สาวน้อยปลูกผัก 574-580
TQF:บทที่ 574 เข้าพัก ณ บ้านใหม่ (3)
2 ข้างซ้ายขวาเป็นทางเดินที่ยาวเข้าสู่แต่ละสวน ทุกคนเดินตามทางเดินนั้นไป
สวนที่ 2 เป็นห้องตะวันตกและตะวันออก เป็นที่ให้คนรับใช้อยู่ ทุกคนจึงไม่ได้หยุดนาน แค่ดูนิดหน่อยก็ไปต่อที่สวนด้านหลังทันที
ไม่นานนักทุกคนก็มาปรากฏตัวที่สวนหลังบ้าน มองไปก็เป็นบ่อบัวกว้างใหญ่บ่อหนึ่ง มีดอกบัวและต้นหญ้าขึ้นอยู่เต็มบ่อ แทบจะคลุมไปทั่ว
ด้านหลังของบ่อบัวเป็นตึกเล็กๆสวยงามอยู่หลายตึก ตึกเหล่านี้ไม่มีตึกข้างๆที่เชื่อมกัน แต่กลับมีห้องชั้นเดียวไม่น้อยตั้งอยู่ด้านหลัง ห้องเหล่านี้คงจะเป็นที่อยู่ของเหล่าสาวใช้ที่ต้องคอยรับใช้เจ้านาย
และท่ามกลางตึกเหล่านี้ก็มีทางเดินบนผืนน้ำที่เชื่อมกับตึกหลักหน้าหลัง ตรงกลางทางเดินมีสะพานเล็กที่เชื่อมไปสู่ใจกลางบึงและศาลามโหฬาร ทุกคนต่างถูกภาพวิวสวยตรงหน้าดึงดูดไป
ต้องยอมรับว่าพึงพอใจกับสิ่งแวดล้อมที่นี่มาก
หินพลังวิญญาณระดับกลาง 7 แสนเม็ดซื้อบ้านหลังนี้ไว้ถือว่าคุ้มค่ามาก ทุกคนต่างพอใจเป็นอย่างมาก
ในเมื่อมีบ้านแล้ว ก็ต้องมีคนรับใช้คอยดูแล บ้านใหญ่ขนาดนี้พวกเขาก็คงดูแลกันเองไม่ไหว อีกอย่างคนพวกนี้ก็ไม่ชินด้วย สิ่งที่ต้องทำก่อนก็คือให้ผู้เฒ่าหยิงซึ่งเป็นพ่อบ้านรีบไปที่ร้านขายคนรับใช้ ไปซื้อบริวารกลับมาดูแลบ้านและเฝ้ายาม
เมื่อพวกเขาจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยก็ผ่านไปหลายวันแล้ว
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังคงอยู่ที่ตึกนึงคนเดียว ส่วนคนอื่นๆก็เลือกไปคนละตึก วันที่คัดตัวของโถงวิหารสวรรค์ก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
หลังจากที่เข้ามาอยู่แล้ว 2 สามีภรรยาโม่อู๋เซอก็เก็บตัวอยู่ตลอด ยังคงรอคอยวันที่ไปคัดตัว
ตั้งแต่มิติเลื่อนขั้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจเลย หากข้างนอกนี่เรียบร้อยแล้ว นางก็เตรียมเข้าไปสำรวจกับหยูเฮงน้อยสักหน่อย
“หยูเฮงน้อย ครั้งนี้มิติของเราเลื่อนไปกี่ขั้น” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังไม่รู้เรื่องนี้เลย
หยูเฮงน้อยตอบยิ้มๆ “คุณหนู ครั้งนี้มิติของเราเลื่อนขั้นไปไม่น้อย ตอนนี้อยู่ขั้นที่ 450 แล้ว โดยเฉพาะวัตถุดิบดีๆมากมายที่มีแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณ ทำให้กฎแห่งฟ้าดินของเราสมบูรณ์ขึ้นอีกเยอะ ตอนนี้มีลมก่อตัวขึ้นในมิติของเราโดยไม่ต้องตั้งใจทำขึ้นแล้ว”
“มีลมแล้วรึ”
ได้ยินข่าวนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวทั้งแปลกใจและดีใจ “แล้วอย่างอื่นล่ะ มีเม็ดฝนหรือหิมะก่อตัวขึ้นมั้ย”
“คุณหนู ตอนนี้ยังขาดอีกนิดหน่อย ข้าว่าถึงขั้นที่ 500 ก่อนกฎแห่งฟ้าดินถึงจะสมบูรณ์ได้ถึงขั้นนี้ แต่การมีลมก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว”
หยูเฮงน้อยส่ายหัว ก่อนจะหัวเราะขึ้น “ถ้าไม่ใช่เจ้าต้นหลิวน้อยนำการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดินลงมาให้ทุกคนได้บรรลุวิทยายุทธกันอย่างมากมาย ครั้งนี้มิติอาจจะเลื่อนได้อีกหลายสิบขั้นก็ได้”
“หืม ต่างกันขนาดนั้นเลยหรือ”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถามอย่างแปลกใจ
“แน่นอนสิคุณหนู ไม่ใช่แค่วิทยายุทธพวกท่านที่สูงขึ้น แม้แต่ร่างกายก็ถูกชำระล้างไปยันกระดูก หลังจากนี้ทุกคนก็บรรลุกันง่ายขึ้น อีกอย่าง สัตว์เหล่านั้นก็ได้พลังจากการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดินจนบรรลุเป็นสัตว์อมตะแล้ว”
“เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว”
ใบหน้างดงามมีรอยยิ้มประดับอยู่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยินดีจากใจ “จริงสิ ตอนนี้พวกสัตว์อมตะมีอิทฤทธิ์อะไรบ้าง”
“อิอิ คุณหนูถามตรงจุดแล้ว ไป ต้องมีเรื่องน่าดีใจมากๆให้คุณหนูแน่”
พูดจบก็ดึงเฉิงเสี่ยวเสี่ยวหายตัวเข้าไปในหุบเขาที่ใกล้ที่สุด
โฮ่ววว….
เสียงดังสนั่นสะท้านฟ้าอย่างดีใจของเหล่าสัตว์อมตะที่ต้อนรับการมาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อย
ที่มาถึงก็มีเผ่าเสือขาวและหมาป่าเขียว 2 เผ่านี้เป็นเผ่าอสูรแรกๆที่ติดตามเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ตอนนี้พวกมันก็วิวัฒนาการหมดแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นสัตว์อมตะ และก็มีสัตว์ร้าย สัตว์วิญญาณและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ สัตว์เหล่านี้เกิดขึ้นทีหลังจึงพัฒนาการช้าหน่อย
“เจ้าเสือขาว เจ้าหมาป่า พวกเจ้าทำอะไรน่ะ” หยูเฮงน้อยวิ่งเข้าไปท่ามกลางพวกเขาและกระโดดพรวดขึ้นหลังเสือตัวหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ
“คารวะเจ้านาย คารวะผู้ควบคุม….”
เจ้าพวกที่เป็นสัตว์อมตะแล้วสามารถพูดภาษาคนได้ ทักทายพวกนาง
“เอ๋….” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ยังไม่รู้เรื่องนี้แปลกใจอย่างมาก สายตามองไปที่หยูเฮงน้อย
หยูเฮงน้อยเข้าใจนางทันที เอ่ยด้วยความดีใจ “คุณหนู ท่านคิดไม่ถึงล่ะสิ ที่จริงสัตว์อมตะสามารถพูดได้แล้ว”
“ที่เจ้าบอกว่าเรื่องน่าดีใจก็คือเรื่องนี้หรือ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลิกคิ้ว นางเดินไปนั่งบนหลังเจ้าหมาป่าขาวตัวหนึ่ง
1 คน 1 ภูติคุยกันไปโดยนั่งอยู่บนตัวสัตว์อมตะ เผ่าอสูรตัวอื่นนั่งมองล้อมรอบ หลายๆตัวในเผ่ายังไม่เคยเห็นพวกนาง
“นี่ก็เป็นแค่ 1 ในนั้นเท่านั้น ยังมีเรื่องอื่นให้ดีใจอีก”
หยูเฮงน้อยเขี่ยหูเจ้าเสือเล่น อธิบายด้วยรอยยิ้ม “คุณหนู การเลื่อนขั้นมิติครั้งนี้ข้าได้อิทฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมา เรียกว่าอิทธฤทธิ์พลิกโฉม ขอแค่มีอิทธฤทธิ์นี้เราจะเปลี่ยนโฉมตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ดูไม่ออกว่าเปลี่ยนโฉมมา”
“เจ้าหมายความว่าไม่กี่วันก่อนที่เจ้าเปลี่ยนสภาพกลับไปเป็นเด็ก 10 ขวบในโรงเตี๊ยมก็ใช้อิทธฤทธิ์นี้รึ” ในที่สุดเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็นึกถึงฉากที่นางเปลี่ยนรูปลักษณ์
“ใช่แล้ว นั่นแหละ อย่าว่าแต่ 10 ขวบเลย ต่อให้เปลี่ยนเป็นทารกก็ไม่มีปัญหา ไม่มีใครรู้ว่าเป็นรูปลักษณ์ที่ถูกเปลี่ยนแปลงไป”
“น่าสนุกนี่ หยูเฮงน้อย อิทธฤทธิ์นี้ให้ข้าด้วยนะ อย่าลืมล่ะ”
TQF:บทที่ 575 ลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้าง (1)
“ไม่มีปัญหา คุณหนู” หยูเฮงน้อยโบกมือ มีแสงสีทองหายเข้าไปตรงกลางระหว่างคิ้วของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว
ระหว่างคิ้วปวดจุกเบาๆ ไม่นานนักก็กลับเป็นปกติ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตรวจดูนิดหน่อยก้รู้สึกว่าง่ายมากและแอบดีใจ
ซุนโหงคงเปลี่ยนได้ 72 โฉม แต่ตัวเองเปลี่ยนได้เป็นร้อยโฉม และไม่ใช่แค่เป็นแบบๆไปเท่านั้น สามารถพลิกผันได้ตามต้องการ นอกจากอากาศที่ไร้รูปลักษณ์แล้ว ขอแค่ของที่มีรูปลักษณ์ก็สามารถเปลี่ยนได้หมด
“ไม่เลวนี่ อิทธฤทธิ์นี้ดี ดีมากจริงๆ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวดีใจมาก หลังจากนี้คงจะสะดวกขึ้นเยอะ อิทธฤทธิ์แบบนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะมีได้ หลังจากนี้พวกนางใช้ก็ไม่มีใครรู้ได้
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
หยูเฮงน้อยตอบรับอย่างมีความสุข ก่อนที่สายตาจะสำรวจสัตว์อมตะมากมาย “คุณหนู พวกเราจะลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างไม่ใช่หรือ จำนวนคนของพวกเราไม่พอแน่ๆ อีกอย่างมีแค่พวกเราก็เป็นได้แค่กลุ่มทหารรับจ้างระดับ 5 แย่เกินไป อย่างน้อยๆพวกเราก็ควรลงทะเบียนเป็นระดับ 4 หรือระดับ 3 ไม่อย่างงั้นด้วยสถานการณ์ของเราตอนนี้จะเพิ่มจำนวนคนน่ะยากมากจริงๆ”
“เจ้าหมายความว่าให้ลงทะเบียนเป็นระดับ 4 หรือระดับ 3 รึ”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “ที่เจ้าพูดก็ถูก แต่จำนวนสมาชิกเป็นข้อเสียเปรียบที่สุดของเรา อีกอย่างจำนวนสมาชิกของระดับ 3-4 ต้องมีหลักร้อย พวกเราจะไปหาจากไหนกัน ถ้าหามามั่วๆเพื่อให้ได้จำนวนน่ะไม่จำเป็นหรอก”
“เฮ่ะๆ คุณหนู ข้าน่ะพาท่านมาคัดเลือกคนอยู่นะ ให้ครบจำนวนไง” หยูเฮงน้อยหัวเราะอย่างได้ใจ
“คัดเลือกคน?”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกวาดตามองเหล่าเผ่าอสูรตาม แล้วมองท่าทางของหยูเฮงน้อย นางก็เข้าใจทันที “หรือว่าอิทธฤทธิ์นี้ของเจ้าจะถ่ายทอดให้สัตว์อมตะได้”
“ฮ่าๆๆ คุณหนูนี่ฉลาดจริงๆ”
หยูเฮงน้อยหัวเราะอย่างมีความสุข “คุณหนู แม้ว่าเหล่าสัตว์อมตะจะยังไม่ผ่านเคราะห์สายฟ้าฟาด แต่หลังจากที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงจากลมปราณครั้งที่แล้วก็เทียบเท่ากับเคราะห์สายฟ้าฟาดแล้ว ขอแค่พวกมันเรียนรู้อิทธฤทธิ์พลิกโฉมพวกมันก็จะกลายร่างเป็นคนได้หมด และพวกเราก็พาพวกเขาออกไปได้ด้วย”
“จริงเหรอ”
ครั้งนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวทึ่งไปจริงๆ นางคิดไม่ถึงเลยว่าที่หยูเฮงน้อยพูดจะเป็นเรื่องนี้ นางประหลาดใจจริงๆ
“แน่นอนสิคุณหนู ขอแค่พวกเราถ่ายทอดอิทธฤทธิ์ให้พวกมัน ท่านอยากจะมีทหารรับจ้างเท่าไหร่ก็ได้”
“นี่นับเป็นเรื่องดี”
ถ้าหากสัตว์อมตะเหล่านี้กลายร่างเป็นคนได้ ก็เป็นประโยชน์ต่อเฉิงเสี่ยวเสี่ยวอย่างมาก ที่ผืนดินฉางไห่นี้ การไม่มีอำนาจเป็นอันยากมากที่จะรวบรวมผู้คน
ถ้าหากสัตว์อมตะเหล่านี้ปรากฏตัวพร้อมตัวเองได้ละก็ งั้นทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา
คิดมาถึงตรงนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหยูเฮงน้อยถึงตั้งใจจะลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 หรือ 3 การมีสัตว์อมตะพวกนี้แปลว่าความสามารถถึงแน่นอน เพราะพลังโจมตีของสัตว์อมตะแต่ละตัวก็เทียบเท่าระดับจักพรรดิ์อมตะ อยากจะมีเท่าไหร่ก็ได้ นี่มันสำคัญมากจริงๆ
“หยูเฮงน้อย หากเผ่าอสูรในมิติเราฝึกฝนจนเป็นสัตว์อมตะแล้วก็สามารถฝึกฝนอิทธฤทธิ์พลิกโฉมแล้วกลายร่างเป็นคนได้เลยใช่มั้ย”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวนึกถึงปัญหาสำคัญ
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่นางที่สนใจ เผ่าอสูรทุกตัวที่อยู่ที่นี่ก็สนใจเรื่องนี้เช่นกัน แต่ละตัวมองไปที่หยูเฮงน้อย
“เรื่องนี้ไม่สำคัญหรอก อีกหน่อยมิติเราก็ต้องเลื่อนขั้นอีก ขอแค่มีลมปราณการเปลี่ยนแปลงมาเปลี่ยนแปลงร่างกายพวกมัน ก็สามารถฝึกฝนอิทธฤทธิ์พลิกโฉมได้หมด คุณหนู ปัญหานี้พวกเราไม่ต้องสนใจเลย”
โฮ่วววว
เหล่าเผ่าอสูรดีใจจนคำรามออกมา สะท้อนไปทั่วฟ้า เผ่าอสูรไกลๆก็คำรามตาม ระลอกติดระลอก ทั้งมิติเกิดเสียงดังไม่หยุด
เสียงนี้สะท้อนไปไกลขึ้นเรื่อยๆ น่าจะไปได้ไกลหลายหมื่นไร่
“ได้ วัน 2 วันนี้ก็เตรียมการเรื่องนี้ พวกเราก็ต้องเตรียมตัวไปลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้าง วันคัดตัวของอาจารย์และอาจารย์หญิงก็ไม่กี่วันตราของกลุ่มทหารรับจ้างระดับนี้แล้ว พวกเราจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก็ไปส่งอาจารย์และอาจารย์หญิงคัดตัว”
2 เรื่องนี้สำคัญที่สุดในใจเฉิงเสี่ยวเสี่ยว
“คุณหนู วางใจเถอะ เรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น เรื่องของสัตว์อมตะให้ข้าจัดการเอง” หยูเฮงน้อยโบกมือรับหน้าเรื่องนี้ไว้
“จริงสิคุณหนู สัตว์อมตะน่ะมีไม่น้อยนะ ถึงเวลาพวกเราก็ไม่ได้ต้องการสัตว์อมตะมากมายขนาดนี้มาคอยช่วย สัตว์อมตะตัวอื่นๆที่กลายเป็นคนจะเอาอย่างไรดี”
“เรื่องนี้…”
เมื่อพูดถึงปัญหานี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตามองไปยังที่ไกลๆ เห็นมิติที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาก็เกิดบางอย่างขึ้นในใจ
“แม้ว่าพวกมันจะเป็นเผ่าอสูร แต่ในเมื่อกลายร่างเป็นคนแล้ว งั้นก็ให้เขาอยู่ตามวิถีมนุษย์เถอะ”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวบอกเสียงเบา เมื่อหันกลับมาก็เจอเข้ากับเผ่าอสูรนับพันนับหมื่น พวกมันล้วนต้องการสลัดคราบเดรัจฉานออกและกลายร่างเป็นคน ในเมื่อนี่คือสิ่งที่พวกมันต้องการ ก็ให้พวกมันได้ดังที่ใจหวังซะ
“หยูเฮงน้อย สิ่งที่ควรจะมีในมิติเราก็เกือบครบแล้ว ขาดก็แค่เมืองต่างๆ พวกเราให้เหล่าอสูรที่กลายร่างเป็นคนมาสร้างวัฒนธรรมในมิติเรากันเถอะ ว่างๆก็ชี้แนะพวกมันได้ แต่ไม่ใช่ว่าทำให้หมด ให้พวกมันสร้างหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ หรือแม้กระทั่งราชวงศ์”
“ดีๆๆ ดีมากๆ คุณหนู ข้าเองก็กำลังอยากขยายมิติของเรา สร้างเมืองต่างๆและราชวงศ์ต่างๆขึ้นมา”
หยูเฮงน้อยตาเป็นประกาย ราวกับมองเห็นวันเวลาหลังจากนี้ในมิติ นี่ก็เป็นด้านที่นางอยากได้
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มเบาๆ
หลังจากนั้นหยูเฮงน้อยก็ยุ่งอยู่ในมิติ ส่วนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวออกมาข้างนอก นางต้องไปลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้าง
————————
TQF:บทที่ 576 ลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้าง (2)
สมาชิกในบ้านนั่งอยู่ด้วยกัน
ฟางซูหยุนเอ่ยเสียงอ่อนโยนกับหลานสาวข้างๆ “เสี่ยวเสี่ยว ตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว เจ้าจะไปลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างเมื่อไหร่ล่ะ”
“พรุ่งนี้แล้วกัน” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจจะไปพรุ่งนี้
อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ยิ้ม “ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว เจ้าจะจดทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างระดับไหนล่ะ จะจดทะเบียนต้องมีอย่างน้อยๆ 10-20 คน เหมือนว่าคนของเราจะไม่พอนะ”
“อาจารย์ปู่วางใจเถอะ ปัญหานี้ข้าแก้ไขแล้ว ตอนนี้ก็ลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 ไปก่อนก็แล้วกัน” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบพลางยิ้มบางๆ
“อะไรนะ ระดับ 4”
“ระดับ 4?”
“คุณหนู จำนวนคนของเราไม่พอเงื่อนไขนี่ จะลงเบียนระดับ 4 ได้อย่างไรกัน”
ทั้ง 3 คนนึกว่าตัวเองฟังผิดไป จะลงทะเบียนระดับ 4 ได้อย่างไรกัน ในบ้านมีอยู่กี่คนก็รู้ๆกันอยู่
เห็นปฏิกิริยาของพวกเขาแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวคลี่ยิ้ม “อาจารย์ปู่ ท่านย่า ผู้เฒ่าหยิง ข้าไม่ได้ล้อเล่นอยู่แล้ว ข้าเตรียมจะลงทะเบียนทหารรับจ้างระดับ 4 จริงๆ พวกท่านไม่ได้ฟังผิด”
“เสี่ยวเสี่ยว เลิกปิดบังที นี่มันเรื่องอะไรกันแน่” ฟางซูหยุนรู้ว่าคงจะเกิดอะไรหลายๆอย่างที่ตัวเองไม่รู้ขึ้น นางเชื่อว่าหลานสาวไม่ได้ล้อเล่น
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้”
สบเข้ากับแววตาสงสัยของทั้ง 3 คน เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจึงเล่าสถานการณ์ของเหล่าสัตว์อมตะให้พวกเขาฟัง
“คุณหนู ท่านหมายความว่าจะให้สัตว์อมตะของพวกเราออกมาเป็นสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างเหรอ” ผู้เฒ่าหยิงเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เนิ่นนานกว่าอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์จะได้สติกลับมา เขามีสีหน้าดีใจ “เรื่องดีจริงๆ”
“อิอิ ถ้าหากสัตว์อมตะเป็นสมาชิกได้ อย่าว่าแต่ระดับ 4 เลย เสี่ยวเสี่ยวจะลงทะเบียนระดับ 1 หรือ 2 ก็ได้ทั้งนั้น”
ฟางซูหยุนล้อเล่นอย่างอารมณ์ดี เอ่ยกับหลานสาวตรงหน้า “เสี่ยวเสี่ยว ปัญหาใหญ่ที่สุดของเราก็แก้ไขแล้ว เส้นทางหลังจากนี้น่าจะง่ายขึ้น”
“ท่านย่า ข้ารู้” ก็คงเป็นแบบนั้นจริงๆ ตั้งแต่ที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ข่าวนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นเยอะ นางเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงตามหาคนรักตัวเองเจอ
ต่อไปนี้ไม่ว่าจะต้องเจอกับใคร อิทธิพลไหน นางก็ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะนางมีสัตว์อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนและมิติที่คอยค้ำจุนตัวเองอยู่ ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว
“ฮ่าๆๆ คุณหนู ไม่อย่างนั้นเราลงทะเบียนเป็นกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 1 ไปเลย แล้วก็เอาชนะไปทั่วผืนดินฉางไห่ตำนานอะไรนั่นน่ะ มีแต่พวกเราเท่านั้นที่เป็นตำนาน ฮ่าๆๆ…”
ผู้เฒ่าหยิงหัวเราะด้วยความดีใจ คำที่พูดออกมาบ่งบอกถึงภาคภูมิ ราวกับตัวเองเป็นที่ 1 ใต้หล้า
นานๆจะเห็นผู้เฒ่าหยิงเสียอาการ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่อยากจะทำให้เขาหมดความมั่นใจ และก็รู้ว่าเขาดีใจแทนตัวเองจากใจจริง
“ทำแบบนี้ไม่ได้….”
ฟางซูหยุนส่ายหัว “เหิมเกริมเกินไปไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเรา อีกอย่างการลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 1 เลยไม่ใช่แค่เหิมเกริมนะ นี่มันประกาศศักดาแบบสะท้านโลกาเลยล่ะ ต่อให้เรามีความสามารถพอจะต่อกรกับอิทธิพลต่างๆ แต่ถ้าเขาร่วมมือกันก็มีแต่จะเป็นที่ถูกหมายตา ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราทั้งนั้น”
“ซูหยุนพูดถูก สำหรับคนที่ผืนดินฉางไห่เราก็เป็นแค่คนนอกเท่านั้น แต่กลับมีความสามารถล้มล้างอิทธิพลของผืนดินฉางไห่ได้ การทำแบบนี้มีแต่จะทำให้คนอื่นยิ่งจะกดเราลง หรืออาจจะฮวบพวกเราเข้าไปเลย ไม่เกิดประโยชน์อันใดกับพวกเราทั้งสิ้น” อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์เสริม
คำพูดของทั้ง 2 คนทำให้ผู้เฒ่าหยิงพูดอะไรไม่ออก ตั้งนานพูดออกมาได้แค่คำเดียว “ข้าก็แค่ล้อเล่นน่ะ”
“เหอะๆๆๆ”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ “ท่าทางตาเฒ่านี่ยังชอบออกหน้าอยู่นะ ไม่เป็นไร อีกหน่อยกลุ่มทหารรับจ้างรับใช้ของพวกเราก็ให้เจ้ากับอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ มีเวลาอีกเยอะให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างเอิกเกริก”
“หา คุณหนู จริงหรือ”
ผู้เฒ่าหยิงดีใจมาก ท่าทางจะชอบทำอะไรออกหน้าเอิกเกริกจริงๆ
“แน่นอน เจ้าต้องพยายามฝึกฝนตัวเอง ถ้าสมาชิกทุบเจ้าให้แบนได้ข้าจะดูซิว่าเจ้ายังมีหน้าอะไรเป็นใหญ่ในกลุ่มอีก”
“คุณหนูวางใจได้ ข้าจะสู้ตายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้น”
“งั้นก็ดี”
2 คนข้างๆเมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ กลุ่มทหารรับจ้างที่ก่อตั้งขึ้นกับมือก็ต้องให้คนของตัวเองคอยดูแลอยู่แล้ว เหล่าสัตว์อมตะแม้จะมีวิทยายุทธสูงส่ง แต่ไม่รู้หลักการอยู่ด้วยกันของคน ต้องให้มนุษย์คอยชี้แนะ
คนที่อยู่ที่นี่นอกจากอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์และผู้เฒ่าหยิงแล้วก็ไม่มีใครเหมาะสมแล้วจริงๆ ส่วนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและท่านย่าฟางซูหยุนต้องจากที่นี่ไปอยู่แล้ว
“จริงสิ ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว ในเมื่อจะลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างแล้ว เจ้าเตรียมจะใช้ชื่ออะไรล่ะ” อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์เอ่ยถาม
ฟางซูหยุนก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน “จริงสิเสี่ยวเสี่ยว เจ้าคิดชื่อไว้หรือยัง ดูจากหยูเฮงน้อยแล้วกลุ่มทหารรับจ้างของเจ้าจะต้องถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์แน่นอน เรื่องชื่อเจ้าต้องคิดดีๆนะ”
“อาจารย์ปู่ ฮูหยินฟาง ไม่ต้องคิดหรอก พวกเราเป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวน ก็เรียกว่ากลุ่มทหารรับจ้างจงหยวนก็จบ” ผู้เฒ่าหยิงบอกโดยไม่คิด
อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์พยักหน้า “ชื่อนี้ก็ไม่เลว แค่ขาดความเกรียงไกรไปหน่อย ลองคิดชื่ออื่นดูก็ได้”
“เสี่ยวเสี่ยว ในใจเจ้ามีชื่อแล้วใช่มั้ย” ฟางซูหยุนถามหลานสาวที่ยังไม่พูดอะไรเลย
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคลี่ยิ้ม “ข้าคิดได้ชื่อหนึ่ง กลุ่มทหารรับจ้างของเราไม่ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อทำภารกิจอะไรหรอก กลุ่มทหารรับจ้างของเราก่อตั้งขึ้นมาเพื่อศึกสงคราม หลังจากนี้พวกเราต้องเจอศึกเล็กใหญ่มากมาย ส่วนชื่อกลุ่มทหารรับจ้างจงหยวนก็เป็นอย่างที่อาจารย์ปู่บอก ขาดความเกรียงไกรไปหน่อย เพราะฉะนั้นชื่อที่ข้าคิดคือกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน”
————————–
TQF:บทที่ 577 ลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้าง (3)
“กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน”
“ซื่อ หุน…..”
“ทหารรับจ้างซื่อหุน”
(ซื่อหุน= สังหารวิญญาณ)
ทั้ง 3 พูดชื่อนี้ขึ้นพร้อมกัน สีหน้าแตกต่างกันไป ผู้เฒ่าหยิงได้สติเร็วสุด หัวเราะร่วน “ชื่อดีคุณหนู ชื่อนี้เกรียงไกรพอ ข้าชอบ ฮ่าๆๆ”
“ชื่อนี้ไม่เลวจริงๆ น่าจะไม่ค่อยมีคนตั้งชื่อแบบนี้ แต่ถ้าหากสมาชิกในกลุ่มไม่คู่ควรกับชื่อ ก็ต้องพบจุดจบที่ถูกล้างบางนะ” ฟางซูหยุนเอ่ยเตือนหลานสาวเสียงเบา
อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์มีสีหน้ายุ่งเหยิง ถอนหายใจเบาๆ “ชื่อดีจริงๆนั่นแหละ ดีทุกๆด้านเลยล่ะ แต่มีความอาฆาตมากเกินไป ที่ซูหวินกังวลก็ถูก ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว เห็นได้ว่าในใจเจ้า….”
“อาจารย์ปู่ ก็แค่ชื่อชื่อหนึ่งเท่านั้น ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบเรียบๆ
ทั้ง 3 คนสบตากันเงียบๆ เห็นแววตากังวลได้จากตาอีกฝ่าย
ตั้งแต่ที่โม่ซวนซุนจากไป ทุกคนต่างรู้ว่าในใจนางมีไฟพิโรธและความแค้นสุมอยู่ที่นางยังไม่ได้ระบายออกมา พวกเขาเชื่อว่าไฟพิโรธและไฟแค้นนี้ได้กลายเป็นความอาฆาตมากมาย
บางทีในภายภาคหน้าพวกเขาอาจจะได้เห็นภาพการฆ่าล้างก็ได้ พวกเขาจะไม่กังวลไม่ได้
วันรุ่งขึ้น
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เรียกชายหนุ่มร่างใหญ่ 10 คนออกมา พวกเขาสูงเกือบ 2 เมตร แต่ละคนเอวหนาอก 3 ศอก ท่าทางน่ายำเกรง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพาพวกเขาไปที่สมาคมทหารรับจ้างโดยไม่ได้พาคนอื่นมาด้วย
การปรากฏตัวของนางเป็นที่จับตามองระหว่างทางไม่น้อย ทุกคนสามารถสัมผัสความน่าเกรงขามในตัวพวกเขาได้
ไม่นานนักก็มีคนคอยตามพวกนาง บางคนอยากจะรู้ว่าพวกนางเป็นใคร บางคนอยากดูว่าพวกนางไปไหน เป็นคนมาหาเรื่องรึเปล่า บางคน….
ทุกคนต่างมีความคิดของตัวเอง กับคนที่คอยตามหลังอยู่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวต้องรู้ตัวอยู่แล้ว แต่นางไม่เห็นคนพวกนั้นอยู่ในสายตา
ดังนั้นจึงเกิดภาพอันแปลกประหลาดบนถนนชิงหัว คนเป็นฝูงเดินตามหลังหญิงสาวใต้หมวกปิดหน้าพร้อมด้วยทหารยาม 10 นาย เข้าสมาคมทหารรับจ้างไป
เมื่อเห็นคนตรงหน้าเดินเข้าสมาคมไป หลายๆคนก็ไม่ได้เลิกล้ม ยังตามเข้าไปต่อด้วยความอยากรู้ อยากเห็นว่าคนพวกนี้มารับภารกิจหรือมามอบภารกิจ
ภายในสมาคมทหารรับจ้างมีคนอยู่จำนวนมาก ลานกว้างมโหฬารมีคนอยู่นับร้อย แต่ละคนต่างยุ่งอยู่กับธุระตัวเอง แต่การปรากฏตัวขึ้นของคนเป็นฝูงก็ยังทำให้หลายๆคนแตกตื่น
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ก็ประจักษ์ถึงความโอ่อ่าของสมาคมทหารรับจ้าง ที่นี่อลังการจริงๆ แค่โถงลานกว้างก็เทียบเท่ากับบ้านครึ่งหลังของนาง ที่นี่สามารถจุคนได้เป็นหมื่นคนได้อย่างสบายๆ
เพียงแค่พินิจพิเคราะห์นิดหน่อยเท่านั้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เบือนสายตากลับมาและเดินตรงไปข้างหน้า
ตรงกลางโถงมีผู้เฒ่าคนนึงนั่งอยู่ เขาเหมือนจะว่างงาน แต่หน้าตู้เขาเขียนอย่างชัดเจนว่าที่ลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้าง
ขณะนั้นผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ก็รับรู้ได้ถึงการมาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวแล้ว มีประกายอยู่ในสายตาที่เขามองมา มีบางอย่างเกิดขึ้นในใจเขา
ตรงหน้านี้คือจักพรรดิ์อมตะ 11 คน
จักพรรดิ์อมตะมีเกลื่อนขนาดนี้ที่ฮวงยันตั้งแต่เมื่อไหร่ มาทีมาเป็นฝูง โดยเฉพาะแม่นางที่เป็นหัวหน้า อายุแค่ 10 กว่าปีเท่านั้นก็อยู่จุดสูงสุดของระดับจักพรรดิ์อมตะแล้ว นี่มัน…
ไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรออก เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว นางหยิบหมวกปิดหน้าลงมา มีรอยยิ้มบางๆอยู่บนใบหน้า “สวัสดีท่านอาวุโส พวกเรามาลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้าง”
“ว้าว…”
“โอ้สวรรค์ สวยอะไรขนาดนี้….”
“นางเป็นเทพธิดาลงมาจุติรึเปล่า….”
“สวย สวยจริงๆ สวยเหลือเกิน….”
“ที่ว่างามราวนางฟ้าก็เท่านั้นเอง”
ทุกคนที่ได้เห็นโฉมหน้าของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมีสภาพเหมือนเม็ดข้าวที่เพิ่งลงกระทะ ระเบิดออกอยู่นิ่งไม่ได้
คนพวกนี้ไม่รู้เลยว่าในวันนี้พวกเขาได้เห็นกลุ่มทหารรับจ้างอันเป็นตำนานก่อตั้งขึ้น จนตายพวกเขาก็คงลืมไม่ลงว่าหญิงสาวโฉมงามอายุแค่ 10 กว่าปีได้ลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างที่น่าเกรงขามและน่าเคารพ
ทุกสายตาจ้องมาที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ทหารยาม 10 นายล้อมเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอาไว้ ไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้
สายตาของผู้เฒ่าตรงหน้าวูบวาบ ทั้งตกใจและแปลกใจ เห็นได้ว่าตัวเขาเองก็ตกใจกับใบหน้าของนาง แต่เพียงแว้บเดียวก็กลับมาเป็นปกติ
“แม่นาง เจ้าอยากลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างหรือ” ผู้เฒ่าถามพร้อมรอยยิ้ม
สีหน้าของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่เปลี่ยนไป พยักหน้านิ่งๆ “ใช่ พวกเรามาลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้าง ไม่รู้ว่ามีเงื่อนไขอะไรบ้าง”
“เงื่อนไขไม่เยอะ” ผู้เฒ่ายิ้มแล้วถามต่อ “แม่นางได้พกแผ่นคริสตัลประจำตัวมามั้ย ไม่ทราบว่าจะลงทะเบียนเป็นกลุ่มทหารรับจ้างระดับไหน”
—————————
TQF:บทที่ 578 ลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้าง (4)
“มี” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพลิกมือขวาก็มีแผ่นคริสตัลปรากฏ นางยื่นให้เขา “ข้าจะลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4”
“ชั้น 4”
ผู้เฒ่าชะงักไปนิดหน่อย มองนางด้วยความสงสัย “แม่นาง เจ้ารู้มั้ยว่ากลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 ต้องใช้จักพรรดิ์อมตะอย่างน้อย 3 คน เงื่อนไขนี้ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทำได้ แต่กลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 ต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 50 คน เนื่องจากไม่ใช่กลุ่มที่มีอยู่แล้ว พวกเจ้าคือกลุ่มที่สมัครใหม่ จึงจำเป็นต้องมีอย่างน้อย 100 คนขึ้นไปจึงจะลงทะเบียนระดับ 4 ได้ ไม่รู้ว่าพวกเจ้า…”
“ท่านอาวุโสวางใจได้ พวกเรามีเกิน 100 คนแน่นอน ถ้าท่านเชื่อละก็เชิญมาดูเองที่บ้านตระกูลเฉิงบนถนนชิงหัวได้ทุกเมื่อ แล้วท่านก็จะเห็นสมาชิกของเราเอง อย่าว่าแต่ 100 คนเลย 200 คนก็ไม่มีปัญหา”
นี่ไม่ใช่คำล้อเล่น หยูเฮงน้อยเปลี่ยนสัตว์อมตะให้กลายเป็นชายหนุ่มกำยำนับ 500 คน ใช้คำพูดของนางก็คือทหารยามเฝ้าบ้าน ไม่ได้เห็นเป็นสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างเลย
ได้ยินคำของนางผู้เฒ่าได้แต่พยักหน้า เขาหยิบสมุดที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา เปิดไปหลายหน้าก่อนจะหยิบพู่กัน “ชื่อกลุ่มพวกเจ้าคืออะไร”
“ซื่อหุน”
“อะไร…” ผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นมาทันที ตาถลน เหมือนจะตกใจแต่ก็เหมือนจะได้ยินไม่ชัด
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองเขานิ่ง “ซื่อหุน กลุ่มทหารรับจ้างของเราชื่อว่าซื่อหุน”
“……” ผู้เฒ่ากลับมามีท่าทีนิ่งเรียบอีกครั้ง ส่วนในใจเขานิ่งได้จริงหรือไม่นั้นมีแต่เขาที่รู้
“ชื่อหัวหน้ากลุ่มล่ะ”
“เฉิงเสี่ยวเสี่ยว”
“อยู่ที่ไหน”
“บ้านตระกูลเฉิง ถนนชิงหัว”
……..
ผู้เฒ่าถามและจดข้อมูลทุกอย่างไว้
เมื่อวางพู่กันลง ผู้เฒ่าก็กล่าวเสียงขรึมกับแม่นางตรงหน้า “กลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 ต้องจ่ายด้วยหินพลังวิญญาณระดับล่าง 10,000 เม็ด พรุ่งนี้จะมีคนจากสมาคมไปตรวจดูสมาชิก”
“ได้”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้พูดอะไรเยอะ จ่ายหินพลังวิญญาณเสร็จก็พาทุกคนออกไป
เมื่อพวกนางออกไปแล้ว ผู้คนในโถงลานกว้างครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง แต่ทุกคนไม่ได้ทำธุระของตัวเอง กลับวิจารณ์ถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้
อย่างไรซะเรื่องที่เพิ่งลงทะเบียนไปทุกคนก็ได้ยินหมดแล้ว แต่ละคนก็กำลังพูดถึงหญิงสาวที่ชื่อเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของนาง
“เกาชิงหยาง เจ้าอย่าทำตัวแข็งข้อนักเลย ข้าต้องการตัวพวกเจ้า 3 คนนั่นคือให้เกียรติพวกเจ้า หัดสำนึกบุญคุณไว้”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งเดินออกไปถึงหน้าประตูสมาคมก็ได้ยินคำพูดอันธพาล จึงมองไปตามเสียง
เกาชิงหยางและอีก 2 สหายถูกล้อมเอาไว้ สีหน้าพวกเขาย่ำแย่มาก โดยเฉพาะใบหน้าของทั้ง 3 ที่ถูกอัดจนเขียวไปหมด เห็นได้ว่าโดนไปเยอะแล้ว
“หัวหน้าลวี่ พวกเรา 3 คนเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างใหม่ไปแล้วจริงๆ ไปกับท่านไม่ได้หรอก” เกาชิงหยางยังคงอธิบายด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ไอ้นี่ เกาชิงหยาง เจ้าไปคิดให้ดีๆ ให้โอกาสพวกเจ้าครั้งสุดท้าย ถ้ายังไม่ตกลงอีกก็อย่าโทษที่ข้าจะตีขาของพวกเจ้าให้หักก็แล้วกัน ให้พวกเจ้าต้องใช้ชีวิตด้วยการคลานทั้งชีวิต”
คำพูดโอหังแบบนี้ทำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพิโรธขึ้นมา ไม่มีหน้าไม่อายที่สุด มีแต่หน้าไม่อายกว่า คำนี้ไม่ผิดจริงๆ บีบคั้นคนมาได้ถึงขั้นนี้นี่คือสุดจริงๆ
“เกาชิงหยาง มานี่” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตะโกนเรียกพลางถอดหมวกปิดหน้าออก เผยโฉมหน้าต่อทั้ง 3
เกาชิงหยางที่กำลังจะพูดอะไรหันมาทันที เมื่อเห็นหญิงสาวที่สวยราวเทพธิดาก็อึ้งไปเลย พูดติดอ่าง “คะ คุณหนู….”
รอมาหลายวัน พวกเขาก็ยังไม่ถูกหยูเฮงน้อยเรียกไปสักที จึงได้แต่มาเฝ้าอยู่หน้าสมาคมทุกคน หวังว่าจะเจอหยูเฮงน้อย
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าที่รอมาหลายวันกลับไม่ได้เจอหยูเฮงน้อย กลับได้เจอคุณหนูเฉิงแทน
พวกเขาเหมารวมว่าทั้ง 2 เป็นพี่น้องไปโดยปริยาย
“กลุ่มทหารรับจ้างของพวกเราลงทะเบียนเสร็จแล้ว พวกเจ้าตามข้ามา” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสั่งเรียบๆ สายตาเย็นยะเยือกมองไปยังเหล่าคนที่อึ้งอยู่ ถามเสียงเย็น “พวกเจ้ากล้าตีทหารรับจ้างของพวกเราให้ขาหักรึ”
—————————-
TQF:บทที่ 579 ฮือฮาทั่วเมือง (1)
“พวกเจ้าคือ…”
คนอื่นเมื่อได้เห็นหญิงสาวเลอโฉมขนาดนี้ก็อึ้งกันไปหมด โดยเฉพาะเมื่อพบว่าเหล่าคนตรงหน้านี้อยู่ระดับจักพรรดิ์อมตะทั้งนั้นก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
เห็นท่าทางของพวกเขาแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็รู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้อยู่ในกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 5 เท่านั้น แถมยังสายตาเจ้าเล่ห์ ไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน
“ตีขาพวกเขาให้หัก” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ปราณีต่อคนแบบนี้อยู่แล้ว
“ขอรับ เจ้านาย”
ไป๋ต้าหู่พุ่งไปยังเจ้าพวกดวงซวยทันที
ตอนนี้พวกเกาชิงหยางมาอยู่ข้างๆเฉิงเสี่ยวเสี่ยวแล้ว นางสั่งเพียงคำเดียวว่า “ไปเถอะ”
สั่งเสร็จไม่แม้แต่จะมองพวกเขา ยิ่งไม่คิดจะใส่ใจกับคนพวกนั้น หันหลังเดินจากไปทันที
พวกเกาชิงหยางรีบตามขึ้นไป และในตอนนั้นก็มีเสียงโหยหวนและเสียงกระดูกหักดังขึ้นด้านหลังพวกเขา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสถานการณ์ข้างหลังเป็นอย่างไร
ตอนนี้ผู้คนที่อยู่หน้าสมาคมเห็นภาพนี้หมด แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร ในสายตาของพวกเขามีความนับถือและความระแวงเมื่อมองไปยังฝูงคนที่เดินไปไกลแล้ว
ข่าวที่กลุ่มทหารรับจ้างเถี่ยฉุยถูกตีจนขาหักกระจายออกอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็บอกไว้ด้วยว่ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนระดับ 4 ที่เพิ่งลงทะเบียนไปเป็นคนลงมือ
ข่าวที่ใหญ่ที่สุดก็คือกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมีจักพรรดิ์อมตะอย่างน้อย 11 คน เมื่อข่าวนี้กระจายออกไปก็ฮือฮากันไปทั้งเมือง ไม่ใช่ว่าในเมืองไม่มีกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 แต่พวกเขาก็มีจักพรรดิ์อมตะเพียง 3 คนเท่านั้น แต่กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนที่เพิ่งลงทะเบียนไปกลับมีถึง 11 คน น่าตกใจจริงๆ
ต่อไปนี้ก็คงมีแค่สมาคมทหารรับจ้างและ 2 อิทธิพลใหญ่จากสมาคมผู้ฝึกฝนวิทยายุทธไร้สำนักเท่านั้นที่กล้าแหยมกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน
แน่นอนว่ายังมีอีกเรื่องที่เป็นเรื่องสนุกปากของเหล่าทหารรับจ้าง ก็คืออดีตสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างไป๋หู่ 3 คนได้เข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนด้วย ทำให้หลายๆคนนึกสนุกอยู่ไม่น้อยว่า 3 คนนั้นจะแก้แค้นกลุ่มทหารรับจ้างตีเสวี่ยรึเปล่า
ก่อนหน้านี้คนของกลุ่มทหารรับจ้างตีเสวี่ยฆ่าคนของกลุ่มทหารรับจ้างไป๋หู่ไปเกือบหมดเพื่อชิงยาวิเศษที่พวกเขาหามาได้ เหลือแค่ไม่กี่คนจะจะตายแหล่มิตายแหล่ บัดนี้เหลือ 3 คนนี้ที่ยังลงมือได้อยู่ ในเมื่อเข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งขนาดนี้แล้วจะแก้แค้นหรือไม่ ก็เป็นหัวข้อสนทนาที่หลายๆคนพูดถึง
เรื่องฮือฮาข้างนอกนั่นไม่ส่งผลอะไรต่อบ้านตระกูลเฉิงที่ถนนชิงหัวทั้งนั้น ที่สำคัญก็คือทุกคนไม่เคยเห็นคนในบ้านตระกูลเฉิงออกมาหาซื้ออาหารเลย ทำให้คนอื่นแปลกใจไม่น้อย
ไม่ว่าข้างนอกจะอยากรู้แค่ไหนก็ได้แต่มอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคนในตระกูลเฉิงทั้งนั้น ไม่มีใครสนใจเรื่องภายนอก
วันที่ 2 คนของสมาคมทหารรับจ้างก็มาถึงที่ พวกเขาเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าตระกูลเฉิงเป็นยังไงกันแน่ มาถึงก็ลงทะเบียนกลุ่มทหารรับจ้างระดับ 4 เลย แน่นอนว่านี่ยังไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาตะลึงที่สุด ที่สำคัญสุดคือทหาร 10 นายของตระกูลเฉิงที่พามาด้วยล้วนเป็นจักพรรดิ์อมตะทั้งนั้น ทำให้สมาคมทหารรับจ้างนั่งไม่ติดเลยทีเดียว
เมื่อพวกเขามาถึง ผู้เฒ่าหยิงซึ่งเป็นพ่อบ้านก็ให้การต้อนรับ
พอเข้าไปในบ้านตระกูลเฉิง สีหน้าของแต่ละคนก็เปลี่ยนไป พวกเขาลอบมองหน้ากันก็เห็นความตื่นตระหนกจากแววตาอีกฝ่าย
พลังในบ้านตระกูลเฉิงแกร่งมากจริงๆ มองจากระดับวิทยายุทธของพวกเขาแล้ว ในนี้น่าจะมียอดฝีมือซ่อนอยู่นับร้อย และยอดฝีมือพวกนี้ก็อาจจะอยู่ระดับจักพรรดิ์อมตะทั้งนั้น
จักพรรดิ์อมตะนับร้อยคน นี่มันอะไรกัน แม้แต่พวกตาแก่ที่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีก็ยังตะลึง เกรงว่ามีแต่กลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังที่เก่งและเป็นตำนานถึงจะมีต้นทุนขนาดนี้ล่ะมั้ง
ที่สำคัญเหล่าจักพรรดิ์อมตะเหล่านี้มาจากที่ไหนกัน พวกเขามากันตั้งแต่เมื่อไหร่ คนที่เป็นเจ้าถิ่นฮวงยันอย่างพวกเขากลับไม่รู้เรื่องเลย จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร
ในขณะนี้ พวกเขาที่ยโสมาตลอดไม่สามารถวางท่าอะไรได้อีก คนของตระกูลเฉิงมากเพียงพอที่จะตั้งสำนักเองได้ ใครจะกล้าดูถูกอีก
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้แสดงความคิดแบบนี้ออกมา แม้ว่าเมื่อกี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับสีหน้าก็แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่เพิ่งกินข้าวเข้าเสร็จเมื่อได้รับแจ้งก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เดินตรงไปยังห้องรับแขก
“คุณหนูมาถึงแล้ว…”
สาวใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกห้องรับแขกตะโกนบอก ทุกคนมองไปตามเสียงก็เห็นหญิงสาวชุดขาวพลิ้วไหวคนหนึ่ง
ตอนนี้อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์มาอยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว เขานั่นแหละที่อยู่เป็นเพื่อนแขก เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าให้ตาเฒ่าทั้งหลาย
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้ามาแล้วเหรอ” อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ยิ้ม
“ต้องมาอยู่แล้ว นานๆจะมีแขกพิเศษขนาดนี้มา” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มอ่อนๆ ทันใดนั้นก็เหมือนมีดอกขาวบานสะพรั่งออก เจิดจรัสเกินจะเทียบ ยังดีที่ในห้องรับแขกมีแต่พวกตาเฒ่า ไม่อย่างนั้นคงต้องมีคนเสียอาการแน่
ผู้เฒ่าที่รับลงทะเบียนเมื่อวานประสานมือกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวพร้อมรอยยิ้ม “หัวหน้ากลุ่มเฉิง ข้าพาเพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาด้วย หวังว่าหัวหน้ากลุ่มเฉิงจะไม่ว่ากันนะ”
“ท่านอาวุโสไม่ต้องเกรงใจ แขกแต่ละท่านล้วนเป็นคนที่ยากจะเชิญ วันนี้ให้เกียรติมาที่นี่เป็นเกียรติของพวกเรา” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวย่อตัวเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ
เหล่าผู้เฒ่ายิ้ม พวกเขาย่อมมองวิทยายุทธของหญิงสาวตรงหน้าออก แต่ไม่คิดเลยว่านางจะไม่มีความผยองเหมือนหนุ่มสาวผู้อื่น กลับดูวางท่าเรียบร้อยและสง่าเหมือนคุณหนูตระกูลดัง
—————————-
TQF:บทที่ 580 ฮือฮาทั่วเมือง (2)
“เสี่ยวเสี่ยว ข้าจะแนะนำให้รู้จัก”
อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ลุกขึ้น แม้ว่าอายุของเขาจะพอๆกับผู้เฒ่าคนอื่น แต่ในแง่ของวิทยายุทธแล้วเหล่าผู้เฒ่าสูงกว่าเยอะ อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์เองก็วางตัวเป็นคนรุ่นหลัง
แต่เดิมในโลกของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธก็ถือคนแกร่งเป็นใหญ่อยู่แล้ว ขอแค่มีวิทยายุทธสูง ต่อให้อายุน้อยแต่เมื่อเหล่าผู้ฝึกฝนวิทยายุทธได้เจอก็ไม่กล้าวางมาดคนเป็นรุ่นพี่ กลับต้องมีท่าทีอ่อนน้อม
อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ลุกขึ้นแนะนำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เหมือนผู้ใหญ่แนะนำแขกให้เด็กๆในบ้านรู้จัก เขาชี้ไปยังผู้เฒ่าจากสมาคมทหารรับจ้าง “ท่านนี้คืออาวุโสอู๋ เจ้าน่าจะเคยเจอแล้ว ท่านนี้คือผู้อาวุโสเว่ยจากสมาคมผู้ฝึกฝนวิทยายุทธไร้สำนัก ท่านนี้คือผู้อาวุโสเจี่ยงจากตำหนักเจ้าเมืองฮวงยัน ท่านนี้คือผู้อาวุโสเริ่นจากโถงวิหารสวรรค์ ท่านนี้คือผู้อาวุโสหงจากสำนักหลิวหยวน”
คนเหล่านี้ต่างเป็นตัวแทนจากอิทธิพลต่างๆ โดยเฉพาะที่แม้แต่ผู้อาวุโสจากโถงวิหารสวรรค์ยังมาถึงที่ ทำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวประหลาดใจไม่น้อย
3 วันหลังจากนี้ก็จะถึงวันคัดตัวของโถงวิหารสวรรค์ ผู้อาวุโสของพวกเขากลับมาที่บ้าน นี่มันเรื่องบังเอิญหรอบัญชาสวรรค์กันแน่
ความคิดนี้ปรากฏเพียงแว้บเดียวก็หายไป เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยังมีท่าทีเหมือนก่อน ยังคงยิ้มอ่อนๆให้กับทุกคนพลางประสานมือ “ข้าน้อยเฉิงเสี่ยวเสี่ยวคารวะท่านอาวุโสอู๋ ท่านอาวุโสเว่ย ท่านอาวุโสเจี่ยง ท่านอาวุโสเริ่น ท่านอาวุโสหง หลังจากนี้คงต้องรบกวนให้ทุกท่านช่วยแนะนำ ข้าน้อยสุดซึ้ง”
“หัวหน้ากลุ่มเฉิงพูดเกินไป วันนี้พวกเราแค่มาตรวจดูสมาชิกกลุ่มของเจ้า แม้จะยังไม่ได้เห็นแต่ตาแก่อย่างพวกเราก็รู้สึกได้แล้วล่ะ ต้องยอมรับเลยว่ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของพวกเจ้านี่แข็งแกร่งจริงๆ”
ผู้อาวุโสอู่เอ่ยยิ้มๆ
ผู้อาวุโสหงแห่งสำนักหลิวหวินยิ้มตาหยี “ถูกต้อง ข้างในนี้นี่เต็มไปด้วยพยัคร้ายจริงๆ ท่าทางฮวงยันของเราจะได้มีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว”
“กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนยังไม่ทันได้แจ้งเกิดก็เป็นที่ร่ำลือไปทั่วเมืองแล้ว อยากไม่ดังก็ไม่ได้แล้ว…” ผู้อาวุโสเจี่ยงจากตำหนักเจ้าเมืองยิ้มไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่
การที่บ้านตระกูลเฉิงแข็งแกร่งขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่สำหรับตำหนักเจ้าเมือง ตรงกันข้าม พวกเขากลับกังวลใจมากกว่าว่าคนของบ้านตระกูลเฉิงจะก่อจลาจลขึ้น จุดจบของการก่อเรื่องของจักพรรดิ์อมตะนับร้อยนี่อย่าว่าแต่ฮวงยันเมืองเดียวเลย ต่อให้มีฮวงยันอีกหลายสิบเมืองก็ไม่พอให้พวกเขาละเลง
กลับอำนาจที่ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว พวกเขามีแต่ความระแวงและความไม่สบายใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากอยู่ดี
ความระแวงในแววตาเขาเฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกได้ ตั้งแต่ได้เรียนอิทธฤทธิ์ไม่น้อยจากหยูเฮงน้อย บางทีนางก็สามารถล่วงรู้ได้ถึงความคิดในจิตใจผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อกี้ตอนที่ผู้อาวุโสเจี่ยงกำลังพูดอยู่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็สัมผัสได้ถึงจิตใจที่เปลี่ยนไปของเขา นางจึงเข้าใจความหมายโดยนัยที่เขาจะสื่อ
“ผู้อาวุโสทุกท่านพูดเป็นเล่นไป กฎของพวกเราคือหากผู้อื่นไม่มาหาเรื่อง เราก็จะไม่วุ่นวาย แน่นอนว่าถึงแม้พวกเราจะไม่ใช่พวกหาเรื่องแต่ก็ไม่ใช่พวกขี้ขลาด การถูกผู้อื่นข่มขู่โดยไม่ตอบโต้ก็ไม่ใช่วิถีของพวกเรา หวังว่าผู้อาวุโสจะคอยให้คำแนะนำข้าด้วย”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกล่าวถึงปัญหาเหล่านี้เรียบๆ อย่างไรซะก็เป็นเรื่องที่ต้องเจอในภายภาคหน้า ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ
อีกอย่างระหว่างผู้ฝึกฝนวิทยายุทธด้วยกันเองจะไม่มีการต่อสู้ได้อย่างไร เรื่องนี้ทุกคนก็รู้ดี ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการแบไต๋
พวกนางจะไม่ไปโจมตีคนอื่นก่อน แต่ก็อย่าคิดซะว่าจะรังแกพวกนางได้ คนที่กล้ามาแหยมไม่ว่าจะเป็นใคร นางไม่ออมมือแน่
เมื่อผู้อาวุโสทุกท่านได้ฟังไม่ได้โกรธแต่กลับเบาใจลง วิทยายุทธมาถึงขั้นพวกเขาได้ย่อมรับรู้ได้ว่าคนอื่นพูดเรื่องจริงอยู่รึเปล่า
เรื่องนี้น่าจะจบแล้วล่ะ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหันไปสั่งคนที่เฝ้าอยู่ข้างๆ “สั่งลงไปว่าให้เตรียมจัดงานเลี้ยง พวกเรามีเรื่องจะคุยกับเหล่าผู้อาวุโส”
“ขอรับคุณหนู” ผู้เฒ่าหยิงรีบสั่งลงไป
แม้จะยังอีกนานกว่าจะถึงเวลาอาหารเที่ยง แต่เมื่ออยากจะต้อนรับแขกจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องยิบย่อยพวกนี้
เหล่าผู้อาวุโสพวกนี้ยังอยากจะสืบเบื้องลึกเบื้องหลังของบ้านตระกูลเฉิงอยู่ย่อมไม่รีบจะไปอยู่แล้ว จึงฟังยิ้มๆโดยไม่คัดค้านอะไร
เมื่ออาหารอันโอชะทั้งหลายถูกยกขึ้นโต๊ะ เหล่าผู้อาวุโสตะลึงกันไม่น้อย ด้วยสายตาของพวกเขาย่อมดูออกว่าทุกจานมีพลังวิญญาณหนาแน่นผสมอยู่ด้วย
อาหารที่ผสมพลังวิญญาณพวกเขาเองก็กินมาไม่น้อย แต่การที่อาหารหลายสิบจานนี้ที่บ้านตระกูลเฉิงล้วนผสมหมดโดยไม่มียกเว้นนี่ทำให้พวกเขาตะลึงไม่น้อย
ในสายตาพวกเขา บ้านตระกูลเฉิงช่างลึกลับเสียจริง และพลังที่หนุนหลังอยู่ก็แข็งแกร่งมากจริงๆ
ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่ม ฟางซูหยุนและ 2 สามีภรรยาโม่อู๋เซอก็มาด้วยเช่นกัน
ครั้งนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตั้งใจให้พวกเขาปรากฏตัว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น