สาวน้อยปลูกผัก 609-613

 TQF:บทที่ 609 อดีตตระกูลฟาง (1)


วิธีแบบนี้น่าสยดสยองเกินไปจริงๆ ลงมือทีก็เป็นการฆ่าอย่างไว้หน้า กว่า 40 ชีวิตถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นในครั้งเดียว


“เจ้า พวกเจ้า…” ผู้เฒ่าชุดดำโกรธจนตัวสั่น คำรามอย่างเกรี้ยวกราด “นังสารเลวนี่ ข้าขอสู้ตายกับพวกเจ้า”


คนของตัวเองตายจนหมด ผู้เฒ่าชุดดำโมโหอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ เขากำมีดวิเศษไว้แน่น พุ่งเข้าใส่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยอย่างบ้าคลั่ง ฟาดฟันครั้งแล้วครั้งเล่า ตวัดจนเป็นแสงสีเงิน เสมือนว่าจะสับพวกนางให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่ตายไม่รามือ


“เหลวไหล…”


หยูเฮงน้อยมองตาเฒ่าที่สู้สุดฤทธิ์อย่างไม่แยแส ความหยั่งรู้ของวิญญาณนางแข็งแกร่งอย่างมาก ไม่ใช่อะไรที่ผู้เฒ่าชุดดำคนนี้จะจินตนาการออก มีดของเขายังคงฟาดฟันมาติดๆ แต่หยูเฮงน้อยสามารถหลบได้ตลอดเวลาเหมือนกับรู้ฝีมีดเขาอยู่แล้ว


“แฮ่กๆ…”


หลังจากที่ฟาดฟันไปติดๆหลายร้อยที ผู้เฒ่าชุดดำก็เหนื่อยหอบจนเหงื่อแตก หยูเฮงน้อยกลับไม่ได้เป็นอะไร ยืนด้วยท่าทีสบายๆ ใบหน้าน่ารักมองผู้เฒ่าชุดดำด้วยรอยยิ้ม


“เล่นพอแล้วสินะ งั้นก็ตาข้าเล่นกับเจ้าบ้างแล้ว”


พูดจบก็มีประกายปรากฏอยู่ในแววตาของหยูเฮงน้อย มือเล็กๆตวัดไม้ตบยุงไปที่เขาอย่างไม่ออมมือ


“เพียะๆๆ”


เกิดเสียงดังขึ้นอยู่ในป่าอย่างไม่หยุดหย่อน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองตาแก่ที่รนหาที่อย่างเวทนา แหยมใครไม่แหยม ทำเรื่องชั่วแล้วดันมาเจอกับนางมารร้อย รนหาที่ตายจริงๆ


“ไอระยำเอ๊ย กล้ามาแหยมกับคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน เจ้าไม่รู้ใช่มั้ยว่าคำว่าตายเขียนยังไง วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าคำว่าตายเขียนยังไง”


“เพียะๆๆๆๆ”


หยูเฮงน้อยด่าโดยที่ไม่ได้หยุดมือลง หลางยี่ชิงที่ยืนอยู่ข้างล่างดูจนลูกตาแทบจะถลนออกมา ตาแก่นี่เป็นถึงก้าวสู่เทพเทวา กลับไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยภายใต้เงื้อมมือของผู้คุมหยูเฮง


พ่ายแพ้ พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบ


“ไอแก่เอ๊ย ระยำ สารเลว พ่อแม่ของเจ้าไม่เคยบอกหรอว่าใครแหยมได้ ใครแหยมไม่ได้ จะหาเรื่องพวกเรากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน เก่งกล้าเหลือเกินนะ ไอระยำวอนโดนตี ข้าจะตีเจ้าให้ตายเดี๋ยวนี้”


“เพียะๆๆๆๆๆๆๆ”


มือเล็กๆที่โบกไปมายังไม่ได้หยุดลง เสียงตบหน้ายังคงดังสะท้อนอยู่ในป่าผืนนี้ ผู้เฒ่าชุดดำที่ถูกตีจนหน้าบวมเลือดไหลออกจากปากเป็นทางอย่าว่าแต่จะตอบโต้เลย จะพูดสักคำยังยากจะเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ เขาได้กลายเป็นผู้ถูกกระทำอย่างสิ้นเชิง


หยูเฮงน้อยจ้องสายตาเคียดแค้นของเขา มีความมุ่งร้ายแผ่ซ่านออกมาจากตัวนางกลบไปทั้งผืนฟ้าและแผ่นดิน “ทำไม อยากจะแก้แค้นเหรอ บอกให้นะ เจ้าไม่มีโอกาสหรอก” พูดจบหยูเฮงน้อยก็ส่งฝ่ามือออกไปยังผู้เฒ่าชุดดำ


เสียงตู้มดังขึ้น ฝ่ามือนี้รวดเร็วปานสายฟ้า เสียงดังกึกก้องด้วยพลังมหาศาล ระเบิดผู้เฒ่าชุดดำให้กระเด็นออกไป


ร่างที่บินออกไปในอากาศเกิดเป็นแสงสีฟ้าที่วาบผ่านไป


“ตู้มม”


ผู้เฒ่าชุดดำกระเด็นไปที่พื้นด้วยฝ่ามือของหยูเฮงน้อย ร่างกายแตกออกเป็นส่วนๆ เลือดเนื้อผสมปนเปมั่วไปหมด ตายจนไม่รู้จะตายยังไงแล้ว แม้แต่วิญญาณก็คงถูกหยูเฮงน้อยระเบิดทิ้งไปจนสิ้น


หยูเฮงน้อยที่ลอยอยู่ในอากาศมีแววตาบ้าเลือด ราวกับเทพแห่งการฆ่าทำลายล้าง กำลังเก็บเกี่ยวชีวิตอย่างไร้หัวใจ เปลี่ยนที่นี่ให้เป็นดั่งนรก มีเพียงเลือดที่กระเด็นไปทั่วกับอีกหลายสิบศพ


นาทีต่อมาหยูเฮงน้อยก็ก้าวไปดูคนที่อยู่ที่พื้น ตวัดมือเก็บของในตัวเขามาจนหมดก่อนจะพยักหน้า “ศพของคนพวกนี้ไม่เลว ยังไงก็เป็นถึงจักพรรดิ์อมตะ เอาไปเป็นเสบียงให้เหล่าสัตว์อสูรดีกว่า”


พูดจบหยูเฮงน้อยก็เก็บซากศพพวกนี้เข้ามิติจนหมด


เอาคนไปเป็นเป็นอาหารให้สัตว์อสูร สำหรับหยูเฮงน้อยและหลางยี่ชิงเป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่สำหรับมนุษย์จริงๆที่ไม่ว่าจะเป็นฟางซูหยุนหรือเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ออกจะยอมรับได้ยากหน่อย


แม้ว่าจะไม่สบายใจอยู่บ้างแต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่ได้ว่าอะไร อย่างไรซะเรื่องคนกินสัตว์หรือสัตว์กินคนก็เป็นกฎธรรมชาติที่ยุติธรรม


“วันหลังห้ามพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นอีกนะ” ฟางซูหยุนอดเตือนไม่ได้ จะได้ไม่ถูกเจ้าพวกคนที่อ้างว่าเป็นผู้มีคุณธรรมออกมากวาดล้างอธรรม แล้วถูกคนอื่นไล่ฆ่าอย่างไร้เหตุผล


หยูเฮงน้อยเฉลียวฉลาดอยู่แล้วจึงเข้าใจความหมายของฟางซูหยุนทันที นางยิ้ม “ฮูหยินฟาง ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่ปล่อยให้คนอื่นรู้หรอก”


“เข้าใจก็ดี” ฟางซูหยุนพยักหน้า สายตาเบือนไปที่หลางยี่ชิงและถามขึ้น “เจ้าหลาง ตอนนี้สถานการณ์ในชิงยางเป็นอย่างไรบ้าง”


“ทูนฮูหยินฟาง พวกเราได้ที่อยู่ในชิงยางแล้ว พ่อบ้านยิ่งซื้อบ้านไว้เรียบร้อย ตึกจงหยวนก็เปิดร้านเมื่อต้นเดือนนี้ ขายดีไม่น้อย มีคนมากมายมาซื้อของที่ตึกจงหยวนในทุกๆวัน” หลางยี่ชิงรีบบอกเรื่องที่ตัวเองรู้


ได้ยินข่าวนี้ 3 สาวสวยพากันพยักหน้า ชิงยางได้ใช่เพียงแค่อำเภอระดับ 1 เท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือที่นั่นเป็นเมืองแห่งราชวงศ์ ไม่ใช่แค่คนในราชวงศ์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ ขุนนางชั้นน้อยใหญ่ อิทธิพลใหญ่ต่างๆรวมถึงตระกูลใหญ่ต่างๆก็เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นที่ที่ยุ่งวุ่นวายมากถึงมากที่สุด


อยากจะมีที่ยืนในที่แห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย อยากจะซื้อบ้านและตึกรางร้านค้าก็เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่ายาก โดยเฉพาะกันคนนอกแล้ว อย่าว่าแต่ภายใน 1 เดือนเลย ต่อให้สัก 1 ปีจะทำเรื่องนี้ให้ดีก็ไม่ง่าย


แต่ผู้เฒ่าหยิงกลับทำเรื่องนี้จนเสร็จในเวลาเพียง 1 เดือน ต้องยอมรับจริงๆว่าตาเฒ่านี้มีความสามารถไม่เบา

—————————–


TQF:บทที่ 610 อดีตตระกูลฟาง (2)


“เกรงว่ามีอิทธิพลต่างๆที่อยากได้ตึกจงหยวนของพวกเราไม่น้อยล่ะสิ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ


หลางยี่ชิงชะงักนิดหน่อยก่อนจะรีบพยักหน้า “ใช่ขอรับเจ้านาย ผู้เฒ่าหยิงออกหน้าไปคบค้าสมาคมกับอิทธิพลต่างๆอยู่มากมาย แต่ก็ยังมีบางคนที่คอยสกัดเราในที่มืดอยู่ เกือบจะต้องวุ่นวายอยู่หลายครั้ง โชคดีที่มีคนของสมาคมทหารรับจ้างและโถงวิหารสวรรค์คอยช่วยอยู่ ตึกจงหยวนของเราถึงได้เปิดทำการได้”


“ครั้งนี้คนของสำนักมารตั้งใจมาดักเจ้าเลยรึเปล่า” หยูเฮงน้อยเอียงคอถาม


“ไม่ใช่ขอรับ” หลางชิงยี่ส่ายหัว “ที่ผู้เฒ่าหยิงให้ข้าน้อยมาขุนเขาแถบนี้ก็เพื่อตามหาว่ามีสมบัติล้ำค่าอะไรรึเปล่า และก็ให้สังเกตการณ์ว่ามีทหารรับจ้างคนอื่นมาล่าสมบัติแถบนี้รึเปล่า ข้าน้อยวนเวียนอยู่ในขุนเขานี้เป็นเวลาหลายวัน มาเจอคนของสำนักมารตอนกำลังจะกลับชิงยาง ข้าได้ยินที่พวกเขาพูดถึงกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของพวกเราพอดีเลยถูกพวกเขาจับได้ จึงได้ต่อสู้กัน”


“ข่าวอะไร” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถามอย่างจริงจัง


“จากที่คนของสำนักมารพูดไว้ ไม่ใช่แค่คนของราชวงศ์ที่อยากได้ตึกจงหยวนของเรา กลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชัง ตระกูลซ่างกวน ตระกูลกงซุน และอิทธิพลใหญ่อีกมากมายก็อยากได้ตึกจงหยวนของเราเหมือนกัน ตอนที่ข้าน้อยได้ยินเรื่องนี้ตกใจมากจึงเผลอเปิดเผยที่อยู่ไป คนของสำนักมารรู้ตัวจึงดักฆ่าข้าอยู่ที่นี่”


“แบบนี้นี่เอง”


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วเรียว “ท่าทางวันเวลาในชิงยางจะต้องครึกครื้นแน่ๆ ข้าอยากจะเห็นจริงๆว่าพวกเขาจะกลืนกินตึกจงหยวนของเราไปอย่างไร เฮอะ”


“คุณหนู กลัวทำไม ถ้าพวกเขากล้าลงมือพวกเราก็ตัดมือพวกเขาทิ้งซะเลย” หยูเฮงน้อยกล่าวอย่างองอาจ ไม่เห็นอิทธิพลต่างๆอยู่ในสายตา


แต่ฟางซูหยุนกลับมีสีหน้ากังวล “หลางยี่ชิง เจ้ารู้มั้ยว่าสถานการณ์ของแต่ละอิทธิพลในชิงยางเป็นอย่างไร”


“ฮูหยินฟาง ข้าน้อยรู้ไม่เยอะ นอกจากสาขาของสำนักชั้น 1 แล้ว ที่เหลือก็คือตระกูลใหญ่ทั้ง 10 ที่ครองเมืองอยู่ ตระกูลซ่างกวน ตระกูลกงซุน ตระกูลฟาง ตระกูลเซวียนเยวียน ตระกูลหลิน ตระกูลหลี่ ตระกูลจาง ตระกูลมู่หรง อิทธิพลเหล่านี้มียอดฝีมือมากมายและลูกศิษย์จำนวนมหาศาล ส่วนอิทธิพลเล็กๆข้าน้อยไม่ค่อยรู้”


ฟางซูหยุนได้ยินชื่อตระกูลฟางอยู่ใน 10 ตระกูลใหญ่ มีสีหน้าคาดหวังและดีใจ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจำตระกูลใหญ่เหล่านี้ไว้ และถามต่อ “แล้วราชวงศ์ล่ะ สถานการณ์ในราชวงศ์เจ้ารู้บ้างมั้ย”


ในใจของนางจะไม่ดูแคลนคนจากราชวงศ์เด็ดขาด แม้ว่าในโลกของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธอำนาจฮ่องเต้จะไม่ได้สูงที่สุด แต่การจะใช้ชีวิตในเมืองของราชวงศ์ก็ต้องคำนึงถึงพวกเขาบ้าง ไม่ว่าอย่างไรในมือของพวกเขาก็มีอำนาจพิเศษหลายอย่าง แล้วยังมีวิธีการที่น่าเกรงขามสำหรับผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ


“ทูนเจ้านาย ช่วงนี้เรื่องในราชวงศ์ก็วุ่นวายอยู่ขอรับ ได้ข่าวว่าฮ่องเต้จะยกตำแหน่งให้กับ 1 ในลูกชาย แต่ลูกชายฮ่องเต้มีตั้ง 10 กว่าคน คนที่มีความสามารถพอจะชิงตำแหน่งอย่างน้อยๆก็มีมากถึง 7-8 คน ดังนั้นเหล่าองค์ชายจึงทำทุกอย่างเพื่อให้โดดเด่นออกมาจากการชิงตำแหน่งในครั้งนี้ เพื่อให้ได้เป็นฮ่องเต้”


“อ๋ออ…”


ข่าวนี้ทำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเข้าใจในหลายๆอย่าง นางพูดยิ้มๆ “ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนของราชวงศ์ถึงใจร้อนกันขนาดนี้ ตึกจงหยวนของพวกเราเพิ่งจะเปิดก็เริ่มลงมือกันแล้ว”


“คุณหนู ท่านหมายความว่าคนของราชวงศ์เป็นคนชักนำเหรอ” หยูเฮงน้อยเข้าใจความหมายของนางทันที


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้ม “เกรงว่าการที่ผู้เฒ่าหยิงปักหลักในชิงยางเร็วขนาดนี้และยังเปิดร้านตึกจงหยวนได้อย่างว่องไวก็คงหนีไม่พ้นฝีมือของคนเหล่านี้”


“เสี่ยวเสี่ยว ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆละก็เท่ากับว่าพวกเราต้องเจอกับความยุ่งยากอย่างหนักหน่วงเลยน่ะสิ การมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชิงอำนาจของราชวงศ์ ถ้าไม่ก้าวหน้ากว่าเดิมก็โดนถล่มจนไม่สามารถลุกขึ้นใหม่ได้อีก”


ฟางซูหยุนสีหน้าจริงจัง “เสี่ยวเสี่ยว เจ้าต้องคิดให้ดีนะ ไม่เข้าร่วมด้วยจะดีที่สุด ราชวงศ์ที่นี่ไม่เหมือนกับที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนหรอกนะ อย่างน้อยๆเจ้ายังควบคุมราชวงศ์ที่แผ่นดินศักดิ์สิทธ์จงหยวนได้ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรไม่มีใครกล้าแย้งและไม่มีใครกล้าขัด แต่อยู่ที่นี่ไม่ใช่แค่พวกเราควบคุมแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนได้ ยังมีการจับตามองจากอิทธพลใหญ่ต่างๆด้วย ความยุ่งยากนี้จะไปเกี่ยวข้องด้วยไม่ได้เด็ดขาด”


“ท่านย่าวางใจเถอะ เรื่องพวกนี้ข้าจะคอยดูไปเรื่อยๆ อีกอย่างพวกองศ์ชายจากราชวงศ์ก็จับตามองตึกจงหยวนของพวกเราแล้ว ท่านคิดว่าพวกเราหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้เหรอ”


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มตาเป็นประกาย “ที่จริงปัญหาพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหรอก เหมือนจะไม่ดีแต่จริงๆแล้วอาจจะดีก็ได้ เหมือนจะเป็นเรื่องดีแต่สุดท้ายแล้วก็อาจจะเป็นเรื่องร้าย แต่ไม่ว่ายังไงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ้างชีวิตจะได้มีสีสัน”


“ฮ่าๆๆ คุณหนูพูดได้ดีมาก อย่าว่าแต่ตอนนี้พวกเขาวุ่นวายอยู่เลย ต่อให้ไม่วุ่นวายข้าก็จะทำให้วุ่นวายขึ้นมา แบบนี้สิถึงจะสนุก ฮ่าๆๆ”


เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของหยูเฮงน้อยสะท้อนอยู่ใต้หล้า พวกนางใกล้ชิงยางขึ้นเรื่อยๆ


อารมณ์ของฟางซูหยุนก็เปลี่ยนแปลงตาม สีหน้าก็ยิ่งแปรปรวน ไม่นานนักพวกนางก็เห็นเมืองมโหฬารที่มองไม่เห็นขอบแดน


มีเกาะลอยอยู่เหนือท้องฟ้าของเมือง แต่ละเกาะมีขนาดประมาณ 100 กิโล มีเกาะทั้งหมดหลายแสนเกาะที่ลอยอยู่อย่างล้นหลาม และยังหมุนรอบตัวเองไปอย่างช้าๆ และเกาะที่ลอยอยู่มีสูงบ้างต่ำบ้างต่างกันไป


“สวรรค์ เมืองพวกนี้เหมือนลอยอยู่เลย” หยูเฮงน้อยตกใจจนตาถลน


ไม่ใช่ว่าพวกนางไม่เคยเห็นอำเภอชั้น 1 ในช่วงเวลากว่าครึ่งปีที่ผ่านมานี้พวกนางก็ผ่านอำเภอมาไม่น้อย และในนั้นก็มีอำเภอชั้น 1 อยู่ด้วย ถึงจะใหญ่โตมโหฬารและหรูหราแค่ไหน ถ้าเทียบกับชิงยางแล้วก็ราวฟ้ากับเหว เทียบไม่ได้เลย


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวชะงักไปก่อนจะรีบปิดตา ค่อยๆใช้พลังจิตสืบดูเมืองใหญ่นี้


TQF:บทที่ 611 อดีตตระกูลฟาง (3)


 


ฟางซูหยุนถอนหายใจเศร้าๆเมื่อมองชิงยาง ตอบหยูเฮงน้อยเสียงเบา “พวกมันไม่ได้ลอยอยู่หรอก ที่พวกเราเห็นก็แค่ภาพลวงตาเท่านั้น ที่จริงชิงยางเกิดจากวิชาสะกดหลายแขนงมารวมกัน สิ่งที่พวกเราเห็นจากด้านนอกล้วนไม่ใช่ความจริง ที่จริงชิงยางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเมืองอื่นมาก แค่ใหญ่กว่า โบราณกว่า หรูหรากว่าก็เท่านั้น”


 


“อะไรกัน เรื่องหลอกลวงหรอกเหรอ” หยูเฮงน้อยชะงักก่อนจะเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงกลหลอกเด็กเท่านั้น


 


“เฮอะ อีกหน่อยข้าจะสร้างเกาะลอยได้ออกมาจริงๆ ให้เรื่องหลอกกลายเป็นเรื่องจริง”


 


“พูดแล้วต้องทำได้นะ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวลืมตาขึ้น มองนางด้วยรอยยิ้ม มีความคาดหวังเกิดขี้นในใจ


 


“ไม่มีปัญหา คุณหนูวางใจได้” หยูเฮงน้อยรับคำ


 


“พวกเราเข้าเมืองกันเถอะ”


 


ฟางซูหยุนข่มอารมณ์ที่ซับซ้อนในใจและหันไปบอกกับคนข้างๆ


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเรียกรถลากสัตว์วิญญาณออกมา เห้อไป๋ยี่จากเผ่ากระเรียนเซียนเป็นผู้ขับเคลื่อนเข้าเมืองไป


 


ส่วนหลางยี่ชิงที่เป็นทหารรับจ้างแล้วเข้าเมืองไปคนเดียว เพราะเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังไม่ต้องการเปิดเผยว่าตัวเองเป็นหัวหน้ากลุ่มของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน


 


“ท่านย่า พวกเราจะกลับบ้านตระกูลฟางเลยหรือจะหาโรงเตี๊ยมอยู่ก่อนแล้วค่อยกลับไป” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถามเบาๆบนรถลากสัตว์วิญญาณ


 


ฟางซูหยุนมองหลานสาวตรงหน้าที่หน้าเหมือนตัวเองเปี๊ยบพลางถามกลับ “เจ้าคิดว่าไง”


 


“ท่านย่า ข้าคิดว่าเราหาโรงเตี๊ยมอยู่ก่อนจะดีกว่า” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวบอกความคิดตัวเองออกไปเรียบๆ


 


ฟางซูหยุนพยักหน้าเบาๆเป็นอันว่าเห็นด้วยกับนาง “ก็ดี พักที่โรงเตี๊ยมก่อนสักวันดีกว่า ไหนๆก็ผ่านไป 40 กว่าปีแล้ว ไม่รู้ว่าที่สถานการณ์ที่บ้านเปลี่ยนไปขนาดไหน”


 


เมื่อเข้าประตูเมืองไปและทหารยามตรวจดูแผ่นคริสตัลประจำตัวของพวกนาง พอได้เห็นแผ่นคริสตัลประจำตัวตระกูลฟางของฟางซูหยุนสีหน้าเฉยชาก็เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าเอาใจ


 


แผ่นคริสตัลประจำตัวตระกูลฟางก็เหมือนกับใบรับรองที่ไปได้ทุกที่ในชิงยาง ทหารยามปล่อยให้สัตว์วิญญาณของพวกนางเข้าเมืองไปโดยไม่ต้องคิด ปกติคนอื่นอยากจะเข้าเมืองต้องจ่ายหินพลังวิญญาณระดับกลางอย่างน้อย 10 เม็ดถึงจะเข้าเมืองได้


 


“กลับมาแล้ว…” แม้ว่าฟางซูหยุนที่อยู่บนรถลากสัตว์วิญญาณจะไม่ได้เปิดม่านออกไปดู แต่นางก็มีสีหน้าคิดถึง


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเห็นสีหน้าท่านย่าที่ตื่นเต้นและคิดถึงก็ดีใจแทนนาง ในหลายสิบปีนี้ท่านย่าได้เปลี่ยนจากหญิงสาววัยเยาว์เป็นย่าคน แต่ใน 20-30 ปีที่ผ่านมานี้ ความรักและชีวิตของนางก็เป็นเหมือนการทรมานและกรรมอย่างหนึ่ง เหตุผลที่ทำให้นางยังมีชีวิตอยู่ได้นอกจากพ่อของตัวเองแล้วก็เหลือแต่ความรักที่ยังมีให้กับตระกูลฟางในชิงยางนี่แหละ


 


คิดมาถึงตรงนี้ก็เสียใจแทนท่านย่าจริงๆ หญิงสาวเย่อหยิ่งในวันนั้นกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมาเจอคนทะลุมิติอย่างตัวเองและบวกกับการได้ครอบครองมิติละก็ คงไม่ง่ายนักที่ท่านย่าจะกลับมาที่นี่


 


อย่าว่าแต่จะข้ามจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนมาถึงผืนดินฉางไห่นี้เลย แค่คำสาปในตัวนางก็คงคลายไม่ได้ง่ายๆ


 


“ไป๋ยี่ ไปโรงเตี๊ยมมั่วเซวียน” เพียงแว้บเดียวฟางซูหยุนก็กลับมาเป็นปกติ บอกกับกระเรียนเซียนที่ขับเคลื่อนรถอยู่ด้านนอก


 


“ขอรับ ฮูหยินฟาง”


 


ผ่านไปราว 15 นาที ในที่สุดก็มาถึงโรงเตี๊ยมมั่วเซวียน ทันทีที่สาวสวยทั้ง 3 ลงจากรถมาก็ทำให้คนไม่น้อยส่งสายตาตกตะลึงมา


 


แม้ว่าสาวงามในชิงยางจะมีมากนับไม่ถ้วน แต่สาวสวย 3 คนที่งดงามราวเทพยดานี่หาได้น้อยจริงๆ จะไม่ให้คนอื่นตกตะลึงได้อย่างไร


 


คนทั้ง 3 ที่ไม่ได้ใส่หมวกปิดหน้าไม่ได้สนใจสายตาจากคนอื่น พวกนางชินซะแล้ว เสี่ยวเอ้อที่ร้านรีบมาต้อนรับเข้าร้านอย่างเอาใจ


 


แขกที่อยู่ในโถงก็หยุดคุยกันเพราะการมาถึงของพวกนาง สายตาทุกคู่จดจ่ออยู่ที่สาวสวยทั้ง 3 ที่อายุต่างกัน


 


ผู้จัดการของโรงเตี๊ยมมั่วเซวียนเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเขาเห็นใบหน้างดงาม 2 ใบที่เหมือนกันอย่างกับแกะก็อึ้งไป


 


มองคนที่กำลังเดินมาอย่างเอ๋อๆ


 


ตอนนี้ในหัวของผู้จัดการมีใบหน้างดงามที่หายไปหลายสิบปีโผล่ขึ้นมา นั่นคือคุณหนูที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก เพียงแต่หายตัวไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่านางไปอยู่ที่ไหน


 


ตระกูลฟางใช้ไปแล้วทุกวิธีก็หานางไม่พบ ไฟอายุของนางในโถงบรรพบุรุษก็ยังมอดไหม้อยู่ ดังนั้นทุกคนจึงรู้ว่านางยังไม่ตาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าไปไหน


 


ตอนนี้นางมาปรากฏตัวแล้ว ปรากฏตัวแล้วจริงๆ และไม่ใช่แค่มาปรากฏตัว ข้างตัวนางยังมีแม่นางคนหนึ่งที่หน้าเหมือนกับนางเป๊ะๆ


 


“เจ้า เจ้า เจ้า…”


 


เมื่อเห็นคนที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผู้จัดการตื้นตันจนพูดไม่ออก น้ำตาคลออยู่ในเบ้าตาทั้ง 2 พร้อมจะร่วงหล่นออกมาทุกเมื่อ


 


ไม่ใช่แค่เสี่ยวเอ้อในร้านที่รู้สึกถึงความผิดปกติของผู้จัดการ แขกจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกเหมือนกัน ผู้จัดการที่ยิ้มแย้มต้อนรับแขกอยู่ตลอดเหมือนจะเจอคนคุ้นเคย


 


ทุกคนต่างเห็นภาพนี้เหมือนกัน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเหมือนจะเดาบางอย่างออก นางจูงมือหยูเฮงน้อยไว้ไม่พูดไม่จา


 


ฟางซูหยุนมองผู้เฒ่าที่คุ้นเคยและพยายามอย่างมากในการข่มความตื้นตันไว้ก่อน นางอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็พูดอะไรไม่ออก เหมือนมีคนมาบีบคอนางไว้


 


และในขณะนั้น เห้อไป๋ยี่ที่นำรถลากสัตว์วิญญาณไปเก็บก็เข้ามาเห็นเหล่าเจ้านายที่ยืนอยู่หน้าตู้ จึงรีบเดินเข้ามาถาม “ผู้จัดการ เจ้านายข้าต้องการตึกนอน ที่นี่มีตึกนอนรึเปล่า”


————————–


TQF:บทที่ 612 อดีตตระกูลฟาง (4)


 


“หา….”


 


ผู้จัดการได้สติกลับมาและเห็นฟางซูหยุนพยักหน้าใส่เขา ผู้จัดการที่ปิติอยู่ในใจรีบปาดน้ำตาออกพร้อมกล่าวกับเห้อไป๋ยี่ “มี มีตึกนอน ข้าจะลงทะเบียนให้ทุกท่านเดี๋ยวนี้”


 


ผู้จัดการรีบลงทะเบียนให้พวกนาง ก่อนจะนำทุกคนไปที่ตึกนอนด้านหลังด้วยตัวเอง


 


เมื่อพวกนางจากไปแล้วทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องที่สาวสวยทั้ง 3 เมื่อกี้เป็นใครมาจากไหน ทำไมผู้จัดการโรงเตี๊ยมมั่วเซวียนถึงให้ความสำคัญขนาดนี้


 


คนทั้งชิงยางรู้ว่าโรงเตี๊ยมมั่วเซวียนเป็นธุรกิจของตระกูลฟาง ผู้จัดการก็เป็นคนของตระกูลฟาง คนที่ทำให้ผู้จัดการเสียอาการขนาดนี้ได้หรือว่าจะเป็นคนของตระกูลฟาง หรืออาจจะเป็นแขกของตระกูลฟาง


 


ทุกคนคาดเดาไปต่างๆนาๆ แขกบางคนที่มั่นใจในตัวเองก็เริ่มแต่งเรื่องแต่งราวขึ้น ข่าวซุบซิบก็เริ่มแพร่หลายออกไป


 


ผู้จัดการพาพวกนางไปยังตึกนอนที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ก่อนจะคุกเข่าลงหน้าฟางซูหยุนทันที พูดสะอึกสะอื้น “คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว ท่านกลับมาแล้ว นายท่านและฮูหยินรอท่านมานานเหลือเกิน….”


 


“อาเสียง รีบลุกขึ้นเร็วอาเสียง ท่านลุกขึ้นเถอะ ท่านพ่อท่านแม่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ฟางซูหยุนเองก็เสียอาการเช่นเดียวกัน แม้นางจะมานอนที่โรงเตี๊ยมมั่วเซวียนก่อนชั่วคราว แต่นางก็คิดไม่ถึงว่าจะเจอพ่อบ้านที่เห็นตัวเองมาตั้งแต่เด็ก”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองหน้ากับหยูเฮงน้อย ทั้ง 2 ยืนอยู่ข้างๆอย่างว่านอนสอนง่าย แกล้งทำเป็นล่องหนอยู่


 


ส่วนเห้อไป๋ยี่เพิ่งจะออกไปสั่งอาหารให้พวกนาง


 


ผู้จัดการเช็ดน้ำตาพลางลุกขึ้น “คุณหนู หลังจากที่ท่านหายตัวไป นายท่านและฮูหยินก็เสียใจอย่างที่สุดจนป่วยหนัก สายของนายท่านรองจึงฉวยโอกาสนี้ชิงอำนาจส่วนใหญ่ในมือนายท่านไป ผ่านไปไม่นานนายท่านเฒ่าก็ถูกส่งไปช่วยลูกศิษย์ในตระกูลเรา แต่กลับถูกลอบฆ่าโดยคนของสำนักมาร หลังจากที่เสียการคุ้มครองจากนายท่านเฒ่าไป นายท่านและฮูหยินก็ยิ่งถูกรังแกจากนายท่านรอง นายท่านสาม และนายท่านสี่”


 


“อำนาจในมือนายท่านก็ถูกชิงไปจนหมด หลายปีหลังจากนั้นในระหว่างการแข่งขันภายในตระกูล คุณชายก็ถูกวางยา และในช่วงที่กำลังแข่งอยู่ก็….”


 


“ก็ยังไงอาเสียง น้องชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ฟางซูหยุนสีหน้าเปลี่ยน น้องชายของนางอายุน้อยกว่า 7-8 ปี ตัวเองรักและตามใจน้องมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้มาได้ยินว่าน้องชายตัวเองถูกคนอื่นทำร้าย จะไม่ให้ร้อนใจได้อย่างไร


 


อาเสียงเช็ดน้ำตาและมองคุณหนูตรงหน้าที่ร้อนรนใจ ทั้งปลื้มปริ่มและเสียใจ “คุณหนู ตันเถียนคุณชายถูกทำลาย ขาก็ถูกตีหัก จึง…”


 


“อะไรนะ…”


 


ฟางซูหยุนตกใจจนถอยหลังไปก้าวนึง พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ”ใคร ใครกันที่ทำเรื่องโหดร้ายขนาดนี้ อาเสียง ใครกัน”


 


“คุณหนู คือ คุณชายใหญ่ของบ้านนายท่านสาม คุณชายฟางจื้อหมิง”


 


“ไอ้ระยำ…”


 


ฟางซูหยุนที่กำลังโมโหคำรามเสียงดัง ราวกับฟ้าที่ผ่าลงมา อาเสียงที่เสียใจอยู่ก็สะเทือนจนถอยหลังไปเพราะเสียงนี้


 


เขาเบิกตากว้างมองคุณหนูอย่างตกตะลึง ลมปราณขนาดนี้เกรงว่าจะแกร่งกว่าเจ้าพวกอาจารย์ปู่ในตระกูลอีก


 


ไม่นานนักอาเสียงก็มีสีหน้าดีใจ มองนางด้วยความปิติ “คุณหนู ท่าน วิทยายุทธของท่าน…”


 


“ปู่เสียง วิทยายุทธของท่านย่าอยู่ระดับปรากฏเทพเทวาแล้ว” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบด้วยรอยยิ้ม


 


“อะไรนะ ปรากฏเทพเทวา…”


 


อาเสียงอึ้งไป ปรากฏเทพเทวาเชียวนะ ต่อให้เป็นที่ชิงยางก็เป็นการมีอยู่ระดับเทพเจ้า คุณหนูเป็นถึงปรากฏเทพเทวาแล้ว ตอนนั้นที่นางหายตัวไปก็ยังเป็นแค่บรรลุราชันย์จักพรรดิ์เท่านั้นเอง


 


เมื่อได้สติกลับมา เขาก็มองไปที่หญิงสาวที่หน้าเหมือนกับคุณหนูเมื่อหลายสิบปีก่อนเป๊ะพลางถามด้วยความทึ่ง “คุณหนูผู้นี้คือ…”


 


“ปู่เสียง ข้าชื่อว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยว เป็นหลานสาวคนโตของท่านย่า ท่านย่ายังมีหลานสาวอีกคนหนึ่ง แต่นางอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ตามท่านย่ากลับมาด้วย”


 


“ท่านเป็นหลานสาวของคุณหนูเหรอ”


 


อาเสียงรู้สึกรับไม่ได้นิดหน่อย ไม่คิดเลยว่าพริบตาเดียวคุณหนูในตอนนั้นก็ได้เป็นย่าคนซะแล้ว เขามองเฉิงเสี่ยวเสี่ยวอย่างเลื่อนลอย


 


“อาเสียง เสี่ยวเสี่ยวคือหลานสาวของข้า หน้าเหมือนข้าล่ะสิ” ฟางซูหยุนที่ขับไล่ความโกรธเคืองออกไปแล้วรีบดึงหลานสาวตัวเองมา บอกด้วยสีหน้าอ่อนโยน


 


“เหมือน เหมือนมากๆ เหมือนกับตอนคุณหนูยังสาวอยู่เป๊ะๆ” อาเสียงพยักหน้า มีรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อมองไปยังย่าหลานทั้ง 2


 


“ใช่ เสี่ยวเสี่ยวน่ะเหมือนข้าที่สุดแล้ว”


 


ฟางซูหยุนก็มีรอยยิ้มเช่นเดียวกัน นางมีหลานสาว 2 คน แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเหมือนตัวเองที่สุด เฉิงหลานหลานหน้าเหมือนแม่นางลั่วหยูฉินมากกว่า และด้วยเหตุนี้นางจึงรู้สึกกับหลานสาวเหมือนเป็นลูกสาว


 


“คุณหนู ท่านจะกลับไปเมื่อไหร่” สายตาอาเสียงมองไปยังคนข้างๆ


 


ฟางซูหยุนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น กล่าวอย่างแค้นเคือง “ข้าอยากจะกลับไปตอนนี้ซะด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบ เชื่อว่าอีกไม่นานคนบางคนก็ต้องรู้ว่าข้ากลับมาแล้ว ข้าอยากจะเห็นว่าพวกเขาจะทำอย่างไรบ้าง”


 


“เรื่องนั้น…” อาเสียงไม่ค่อยมั่นใจ “คุณหนู ให้ข้าบอกนายท่านและฮูหยินมั้ย”


 


“ไม่ต้องหรอก พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปหาท่านพ่อท่านแม่และน้องชายด้วยตัวเอง” คิดไปถึงชีวิตของท่านพ่อท่านแม่และน้องชายในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ใจของฟางซูหยุนก็เจ็บเหมือนโดนทิ่มแทง เจ็บจนนางหายใจไม่ออก


—————————-


TQF:บทที่ 613 อดีตตระกูลฟาง (5)


 


แต่นางไม่ได้อยู่ในช่วงอายุที่วู่วามแล้ว นางรู้ว่าต่อให้พุ่งตัวกลับไปตอนนี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ท่านพ่อท่านแม่และน้องชายถูกรังแกได้


 


พรุ่งนี้นางจะกลับไปอย่างสง่าผ่าเผย


 


“ขอรับ ข้าทำตามคุณหนูสั่ง” อาเสียงวางใจลงได้จริงๆ คุณหนูมีวิทยายุทธระดับปรากฏเทพเทวา ไม่จำเป็นต้องใส่ใจพวกเขาเลย


 


ทั้ง 2 คุยกันอีกนิดหน่อยอาเสียงก็ออกไปทำนู่นทำนี่ต่อ อย่างไรซะโรงเตี๊ยมตั้งกว้างใหญ่ก็ยังรอให้เขาไปจัดการอยู่ จะมัวมาอยู่ด้านหลังนี้นานๆไม่ได้


 


เมื่อเขาไปแล้วฟางซูหยุนก็นั่งลง คุยกับอีก 2 คนตรงหน้า “พวกเจ้าก็รู้แล้วว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง เชื่อว่าพรุ่งนี้ที่พวกเราจะกลับไปต้องครึกครื้นกันอย่างแน่นอน เหล่าอาบังเกิดเกล้าของพวกเรานี่เก่งจริงๆ ทำร้ายพี่ชายตัวเองได้ขนาดนี้ เดรัจฉานจริงๆ”


 


“ท่านย่า ท่านไม่รู้สึกว่าแปลกเหรอ ท่านถูกสาป หลังจากนั้นท่านปู่ทวดต้องไปช่วยคนแต่กลับถูกลอบฆ่า หลังจากนั้นท่านปู่เล็กก็ถูกทำร้าย ท่านทวดทั้ง 2 ก็ถูกรังแกแล้วยังถูกชิงอำนาจในมือไปจนหมด จากฐานะท่านทวดที่เป็นลูกชายคนโตแล้ว เขาควรจะได้เป็นเจ้าบ้านสิ”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวทบทวนเรื่องในบ้านท่านย่าแล้วก็รู้สึกเหมือนมีเงาด้านหลังที่คอยบงการอยู่ การถูกทำร้ายเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ที่สำคัญที่สุดคือเหมือนจะเกี่ยวข้องกับตระกูลฟางตลอด


 


“ข้าว่านะ ไอพวกสารเลวตระกูลฟางนั่นแหละที่สมรู้ร่วมคิดกับคนภายนอกแล้วตั้งใจทำร้ายครอบครัวฮูหยินฟาง”


 


หยูเฮงน้อยพูดแทงใจดำ เปิดเผยเบื้องหลังของทุกอย่าง


 


ฟางซูหยุนชะงักไป และไตร่ตรองอย่างหนัก พึมพำกับตัวเอง “ตอนนั้นข้ากับท่านพี่ไปฝึกฝนด้วยกัน พวกเราโตมาด้วยกัน รักกันมาก ช่วยเหลือกันและกันมาตลอด แต่วันนั้นนางเข้าตามข้ามาแท้ๆ แต่กลับหายไปตอนไหนไม่รู้ หลังจากนั้นจู่ๆข้าก็โดนคำสาป และถูกเหวี่ยงทะลุมิติจากปากถ้ำไปที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวน หรือว่าจะเป็นฝีมือนางจริงๆ”


 


“เท่าที่ข้าดูนางก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอก ฮูหยินฟาง ตอนนั้นท่านต้องถูกนางหลอกเข้าให้อย่างแน่นอน วิทยายุทธของนางสูงกว่าท่านใช่มั้ย” หยูเฮงน้อยถามเหมือนคนแก่


 


“ใช่ วิทยายุทธของนางสูงกว่าข้า ตอนนั้นข้าอยู่ตอนกลางของระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์ ส่วนนางอยู่ตอนปลายของระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์ เทียบเท่ากับจุดสูงสุดของระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์”


 


“งั้นก็ใช่แล้วแหละ วิทยายุทธของนางสูงกว่าท่าน หากปิดบังความในใจท่านไม่มีทางจะรู้ตัว”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมั่นใจแล้วว่าครอบครัวของท่านย่าตัวเองถูกทำร้ายจากคนในตระกูลฟางจริงๆ และยังมีคนภายนอกเข้ามาเกี่ยวด้วย


 


คนเดรัจฉานแบบนี้ไม่ตีให้ตายให้พิการเก็บไว้ก็เป็นภัยเปล่าๆ คนชั่วๆที่ตั้งใจทำร้ายคนกันเองโดยเฉพาะ


 


“ท่านย่า วางใจเถอะ พวกเราจะให้พวกเขาคืนของทุกอย่างที่เอาไปให้หมด ของที่กินเข้าไปแล้วก็ต้องอ้วกออกมา ข้าจะให้คนพวกนั้นรู้ไว้ว่ายุ่งกับของที่ไม่ใช่ของตัวเองได้โชคร้ายแน่”


 


ฟางซูหยุนไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจกับความโหดเหี้ยมที่อยู่ในตาหลานสาว ตรงกันข้าม นางเองก็แค้นจนอยากให้คนชั่วๆพวกนั้นตายกันซะให้หมด เก็บไว้ไม่ใช่เรื่องดีแน่


 


ผ่านไปสักพักฟางซูหยุนก็มีท่าทางเศร้าสร้อยอีกครั้ง “เสี่ยวเสี่ยว อย่างอื่นน่ะข้าไม่เป็นห่วงหรอก ไม่รู้ว่าอาการของปู่เล็กของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าเกรงว่าเขา…”


 


“ท่านย่า ท่านวางใจเถอะ ต่อให้ตันเถียนถูกทำลายแล้วยังไง พวกเราก็สามารถช่วยท่านปู่เล็กให้ฟื้นสภาพกลับมาได้อยู่ดี ส่วนเรื่องของขาน่าจะฟื้นฟูง่ายกว่าเรื่องของตันเถียนอีก ท่านย่าไม่ต้องเป็นกังวลหรอก พรุ่งนี้คอยดูเรื่องสนุกๆดีกว่า”


 


“อื้ม”


 


“ฮูหยินฟาง พรุ่งนี้พวกเราต้องเอาให้พลิกแผ่นดินกันเลยทีเดียว แล้วก็เชือดไอพวกสารเลวไปสักคนสองคนด้วย”


 


คืนนั้น มีร่างหลายร่างเข้าไปในบ้านเขตตระกูลฟางอย่างรีบร้อน ทั้งหมดล้วนมาทูนเจ้านายตัวเองถึงลูกน้องที่หายไป


 


ในสวนของบ้านหลัก ซึ่งแต่เดิมเป็นของบ้านใหญ่ แต่ตอนนี้ถูกบ้านรองเอาไปครอบครอง นายท่านรองตอนนี้ก็มีฐานะเป็นเจ้าบ้านแล้ว อีกหน่อยนายท่านรองผู้นี้ก็เตรียมจะสละตำแหน่งเจ้าบ้านให้ลูกชายตัวเอง


 


นายท่านรองเพิ่งกลับเข้าห้องหนังสือมาหลังจากที่ไปทานอาหารเย็น ก็ได้ข่าวการหายตัวไปจากพ่อบ้านทันที


 


นายท่านรองที่นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือยังคงเป็นชายวัยกลางคนอยู่ แต่ที่จริงเขาก็อายุ 7-80 แล้ว เมื่อได้ยินข่าวจากพ่อบ้านเขาก็มีสีหน้าตกตะลึง “แน่ใจนะว่ามองไม่ผิด”


 


“ไม่ขอรับนายท่าน ลูกน้องบอกไว้ชัดเจนมากว่าคุณหนูซูหยุนกลับมาแล้ว และยังมีแม่นางคนหนึ่งที่หน้าเหมือนนางตามมาด้วย ไม่ใช่ลูกสาวก็ต้องเป็นหลานสาว”


 


พ่อบ้านอธิบายเหตุการณ์อีกครั้ง


 


นายท่านรองยังไม่เข้าใจ เหมือจะถามแต่ก็เหมือนจะพึมพำกับตัวเอง “แปลก ถ้าเป็นยัยฟางซูหยุนจริงๆละก็ทำไมนางไม่กลับมาล่ะ ทำไมต้องไปอยู่โรงเตี๊ยม แล้วยังโรงเตี๊ยมของบ้านตัวเองอีก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยากจะปิดบังพวกเรา แล้วนางทำไปเพื่ออะไรกัน”


 


“นั่นน่ะสินายท่าน ได้ข่าวว่าวิทยายุทธของคุณหนูฟางซูหยุนไม่ได้ถูกสะกดไว้ และเหมือนว่าวิทยายุทธจะสูงด้วย แต่ว่าลูกน้องของเราดูไม่ออก”


 


————————-

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม