ตามใจรัก สาวนักแฮก 601-618

 ตอนที่ 601


แม้แต่หลินเชี่ยนกับถงเยียนก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก ถงเยียนอาจไม่ใช่หมอแต่เธอรู้คุณค่าของงานออกแบบนี้และมันก็เป็นฝีมือของซิงเหอกับลู่ฉี! 


 


 


สีหน้าของถงเยียนมืดมนพอๆ กับหลินเชี่ยนเพราะเธอรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกตบหน้า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกเจ็บใจแบบนี้ 


 


 


เธอจ้องซิงเหอด้วยความโกรธและอับอาย ไม่รู้ทำไมถงเยียนถึงรู้สึกว่าซิงเหอกำลังหัวเราะเธออยู่ในใจทั้งๆ ที่ซิงเหอไม่ได้ให้ความสนใจกับการมีอยู่ของเธอเลยสักนิด มันทำให้เธอโมโหมากขึ้น 


 


 


กลับกัน นัยน์ตาของหลินเชี่ยนส่องประกายมืดมัว หลังจากที่ลู่ฉีอธิบายเสร็จ ทั้งห้องก็ยังคงตกอยู่ในความเงียบ 


 


 


เขายิ้ม “นั่นคือทฤษฎีพื้นฐานเบื้องหลังงานออกแบบของเรา มีคำถามอะไรไหมครับ” 


 


 


“นี่เป็นงานออกแบบของคุณจริงๆ เหรอ” ใครบางคนถามอย่างตะกุกตะกัก 


 


 


ลู่ฉีพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่ครับ ผมกับคุณเซี่ยช่วยกันออกแบบมัน” 


 


 


“…” บ้าไปแล้ว พวกเขาออกแบบสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แบบนี้ได้ยังไง!  


 


 


“แต่คุณจะทำให้มันเป็นจริงได้เหรอ งานออกแบบดูใช้ได้แต่การประดิษฐ์มันขึ้นมาเป็นไปไม่ได้หรอก!” หมอคนหนึ่งตะโกนอย่างดึงดัน 


 


 


คนอื่นก็พูดตามราวกับจะพิสูจน์ว่าความสามารถของพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าลู่ฉี “ถูกต้อง มันอาจเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่การประดิษฐ์มันขึ้นมาจริงๆ เป็นไปไม่ได้ กลวิธีมันยากเกินไปและวัสดุที่จำเป็นก็ขาดแคลน” 


 


 


“ใช่แล้ว พวกคุณสองคนจะไม่สามารถเอาชนะสองปัญหานี้ได้!” 


 


 


ยิ่งพวกเขาตะโกนมากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะนี่พิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ได้แย่อย่างที่ตัวเองคิด ลู่ฉีแค่ออกแบบสำเร็จเท่านั้นแต่การประดิษฐ์มันขึ้นมาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นระดับความสามารถของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าลู่ฉี 


 


 


แม้แต่หลินเชี่ยนกับถงเยียนก็ผ่อนลมหายใจที่พวกเธอกลั้นไว้ ในขณะที่รอยยิ้มพึงพอใจเริ่มกลับมาปรากฏบนใบหน้าของพวกเธอ ความหวังของพวกเธอก็ต้องสลายเป็นผุยผง! 


 


 


“ใครบอกว่ากลวิธีจะเป็นปัญหา” ลู่ฉียิ้มอย่างมั่นใจ “ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะคุณเซี่ยมีพรสวรรค์ในด้านนี้ ถ้าพวกเราไม่สามารถเอาชนะปัญหาทางเทคนิคได้ พวกเราก็คงไม่ออกแบบมันขึ้นมา ต้นแบบที่พวกคุณเห็นบนจอภาพล้วนเป็นฝีมือของคุณเซี่ย ในฐานะที่เป็นหมอ ผมสามารถให้ข้อมูลด้านการแพทย์กับเธอเท่านั้น ในแง่ของกลวิธี เธอถือเป็นอัจฉริยะอย่างไม่อาจโต้แย้งได้” 


 


 


ดังนั้นปัญหาทางด้านฟิสิกส์คณิตศาสตร์ และไฟฟ้าทั้งหมดถูกแก้ไขโดยซิงเหอ! 


 


 


เป็นอีกครั้งที่คนทั้งห้องต้องตกใจ พวกเขาจ้องไปที่ซิงเหอราวกับเธอเป็นสัตว์ประหลาด ผู้หญิงคนนี้ซึ่งพวกเขาทึกทักเอาว่าเป็นหมอจอมปลอมไร้ประโยชน์น่ะหรือจะเป็นอัจฉริยะ เธอยังอายุน้อยแถมเป็นแค่ผู้หญิงอีก เธอจะเก่งขนาดนั้นได้ยังไง 


 


 


เป็นไปไม่ได้… 


 


 


ราวกับล่วงรู้ความคิดของพวกเขา ซิงเหอพูดอย่างสงบนิ่ง “ถ้าพวกคุณมีคำถามอะไรก็มาถามฉันได้ทุกเมื่อ” 


 


 


เธอไม่กลัวคำถามหรือการทดสอบของพวกเขาเพราะนี่เป็นผลงานของเธอจริงๆ! 


 


 


“ซิงเหอ” คุณนายประธานาธิบดีจับมือเธอและพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ฉันไม่รู้เลยว่าเธอเก่งขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ลู่ฉีต้องการให้เธอมาช่วยเขา ตอนนี้เธอเอาชนะใจฉันได้อย่างสมบูรณ์” 


 


 


คุณนายประธานาธิบดีเอ็นดูเธอมากขึ้นไปอีก 


 


 


สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาได้รับการตบหน้าอย่างเจ็บปวด 


 


 


อย่างไรก็ตามซิงเหอยังคงควบคุมอารมณ์ได้เหมือนเดิม 

 

 

 


ตอนที่ 602 ตระกูลหลินกำลังเจอปัญหา

 

“ดีแล้วค่ะที่คุณนายเชื่อฉัน เพราะฉันต้องการความเชื่อใจของคุณแค่คนเดียว” 


 


 


คุณนายประธานาธิบดีเข้าใจคำพูดที่ถูกละไว้ เธอหันกลับไปตำหนิทุกคน “นับตั้งแต่นี้ไปห้ามมีใครสงสัยในความสามารถของคุณเซี่ยอีก อย่าเอาข่าวลือไม่มีมูลมาสร้างความเพลิดเพลินให้ตัวเอง ถ้าพวกคุณว่างพอที่จะทำอย่างนั้นก็ควรจะเอาเวลาไปจดจ่ออยู่กับงานวิจัยของตัวเองดีกว่า” 


 


 


“คุณนายพูดถูก” บรรดาหมอยิ้มด้วยความละอายใจ “พวกเราเข้าใจคุณเซี่ยผิด แน่นอนว่าพวกเราจะไม่สงสัยเธออีกในอนาคตเนื่องจากเธอมีความสามารถขนาดนี้” 


 


 


“คุณเซี่ย คุณสามารถพิสูจน์ตัวเองด้วยงานออกแบบนี้ งั้นทำไมคุณถึงไม่เอามันออกมาแสดงให้พวกเราเห็นตั้งแต่แรกล่ะครับ พวกเราจะได้ไม่ต้องผิดใจกัน” 


 


 


“ใช่แล้วคุณเซี่ย ทำไมคุณถึงไม่บอกเรื่องงานออกแบบของคุณให้พวกเรารู้เร็วกว่านี้ล่ะครับ” 


 


 


ซิงเหอไม่ได้ตอบแต่หันไปมองหลินเชี่ยน คำตอบนั้นชัดเจน เธอต้องระวังตัวจากคนตระกูลหลิน! 


 


 


หลินเชี่ยนสบสายตาคมกริบของซิงเหอแล้วหัวใจของเธอก็กระตุก หรือว่าเซี่ยซิงเหอจะมองแผนของพวกเราออก?  


 


 


ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องรีบกลับบ้านไปบอกเรื่องนี้กับคุณปู่ ตระกูลหลินกำลังจะเจอปัญหา… 


 


 


หลังจากการพิสูจน์ที่น่าตกใจของซิงเหอกับลู่ฉีจบลง หมอทุกคนก็เลิกสนใจงานการของตัวเอง พวกเขาล้อมรอบทั้งคู่ พูดคุยเรื่องงานออกแบบของทั้งสองคนไม่หยุด แม้แต่คุณนายประธานาธิบดีก็เข้าไปร่วมวงสนทนากับทุกคน 


 


 


ถึงแม้ทฤษฎีกับกลวิธีจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป แต่ก็ยังเหลือเรื่องของวัสดุอีก ทว่าพวกเขามองโลกในแง่ดีว่าพวกเขาจะพบวัสดุที่จำเป็นในไม่ช้า พวกเขาเชื่อว่าจะพบวัสดุในเร็วๆ นี้ด้วยการใช้กำลังทั้งหมดของรัฐบาล 


 


 


พวกเขาไม่รู้เลยว่าการหาวัสดุเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด ซิงเหอกับลู่ฉีไม่ได้บอกข้อมูลอะไรให้พวกเขารู้มากนักและแน่นอนว่าไม่ได้เผยถึงเรื่องผลึกพลังงาน ในขณะที่ทั้งห้องกำลังรุมล้อมซิงเหอกับลู่ฉี หลินเชี่ยนก็แอบออกไปจากห้อง 


 


 


หลังจากที่เธอออกมาถงเยียนก็ตามมาด้วย “พี่หลินเชี่ยนจะไปไหนเหรอคะ” 


 


 


หลินเชี่ยนหันกลับมาเผยให้เห็นถึงสีหน้าซีดเซียว “พี่รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยอยากจะกลับบ้านน่ะ” 


 


 


ถงเยียนคิดว่าเธอเสียใจที่ถูกกดดันจึงรีบปลอบใจ “อย่าเศร้าไปเลยค่ะพี่หลินเชี่ยน เซี่ยซิงเหอคนนั้นยังไร้ประโยชน์เหมือนเดิม เธอวาดรูปเป็นแล้วยังไงล่ะ อีกอย่างเธอต้องจงใจทำแบบนี้แน่เนื่องจากเธอซ่อนงานออกแบบไม่ให้ทุกคนเห็น! เธอคงจงใจทำให้พวกเราเข้าใจเธอผิด ต่อมาก็ใช้โอกาสนี้ทำให้พวกเราอับอาย!” 


 


 


ถงเยียนทะนงตนเกินไปที่จะยอมรับความผิดของตัวเอง ดังนั้นความผิดจึงต้องตกไปอยู่ที่คนอื่น และคนคน นั้นก็คือเซี่ยซิงเหอ! 


 


 


ดวงตาของหลินเชี่ยนส่องแสงเล็กน้อยและพูดเสริมด้วยความโมโห “เธอพูดถูก ผู้หญิงคนนั้นเป็นอสรพิษ เธอต้องตั้งใจทำแบบนี้เพราะพี่แน่ ตระกูลหลินช่างโชคร้ายอะไรแบบนี้ที่ดึงดูดความโกรธของคนอย่างเธอ” 


 


 


คำพูดของเธอทำให้ถงเยียนโมโหมากขึ้นไปอีก 


 


 


“ใช่ค่ะ เธอเป็นมนุษย์ที่น่ากลัวจริงๆ เธอฆ่าพี่หลินอวิ๋น ทำลายบริษัทของพี่หลินจิง แล้วตอนนี้เธอก็ยังมาเล่นงานพี่อีก! ไม่มีทาง! ฉันจะไม่ยอมให้เธอชนะแน่!” 


 


 


“เสี่ยวเยียน เธอดีกับพี่ที่สุดเลย…” หลินเชี่ยนมอบรอยยิ้มขอบคุณให้เธอทันที 


 


 


ถงเยียนยิ้มอย่างพอใจ “แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ถึงยังไงพวกเราก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกันในอนาคต” 


 


 


“ถ้าหลินเซวียนได้ยินแบบนี้ พี่มั่นใจว่าเขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ” หลินเชี่ยนพูดอย่างมีความหมาย 


 


 


การพูดถึงชื่อของหลินเซวียนส่งผลให้อารมณ์ของถงเยียนเปลี่ยนไปทันที 


 


 


“พี่หลินเชี่ยนคะ ฉันอยากตามพี่ไปด้วย ฉันไม่ได้เห็นหน้าพี่หลินเซวียนมาตั้งหลายวันแล้ว” 


 


 


“ได้สิ เขาต้องดีใจแน่ที่ได้เจอเธอ…” 


 


 


ด้วยเหตุนี้พวกเธอก็จากไป นอกจากซิงเหอก็ไม่มีใครสังเกตเห็นการจากไปของพวกเธอ 

 

 

 


ตอนที่ 603 ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

ริมฝีปากของซิงเหอโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มขณะจ้องมองประตูที่หลินเชี่ยนกับถงเยียนใช้เดินออกไป ตระกูลหลินเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว 


 


 


… 


 


 


ตระกูลหลินตกใจจริงๆ เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้ แต่ต่อหน้าของถงเยียนพวกเขารับฟังมันด้วยความตกใจปนยินดี 


 


 


“ใครจะไปคิดว่าพวกเขาสามารถออกแบบสิ่งที่วิเศษแบบนั้นขึ้นมาได้ ในที่สุดก็มีความหวังสำหรับประธานาธิบดีแล้ว” คุณปู่หลินพูดด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง เขาดูเหมือนผู้อาวุโสที่มีเมตตา และนั่นคือความประทับใจที่ถงเยียนมีต่อเขา ผู้อาวุโสที่ใจดีและรักลูกหลาน 


 


 


“คุณปู่หลินคะ พวกเขาแค่ทำสำเร็จทางทฤษฎีเท่านั้น จะสามารถสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาได้จริงๆ หรือเปล่าก็นับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ถงเยียนทำหน้ามุ่ย “แต่ก็เป็นเรื่องดีที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมา เพราะคุณปู่ของหนูจะได้ปลอดภัย แต่ไม่ว่าพวกเขาจะทำมันได้หรือไม่ เซี่ยซิงเหอคนนั้นก็น่ารำคาญจริงๆ!” 


 


 


“สุขภาพของประธานาธิบดีสำคัญกว่าความแค้นส่วนตัว” คุณปู่หลินพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ หลินเซวียนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขาพูดแทรกอย่างเย็นชา “คุณปู่ พวกเราจะทำเป็นลืมความตายของเสี่ยวอวิ๋นและความสูญเสียของจิงจิงเหรอครับ” 


 


 


“พวกเราจะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อผู้หญิงคนนั้นสามารถช่วยชีวิตประธานาธิบดีได้” 


 


 


สีหน้าของหลินเซวียนมืดมนแล้วเขาก็ลุกขึ้นพูดทันที “ทุกคนสนุกกันต่อเถอะ ผมมีบางอย่างที่ต้องไปทำ ดังนั้นผมขอตัวก่อน” 


 


 


เนื่องจากเขากำลังจะไปถงเยียนก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อ 


 


 


“พี่เซวียนจะไปไหนคะ รอฉันด้วย…” ถงเยียนลุกขึ้นยืนแล้วรีบกล่าวลาคนที่เหลือ “คุณปู่ คุณลุงหลิน หนูก็ต้องไปแล้ว วันหลังหนูจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ” 


 


 


คุณปู่หลินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มใจดี “ได้สิ ไปเถอะ ถ้าหนูมีเวลาก็อย่าลืมมาเยี่ยมพวกเราเพราะพวกเราจะคิดถึงหนู” 


 


 


“ไม่มีปัญหาค่ะ!” ถงเยียนรีบวิ่งตามหลินเซวียนไปทันที 


 


 


คุณปู่หลินยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะมองตามถงเยียนที่กำลังจากไป หลินคังสังเกตเห็นท่าทางนี้และรู้ว่าพ่อของเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงบอกหลินเชี่ยน “เสี่ยวเชี่ยนออกไปก่อนเถอะ ลุงมีบางอย่างจะปรึกษากับปู่ของเธอ” 


 


 


“ได้ค่ะคุณลุง” หลินเชี่ยนทำตามคำสั่ง นี่เป็นกฎของตระกูลหลิน เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกผู้ชายต้องการปรึกษาหารือกัน พวกผู้หญิงก็จะต้องหลบฉากออกไป มันเป็นพื้นฐานที่ผู้หญิงทุกคนรู้ดี 


 


 


หลังจากที่ทุกคนออกไปก็เหลือแค่คุณปู่หลินกับหลินคังอยู่ในห้องนั่งเล่น 


 


 


“อืม เพียงพริบตาเดียวเสี่ยวเยียนก็โตขึ้นมากเลยนะคัง” คุณปู่หลินรำพึง 


 


 


หลินคังพยักหน้า “ใช่ครับ ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว พวกเรารอมานานจริงๆ ครับคุณพ่อ” 


 


 


ความอ่อนโยนหายไปจากดวงตาของคุณปู่หลินทันที “พวกเรารอมานานเกินไปจริงๆ นานมากจนพ่อใกล้จะหมดความอดทนแล้ว” 


 


 


“ความสำเร็จอยู่ตรงหน้าของเราแล้วเชียว แต่ตระกูลสีก็โผล่มาทำลายแผนการของเรา!” หลินคังพูดด้วยเสียงลอดไรฟัน “แล้วยังมียัยนั่นอีกคน พวกเราน่าจะฆ่าเธอไปตั้งแต่แรกถ้ารู้ว่าเธอจะเป็นอุปสรรคแบบนี้!” 


 


 


คุณปู่หลินหัวเราะอย่างชั่วร้าย “อย่าห่วงเลย เธอจะต้องตายแน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา…” 


 


 


“คุณพ่อครับ ถ้าไม่ใช่ตอนนี้แล้วเมื่อไหร่ล่ะ พวกเราต้องเสียสละเพื่อแผนการนี้ไปมากแล้ว! ทั้งเสี่ยวอวิ๋นกับจิงจิง ผู้หญิงคนนั้นทำลายเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกเรามากมาย! ดังนั้นเธอจะต้องถูกกำจัด! เราจะปล่อยให้พวกเขาสร้างหัวใจกลสำเร็จไม่ได้เหมือนกัน” 


 


 


คุณปู่หลินพูดอย่างมีอำนาจ “คิดว่าพ่อไม่รู้เรื่องนั้นเหรอ คนพวกนี้ต้องถูกกำจัดแต่ไม่ใช่ด้วยฝีมือของเรา” 


 


 


หลินคังตกใจ “คุณพ่อหมายความว่าอะไรครับ” 

 

 

 


ตอนที่ 604 บังคับตระกูลหลินให้ลงมือ

 

คุณปู่หลินด่าเพราะความโง่เขลาของเขา “หลายปีที่ลุกคลีอยู่ในโลกการเมืองมานี้เสียเปล่าจริงๆ แกทึ่มยิ่งกว่าเสี่ยวเซวียนอีก คิดว่าเขาล่อเสี่ยวเยียนออกไปทำไม” 


 


 


หลินคังเริ่มเข้าใจ “พวกเราจะหลอกใช้เสี่ยวเยียน?” 


 


 


“เธอเหมาะกับงานนี้ที่สุด” คุณปู่หลินพูดอย่างมั่นใจ “เราจะยอมให้เรื่องนี้โยงกลับมาหาเราไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องยืมมือคนอื่นเพื่อทำเรื่องนี้ ใครก็ตามที่ไม่ได้มาจากตระกูลหลิน” 


 


 


หลินคังเริ่มกังวล “มันจะไม่เป็นอันตรายต่อเสี่ยวเยียนเหรอครับ ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปง…” 


 


 


คุณปู่หลินหัวเราะ “แกลืมไปแล้วเหรอว่าเสี่ยวเยียนเป็นใคร ใครจะกล้าทำอะไรเธอ สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่ความตายของผู้หญิงคนหนึ่ง มีตั้งหลายวิธีในการปกปิดมัน” 


 


 


ใช่แล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับถงเยียน ตระกูลเฉินและตระกูลถงจะต้องเข้ามาแทรกแซงแน่ บวกกับคำพูดดีๆ จากตระกูลหลิน ประธานาธิบดีก็จะต้องยกโทษให้เธอแน่ ดังนั้นจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับถงเยียน เธอจึงเป็นผู้ที่เหมาะกับการช่วยตระกูลหลินทำงานสกปรกมากที่สุด 


 


 


ในที่สุดหลินคังก็เข้าใจและหัวเราะไปกับพ่อของเขา “พ่อครับ ผมว่านี่แหละคือความหมายของการฝึกฝนกองทัพเป็นพันวันเพื่อที่จะรบแค่หนึ่งชั่วโมง” 


 


 


คุณปู่หลินหัวเราะดังขึ้น “แน่นอน พวกเราเตรียมการมาตั้งแต่หลายปีก่อน ในที่สุดก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของเราสักที!” 


 


 


… 


 


 


“คุณเปิดเผยข้อมูลของงานออกแบบตอนนี้ ไม่กลัวว่าตระกูลหลินจะมาทำอะไรคุณเหรอครับ” ลู่ฉีถามซิงเหอด้วยความกังวลหลังจากที่ส่งทุกคนออกไป แน่นอนว่าซิงเหอได้คิดถึงเรื่องนั้นแล้ว 


 


 


เธอตอบ “ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องบังคับให้ตระกูลหลินลงมือและทำพลาด” 


 


 


“แต่ว่ามันเสี่ยงเกินไป คุณยังไม่ได้เตรียมตัวเลยและนี่ก็เป็นเมือง A ถ้าพวกเขาโจมตีคุณจริงๆ ผมกลัวว่าคุณจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้” 


 


 


ซิงเหอเบิกตาขึ้นเล็กน้อย “ใครบอกว่าฉันไม่ได้เตรียมตัว” 


 


 


“คุณมีแผนป้องกันตัวแล้วเหรอครับ” ลู่ฉีตกใจปนยินดี 


 


 


ซิงเหอพยักหน้า “ไม่ว่ายังไงฉันก็เห็นด้วยว่านี่มันเสี่ยงมาก แต่มีแค่การเปิดเผยงานวิจัยของเราออกมาเท่านั้นถึงจะบังคับให้พวกเขาลงมือได้ ไม่อย่างนั้นถ้าเรายังทำงานต่อไปเงียบๆ แบบนี้จนรักษาประธานาธิบดีได้ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ตระกูลหลินรอคอยเวลานี้มาหลายปีแล้ว พวกเขาไม่เกี่ยงหรอกถ้าจะต้องรออีกไม่กี่ปี ยังไงก็ตาม ภายในเวลาไม่กี่ปีทุกอย่างจะสายเกินไป! อีกอย่างฉันก็ไม่สามารถอดทนรอนานขนาดนั้น” 


 


 


“นั่นอาจเป็นเรื่องจริงแต่ผมก็ยังเป็นห่วงคุณอยู่ดี หากประสบความสำเร็จก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าล้มเหลวมันก็จะเป็นการเปิดเผยจุดอ่อนของเราให้พวกเขารู้…” 


 


 


 


 


 


ซิงเหอส่ายหน้า แววตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “นี่เป็นก้าวที่ฉันต้องเดิน ฉันทำทุกอย่างที่สามารถทำได้แล้ว ดังนั้นฉันจะปล่อยให้ที่เหลือเป็นไปตามโชคชะตา อย่างไรก็ตามฉันเชื่อว่าตระกูลหลินจะไม่สามารถหนีรอดไปจากโทษทัณฑ์ในครั้งนี้! เวรกรรมมันมีจริง!” 


 


 


ยิ่งกว่านั้นถ้าแผนนี้สำเร็จ จุดจบของคนพวกนั้นก็อยู่ไม่ไกลนัก 


 


 


… 


 


 


ซิงเหอขอลางานจากบ้านประธานาธิบดีสักสองสามวันเพื่อเปิดโอกาสให้ตระกูลหลินเล่นงานเธอ เธอให้เหตุผลว่าต้องการจะไปเยี่ยมมู่ไป๋ ถึงอย่างไรเธอก็จากบ้านมานานแล้วและเป็นห่วงเขา 


 


 


คุณนายประธานาธิบดีเข้าใจความรู้สึกของเธอจึงอนุญาตให้เธอหยุดงานและให้ผู้คุ้มกันไปส่งเธอที่สนามบิน 


 


 


ซิงเหอยอมรับน้ำใจของเธอ ไม่นานรถก็ออกมาจากบ้านของประธานาธิบดี 


 


 


ในรถ ซิงเหอโทรหาอาลิและคนที่เหลือทันที “ฉันกำลังเดินทางอยู่ ไปรอฉันที่เดิมนะ” 


 


 


อาลิซึ่งตั้งหลักอยู่ที่เมือง A ก่อนหน้านี้ตามคำสั่งของซิงเหอตอบ “โอเค พวกเราจะรอเธอ” 


 


 


นับตั้งแต่ตอนที่เธอมาถึงเมือง A เธอก็คิดหาหนทางมากมายที่จะจัดการกับตระกูลหลิน แต่ไม่ว่าจะเป็นแผนการไหนเธอก็ต้องการกำลังคนทั้งนั้น 

 

 

 


ตอนที่ 605 คำนวณผิด

 

ด้วยเหตุนี้เธอเลยได้เตรียมการให้ อาลิและคนอื่นๆ ซ่อนอยู่ในเมือง A และเธอก็กำลังจะไปพบพวกเขา หลังจากที่ประชุมกันอีกครั้ง พวกเธอก็จะรอให้ตระกูลหลินโจมตี อย่างไรก็ตามซิงเหอคำนวณผิดไปหนึ่งคน นั่นก็คือถงเยียน 


 


 


เธอไม่คาดคิดว่าเด็กสาวจะดื้อรั้นและมาเล่นงานเธอแทนตระกูลหลิน ทายาทหญิงผู้สูงส่งแต่โง่เง่าถึงขนาดยอมทำงานสกปรกให้คนอื่น นั่นเป็นสิ่งที่… ซิงเหอคาดไม่ถึงจริงๆ … 


 


 


กระนั้นซิงเหอก็ได้รับรู้เรื่องทั้งหมดนี้ภายหลัง 


 


 


… 


 


 


ตอนที่ซิงเหอตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ รถก็ห่างออกมาจากเส้นทางที่ถูกต้องมากแล้ว 


 


 


“ถนนเส้นนี้ไม่ได้มุ่งหน้าไปสู่สนามบินนี่คะ” เธอพูดกับผู้คุ้มกันในรถ 


 


 


เขาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นี่เป็นทางลัด อย่ากังวลเลยครับคุณเซี่ย พวกเราจะไปส่งคุณถึงสนามบินอย่างปลอดภัย” 


 


 


ซิงเหอรู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ถึงอย่างไรผู้ชายพวกนี้ก็เป็นคนของภรรยาท่านประธานาธิบดี หล่อนไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำร้ายเธอ อย่างไรก็ตามรถหลงออกมาไกลขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าสู่แถบชนบท… 


 


 


แค่บ้านของประธานาธิบดีก็แยกตัวออกมาห่างไกลจากเมืองมากแล้ว ทว่าหลังจากผ่านไปเป็นเวลานานก็ยังไม่เห็นมีร่องรอยกิจกรรมของมนุษย์รอบตัวพวกเธอเลย ความสงสัยของซิงเหอเพิ่มมากขึ้น มีบางอย่างผิดปกติ 


 


 


เมื่อเธอพยายามแอบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เธอก็ถูกผู้คุ้มกันคนหนึ่งจับได้ 


 


 


“คุณเซี่ย ผมแนะนำให้คุณเอาโทรศัพท์ออกไปห่างๆ ไม่ต้องห่วง พวกเราจะไม่ทำร้ายคุณ” ผู้คุ้มกันบอกเธอด้วยสายตาคมกริบ 


 


 


ซิงเหอไม่แปลกใจแต่ถามอย่างสงบนิ่ง “คุณวางแผนจะทำอะไร” 


 


 


ผู้คุ้มกันรู้สึกทึ่งกับปฏิกิริยาสงบนิ่งของเธอ ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ 


 


 


“มีใครบางคนต้องการพบคุณ ดังนั้นพวกเราจะพาคุณไปพบเธอ” 


 


 


“เธอเป็นใคร” 


 


 


“คุณจะรู้ในไม่ช้า” 


 


 


ซิงเหอพอจะเดาออก คงเป็นตระกูลหลินหรือไม่ก็ถงเยียน มีแค่พวกเธอเท่านั้นที่มีอำนาจพอที่จะซื้อตัวผู้คุ้มกัน อย่างไรก็ตามเธอประหลาดใจจริงๆ ที่ผู้คุ้มกันในบ้านของประธานาธิบดีก็สามารถซื้อตัวได้ด้วย… 


 


 


เธอประมาทเกินไป อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย! 


 


 


ซิงเหอกดสองครั้งบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างรวดเร็วแล้วโปรแกรมโครงข่ายสามเหลี่ยมก็ส่งสัญญานโทรศัพท์ของเธอออกไป 


 


 


ผู้คุ้มกันคิดว่าเธอจะฝ่าฝืนคำเตือนของเขาเพื่อโทรขอความความช่วยเหลือ แต่พอเขาเห็นว่าเธอแค่สัมผัสมันนิดหน่อยเขาก็ไม่ได้ทำอะไร 


 


 


ไม่นานรถก็มาถึงจุดหมาย ยกเว้นรถอีกคันซึ่งจอดอยู่ก็ไม่มีอะไรเลย นอกจากธรรมชาติ 


 


 


ผู้คุ้มกันจอดรถแล้วบอกกับซิงเหอ “คุณเซี่ยลงไปได้แล้วครับ รถคันนั้นจะพาคุณไปส่งที่สนามบิน” 


 


 


ซิงเหอจ้องมองผู้คุ้มกันอย่างเย็นชา “คุณคิดจริงๆ เหรอว่าฉันจะได้ไปที่สนามบินโดยปลอดภัยน่ะ” 


 


 


ผู้คุ้มกันตกใจจริงๆ “แน่นอนครับ” 


 


 


“คุณจะต้องชดใช้ให้กับความโง่เขลาของตัวเองอย่างสาสม” ขณะที่ซิงเหอพูด ประตูก็ถูกกระชากให้เปิดออก ผู้ชายสองคนในชุดดำลากซิงเหอออกมาจากรถอย่างรุนแรงแล้วใช้มือของพวกเขาปิดปากเธอ 


 


 


ผู้คุ้มกันตกใจมาก นี่มันไม่เหมือนกับที่คุยกันไว้นี่นา! 


 


 


เขารีบวิ่งเข้าไปช่วยซิงเหอแต่ชายคนหนึ่งจับตัวเขาไว้แล้วโยนโทรศัพท์ให้เขา “เจ้านายต้องการจะคุยกับนาย ถ้านายมีคำถามอะไรก็ถามเธอได้เลย!” 


 


 


ผู้คุ้มกันรับโทรศัพท์มา แล้วน้ำเสียงจองหองของถงเยียนก็ดังมาจากอีกฝั่ง “ถ้านายยังอยากมีชีวิตอยู่ก็ทำตามคำสั่งของฉันซะ จำไว้ว่าหลังจากที่เซี่ยซิงเหอลงมาจากรถ เธอก็หายไปจากสายตาของนายและนายไม่รู้ว่าเธอไปที่ไหน และคิดว่าเห็นเธอเข้าไปในรถที่นายไม่สามารถระบุได้” 

 

 

 


ตอนที่ 606 ดูแลตัวเอง (จบช่วงหัวใจกล)

 

“ทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมการของเธอเอง นายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน เข้าใจไหม”


 


 


“คุณถง ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะครับ คุณแค่บอกผมว่า…”


 


 


“นายเป็นใครถึงกล้ามาถามฉัน! ถ้านายไม่ทำตามคำสั่งของฉัน ฉันก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาย นายควรจะรู้ว่าฉันอยู่เหนือกฎหมาย” ถงเยียนพูดอย่างพึงพอใจและนั่นก็ทำให้ผู้คุ้มกันรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง


 


 


ในขณะนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดสุดท้ายที่ซิงเหอบอกกับเขา คุณจะต้องชดใช้ให้กับความโง่เขลาของตัวเองอย่างสาสม…


 


 


ใช่แล้ว เขาโง่อะไรอย่างนี้!


 


 


เขาถูกถงเยียนหลอก ท้ายที่สุดเขาก็ไม่มีทางเลือก ซิงเหอถูกพาตัวไปแล้วและคนร้ายก็คือถงเยียน ถ้าเขาไม่ทำตามคำสั่งของเธอผลลัพธ์ก็มีแค่ความตายเท่านั้น ความหวังเดียวของเขาก็คือทำตามความต้องการของเธอ ถึงแม้ว่าคุณนายประธานาธิบดีจะเชื่อเขา เขาก็คงถูกไล่ออกเพราะทำงานสะเพร่า ไม่ว่าอย่างไรก็เหมือนที่ซิงเหอพูด เขาจะต้องชดใช้ในทางใดทางหนึ่ง…


 


 


เขาหวังได้แค่การชดใช้จะไม่หนักหนาสาหัสนัก


 


 



 


 


คนของถงเยียนทำงานของพวกเขาอย่างอย่างฉับไว ถึงแม้ว่าการลักพาตัวจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันซิงเหอก็ไม่มีท่าทีเกรงกลัว น่าอัศจรรย์ที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนลักพาตัว


 


 


ผู้ชายชุดดำรู้สึกไม่สบายใจกับท่าทีที่สงบนิ่งอย่างน่าทึ่งของเธอ อย่างไรก็ตามเนื่องจากซิงเหอถูกมัดไว้แล้ว เธอไม่สามารถทำอะไรได้ถึงแม้จะอยากทำก็ตาม ความร่วมมือของเธอคงเกิดจากการยอมจำนนต่อโชคชะตา


 


 


นั่นก็ไม่ผิดซะทีเดียวเพราะซิงเหอตระหนักว่าขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์ พวกเขามัดแขนขาของเธอแถมยังปิดตาเธออีก เธอไม่สามารถขยับหรือมองเห็นได้ สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ตอนนี้ก็คือสืบหาสถานที่ที่เธออยู่จากการฟังเสียง


 


 


อย่างไรก็ตามคนพวกนี้เป็นมืออาชีพซึ่งต่างจากคนของเทียนซิน พวกเขาไม่เปิดโอกาสใดๆ ให้ซิงเหอเลยและตลอดทางเธอก็ไม่สามารถจับเบาะแสอะไรที่มีประโยชน์ได้


 


 


ในที่สุดเธอก็ถูกดึงออกมาจากรถแล้วถูกโยนเข้าไปในห้องใต้ดิน เธอรู้ว่ามันเป็นชั้นใต้ดินเพราะกลิ่นของเชื้อราและความสูงที่เธอตกลงมา พวกผู้ชายจากไปและทิ้งเธอไว้ที่นั่น


 


 


ซิงเหอคิดว่าคนร้ายจะมาฆ่าเธอด้วยตัวเองหรือมาหัวเราะเยาะใส่หน้าเธอ ดังนั้นเธอจึงประหลาดใจจริงๆ ที่พวกเขาแค่ทิ้งเธอไว้ตรงนี้


 


 


พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาจะขังเธอไว้แล้วปล่อยให้เธอตายจากการขาดอาหารเหรอ


 


 



 


 


ซิงเหอหายตัวไป!


 


 


กลุ่มของอาลิรอเธอมานานมากแล้วแต่เธอก็ยังไม่ปรากฏตัวสักที และพวกเขาก็ไม่สามารถติดต่อเธอได้


 


 


พวกเขาตระหนักว่าโปรแกรมโครงข่ายสามเหลี่ยมบนมือถือของเธอถูกเปิดใช้งานมาสักพักก่อนที่สัญญาณจะถูกตัดไป ดังนั้นจะต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับซิงเหอแน่นอน!


 


 


พวกเขาเริ่มกังวล แซมรีบดำเนินการทันที “อาลิ เธอรอซิงเหออยู่ที่นี่ แคร์นโทรไปบอกเรื่องนี้กับตระกูลสีเดี๋ยวนี้ ฉันกับวูล์ฟจะออกไปค้นหาเธอ”


 


 


“โอเค!” จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง แซมกับวูล์ฟนำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยออกไปตามหาซิงเหอ


 


 


แคร์นรีบติดต่อคุณปู่สีเพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับซิงเหอจริงๆ ตระกูลสีก็ควรจะได้รับรู้เพราะคงมีแค่พวกเขาเท่านั้นที่สามารถช่วยเธอได้


 


 


ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากแคนส์สีหน้าของคุณปู่สีก็มืดลง มันเป็นสิ่งที่เขากลัว มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับซิงเหอจริงๆ!


 

 

 


ตอนที่ 607 เขากำลังมา!

 

น้ำเสียงของคุณปู่สีสะท้อนอารมณ์หดหู่ของเขา “เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบหาทางช่วยเธอ ถ้ามีความคืบหน้าอะไรก็โทรมาหาฉัน”


 


 


“ได้ครับ” แคร์นสัญญาก่อนที่จะวางสาย


 


 


ตอนที่คุณปู่สีกำลังจะโทรหาประธานาธิบดีก็มีคนโทรเข้ามาหาเขา สายนั้นมาจากโรงพยาบาล หัวใจของคุณปู่สีหยุดเต้น กลัวว่ามันจะเป็นข่าวร้ายของมู่ไป๋ เขากดปุ่มรับสายด้วยมืออันสั่นเทา


 


 


น้ำเสียงสดใสของคุณหมอดังเข้ามา “ยินดีด้วยครับคุณปู่สี นายน้อยสีตื่นแล้ว!”


 


 


คุณปู่สีลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ “คุณพูดว่าอะไรนะ!”


 


 


“นายน้อยสีตื่นแล้วครับ ในที่สุดเขาก็ตื่นแล้ว!”


 


 



 


 


นี่เป็นข่าวดีสำหรับตระกูลสี พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลทันที มู่ไป๋ที่ได้สติกล่าวทักทายพวกเขา


 


 


ถึงแม้เขาจะเพิ่งตื่น แต่แววตาของเขาก็คมกริบ เขาเอนตัวอยู่บนเตียง จิตวิญญาณของเขาตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลอันยาวนาน ราวกับว่าอุบัติเหตุในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา


 


 


คุณนายสีร้องไห้แล้วเข้ามากอดเขา “มู่ไป๋ ในที่สุดลูกก็ตื่นแล้ว! แม่รอเวลานี้มานานเหลือเกิน”


 


 


มู่ไป๋กวาดตามองทุกคนอย่างรวดเร็วแต่เขาไม่เห็นซิงเหอ ถึงแม้ว่าซิงเหอจะปลอดภัยจากการระเบิด เขาก็ยังไม่สามารถเลิกกังวลจนกว่าจะได้เห็นเธอกับตาตัวเอง


 


 


“ซิงเหออยู่ไหนครับ” มู่ไป๋เปิดปากถาม


 


 


คุณปู่สีพูดด้วยความยากลำบาก “ในเมื่อหลานตื่นแล้วก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ”


 


 


ตาของมู่ไป๋เบิกกว้างแล้วเสียงของเขาก็เย็นยะเยือกลงหลายระดับ “คุณปู่พูดว่าอะไรนะครับ”


 


 


“มู่ไป๋ มีหลายเรื่องเกิดขึ้นระหว่างที่หลานไม่อยู่…” คุณปู่สีเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ให้มู่ไป๋ฟัง


 


 


พอพูดจบเขาก็ถอนหายใจ “พวกเราทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมให้เธอไปเมือง A ตามลำพัง เราไม่คิดว่าเธอจะหายตัวไปแบบนี้ พวกเราสงสัยว่าเธอน่าจะโดนลักพาตัว แต่ไม่ต้องห่วง ปู่ติดต่อประธานาธิบดีแล้ว เขาสัญญาว่าจะส่งคนออกไปตามหาเธอ”


 


 


ถึงอย่างนั้นมู่ไป๋ก็ไม่สามารถทำใจให้สงบได้ เขาลุกขึ้นนั่งแล้วดึงผ้าห่มออก


 


 


คุณนายสีหยุดเขาทันที “มู่ไป๋ ลูกจะทำอะไร”


 


 


“ไปเมือง A!” มู่ไป๋ตอบด้วยความแน่วแน่ มันทำให้ทุกคนตกใจ


 


 


“หลานทำแบบนั้นไม่ได้ หลานพึ่งจะตื่นขึ้นมาเอง ตอนนี้หลานไม่ควรกดดันตัวเองมากเกินไป พวกเราจะหาทางแก้ปัญหาของซิงเหอเอง หลานรออยู่เฉยๆ ก็พอ” คุณปู่สีแนะนำเขา


 


 


ดวงตาสีเข้มของมู่ไป๋จ้องมองเขาขณะที่พูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว “คุณปู่ก็บอกเองว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ แล้วคุณปู่จะให้ผมนั่งอยู่เฉยๆ ในโรงพยาบาลได้ยังไงกันครับ ผมต้องไปเมือง A ผมจะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่อย่างนั้นการที่มอบชีวิตนี้กลับมาให้ผมก็ไม่มีความหมาย!”


 


 


ว่าไงนะ


 


 


คุณปู่สีและคนที่เหลือตกตกลึงเกินกว่าจะพูดอะไรได้ ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับซิงเหอ มู่ไป๋ก็จะยอมเอาชีวิตใหม่ของเขาเข้าแลกเหมือนกัน…?


 


 


ในที่สุดพวกเขาก็ยอมรับการตัดสินใจของเขาและไม่ได้ห้ามเขาอีกต่อไป มู่ไป๋โทรเรียกเครื่องบินส่วนตัวและบินไปเมือง A


 


 


ซิงเหอไม่รู้ว่าเขากำลังจะมา เธอกำลังดิ้นรนเพื่อหาทางเอาตัวรอดอยู่


 


 


ตระกูลหลินก็ไม่รู้ว่าเขากำลังจะมาเช่นกัน


 


 


พายุกำลังจะโหมกระหน่ำเข้าใส่เมือง A อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถรู้ได้ว่าใครจะอยู่รอดปลอดภัยเมื่อฟ้ากระจ่างและใครจะหายไปกับพายุ…

 

 

 


ตอนที่ 608 ตามหาเซี่ยซิงเหอ

 

ถึงแม้ว่าคุณปู่สีจะปลดเกษียณแล้วแต่ประธานาธิบดีก็ยังให้เกียรติเขาอยู่ นอกจากนี้ซิงเหอยังเป็นผู้ประดิษฐ์หัวใจกล ดังนั้นประธานาธิบดีจึงให้ความสำคัญกับการหายตัวไปของเธอเป็นอันดับแรก เขาสั่งให้คนทั้งหมดของเขาไปตามหาเธอ


 


 


ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีคนอื่นอีกหลายคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยตามหา


 


 


กลุ่มของแซมกำลังตามหาเธอ ตระกูลกู้กับตระกูลเหยียนก็กำลังตามหาเธอ


 


 


ครอบครัวของกู้หลีและเหยียนขุยอาศัยอยู่ในเมือง A เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวร้ายจากมู่หนาน พวกเขาก็รีบติดต่อกลับไปที่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือทันที แม้กระทั่งโลกธุรกิจในเมือง A ก็กำลังออกตามหาซิงเหอ นี่เป็นอิทธิพลจากมู่ไป๋


 


 


พูดง่ายๆ ก็คือทั้งเมือง A กำลังออกตามหาซิงเหอ ถงเยียนคาดไม่ถึงว่าทั้งเมืองจะเคลื่อนไหวเพียงเพราะว่าซิงเหอหายตัวไปแค่ครึ่งวัน แม้แต่ลู่ฉีเองก็ยังส่งคนของเขาออกไปช่วยตามหา…


 


 


การที่เธอได้รับความช่วยเหลืออย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่ได้ทำให้ถงเยียนรู้สึกกังวล แต่มันทำให้เธอโกรธแทน ผู้หญิงธรรมดาๆ คนนี้เป็นใครกันถึงได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย


 


 


เธอจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนในโลกนี้มาล้ำหน้าเธอ! นี่ทำให้ความตั้งใจของถงเยียนที่จะปล่อยให้ซิงเหอหิวตายแน่วแน่ขึ้น!


 


 


ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ถูกขังออกจากโลกภายนอก ตราบใดที่ผู้คุ้มกันไม่ปริปากก็จะไม่มีใครหาซิงเหอเจอ หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่ซิงเหอตาย ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว


 


 


ถงเยียนไม่ห่วงเรื่องผลที่จะตามมาจากการฆ่าซิงเหอเลยสักนิด เธอมั่นใจว่าจะไม่มีใครสามารถลงโทษเธอได้เพราะตระกูลเฉินกับตระกูลถงจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือเธอ การตายของเซี่ยซิงเหอจะถูกปกปิดและไม่มีใครรู้ความจริง


 


 


ไม่ว่าอย่างไรถงเยียนก็ถูกเลี้ยงมาโดยไม่ได้รับบทลงโทษร้ายแรงเมื่อกระทำผิด เธอเป็นเจ้าหญิงที่ได้รับความรักจากทั้งโลก เธอมีฐานะเหนือกว่าคนอื่นหลายเท่า แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถโทษเธอถึงแม้พวกเขาจะค้นพบว่าเธอเป็นคนทำให้ผู้หญิงธรรมดาอย่างเซี่ยซิงเหอต้องตาย


 


 


ในทางกลับกัน ถงเยียนเริ่มจินตนาการถึงความสุขบนใบหน้าของหลินเซวียนเมื่อเขาค้นพบว่าเธอช่วยกำจัดศัตรูคนสำคัญให้ เขาจะต้องรู้สึกขอบคุณความช่วยเหลือของเธออย่างมาก เหมือนในวัยเด็ก ทุกครั้งที่เธอช่วยเขาจัดการใครสักคน เขาจะมีความสุขมากและไปเที่ยวเป็นเพื่อนเธอหลายวัน


 


 


ครั้งนี้เขาก็จะปลื้มใจกับความสำเร็จของเธอและบางทีอาจมีความสุขถึงขนาดยอมตกลงเป็นแฟนกับเธอ


 


 


ภารกิจช่วยเหลือซิงเหอยังดำเนินต่อไปขณะที่ถงเยียนจมปลักอยู่กับฝันหวานของเธอ


 


 



 


 


กระนั้นไม่ว่าพวกเขาจะพยายามหาแค่ไหนก็ไม่พบร่องรอยของซิงเหอเลย!


 


 


ผู้คุ้มกันถูกคุมขัง เขาสาบานด้วยชีวิตว่าระหว่างทางไปสนามบิน ซิงเหอเป็นคนขอลงไปจากรถเองแล้วเข้าไปในรถคันอื่น ดังนั้นเขาเลยไม่รู้ว่าเธอไปที่ไหน


 


 


หลังจากการสอบสวนอีกหลายครั้งคำให้การของเขาก็ยังเหมือนเดิม เขาไม่กล้าพูดความจริงเพราะถ้าเขาพูดความตายของซิงเหอก็จะตกเป็นความผิดของเขา พวกเขาจะไม่ลงโทษถงเยียนและเขาก็จะกลายเป็นแพะรับบาป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเปิดเผยความจริงไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม


 


 


เขาทำผิดตั้งแต่ก้าวแรกแล้วและไม่มีหนทางให้ย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก ดังนั้นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือการเดินไปบนเส้นทางบาปนี้โดยละทิ้งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี พวกเขาจะไม่ได้เบาะแสใดๆ เกี่ยวกับซิงเหอจากเขา


 


 


ตกดึกแล้วแต่พวกเขาก็ยังหาตัวซิงเหอไม่พบ


 


 


นอกจากตระกูลหลินที่เฉลิมฉลองอยู่เบื้องหลัง คนอื่นๆ ต่างเป็นกังวลกันอย่างมาก แม้แต่คุณนายประธานาธิบดีเองก็รู้สึกแบบนั้น ด้วยพรสวรรค์ของซิงเหอ เธอจึงเป็นห่วงความปลอดภัยของหญิงสาวมากและรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนของเธอที่ปล่อยให้ซิงเหอหายไป


 


 


ประธานาธิบดีสังเกตเห็นความกังวลของเธอและปลอบใจเธอ “อย่าห่วงเลย ตอนนี้ตำรวจกำลังออกไปค้นหาอย่างละเอียด พวกเขาจะต้องเจอเธอแน่”

 

 

 


ตอนที่ 609 บุกเข้าไปในบ้านของประธานาธิบดี

 

“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น…” ขณะที่คุณนายประธานาธิบดีพูดประโยคนี้ โทรศัพท์ของประธานาธิบดีก็ดังขึ้น เป็นสายจากเลขาของเขา สีมู่ไป๋จากตระกูลสีมาที่นี่เพื่อพบเขา


 


 


ประธานาธิบดีตกใจ “สีมู่ไป๋?”


 


 


“ใช่ครับ เขายังบอกอีกว่าถ้าท่านปฏิเสธที่จะพบเขา เขาก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เลขารายงานอย่างอย่างร้อนรน มู่ไป๋ข่มขู่ประธานาธิบดีอย่างเปิดเผย เขาช่างกล้าจริงๆ เลขาคงจะเรียกยามมาจับเขาแล้วถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นบุคคลพิเศษ แต่มันก็สมเหตุสมผลที่ประธานาธิบดีจะตกใจ สีมู่ไป๋ กล้าข่มขู่เขา…


 


 


อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ปฏิเสธแต่กลับสั่งว่า “ให้เขาเข้ามา”


 


 


“ได้ครับ”


 


 


“ใครกันคะ” คุณนายประธานาธิบดีถาม ประธานาธิบดีถอนหายใจ


 


 


“สีมู่ไป๋จากตระกูลสี”


 


 


คุณนายประธานาธิบดีตกใจ “เขาฟื้นแล้วเหรอคะ เขาต้องมาที่นี่เพราะซิงเหอแน่ๆ”


 


 


“น่าจะเป็นอย่างนั้น”


 


 


บอดี้การ์ดพาตัวมู่ไป๋เข้ามาอย่างรวดเร็ว เขามาคนเดียวและนั่งอยู่ในรถเข็นซึ่งบอดี้การ์ดเป็นคนเข็นเข้ามาในห้อง ข้างหลังเขามีบอดี้การ์ดอีกสิบคน พวกเขากลัวว่ามู่ไป๋จะทำอะไรโง่ๆ


 


 


ทว่ามู่ไป๋ไม่กังวลกับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา สีหน้าของเขาสงบนิ่งและมีอำนาจ


 


 


ประธานาธิบดีกับภรรยาของเขาถอนหายใจเมื่อเห็นมู่ไป๋ ชายหนุ่มคนนี้มีพลังงานและความกล้าหาญจริงๆ ถึงกล้าบุกเข้ามาในบ้านของประธานาธิบดีแบบนี้


 


 


มู่ไป๋ทักทายพวกเขาอย่างใจเย็นและพูดว่า “ผมต้องขอโทษด้วย มันไม่ใช่ความต้องการของผมที่จะมารบกวนพวกท่าน แต่คู่หมั้นของผมหายตัวไปหลังจากที่เธอมาที่นี่ ดังนั้นผมเลยกังวลนิดหน่อย”


 


 


ประธานาธิบดีพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ แต่เธอไม่ควรบุกเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับคำเชิญ ครั้งนี้ฉันจะยกโทษให้เพราะเห็นแก่หน้าปู่ของเธอ แต่ทางที่ดีอย่าให้มันเกิดขึ้นอีก”


 


 


“ไม่ต้องห่วงครับ ตราบใดที่ซิงเหอปลอดภัย ผมจะไม่ทำอะไร” มู่ไป๋ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน


 


 


ประธานาธิบดีกับภรรยาตกใจ พูดง่ายๆ ก็คือถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับซิงเหอ เขาก็อาจทำอันตรายบางอย่างกับพวกเขา…


 


 


“สีมู่ไป๋ เธอเข้าใจไหมว่าตัวเองกำลังขู่ใครอยู่” ประธานาธิบดีถามอย่างเคร่งขรึม


 


 


มู่ไป๋ไม่มีวี่แววเกรงกลัว เขาแสยะยิ้ม “ผมรู้ดีครับว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นผมหวังว่าท่านประธานาธิบดีจะหาตัวซิงเหอพบในเร็วๆ นี้ คำของของผมมีแค่อย่างเดียวนั่นก็คือเธอต้องกลับมาอย่างปลอดภัย”


 


 


“พวกเราก็หวังว่าเธอจะปลอดภัยเหมือนกัน” คุณนายประธานาธิบดียอมผ่อนปรน “อย่าห่วงเลย ฉันแน่ใจว่าตำรวจจะหาเธอพบในเร็วๆ นี้”


 


 


“แต่ยังไม่มีข่าวคราวเลยถึงแม้ว่าจะผ่านมาครึ่งวันแล้ว” มู่ไป๋พูดอย่างขุ่นเคือง “ดังนั้นผมจึงต้องมาที่นี่เพื่อมาฟังด้วยตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”


 


 


คุณนายประธานาธิบดีเข้าใจความคิดของเขาจึงเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างละเอียด เมื่อเธอพูดจบเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับบอดี้การ์ด


 


 


เขาพูดด้วยแววตาเย็นยะเยือก “ขอผมพบบอดี้การ์ดคนนั้นหน่อยครับ ผมมีคำถามเล็กน้อยจะถามเขา”


 


 


ประธานาธิบดีกับภรรยามองหน้ากันก่อนที่จะทำตามคำขอของเขา ในไม่ช้าบอดี้การ์ดก็ถูกนำตัวเข้ามาในห้อง


 


 


เขาเริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็น ประธานาธิบดีและภรรยาแต่เขาก็เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการสอบสวน เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องโกหกเพราะความจริงจะนำเขาไปสู่ความตายเท่านั้น


 


 


จู่ๆ มู่ไป๋ซึ่งนั่งอยู่ในรถเข็นก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณเป็นคนที่รับผิดชอบพาซิงเหอออกไปจากบ้านของประธานาธิบดีใช่ไหม”

 

 

 


ตอนที่ 610 อสูรจากนรก

 

บอดี้การ์ดสบตากับมู่ไป๋แล้วเขาก็หลบตาโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง มันเป็นแววตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันเย็นยะเยือกและมืดมน บอดี้การ์ดรู้สึกราวกับว่าเขากำลังจ้องเข้าไปในดวงตาของอสูรจากนรก


 


 


ถึงแม้ว่าบอดี้การ์ดจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อต้องเผชิญกับสายตาเย็นชาของมู่ไป๋เขาก็เริ่มรู้สึกอึดอัด อย่างไรก็ตามเขารีบรวบรวมสติตัวเองอย่างรวดเร็ว


 


 


“ใช่ครับ” เขาตอบอย่างใจเย็น


 


 


มู่ไป๋จ้องเขาโดยไม่ละสายตาและเรียกร้องคำตอบ “ถ้างั้นก็บอกผมมาว่าให้ละเอียดว่ามันเกิดอะไรขึ้น รวมถึงสิ่งที่คุณปกปิดไว้ด้วย ห้ามขาดแม้แต่คำเดียว”


 


 


บอดี้การ์ดได้เล่าเรื่องนี้มาหลายรอบแล้วและตอนนี้เขาก็กำลังเล่าเรื่องเดิมอีกครั้ง “หลังจากที่ผมรับคุณเซี่ยออกมาจากบ้าน เธอก็ขอให้ผมใช้เส้นทางอื่น หลังจากขับไปได้สักพัก เธอก็บอกว่าถึงจุดหมายแล้วและให้ผมกลับไปคนเดียว จากนั้นเธอก็ออกจากรถแล้วไปขึ้นรถอีกคัน”


 


 


“คุณไม่ได้พูดอะไรเลยตอนที่เธอต้องการออกจากรถไปกลางทาง?”


 


 


“ผมถามเหตุผลเธอแล้ว เธอบอกว่าเธอมีบางอย่างต้องทำและให้ผมทิ้งเธอไว้ตรงนั้นได้”


 


 


“คุณก็เลยยอมให้เธอออกไป”


 


 


บอดี้การ์ดตอบอย่างใจเย็น “ใช่ครับ เธอยืนกรานที่จะออกไป ผมเลยทำอะไรไม่ได้”


 


 


“คุณเป็นบอดี้การ์ดที่ได้รับการฝึกฝนมาใช่ไหม เธอเข้าไปในรถประเภทไหน เลขทะเบียนของรถคืออะไร”


 


 


“มันเป็นรถต่างประเทศสีดำแต่ผมมองเลขทะเบียนไม่ทัน”


 


 


มู่ไป๋เยาะเย้ย “คุณมองเลขทะเบียนของรถไม่ทัน?”


 


 


“ใช่ครับ” บอดี้การ์ดตอบอย่างมั่นใจ


 


 


ตาของมู่ไป๋หม่นลง “ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย เลขทะเบียนของรถคืออะไร”


 


 


“ผมก็บอกคุณไปแล้วว่าผมมองไม่ทัน ผมไม่รู้ว่ามันเลขอะไร”


 


 


“คุณโกหก!” มู่ไป๋คำรามอย่างดุดัน “ซิงเหอเปิดใช้โปรแกรมโครงข่ายสามเหลี่ยมบนมือถือของเธอก่อนที่เธอจะลงจากรถของคุณ แต่สัญญาณนั้นปรากฏอยู่แค่พักเดียว ผมคิดว่าโทรศัพท์ของเธอน่าจะถูกทำลายไปตอนที่เธอโดนลากออกไปจากรถ พูดง่ายๆ ก็คือเธอค้นพบว่าคุณทำตัวน่าสงสัยตั้งแต่ตอนที่ยู่ในรถเลยเปิดใช้โปรแกรมโครงข่ายสามเหลี่ยม ต้องให้ผมเอาหลักฐานมาแสดงให้คุณดูไหม!”


 


 


บอดี้การ์ดตกตะลึง เขาไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องโปรแกรมโครงข่ายสามเหลี่ยมเลย


 


 


“ผมจะถามคุณอีกครั้ง ใครเป็นคนเอาตัวซิงเหอไป คุณยอมให้ใครพาตัวเธอไป!” มู่ไป๋เรียกร้องด้วยความก้าวร้าวเหมือนกับสัตว์ป่าที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อของมัน


 


 


ตาของบอดี้การ์ดเริ่มกลอกไปมาด้วยความประหม่า แต่เขาก็ยังปฏิเสธ “ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร ทำไมผมจะต้องทำร้ายเธอ…”


 


 


“ถ้าคุณยังโกหกต่อไป ผมจะฆ่าคุณเดี๋ยวนี้!” มู่ไป๋ลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับชักปืนออกมาจากสายคาดเอวของบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา คนทั้งห้องตกใจ เขารวดเร็วเกินไปจนพวกเขาไม่มีเวลาตอบสนอง


 


 


บอดี้การ์ดคนที่โดนขโมยอาวุธไปพูดไม่ออก ความเร็วและการตอบสนองของเขาก็เร็วมากแล้วจากการฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายปี แต่มู่ไป๋เร็วกว่าเขาอีก


 


 


“คุ้มครองประธานาธิบดีกับคุณนาย!”


 


 


กลุ่มบอดี้การ์ดสร้างด่านล้อมรอบทั้งสองคนทันที


 


 


พวกเขาชักปืนออกมาและเล็งมันไปที่มู่ไป๋ “วางปืนลง!”


 


 


มู่ไป๋เมินเฉยต่อพวกเขาแล้วจดจ่ออยู่กับบอดี้การ์ดตรงหน้า กระบอกปืนสัมผัสโดนขมับของบอดี้การ์ด เขาสามารถเห็นนิ้วของมู่ไป๋ที่อยู่บนไกปืน บอดี้การ์ดสับสน เขาคาดไม่ถึงว่ามู่ไป๋จะทำเรื่องแบบนี้


 


 


ตาของมู่ไป๋วาวโรธด้วยเจตนาฆ่าฟัน “ผมจะถามคุณอีกครั้ง ใครเอาตัวเธอไป ถ้าคุณยังปฏิเสธที่จะตอบก็บอกลาชีวิตของตัวเองได้เลย!”


 


 


“คุณจะไม่สามารถรอดไปได้แน่ถ้าคุณฆ่าคนต่อหน้าประธานาธิบดี…” บอดี้การ์ดเตือนเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา


 


 


มู่ไป๋หัวเราะ “คุณอยากรู้ไหมว่าผมเตรียมการอะไรไว้ก่อนที่จะมาที่นี่”

 

 

 


ตอนที่ 611 สีมู่ไป๋บ้าไปแล้ว!

 

“…”


 


 


“เศรษฐกิจของทั้งเมือง A และเมือง T อยู่ในกำมือของผม ถ้าผมไม่สามารถเดินออกไปจากที่นี่โดยมีชีวิตอยู่ เศรษฐกิจของทั้งสองเมืองก็จะพังทลาย! คุณคงรู้นะว่ามันหมายความว่ายังไง”


 


 


บอดี้การ์ดตกตะลึง แม้กระทั่งประธานาธิบดีกับภรรยาของเขาก็งงงวย สีมู่ไป๋กล้าใช้เศรษฐกิจของประเทศมาข่มขู่พวกเขา!


 


 


เมือง A และเมือง T เป็นเมืองใหญ่และเจริญก้าวหน้าที่สุดของประเทศจีน เมือง T ถือเป็นจุดรวมเศรษฐกิจและธุรกิจของประเทศ ตระกูลสีมีอำนาจควบคุมตลาดของทั้งเมือง T และตลาดครึ่งหนึ่งของเมือง A ถ้ามู่ไป๋เสียสติและทำลายเศรษฐกิจของทั้งสองเมืองนี้จริงๆ ทั้งประเทศก็จะตกอยู่ในความยุ่งเหยิง!


 


 


ไม่ใช่แค่นั้น มันจะมอบโอกาสให้ประเทศอื่นแทรกซึมเข้ามาในประเทศจีน และสงครามระหว่างประเทศก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ…


 


 


สรุปก็คือเศรษฐกิจมีความสำคัญเกินไป หากถูกทำลายผลที่ตามมาก็เกินกว่าที่จะจินตนาการได้!


 


 


ไม่น่าแปลกใจเลยที่สีมู่ไป๋กล้าบุกเข้ามาในบ้านของประธานาธิบดี เขาได้เตรียมตัวมาอย่างดี


 


 


“ทีนี้บอกผมมาสิ คุณคิดว่าผมจะสามารถเดินออกไปจากที่นี่ได้โดยไม่ต้องรับโทษหลังจากที่ผมฆ่าคุณไปแล้วหรือเปล่า อีกอย่าง ผมก็แค่ฆ่าคนที่สมควรตายเท่านั้น!” มู่ไป๋จ้องมองบอดี้การ์ดด้วยแววตาที่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้พูดเล่น


 


 


มู่ไป๋คิดจะลงมือฆ่าจริงๆ เขาไม่ได้ล้อเล่น บอดี้การ์ดเคยร่วมสู้ในสงครามมาก่อน เขาก็รู้ดีว่าคนไหนแค่แกล้งพูดหรือพร้อมที่จะฆ่าจริงๆ ถ้าเขาไม่เปิดเผยความจริง เขาก็ต้องตาย


 


 


อย่างไรก็ตามเขายังคงปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง ได้แต่พนันว่ามู่ไป๋คงไม่กล้าก่ออาชญากรรมอย่างโหดร้ายต่อหน้าพยานตั้งหลายคนหรอก!


 


 


“คุณไม่กล้าหรอก คุณไม่กล้าฆ่าผมที่นี่…”


 


 


“อย่างนั้นเหรอ” แววตาของมู่ไป๋คมกริบแล้วเขาก็เหนี่ยวไกปืนอย่างแรง


 


 


ชั่วขณะที่เสียงปืนดังขึ้นบอดี้การ์ดก็ก้มตัวลงหมอบกับพื้นโดยอัตโนมัติ ทุกคนตกใจ สีมู่ไป๋บ้าไปแล้ว!


 


 


เขายิงกระสุนออกไปจริงๆ!


 


 


ดูเหมือนมู่ไป๋จะไม่สะทกสะท้านสักนิดที่เขาเพิ่งยิงปืนใส่ใครบางคนไป เหงื่อเย็นๆ ของบอดี้การ์ดที่รอดพ้นจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิวผุดไหลออกมา เขาคงตายไปแล้วถ้าหลบไม่ได้ในนาทีสุดท้าย


 


 


สีมู่ไป๋ต้องการจะ… ฆ่าเขาจริงๆ …


 


 


“ทำไมคุณถึงหลบล่ะ” ปืนถูกเล็งมาที่เขาอีกครั้ง มู่ไป๋จ้องมองเขาด้วยสายตาปราศจากอารมณ์และริมฝีปากของเขาก็โค้งขึ้นมาเป็นรอยยิ้มโหดเ**้ยม เขาพูดออกมาช้าๆ และรอบคอบ แต่คำพูดทุกคำของเขาทำให้ทุกคนหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง


 


 


“ถ้าคุณกลัวความตายมากขนาดนั้น ผมก็จะไว้ชีวิตคุณแต่จะต้องมีคนอื่นทนทุกข์ทรมานแทนคุณ ผมมั่นใจว่าคุณมีครอบครัวใช่ไหม งั้นทำไมเราถึงไม่เริ่มที่พวกเขาก่อนล่ะ ผมจะทำให้ความทุกข์ทรมานกัดกินชีวิตของพวกเขา พ่อแม่ของคุณจะต้องตามไปเก็บศพลูกๆ เพราะผมจะเริ่มจากการกำจัดน้องชายและน้องสาวของคุณ ท้ายที่สุดผมจะปล่อยให้คุณมีชีวิตอยู่เพื่อมองดูความทรมานของพ่อแม่ และความทุกข์ทรมานทุกอย่างที่พวกเขาได้รับก็เป็นเพราะคุณ ดังนั้นถ้าคุณยังไม่ยอมบอกความจริง คุณก็จะไม่ได้แค่ทำร้ายแค่ตัวเองเท่านั้น แต่รวมไปถึงทุกคนที่คุณรักด้วย! อย่าคิดนะว่าผมจะไม่ทำอย่างที่พูด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผู้หญิงของผม คุณก็เตรียมตัวซื้อโลงศพจำนวนมากไว้ได้เลย”


 


 


บอดี้การ์ดเบิกตากว้างด้วยความกลัว สีมู่ไป๋คนนี้น่ากลัวและบ้าดีเดือดมากๆ! เขาเสียสติไปแล้ว แค่เพราะว่าเขาไม่ยอมบอกความจริงไป มู่ไป๋ก็จะทำให้ครอบครัวของเขาประสบกับความทุกข์… มิหนำซ้ำนี่ยังเป็นบ้านของประธานาธิบดีอีกด้วย เขาไปเอาความกล้าที่จะทำแบบนี้ต่อหน้าประธานาธิบดีมาจากที่ไหนกัน


 


 


มู่ไป๋น่ากลัวเหมือนผู้ส่งสารจากนรกแต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจจุดประสงค์ของมู่ไป๋แล้ว เขาจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยซิงเหอ

 

 

 


ตอนที่ 612 ตระกูลถง

 

จริงๆ แล้วผู้คุ้มกันก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแต่มันถูกปกปิดด้วยความกลัว เขาไม่กล้าเปิดเผยความจริงแต่ในเมื่อเขาโดนมู่ไป๋ข่มขู่อย่างต่อเนื่อง ในที่สุดความตั้งใจของเขาก็พังทลาย


 


 


“ฆ่าผมตอนนี้เลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับครอบครัวของผม! ทั้งหมดเป็นความผิดของผม ผมทำผิดต่อคุณเซี่ย! คุณถงสั่งให้ผมพาตัวคุณเซี่ยไปหาเธอเพราะเธอต้องการจะปรึกษาบางอย่างกับหล่อนเป็นการส่วนตัว ผมคิดว่าพวกเธอจะพูดคุยกันเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าเธอวางแผนที่จะลักพาตัว! คนที่บังคับไม่ให้ผมพูดความจริงก็คือคุณถงเช่นกัน เธอบอกว่าถ้าผมไม่ยอมให้ความร่วมมือเธอจะโยนความผิดมาให้ผม เพราะว่าเธออยู่เหนือกฎหมาย! ผมรู้ว่าผมทำผิดไปแล้ว ดังนั้นลงโทษผมได้เลย แต่ช่วยละเว้นครอบครัวที่บริสุทธิ์ของผมด้วย!”


 


 


คำสารภาพอย่างปุบปับของผู้คุ้มกันทำให้ทุกคนตกใจ คุณนายประธานาธิบดีอุทาน “นายบอกว่าอะไรนะ เป็นเสี่ยวเยียนที่ลักพาตัวซิงเหองั้นเหรอ”


 


 


ประธานาธิบดีก็ตกใจพอๆ กัน ผู้คุ้มกันพยักหน้าขณะที่เขาร้องไห้ฟูมฟาย เขารู้ว่าเขาได้สร้างศัตรูกับทั้งตระกูลถงและตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาจบสิ้นแล้ว “ใช่ครับ เธอเป็นคนสั่ง…”


 


 


มู่ไป๋ยิ้มอย่างเย็นชา เขาหันไปมองคุณนายประธานาธิบดี “คุณนายครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็หวังว่าคุณจะนำซิงเหอกลับมาอย่างปลอดภัย”


 


 


คุณนายประธานาธิบดีโกรธเกินกว่าจะพูดอะไรได้ เธอคิดไม่ถึงว่าถงเยียนจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ “ฉันจะไปสั่งให้เธอปล่อยตัวซิงเหอเดี๋ยวนี้ ถ้าเธอเป็นคนร้ายจริง ฉันก็จะไม่ช่วยปกป้องเธอ!”


 


 


“สิ่งเดียวที่ผมต้องการก็คือให้ซิงเหอกลับมาอย่างปลอดภัย ผมจะตามคุณนายไปด้วย” มู่ไป๋ค่อยๆ กลับเข้าไปนั่งในรถเข็นแล้วโยนปืนไปด้านข้าง หนึ่งในผู้คุ้มกันรีบหยิบปืนขึ้นมาจากพื้นขณะที่คนอื่นๆ ยังคงเล็งปืนไปที่มู่ไป๋ อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าขยับตัวเข้าไปจับเขาเพราะไม่มีคำสั่งจากประธานาธิบดี…


 


 


อันที่จริงประธานาธิบดีถึงกับส่งสัญญาณไม่ให้พวกเขายิงเสียด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรหลังจากที่ได้ยินคำข่มขู่ของมู่ไป๋ ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศถ้าเขาตายไป เขามีความสามารถในการสร้างความตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประเทศจีนเคยเห็น


 


 


“พวกนายไปกับคุณนาย ไปช่วยเด็กสาวคนนั้น!” ประธานาธิบดีสั่งอย่างหนักแน่น พวกเขาจะจัดการกับมู่ไป๋ทีหลัง เขาจะต้องได้รับการลงโทษในทางใดทางหนึ่งที่มาทำตัวอวดดีในบ้านของประธานาธิบดี แต่ด้วยเหตุผลหลายอย่างเขารู้ว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับมู่ไป๋เพราะว่านี่เกี่ยวพันกับบุคคลสำคัญหลายคนในประเทศจีน


 


 



 


 


คุณนายประธานาธิบดีและคนของเธอมาถึงบ้านของตระกูลถงอย่างรวดเร็ว การมาถึงอย่างกะทันหันของเธอทำให้ทุกคนตกใจ


 


 


“ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ” เฉินหรูผู้เป็นมารดาของถงเยียนถามอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นเธอ


 


 


ผู้อาวุโสของตระกูลเฉินมีลูกสาวแค่สองคนในชีวิตนี้ซึ่งก็คือคุณนายประธานาธิบดีกับเฉินหรู


 


 


คุณนายประธานาธิบดีแก่กว่าเฉินหรูอย่างน้อยสิบปีได้ ดังนั้นเฉินหรูจึงดูเหมือนผู้หญิงอายุประมาณสามสิบ อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างกันมากระหว่างพี่น้องทั้งสองคน คุณนายประธานาธิบดีเกิดมาหน้าตาสะสวยและสง่างามแต่เฉินหรูเทียบกับเธอไม่ติดสักนิด หากดูจากหน้าตาเพียงอย่างเดียว คนอื่นคงไม่คิดว่าพวกเธอเป็นพี่น้องกัน


 


 


แม้แต่มู่ไป๋เองก็แปลกใจเมื่อเขาได้เห็นเฉินหรู เขาไม่คาดคิดว่าพี่น้องทั้งสองจะดูแตกต่างกันถึงเพียงนี้


 


 


อย่างไรก็ตามคุณนายประธานาธิบดีทะนุถนอมน้องสาวคนเล็กของเธอมาตลอด แต่ครั้งนี้แม้จะอยู่ต่อหน้าเฉินหรู สีหน้าของเธอก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เธอถามอย่างเย็นชา “ถงเยียนอยู่ไหน”


 


 


ตาของเฉินหรูกระตุกเมื่อสังเกตเห็นผู้คุ้มกันจำนวนมากอยู่ข้างหลังพวกเธอ เธออ่านสถานการณ์ออกและถามอย่างระมัดระวัง “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะพี่ เสี่ยวเยียนทำอะไรให้พี่โมโหหรือเปล่า”


 

 

 


ตอนที่ 613 ดื้อรั้น

 

“เธออยู่ไหน” คุณนายประธานาธิบดีย้ำอย่างเย็นชา


 


 


เฉินหรูรู้ว่าเธอต้องมาเพราะเรื่องสำคัญบางอย่าง “ฉันคิดว่าเธอคงกำลังนอนหลับอยู่ในห้องของเธอที่ชั้นบน”


 


 


“ไปเอาตัวเธอลงมา!” คุณนายประธานาธิบดีสั่งสาวใช้คนหนึ่ง แน่นอนว่าสาวใช้ไม่กล้าคัดค้าน


 


 


เฉินหรูรู้สึกกระวนกระวายทันที “เสี่ยวเยียนทำอะไรผิดเหรอคะ พี่ถึงได้โกรธขนาดนี้ พี่ก็รู้ว่าเธอยังเด็กอยู่ เธออาจทำเรื่องผิดพลาดไปบ้าง พี่ไม่ควรเข้มงวดกับเธอมากเกินไป”


 


 


คุณนายประธานาธิบดีพูดด้วยความเจ็บปวดชัดเจน “ถ้าพี่ไม่เข้มงวดกับหลานตั้งแต่ตอนนี้ เธอก็จะทำลายชีวิตตัวเอง!”


 


 


“ทำไมล่ะคะ” หัวใจของเฉินหรูกระตุก ความกังวลของเธอเพิ่มมากขึ้น เสี่ยวเยียนทำความผิดแบบไหนกัน มันฟังดูร้ายแรงมากเลย


 


 


“ทำไมคุณป้าถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ” ถงเยียนกระโดดโลดเต้นลงมาจากบันไดอย่างมีความสุขขณะจ้องมองผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยความสงสัย อย่างไรก็ตามเมื่อเธอสบเข้ากับสายตาที่ปราศจากความอบอุ่นของเขา เธอก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นสีมู่ไป๋ เธอเคยเห็นเขาในโทรทัศน์…


 


 


หลังจากที่เธอนึกออกว่าเขาเป็นใคร ความรู้สึกไม่ดีก็เกิดขึ้นภายในใจ หรือว่าเรื่องลักพาตัวถูกเปิดโปงแล้ว


 


 


คุณนายประธานาธิบดีมองเธอและเรียกร้องอย่างโกรธเคือง “ป้ามาที่นี่เพื่อจะถามว่าหลานเอาตัวซิงเหอไปไว้ที่ไหน รีบบอกที่อยู่ของเธอมาเดี๋ยวนี้”


 


 


มันถูดเปิดโปงแล้วจริงๆ ด้วย! ถงเยียนอ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนที่จะบอกให้ตัวเองใจเย็นลง เธอพูดพร้อมกับกะพริบตาอย่างใสซื่อ “คุณป้าพูดเรื่องอะไรอยู่คะ หนูไม่เข้าใจ ทำไมหนูถึงไปเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเซี่ยซิงเหอล่ะคะ”


 


 


“หลานยังปฏิเสธที่จะยอมรับอีกเหรอ บอดี้การ์ดที่หลานข่มขู่ไว้ได้สารภาพทุกอย่างออกมาหมดแล้ว หลานเป็นคนลักพาตัวซิงเหอ ป้าไม่คิดเลยว่าเธอจะทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้”


 


 


“ลักพาตัว?” สีหน้าของเฉินหรูซีดลงทันที เธอรู้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งหายตัวไป หล่อนเกี่ยวข้องกับตระกูลสีและทั้งเมือง A กำลังตามหาหล่อนอยู่ เธอคาดไม่ถึงเลยว่าคนร้ายจะเป็นลูกสาวของเธอเอง


 


 


หลังจากที่เธอเข้าใจความร้ายแรงของสถานการณ์ เธอก็ถามถงเยียนทันที “เสี่ยวเยียนบอกความจริงกับแม่มา ลูกเป็นคนลักพาตัวเธอเหรอ”


 


 


“ไม่ใช่หนู!” ถงเยียนโต้ตอบอย่างขุ่นเคืองเหมือนเธอถูกเข้าใจผิดจริงๆ “หนูจะลักพาตัวเธอทำไม ไม่ใช่หนูจริงๆ คุณแม่กับคุณป้าต้องเชื่อหนูนะคะ”


 


 


เฉินหรูยิ้มด้วยความโล่งอก “พี่คะ เสี่ยวเยียนบอกว่าเธอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดังนั้นฉันเชื่อว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดบางอย่างแน่”


 


 


“เรื่องเข้าใจผิด? งั้นทำไมบอดี้การ์ดของประธานาธิบดีจะต้องใส่ร้ายเธอด้วย” คุณนายประธานาธิบดีไม่เชื่อถงเยียน เธอเรียกร้องคำตอบอย่างจริงจังขณะจ้องไปที่หลานสาว “เสี่ยวเยียน คนเราต้องรู้จักแก้ไขความผิดของตัวเอง บอกป้ามาเร็วเข้าว่าซิงเหออยู่ที่ไหน ถ้าหลานปล่อยตัวเธอตอนนี้ก็ยังสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้อยู่ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ หลานก็จะเจอปัญหาเหมือนกัน”


 


 


จากที่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ถงเยียนก็เปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว “แต่ว่าหนูไม่ได้ทำจริงๆ ทำไมคุณป้าถึงไม่ยอมเชื่อหนู”


 


 


“หลานยังไม่ยอมรับความผิดของตัวเองในเวลาแบบนี้อีกเหรอ”


 


 


ถงเยียนจะไม่ยอมรับความผิดของเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เธอคงตายก่อนที่จะยอมรับว่าเธอทำผิด


 


 


“คุณป้าคะ บอดี้การ์ดนั่นใส่ร้ายหนู เขาต้องร่วมมือกับคนอื่นเพื่อลักพาตัวเซี่ยซิงเหอแล้วโยนความผิดมาให้หนูแน่ แต่ว่าหนูไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ หนูเป็นผู้บริสุทธิ์ คุณป้าต้องเชื่อหนูนะคะ”


 


 


คุณนายประธานาธิบดีส่ายหน้าด้วยความผิดหวังอย่างเต็มที่ เธอตอบ “ตลอดเวลาที่ผ่านมาป้าคิดว่าหลานเป็นแค่เด็กที่เอาแต่ใจตนเอง แต่พอรู้ว่าหลานมีความกล้าที่จะทำผิดกฎหมายแล้วยังไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง ถงเยียน หลานคิดว่าตราบใดที่หลานไม่ยอมรับ ป้าจะทำอะไรเธอไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”

 

 

 


ตอนที่ 614 เขาจะจดจำเรื่องเล็กน้อยนี้ไว้

 

ถงเยียนเริ่มกระวนกระวาย นี่เป็นครั้งแรกที่คุณป้าของเธอพูดกับเธออย่างเย็นชาแบบนี้ เธอคิดว่าทุกคนจะรักและทะนุถนอมเธอตลอดไปเพราะนั่นเป็นสิทธิที่เธอได้รับมาตั้งแต่เกิด อย่างไรก็ตามแค่เพราะเซี่ยซิงเหอคนเดียว คุณป้าก็ไม่เข้าข้างเธอ เธอรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมและรู้สึกโมโหอย่างมาก


 


 


เมื่อไม่สามารถระงับความโกรธเคืองของตัวเองได้ เธอจึงคำรามด้วยความโมโห “คุณป้าทำแบบนี้กับหนูได้ยังไง ถ้าหนูเป็นคนลักพาตัวเธอแล้วยังไงล่ะ เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่น่ารังเกียจ เธอเทียบกับคนสำคัญอย่างหนูไม่ได้! ต่อให้หนูฆ่าเธอ มันก็เป็นเพราะเธอสมควรได้รับมัน…”


 


 


คุณนายประธานาธิบดีตบหน้าเด็กสาวอย่างแรงและรวดเร็วทีหนึ่ง ทั้งถงเยียนและเฉินหรูตกตะลึง


 


 


“พี่ทำอะไรคะเนี่ย!” เฉินหรูกรีดร้องขณะที่เธอขยับเข้าไปปกป้องลูกสาว เธอเรียกร้องด้วยความโกรธ “เสี่ยวเยียนก็บอกแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำ ทำไมพี่ถึงไม่เชื่อเธอละค่ะ เธอเป็นหลานคนเดียวของพี่นะ พี่ตบหน้าเธอได้ยังไงกัน”


 


 


ใช่แล้ว เธอทำแบบนั้นได้ยังไง


 


 


ตาของถงเยียนคลอไปด้วยน้ำตาและความไม่เชื่อ ในชีวิตนี้เธอไม่เคยโดนลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกายมาก่อนเลย พวกเขาไม่กล้าพูดรุนแรงกับเธอด้วยซ้ำ ทุกคนต่างแก่งแย่งกันเพื่อที่จะได้เป็นที่ชื่นชอบของเธอ อย่างไรก็ตามคุณป้าของเธอกล้าตบหน้าเธอ ณ เวลานั้นถงเยียนรู้สึกว่าโลกของเธอกำลังพังทลาย อยู่ดีๆ มันก็รู้สึกแปลกประหลาดและน่าขัน


 


 


คุณนายประธานาธิบดีจ้องมองเธอด้วยความผิดหวังและพูดว่า “เป็นเพราะไม่มีใครกล้าสั่งสอนเธอ เธอถึงได้ทะนงตัวและดุร้ายอย่างนี้ ยาม ตรวจสอบข้าวของของเธอ รวมถึงมือถือและคอมพิวเตอร์ อย่าให้มีสิ่งใดเล็ดรอดไปได้!”


 


 


“รับทราบครับคุณนาย!” บอดี้การ์ดเริ่มเคลื่อนไหวทันที


 


 


“พี่คะ นี่มันหมายความว่ายังไง…”


 


 


“หยุดนะ พวกนายไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องของของฉัน! ฉันเป็นทายาทหญิงอันดับหนึ่งของตระกูลถง ฉันจะลงโทษคนที่กล้ามาแตะต้องของของฉัน!” ถงเยียนเตือนอย่างรุนแรงแต่มันก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีบอดี้การ์ดคนไหนกล้าขัดขืนคำสั่งเธอภายใต้สถานการณ์ปกติ แต่เมื่อมีคุณนายประธานาธิบดีอยู่ที่นี่ คำขู่ของเธอก็เหมือนอากาศ ไม่เป็นอันตรายโดยสิ้นเชิง


 


 


ถงเยียนไม่เข้าใจว่าเหตุผลที่ผู้คนกลัวเธอและยอมทำตามทุกอย่างที่เธอเรียกร้องนั้นไม่ใช่เพราะอำนาจของเธอเองแต่เป็นเพราะชาติตระกูลของเธอ อย่างไรก็ตามถ้าคนที่อยู่เบื้องหลังเธอไม่ได้สนับสนุนเธออีกต่อไป เธอก็ไม่สำคัญอะไร


 


 


ตระกูลถงไม่กล้าขัดคำสั่งของคุณนายประธานาธิบดี แม้แต่คุณปู่ถงกับคุณย่าถงซึ่งเข้านอนไปแล้วก็ออกมาดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้น พวกเขาพยายามที่จะหยุดเรื่องยุ่งเหยิงนี้แต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อพวกเขาได้รับรู้ความผิดเล็กน้อยของถงเยียน พวกเขาเองก็ตกใจจนพูดไม่ออก


 


 


“เสี่ยวเยียน บอกพวกเรามาเร็วเข้า ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน อย่าห่วงเลย ถ้าเธอยังปลอดภัย ปู่จะแก้ตัวแทนหลานเอง” คุณปู่ถงรีบแนะนำถงเยียน แม้กระทั่งในเวลาแบบนี้เขาก็ยังปกป้องหลานสาวอย่างเต็มที่ จากมุมมองของเขา นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าสุดท้ายแล้วคนๆ นั้นปลอดภัย ปัญหาก็จะถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย


 


 


มู่ไป๋ซึ่งถูกลืมอยู่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายแสยะยิ้มทันที แก้ตัวแทนเธองั้นเหรอ ไม่มีใครสามารถปกป้องผู้หญิงคนนี้ได้ทั้งนั้น


 


 


เธอจะต้องชดใช้อย่างสาสมที่ลักพาตัวซิงเหอไป!


 


 


อาจไม่ใช่ตอนนี้แต่สักวันหนึ่งเธอจะต้องได้รับโทษ แต่เขา สีมู่ไป๋จะจดจำเรื่องเล็กน้อยนี้ตลอดไป


 


 


ด้วยการเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยนจากคุณปู่ถงและคุณย่าถง บวกกับความกลัวที่เพิ่มขึ้นของเธอ ในที่สุดถงเยียนก็ยอมบอกความจริง “หนูไม่ได้ทำอะไรเธอเลย หนูแค่ต้องการจะสั่งสอนเธอเท่านั้น หนูขังเธอไว้ก็จริงแต่หนูไม่ได้ทำอะไรเธอเลย…”


 


 


“เธออยู่ไหน!” คุณนายประธานาธิบดีถาม


 


 



 


 


ซิงเหอถูกทิ้งไว้ที่ห้องใต้ดินของคฤหาสน์ร้างในชนบท

 

 

 


ตอนที่ 615 ฉันไม่เป็นไร…

 

หลังจากที่พวกเขาได้ที่อยู่ของซิงเหอ มู่ไป๋และคนที่เหลือก็รีบเดินทางไปที่นั่นทันที เมื่อมู่ไป๋เห็นสถานที่เกิดเหตุ สีหน้าของเขาก็เย็นยะเยือกดุจฤดูหนาว ประตูของห้องใต้ดินถูกถอดออกไปและแทนที่ด้วยกำแพงที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่!


 


 


ปูนซีเมนต์ยังไม่แห้งดี ดังนั้นมันคงเพิ่งถูกสร้างได้ไม่นาน นี่คือการสั่งสอนเล็กน้อยที่ถงเยียนพูดถึงงั้นเหรอ


 


 


จำเป็นต้องปิดผนึกห้องใต้ดินเพื่อการสั่งสอนเล็กน้อยด้วยเหรอ


 


 


เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจจะฆ่าและซ่อนศพไว้!


 


 


นิ้วมือและน้ำเสียงของมู่ไป๋สั่นระริกขณะที่เขาสั่งการ “รื้อมันออก! รื้อมันออกเดี๋ยวนี้!”


 


 


เขากลัวจริงๆ ว่าจะมีเรื่องน่ากลัวบางอย่างเกิดขึ้นกับซิงเหอ เขากลัวว่าจะได้เห็นอะไรอยู่เบื้องหลังกำแพงที่ถูกทำลาย…


 


 


ความคิดนี้ส่งผลให้มู่ไป๋หายใจเร็วขึ้นแล้วความมืดมิดก็เข้ามาปกคลุมดวงตาของเขา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับซิงเหอจริงๆ เขาสาบานว่าจะลากทุกคนลงนรกไปเป็นเพื่อนกับความตายของเธอ จะไม่มีใครหน้าไหนรอดไปได้ทั้งนั้น!


 


 


หัวใจของมู่ไป๋ลุกไหม้ไปด้วยโทสะรุนแรงจนสามารถกลืนกินทั้งโลกได้


 


 


คุณนายประธานาธิบดีซึ่งยืนอยู่ๆ ข้างเขาเริ่มกังวล เธอสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกของมู่ไป๋ เธอกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับซิงเหอจริงๆ ความจริงที่ถงเยียนทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้ทำให้เธอต้องส่ายหน้าด้วยความผิดหวังอีกครั้ง เธอหวังว่าซิงเหอจะไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้นถงเยียน…คงต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเธอหรือมากกว่านั้น!


 


 


สีมู่ไป๋กล้าข่มขู่ประธานาธิบดี ดังนั้นเขาจะทำอะไรกับถงเยียนก็ไม่สามารถจินตนาการได้


 


 


แน่นอนว่านอกจากเพื่อตัวของถงเยียนเอง คุณนายประธานาธิบดีก็ภาวนาอย่างจริงใจขอให้ซิงเหอปลอดภัย ไม่อย่างนั้นความสงบสุขของเมือง A คงพังทลายเหมือนประสบกับแผ่นดินไหว


 


 


ภายใต้สายตาวิตกกังวลของทุกคน กำแพงก็ถูกรื้อออกมาอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะที่ทางเข้าเผยออกมาให้เห็น มู่ไป๋ซึ่งนั่งอยู่ในรถเข็นก็ยืนขึ้นราวกับคนสุขภาพแข็งแรง เขารีบเดินลงไปในความมืดจนเกือบจะตกบันได


 


 


ตำรวจแทบจะไม่สามารถไล่ตามความเร็วของเขาทัน แสงจากไฟฉายของตำรวจทำให้มู่ไป๋สังเกตเห็นห้องที่ถูกปิดอยู่ เขาพุ่งตัวเข้ากระแทกกับประตูและตะโกน “เซี่ยซิงเหอ คุณได้ยินผมไหม!?”


 


 


อยู่ดีๆ ซิงเหอซึ่งนั่งพิงอยู่กับกำแพงอย่างอ่อนแรงก็ได้ยินเสียงของเขาและคิดว่าเธอกำลังมีอาการประสาทหลอน


 


 


นั่นฟังดูเหมือนเสียงของสีมู่ไป๋เลย แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง! เขายังไม่ได้สติไม่ใช่เหรอ


 


 


“ซิงเหอ!” มู่ไป๋ตะโกนอีกครั้งขณะที่เขาเตะประตูอย่างแรง ประตูเปิดออกแล้วแสงบางส่วนจากไฟฉายก็ทำให้ห้องสว่างขึ้น


 


 


พวกเขาเห็นซิงเหอที่ติดอยู่ภายในมุมห้องทันที มู่ไป๋จ้องไปที่เธอโดยไม่กระพริบตาขณะที่ตาของเขาเบิกกว้างขึ้น


 


 


ส่วนซิงเหอซึ่งเจอกับแสงรุนแรงจากไฟฉายก็เห็นเงาร่างพร่ามัวของเขา เธอติดอยู่ในความมืดมานาน แสงสว่างอย่างกะทันหันนี้จึงทำให้เธอแสบตา


 


 


เธอหรี่ตาลงและพูดออกมาเบาๆ “ฉันไม่เป็นไร”


 


 


ฉันไม่เป็นไร


 


 


ประโยคสั้นๆ นี้ทำให้มู่ไป๋น้ำตาคลอแล้วบรรยากาศอันตรายที่ห้อมล้อมตัวเขาราวกับเสื้อเกราะก็ค่อยๆ จางหายไป


 


 


เขาก้าวเข้าไปหาซิงเหออย่างระมัดระวังจนในที่สุดร่างกายใหญ่โตของเขาก็บดปังแสงสว่างและห่อหุ้มซิงเหอไว้ในเงาของเขา


 


 


ในที่สุดซิงเหอก็สามารถเปิดตามองให้ชัดๆ เป็นสีมู่ไป๋จริงๆ ด้วย มันไม่ใช่ภาพหลอน


 


 


ในที่สุดเขาก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง…

 

 

 


ตอนที่ 616 ในที่สุดก็ปลอดภัย

 

ดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาของซิงเหอจ้องมองเขาโดยไม่ละไปไหน มู่ไป๋เองก็มองเข้าไปในตาของเธออย่างลึกซึ้งเหมือนกับคู่รักที่พรากจากกันนับพันปี พวกเขาสำรวจใบหน้าของกันและกัน ไม่ยอมเสียเวลาสักวินาทีเพื่อกะพริบตา พวกเขากลัวว่าหากกะพริบตาอีกฝ่ายจะหายตัวไป


 


 


ซิงเหอพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะได้มองดูเขาให้ใกล้ขึ้น แต่ในวินาทีต่อมาเธอก็ถูกรวบตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของมู่ไป๋ เขากอดเธอไว้แน่น!


 


 


มู่ไป๋ออกแรงมากเป็นพิเศษในการกอดครั้งนี้ราวกับปรารถนาที่จะรวมร่างของเขาเข้ากับเธอ ซิงเหอกอดเขากลับโดยไม่รู้ตัว…


 


 


พวกเขากอดกันเงียบๆ สักพัก ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำพูดใดๆ ขณะที่พวกเขาทั้งคู่รับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน ในที่สุดหัวใจที่ทำงานหนักของพวกเขาก็เริ่มสงบลง


 


 


นับตั้งแต่เหตุการณ์ระเบิด หัวใจของซิงเหอก็ซ่อนความวิตกกังวลมาตลอด เธอกลัวว่าอาจมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเขา มู่ไป๋ก็รู้สึกแบบเดียวกันเมื่อเขาค้นพบเกี่ยวกับสถานการณ์ของซิงเหอ


 


 


ในที่สุดหลังจากที่แน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายปลอดภัย ทั้งสองคนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก


 


 


ซิงเหออดยิ้มไม่ได้ เธอถาม “คุณฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่”


 


 


“วันนี้”


 


 


ดวงตาของซิงเหอสั่นไหวเล็กน้อย เขาพึ่งตื่นขึ้นมาวันนี้และสิ่งแรกที่เขาทำก็คือการรีบมาช่วยเธอ เขาทำแบบนั้นได้ยังไง


 


 


ซิงเหอเริ่มกังวลว่าเขาจะกดดันร่างกายของตัวเองที่เพิ่งฟื้นตัวมากเกินไป เธอรีบผลักเขาออกไปด้านข้างและพูด “ฉันไม่เป็นไร ออกไปจากที่นี่กันเถอะ”


 


 


“โอเค!” มู่ไป๋จับมือเธอไว้แน่นแล้วนำทางเธอออกไป ห้องใต้ดินไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การพูดคุย นอกจากนี้เขาอยากจะพาซิงเหอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลด้วย เขากลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ


 


 


ซิงเหอออกมาจากห้องใต้ดินโดยมีมู่ไป๋เป็นคนนำทาง และในตอนนั้นเองเธอถึงได้เห็นกำแพงที่ถูกพังลงมา คนร้ายต้องการจะปล่อยให้เธอหิวตายจริงๆ อย่างไรก็ตามแผนการของหล่อนล้มเหลว!


 


 


แน่นอนว่าถึงเวลาแก้แค้นแล้ว ความตั้งใจอันแรงกล้าวาววาบผ่านนัยน์ตาของเธอ ชั่วขณะที่เธอเห็นท่านผู้หญิง ชื่อของคนร้ายก็ปรากฏขึ้นมาในหัว


 


 


ท่านผู้หญิงเดินเข้ามาถามด้วยความห่วงใย “ซิงเหอ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”


 


 


ในเมื่อท่านผู้หญิงมาที่นี่ด้วยตัวเอง คนร้ายก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากถงเยียน


 


 


ซิงเหอตอบเบาๆ “ฉันไม่เป็นไรค่ะท่านผู้หญิง ใครคือคนที่จะฆ่าฉันเหรอคะ”


 


 


เธอใช้คำว่า ‘ฆ่า’ เพื่อเน้นจุดประสงค์ของเธอ


 


 


ท่านผู้หญิงถอนหายใจ ถึงแม้ว่าเธอมีความตั้งใจที่จะปกป้องถงเยียน มันก็เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ใครจะไปเชื่อว่าเด็กหญิงไม่ได้มีเจตนาฆ่าซิงเหอ


 


 


แม้แต่ทางเข้าของห้องใต้ดินก็ถูกปิดกั้นอยู่ข้างหลังกำแพงหนาทึบ ถ้านี่ไม่ใช่การพยายามฆ่าแล้วมันจะเป็นอะไรได้อีก


 


 


ความโกรธวูบผ่านเข้ามาเมื่อท่านผู้หญิงคิดถึงสิ่งที่ถงเยียนทำ แต่ในท้ายที่สุดแล้วเด็กหญิงก็เป็นหลานสาวของเธอ เธอไม่อยากให้หลานถูกคนอื่นประณาม…


 


 


“เป็นถงเยียน หล่อนยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่าการกระทำของตัวเองรุนแรงแค่ไหน หล่อนบอกว่าเพียงแค่ต้องการจะลงโทษเธอนิดหน่อย แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าหล่อนจะทำถึงขนาดนี้ แต่อย่าห่วงเลยเพราะพวกเราจะไม่ให้อภัยพฤติกรรมแบบนี้”


 


 


“เป็นคุณถงนี่เอง แต่ฉันสงสัยว่าทำไมคุณถงถึงต้องการฆ่าฉัน” ซิงเหอถามอย่างใจเย็นโดยไม่เผยอารมณ์ออกมาให้เห็น “ฉันไม่มีความแค้นส่วนตัวกับเธอและเธอก็ดูไม่เหมือนคนที่มุ่งร้าย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้เกลียดฉันขนาดนั้น”


 


 


ท่านผู้หญิงตกตะลึง ซิงเหอพูดถูก ถึงแม้ว่าถงเยียนจะต้องการสั่งสอนเธอ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อพยายามฆ่าเธอ…

 

 

 


ตอนที่ 617 พวกเขาทำให้ตัวเองเดือดร้อน

 

เมื่อเห็นว่าท่านผู้หญิงเงียบซิงเหอก็พูดต่อ “บางทีอาจมีใครบางคนเป่าหูเธอให้เข้าใจฉันผิดและทำให้เธอเกลียดฉันมากขึ้น อย่างไรก็ตามฉันสงสัยว่าใครที่เกลียดฉันมากถึงขนาดจงใจโน้มน้าวคุณถงให้เธอมาจัดการฉัน”


 


 


สีหน้าของท่านผู้หญิงมืดหม่นลงทันที “เธอพูดถูก มันต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ ไม่ต้องห่วง พวกเราจะสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง”


 


 


“ขอบคุณค่ะท่านผู้หญิง พวกเราหวังว่าจะค้นพบคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”


 


 


“แน่นอน!” ท่านผู้หญิงให้สัญญา คนกลุ่มนี้กล้าหลอกใช้ถงเยียน เพราะฉะนั้นพวกเธอจะต้องตามหาคนกลุ่มนี้ให้พบ พวกมันถึงกับโน้มน้าวให้ถงเยียนทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างการฆาตกรรม ดังนั้นคนพวกนี้จะต้องถูกเปิดโปงและได้รับโทษ


 


 


หลังจากแน่ใจแล้วว่าซิงเหอปลอดภัย ท่านผู้หญิงก็กลับไปที่บ้านของประธานาธิบดี


 


 


ซิงเหอบอกมู่ไป๋ขณะมองตามรถที่ขับจากไป “ตระกูลหลินคิดว่าพวกเขาสามารถใช้ถงเยียนมาฆ่าฉันแล้วพวกเขาก็จะปลอดภัยจากการเข้ามาพัวพัน ครั้งนี้พวกเขาจะได้รู้ความหมายของการทำให้ตัวเองเดือดร้อน”


 


 


“คุณควรจะปล่อยให้ผมเป็นคนจัดการเรื่องตระกูลหลินในอนาคต คุณไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองลำบากแบบนี้” มู่ไป๋มองเธอด้วยความรักและห่วงใย เธอเกือบจะสูญเสียชีวิตของเธอเพื่อช่วยเขาแก้แค้นและช่วยเหลือตระกูลสี มู่ไป๋รู้สึกผิดอย่างมาก เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาเร็วกว่านี้เธอก็คงไม่ต้องประสบกับความยากลำบากมากมายแบบนี้


 


 


ซิงเหอเข้าใจความหมายของเขา


 


 


เธอส่ายหน้าและพูดอย่างหนักแน่น “ได้โปรดอย่าโทษตัวเองเลย ฉันเป็นคนอาสาทำเรื่องทั้งหมดนี้เอง แต่คุณเพิ่งตื่นขึ้นมา คุณไม่ควรมาอยู่ที่นี่”


 


 


“ผมจะสงบใจได้ยังไงถ้าไม่มาที่นี่”


 


 


“…” ซิงเหอเข้าใจความหมายของเขา เขากลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ เช่นเดียวกับเธอที่กลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา การที่เขากระตือรือร้นเพื่อจะมาหาเธอก็เหมือนกับการที่เธอกระตือรือร้นเพื่อจะช่วยเขาล้างแค้น พวกเธอต่างก็สูญเสียความมีเหตุผลเพื่ออีกฝ่ายเหมือนๆ กัน


 


 


“กลับบ้านกันเถอะค่ะ ฉันเหนื่อยแล้ว” จู่ๆ ซิงเหอก็พูดขึ้นมา


 


 


ตอนนี้เธอปรารถนาที่จะหนีจากแผนการและการแก้แค้น เธอแค่ต้องการจะใช้เวลาดีๆ ร่วมกับเขา


 


 


“โอเค” มู่ไป๋ตอบด้วยรอยยิ้มหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ


 


 



 


 


มู่ไป๋พาซิงเหอมาที่บ้านในฮิลส์เรสซิเดนซ์ของตระกูลสี สถานที่นี้ใหญ่โตและได้รับการดูแลเป็นประจำ


 


 


เมื่อพวกเขามาถึงก็มีกลุ่มคนรอต้อนรับอยู่แล้ว นั่นก็คือกลุ่มของแซมและลู่ฉี


 


 


ซิงเหอได้โทรหาพวกเขาเพื่อบอกว่าเธอปลอดภัยดีระหว่างทางมาที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงมารวมตัวกันที่บ้านเพื่อรอเธอ


 


 


“ซิงเหอ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” อาลิถามด้วยความกังวลเมื่อเห็นเธอ


 


 


ซิงเหอพยักหน้า “ฉันไม่เป็นไร”


 


 


“ใครมันกล้าพุ่งเป้ามาที่เธอกัน” อาลิพูดอย่างขุ่นเคือง “บอกพวกเรามาแล้วเราจะไปจัดการมันเอง!”


 


 


“ไปคุยกับข้างในเถอะ” จากนั้นซิงเหอก็หันมาหาลู่ฉี “ลู่ฉี ช่วยดูอาการของมู่ไป๋ให้หน่อยนะคะ เขาเพิ่งตื่นขึ้นมาวันนี้”


 


 


มู่ไป๋พูดทันที “ผมไม่เป็นไร คนที่ต้องตรวจอาการคือคุณต่างหาก”


 


 


“ไม่ คุณควรได้รับการรักษามากกว่าฉัน” ซิงเหอตอกกลับ


 


 


ลู่ฉียิ้มขณะที่มองพวกเขาเย้าแหย่กัน “ผมจะตรวจพวกคุณทั้งคู่ แต่จากที่ผมเห็นนอกจากอาการเหนื่อยล้า ซิงเหอก็ดูไม่เป็นไร ดังนั้นผมจะตรวจอาการของมู่ไป๋ก่อน”


 


 


“ซิงเหอ” มู่ไป๋จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือกทันที “ผมไม่รู้เลยว่าคุณทั้งสองคนสนิทกันถึงขนาดเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อจริงแล้ว”


 


 


ลู่ฉีอึ้งกับเมื่อได้รับความเป็นศัตรูอย่างกะทันหัน “มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นเนื่องจากพวกเราใช้เวลาในช่วงนี้ทำงานร่วมกัน”

 

 

 


ตอนที่ 618 แสงแสบตา

 

“ใช้เวลาทำงานร่วมกัน?” น้ำเสียงของมู่ไป๋เย็นยะเยือกลงไปหลายระดับ


 


 


ลู่ฉีพูดไม่ออก นี่มันหมายความว่ายังไง สีมู่ไป๋กำลังหึงเหรอ นี่มัน…จำเป็นด้วยเหรอ


 


 


“บอกพ่อบ้านให้ไปหาหมอคนใหม่มาให้พวกเรา หมอลู่ โปรดกลับไปทำหน้าที่ดูแลประธานาธิบดีเถอะ คนธรรมดาอย่างพวกเราไม่กล้ารบกวนเวลาในการทำหน้าที่สำคัญของหมอลู่หรอก” จากนั้นมู่ไป๋ก็ดึงตัวซิงเหอเข้าไปในคฤหาสน์โดยไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดอะไร


 


 


ลู่ฉีร้องเรียกพวกเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวด “มู่ไป๋ ผมเป็นคนช่วยชีวิตคุณนะ นี่คือวิธีที่คุณปฏิบัติกับผู้ช่วยชีวิตเหรอ”


 


 


อนิจจา มู่ไป๋ไม่ได้หันกลับมามองเขาด้วยซ้ำ แล้วซิงเหอก็ถูกดึงเข้าไปในบ้านด้วยกันอย่างรวดเร็ว


 


 


ลู่ฉีบ่นด้วยความผิดหวังกับกลุ่มของอาลิ “บอกผมทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น มู่ไป๋จำเป็นต้องอิจฉาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ด้วยเหรอครับ พวกคุณเคยเห็นเรื่องน่าขำแบบนี้ไหม”


 


 


แล้วเขาก็ไม่พอใจเมื่อทุกคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน


 


 


“พวกเราเคยเจอแล้ว”


 


 


“อันที่จริงมันเลวร้ายกว่านี้ด้วยซ้ำ!”


 


 


“กรณีของคุณน่ะเรื่องเล็ก”


 


 


“เชื่อผมสิ คุณยังไม่เคยเห็นอารมณ์หึงโหดที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้น”


 


 


ลู่ฉีพูดไม่ออก พระเจ้าบอกผมที นี่ผมเป็นบ้าหรือมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!


 


 



 


 


ภายใต้สายตาเย็นชาของมู่ไป๋ ลู่ฉีก็ยังใจดีพอที่จะช่วยตรวจอาการของพวกเขา


 


 


“คุณเซี่ยไม่มีปัญหาอะไร” ลู่ฉีสรุปเบาๆ เพื่อป้องกันตัวเองจากปัญหาเขาจึงไม่กล้าเรียกเธอตรงๆ ว่าซิงเหออีกแล้ว “แต่คุณน่ะไม่ควรออกแรงมากเกินไป ในเมื่อคุณเพิ่งฟื้นตัว คุณกำลังจะทำให้เรี่ยวแรงที่ผมทุ่มเทไปกับการช่วยชีวิตคุณต้องเสียเปล่า”


 


 


ซิงเหอขมวดคิ้ว “อาการของเขาหนักมากเหรอ”


 


 


มู่ไป๋ซึ่งอยู่ข้างๆ เธอพูดอย่างเป็นงานเป็นการ “ผมไม่เป็นไร”


 


 


ลู่ฉีพูดด้วยความโกรธปนขุ่นเคือง “คุณใช้ร่างกายหนักเกินไป นับจากนี้คุณต้องพักผ่อนดีๆ เพื่อฟื้นตัวอย่างน้อยเป็นเวลาสองเดือน ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รับประกันว่าคุณจะมีชีวิตรอดอยู่ได้นานแค่ไหน”


 


 


“ดูเหมือนว่าทักษะทางการแพทย์ของคุณจะไม่ได้ดีอย่างที่ทุกคนเล่าลือนะ” มู่ไป๋โต้ตอบด้วยรอยยิ้มเย็น “ผมคุ้นเคยกับร่างกายของตัวเองดีที่สุด และรู้ว่าผมไม่จำเป็นต้องพักฟื้นตัว”


 


 


“ทำตามคำแนะนำของหมอลู่” ซิงเหอขัดจังหวะและประกาศด้วยอำนาจ “ตั้งแต่นี้ไปคุณจะต้องพักผ่อนให้ดีเป็นเวลาสองเดือน ฉันเป็นคนช่วยชีวิตของคุณไว้ ถ้าคุณไม่รักษามัน งั้นพวกเราก็ไม่มีเรื่องที่ต้องคุยกันอีก”


 


 


“โอเค” มู่ไป๋ยอมสัญญาง่ายๆ เขากอดเอวของเธอและยิ้มอย่างอ่อนโยน “ผมจะเชื่อฟังทุกอย่างที่คุณพูดเพราะว่าคุณเป็นคนช่วยชีวิตผม”


 


 


ลู่ฉีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทำไมความแตกต่างในการปฏิบัติถึงได้ชัดเจนขนาดนี้


 


 


แม้แต่อาลิและคนที่เหลือก็ต้องเบนสายตาออกมาเพราะประกายแสงแห่งความรักที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเขาแสบตา ลู่ฉีเองก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ ที่มู่ไป๋ยังคงแสดงความรักอย่างเปิดเผยต่อหน้ากลุ่มคนโสด…


 


 


จริงๆ แล้วซิงเหอค่อนข้างตื้นตันกับท่าทีของเขา แต่การฝึกฝนจิตใจมาเป็นเวลาหลายปีช่วยให้เธอสามารถรักษาสีหน้าเฉยเมยไว้ได้


 


 


“บอกฉันมาได้แล้วว่าคุณหาฉันเจอได้ยังไงคะ” เธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนา มู่ไป๋ก็เปลี่ยนมาจริงจังและบอกให้พวกเขารู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง


 


 


ลู่ฉีและคนที่เหลืออ้าปากค้างด้วยความทึ่งเมื่อพวกเขาได้ยินว่าเขาข่มขู่ประธานาธิบดีอย่างเปิดเผย พวกเขาวิเคราะห์มู่ไป๋อย่างละเอียด พยายามที่จะค้นหาว่าเขาแค่แกล้งพูดหรือเปล่า


 


 


ซิงเหอต่อว่าเขาเล็กน้อย “สิ่งที่คุณทำมันผิดกฎหมาย”


 


 


มู่ไป๋ยิ้ม “มันไม่ใช่ความผิดของผมนี่ พวกเขาทำหน้าที่ห่วยเอง ผมเลยต้องทำแบบนี้”


 


 


“แต่นั่นมันประธานาธิบดีนะ” ลู่ฉีขมวดคิ้ว “มู่ไป๋ ทางที่ดีคุณควรจะคิดหาทางแก้ไขเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจมาจับกุมคุณ”


 


 


“เรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้นหรอก” ซิงเหอสรุปด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม