากดวงตาที่ปรากฏความชั่วร้าย “คุณปู่ครับ มันเป็นความจำเป็นที่เราต้องต่อกรกับตระกูลสี ท่านเองก็เข้าใจว่าเราต้องการเงินและตระกูลสีเป็นเป้าหมายที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้เราหาเงินได้”
“แต่ความผิดพลาดในครั้งนี้ทำให้ความพยายามของพวกเราทั้งหมดที่ผ่านมาสูญเปล่า!”
หลินคังร่วมตำหนิ “นับตั้งแต่วันที่เราตัดสินใจต่อกรกับตระกูลสี ทุกอย่างมีแต่จะเลวร้ายลง เราสูญเสียหลินอวิ๋น เป่าหวา แล้วตอนนี้ยังถูกโจมตีจากทั่วทุกสารทิศ ตระกูลสีเป็นพวกยอดมนุษย์จากต่างดาวหรือไงกัน”
“ยังไงซะเราต้องรอดจากเหตุการณ์คราวนี้ไปให้ได้ ไม่งั้นนี่จะเป็นจุดจบของตระกูลหลิน” ผู้อาวุโสหลินกล่าวสรุปด้วยความเกรี้ยวกราด
บรรดาสมาชิกผู้ชายของตระกูลหลินเริ่มต้นหารือเพื่อหาแนวคิดแต่พวกเขาจะรอดพ้นจากวิกฤตคราวนี้ไปได้ด้วยวิธีไหนกันล่ะ พวกเขาสูญความไว้วางใจของท่านประธานาธิบดีไปแล้ว พวกเขาจะแก้ไขมันได้ยังไงกัน
ยิ่งตระกูลหลินตกอยู่ในสถานการณ์นี้นานเท่าไหร่ ทุกอย่างก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น หากปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ตระกูลหลินคงไม่อาจอยู่รอดไปได้นานนัก
ตระกูหลินพยายามทุกวิถีทางเพื่อซ่อมความสัมพันธ์ที่มีกับตระกูลเฉินและตระกูลถงแต่ไร้ประโยนช์ พวกเขาใช้ประโยชน์ถงเยียนดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับการให้อภัยโดยง่าย
ทางเดียวที่ตระกูลหลินจะทำได้คือการปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พวกเขาไม่อาจยอมรับความผิดที่หลอกใช้ถงเยียนได้ ถ้าหากถงเยียนเกิดพลาดและซักทอดกลับมาหาพวกเขา ทุกอย่างก็มีแต่จะแย่ลงสำหรับตระกูลหลิน แต่การปฏิเสธก็ไร้ความหมายเพราะตระกูลเฉินและตระกูลถงต่างมองพวกเขาออกหมดแล้ว
ช่างเป็นช่วงเวลาวันคืนอันเลวร้ายสำหรับตระกูลหลินและพวกเขาทำได้เพียงแค่พยุงเขื่อนเอาไว้ไม่ให้พังลงมาเท่านั้น แต่นี่เป็นการลงโทษที่ยังไม่สาสมในสายตาของผู้อาวุโสสี
“ยังไม่จบ แค่นี้มันจะสาสมได้ยังไง! ให้ดีที่สุดต้องทำลายสมาชิกทุกคนของตระกูลหลินแล้วให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครได้พบจุดจบที่ดี! เมื่อนั้นการลงโทษถึงจะถือว่าสาสม!” ผู้อาวุโสสีตะโกนเสียงดังด้วยความเกรี้ยวกราดอยู่ภายในบ้าน ตระกูลหลินเกือบจะทำลายตระกูลสีและเกือบจะฆ่าซิงเหอ พวกเขาจะไม่ยอมไล่ล่าตระกูลหลินจนกว่าอีกฝ่ายจะโดนฟาดหน้าด้วยผลกรรมอย่างสาสมที่สุดเท่านั้น!
มู่ไป๋มาอยู่เป็นเพื่อนผู้อาวุโสสีในบ่ายวันนั้น เขาจิบน้ำชาในมือและพูดขึ้น “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับคุณปู่ บทลงโทษของพวกเขาจะต้องมาถึงในไม่ช้า แต่…”
“แต่อะไร” ผู้อาวุโสซักไซ้
ดวงตาสีเข้มของมู่ไป๋เป็นประกาย “ตระกูลหลินน่าจะมีแผนรับมือสำรอง การกำจัดพวกเขาคงไม่ง่ายนัก”
ซิงเหอพยักหน้า “ฉันเห็นด้วยค่ะ พวกเขาต้องทำอะไรเพื่อกอบกู้สถานการณ์นี้อย่างแน่นอน”
ผู้อาวุโสสีพยักหน้า “ความกังวลของพวกเจ้าสมเหตุสมผล เพราะถ้าตระกูลหลินถูกโค่นล้มได้ง่ายนักพวกมันคงไม่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ฉันขอชื่นชมที่พวกเจ้าทั้งสองยังไม่ยอมอ่อนข้อเพียงเพราะชัยชนะชั่วคราวนี้ วันที่ศัตรูพ่ายแพ้ย่อยยับเท่านั้นถึงจะเป็นวันที่เราสามารถหายใจได้อย่างไร้กังวล”
“เข้าใจแล้วครับ” มู่ไป๋ตอบรับ
ซิงเหอพยักหน้า “นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะยอมแพ้ เพราะตอนนี้คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เราต้องเตรียมตัวเพื่อโจมตีทันทีที่พวกตระกูลหลินโผล่หางออกมา!”
“พูดได้ดี ฉันเชื่อมั่นในตัวพวกเธอทั้งสองคน” ผู้อาวุโสสีพยักหน้าด้วยความพึงพอใจที่ได้เห็นความร่วมมือกันของมู่ไป๋และซิงเหอ พวกเขาแต่ละคนโดดเด่นในความสามารถของตัวเองแต่เมื่ออยู่คู่กันแล้วไม่มีใครอาจต่อกรกับพวกเขาได้
ผู้อาวุโสสีกล่าวแนะนำพร้อมเสียงหัวเราะลั่น “คิดว่ายังไง ถ้าเรื่องนี้จบ พวกเธอสองคนก็กลับมาแต่งงานกันซะนะ ปู่สัญญาว่ามันจะต้องเป็นงานแต่งงานแห่งศตวรรษอย่างแน่นอน!”
ตอนที่ 635 สูญเสียการควบคุม
ข้อเสนอที่โผลงขึ้นสร้างความประหลาดใจแก่ซิงเหอและมู่ไป๋
มู่ไป๋เป็นแรกที่หัวเราะ “สมบูรณ์แบบ ผมไม่มีปัญหาครับ”
“…” ซิงเหอตกอยู่ในความเงียบ หรือเธอควรจะยอมรับข้อเสนอทั้งอย่างนั้น
ผู้อาวุโสสีไม่รอให้ซิงเหอตอยและประกาศขึ้นเอง “ถ้างั้นเป็นอันตกลง เราจะเชิญทุกคนมาร่วมงานแต่งงาน นานแล้วที่ตระกูลสีไม่ได้เฉลิมฉลองอะไรแบบนี้ การแต่งงานนี้ควรค่าที่จะฉลอง”
ผู้อาวุโสสีหัวเราะชุดใหญ่ ไม่มีอะไรที่ผู้อาวุโสชาวจีนจะชื่นชอบมากไปกว่าการมีพีธีมงคลภายในบ้าน มู่ไป๋เองก็ตื่นเต้นไม่แพ้ผู้อาวุโสสีแต่ต้องหน้านิ่วเมื่อเห็นท่าทีไม่ยี่หระของซิงเหอ
หลังจากผู้อาวุโสสีปลีกตัวออกไปพักผ่อน มู่ไป๋จับมือซิงเหอและเอ่ยถาม “คุณเป็นอะไรไหม หรือคุณยังต้องการปฏิเสธที่จะแต่งงานกับผม”
“ฉันแค่ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงานแค่นั้นเอง” ซิงเหอตอบอย่างสัตย์ซื่อ
ความกังวลภายในใจของมู่ไป๋ทุเลาลงเล็กน้อย “งั้นทำไมตอนนี้คุณไม่คิดถึงมันเสียล่ะ ผมจะไม่บังคับคุณนะ คุณบอกผมได้ถ้ามีอะไรที่คุณยังคับข้องใจระหว่างคุณกับผม เราจะแต่งงานกันก็ต่อเมื่อคุณยินยอม แต่ถ้าคุณยังต้องการเวลา ผมก็จะเคารพในการตัดสินใจของคุณ”
เขาอ่อนโยนกันเธอมากเหลือเกินและนี่มีแต่จะทำให้ซิงเหอตัดสินใจลำบากยิ่งขึ้น
เมื่อซิงเหอถามตัวเอง มันไม่มีอะไรมาห้ามไม่ให้เธอตอบตกลงนอกเสียจากชีวิตสมรสที่เธอมีร่วมกับเขาก่อนหน้านี้ ซิงเหอพอใจกับความสัมพันธ์ในปัจจุบันและเธอกลัวว่าการแต่งงานจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป
เธอไม่กลัวที่จะเจ็บปวดหรือกลัวว่ามู่ไป๋จะนอกใจเธอ แต่เธอกลัวว่าตัวเองจะสูญเสียการควบคุมและสูญเสียตัวตนของตัวเองไปกับความสัมพันธ์ที่เป็นการถูกผูกมัด…
โดยปกติแล้วซิงเหอเป็นคนเก็บอาการ เธอกลัวอย่างจริงจังว่าเธอจะไม่สามารถคุ้นเคยกับความสัมพันธ์ที่เป็นการผูกมัดได้ แต่เธอเองก็นึกไม่ออกว่าตัวเองจะสามารถเลือกใครคนอื่นนอกจากสีมู่ไป๋เพื่อใช้ชีวิตร่วมกับเธอได้ ดังนั้นการปฏิเสธคำขอแต่งงานของเขาก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเช่นกัน
ซิงเหอพยักหน้า “ขอบคุณค่ะ ฉันจะให้คำตอบคุณหลังจากนี้”
เธอจะใช้เวลาในการจัดการกับสภาพจิตใจของตัวเองเสียก่อน
มู่ไป๋ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะดึงอีกฝ่ายเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เขาพูดที่ข้างหูของหญิงสาว “ไม่มีปัญหา ใช้เวลาคิดเรื่องทุกอย่างได้เลย ไม่จำเป็นต้องรีบหรอกและผมจะไม่กดดันให้คุณต้องตัดสินด้วย ผมหวังว่าคุณจะยังคงเป็นตัวคุณ ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจยังไง ผมจะยอมรับมันตราบเท่าที่มันทำให้คุณมีความสุข”
ซิงเหอก้มหัวลงเล็กน้อย หัวใจของเธออบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความใจดี
มู่ไป๋ยอมเปิดใจกว้างขนาดนี้เพื่อรักษาความรู้สึกของเธอดังนั้นเธอควรตอบรับความใจดีนี่ของเขา เธอจะเอาทัศนคตินี้ของเขามาประกอบการพิจารณ์ในขณะที่เธอพยายามหาคำตอบ หวังว่ามันจะเป็นคำตอบที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ…
…
ขณะที่ตระกูลเฉินและตระกูลถงกำลังจัดการกับตระกูลหลิน ในที่สุดซิงเหอและตระกูลสีก็ได้มีโอกาสพักหายใจ ซิงเหอยังได้เวลากลับมาจัดการเรื่องหัวใจเชิงกลของท่านประธานาธิบดี
ตระกูลสีได้ทำการเปิดศูนย์วิจัยแห่งใหม่ขึ้นในเมือง A เพื่อขยายธุรกิจอวัยวะแขนขาเทียมของพวกเขา และได้กลายเป็นที่ที่ซิงเหอใช้เวลาในแต่ละวันอยู่ที่นั่น แต่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากมู่ไป๋และลู่ฉี
แม้แต่ท่านประธานาธิบดีเองยังคิดว่าพวกเขายังคงมองหาวัสดุที่เหมาะสมที่สุดในการสร้างหัวใจเชิงกล ตระกูลหลินคิดว่าอาการป่วยของท่านประธานาธิบดีจะยังคงคุกคามตัวท่านต่อไปเพระวัสดุทั้งหมดที่ตระกูลหลินพบไม่สามารถนำมาใช้งานได้
สภาพร่างกายของท่านประธานาธิบดีทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องและนี่ถือเป็นข่าวดีเพียงอย่างเดียวสำหรับตระกูลหลิน
ความกดดันถาโถมเข้ามาแต่ก่อนที่พวกเขาจะถึงจุดวิบัติ ตระกูลหลินบังเอิญพบกับวิธีที่จะช่วยพวกเขาให้รอดจากหายนะอันแสนหนักหน่วงนี้ไปได้
ตอนที่ 636 พบนายหญิงหลิน
ให้คนทำผิดแก้ไขความผิดที่ตัวเองเป็นคนกระทำ ในเมื่อปัญหาของพวกเขาเริ่มต้นจากถงเยียน พวกเขาก็จะใช้ประโยชน์จากถงเยียนอีกครั้งในการเรียกจุดยืนของพวกเขากลับคืนมา!
เมื่อแผนการถูกวางไว้เรียบร้อยตระกูลหลินเริ่มเคลื่อนไหว ผู้อาวุโสหลินนั้นไม่อยากใช้แผนนี้แต่มันไม่มีทางตัวเลือกอื่นอีก หากตระกูลหลินไม่ก้าวข้ามอุปสรรคครั้งนี้ก็เท่ากับถึงจุดจบของพวกเขา
“ติดต่อเฉินหรูเดี๋ยวนี้ บอกเธอว่าเราต้องการขอโทษเธอเป็นการส่วนตัว” ผู้อาวุโสหลินออกคำสั่งกับภรรยาของตัวเอง
นายหญิงหลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีไหวพริบรู้แผนการที่อยู่ในใจสามีทันที เธอพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ ฉันจะโทรหาเธอเดี๋ยวนี้”
เพียงชั่วครู่ เฉินหรูก็ได้รับการติดต่อจากนายหญิงหลิน เฉินหรูนั้นมีมุมมองที่ดีต่อนายหญิงหลินมาโดยตลอด เธอยังจำของขวัญมากมายที่ได้รับจากนายหญิงหลินเมื่อครั้งที่เธอยังเด็กได้เป็นอย่างดี นายหญิงหลินถึงขนาดยกชุดเครื่องประดับมูลค่ามหาศาลให้เธอเป็นของขวัญในวันแต่งงาน
ถึงแม้เธอจะยังโกรธเคืองที่ตระกูลหลินหลอกใช้ลูกสาวของเธอแต่เธอก็ยังอยากไว้หน้านายหญิงหลิน ดังนั้นเธอจึงตอบรับคำเชิญไปร่วมกินอาหารมื้อกลางวันกับพวกเขาโดยไม่ได้บอกใครว่าเธอตอบรับคำเชิญในครั้งนี้
เธอตอบรับคำเชิญในครั้งนี้เพราะเธอต้องการกล่าวคำลากับพวกเขา เธอตั้งใจจะไม่สุงสิงกับตระกูลหลินอีกต่อไปในอนาคต เหมือนกับที่เขาว่ากันว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ เพราะเฉินหรูนั้นอ่อนต่อโลกจนคิดเช่นนั้น
…
โรงแรมที่ตระกูลหลินเชิญเธอมานั้นมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ตระกูลหลินได้ทำการจองโรงแรมไว้ทั้งหมด เมื่อเฉินหรูเดินทางมาถึง พวกเขาจึงเป็นแขกเพียงกลุ่มเดียวที่อยู่ที่นั่น พนักงานต้อนรับหญิงกล่าวต้อนรับเธออย่างนอบน้อม ณ บริเวณทางเข้าและนำทางเธอไปยังห้องห้องหนึ่ง
สัญชาตญาณของเฉินหรูบอกเธออย่างต่อเนื่องว่ามีบางอย่างผิดปกติ ต่อให้ตระกูลหลินต้องการเอาใจเธอจริง พวกเขาก้ไม่จำเป็นต้องจองทั้งโรงแรมและกัดคนออกไปจนหมดเช่นนี้ แต่เธอไม่สามารถตีเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาได้ออก
เมื่อพนักงานต้อนรับเปิดประตูห้องออก เฉินหรูมองเห็นนายหญิงหลิน ผู้อาวุโสหลิน รวมถึงหลินคังที่เป็นลูกชายคนโตของตระกูลหลินก็อยู่ที่นั่นด้วย!
“ในที่สุดก็มาถึงเสียทีนะเฉินหรู เข้ามานั่งข้างในก่อนสิ” นายหญิงหลินกล่าวต้อนรับอีกฝ่ายอย่างอบอุ่น
เฉินหรูเดินเข้าไปภายในอย่างระแวดระวังก่อนเอ่ยความเห็นของเธอพร้อมหัวเราะเฝื่อน “นายหญิงบอกว่าอาหารมื้อนี้จะมีแค่เราสองคนไม่ใช่เหรอคะ ทำไมผู้อาวุโสหลินและท่านผู้ว่าหลินถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
นายหญิงหลินตอบพร้อมรอยยิ้มใจดี “นั่งก่อนสิ พวกเรามีเรื่องสำคัญที่อยากปรึกษากับเธอ ฉันเลยต้องออกอุบายนิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว เราแค่อยากบอกอะไรบางอย่างกับเธอเท่านั้นเอง”
เฉินหรูหัวเราะ “พวกคุณไม่มีทางทำอันตรายอะไรฉันได้อยู่แล้วค่ะ แต่ฉันบอกได้เดี๋ยวนี้เลยว่าฉันไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ เหมือนลูกสาวของฉันหรอกนะคะ ดังนั้นอย่างคิดว่าพวกคุณจะหลอกใช้ฉันได้เหมือนกับที่ทำกับถงเยียน!”
“แน่นอน พวกเราไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก” ผู้อาวุโสสีกล่าวด้วยท่าทีเป็นมิตร เขามองมายังเฉินหรูด้วยรอยยิ้มใจดีราวกับผู้เป็นพ่อกำลังมองลูกสาวของตัวเอง นี่ทำให้เฉินหรูรู้สึกไม่สงบเป็นอย่างยิ่ง
“ถ้างั้นก็บอกมาว่าพวกคุณเรียกฉันมาทำไม!” เฉินหรูทิ้งตัวลงบนเก้าอี้และพูดกับอีกฝ่าย “ฉันให้เวลาสองนาทีแล้วฉันจะกลับแล้ว”
หลินคังมองอีกฝ่ายและกล่าวขึ้น “เสี่ยวหรู เธอกลับไม่ได้หรอก อันที่จริง ต่อให้เธออยากกลับเธอก็กลับไม่ได้”
เฉินหรูหน้านิ่ว “ท่านผู้ว่าหลิน คุณหมายความว่ายังไง ทั้งหมดนี่มันหมายความว่ายังไง!”
“พ่อน่าจะอธิบายให้เธอฟังหน่อยนะครับ” หลินคังมองไปยังผู้อาวุโสหลิน เช่นเดียวกับเฉินหรู
ทันใดนั้น ความโศกเศร้าและความรู้สึกผิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้อาวุโสหลิน
เฉินหรูรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง อยู่ๆ ผู้อาวุโสสีหลินกลับโอดครวญราวกับเจ็บปวดทั้งกายและใจ “เสี่ยวหรู เธอเป็นพวกเรา!”
ตอนที่ 637 ถูกขโมยไปตั้งแต่แรกเกิด
“เสี่ยวหรู เธออาจะไม่เชื่อแต่เราทั้งสองคนเป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ! เธอเป็นลูกสาวของตระกูลหลิน เป็นลูกสาวของพวกเรา!”
อะไรนะ!
เฉินหรูตาเบิกโพลงด้วยความไม่เชื่อ
นายหญิงหลินเริ่มร่ำไห้ราวกับถึงบทของตัวเอง “เสี่ยวหรู นี่เป็นความจริง พวกเราคือพ่อแม่ที่แท้จริงของลูก ลูกไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลเฉิน ลูกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา”
“เสี่ยวหรู หลังจากหลายปีที่ผ่านมาในที่สุดพวกเรามีความกล้าที่จะความจริงนี้กับเธอ” หลินคังกล่าวเสริมพร้อมใบหน้าที่เจ็บปวด
ความคิดของเฉินหรูกำลังเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง! เธอคือลูกสาวของตระกูลหลิน ไม่ใช่ตระกูลเฉิน… นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
เฉินหรูดีดตัวออกจากที่นั่งและพุ่งตรงเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกคุณอยากจะบอกอะไรกันแน่ พวกคุณเสียสติไปแล้วหรือไง ตระกูลหลินต้องเป็นบ้าไปหมดแล้วแน่ๆ พวกคุณหลอกใช้ลูกสาวฉันแล้วยังมาพูดเรื่องบ้าบอแบบนี้อีก ฉันจะให้พวกคุณได้ชดใช้ที่มาหลอกฉันแบบนี้!”
เฉินหรูหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรขอความช่วยเหลือ ผู้อาวุโสสีพูดห้ามเธอพร้อมกับข่มขู่เชิงอ้อนวอน “มันเป็นความจริง! ถ้าเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะ ลูกก็จบด้วยเหมือนกัน!”
นิ้วมือของเฉินหรูหยุดค้างอยู่กลางอากาศ
นายหญิงหลินมองเฉินหรูด้วยสายตาวิงวอน “เสี่ยวหรู ลองคิดดูสิ พวกเราปฏิบัติกลับลูกอย่างดีไม่ต่างจากคนในครอบครัวเดียวกันเลยใช่ไหม นั่นเพราะลูกคือลูกสาวของฉันจริงๆ”
“ลูกไม่ใช่ลูกสาวตระกูลเฉิน ไม่เคยรู้ตัวเลยหรือว่าหน้าตาของลูกไม่เหมือนกับคนพวกนั้น” ผู้อาวุโสหลินพูดกดดัน สีหน้าของเฉินหรูซีดลงทันที
เธอส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “พวกคุณโกหก! ฉันเป็นลูกสาวตระเฉิน! พวกเขามีลูกสาวสองคนและฉันคือหนึ่งในนั้น นี่เป็นความจริง ฉันเป็นลูกสาวของคุณพ่อ พวกคุณทุกคนกำลังโกหกฉัน!”
“นั้นเป็นเพราะเธอถูกสลับตัวไปตั้งแต่แรกเกิดไงละ” หลินคังประกาศคำขาด เมื่อเฉินหรูได้ยินดังนั้น ร่างกายของเธอแข็งทื่อไปหมด
“คุณพูดอะไร…”
หลินคังไม่ตอบแต่ผู้อาวุโสสีถอนหายใจและอธิบายด้วยความรู้สึกผิดอย่างมาก “เสี่ยวหรู นี่เป็นความผิดที่พวกเราทำไว้กับลูกเมื่อหลายสิบปีก่อน นายหญิงหลินและนายหญิงเฉินต่างตั้งท้องในเวลาเดียวกัน พวกเธอไปคลอดที่โรงพยาบาลเดียวกันและให้กำเนิดลูกสาวทั้งคู่ ในเวลานั้น สถานะของตระกูลหลินไม่มั่นคงนัก พวกเราอาจล่มสลายได้ทุกเมื่อ แม่ของลูกกับพ่อไม่ต้องการให้ชะตากรรมเช่นนั้นเกิดขึ้นกับลูก ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะไม่สนความผิดชอบชั่วดีและสับเปลี่ยนลูกกับลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลเฉิน ความเป็นจริงได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าเราคิดถูกเพราะลูกได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราและมีความสุขมาตลอดภายใต้การเลี้ยงดูของตระกูลเฉิน พวกเราไม่เคยคิดจะเปิดเผยเรื่องนี้ให้ลูกรู้ในเมื่อลูกกำลังมีชิวิตอย่างมีความสุขแต่ตอนนี้ตระกูลหลินอยู่บนความเป็นความตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอให้ลูกช่วย”
“เสี่ยวหรู พ่อพูดถูกแล้ว ฉันเป็นพยานได้ว่าเกิดการสับเปลี่ยนขึ้นจริงๆ” หลินคังกล่าวเสริม
ร่างกายของเฉินหรูสั่นเทาขณะจ้องเขม็งไปยังคนที่นั่งอยุ่ตรงหน้า ส่วนผสมของความหวาดกลัวและความโกรธเกิดขึ้นในใจของเธอเพราะเธอเริ่มที่จะเชื่อว่าพวกเขากำลังพูดความจริง
แต่เธอจะเป็นลูกสาวตระกูลหลินได้ยังไงกัน เธอเป็นลูกสาวตระกูลเฉินต่างหาก!
ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนตัวตนของเธอในฐานะลูกสาวคนที่สองของตระกูลเฉินได้
เฉินหรูส่ายหัวด้วยความหนักแน่น “พวกคุณทุกคนกำลังหลอกฉัน ฉันไม่เชื่อพวกคุณ… ต่อให้ฉันตายฉันก็ไม่เชื่อ! ฉันขอสั่งห้ามไม่ให้พวกคุณพูดถึงเรื่องนี้กับฉันอีกในอนาคตไม่อย่างนั้นพวกคุณจะได้ใช้เรื่องนี้ในนรกแน่! ตระกูลเฉิน ตระกูลถงและพี่สาวของฉันจะไม่มีวันยกโทษให้พวกคุณ!”
ตอนที่ 638 ไม่เป็นประโยชน์กับผู้ใด
“เสี่ยวหรู ถ้าลูกไม่เชื่อ เราไปตรวจดีเอ็นเอกันเดี๋ยวนี้เลยก็ได้” ผู้อาวุโสหลินลุกขึ้นยืนพร้อมประกาศวิธีที่ชัดเจน “ฉันสาบานได้ว่าลูกเป็นลูกสาวของฉัน เป็นความจริงไม่ว่าลูกจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม นี่หมายความว่าลูกเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลิน ถ้าพวกเราจบ ลูกก็จบด้วยเช่นกัน ถ้าข่าวว่าลูกไม่ใช่ลูกสาวคนที่สองของตระกูลหลินถูกเปิดโปง ลูกคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
เฉินหรูหยุดฝีเท้าของตัวเองและยืนแข็งทื่อ ความหวาดกลัวภายในเกาะกุมหัวใจของเธอ เฉินหรูรู้สึกราวกับท้องฟ้ากำลังถล่มและแผ่นดินที่พื้นกำลังสั่นสะเทือน ชีวิตของเธอผกผัน เฉินหรูเข้าใจดีถึงสิ่งที่จะตามมาหากตัวตนของเธอถูกเปิดโปง!
…
เฉินหรูตัดสินใจที่จะทำการตรวจดีเอ็นเอกับตระกูลหลิน หลังเสร็จสิ้น เธอเดินทางกลับบ้านอย่างไร้เรี่ยวแรงก่อนที่สาวรับใช้จะเข้ามารายงานเธอ “คุณหญิงคะ คุณหนูไม่ยอมกินอาหารอีกแล้วค่ะและทำลายข้าวของอีกหลายอย่างด้วยค่ะ”
นับตั้งแต่ถงเยียนถูกกักบริเวณ เธอก็เป็นทุกข์อย่างมาก ถงเยียนต้องการไปพบหลินเซวียนแต่ไม่มีใครในครอบครัวอนุญาตให้เธอทำเช่นนั้น นอกจากนี้พวกเขายังขังเธอไว้แต่ในบ้านราวกับนักโทษและนี่ทำให้เธอโกรธมากยิ่งขึ้นไปอีก
ในตอนแรกเธอกล้ำกลืนยอมรับเพราะเธอได้ทำบางอย่างที่ผิดอยู่บ้างแต่หลังจากเวลาผ่านไปไม่นานเธอก็ทนไม่ไหว เมื่อไม่มีใครอยู่ในบ้านเธอเริ่มสร้างปัญหา
เธอทำลายสิ่งของมีค่ามากมายและข่มขู่บรรดาสาวรับใช้และพ่อบ้าน “พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้ามาขังฉันไว้แบบนี้ ออกไปให้พ้นไม่งั้นฉันจะฆ่าพวกแกทิ้งซะ ฉันเป็นคุณหนูตระกูลถง ไม่มีใครกล้าเอาผิดกับฉันต่อให้ฉันฆ่าพวกแกทุกคนก็เถอะ ถ้ายังกลัวตายก็ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!”
เมื่อถงเยียนพูดจบ น้ำเสียงเย็นชาของเฉินหรูดังขึ้น “พวกเธอทั้งหมดออกไปแล้ว”
บรรดาคนรับใช้ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าเฉินหรูได้เดินทางกลับมาแล้ว
“รับทราบ คุณผู้หญิง” ทุกคนรีบออกจากห้องในทันทีและปฏิเสธที่จะเสียเวลาเพิ่มอีกแม้แต่วินาทีเดียวให้ผู้หญิงร้ายกาจแสนเอาแต่ใจคนนี้
“ทำไมแม่ถึงขังหนูไว้ไม่ยอมให้หนูออกไปแบบนี้ล่ะคะ” ถงเยียนบ่นด้วยความไม่พอใจ “เรื่องของหนูก็แก้ปัญหาไปแล้วนี่แถมตระกูลสีเองยังบอกเลยว่าเขาจะไม่เอาเรื่องอะไรหนูอีก แล้วทำไมทุกคนถึงยังชังหนูไว้แบบนี้อีก แม่คะ ออกไปซื้อของกันเถอะนะคะ หนูเบื่อจะตายอยู่แล้ว!”
เฉินหรูมองดูใบหน้าลูกสาวของตัวเองด้วยตาไม่กระพริบ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆ มากมาย
เธอไม่มีเรี่ยวแรงหรือเวลาที่จะมาปลอบโยนลูกสาว เธอพูดด้วยความนุ่มนวล “นี่เพื่อตัวของลูกเองนะ ลูกจะได้รับอิสระหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“ทำไมล่ะคะ” ถงเยียนเรียกร้อง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำกับเธอแบบนี้ “คุณแม่ หนู่ไม่สน วันนี้หนูจะออกไปข้างนอก ถ้าไม่อย่างนั้นหนู่จะอดข้าวจนตายไปเลยในเมื่อไม่มีใครสนใจหนูอยู่แล้วนี่!”
หากเป็นเมื่อก่อน ด้วยวิธีการเช่นนี้ ถงเยียนจะสามารถทำให้แม่ของเธอใจอ่อนและยอมให้เธอทำทุกอย่างที่เธอต้องการ แต่ตอนนี้เฉินหรูไม่มีแรงจะมาเอาอกเอาใจความเอาแต่ใจของถงเยียน
“ถ้างั้นก็เอาเลย แต่คราวนี้ลูกจะไม่ได้ก้าวออกจากบ้านหลังนี้ ถ้าลูกยังไม่ยอมฟัง แม่จะส่งลูกไปอยู่โรงเรียนของกองทัพแล้วลูกจะไม่มีวันได้รับอิสระอีกเลย”
ถงเยียนมองแม่ของตัวเองด้วยตาถลน เธอคิดว่าเฉินหรูจะปลอบโยนเธอและให้ในสิ่งที่เธอเรียกร้อง เธอไม่คิดว่าเฉินหรูจะไม่แยแสเธอเช่นนี้และถึงขนาดขู่ว่าจะส่งเธอไปอยู่โรงเรียนของกองทัพ
ตอนที่ 639 โชคดีที่ยอมแพ้
โรงเรียนของกองทัพนั้นเป็นสถานที่แห่งฝันร้าย แม่ขู่ว่าจะส่งเธอไปยังสถานที่แบบนั้นได้ยังไงกัน ถงเยียนน้ำตาเอ่อ “แม่ไม่รักหนูแล้ว แม่ขู่หนูแบบนี้ได้ยังไง ทุกคนไม่รักหนูแล้วใช่ไหม ทุกคนเปลี่ยนไป”
เฉินหรูถอนหายใจและรู้สึกปวดหัว “แม่บอกแล้วไงว่านี่ก็เพื่อตัวลูกเอง ดังนั้นหยุดสร้างเรื่องไม่งั้นแม่จะส่งลูกไปโรงเรียนของกองทัพจริงๆ!”
เฉินหรูยื่นคำขาดก่อนลุกขึ้นเพื่อเดินออกไป ถงเยียนอึ้งอีกครั้งแต่เธอฉลาดพอที่จะรู้จักเปลี่ยนกลยุทธ เธอกอดแขนแม่ของตัวเองเอาไว้และพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน “แม่ โอเคค่ะ ตั้งแต่นี้หนูจะเป็นเด็กดี แม่อย่าโกรธหนูเลยนะคะ แต่หนูเบื่อมากจริงๆ แม่ช่วยพาหนูออกไปทีได้ไหม หนูสัญญาว่าหนูจะไม่ไปไหนนอกจากไปเยี่ยมคุณตา หนูคิดถึงคุณตาจังเลย หนูขอไปเจอคุณตาหน่อยไม่ได้เหรอคะ”
“ไม่ได้!” เฉินหรูสะดุ้งราวกับถูกแทงด้วยเข็ม ท่าทีไม่ปกติของเธอทำให้ถงเยียนสะดุ้งตามไปด้วย
เฉินหรูรู้ตัวทันทีว่าทำตัวบ้าบอแค่ไหนออกมา เธอจึงปรับโทนเสียงให้นุ่มนวลขึ้นและพูดกับลูกสาว “ตอนนี้คุณตาของลูกกำลังยุ่งมาก ลูกไม่ควรไปรบกวนท่านนะจ้ะ ลูกไม่มีการบ้านต้องไปทำอย่างนั้นเหรอ ไปทำเสียสิ”
“ถ้างั้นหนูอยากไปพบคุณป้าที่บ้านท่านประธานาธิบดีได้ใช่ไหมคะ”
“ไม่ได้!” เฉินหรูเดือดดาลขึ้นอีกครั้ง เธอเลิกแกล้งทำและกล่าวเตือนถงเยียนด้วยน้ำเสียงดุดัน “ลูกไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านหลังนี้และเจอใครทั้งนั้น ไม่งั้นเราตัดแม่ตัดลูกกัน!”
จากนั้นเฉินหรูเดินจากไปปล่อยถงเยียนที่กำลังอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกไว้เบื้องหลัง ถงเยียนทั้งเสียใจและปวดร้าว เกิดอะไรขึ้นกับแม่? ทำไมม้าถึงโกรธเรามากขนาดนี้? แม่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน… ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับทุกคนกันแน่
หรือทุกคนจะไม่รักเธอแล้วเพราะความผิดพลาดเล็กน้อยเพียงครั้งเดียวนั่นจริงๆ เธอเป็นเจ้าหญิงของทุกคน เป็นที่รักของพวกเขาไม่ใช่เหรอ? ทำไมพวกเขาถึงทำกับเธอเลวร้ายแบบนี้ล่ะ
ถงเยียนรู้สึกโกรธและไม่พอใจ เธอต้องหาใครสักคนมาป้ายความผิดและซิงเหอเป็นเป้าหมายที่ง่ายที่สุด ถ้าไม่มีนังสารเลวซิงเหอนั่น ทุกอย่างนี่ก็จะไม่เกิดขึ้น!
แต่ไม่ว่าถงเยียนจะเกลียดชังซิงเหอมากแค่ไหน เธอก็ไม่อาจทำอะไรได้เพราะเธออยู่ในระหว่างถูกกักบริเวณ
อีกด้านหนึ่ง ซิงเหอกำลังรอให้ตระกูลหลินเริ่มโจมตี แต่เวลาผ่านไปหลายวัน ตระกูลหลินก็ยังไม่เคลื่อนไหว
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ” มู่ไป๋เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันน่าดึงดูด
ซิงเหอดึงตัวเองออกจากห้วงความคิดและตอบ “แค่กำลังคิดว่าทำไมตระกูลหลินถึงยังไม่เคลื่อนไหว”
มู่ไป๋ยิ้ม “ไม่ต้องห่วงหรอก อีกไม่นานพวกนั้นต้องขยับตัวแน่”
“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันแค่สงสัยว่าทำไมพวกนั้นถึงรอนานนัก”
มู่ไป๋อดขำไม่ได้ “งั้นนี่คุณกำลังรอให้พวกเขามาหาเรื่องเรางั้นเหรอ”
ดวงตาสีเข้มของซิงเหอเฉียบคมขึ้น “แน่นอน ไม่งั้นเราจะทำให้พวกเขามาติดกับได้ยังไงถ้าพวกเขาไม่เคลื่อนไหว”
แววตาที่มู๋ไป๋จ้องมองซิงเหอสดใสขึ้น “คงมีแต่คุณที่ต้องการให้ศัตรูเป็นฝ่ายโจมตี”
คนส่วนใหญ่คงหวาดกลัวว่าศัตรูของตัวเองจะกลับมาแก้แค้นแต่ซิงเหอนั้นกลับตรงกันข้าม เธอกลัวว่าศัตรูของเธอจะไม่ทำเช่นนั้น เธอมีแต่จะโต้กลับอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นหากมีการประชัน ดังนั้นบรรดาศัตรูของเธอมักพบจุดจบที่น่าสลดใจ ซิงเหอเป็นคนที่ไม่มีวันหลบหลีกจากการท้าทาย ความมุ่งมั่นอย่างไม่ย่อท้อของเธอเป็นพลังที่แท้จริงที่ต้องคำนึงถึง
มู่ไป๋มองดูอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วนและลึกซึ้ง ก่อนพูดขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมถอนหายใจ “โชคดีที่ผมยอมแพ้คุณมาตั้งนานแล้ว แถมยังขออยู่ข้างคุณมาตลอด”
ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องพบจุดจบที่น่าสยดสยองหลังจากต้องเผชิญหน้ากับซิงเหอก็เป็นได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น