สาวน้อยปลูกผัก 587-592

 TQF:บทที่ 587 เข้าพบเจ้าเมือง (1)


 


 


 


“เจ้าตัดสินใจเอาก็แล้วกัน” ฟางซูหยุนบอกหลังจากที่ทบทวน


 


แม้ว่าใจนางอยากจะรีบกลับไปที่ชิงยางเพื่อไปพบครอบครัวตัวเอง แต่นางก็เข้าใจถึงความสำคัญของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนดี


 


“ท่านย่า 1 ปีไม่ได้นานนัก ข้าคิดว่าเรามาขยับขยายกลุ่มทหารรับจ้างของเราให้ดีก่อนแล้วค่อยกลับบ้านตระกูลฟาง จะเป็นผลดีต่อตัวท่านย่ามากกว่า” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มพร้อมประกายในแววตา


 


อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์เข้าใจนางทันที จึงหันไปบอกคนข้างๆ “ซูหยุน ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยวพูดถูก เจ้าจากบ้านมาหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่มีใครรู้ สร้างชื่อกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนให้ออกไปก่อนต้องเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเจ้าแน่ๆ”


 


“ข้าเข้าใจที่อาวุโสพูด”


 


ฟางซูหยุนยิ้มนิดๆ “บางที บ้านตระกูลฟางอาจจะไม่ใช่บ้านตระกูลฟางเมื่อก่อนแล้วก็ได้ ต่อให้เป็นเหมือนก่อน การที่พวกเรากลับไปก็อาจยังต้องเจอกับเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ถ้าชื่อของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนกระหึ่มไปทั่วผืนดินละก็….”


 


พูดมาถึงตรงนี้ฟางซูหยุนก็เงียบไป ทุกคนในที่นี้ต่างเข้าใจความหมายนั้นดี


 


ก้าวแรกที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตั้งใจคือเปิดร้าน


 


นางไม่ต้องการแหล่งสินค้าอะไร และไม่จำเป็นต้องติดต่อซื้อขายกับผู้ประกอบการคนอื่น แต่การจะเปิดร้านในฮวงยันจำเป็นต้องไปทำเรื่องที่ตำหนักเจ้าเมือง


 


หรือพูดให้ถูกก็คือต้องให้เจ้าเมืองอนุญาตก่อนถึงจะเปิดร้านในฮวงยันได้


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวนำของขวัญที่ได้เตรียมเอาไว้พร้อมด้วยทหารยามอีก 10 กว่านายไปแจ้งเรื่องที่ตำหนักเจ้าเมืองเพื่อขอเข้าพบ


 


เมื่อบอกชื่อกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไป ทหารยามหน้าตำหนักเจ้าเมืองก็อึ้ง ก่อนจะรีบเข้าไปแจ้งราวกับมีแขกผู้มีเกียรติมาเยือน


 


ไม่นานนักเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เห็นผู้อาวุโสเจี่ยงที่เคยมาที่บ้านครั้งที่แล้วเดินมา มีความตกใจอยู่ในสายตาเมื่อเห็นนางที่ยืนอยู่หน้าประตู รีบประสานมือทักทาย “ที่แท้ก็หัวหน้ากลุ่มเฉิงนี่เองที่ให้เกียรติมาถึงนี่ ข้านี่เสียมารยาทจริงๆ”


 


“ผู้อาวุโสเจี่ยงพูดเกินไป ข้าน้อยมาขอเข้าพบท่านเจ้าเมือง ไม่ทราบว่าได้มั้ย” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มบางๆ ประสานมือกลับอย่างนอบน้อม


 


ผู้อาวุโสเจี่ยงตอบด้วยรอยยิ้ม “ท่านเจ้าเมืองกำลังวุ่นอยู่ จึงให้ข้ามาต้อนรับหัวหน้ากลุ่มเฉิงก่อน หวังว่าหัวหน้ากลุ่มเฉิงจะไม่ถือสา”


 


“มิกล้าหรอก มารบกวนท่านเจ้าเมืองโปรดอภัยให้ด้วย” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะได้รับการต้อนรับจากท่านเจ้าเมือง การส่งผู้อาวุโสเจี่ยงออกมาต้อนรับแทนนับว่าให้เกียรติมากแล้ว


 


“ท่านเจ้าเมืองเรียนเชิญ หัวหน้ากลุ่มเฉิงตามข้ามาเลย”


 


“ผู้อาวุโสเจี่ยงเชิญ”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเข้าสู่ตำหนักเจ้าเมืองด้วยการนำของอีกฝ่าย จึงได้เห็นความโอ่อ่าของตำหนัก โถงอันกว้างใหญ๋ทั้งหลายที่เชื่อมต่อกัน ภายในกำแพงสูงที่สร้างจากมณีสีแดงมีไฟส่องแสงสะท้อนกับมรกตเขียวอร่ามตระการตา


 


สมกับที่เป็นตำหนักเจ้าเมืองจริงๆ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าให้กับการตกแต่งหรูหราของที่นี่ ถึงยังไงก็เป็นตำหนักเจ้าเมืองของเมืองชั้น 2 ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อยู่แล้ว


 


แม้แต่ทหารยามพวกนี้ก็อยู่ระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์ขึ้นไปทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าพวกที่หลบอยู่ในมุมมืดเลย ต้องยอมรับว่าตำหนักเจ้าเมืองก็เป็นที่ที่ไม่ควรแหยม


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่คิดจะสืบต่อว่ามียอดฝีมือในตำหนักเจ้าเมืองเท่าไหร่ นางเดินทะลุทางเดิน เลี้ยวผ่านสวนดอกไม้ และเดินต่อราวครึ่งนาทีก็ถึงห้องรับแขกเล็กๆห้องหนึ่ง


 


มีทหารยามเฝ้าอยู่ด้านนอก หลังจากที่เข้าไปในห้องรับแขกแล้ว ผู้อาวุโสเจี่ยงก็ประสานมือขึ้น “หัวหน้ากลุ่มเฉิง ข้าจะไปแจ้งให้กับท่านเจ้าเมือง ท่านรอสักครู่”


 


“ไม่เป็นไร ผู้อาวุโสเจี่ยงเชิญเลย” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ


 


สาวใช้คนสวยยกชาร้อนมาให้ ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสัมผัสได้ถึงลมปราณแข็งแกร่ง


 


ยอดฝีมือนะนี่ อย่างแย่ที่สุดก็ระดับก้าวสู่เทพเทวา


 


ก้าวสู่เทพเทวาถือเป็นยอดฝีมือที่สุดยอดแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรในสายตาเฉิงเสี่ยวเสี่ยว


 


ไม่นานนักก็มีคนกลุ่มนึงมาปรากฏตัว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยืนขึ้น ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นตัวเองที่มีเรื่องต้องไหว้วาน มารยาทที่ควรมีย่อมตกหล่นไม่ได้ อย่างน้อยจะได้ไม่ทำให้คนอื่นมองไม่ดี


 


นอกจากชายวัยกลางคน 1 คนแล้วที่เหลือเป็นตาแก่หมด แน่นอนว่าชายวัยกลางคนผู้นั้นถูกตาแก่ห้อมล้อมเข้ามา ไม่ต้องแนะนำเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็รู้ว่าใครคือเจ้านาย


 


“ข้าน้อยเฉิงเสี่ยวเสี่ยงคารวะท่านเจ้าเมือง” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวประสานมือกล่าวเรียบๆกับชายวัยกลางคน


 


ชายวัยกลางคนที่กำลังจะเอ่ยปากเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ สายตาที่มองเฉิงเสี่ยวเสี่ยวอยู่ตะลึงนิดหน่อย “หัวหน้ากลุ่มเฉิงรู้จักข้ารึ”


 


“ข้าน้อยเพิ่งเคยเจอท่านเจ้าเมืองครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะดูออกว่าท่านคือท่านเจ้าเมือง” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบสบายๆ


 


“ฮ่าๆๆๆ”


 


ท่านเจ้าเมืองหัวเราะร่วน เพียงแว้บเดียวเขาก็ไม่ดูแคลนนางอีก เขาดูออกว่าหญิงสาวตรงหน้าอยู่ระดับจักพรรดิ์อมตะด้วยวัยเพียงไม่ถึง 20 ปี  คนที่มีพรสวรรค์มากขนาดนี้ต่อให้เป็นถึงเจ้าเมืองก็ไม่ต้องการมีเรื่องบาดหมางด้วย


 


ไม่ใช่แค่ไม่กล้ามีเรื่องบาดหมาง แต่เขายังอยากจะผูกไมตรีกับผู้มีพรสวรรค์แบบนี้ อาจจะมีสักวันที่มีเรื่องต้องขอร้อง


 


ถือคนแกร่งเป็นใหญ่นี่นา


 


ต่อให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างมีวิทยายุทธสูงส่งกว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่มีใครกล้าดูถูกนาง กลับกัน ทุกคนต่างยิ้มให้นางอย่างเป็นมิตร


 


“หัวหน้ากลุ่มเฉิง คนของข้าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของพวกเจ้ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมานานแล้ว ในที่สุดก็ได้เจอหัวหน้ากลุ่มอย่างเจ้า เชิญนั่งเร็ว”


 


“ท่านเจ้าเมืองพูดเกินไป”


 


ทั้ง 2 ฝ่ายนั่งลง ท่านเจ้าเมืองเริ่มแนะนำทุกคน “หัวหน้ากลุ่มเฉิง ท่านทั้งหลายนี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสประจำการตำหนักข้า หากหลังจากนี้มีอะไรติดต่อพวกเขาก็ได้เหมือนกัน”


—————————


TQF:บทที่ 588 เข้าพบเจ้าเมือง (2)


 


“ขอบคุณท่านเจ้าเมือง”


 


เฉิงเสี่ยวเสียวยืนขึ้นอีกครั้งและประสานมือกับผู้อาวุโส “ข้าน้อยอารวะผู้อาวุโส โปรดชี้แนะด้วย”


 


ผู้อาวุโสเหล่านี้ก็ไม่กล้าวางท่าอะไรต่อหน้าท่านเจ้าเมือง จึบรึบลุกขึ้นประสานมือกลับ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเฉิงเสี่ยวเสี่ยว


 


“ไม่ต้องเกรงๆ อีกหน่อยก็ต้องเจอกันบ่อยๆ นั่งลงคุยกันเถอะ” ท่านเจ้าเมืองยิ้มอ่อนโยน


 


ทั้งหมดนั่งลงอีกครั้ง ท่านเจ้าเมืองเริ่มไถ่ถามถึงที่มาที่ไปของบ้านตระกูลเฉิง ไม่ว่าเขาจะถามด้วยความตั้งใจอะไรเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เตรียมคำตอบไว้หมดแล้ว


 


ไม่รู้ว่าท่านเจ้าเมืองเชื่อมั้ย แต่ท่าทางเขาก็ไม่ได้สงสัยอะไร เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถือซะว่าอีกฝ่ายยอมรับที่มาที่ไปของตัวเองแล้ว


 


“หัวหน้ากลุ่มเฉิงตั้งใจมาถึงนี่คงไม่ใช่แค่มาเจอหน้าข้าหรอกใช่มั้ย ไม่ทราบว่าหัวหน้ากลุ่มเฉิงมีธุระอะไรพูดมาได้เลย”


 


รอยยิ้มบางๆคลี่ออกบนใบหน้าของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเมื่อท่านเจ้าเมืองถาม “ที่มาครั้งนี้มีเรื่องจะไหว้วานท่านเจ้าเมืองจริงๆ หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะช่วยเหลือ”


 


“หืม ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร” ท่านเจ้าเมืองเลิกคิ้ว สายตาคมกริบขึ้น


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสีหน้าเรียบเฉย “ท่านเจ้าเมือง กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของเราอยากจะเปิดร้านในเมือง หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะอนุญาต”


 


“ร้าน? กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะเปิดร้าน?” ท่านเจ้าเมืองนึกว่าตัวเองฟังผิด


 


“ใช่ พวกเราอยากจะเปิดร้านขายทรัพยากรต่างๆ หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะอนุญาต”


 


“พวกเจ้าเป็นกลุ่มทหารรับจ้าง…”


 


ท่านเจ้าเมืองมองนาง ปมคิ้วค่อยๆคลายออก “ปกติแล้วไม่มีกลุ่มทหารรับจ้างไหนเปิดร้าน ปกติแล้วพวกเจ้าจะแลกเปลี่ยนอะไรก็ไปที่สมาคมทหารรับจ้าง ไม่ทราบว่าทำไมหัวหน้ากลุ่มเฉิงถึงอยากเปิดร้านเอง”


 


“พูดไปท่านเจ้าเมืองอย่าหัวเราะนะ”


 


ขนตาหนาเป็นแพของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวกระตุกเล็กน้อย พลางคลี่ยิ้มออกอย่างอ่อนโยน “ในมือของพวกเรามีทรัพยากรที่อยากจะขายอยู่ และทหารรับจ้างของเราจะไม่ไปรับภารกิจที่สมาคม พวกเราจะตั้งกลุ่มลาดตระเวนกันเองและรับภารกิจที่ลูกค้ามาจ้างวานไว้ จึงต้องเปิดร้านขึ้นมา หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะไม่ว่าอะไร”


 


ชี้แจงทุกอย่างออกไปตรงๆโดยไม่ปิดบังอะไร อย่างไรซะกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของตัวเองก็ไม่เหมือนกับคนอื่น และจะไม่มีวันเหมือน


 


ท่านเจ้าเมืองชะงักไป ผู้อาวุโสท่านอื่นก็มีท่าทีประหลาดใจ พวกเขาเองก็เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกว่าคนของกลุ่มทหารรับจ้างจะไม่ทำการแลกเปลี่ยนกับสมาคมทหารรับจ้าง


 


ไม่ทันที่พวกเขาจะพูดอะไรเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ลุกขึ้นประสานมืออีกครั้ง “ข้าน้อยจะรอฟังข่าวจากท่านเจ้าเมือง ขอลาไปก่อน”


 


กว่าพวกเขาจะรู้ตัวนางก็เดินออกจากห้องรับแขกไปแล้ว เหลือแค่เหล่าผู้อาวุโสที่มองหน้ากันอยู่ สายตาพวกเขาทอดไปยังท่านเจ้าเมืองอย่างพร้อมเพรียงกัน


 


“น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ”


 


ท่านเจ้าเมืองถูมือพลางหัวเราะเบาๆ สายตามองไปยังที่ที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเคยนั่งแล้วชะงักไปนิดหน่อย เขาเห็นแหวนมิติ 1 วงวางอยู่ข้างแก้ว


 


เหล่าผู้อาวุโสมองตามสายตาของท่านเจ้าเมืองไปก็เห็นแหวนมิติเหมือนกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตั้งใจให้ไว้


 


“ยัยเด็กนี่น้า จริงๆเลย” ท่านเจ้าเมืองขำ ยื่นมือออกไปดูแหวนมิติเข้ามาหาตัว


 


พอลองใช้จิตเข้าไปสอดส่องในแหวนมิติดู ใบหน้าเปื้อนยิ้มอึ้งไปนิดๆ มีความปิติและความโลภปรากฏขึ้นในแววตาก่อนจะเอ่ยต่อ “บ้านตระกูลเฉิงที่ยากจะประเมินจริงๆ…”


 


บ้านตระกูลเฉิงยากจะประเมิน?


 


เหล่าผู้อาวุโสมีสีหน้าแปลกใจ เหมือนว่ายังไม่มีใครในฮวงยันถูกท่านเจ้าเมืองชมเช่นนี้มาก่อน หรือว่าบ้านตระกูลเฉิงจะน่ากลัวขนาดนี้จริงๆ


 


พวกเขาไม่รู้ว่าในแหวนมิติมีอะไร แต่ก็พอเดาออกว่าต้องเป็นของดีแน่ๆ


 


“ท่านเจ้าเมือง เรื่องที่คนตระกูลเฉิงอยากจะเปิดร้าน พวกเราจะ….” 1 ในผู้อาวุโสถามท่านเจ้าเมืองที่มีสีหน้ายินดีปรีดาอยู่เต็มเปี่ยม


 


สายตาท่านเจ้าเมืองเป็นประกาย “อีก 2-3 วันพวกเจ้าเอาเอกสารไปให้นางนะ ให้นางเปิดร้านไป อย่างไรซะก็ไม่มีใครเคยตั้งกฎว่ากลุ่มทหารรับจ้างห้ามเปิดร้าน”


 


“ขอรับท่านเจ้าเมือง” เหล่าผู้อาวุโสพยักหน้ารับคำ


 


“ผู้อาวุโสทุกท่าน ได้ข่าวว่าที่บ้านตระกูลเฉิงมีจักพรรดิ์อมตะนับร้อย ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงมั้ย หลังจากนี้ทุกท่านต้องคอยจับตาตระกูลเฉิงให้ดี พอมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเราจะได้รู้”


 


“ขอรับท่านเจ้าเมือง”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวออกจากตำหนักเจ้าเมืองไปตั้งนานแล้ว จึงไม่ล่วงรู้ถึงคำสั่งของเจ้าเมือง เมื่อนางกลับถึงบ้านก็ให้คนไปเรียกเกาชิงหยางและสหายทั้ง 2 มา


 


ครึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ


 


“หัวหน้ากลุ่ม เรียกพวกเรามามีอะไรให้ทำหรือขอรับ” เกาชิงหยางประสานมือถามด้วยความนอบน้อม


 


“สถานการณ์ของสหายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถามถึงสถานการณ์พวกเขา


 


“หัวหน้ากลุ่ม ชีวิตพวกเขาตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณที่หัวหน้ากลุ่มเป็นห่วง” เกาชิงหยางมีแววตาซาบซึ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะคนตรงหน้านี้ บางทีพวกเขาอาจถูกไล่ออกจากฮวงยันไปตั้งนานแล้ว หรืออาจถึงขั้นตายอยู่ข้างนอกไปแล้วก็ได้


————————


TQF:บทที่ 589 เข้าพบเจ้าเมือง (3)


 


ตอนนี้ไม่ใช่แค่ไม่ต้องใช้ชีวิตแบบหวาดระแวงอีกต่อไป ขณะเดียวกันสหายร่วมทุกข์ของพวกเขาก็มีชีวิตที่ดีแล้วเช่นกัน นอกจากยาเม็ดวิเศษที่ช่วยรักษาพวกเขาแล้ว ยังมีหินพลังวิญญาณให้พวกเขาไว้ใช้สอยอีกด้วย


 


โดยเฉพาะเหล่าสหายที่บาดเจ็บสาหัสก็เกือบจะหายดีแล้ว ดังนั้นพวกเขาสำนึกบุญคุณของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวดั่งผู้ให้ชีวิตเลยก็ว่าได้


 


“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” กับเรื่องพวกนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็แค่ทำได้เท่าที่ทำเท่านั้น “จริงสิ ข้าจะถามพวกเจ้าว่ารู้จักคนที่ทำมาค้าขายเป็นมั้ย คนที่บริหารเป็น เป็นผู้จัดการได้น่ะ”


 


“หัวหน้ากลุ่ม นี่มัน…” เกาชิงหยางถามอย่างสงสัย


 


“การจะสร้างชื่อให้กลุ่มทหารรับจ้างของเรา พวกเจ้าที่อยู่ที่นี่ก็ควรจะรู้จักคนทุกสายเอาไว้ ข้าต้องการคนจำนวนหนึ่งมาช่วยงาน แน่นอนว่าต้องเอาคนที่นิสัยไม่เลวด้วย ต่อให้วิทยายุทธต่ำหน่อยก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญคือต้องเป็นคนซื่อสัตย์ เข้าใจมั้ย”


 


“ขอรับหัวหน้ากลุ่ม พวกเรารับประกันว่าจะหาคนแบบนี้ให้เจอ”


 


ทั้ง 3 ไม่กล้าชะล่าใจ เรียกได้ว่านี่เป็นเรื่องแรกที่พวกเขาต้องไปทำหลังจากเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน สีหน้าของทั้ง 3 จึงเคร่งขรึมและตั้งใจ


 


“ดี พวกเจ้าไปช่วยข้าหา และถ้ามีทหารรับจ้างที่นิสัยใช้ได้ก็ชวนพวกเขามาเข้าร่วมได้”


 


“ขอรับหัวหน้ากลุ่ม”


 


เมื่อได้รับภารกิจคนทั้ง 3 ก็ออกจากบ้านตระกูลเฉิงไปด้วยใจที่มีเป้าหมาย และเริ่มลงมือทันที


 


ขณะเดียวกันเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ให้ผู้เฒ่าหยิงไปหาทำเลร้านที่ดีมาหน่อย ต่อให้ไม่ได้อยู่ที่รอบนอกนี้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่เหมาะสมก็พอ


 


เมื่อสั่งทุกอย่างเสร็จเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็หายตัวเข้ามิติไป


 


ไม่ได้เข้ามาตั้งหลายวัน ไม่รู้ว่าช่วงนี้หยูเฮงน้อยดูแลมิติเป็นอย่างไรบ้าง


 


เมื่อนางมาถึง หยูเฮงน้อยก็วิ่งมาจากไหนไม่รู้ เอะอะด้วยความดีใจ “คุณหนู ท่านมาแล้วเหรอ มีเรื่องอะไรน่าสนุกรึเปล่า”


 


“มีอะไรน่าสนุกที่ไหนล่ะ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหน้าอย่างละเหี่ยใจ หยิกใบหน้าเล็กๆน่ารักนี่เบาๆ “เจ้ายุ่งอยู่กับอะไรล่ะ มีสัตว์อมตะอีกเท่าไหร่ที่ยังไม่กลายร่างเป็นคน”


 


“ชิ คุณหนู ท่านดูถูกข้าเกินไปรึเปล่า เกือบจะกลายร่างกันหมดแล้ว ตอนนี้เผ่าอสูรในมิติเราที่แปลงร่างเป็นคนก็มีถึง 3 ล้านแล้ว พอมั้ยคุณหนู”


 


หยูเฮงน้อยกระพริบตาปริบๆใส่นาง “จะให้ส่งเผ่าอสูรออกไปอีกสักล้านคนดีมั้ย ให้กลุ่มทหารรับจ้างของเราครอบครองปฐพีนี้ไปเลย”


 


“พอได้แล้วน่า เลิกคิดเรื่องบ้าๆแบบนี้ได้แล้ว”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่อยากจะฟังนางพูดไปเรื่อย “คนข้างนอกไม่พอ เจ้าไปเลือกเผ่าอสูรที่สติปัญญาเริ่มเฉียบแหลมแล้วมาให้ข้า ให้พวกเขาไปช่วยพวกเราที่ด้านนอกนั่น”


 


“หืม คุณหนู ด้านนอกนั่นเกิดอะไรขึ้นหรือ ต้องให้ข้าออกไปช่วยมั้ย”


 


“ตอนนี้ยังไม่ต้อง เจ้ายุ่งเรื่องในมิติไปก่อน”


 


“ก็ได้ จริงสิคุณหนู อาจารย์และอาจารย์หญิงไปคัดตัวแล้วใช่มั้ย”


 


“คัดแล้ว ไปที่โถงหลักวิหารสวรรค์แล้ว”


 


 


————————–


TQF:บทที่ 590 โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ (1)


 


 


อยู่คุยเป็นเพื่อนหยูเฮงน้อยไปสักพักเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เริ่มฝึกฝนในมิติ นางต้องการจะบรรลุจากระดับจักพรรดิ์อมตะไปสู่ระดับก้าวสู่เทพเทวาในไม่กี่วันนี้ แม้ว่าจะยุ่งๆกันอยู่นางก็ต้องหาเวลาฝึกฝน


 


เช้าวันรุ่งขึ้น เฉิงเสี่ยวเสียวก็เริ่มง่วนอยู่กับการทำงานอีกครั้ง นอกจากเรื่องภายในบ้านแล้วยังต้องร่างโครงสร้างของกลุ่มทหารรับจ้างออกมาด้วย


 


วันที่ 3 เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ได้รับเอกสารที่ตำหนักเจ้าเมืองส่งมา แต่คนที่มาไม่ใช่ผู้อาวุโสเจี่ยง แต่ท่าทางอีกฝ่ายก็มีความสุขไม่เบา ตอนที่ส่งเขาออกไปก็ให้แหวนมิติเขาไปอีกวง ทำให้อีกฝ่ายตีใจจนรับปากว่าหลังจากนี้มีอะไรให้ไปหาเขาได้เลย


 


กับคนแบบพวกเขาแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ว่าอะไรที่ต้องจ่าย อย่างไรซะอีกฝ่ายก็อยู่ในฐานะทางการ ไม่มีเรื่องบาดหมางจะดีกว่า เผื่อว่าวันหลังจะมีเรื่องที่ต้องการพวกเขา


 


ร้านค้าที่เป็นตึก 3 ชั้นถูกหมายปองไว้ เดิมทีที่เป็นเป็นร้านอาหารแกมขายเหล้า แต่เจ้าของก่อเรื่องบางอย่างขึ้นจึงถูกคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นทุบร้านไป เจ้าของทำอะไรไม่ได้จึงจำต้องขายร้านนี้


 


ทันทีที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้ข่าวก็รีบไปพบหน้าเจ้าของร้าน วิทยายุทธแค่ระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์เท่านั้น รูปร่างอ้วนๆขาวๆ ใบหน้าเศร้าสร้อยราวกับมีคนติดเงินเขาแล้วไม่คืน


 


เจ้าของร้านนี้ก็เคยได้ยินชื่อของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมานานแล้ว เมื่อรู้ว่าตระกูลเฉิงต้องการซื้อตึกของเขาไปก็ตกใจและสงสัย ความแค้นระหว่างกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นและซื่อหุนเขาก็รู้ดี อย่างไรซะเรื่องที่เกิดขึ้นในฮวงยันไม่นานก็ถูกลือจนรู้กันทั่ว


 


“หัวหน้ากลุ่มเฉิง พวกท่านจะซื้อร้านของข้าจริงๆเหรอ” เจ้าของคนนี้อดถามไม่ได้


 


ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกหญิงสาวตรงหน้า จากพลังลมปราณจากร่างนางเขาก็รับรู้ได้ว่าหญิงสาวคนนี้แหยมไม่ได้


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองเขานิ่งๆพยักหน้าเบาๆ ยังคงจิบชาวิเศษอยู่โดยไม่มีทีท่าจะเปิดปาก


 


“หัวหน้ากลุ่มเฉิง ที่จริงคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเคยมาหาข้า พวกเขาเองก็อยากจะซื้อร้านของข้าเหมือนกัน”


 


“เถ้าแก่จิน เจ้าหมายความว่าอย่างไร คิดว่าพวกเราไม่มีเงินซื้อร้านเจ้ารึ”


 


สีหน้าผู้เฒ่าหยิงเข้มขึ้น แม้ว่าวิทยายุทธเขาจะไม่สูง แต่ก็ยังคงท่าทีไม่เกรงกลัวใคร ถึงยังไงเขาก็คือพ่อบ้านตระกูลเฉิง เป็นเสมือนตัวแทนของทั้งตระกูล


 


เถ้าแก่จินไม่กล้าแสดงท่าทีไม่พอใจกับคำพูดของเขา “พ่อบ้านหยิง ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าหมายถึงกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นก็อยากได้ร้านของข้า หาพวกท่านซื้อละก็ อาจจะบาดหมางกับพวกเขาได้ ถึงเวลา….”


 


“วางใจเถอะ กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นอะไรนั่นพวกเราไม่เห็นอยู่ในสายตาหรอก ขอแค่เจ้าขายร้านให้พวกเราก็พอแล้ว”


 


ผู้เฒ่าหยิงรู้ว่าเจ้านายต้องเองถูกใจร้านนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องซื้อให้ได้ ส่วนความกังวลของเถ้าแก่จินนั้นไม่จำเป็นต้องใส่ใจเลย


 


“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่มีอะไรแล้ว ข้าไม่สามารถรักษาร้านไว้ได้ก็เสียใจอยู่บ้าง แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อคนอื่นแข็งแกร่งกว่า ข้าก็ต้องยอมเสียของรัก ถ้าจะต้องให้คนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นได้ไปสู้ให้หัวหน้ากลุ่มเฉิงไปจะสบายใจกว่า”


 


เถ้าแก่จินถอนหายใจ แม้จะไม่อยากแต่ก็ตกลงยอมขาย


 


“เถ้าแก่จิน เจ้าเป็นคนท้องที่ของฮวงยันใช่มั้ย”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยววางแก้วชาเอ่ยถามเสียงเบา


 


“ใช่…”


 


เถ้าแก่จินชะงักไปและพูดต่อ “หัวหน้ากลุ่มเฉิง บรรพบุรุษของข้าล้วนอยู่ที่นี่หมด เพียงแต่พรสวรรค์ในการฝึกฝนไม่สูง ทำได้แค่รักษากิจการไว้ค้ำจุนชีวิต ช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้แม้แต่กิจการที่สืบทอดมาก็รักษาไว้ไม่ได้แล้ว พวกเรามันไร้ความสามารถ….”


 


พูดมาถึงตรงนี้หางตาเถ้าแก่จินก็ชื้น เห็นได้ว่าเขาถูกบีบคั้นจนหมดหนทางแล้ว


 


“ในเมื่อบรรพบุรุษของเถ้าแก่จินอยู่ที่นี่หมดก็หมายความว่ากิจการไม่แย่ ทำไมถึง….”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดไม่จบ แต่ทุกคนในที่นี้ก็ได้ยินชัดเจนแล้ว การอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษหมายความว่าเงินทองที่ได้จากกิจการต้องไม่น้อย เขาบอกว่าคนของตระกูลจินมีพรสวรรค์การฝึกฝนที่ไม่สูง น่าจะเสียที่ทำกินในเมืองฮวงยันไปนานแล้ว


 


ถือคนแกร่งเป็นใหญ่ การไม่มีความสามารถก็น่าจะถูกคนอื่นกินจนไม่เหลือซากไปนานแล้ว ยิ่งในอำเภอชั้น 2 ที่ดินทุกเม็ดเป็นเงินเป็นทอง


 


แต่ตระกูลจินกลับยืนหยัดมาได้ถึงบัดนี้ น่าแปลกใจจริงๆ


 


เถ้าแก่จินหัวเราะขมขื่น “ข้าเข้าใจความหมายของหัวหน้ากลุ่มเฉิง พวกเราก็อยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว ที่ไม่เคยถูกไล่ออกจากฮวงยันก็เพราะเจ้าเมืองคนอื่นรู้จักกับบ้านข้า เมื่อได้รับการดูแลจากเขาพวกเราถึงได้อยู่ที่นี่มาได้หลายยุคหลายสมัย”


 


“แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อน หลังจากที่เจ้าเมืองคนก่อนออกไปตระกูลจินของเราก็เริ่มถูกข่มเหง ตอนแรกๆที่ทุกเห็นว่ามีเจ้าเมืองคนใหม่ยังไม่ลงมือ ตอนนี้สถาการณ์ของเจ้าเมืองคนใหม่ลงตัวแล้ว และพวกเราก็ไม่สามารถผูกมิตรกับเขาได้ จึงเริ่มถูกคนอื่นหาเรื่อง”


 


“เดิมทีในมือข้ามีอยู่หลายร้าน เพื่อให้อยู่ที่นี่ได้ก็ขายครึ่งแจกครึ่งไปหมดแล้ว เหลือแค่ร้านข้าวนี้ไว้เลี้ยงดูครอบครัว ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายพวกเราก็ถูกเพ่งเล็งจากคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นจนได้”


 


เถ้าแก่จินเล่าเรื่องของตัวเองด้วยสีหน้าทุกข์ระทม เขาไม่ได้ปิดบังอะไร อย่างไรซะหากไปสืบสาวเรื่องราวดีๆเรื่องของตระกูลเขาทั้งฮวงยันก็รู้กันหมดแล้ว


 


เมื่อผู้เฒ่าหยิงฟังจบก็ถามขึ้นด้วยความแปลกใจระคนสงสัย “ยังไงซะพวกเจ้าก็อยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ อิทธิพลในฮวงยันก็มีตั้งมากมายเจ้าไม่เคยหาที่พึ่งเลยรึ”


 


“เคย แต่พวกนั้นก็เป็นแค่กลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 ระดับ 5 เท่านั้น กับการข่มเหงจากกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 3 แล้วใครจะกล้าออกหน้าให้ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นถึงกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นยิ่งไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย”


 


เถ้าแก่จินมองทั้ง 2 ด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ คนที่กล้าต่อกรกับกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นซึ่งๆหน้าก็คงจะมีแต่พวกนางนี่แหละ


 


“แค้นพวกเขามั้ย” จู่ๆเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ถามขึ้นด้วยสายตานึกสนุก


 


“แค้น” เถ้าแก่จินหรี่ตา มีประกายแห่งความแค้นวิบวับอยู่ในแววตา แต่ไม่นานนักเขาก็ก้มหน้าลงพลางกล่าวอย่างหมดแรง “แค้นแล้วทำอะไรได้ ครอบครัวข้าก็ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ ก็ต้อง…”


TQF:บทที่ 591 โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ (2)


 


“หลังจากนี้เจ้าจะทำอย่างไร”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเปลี่ยนเรื่องคุย สายตาที่มองเขามีแววสงสาร บางทีบนผืนดินนี้มีเรื่องแบบนี้ทุกวัน หากตัวเองไม่ได้ไปเจอก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้เจอแล้วก็รู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง


 


“ข้า ข้าเหลือแค่บ้าน 3 ส่วน มีที่ให้พำนัก ส่วนที่เหลือก็ต้องรับงานช่วยคนอื่น ข้ายังต้องเลี้ยงครอบครัว”


 


“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เถ้าแก่จินก็อยู่เป็นผู้จัดการต่อที่ร้านข้าสิ เชื่อว่าเจ้าทำได้”


 


“หัวหน้ากลุ่มเฉิง ท่านหมายความว่า…”


 


เถ้าแก่จินอ้าปากค้างมองหญิงสาวตรงหน้างงๆ เขานึกว่าตัวเองฟังผิดไป


 


นางไม่ใช่แค่จะซื้อร้านตัวเอง แต่ยังจะให้เขาเป็นผู้จัดการด้วย นี่มันเป็นไปไม่ได้


 


ผู้เฒ่าหยิงก็มีท่าทีแปลกใจ แต่พริบตาเดียวก็กลับเป็นปกติ เขาเข้าใจคุณหนูของตัวเองแล้ว


 


แม้ว่าเถ้าแก่จินตรงหน้าจะบาดหมางกับกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นที่คนอื่นมองว่าดุร้ายนักหนา แต่สำหรับเขาแล้วเจ้าพวกคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นต้องรู้หน้าที่หน่อย ไม่อย่างนั้นไม่จบดีๆแน่


 


เมื่อมีงานทำเถ้าแก่จินก็ยินดีเป็นอย่างมาก แต่ไม่นานนักเขาก็ใจเย็นลง สายตาซาบซึ้งและลำบากใจ “หัวหน้ากลุ่มเฉิง ความหวังดีของท่านข้าขอรับไว้ด้วยใจ แต่ข้าทำร้ายพวกท่านไม่ได้”


 


“หืม ทำไมเจ้าพูดอย่างนี้ล่ะ หรือว่าการที่ข้าให้เจ้ามาทำงานเป็นเรื่องไม่ดี หรือว่าเจ้าทำมาค้าขายไม่เป็น”


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยกมุมปากขึ้น ในใจรู้สึกประทับใจในตัวเถ้าแก่จินเพิ่มขึ้นไปอีก


 


“ไม่ใช่ๆ” เถ้าแก่จินส่ายหัว “หัวหน้ากลุ่มเฉิง ข้ารู้ว่าท่านหวังดีอยากจะช่วยข้า แต่หากข้าอยู่ทำงานที่ร้านของท่านกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นไม่ปล่อยพวกท่านไว้แน่ พวกเขามาหาเรื่องทุกวันแล้วจะทำมาค้าขายกันได้อย่างไร”


 


“เหล่าจิน เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”


 


ผู้เฒ่าหยิงไม่สนว่าอีกฝ่ายจะมีวิทยายุทธสูงกว่าตัวเอง เรียกอย่างคุ้นเคยพลายเอ่ยอย่างผยอง “ข้าพูดตรงๆนะ แม้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นจะเป็นระดับ 3 แต่ก็ยังไม่อยู่ในสายตาพวกเราอยู่ดี พวกเขาไม่มาหาเรื่องพวกเราก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ากล้ามาก่อเรื่องที่ถิ่นของเราละก็ งั้นก็รอโดนล้างบางได้เลย”


 


“…..” เถ้าแก่จินตาเบิกกว้างมองผู้เฒ่าหยิงราวกับเห็นคนบ้า


 


เกรงว่าแม้แต่เจ้าเมืองฮวงยันก็ยังไม่กล้าพูดว่าจะล้างบางกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 3 ตอนนี้เขาได้ยินว่ากลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 จะล้างบางระดับ 3 จะให้เขายอมรับได้อย่างไร


 


แต่สายตาของเขาก็มองไปยังคนข้างๆ เมื่อเขาเห็นหัวหน้ากลุ่มเฉิงก็มีท่าทีเหมือนนี่เป็นเรื่องที่สมควรแล้วก็แทบเป็นลม


 


วิทยายุทธของเถ้าแก่จินไม่สูงนัก แต่อาชีพค้าขายทำให้เขามองคนไม่ผิดแน่ ใครพูดเรื่องจริงเขาพอแยกออกอยู่


 


จากสายตาของเขาดูออกว่า 2 คนนี้ไม่ได้พูดเล่น ราวกับพวกเขาไม่เห็นกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นอยู่ในสายตาจริงๆ


 


ชั่วขณะนั้นในหัวเขานึกไปถึงข่าวลืมเกี่ยวกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนที่ได้ยินมา หรือว่านางมีสมาชิกระดับจักพรรดิ์อมตะนับสิบคนจริงๆ


 


และในขณะนั้นเขาที่นึกว่าพูดเล่นมาตลอดก็เริ่มคลางแคลงใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เริ่มไตร่ตรองอยู่ในใจ


 


หากตัวเองได้ทำงานในกลุ่มทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการอยู่การกินของครอบครัวอีกต่อไป


 


นึกมาถึงตรงนี้ตาเขาเป็นประกายวูบวาบ ต้องเลือกทางเดินแล้ว อยู่ทำงานที่นี่อาจจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของกินของใช้อีกต่อไป จะไม่มีคนมารังแกครอบครัวเขาหรือไล่ออกจากฮวงยันอีก หรืออาจจะเจอจุดจบที่น่าอนาถกว่านี้ บ้านแตกสาแหรกขาด


 


ชีวิตคนเราต้องเจอกับการตัดสินใจอยู่ทุกเมื่อ เขาก็ต้องเลือกอีกครั้ง


 


ไม่ว่าจะเลือกเรื่องอะไรก็เหมือนการพนันนั่นแหละ อาจจะชนะและได้ใช้ชีวิตอย่างองอาจ หรืออาจจะแพ้และเสียแม้กระทั่งชีวิต


 


แน่นอนว่าเขาจะไม่เลือกก็ได้ ขายร้านให้พวกนางเสร็จก็ไปหางานอย่างอื่นทำ


 


แต่ทางเลือกนี้ก็จะต้องเจอกับความลำบากอีกมากมาย อาจจะยังต้องเจอกับการรังแกจากกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้น เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่เขาจะรับไหว


 


ต่อให้ไม่มีกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นมาคอยเป็นปฏิปักษ์กับตัวเองเขาก็อาจจะหางานไม่ได้ หรืองานที่หาได้ก็อาจจะไม่พอที่จะเลี้ยงครอบครัวตัวเอง


 


เขานึกภาพทุกอย่างที่มีโอกาสเกิดขึ้นในหัวรอบแล้วรอบเล่า


 


เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองคนที่นิ่งไปนานก็ยิ้มเบาๆ กำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็เห็นเถ้าแก่จินลุกขึ้นยืน สีหน้าจริงจังอย่างที่สุด “ข้ายินดีทำงานให้กับหัวหน้ากลุ่มเฉิง จนตายก็ไม่เสียใจ”


 


“เจ้าแน่ใจหรือ” เมื่อได้ฟังคำตอบจากเขาแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็มองเขาด้วยตาคู่สวย เหมือนจะแปลกใจแต่ก็เหมือนว่าทุกอย่างอยู่ในความคาดหมายหมดแล้ว


 


“แน่ใจ”


 


“ดี หวังว่าพวกเราจะร่วมงานกันได้อย่างมีความสุข” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคลี่ยิ้ม ใบหน้างดงามเจิดจรัส “ขอแค่เจ้าตั้งใจทำงาน เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของพวกเรา เราจะคุ้มครองครอบครัวเจ้าให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่มีใครในฮวงยันกล้ารังแก่แน่”


 


ความกังวลอย่างสุดท้ายในใจเถ้าแก่จินหมดไป กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณคุณหนู”


 


“เรื่องเล็กน้อย”


 


ต่อจากนี้ก็เป็นการลงชื่อในสัญญาเช่าที่ เถ้าแก่จินปล่อยให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเช่าทั้งตึกรวมถึงคนงานในร้านด้วย ต่อไปนี้เขาก็คือผู้อาวุโสแห่งตระกูลเฉิง


 


เรื่องหลังจากนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวปล่อยให้ผู้เฒ่าหยิงและผู้จัดการจินจัดการ เพราะทั้งตึกยังต้องเก็บกวาดตกแต่งอยู่ ยังไม่สามารถเปิดร้านได้


 


ไม่นานนักข่าวที่ผู้จัดการจินปล่อยตึกให้กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเช่าก็กระจายออกไป ขณะเดียวกันเรื่องที่เขาถูกจ้างเป็นผู้จัดการก็ไม่ได้ถูกปิดบังไว้ คนทั้งฮวงยันรอหัวเราะเยาะกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นอยู่


 


ใครๆก็รู้ว่าเนื้อชิ้นดีที่กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเล็งเอาไว้พริบตาเดียวก็ถูกกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนแย่งไป ตอนนี้ทุกคนก็รอดูเรื่องสนุกๆอยู่


 


เพล้ง….


————————-


TQF:บทที่ 592 โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ (3)


 


 


โต๊ะตัวหนึ่งในห้องรับแขกใหญ่โตแตกละเอียด ส่งผลให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องก้มหน้าลง ไม่กล้ามองใบหน้าที่เหมือนจะกินคนได้ของหัวหน้ากลุ่ม


 


“รังแกกันเกินไปแล้ว….”


 


หัวหน้ากลุ่มหารรับใช้เฮยอั้นมีสภาพเหมือนสิงโตที่บ้าคลั่ง ตะโกนโวยวายด้วยแววตาเกรี้ยวกราด


 


“หัวหน้ากลุ่ม เราจะไม่ทำอะไรไม่ได้นะ คนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนทำเกินไปจริงๆ นี่มันเหมือนตบหน้าพวกเราชัดๆ จะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไรกัน”


 


หวงซันผู้เป็นหัวหน้าหมู่ 1 กัดฟันกรอด เดิมทีพวกเขากลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเป็นคนระดับเดินกร่างไปทั่วฮวงยันได้ บัดนี้ทุกคนเห็นพวกเขาเป็นตัวตลก จะไม่ให้แค้นได้อย่างไร


 


“หัวหน้ากลุ่ม กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนทำเกินไปจริงๆ พวกเราทนไม่ได้แล้ว”


 


“กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเก่งมั้ยเราก็ยังไม่รู้ แต่หัวหน้ากลุ่มของพวกเขาก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น พวกเราไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”


 


“หัวหน้ากลุ่ม ไม่แน่พวกกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็แกล้งทำตัวกร่างขู่ไปงั้น เราจะปล่อยให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะเราไม่ได้เด็ดขาด”


 


“อย่างมากก็แค่สู้ตายกับยัยนั่น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าชายอก 3 ศอกอย่างพวกเรายังสู้ผู้หญิงคนเดียวไม่ได้”


 


“เรายังไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นยังไง อย่าปล่อยให้พวกเขามาทำให้กลัว ต้องสั่งสอนสักหน่อย”


 


…..


 


สมาชิกกลุ่มทั้งหลายที่อยู่ ณ ที่นี่ต่างโมโหขึ้นคอราวกับหลุมศพของบรรพบุรุษถูกขุดออกมา


 


มีเพียงรองหัวหน้ากลุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆเท่านั้นที่ขมวดคิ้วเป็นปม ไม่ได้โกรธหรือโมโห เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่


 


เขาชื่อว่าเว่ยหัว เป็นผู้มีปัญญาของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้น ทุกคนที่เกิดอะไรขึ้นในกลุ่มเขาก็ต้องคิดไตร่ตรองก่อนแล้วค่อยหารือแผนรับมือกับหัวหน้ากลุ่ม


 


ครั้งนี้ก็ไม่เว้น กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะเพิ่งลงทะเบียนได้ไม่นาน เท่ากับว่ายังไม่ได้เปิดตัวจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องรับภารกิจเลย


 


พลังของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นอย่างไรนั้นทุกคนก็อยากรู้คำตอบ แต่ไม่มีใครโง่พอจะไปแหยมกับพวกเขา


 


ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากที่พวกเขามียอดฝีมือจักพรรดิ์อมตะนับสิบคน ทำให้ผู้อื่นต้องรักษาระยะห่าง และยังมีข่าวออกมาว่าจริงๆแล้วกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่ได้มีจักพรรดิ์อมตะแค่ 10 กว่าคน แต่มามากถึงหลายร้อยคน


 


จักพรรดิ์อมตะหลายร้อยคน?


 


ข่าวนี้ไม่มีใครเชื่อ ถ้าหากมีจักพรรดิ์อมตะหลายร้อยคนจริงๆละก็พวกเขาสามารถต่อกรกับกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 1 ได้เชียวนะ


 


กับเรื่องที่กลุ่มทหารรับจ้างที่เพิ่งปราฏตัวจะเทียบเท่ากับกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 1 นั้นไม่มีใครเชื่อเด็ดขาด แต่ละคนยังคลางแคลงใจอยู่


 


เพราะฉะนั้นทุกคนก็ได้แต่คาดเดาว่าพลังที่แท้จริงของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนนั้นเป็นอย่างไร ไม่มีใครบอกแน่ชัดได้เพราะไม่มีใครเคยเห็นพลังที่แท้จริงของพวกเขา


 


แต่กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นของพวกเขาเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขาโดยไม่ตั้งใจ ตอนนี้คนทั้งเมืองเฝ้ารอให้พวกเขาตีกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนอยู่


 


คนจำนวนนับไม่ถ้วนรอให้พวกเขาสู้กัน ทีนี้ทุกคนก็จะได้รู้ว่าพลังที่แท้จริงของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นอย่างไร


 


ตอนนี้การกระทำของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนได้ยั่วโมโหพวกเขากลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเข้าแล้ว เนื้อชิ้นดีที่กำลังจะเข้าปากหายไป หากพวกเขาไม่ทำอะไรอีกละก็คนทั้งฮวงยันต้องดูหมิ่นพวกเขาแน่


 


สู้ ต้องสู้อยู่แล้ว แต่จะสู้อย่างไรเขายังรู้สึกปวดหัวอยู่มาก


 


ศึกระหว่างยอดฝีมือไม่ใช่การละเล่นของเด็กๆ ลงมือก็คือฆ่ากันตาย ไม่ง่ายนักที่พวกเขาจะได้รับอนุมัติให้เป็นกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 3 ได้ หากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาเกรงว่าต้องร่วงลงไปที่ระดับ 4 เหมือนเดิม คนที่เป็นผู้มีปัญญาของกลุ่มอย่างเขาจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด


 


“เว่ยหัว เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร” หัวหน้ากลุ่มสะกดความโกรธลงพลางจ้องมองไปยังรองหัวหน้า


 


สมาชิกกลุ่มคนอื่นก็เช่นกัน สายตาของทุกคนตกไปที่รองหัวหน้า รอให้เขาพูดบางอย่างออกมา


 


เว่ยหัวส่ายหน้าเมื่อมองไปยังสหายแต่ละคนที่มีสีหน้าไม่ยอม “ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคน แต่เรื่องนี้มันไม่ง่าย”


 


“รองหัวหน้ากลุ่ม เราเอาความเป็นธรรมคืนจากกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่ได้หรือ”


 


“รองหัวหน้ากลุ่ม พวกเรากลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเคยถูกคนอื่นรังแกแบบนี้ซะเมื่อไหร่ ข้าคิดว่าเราต้องไปเอาตึกชุนเหอกลับมาจากพวกเขา”


 


“ถูกต้อง อย่างมากก็แค่สู้กัน พวกเรากลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเคยกลัวคนอื่นซะเมื่อไหร่ ต่อให้คนของกลุ่มทหารรับจ้างชังเอ้าก็ไม่กล้าทำแบบนี้กับพวกเรา”


 


“นั่นน่ะสิ หัวหน้ากลุ่ม รองหัวหน้ากลุ่ม พวกเราไม่กลัวอะไรทั้งนั้น สู้กับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไปเลย พวกเราไม่เชื่อหรอกว่าชายอก 3 ศอกอย่างพวกเราจะแพ้นังผู้หญิงนั่น”


 


…..


 


ทุกคนเอะอะขึ้นอีกครั้ง ท่าทางฮึกเหิมราวกับจะสู้กันซะตอนนี้เลย


 


เว่ยหัวขมวดคิ้วเบาๆ บอกกับทุกคน “ทุกคนอย่าเพิ่งใจร้อน ข้าขอหารือกับหัวหน้ากลุ่มก่อนว่าจะจัดการพวกเขาอย่างไรดี ทุกคนไปทำอย่างอื่นกันก่อน แล้วจะให้คำตอบกับทุกคนแน่ๆ”


 


“ได้…”


 


“รองหัวหน้ากลุ่ม พวกเราจะรอนะ”


 


“ไม่มีปัญหา”


 


ทุกคนตอบรับและออกไปจากห้องรับแขกจนหมด เหลือเพียงหัวหน้าและรองหัวหน้ากลุ่ม


 


ตอนนี้หัวหน้ากลุ่มใจเย็นลงแล้ว แต่สีหน้ายังไม่สู้ดี กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นๆ “เว่ยหัว ถ้าพวกเราไม่ลงมือเกรงว่าทั้งฮวงยันจะดูหมิ่นพวกเรา”


 


“พี่ลวี่ ข้ารู้ แต่กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนไม่ใช่ว่าจะแหยมได้ง่ายๆ”


 


“เว่ยหัว เจ้าหมายความว่าเราจะรามือแค่นี้รึ” สีหน้าของหัวหน้ากลุ่มลวี่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม