สาวน้อยปลูกผัก 581-586
TQF:บทที่ 581 จดจำไว้ไม่ลืมเลือน (1)
ผู้อาวุโสจากโถงวิหารสวรรค์มาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ว่ายังไงรู้จักไว้ก็จะเป็นการดีกว่า
“ผู้อาวุโสทุกท่าน นี่คือท่านย่าของข้า พวกเขาคืออาจารย์และอาจารย์หญิงของข้า ขอให้ทุกท่านช่วยดูแลด้วย” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวแนะนำพวกเขา
ส่วนฐานะของผู้เฒ่าเหล่านี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็แนะนำให้ฟังอีกรอบ ทุกคนต่างทักทายกัน
เหล่าผู้อาวุโสไม่ได้ให้ความสนใจกับ 2 สามีภรรยาโม่อู๋เซอเท่าไหร่ แต่กลับมีสีหน้าตกใจกับฟางซูหยุน อย่างไรซะยอดฝีมือในอายุแค่นี้ธรรมดาซะที่ไหน
พวกเขาที่นอบน้อมอยู่แล้วก็ยิ่งนอบน้อมกว่าเดิม แตกต่างกับท่าทียโสเมื่อตอนเพิ่งมาถึงบ้านตระกูลเฉิงราวฟ้ากับเหว
“ข้ามีคำถาม ไม่ทราบว่าถามได้มั้ย”
สายตาของผู้อาวุโสเริ่นวนไปมาระหว่างอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์และ 2 สามีภรรยาโม่อู๋เซอ เขาอดเอ่ยปากถามไม่ได้
เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา สายตาของทุกคนก็ถูกเขาดึงดูดไปทันที
ผู้อาวุโสท่านอื่นก็มองเขาอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าเขาจะถามอะไร
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวแอบดีใจ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ตอบเรียบๆ “ผู้อาวุโสเริ่นไม่ต้องเกรงใจ มีอะไรก็พูดได้เลย พวกเราพร้อมรับฟัง”
“ดี ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไม่ซ่อนความในใจ” ผู้อาวุโสเริ่นยิ้มออก “พวกท่านทั้ง 3 เหมือนจะมีวาสนาเกี่ยวดองกับโถงวิหารสวรรค์ของเรา ข้าเองก็ไม่ได้รู้ลึกเกี่ยวกับวิชาวิหารสวรรค์นัก แต่ก็พอสัมผัสผู้มีวาสนาได้บ้าง ไม่ทราบว่าวิชาวิหารสวรรค์ของทั้ง 3 ท่านมาจากที่ไหน”
ทุกคนชะงักไป โดยเฉพาะคนของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ คิดไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสเริ่นจากโถงวิหารสวรรค์คนนี้จะมีความสามารถมากขนาดที่มองทั้ง 3 คนออกทะลุปรุโปร่ง
ทั้ง 3 คนเป็นถึงเจ้าโถงวิหารสวรรค์ วิชาวิหารสวรรค์ย่อมไม่แย่ แต่วิทยายุทธของพวกเขาก็ยังดูต่ำไปหน่อยในสายตาของผู้อาวุโสเริ่น ถึงได้มองอิทธฤทธิ์ในตัวพวกเขาออกอย่างง่ายดาย
วิชาวิหารสวรรค์น่ะลึกลับยิ่งกว่าลึกลับ ทุกคนที่พอมีฝีมือในวิชาวิหารสวรรค์อยู่บ้างก็จะมีลมปราณลึกลับแผ่ซ่านออกมา ลมปราณแบบนี้ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธทั่วไปแยกไม่ออก แต่สำหรับคนของโถงวิหารสวรรค์แล้ว คนที่วิทยายุทธสูงย่อมมองออกทั้งนั้น
ผู้อาวุโสก็เป็นเช่นนั้น ที่จริงเขาสัมผัสได้ตั้งแต่ที่อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ปรากฏตัวแล้ว เพียงแต่เขาอดทนไว้ จน 2 สามีภรรยาโม่อู๋เซอปรากฏตัวเขาจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป ต้องเอ่ยถามเสีย
ใครๆก็รู้ว่ามีคำสั่งจากเบื้องบน ลูกศิษย์ที่จะรับเข้าในปีนี้ไม่จำเป็นต้องมีวิทยายุทธที่สูง สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีพรสวรรค์แห่งวิชาวิหารสวรรค์ และตรงหน้านี้ก็มีมากทีเดียวถึง 3 คน เขาจะยอมพลาดได้อย่างไร
ตอนนี้สายตาของเขาที่มอง 2 สามีภรรยาโม่อู๋เซอนอกจากความยินดีแล้วยังมีความเร่าร้อนด้วย 2 คนนี้คือบุคคลเลอค่าที่แท้จริง
หากได้ 2 คนนี้เข้าโถงวิหารสวรรค์ งั้นรางวัลปีนี้ของเขา…
คิดมาถึงตรงนี้รอยยิ้มบนใบหน้าผู้อาวุโสเริ่นก็ยิ่งเบิกบานเข้าไปใหญ่
โถงหลักวิหารสวรรค์
“เพลง แกะที่คลุมหนังหมาป่าไว้”
ทำนองประหลาดที่แฝงไปด้วยความโศกเศร้าดังมาจากที่ใกล้ๆ หยินเฟิ่งจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังแผ่นนั้น เพลิงริษยาแทบจะเผานางจนสิ้นซาก
นางคิดไม่ถึงจริงๆว่าผู้ชายคนนี้จะรักลึกซึ้งได้ขนาดนี้ ต่อให้ความทรงจำหายไปก็ยังจดจำเพลงประหลาดๆพวกนี้ได้อยู่
นางเจ็บใจ เจ็บใจจริงๆ
เพื่อให้ผู้ชายคนนี้สนใจ นางล้มเลิกการเก็บตัว ล้มเลิกการออกไปข้างนอก เพื่อที่จะอยู่เฝ้าผู้ชายคนนี้ไว้ตลอด
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เวลาผ่านไปเกือบปีแล้ว นางก็ยังไม่อยู่ในสายตาของผู้ชายคนนั้นสักที
นางทั้งแค้นและเจ็บใจ อิจฉาริษยานังบ้านั่นอย่างถึงที่สุด
นางมีสิทธิ์อะไรที่จะได้ครอบครองหัวใจเขา นางก็แค่คนบ้านนอก มีสิทธิ์อะไรได้ความรักจากเขา
หยินเฟิ่งยอมรับไม่ได้เด็ดขาด
เกิดความรู้สึกขึ้นในใจของหยินเฟิ่งมากมายจนนางกัดฟันกรอด แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่กล้าไปขัดจังหวะของเขาตอนนี้
และก็มีเพลงที่นางฟังจนคุ้นหูอีกเพลงดังขึ้นมา
“เพลงหนูรักข้าว”
เพลงนี้อีกแล้ว
ทุกครั้งที่ได้ยินเขาฮัมเพลงบอกรักแบบนี้หยินเฟิ่งก็แค้นจนกัดฟันกรอด เพราะทุกครั้งที่เพลงนี้ดังขึ้น เขาก็จะต้องนึกถึงภาพที่นังผู้หญิงบ้านนอกนั่นอยู่เคียงคู่กับเขา
————————
TQF:บทที่ 582 จดจำไว้ไม่ลืมเลือน (2)
รู้สึกไม่ดีและความแค้นก็ยิ่งมีมากขึ้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ลมปราณนั้นขยับตัว หยินเฟิ่งรีบสะกดอารมณ์ทุกอย่างให้มีทีท่าสงบ
“อาจารย์ปู่เล็ก”
พอเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ โม่ซวนซุนก็มีสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวเสียงเย็น “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”
“อาจารย์ปู่เล็ก ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าเพิ่งจะมาถึงที่นี่เอง” หยินเฟิ่งยิ้มอ่อนโยน “อาจารย์ปู่เล็ก ทุกครั้งที่ข้าเจอท่านก็จะได้ยินเพลงจากท่านเสมอ เพราะจัง”
“เจ้าเคยฟังเหรอ”
โม่ซวนซุนใจกระตุกนิดหน่อย แต่ไม่นานเขาก็ใจเย็นลง เขารู้ว่าเพลงที่ตัวเองคุ้นเคยนี้ไม่มีใครรู้จัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะมีคนอื่นเคยร้องเลย
“อาจารย์ปู่เล็กอยากรู้เหรอ” มีความคิดบางอย่างปรากฏในใจหยินเฟิ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างมีความหมายลึกลับ
โม่ซวนซุนจ้องมองนางนิ่งคิ้วขมวด ถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้ารู้จักจริงๆเหรอ เคยฟังที่ไหน”
แม้จะไม่เคยรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้ แต่ในโถงวิหารสวรรค์นี้ก็มีผู้หญิงคนนี้นี่แหละที่มาคุยกับเขาบ่อยที่สุด
แต่ทุกครั้งก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก ผู้หญิงคนนี้อยู่ทุกที่อย่างกับวิญญาณ ไปที่ไหนก็เจอนางตลอด และไม่ว่าจะเย็นชากับนางแค่ไหน นางก็ยังจะหาเรื่องมาคุยกับเขาต่อ
ตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองสูญเสียความทรงจำส่วนมากไปเขาก็รู้สึกกระวนกระวาย นอกจากอย่างอื่นที่ทำให้ตัวเองสงบลงได้แล้วก็มีแต่เพลงอันคุ้นเคยพวกนี้ที่เขาชอบนี่แหละ เขารู้สึกอยู่ตลอดว่าเพลงพวกนี้สำคัญมาก
ดังนั้นทุกครั้งที่เขาอยากจะผ่อนคลายอารมณ์ตัวเองก็มักจะฮัม 2 เพลงนี้ ที่ทำให้เขารู้สึกคิดคำนึงและโศกเศร้า และเขามักจะรู้สึกว่าตัวเองลืมคนสำคัญมากๆไป
เขาจึงเริ่มสอบถามคนอื่นๆในโถงวิหารสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครเคยฟังเพลงพวกนี้ ยิ่งไม่รู้ว่าใครเป็นผู้แต่ง กลับกัน คนจำนวนไม่น้อยที่เคยได้ยินเขาฮัมเพลงนี้มักจะมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
พอนานวันเข้าเขาก็เลิกสอบถามคนอื่น เพราะที่นี่ไม่มีทางที่เขาจะหาคำตอบที่เขาต้องการเจอ
ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์เขาตาแก่ซอมซ่อไม่ยอมให้ออกไป เขาออกไปตามหาเองตั้งนานแล้ว
อาจารย์เขาตาแก่ซอมซ่อบอกว่าต้องฝึกฝนวิทยายุทธให้ถึงระดับจักพรรดิ์อมตะเท่านั้นถึงจะออกไปข้างนอกได้
ตอนนี้เขาเหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็จะบรรลุจักพรรดิ์อมตะแล้ว แต่เขาก็ยังออกไปข้างนอกไม่ได้อยู่ดี
ต่อให้เขาอยากจะออกไปจากที่นี่ หากไม่ได้รับการอนุญาตจากอาจารย์แล้วก็ไม่สามารถไปได้
ดังนั้นปัญหาในใจจึงยังไม่ได้รับการแก้ไข เขาอยากจะออกไปจากที่นี่มาก กับสำนักที่ตัวเองเป็นศิษย์อยู่นี้เขากลับไม่ได้รู้สึกผูกพันเท่าไหร่ ที่นี่ไม่มีความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยอยู่ ทำให้เขาอยากจะออกไปจากที่ที่ทุกๆคนต่างใฝ่ฝันอยากจะเข้ามา
จู่ๆก็ได้ยินว่านางเหมือนจะรู้โม่ซวนซุนรู้สึกมีความหวังขึ้นนิดหน่อย
“อาจารย์ปู่เล็ก ข้าไม่กล้ารับประกันว่าเพลงที่ข้าเคยฟังใช้เพลงเดียวกันรึเปล่า ท่านอธิบายเพลงนี้ให้ข้าฟังหน่อยได้มั้ย”
รอยยิ้มบนหน้าหยินเฟิ่งกว้างขึ้น ตาโตเป็นประกายมองเขาด้วยความเสน่หา
โม่ซวนซุนรู้สึกได้ถึงความทะแม่ง สายตาคมกริบสบเข้ากับสายตาของอีกฝ่าย ราวกับจะมองให้ถึงแก่นวิญญาณว่านางโกหกอยู่รึเปล่า
หยินเฟิ่งไม่ได้คลายรอยยิ้ม นางพยายามสงบจิตใจตัวเองไม่ให้หันหลังหนีไป เมื่อเขาละสายตาออกนางถึงหายใจสะดวกขึ้น
“เพลงนี้ไม่มีอะไรให้พูดหรอก ไหนเจ้าลองบอกซิว่าเคยได้ยินเพลงนี้จากไหน” หลังจากที่ละสายตาแล้วมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจโม่ซวนซุนอย่างรุนแรง เหมือนว่ามีคนๆนึงที่ตัวเองต้องไปตามหา
นางสำคัญมาก ทุกครั้งที่เขาหลับตาก็จะมีภาพของคนคุ้นเคยปรากฏขึ้น ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีอะไรก็ไม่สามารถมองเห็นหน้าของอีกฝ่าย รู้แค่ว่าเขาคุ้นเคยกับร่างนี้มาก คุ้นเคยจนไม่มีวันที่เขาจะลืมได้ลง
ตอนนี้ผู้หญิงที่เขารู้จักดีก็มีแค่คนเดียวก็คือหยินเฟิ่ง แต่หยินเฟิ่งใส่แต่ชุดแดง ส่วนผู้หญิงในฝันของเขาใส่แต่ชุดขาว ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าไม่ใช่นางแน่ๆ
“อาจารย์ปู่เล็ก ข้าเคยฟังเพลงนี้เมื่อนานมาแล้ว ถ้าท่านไม่ร้องให้ข้าฟังบ่อยๆเกรงว่าข้าคงจะลืมในสักวัน”
รอยยิ้มของหยินเฟิ่งหวานมาก ถ้าหากลูกศิษย์ข้างนอกนั่นได้เห็นคงจะไม่เชื่อสายตาตัวเองแน่ๆ ยัยนางมารที่ฆ่าคนเหมือนผักเหมือนปลาคนนี้ก็มีด้านที่อ่อนโยนกับเขาด้วย
“อาจารย์ปู่เล็ก ท่านคงอยากหาคำตอบให้เจอ เมื่อไหร่ที่ท่านออกไปได้แล้วข้าไปหาเป็นเพื่อนดีมั้ย”
“เจ้าบอกพิกัดมาไม่ได้เหรอ” โม่ซวนซุนไม่อยากอยู่กับนางเท่าไหร่
จากความรู้สึกคือไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เลย
ไม่ใช่เพราะว่านางทำไม่ดี แต่เพราะนางทำดีเกินไป เป็นห่วงทุกเรื่องราวกับเป็นคนในครอบครัว แต่ไม่รู้ทำไมในใจเขาไม่รู้สึกซาบซึ้งเลยสักนิด
หยินเฟิ่งเข้าใกล้เขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “อาจารย์ปู่เล็ก ท่านอยากจะเจอเร็วๆก็มีแต่ต้องให้ข้าพาไป ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าต้องอีกนานเท่าไหร่กว่าท่านจะเจอ”
————————
TQF:บทที่ 583 รักมิเสื่อมคลาย (1)
“ข้าขอคิดดูก่อน” โม่ซวนซุนมองนางแว้บหนึ่งก่อนจะจากไป
“อาจารย์ปู่เล็ก….”
ร่างที่กำลังจะไปชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาชำเลืองมองมาด้วยความเย็นชา “มีอะไรอีกเหรอ”
“อาจารย์ปู่เล็ก ข้าชอบเพลงที่ท่านร้องมาก สอนข้าได้มั้ย” หยินเฟิ่งยิ้มหวานหยดย้อยราวกุหลาบ ค่อยๆเดินเข้าไปด้วยท่าทางยั่วยวน
“สอนเจ้า?” โม่ซวนซุนกระตุกมุมปาก มีความเยือกเย็นอยู่ในตาเมื่อมองคนที่กำลังเดินมา “ไม่อยาก”
พูดจบเขาก็หายตัวไปทันทีโดยไม่มองอีกฝ่าย เร็วจนหยินเฟิ่งไม่ทันได้ตั้งตัว รอยยิ้มบนใบหน้ายังไม่ทันได้จางหายไป
ใบหน้างดงามของนางบิดเบือดด้วยความแค้นราวกับยมบาลที่คอยเก็บวิญญาณ เป็นที่น่าเขย่าขวัญ
ตาแก่ซอมซ่อที่ยืนอยู่ไกลๆเห็นฉากเมื่อกี้พอดี กรอกเหล้าเข้าปากไปบ่นไป “เวรกรรมจริงๆ ไม่รู้ว่าในภายภาคหน้าเจ้าหนู 2 คนนี้จะ….”
“ชะตากรรมถูกลิขิตไว้แล้ว ชีวิตของแต่ละคนก็กุมอยู่ในมือตัวเอง อีกหน่อยพวกเขา….”
บ่นมาถึงตรงนี้ตาแก่ซอมซ่อก็ส่ายหน้า นัยต์ตาขุ่นหมองมีประกายแห่งความกังวล และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากที่กรอกเหล้าอึกใหญ่เข้าปาก สายตาเขาก็มองไปทิศหนึ่งก่อนจะพึมพำกับตัวเองต่อ “ทางนั้นน่าจะมีลูกศิษย์ 2 คนที่ไม่เลวเลยกำลังจะมา หวังว่าจะเป็นความหวังใหม่ให้กับโถงวิหารสวรรค์ของเรา เห้อ ลูกศิษย์ที่รู้วิชาวิหารสวรรค์มีน้อยลงไปทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป….”
ตาแก่ซอมซ่อสะบัดผมยาวยุ่งเหยิงก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆหายไปราวกับไม่เคยมาที่นี่
หมอกประกายหลากสีล้อมอยู่รอบๆ ที่นี่คือเขตแดนที่เหมือนแดนสวรรค์ หุบเขาสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน เขตแดนชั้นสูงนี้มีพลังวิญญาณที่หนาแน่นมากกว่าที่อื่นๆเยอะ เหมาะแก่การฝึกฝนอย่างมาก
ที่นี่ก็คือเขตหวงห้ามของโถงวิหารสวรรค์ คนทั่วๆไปไม่สามารถมาที่เขตแดนนี้ได้ แต่ตำหนักของโม่ซวนซุนอยู่ที่นี่
พูดให้ถูกก็คือนอกจากตาแก่ซอมซ่อแล้วคนอื่นก็มาไม่ได้
มิติค่อยๆบิดเบือด มีร่างสีขาวร่างหนึ่งปรากฏตัว โม่ซวนซุนที่เพิ่งกลับมานั่นเอง เขามองสวนไผ่นิ่งด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
สวนไผ่นี้เขาสร้างเองกับมือ ไม่รู้ทำไมตอนนั้นในหัวถึงได้มีสวนไผ่งดงามโผล่ขึ้นมาพร้อมกับร่างสีขาวร่างหนึ่ง ดังนั้นเมื่อเขามาเจอสวนไผ่ที่เหมือนกันก็รู้สึกชอบมาก
วันนี้เขากลับมาเจอกับสวนไผ่นี้อีก หัวใจก็ราวกับถูกทำให้เต้นอีกครั้ง ร่างสีขาวนั้นชัดเจนขึ้นทุกที ราวกับเห็นแล้วว่านางยิ้มบางๆให้ตัวเอง
ตู้มม
สมองเหมือนถูกระเบิดออก ในที่สุดก็เห็นหน้านางชัดๆแล้ว ในชั่วขณะนั้นโม่ซวนซุนสั่นสะท้านเบาๆ มีน้ำตาไหลออกมาพลางร้องเรียกเสียงเบาด้วยความรักใคร่ “เสี่ยวเสี่ยว….”
“ข้านึกออกแล้ว เสี่ยวเสี่ยว ข้านึกออกแล้ว….”
“เจ้าคือเสี่ยวเสี่ยว เจ้าคือเสี่ยวเสี่ยว เจ้าอยู่ที่ไหน ข้า ข้ายังนึกไม่ออก…”
“เสี่ยวเสี่ยว….”
เขาร้องเรียกชื่อที่ทำให้เจ็บปวดหัวใจ โม่ซวนซุนก้มตัวลงด้วยความทรมาน เขายังลืมอะไรไปอีกมาก เขาจำอะไรเกี่ยวกับนางไม่ได้เลย
โม่ซวนซุนปวดร้าวราวกับคนบาดเจ็บสาหัส เขาทุบไปที่หัวตัวเองไม่หยุดพลางร้องเรียกชื่อนางด้วยความถวิลหา
ตาแก่ซอมซ่อที่มองลูกศิษย์ทำร้ายตัวเองอยู่ไกลๆถอนหายใจอีกครั้ง เขาไม่สามารถดื่มเหล้าได้อีกต่อไปแล้ว เขาจิ้มโม่ซวนซุนเบาๆส่งผลให้โม่ซวนซุนสลบไปทันที
สะบัดมือเพียงเบาๆร่างของโม่ซวนซุนก็ลอยขึ้นไปก่อนจะค่อยๆลอยเข้าไปในสวนไผ่
เมื่อจัดการลูกศิษย์เสร็จแล้วตาแก่ซอมซ่อก็เดินส่ายหัวออกมาจากข้างในพลางบ่นกับตัวเอง “เจ้าโง่นี่ เกือบจะทะลุคาถาสะกดได้แล้ว รักมากขนาดนี้หมดคำจะพูดจริงๆ”
ตาแก่ซอมซ่อไม่ได้กลับไปยังที่พักตัวเอง เขาไปปรากฏที่ในโถงหลัก
“อาจารย์ปู่….”
2 ศิษย์พี่น้องที่คุยกันอยู่รีบลุกขึ้นต้อนรับเมื่อเห็นตาแก่ซอมซ่อ
ตาแก่ซอมซ่อหันไปคุยกับคนข้างๆ “เจ้าหนุ่มเสวี้ยน เจ้าน่ะบอกให้ลูกศิษย์เจ้าตัดใจจากเจ้าโง่ของข้าซะเถอะ หลังจากนี้เห็นเขาที่ไหนก็หนีไปให้ไกลเลย ถ้าลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของเจ้าถูกเจ้าโง่ของข้าฆ่าตายก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน
“อาจารย์ปู่ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ชายวัยกลางคนตกใจและสงสัย
เจ้าโถงขมวดคิ้วเบาๆ คิดไปคิดมาก็ถามอย่างไม่เข้าใจ “อาจารย์ปู่ หรือว่าความทรงจำของอาจารย์ปู่เล็กกลับมาแล้ว”
“ประมาณนั้น เจ้าหนุ่มนั้นมีความรักที่ลึกซึ้งมาก ถึงแม้ 1 ปีก่อนข้าจะสะกดความทรงจำของเขาไว้ แต่ตอนนี้เขานึกผู้หญิงของเขาออกแล้ว และอีกไม่นานความทรงจำก็คงจะกลับมา” ตาเฒ่าซอมซ่อลูบหนวดตัวเองอย่างทำอะไรไม่ได้
“อะไรนะ เป็นไปได้อย่างไร”
ชายวัยกลางคนไม่วางท่าอีกต่อไป “อาจารย์ปู่ กว่าความทรงจำของอาจารย์ปู่เล็กจะกลับคืนมายังต้องใช้เวลาอีกสักพักไม่ใช่เหรอ ทำไมแค่ปีเดียวก็กลับมาแล้วล่ะ”
———————-
TQF:บทที่ 584 รักมิเสื่อมคลาย (2)
“เรื่องอะไรก็มีข้อยกเว้นน่ะ เจ้าหนุ่มนั้นรักมากเกินไป ไม่กลัวว่าตัวเองจะเป็นบ้าเลย พยายามจะทะลุมนต์สะกดให้ได้”
พูดมาถึงตรงนี้ตาแก่ซอมซ่อก็มีท่าทีปวดใจ “เจ้าหนุ่มนี่มีจิตใจที่แน่วแน่ และยังดื้อรั้นด้วย สถานการ์ของเขาตอนนี้ข้าคงไม่สามารถลงมือสะกดความทรงจำเขาอีกครั้ง เพราะถ้าทำแบบนั้นก็อาจจะทำให้เขาบาดเจ็บได้”
“เรื่องนี้…” ชายวัยกลางคนไม่รู้จะพูดอะไรดี
ไม่ว่าอย่างไรลูกศิษย์ของเขาก็ทำผิดจริง แล้วยังไปสะกดความทรงจำของโม่ซวนซุน ทำให้เรื่องใหญ่เข้าไปอีก ถ้าหากโม่ซวนซุนทะลุมนต์สะกดออกมาได้จริงๆแล้วโวยวาย เกรงว่าไม่มีใครจะห้ามปรามได้
ที่สำคัญที่สุดคือใน 1 ปีนี้ พวกเขาล้วนดูออกว่าหยินเฟิ่งจากความอิจฉาในตอนแรกได้เปลี่ยนไปเป็นรักแล้ว ยัยหนูนี่เกิดความรู้สึกรักขึ้นจริงๆ
อย่างไรซะสถานการณ์ของทั้งคู่ใน 1 ปีนี้ก็อยู่ในสายตาพวกเขา 3 คนหมด ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่รู้
ในช่วงเวลาสั้นแค่นี้ความทรงจำของโม่ซวนซุนก็จะกลับมาแล้ว พวกเขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
“ศิษย์น้องสอง เจ้าให้หยินเฟิ่งเก็บตัวดีมั้ย หรือไม่ก็ไปหาประสบการณ์ข้างนอก” เจ้าโถงนึกวิธีออกแค่นี้จริงๆ
“ศิษย์พี่ ท่านคิดว่าเป็นไปได้เหรอ” ชายวัยกลางคนยิ้มเฝื่อนๆ “เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้หยินเฟิ่งใส่ใจทุกการกระทำของอาจารย์ปู่เล็ก นาง….”
“ถ้าเด็ก 2 คนนี้มีเรื่องกันนี่…..”
เจ้าโถงก็ส่ายหน้าด้วยรอยยื้มเฝื่อนๆเช่นกัน และหันไปบอกกับตาแก่ซอมซ่อตรงหน้า “อาจารย์ปู่ ไม่ว่าอย่างไรหยินเฟิ่งก็เป็นรุ่นหลังที่โดดเด่น อย่าปล่อยให้นาง….”
“พวกเจ้า 2 คนนี่ยังมองเรื่องนี้ไม่ออกเลยนะ”
ตาแก่ซอมซ่อควักกระติกเหล้าก่อนจะกรอกเข้าปากพลางเอ่ย “พวกเจ้านี่น้า ที่ต้องเป็นห่วงกลับไม่ห่วง เจ้าซวนซุนน่ะจัดการง่าย ที่จัดการยากคือยัยหยินเฟิ่งของพวกเจ้า พวกเจ้าควรจะรู้ว่าเมื่อผู้หญิงรักใครสักคนเข้าแล้วก็น่ากลัวได้ไม่แพ้สิ่งใด”
“อาจารย์ปู่ ท่านหมายความว่า….”
“ที่ข้าจะสื่อง่ายมาก เจ้าซวนซุนไม่มีทางชอบนาง พูดตรงๆไม่ลงมือฆ่านางซะก็ดีเท่าไหร่แล้ว เพื่อไม่ให้พวกเขาทำอะไรแย่ๆลงไปด้วยความรู้สึกนี้ พวกเจ้าให้นางกินยาเม็ดลืมรักไปจะดีที่สุด แล้วก็ให้นางไปเก็บตัวฝึกฝนซะ”
ยาเม็ดลืมรัก?
2 ศิษย์พี่น้องอึ้งไป ไม่คิดเลยว่ามันจะหนักหนาถึงขั้นนี้ เจ้าโถงถามด้วยความสงสัย “อาจารย์ปู่ จำเป็นด้วยเหรอ แม้เราจะรู้ว่าระหว่างอาจารย์ปู่เล็กและหยินเฟิ่งมีกรรมต่อกัน แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นที่ต้องให้หยินเฟิ่งกินยาเม็ดลืมรักหรอกมั้ง”
ใครๆก็รู้ว่าเมื่อกินยาเม็ดลืมรักแล้วก็จะลืมความรู้สึกทุกอย่างหมด สำหรับคนทั่วไปแล้วการลืมความรู้สึกเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก เรียกได้ว่ามีสภาพเหมือนกับหุ่นเชิดเลย คนแบบนี้จะมีชีวิตต่อไปเพื่ออะไรกัน
“เห้อ พวกเจ้านี่…..”
เหมือนว่าตาแก่ซอมซ่อจะมองความคิดของพวกเขาออก ได้แต่ถอนหายใจ “พวกเจ้าไปตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน บางทีลืมเสียดีกว่าไม่ลืม ข้าเองไม่ค่อยสบายใจนัก เหมือนโถงวิหารสวรรค์จะมีวิบากกรรมจากบัญชาสวรรค์อยู่ ส่วนกรรมนี้มาจากไหนข้าไม่สามารถทราบได้ พวกเจ้าระวังไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
พูดจบตาแก่ซอมซ่อก็เลิกสนใจพวกเขาและหายตัวออกไป
มาไวไปไว คนอื่นไม่มีแม้โอกาสจะรั้งเอาไว้ เหลือเพียง 2 ศิษย์พี่น้องที่มองหน้ากันอยู่
โถงวิหารสวรรค์สาขาฮวงยัน
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพาเหล่าทหารยามรออยู่ที่ลานกว้างเล็กๆด้านนอกโถงวิหารสวรรค์
วันนี้เป็นวันที่อาจารย์และอาจารย์หญิงมาคัดตัว นางก็มาด้วยตัวเอง
ลูกศิษย์ที่มาคัดตัวเข้าๆออกๆกันไม่น้อย ขณะเดียวกันที่ลานกว้างเล็กๆนี่ก็มีคนมารอเพื่อนฝูงญาติสนิทตัวเองที่มาคัดตัวอยู่ไม่น้อย
แน่นอนว่าบางคนก็แค่มารอดูเรื่องสนุกๆเท่านั้น ทั้งลานกว้างเล็กๆนี่มีคนอยู่หลายร้อยคน แต่ละคนก็กำลังหารือกันด้วยเสียงแผ่วเบา ทำให้ที่ลานกว้างมีเสียงเซ็งแซ่
“ขอถามได้มั้ย เจ้าคือหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนรึเปล่า”
จู่ๆก็มีเสียงเอ่ยถามดังมา ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเพ่งความสนใจมาทางนี้
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่กำลังอยู่ในภวังค์ความคิดคุกรุ่นเล็กน้อยที่ถูกขัด นางมองอีกฝ่ายนิ่งๆ
ชายหนุ่มกำยำคนหนึ่งมาพร้อมกับพวกอีกหลายคน จากลมปราณอันแข็งแกร่งของพวกเขาก็รู้ได้ว่าล้วนเป็นมือดีในกลุ่มทหารรับจ้างทั้งนั้น แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ เพราะตัวเองไม่รู้จักคนพวกนี้
“มีอะไรกับข้ารึ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ชายหนุ่มกำยำยิ้มโชว์ๆฟันขาว ประสานมือพร้อมกล่าว “ข้าน้อยคือหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้น ยินดีที่ได้รู้จักหัวหน้ากลุ่มเฉิง”
“ยินดีที่ได้รู้จัก” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวประสานมือ ข้อมูลของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นปรากฏขึ้นในหัว
กลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นเป็นกลุ่มระดับ 3 เป็นพวกฝีมือชั้นยอดทั้งนั้น ไม่ว่าจะใครหน้าไหนหรืออิทธิพลไหนหากเจอกับคนของกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นก็ต้องโอนอ่อนนอบน้อม ไม่กล้าแหยมพวกเขา
เพียงแต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ แต่จากความรู้สึกแม้คนตรงหน้าไม่ได้มาเพื่อฆ่า แต่นางก็รู้สึกได้ถึงความไม่เป็นมิตร
“ในที่สุดข้าน้อยก็ได้เจอกับคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนสักที ได้ข่าวว่าเป็นผู้หญิง ตอนแรกคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าหัวหน้ากลุ่มจะเป็นหญิงงาม ยากจะหาจริงๆ”
——————-
TQF:บทที่ 585 หาเรื่องไร้สาระ (1)
“มีอะไร”
สีหน้าของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ยังคงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาราวกับไม่ได้ยินคำเยินยอจากอีกฝ่าย
“เจ้า….”
หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นสะอึกไป สีหน้าไม่ดีเท่าไหร่ คนในฮวงยันที่กล้าพูดแบบนี้กับเขาคงจะไม่มีแล้ว ต่อให้เป็นเหล่าผู้อาวุโสในสมาคมทหารรับจ้างก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเขา
แต่ตอนนี้ นังหนูที่เพิ่งลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 ไปกล้าพูดแบบนี้กับเขา ทำให้เขาโมโหขึ้นมาทันที แต่เขายังพอมีสติอยู่บ้าง ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เขาจะอาละวาดได้
“ได้ข่าวว่าเจ้าตีคนของคนของกลุ่มทหารรับจ้างเถี่ยฉุยจนขาหัก”
ในเมื่อเกรงใจกันต่อไม่ไหวเขาย่อมเลิกเสแสร้งแกล้งทำไปแล้วเปลี่ยนเป็นใบหน้าเย็นชาเสีย พลางใช้น้ำเสียงคาดโทษ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวชำเลืองมองเขาก่อนจะตอบเรียบๆ “ใช่แล้วจะทำไม อยากจะทำให้คนอื่นขาหักก็ต้องเตรียมใจที่จะขาหักเสียเอง”
“ได้ๆ นังหนู เจ้านี่กล้าไม่เบา แม้แต่คนที่พวกเรากลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นคุมกะลาหัวอยู่ก็กล้าแหยม หรือว่าเจ้าไม่เห็นกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นของพวกเราอยู่ในสายตา”
ตอนนี้หัวหน้ากลุ่มคนนี้ตำหนิด้วยน้ำเสียงดุเดือดแล้ว ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนอีกครั้ง
เจอกับคำถามคาดคั้นของเขา เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพียงแต่คลี่ยิ้มเยาะเย้ย “คนที่เจ้าคุมกะลาหัวอยู่ไม่มีใครแหยมได้? ต่อให้พวกเขาอยากจะฆ่าคน คนอื่นก็ต้องยืนรอนิ่งๆให้เขาฆ่าโดยไม่ตอบโต้รึ เพียงเพราะพวกเขาคือคนที่พวกเจ้าคุมกะลาหัวอยู่”
“ใช่แล้วจะทำไม”
“เยี่ยม เยี่ยมยอด” เมื่อได้ฟังคำตอบจากเขาเฉิงเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะแทนที่จะโกรธ “ไม่มีปัญหาหากพวกเจ้ามีความสามารถถึง พวกเรากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนก็เช่นกัน ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเป็นใคร หากกล้าลงมือกับสมาชิกกลุ่มซื่อหุนของเรา ฆ่าไม่มีเหลือ”
เสียงของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ดัง แต่น้ำเสียงแน่วแน่ ขณะเดียวกันก็มีลมปราณพยาบาทแผ่ซ่านออกไปรอบทิศ ใครๆก็รู้ว่านางไม่ได้พูดเล่น
“เจ้ากล้าเมินกลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นของเรารึ” หัวหน้ากลุ่มคนนี้เริ่มตะโกนด้วยความเดือดดาล
“หืม เมินพวกเจ้า?”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเม้มปาก ตอบนิ่งๆ “ใครเมินพวกเรา พวกเราย่อมต้องเมินกลับ นี่มันก็เรื่องปกติ ไม่อยากถูกเมินตัวเองก็อย่าเมินคนอื่น ข้าไม่รู้สึกว่าผิดอะไร…”
“เจ้า….”
เมื่อได้เห็นหญิงสาวตรงหน้าที่ไม่สะทกสะท้าน หัวหน้ากลุ่มคนนี้โมโหนจนแทบบ้า เขาเอ่ยอย่างเคียดแค้น “นังหนู คอยดูนะ เจ้าคอยดูข้าได้เลย”
ลงมือในถิ่นของโถงวิหารสวรรค์ไม่ได้ หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างเฮยอั้นได้แต่สะบัดแขนและพาคนของตัวเองออกไปท่ามกลางสายตาของทุกคน
อีกอย่างตาเขาก็ไม่ได้บอด ไม่ว่ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะมีจักพรรดิ์อมตะเยอะขนาดนั้นจริงรึเปล่าเขาก็ไม่โง่ลงมือในฮวงยันแน่ แค่ด้วยเหล่าทหารรับจ้างด้านหลังเฉิงเสี่ยวเสี่ยวแล้วเขาก็ไม่กล้าลงมือ สิ่งที่เขาทำเมื่อกี้ก็แค่แสดงละครเท่านั้นแหละ
ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะลงมือ แค่พูดทิ้งท้ายไว้แล้วก็ไป
กับคนที่เหมือนหมาบ้ากัดไปทั่วแบบนี้แล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่เห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว กลุ่มทหารรับจ้างระดับ 3 แล้วยังไง ก็แค่ยอดฝีมือจักพรรดิ์อมตะไม่กี่คนเท่านั้นแหละ อยากจะรนหาที่ตายก็สนองให้ได้ง่ายดายอยู่แล้ว
ไม่ใช่แค่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา แม้แต่เหล่าทหารรับจ้างด้านหลังนางก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำขู่ของคนพวกนั้นเช่นเดียวกัน
ผู้คนที่มุงดูอยู่ทั้งสงสัยและตกใจ แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาที่พินิจพิเคราะห์ก็มองมาที่นางและทหารรับจ้างด้านหลังไม่หยุด
แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ ยังคงรอคอยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
จนกระทั่งคนคุ้นเคย 2 คนปรากฏสู่สายตา สีหน้าเย็นชาถึงได้ค่อยๆอ่อนลงและเดินไปรับ 2 คนนั้น
“อาจารย์ อาจารย์หญิง เป็นอย่างไรบ้าง” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเดินมาอยู่ข้างๆอาจารย์หญิงหรงจิ้งซือพลางยิ้มถาม
2 สามีภรรยาโม่อู๋เซอยิ้มให้กันก่อนจะหันไปพยักหน้าให้นาง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ
ไม่ว่าอย่างไรอาจารย์และอาจารย์หญิงก็ได้เข้าโถงวิหารสวรรค์โดยไม่เกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น
“อาจารย์ อาจารย์หญิง เรากลับบ้านก่อนค่อยคุยกัน”
“ได้”
—————————
TQF:บทที่ 586 หาเรื่องไร้สาระ (2)
ภายใต้การห้อมล้อมจากทหารยาม 10 กว่าคน พวกเขาก็ออกจากโถงวิหารสวรรค์สาขาไป
เมื่อกลับมาถึงบ้านตระกูลเฉิง ทุกคนต่างยินดีปรีดา เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็สั่งลงไปให้จัดงานฉลองให้กับอาจารย์และอาจารย์หญิง เพราะ 2 สามีภรรยาโม่อู๋เซอได้เป็นลูกศิษย์ฝ่ายในของโถงวิหารสวรรค์แล้ว ขอแค่ได้เข้าไปในโถงวิหารสวรรค์แล้วคัดตัวอีกรอบ พวกเขาอาจจะได้เป็นศิษย์เอกชั้นยอดก็ได้
หลังจากที่ฐานะของทั้ง 2 คนสูงขึ้นเรื่อยๆ การที่พวกเขาจะตามหาคนก็ยิ่งสะดวกขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงดีใจกันมาก
หลังจากที่ดื่มกันอย่างมีความสุข สุดท้ายเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เข้าตึกเล็กไปกับอาจารย์หญิง
หรงจิ้งซือนั่งมองลูกสะใภ้อยู่ในสวนดอกไม้เล็กๆด้วยความเอ็นดู “เสี่ยวเสี่ยว 1 ปีนี้เจ้าเหนื่อยหน่อยนะ วางใจเถอะ พวกเราต้องหาซุนเอ๋อพบแน่”
“อาจารย์หญิง….” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มอ่อนโยน นัยน์ตาเป็นประกายอย่างแน่วแน่ “พวกเราต้องหาเขาพบแน่”
“ใช่ พวกเราต้องหาเขาพบแน่” หรงจิ้งซือยิ้มอย่างใจดี “เสี่ยวเสี่ยว ข้าและอาจารย์เจ้ามีลางสังหรณ์ ซุนเอ๋ออยู่ที่ผืนดินฉางไห่นี่แหละ พวกเราไปดูที่โถงหลักวิหารสวรรค์ บางทีอาจมีโอกาสเจอเขาที่นั่น หากเขาไม่อยู่….”
“ต่อให้เขาไม่อยู่ที่โถงวิหารสวรรค์ อาจารย์หญิง ข้าก็ยังเชื่อว่าอีกไม่นานพวกเราก็ต้องหาเขาพบ”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ “อาจารย์หญิง พวกเรามีกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนและสัตว์อมตะอีกนับล้าน ข้าไม่เชื่อว่าจะมีใครในผืนดินฉางไห่ห้ามเราได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้ากล้าไม่ให้ข้าพบกับเจ้าลูกคิดละก็ ข้าก็จะฆ่าพวกเขาเสีย”
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าพูดถูก”
หรงจิ้งซือเก็บรอยยิ้มและเริ่มมีทีท่ากังวล “เสี่ยวเสี่ยว ข้ารู้ว่าตอนนี้คนทั่วๆไปทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าต้องรู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับก้าวสู่เทพเทวาหรือปรากฏเทพเทวาอาจจะทำอะไรเจ้ามากไม่ได้ แต่ใครจะรู้ว่ามีคนระดับบรรลุเทพเจ้าหรือเทพเจ้าอยู่มั้ย หากเจ้าเจอเข้ากับคนพวกนี้อันตรายแน่ เพราะฉะนั้นเจ้าต้องระวังตัวเองให้ดี”
“อาจารย์หญิง ข้ารู้ หลังจากนี้ข้าจะระวัง” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเข้าใจถึงความเป็นห่วงของอาจารย์หญิง ตอบรับเบาๆ
“ที่จริงวิทยายุทธต่ำก็ใช่ว่าจะไม่อันตราย โดยเฉพาะผู้ฝึกฝนวิทยายุทธบางคนที่มีอิทธฤทธิ์ทำลายล้างสูง หากดูถูกอีกฝ่ายหรือไม่ได้ป้องกันไว้ก็อาจจะบาดเจ็บได้ เสี่ยวเสี่ยว พรุ่งนี้อาจารย์หญิงและอาจารย์ก็ต้องไปรายงานตัวที่โถงวิหารสวรรค์แล้ว หลังจากนี้ก็ต้องกลับโถงหลักวิหารสวรรค์ไปกับผู้อาวุโส ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่”
พูดมาถึงตรงนี้หรงจิ้งซืออดถอนหายใจเบาๆไม่ได้ นางกุมมือเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไว้แน่น ไม่อยากลาจากและรู้สึกเศร้าอยู่ไม่น้อย
“อาจารย์หญิง เสี่ยวเสี่ยวรู้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ข้าก็จะดูแลความปลอดภัยของตัวเองให้ดี ข้าไม่ปล่อยให้ตัวเองตายง่ายๆหรอก ข้ายังหาเจ้าลูกคิดไม่เจอเลย จะทิ้งชีวิตนี้ไปได้อย่างไรกัน”
“เสี่ยวเสี่ยว…”
“อาจารย์หญิง ท่านวางใจเถอะ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานพวกเราก็จะได้พบกัน และก็จะได้เจอเจ้าลูกคิดด้วย อีกไม่นานครอบครัวของเราก็จะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง”
“ใช่ เจ้าพูดถูก อีกไม่นานครอบครัวของเราก็จะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง”
ตอนนี้ดวงตาของหรงจิ้งซือเริ่มแดง อดนึกไปถึงช่วงเวลาที่อยู่กับโม่ซวนซุนไม่ได้ เสียใจอยู่เงียบๆ
แม่สามีและลูกสะใภ้คุยกันทั้งคืน
วันรุ่งขึ้น ท่ามกลางสายตาของทุกคน โม่อู๋เซอและหรงจิ้งซือจับมือกันออกจากบ้านตระกูลเฉิงไปรายงานตัวที่โถงหลักวิหารสวรรค์
หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว ทุกคนนั่งอยู่ด้วยกัน อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์มองคนข้างๆ พลางถาม “ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว เจ้ามีแผนว่าอย่างไรบ้าง กลุ่มทหารรับจ้างเจ้าก็ก่อตั้งขึ้นแล้ว จะบริหารอย่างไรเจ้าต้องบอกเรามาให้ชัดเจน”
“ใช่แล้วคุณหนู ท่านไม่อยากจะเหมือนกลุ่มทหารรับจ้างอื่น ไม่ทราบว่าคุณหนูจะบริหารด้วยวิธีไหน”
ผู้เฒ่าหยิงถามขึ้นบ้าง
หลังจากนี้ไปพวกเขา 2 คนก็เป็นผู้คุมหลักของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนแล้ว ย่อมต้องการรู้หัวใจการบริหารและกฎเกณฑ์ต่างๆของนางให้แน่ชัด
ฟางซูหยุนไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาก็ตกไปอยู่ที่นาง อยากจะรู้เหมือนกัน
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเรียบเรียงปัญหาในหัวก่อนจะเอ่ยปาก “กลุ่มทหารรับจ้างของเราแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ส่วนแรกพวกเราต้องเปิดร้านร้านหนึ่ง จะให้ดีก็ต้องเป็นร้านแบบตึกว่านซาง ในร้านของเราก็ขายสินค้าหลายอย่าง รวมถึงทรัพยากรของเราด้วย เชื่อว่าต้องมีคนจำนวนมากที่ต้องการของเหล่านี้”
“เรื่องนี้….” อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ขมวดคิ้ว ถามอย่างไม่เข้าใจ “เสี่ยวเสี่ยว นี่เท่ากับว่าบริหารร้านค้าด้วย กลุ่มหทารรับใช้ทั่วไปเหมือนจะไม่มีแบบนี้นะ”
“อาจารย์ปู่ ข้ารู้ แต่ร้านค้านี้จำเป็นต้องมี มันเป็นการบริหารอย่างหนึ่งของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของเรา ส่วนที่ 2 พวกเราก็ต้องสร้างกลุ่มตามล่าสมบัติเช่นเดียวกัน เพื่อไปตามล่าของเลอค่าตามแต่ละหุบเขา นอกจากจำหน่ายที่ร้านค้าแล้วจะไม่ให้ใครทั้งนั้น และจะไม่นำไปทำการแลกเปลี่ยนที่สมาคมทหารรับจ้างด้วย”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคิดเรื่องพวกนี้ไว้ตั้งนานแล้ว จึงชี้แจงทีละเรื่อง “ส่วนที่ 3 พวกเราก็จะตั้งกลุ่มทำภารกิจเหมือนกัน เรื่องที่มีคนจ้างวานพวกเราก็จะรับไว้ ไม่ว่าจะไปฆ่าไปแกงใครหรือแค่คุ้มครองการส่งมอบของพวกเราก็ต้องทำให้ลุล่วง”
“เสี่ยวเสี่ยว เรื่องพวกนี้หากทำขึ้นมาจริงๆ เกรงว่า….”
“อาจารย์ปู่ คนของพวกเราทำไม่ได้หรือ”
“ไม่ใช่ไม่ได้ แต่จากจำนวนคนของเราแล้ว จะทำทั้ง 3 ส่วนนี้ที่เจ้าพูดให้สมบูรณ์คงต้องใช้คนอีกไม่น้อยเพื่อค้ำจุน”
อาจารย์ปู่มองยัยหนูตรงหน้าก่อนจะพูดต่อ “แม้ว่าพวกเราจะมีสัตว์อมตะไม่น้อย แต่พวกเขาเพิ่งได้ร่างมนุษย์ ยังรู้เรื่องการแลกเปลี่ยนระหว่างมนุษย์ด้วยกันไม่มาก ในหลายๆด้านยังต้องให้เรานำพาอยู่ เพราะฉะนั้นเราต้องค่อยๆทำถึงจะลุล่วงได้ทุกอย่าง”
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา ข้าเชื่อว่าได้แน่ เริ่มค้ำจุนโครงสร้างที่ฮวงยันก่อน แล้วค่อยๆขยับขยายตามกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเรา อาจารย์ปู่วางใจได้เลย เรื่องพวกนี้ต้องได้รับการแก้ไขแน่”
“เสี่ยวเสี่ยว อย่างน้อยๆเจ้ายังต้องอยู่ที่นี่สัก 3 เดือนถึงครึ่งปีถึงจะปักหลักกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนได้มั่นคง แล้วพวกเราจะไปชิงยางเมื่อไหร่”
ฟางซูหยุนถามหลานสาวเบาๆ
“ท่านย่า อาจจะต้องใช้เวลานานขนาดนั้น แต่อาจจะไม่ต้องก็ได้”
——————–
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น