สาวน้อยปลูกผัก 600-608

 TQF:บทที่ 600 ออกจากฮวงยัน (1)


 


 


ทุกคนต่างถอยออก คนที่กำลังจะเดินมาถูกทหารรับจ้างเผ่าอสูรกันไว้หมด


 


กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นไม่หวังดีน่ะใครๆก็ดูออก ต่อให้ไม่ได้รับคำสั่งแต่ทหารรับจ้างเผ่าอสูรก็กันพวกเขาไว้


 


“ให้พวกเขาเข้ามา” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสั่งเรียบๆ


 


พรึ่บ ทหารรับจ้างทุกคนหลบไปข้างๆหมด สายตาระวังภัยจ้องมองไปยังหลายสิบคนจากกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเขม็ง


 


กล่องไม้ถูกยกมาที่หน้าประตูตึกจงหยวนเรื่อยๆ


 


ท่านเจ้าเมืองขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะกลับเป็นปกติ


 


ผู้อาวุโสท่านอื่นและฝูงชนที่มุงอยู่ก็ได้กลิ่นสาบเลือดจางๆจากกล่องไม้


 


กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นไม่หวังดีแน่


 


ในหัวของทุกคนมีความคิดนี้แว้บขึ้นมาพร้อมกัน ท่าทางความแค้นของทั้ง 2 ฝ่ายลึกเข้าไปอีก


 


จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว


 


“เด็กๆ เปิดกล่องนี้ออก” หัวหน้ากลุ่มลวี่หันไปสั่งสหายตัวเอง


 


ตอนนี้เขาโยนความกลัวทุกอย่างทิ้งไปหมดแล้ว เพราะพวกเขาไม่มีที่ให้ถอยกลับไปแล้ว


 


ตั้งแต่ที่พวกเ่ขาก้าวออกจากประตูของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นมา ก็ไม่มีเหตุผลที่จะถอยหลังกลับไป


 


แต่ละกล่องถูกเปิดออกเผยให้เห็นของขวัญข้างใน เมื่อทุกคนได้เห็นของขวัญที่ว่าก็อึ้งกันไปหมด


 


ในกล่องมีซากศพของสัตว์อสูร กลิ่นคาวเลือดฟุ้งไปทั่ว สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปหมด


 


รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากเหล่าทหารรับจ้างเผ่าอสูรที่เห็นซากศพพวกนั้น ตาแต่ละคู่จ้องคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเขม็ง


 


ขอแค่สั่งมาคำเดียว พวกเขาจะระเบิดเจ้าพวกนั้นให้ไม่เหลือแม้ซาก


 


ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นอยู่ในรายชื่อบุคคลต้องฆ่าของเหล่าเผ่าอสูรแล้ว หากเจอกันอีกต้องเอาให้ตายแน่


 


หยูเฮงน้อยหายตัวออกมาทันที ตาคู่สวยกวาดไปยังซากศพสัตว์อสูรเหล่านั้นอย่างเย็นยะเยือก ก่อนจะหัวเราะ “ไม่เลวนี่ ของขวัญนี่ไม่เลวจริงๆ พวกเราชอบมาก”


 


“ในเมื่อคนของหัวหน้ากลุ่มเฉิงชอบของขวัญจากพวกเราขนาดนี้ทำไมไม่รับไว้ล่ะ” เว่ยหัวสะกดความหนาวที่บาดลึกไปยังกระดูกแล้วก้าวออกมา สายตาที่มองไปกลุ่มคนหน้าประตู น้ำเสียงเรียบๆแต่แฝงไปด้วยความคาดคั้น


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มอ่อนโยน “ขอบคุณของขวัญจากกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นด้วย เด็กๆเอาไปเก็บเร็ว”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังคงมีน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ผิดปกติแต่อย่างใด นางรู้เรื่องของขวัญซากศพตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่ได้ตกใจเท่าไหร่


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหันไปบอกกับทุกคนโดยไม่สนใจการกวนประสาทของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้น “นี่ก็ได้เวลาแล้ว ทุกท่านเชิญไปทานอาหารที่โรงเตี๊ยมได้เลย ขอบคุณทุกคนด้วย”


 


“ทุกท่านเชิญ…” ผู้เฒ่าหยิงก้าวออกมาอีกครั้งและพาทุกคนออกไป


 


การหาเรื่องของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นก็จบไปเพียงเท่านี้ คนของตระกูลเฉิงไม่ใส่ใจแต่อย่างใด


 


ทุกคนทั้งแปลกใจและคิดไม่ตก แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร ต่างตามฝูงชนไปที่โรงเตี๊ยม


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพาแขกพิเศษไปยังห้องรับแขกด้านหลัง แม้ห้องนี้จะไม่ได้ใหญ่โอ่อ่าแต่ก็พอตั้งได้หลายโต๊ะ


 


เมื่อทุกคนเข้ามา บนโต๊ะทุกโต๊ะก็มีอาหารจานใหญ่ที่ทำจากสัตว์วิเศษต่างๆวางไว้เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งเหล้าวิเศษและผลไม้วิเศษทีส่งกลิ่นหอมอยู่


 


เหล่าผู้อาวุโสและท่านเจ้าเมืองต่างเป็นคนที่เคยพบเจออะไรมามาก แต่อาหารโอชะขนาดนี้พวกเขาก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกนี่แหละ


 


เมื่อทุกคนเข้าที่เรียบร้อยเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ยกแก้วกล่าวกับทุกคน “ข้าขอขอบคุณท่านเจ้าเมืองและผู้อาวุโสทุกท่านที่ให้เกียรติและสนับสนุน กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนยังต้องการให้ทุกท่านช่วยสอดส่องดูแล หวังว่าทุกท่านจะข่วยชี้แนะกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของเราด้วย ถ้าพวกเราทำอะไรผิดไปก็ขอให้ทุกท่านโปรดอภัยให้กันด้วย ขอบคุณเจ้าค่ะ”


 


พูดจบก็ยกแก้วขึ้นดื่มพรวดเดียวหมด


 


ท่านเจ้าเมืองก็ยกแก้วเหล้าขึ้นพลางมองเด็กสาวข้างๆ และก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “หัวหน้ากลุ่มเฉิงเห็นเราเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ในบ้านตัวเองเลย ท่าทางหลังจากนี้พวกเราจะไม่ปกป้องนางไม่ได้แล้วนะ ข้าว่าทุกท่านก็ไม่ต้องเกรงใจหรอก อีกหน่อยขาดอะไรก็มาซื่อที่นี่แหละ ธุรกิจคนกันเองจะไม่ช่วยอุดหนุนได้ไง ทุกคนว่าจริงมั้ย”


—————————–


TQF:บทที่ 601 ออกจากฮวงยัน (2)


 


“ท่านเจ้าเมืองพูดถูก ของที่ตึกจงหยวนใช้ได้จริงทุกอย่าง เดี๋ยวพวกเราก็จะซื้อทรัพยากรกลับไปสักหน่อย เจ้าพวกเด็กๆที่สำนักมีบุญแล้ว”


 


“ฮ่าๆๆ พวกเราก็เหมือนกัน ของพวกนี้น่ะใครๆก็ต้องการ เพราะฉะนั้นอย่าพลาดโอกาสล่ะ ต่อไปนี้ไม่ว่าตึกจงหยวนจะมีเยอะแค่ไหนก็คงจะถูกซื้อจนเกลี้ยงอยู่ดี”


 


“ของที่ตึกจงหยวนจำหน่ายมีแต่ของดีที่หายากทั้งนั้น ทุกคนห้ามแย่งไปจนหมดนะ ต้องได้กันทุกคนถึงจะถูก”


 


…..


 


เหล่าผู้อาวุโสเริ่มแซวกันเอง ไม่ว่าจะพูดจากใจจริงรึเปล่า แต่ด้วยฐานะของทุกคนแล้ว การพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคนก็ถือเป็นการให้เกียรติตึกจงหยวนมากๆ


 


ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันมีความสุข พวกเขาดื่มเหล้าในมือพรวดเดียวหมด และเริ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน


 


หลังจากนี้ฮวงยันก็ถือเป็นฐานทัพหลักของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนแล้ว ที่นี่ให้อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์คอยดูแล และเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนที่ต้องคบค้าสมาคมด้วย อาจารย์ปูวิหารสวรรค์จึงคอยกินเหล้าคุยเล่นเฮฮากับคนพวกนี้อยู่


 


ส่วนตัวเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็คอยคุยเล่นเป็นเพื่อนท่านเจ้าเมือง บางครั้งก็จับตามองอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ เมื่อเห็นว่าเขาสามารถเข้ากันได้กับตาแก่พวกนั้นก็สบายใจ


 


“หัวหน้ากลุ่มเฉิง เรื่องของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเจ้าจะเอายังไง”


 


จู่ๆก็มีเสียงของท่านเจ้าเมืองดังขึ้นข้างหูเฉิงเสี่ยวเสี่ยว แต่เขากำลังคีบอาหารอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาสื่อสารกับนางทางจิต


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลิกคิ้วเล็กน้อย เหลือบมองท่านเจ้าเมืองก่อนจะตอบกลับเสียงหวาน “ฆ่าไม่มีเหลือ”


 


ฆ่าไม่มีเหลือ


 


เสียงอำมหิตเย็นยะเยือกดังขึ้นข้างหูท่านเจ้าเมืองที่กำลังจะตักของอร่อยเข้าปาก มือเขาชะงักไปนิดนึง


 


เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรจากท่านเจ้าเมืองอีก เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เงียบไป งานเลี้ยงยังคงครึกครื้นอยู่ ทุกคนกินจนหน้าแดงระเรื่อ รอยยิ้มบนใบหน้าไม่มีลดเลยจนกระทั่งงานเลี้ยงจบ


 


ท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งเตรียมกลับตำหนัก หยูเฮงน้อยที่หายตัวออกมาจากไหนก็ไม่รู้บอกกับทุกคนที่กำลังเตรียมตัวกลับ “ท่านเจ้าเมือง ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกเราก็ไม่ได้มีอะไรมาก แต่พวกของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็พอมีอยู่บ้าง นี่คือของขวัญเล็กๆที่ตระกูลเฉิงมอบให้กับท่านเจ้าเมืองและผู้อาวุโสทุกท่าน”


 


พูดจบหยูเฮงน้อยก็ตบมือเล็กๆของนาง สาวใช้แสนสวยหลายสิบคนก็ยกกล่องไม้ประณีตเล็กๆมอบให้กับทุกคน


 


ทุกคนอึ้งไป ไม่มีใครคิดว่าตระกูลเฉิงจะมาไม้นี้ จึงยังไม่มีใครยื่นมือไปรับ


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้ม “ข้าซาบซึ้งเป็นอย่างมากที่ท่านเจ้าเมืองและเหล่าผู้อาวุโสมาในครั้งนี้ ของเหล่านี้ก็แค่ของเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ทุกท่านเอาไปมอบให้เด็กๆในสำนักก็ได้ ท่านเจ้าเมืองและผู้อาวุโสทุกท่านโปรดให้เกียรติรับของขวัญไว้ด้วย”


 


“ฮ่าๆๆๆ”


 


ท่านเจ้าเมืองหัวเราะลั่น นัยน์ตาลึกล้ำจ้องเฉิงเสี่ยวเสี่ยวนิ่งไปหลายวิก่อนจะเอ่ยขึ้น “เรื่องดีนี่ กินอิ่มแล้วยังมีของขวัญให้เอาอีก หัวหน้ากลุ่มเฉิงใจกว้างดีจริงๆ พวกเรารับไว้ก็ได้”


 


พูดจบท่านเจ้าเมืองก็เลิกเกรงใจและหยิบกล่องเล็กๆนั่นมาก่อนจะก้าวออกไปทันที


 


คนอื่นก็คลี่ยิ้มและรับกล่องไม้ไว้ด้วยใบหน้าเบิกบาน ก่อนจะลาไปทีละคน


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่งพวกเขาออกไปทีละคนและรอจนลับสายตา


 


“เฮ่ะๆ พวกเขากล้ารับไว้ก็ดีแล้ว” หยูเฮงน้อยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก ใบหน้าเล็กๆบ่งบอกถึงแผนร้ายในใจ


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวชำเลืองมองนางพลางเลิกคิ้ว “เจ้าคงไม่ได้กวาดคลังเราไปซะเกลี้ยงหรอกใช่มั้ย”


 


“จะเป็นไปได้ยังไงเล่าคุณหนู ท่านก็รู้นี่ว่าในคลังเรามีของมากขนาดไหน อย่าว่าแต่หลายสิบกล่องเลย ต่อให้ให้ไปอีกหลายร้อยกล่องก็พอ”


 


หยูเฮงน้อยบอกอย่างได้ใจ นี่น่ะไม่ได้โม้นะ พวกนางมาถึงผืนดินฉางไห่ได้กว่าครึ่งปีแล้ว ทรัพยากรที่เกิดขึ้นในมิติในเวลาช่วงนี้มากจนเป็นตัวเลขที่น่ากลัว


 


แบ่งออกมานิดหน่อยให้เป็นของขวัญก็แค่ส่วนเล็กๆในคลังเท่านั้น ไม่มีผลกระทบอะไรเลยสักนิด


 


“ของน่ะให้ไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตาแก่พวกนี้จะไว้หน้าพวกเรารึเปล่า” ผู้เฒ่าหยิงยังกังวลอยู่


 


หยูเฮงน้อยเก็บรอยยิ้มทันที พูดอย่างอาฆาต “ถ้าพวกเขากล้าไม่ไว้หน้าข้าจะฆ่าให้หมดเลย”


 


“พอแล้ว พวกเขาต้องไว้หน้าอยู่แล้ว อย่างไรซะก็คงไม่มีใครอยากยุ่งเรื่องคนอื่นหรอก”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้ห่วงเรื่องนี้ นางรู้ซึ้งถึงสันดานคนมานานแล้ว ขอแค่ไม่ไปกระทบกับผลประโยชน์ของเขา คนทั่วๆไม่ยุ่งเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองหรอก


 


ใบหน้างดงามของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเผยรอยยิ้มอันเยือกเย็นและหันไปสั่งหยูเฮงน้อย “คืนนี้เจ้าลงมือเอง ฆ่าไม่ให้เหลือ”


 


“เจ้าค่ะคุณหนู” หยูเฮงน้อยตอบรับด้วยความยินดี


 


ภายในตำหนักเจ้าเมือง


 


ท่านเจ้าเมืองที่เพิ่งกลับมานั่งลงและดื่มชาก่อนจะหยิบกล่องไม้ที่ได้ออกมาดุ


 


เมื่อได้เห็นของข้างในชัดๆก็ประหลาดใจนิดหน่อย นี่มันแหวนมิติอีกวง


 


เพิ่งเจอกันแค่ 2 ครั้งก็ได้รับแหวนมิติมา 2 วง ผู้อาวุโสที่อยู่ที่นั่นด้วยมีกันหลายสิบคน ก็หมายความว่าส่งมอบแหวนมิติออกไปหลายสิบวง


——————————


TQF:บทที่ 602 ออกจากฮวงยัน (3)


 


ถ้าแค่แหวนมิติยังไม่มากพอจะให้ท่านเจ้าเมืองทึ่ง แต่ในแหวนมิติมันไม่ได้ว่างเปล่า ของที่อยู่ข้างในเขาก็พอเดาออกว่าคืออะไร ตอนนี้แม้แต่เขาเองก็ต้องยอมรับว่าตระกูลเฉิงนี่มือเติบจริงๆ


 


รอยยิ้มอ่อนๆประดับอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อเขาใช้พลังจิตตรวจดูรอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งไป เนิ่นนานกว่าท่านเจ้าเมืองจะได้สติ เขาสูดหายใจเข้าลึกพลางเอ่ย “มือเติบมากจริงๆ ท่าทางข้าคงได้แค่ดูอยู่เฉยๆแล้วล่ะ”


 


ไม่ใช่แค่ท่านเจ้าเมืองที่อุทานแบบนี้ เหล่าผู้อาวุโสที่ได้รับของขวัญต่างอุทานออกมาเช่นเดียวกัน “ต่อไปนี้จะเป็นศัตรูกับตระกูลเฉิงไม่ได้เด็ดขาด ต้องเป็นมิตรเท่านั้น”


 


วันรุ่งขึ้น มีข่าวอีกข่าวที่ตะลึงกันไปทั้งเมือง เมื่อคืนนี้ทหารรับจ้างนับร้อยคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้น รวมถึงหัวหน้าและรองหัวหน้ากลุ่มตายกันหมด


 


กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นถูกล้างบางในชั่วข้ามคืนเท่านั้น และถูกกำจัดจนหมดสิ้น


 


ใครเป็นคนทำ


 


เชื่อว่าในใจทุกคนมีแค่คำตอบเดียวเท่านั้น แต่ไม่มีใครพูดมันออกมา เพราะจะพูดหรือไม่พูดก็ไม่ต่างกัน และก็จะไม่มีใครออกหน้าให้กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นด้วย


 


แม้แต่ท่านเจ้าเมืองกับสมาคมทหารรับจ้างก็เงียบไปราวกับว่าไม่รับรู้เรื่องนี้


 


สุดท้ายก็มีเพียงความคิดเดียวในหัวทุกคน จะไปหาเรื่องใครก็อย่าไปหาเรื่องกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนและตึกจงหยวน


 


ขณะเดียวกัน ชื่อเสียงของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็ดังไปทั่วเมืองใหญ่ๆ ว่ามีกลุ่มทหารรับจ้างสุดแกร่งกำเนิดขึ้นแล้ว


 


บ้านตระกูลเฉิงยังคงเงียบสงบเหมือนก่อน


 


ตึกจงหยวนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า


 


กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเริ่มรับภารกิจ


 


หมู่ล่าสมบัติของกลุ่มทหารรับจ้างก็เตรียมออกเดินทาง


 


ไม่ว่าข้างนอกนั่นจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีผลอะไรกับแผนการณ์ของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว


 


แต่ละวันผ่านไปเรื่อยๆ


 


พริบตาเดียวตึกจงหยวนก็เปิดร้านได้ 1 เดือนแล้ว


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองเหล่าผู้อาวุโสเผ่าอสูรหลายสิบคนตรงหน้าแล้วก็รู้สึกเบาใจลง พวกเขาต่างได้ความทรงจำของผู้เฒ่าคนอื่นในระยะเวลาหลายสิบถึงหลายร้อยปีด้วยฝีมือของหยูเฮงน้อย เรียกได้ว่าสามารถรับหน้าเองได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องคนไม่พออีกแล้ว


 


นอกจากเรื่องนี้ หยูเฮงน้อยยังเรียกหญิงสาวโฉมงามเผ่าอสูรออกมาอีกหลายสิบคน ให้พวกเขาเป็นสาวใช้คอยดูแล 2 ย่าหลานฟางซูหยุนและหยูเฮงน้อย


 


“คุณหนู เป็นยังไง”


 


หยูเฮงน้อยหัวเราะได้ใจ “ยังต้องการคนเพิ่มอีกรึเปล่า ให้ข้าเรียกพวกเผ่าอสูรออกมาอีกมั้ย”


 


“พอแล้ว” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหน้า “แม้ว่าพวกมันจะฝึกฝนอิทธฤทธิ์พลิกโฉมของเจ้า แต่ก็เกรงว่าอาจถูกคนอื่นล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงได้ ถ้าหากคนอื่นรู้เข้าว่าคนพวกนี้ของเราเป็นเผ่าอสูรหมด ข้ากลัวว่าจะมีพวกว่างงานใช้ข้ออ้างนี้มาหาเรื่องได้”


 


“กลัวทำไม อย่างมากก็แค่กำจัดพวกเขาซะ” หยูเฮงน้อยบอกอย่างจองหอง


 


“พอได้แล้ว เอะอะก็จะฆ่าจะแกง เจ้าจะกลายเป็นนางมารน้อยอยู่แล้ว”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหน้าด้วยความขบขัน และสั่งให้เผ่าอสูรออกไปก่อน นางหันไปบอกกับคนอีก 2 คนที่นั่งอยู่ “อาจารย์ปู่ ที่นี่ต้องฝากไว้ให้ท่านแล้วนะ ยังมีของพอให้ขายไปอีกหลายสิบปี พวกเราต้องไปจากที่นี่กันแล้ว”


 


“พวกเจ้าจะไปตอนไหน” อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ถามเรียบๆ


 


“เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหันไปมองท่านย่ายิ้มๆ “วันสองวันนี้แหละ อาจารย์ปู่ลองดูว่าต้องการอะไรอีกมั้ย มีอะไรก็บอกพวกเราได้เลย พวกเราจะพยายามเตรียมไว้ให้”


 


“ไม่มีหรอก ของที่ต้องการพวกเจ้าก็เตรียมไว้หมดแล้ว วันสองวันนี้พวกเจ้าก็เตรียมของสำหรับตัวเองเถอะ”


 


อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ตอบด้วยรอยยิ้ม


 


ฟางซูหยุนคิดไม่ถึงว่าหลานสาวจะไปในเวลาอันรวดเร็วขนาดนี้ “เสี่ยวเสี่ยว ที่ฮวงยันมีเรื่องอะไรให้ต้องจัดการรึเปล่า”


 


“เกือบจะเรียบร้อยหมดแล้วท่านย่า” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบเบาๆ


 


หยูเฮงน้อยพูดต่อ “ฮูหยินฟาง ตอนนี้ไม่มีใครในฮวงยันกล้าลงมือกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของเราหรอก อีกอย่าง พวกเราก็เลี้ยงพวกเจ้าเมืองจนอิ่มหนำสำราญหมดแล้ว พวกเขาย่อมไม่ยื่นมือเข้ามามั่วซั่ว ตอนนี้ที่นี่ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเลย”


 


“เจ้าก็พูดถูก กล้าจะจ่ายจริงๆนะ ส่งมอบของหลายสิบล้านออกไปฟรีๆ เจ้านี่ถลุงสมบัติที่บ้านจริงๆ”


 


พูดถึงของที่มอบให้คนอื่นไป ต่อให้รู้ว่าสมบัติที่บ้านมีมากแค่ไหนฟางซูหยุนก็รู้สึกเจ็บๆในใจอยู่ดี


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเข้าใจความรู้สึกของย่าตัวเอง “ท่านย่า ไม่ได้ให้ฟรีๆสักหน่อย ของที่พวกเรามอบให้ไปครั้งแรกทำให้สายตาของพวกเขายิ่งเพ่งเล็งมาที่ตึกจงหยวนของเรา ถ้าหากพวกเราไม่เลี้ยงให้อิ่มละก็พวกเขาก็จะยื่นมือมาขออีกครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งจะทำให้เราเสียเยอะกว่าเดิม”


 


“ตอนนี้พวกเขาได้รับของมากมายขนาดนี้จากเราในคราเดียว ก็คงไม่กล้ามาขออีกแล้วล่ะ หากเราแข็งแกร่งขึ้นและมีชื่อเสียงขึ้นได้ในช่วงเวลานี้ ต่อไปนี้ต่อให้พวกเขามีความคิดแบบนี้ก็ไม่กล้ามาขอจริงๆ”


 


“ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยวพูดถูก เจอกับคนแบบนี้ก็ต้องทำแบบนี้แหละ สิ่งที่ต้องเสียก็ต้องยอมเสีย มีแต่ผลดีต่อตัวพวกเราทั้งนั้น”


 


อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์มองวิธีเอาตัวรอดแบบนี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว จึงพยักหน้าเห็นด้วย


 


หยูเฮงน้อยเอะอะขึ้นอย่างใจกว้าง “ของแค่นี้พวกเราให้ไหวอยู่แล้ว จะไปกลัวอะไร ตอนนี้ต้องสร้างกลุ่มทหารรับจ้างของเราให้แข็งแกร่งในเวลาที่เร็วที่สุด”


 


“ถูกต้อง ตอนนี้ต้องพัฒนากลุ่มทหารรับจ้างเป็นหลัก”


 


สำหรับเรื่องนี้ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย


 


ตกกลางคืน ผู้เฒ่าหยิงที่ยุ่งเรื่องข้างนอกเสร็จก็ขอพบคุณหนู


—————-


TQF:บทที่ 603 ออกจากฮวงยัน (4)


 


ทุกคนในบ้านตระกูลเฉิงรู้หมดว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวจะไปแล้ว ดังนั้นพอผู้เฒ่าหยิงจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อยก็รีบมาหา


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วเบาๆเมื่อเห็นคนที่มาหา “ตาเฒ่า เจ้าเป็นอะไร มีอะไรค่อยคุยพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ”


 


“ไม่ได้อยู่แล้ว คุณหนู ท่านจะไปจากฮวงยันแล้วใช่มั้ย” ผู้เฒ่าหยิงถามอย่างตัดพ้อ


 


“ใช่” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องแสดงท่าทีแบบนี้ด้วย จึงถามขึ้น “ข้าจะไปก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”


 


“ก็รู้อยู่แล้ว คุณหนู ท่านคิดจะพาข้าไปด้วยรึเปล่า”


 


“เจ้าจะไปกับพวกเราด้วยเหรอ” ไม่ใช่ว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่มีความคิดแบบนี้ แต่ตั้งแต่ที่มีผู้อาวุโสเผ่าอสูรเพิ่มมาหลายสิบคน ก็ไม่มีความตั้งใจว่าจะพาผู้เฒ่าหยิงไปด้วยอีก


 


“ใช่ๆคุณหนู ท่านจะทิ้งข้าไม่ได้นะ”


 


“เอ่อ…”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวแทบจะขนลุกเมื่อเห็นความกระตือรือร้นของตาเฒ่า “เจ้าไปด้วยแล้วบ้านตระกูลเฉิงจะทำยังไง เจ้าคงไม่ปล่อยให้อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ดูแลพวกเขาหรอกนะ”


 


“คุณหนู ไม่มีข้าก็ให้คนอื่นทำก็ได้นี่ หยูเฮงน้อยเรียกตาแก่ออกมาตั้งหลายสิบคนแล้วนะ เหลือไว้แทนข้าสักคนก็พอแล้วนี่”


 


ผู้เฒ่าหยิงรีบออกความเห็นเพื่อจะตามไปด้วย


 


“คุณหนู ตาเฒ่านี่ตลก ให้เขาไปกับพวกเราด้วยก็ได้นี่”


 


หยูเฮงน้อยหายตัวออกมานั่งลงบนโต๊ะ แหว่งขาเล็กๆเล่นหูเล่นตาใส่ผู้เฒ่าหยิง


 


ผู้เฒ่าหยิงรีบพยักหน้า “ใช่ๆ คุณหนู ให้ข้าตามพวกท่านไปด้วย ที่นี่ก็ให้เจ้าพวกนั้นดูแล หรือไม่จะให้พี่อสูรแปลงร่างเป็นข้าก็ได้”


 


“เรื่องนี้…”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ผูกพันธ์กับตาเฒ่านี่เหมือนเป็นครอบครัวจริงๆ ตั้งแต่ที่เขามาปรากฏตัวที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนก็ตะลอนกับตัวเองไปทุกที่ ความผูกพันธ์เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ถ้าหากไม่มีเขาอยู่ข้างๆ ตัวนางเองก็คงจะไม่ชินเหมือนกัน


 


“คุณหนู ที่ตาเฒ่านี่พูดก็ทำได้นะ อย่างไรซะเจ้าพวกเผ่าอสูรก็มีอิทธฤทธิ์พลิกโฉม ให้มันแปลงร่างเป็นตาเฒ่าได้อยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็ดูไม่ออกหรอกว่าคนละคนกัน” หยูเฮงน้อยเห็นด้วย


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับ 1 คน 1 ภูติตรงหน้า “ข้าไม่ได้บอกว่าไม่ได้ แต่ถ้าจะให้เผ่าอสูรสักคนแปลงร่างเป็นตาเฒ่าแล้วดูแลบ้านนี้ละก็ เขาก็ต้องมีความทรงจำของตาเฒ่าด้วย ไม่อย่างนั้นจะให้เขาคบค้าสมาคมกับคนอื่นได้อย่างไร”


 


“เอ๋ ก็จริง”


 


หยูเฮงน้อยปรบมือพลางเบือนสายตาไปที่ผู้เฒ่าหยิง “ให้มันแปลงร่างเป็นเจ้าน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่มันไม่มีความทรงจำของเจ้า เจ้าจะให้มันจัดการเรื่องต่างๆแทนเจ้าได้อย่างไร”


 


“แล้วจะทำยังไงล่ะ” ผู้เฒ่าหยิงเอ๋อไป รีบบอกอย่างร้อนรน “ข้าไม่สน คุณหนู ยังไงข้าก็จะไปกับพวกท่านด้วย”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยหัวเราะกับความงอแงของเขา


 


หยูเฮงน้อยล้อทันที “ตาเฒ่า เจ้าไม่อายบ้างรึไง อายุก็หลักร้อยแล้ว ยังจะงอแงอีก น่าขายหน้าซะจริง”


 


“ข้าไม่สนเรื่องขายหน้าหรอก ยังไงข้าก็จะไปกับพวกท่านด้วย ขายหน้าก็ขายหน้าเถอะ” อายุมากหน้าก็ด้านตาม ผู้เฒ่าหยิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองเขาอย่างขบขัน ซึ้งนิดหน่อยกับความจริงใจของเขา หันไปถามหยูเฮงน้อย “เจ้าคัดลอกความทรงจำคนอื่นได้ งั้นคัดลอกความทรงจำของผู้เฒ่าหยิงตอนอยู่ที่ผืนดินฉางไห่ได้รึเปล่า แล้วถ่ายทอดให้กับเผ่าอสูรที่อายุน้อยหน่อย ให้เขาถือตาเฒ่าเป็นพ่อบุญธรรม เป็นยังไง”


 


ประโยคสุดท้ายนางถามผู้เฒ่าหยิง อย่างไรซะการมีลูกชายเป็นเผ่าอสูรก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนรับได้ แล้วยิ่งต้องแบ่งความทรงจำส่วนหนึ่งให้เขาด้วย คนทั่วๆไปต้องไม่ยอมอยู่แล้ว


 


ผู้เฒ่าหยิงชะงักไปก่อนจะถาม “ทำแบบนี้ได้เหรอ”


 


“ได้สิ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า “ตาเฒ่า เจ้ายังจะหาเมียอยู่มั้ย ถ้าไม่หาละก็มีลูกชายบุญธรรมคอยอยู่เป็นเพื่อนก็ดีไม่ใช่เหรอ”


 


“คุณหนู ทำตามที่ท่านบอกแหละ ลูกชายบุญธรรมก็ลูกชายบุญธรรม ขอแค่ข้าได้ไปกับพวกท่านก็พอแล้ว” ผู้เฒ่าหยิงไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย


 


หยูเฮงน้อยปิดปากหัวเราะ “ตาเฒ่า เจ้าวางใจเถอะ ลูกชายบุญธรรมของเจ้าต้องดีกับเจ้าแน่”


 


“ไม่เป็นไรอยู่แล้ว อย่างไรซะข้าก็จะคอยตามคุณหนูกับท่านเขย จะมีลูกชายหรือไม่ก็ไม่เป็นไร”


 


“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระแล้ว” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขัดบทสนทนาของทั้งคู่ “หยูเฮงน้อย เจ้าพาตาเฒ่าไปคัดลอกความทรงจำในมิติ วันสองวันนี้พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว”


 


“ได้ ไม่มีปัญหา จะทำให้เรียบร้อยไวๆ” หยูเฮงน้อยดึงผู้เฒ่าหยิงขึ้น ร่างของทั้ง 2 หายไปต่อหน้าเฉิงเสี่ยวเสี่ยว


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถอนหายใจเศร้าๆก่อนจะหยิบสมุดบัญชีบนโต๊ะมาดูอย่างตั้งใจ


 


5 วันให้หลัง 2 ย่าหลานฟางซูหยุนและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเปลี่ยนแปลงรูปโฉมตัวเอง นั่งรถลากสัตว์วิเศษออกจากฮวงยันไป ทุกคนรู้หมดว่าพวกนางจะไป


 


ถือว่าปล่อยที่นี่ไปอย่างสมบูรณ์แล้ว


 


รถลากสัตว์วิเศษเพิ่งออกจากเมืองไปได้ไม่นานหยูเฮงน้อยก็หายตัวออกจากมิติ นั่งยิ้มแย้มตรงกลางระหว่างพวกนาง


 


ผู้เฒ่าหยิงที่ขับเคลื่อนรถก็เปลี่ยนแปลงรูปโฉมเหมือนกัน ตอนนี้ออกจากฮวงยันจึงไม่มีใครจำเขาได้ว่าเป็นพ่อบ้านตระกูลเฉิง


 


ชื่อเสียงของผู้เฒ่าหยิงในฮวงยันก็ไม่เบา คนรู้จักเขาเยอะมาก ตอนนี้คนที่รู้ว่าพ่อบ้านตระกูลเฉิงเปลี่ยนคนแล้วก็มีน้อยมาก


 


“อำเภอต่อไปชื่อว่าส้งเฉิง เป็นอำเภอชั้น 2 เหมือนกัน คุณหนู เราจะอยู่กันกี่วัน” หยูเฮงน้อยเริ่มวางแผนแล้ว


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบโดยไม่ต้องคิด “ประมาณเดือนสองเดือนนี่แหละ”


 


“หืม 1-2 เดือน จากที่นี่ไปชิงยางยังต้องผ่านอีก 120 กว่าอำเภอ ตัดพวกอำเภอชั้น 4 และอำเภอที่ไม่เข้าข่ายก็ยังเหลืออีกอย่างน้อย 80 อำเภอที่ต้องอยู่ ถ้าแบบนี้พวกเราต้องใช้เวลา 10 กว่าปีถึงจะไปถึงชิงยางได้”


 


 


 


———————–


TQF:บทที่ 604 หยกแกะสลักนับหมื่นรูป (1)


 


 


“ไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นหรอก” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหัวเบาๆ “ถึงเวลาก็ปล่อยให้ผู้อาวุโสเผ่าอสูรจัดการต่อก็พอ”


 


“ก็ใช่ ยังไงพวกเขาก็มีความทรงจำของมนุษย์แล้ว ในด้านการจัดการไม่จำเป็นต้องให้เราช่วยแล้ว” หยูเฮงน้อยกล่าวยิ้มๆ


 


“เจ้าพูดถูก” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขยี้หัวนาง “ผู้อาวุโสเผ่าอสูรที่เจ้าเรียกออกมายังไม่พอ ข้าว่าเจ้าเลิกขี้เกียจได้แล้ว เรียกออกมาอีกเยอะๆ ถึงเวลาเราอาจจะต้องส่งคนจำนวนไม่น้อยไปปักหลักอยู่ตามแต่ละเมือง เราจะมามัวเสียเวลาที่นี่ไม่ได้ ต้องรีบไปที่ชิงยาง”


 


“ไม่มีปัญหา คุณหนูจะเอาตอนไหนข้ารับประกันว่าจะเรียกออกมาได้” หยูเฮงน้อยรับประกันด้วยรอยยิ้ม


 


ฟางซูหยุนที่อยู่ข้างๆนั่งอมยิ้มฟังทั้ง 2 คุยกันด้วยสายตาเอ็นดู


 


หลังจากที่เดินทางมา 10 วัน รถลากสัตว์วิญญาณของพวกนางก็มาถึงส้งเฉิง พวกนางซื้อบ้านไว้ทันที ดังนั้นในส้งเฉิงก็มีบ้านตระกูลเฉิงกำเนิดขึ้นเช่นกัน หลังจากที่ไปเยี่ยมเยือนท่านเจ้าเมืองส้งเฉิงและเหล่าผู้อาวุโสแล้ว ผู้เฒ่าหยิงก็เจอตึกที่เหมาะจะทำร้านตึกนึง เก็บกวาดตกแต่งไปครึ่งเดือนตึกจงหยวนก็ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองส้งเฉิง


 


เหมือนว่าคนที่นี่จะรู้จักกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนและตึกจงหยวนนานแล้ว แต่ละอิทธิพลจึงไม่ได้มีความเห็นอะไร


 


โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นสมาชิกจักพรรดิ์อมตะหลายร้อยคนที่ตึกจงหยวน พวกเขาจะพูดอะไรได้อีก


 


1 เดือนให้หลัง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ออกเดินทางต่อ เหลือเพียงผู้อาวุโสเฮื่อที่แปลงร่างมาจากกระเรียนเซียน แน่นอนว่าเผ่าอสูรที่ประจำอยู่ที่นี่ไม่ใช่แค่หลักร้อย แต่มากถึง 1,500 คน รับรอบว่าเผชิญได้กับทุกเรื่อง


 


7 วันให้หลัง ผู้เฒ่าหยิงขับเคลื่อนรถลากสัตว์วิญญาณมาที่อำเภอชั้น 3 ชื่อว่าจิงโจว ผ่านไปอีกครึ่งเดือน กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนและตึกจงหยวนก็มาปรากฏที่นี่เช่นกัน พร้อมกับผู้อาวุโสเผ่าอสูร 1 คนและทหารรับจ้างอีก 1,500 คน


 


คนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นที่ต้อนรับมั้ยไม่มีใครบอกได้ แต่ทรัพยากรที่ตึกจงหยวนได้รับการอุดหนุนจากผู้ฝึกฝนวิทยายุทธมากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะมีกฏการจำกัดจำนวนขายในแต่ละกัน เกรงว่าทรัพยาสำหรับหลายสิบปีก็สามารถถูกกว้านซื้อจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว


 


การจะทำมาค้าขายต้องค่อยเป็นค่อยไปจึงจะอยู่ได้นาน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่อยากให้พวกเขาซื้อไปทีเดียวเยอะๆ ดังนั้นเหล่าผู้ฝึกฝนวิทยายุทธจึงต้องรอกันวันแล้ววันเล่าเพื่อได้ซื้อของที่ตัวเองต้องการ


 


เนื่องจากพวกเขาต้องการของพวกนี้มากจริงๆ ตึกจงหยวนจึงสามารถเปิดสาขาไปทั่วทุกที่ได้โดยไม่มีใครขัดขวาง แม้แต่พวกพ่อค้าที่อิจฉาตาร้อนก็ต้องยอมรับการปรากฏตัวของตึกจงหยวน


 


คนของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวจะหยุดอยู่ที่อำเภอชั้น 2-3 เท่านั้น ส่วนอำเภอชั้น 4 และอำเภอเล็กๆที่เหลือก็ส่งผู้อาวุโสเผ่าอสูรพาคนไปปักหลักกันเอง ส่วนพวกเขาจะทำได้ขนาดไหนก็ปล่อยพวกเขาทำเลย


 


ในเวลาเพียงครึ่งปีก็มี 20 อำเภอที่มีกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนและตึกจงหยวนปรากฏตัวอยู่แล้ว เป็นที่ฮือฮาไปทั่วผืนดินฉางไห่


 


เพราะไม่มีใครรู้ว่าคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมาจากที่ไหน นอกจากชื่อแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์จงหยวนแล้ว ก็ไม่มีข้อมูลอื่นใดอีก


 


สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือสมาชิกทุกคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนล้วนเป็นจักพรรดิ์อมตะทั้งหมด แค่เฉพาะที่ทุกคนรู้ก็หลายหมื่นคนแล้ว แล้วยังมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามอำเภอต่างๆ จะไม่ให้คนอื่นทึ่งได้ยังไง


 


ต่อให้เป็นกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังก็ไม่มีฝีมือถึงขั้นโปรยทหารเหมือนหว่านเมล็ดถั่ว ไม่สิ นี่ไม่ใช่แค่โปรยทหารแล้ว นี่มันโปรยแม่ทัพ จักพรรดิ์อมตะเชียวนะ ใครจะเห็นจักพรรดิ์อมตะเป็นแค่ทหารกัน


 


ไม่ว่าผืนดินฉางไห่จะฮือฮาครึกโครมขนาดไหน ก็ไม่ได้ส่งผลใดๆต่อกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างก็ยังเป็นแบบที่มันควรจะเป็น


 


หลังจากการเดินทางครึ่งปี คนของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เข้าใกล้ชิงยางมากขึ้นทุกทีแล้ว ด้วยความเร็วของพวกนางอย่างมากอีก 3-4 เดือนก็น่าจะถึง


 


พวกนางเป็นที่ฮือฮาอยู่ที่นี่ ส่วนที่โถงหลังวิหารสวรรค์ก็ปั่นป่วนราวกับเกิดเรื่องใหญ่โตอะไรเช่นกัน


 


และก็เกิดเรื่องที่สะเทือนไปทั้งโถงวิหารสวรรค์จริงๆ


 


สาเหตุก็เพราะท่ามกลางศิษย์ใหม่ที่รับเข้ามาในปีนี้ ได้มีคนหนึ่งที่ชื่อโม่อู๋เซอเป็นอันดับหนึ่งด้วยวิชาวิหารสวรรค์ กดเหล่าลูกศิษย์ชั้นยอดลงไปจนหมด


 


ดังนั้น เหล่าปีศาจเฒ่าแห่งโถงวิหารสวรรค์จึงออกโรงกันหมด พวกเขาล้วนอยากจะได้โม่อู๋เซอคนนี้ไปเป็นลูกศิษย์


 


มีลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ผู้เป็นอาจารย์ก็ย่อมเพิ่มพูนบารมี เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเหล่าปีศาจเฒ่าพวกนี้จะปล่อยลูกศิษย์สุดโดดเด่นคนนี้ไปได้อย่างไรกัน


 


ภายในโถงหลัก ปีศาจเฒ่า 10 กว่าปรากฏตัวกันครบ เนื่องจากผู้มีแววในงานแข่งฝีมือครั้งนี้หลายคน เจ้าพวกนี้ตาเขียวกันหมด


 


โม่อู๋เซอที่ยืนอยู่ในโถงหลักมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่รู้มีความปิติที่ได้อันดับ 1 เขาเพียงแต่จูงมือภรรยาตัวเองนิ่งๆแล้วรอให้ปีศาจเฒ่าพวกนี้คัดเลือกคน


 


บอกตามตรงพวกเขา 2 สามีภรรยาไม่ได้มีความกระตือรือร้นในการหาอาจารย์เท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะตามหาลูกศิษย์ตัวเองที่นี่ละก็ พวกเขาก็ไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่


 


หลังจากการสังเกตุการณ์และการสืบข่าวคราวมาครึ่งปี 2 สามีภรรยาโม่อู๋เซอเริ่มหมดหวัง ที่โถงหลักวิหารสวรรค์พวกเขาไม่เจอแม้เงาของลูกศิษย์ตัวเองเลย ราวกับเขาไม่ได้อยู่ที่โถงวิหารสวรรค์


 


ผ่านไปเกือบ 2 ปีก็ยังหาลูกศิษย์ตัวเองไม่เจอ พวกเขาปวดใจเหลือเกิน เพื่อให้ได้มาซึ่งฐานะตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาไม่ปิดบังวิชาวิหารสวรรค์ของตัวเองแม้แต่น้อย จุดประสงค์ก็อยากจะใช้ตำแหน่งของตัวเองในการเรียกร้องให้คนของโถงวิหารสวรรค์ช่วยตามหาลูกศิษย์ตัวเอง


 


“โม่อู๋เซอ…”


 


เสียงที่แม้จะอ่อนโยนแต่ก็แฝงไว้ด้วยความองอาจดังขึ้น โม่อู๋เซอจูงมือภรรยาตัวเองเดินออกมา พลางประสานมือคำนับกับ 10 กว่าคนตรงหน้า “ศิษย์โม่อู๋เซอ คารวะเจ้าโถง คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน”


———————-


TQF:บทที่ 605 หยกแกะสลักนับหมื่นรูป (2)


 


 


เหล่าผู้อาวุโสเมื่อได้เห็นคู่สร้างคู่สมตรงหน้าก็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน 1 ในนั้นลูบเคราพลางถามยิ้มๆ “โม่อู๋เซอ เจ้าจะมาเป็นลูกศิษย์ข้ารึเปล่า”


 


“ศิษย์พี่สามนิสัยไม่ดีเลยนะ แย่งคนกันต่อหน้าต่อตาแบบนี้” ผู้อาวุโสคิ้วยากอีกคนรีบแย้งขึ้นมา พลางหันไปถาม 2 สามีภรรยาโม่อู๋เซอ “มาเป็นลูกศิษย์ข้า แล้วต่อไปนี้เรื่องของเจ้าข้าจะช่วยเหลือสุดความสามารถ เป็นยังไง”


 


“โม่อู๋เซอ เจ้ากับข้ามีวาสนาของอาจารย์-ศิษย์ เจ้ามาเป็นศิษย์ข้าดีกว่า”


 


“ผู้อาวุโสเป่ย ท่านอย่าขี้โม้ เจ้าเด็กโม่อู๋เซอนี่มีวาสนาอาจารย์-ศิษย์กับข้าต่างหาก เจ้าอย่ามาแย่งลูกศิษย์ข้านะ”


 


…..


 


ทันใดนั้นคนในห้องโถงก็ทะเลาะกันอีกครั้ง ที่จริงตอนที่ยังไม่เรียกลูกศิษย์เข้าพบเจ้าพวกปีศาจเฒ่าก็ทะเลาะกันไปแล้วรอบนึง ตอนนี้ได้เจอลูกศิษย์แล้วก็ทะเลาะกันอีก


 


เจ้าโถงส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ตอนนี้ยังไม่อยากพูดแทรกอะไร ปล่อยให้พวกอาจารย์ลุงอาจารย์อาทะเลาะกันให้พอก่อน


 


ส่วนลูกศิษย์ชั้นยอดคนอื่นๆเมื่อเห็นฉากนี้นอกจากอิจฉาริษยาแล้ว ก็ยังรู้สึกเจ็บใจและไม่ยอมอยู่ด้วย


 


พวกเขาทุกคนคิดว่าตัวเองต่างหากที่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด ไม่คิดว่าเจ้าลูกศิษย์ที่มาใหม่จะได้หน้าไปหมด จะให้เหล่าลูกศิษย์ชั้นยอดที่พยายามมานานนับปีหรืออาจจะ 10 ปีจะยอมได้อย่างไร


 


ไม่ว่าเหล่าลูกศิษย์จะพยายามปกปิดความแค้นในใจยังไง แต่สายตาที่คมกริบเกินจะเปรียบก็แทบจะแทงร่างของโม่อู๋เซอทะลุ


 


“เอาล่ะ ผู้อาวุโสทุกท่านเลิกทะเลาะกันได้แล้ว”


 


เจ้าโถงเห็นว่าเหล่าผู้อาวุโสไม่ได้ผลสรุปสักทีจึงต้องเอ่ยขัดพวกเขา ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ใช่แค่เรื่องขายหน้า แต่เป็นเรื่องของการลงมือวิวาทกัน ถ้าหากพวกเขาตีกันจริงๆละก็โถงหลักของเขาคงพังพินาศ


 


“เจ้าโถง คงไม่ใช่ว่าเจ้าจะรับศิษย์ไว้หรอกนะ” ผู้เฒ่าชุดเทามองเจ้าโถงอย่างไม่พอใจ


 


แม้ว่าเจ้าโถงวิหารสวรรค์จะอายุน้อยกว่าปีศาจเฒ่าพวกนี้ และยังรุ่นเล็กกว่า แต่เจ้าโถงก็คือเจ้าโถง ไม่ว่าอย่างไรทุกคนในโถงวิหารสวรรค์ก็ต้องทำตามคำสั่งของเจ้าโถง


 


ได้ยินคำนี้เจ้าโถงหวั่นไหวนิดหน่อย แต่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง หันไปถามโม่อู๋เซอ “โม่อู๋เซอ เจ้ามีอาจารย์ที่อยากฝากตัวเป็นศิษย์อยู่ในใจรึเปล่า”


 


“ทูลเจ้าโถง ข้าน้อยขอขอบคุณความหวังดีจากผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าน้อยมีเพียงเงื่อนไขเดียวในการฝากตัวเป็นศิษย์ ก็คือข้าน้อยต้องได้อยู่ด้วยกันกับภรรยา เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกัน พวกเราจะไม่แยกจากกัน”


 


พูดไป 10 นิ้วของโม่อู๋เซอก็ประสานเข้ากับ 10 นิ้วของหรงจิ้งซือ ทั้ง 2 ยิ้มให้กัน มีเพียงความรักหวานชื่นที่อยู่ในแววตาของพวกเขา


 


มีลูกศิษย์หญิงไม่น้อยเมื่อได้เห็นท่าทางรักกันของทั้ง 2 แล้วเกิดอาการเจ็บจี๊ดๆ โม่อู๋เซออายุไม่ได้มาก รูปร่างก็หล่อเหลาเอาการ เขาได้กลายเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวในใจของเหล่าลูกศิษย์หญิงไปตั้งนานแล้ว


 


เหล่าผู้อาวุโสเห็นว่าพวกเขาไม่ทอดทิ้งกันก็พยักหน้าอย่างปลื้มใจ ส่งสายตาชื่นชม


 


เจ้าโถงกลัวว่าเหล่าผู้อาวุโสทะเลาะกันต่อจึงแอบส่งกระแสจิตไปให้คนๆหนึ่ง ให้ท่านเป็นคนออกหน้า


 


เขาโตที่สุดในโถงวิหารสวรรค์ วิชาวิหารสวรรค์ก็สูงส่งที่สุด ให้เขาออกหน้ายังไงเหล่าผู้อาวุโสก็ต้องยอม


 


มิติของโถงใหญ่บิดเบือนขึ้นเรื่อยๆ มีร่างๆหนึ่งโผล่ออกมา ตาแก่ซอมซ่อที่มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้นไม่ได้มองใครเลย เขาเพียงแต่เงยหน้ากรอกเหล้าเข้าปากไปเรื่อยๆ


 


เมื่อเขามาถึงทุกคนในที่นี้ก็สงบลงหมด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว


 


ส่วนลูกศิษย์เข้าใหม่อย่างพวกโม่อู๋เซอ ไม่มีใครเคยเห็นตาแก่ซอมซ่อคนนี้มาก่อน มองไปที่เขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น


 


กรอกเหล้าเข้าปากไปทีเดียวกว่าครึ่งขวด ตาแก่ซอมซ่อที่สะอึกอยู่ก็หรี่ตามองไปยังทุกคน ก่อนจะหันไปพูดกับเจ้าโถง “เจ้าหนุ่ม เรียกข้าทำไม”


 


“คารวะอาจารย์ปู่”


 


“คารวะอาจารย์อา”


 


“คารวะท่านอาจารย์ปู่”


 


ทันใดนั้นทุกคนก็ได้สติ ทั้งหมดยืนขึ้นคำนับตาแก่ซอมซ่อคนนี้


 


“พอแล้วๆ ลุกขึ้นเถอะ”


 


ตาแก่ซอมซ่อเก็บขวดเหล้าในมือพลางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ สายตากลับอยู่ที่โม่อู๋เซอ


 


“เอ๋…”


 


เมื่อเห็นพวกเขา 2 สามีภรรยา ตาแก๋ซอมซ่อก็อุทานอย่างแปลกใจ ก่อนจะเริ่มคำนวณโชคชะตา ยิ่งคำนวณก็ยิ่งทึ่ง สุดท้ายได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆในใจ


 


เจ้า 2 คนนี้มาจากที่เดียวกันกับลูกศิษย์เขา และก็เป็นไปได้ว่าพวกเขารู้จักกัน บางทีอาจจะมีความสัมพันธ์อาจารย์ศิษย์หรือญาติมิตรกันก็ได้


 


คิดมาถึงตรงนี้ตาแก่ซอมซ่อก็เข้าใจแล้วว่าก่อนหน้านี้เขาเคยคำนวณไว้ว่าโถงวิหารสวรรค์จะได้ลูกศิษย์ 2 คนที่ไม่ธรรมดา แต่ไม่คิดว่าจะมาเพราะลูกศิษย์ตัวเอง


 


พวกเขามาปรากฏตัว เกรงว่าไม่นานนักความทรงจำของลูกศิษย์ตัวเองก็คงจะกลับมา ถ้าเป็นแบบนี้ละก็…


 


ความคิดแบบนี้แว้บเข้ามาในหัวตาแก่ซอมซ่อ เขาพยักหน้าให้กับ 2 คนตรงหน้า “พวกเจ้าไม่เลวนี่ พรสวรรค์ใช้ได้”


 


“อาจารย์ปู่ ก็เพราะพรสวรรค์ของ 2 สามีภรรยาหวี่เจ๋อไม่เลวนี่แหละ ตอนนี้ผู้อาวุโสทุกท่านจึงอยากจะรับพวกเขาเป็นศิษย์หมด อาจารย์ปู่ช่วยชี้แนะด้วย” เจ้าโถงรีบโยนปัญหาปวดหัวนี้ไปให้เขา


 


“หืม..”


 


ตาแก่ซอมซ่อพยักหน้าพลางเหลือบมองสายตาคาดหวังของเหล่าผู้อาวุโส เขาแอบส่ายหน้าจนสุดท้ายก็สั่งกับเจ้าโถง “ให้พวกเขาอยู่กับเจ้าเถอะ คนอื่นน่ะไว้ก่อน”


————————-


TQF:บทที่ 606 หยกแกะสลักนับหมื่นรูป (3)


 


 


“หา…”


 


“อาจารย์อา…”


 


“ได้ไง ทำไมถึงให้เจ้าโถงล่ะ”


 


“งี้พวกเราก็มากันเปล่าๆปลี้ๆน่ะสิ”


 


…..


 


เหล่าผู้อาวุโสอึ้งกันไปหมด คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าโถงจะได้เปรียบขนาดนี้จริงๆ


 


เมื่อตาแก่ซอมซ่อเห็นสายตาไม่ยอมของเหล่าผู้อาวุโสแล้วก็สั่งไปอีกว่า “พอแล้ว แต่ละคนก็มีวาสนาอาจารย์ศิษย์ไม่เหมือนกัน คนอื่นฝืนไปก็เปล่าประโยชน์ ให้เขา เอ่อ ชื่ออะไรนะ”


 


“ข้าน้อยโม่อู๋เซอคารวะท่านอาจารย์ปู่….”


 


“ข้าน้อยหรงจิ้งซือคารวะท่านอาจารย์ปู่…”


 


2 สามีภรรยาไม่กล้าเสียมารยาท รีบคารวะท่านอาจารย์ปู่ที่ใหญ่โตที่สุดตรงหน้านี้


 


“เจ้าแซ่โม่?”


 


เมื่อได้ยินแซ่นี้ตาแก่ซอมซ่อก็อดถามไม่ได้ สายตาบอกอารมณ์ไม่ถูก


 


เจ้าโถงได้ยินคำถามของอาจารย์ปู่ก็เกิดความคิดแปลกประหลาดขึ้นเหมือนกัน อดนึกไปถึงเจ้าหนุ่มดื้อรั้นคนนั้นไม่ได้ เจ้าเด็กที่ชื่อโม่ซวนซุน


 


2 คนนี้แซ่โม่หมด หรือว่าพวกเขาจะ…


 


เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เจ้าโถงก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์ปู่ถึงให้ตัวเองรับ 2 สามีภรรยานี้เป็นศิษย์


 


“ใช่แล้ว ข้าน้อยโม่อู๋เซอ” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมท่านอาจารย์ปู่ถึงถามแบบนี้ แต่โม่อู๋เซอก็ตอบกลับโดยดี


 


“ดี ดี ดีจริงๆ หลังจากนี้เจ้าก็อยู่ฝึกฝนวิทยายุทธกับเจ้าโถงเถอะ”


 


ตาแก่ซอมซ่อกลับมาเป็นปกติอีกครั้งและหันไปบอกกับทุกคน “เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้วข้าไปก่อน”


 


ไม่ทันที่ทุกคนจะตอบ พริบตาเดียวตาแก่ซอมซ่อก็หายตัวไปจากโถงใหญ่


 


ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ดีที่สุดก็เป็นของเจ้าโถงแล้ว เหล่าผู้อาวุโสจะแย่งก็ไม่ได้ จึงต้องคัดเลือกลูกศิษย์ที่ดูแล้วถูกโฉลกจากเหล่าลูกศิษย์ชั้นยอดคนอื่นๆ


 


เหล่าลูกศิษย์ถูกเลือกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งโถงจึงเหลือแค่ 3 คนอาจารย์ศิษย์


 


เจ้าโถงพยักหน้าเมื่อมองลูกศิษย์ทั้ง 2 “หวี่เจ๋อ จิ้งซือ ข้ามีลูกศิษย์ทั้งหมด 3 คน ตอนนี้พวกเขาก็ออกไปฝึกฝนข้างนอกกันหมดไม่อยู่ที่นี่ พวกเจ้าเลยไม่ได้พบศิษย์พี่ทั้ง 3 หวี่เจ๋อถือเป็นลูกศิษย์คนที่ 4 ของข้า จิ้งซือคือคนที่ 5 พวกเจ้าต่างมาจากโถงวิหารสวรรค์ หลายๆเรื่องก็คงรู้กันดีอยู่แล้วข้าก็จะไม่พูดอีก”


 


“มีแค่เรื่องเดียว อาจารย์อยากให้พวกเจ้าศิษย์พี่ศิษย์น้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่าฆ่าทำร้ายกันเอง และห้ามทำเรื่องที่ทำร้ายคนในสำนักเดียวกัน เข้าใจมั้ย”


 


พูดมาถึงตรงนี้เสียงของเจ้าโถงก็เข้มขึ้น เขาอดเป็นห่วงเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะอาจารย์อาโม่ซวนซุนอาจจะเป็นลูกชายของลูกศิษย์ตัวเอง ถ้าพวกเขารู้ความจริงเข้าละก็เกรงว่าต้องแค้นเคืองเป็นแน่”


 


“อาจารย์วางใจได้ ศิษย์จะไม่ทำเรื่องที่ทรยศต่อสำนักเป็นอันขาด” โม่อู๋เซอรีบรับปากโดยไม่คิดอะไรเยอะ


 


หรงจิ้งซือก็รีบตอบกลับ “ศิษย์จะทำตามคำสั่งสอนของอาจารย์ จะไม่ทำลายคนร่วมสำนักด้วยกันเองเด็ดขาด”


 


“ดีๆ งั้นก็ดี พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ” เจ้าโถงเผยยิ้ม


 


“ขอบพระคุณอาจารย์” 2 สามีภรรยาลุกขึ้นพร้อมกัน


 


“ดี พวกเจ้าอยู่ที่ยอดเขาโถงหลักนี่แหละ อย่าเที่ยวไปไหนตามอำเภอใจ ไปอ่านหนังสือที่ถ้ำซูหยันของอาจารย์บ่อยๆ เข้าใจมั้ย”


 


“ขอรับ อาจารย์”


 


“เอาล่ะ พวกเจ้าไปได้แล้ว เด็กข้างนอกจะพาพวกเจ้าไปยังที่พัก ส่วนคนรับใช้พวกเจ้าไปเลือกเอาเองข้างนอกได้เลย”


 


“ศิษย์รับทราบ”


 


“ไปเถอะ”


 


“ศิษย์ขอลาไปก่อน”


 


2 สามีภรรยาคำนับอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินออกจากโถงใหญ่ไป เจ้าโถงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้


 


“หวังว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขานะ ไม่อย่างนั้น…”


 


พูดไปเจ้าโถงก็ส่ายหัวไป “วุ่นวายแน่ๆ ตอนนี้ข้างนอกนั่นก็ไม่สงบ มีลมอสูรโชยมา ไม่รู้ว่าเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี”


 


เจ้าโถงส่ายหน้าถอนหายใจอยู่ในโถงใหญ่ ตาแก่ซอมซ่อยืนอยู่บนยอดเขาสักยอด สายตาทะลุมิติไปจบอยู่ที่ยอดเขาสักแห่ง เขามองเห็นบ้านไผ่ที่สะอาดสะอ้านอยู่ท่ามกลางป่าไม้ไผ่ ชายหนุ่มชุดขาวราวหิมะนั่งอยู่บนพื้น มีปิ่นไม้ไผ่ประดับอยู่บนหัว ชายหนุ่มคนนั้นก้มหน้าเคลิบเคลิ้มไปกับโลกที่ตัวเองสร้างขึ้น นิ้วมือเรียวยาวได้รูปสลักรูปปั้นหยกอย่างขะมักเขม้น ท่าทางบริสุทธิ์ไม่เจือปนด้วยกิเลสตัณหาใดๆ


 


เนิ่นนานจนเขาหยุดลง ใบหน้าหล่อเหลาน่าหลงไหลเงยขึ้นเล็กน้อย มีบางอย่างวูบวาบขึ้นในแววตาที่จับไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


 


แสงแดดจากหน้าต่างไม้ไผ่ส่องเข้ามาบนตัวเขาราวกับเป็นเกราะสีทองที่ห่อหุ้มเขาไว้ เขาเงยหน้านิดหน่อยด้วยสีหน้าสงบ มือข้างหนึ่งวางไว้บนขาที่ตั้งไว้ ท่าทางงดงาม พลิกดูรูปปั้นหยกตรงหน้าพลางคลี่ยิ้มออกเหมือนกับพึงพอใจมาก


 


โต๊ะข้างๆเขามีรูปปั้นผู้หญิงแกะสลักด้วยหยกในท่วงท่าต่างๆเหมือนมีชีวิตจริง รูปปั้นเหล่านี้เสมือนจารึกทุกอิริยาบถของหญิงสาวผู้นี้ไว้ ทุกท่วงท่าและรอยยิ้ม สวยงามเกินจะเปรียบ


 


ทั้งหมดนี้ต่างอยู่ในสายตาของตาแก่ซอมซ่อกันหมด เขาพึมพำกับตัวเอง “เจ้าเด็กนี่รักนางมากเหลือเกิน ถ้าไม่หายัยหนูนี่ให้เจอคงจะไม่มีวันได้บรรลุอีก จริงๆที่อยากให้เขาลืมเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา แต่ใครจะรู้ เห้อ…”


———————-


TQF:บทที่ 607 หยกแกะสลักนับหมื่นรูป (4)


 


 


“ช่างเถอะ ทุกคนต่างมีเส้นทางของตัวเอง ข้างนอกนั่นก็ไม่สงบ ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับวิบากกรรมของโถงวิหารสวรรค์รึเปล่า”


 


“ยิ่งแก่ก็ยิ่งต้องคิดเยอะ บุญเอย บาปเอย ใต้หล้าเอย…”


 


เสียงเบาลงเรื่อยๆจนร่างของตาแก่ซอมซ่อหายไป


 


3 เดือนผ่านไปในพริบตา


 


หลังจากเวลาประมาณ 1 ปี กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนได้กระจายไปตามที่ต่างๆทั่วผืนดินฉางไห่แล้วอย่างแท้จริงในเวลาอันสั้นๆเพียงเท่านี้ ชื่อเสียงไม่น้อยหน้าไปกว่ากลุ่มทหารรับจ้างระดับ 1 อย่างกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังเลย


 


เรียกได้ว่าตอนนี้มีคนมากขึ้นเรื่อยๆที่เอากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไปเปรียบเทียบกับกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชัง ที่สำคัญคือกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่มีทีท่าว่าจะแพ้


 


ขณะเดียวกันก็มีภารกิจมาไหว้วานที่ตึกจงหยวนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดการแบ่งผลประโยชน์ไปจากสมาคมทหารรับจ้างไปมากมายโดยไม่รู้ตัว


 


แต่ละสำนักและอิทธิพลในผืนดินฉางไห่อิจฉาตาร้อนต่อผลประโยชน์ของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่กล้าทำตัวเป็นปรปักษ์อย่างเปิดเผย แต่ก็เริ่มมีบางคนลอบทำลายผลประโยชน์ของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน


 


ท่ามกลางขุนเขาที่มีระยะทางห่างจากชิงยางอีกแค่วันเดียวเท่านั้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสีหน้าขรึมจนน่ากลัวเมื่อได้รับข่าวที่แต่ละเมืองส่งมา


 


“คุณหนู ไอพวกสารเลวนี่มันชั่วจริงๆ พวกเราไปฆ่าพวกเขาให้หมดเลยดีกว่า”


 


หยูเฮงน้อยรับไม่ได้กับการถูกคนอื่นรังแก เมื่อทราบข่าวก็โมโหโทโสแทบจะพุ่งไปฆ่าเจ้าพวกนั้นซะเดี๋ยวนี้


 


ฟางซูหยุนมองหลานสาวตัวเองที่ใช้เวลาแค่ 1 ปีเท่านั้นก็ขยับขยายกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไปได้ทุกที่ แม้จะยังเป็นกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 อยู่ แต่จริงๆก็มีความสามารถระดับ 1 ตั้งนานแล้ว


 


ตอนนี้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น ที่จริงก็อยู่ในความคาดหมายหมด ไปแย่งเอาผลประโยชน์ของคนอื่นมา จะไม่ถูกอิจฉาริษยาได้อย่างไร


 


“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าจะเอายังไง”


 


ปกติแล้วฟางซูหยุนไม่ค่อยได้ยุ่งเรื่องของหลานสาว ส่วนใหญ่ก็ให้นางเป็นผู้ตัดสินใจหมด ในบางเรื่องก็แค่ชี้แนะนิดหน่อยเท่านั้น


 


“คุณหนู ฆ่าไอพวกสารเลวที่มาก่อกวนก็จบ” หยูเฮงน้อยมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น การฆ่าทิ้งเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยเรียบๆ “คนบางคนควรฆ่า แต่แค่ฆ่าทิ้งไปแก้ปัญหาอะไรไม่ได้หรอก ตอนนี้พวกเราต้องการทรัพยากรจำนวนมากให้ตึกจงหยวนแต่ละสาขาเอาไปขาย แต่ตอนนี้จะเก็บเอานิดนึงออกมา”


 


“ทำไมล่ะคุณหนู” หยูเฮงน้อยถามอย่างไม่เข้าใจ


 


“เลี้ยงคน”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเหลือบมองนาง “พวกเราต้องเลี้ยงพวกสำนักใหญ่ๆและอิทธิพลต่างๆให้อิ่ม ส่วนอิทธิพลเล็กๆพวกนั้นหากกล้าออกมาก่อกวน ก็ทำตามที่เจ้าบอก ฆ่าทิ้งไปซะ”


 


“เสี่ยวเสี่ยว วิธีของเจ้าน่ะดีก็ดีอยู่หรอก แต่เจ้าก็ต้องดูดีๆด้วย จะได้ไม่ฆ่าเยอะไปจนทำให้ทุกคนชังเรา ส่วนคนที่ต้องเลี้ยงก็ต้องระวังเหมือนกัน จะได้ไม่กลายเป็นพวกเนรคุณ” ฟางซูหยุนยังคงกังวลอยู่


 


“ท่านย่า ไม่เป็นอะไรหรอก พวกเรายังไม่เคยต้องกลัวใคร” ขนตายาวๆของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเรียงเป็นเส้นโค้งสวยงามใต้ตาของนาง นัยต์ตาใสสกาวเป็นประกาย “หลังจากที่สะสมมา 1 ปี พวกเราน่ะมีทรัพยากรไม่น้อยเลยนะ มิติยังเลื่อนขั้นได้อีก ถ้าทำให้ข้าโมโหจริงๆพวกเราก็มีพลังพอจะกวาดล้างพวกเขา ถ้าไม่เชื่อฟังก็จะตีจนกว่าจะเชื่อฟัง”


 


“ฮ่าๆๆ คุณหนูพูดถูก ตีจนพวกเขาเชื่อฟัง” หยูเฮงน้อยปรบมือชอบใจ


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเรียกผึ้งหยกออกมาจากมิติหลายร้อยตัว บอกความคิดและแผนการณ์ให้กับผู้อาวุโสเผ่าอสูรในแต่ละเมืองให้ทราบ และให้พวกเขาทำตามแผน


 


ตอนนี้นางสามารถควบคุมพฤติกรรมของบริวารได้อย่างสมบูรณ์ และไม่มีใครเดาออกว่านางอยู่ที่ไหน


 


ผึ้งหยกน้อยที่ได้รับคำสั่งรีบบินตามทิศแต่ละทิศไป พริบตาเดียวก็หายไปจนหมดเกลี้ยง


 


2 คนข้างๆเห็นท่าทางของนางก็รู้ว่านางได้สั่งลงไปแล้ว


 


“ไม่มีอะไรแล้วพวกเราเดินทางกันต่อมั้ย” หยูเฮงน้อยโยนปัญหาเมื่อกี้ทิ้งไป ไม่คิดถึงมันอีก


 


“พวกเรากลับชิงยาง หรือว่า…” จะได้กลับบ้านเมื่อหลายสิบปีก่อน สีหน้าของฟางซูหยุนแปลกๆไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่


 


“พวกผู้เฒ่าหยิงไปที่ชิงยางก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาปักหลักที่ชิงยางแล้วหรือยัง หวังว่าจะไม่ทำให้พวกเราขายหน้านะ”


 


“ผู้เฒ่าหยิงก็มีวิทยายุทธระดับจักพรรดิ์อมตะเหมือนกัน แม้จะไม่ถือว่าเป็นยอดฝีมือสำหรับชิงยาง แต่อยากจะมีที่ยืนก็ไม่น่าจะยาก” ฟางซูหยุนพูดบ้าง


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มบางๆ “ถ้าเขาไม่มีความสามารถนี้ก็น่าขายหน้าเกินไปแล้ว เชื่อว่าเขาไม่ทำให้พวกเราผิดหวังหรอก”


 


“ถ้าตาเฒ่านั่นทำให้ผิดหวังจริงๆ ครั้งหน้าจะไม่ให้เขาออกมาด้วยแล้ว” หยูเฮงน้อยหัวเราะ


 


“เอาล่ะ เลิกคุยกันได้แล้ว เราเดินทางกันต่อเถอะ”


 


รถลากสัตว์วิญญาณถูกเก็บไปแล้ว สาวสวยทั้ง 3 ค่อยๆเดินไปยังชิงยาง


 


“เจ้าหนุ่ม วันนี้เจ้าต้องตายอยู่ที่นี่จะโทษคนอื่นไม่ได้หรอกนะ ถ้าจะโทษก็โทษที่พวกเจ้ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนโอหังเกินไป”


 


เสียงด่าว่าอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้นทำให้สาวสวยทั้ง 3 หยุดฝีเท้าลงทันที


 


หยูเฮงน้อยตาเป็นประกาย “ฮูหยินฟาง คุณหนู ซ้ายมือข้างหน้านี้มียอดฝีมือ 10 กว่าคนรุมหมาป่าอสูรคนหนึ่งของกลุ่มทหารรับจ้างพวกเรา”


———————


TQF:บทที่ 608 หยกแกะสลักนับหมื่นรูป (5)


 


“กล้าไม่เบานี่…”


 


ความพยาบาทปรากฏอยู่ในแววตาเฉิงเสี่ยวเสี่ยว มีคนตั้งตัวเป็นปรปักษ์ของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของตัวเองจริงๆ คิดมาถึงตรงนี้นางก็ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “ไป เราไปดูกันสักหน่อย”


 


ร่างของทั้ง 3 หายไปและมาปรากฏในขุนเขาที่ห่างมา 3 ลี้ ด้านหน้ามีผู้ฝึกฝนวิทยายุทธมากมายราว 40 กว่าคนล้อมทหารรับจ้างที่แปลงกายมาจากหมาป่าอสูรไว้ตรงกลาง


 


พลังลมปราณของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธเหล่านี้รุนแรงมาก น่าจะอยู่ที่ระดับจักพรรดิ์อมตะหรือก้าวสู่เทพเทวา อันตรายมากจริงๆสำหรับหมาป่าอสูรที่วิทยายุทธอยู่ระดับจักพรรดิ์อมตะ


 


“ฆ่า”


 


ผู้เฒ่าชุดดำคนหนึ่งหรี่ตาลงและตะโกนขึ้น


 


“ฟิ้ว….”


 


ในขณะที่พูดอยู่ ร่างของผู้เฒ่าชุดดำก็เปลี่ยนเป็นแสงดำราวเสือร้าย ยกมีดวิเศษขึ้นสูงพร้อมกระโจนตัวขึ้น ฟาดฟันมีดของเขาไปที่ทหารรับจ้างคนนั้นอย่างดุร้าย


 


แสงจากปลายมีดสว่างไสวอย่างเย็นยะเยือก การฟาดฟันนี้มีพลังอย่างแกร่งกล้า อากาศยังสะเทือนจนส่งเสียงแหลมทิ่มแทงหูออกมา


 


“ฆ่าาาา”


 


คนอื่นๆก็ลงมือเช่นกัน ล้วนโจมตีไปยังทหารรับจ้างเผ่าอสูรคนนั้น


 


เมื่อเห็นฉากนี้หยูเฮงน้อยโมโหเป็นอย่างมาก แต่นางยังไม่ลงมือ มองดูทหารรับจ้างคนนั้นอย่างตั้งใจ


 


หลางยี่ชิงยิ้มออกมาเบาๆกับการถูกล้อมจากผู้คนเหล่านี้ เขาแสดงอิทธฤทธิ์พลิกโฉมออกมาอย่างสุดโต่งด้วยความเร็วสูง ร่างเขากระโจนออกจากวงล้อมและหายไปอย่างไร้ร่องรอย แทรกตัวเข้าไปในบรรยากาศรอบข้างปานทิวทัศน์หนึ่ง


 


“โบร๋วววว”


 


หลางยี่ชิงส่งเสียงหอนของหมาป่า มือ 2 ข้างแปลงเป็นเขี้ยวเล็บ เกิดประกายเลือดขึ้นอย่างหาร่องรอยไม่ได้ ราวกับสายฟ้าสีเลือดที่จู่ๆก็ปรากฏกลางอากาศ วินาทีต่อมาก็เสมือนเทวดาที่ลงมาจากสวรรค์ ใช้อุ้งเล็บของเขากันอาวุธวิเศษของอีกฝ่ายไว้ได้


 


“ตังๆๆ”


 


เสียงปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นกลางอากาศอย่างแปลกประหลาด ขณะเดียวกันก็มีฝนเลือดตกลงมา คนไม่น้อยบาดเจ็บด้วยอุ้งเล็บของเขา


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าอย่างพอใจ ท่าทางกลุ่มทหารรับจ้างของเผ่าหมาป่ามีความสามารถใช้ได้ ยังคงใจเย็นได้ในสถานการณ์เช่นนี้ แล้วยังโจมตีอย่างมีหลักการ


 


ขณะต่อมาร่างของเขาก็ปรากฏต่อหน้าผู้เฒ่าชุดดำ อุ้งเล็บสีทองพุ่งออกมาปะทะเข้ากับมีดที่ผู้เฒ่าชุดดำฟาดฟันออกมาด้วยความโกรธเคืองอย่างรุนแรง


 


“ตังงง”


 


ประกายไฟปลิวว่อน พลังเซียนอันแรงกล้า 2 แรงพุ่งออกมาราวคลื่นทะเล กระฉ่อนไปทั่วทุกทิศ


 


“เจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดา ใครกัน ทำไมถึงฝึกฝนจนได้อุ้งเล็บที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาได้” ผู้เฒ่าชุดดำตกตะลึงมากที่เห็นอีกฝ่ายป้องกันมีดของตัวเองได้


 


ที่สำคัญคืออุ้งเล็บของเขาสามารถป้องกันอาวุธวิเศษของเขาได้ที่ทำให้เขาตกใจ เรียกได้ว่าตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก อย่างไรซะเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่อายุประมาณ 20 กว่าตรงหน้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้


 


อีกฝ่ายเป็นแค่จักพรรดิ์อมตะนี่นา ส่วนตัวเองเป็นถึงก้าวสู่เทพเทวา ผู้เฒ่าชุดดำมองหลางยี่ชิงอย่างโกรธแค้น คำรามลั่น “เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ฆ๋ามัน ฆ่ามันเดี๋ยวนี้”


 


เหล่าผู้คนที่ได้รับคำสั่งพุ่งเข้าไปอีกครั้ง พลังเซียนปกคลุมไปทั่่วฟ้าดินจนปิดกั้นแถบนี้ไปหมด ต้องการให้หมาป่าอสูรตายอยู่ที่นี่ให้ได้


 


“บังอาจ…”


 


เสียงคำรามเย็นยะเยือกดังขึ้น หยูเฮงน้อยทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว นางมาอยู่เหนือหัวพวกเขาราวกับดาวตก ในมือนางมีพัดรูปร่างประหลาดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่จู่ๆก็ใหญ่ขึ้น พัดไปยังผู้คนเหล่านั้นอย่างรุนแรง


 


ตู้มมม


 


พลังเซียนอันท่วมท้นกวาดไปยังทุกคน เหล่าคนที่มารุมล้อมทำร้ายถูกทำให้บาดเจ็บโดยพลังเซียนนี้กันหมด แต่ละคนกระเด็นไปข้างหลังอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ กระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างจังจนกระอักเลือดออกมา


 


“เจ้าเป็นใคร….” ผู้เฒ่าชุดดำก็เกือบจะสะเทือนจนกระอักเลือดออกมาเหมือนกันตกตะลึงกับเด็กสาวที่จู่ๆก็โผล่ออกมา


 


“เฮอะ…”


 


หยูเฮงน้อยฮึ่มเสียงเย็นด้วยความมุ่งร้าย ชี้พัดเล็กๆไปที่เขา “ตาแก่สารเลวที่ไม่ยอมตายสักที เจ้าอยู่จนเบื่อแล้วใช่มั้ย คนของข้ายังกล้ามาทำร้ายอีกเหรอ เดี๋ยวข้าจะสับเจ้าให้เละเป็นโจ๊กเลยดีมั้ย”


 


“เจ้า..” ผู้เฒ่าชุดดำโกรธจนหน้าเปลี่ยน ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นสำนักมารของพวกเขา แต่ยัยเด็กตรงหน้านี่กลับโอหังได้ขนาดนี้ น่าโมโหเสียจริง


 


ขณะนี้หลางยี่ชิงก็ได้สติแล้ว เมื่อเห็นคนตรงหน้าก็มีสีหน้าดีใจ รีบคุกเข่าลงพลางกล่าวอย่างนอบน้อมที่สุด “ข้าน้อยหลางยี่ชิงคารวะผู้คุมหยูเฮง”


 


“ลุกขึ้น”


 


หยูเฮงน้อยคุยอย่างอัธยาศัยดีกับหมาป่าเขียวตรงหน้า นางถามยิ้มๆ “ยี่ชิง พวกเขาเป็นใครกัน ทำไมต้องมาฆ่าเจ้าด้วย”


 


“พวกเราถูกผู้เฒ่าหยิงส่งมาให้ตรวจทาง กำลังจะกลับชิงยาง แต่ถูกพวกเขาสกัดเอาไว้ ได้ข่าวว่าคนของสำนักมารอย่างพวกเขาจะคอยดักฆ่าสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของพวกเราโดยเฉพาะ”


 


“เรื่องนี้จริงรึ” พอเฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้ยินก็โกรธเคืองอย่างมาก ตาเป็นประกายเยือกเย็น นางปรากฏตัวออกมาพร้อมกับเสียงเย็นยะเยือกที่แฝงไว้ด้วยความพยาบาท สะเทือนไปทั่วทุกทิศ


 


การปรากฏตัวของนางทำให้หมาป่าสีเขียวดีใจยิ่งขึ้นไปอีก คุกเข่าคำนับอีกครั้ง “ข้าน้อยคารวะนายท่าน…”


 


“ยี่ชิงลุกขึ้น” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าเบาๆให้เขา สายตาเย็นยะเยือกมองไปยังหลายสิบคนตรงหน้าก่อนจะแสยะยิ้มออกมา “กล้ารังแกคนของพวกเรากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนรึ ดักฆ่าพวกเรางั้นรึ ถ้าวันนี้ไม่บอกเหตุผลดีๆมาพวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกจากที่นี่”


 


“จะฆ่าก็ฆ่า อย่างกับพวกเราจะกลัวพวกเจ้า พวกเจ้ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมีแต่ตัวประหลาดที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนกัน สมควรตาย”


 


ผู้เฒ่าสีดำตะโกนขึ้นอย่างกับผดุงคุณธรรม แต่ความตกใจในแววตาเปิดเผยความกลัวในใจเขา เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าจะเจอคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนที่นี่


 


“ดี ดีมาก”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ ความสั่นไหวในจิตใจเขาเมื่อกี้ก็ทำให้นางรู้แล้วว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่


 


คนของสำนักมารลงมือกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็เพื่อไม่ให้กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนปักหลักที่ชิงยางได้ ขณะเดียวกันก็อยากจะแย่งชิงทรัพยากรของตึกจงหยวน


 


ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าขนาดนี้แต่ยังกล้าทำหน้าเหมือนผู้มีคุณธรรม คนแบบนี้จะเก็บไว้ต่อเพื่ออะไร


 


ความต้องการฆ่าได้เกิดขึ้นแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่เสียเวลาคุยกับพวกเขาอีกต่อไป มุมปากเอียงขึ้นเบาๆเกิดเป็นเส้นโค้งอันน่าขนลุก รอยยิ้มที่เยือกเย็นอย่างถึงที่สุด


 


“ฟิ้วๆๆ”


 


มือคู่งามตวัดเบาๆก็มีแสงสีทองคืบคลายไปยังเหล่าลูกศิษย์สำนักมารรอบๆ


 


“อ๊ากก”


 


“โอ๊ยยย”


 


“เอื้อออ”


 


ลูกศิษย์ของสำนักมารเปล่งออกมาเพียงเสียงเดียวเท่านั้นก็เกิดรูเลือดบนคอพวกเขา ดวงโตเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ 2 มืออุดคอตัวเองไว้แน่น


 


“เพล้งๆๆๆๆ”


 


ร่างกำยำของเหล่าลูกศิษย์สำนักมารล้มลงไปอย่างแรงบนพื้นจนผงดินคละคลุ้งไปทั่ว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม