ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ 596-598.3

ตอนที่ 596 ผู้ใดจะฉลาดยิ่งกว่าเจ้า

 

รู้ทั้งรู้ว่าเยวี่ยหยาเอ๋อร์จำตนเองไม่ได้ แต่เขาก็ยังอดก้มหน้าโดยไม่รู้ตัวอยู่ดี กลั้นลมหายใจ ไม่กล้าพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ  


 


 


ข่านใหญ่ผงกศีรษะเบาๆ สายตากวดามองทุกคน ปราศจากการหยุดยั้งแม้แต่น้อย นางยิ้มแย้มพลางโบกมือให้ราษฎรที่อยู่ข้างหน้า ชาวทูเจวี๋ยโห่ร้องกระโดดโลดเต้น อาการเหมือนใกล้เสียสติ 


 


 


อยู่ใกล้มาก หลินหว่านหรงรับรู้ได้กระทั่งเสียงหัวใจเต้นอันสงบนิ่งเป็นธรรมชาติของเยวี่ยหยาเอ๋อร์ ปราศจากการกระเพื่อมไหวใดๆ ราวกับน้ำในทะเลสาบซึ่งอยู่ในส่วนลึกของทุ่งหญ้า 


 


 


อยู่ใกล้แค่คืบ ทว่าเหมือนดั่งอยู่สุดขอบฟ้า ยากจะพรรณนาออกมาได้ 


 


 


จวบจนเงาร่างของข่านใหญ่ค่อยๆ หายลับไปในฝูงชนที่อยู่ไกลออกไป เขาถึงพ่นลมหายใจยาวออกมาราวกับปลดภาระอันหนักอึ้งออกไป เกาฉิวส่ายหน้า แล้วเอ่ยด้วยความสงสัย “แปลกจัง เยวี่ยหยาเอ๋อร์ลืมพวกเราจริงๆ หรือ? โดนของแล้ว!” 


 


 


“โดนของอะไรเล่า? ลืมแล้วไม่ดีหรอกหรือ” หลินหว่านหรงหัวเราะ “หรือว่าท่านยังอยากให้นางนำทหารมาจับตัวข้า?!” 


 


 


อวี้เจียพาข่านน้อยเดินอย่างแช่มช้าไปตลอดทาง เมื่อพบคนในเผ่าก็จะหยุดอยู่ครู่หนึ่ง สนทนากับพวกมันสักหลายประโยค แม้การแข่งขันชิงแพะจะหยุดแข่ง แต่บรรยากาศกลับมีแต่เพิ่มพูนไม่ได้ลดทอนลงไปเลย ถูสั่วจั่วติดตามอยู่ข้างหลังคนทั้งสอง คุ้มกันตลอดเส้นทาง กลับทำหน้าที่อย่างเต็มที่ 


 


 


จวบจนอวี้เจียจูงข่านน้อยกลับขึ้นไปบนปะรำพิธี บรรยากาศอันแสนจะคึกคักบนทุ่งหญ้าถึงค่อยๆ สงบลง ชาวทูเจวี๋ยสุมหัวกระซิบกระซาบกันด้วยความตื่นเต้นสิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์ยังไม่ใช่ท่านข่านน้อยผู้เป็นมิตรใกล้ชิดสนิทสนมอีกหรือ ได้รับการสนับสนุนจากราษฎร การกระทำครั้งนี้ อวี้เจียแทบจะไม่ได้ออกแรงก็คลี่คลายการบีบคั้นจากอ๋องขวาได้แล้ว 


 


 


เมื่อเห็นราษฎรทูเจวี๋ยซึ่งตื่นเต้นยินดีเป็นล้นพ้นเพราะได้รับเสด็จท่านข่านเหล่านั้น สถานะของพี่น้องอวี้เจียภายในใจชาวทูเจวี๋ยเห็นเป็นที่ประจักษ์ หลังจากพ่ายแพ้ต่อเนื่องหลายครั้ง สีหน้าของถูสั่วจั่วก็ออกจะย่ำแย่อยู่บ้าง 


 


 


มันเงียบงันอยู่นาน ในที่สุดก็ออกมาอีกครั้ง ก้าวไปยังกึ่งกลางทุ่งหญ้า ใช้มือเดียวแนบหน้าอก พูดเสียงดังออกมาว่า “ทูลท่านข่านใหญ่ บัดนี้การแข่งขันชิงแพะจะดำเนินต่อไปอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?!” 


 


 


เสียงของมันราวกับระฆังใหญ่ เข้าสู่ใบหูของทุกคนบนทุ่งหญ้า ชาวทูเจวี๋ยจึงกลั้นลมหายใจอีกครา คอยฟังวาจาของท่านข่าน 


 


 


หูปู้กุยหัวเราะฮิฮะ พูดเสียงกดต่ำ “เจ้าหนุ่มถูสั่วจั่วคนนี้ถูกอวี้เจียเล่นงานเข้าแล้ว ตอนนี้รู้จักทำตัวว่าง่าย ไม่กล้าบีบให้นางเข้าร่วมการเลือกคู่แล้ว“ 


 


 


“ก็ไม่แน่!” หลินหว่านหรงส่ายหน้ากล่าวเสียงทุ้มหนัก “คนอย่างถูสั่วจั่วนี้ ตอนที่มันเห่าหอนอย่างบ้าคลั่งกลับปลอดภัย เมื่อมันเงียบเข้าจริง นั่นหมายความว่าอันตรายมาถึงแล้ว ข้าคิดว่าอวี้เจียไม่มีทางไม่รู้สึก” 


 


 


หลังผ้าม่านโปร่งสีเหลืองทองเงียบงันไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด ขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยด้วยความกระวนกระวาย ทันใดนั้นก็มีเสียงเยาว์วัยกระจ่างชัดของข่านน้อยลอยออกมา “อ๋องขวารอสักครู่” 


 


 


รอสักครู่? รออะไร? นี่ไม่ใช่แค่ถูสั่วจั่วจะไม่เข้าใจ แต่เป็นความสงสัยของทุกคนด้วยเช่นกัน 


 


 


ใต้ปะรำพิธียาวพลันมีสาวน้อยทูเจวี๋ยซึ่งสวมชุดหรูหราจำนวนนับไม่ถ้วนกรูออกมา พวกนางร่วมแรงกันยกพรมสีแดงขนาดยักษ์ผืนหนึ่ง ค่อยๆ เคลื่อนที่มาเบื้องหน้า บนพรมใช้ผ้าไหมสีทองคลุมอยู่ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าข้างใต้ซุกซ่อนด้วยสิ่งใด  


 


 


ขณะที่หลินหว่านหรงกำลังมองอย่างสงสัย เหล่าสาวน้อยทูเจวี๋ยกลับหยุดชะงัก 


 


 


“ปู๊น!” เสียงแตรสัญญาณสั้นและกระชั้นดังขึ้น บริเวณกึ่งกลางผ้าไหมสีเหลืองพลันนูนขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็มีเสียงตึงดังขึ้นมาคราหนึ่ง กลองหนังแพะสะเทือนเลื่อนลั่นกระแทกจิตใจทุกคนประดุจอสุนีบาตยามวสันต์ บริเวณกึ่งกลางทุ่งหญ้ามีขาตั้งไม้ขนาดยักษ์ค่อยๆ ขยับขึ้นมา กึ่งกลางขาตั้งไม้นั้นวางดาบโค้งอย่างงามสง่าอยู่หนึ่งเล่ม งดงามประณีตสูงค่า เปล่งประกายสีทองสะดุดตาใต้แสงตะวัน 


 


 


“เป็นดาบทองของอวี้เจีย!” เกาฉิวตกใจ 


 


 


พูดยังไม่ทันขาดคำก็เห็นผ้าไหมสีทองที่อยู่กึ่งกลางนั้นถูกดึงขึ้นอย่างแช่มช้า สิ่งที่ปรากฏให้เห็นแรกสุดก็คือแขนงามที่ชูขึ้นสูงข้างหนึ่ง นิ้วมือเรียวยาวบัดเดี๋ยวหุบบัดเดี๋ยวชู เปลี่ยนแปลงไปมาไม่หยุด ราวกับมยุราผู้หยิ่งผยองซึ่งกำลังแหงนหน้าร่ายรำให้ท้องฟ้าตัวหนึ่ง เล็บมือสีทองเปล่งประกายเจิดจรัสถายใต้แสงอาทิตย์  


 


 


เสียงกลองเร็วรี่ ผ้าไหมสีทองถูกดึงออกไป มีแต่สีแดงเพลิงและสีทองอยู่เต็มไปหมด สตรีนางหนึ่งกระโดดขึ้นอย่างเร็วรี่ เรือนร่างอันน่าลุ่มหลงกรีดเป็นตัวอักษร “大” งดงามกลางอากาศ ราวกับเทพธิดาฉางเอ๋อที่เหินร่างลงมาจากฟากฟ้าสุราลัย ท่วงท่าอันงดงามนั้นอ่อนนุ่มนิ่มอรชรอ้อนแอ้น พุ่งกระโดดขยับหมุน ระหว่างร่ายรำบางคราก็จำแลงร่างเป็นนกยูงผู้หยิ่งผยอง บางคราก็เป็นดอกนุ่นที่ผลิบานเต็มที่ สำแดงความยวนเย้าพราวเสน่ห์และเปี่ยมล้นด้วยความรักของสาวน้อยแห่งทุ่งหญ้าออกมาจนหมดสิ้น สาวน้อยทูเจวี๋ยจำนวนนับไม่ถ้วนร่ายรำอยู่รอบกายนาง เปล่งเสียงขับขาน เพลงรักก้องกังวานกระจ่างใสแพร่ไปทั่วทุ่งหญ้า 


 


 


ทุกคนต่างมองอย่างเหม่อลอย ไม่ว่าจะเป็นชาวทูเจวี๋ยหรือว่าชาวต้าหัว น้ำลายของเหล่าเกาไหลหยดลงแหมะๆ 


 


 


ครั้งแรกที่เห็นอวี้เจียร่ายรำ กลับเป็นเหตุการณ์เช่นนี้ สวรรค์ช่างเล่นตลกเสียจริง! หลินหว่านหรงส่ายหน้าอับจนในถ้อยคำ 


 


 


ท่ามกลองเสียงกลองอันกึกก้อง เยวี่ยหยาเอ๋อร์พลันหยุดท่าร่างอันงดงาม นัยน์ตางามพิลาสเปล่งประกายเย็นเยียบ กุมดาบทองที่อยู่บนขาตั้งไม้พร้อมออกแรงเล็กน้อย ขาตั้งไม้ขนาดยักษ์นั้นค่อยๆ ยกขึ้น ดาบโค้งสีทองพลันลอยขึ้นสูง กลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคน 


 


 


“เฮ!” ชาวทูเจวี๋ยซึ่งเหมือนพึ่งตื่นจากห้วงแห่งความฝันระเบิดเสียงโห่ร้องยินดีดังเสียงอสุนีบาต พวกมันกวัดแกว่งดาบม้าขึ้นสูง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น แม้แต่ทูเจวี๋ยอ๋องขวาผู้เงียบงันก็ยังชูแขนกู่ร้องเสียงดังด้วยความยินดี ส่งเสียงคำรามไม่หยุด ความบึ้งตึงบนใบหน้าปลาสนาการไปสิ้นตั้งแต่แรก 


 


 


ข่านใหญ่ทูเจวี๋ยจะชิงแพะเลือกคู่แล้ว! 


 


 


ดาบทองซึ่งแขวนอยู่บนที่สูงกลางทุ่งหญ้าเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกสิ่งแล้ว 


 


 


หลินหว่านหรงถอนหายใจยาว ทว่าในใจกลับชื่นชมอย่างยิ่งยวด นี่คือสตรีที่ชาญฉลาดกอปรด้วยสติปัญญาอย่างแท้จริง การแสดงที่นางแสดงต่อหน้าชาวทูเจวี๋ยวันนี้ อาจพูดได้ว่านางใช้ฝีมือทั้งสองด้านออกมาจนหมดสิ้น 


 


 


แข็งกร้าวดึงดันละดูแคลนต่อหน้าอ๋องขวา สูงส่งทว่าอ่อนโยนต่อหน้าประชาชี เชื่อว่าชาวทูเจวี๋ยที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ใดที่จะลืมเลือนนาง อ๋องซ้ายอ๋องขวาอะไรที่ว่า ช่วงเวลานี้ล้วนถูกเปรียบเทียบให้ด้อยค่าลงไป 


 


 


สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกเหนือความคาดหมายมากที่สุดกลับเป็นการออกทัพพิสดารอย่างกะทันหันของนาง แขวนดาบทอง ชิงแพะเลือกคู่ 


 


 


ไม้นี้เกรงว่าตัวของถูสั่วจั่วซึ่งได้รับความกระทบกระเทือนก็ยังคาดไม่ถึง เห็นชัดว่าข่านใหญ่ทูเจวี๋ยรู้สถานการณ์รอบตัวเป็นอย่างดี ขณะที่ไม่อาจผิดใจกับถูสั่วจั่ว การใช้ไม้แข็งและเพิ่มความหวานชื่นหลังจากนั้นของนาง ไม่เพียงได้ชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ต่อหน้าคนในเผ่าเท่านั้น ยังยิ่งสลายความเคียดแค้นของอ๋องขวาให้สลายไปอีกด้วย 


 


 


“ดาบทองออกมาแล้ว อวี้เจียจะชิงแพะเลือกคู่แล้ว!” เหล่าหูเงียบงันอยู่ครึ่งค่อนวัน มองแม่ทัพหลินอย่างระแวดระวังหลายคราพร้อมพูดกดเสียงต่ำ 


 


 


เหล่าเกายิ่งส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง “อวี้เจียทำอะไรน่ะ สู้การใช้อำนาจบีบเค้นของถูสั่วจั่วไม่ได้เลยนะ! ครานี้ดีเลย ได้เปรียบเจ้าหน้าขาวทูเจวี๋ยนั่นแล้ว” 


 


 


หลินหว่านหรงตบบ่าเหล่าเกาพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าในน้ำเต้าอวี้เจียขายยาอะไร แต่ข้ามั่นใจว่าถูสั่วจั่วไม่มีทางได้เปรียบโดยง่ายแน่นอน หากเอ่ยถึงความฉลาด มันกับเยวี่ยหยาเอ๋อร์ห่างกันถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นลี้” 


 


 


เกาฉิวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อันที่จริงข้าก็รู้สึกเช่นนี้มาตลอด เยวี่ยหยาเอ๋อร์กับน้องหลินถึงจะเหมาะสมกันที่สุด ไม่ใช่แค่สถานะ ความฉลาดและสติปัญญาเท่านั้น แม้แต่ฝีมือในการเล่นละคร สีหน้าท่าทางในการพูดจา…ดู ดู ท่าทางที่เจ้าถลึงตามองข้ากับท่าทางที่อวี้เจียถลึงตามองเจ้าราวกับพิมพ์เดียวกัน น้องหลินลองพิจารณาข้อเสนอของข้าสักหน่อย ใช้เสน่ห์ของเจ้าแพร่พันธุ์ รวบรวมทุ่งหญ้าให้เป็นหนึ่งเดียวเถอะ!“ 


 


 


ไอ้เจ้านี่! เยวี่ยหยาเอ๋อร์มองข้ากับข้ามองเจ้า นั่นมันเป็นสายตาแบบเดียวกันหรือ? เจ้าคนนี้กลับคิดแต่เรื่องเบื้องต่ำอยู่ตลอดเวลา หลินหว่านหรงใบหน้าเผยรอยยิ้ม อดส่ายหน้าไม่ได้ 


 


 


หูปู้กุยกล่าวด้วยความรู้สึกทอดถอนใจยิ่ง “วิธีของเหล่าเกาแม้จะสกปรกไปบ้าง แต่ท่านแม่ทัพ โปรดอภัยที่ข้าน้อยกล่าวตามตรง สองวันนี้ไม่เห็นท่านหัวเราะเลยขอรับ!“ 


 


 


“อย่างนั้นหรือ?” หลินหว่านหรงเบิกตากว้าง ผงกศีรษะแล้วเอ่ยว่า “นั่นอาจเพราะช่วงหลายวันก่อนหัวเราะมากเกินไป หนังหน้าตึง พักฟื้นสองวันก็หายแล้ว” 


 


 


เหล่าเกาแอบถุยคราหนึ่ง ต่อให้ฉางเฉิง[1]ถล่ม หนังหน้าเจ้าก็ไม่มีทางตึงหรอก! 


 


 


ถูสั่วจั่วที่อยู่ทางนั้นครั้นเห็นอวี้เจียถือดาบทองออกมา แสดงให้เห็นว่าต้องการเข้าร่วมเลือกคู่ มันก็ยินดีเป็นล้นพ้นทันที รีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ควักดาบเงินออกมาจากอกแล้วชูขึ้นเหนือศีรษะ ส่งมอบถึงหน้าท่านข่านใหญ่ 


 


 


นี่คือกฎของชาวทูเจวี๋ย การมอบดาบเงินแสดงว่าอ๋องขวาดาบเงินเข้าร่วมชิงแพะเลือกคู่ก็เพื่อท่านข่านใหญ่ดาบทอง ต่อให้สาวน้อยที่มาเลือกคู่คนอื่นถูกใจอ๋องขวาก็ต้องเดินอ้อมจากไป เพื่อแสดงความจริงใจของถูสั่วจั่ว 


 


 


อวี้เจียยิ้มแย้มพลางผงกศีรษะ แสดงว่ายอมรับให้อ๋องขวาเป็นผู้ที่ต้องการไขว่คว้าตนเอง มีสาวน้อยทูเจวี๋ยรับดาบเงินของถูสั่วจั่วไปแล้ว แม้สถานะของอ๋องขวาจะสูงส่ง แต่เมื่ออยู่เบื้องหน้าดาบทองกลับต่างกันยิ่งนัก 


 


 


ดาบเงินเล่มนั้นวางอยู่ข้างโต๊ะไม้ 


 


 


เมื่อมีถูสั่วจั่วเป็นตัวอย่าง ดินแดนใหญ่ซึ่งมีความกล้าอีกหลายดินแดนจึงกรูกันเข้ามาแสดงจิตใจอันเทิดทูนต่อท่านข่านใหญ่ของพวกมันด้วยเช่นกัน แสดงเจตนาว่าจะเป็นผู้ที่ต้องการไขว่คว้านาง ข่านใหญ่ต่างน้อมรับทีละคน 


 


 


อ๋องขวามั่นใจต่อกำลังของตนเองมาก มันเชิดหน้ามองอยู่ด้านข้างพลางยิ้มแย้ม ไม่เอื้อนเอ่ยวาจา 


 


 


เหล่าเกาเบิกตาโตพร้อมพูดว่า “สมกับคำว่าดรุณแช่มช้อยงดงาม วิญญูชนต่างไขว่คว้าเสียจริง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นข่านหญิงผู้แสนจะงดงามเช่นนี้อีก เหล่าหู พวกเราจะไปแสดงความในใจบ้างหรือไม่?!” 


 


 


“นี่ไม่ต้องกระมัง” หูปู้กุยมองหลินหว่านหรงแวบหนึ่ง หัวเราะพร้อมเอ่ยว่า “หากไปแสดงความจริงใจก็หมายความว่านอกจากข่านใหญ่ดาบทองก็ไม่อาจวิวาห์เชื่อมสัมพันธ์กับดินแดนอื่นได้อีก เพียงแต่พวกมันยังร่วมแข่งกับพวกเราได้ ยิ่งไปกว่านั้น ข่านใหญ่ไม่จำเป็นต้องชอบผู้กล้าจากดินแดนใหญ่ทั้งหลายเหล่านี้ ไม่แน่ว่าผู้ชนะคราวนี้อาจเป็นดินแดนเล็กก็ได้” 


 


 


หลินหว่านหรงกล่าวเสียงทุ้มหนัก “พี่หู พี่เกา พวกท่านจำคำของข้าเอาไว้ เป้าหมายคือการเข้าเมือง ไม่ใช่ชิงที่หนึ่ง! อันดับยิ่งสูง ผู้ที่จับจ้องพวกเขาก็ยิ่งมาก ความเป็นไปได้ที่จะเผยตัวก็มากขึ้นด้วย พวกเราเพียงสู้ชนะสามรอบ มีคุณสมบัติในการเข้าเมืองก็พอแล้ว ไม่ต้องสู้เพิ่มอีกรอบ!” 


 


 


“ตกลง!” ทั้งสองตอบพร้อมกัน 


 


 


ขณะที่สนทนา ถูสั่วจั่วก็ถอยออกไปเปลี่ยนชุดตั้งแต่แรกแล้ว ชาวทูเจวี๋ยปิดหน้าชิงแพะก็เพื่อความยุติธรรม อ๋องขวาปิดบังใบหน้าก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันหลบซ่อนอยู่ที่ใดแล้ว 


 


 


คราวนี้กลับถึงตาหลินหว่านหรงกังวลบ้าง คนปิดบังใบหน้าเต็มไปหมด แล้วใครจะรู้ว่าถูสั่วจั่วอยู่ที่ไหน? แล้วใครจะรู้ว่ามันจะโผล่มาตอนไหนอีก? มีแค่ลงสนามรบเพื่อชิงแพะเท่านั้นถึงจะแยกแยะเงาร่างมันออก แต่ถึงเวลาจดจำมันได้ บางทีอาจสายไปแล้ว นี่คือการแข่งขันสู้ตะลุมบอนบวกการคัดออก แพ้รอบหนึ่งก็เท่ากับงานล่มก่อนที่จะสำเร็จ 


 


 


ครุ่นคิดอยู่นาน ทันใดนั้นเขาก็กัดฟันกรอดแล้วเอ่ยว่า “พี่หู ท่านไปจับสลาก พวกเราไปสู้กันอีกรอบหนึ่ง ทันที เดี๋ยวนี้!” 


 


 


เหล่าหูตกใจ “ท่านแม่ทัพ เหตุใดถึงไม่รอให้ถูสั่วจั่วออกโรงไปแล้วค่อยเข้าร่วมขอรับ? แบบนั้นจะได้หลบเลี่ยงมันได้!” 


 


 


หลินหว่านหรงส่ายหน้าด้วยท่าทีเคร่งขรึม ชี้ไปยังผู้กล้าที่ปิดบังหน้าตานับพันบนสนาม “พี่หู ข้าพูดด้วยความมั่นใจได้ว่าคนจำนวนสิบในสิบในสนามห่งนี้ต่างมีความคิดเช่นเดียวกับท่าน ทุกคนต่างรอให้ถูสั่วจั่วออกโรง หวังว่าจะหลีกเลี่ยงมัน ท่านว่าถึงเวลาจะเป็นเช่นไร?” 


 


 


หูปู้กุยคิดแล้วคิดอีก พลันตระหนักขึ้นมาในทันที ทุกคนต่างคิดจะหลีกเลี่ยงอ๋องขวา ถึงเวลาดินแดนนับร้อยต่างเบียดเสียดกันไปที่ไม้ท่อนเดียว หากไม่เข่นฆ่าจนคนพลิกหงายตกจากหลังม้า คมดาบปรากฏโลหิต ย่อมไม่มีวันเลิกราแน่นอน หากเช่นนั้นกลับจะอันตรายมากที่สุด 


 


 


“ถูสั่วจั่วหาใช่คนหุนหันพลันแล่น มันเริ่มออกรบตั้งแต่อายุสิบสาม รบครั้งน้อยใหญ่มานับไม่ถ้วน ช่วงเวลาที่ข่านใหญ่ทูเจวี๋ยต้องการเข้าร่วมงานชิงแพะเลือกคู่ ทุกคนต่างมีจิตใจตื่นเต้นคึกคัก ข้าว่ามันไม่มีทางลงสนามด้วยความหุนหัน อย่างน้อยก็ต้องดูลาดเลาสักรอบหนึ่งก่อน ดังนั้นการเป็นฝ่ายลงมือก่อนกลับเสี่ยงน้อยที่สุด พี่หู ท่านไปเร็ว!” 


 


 


ช่วงเวลาสำคัญไม่อาจลังเลแม้แต่น้อย เหล่าหูพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ครู่หนึ่งก็จับสลากกลับมา ครานี้ไม่ใช่กลุ่มเป็ดแล้ว ชื่อน่าฟังมาก เรียกว่าอีลี่ซา 


 


 


อีลี่ซา? นั่นมันไม่ใช่ดอกกุหลาบหรอกหรือ? หลินหว่านหรงรู้สึกขบขันอยู่บ้าง พลันนึกถึงสิ่งที่เยวี่ยหยาเอ๋อร์พูดในค่ำคืนนั้น ช่วงนี้คือฤดูที่อีลี่ซาเบ่งบานเต็มที่บนทุ่งหญ้าพอดี นางเป็นข่านใหญ่ การเก็บรวบรวมดอกกุหลาบนับหมื่นดอกเพื่อให้ได้ความสุขน่าจะเป็นเรื่องง่ายดายกระมัง 


 


 


ยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้น ดึงผ้าคลุมหน้าลงมา เหลือบมองไปโดยไม่เจตนา เห็นเพียงว่าข้างกายข่านใหญ่ทูเจวี๋ยผู้นั้นมีอีลี่ซาช่อมหึมาอยู่ สีแดงสดสะดุดตา งดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้  


 


 


เขาตะลึงงัน เมื่อเห็นคนที่กอดช่อดอกไม้ซึ่งกำลังยืนข้างกายอวี้เจียกลับอดหัวเราะพรวดออกมาไม่ได้ แม้จะปิดบังใบหน้า แต่เขาก็ยังมองออกเพียงปราดเดียวอยู่ดี นั่นก็คืออ๋องขวาถูสั่วจั่วแห่งทูเจวี๋ย ข้าก็ว่าทำไมหามันไม่เจอ ที่แท้เจ้าหนุ่มนี่ก็วิ่งแจ้นไปมอบดอกไม้ให้อวี้เจียนี่เอง ครานี้ก็วางใจได้แล้ว 


 


 


“งานชิงแพะเริ่มต่อไปได้ ขอเชิญท่านข่านน้อยเสด็จตัดเชือก” เสียงของนักบวชทูเจวี๋ยดังแว่วมาแต่ไกล 


 


 


ซ่าเอ่อร์มู่ยืนขึ้น ขณะกำลังจะเดินขึ้นบนเวทีสูง เยวี่ยหยาเอ๋อร์ก็ผลักดอกไม้ของอ๋องขวาออกไป ดึงซ่าเอ่อร์มู่ไว้แล้วกระซิบข้างใบหูเขาเบาๆ หลายประโยค  


 


 


ข่านน้อยรีบหยุดฝีเท้าพร้อมผงกศีรษะเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบคันศรโค้งสีทองมาหนึ่งคัน คันศรมีขนาดไม่ใหญ่โต แต่แทบจะบังตัวเขาจนหมด  


 


 


ทำตามคำสั่งของพี่สาว ลูกเกาทัณฑ์สีทองพาดบนสาย ซ่าเอ่อร์มู่แม้จะมีอายุเยาว์ ทว่าพละกำลังกลับมากยิ่งนัก น้าวคันศรอย่างเต็มที่ เสียงดังพรึบคราหนึ่ง เกาทัณฑ์สีทองกรีดนภาออกไปพร้อมเสียงหวีดหวิว 


 


 


ฉึก! ถูกกึ่งกลางเชือกพอดี ร่างแพะซึ่งมีน้ำหยดร่วงลงในบัดดล  


 


 


ชนเผ่านอกด่านที่มีอยู่เนืองแน่นต่างนิ่งอึ้งกันก่อน จากนั้นก็โห่ร้องยินดีดั่งสนั่น การกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีอย่างรุนแรงทำให้สวรรค์ยังต้องถล่มลงมา 


 


 


อวี้เจียเอยอวี้เจีย ผู้ใดจะฉลาดยิ่งกว่าเจ้าอีก?! 


 


 


ไม่ทันแม้แต่จะทอดถอนใจ ม้าเร็วที่อยู่ใต้ร่างเขาก็พุ่งปราดออกไปราวกับเกาทัณฑ์แล้ว! 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


[1] ฉางเฉิง หมายถึง กำแพงเมืองจีน  

 

 


ตอนที่ 597 - 1 นางจะทำอะไร?

 

เสียงลมดังหวีดหวิวอยู่ข้างใบหู ทั่วทั้งสนามมีแต่เสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็นฮิสทีเรีย (โรคฮิสทีเรียเป็นอาการของคนที่ชอบเรียกร้องความสนใจ จัดเป็นโรคบุคลิกภาพแปรปรวนอันเป็นผลมาจากความผิดปกติของสุขภาพจิตใจ ไม่ใช่โรคขาดผู้ชายไม่ได้อย่างที่เข้าใจกัน) ของชาวทูเจวี๋ย หลินหว่านหรงฟังไม่ออกเลยว่าพวกมันกำลังตะโกนว่าอะไร 


 


 


อวี้เจียจับมือซ่าเอ่อร์มู่ สายตาไปอยู่ที่สามดินแดนซึ่งกำลังวิ่งห้อตะบึงอย่างบ้าคลั่งบนสนาม นิ้วมือเรียวยาวทำท่าทางไม่หยุด แย้มยิ้มพลางกล่าวอธิบายซ่าเอ่อร์มู่ ข่านน้อยผงกศีรษะอย่างต่อเนื่อง โบกมือให้กับเหล่าผู้กล้าที่กำลังวิ่งห้อตะบึงอยู่ 


 


 


มีข่านสองคนมาถึงสถานที่ตัวเอง บวกกับอวี้เจียผู้งดงามและมีสติปัญญามากที่สุดบนทุ่งหญ้านำดาบทองออกมาเพื่อแสดงว่าต้องการเลือกท่านข่านเพื่อให้นางพึ่งพาไปตลอดชีวิตจากเหล่าผู้กล้าที่ได้รับชัยชนะในครานี้เมื่ออยู่เบื้องหน้าการสนับสนุนและการล่อลวงอันแสนจะยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงเหล่าผู้กล้าซึ่งกำลังชิงแพะอยู่ในสนาม แม้แต่ชนเผ่านอกด่านที่ชมดูอยู่ด้านข้างก็ยังเลือดลมร้อนระอุพลุ่งพล่าน กำลังในการสู้รบเพิ่มพูนขึ้นนับไม่ถ้วนภายในชั่วพริบตา เพื่อโอกาสที่หาได้ยากในรอบพันปี ต่อให้ต้องสละชีวิต พวกมันก็ไม่มีวันเสียใจ 


 


 


ความรู้สึกนี้ส่งต่อไปทั่วงานแข่งขันชิงแพะอย่างรวดเร็ว สองดินแดนซึ่งออกเดินทางพร้อมกับเยวี่ยซื่อจากอีกสองทิศทาง ม้าเร็วอันห้าวหาญชาญชัยกวาดม้วนฝุ่นดิน ชนเผ่านอกด่านวิ่งตัดผ่านทุ่งหญ้าราวกับเสียสติ ทำให้เศษใบไม้ใบหญ้าฟุ้งกระจายนับไม่ถ้วน 


 


 


เมื่อมองจากที่ไกลๆ กีบเท้าม้าของพวกมันรวดเร็วจนเหมือนไม่ติดพื้นหญ้า เหล่าผู้กล้าทูเจวี๋ยหวดแส้ไม่หยุด นัยน์ตาสาดประกายตื่นเต้นและโหดเ**้ยม ใช้ฝีมือการขี่ม้าจนถึงขีดสุด พยายามห้อตะบึงไปยังสถานที่ที่ร่างแพะร่วงหล่น 


 


 


หากบอกว่าการได้รับชัยชนะในศึกครั้งที่แล้วง่ายดาย ปราศจากแรงกดดัน คู่ต่อสู้คราวนี้กลับยิ่งเ**้ยมหาญดุดัน ยิ่งเอาเป็นเอาตายมากกว่า สถานการณ์รุนแรงกว่ามากนัก และเนื่องจากอ๋องขวาไม่ได้เข้าร่วม นี่จึงแทบเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานให้ ทุกคนต่างต้องการชนะ 


 


 


ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ หลินหว่านหรงจงใจให้เหล่าเกากับหูปู้กุยอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน เพื่อใช้ประโยชน์จากการต่อสู้อันดุดันและความรวดเร็วของพวกเขาเข้าไปแล้วบุกทะลวงศัตรู หากเอ่ยถึงคุณสมบัติทางกายภาพและความสามารถในการต่อสู้เดี่ยวของแต่ละคน สองคนนี้เหนือกว่าชาวทูเจวี๋ยลิบลับ 


 


 


การเปลี่ยนกระบวนเช่นนี้ส่งผลอย่างน่าประหลาดจริงด้วย นี่ไม่จำเป็นต้องให้พูดมากความแม้แต่น้อย เกาฉิวขี่ม้าบุกเดี่ยวอยู่ข้างหน้าสุด พุ่งพรวดเข้าไปในกระบวนของศัตรูราวกับเทพสังหาร แม้แต่แพะอยู่ที่ใดหรืออยู่ในมือใครเขาก็ยังเห็นไม่ชัด กวัดแกว่งดาบใหญ่ขึ้นแล้วฟันใส่หัวของศัตรูอย่างหนักหน่วง ท่าทางเช่นนั้นคล้ายไม่ได้มาชิงแพะ เหมือนมาชิงชีวิตมากกว่า 


 


 


ชนเผ่านอกด่านจากสองดินแดนคาดไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัด ดินแดนเยวี่ยซื่อที่อ่อนแอมากที่สุดบนทุ่งหญ้ากลับไม่ต้องการแม้แต่แพะ บุกเข้ามาก็จะแลกชีวิตกับพวกมัน 


 


 


นักขี่ม้าซึ่งบุกอยู่เบื้องหน้าสุดของสองดินแดนแทบจะเป็นกำลังอันยอดเยี่ยมที่สุดของดินแดนตนแล้ว เดิมทีความสามารถในการต้านทานการโจมตีถือว่าแกร่งกล้า เพียงแต่โชคร้ายที่พวกมันบังเอิญเจอหัวหน้าราชองครักษ์ฝ่ายในของต้าหัวผู้ปิดบังหน้าตา ต่อให้ชนเผ่านอกด่านแกร่งกล้าอีกสักเพียงใด แต่หากเอ่ยถึงความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิด ยังมีใครที่เป็นคู่ต่อกรเกาฉิวได้?! 


 


 


นักขี่ม้าหลายคนนั้นเพิ่งชิงร่างแพะอันเปียกชุ่มมาไว้อยู่ในมือ ยังไม่ทันได้กะพริบตาก็ถูกดาบทื่อของเกาฉิวกวาดวาดผ่านเข้ามา หัวแตกเป็นรอย 


 


 


วิธีการต่อสู้อันโหดเ**้ยมดุดันซึ่งเห็นคู่ต่อสู้เป็นศัตรูคู่แค้น เข้ามาก็ฟัน ไม่สนใจเหตุผลเช่นนี้ เพียงชั่วพริบตาก็บุกทะลวงแนวหน้าชนเผ่านอกด่านจนปั่นป่วน 


 


 


ฉวยโอกาสขณะที่เหล่าเกาบุกเดี่ยวเพียงลำพัง ศัตรูแตกกระจายไม่ทันระวังป้องกัน หูปู้กุยหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังพร้อมบุกเข้าหาราวกับสายลม ค้อมกายลงแล้วเก็บแพะชุ่มที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วพุ่งขวับไปข้างหน้า 


 


 


ศึกเปิดนี้กลับถูก ‘เยวี่ยซื่อ’ ที่อ่อนแอที่สุดบนทุ่งหญ้าชิงโอกาสไปครอง ทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อ 


 


 


ชนเผ่านอกด่านสองดินแดนได้สติกลับมา พวกมันถูกโจมตีจนเพลิงโทสะลุกโชน ส่งเสียงขู่คำรามดังแฮ่ๆ อ้อมผ่านเหล่าเกาที่ไม่อาจตอแย ตบม้าแล้วไล่ตามหูปู้กุยที่อยู่ข้างหน้า 


 


 


ฝีมือการขี่ม้าของชาวทูเจวี๋ยเป็นหนึ่งไม่มีสองในแผ่นดิน เหล่าหูแบกแพะ เมื่อเห็นว่าอยู่ใกล้ชนเผ่านอกด่านมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังจะไล่ตามทัน จู่ๆ เขาก็คำรามเสียงดังฮ่าคราหนึ่ง สองมือคว้าแพะที่เปียกชุ่ม จากนั้นก็เขวี้ยงทแยงมุมออกไป  


 


 


ร่างแพะตัวนั้นราวกับมีดวงตางอกเงย มุ่งตรงไปยังคนในเผ่าเยวี่ยซื่อซึ่งกำลังรอคอยห่างออกไปสามจั้งข้างหน้า 


 


 


การเขวี้ยงของหูปู้กุยครั้งนี้ใช้กำลังไม่เบา คนเผ่าเยวี่ยซื่อผู้นั้นยื่นแขนออกมา ยากเย็นนักกว่าจะโอบตัวแพะเปียกชุ่มนั้นได้ เสียงดัง ‘ปัง’ คราหนึ่ง น้ำแพะเหม็นคาวกระเด็นใส่หน้าทันที 


 


 


มารดามัน! เป็นอาหารฉลากเขียว[1]จริงด้วย กลิ่นไม่เหมือนใคร! หลินหว่านหรงถุยๆ สองครั้ง พยายามถ่มพ่นน้ำลายออกมาจากปาก จากนั้นก็ควบม้าวิ่งห้อตะบึงออกไป 


 


 


เมื่อแพะเปลี่ยนมือ ชาวทูเจวี๋ยจึงเลิกไล่ตามหูปู้กุยทันที หันมาโอบล้อมโจมตีหลินหว่านหรงอย่างสุดกำลัง วิ่งมาได้ระยะทางหนึ่ง พวกมันก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่มหน้าและหลัง ชนเผ่านอกด่านซึ่งมีฝีมือในการขี่ม้ายอดเยี่ยมที่สุดและมีม้าดีมากที่สุดบุกอยู่ด้านหน้าสุด 


 


 


เสียงลมดังฟิ้วๆ ข้างใบหู เสียงฝีเท้าม้าดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ข้างหลัง ทักษะในการขี่ม้าอาชาและคนรวมเป็นหนึ่งของชนเผ่านอกด่านแทบจะถึงขั้นพิสดารแล้ว 


 


 


เมื่อเห็นว่าเข้าใกล้ทีละคืบทีละครึ่ง ลมหายใจร้อนระอุของอาชาทูเจวี๋ย สายตาชั่วร้ายของชนเผ่านอกด่านค่อยๆ เห็นอย่างชัดเจน 


 


 


“ให้ข้า!” หูปู้กุยตะโกนเสียงดังด้วยภาษาทูเจวี๋ย เขาไล่ตามจนมาอยู่เคียงข้างหลินหว่านหรงแล้ว  


 


 


สองมือยื่นออกไปพร้อมตะโกนเสียงดัง ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองห่างถึงสามจั้งได้  


 


 


“ฮึบ!” เมื่อเห็นผู้ช่วยชีวิตมาแล้ว หลินหว่านหรงก็ยินดียิ่งนัก ตวาดเสียงดังลั่นขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยกตัวแพะแล้วเขวี้ยงออกไป  


 


 


“ปัง!” แพะอ้วนพีที่มีน้ำหยาดหยดร่วงลงพื้นหญ้าอย่างหนัก ทำให้ฝุ่นดินฟุ้งกระจาย ส่วนเหล่าทหารต้าหัวกลับนิ่งอึ้ง 


 


 


ครั้งนี้แม่ทัพหลินอ่อนแอเกินไปแล้ว! ตัวแพะโยนออกไปแค่หนึ่งจั้งเท่านั้น อาจมีแค่นี้ก็ช่างมันเถอะ ทิศทางนั้นกลับยังตรงข้ามโดยสิ้นเชิงอีกด้วย ตรงเผงไม่เบี่ยงเบน ตกอยู่ใต้เท้าชนเผ่านอกด่านที่ไล่ตามมาพอดี ยังไม่ยอมเสียกว่าใช้ไม้บรรทัดมาวัดเสียอีก ชนเผ่านอกด่านฝ่ายตรงข้ามอดเพิ่มความเร็วม้าไม่ได้ ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ  


 


 


ชาวทูเจวี๋ยที่ชมดูการศึกอยู่รอบด้านตะลึงงันก่อนเป็นอันดับแรก ต่อมาก็หัวเราะงอหายเสียงดังลั่น ดินแดนเล็กก็คือดินแดนเล็ก กำลังแขนกำลังข้อมือเช่นนี้ก็ยังกล้าเพ้อฝันเรียกขานตัวเองว่าผู้กล้าอีก? ยังกล้ามาชิงแพะอีก? ช่างทำให้คนในทุ่งหญ้าเสียหน้าเสียจริง! 


 


 


อวี้เจียและข่านน้อยซึ่งชมการต่อสู้อยู่บนเวทีอดส่ายหน้าเบาๆ พร้อมหัวเราะด้วยความขบขันอย่างยิ่งไม่ได้  


 


 


โชคร่วงหล่นลงจากฟ้า?! เมื่อเห็นแพะอ้วนพีตกอยู่ข้างขาม้า ชาวทูเจวี๋ยที่ไล่ตามมาไม่กล้าเชื่อว่านี่คือความจริง  


 


 


โชคยังดีที่พวกมันต่างเป็นผู้กล้าชั้นยอดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี อึ้งเพียงเล็กน้อยก็ได้สติกลับมา ความเร็วของม้าไม่ลดทอนลง คว้าร่างแพะขึ้นมาจากข้างล่างเสียงดังขวับ เร่งแส้ควบมาอย่างเร็วรี่ วิ่งห้อตะบึงไปข้างหน้า เพิ่งจะไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่าผิดปกติ เมื่อเงยหน้ามองระหว่างเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วตกใจจนขวัญหายทันที  


 


 


เจ้าคนในเผ่าเยวี่ยซื่อผู้อ่อนแอโยนแพะไม่ไหวผู้นั้นไม่รู้เอาม้าขวางตั้งแต่เมื่อใด ขวางอยู่หน้าเส้นทางที่จะมุ่งไปข้างหน้าพอดี สายตามันเปล่งประกายเย็นเยียบ มองก็ไม่มอง ดาบใหญ่ที่ลับคมออกในมือกรีดเป็นประกายเย็นเฉียบสายหนึ่งพร้อมเสียงลมเร็วรี่ ฟันลงมาที่หัว 


 


 


แต่เดิมทั้งสองฝ่ายก็อยู่ห่างกันไม่กี่จั้งอยู่แล้ว ต่อให้ผู้กล้าชนเผ่านอกด่านจะมีฝีมือในการขี่ม้าดีอีกสักเพียงใด ระยะห่างเพียงแค่นี้จะรับกระบวนท่าไหวได้อย่างไร? เมื่อเห็นว่ากำลังจะปะทะกับสันดาบ ชาวทูเจวี๋ยซึ่งเป็นหัวหน้าผู้นั้นก็รีบหักหัวม้า อาชาทูเจวี๋ยแหงนหน้าส่งเสียงร้อง สองขาตะกุยขึ้นข้างหน้า หมุนวนอย่างรวดเร็ว ฝืนหลบสันดาบไปได้ ทว่าสภาพก็ย่ำแย่ทุลักทุเล  


 


 


ชนเผ่านอกด่านที่นำหน้ามีอยู่ห้าหกคน อยู่ห่างกันแค่คืบ จากเหตุการณ์นี้พวกมันจึงลดความเร็วอย่างรวดเร็ว กระบวนสับสนอลหม่าน ไม่รู้เมื่อใดที่ชนเผ่าเยวี่ยซื่อซึ่งเดิมทีเหมือนเม็ดทรายที่กระจัดกระจายกลับควบม้าล้อมพวกมันจนหมด ราวกับฝูงหมาป่าที่หิวกระหาย ดวงตาสาดประกายดุร้ายอำมหิตอย่างยิ่ง 


 


 


“ฟัน!” หลินหว่านหรงตวาดเสียงต่ำคราหนึ่ง ดาบใหญ่ที่อยู่ในมือเหล่าเกาเหล่าหูเปล่งประกายเย็นเยียบพร้อมกัน ฟันสองคนตกลงจากหลังม้า ชนเผ่าเยวี่ยซื่อล้อมเป็นวงกลม หากไม่ใช่ฟันหัวคนก็ฟันขาม้า รูปกระบวนฝึกฝนมาเป็นอย่างดียิ่งนัก พวกเขาดุร้ายโหดเ**้ยมราวกับหมาป่า แต่ละดาบไม่มีพลาด ประกายโลหิตสาดกระจายไปทั่ว เพียงชั่วพริบตาก็กลืนกินผู้กล้าแกร่งหลายคนจนหมดสิ้น  


 


 


ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตรงหน้า ชนเผ่านอกด่านที่ตามหลังมาพุ่งเข้าหาราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน ถึงกระนั้นเรื่องราวกับไม่อาจชดเชยได้อีกแล้ว ผู้กล้าชั้นยอดหลายคนนั้นร่วงลงจากม้าตั้งแต่แรก ถูกฝูงดาบของดินแดนเยวี่ยซื่อกระหน่ำฟัน เท้าม้าเหยียบย่ำ ที่ยังหายใจได้มีไม่กี่คนแล้ว 


 


 


 


 


 


—— 


 


 


[1] อาหารฉลากเขียว (Green foods) อาหารที่ได้รับใบรับรองอาหารสีเขียวในประเทศจีนจะต้องกระทำดังนี้ 1. ท้องที่ที่ใช้ในการเพาะปลูกต้องมีสภาพอากาศ ได้มาตรฐานสูงสุดของประเทศจีน 2. จะต้องควบคุมโลหะหนักตกค้างในดินและน้ำชลประทาน 3. น้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตต้องได้มาตรฐาน 4. การใช้สารเคมีต้องอยู่ในการควบคุมดูแล  

 

 


ตอนที่ 597 - 2 นางจะทำอะไร?

 

เรื่องต่อจากนี้ก็ง่ายดายแล้ว! ชนเผ่านอกด่านสองดินแดนที่เหลืออยู่เมื่ออยู่ต่อหน้าการสู้รบของเยวี่ยซื่อที่ไม่ชิงแพะแต่ฟันคนโดยเฉพาะซึ่งเกือบจะเหมือนฝูงหมาป่าอันโหดร้ายป่าเถื่อนนี้ ไม่ได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย ในสถานการณ์ที่บาดเจ็บล้มตายเกินครึ่ง แม้จะเห็นเหล่าเกาควบม้านำหน้า บุกทลายจุดหมายด้วยความหยิ่งผยอง ถึงกระนั้นจนแล้วจนรอดพวกมันก็กลับไม่อาจข้ามผ่านฝูงหมาป่าที่อยู่ตรงหน้านี้ได้เลย 


 


 


สถานการณ์เปลี่ยนผัน เยวี่ยซื่อชนะแล้ว! ดินแดนเล็กอันแสนจะอ่อนแอดินแดนหนึ่งเอาชนะการแข่งขันชิงแพะซึ่งมีแต่ผู้เ**้ยมหาญเต็มไปหมดถึงสองรอบ นี่ถือเป็นชัยชนะอันยอดเยี่ยม การต่อสู้ฝูงหมาป่าของพวกเขาตราตรึงอยู่ในจิตใจคน แม้จะเป็นที่ดูแคลนของดินแดนใหญ่ ทว่ากลับเป็นเข็มทิศชี้นำทางแด่ดินแดนเล็ก 


 


 


ผู้ชนะเป็นเจ้า! ชาวทูเจวี๋ยผู้เทิดทูนกำลังในการสู้รบลืมเลือนความดูแคลนที่มีก่อนหน้านี้ไปตั้งแต่แรก ต่างกรูกันเข้ามาชูแขนโห่ร้องยินดีให้ดินแดนที่มีขนาดเล็กที่สุดนี้  


 


 


อวี้เจียที่ชมการสู้รบใบหน้าผุดรอยยิ้มเล็กน้อย กระซิบกระซาบกับซ่าเอ่อร์มู่ ชี้มาทางนี้หลายครั้งเป็นระยะ คล้ายกำลังอธิบายการรบของเยวี่ยซื่อให้ข่านน้อยอยู่ 


 


 


สาวน้อยทูเจวี๋ยผู้งดงามนางหนึ่ง มือถือมาลัยดอกไม้ซึ่งถักสานด้วยความตั้งใจ ใบหน้าประดับสีแดงระเรื่อด้วยความเอียงอาย ลังเลอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า วิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว  


 


 


คราวนี้คงมามอบดอกไม้ให้ข้ากระมัง ในที่สุดก็มีคนชื่นชมข้าแล้ว! เหล่าเกาชูแพะขึ้นเหนือศีรษะ แอ่นอกด้วยท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง  


 


 


สาวน้อยทูเจวี๋ยนางนั้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้ก็เหลียวซ้ายแลขวา เดินวนเวียนอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็วิ่งห้อตะบึงเข้ามาราวกับสายลมหอบหนึ่ง ใบหน้าแดงสดใสราวกับเปลวเพลิง แขวนมาลัยดอกไม้อันงดงามพวงนั้นลงบนคอหลินหว่านหรงอย่างน่าประหลาด 


 


 


นี่มันเรื่องอะไรกัน? เขายังไม่ทันได้สติกลับมา สาวน้อยทูเจวี๋ยผู้นั้นกลับรวบรวมความกล้า หอมแก้มเขาด้วยความรวดเร็วยิ่งคราหนึ่ง ทิ้งภาษาทูเจวี๋ยกระจ่างชัดเป็นชุด มองเขาอย่างเขินอายหลายครั้ง จากนั้นจึงหมุนกายบิดเอววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว 


 


 


มีผู้กล้าถูกเลือกอีกคนแล้ว! ชนเผ่านอกด่านที่อยู่รอบด้านส่งเสียงผิวปากโห่ร้องยินดีกึกก้อง เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วทุ่งหญ้า! 


 


 


เป็นไปไม่ได้น่า! ข้าปิดบังใบหน้าอันหล่อเหลาไปแล้วนะ แถมยังพยายามปิดบังเสน่ห์ของตัวเองอีกด้วย แบบนี้ยังถูกใจคนอื่นอีก? เกิดเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่นมันช่างยุ่งยากเสียจริง! เขาหัวเราะฮิฮะสองครา ส่ายหน้าด้วยความอับจนปัญญา 


 


 


เกาฉิวยิ่งงุนงงทำอะไรไม่ถูก ทำเรื่องหน้าไม่อายไว้ก็มีคนถูกใจได้?! เสน่ห์ของน้องหลินช่างไม่แบ่งแยกพรมแดนเสียจริง! 


 


 


“มาลัยดอกไม้นี้ไม่เลวนะ ดอกไม้กับต้นหญ้ามีมากพอๆ กันเลย!” เขาตบบ่าสาวน้อยที่มามอบดอกไม้ หลินหว่านหรงหัวเราะฮ่าๆ สองครา “พี่หู เมื่อครู่แม่สาวน้อยคนนี้พูดว่าอะไร? หนวกหูเหลือเกิน ข้าฟังไม่ชัด!” 


 


 


ไม่หนวกหูเจ้าก็ฟังไม่ชัดอยู่ดี! หูปู้กุยหัวเราะแล้วตอบว่า “เอ่อ…ไม่แปลจะดีกว่านะขอรับ ความหมายไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่!” 


 


 


หลินหว่านหรงอารมณ์เบิกบาน พูดด้วยท่าทางจริงจัง “ความหมายไม่ค่อยดี? ข้าเข้าใจแล้ว ก็คงเป็นสาวน้อยมาสารภาพรักล่ะสิท่า หล่อเหลาสูงสง่า กล้าหาญไร้เทียมทาน ข้ารักเจ้ามากเลยนะอะไรต่อมิอะไร นี่จะมีอะไรให้อายกัน? ดูอย่างข้าสิ ฟังมากเข้าก็ชินเสียแล้ว! แต่จะว่าไปคำสารภาพรักภาษาทูเจวี๋ยข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ พี่หู ท่านรีบแปลมาเร็ว…เฮ้อ ไม่ได้ต่ำช้าอย่างที่ท่านคิด อันที่จริงสิ่งที่สำคัญนั้นข้าทำเพื่อยกระดับภาษาทูเจวี๋ยของข้าน่ะ” 


 


 


“ต้องแปลจริงหรือขอรับ” เหล่าหูสะกดกลั้นอยู่นาน ในที่สุดก็ทนไม่ไหว “ภาษาทูเจวี๋ยประโยคนี้อันที่จริงเข้าใจง่ายมากขอรับ ที่นางพูดก็คือ…ผู้กล้าที่เล็กและอ่อนแอเช่นเจ้านี้ไม่เคยพบบนทุ่งหญ้ามาก่อน เจ้าพิเศษมาก ดังนั้นข้าจึงชอบเจ้ามาก!” 


 


 


“พรวด” เหล่าเกาซึ่งกำลังดื่มน้ำสำลักจนพ่นน้ำออกมา ที่แท้สาวน้อยทูเจวี๋ยก็ไม่ได้ชอบแต่วีรบุรุษ แต่ชอบคนอ่อนแอด้วยนะ! 


 


 


“เล็กและอ่อนแออะไรกัน?! ข้าเล็กและอ่อนแอตรงไหน” หลินหว่านหรงเต้นเป็นเจ้าเข้า “พี่หู ท่านไปบอกนาง ข้ายิ่งใหญ่อลังการมากนะ! ไม่มีตรงไหนที่ไม่ใหญ่ ไม่มีตรงไหนที่ไม่อลังการ ท่านย่ามัน! ถ้ากล้าก็ให้นางมาดูเอง นางจะตกใจจนตาย!” 


 


 


ทุกคนต่างหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง เมื่อชนะติดกันสองรอบ บรรยากาศจึงค่อยๆ ผ่อนคลาย 


 


 


“ปู๊น!” เสียงแตรสัญญาณสั้นกระชั้นดังขึ้น ทุ่งหญ้าพลันบังเกิดเสียงปรบมือและโห่ร้องกึกก้อง เมื่อเงยหน้ามอง อาชาสง่างามของทูเจวี๋ยหลายสิบตัววิ่งเข้าทุ่งหญ้าราวกับสายลม เหล่าทหารม้ารูปร่างแข็งแรงกำยำสูงใหญ่ควบคุมม้าอ่างชำนาญราวกับเดินเล่นในลานบ้าน ตัวดาบสีเงินกรีดผ่านท้องนภาสีครามเสียงดังขวับออกมาอย่างพร้อมเพรียง ประหนึ่งอสุนีบาต 


 


 


“ถูสั่วจั่วออกโรงแล้ว!” หูปู้กุยพูดกดเสียงต่ำ  


 


 


แม้จะมองไม่เห็นโฉมหน้าถูสั่วจั่ว แต่อ๋องขวาทูเจวี๋ยขึ้นเหนือล่องใต้สู้รบมานานหลายปี แต่บารมีจะธรรมดาได้อย่างไร? พอขบวนอันห้าวหาญชาญชัยของมันพุ่งเข้าสู่ทุ่งหญ้าก็มีคนจำได้แล้ว รอบด้านพลันบังเกิดเสียงปรบมือกึกก้อง เสียงโห่ร้องดังสนั่น มอบความนิยมชมชอบให้ทั้งกลุ่ม  


 


 


ถูสั่วจั่วขี่ม้านำอยู่เบื้องหน้าสุด อาชาชั้นยอดใต้ร่างขยับวูบราวกับสายฟ้าแลบ 


 


 


“ฮี้!” เสียงร้องรุนแรงลากยาวดังขึ้นมาคราหนึ่ง อาชาที่อยู่ใต้ร่างมันพลันรั้งฝีเท้า ขาหน้ายกตะกุย ยืนเก้าสิบองศาอยู่บนทุ่งหญ้าในบัดดล ร่างกายขนาดมหึมาของถูสั่วจั่วติดอยู่บนหลังม้าราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น ปราศจากการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย 


 


 


เมื่ออาชาตัวนั้นแหงนหน้าจนถึงจุดที่สูงที่สุด มือของถูสั่วจั่วก็เพิ่มดาบโค้งยักษ์เล่มหนึ่ง  


 


 


มันผละมือทั้งสองข้างออกจากหลังม้า อาศัยเพียงกำลังขาแนบติดกับอานม้า ร่างกายเสมอกับพื้นหญ้าทันที 


 


 


“ผึง!” เสียงสายธนูดังขึ้น ประกายแสงกรีดผ่านท้องนภาดั่งดาวตก ยิงตรงไปยังขอบเมฆา  


 


 


“แกว๊ก!” เสียงร้องโหยหวนตัดผ่านท้องฟ้า นกอินทรีขนาดใหญ่ซึ่งกำลังบินเร็วรี่อยู่กลางเวหาตัวหนึ่งร่วงตรงลงมาราวกับก้อนหิน ลูกศรอันคมกริบนั้นไม่เบี่ยงไม่เบน แทงทะลุดวงตาทั้งสอข้างของมันเข้าพอดี โลหิตไหลพร่างพรูลงมาตามขนของมันอย่างแช่มช้า  


 


 


อาชาพ่วงพียืนแหงนหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ค่อยๆ กลับมาสู่สภาพเดิม ถูสั่วจั่วนั่งงามสง่าอยู่บนหลังม้าไม่ขยับเขยื้อน เกาทัณฑ์ยาวไม่รู้ว่าแขวนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อใด สงบนิ่งราวกับไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้นมาก่อน  


 


 


“เยี่ยม!” คราวนี้แม้แต่หูปู้กุยก็ยังอดเปล่งเสียงชมเชยออกมาไม่ได้ ไม่เสียที่ที่เป็นอ๋องขวาทูเจวี๋ย การขี่ม้ายิงธนูนี้ทำอย่างหมดจดรวบรัด คนและม้าหลอมรวมเป็นหนึ่งภายในชั่วพริบตา ปราศจากข้อตำหนิ 


 


 


ชนเผ่านอกด่านกระโดดโลดเต้นโห่ร้องยินดี เสียงคนดังเซ็งแซ่ ยอมศิโรราบต่อฝีมือขั้นเทพเซียนของถูสั่วจั่ว ฝีมือการควบม้าอย่างรวดเร็วและให้ยืนตรง ยิงธนูทะลุตาทั้งสองข้างนี้ เมื่อเทียบกับการยิงให้เชือกขาดของซ่าเอ่อร์มู่หาใช่สูงส่งกว่าแค่ขั้นเดียว กดความโดดเด่นของข่านน้อยไปทันที 


 


 


ผู้สืบทอดข่านผีเจียเจ้าผู้ปกครองทุ่งหญ้ากลับถูกอ๋องขวาสะกดไว้ ซ่าเอ่อร์มู่ผู้เยาว์วัยก้มหน้าลงอย่างเงียบงัน ดวงตาอดเผยความผิดหวังไม่ได้ อวี้เจียจับมือเขาไว้พร้อมส่ายหน้าเบาๆ กล่าวปลอบเสียงอ่อนโยน ไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มมั่นใจ 


 


 


ถูสั่วจั่วยิงธนูอย่างน่าตื่นตะลึง ดังนั้นจึงอดกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่บ้างไม่ได้ มันควบม้าอย่างภาคภูมิ ยืนนิ่งอยู่ตรงเส้นเริ่มแข่งขัน แย้มยิ้มพร้อมโบกมือให้รอบด้าน ทำให้สาวน้อยจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงกรีดร้องและส่งเสียงชมเชย 


 


 


ชนเผ่านอกด่านไม่เสียทีที่เป็นชนเผ่าซึ่งเติบโตอยู่บนหลังม้าเสียจริง ฝีมือการขี่ม้ายิงธนูไร้เทียมทานในแผ่นดิน หลินหว่านหรงแอบรู้สึกโชคดีอยู่ในใจ หากถูสั่วจั่วเข้าร่วมแข่งขันรอบที่แล้ว ชัยชนะจะตกอยู่กับผู้ใดก็ยังไม่แน่ ชนเผ่านอกด่านที่ต้องสู้กับถูสั่วจั่วหลังจากนี้คงต้องลำบากแล้ว 


 


 


ในที่สุดอ๋องขวาก็ลงสนามแล้ว บรรยากาศในงานตึงเครียดทว่ากลับคึกคักอีกด้วย! ชาวทูเจวี๋ยทั้งหมดต่างจ้องมองแพะอ้วนพีที่แขวนอยู่บนคานไม้กลางทุ่งหญ้านั้นเขม็ง นี่กำลังจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้กล้าที่ร้ายกาจที่สุดบนทุ่งหญ้าได้แสดงฝีมือแล้ว 


 


 


ส่วนเหล่าคู่ต่อสู้ของถูสั่วจั่วต่างตั้งรูปกระบวนเรียบร้อยตั้งแต่แรก มองมันด้วยความระแวดระวังเป็นร้อยเท่า พร้อมจะเริ่มการแข่งขันครั้งใหญ่ได้ทุกเมื่อ  


 


 


“ขอเชิญอวี้เจียโปรดตัดเชือก!” น้ำเสียงของนักบวชทูเจวี๋ยแฝงด้วยความตื่นเต้น ในเมื่ออ๋องขวาลงแข่งด้วยตนเอง ผู้ที่มีคุณสมบัติเปิดงานย่อมเป็นท่านข่านใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าของดาบทองอันงดงามเล่มนี้แน่นอน 


 


 


อวี้เจียแย้มยิ้ม ยืนขึ้นอย่างแช่มช้า ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่านางจะเดินขึ้นเวทีไปตัดเชือก นางกลับยืนนิ่งเบาๆ พร้อมเหยียดมือน้อยออกไป ข้างกายมีนางกำนัลส่งเกาทัณฑ์โค้งอันวิจิตรงดงามคันหนึ่งให้ 


 


 


อวี้เจียกุมเกาทัณฑ์อยู่ในมือ ดึงสายเบาๆ หลายครั้ง ใบหน้าคลี่รอยยิ้มแห่งความมั่นใจในตนเองออกมา  


 


 


ข่านน้อยซ่าเอ่อร์มู่ยืนข้างกายนาง สีหน้าประหม่าตื่นเต้นอย่างล้นเหลือ มือทั้งสองข้างสั่นเล็กน้อย 


 


 


เหล่าเกาเห็นแล้วก้ร้อนอกร้อนใจยิ่งนัก อดร้องออกมาไม่ได้ “เยวี่ยหยาเอ๋อร์โง่หรือเปล่า? หากเอ่ยฝีมือการยิงธนู นางจะไปสู้ถูสั่วจั่วที่ยิงทะลุตาอินทรีได้อย่างไรกัน เมื่อครู่ข่านน้อยก็แพ้ไปตาหนึ่งแล้ว หากนางแพ้อีก อย่างนั้นชื่อเสียงก็ต้องย่อยยับแล้วจริงๆ” 


 


 


หูปู้กุยรู้สึกเช่นเดียวกัน แม้พวกเขากับอวี้เจียจะมีสถานะเป็นศัตรูกัน แต่เมื่อเทียบกับถูสั่วจั่ว เยวี่ยหยาเอ๋อร์ซึ่งเคยร่วมเดินทางและร่วมเป็นร่วมตายย่อมได้รับความชื่นชอบจากพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด 


 


 


อวี้เจียยกคันศรขึ้นอย่างแช่มช้า หลับดวงตาอันงามข้างหนึ่งเบาๆ แล้วเล็งไปที่เชือก 


 


 


ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจ ช่วงเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นชาวต้าหัวหรือว่าชาวทูเจวี๋ย ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางจะทำอะไร 


 


 


แม้แต่หลินหว่านหรงที่ยอมรับว่าตนเองฉลาดเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดิน เมื่ออยู่ต่อหน้าอวี้เจียผู้นี้กลับปราศจากความมั่นใจ สตรีชนเผ่านอกด่านผู้งดงามคนนี้ไม่เคยทำให้คนคาดเดาได้เลย นางจะทำอะไรกันนะ?  

 

 


ตอนที่ 598 - 1 ฝีมือยิงเกาทัณฑ์อันน่า...

 

 


 


 


ทุ่งหญ้าซึ่งเมื่อครู่ยังเอะอะมะเทิ่งกลับเงียบสงัดดั่งผิวทะเลสาบอันสงบนิ่งภายในชั่วพริบตา มีเสียงลมหายใจกระชั้นถี่จำนวนนับไม่ถ้วนเบาๆ ชาวทูเจวี๋ยทุกคนต่างจดจ้องดวงหน้าอันงามเฉิดฉันของข่านใหญ่ตาไม่กะพริบ ด้วยกลัวว่าจะพลาดช่วงเสี้ยววินาทีอันแสนจะยอดเยี่ยมไป ข่านน้อยซ่าเอ่อร์มู่ซึ่งยืนข้างกายพี่สาวก็กุมมือทั้งสองข้างแน่นด้วยความประหม่าตื่นเต้นด้วยเช่นกัน  


 


 


สีหน้าตั้งใจของอวี้เจียดูงดงามเป็นพิเศษ นางน้าวสายอย่างแช่มช้า น้าวจนสุดสาย ลูกเกาทัณฑ์สีทองนั้นเปล่งประกายเจิดจรัสใต้แสงตะวัน  


 


 


“ผึง!” เสียงสายคันศรดังเบาๆ ช่วงเวลานี้ลมหายใจของทุกคนต่างหยุดชะงัก 


 


 


เกาทัณฑ์ทองกรีดผ่านอากาศออกไปเป็นเส้นโค้งอันงดงามสายหนึ่ง พุ่งตรงไปยังเชือกที่แขวนร่างแพะ  


 


 


ยังจะยิงตัดเชือกอีกหรือ?! เรื่องที่แม้แต่ข่านน้อยยังทำได้ เจ้าทำแบบเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง แล้วจะไปชนะถูสั่วจั่วได้อย่างไร?! หลินหว่านหรงส่ายหน้าด้วยความรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง 


 


 


ลูกธนูอันคมกริบพุ่งเข้าหาพร้อมเสียงลมหวีดหวิว ขณะที่ยังอยู่ห่างจากเชือกสี่ถึงห้าจั้งกลับคล้ายมีกำลังไม่เพียงพอ ความเร็วพลันลดทอนลง เมื่อเห็นว่ากำลังจะร่วงลงไป ทุ่งหญ้าพลันบังเกิดเสียงถอนหายใจลึกๆ ไปทั่ว ไม่ว่าชาวทูเจวี๋ยหรือว่าชาวต้าหัวต่างแอบก้มหน้าลงไป ไม่อาจหักใจทนเห็นภาพที่เกือบจะเป็นความโหดร้ายเช่นนี้ได้! 


 


 


“ผึง!” อวี้เจียใบหน้าประดับรอยยิ้ม น้าวสายอีกครั้ง ครานี้รวดเร็วและทรงพลัง สายคันศรเสียงดังหึ่งๆ เสียงหวีดหวิวทรงพลังดังขึ้น มีลูกเกาทัณฑ์ทองดอกที่สองยิงออกจากปะรำพิธีอย่างเร็วรี่ ประหนึ่งดาวตกที่พุ่งตัดผ่านท้องฟ้า ไล่ตามดอกที่หนึ่งไป 


 


 


“หึ่ง!” เสียงขนหางธนูดังแจ่มชัด หึ่งๆ ก้องอยู่ในหูของทุกคน 


 


 


ธนูทองดอกที่สองใช้ความเร็วที่มีมากกว่าหลายเท่าตัวหมุนวนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยิงถูกปลายหางขอดอกแรกพอดี หัวและหางเชื่อมประสาน ดอกแรกซึ่งเหมือนจะมีกำลังอ่อนด้อยลงถูกพลังมหาศาลถ่ายเทเข้าไปในบัดดล สองดอกรวมพลัง รวมกันกลายเป็นดอกเดียวยิงถูกกึ่งกลางเชือกเสียงดังฉึกพอดี ร่างแพะส่ายโอนเอนเล็กน้อย จากนั้นก็ร่วงลงพื้น น้ำสาดกระจายไปทั่ว 


 


 


ทุ่งหญ้าเงียบสงัดราวกับความตาย! ชาวทูเจวี๋ยผู้กล้าแกร่งมากที่สุดตาโตอ้าปากค้าง 


 


 


ข่านน้อยร่างสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา จับมือพี่สาวแล้วส่งเสียงโฮ ร่ำไห้ออกมาอย่างรุนแรง สุดท้ายเขาก็เป็นแค่เด็กอายุห้าหกขวบเท่านั้น ไหนเลยจะเคยทนรับบรรยากาศอันแสนจะตึงเครียดและกดดันเช่นนี้ได้ ไม่ตกใจจนฉี่ราดรดกางเกงก็เก่งมากแล้ว 


 


 


เมื่อได้ยินซ่าเอ่อร์มู่ร่ำไห้ อวี้เจียก็ทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้างในทันที นางรีบคุกเข่าลงแล้วพูดปลอบโยนเบาๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเวทนา 


 


 


ชนเผ่านอกด่านที่อยู่รอบด้านถึงเหมือนเพิ่งตื่นจากห้วงแห่งความฝัน เสียงปรบมือดังลั่นราวกับสายน้ำหลาก โห่ร้องยินดีดังถึงสุดขอบฟ้า 


 


 


“ดาราคู่ไล่จันทราอันยอดเยี่ยม เยวี่ยหยาเอ๋อร์ เยี่ยม!” แม้แต่หูปู้กุยกับเกาฉิวก็ยังอดปรบมือชื่นชมไม่ได้ สีหน้าตื่นเต้นปรากฏให้เห็นชัดเจนโดยไม่ต้องสาธยาย การโห่ร้องชื่นชมสตรีที่เป็นศัตรูผู้หนึ่ง หากเป็นก่อนหน้านี้ช่างเป็นเรื่องที่แสนจะเหนือจินตนาการได้ ทว่าวันนี้กลับบังเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 


 


 


หากบอกว่าก่อนหน้านี้อวี้เจียสยบคนในเผ่าด้วยการใช้ความงามและสติปัญญา ช่วงเวลานี้ฝีมือยิงธนูอันล้ำเลิศของนางก็คือสัญลักษณ์ของความสามารถในการสู้รบดาราคู่ไล่จันทรานี้เมื่อเทียบกับการยิงทะลุดวงตาอินทรีของถูสั่วจั่วเมื่อครู่ยังยากกว่าหลายส่วน มิหนำซ้ำยังออกมาจากมือของสตรีผู้อ่อนแอนางหนึ่งอีกด้วย ด้วยธนูสองดอกนี้ อ๋องขวาจืดจางหม่นหมองลงไปทันที 


 


 


อวี้เจียดึงมือให้ข่านน้อยยืนขึ้น จากนั้นก็โบกมือให้เหล่าราษฎร ชาวทูเจวี๋ยคุกเข่ากราบกรานด้วยความเคารพนบนอบ แสดงการคารวะหมอบราบไปกับพื้น ยอมศิโรราบต่อข่านใหญ่ผู้งดงามจากใจจริงและด้วยความยินดี 


 


 


ที่แท้แม่สาวคนนี้ยังซุกซ่อนความลับไว้ตั้งมากมายขนาดนี้ ยังมีแรงมาแสร้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าข้าอีก โชคดีที่ข้าไม่ได้ตกหลุมพรางนาง หลินหว่านหรงแค่นเสียงฮึด้วยความเดือดดาล ใจทั้งคล้ายยินดีทั้งยิ่งเหมือนกังวล หากจะพูดถึงความผิดพลาดเพียงหนึ่งเดียวของเยวี่ยหยาเอ๋อร์ นั่นก็คือนางเกิดเป็นสตรี  


 


 


“ไม่รู้ว่าอวี้เจียฝึกฝนออกมาได้อย่างไร” เหล่าหูส่ายหน้าทอดถอนใจ “ตำนานว่ากันว่าขุนพลใหญ่ผู้บุกเบิกราชวงศ์ บรรพชนของท่านจอมทัพหลี่ไท่เคยมีฝีมือในการยิงธนูอันล้ำเลิศด้วยการยิงทะลุสามดอกต่อเนื่องเข้าเป้า แต่นั่นก็แค่ตำนานเท่านั้น ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ดาราคู่ไล่จันทรานี้ กลับปรากฏตรงหน้าข้าอย่างจริงแท้แน่นอน ทั้งยังออกมาจากน้ำมือของสตรีชนเผ่านอกด่านคนหนึ่งอีกด้วย น่าละอายๆ!” 


 


 


“น้องหลิน เรื่องฝีมือการยิงธนูนี้เจ้าแพ้อวี้เจียแล้วล่ะ” เหล่าเกากล่าวพลางหัวเราะร่า 


 


 


“ด่านความต่ำช้า ข้าไม่เคยแพ้ใคร” หลินหว่านหรงเอ่ยพลางหัวเราะฮิฮะ “อีกอย่าง อย่างที่ว่ากันว่าคนเรามีสั้นมียาว ฝีมือการยิงธนูของอวี้เจียดีกว่าข้านั้นไม่ผิด แต่ฝีมือการใช้ทวนของข้าเยี่ยมกว่านางนะ! ต่างฝ่ายต่างเสมอกันแล้ว” 


 


 


หูปู้กุยผงกศีรษะ “มีเหตุผล ธนูโจมตีระยะไกล ทวนเหมาะกับการสู้ระยะประชิด ต่างฝ่ายต่างมีข้อดี” 


 


 


“เพียงแต่ข้าคนนี้เป็นคนใฝ่รู้มาตลอด” หลินหว่านหรงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เพื่อไม่ให้เยวี่ยหยาเอ๋อร์ดูแคลน คราวนี้พอกลับบ้านไปแล้วข้าจะฝึกการยิงธนูให้ดี ซ้ายยิง ขวายิง ยิงวันละร้อยรอบ ไม่ต้องพูดถึงดาราคู่ไล่จันทรา สามดอกยิงต่อเนื่องอะไรนั่น ข้าไม่เชื่อหรอก ด้วยความสามารถในการยิงขั้นเทพเซียนของข้าหรือว่าจะหลุดออกจากเป้า?!” 


 


 


ความสามารถในการยิงขั้นเทพเซียนอะไรกัน พวกของเกาฉิวสองคนได้ยินเขาพูดโม้ก็ต่างหัวเราะร่าเสียงดังด้วยความสนุกสนาน 


 


 


เสี้ยววินาทีที่ข่านใหญ่ยิงตัดเชือกขาด แพะอ้วนพี่ร่วงหล่นลงพื้น การแข่งขันก็เริ่มขึ้นแล้ว 


 


 


ฝีมือการยิงธนูทะลุดวงตาอินทรีที่ถูสั่วจั่วภาคภูมิใจนักถูกดาราคู่ไล่จันทราของอวี้เจียทำให้ด้อยลงไปต่อหน้าต่อตาธารกำนัล ชาวทูเจวี๋ยทุกคนต่างถกถึงฝีมือยิงธนูอันพิสดารของข่านใหญ่ด้วยความตื่นเต้น ถูสั่วจั่วสีหน้าไม่น่าดูชมยิ่งนัก เดิมทีมันได้รับการขนานนามว่าผู้กล้าอันเ**้ยมหาญ กำลังจะอาศัยการแข่งขันชิงแพะเพื่อสยบข่านดาบทอง ไหนเลยจะรู้ว่าด้วยความเลินเล่อย่ามใจไปคราหนึ่ง กลับต้องพ่ายแพ้ต่อสตรีที่ตนเองชื่นชอบได้ เมื่อเป็นเช่นนี้คนในเผ่าจะมองมันเช่นไร? อวี้เจียจะมองมันเช่นไร? แล้วอ๋องขวาดาบเงินจะใช้วิธีการอันใดมาสยบข่านใหญ่ผู้สูงส่งและงดงามได้? 


 


 


ยิ่งคิดก็ยิงหงุดหงิดโมโห ถูสั่วจั่วตวาดเสียงดัง ควบม้าอย่างเร็วรี่ พุ่งปราดออกไปราวกับดาวตก ใบหน้าอันหล่อเหลาสง่างามเต็มไปด้วยไอสังหารเย็นเยียบ มันระบายความอัดอั้นที่สุมอยู่เต็มอกใส่การแข่งขันชิงแพะจนหมดสิ้น 


 


 


อ๋องขวาคลุ้มคลั่งช่างไม่ธรรมดาจริงๆ มันกับคนในเผ่าของมันต่างเป็นผู้กล้าซึ่งผ่านศึกมานับร้อย ไพร่พลสิบกว่าคนวิ่งห้อตะบึงอยู่ร่วมกัน เมื่อมองไกลๆ ก็เหมือนธนูอันคมกริบที่หลุดออกจากแล่ง ความเร็วไม่อาจมีผู้ใดตามทัน 


 


 


อีกสองดินแดนที่เหลือไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกัน ความเร็วในการขี่ม้าของพวกมันแม้จะด้อยกว่าเล็กน้อย ถึงกระนั้นกลับเตรียมการมา เมื่อเห็นอ๋องขวาทูเจวี๋ยโน้มกายกำลังจะเก็บแพะขึ้นมา ชนเผ่านอกด่านจากฝ่ายตรงข้ามซึ่งวิ่งอยู่หน้าสุดคนหนึ่งพลันบังเกิดเสียงขวับอยู่ในมือคราหนึ่ง ซัดเหล็กแหลมที่ผู้เชือกไว้ออกไปอย่างเร็วรี่ เสียบเข้าไปในตัวแพะพอดิบพอดี 


 


 


“เฮ!” เหล่าผู้กล้าต่างเปล่งเสียงโห่ร้องยินดี ขยับดึงเชือกอย่างรวดเร็ว ขณะกำลังจะเก็บกระชากแพะกลับมาก็พลันรู้สึกถึงพละกำลังมหาศาลสายหนึ่งส่งผ่านมาจากเส้นเชือก สามคนรวมพลัง ไม่ว่าจะดึงเชือกเช่นไร เชือกก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย 


 


 


ถูสั่วจั่วมือเดียวตัวคนเดียว ดึงเชือกอยู่กับแขน ม้าที่นั่งอยู่ปราศจากการขยับเขยื้อน ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อ มันพลันตวาดเสียงดังคราหนึ่ง ดึงกลับไปด้วยมือเดียวอย่างเร็วรี่ ตัวเชือกแฝงด้วยพลังมหาศาล ชนเผ่านอกด่านสามคนที่อยู่ตรงข้ามยังไม่ทันได้สติกลับมาก็ถูกดึงจนพลิกตกจากม้าแล้ว 


 


 


พลังอันแสนน่าอัศจรรย์ของอ๋องขวาช่างไม่ธรรมดาจริงด้วย! บรรดาชนเผ่านอกด่านที่ชมการต่อสู้ต่างตะโกนเสียงดัง ชมเชยถูสั่วจั่ว 


 


 


ถูสั่วจั่วมือหนึ่งคว้าร่างแพะ ดาบใหญ่กวัดแกว่งอย่างรุนแรง คนในเผ่าที่อยู่ข้างหลังมันรวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ ทิศทางนั้นหาใช่จุดหมายปลายทาง กลับบุกเข่นฆ่าไปที่คู่ต่อสู้เบื้องหน้าแทน บรรดาชนเผ่านอกด่านที่อยู่โดยรอบต่างนิ่งงันก่อน จากนั้นจึงกระโดดด้วยความตื่นเต้น กู่ร้องชื่อของถูสั่วจั่วดังลั่น 


 


 


ชิงแพะแล้วหนีหาใช่ทางเลือกของอ๋องขวา มันต้องการทำให้คู่ต่อสู้พ่ายแพ้ด้วยพละกำลังในการสู้รบที่เ**้ยมหาญดุดันมากที่สุด จากนั้นค่อยมุ่งสู่จุดหมายอย่างผ่าเผยและสง่างาม กู้หน้าที่เสียให้อวี้เจียกลับคืนมาทั้งหมด ความป่าเถื่อนและความมั่นใจเช่นนี้คือสิ่งที่ชาวทูเจวี๋ยชื่นชอบมากที่สุด ทุกคนต่างร้องตะโกนให้ถูสั่วจั่ว 


 


 


ความมั่นใจของอ๋องขวามาจากพละกำลังที่แท้จริง ผู้กล้าใต้บังคับบัญชาของมันแต่ละคนต่างสู้หนึ่งต่อสิบได้ วิชาดาบอันรวดเร็วและรุนแรงมากที่สุด ไอสังหารที่ดุร้ายและเผ็ดร้อนมากที่สุด พวกมันเฉกเช่นหมาป่าเข้าไปในฝูงแกะ กวัดแกว่งดาบตรงฟาดฟัน ไม่ใส่ใจว่าคู่ต่อสู้จะเป็นผู้ใดแม้แต่น้อย 

 

 

 


ตอนที่ 598 - 2 ฝีมือยิงเกาทัณฑ์อันน่า...

 

สำหรับดินแดนอีกสองดินแดน การกระทำทุกอย่างของอ๋องขวาแทบจะเป็นการท้าทายและลบหลู่อย่างโจ่งแจ้ง แต่ทุ่งหญ้าคุยกันด้วยพลังอันแท้จริง ไม่ว่าพวกมันจะต้านทานอย่างรุนแรงสักเพียงใด ผลลัพธ์ก็ยังไม่อาจเปลี่ยนแปลง 


 


 


เมื่อคู่ต่อสู้ไม่มีผู้ใดนั่งอยู่บนหลังม้าแล้ว ถูสั่วจั่วใช้มือเดียวถือแพะ ชูดาบศึกขึ้นสูง ไอสังหารพลุ่งพล่าน เคลื่อนที่อย่างแช่มช้า ณ เส้นชัย ชาวทูเจวี๋ยจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังรอต้อนรับมัน โห่ร้องแสดงความนับถือให้มันอยู่  


 


 


“มารดามัน! เจ้าหนุ่มนี้จองหองเกินไปแล้ว” ชาวทูเจวี๋ยกรูเข้าหาอ๋องขวาราวกับสายน้ำหลาก “เยวี่ยซื่อ” ซึ่งเมื่อครู่ยังเสพสุขกับเสียงโห่ร้องยินดีปราศจากผู้สนใจไต่ถามภายในชั่วพริบตา หน้าและหลังต่างกันอย่างยิ่ง เหล่าเกาด่าทอด้วยความเดือดดาลไม่ได้ เมื่อครู่พวกเขาเพิ่งรบชนะไปรอบหนึ่ง เป็นการชนะจากฝีมือในการทำศึก ส่วนเคล็ดลับของอ๋องขวาทูเจวี๋ยกลับเรียบง่ายตรงไปตรงมา…ประชันความโหดเ**้ยมดุร้าย ใช้กำลังเอาชนะ! เห็นชัดว่าชนเผ่านอกด่านชอบวิธีการที่ตรงไปตรงมาและเร้าอารมณ์เช่นนี้มากกว่า 


 


 


อ๋องขวาเสพสุขกับเสียงโห่ร้องยินดีของฝูงชน ถึงกระนั้นกลับยังไม่ลืมที่จะกวาดตามองไปยังปะรำพิธี ข่านใหญ่ยิ้มแย้มพร้อมโบกมือให้มัน ภายในดวงตาปรากฏความชื่นชมและเทิดทูนเล็กน้อย ถูสั่วจั่วบังเกิดความพลุ่งพล่าน ใช้มือข้างหนึ่งแตะหน้าอก แสดงการคารวะอวี้เจียอยู่ไกลๆ 


 


 


รอบต่อไปถูสั่วจั่วไม่น่าจะเข้าร่วมแล้วกระมัง แม่ทัพหลินโบกมือ ขณะกำลังจะให้เหล่าหูไปจับสลากรอบถัดไปอีกครั้ง กลับเห็นอ๋องขวากับขบวนของมันเคลื่อนที่ไปกึ่งกลางทุ่งหญ้าอย่างแช่มช้า ยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครา เหลียวมองรอบด้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง 


 


 


“เรื่องอะไรกัน?!” หลินหว่านหรงรีบลากตัวหูปู้กุยกลับมา 


 


 


เหล่าหูกวาดตามองหลายรอบ ถามด้วยความตกใจออกมาว่า “พวกมันจะสู้ต่อเนื่อง?! ถูสั่วจั่วเสียสติไปแล้วหรือ?” 


 


 


ผู้ชนะจากรอบที่แล้วเลือกว่าจะสู้รอบถัดไปหรือพักผ่อนชั่วคราวเพื่อถนอมกำลังก็ได้ เนื่องจากหากพ่ายแพ้รอบหนึ่งก็จะถูกคัดออก ดังนั้นผู้ชนะแทบทุกคนจะเลือกพักผ่อนชั่วคราว ส่วนการไม่แยแสต่อความเสี่ยงมหันต์ เลือกสู้ศึกต่อเนื่องเช่นถูสั่วจั่วนี้ แทบจะเป็นการท้าทายดินแดนทั้งหมดในทุ่งหญ้านี่เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อมั่นอันเปี่ยมล้นจนระเบิดออกมา 


 


 


หลินหว่านหรงผงกศีรษะ หัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าคนนี้มีสติมากนัก มันต้องการแสดงกำลังผ่านการเอาชนะอย่างต่อเนื่อง ก่อร่างสร้างบารมี กู้หน้ากลับคืนมาต่อหน้าคนในเผ่าและอวี้เจีย” 


 


 


เมื่อพูดเช่นนี้ทุกคนล้วนเข้าใจได้ เหล่าเกาหัวเราะฮิฮะคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เก่งนักก็ให้มันยืนอยู่ในสนามอย่าขยับ สู้ต่อไปเรื่อยๆ ดูสิว่าเจ้าหนุ่มนี่จะยันไปได้ถึงเมื่อไหร่” 


 


 


คำพูดล้อเล่นของเหล่าเกากลับทำให้หูปู้กุยตกใจในบัดดล “ด้วยนิสัยของถูสั่วจั่ว หากสู้จนเสียสติไปย่อมไม่มีผู้ใดเอาชนะมันได้แน่ เจ้านี่คงยืนอยู่ไม่ยอมลงจากสนามแล้ว ส่วนพวกเรายังขาดการชนะตาหนึ่ง…” 


 


 


ไม่คิดก็ไม่รู้ พอคิดก็ต้องตกใจ ด้วยการยั่วยวนอันมหาศาลของข่านใหญ่ดาบทอง อีกทั้งอ๋องขวายังต้องการพิสูจน์กำลังอันแท้จริงของตนต่อหน้าอวี้เจียอีก ย่อมทำเรื่องอะไรก็ได้ทั้งสิ้น หากมันครองสนามอยู่ตลอดจริง ถ้าต้องการเก็บชัยชนะครบสามรอบเพื่อปะปนเข้าเค่อจือเอ่อร์ หรือว่าต้องให้ข้าไปแลกกับถูสั่วจั่ว? 


 


 


หลินหว่านหรงตกตะลึง 


 


 


ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง เกาฉิวดึงแขนเสื้อเขาด้วยความตึงเครียดอยู่บ้าง “น้องหลิน ตอนนี้ทำเช่นไร?!” 


 


 


หลินหว่านหรงคิดแล้วคิดอีก จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ข้าก็หมดหนทาง ถึงเวลาคงทำได้แค่แลกกับมันสักตั้งแล้ว เพียงแต่ข้ารู้สึกว่า หากถูสั่วจั่วต้องการครองสนามไม่ยอมออกมา เกรงว่าคงไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น” 


 


 


“เพราะเหตุใด?!” พวกของหูปู้กุยสองคนเอ่ยถามพร้อมกัน 


 


 


หลินหว่านหรงหัวเราะ “พี่ชายทั้งสองลองคิดดู หากถูสั่วจั่วต้องการชนะการแข่งขันชิงแพะเพื่อสู่ขออวี้เจียจริง จะเกิดผลลัพธ์เช่นไร?” 


 


 


นี่ยังต้องคิดอีกหรือ? เหล่าเกาหัวเราะฮิ “ย่อมเป็นถูสั่วจั่วครองอำนาจใหญ่แต่เพียงผู้เดียว เป็นผู้ปกครองทุ่งหญ้าแล้ว!” 


 


 


“นี่ไม่จบแล้วหรือ?” หลินหว่านหรงกล่าวด้วยท่าทีผ่อนคลาย “แต่เดิมเป็นสถานการณ์ที่มีขุมอำนาจหลายเส้า ต่างฝ่ายต่างถ่วงดุลซึ่งกันและกัน หากถูกทำลายไปเช่นนี้ ให้ถูสั่วจั่วที่จิตใจมักใหญ่ใฝ่สูงเป็นใหญ่และเป็นผู้แข็งแกร่ง ปาเต๋อหลู่กับลู่ตงจ้านจะยอมตกลงหรือ? อวี้เจียจะตกลงหรือ?!” 


 


 


สมองหูปู้กุยกระจ่างวูบ กล่าวด้วยความยินดีว่า “ท่านแม่ทัพ ความหมายของท่านก็คืออวี้เจียกับอ๋องซ้ายจะลอบขัดขวางการชิงที่หนึ่งของถูสั่วจั่วหรือขอรับ?” 


 


 


“เดาดูเท่านั้นเอง” แม่ทัพหลินแบมือ “ความฉลาดของอวี้เจียทุกคนก็เคยรับรู้มาแล้ว ความจริงเป็นเช่นไรคงมีแค่รอคอยเท่านั้น!” 


 


 


เหล่าเกาชูนิ้วโป้ง ถอนหายใจแล้วพูดว่า “น้องหลิน ข้าเหล่าเกายอมเจ้า หากเอ่ยถึงความฉลาดและสติปัญญา น่าจะมีแค่เยวี่ยหยาเอ๋อร์ที่สูสีกับเจ้าแล้วล่ะ!” 


 


 


แม่ทัพหลินหัวเราะฮ่าๆ “นางไม่ได้ขี้โกงเหมือนข้า ส่วนข้าก็เจ้าเล่ห์ไม่เท่านาง ต่างฝ่ายต่างมีจุดเด่นเท่านั้นเอง” 


 


 


กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ ตะเภาเดียวกัน! หูปู้กุยกับเกาฉิวสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย กำหนดความหมายให้คนทั้งสองคน 


 


 


ถูสั่วจั่วไปยืนอยู่กลางสนาม ก่อให้เกิดปฏิกิริยาอย่างต่อเนื่องทันที ดินแดนเล็กซึ่งยังไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันบางดินแดนแหกปากด่าทอยกใหญ่ เมื่อมีอ๋องขวาขวางอยู่ข้างหน้าโอกาสที่พวกมันจะชนะสักรอบก็แทบจะเป็นศูนย์ 


 


 


วีรบุรุษเช่นนี้ย่อมทำให้สาวน้อยจำนวนนับไม่ถ้วนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง พวกนางกรูเข้าไปหา มอบมาลัยดอกไม้ที่บรรจงถักสานอย่างตั้งใจ เพียงแต่อ๋องขวามีคนอยู่ในใจ ผลักไสสาวน้อยเหล่านั้นไปด้านข้างอย่างไร้ไมตรีต่อหน้าอวี้เจีย 


 


 


ด้วยความเสียใจ บรรดาสาวน้อยจึงถอยออกไปหาคนที่รองลงไป มอบมาลัยดอกไม้ให้เหล่าผู้กล้าที่อยู่ข้างกายอ๋องขวา 


 


 


ชนเผ่านอกด่านเหล่านี้ไม่ได้มีข้อห้ามอะไรมากมายนัก ไม่ปฏิเสธผู้ที่เข้ามาหา บนคอของแต่ละคนต่างแขวนมาลัยดอกไม้อันวิจิตรงดงาม สาวน้อยทูเจวี๋ยที่มาสายสักหน่อยก็รู้สึกเสียใจ ด้วยความจนใจจึงคล้องมาลัยดอกไม้บนคอม้าศึกของเหล่าผู้กล้าเพื่อให้เกียรติ  


 


 


ขบวนของถูสั่วจั่วเป็นลายพร้อยหลากสีสัน มีมาลัยดอกไม้สีสันสดใสคล้องเต็มไปหมด ดึงดูดสายตาริษยาจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่เหมือนมาแข่งขัน แต่กลับเหมือนมาจัดงานเทศกาลดอกไม้ ม้าศึกบางตัวเหมือนปรับตัวกับการคล้องมาลัยดอกไม้เต็มไปหมดไม่ได้ มีบางตัวที่เดินย่ำวนไปมาด้วยความกระวนกระวาย บางครั้งยังได้ยินเสียงฟืดฟาดจากพวกมันอีกด้วย 


 


 


หลินหว่านหรงส่ายหน้าด้วยความรู้สึกขบขัน กวาดสายมองหลายครั้ง กลับต้องค่อยๆ ประหลาดใจเล็กน้อย มาลัยดอกไม้ซึ่งบรรดาสาวน้อยมอบให้เหล่านี้มีตัวดอกที่แตกต่าง มากมายหลากสีสัน ถึงกระนั้นกลับวิจิตรงดงามเฉกเช่นกัน ฝีมือการถักและการปักราวกับเคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน แฝงความรู้สึกอันคุ้นเคยอยู่บ้างรางๆ น่าแปลกเสียจริง! 


 


 


ขั้นตอนต่อมาไม่ต่างจากที่คิดเอาไว้ อาศัยกำลังอันดุดันและความโหดเ**้ยม ถูสั่วจั่วชนะต่อเนื่องสี่รอบ ดินแดนซึ่งกล้าออกมาสู้รบเพื่อคานอำนาจกับอ๋องขวาเหล่านั้นจะกี่มากน้อยก็มียอดฝีมืออยู่บ้าง แม้บางครั้งจะได้เปรียบเล็กน้อย แต่กลับพ่ายแพ้ต่อกำลังอันน่าอัศจรรย์ของถูสั่วจั่วโดยปราศจากข้อยกเว้น 


 


 


อวี้เจียสีหน้าสงบนิ่ง เผยรอยยิ้มออกมาเป็นบางครั้ง โบกมือให้อ๋องขวากับเหล่าผู้กล้าของมัน เมื่อมีการให้กำลังใจเช่นนี้ ถูสั่วจั่วจึงยิ่งคึกคัก ปราศจากผู้ต้านทาน ดาบฟันลงไปหลายครั้งปราศจากผู้ที่โต้คืนกลับมาได้   


 


 


“รอบที่ห้าแล้ว! รีบดูธงนกอินทรีนั่นสิ นี่คือชนเผ่านอกด่านจากดินแดนของอ๋องซ้ายปาเต๋อหลู่!” 


 


 


เหล่าเกาชี้ไปยังชาวทูเจวี๋ยซึ่งกำลังต่อสู้ชุลมุนอยู่กลางสนาม พูดด้วยความตื่นเต้นแฝงด้วยความตึงเครียด 


 


 


ฝุ่นดินคละคลุ้ง ทหารม้าราวยี่สิบกว่าคนวิ่งวนไล่ตามอยู่บนทุ่งหญ้าเสียงดาบทวนกระทบกันแจ่มชัด ดังเข้าสู่ใบหูอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ไม่ได้ได้เปรียบเพียงฝ่ายเดียวอย่างที่คาดไว้ เหล่าชนเผ่านอกด่านแต่ละคนต่างดุดันห้าวหาญพอๆ กัน สองฝ่ายเจ้าไปข้ามา ไล่ตามเข่นฆ่า ดุเดือดยิ่งนัก 


 


 


ไม่เสียทีที่เป็นดินแดนของปาเต๋อหลู่อันเ**้ยมหาญ แม้ตัวของอ๋องซ้ายทูเจวี๋ยจะอยู่แนวหน้า ไม่อาจเข้าร่วมด้วยตัวเอง เหล่าผู้กล้าภายในดินแดนของปาเต๋อหลู่ก็ยังคงประจันหน้ากับกลุ่มของอ๋องขวาอย่างทัดเทียมกัน และในการแข่งขันชิงแพะของทุกปีก็มีศึกใหญ่ของสองดินแดนนี้ที่น่าดูมากที่สุด ปีนี้แม้จะจืดชืดไปบ้างเพราะอ๋องซ้ายไม่ได้นำทัพด้วยตนเอง แต่ประเพณีการแลกชีวิตอย่างเอาเป็นเอาตายของทั้งสองฝ่ายกลับดำเนินต่อไป 


 


 


ทั้งสองต่างเป็นดินแดนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของทูเจวี๋ย ไม่มีใครยอมใคร การกระทบกระทั่งครั้งนี้พลันบังเกิดสะเก็ดไฟสาดกระเซ็นไปทั่ว คนเบียดคน ม้าชนม้า นับตั้งแต่เริ่มต้นทั้งสองฝ่ายก็อยู่ในสภาพติดพันเช่นนี้ 


 


 


ชาวทูเจวี๋ยที่อยู่โดยรอบเลือดลมพลุ่งพล่าน โห่ร้องอย่างลืมตัว สร้างกำลังใจให้กับเหล่าผู้กล้าที่กำลังฆ่าฟันกันอยู่ ทุ่งหญ้าบังเกิดคลื่นความร้อนที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า 


 


 


หากใช้ความสามารถของทัพเดี่ยวแต่ละทัพ ทั้งสองดินแดนอาจพูดได้ว่ากินกันไม่ลง เดิมทีควรเป็นศึกใหญ่ที่มีกำลังรบเท่าเทียมกัน เพียงแต่น่าเสียดายที่ปาเต๋อหลู่ไม่อาจมาด้วยตนเอง ผู้กล้าซึ่งรับหน้าที่ผู้นำแทนแม้จะมีเรี่ยวแรงมหาศาล ท่าทีดุดันห้าวหาญก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับถูสั่วจั่ว สุดท้ายแล้วกลับด้อยกว่าขั้นหนึ่ง หากไม่ใช่มันเสี่ยงหัวหลุดจากบ่า รบพัวพันถูสั่วจั่วอย่างเอาเป็นเอาตายหลายครั้ง แพะอ้วนพีตัวนั้นคงถูกอ๋องขวาชิงไปตั้งนานแล้ว 

 

 

 


ตอนที่ 598 - 3 ฝีมือยิงเกาทัณฑ์อันน่า...

 

“ขาดปาเต๋อหลู่ไปคนหนึ่ง พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ถูสั่วจั่ว!” อ๋องขวาทูเจวี๋ยวิ่งห้อตะบึงประดุจสายลม ทุกดาบล้วนทำให้คู่ต่อสู่ร่างสั่นสะท้าน แม้จะชนะต่อเนื่องห้ารอบ ทว่ากลับไม่เห็นว่าจะหมดเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย หลายครั้งที่เกือบทำให้หัวหน้าจากดินแดนปาเต๋อหลู่พลิกตกลงจากม้า หูปู้กุยที่มองดูการต่อสู้ทางนี้มีสีหน้าตึงเครียดยิ่งนัก 


 


 


บนทุ่งหญ้า ผู้ที่มีกำลังต่อสู้ต้านทานถูสั่วจั่วได้มีแค่ปาเต๋อหลู่ หากอ๋องซ้ายแพ้พ่ายก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการแข่งขันชิงแพะจะกลายเป็นดินแดนของอ๋องขวา และเมื่อดูจากรูปการณ์ตอนนี้ สถานการณ์กำลังคืบคลานไปยังทิศทางนั้น แล้วเหตุใดอวี้เจียถึงยังไม่ลงมือ? 


 


 


เขาเหล่มองไปทางปะรำพิธีด้วยความร้อนใจอยู่บ้าง อวี้เจียนั่งอยู่บนบัลลังก์ หรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย ใบหน้าปราศจากความรู้สึก ดวงตาสาดประกายเย็นเยียบ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่บ้าง 


 


 


“ดูเร็ว มีคนตกจากม้าแล้ว!!!” หูปู้กุยร้องอย่างเร็วรี่ ดึงสติของหลินหว่านหรงให้กลับคืนมา เมื่อทอดสายตามองไป ขณะที่กำลังวิ่งห้อตะบึงอย่างเร็วรี่ ผู้กล้าคนหนึ่งของอ๋องขวาก็เงื้อดาบโค้งขึ้นขวางการโจมตีของศัตรู ถึงกระนั้นกลับไม่รู้เพราะเหตุใด อาชาใต้ร่างมันกลับล้มเอนไปข้างหน้า ขาหน้างอล้มลงกับพื้น นักขี่ม้าผู้นั้นถูกเหวี่ยงขึ้นสูง สะบัดหลุดกระแทกพื้นอย่างหนัก 


 


 


คนในเผ่าถูสั่วจั่วต่างเป็นนชั้นสุดยอด ฝีมือขี่ม้าล้ำเลิศ แล้วเหตุใดถึงร่วงลงจากม้าอย่างน่าประหลาดได้? เหตุเกิดอยู่ใกล้ยิ่งนัก ชาวทูเจวี๋ยที่อยู่โดยรอบไม่ทันได้สติก็ได้ยินเสียงตึงๆ ดังลั่นหลายครั้ง ม้าศึกในสังกัดถูสั่วจั่วต่างล้มลงสี่ห้าตัวภายในชั่วพริบตา เหวี่ยงผู้ที่ขี่อยู่หลุดออกไปอย่างแรง อาชาพ่วงพีใต้ร่างอ๋องขวาก็ซวนเซอยู่หลายครั้ง โชคยังดีที่ถูสั่วจั่วมีฝีมือขี่ม้าเป็นเลิศ มันใช้สองขาหนีบ คลายบังเ**ยนเล็กน้อย ม้าศึกตัวนั้นถึงยืนยิ่งได้ ความรวดเร็วลดทอนลงไปมาก 


 


 


“ม้าศึกของถูสั่วจั่วเหนื่อยสายตัวแทบขนาดแล้ว ผู้กล้าทั้งหลาย ตามข้าบุก!” ครั้นหัวหน้าจากดินแดนของปาเต๋อหลู่ซึ่งแต่เดิมมีสภาพทุลักทุเลดูไม่จืดเห็นรุปการณ์ก็ร้องเสียงดัง กวัดแกว่งดาบม้า พาผู้ใต้บังคับบัญชาบุกเข้ามา 


 


 


เสียงร้องโอดโอยดังขึ้น คนในเผ่าอ๋องขวาที่ร่วงลงจากม้ายังไม่ทันยืนขึ้นก็ถูกฝ่ายตรงข้ามฟันจนล้มอย่างแรง 


 


 


“ปาเต๋อหลู่ตัวดี กลับกล้าวางยาม้าของข้า! ถูสั่วจั่วจะไม่ละเว้นเจ้าเด็ดขาด!” อ๋องขวาทูเจวี๋ยเดือดดาลแล้ว มันห้อยร่างแพะอยู่บนหลังม้า หวดแส้อย่างรุนแรง พุ่งสู่เส้นชัยอย่างเร็วรี่ 


 


 


นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าสนามที่ถูสั่วจั่ววิ่งสู่เส้นชัยโดยไม่ได้เอาชนะ เมื่อตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบ ทิ้งหน้าตาลงไปอย่างทันท่วงที ตัดสินใจเปลี่ยนยุทธศาสตร์ด้วยความเด็ดขาด อ๋องขวาทูเจวี๋ยช่างมีฝีมืออยู่บ้างจริง ๆ  


 


 


เมื่อเห็นถูสั่วจั่วที่หนีไปด้วยสภาพทุลักทุเล เกาฉิวหัวเราะร่วนแล้วพูดว่า “ใครใช้ให้เจ้าเด็กนี่ขี้โอ่ แม้ม้าศึกก็ไม่ยอมให้พักสักครู่ ตอนนี้ดีเลย ม้าเหนื่อยจะแย่ วิ่งจนล้ม นี่คือกรรมตามสนองแล้วนะ” 


 


 


หูปู้กุยเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเลี้ยงม้า เขาขมวดคิ้ว ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “น่าแปลก ม้าศึกของพวกถูสั่วจั่วแทบจะดีที่สุดบนทุ่งหญ้าแล้ว แล้วเหตุใดถึงล้มลงอย่างน่าประหลาดได้? มิหนำซ้ำยังล้มลงพร้อมกันอีกด้วย?! นี่มีอะไรแปลกๆ ถูสั่วจั่วด่าได้ถูกต้อง ต้องเป็นคนในเผ่าของอ๋องซ้ายเล่นลูกไม้แน่!” 


 


 


เล่นลูกไม้?! มองดูมาลัยดอกไม้แหลกลาญกระจัดกระจายซึ่งห้อยอยู่บนคอม้าทูเจวี๋ยที่ล้มลงพวกนั้น หลินหว่านหรงปรบมือฉาดทันที หัวเราะเสียงดังพร้อมเอ่ยว่า “เยี่ยมๆ! ยิงหินนัดเดียวได้นกสองตัว นังหนูคนนี้ช่างเป็นคนฉลาดเหมือนข้าจริงๆ!” 


 


 


เกาฉิวฟังอะไรบางอย่างออก ดังนั้นจึงเบิกตาโพลง รีบพูดขึ้นมาว่า “น้องหลิน ความหมายของเจ้าคืออวี้เจียเล่นลูกไม้?! สวรรค์ เป็นไปได้อย่างไรกัน? ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ได้แตะต้องม้าพวกนั้นเลย แล้วจะลงมือได้อย่างไร?! ลงมือผ่านใคร?!” 


 


 


หูปู้กุยเต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน ต้องการเล่นลูกไม้ต่อหน้าต่อตาคนเช่นถูสั่วจั่วนี้ ไม่เพียงต้องมีความกล้าและสติปัญญาเท่านั้น และยิ่งต้องใช้ฝีมืออันสูงส่งอีกด้วย 


 


 


“คนฉลาดไม่เคยต้องลงมือด้วยตนเอง!” หลินหว่านหรงตบบ่าเกาฉิว ยิ้มแย้มเล็กน้อย “มิหนำซ้ำข้าขอรับประกันกับท่าน ต่อให้ถูสั่วจั่วจะฉลาดอีกสักเพียงใด มันไม่มีทางรู้ว่าผู้อื่นลงมือเช่นไรแน่! และนี่ก็คือจุดที่สูงส่งนั่นเอง” 


 


 


ใจเขาพลันรู้สึกอบอุ่น ไม่ใช่เพื่อเรื่องอื่น แต่เพราะเรื่องของฝีมือที่ราวกับเคยทำมาก่อน 


 


 


สมัยก่อนตอนที่ประชันกับเหมยเยี่ยนชิวด้วยโทสะที่สถานศึกษาในเมืองจินหลิง การประลองฝีมือกับอ๋องน้อยเจ้าคังหนิง ไม่ใช่ว่าเขาก็เคยเล่นลูกไม้แบบเดียวกันหรอกหรือ?! เพียงแต่คนหนึ่งใช้น้ำหอม คนหนึ่งใช้มาลัยดอกไม้ก็เท่านั้นเอง นึกถึงคำพูดประโยคนั้นของเหล่าเกา “เยวี่ยหยาเอ๋อร์กับน้องหลินถึงจะเหมาะสมกันมากที่สุด” ช่างมีความหมายอยุ่บ้างจริงๆ  


 


 


สถานการณ์ภายในสนามย้อนศร อ๋องขวาทูเจวี๋ยซึ่งเมื่อครู่ยังครองความได้เปรียบเริ่มหลบหนีหัวซุกหัวซุนภายในชั่วพริบตา ชาวทูเจวี๋ยทุกคนต่างเบิกตาโพลง อยากจะดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แม้แต่ข่านน้อยเองก็ยังอดป้องตามองไม่ได้ สายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย 


 


 


สถานการณ์ภายในสนามเทไปที่อีกฝั่งหนึ่ง ถูสั่วจั่วขี่ม้าทุพพลภาพวิ่งห้อตะบึงเร็วรี่อยู่ข้างหน้า ข้างหลังมีผู้กล้าชั้นยอดของปาเต๋อหลู่กำลังไล่ตามอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ อาชาใต้ร่างอ๋องขวาสมกับเป็นอาชาเทพ อยู่ในสภาพอันสาหัสเพียงนี้แต่กลับยังรักษาความเร็วไว้ได้ ทำให้หูปู้กุยชมดูโดยไม่กล้ากะพริบตา 


 


 


ถูสั่วจั่วแบกแพะเดินทาง กำลังถดถอยถึงที่สุดแล้ว เพียงชั่วครู่ต่อมาคนในเผ่าอ๋องซ้ายก็ไล่ตามทัน มันกอดแผงคอม้าแน่น หันกลับมามองไม่หยุด ความร้อนรนภายในดวงตาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน 


 


 


ไม่เคยเห็นอ๋องขวาอยู่ในสภาพดูไม่จืดเช่นนี้มาก่อน คนในเผ่าอ๋องซ้ายหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ผู้กล้าที่เป็นหัวหน้าคนนั้นควบม้าน้ำหน้า บุกอยู่เบื้องหน้าสุด ขณะที่กำลังจะตีคู่กับมันดาบโค้งที่อยู่ในมือก็ส่งเสียงหวีดหวิว ฟันลงไปที่ศีรษะถูสั่วจั่ว 


 


 


ที่รอก็คือช่วงเวลานี้! ไม่รอให้ดาบใหญ่ฟันลงมา ร่างของอ๋องขวาทูเจวี๋ยก็พุ่งพรวดขึ้นทันที ขาออกแรงกระโดดออกจากหลังม้า อาชาที่อยู่ใต้ร่างล้มร่างกายอ่อนยวบ ส่วนร่างของมันกลับลอยขึ้นกลางอากาศ โผออกไปมากกว่าครึ่งจั้ง ร่อนลงข้างหลังหัวหน้าชนเผ่านอกด่านผู้นั้นพอดี กำปั้นทั้งสองข้างดั่งสายฟ้า ไม่รอให้ฝูงชนมีปฏิกิริยาตอบสนอง ขมับของชนเผ่านอกด่านนั้นถูกอัดหนักๆ คราหนึ่ง ล้มลงบนพื้นเสียงดังโครม แน่นิ่งไป 


 


 


ความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนี้เกิดขึ้นภายในชั่วงประกายไฟ ชาวทูเจวี๋ยยังไม่ทันกะพริบตา สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงราวกับพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินแล้ว  


 


 


ใบหน้าของข่านใหญ่ดาบทองฉายแววตกใจออกมาวูบหนึ่ง จากนั้นก็กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยพลัน นางกัดริมฝีปากสีแดงชุ่มชื่น กลับเป็นฝ่ายปรบมือให้ถูสั่วจั่วก่อน  


 


 


ชาวทูเจวี๋ยราวกับตื่นขึ้นจากความฝัน เสียงโห่ร้องยินดีดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นดินแดนใดต่างยอมศิโรราบต่อฝีมืออันล้ำเลิศของถูสั่ว เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างยิ่งแต่กลับเสียผู้นำไปอย่างน่าประหลาดภายใต้ความเปลี่ยนแปลงอันเร็วรี่เช่นนี้ ทำให้คนในเผ่าของอ๋องซ้ายปรับตัวไม่ทัน อ๋องขวาทูเจวี๋ยขึ้นขี่ม้า ถือแพะอ้วนพีห้อตะบึงฝุ่นตลบราวกับมังกรลงสู่ห้วงมหรรณพ ไม่มอบโอกาสอื่นใดให้ฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไป 


 


 


หลินหว่านหรงถอนหายใจยาว “ผลงานล้มเหลวตอนใกล้จะสำเร็จ…ถูสั่วจั่วร้ายกาจจริงๆ! พี่หู ท่านรีบไปจับสลาก รอบต่อไปคือโอกาสดีครั้งใหญ่ของเราแล้ว! ขอเพียงชนะอีกครั้ง ทุกอย่างก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราอีก!” 


 


 


“หา? เจ้าไม่กังวลว่าถูสั่วจั่วจะกลับมาอีกหรือ?!” เหล่าเการีบถาม 


 


 


หลินหว่านหรงหัวเราะฮิฮะ “ด้วยสภาพในตอนนี้ หากถูสั่วจั่วยังไม่ยอมรับการสั่งสอนอีก มันก็ไม่ใช่อ๋องขวาทูเจวี๋ยแล้ว ก่อนที่จะทำความเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มันไม่มีทางลงสนามโดยง่ายแน่นอน!” 


 


 


ผ่านไปครู่หนึ่งหูปู้กุยจึงกลับมา ชูสลากที่อยู่ในมือ เช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากแล้วพูดว่า “ท่านย่ามัน! ทางนั้นวุ่นวายกันใหญ่ ยากนักกว่าถูสั่วจั่วจะไปพักผ่อน ดินแดนน้อยใหญ่ต่างคิดโอกาสอันดีเช่นนี้เพื่อเอาชนะ โชคดีที่แม่ทัพหลินเตือนสติตั้งแต่เนิ่นๆ หากช้าอีกสักหน่อย พวกเราก็ไม่รู้ว่าต้องต่อแถวไปถึงเมื่อใด!” 


 


 


ถูสั่วจั่วชนะหกรอบแล้ว มันจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ หรือพูดอีกอย่าง ไม่ว่าผู้ใดที่ต้องการได้รับชัยชนะครั้งสุดท้ายก็ต้องผ่านด่านของอ๋องขวานี้ หลังจากการเกือบเอาชนะของดินแดนปาเต๋อหลู่ ยังมีผู้ใดกล้ามาต่อสู้กับอ๋องขวาทูเจวี๋ยผู้เ**้ยมหาญคนนี้อีก?! 


 


 


โชคดีที่แม่ทัพหลินตั้งเป้าหมายไว้ต่ำ ขอเพียงชนะอีกรอบ ได้คุณสมบัติที่จะเข้าเมืองก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องชิงที่หนึ่งเลย! 


 


 


การแข่งขันรอบที่สามสงบนิ่ง กระทั่งว่ายังปราศจากจุดให้รำลึกถึงอีกด้วย เห็นชัดว่าดินแดนฝ่ายตรงข้ามทั้งสองถูกการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่านของอ๋องขวาจนก่อให้เกิดเงาภายในใจ บวกกับได้เห็นวิธีการต่อสู้ของหมาป่าอันโหดเ**้ยมอำมหิตของเยวี่ยซื่อ พอลงสนามจึงขลาดกลัวอยู่บ้าง 


 


 


แม่ทัพหลินถ้าทำแล้วต้องทำถึงที่สุด ให้หูปู้กุยชิงแพะแล้ววิ่งอยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เขากับพี่น้องที่เหลือล้อมเขาและคุ้มกันอยู่ข้างหลัง บวกกับเหล่าเกาผู้ดุร้ายคุมหลัง ใช้การรบโอบล้อมอย่างน่าละอายขวางชนเผ่านอกด่านอยู่รอบนอก 


 


 


ดินแดนซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดบนทุ่งหญ้า เอาชนะการแข่งขันชิงแพะต่อเนื่องสามรอบ ตัวของผลการแข่งขันก็เพียงพอให้ตื่นตระหนกแล้ว เพียงแต่เมื่อชมการแข่งขันอันดุเดือดของอ๋องขวาจนเคยชิน ความสนใจที่ชาวทูเจวี๋ยมีต่อพวกเขาจึงลดทอนลงไปมาก กลับไม่ค่อยมีผู้ใดสนใจพวกเขาสักเท่าไหร่ 


 


 


“คราวนี้ดีแล้ว ไม่ว่าใครจะชิงที่หนึ่งก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา รอแค่เข้าเมืองก็พอแล้ว!” หูปู้กุยกล่าวระคนหัวเราะ ยามนี้เป็นช่วงบ่ายแล้ว ในสนามยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด คึกคักยิ่งนัก อ๋องขวากลัมาที่เผ่าแล้ว กำลังปรึกษาอะไรบางอย่างกับคนในเผ่า ดูท่าทางกำลังกระบวนทัพในการแข่งใหม่ ท่ามกลางดินแดนที่เหลืออยู่ ที่ส่งผลคุกคามต่ออ๋องขวาได้ก็มีไม่กี่แห่งแล้ว หากไม่เหนือความคาดหมาย ผู้ชนะในการแข่งขันชิงแพะครั้งนี้ต้องเป็นของถูสั่วจั่วแน่ 


 


 


เพียงแต่ทุกสิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว เป้าหมายบรรลุแล้ว ใครจะเป็นสามีของข่านดาบทอง สำหรับพวกเขาไม่สำคัญแม้แต่น้อย  


 


 


จนถึงยามสายัณห์ ถูสั่วจั่วถึงพกพารอยยิ้มหยิ่งผยองลงสนามอีกครั้งหนึ่ง ดินแดนที่เหลือบนทุ่งหญ้ามีเพียงไม่กี่แห่งแล้ว และที่เอาชนะต่อเนื่องได้สามรอบก็ยิ่งนับนิ้วได้ 


 


 


การกลับมาใหม่ของอ๋องขวาครานี้ต่างจากคราก่อนโดยสิ้นเชิง การรบกับดินแดนของปาเต๋อหลู่คืนเกียรติยศให้มันอีกครั้งหนึ่ง บวกกับการเอาชนะหกรอบก่อนหน้านี้ ถือว่าทรงพลานุภาพ ยิ่งใหญ่เกรียงไกร เหล่าชาวทูเจวี๋ยไม่มีผู้ใดเคารพเทิดทูนมัน 


 


 


ผู้ที่มีผลงานโดดเด่นเอาชนะได้สามรอบต่อเนื่องถึงจะมีคุณสมบัติสู้กับถูสั่วจั่ว ส่วนดินแดนของอ๋องซ้ายก็พ่ายแพ้ใต้เงื้อมมือถูสั่วจั่วเพียงผู้เดียว กำลังวังชาอันทรงพลานุภาพเช่นนี้ยังมีผู้ใดสู้มันได้อีก? 


 


 


ไม่กินหนึ่งชั่วยาม อ๋องขวาก็ใช้ความเร็วดั่งลมพายุสลาตันกวาดล้าง ผู้ชนะทั้งหมดต่างพ่ายแพ้ต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของมัน 


 


 


“ยังมีผู้ใดจะสู้กับถูสั่วจั่วอีก?!” อ๋องขวาทูเจวี๋ยยืนอยู่กลางทุ่งหญ้า ยืนร่างเหยียดตรงด้วยความหยิ่งผยอง เปล่งเสียงหัวเราะดังลั่น เสียงอันกระจ่างใสทรงพลังนั้นแพ่ไปทั่วทุกหัวระแหง 


 


 


ทุ่งหญ้าเงียบงัน นอกจากเสียงฟืดฟาดเบาๆ ของม้าศึกก็ไม่มีผู้ใดกล้าตอบมัน 


 


 


ถูสั่วจั่วร้องเรียกต่อเนื่องหลายครั้ง รอบด้านต่างเงียบงัน มันผงกศีรษะด้วยความพอใจ ขณะกำลังจะพุ่งเข้าหาดาบทองซึ่งแขวนอยู่เหนือปะรำพิธีนั้นกลับเห็นข่านใหญ่อวี้เจียผู้งดงามค่อยๆ ลุกยืนขึ้น 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม