แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 557-563
ตอนที่ 557 มารยาทกับลองใจ
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าตรรกะนี้แปลกๆ
โดยปกติถ้าทะเลาะมีปากมีเสียงกันก็จะบอกว่าลูกไม่ใช่ลูกแท้ๆ หรือไม่ก็หาว่าลูกคนที่สองไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่นี่ทำไมไม่พูดถึงต้าหลงกลับพูดถึงเธอ?
เจี่ยซิ่วฟางเป็นคนหัวโบราณมาก ไม่มีทางทำเรื่องขโมยเด็กแน่ คำพูดของป้าสะใภ้รองแปลกจริงๆ
เสี่ยวเชี่ยนครุ่นคิดอยู่สักพัก คาดเดาไปต่างๆนานา
ถึงแม้เธออยากจะให้ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นอะไรกับเฉินหลินจริงๆ แต่ด้วยนิสัยแบบแม่ของเธอรวมถึงความจริงที่เธอเกิดในบ้าน ยังไงพ่อเฮงซวยก็เป็นพ่อแท้ๆของเธอ
งั้นก็แสดงว่าผู้หญิงบ้าพวกนั้นพูดจามั่วซั่ว เลวที่สุด ทำให้แม่ของเธอที่เพิ่งผ่าตัดโมโหขนาดนี้ เสี่ยวเชี่ยนพอนึกได้ดังนั้นก็รู้สึกว่าการที่เธอจัดการขั้นเด็ดขาดกับป้าสะใภ้รองไม่ใช่เรื่องผิดเลยแม้แต่น้อย
เธอเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเจี่ยซิ่วฟางสักพักแล้วถือโอกาสทำการเยียวยาจิตใจเพื่อให้แม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ หลังจากนั้นความโกรธที่อยู่ในใจของเจี่ยซิ่วฟางก็ได้ถูกระบายออก แล้วก็ผล็อยหลับไป
เสี่ยวเชี่ยนห่มผ้าให้แม่ พ่อเลี่ยวกลับมาพร้อมกับหัวไหล่ที่ถูกเข้าเฝือก
“เสี่ยวเชี่ยน ฉันขอคุยอะไรหน่อยเป็นการส่วนตัวได้ไหม?” พ่อเลี่ยวพูดกับเสี่ยวเชี่ยนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เสี่ยวเชี่ยนเหลือบมองไหล่ที่บาดเจ็บของพ่อเลี่ยวแล้วหันไปมองแม่ที่หลับอยู่ จากนั้นจึงพยักหน้า
“ออกไปคุยกันค่ะ”
แถวโรงพยาบาลมีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่ง ห้านาทีต่อมาเสี่ยวเชี่ยนกับพ่อเลี่ยวได้มานั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่ในร้าน
แม่อวี๋ช่วยดูแลแม่ให้เธออยู่ เสี่ยวเชี่ยนจึงไม่ต้องรีบ
“ดื่มอะไรดี?” พ่อเลี่ยวยื่นเมนูเครื่องดื่มให้เสี่ยวเชี่ยน
“Con Pannaค่ะ”
“เอาCon Panna หนึ่งแก้วกับน้ำเย็นอีกแก้ว ขอบคุณครับ” พ่อเลี่ยวพูดกับพนักงน
ในสายตาของเสี่ยวเชี่ยน นี่คือชายสูงวัยที่ถ่อมตัว หัวโบราณเล็กน้อย มีความน่าเกรงขามแบบที่คนทำงานระดับสูงในศาลมี เสี่ยวเชี่ยนยังสัมผัสได้ถึงแววตาที่ดูอยากจะเอาใจเธอ พยายามแสดงออกให้ดูเป็นกันเองที่สุด
นี่ก็คือผลลัพธ์ที่เสี่ยวเชี่ยนต้องการ แต่เธอก็ยังต้องดูว่าพ่อเลี่ยวอยากจะพูดอะไรต่อ จากนั้นค่อยสรุป
หากตัดสินจากภายนอก พ่อเลี่ยวมีครบด้านจริยธรรมของผู้พิพากษา คือ ซื่อสัตย์ มีศีลธรรม มีความสามารถ จริงจัง และถ่อมตัว
ผู้ชายที่ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อรักษาเมียที่ป่วยนับว่ามีคุณสมบัติของคนเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ต่อให้โปรไฟล์ดีแค่ไหนถ้าไม่ใส่ใจแม่เธอก็ไม่ได้เหมือนกัน ถึงเรื่องที่เขามาดูแลเจี่ยซิ่วฟางจะทำให้เธอประทับใจ แต่ก็ต้องขอฟังความคิดของผู้ชายคนนี้ก่อนถึงจะตัดสินใจได้
“เย็นวันนั้นหลังกลับไปฉันได้ไปคิดทบทวนอย่างจริงจัง ฉันคิดว่าควรจะมาคุยกับหนูเป็นการส่วนตัว” พ่อเลี่ยวพูดกับเสี่ยวเชี่ยนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“คุยอะไรคะ? คุยเรื่องที่หัวหน้าเลี่ยวชอบแม่หนูเหรอคะ?”
พ่อเลี่ยวนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเชี่ยนจะพูดออกมาตรงๆจึงอึ้งไปเล็กน้อย แล้วพูดต่อ
“ใช่จ้ะ คุยเรื่องของฉันกับแม่ของหนู ฉันดูออกว่าหนูไม่ค่อยเห็นด้วยที่ฉันกับแม่หนูจะคบกัน”
“แม่หนูเป็นแค่แม่บ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่ได้มีความรู้ สู้ใครเขาก็ไม่ได้ แม้แต่คำพูดโกหกยังพูดไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ หัวหน้าเลี่ยวลองไปดูตามท้องถนน ข้อดีข้อเสียของแม่บ้าน90%แม่หนูก็มีหมด มันยิ่งสะท้อนว่าแม่หนูเป็นแค่แม่บ้านธรรมดา หนูไม่รู้ว่าหัวหน้าเลี่ยวชอบแม่หนูตรงไหน”
“แล้วหนูจะไม่รักเขาเพราะเขาเป็นแค่คนธรรมดาไหมล่ะ?” คำพูดของพ่อเลี่ยวทำให้เสี่ยวเชี่ยนแอบอึ้ง
เสี่ยวเชี่ยนแอบเบ้ปากในใจ ดูสิ คนเรียนกฎหมายถนัดนักเรื่องจับใจความแล้วแทงทีเดียวให้เลือดอาบ ถึงพ่อเลี่ยวจะดูอ่อนโยน แต่อย่างไรเสียก็เป็นถึงผู้พิพากษา มีนิสัยส่วนที่คล้ายทหารป่าเถื่อนของเธออยู่
“หนูเป็นลูกสาวของเขา ความรู้สึกที่มีให้ย่อมปราศจากเงื่อนไข เขาจะเก่งหรือไม่สำหรับหนูแล้วมันไม่สำคัญ ไม่เหมือนกับความรักของชายหญิง ทั้งสองคนต้องพูดคุยภาษาเดียวกันถึงจะสามารถดึงดูดซึ่งกันและกันได้ หนูไม่คิดว่าคุณกับแม่หนูจะพูดคุยภาษาเดียวกันค่ะ”
“แม่หนูชอบไปซื้อผักร้านที่สามของตลาดสดทางตะวันตกของเมือง ทุกสัปดาห์อย่างน้อยๆจะมีสองวันที่ทอดปลาให้น้องชายหนูกิน แต่ตัวเขาไม่ชอบ มักจะคิดไม่ตกอยู่เสมอว่าน้ำมันที่ใช้ทอดปลาแล้วควรทำไงดี น้องชายหนูไม่ชอบให้เอาน้ำมันที่ทอดปลาแล้วมาผัดกับข้าวต่อ แม่หนูเลยต้องแบ่งส่วน ส่วนหนึ่งทำให้น้องชายหนูกิน น้ำมันอีกส่วนที่มีกลิ่นคาวทำให้ตัวเองกิน ไม่อยากทิ้งเพราะเสียดาย ช่วงนี้เขาไปสมัครเรียนขับรถกับเรียนคอมพิวเตอร์ด้วย—”
“แม่หนูไปเรียนขับรถ? เรียนคอมพิวเตอร์ด้วย?”
เรื่องพวกนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้เลย ปกติเจี่ยซิ่วฟางก็พูดเยอะ ไม่มีอะไรปิดบัง เธอยังไม่ทันได้ถามอะไรก็พูดออกมาเองหมด เวลาโทรคุยก็พูดไม่รู้จักจบจักสิ้น
เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าตัวเองรู้เรื่องในบ้านดีทุกอย่าง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าแม่จะปิดบังเรื่องไว้อีกมากมายขนาดนี้
“เรียนมาได้เกือบเดือนแล้ว คนอายุแบบพวกเราเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ช้า ทุกวันฉันจะไปนั่งเรียนเป็นเพื่อนเขาสักพัก ฉันถามเขาว่าเรียนไปทำไม เขาบอกว่าได้ยินว่าของพวกนี้ทำให้คุยแบบเห็นหน้ากับหนูได้ กลัวว่าถ้าใช้ไม่เป็นพวกหนูจะหัวเราะเยาะเขา ก็เลยไปแอบเรียน”
พอได้ยินเรื่องแม่จากปากคนอื่นเสี่ยวเชี่ยนก็เกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน
“เขาพยายามมาก กลัวจะตามพวกหนูไม่ทัน เวลาเขาพูดถึงหนูกับน้องชายจะชื่นชมบอกว่าเก่งที่สุดเสมอ โดยเฉพาะหนู เวลาเขาพูดถึงหนูใบหน้าจะตื่นเต้นมีความสุข เขาบอกว่าหนูพึ่งพาตัวเองได้มากจนเกินไป เขาเลยไม่รู้จะให้อะไรหนูได้ มักจะรู้สึกผิดต่อหนูเสมอ ตอนนี้เหลือแค่เขาดูแลหนูกับน้องชายก็กลัวว่าจะดูแลได้ไม่ดี ฉันเลยแนะนำให้เขาไปเรียนใช้คอมพิวเตอร์ อีกหน่อยไม่ว่าหนูจะไปอยู่ไกลแค่ไหน พอคิดถึงก็เห็นหน้ากันได้ หนูก็รู้ว่าคนวัยอย่างพวกเราเรียนของพวกนี้ยาก แต่เขาก็ยืนหยัดเรียนมาได้”
ถ้าพนักงานไม่มาเสิร์ฟกาแฟพอดีเสี่ยวเชี่ยนคิดว่าตัวเธออาจจะถูกลุงที่ไม่ถือว่าคุ้นเคยเท่าไรคนนี้สะกิดต่อมน้ำตาแตกได้ ต้องใจเย็นๆ เธอมาจับผิดเขา ไม่ใช่มาให้เขากล่อม
เธอก้มหน้าพยายามสงบสติอารมณ์ มองฟองครีมที่อยู่บนกาแฟที่ทำเป็นรูปหัวใจสองดวง
“คุณอยากบอกว่าหนูไม่ใช่ลูกสาวที่ดี หนูเอาใจใส่แม่ตัวเองไม่มากพอ อยากร้องเพลงกลับไปเยี่ยมบ้านบ่อยๆให้หนูฟังเหรอคะ?”
พ่อเลี่ยวไม่ได้โกรธกับคำถามกวนประสาทของเสี่ยวเชี่ยน แต่ยิ้มให้เล็กน้อย
“ไม่ใช่ หนูเป็นเด็กดี เหมือนที่แม่หนูบอก แข็งนอกอ่อนใน แคร์คนในครอบครัวมาก ที่หนูคัดค้านเรื่องของฉันกับแม่หนูก็เพราะว่าแคร์แม่มาก แต่ฉันก็ไม่โทษหนูหรอกนะ เพราะเราก็ได้เจอกันน้อย ฉันเชื่อว่าความจริงใจจะเอาชนะได้ ฉันหวังว่าหนูจะให้โอกาสให้ฉันได้รู้จักกับแม่หนูมากขึ้น”
เสี่ยวเชี่ยนดันแว่นตา รู้สึกว่าตัวเองประเมินอีกฝ่ายต่ำไป สมกับเป็นผู้พิพากษา ตรรกะและหลักการยากจะโจมตีเลยจริงๆ
คนระดับผู้พิพากษาพูดมาขนาดนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าตัวเองควรจะพอได้แล้ว แต่ว่าเธอก็ยังไม่อยากให้ตาลุงนี่ได้ง่ายเกินไป
อะไรที่ได้มาง่ายๆก็มักจะไม่เห็นค่า
“ขอบคุณหัวหน้าเลี่ยวที่เตือนนะคะ หนูยังเอาใจใส่แม่ไม่มากพอจริงๆ ต่อไปหนูจะดูแลแม่ให้มากกว่านี้ หนูไม่ยุ่งเรื่องที่แม่จะคบหาใครเป็นเพื่อน มีอะไรก็ไปคุยกับแม่นะคะ” เสี่ยวเชี่ยนยืนขึ้นเตรียมเดินออก
“หนูกังวลเรื่องความปลอดภัยของงานฉันใช่ไหม? เมื่อกี้หนูพูดไปตามมารยาททั้งนั้น อันที่จริงในใจของหนูแม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลก เขามีค่าคู่ควรกับผู้ชายที่ดีกว่า ฉันยังมีคุณสมบัติที่ไม่ดีพอ แบบนั้นใช่ไหม?”
ตอนที่ 558 เปลือกบางแต่ไส้เยอะ
เสี่ยวเชี่ยนหันไปมองพ่อเลี่ยว แววตาแอบได้ใจเล็กๆ คุยกับคนฉลาดก็ย่อมเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แบบนี้ค่อยตกลงกันง่ายหน่อย
“คุณอาคะ ในเมื่อคุณอาดูออกงั้นหนูก็จะไม่เกรงใจแล้วนะคะ หนูยอมรับว่าคุณอาเป็นคนดี แต่หนูไม่อยากให้แม่ต้องอยู่ท่ามกลางปัจจัยที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตทุกวัน อีกอย่างการกระทำของคุณอาในวันนี้ทำให้หนูตัดสินใจลบภาพความรู้สึกแรกที่มีต่อคุณอาทิ้ง คุณอาไม่ได้ดูอ่อนโยนเหมือนที่แสดงออกเลยค่ะ”
พ่อเลี่ยวขำกับคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน “ต้องเป็นคนจริง ถึงจะมีจิตใจที่ดี ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังนะ”
เสี่ยวเชี่ยนอยากจะเหอๆออกมา…
จริงกับผีสิ นี่มันหมาจิ้งจอกในคราบลูกแกะชัดๆ มีแต่แผนเจ้าเล่ห์
“เกี่ยวกับเรื่องที่หนูเป็นกังวล ฉันรับรองว่ามันจะไม่เกิดขึ้น ตอนนี้บ้านที่ฉันอยู่เป็นบ้านที่ได้รับการจัดสรรก่อนหน้านี้ หมู่บ้านเก่าแก่ความปลอดภัยก็เลยหละหลวม ฉันเตรียมจะย้ายไปอยู่หมู่บ้านแบบปิด ต่อไปคนนอกก็เข้ามาวุ่นวายไม่ได้แล้วล่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนเลิ่กคิ้ว “คงไม่ได้จะย้ายไปแถวบ้านใหม่ของพวกเราหรอกนะคะ?”
ตอนนี้เจี่ยซิ่วฟางอยู่บ้านเช่า บ้านที่ได้จากการถูกเวนคืนต้องรออีกครึ่งปีถึงจะย้ายเข้าได้
พ่อเลี่ยวยิ้ม “ถูกต้อง อยู่ใกล้กันจะได้ดูแลกันง่ายหน่อย”
ความหมายคือ เขาเตรียมจะทำสงครามอย่างยาวนาน
“เฮอะๆ…เป็นหัวหน้าก็หน้าหนาแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?”
แบบนี้เรียกว่าอะไรนะ ตามตื๊อ?
ตาแก่นี่หัวดื้อจริง ถึงกับซื้อบ้านให้อยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่มีต่อเจี่ยซิ่วฟาง
“ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะวิ่งหาความสุขนะ”
“ขอถามได้ไหมคะว่าชอบแม่หนูตรงไหน?”
“ฉันชื่นชมในความรักของแม่ที่เขามีต่อลูกอย่างทุ่มหมดตัว และก็ชื่นชมในความเป็นคนซื่อของเขา เลี้ยงดูเด็กแบบหนูออกมาได้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา อย่างน้อยในสายตาฉันเขาก็ไม่ธรรมดา”
เสี่ยวเชี่ยนอยากจับผิดความจอมปลอมในดวงตาของเขา แต่จากประสบการณ์แพทย์คลินิกหลายปีของเธอ ตาแก่คนนี้พูดออกมาอย่างจริงใจ
มีคนเปรียบความรักของคนสูงวัยไว้ว่า เหมือนไฟไหม้บ้าน ตอนไม่ไหม้ยังไม่เท่าไร แต่พอไหม้ขึ้นมาก็ลุกลามเอาไม่อยู่
“งั้นก็ขอให้คุณอาดีต่อผู้หญิงที่คุณอามองว่าไม่ธรรมดาคนนี้ให้มากๆ ถ้าหนูเห็นว่าคุณอากล้าทำให้แม่หนูเสียใจ คุณอาเคยเจอคู่หมั้นหนูนี่คะ เขาทำงานอะไรคุณอาก็รู้ เขาใช้มือเดียวฟันอิฐหักได้ ฟันหัวคนยิ่งเรื่องเล็ก คิดเอาเองนะคะ—ฝากจ่ายเงินด้วยนะคะ แล้วก็ฝากบอกแม่ด้วยว่าหนูกลับมหาลัยแล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนยืนขึ้น ครั้งนี้เธอจะไปจริงๆแล้ว
“ไม่กลับไปดูแม่หน่อยเหรอ?”
“ตอนนี้เขาน่าจะอยากเจอคุณอามากกว่า ขอย้ำอีกครั้ง ถ้าคุณอากล้ารังแกแม่หนู—”
“ตระกูลอวี๋จะไม่ปล่อยฉันไป เข้าใจแล้วเด็กน้อย ทำไมอยู่ๆก็ยอมรับเรื่องฉันกับแม่หนูล่ะ?”
“หนูก็แค่ไม่คัดค้าน อนาคตเป็นไงก็ต้องดูที่ตัวคุณอาแล้วนะคะ ถ้าเขาไม่ชอบคุณอาก็อย่ามาโทษหนูก็แล้วกัน หนูไม่สนับสนุนแต่ก็ไม่คัดค้าน”
พ่อเลี่ยวเจอคนมาก็ไม่น้อย เขาดูออกว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นเด็กที่ค่อนข้างมีความพิเศษ ไม่ลึกลับซับซ้อนแต่ก็เดาทางยาก ดูสุขุมแตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน
เสี่ยวเชี่ยนสืบเรื่องพ่อเลี่ยวอย่างละเอียด พ่อเลี่ยวเองก็พอจะรู้เกี่ยวกับเสี่ยวเชี่ยนอยู่บ้าง หลังจากที่รู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนคัดค้านเขาก็ได้ไปสืบหาข้อมูลของเสี่ยวเชี่ยน แล้วก็ต้องพบว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา
เป็นสะใภ้คนเล็กของตระกูลอวี๋ ซึ่งตระกูลนี้ไม่ใช่ตระกูลธรรมดา การที่เธอทำให้คนบ้านนี้ยอมรับได้ก็แสดงว่ามีความสุขุมรอบคอบมากพอ แต่อย่าว่าแต่จะเป็นสะใภ้ของพลตรีอวี๋เลย ต่อให้มียศสูงกว่านี้ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เขาตามจีบเจี่ยซิ่วฟาง อีกไม่กี่ปีพ่อเลี่ยวก็เกษียณแล้ว ไม่ได้ลุ่มหลงในอำนาจยศถาบรรดาศักดิ์เท่าไร ต่อให้ครอบครัวที่เสี่ยวเชี่ยนไปดองด้วยจะแข็งกว่านี้เขาก็ไม่ได้อยากจะปีนป่าย
“แต่ก่อนหน้านี้หนูแสดงออกว่าไม่คิดจะให้แม้แต่โอกาส ทำไมอยู่ๆก็เปลี่ยนใจล่ะ?” พ่อเลี่ยวถาม
“เพราะแม่เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในใจหนู หนูอยากให้เขามีความสุข ใครทำให้เขาเสียใจหนูก็จะเอาถึงตาย ง่ายๆแค่นี้แหละค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้เก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองต่อหน้าพ่อเลี่ยว คำพูดน่าเกลียดเธอหยิบขึ้นมาพูดก่อน
สำหรับเธอครอบครัวเป็นสิ่งที่อยู่สูงห้ามแตะต้อง เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายในใจเธอ ใครกล้าแตะคนนั้นมันต้องตาย ครอบครัวลุงรองคือตัวอย่างที่ดีที่สุด
เสี่ยวเชี่ยนทิ้งคำพูดร้ายๆไว้ให้พ่อเลี่ยวแล้วเดินจากไป สำหรับพ่อเลี่ยวคำพูดโหดๆของเสี่ยวเชี่ยนไม่เพียงแต่จะไม่สร้างความรังเกียจ กลับแสดงให้เห็นว่าเด็กคนนี้มีแม่อยู่ในใจเสมอ ไม่เสียทีที่เจี่ยซิ่วฟางทุ่มความรักให้หมดใจ
“เด็กคนนี้ใส่ใจมากจริงๆ มีลูกสาวมันดีแบบนี้นี่เอง ซิ่วฟางเลี้ยงเขามาได้ดีทีเดียว” พ่อเลี่ยวพูดพึมพาพลางมองเสี่ยวเชี่ยน
ทันใดนั้นก็คิดได้ว่าสิ่งที่เด็กคนนี้ทำก่อนหน้านี้อันที่จริงเพราะอยากเห็นความสามารถของเขาในการปกป้องแม่เธอ แล้วก็ลองใจเขาด้วย
ถ้าเขาทำไม่ได้อย่างที่เธอหวัง ไม่มีท่าทียอมให้เธอขณะคุย เขาคงไม่ได้แตะแม้แต่ชายเสื้อของเจี่ยซิ่วฟาง
สวรรค์เองก็ช่วยเขา ทำให้เขาได้มาดูแลเจี่ยซิ่วฟางขณะป่วย เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นเรื่องพวกนี้ถึงได้ยอมลดระดับความยากในการทดสอบเขา
ไม่อย่างนั้นถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้ไม่แน่เธออาจจะคิดแผนอะไรมาทดสอบเขาอีก ถ้าเขาไม่ผ่านก็คงไม่ได้เจอเจี่ยซิ่วฟางไปตลอดชีวิต
แต่เธอก็ไม่ใช่เด็กที่หัวแข็ง หลังจากที่เห็นความจริงใจของเขา บอกให้เขารู้ว่าเบื้องหลังของเจี่ยซิ่วฟางมีใครหนุนอยู่ จากนั้นก็ยอมวางมือ
ช่างเป็นเด็กที่ใส่ใจ มีความฉลาด ไหวพริบดีจริงๆ ปกป้องแม่ตัวเองได้อย่างไม่มีที่ติ อีกทั้งยังไม่ขัดขวางความสุขของแม่ เจี่ยซิ่วฟางมีลูกสาวแบบนี้นับเป็นบุญของเธอจริงๆ
พอคิดว่าเด็กดีแบบนี้อีกหน่อยอาจได้มาเป็นลูกสาวของตัวเอง พ่อเลี่ยวก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
เสี่ยวเชี่ยนพอออกจากร้านกาแฟก็ยังไม่กลับมหาวิทยาลัย เธอไปยังตึกขายอุปกรณ์ไอที จ่ายเงินไปจำนวนมากเพื่อซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ ถึงแม้ในสายตาของคนที่รู้เรื่องพวกนี้มาก่อนอย่างเธอ เครื่องคอมแบบนี้ไม่ได้เรื่องเป็นอย่างมาก แต่มันก็ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว
เธอเอาคอมกลับบ้านแล้วลากน้องชายตัวดีมาจัดการ ประณามความปากไม่มีหูรูดของน้องชาย หลังจากที่เพิ่มแบบฝึกหัดจบสิ้นวันหยุดลาป่วยอันสวยงามของน้องชายแล้วเสี่ยวเชี่ยนจึงนั่งรถกลับมหาวิทยาลัย
อันที่จริงเธออยากไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล ไปอยู่เป็นเพื่อน
แต่เธอรู้ว่าตอนนี้แม่อยากให้พ่อเลี่ยวอยู่ดูแลมากกว่า
“พี่ครับ ได้ยินว่าพี่เป็นจิตแพทย์เหรอครับ?” คนที่ขับรถให้เธอเป็นคนขับรถของพี่ใหญ่ เขาค่อนข้างได้ใกล้ชิดกับพี่ใหญ่จึงรู้ว่าภรรยาของน้องชายบอสเป็นจิตแพทย์ที่เก่งมาก
“ใช่ค่ะ”
“งั้นช่วยผมวิเคราะห์หน่อยได้ไหมครับ ช่วงนี้ลูกสาวผมชอบคิดหาวิธีตามติดผม เวลาผมอยู่บ้านทำอะไร ครึ่งชั่วโมงเขาก็จะมาขัดจังหวะผมถึงห้าครั้ง ทำผมเสียเวลามาก เด็กคนนี้เป็นโรคจิตเวชหรือเปล่าครับ”
เสี่ยวเชี่ยนยิ้ม “เด็กยังอายุไม่ถึงห้าขวบใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ เพิ่งจะสี่ขวบ”
“กลับไปอยู่กับแกให้มากๆหน่อย เด็กคนนี้ต้องการคุณ”
“หา? ไม่ได้มีปัญหาเหรอครับ?”
“พฤติกรรมของเขาแสดงออกถึงสิ่งที่อยู่ในใจ คุณคงงานยุ่งมากจนไม่ค่อยได้อยู่กับเขา เด็กใช้วิธีรบกวนคุณเพราะอยากได้รับความสนใจจากคุณ ใช้เวลากับเขาให้มากขึ้นก็จะดีขึ้นค่ะ นี่ไม่ถือเป็นโรคจิตเวช ก็แค่เด็กต้องการให้พ่อใช้เวลาอยู่ด้วยกัน”
“ที่แท้ก็แบบนี้ ขอบคุณมากครับหมอเฉิน” คนขับรถได้รับคำตอบที่กระจ่างแล้ว
“จะพ่อแม่ก็ดี หรือลูกก็ดี ยื่นมือเข้าไปจับแกไว้ในเวลาที่จำเป็น อย่าปล่อยให้แกรู้สึกโดดเดี่ยว จับมือแกไว้นั่นคือความรัก แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมปล่อยมือให้แกไปตามหาชีวิตของตัวเอง มีชีวิตเป็นของตัวเอง นั่นก็คือความรักเหมือนกันค่ะ”
“หมอเฉินพูดมีเหตุผลครับ” คนขับรถรู้สึกศรัทธาในตัวเสี่ยวเชี่ยนมาก
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มมุมปาก มองออกไปนอกตัวรถ ยังคงเป็นถนนที่ผู้คนรถรามีมาอย่างไม่ขาดสาย ทุกครั้งที่เธอจากบ้านไปมหาวิทยาลัยมักจะไม่ค่อยวางใจเรื่องแม่ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน
เธอควรปล่อยมือแล้ว เธอต้องมอบมือของแม่ให้กับผู้ชายอีกคนแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำก็คือปล่อยมือของแม่ จากนั้นก็คอยยืนปกป้องอยู่ด้านหลัง ถ้ามีคนมารังแกแม่เธอ เธอก็จะทำลายคนๆนั้นทั้งครอบครัว
คนนับพันนับหมื่นเบื้องหลังก็ซ่อนด้วยหัวใจนับหมื่นนับพัน พฤติกรรมของแต่ละคนล้วนแฝงไว้ซึ่งความต้องการของตัวเอง การค้นหาวิธีที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการแก้ปมในใจนั้นเป็นงานของเธอ
ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนเพิ่งกลับชาติมาเกิดเป็นช่วงที่เธอเกลียดการนึกถึงอนาคต เธอคิดแค่ว่าอยากจะจัดการคนที่เธอเกลียด จากนั้นก็ปลดปล่อยตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน
เธอยื่นมือไปวาดรูปหัวใจที่หน้าต่างรถ คล้ายกับว่าได้เห็นใบหน้าของอวี๋หมิงหลางในใจ
เป็นเขาที่ทำให้เธอเฝ้ารอแบบนี้
มีเคสรักษาเป็นพันเป็นหมื่นรอเธออยู่ แต่สิ่งที่เธออยากค้นหาที่สุดกลับมีแค่ใจดวงนี้เท่านั้น พรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้ไหมเธอไม่รู้ แต่เธอรู้ว่าตัวเองในตอนนี้เต็มไปด้วยการรอคอย
ตอนที่ 559 ซุปเปอร์จอมเทพกับเหม่ยเหวย
สองปีกับอีกไม่กี่เดือนต่อมา
ถึงคอมพิวเตอร์จะค่อยๆเป็นที่แพร่หลายแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะมีกันในหอพักทุกห้อง
ตอนดึกๆห้าทุ่มครึ่งนักศึกษาที่มีคอมพิวเตอร์ก็จะเล่นเกมข้ามคืน ถึงเกมWarcraftจะยังไม่เปิดให้ทดลองเล่น แต่เกมอย่างเกมต่อสู้กำลังภายในกับไซอิ๋วก็เริ่มเป็นที่นิยม เติมเต็มโลกแห่งจินตนาการของนักศึกษา ตั้งแต่ช่วงสองปีนี้เป็นต้นไป รายจ่ายของนักศึกษาก็ได้เพิ่มเรื่องเกมเข้ามาอีกหนึ่งรายการ
ต่อให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างมหาวิทยาลัยครูBDก็ยังมีนักศึกษาที่ติดเกมหนัก คนที่ไปนั่งเล่นเกมข้ามคืนในร้านอินเตอร์เน็ตมีมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาใกล้เที่ยงคืนสำหรับหลายๆคนแล้วมันเพิ่งจะเป็นการเริ่มต้น
เสียงวิทยุดังลอยมาจากห้อง4444 นักศึกษาหญิงที่พักห้องนี้เปลี่ยนคนแล้ว สามคนที่เคยอยู่ย้ายออกไปกันหมด
นักศึกษาหญิงคนหนึ่งเล่นเน็ตจนดึกเพิ่งกลับหอเปิดประตูเข้ามาทักทายเพื่อนในห้อง เดิมคิดจะหยิบอุปกรณ์ไปแปรงฟันล้างหน้าก่อนค่อยนอน แต่กลับหยุดเดินเพราะเสียงจากวิทยุ
“นั่นรายการอะไรเหรอ?”
“พาสเวิร์ดหัวใจ เป็นรายการที่ฮอตมากของคลื่นจราจรเมืองนี้เลยนะ พิธีกรจะตอบคำถามคนที่โทรเข้าไป ช่วยหาทางแก้ปัญหาที่รบกวนจิตใจ” นักศึกษาคนที่ฟังวิทยุอยู่ตอบ
เดิมควรจะใส่หูฟัง แต่เพื่อนในห้องต่างชอบรายการนี้จึงเปิดเสียงดังให้ทุกคนได้ฟัง
ตอนนี้คลื่นวิทยุหลายคลื่นต่างมีรายการแบบนี้ ส่วนใหญ่อยู่ช่วงดึกๆที่บรรยากาศเงียบสงบ ยอดคนฟังไม่ได้สูงมาก เพราะไม่ค่อยมีคนอยากมาฟังความทุกข์ของคนอื่นเท่าไร
แต่รายการที่ชื่อพาสเวิร์ดหัวใจนี้ยอดคนฟังกลับสูงเป็นพิเศษ เพราะพิธีกรรู้จักใช้น้ำเสียงอันนุ่มนวลพูดจาสะกดใจคนฟัง
“แสงไฟสลัวสาดส่องท่ามกลางค่ำคืนในเมืองใหญ่ คุณในเวลานี้กำลังพลาดกับใครบางคนหรือกำลังพบเจอใครกันอยู่คะ เวลาอย่างเป็นทางการ23:30น. คุณที่อยู่ท่ามกลางผู้คนถ้าได้ยินเสียงของดิฉันแล้ว ดิฉันกำลังรอฟังปัญหาของพวกคุณอยู่นะคะ ดิฉันเหม่ยเหวยพิธีกรในค่ำคืนนี้ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่รายการพาสเวิร์ดหัวใจค่ะ…”
น้ำเสียงของพิธีกรนุ่มนวล ฟังเสียงแบบนี้ในค่ำคืนฤดูร้อนทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น
ถ้าเคยฟังรายการของเธอ ความมีไหวพริบเวลาเธอตอบคำถาม ก็จะรู้ว่าความอ่อนโยนนั้นเป็นเพียงแค่เปลือกนอก การวิเคราะห์ที่เฉียบคมแตกต่างกันไปในแต่ละเคส การตอบคำถามทางด้านจิตวิทยาที่มีความชำนาญ ทำให้รายการพาสเวิร์ดหัวใจหลังจากที่ได้ออกอากาศไปมีชื่อเสียงขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลายคนที่รอฟังเพราะอยากฟังพิธีกรที่ชื่อเหม่ยเหวยคนนี้ตอบคำถามคนที่โทรเข้าไป ทุกครั้งที่ได้ฟังเธอแก้ปัญหาให้คนอื่นก็จะรู้สึกเหมือนได้ความรู้ใหม่
ผู้กำกับโอนสายแรกเข้าไป เป็นผู้หญิงที่ร้องไห้คร่ำครวญเพราะถูกคนในครอบครัวของคู่หมั้นรังเกียจ เหตุผลก็คือครอบครัวของคู่หมั้นเชื่อเรื่องดวง ไปดูดวงมาแล้วดวงไม่เข้ากัน แต่เธอยังไม่รังเกียจที่ฝ่ายชายไม่ได้เรื่องในเรื่องอย่างว่าด้วยซ้ำ ครั้งเดียวแค่สามนาที ถูกผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องมารังเกียจเซ็งมาก
เป็นรายการอื่นปัญหาแบบนี้อย่างน้อยๆก็ต้อง20 นาที แต่เหม่ยเหวยมีกฎอยู่ว่า เธอจะให้เวลาคร่ำครวญแค่สามนาทีเท่านั้น ถ้าเกินสามนาทีแล้วยังไม่เข้าเรื่องก็จะให้ผู้กำกับโอนสายถัดไปเข้ามาทันที
พิธีกรที่มีความเป็นตัวของตัวเองขนาดนี้เพิ่งเคยเจอครั้งแรก หลังจากที่เห็นพิธีกรคนนี้เอาจริงมีผู้ฟังถูกตัดสายทิ้งไปหลายครั้ง คนที่โทรเข้าไปปรึกษาทุกคนจึงต้องสรุปเหตุการณ์ไปเล่า ทุกครั้งต้องตั้งสติให้ดีเพื่อรอฟังว่าเหม่ยเหวยจะมีคำแนะนำดีๆอย่างไร
บรรดานักศึกษาหญิงที่อยู่ในห้อง4444แทบหยุดหายใจรอฟังคำตอบ คนฟังต่างพากันจินตนาการว่าถ้าเป็นตัวเองเจอปัญหาแบบนี้จะทำอย่างไร
“คนเราเกิดมาก็ลำบากอยู่แล้ว แล้วทำไมต้องฝืนตัวเองเพื่อคนอื่นด้วยล่ะคะ ถ้าคุณดื้อต้องการฝืนตัวเองเพื่อปรับให้เข้ากับคนในครอบครัวของเขาที่เป็นแบบนั้น เอาชีวิตไปแขวนอยู่กับน้องชายที่ไร้ความสามารถของเขา ถ้าอย่างนั้นอนาคตของคุณก็คงจะต้องซื้อแตงกว่ามาแก้ขัด แบกรับความกดดันในบ้านที่ตอนนั้น ‘พวกเขาคัดค้านแล้วแต่คุณเลือกเอง’ ขอให้ถึงตอนนั้นคุณยังคงมีความกล้าแบบตอนนี้ แตงกวาอย่าได้ขาด โชคดีนะคะ สายต่อไปเลยค่ะ”
“คุณพระ นิสัยพิธีกร ทำไมฉันรู้สึกว่าเสียงเขาคุ้นหูจัง…” นักศึกษาหญิงที่เพิ่งกลับมาอึ้ง พิธีกรเป็นแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
“คำพูดของเหม่ยเหวยตรงๆโดนใจเจ็บจี๊ดแบบนี้แหละ ถ้าเธอฟังบ่อยๆก็เหมือนได้เปลี่ยนทัศนคติเลยนะ จริงสิเสียวอวี่ พวกเธอสองคนเรียนสาขาจิตวิทยาไม่ใช่เหรอ เธอว่าพิธีกรคนนี้จะเรียนจบเฉพาะด้านมาไหม? รูปแบบการตอบคำถามของเขาบางครั้งดูเป็นมืออาชีพมาก ไม่เหมือนคนนอกวงการ ฉันชอบเขามากเลย อยากรู้จริงๆว่าเป็นผู้หญิงแบบไหนถึงได้ฉลาดขนาดนี้ ฟังจากเสียงต้องสวยมากแน่เลย~”
เพื่อนอีกคนก็ดวงตาเปล่งประกาย “เหม่ยเหวยเพิ่งจะเข้ามาเป็นพิธีกรใช่ไหม? ฉันว่าหลังจากที่เขามานะ รายการที่เหมือนจะตายลงแล้วนี้ยอดคนฟังทะยานขึ้นมาเลยล่ะ อาจารย์ในสาขาของพวกเรายังแนะนำให้ฟังเลย บอกว่ามีส่วนช่วยเรื่องเรียนของพวกเรา อยากรู้จริงๆว่าเป็นใครกันนะ ไม่งั้นพวกเราไปดักเจอเหม่ยเหวยที่ทำงานกันมะ ดูให้รู้ไปเลยว่าหน้าตาเป็นยังไง~”
ขนาดผู้หญิงยังหลงเสน่ห์ของเหม่ยเหวย แล้วนับประสาอะไรกับผู้ชาย ได้ยินว่ามีคนขับแท็กซี่บางคนไปดักรอเจอตอนรายการออกอากาศ อยากจะเห็นโฉมหน้า บางคนคิดจะเข้าไปในตึกด้วยซ้ำ แต่ถูกยามขวางไว้
นักศึกษาหญิงที่เพิ่งกลับมาหลับตาฟังเสียงในวิทยุที่กำลังตอบคำถาม ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้น ปากกลายเป็นรูปตัวO
“ฉันรู้แล้วว่าใคร คุณพระช่วย เขาเกี่ยวข้องกับห้องพักพวกเราด้วยนะ”
“ใครอะ?”
“พวกเธอรู้ไหมว่าใครเคยพักห้องนี้?”
“ไม่รู้…แต่ฉันรู้ว่ากำแพงห้องเรามันขาวกว่าห้องอื่น เหมือนเคยถูกทาสีใหม่—พวกเธอว่าก่อนพวกเราย้ายเข้ามาจะเคยเกิดเหตุสยองอะไรไหม ถึงได้ต้องทาสีใหม่?”
จริงๆแล้วเป็นเพราะรุ่นพี่จอมระเบิดครัวทำน้ำผลไม้แตกกระจายต่างหาก แล้วจะไม่ให้ทาสีใหม่ได้ยังไง? แต่สมองของผู้หญิงนั้นชอบจินตนาการไปไกล
“จอมเทพฆ่าไม่ตายแห่งสาขาจิตวิทยาจำกันได้ไหม?”
“เธอหมายถึงรุ่นพี่เฉินเสี่ยวเชี่ยนน่ะเหรอ? จริงสิ เมื่อก่อนเขาเคยอยู่ห้องนี้ พอเรียนปริญญาโทก็ย้ายออกไป คิดๆดูรุ่นพี่ที่อยู่รุ่นเดียวกับเขาคงเซ็งเนอะ ตอนเข้าเรียนก็เข้ามาพร้อมกัน แต่จอมเทพกลับข้ามสองปีไปเรียนปริญญาโทแล้ว เพื่อนๆเพิ่งจะอยู่ปีสี่กันเอง เป็นคนเหมือนกัน แต่ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้?”
“หา จอมเทพที่เธอพูดถึงฉันเคยเจอ ดูเหมือนเขาจะไม่กินข้าวโรงอาหาร พักอยู่หอนอก ไม่เข้าร่วมชมรมอะไรทั้งสิ้น เป็นคนที่ถ่อมตัวมาก”
มหาวิทยาลัยชั้นนำมีเด็กเก่งๆไม่เคยขาด แต่ถ้าพูดถึงบุคคลในตำนาน แน่นอนว่าต้องมีชื่อจอมเทพเฉินเสี่ยวเชี่ยน
บุคคลคนนี้เป็นเพียงคนเดียวนับตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยมาที่เรียนจบก่อนสองปีได้สำเร็จ เป็นจอมเทพที่ได้เข้าเรียนปริญญาโทก่อนเพื่อน ไม่สิ คำว่าจอมเทพยังไม่พอด้วยซ้ำ ต้องซุปเปอร์จอมเทพ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนเธอยังได้เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปแข่งขันด้านจิตวิทยาระดับนานาชาติ หลังจากที่เพื่อนในทีมถูกอีกฝ่ายล้มจนหมดแล้ว เธอก็จัดการคู่ต่อสู้ให้พ่ายแพ้ด้วยตัวคนเดียว ก่อซุปเปอร์ตำนานเอาไว้ เป็นบุคคลระดับเทพในมหาวิทยาลัย
ซุปเปอร์จอมเทพเฉินเสี่ยวเชี่ยนเกี่ยวข้องอะไรกับพิธีกรในวิทยุกันแน่?
“ฉันเคยแอบฟังวิชาของซุปเปอร์จอมเทพ เหม่ยเหวยคนนี้ก็คือ เฉินเสี่ยวเชี่ยนซุปเปอร์จอมเทพของมหาลัยเรา”
ตอนที่ 560 นอนไม่หลับกับความรักอันโชต...
เสียงคนเมื่อออกอากาศทางวิทยุจะเปลี่ยนแปลงไปไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะตอนที่เหม่ยเหวยทำหน้าที่พิธีกร เสียงจะเล็กกว่าคนอื่น เสียงสูงกว่าลมหายใจเล็กน้อย
เสียงนี้เมื่อเปิดให้ดังขึ้นจะทำให้คนฟังรู้สึกสบาย ยากที่จะเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ซุปเปอร์จอมเทพเฉินเสี่ยวเชี่ยนยามปกติได้
นักศึกษาหญิงที่จำเสียงของเสี่ยวเชี่ยนได้คนนี้เป็นคนมีความรู้สึกไวต่อเสียง บวกกับปกติเป็นแฟนคลับของเสี่ยวเชี่ยน จึงยิ่งใส่ใจกับไอดอลของตัวเอง ถึงได้ฟังออก
“ไม่น่าเป็นไปได้มั้ง ซุปเปอร์จอมเทพจะไปเป็นพิธีกรได้ยังไง? เธอจำผิดแล้วมั้ง?”
“ก็อาจจะจำผิดจริงๆ หลังจากที่ได้รางวัลจากงานแข่งมีโรงพยาบาลตั้งหลายที่อยากได้เขาไปร่วมงานนี่เนอะ แล้วจะไปเป็นพิธีกรได้ยังไง…”
เหล่านักศึกษาหญิงพากันถกเรื่องบุคคลในตำนานของมหาวิทยาลัยคนนี้ ซึ่งบุคคลคนนี้กำลังออกอากาศสดอยู่ในสถานีวิทยุ ใส่หูฟังพูดกับไมโครโฟนตอบคำถามผู้ฟังที่โทรกันเข้ามา
ปกติพิธีกรจะมีสคริปต์ แต่เธอใช้แค่กระดาษเปล่า นอกจากจดบันทึกปัญหาของผู้ฟังแล้ว ตอนเธอตอบคำถามมือที่ว่างๆก็วาดการ์ตูนเล่น
ทำให้ผู้กำกับที่อยู่ด้านนอกมองผ่านกระจกด้วยความนับถือ
เสียงที่ถูกถ่ายทอดออกไปเป็นการปลอบโยนและทัศนคติอันเฉียบคม แต่ใครจะไปคิดว่าเบื้องหลังการออกอากาศ เหม่ยเหวยพิธีกรสุดโด่งดังคนนี้นั่งวาดรูปเล่นฆ่าเวลา
รู้สึกว่าพิธีกรใหม่คนนี้สามารถทำสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ตอบคำถามผู้ฟังมือก็วาดรูปไม่หยุด ผู้กำกับทำงานเข้าขากันได้ดีกับเหม่ยเหวย รู้จังหวะการทำงานของเธอแล้ว
อยากรู้ว่าเหม่ยเหวยอารมณ์ดีไม่ดีก็ให้ดูว่าเธอวาดอะไร
ถ้าเธอวาดหมาฮัสกี้มาดเท่ห์ หมาฮัสกี้นั่งทอดสายตาไปไกล หมาฮัสกี้ใส่หมวกทหาร หมาฮัสกี้วิ่งอย่างบ้าคลั่ง นั่นก็แสดงว่าวันนี้เหม่ยเหวยอารมณ์ดีใช้ได้
แต่ถ้าเธอวาดอะไรไม่รู้สะเปะสะปะ อย่างเช่น หมาฮัสกี้ถูกถุงเท้ามัดเป็นบ๊ะจ่าง หมาฮัสกี้ถูกเฆี่ยน หมาฮัสกี้ถูกจั๊กกะจี้ หมาฮัสกี้ถูก…
เอาเป็นว่าถ้าเป็นแบบนั้น เหม่ยเหวยจะต้องอารมณ์ไม่ดีอย่างแน่นอน พอเลิกรายการไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น ระหว่างตอบคำถามก็จะเหมือนมีกลิ่นระเบิดโชยมา ใครโทรเข้าก็เจอแจ็คพอต
และที่น่ามหัศจรรย์ก็คือ คนที่ถูกเหม่ยเหวยเหวี่ยงระเบิดใส่เหล่านั้นล้วนเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก สร้างทัศนคติใหม่ กลับขอบคุณเหม่ยเหวยด้วยซ้ำ
เธอจัดการเวลาได้ดี วาดหมาฮัสกี้หนึ่งตัวเสร็จ รายการ40นาทีก็ใกล้จบพอดี ยิ่งวาดยิ่งคล่อง
ผู้กำกับเหล่มอง ดูเหมือนวันนี้เหม่ยเหวยจะอารมณ์ไม่ดีเท่าไร เธอวาดหมาฮัสกี้ถูกแตงโมทุบหัว แตงโมคาอยู่บนหัวอย่างน่าตลก มันแลบลิ้นทำหน้าตาน่าสงสาร
เหม่ยเหวยที่อยู่ด้านในตอบคำถามเสร็จแล้วก็หยุดวาด ทำมือโอเคให้ผู้กำกับ เป็นสัญญาณว่าให้โอนสายคนต่อไปเข้ามา
“เหม่ยเหวย อาการนอนไม่หลับของผมเป็นหนักมาก ทุกวันต้องฟังรายการของคุณถึงจะหลับได้ ผมกำลังคิดว่าผู้หญิงแบบไหนกันที่มีเสียงชวนสะกดแบบนี้ ผมกำลังคิดว่าร่างกายของคุณจะสะกดใจได้เหมือนเสียงหรือเปล่า ผมกำลังคิดว่าถ้าใช้มีดผ่าร่างของคุณออก—”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกได้ถึงกลิ่นแปลกๆจึงรีบตัดเข้าโฆษณา
ผู้กำกับที่อยู่ด้านนอกก็แสดงสีหน้าอึ้งๆไปเหมือนกัน
ทุกสายที่โทรเข้ามาผ่านการคัดกรองแล้วแท้ๆ ทำไมถึงมีสายก่อกวนแบบนี้ได้? อีกอย่างสายนี้ตอนคุยกับผู้กำกับบอกว่าวันนี้เขาโดนเจ้านายตำหนิมา อารมณ์ไม่ดี แล้วทำไมพอไปถึงเหม่ยเหวยกลับกลายเป็นก่อกวน?
เสี่ยวเชี่ยนถือโอกาสตอนโฆษณาเดินออกมาจากห้องออกอากาศ ผู้กำกับยืนขึ้นแสดงความขอโทษ
“ขอโทษนะเหม่ยเหวยที่ไม่ได้ตรวจดูให้ดีก่อน ครั้งหน้าปล่อยเบอร์นี้เข้าไปไม่ได้แล้ว ให้แจ้งตำรวจไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ คนๆนี้ตรงนี้ไม่ดี” เสี่ยวเชี่ยนจิ้มไปที่หัวตัวเอง ถึงแม้รายการสดจะเกิดเรื่องแบบนี้ไม่บ่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมี มักจะมีผู้ชายที่หน้าด้านโทรเข้ามาเสมอ
แต่คนเมื่อกี้ดูแปลกๆ ดูเหมือนประโยคสุดท้ายจะพูดว่าใช้มีดอะไรซักอย่าง…เสี่ยวเชี่ยนมือไวตัดเข้าโฆษณาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นประโยคสุดท้ายของเขาจึงไม่ออกไปสู่ผู้ฟัง สายก่อกวนแบบนี้ถ้ามีแค่สายเดียวเสี่ยวเชี่ยนก็ขี้เกียจจะแจ้งตำรวจ ไปโรงพักทีก็เสียเวลานอนอันมีค่าของเธอ ช่วงนี้เธอยิ่งหลับไม่ค่อยสบายอยู่ด้วย
“เหม่ยเหวย ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับเหรอ?” ผู้กำกับดูออกว่าเสี่ยวเชี่ยนเหมือนคนพักผ่อนไม่พอ
เสี่ยวเชี่ยนทำรายการที่ออกอากาศในเวลากลางคืน ตอนเธอทำงานคนอื่นๆก็เลิกงานกันแล้ว เธอขี้เกียจกลับไปแล้วต้องล้างเครื่องสำอางจึงไม่แต่งหน้า หน้าสดมาจัดรายการ
และก็เผยให้เห็นขอบตาดำคล้ำ
“ค่ะ ช่วงนี้ฝันบ่อย” เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงฝันร้ายพวกนั้นแล้วก็หน้ามุ่ย
เธอมาฝึกงานที่นี่ระยะหนึ่งแล้ว แต่ฝันร้ายเพิ่งจะมีในช่วงไม่กี่วันนี้
เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าฝันร้ายต้องเกี่ยวกับการฝึกงานที่น่าเบื่อนี่แน่
มีแต่ฟ้าที่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องมาอยู่ในที่ซวยแบบนี้ ต้องมาฟังปัญหาบ้าบอคอแตกไร้สาระ
เธอยังแอบคิดว่าหลังจากที่เธอชนะรางวัลการแข่งระดับนานาชาติแล้วจะได้ฆ่าแกะตัวอ้วนๆโตๆ—อันที่จริงตอนนี้เธอก็เริ่มรับงานแล้ว แต่ชั่วโมงละ800-1000 ถึงจะเกินอัตราค่ารักษาของคนในแวดวงเดียวกันถึง80% แต่มันก็ยังห่างไกลกับเป้าหมายที่เธอตั้งไว้ในใจมาก
สองปีก่อนเสี่ยวเชี่ยนเรียนจบปริญญาตรี สอบได้ใบอนุญาตขั้นสาม ความสามารถของเธอได้เกินระดับสูงสุดไปแล้ว แต่ทำไงได้ในเมื่อวงการนี้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ วุฒิปริญญาตรีสอบได้สูงสุดแค่นี้ จะสอบขั้นสองก็ต้องรอจบปริญญาโท ขั้นหนึ่งก็ต้องหลังจากจบดอกเตอร์ ถ้าอยากใช้วุฒิปริญญาตรีสอบขั้นสองก็จำเป็นต้องมีประสบการณ์สักปีสองปี ตอนนี้ยังถือว่าเธอประสบการณ์น้อยอยู่
แต่อย่างไรเสียเสี่ยวเชี่ยนก็ยังมีคนหาลูกค้ารวยๆมาให้ ทังสุ่ยเซียนพี่น้องบุญธรรมของเธอมักจะพาลูกเศรษฐีมาเป็นลูกค้าเธอ สืออวี้กับเจิ้งซวี่ก็มีแนะนำลูกค้ามาให้ หรือถึงขนาดที่หลังจากเธอสอบผ่านใบอนุญาต เลี่ยวฟู่กุ้ยว่าที่พี่ชายของเธอก็ยังมีแนะนำลูกค้าให้เธอ
นายฟู่กุ้ยเป็นคนที่จิตใจสะอาด ลูกค้าที่เขาแนะนำมาเป็นประเภทที่งบน้อย ชนชั้นมนุษย์เงินเดือนไปให้เขาวินิจฉัยอาการทางประสาท บางคนไม่ได้เป็นโรคประสาท เป็นโรคจิตเวชฟู่กุ้ยเห็นแล้วสงสารก็เลยแนะนำเสี่ยวเชี่ยนให้ คนแบบนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่กล้าเก็บเงินเยอะ เก็บสิบยี่สิบเป็นค่าเติมโทรศัพท์ คิดเสียว่าเป็นงานการกุศล—ไม่ทำก็ไม่ได้ ตอนนี้คุณนายเจี่ยซิ่วฟางมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับพ่อเลี่ยวแล้ว ซุปเปอร์แม่พระอย่างเจี่ยซิ่วฟางถ้าได้ยินใครเล่าเรื่องเศร้าน้ำตาก็ตกด้วยความสงสาร ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่รับก็จะถูกบ่นไม่เลิก
เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะเป็นแกะอ้วนที่ลูกเศรษฐีแนะนำมา หรืองานการกุศลที่ว่าที่พี่ชายหาให้ เดือนๆหนึ่งเสี่ยวเชี่ยนรับ2-3งานก็อยู่สบายแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาทำงานแบบนี้ก็ได้ ต้องมาฟังคนพวกนี้เล่าเรื่องให้เสียหูตัวเอง แถมยังต้องสละเวลานอนอันมีค่า
แล้วทำไมเธอถึงมานั่งอยู่ที่นี่ล่ะ?
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ก็ความรักดั่งไฟอันโชติช่วงที่ศาสตราจารย์หลิวมีให้กับเธอไง ร้อนๆๆๆๆเหลือเกิน
ตอนที่ 561 ฝันร้ายกับรักแท้
ถ้าให้เสี่ยวเชี่ยนเลือกอีกครั้ง เธอจะคิดให้รอบคอบตอนเลือกอาจารย์ที่ปรึกษา
ตอนนั้นถ้าไม่เลือกอาจารย์มาเป็นที่ปรึกษาจะดีแค่ไหนกันนะ พอเลือกแล้วชีวิตช่างลำบากอะไรขนาดนี้
ช่วงนี้ศาสตราจารย์หลิวกลายเป็นเถ้าแก่ใหญ่ในสายตาของนักศึกษา มีโปรเจ็คต์ใหญ่ในมือที่ทุนวิจัยหนามาก เป็นที่ปรึกษาให้เฉพาะนักศึกษาปริญญาเอก นักศึกษาปริญญาโทมีแค่เสี่ยวเชี่ยน ซึ่งก็มาจากความรักล้วนๆ
ถูกหญิงสูงวัยอย่างศาสตราจารย์หลิวรักช่างเป็นเรื่องอนาถใจแท้
ไม่ใช่เพราะศาสตราจารย์หลิวดูแลเสี่ยวเชี่ยนไม่ดี ศาสตราจารย์หลิวถ่ายทอดวิชาให้เสี่ยวเชี่ยนอย่างเต็มที่ ชาติที่แล้วก็เป็นแบบนี้ ชาตินี้ผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งมาก เธอชอบเสี่ยวเชี่ยนดังนั้นย่อมอยากสอนให้เยอะ
ตอนนี้ศาสตราจารย์หลิวเป็นเถ้าแก่ใหญ่จึงน้อยครั้งที่จะลงมาดูนักศึกษาเอง เวลายุ่งๆทำโปรเจ็คต์มีนักศึกษามากก็จะโยนไปให้เถ้าแก่เล็ก ซึ่งก็มีแค่เสี่ยวเชี่ยนที่ไว้วางใจได้ เธอมักจะใช้เสี่ยวเชี่ยนดูแลรุ่นน้องทำโปรเจ็คต์ต่างๆ เรื่องพวกนี้เสี่ยวเชี่ยนยังพอทน
แต่เรื่องที่ทนไม่ไหวก็คือสถานที่ฝึกงานบ้าๆที่อาจารย์หาให้เธอ นี่มันอะไรกัน?
เสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่คนธรรมดา อาจารย์ก็ไม่ได้มองว่าเธอธรรมดา คนอื่นเขาหาที่ฝึกงานกันเอง แต่ของเธอมีอยู่วันหนึ่งขณะกำลังแปรงฟันอาจารย์ก็โทรหาเธอ บอกว่าให้ไปรายงานตัวที่สถานีวิทยุ อาจารย์ไปคุยกับหัวหน้าสถานีไว้แล้ว
คุย ไว้ แล้ว
ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนได้ยินแบบนั้นสมองแทบระเบิด
อยากจะบอกกับอาจารย์ว่าเธอไม่สนใจ แต่ศาสตราจารย์หลิวก็วางสายไปเสียก่อน ปกติเรื่องไหนที่หญิงสูงวัยคนนี้ตัดสินใจแล้วใครไปพูดก็ไร้ผล เสี่ยวเชี่ยนจึงทำได้แค่บากหน้าไปรายงานตัว
มีอาจารย์ที่เอาแต่ใจแบบนี้น่าปวดหัวจริงๆ
เธอสงสัยอย่างหนักว่าอาจารย์จะเข้าวัยทองแล้ว วันๆคอยแต่จะหาเรื่องเธอ เมื่อชาติก่อนเธอถูกอาจารย์ลงโทษให้คัดลอกตำราตั้งหลายเล่ม ชาตินี้คิดว่ากลับมาเกิดพร้อมความรู้ในชาติก่อนเป็นทุนเดิมจะสามารถเอาชนะนิสัยประหลาดของอาจารย์ได้ — แต่ไม่เลยจ้า
โดนคัดลอกหนักกว่าเดิม อีกทั้งศาสตราจารย์หลิวยังเน้นในเรื่องที่เมื่อชาติก่อนเธอไม่ได้เรียนรู้เอามาทรมานเธอ นักศึกษาปริญญาเอกที่อาจารย์ดูแลไม่ถูกทำอะไรแบบนี้ ทุกอย่างเอามาลงที่เสี่ยวเชี่ยน เล่นเอาพวกรุ่นพี่เวลาเจอเสี่ยวเชี่ยนต่างพากันทำสีหน้าสงสารใส่ ต่างรู้ว่าพลังทำลายล้างของแม่เฒ่าจอมพิฆาตคนนี้เอาไปลงที่ตัวเสี่ยวเชี่ยนหมดแล้ว นักศึกษาคนอื่นๆที่อยู่ในความดูแลของอาจารย์สบายตัวขึ้นมาก เสี่ยวเชี่ยนพลีชีพคนเดียวแต่รุ่นพี่มีความสุขกันหมด
สรุปก็คือ เพราะความรักอันหนักหน่วงของอาจารย์เสี่ยวเชี่ยนเลยต้องมานั่งอยู่ที่ห้องถ่ายทอดสดนี้ ต้องมาดมกลิ่นไมโครโฟนอันไม่พึงประสงค์ ฟังเรื่องราวบ้าบอคอแตกของคนที่โทรมาระบาย
โชคดีที่ในที่สุดช่วงเวลาอันแสนเหนื่อยยากก็ผ่านไปแล้ว เสี่ยวเชี่ยนลาผู้กำกับแล้วเดินออกจากตึกสถานีวิทยุ พอออกไปก็เห็นรถโฟล์คเต่าใหม่เอี่ยมคันหนึ่ง สีชมพูสดใสสุดๆ
ใครกันไร้รสนิยมซื้อรถอุบาทว์ขนาดนี้?
ถึงรถโฟล์คสีชมพูจะเป็นรถที่สาวๆส่วนใหญ่ใฝ่ฝัน แต่ประธานเชี่ยนไม่ชอบอะไรที่ดูตกเป็นเป้าสายตา ช่วงนี้เธอยังคิดอยากจะเอารถสีแดงสุดน่าเกลียดที่ขับมาสองปีไปเปลี่ยน เหตุผลก็คือสีมันทุเรศ
รถแดงถูกส่งเข้าศูนย์ไปตรวจเช็ก เธอจึงให้สืออวี้มารับ ไม่เห็นรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กสีขาวของสืออวี้ เสี่ยวเชี่ยนจึงเตรียมจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหา ทันใดนั้นหน้าต่างรถโฟล์คเต่าสีชมพูก็ถูกเลื่อนลง มือเรียวสวยโผล่ออกมาทักทาย
“ประธานเชี่ยน ตรงนี้”
เสี่ยวเชี่ยนมุมปากกระตุก เดินไปสำรวจดูรถโฟล์คเต่าสีชมพูที่เธอสุดจะไม่ชอบ มองไกลๆว่าเสร่อแล้วนะ มองใกล้ๆโคตรเสร่อ
“เป็นไง ไอเทมใหม่ของเพื่อนเจ๋งไหม? สั่งจองจากเมืองนอกเลยนะ เพิ่งได้รถก็เอามารับเธอเลย เป็นเกียรติมากเลยใช่ไหมล่า”
สืออวี้อวดรถกับเสี่ยวเชี่ยน ต้าอีที่นั่งอยู่เบาะหลังพูดแฉสืออวี้ด้วยน้ำเสียงปกติ
“ประธานเชี่ยนเธอขับเถอะ เมื่อกี้แค่กลับรถสืออวี้ยังออกไม่ได้เลย เสียเวลาตั้งนานกว่าจะออกมาจากลานจอดรถได้”
คนแบบนี้ได้ใบขับขี่มาถ้าบอกว่าไม่ได้ติดสินบนใครจะเชื่อ
“นี่ ก็รถใหม่มันยังไม่ชินนี่ พวกเธอจะไว้หน้าฉันหน่อยไม่ได้หรือไง? ประธานเชี่ยน เธออยากลองขับน้องชมพูของฉันไหม? ลองสัมผัสกับความหวานแหววแบบผู้หญิงดู”
“ฉันเรียกรถกลับดีกว่า”
“อย่านะ ทำแบบนั้นได้ยังไง นี่เป็นวันที่61ของการนับถอยหลังการเป็นโสดของฉัน เลยสัปดาห์นี้ไปฉันก็ต้องย้ายเข้าบ้านตัวเองแล้ว พวกเราไม่ควรจะใช้เวลาด้วยกันหน่อยเหรอ?ต่อไปฉันจะเป็นเจ้าสาวแล้วนะ สาวโสดอย่างพวกเธออย่าอิจฉาล่ะ”
ต้าอีกับสืออวี้ใกล้จะเรียนจบแล้ว สืออวี้พอเรียนจบก็ต้องไปเป็นเจ้าสาวให้เฉียวเจิ้น
“อย่างเธอเนี่ยนะเจ้าสาว? โดนเจาะไข่แดงไปตั้งนานแล้ว นับตั้งแต่ที่พวกเธอมีค่ำคืนที่เร่าร้อนจนไปจดทะเบียนกัน เอะอะก็อยู่ด้วยกัน ทรมานพวกฉันวันแล้ววันเล่าต้องมานั่งฟังประวัติความรักของพวกเธอ ยังจะมีหน้ามาพูดเรื่องเจ้าสาวอีกเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนแฉอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
ส่วนต้าอีที่นั่งให้ความร่วมมือเสี่ยวเชี่ยนอย่างเงียบๆก็จับคำสำคัญของเสี่ยวเชี่ยนได้
ค่ำคืน…
สมกับเป็นประธานเชี่ยน แฉทั้งทีเอาให้เด็ด
สืออวี้กับเฉียวเจิ้นจดทะเบียนกันไปนานแล้ว ได้ยินว่าสองปีก่อนหลังจากที่ทั้งสองคนมีค่ำคืนอันเร่าร้อน เฉียวเจิ้นต้องยอมทนพ่อแม่ที่เลี้ยงเขามาทุบตีดั่งพายุฝนกระหน่ำ จากนั้นหลังจากที่เขาคุกเข่าอยู่หน้าบ้านสามวัน ในที่สุดพ่อกับแม่ก็ยอมให้พวกเขาจัดงานแต่งอย่างรวดเร็วตอนช่วงปิดเทอม เนื่องจากสืออวี้ยังเรียนหนังสืออยู่จึงไม่ได้จัดงานใหญ่ ตอนนี้จะเรียนจบแล้วในที่สุดก็จะได้จัดชดเชยให้ใหม่
“ประธานเชี่ยน อย่าอย่างนี้จิ ฉันจะย้ายไปแล้วนะ เธอจะไม่คิดถึงฉันเลยเหยอ?” สืออวี้แอบร้องไห้ไปตั้งหลายครั้ง
หลังจากที่ย้ายออกจากห้อง4444 ทั้งสามคนก็ย้ายไปอยู่บ้านที่เสี่ยวเชี่ยนซื้อ เรียนจบกันแล้วต้องแยกย้ายย่อมรู้สึกเศร้าเป็นธรรมดา ถึงแม้การได้ไปอยู่กับผู้ชายที่รักจะเป็นเรื่องที่มีความสุข แต่พอนึกว่าเพื่อนรักต้องไปแล้วในใจก็เจ็บปวด
“การรอคอยที่ยาวนานแลกมากับการได้อยู่กับคนรักมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? เธออย่ามาทำอย่างกับพวกเราจะไม่ได้เจอกันแล้ว”
“แต่ฉันเรียนจบก็ต้องตามไปอยู่กับพี่ อาจต้องไปอยู่ที่เมืองQ ต้าอีเรียนต่อยังอยู่ที่นี่ พวกเธอสองคนยังดี แต่ฉันจะทำไง…”
ช่วงหลายปีมานี้สืออวี้ได้เรียนรู้จนฉลาดขึ้นมาก แต่ต่อหน้าเพื่อนสนิทก็ยังคงอ่อนแอ พอคิดว่าจะต้องจากประธานเชี่ยนกับต้าอีไปแล้วก็รู้สึกแสบจมูก
พอเธอพูดแบบนั้นบรรยากาศภายในรถก็ดูอึดอัด ต้าอีเองก็รู้สึกปวดใจ
“เอาล่ะ มีสามีกันแล้วทั้งนั้นอย่าดราม่าเลย เพื่อนสนิทไม่มีทางห่างกันเพราะระยะทางหรอก หลบไปเดี๋ยวฉันขับเอง ให้เธอขับวันนี้ก็ไม่ถึงบ้านหรอก”
เสี่ยวเชี่ยนมักเป็นคนที่คุมสถานการณ์ได้เสมอ สีหน้าใจเย็นมีความสุขุม ทั้งที่จริงๆแล้วในใจของเธอก็แอบเจ็บปวดเล็กๆอยู่มุมหนึ่ง
คล้ายกับว่าช่วงเวลายังหยุดอยู่ตอนที่เพิ่งได้เจอกัน แค่ช่วยพริบตาอีกไม่กี่วันก็ต้องแยกจากกันแล้ว
มีพบ การจากก็อยู่ไม่ไกล
หลังกินข้าว เสี่ยวเชี่ยนนอนอยู่บนเตียง พอคิดว่าต้องนอนก็เกิดความหงุดหงิดตามสัญชาตญาณ คืนนี้จะฝันแบบเดิมอีกไหม?
ฝันนี้วนเวียนอยู่กับเธอมาหลายวันแล้ว หวังว่าวันนี้จะไม่ต้องฝันถึงอีก
ตอนที่ 562 แกล้งเป็นผีกับฝัน
ยังคงเป็นฉากที่คุ้นเคย มีแสงสว่างรำไรท่ามกลางความมืดสนิท
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังไล่ตามเธอ
จิตสำนึกบอกให้เธอหยุดเพื่อดูว่าอะไรกำลังไล่ตามเธออยู่ แต่ร่างกายกลับวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุด เธอวิ่งไปจนถึงหน้าผาไม่มีทางให้ไปต่อ เธออยากหันกลับไปแต่ก็ขยับไม่ได้
ทันใดนั้นหน้าผาที่อยู่ใต้เท้าก็เริ่มแตกออก เธอตกลงไปในหุบเหวลึก
เสี่ยวเชี่ยนลืมตาขึ้นพร้อมหายใจหอบอย่างแรง
ฝันนี้อีกแล้ว
เธอฝันว่าตัวเองถูกบางอย่างไล่ตามจนตกหน้าผาต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว
ถึงจะรู้ว่าเป็นความฝัน แต่พอตื่นขึ้นมาในใจก็จะรู้สึกหวั่นๆ
อาจเพราะความรู้สึกตอนตกลงไปมันเหมือนจริงมาก ความรู้สึกหวาดกลัวต่อให้ตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังไม่บรรเทาลง เสี่ยวเชี่ยนอยากเปิดไฟที่หัวเตียง แต่ปรากฏว่าต้องสะดุ้งตกใจเพราะใบหน้าที่อยู่ๆก็โผล่มา
หลังจากที่เห็นว่าเป็นสืออวี้ เสี่ยวเชี่ยนก็โมโหหยิบหมอนฟาด
“เธอเพี้ยนหรือไง ดึกดื่นป่านนี้มานั่งหัวเตียงเล่นเป็นผีหลอกคนสนุกนักเหรอ?”
อีกทั้งยังทำสายตาละห้อยเหมือนวิญญาณมาอำลา ไม่หลอนได้ไง
สืออวี้กอดผ้าห่มผืนเล็กของตัวเองพลางมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยสายตาน้อยใจ
“ประธานเชี่ยนฉันนอนไม่หลับ ไม่สบายใจเลย ต้าอีทำฉันสะเทือนใจ เขานอนหลับสบายอีกทั้งยังฝันอะไรไม่รู้หัวเราะคิกคัก เอาแต่พูดว่าพี่รองไม่เอาค่ะไม่เอา ฉันเลยต้องมาหาเธอ”
“เธอนี่จริงๆเลย ขึ้นมาๆ” เสี่ยวเชี่ยนขยับตัวให้สืออวี้ขึ้นไปนอนด้วยกัน
“ประธานเชี่ยน เธอว่าต้าอีคิดถึงแฟนมากไปหรือเปล่า? พี่รองเพิ่งไปร่วมงานนิทรรศการการบินได้หนึ่งสัปดาห์ ต้าอีวันๆนอนหลับหัวเราะคิกคัก ปกติออกจะมาดนิ่ง ทำไมพอหลับแล้วกลายเป็นแบบนั้นล่ะ?”
บ้านของเสี่ยวเชี่ยนมีสองห้องนอน ห้องของประธานเชี่ยนหนึ่งห้อง ส่วนอีกห้องให้สืออวี้กับต้าอีอยู่
ปกติต้าอีเป็นคนนิ่งๆพูดน้อย แต่พอหลับแล้วนอนละเมอได้ง่าย เสี่ยวเชี่ยนกับสืออวี้เคยทำเรื่องที่ร้ายมากกับต้าอี นั่นก็คือให้เสี่ยวเชี่ยนฉวยโอกาสตอนต้าอีหลับทำการสะกดจิตเพื่อถามว่า พี่รองทำครั้งหนึ่งนานเท่าไร รวมถึงมีกี่ท่า
สุดท้ายได้ข้อสรุปว่า พี่น้องตระกูลอวี๋ไม่ใช่คน ไม่ใช่คน
“ความฝันเมื่อถึงในระดับหนึ่งจะสะท้อนสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของคนเรา บางฝันเป็นการระบายเรื่องที่อัดอั้นตันใจ ต้าอีคิดถึงพี่รอง อาจจะฝันถึงตอนมีช่วงเวลาดีๆ”
ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนตอบคำถามสืออวี้ ในใจของตัวเองกลับรู้สึกว่างเปล่า
ถ้าบอกว่าต้าอีฝันแล้วยังหัวเราะคิกคัก งั้นทำไมเธอถึงเอาแต่ฝันว่าถูกไล่ตามแล้วตกจากที่สูง?
ในมุมมองทางจิตวิทยา เธออาจกลัวอะไรอยู่ และความกลัวนี้กลับไม่ได้รับการปลดปล่อยอย่างถูกต้อง สิ่งที่ไล่ตามเธอคงเป็นสิ่งที่เธอกลัว
แต่เธอกลัวอะไรล่ะ?
คำถามนี้เสี่ยวเชี่ยนครุ่นคิดอยู่นานก็ยังไม่ได้คำตอบ
ชีวิตเธอดำเนินไปตามที่เธอวางแผนไว้อย่างมั่นคง การเรียนราบรื่น ตอนนี้ครอบครัวก็ดี คนรักก็ดีกับเธอมาก—
เดี๋ยวนะ หรือเป็นเพราะเสี่ยวเฉียงหายไปหลายวันแล้วเธอถึงได้มีอาการผิดปกติแบบนี้?
เสี่ยวเชี่ยนนับวันอย่างละเอียดว่าเธอไม่ได้ติดต่อกับอวี๋หมิงหลางกี่วันแล้ว สืออวี้ที่นอนอยู่ข้างๆมองเพดานพลางพูดพึมพำ
“พี่ฉันไม่ติดต่อมาเกือบสิบวันแล้ว ไม่รู้ว่าการแข่งขันของพวกเขาเป็นไงบ้าง จะทำอันดับได้ดีหรือเปล่า จริงๆฉันอยากแอบบอกเธอนะว่าฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเกียรติของทหารหน่วยรบพิเศษเท่าไร ฉันก็แค่หวังว่าเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัยไม่บาดเจ็บ ไม่ได้รางวัลก็ไม่เป็นไร”
เฉียวเจิ้นพี่ชายที่เป็นคนรักของสืออวี้อยู่กับอวี๋หมิงหลาง พวกเขาพาทีมไปเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างทหารหน่วยรบพิเศษด้วยกัน
“เหมือนกันน่ะแหละ” เสี่ยวเชี่ยนตอบสืออวี้ แล้วลบความสงสัยที่อยู่ในใจทิ้ง
เธอไม่ได้ฝันเพราะเป็นห่วงอวี๋หมิงหลาง
ช่วงหลายปีมานี้เธอกับเขาไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันจนชินแล้ว อวี๋หมิงหลางหลังจากได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหน่วยกลางภารกิจที่ต้องออกไปทำก็น้อยลง ถึงครั้งนี้จะไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้ว แต่ที่งานเขาไปเข้าร่วมเป็นเพียงกิจกรรมที่แข่งขันด้านพละกำลังระหว่างหน่วย ด้วยสถานะแบบเขาไม่ต้องลงสนามเอง ก็ย่อมไม่มีอันตราย ดังนั้นจะว่าฝันเพราะคิดถึงหรือเป็นห่วงเขาก็มีความเป็นไปได้น้อยมาก งั้นตกลงเธอกลัวอะไร?
เสี่ยวเชี่ยนสามารถช่วยผู้ที่มาขอรับปรึกษาหาสาเหตุได้อย่างรวดเร็ว แต่บ่อยครั้งที่เธอไม่เข้าใจว่าตัวเองคิดอะไรอยู่
“ประธานเชี่ยน กลางวันเธอไปลองชุดเจ้าสาวเป็นเพื่อนฉันได้ไหม? ชุดที่พ่อจองจากเมืองนอกให้มาถึงแล้ว แล้วก็ชุดเพื่อนเจ้าสาวของเธอกับต้าอีก็มาถึงแล้วด้วย ฉันกับต้าอีมีเวลาว่างตลอด ประเด็นคือเรื่องเวลาของเธอ”
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า “ไม่มีปัญหา รายการของฉันออกอากาศตอนกลางคืน กลางวันไปกับพวกเธอได้”
วิชาเรียนไม่เยอะอีกทั้งไม่ใช่ช่วงที่ต้องประชุม ประธานเชี่ยนค่อนข้างมีอิสระ
“ฉันตื่นเต้นจัง ประธานเชี่ยน ฉันจะต้องแต่งงานแล้วจริงๆเหรอ?”
“เธอแต่งไปนานละ ตอนนี้เพิ่งจะมาคิดทำตัวเป็นสาวน้อย?” เสี่ยวเชี่ยนแฉเพื่อนอย่างไร้ความปราณี
สืออวี้ส่ายหน้า “ไม่ใช่นะ ฉันกังวลมากจริงๆ ช่วงหลายวันนี้ฉันไปเตรียมงานแต่ง แล้วก็หาเวลาไปดูบ้านที่กำลังตกแต่ง อยู่ๆก็เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ ฉันต้องไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาแล้วจริงๆเหรอ?”
สิ้นสุดวัยเรียน เริ่มต้นชีวิตครอบครัว จากขั้นหนึ่งก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง สืออวี้เกิดความรู้สึกลังเลและไม่มั่นใจแบบที่ผู้หญิงทุกคนต่างมี แต่ก็ยังแอบรู้สึกรอคอยเล็กๆ
“เสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เพราะตามกฎหมายพวกเธอเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ ถ้าตอนนี้เธอหนีงานแต่งต่อไปก็เป็นการแต่งงานครั้งที่สองแล้ว”
สืออวี้ถามเสี่ยวเชี่ยนด้วยความวิตกกังวล “ประธานเชี่ยน เธอว่าฉันเป็นโรคหวาดกลัวการแต่งงานหรือเปล่า? คุณพระช่วย ฉันเป็นโรคจิตเวชหรือเปล่าเนี่ย?”
ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนได้ยินคำว่าโรคหวาดกลัวการแต่งงาน เหมือนในสมองมีบางสิ่งแวบเข้ามา
เธอลุกขึ้นนั่ง มองสืออวี้ด้วยสีหน้าจริงจัง
สืออวี้เอาผ้าห่มห่อตัวอย่างอายๆ จีบนิ้วติดกันทำท่ากระมิดกระเมี้ยน
“บ้าจัง ทำไมต้องมองฉันอย่างเร่าร้อนแบบนั้นด้วย คิดจะทำอะไรเค้าน่ะตัว คนผีทะเล~”
“พอได้แล้ว—เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ?”
“ฉันว่าเธอเป็นคนผีทะเล”
“ไม่ใช่อันนั้น เธอพูดว่าโรคหวาดกลัวการแต่งงานเหรอ?”
“นี่ ประธานเชี่ยนอย่าทำฉันตกใจนะ นี่ฉันเป็นโรคจิตเวชจริงๆเหรอ?” สืออวี้เห็นเสี่ยวเชี่ยนทำหน้าจริงจังจึงลุกขึ้นมานั่งด้วย
เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า
“ไม่ใช่…ผู้หญิงตอนที่เตรียมตัวมีชีวิตคู่ มากน้อยย่อมวิตกกังวลเป็นธรรมดา เพราะชีวิตคู่เกี่ยวพันกับโชคชะตาตลอดชีวิต แต่ละคนมีปฏิกิริยาที่ต่างกัน อย่างเธอน่ะถือว่าปกติแล้ว”
สืออวี้เอามือตบหน้าอก “ตกใจหมดเลย ฉันคิดว่าตัวเองเป็นโรคซะแล้ว ไม่สิประธานเชี่ยน เธอว่าฉันไม่เป็นไรแล้วใครล่ะเป็น?”
เสี่ยวเชี่ยนนวดขมับ “นอนเถอะ”
เมื่อชาติก่อนเสี่ยวเชี่ยนหนีไปหลังจากที่อวี๋หมิงหลางเตรียมแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เธอคิดว่านั่นเป็นโรคหวาดกลัวการแต่งงาน แต่ชาตินี้เธอกับอวี๋หมิงหลางเข้ากันได้ดี เขาดูแลเธออย่างดีมาตลอด แล้วทำไมเธอถึงยังรู้สึกกดดันขนาดนี้ล่ะ
จนถึงตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่คิดว่าการที่ตัวเองฝันเป็นประเภทหนึ่งของโรคหวาดกลัวการแต่งงาน เพราะอวี๋หมิงหลางยังไม่ได้ขอเธอแต่งงาน อาจเพราะช่วงนี้งานเธอยุ่งบวกกับคิดถึงเสี่ยวเฉียงถึงได้เป็นแบบนี้แหละมั้ง
ไอ้บ้าอวี๋เสี่ยวเฉียงหายไปนานมากแล้วนะ ควรจะกลับมาได้แล้ว อย่างน้อยๆก็น่าจะโทรมาบ้าง
เสี่ยวเชี่ยนตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้ระหว่างทำรายการเธอจะวาดหมาฮัสกี้เหยียบเปลือกแตงโมหงายหลังขาชี้ฟ้า นี่ไม่ใช่เพราะเธอไม่พอใจเลยนะ ไม่ใช่
ตอนที่ 563 เสี่ยวเฉียงกลับบ้าน
หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์สืออวี้ก็ย้ายเข้าบ้านตัวเอง ถึงจะเหลือเวลาอีกสักระยะกว่าจะเรียนจบแล้วแต่งงาน แต่หน่วยงานที่เธอไปฝึกงานอยู่ใกล้บ้านเธอจึงย้ายไปก่อน
พี่รองกลับจากงานนิทรรศการการบินแล้ว ในที่สุดต้าอีก็ไม่ต้องฝันหัวเราะคิกคักอีกต่อไป เก็บข้าวของไปอยู่กับพี่รอง คาดว่าคงไม่กลับมาอีกหลายวัน
เสี่ยวเชี่ยนพอคิดว่าหลังเลิกงานต้องกลับไปเจอบ้านที่เงียบเหงาในใจก็ห่อเ**่ยว ตอนทำรายการจึงยิ่งออกแรงวาดอย่างหนักหน่วง
ผู้กำกับเห็นเหม่ยเหวยช่วงนี้วาดรูปอย่างบ้าคลั่ง หันไปมองโทรศัพท์ที่มีผู้ฟังกำลังถือสายรออยู่ อดไม่ได้ที่จะสงสารผู้ฟังคนนี้
ก่อนที่จะโอนสายผู้ฟังให้เหม่ยเหวย ผู้กำกับจะคัดกรองคำถามจากผู้ฟัง เอาคำถามเขียนใส่กระดาษเพื่อให้พิธีกรได้มีเวลาเตรียมตัว หากเป็นคำถามที่ค่อนข้างล่อแหลมก็จะไม่โอนสายเข้าไป
แต่ไหนแต่ไรเหม่ยเหวยไม่เคยใช้กระดาษสคริปต์ที่ผู้กำกับทำให้ เธอสามารถรับมือกับสถานการณ์ตอนนั้นได้เลย เพียงแต่ผู้กำกับชินแล้วกับการทำงานแบบนี้ ต่อให้เหม่ยเหวยไม่ใช้เขาก็จดออกมาตามความเคยชินอยู่ดี
ผู้ฟังคนต่อไปเป็นบุคคลที่สามที่เข้าไปยุ่งกับครอบครัวคนอื่น เธออยากระบายที่ผู้ชายคนนั้นไม่ยอมเลิกกับเมีย ปัญหาที่ผิดศีลธรรมแบบนี้เมื่อมาเจอกับเหม่ยเหวยตอนที่อารมณ์ไม่ดีแค่คิดดูก็รู้ว่าต้องโดนฉะกลับไปแน่ อีกทั้งยังต้องโดนแบบจัดเต็ม
ผู้กำกับเห็นเหม่ยเหวยวาดหมาฮัสกี้ลิ้นจุกปากตาเหลือกอย่างออกแรงแล้วจึงโอนสายที่ต้องเตรียมตัวรับกระสุนนี้เข้าไป
เสี่ยวเชี่ยนได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้ฟัง
“เหม่ยเหวย ช่วงนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีมากเลย ฉันถูกรังแก…เขารับปากว่าจะมาแต่งกับฉัน แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมหย่ากับผู้หญิงที่ทั้งอ้วนทั้งแก่นั่น ฮือๆๆ…”
แม่ง ก่อนไปอวี๋หมิงหลางยังรับปากอยู่เลยว่ากลับมาจะพาไปว่ายน้ำ แล้วนี่อะไรหายหัวไปเกือบเดือนแล้ว ถ้ายังไม่กลับมาอีกน้ำทะเลคงเย็นหมดแล้ว ยอมเชื่อว่าโลกนี้มีผีดีกว่าเชื่อคำพูดของผู้ชาย
ภูตในใจเสี่ยวเชี่ยนบ่นอวี๋หมิงหลาง
“โทรไปก็ไม่รับ ส่งข้อความก็ไม่ตอบ ฮือๆ ฉันควรทำไงดี” ผู้ฟังร้องไห้เหมือนสูญเสียโลกใบหนึ่งไป
“เขารับปากฉันเอาไว้บอกว่าจะหย่า เขาสัญญากับฉันไว้ เขาไม่ได้รักเมียตัวเอง ผู้หญิงคนนั้นไม่เข้าใจเขา ไม่รักเขา ให้อะไรเขาไม่ได้สักอย่าง ฉันรักเขานะ ฉันรักเขา”
เสี่ยวเชี่ยนส่งเสียง หึ ออกมาหลายที เพื่อแสดงออกว่าฟังอยู่
“เขารับปากว่าจะหย่า แต่ตอนนี้ติดต่อเขาไม่ได้แล้ว ฉันไปหาเมียเขาที่บ้านก็ถูกต่อว่าหาว่าฉันทำไม่ถูก เขาโหดร้ายมากทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันมีสิทธิ์ที่จะรัก ฉันอยากแสดงความรักของฉัน เขาทำไม่ได้อย่างที่ฉันทำฉันเลยด่าเขาแล้วจะทำไมล่ะ นี่มันเป็นสิทธิ์ของฉัน เขาไม่มีความอดทนเลยสักนิด ไม่เหมาะจะเป็นเมียของผู้ชายคนนั้น ฉันเสียอะไรไปตั้งมากก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง”
ผู้ฟังไม่รอเสี่ยวเชี่ยนตอบคำถาม แถมยังเรียกชื่อในวงการของเสี่ยวเชี่ยนถึงสองครั้ง
ผู้กำกับกางมือออกห้านิ้วให้เสี่ยวเชี่ยน ความหมายคือเกินเวลาแล้ว ตามกฎถ้าเกินสามนาทีจะถูกตัดสายทิ้ง แต่เหม่ยเหวยไม่ได้แสดงท่าทีอะไร ผู้กำกับจึงไม่กล้าตัดสินใจ จึงได้ทำสัญญาณมือถามเสี่ยวเชี่ยนว่าจะให้ตัดสายหรือรอตอบคำถามให้เสร็จก่อน?
เหม่ยเหวยยิ้ม?
ผู้กำกับรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่รอยยิ้มของเหม่ยเหวยทำให้ผู้กำกับถึงกับเหม่อลอย
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่ารอยยิ้มบาดใจเป็นยังไง ถึงเหม่ยเหวยจะยิ้มให้เพื่อนร่วมงานบ้างเป็นบางครั้งตามมารยาท แต่ก็ไม่เหมือนกับรอยยิ้มในตอนนี้
รอยยิ้มนี้มาจากใจ เหมือนกับยิ้มมาจากก้นบึ้งหัวใจ เดิมก็สวยอยู่แล้ว พอยิ้มแบบนี้เหมือนทำให้ดอกไม้เบ่งบานในใจ แถมยังได้กลิ่นหอมคล้ายกับผลไม้—เอ๊ะ กลิ่นหอม?
ผู้กำกับหันไปตามกลิ่นแล้วก็ต้องตกใจสะดุ้งโหยง
ข้างหลังเธอไม่รู้มีผู้ชายมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไร
ผู้ชายร่างสูงดูดี
เขาใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ อักษรPradaที่อยู่บนหน้าอกไม่ได้ดูเว่อร์วัง แต่แสดงให้เห็นถึงความมีราคาของมัน ขาเรียวยาวอยู่ในกางยีนส์ของแบรนด์เดียวกัน ในมือถือถุงที่ภายในบรรจุน้ำผลไม้สดปั่นสองแก้ว
กลิ่นผลไม้โชยมาจากตรงนี้ แก้วหนึ่งเป็นน้ำมะนาว ส่วนอีกแก้วเป็นน้ำแตงโมสีแดง
“คุณเข้ามาได้ยังไงคะ?” ผู้กำกับเห็นมีคนเข้ามาก็ตกใจ
เนื่องจากรายการพาสเวิร์ดหัวใจโด่งดังมาก ทำให้เหม่ยเหวยมีแฟนคลับจำนวนมากที่อยากมาเจอตัวจริงเธอ ผู้บริหารสั่งมาเป็นพิเศษว่า ระหว่างที่เหม่ยเหวยทำรายการให้คัดกรองคนที่เข้าออกอย่างละเอียด
แล้วนี่เป็นแฟนคลับที่คลั่งไคล้เธอคนไหนกันถึงเข้ามาได้
“คนสวย ผมเป็นคู่หมั้นเสียวเหม่ยครับ” อวี๋หมิงหลางหยิบแก้วน้ำมะนาววางบนโต๊ะผู้กำกับ
ส่วนน้ำแตงโมอีกแก้วยกชูให้เสี่ยวเชี่ยนดู เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นเขาก็ยิ้มกว้างออกมาโดยอัตโนมัติ พอเห็นน้ำแตงโมใบหน้าก็ร้อนผ่าว
น้ำผลไม้อันสดใสบริสุทธิ์ถูกเธอกับอวี๋หมิงหลางตีความที่ไม่บริสุทธิ์ไปเสียแล้ว
ถึงปากเธอจะยิ้มไม่กว้าง แต่พอได้เห็นเขาก็เหมือนดอกไม้เบ่งบานทั้งโลก อารมณ์จากที่หม่นๆก็มีดวงอาทิตย์เข้ามาแทนที่
ผู้กำกับพอเห็นสองคนนี้ส่งสายตาต่อกันก็เข้าใจทันที เหม่ยเหวยสาวสวยแสนเย็นชาเห็นคู่หมั้นมาถึงได้มีสีหน้าแบบนั้น
รอยยิ้มบาดใจนั้นไม่ได้ยิ้มให้เธอ แต่ยิ้มให้ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเธอ
นี่เป็นคู่ที่สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก แม้แต่บุคลิกก็เข้ากันได้ดี นางฟ้าจอมเย็นชากับเทพบุตรมาดเข้ม
แต่ผู้กำกับก็แอบคิดนะว่าคู่หมั้นเหม่ยเหวยทำงานอะไร?
เขาสวมเสื้อยืดแขนสั้นเผยให้เห็นกล้ามเป็นมัดๆ ขนาดแขนยังมีเส้นขึ้นเผยให้เห็นถึงความกำยำ เต็มไปด้วยพลังและความสวยงาม ไม่เหมือนคนรับราชการหรือพนักงานออฟฟิศ แต่อาชีพอะไรที่มีกล้ามกับบุคลิกที่ดูดีแบบนี้?
ผู้กำกับที่ถูกร่างกายอวี๋หมิงหลางสะกดได้ลืมคิดเรื่องสำคัญไปเลยว่า เขาผ่านการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเดินถือน้ำผลไม้เข้ามาง่ายๆได้ยังไง ?
สำหรับทหารหน่วยรบพิเศษแล้ว การเข้ามาในสถานที่แบบนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย หลังจากกลับมาเรื่องแรกที่อวี๋หมิงหลางทำก็คือมาหาเสียวเหม่ยแสนน่ารักของเขา~
เห็นๆอยู่ว่ารอข้างนอกได้แต่เขาไม่
เพราะอยากให้เธอออกมาแล้วเจอเขาเลย
การเซอร์ไพร้ส์ของอวี๋หมิงหลางทำให้ความรู้สึกแย่ๆของเสี่ยวเชี่ยนหายไปหมดเกลี้ยง เธอทำมือบอกให้เขารอเดี๋ยว แล้วพุ่งความสนใจไปที่ผู้ฟังที่กำลังรอเธอตอบคำถามอยู่
ผู้ฟังได้ยินแต่เสียงไม่รู้ว่าทางนี้เกิดอะไรขึ้น ทุกคนยังรู้สึกว่าแปลกๆ
ทำไมเหม่ยเหวยว่าผู้ฟังคนนี้พูดนานจัง? ไหนว่าให้เวลาบรรยายแค่สามนาทีไง? นี่มันสามนาทีสองรอบแล้วนะ
“ฉันเข้าใจปัญหาของผู้ฟังท่านนี้แล้วนะคะ ฉันขอยังไม่แสดงความคิดเห็นอะไร วันนี้ฉันอยากเพิ่มช่วงพิเศษให้ผู้ฟังท่านอื่นได้เข้ามาร่วมพูดคุย พวกเราพักฟังโฆษณากันก่อนแล้วเราจะโอนสายผู้ฟังอีกท่านเข้ามา เดี๋ยวเรามาดูกันนะคะว่าผู้ฟังท่านอื่นจะตอบคำถามนี้อย่างไรค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนตัดเข้าโฆษณาแล้วจึงเดินออกมาจากห้อง
พอเปิดประตูเธอก็ถูกอวี๋หมิงหลางเข้าสวมกอด นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน เจอกันคราวก่อนเธอยังสวมเสื้อแขนยาวอยู่เลย ตอนนี้เป็นหน้าร้อนแล้ว อวี๋หมิงหลางอุ้มเสี่ยวเชี่ยนหมุนไปมาแล้วก้มลงจูบปากเธอ เบบี๋ ผมกลับมาแล้ว~
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น