สาวน้อยปลูกผัก 593-599
TQF:บทที่ 593 เริ่มมีความหวัง (1)
“ไม่ หากเราอยากมีที่ยื่นก็ต้องจัดการเรื่องนี้”
เว่ยหัวมีสีหน้าเคร่งขรึม “กว่าพวกเราจะสมัครกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 3 จนเลื่อนฐานะในฮวงยันได้ แต่ก้ยังเทียบกับอิทธิพลอื่นๆไม่ได้ จะเป็นที่ 2 ในกลุ่มทหารรับจ้างก็ต้องเขี่ยกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนออกไปให้ได้”
“งั้นพวกเรา….”
“พวกเรายังรีบร้อนไม่ได้….”
เว่ยหัวขมวดคิ้วแน่น มองคนตรงหน้าที่เป็นทั้งหัวหน้ากลุ่มและสหายคนสนิท “ในช่วงที่ยังไม่แน่ใจในพลังที่แท้จริงของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน พวกเราไม่ควรวู่วาม”
“เว่ยหัว เจ้าหมายความว่าให้เราอดทนไปก่อนรึ” หัวหน้ากลุ่มลวี่เอ่ยเสียงเข้ม “แม้ว่าพวกเรากับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะไม่ได้ขัดผลประโยชน์อะไรกันมาก แต่พวกเขาไม่ไว้หน้าพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า หากพวกเรานิ่งเฉยอยู่ทหารรับจ้างในฮวงยันต้องดูหมิ่นเราแน่”
“ไม่หรอกพี่ลวี่ บางครั้งเราก็ต้องเลือก ที่เจ้าพูดก็ถูก เรื่องที่กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนแย่งตึกชุนเหอที่เราต้องการไปกับเรื่องที่พวกเขาตีกลุ่มทหารรับจ้างเถี่ยฉุยจนขาหักนั้น พวกเราแค่แกล้งวางท่าก็พอ ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องพวกนี้ไปสู้เอาเป็นเอาตายกับพวกเขาจริงๆ”
พูดมาถึงตรงนี้เว่ยหัวหยุดไปนิดนึง “แต่เสียตึกชุนเหอให้กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไปนี่น่าเสียดายจริงๆ พวกเราอุตส่าได้โอกาสนี้มากลับถูกคนของกลุ่มทหารรับซื่อหุนชิงตัดหน้าไปก่อน”
“เฮอะ พวกเขากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนต่างหากที่มามีเรื่องกับเรา ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ข้าก็ต้องกู้ศักดิ์ศรีให้ได้ จะได้ไม่ให้พวกทหารรับจ้างนั่นมาดูถูกพวกเรา”
“ไม่ต้องรีบร้อนในบัดเดี๋ยวนี้หรอก ร้านของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนยังไม่เปิดไม่ใช่เหรอ เรารอโอกาสก่อน”
“เว่ยหัวมีแผนแล้วเหรอ”
“รอดูก่อน บอกสหายของเราให้คอยจับตาดูพวกกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไว้”
“สหายเราจับตาไว้นานแล้ว”
“งั้นก็ดี”
สีหน้าของทั้งคู่อึมครึม สายตาเย็นยะเยือกดั่งงูพิษที่รอฉกเหยื่อให้ตาย
“เสี่ยวเสี่ยว…”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่กำลังร่างแบบแผนอยู่เงยหน้าตามเสียงก็เห็นท่านย่าผลักประตูเข้ามา จึงรีบวางพู่กันลงและฉีกยิ้ม “ท่านย่า ท่านมาได้ไง”
“เจ้านี่น้า อยู่ในห้องหนังสือมา 2-3 วันแล้วไม่ยอมออกมาเลย จะยุ่งแค่ไหนก็ควรออกไปเดินหน่อย”
ฟางซูหยุนนั่งลงตรงหน้านาง เอ่ยอย่างเป็นห่วง “เจ้าหนู เหนื่อยแย่เลยสิ”
“ไม่เลยท่านย่า” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้ม “ในบ้านมีท่านย่าคอยดูแล นอกบ้านก็มีผู้เฒ่าหยิงคอยวิ่งเรื่องให้ ข้าจะไปมีธุระอะไร”
“เจ้านี่น้า ย่ารู้หมดแหละว่าเจ้าทำอะไรอยู่”
สายตากวาดไปยังกระดาษมากมายที่นางจดเอาไว้ ถอนหายใจเศร้าๆ “อยู่ที่นี่ก็ต้องให้เจ้าก่อร่างสร้างตัว เสี่ยวเสี่ยวของเรานี่เก่งกว่าผู้ชายอีก ย่าดีใจจริง”
“ท่านย่า ที่นี่ไม่มีคนนอกสักหน่อย ไม่ต้องชมหลานหรอก ไม่มีใครได้ยินสักหน่อย”
“เจ้านี่ แซวย่าเหรอ”
รอยยิ้มบนห้าฟางซูหยุนกว้างขึ้นอีก “เสี่ยวเสี่ยว ช่วงนี้ย่าลองคิดดูแล้วเรื่องที่เราจะกลับชิงยางน่ะไม่ต้องรีบก็ได้ สร้างกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนให้มั่นคงก่อน แล้วก็กระจายพวกเขาออกไปตามหาซวนซุน รอจัดการเรื่องพวกนี้ให้เรียบร้อยก่อนแล้วเราค่อยกลับไป ยังไงซะข้าก็ไม่ได้กลับไปหลายสิบปีแล้ว อีกสัก 5 ปีก็คงไม่เป็นไร”
“ท่านย่า….”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคิดไม่ถึงว่าท่านย่าจะพูดเรื่องนี้อีก ซึ้งอยู่หน่อยๆ ตอบกลับเสียงเบา “ท่านย่าวางใจเถอะ ไม่จำเป็นต้องนานขนาดนั้นหรอก ข้าคิดไว้ว่าหลังจากที่ทุกอย่างที่นี่เรียบร้อยแล้วเราก็ออกเดินทางไปชิงยางเลย แล้วก็อยากจะตั้งสาขาของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไปในทุกเมืองที่ผ่านจนถึงชิงยาง ท่านว่าดีมั้ยท่านย่า”
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าหมายความว่าจะขยายกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนในช่วงเวลาสั้นๆเหรอ แบบนี้เราจะดูแลไหวเหรอ”
ฟางซูหยุนไม่คิดว่านางจะรีบร้อนขนาดนี้ อดเป็นห่วงไม่ได้
“ท่านย่าลืมแล้วเหรอว่าคนในกลุ่มทหารรับจ้างเรามีใครบ้าง พวกเราไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงความซื่อสัตย์ของพวกเขาเลย แค่ข้อนี้เราก็ขยายกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนได้อย่างหมดห่วงแล้ว ข้าจะทำให้ชื่อกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนดังก้องไปทั่วแผ่นดินฉางไห่ในเวลาที่สั้นที่สุด เอาให้ไม่มีใครไม่รู้จักเลย”
“คุณหนูพูดได้ดี….”
ร่างของหยูเฮงน้อยปรากฏตัวออกมาตามเสียงของนาง นางกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ฮูหยินฟาง คุณหนู เราโปรยสัตว์อมตะไปทั่วผืนดินฉางไห่เหมือนหว่านเมล็ดก็ได้ พวกเราจะได้หาท่านเขยเจอในเวลาที่เร็วที่สุด แล้วก็ให้ผืนดินฉางไห่ได้เห็นว่าคนจากแผ่นดินอื่นน่ะใช่ว่าจะรังแกได้”
—————————
TQF:บทที่ 594 เริ่มมีความหวัง (2)
หยูเฮงน้อยพูดด้วยใบหน้าผยอง ตาเป็นประกาย “แล้วพวกเราก็ต้องหานังผู้หญิงชุดแดงนั่นให้เจอด้วย ข้าจะฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ ตายแล้วก็ไปเกิดใหม่ไม่ได้”
ใบหน้าเล็กๆประดับไปด้วยรอยยิ้มหวานหยดย้อย เสียงก็อ่อนโยน แต่คำพูดที่เอ่ยออกมาอาฆาตพยาบาทมาก ใครๆก็ดูออกว่าเจ้าตัวเล็กนี่ไม่ได้ล้อเล่น
ถ้าหากหญิงสาวชุดแดงมาปรากฏตัวต่อหน้านางจริงๆต้องพบจุดจบอันน่าอนาถอย่างแน่นอน
สีหน้าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเรียบเฉยราวกับไม่ได้ยิน แต่จริงๆแล้วความแค้นและความอาฆาตพยาบาทข้างในใจก็มากไม่แพ้หยูเฮงน้อยเลย หากนางได้เจอผู้หญิงคนนั้นละก็…
ฟางซูหยุนขยับปากนิดหน่อย เนิ่นนานก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่รู้ว่านางเป็นใคร ศิษย์สำนักไหน”
“ฮูหยินฟาง เราจะกลัวทำไม เรามีสัตว์อมตะนับล้าน ต่อให้เป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับเทพเจ้าก็ไม่ต้องใส่ใจ มดกัดช้างตายน่ะไม่ใช่แค่เรื่องขำขันแน่ อีกอย่าง เราจะยืนให้พวกเขามาฆ่าหรือไง”
หยูเฮงน้อยพูดไปพูดมาก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ สายตาเป็นประกายหรี่ลง ท่าทางเหมือนกำลังคุยกันว่าวันนี้อากาศดีมั้ย ไม่เหมือนกับคุยเรื่องจะไปฆ่าใครตายเลย
“มีหลายล้านแล้ว?” ฟางซูหยุนอึ้งไป ไม่คิดเลยว่าในมิติจะมีสัตว์อมตะที่กลายร่างเป็นคนนับล้านแล้ว
เรื่องนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้นานแล้วจึงไม่ได้ตกใจอะไร คุยกับหยูเฮงน้อย “ข้าให้เจ้าไปหาเผ่าอสูรเฉลียวฉลาดนี่เจ้าหาเจอรึยัง”
“คุณหนู ที่จริงระดับสติปัญญาของเผ่าอสูรไม่ต่ำนัก เพียงแต่พวกเขาไม่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตของมนุษย์ และก็ไม่รู้เรื่องความร้ายและความเห็นแก่ตัวของคน ก็แค่ใส่ซื่อไปหน่อยเท่านั้นเอง”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า นั่นมันก็จริง แต่ตอนนี้ก็ยังคิดวิธีแก้ไม่ออก
หากจะขยายกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็ต้องมีคนดูแลที่เฉลียวฉลาดเก่งกาจอยู่ทุกสาขา ไม่อย่างนั้นจะโดนล้างบางเมื่อไหร่ก็ได้
ฟางซูหยุนพินิจพิเคราะห์อยู่แปปก่อนจะบอกกับเจ้าตัวเล็กทั้ง 2 “เสี่ยวเสี่ยว หยูเฮงน้อย ข้าจำได้พวกเจ้าเคยบอกว่าสามารถส่องดูความทรงจำของผู้อื่นและคัดลอกมาได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็ไปหาความทรงจำของคนที่ฉลาดและมีกลยุทธแล้วคัดลองความทรงจำเขามาให้หมด แล้วค่อยถ่ายทอดไปให้คนของเผ่าอสูร ทีนี้พวกมันก็มีความทรงจำของคนอื่นและเท่ากับว่ามีประสบการณ์ชีวิตเดียวกัน ถ้าเป็นแบบนี้พวกมันก็คุ้นเคยกับชีวิตที่นี่ได้แล้วสิ”
“ว้าว ฮูหยินฟาง ความคิดท่านนี่สุดยอดจริงๆ ทำไมข้านึกคิดไม่ถึงนะ ฮ่าๆๆ….”
หยูเฮงน้อยดีใจจนมือไม้อยู่ไม่สุข “ปัญหานี้ก็หมดไปแล้ว คุณหนู เราอยากจะเปิดสาขามากแค่ไหนก็ได้แล้ว ไม่นานก็สามารถขยายไปทั่วผืนดินฉางไห่เยี่ยมมากๆ ฮ่าๆๆๆ”
“ดีน่ะมันก็ดี แต่ก็ต้องเจอกับการข่มเหงและการเขม่นจากคนอื่น เสี่ยวเสี่ยว เจ้าแน่ใจแล้วเหรอ”
ฟางซูหยุนยังเป็นห่วงอยู่ อย่างไรซะการเป็นที่เขม่นของคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องดี
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลิกคิ้วและยิ้มเบาๆ “ท่านย่า ที่จริงมันไม่เป็นอะไรหรอก หากเรามีพลังมากพอคนอื่นก็มาหาเรื่องเราไม่ได้ง่ายๆ อีกอย่างพวกเราก็ไม่ใช่พวกบ้าเลือดชอบฆ่าคน ไม่ได้อยากจะแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร พวกเราแค่ทำสิ่งที่เราอยากทำ หากเรามีเหตุผลมากพอ ต่อให้ความแข็งแกร่งของเราไปทิ่มแทงใจใครแล้วจะทำไม”
“บางทีอาจจะมีคนอิจฉาแล้วนำเรื่องยุ่งยากมาให้เรา แต่เพราะแบบนี้แล้วเราต้องกลัวเหรอ ไม่ว่าเราจะแข็งแกร่งไหมก็ต้องมีคนมารังแกอยู่ดี ในเมื่อการจะเอาชีวิตรอดก็ต้องเจอกับการเขม่นแล้วจะไปใส่ใจทำไม พวกเราในตอนนี้น่ะไม่จำเป็นต้องสนใจเลย หรือจะให้บอกก็คือไม่มีคนกล้ารังแกพวกเราหรอก”
“….”
ฟางซูหยุนเงียบไปนาน ที่จริงเรื่องที่หลานสาวพูดมานางก็รู้อยู่ ในเมื่อตัวเองมีความสามารถก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอะไร อีกอย่างกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็ไม่ได้จะไปชิงอันดับฐานะกับใคร จะหาเรื่องเครียดใส่ตัวทำไม
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าคิดไว้ว่าจะทำอะไรบ้าง”
“ท่านย่า ข้าคิดว่าเมื่อทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยแล้วจะให้อาจารย์ปู่คอยดูแลที่นี่”
“ให้อาวุโสอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ”
“ใช่ ให้อาจารย์ปู่อยู่ดูแลที่นี่ แล้วก็เหลือเผ่าอสูรไว้พันคน 500 คนไปดูแลร้าน รับภารกิจ และคอยล่าสมบัติ เป็นสมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนที่ให้คนข้างนอกได้เห็น ส่วน 500 คนที่เหลือก็อยู่ประจำการที่บ้านตระกูลเฉิงนี่แหละ ให้เป็นทหารยามของเรา หากเกิดอะไรขึ้นกับทหารรับจ้างของเราพวกเขาก็จะได้เข้าแทน จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องใหญ่อะไรที่แก้ไขไม่ได้กับทหารรับจ้างของเราเด็ดขาด”
“ใช่ๆ สมาชิกจักพรรดิ์อมตะ 1,000 คน ต่อให้กลุ่มทหารรับจ้างระดับ 1 ชังเอ้าก็ไม่มีความสามารถขนาดนี้หรอก เพียงพอแล้วที่จะรักษาบ้านตระกูลเฉิงของเราไว้” หยูเฮงน้อยสมทบ
คิดไปคิดมาฟางซูหยุนก็พยักหน้าเห็นด้วย “แบบนี้ก็ได้ แต่ว่าที่นี่ถือเป็นฐานทัพหลักของกลุ่มทหารรับจ้างเรา ข้าว่าเจ้าเหลือเผ่าอสูรอีกสัก 1,000 คนหรือ 500 คนไว้ที่หุบเขารอบๆนี้ก็ได้ นอกจากล่าสมบัติแล้วก็คอยปกป้องบ้านตระกูลเฉิงจากมุมมืดด้วย เหลือพลังนี้กันไว้จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร”
“ก็ดี พวกเราก็ไม่ได้ขาดแคลนเผ่าอสูรอีกสักพันคนอยู่แล้ว ขอแค่รับประกันได้ว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเราก็พอ”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเห็นด้วย
หยูเฮงน้อยยิ้ม ไม่มีปัญหาอะไรกับความคิดเห็นนี้เหมือนกัน ขอแค่ปกป้องของของตัวเองได้ก็พอแล้ว
TQF:บทที่ 595 เริ่มมีความหวัง (3)
“จริงสิ เสี่ยวเสี่ยว เจ้าเคยคิดมั้ยว่าการที่เราปล่อยเผ่าอสูรจำนวนมากออกไปที่ผืนดินฉางไห่จะกระเทือนไปถึงพวกตาแก่ตัวประหลาดที่ไม่ยุ่งเรื่องในใต้หล้าแล้ว ถ้าหากพวกเขาล่วงรู้เข้าละก็ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่”
ฟางซูหยุนนึกขึ้นได้อีกเรื่อง “เผ่าอสูรและเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเรามีความเป็นปกปักษ์ต่อกันอยู่ แม้ว่าตอนนี้เผ่าอสูรจะค่อนข้างได้รับการเคารพจากมนุษย์ แต่ก็แค่กับเผ่าอสูรใหญ่ๆเท่านั้น กับเผ่าอสูรเล็กๆมนุษย์ก็ยังคิดจะจับมาฆ่าแกงหรือฝึกให้เชื่องอยู่ ตอนนี้ที่เราส่งออกไปก็มีแต่เผ่าอสูรทั้งนั้น ถ้าหากคนอื่นรู้เข้านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ”
ฮูหยินฟางวางใจเถอะ เผ่าอสูรของพวกเรามีอิทธฤทธิ์พลิกโฉมที่เรียนมาจากข้าอยู่ ข้ากล้ารับประกันว่าผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่ต่ำกว่าบรรลุเทพเจ้าไม่มีทางดูออก ต่อให้เป็นเผ่าอสูรเองก็ดูไม่ออกว่าร่างเดิมของพวกเขาคือสัตว์อมตะ มีแค่คนที่มีวิทยายุทธสูงกว่าบรรลุเทพเจ้าเท่านั้นถึงจะดูออก
หยูเฮงน้อยตีหน้าอกรับประกัน
“ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดี” ฟางซูหยุนเบาใจลง ขอแค่คนอื่นไม่รู้ก็พอ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองพวกนางพลางกล่าวยิ้มๆ “เผ่าอสูรทุกตัวในมิติมีสัญญาใจกับข้าอยู่ ต่อให้มีคนดูออกก็ต้องเจอเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นพวกเขาก็ต้องรู้ว่ามีคนคอยควบคุมไว้อยู่ จะได้ไม่เป็นกังวลมาก อย่างมากก็แค่มาหาเรื่องข้าเท่านั้น จะไปกลัวอะไร”
“ใช่ๆ จะเป็นใครพวกเราในตอนนี้ก็ไม่กลัวหรอก”
หยูเฮงน้อยร้องขึ้นด้วยรอยยิ้ม เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเหลือบมองนาง “ร้านของพวกเราใกล้จะเปิดแล้ว หยูเฮงน้อย เจ้าเปลี่ยนร่างให้โตขึ้นหน่อยแล้วเอาทรัพยากรไปให้ผู้เฒ่าหยิง จัดเรียงทรัพยากรทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพวกเราก็จะเปิดร้านได้ ถึงเวลานั้นที่นี่ก็คงเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ไปได้แล้ว”
“ได้ ไม่มีปัญหา ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หยูเฮงน้อยไม่มีปัญหากับเรื่องที่ต้องวิ่งวุ่น นางอยู่ในมิติมาสักพักแล้ว อยากจะออกไปเริงร่าข้างนอกตั้งนานแล้ว
เมื่อเปลี่ยนร่างตัวเองให้ใหญ่ขึ้นนางก็พุ่งออกไปข้างนอกทันที พริบตาเดียวก็หายออกไป
“ยัยเด็กนี่น้า” ฟางซูหยุนหัวเราะ แววตามีแต่ความเอ็นดู
“เจ้าตัวเล็กนี่ลุยเก่งอยู่แล้ว ดีนะที่ไม่ได้อยู่ที่นี่นาน ไม่อย่างนั้นคนทั้งฮวงยันต้องปวดหัวกับนางแน่นอน”
“พูดไปเรื่อย ถึงนิสัยนางจะซนแต่เป็นเด็กใจดีออก เหมือนเจ้าไงเสี่ยวเสี่ยว”
“ท่านย่า ท่านชมกันเองอีกแล้ว”
“พวกเจ้าคู่ควรให้ย่าชม”
ย่าหลานคุยเล่นกันไปเรื่อยๆ ใบหน้าที่คล้ายคลึงกันบวกกับรอยยิ้มจางๆ ไม่ใช่แค่หน้าตาเท่านั้นที่เหมือน แต่อารมณ์ความรู้สึกที่แผ่ซ่านออกมาก็เหมือน
“ได้ยินรึยัง ตึกจงหยวนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะเปิดร้านแล้วนะ”
“ข้าได้ยินนานแล้ว กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่เหมือนกับทหารรับจ้างอย่างพวกเรา พวกเขารับภารกิจเอง ขายทรัพยากรเอง เก่งจริงๆ”
“เฮ่ะๆ แบบนี้คนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็ไปเหยียบเส้นพวกสมาคมทหารรับจ้างน่ะสิ ถ้าหลังจากนี้กลุ่มทหารรับจ้างทำแบบนี้หมดแล้วพวกเขาจะเอาอะไรกิน ฮ่าๆๆ”
“นั่นน่ะสิ พวกกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนนี่เก่งกล้าสามารถจริงๆ เหมือนไม่เห็นคนของสมาคมอยู่ในสายตาเลย ไม่รู้ว่าพวกของสมาคมจะไปหาเรื่องรึเปล่า”
“ข้าว่านะ คนของสมาคมจะไปหาเรื่องรึเปล่าไม่รู้ แต่ข้ารับประกันได้ว่าคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นต้องไม่ปล่อยให้กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนได้อยู่ดีๆแบบนั้นแน่ ทุกคนเชื่อเถอะ รอดูได้เลย”
“ใช่ๆ กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเป็นเต่าหัวหดมาตั้งนานแล้ว ถ้ายังไม่ลงมือละก็ดูซิว่าหลังจากนี้จะเอาหน้าที่ไหนมาใช้ชีวิต”
“จุ๊ๆ อยากตายรึไง ถ้าคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นได้ยินละก็ พวกเจ้าอยากตายก็อย่าลากพวกเขาลงน้ำด้วยสิ”
“ถูกต้องๆ ปลาหมอตายเพราะปาก พวกเราน่ะรอดูเรื่องสนุกๆเงียบๆกันดีกว่า”
……
แต่ละร้านเหล้า โรงเตี๊ยม ร้านน้ำชา ร้านอาหารที่มีคนรวมตัวอยู่ด้วยกันต่างพูดถึงเรื่องที่ตึกจงหยวนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะเปิดพรุ่งนี้
เรื่องนี้เป็น 1 ในหัวข้อที่ถูกพูดถึงบ่อยที่สุด
ไม่ว่าแต่ละคนจะมองยังไง ชื่อเสียงของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็ดังกระฉูดแบบฉุดไม่อยู่ แม้แต่ประชาชนธรรมดาก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน
ตำหนักเจ้าเมือง
ท่านเจ้าเมืองว่างมากๆ เขาอ่านหนังสือไปจิบชาไป ข้างๆคือผู้อาวุโส 2 ท่านที่เล่นหมากล้อมกันอยู่ ทั้ง 3 มีสีหน้าที่แตกต่างกันไป แต่ก็ดูออกว่าเป็นพวกที่ว่างไม่มีอะไรทำ
“พวกเจ้าได้รับบัตรเชิญจากตระกูลเฉิงกันหมดแล้วใช่มั้ย”
ท่านเจ้าเมืองไถ่ถามโดยไม่เงยหน้า ทั้ง 2 คนที่เล่นหมากล้อมกันอยู่พยักหน้าพร้อมกัน “ได้รับแล้ว”
“ไม่ใช่แค่พวกเราที่ได้รับ คนอื่นๆก็ได้รับแล้วเหมือนกัน” ผู้อาวุโสเจี่ยงวางหมากในมือลง “ท่านเจ้าเมือง พวกเราทุกคนก็ได้รับหมดแล้ว ท่าทางครั้งนี้ตระกูลเฉิงเอาเรื่องอยู่นะ”
“ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้ตระกูลเฉิงไม่ได้ไปคุยกับคนของกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชัง และไปปรากฏตัวที่สมาคมทหารรับจ้างก็แค่ตอนลงทะเบียนเท่านั้น จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฝ่ายใดฝ่ายนึงเป็นพิเศษ” ผู้อาวุโสข้างๆกล่าวต่อ
“ผิดแล้ว ผู้อาวุโสซู” ท่านเจ้าเมืองยิ้มตาเป็นประกาย “ยัยหนูตระกูลเฉิงน่ะไม่ธรรมดา นางเหมือนจะแยกตัวออกไปคนเดียว แต่ก็สร้างความสัมพันธ์ไว้โดยไม่รู้ตัวแล้ว เรื่องที่อาจารย์และอาจารย์หญิงของนางเข้าโถงวิหารสวรรค์ไปก็เท่ากับว่ามีความสัมพันธ์กับโถงวิหารสวรรค์แล้ว แล้วนางยังมาตำหนักเจ้าเมืองด้วยตัวเองอีก เจ้าคิดว่าคนข้างนอกนั่นจะมองยังไง”
“ท่านเจ้าเมือง ท่านคิดว่านางจะอยู่ข้างพวกเราจริงๆเหรอ” ผู้อาวุโสเจี่ยงถามอย่างประหลาดใจ
“นางจะอยู่ข้างพวกเรามั้ยข้าไม่รู้ อย่างน้อยก็มีคนคิดแบบนี้ อีกอย่างยัยหนูนี่ก็มือเติบอยู่ ของที่ให้มาก็ไม่เลว”
รอยยิ้มของท่านเจ้าเมืองกว้างขึ้น “แม้จะไม่ใช่ของอะไรที่หาไม่ได้ แต่ก็เป็นของที่ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธชอบทั้งนั้น มีของพวกนี้อยู่ก็ไม่แปลกที่นางอยากเปิดร้าน และไม่ทำการแลกเปลี่ยนกับสมาคมทหารรับจ้าง ไม่ว่าใครหากมีของพวกนี้ก็ไม่มีทางยอมขายให้คนอื่นราคาถูกๆ ให้คนอื่นเอาไปทำกำไรสู้ทำกำไรเองดีกว่า”
“ท่านเจ้าเมืองพูดถูก” ผู้อาวุโสซูพยักหน้า “ของที่ตระกูลเฉิงมีเป็นของที่ยกระดับวิทยายุทธและพรสวรรค์ทั้งนั้น สำคัญมากจริงๆ อีกอย่างของของพวกนางมีครบครันขนาดนี้อยากรู้จริงๆว่าพวกนางเป็นใครกัน มีสำนักอะไรคอยหนุนหลังอยู่รึเปล่า”
“นางก็บอกแล้วนี่ว่ามาจากสำนักที่ชื่อว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวน เพียงแต่พวกเราไม่เคยได้ยินและไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”
“ใช่ ยังไงพวกเราก็อยู่มา 2-300 ปีแล้ว กลับไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย แปลกจริงๆ”
ผู้อาวุโสเจี่ยงและผู้อาวุโสซูมีสีหน้าสงสัย พวกเขาก็เคยลองถามคนอื่น แต่ก็ไม่มีใครเคยได้ยินที่ที่ชื่อว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้เลย ทำให้พวกเขาต้องคาดเดาต่างๆนาๆไปหลายวัน
“เอาล่ะ มีคนมาหาแล้ว พวกเจ้าไปต้อนรับหน่อย” ท่านเจ้าเมืองออกคำสั่ง
ผู้อาวุโสซูรีบลุกขึ้นยืน “คนมาเยือนคือผู้อาวุโสแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชัง ข้าไปรับพวกเขาเข้ามาเอง”
———————-
TQF:บทที่ 596 เปิดร้าน (1)
ท่าทางไม่แปลกใจของท่านเจ้าเมืองกับการมาของผู้อาวุโสแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชัง ทำให้ผู้อาวุโสเจี่ยงแปลกใจนิดหน่อย
เหมือนท่านเจ้าเมืองจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ กล่าวยิ้มๆ “พวกเขามาหาข้าก็ไม่แปลกหรอก ยังไงซะข้าก็เป็นขุนนางของที่นี่ เรื่องบางเรื่องพวกเขาก็ต้องมาขอคำยืนยันสักหน่อย”
“ท่านเจ้าเมือง พวกเขามาเพราะตระกูลเฉิงหรือ” ผู้อาวุโสเจี่ยงถาม
“เหอะๆ ที่ตอนนี้อลหม่านไปทั้งเมืองก็เพราะตระกูลเฉิง พวกเขามานี่ตอนนี้ถ้าไม่เพราะตระกูลเฉิงแล้วจะเพราะใครอีก น่าสนุกขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ”
เมื่อเห็นท่านเจ้าเมืองแทบจะปรบมือไชโย ผู้อาวุโสเจี่ยงก็เริ่มไตร่ตรอง “ครั้งที่แล้วที่ไปตรวจสอบจำนวนสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน ผู้อาวุโสอู๋แห่งสมาคมทหารรับจ้างเคยเชิญพวกเขาไปด้วยแต่พวกเขาปฏิเสธ ตอนนี้มาที่นี่อีกหรือว่าจะมาหาข่าวจากพวกตัวเอง”
“เฮอะ พวกเขาไม่ยอมไปตระกูลเฉิงเพราะคิดว่าไม่คู่ควรพอให้พวกเขาออกหน้า เจ้าไม่รู้เหรอว่าคนของกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังน่ะคิดว่าตัวเองวิเศษเหนือผู้อื่น ไม่ลงไปคลุกคลีกับกลุ่มทหารรับจ้างล่างๆง่ายๆหรอก”
ท่านเจ้าเมืองพูดเรียบๆ
ผู้อาวุโสเจี่ยงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย มีรอยยิ้มเย้ยหยันอยู่ที่มุมปาก “เห็นบอกว่าพวกเขากลัวว่าพวกกลุ่มทหารรับจ้างล่างๆจะอ้างชื่อกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังไปรังทหารรับจ้างคนอื่นๆ”
“เฮอะ ข้ออ้างทั้งนั้น เรื่องที่กลุ่มทหารรับจ้างย่อยของพวกเขาไปรังแกคนอื่นน่ะมีน้อยรึไง”
“ท่านเจ้าเมือง ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นก็เถอะ ก็พวกเขาเป็นกลุ่มทหารรับจ้างอันดับ 1 นี่นา”
“เอาล่ะ พวกเขามาแล้ว ข้าก็ไปคุยเล่นด้วยสักหน่อย”
พูดเสร็จท่านเจ้าเมืองก็โยนหนังสือในมือไว้ข้างๆแล้วลุกขึ้น ชำเลืองมองดูชุดตัวเองแล้วก็ก้าวออกไปทันที ผู้อาวุโสเจี่ยงรีบเดินตามหลังไป
“ท่านเจ้าเมืองมาแล้ว….”
หลังจากที่ผู้อาวุโสเจี่ยงตะโกนเสร็จ คนทั้ง 3 ในห้องรับแขกก็ลุกขึ้นต้อนรับ
“ฮ่าๆๆ ผู้อาวุโสทั้ง 2 ว่างมาที่ตำหนักข้าด้วยเหรอ”
ท่านเจ้าเมืองก้าวเข้ามาด้วยเสียงหัวเราะ ประสานมือกับผู้อาวุโสทั้ง 2 ราวกับเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาหลายปี
ตอนอยู่ข้างนอก ผู้อาวุโส 2 ท่านแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังเชิดหน้าไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แต่เมื่ออยู่ข้างในตำหนักเจ้าเมืองแล้ว พวกเขากลับมีรอยยิ้มอยู่เต็มใบหน้า พูดคุยอย่างนอบน้อม “ข้ามารบกวนเวลาทำงานของท่านเจ้าเมือง หวังว่าท่านจะไม่ว่า”
“ยินดีกับท่านเจ้าเมืองด้วย วิทยายุทธสูงขึ้นอีกขั้นแล้ว ยินดีด้วย”
“ฮ๋าๆๆ ผู้อาวุโสทั้ง 2 ไม่ต้องเกรงใจ เชิญนั่ง เชิญนั่ง”
ท่านเจ้าเมืองนั่งลงที่เจ้าบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สาวใช้แสนสวยรีบยกน้ำชาและของหวานมาให้และจากไปอย่างรวดเร็ว
“เชิญ….” ท่านเจ้าเมืองยกแก้วชาขึ้นและหันไปยิ้มให้พวกเขา
“ท่านเจ้าเมืองเชิญ”
“เชิญ….”
ทุกคนยกแก้วชาขึ้นจิบและวางแก้วลง ท่านเจ้าเมืองกวาดตามองพวกเขา “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสทั้ง 2 มาถึงนี่ด้วยเรื่องอะไรกัน”
“ฮ๋าๆ ท่านเจ้าเมืองถามตรงๆข้าก็จะไม่อ้อมค้อม ครั้งนี้ที่มาเพราะพวกเรามีเรื่องอยากจะถามท่านเจ้าเมือง” ผู้อาวุโสในชุดสีฟ้าก่อนกล่าวขึ้น
“หืม ผู้อาวุโสจางเชิญว่ามาเลย ไม่ต้องเกรงใจ” สายตาท่านเจ้าเมืองกระตุกนิดๆก่อนจะตอบกลับไปนิ่งๆ
ผู้อาวุโสจางประสานมือ สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นนิดหน่อย “ท่านเจ้าเมือง ตอนนี้ทั้งเมืองลือกันไปทั่วเกี่ยวกับเรื่องของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน ไม่ทราบว่าท่านเจ้าเมืองมีความเห็นว่าอย่างไร”
“ความเห็น? ข้าไม่มีความเห็นอะไร มีกลุ่มทหารรับจ้างเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องดีสำหรับพวกเราแล้ว”
เรื่องดี?
ได้ยิน 2 พยางค์นี้ 2 ผู้อาวุโสจากกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังชะงักไปนิดหน่อย พวกเขาคิดไม่ถึงว่าท่านเจ้าเมืองจะไม่ได้สนใจเลย
หรือว่าคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะเป็นพันธมิตรกับท่านเจ้าเมืองแล้วจริงๆ
ความคิดนี้แว้บขึ้นในหัวพวกเขา ทั้ง 2 มองหน้ากันเพียงครู่เดียวก็เก็บอาการกลับเป็นปกติ
“ท่านเจ้าเมืองพูดถูก ทหารรับจ้างมียิ่งเยอะยิ่งดี อย่างไรซะตอนนี้ก็เป็นยุคของทหารรับจ้าง” ผู้อาวุโสอีกท่านแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังถอนหายใจเบาๆ
“ยุคของทหารรับจ้าง? ผู้อาวุโสหลิน แม้ว่าทหารรับจ้างในผืนดินฉางไห่ของเราจะมีไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นยุคของทหารรับจ้างหรอกนะ”
ผู้อาวุโสเจี่ยงเลิกคิ้ว สีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม และยังแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน
เดิมทีคำนี้ก็ไม่มีอะไรผิดหรอก แต่พวกเขาเป็นคนของกลุ่มทหารรับจ้าง แล้วยังเป็นผู้อาวุโสในกลุ่มทหารรับจ้างอันดับ 1 การที่มาพูดแบบนี้ต่อหน้าเจ้าเมืองก็เหมือนจะล้ำเส้นไปหน่อย จะให้คนของตำหนักเจ้าเมืองฟังแล้วไม่ระแคะระคายใจได้อย่างไร
ผู้อาวุโสจางรู้สึกตัวทันที เขาเหลือบมองสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงของท่านเจ้าเมืองแล้วก็รีบฉีกยิ้มกว้าง “ผู้อาวุโสเจี่ยง ที่ผู้อาวุโสหลินจะบอกก็คือทหารรับจ้างน่ะมีไม่น้อย นำพาให้ธุรกิจต่างๆในแต่ละเมืองขับเคลื่อนได้ นี่ก็เป็นเรื่องจริงนะ”
“พอแล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมาคุยกันที่นี่ ผู้อาวุโสทั้ง 2 มาก็เพราะเรื่องของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนงั้นรึ”
ท่านเจ้าเมืองเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ชำเลืองมองคนทั้ง 2 ตรงหน้า ในน้ำเสียงมีความยโสอยู่ ราวกับไม่ได้ใส่ใจกับฐานะของพวกเขา
ท่านเจ้าเมืองก็มีความยโสของท่านเจ้าเมืองจริงๆ ตั้งแต่ที่เขารับตำแหน่งมาก็ยังไม่เคยเอาใจใครหน้าไหนมาก่อน ตรงกันข้าม มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยากจะเข้ามาตีสนิทกับตำหนักเจ้าเมือง เพราะคนส่วนใหญ่ต่างรู้ว่าพื้นเพของท่านเจ้าเมืองไม่ธรรมดา แม้แต่ผู้อาวุโสแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังก็ไม่กล้าเสียมารยาท
ท่านเจ้าเมืองเองก็ไม่เคยเกรงใจใคร ตรงไปตรงมา ไม่เสียเวลาพูดมากกับใครทั้งนั้น
“ใช่แล้ว ข้าอยากจะรู้ว่าท่านเจ้าเมืองคิดอย่างไรกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน” ความเสียหน้าปรากฏอยู่บนใบหน้าผู้อาวุโสจางเพียงแว้บเดียวเท่านั้น แต่เขากลับไม่กล้าแสดงท่าทีไม่พอใจแม้แต่น้อย
ท่านเจ้าเมืองมองเขานิ่งๆและตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าจะไปร่วมงานเปิดร้านของตระกูลเฉิงด้วยตัวเอง”
————————
TQF:บทที่ 597 เปิดร้าน (2)
ประโยคเดียวก็บอกทุกอย่างได้หมด ผู้อาวุโสทั้ง 2 ชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะกลับเป็นปกติ
15 นาทีต่อมาผู้อาวุโสทั้ง 2 ก็ออกมาจากตำหนักเจ้าเมือง
“ผู้อาวุโสหลิน ท่าทางเจ้าเมืองเป็นพันธมิตรกับตระกูลเฉิงแล้วจริงๆ พวกเราจะตอบกลับคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นอย่างไรดี” ผู้อาวุโสจางขมวดคิ้ว สีหน้าไม่สบอารมณ์
ฝีก้าวของผู้อาวุโสหลินชะงักไป “พวกเขาก็ส่วนพวกเขา พวกเราก็ส่วนพวกเรา ผู้อาวุโสจาง ความหมายของท่านเจ้าเมืองก็ชัดเจนแล้ว พวกเราไม่จำเป็นจะต้องทำให้ท่านเจ้าเมืองไม่พอใจเพราะกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้น”
“เรื่องนี้…”
“อย่าลืมสิ ถ้ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่มีความสามารถอะไรจริงๆท่านเจ้าเมืองจะอยู่ข้างพวกเขาเหรอ ข้าว่าในตอนที่เรายังไม่รู้พลังของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนได้แน่ชัดก็รอดูไปก่อนดีกว่า”
“…..” สีหน้าของผู้อาวุโสจางเคร่งขรึมไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ผู้อาวุโสหลินเหลือบมองเขาแว้บหนึ่งแล้วก็หัวเราะเย็นๆ “คนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นยังไม่มีค่าพอที่จะให้พวกเราออกหน้าให้ พวกเขาไม่คู่ควร”
พูดจบร่างของผู้อาวุโสหลินก็หายไป โชคดีที่พวกเขาล่องหนไว้ ไม่อย่างนั้นหากคำๆนี้หลุดรั่วออกไปละก็ต้องมีประเด็นใหม่ในฮวงยันอย่างแน่นอน
ตึกจงหยวนเปิดทำการแล้ว
ประเด็นนี้ถูกลือออกไปสักพักแล้ว ด้วยการกระจายข่าวอย่างเร่าร้อนของทุกคน ทำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวประหยัดค่าโฆษณาไป คนของนางไม่จำเป็นต้องออกไปประกาศก็เป็นเรื่องที่ทุกๆคนรู้กันหมดแล้ว
วันนี้เป็นวันที่ตึกชุนเหอของเมื่อก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นตึกจงหยวน มีคนรายล้อมเข้ามารอดูเรื่องสนุกๆนับพันคน
ที่สำคัญที่สุดคือทุกคนอยากเห็นหัวหน้ากลุ่มของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน ได้ข่าวว่าสวยปานนางฟ้า คนที่เคยเห็นนางจริงๆน้อยยิ่งกว่าน้อย
ตอนนี้ตึกจงหยวนเปิดทำการนางต้องมาแน่ๆ อีกอย่างเรื่องที่กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่ถูกกับกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นใครๆก็รู้ มีเรื่องสนุกแบบนี้ให้ดูทำให้มีผู้คนมารวมตัวกันบนถนนที่ตั้งของตึกจงหยวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว นางส่งสมาชิกทหารรับจ้างนับร้อยคนออกมาหมด ให้เฝ้ายามหน้าตึกจงหยวนไว้
เมื่อเห็นทหารรับจ้างเหล่านี้ คนที่มามุงดูก็สงัดไป พวกเขาได้เห็นการปรากฏตัวของจักพรรดิ์อมตะนับร้อยคนจริงๆ
มีอะไรที่น่าตกใจกว่าเรื่องนี้อีกมั้ย ไม่นานนักข่าวนี้ก็ถูกกระจายออกไป
หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองได้ฟังก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย หันไปบอกกับเหล่าผู้อาวุโสข้างๆ “ได้เวลาแล้ว พวกเราก็ไปดูกันเถอะ”
“ขอรับท่านเจ้าเมือง” มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของผู้อาวุโสทุกคนที่ตามท่านเจ้าเมืองออกไป
ผู้อาวุโสทั้ง 2 แห่งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังเมื่อได้ยินข่าวนี้ก็อึ้งไปทันที ปากอ้ากว้างเหมือนคนโดนบีบคอ เนิ่นนานก็ยังพูดอะไรไม่ออก
ผ่านไปพักใหญ่ ผู้อาวุโสจางจึงส่ายหน้าพร้อมยิ้มเฝื่อนๆ หันไปบอกกับคนข้างๆ “ผู้อาวุโสหลิน ท่านพูดถูก ดีนะที่พวกเราไม่ทำอะไรโง่ๆลงไป ไม่อย่างนั้น….”
ทั้ง 2 เข้าใจความหมายดีโดยไม่ต้องพูดจบ ผู้อาวุโสหลินพยักหน้าพลางเอ่ย “เตรียมของขวัญไว้ เราก็ไปสักหน่อย”
“ใช่ เราควรจะไปสักหน่อย”
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่เป็นแบบนี้ ผู้อาวุโสคนอื่นๆเมื่อได้ยินข่าวนี้ต่างรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้ทำอะไรที่เกินไป ไม่อย่างนั้นต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่
ไม่มีใครต้านทานการโจมตีจากจักพรรดิ์อมตะนับร้อยคนได้ หากไปแหยมกับพวกนี้เกรงว่าจะนำปัญหาสู่สำนักของตัวเอง
ในขณะที่คนจากอิทธิพลต่างๆนำของขวัญไปที่ตึกจงหยวนนั้น กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นที่ตอนแรกฮึกเหิมเตรียมคนจะไปหาเรื่องก็อึ้งกันไปหมดเมื่อได้ยินข่าวนี้
ข่าวนี้เหมือนฟ้าถล่มลงมาจริงๆ ทำให้พวกเขามึนจนหาทิศหาทางไม่เจอ
เนิ่นนานหัวหน้ากลุ่มลวี่ถึงหาเส้นเสียงตัวเองเจอ มองไปยังสหายที่ยืนเอ๋อไปแล้วข้างๆ “เว่ยหัว เจ้าคิดว่าพวกเรา….”
“ไป ยังไงก็ต้องไป”
เว่ยหัวพ่นลมหายใจออกมาหนักๆราวกับรู้ว่าเขาจะพูดอะไร “พวกเราไม่ใช่แค่ต้องไป แต่ต้องเอาของไปด้วย เอาไปให้ที่ตึกจงหยวน”
“ถ้าพวกเขาเห็นของที่เราเอาไป เกรงว่า..” ตอนนี้บนใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มลวี่เริ่มมีความเสียใจปรากฏ ในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าตอนนั้นไม่น่าไปหาเรื่องคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเลย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน นอกจากเรื่องเสียหน้าแล้วก็แค่ผลประโยชน์นิดหน่อยเท่านั้น แต่ตอนนี้ทั้งเมืองรู้กันหมด และรอดูท่าทีของพวกเขาอยู่ หากพวกเขานิ่งเฉยละก็คงจะอยู่ในวงการทหารรับจ้างไม่ได้อีกต่อไป
เรื่องนี้เว่ยหัวผู้มีปัญญาของกลุ่มมองออกชัดเจน เขาถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ “ถูกหรือผิดก็ไม่สำคัญแล้ว ในเมื่อเลือกทางเดินนี้พวกเราก็ต้องเดินต่อไป พวกเราไม่ควรไปดูถูกคนอื่น โดยเฉพาะไปหาเรื่องคนอื่นโดยที่ยังไม่รู้อะไรมากพอ”
————————
TQF:บทที่ 598 เปิดร้าน (3)
หัวหน้ากลุ่มลวี่เข้าใจความหมายของเว่ยหัว เป็นเพราะเขาใช้อารมณ์ไปตอนนั้นถึงได้ไปหาเรื่องหัวหน้ากลุ่มของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนต่อหน้าทุกคน
“ไปเถอะ ไม่ต้องคิดเยอะ ก้าวไปเรื่อยๆ” เว่ยหัวมีสีหน้าแน่วแน่ เรื่องบางเรื่องไม่ทำไม่ได้ ไม่มีทางให้เลือก
ทั้ง 2 ไม่ต้องพูดอะไรอีก โบกมือเรียกให้คนยกของขวัญขึ้นแล้วเดินตามพวกเขาออกไป
ตึกจงหยวนเปิดทำการแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ออกมาไม่ได้ ไม่ใช่แค่นาง ทุกคนในบ้านต่างออกมากันหมด
หยูเฮงน้อยกลับไปมีสภาพเหมือนคนอายุ 13-14 ท่าทางทั้งสวยทั้งน่ารัก เป็นจุดดึงดูดสายตาของทุกคนแน่นอน
“ผู้อาวุโสแห่งโถงวิหารสวรรค์มาร่วมยินดี….”
“ผู้อาวุโสแห่งสมาคมกลุ่มทหารรับจ้างมาร่วมยินดี…”
“ผู้อาวุโสแห่งสำนักหลิวหวินมาร่วมยินดี…”
“ผู้อาวุโสแห่งสำนักหมัวเหมินมาร่วมยินดี…”
“ผู้อาวุโสแห่งสมาคมผู้ฝึกฝนวิทยายุทธไร้สำนักมาร่วมยินดี…”
…..
หลังจากที่ผู้อาวุโสแห่งอิทธิพลต่างๆมาร่วมยินดีกันมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าคนมุงก็ยิ่งยืดคอ เบิกตากว้างมองคนที่มาปรากฏตัว
ตัวแทนจากแทบจะทุกอิทธิพลมาปรากฏตัวแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มจนปากเกือบฉีก แต่ก็ยังต้องรับแขกเข้าไปข้างในครั้งแล้วครั้งเล่า
“ผู้อาวุโสแห่งกลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังมาร่วมยินดี…”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้นทุกคนก็ฮือฮาขึ้นอีกครั้ง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวชะงักไปครู่หนึ่งก็รีบฉีกยิ้มอีกครั้ง ไปต้อนรับผู้อาวุโสแห่งกลุ่มทหารรับจ้างชื่อดังอย่างเอ้าชังเข้ามา
การมาของพวกเขาทำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวประหลาดใจมาก ถึงยังไงฐานะของพวกเขาก็สูงจริงๆ ได้รับบัตรเชิญแล้วไม่มาก็ไม่แปลก
ในเมื่อมาแล้วก็ย่อมต้องต้อนรับ เมื่อพวกเขาเข้าไปเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็คิดว่าคนน่าจะมากันครบแล้ว เหลืออีกคนที่มาคนสุดท้ายไม่รู้ว่าจริงๆแล้วจะมาหรือไม่
คนๆนี้ก็คือท่านเจ้าเมืองนั่นเอง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่กล้ารับประกันว่าท่านเจ้าเมืองที่ยุ่งทั้งวันจะมา แต่ก็ต้องให้เวลารอหน่อย
ฟางซูหยุนและอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์อยู่เป็นเพื่อนเหล่าผู้อาวุโสที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ผู้เฒ่าหยิงคอยจับตาดูทั้งด้านนอกและด้านในของตึกจงหยวน หยูเฮงน้อยไม่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง บางทีก็มาปรากฏตัว บางทีก็หายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่านางเล่นอะไรอยู่
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่เป็นห่วงนางเท่าไหร่ และก็ไม่ว่าอะไรด้วย นางอยากจะเล่นอะไรก็ปล่อยนางไป
“ท่านเจ้าเมืองมาแล้ว…”
เนื่องจากเป็นถึงขุนนาง ผู้จัดการจินที่เฝ้าอยู่ด้านนอกตื่นเต้นจนเสียงสั่น เหล่าผู้ชมด้านนอกคุกเข่าลงกันหมด ไม่มีใครกล้าเสียมารยาทกับท่านเจ้าเมือง
ไม่ใช่แค่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ออกมาตามเสียง แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสที่มาถึงก่อนก็นั่งต่อไม่ไหวต้องลุกเดินออกมา เพื่อต้อนรับการมาของท่านเจ้าเมือง
“ท่านเจ้าเมืองให้เกียรติมา ร้านของข้าต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ ขอบคุณท่านเจ้าเมืองที่กรุณา” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรีบเข้าไปต้อนรับ โค้งประสานมือกับท่านเจ้าเมือง
“ฮ่าๆๆๆ”
ท่านเจ้าเมืองหัวเราะ สายตาคมกริบกวาดไปยังเหล่าผู้อาวุโส พยักหน้าพลางกล่าว “ตึกจงหยวนเปิดทำการ ข้าก็มาร่วมสนุกด้วย ทุกท่านไม่ต้องเกรงใจ รีบลุกขึ้นเถอะ”
พูดมาถึงประโยคสุดท้าย ท่านเจ้าเมืองก็หันกลับไปบอกกับเหล่าประชาชนที่คุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยน้ำเสียงเมตตา
“ขอบพระคุณท่านเจ้าเมือง…”
ทุกคนกล่าวคำขอบคุณและลุกขึ้น ท่านเจ้าเมืองพอใจเป็นอย่างมาก บอกกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยว “ข้ามาขอเหล้ากินสักแก้ว หัวหน้ากลุ่มเฉิงคงไม่ว่าใช่มั้ย”
“มิกล้าๆ ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องเกรงใจ ท่านเป็นแขกผู้มีเกียรติของพวกเรา เป็นเกียรติอย่างมากๆ”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดอย่างนอบน้อมและเคารพ เมื่อเห็นท่านเจ้าเมืองให้เกียรติจริงๆจึงกล่าวขึ้น “ตอนนี้เป็นเวลาดีพอดี ข้าบังอาจขอให้ท่านเจ้าเมืองช่วยเปิดป้ายตึกให้พวกเรา หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะยินยอม”
“ฮ่าๆๆ เรื่องเล็กน้อยๆ”
เสียงหัวเราะของท่านเจ้าเมืองดังไม่หยุด จู่ๆหยูเฮงน้อยก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ “เจ้าเมือง ตึกจงหยวนของเราจะเป็นอันดับ 1 ในภายภาคหน้า เพราะฉะนั้นท่านต้องภูมิใจแน่”
“หืม ฮ่าๆๆๆ…”
ท่านเจ้าเมืองชะงักไปด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นหยูเฮงน้อยที่หายตัวออกมา ก่อนจะหัวเราะออกมา นัยน์ตาลึกล้ำมองหยูเฮงน้อยอย่างพินิจพิเคราะห์ ในใจตะลึงไม่น้อย
ท่านเจ้าเมืองรู้สึกได้ถึงอันตรายจากเด็กสาวคนนี้ เขาไม่อยากจะเชื่อจริงๆ
แต่เขาก็เชื่อความรู้สึกตัวเอง เพราะความรู้สึกของเขาไม่เคยผิดพลาดมาก่อน เห็นได้ว่าเด็กสาวท่าทางน่ารักอ่อนหวานตรงหน้านี้ไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาแน่
เหล่าผู้อาวุโสที่เพิ่งเคยเห็นหยูเฮงน้อยครั้งแรกตกตะลึงยิ่งกว่าตอนเจอเฉิงเสี่ยวเสี่ยวซะอีก
ถ้าหากเฉิงเสี่ยวเสี่ยวทำให้พวกเขาตะลึงละก็ งั้นหยูเฮงน้อยตรงหน้านี้ก็ทำให้พวกเขาระทึกขวัญ ในใจพวกเขามีความรู้สึกเดียวเท่านั้น ตระกูลเฉิงแหยมไม่ได้ กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนแหยมไม่ได้ แม่นางทั้ง 2 ตรงหน้านี้ยิ่งแหยมไม่ได้
“ได้ ข้าจะเปิดป้ายให้พวกเจ้า และเชื่อว่าตึกจงหยวนจะทำให้ข้าภาคภูมิใจ ฮ่าๆๆ”
ท่านเจ้าเมืองหัวเราะลั่นพลางดึงสายผ้าแดงข้างๆไว้อยู่คนละฝั่งกับอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ ทั้ง 2 ดึงผ้าปิดป้ายออกพร้อมกันก็มีตัวหนังสือ 3 ตัวที่หยิ่งผยองเผยสู่สายตา
“ลายมือกลับไปกลับมา ลื่นไหลดั่งสายลม แข็งแกร่งราวผาเหล็ก และแฝงไว้ด้วยความอ่อนช้อย เขียนดีจริงๆ” ท่านเจ้าเมืองปรบมือให้กับตัวหนังสือ ตึกจงหยวน ที่ถูกเขียนไว้อย่างสวยงาม
“ดี ลายมือดีจริงๆ”
“มีพลังไม่ธรรมดา เขียนได้สวย”
“เขียนได้ดีจริงๆ ลายมือเยี่ยม”
———————–
TQF:บทที่ 599 เปิดร้าน (4)
….
ทุกคนต่างเอ่ยปากชม มีแต่เสียงเห็นดีเห็นงามด้วยในที่นี้ ส่วนจะจริงใจหรือเสแสร้งก็ขี้เกียจจะสนใจ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเผยรอยยิ้มบนใบหน้าสวยงามเมื่อมองไปยังทุกคน “ทุกท่านมางานในวันนี้ข้าขอขอบคุณจริงๆ โรงเตี๊ยมไหลเยวี่ยและร้านเหล้าจินฝูไหลข้างหน้านั้นถูกพวกเราเหมาไว้แล้ว เชิญทุกท่านไปทานอาหารกลางวันได้ที่นั่นเลย”
“หา จริงหรือนี่”
“เลี้ยงข้าวพวกเราเหรอ จริงใช่มั้ย”
“เลี้ยงข้าวพวกเราจริงๆเหรอ”
“สวรรค์ ข้าฟังผิดไปรึเปล่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงใช่มั้ย”
…..
ทุกคนฮือฮาขึ้นอีกครั้ง อย่างไรซะเรื่องที่มามุงวันเปิดร้านของคนอื่นแล้วยังถูกเลี้ยงข้าวนี่ก็เพิ่งเคยเกิดขึ้นที่ฮวงยันครั้งแรก
ไม่ใช่แค่เหล่าผู้ชมไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสที่มาแสดงความยินดีเมื่อได้ฟังคำพูดของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
คนของตระกูลเฉิงใจกว้างเกินไปรึเปล่า
“ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบ…”
ผู้เฒ่าหยิงออกหน้าในตอนนี้ เขาลำเลียงพลังเซียน เสียงของเขาสะท้อนอยู่ในอากาศเข้าหูของทุกคน “ที่คุณหนูของเราพูดนั้นคือเรื่องจริงแน่นอน ทุกท่านวางใจได้ พวกเราเหมาทั้ง 2 ร้านไว้แล้วจริงๆ ทุกท่านไปทานอาหารตอนนี้ได้เลย พวกเราตึกจงหยวนจ่ายให้หมด หวังว่าหลังจากนี้ทุกท่านจะมาอุดหนุนที่ตึกจงหยวนของเรา ขอขอบคุณทุกท่าน”
แปะๆๆๆ
ท่านเจ้าเมืองปรบมือเป็นคนแรก หลังจากนั้นเหล่าผู้อาวุโสข้างหลังเขาก็ปรบมือตาม และหลังจากนั้นประชาชนทุกคนก็ปรบมือตาม ทันใดนั้นเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วฟ้า ไม่มีสายตารังเกียจแม้แต่นิดจากทหารรับจ้างคนอื่นๆ
ท่านเจ้าเมืองเห็นฉากนี้แล้วก็อดชื่นชมฝีมือของคนตระกูลเฉิงไม่ได้ ทำให้ทุกคนประทับใจได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
คนพวกนี้คือคนที่ใช้ชีวิตปักหลักอยู่ที่ฮวงยันทั้งนั้น การมีอยู่ของพวกเขาก็ช่วยขับเคลื่อนทั้งฮวงยัน ได้รับการสนับสนุนจากพวกเขาแล้ว ขอแค่ต่อไปนี้กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่ทำอะไรที่เกินไปก็จะไม่ถูกประชาชนเมืองฮวงยันรังเกียจ แต่กลับจะได้รับการดูแลอย่างดีด้วยซ้ำ
คนที่เล็งเห็นเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ท่านเจ้าเมืองเท่านั้น ผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างก็เป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมกันทั้งนั้น จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่คือกลยุทธซื้อใจคนของตระกูลเฉิง
แต่พวกเขาจะทำอะไรได้ เปิดโปงพวกเขางั้นหรือ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ต่อให้เปิดโปง ประชาชนและทหารรับจ้างทั่วไปพวกนี้ก็คงไม่เชื่อ
“ขอบคุณทุกท่านมาก ทุกท่านเชิญทางนี้ เดี๋ยวข้ากับผู้จัดการจินจะพาทุกท่านไปเอง” เสียงของผู้เฒ่าหยิงดังขึ้นอีกครั้ง
“พ่อบ้านยิ่งพูดเกินไป ยินดีด้วย”
“ยินดีกับการเปิดร้านของตึกจงหยวนด้วย”
“ยินดีด้วย ขอให้ตึกจงหยวนขายดี”
“ขอให้ตึกจงหยวนเฮงๆ”
…..
เมื่อทุกคนมีความสุข คำยินดีต่างๆก็เปล่งออกจากปากพวกเขา เหล่าคนที่มาเพื่อรอดูเรื่องสนุกๆตอนนี้ก็กลายเป็นคนมาแสดงความยินดีหมดแล้ว
เปิดร้านเพียงร้านเดียว แต่กลับได้คำอวยพรจากทั้งเมือง นอกจากตึกจงหยวนก็คงไม่มีใครทำได้แล้ว
สำหรับเรื่องวันนี้ได้ถูกเล่าขานต่อไปอีกหลายปี และมีเรื่องราวอยู่หลากหลายรูปแบบ ประเด็นร้อนแบบนี้ยังเป็นเรื่องสนุกปากของทุกคนอยู่
“ช้าก่อน…”
เสียงจองหองเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดการอวยพรของทุกคน ทุกคนเงียบลงและมองไปยังที่มาของเสียง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเองก็ไม่ยกเว้น เหล่าคนที่ยืนอยู่หน้าตึกก็เห็นคนมา เมื่อมองเห็นชัดแล้วว่าเป็นใคร เหล่าผู้อาวุโสก็มีสีหน้าประหลาด
พวกเขาเหลือบมองเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เห็นว่านางไม่ได้สะทกสะท้านอะไร เรียบเฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้พวกเขาแปลกใจไม่น้อย
ใครๆก็ดูออกว่าคนพวกนี้มาหาเรื่อง โดยเฉพาะมาปราฏตัวในตอนที่เขากำลังจะเปิดร้าน เท่ากับขัดทางทำกินของคนอื่นชัดๆ แค้นนี้หนักหนาขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นหลายสิบคนที่เดินออกมาจากฝูงชน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่สีหน้าหยูเฮงน้อยไม่ค่อยสงบนัก ตรงกันข้าม ใบหน้าน่ารักของนางมีแต่ความพยาบาท
เจ้าพวกรนหาที่ตายเอ๊ย
“พวกเรากลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นมาแสดงความยินดีต่อตึกจงหยวน เอาของขวัญขึ้นมา….”
——————-
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น