แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 550-556
ตอนที่ 550 รู้จักเข้าหา
“พี่หลาง ทำอะไรน่ะ?”
เฉินจื่อหลงมองอวี๋หมิงหลางซุปเปอร์พี่เขยที่เพิ่งเลื่อนขั้นเป็นไอดอลอย่างไม่เข้าใจ เขาเห็นอวี๋หมิงหลางสองมือประคองขวดชาเขียวเย็นที่เพิ่งซื้อมาไว้ตรงหน้าแล้วก้มหัวทำท่าคารวะเสี่ยวเชี่ยน
พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนแสดงอารมณ์โมโห เขาก็ขยับปากพูดกับเสี่ยวเชี่ยนแบบไม่มีเสียง เขาพูดอย่างช้าๆเสี่ยวเชี่ยนจึงอ่านปากของเขาออก เขาพูดว่า อายุยืนหมื่นปีหมื่นๆปี
แม่ง ไอ้คนบ้า ประชดว่าเธอเป็นเหมือนฮ่องเต้หญิงอีกแล้ว
อวี๋หมิงหลางแกล้งเสี่ยวเชี่ยนเสร็จจึงหันไปพูดกับน้องเมียจอมเซ่ออย่างจริงจัง
“เคยได้ยินเฉาฮู้ไหม?”
“เฉาก๊วย? สีดำๆอร่อยๆนั่นอะเหรอ?” เด็กอ่อนเรียนทำหน้างงอีกแล้ว
อวี๋หมิงหลางนั่งลงบนพื้นเอาไม้กระบองเขียนให้ดู เฉินจื่อหลงถึงกับปาดเหงื่อ “พี่หลาง ผมไม่รู้จักอักษรพวกนี้…”
วันๆทำร้ายเด็กอ่อนเรียนแบบนี้จะดีเหรอ เขายังเป็นเด็กอยู่นะ
“เฉาฮู้เป็นอุปกรณ์ที่ขุนนางสมัยก่อนต้องถือไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ด้วย สองมือถือเฉาฮู้บันทึกราชโองการจากฮ่องเต้ เข้าใจหรือยัง?”
“ผมนึกออกแล้ว แผ่นไม้ยาวๆที่ขุนนางถือแบบในละครย้อนยุคอะเหรอ? อ่อ ที่แท้มันก็เหมือนกับสมุดจดบันทึกตอนเรียนนี่เอง”
บันทึกกันลืมของคนโบราณ
“อืม ประมาณนั้น ต่อมาพอเริ่มผลิตกระดาษกันได้ มันเลยกลายเป็นแค่อุปกรณ์ที่ใช้ทำความเคารพ”
อยู่กับพี่เขยก็ได้ความรู้นะเนี่ย ได้ทั้งบุ๋นทั้งบู๊ครอบจักรวาลเลยทีเดียว—เดี๋ยวนะ แล้วเฉาฮู้เกี่ยวอะไรกับพี่เขยทำความเคารพพี่สาวของเขาด้วย?
เฉินจื่อหลงยังไม่เข้าใจ “พี่หลาง ทำไม่ต้องคารวะพี่สาวผมด้วยล่ะ?”
ปกติเรื่องทรมานคนโสดเข้ากันได้ดี อวี๋หมิงหลางส่งสายตาแบบมีเลศนัยให้เสี่ยวเชี่ยน ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะแทงเฉินจื่อหลงอีกดอก
“ต้าหลง การผลิตกระดาษเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดการค้นพบของประเทศเรา งั้นพี่จะขอทดสอบความรู้ประวัติศาสตร์หน่อย ในสี่สุดยอดการค้นพบ อันไหนเกิดขึ้นในสมัยฮั่น?”
“……”
ดูเอาแล้วกัน คำถามที่ไม่อยากตอบก็หาคำถามยิงกลับไปก็จบเรื่องแล้ว ง่ายจะตาย
หลังจากที่อวี๋หมิงหลางแกล้งน้องเมียเสร็จก็หันไปส่งสายตาให้ราชินีของเขา
เดิมเสี่ยวเชี่ยนกำลังหงุดหงิดใจอยู่ พอเห็นเขาทำแบบนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก
ไม่รู้จริงๆจะบอกว่ายังไงดี เขาเป็นคนที่รู้จักเข้าหาเธอมาก มักจะทำอะไรบางอย่างในยามที่เธออารมณ์ไม่ดี หลังจากนั้นเธอก็จะหายหงุดหงิด มีคู่หมั้นแบบนี้อยู่ข้างกาย โรคย้ำคิดย้ำทำอยากจะกำเริบไม่มีโอกาสเสียหรอก
ส่งเจี่ยซิ่วฟางกับเฉินจื่อหลงขึ้นรถ แล้วเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางจึงเดินกลับบ้าน
ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาทีก็จะถึงบ้าน สายลมยามเย็นพัดเอื่อยๆสามารถช่วยทำให้จิตใจของเธอเย็นลง
อวี๋หมิงหลางจับมือเล็กๆของเธอซุกเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา เสี่ยวเชี่ยนยังแค้นที่เขาหาว่าเธอเป็นบูเช็กเทียนเลยไม่ให้เขาจูงมือ
เธอดึงมือออกแล้วรีบเดินไปข้างหน้า ไม่อยากคุยกับตาบ๊องนี่
อวี๋หมิงหลางรีบวิ่งตามไปจูงมือเธอ เสี่ยวเชี่ยนสู้แรงไม่ได้เลยเหยียบเท้าเขา หลังจากนั้นจึงถูกเขารวบตัวเข้ามาจูบอย่างหนักหน่วง
“เหล้าอร่อยไหม?” เขาถามอย่างร้ายๆ
“ไปเลย”
“แสร้งทำเป็นเด็กดีต่อหน้าคุณน้า ไม่แตะเหล้าสักหยด คุณแอบเช็ดน้ำลายตอนมองผมกินเหล้าใช่ไหมล่ะ?”
“นายคิดว่าฉันเป็นไอ้ขี้เมาจริงๆเหรอ?” ถ้าเขากล้าพูดว่าใช่ เธอก็จะเลี้ยวกลับบ้านตัวเองทันที ไปนั่งกินเหล้าคนเดียว
“เปล่านะ ผมสิไอ้ขี้เมา ผมขี้เมาไม่โอเคเหรอ~” เขาทำหน้ายิ้มทะเล้นโอบเธอเดินกลับบ้าน
ตอนเย็นมีคนจูงสุนัขออกมาเดินเล่น เสี่ยวเชี่ยนมองหญิงสูงวัยคนนั้นเดินจูงสุนัขเตาะแตะ พอนึกถึงแม่แล้วก็ปวดใจ
“ฉันไม่ได้คัดค้านถ้าแม่จะหาใหม่ ฉันเองก็ไม่อยากเห็นแม่แก่ตัวหลงเหลือหมาเป็นเพื่อนอยู่ตัวเดียว”
ต่อให้ลูกจะกตัญญูแค่ไหนก็คงไม่มีทางอยู่ดูแลพ่อแม่ไปได้ตลอด หากหาคนที่เหมาะสมมาดูแลแม่ได้ก็คงเบาใจไม่น้อย
“ใช่ ผมรู้”
“แล้วรู้ไหมว่าเมื่อกี้นายล้อว่าฉันเป็นบูเช็กเทียน?” อย่าคิดว่าเธอจะลืมเรื่องนี้แล้ว เธอจำได้ชัดเจน
“ก็ผมเห็นคุณทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวสุดเคร่งขรึมแล้วดูน่ารักดีเลยแหย่คุณเล่น”
บ้านอื่นพ่อแม่นำลูกทั้งนั้น แต่ลูกเชี่ยนของเขาอายุยังน้อยกลับต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวเสียแล้ว เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ต้องดูแลหมด แม้แต่เรื่องของพ่อแม่ก็ต้องเป็นกังวลไปด้วย
“จริงเหรอ?” เธอเหล่มองเขา ถูกเขาจับหน้ามาจูบอีกรอบแล้วถึงปล่อย
“ก็แค่ไม่อยากให้คุณเหนื่อยเกินไป”
“แล้วนายว่าเมื่อกี้ฉันทำถูกไหม?”
“ถูกๆๆ คุณพูดอะไรก็ถูกหมด คุณใจกว้าง พูดอะไรก็ถู้กถูก”
“ไปเลย นายว่าฉันทำผิดใช่ไหม”
“ไม่ผิดๆ ลูกเชี่ยนของผมทำทุกอย่างถูกหมด แต่คุณเคยได้ยินคำพูดนี้ไหม งานอยู่ที่คน ความสำเร็จขึ้นอยู่กับฟ้า เรื่องบางเรื่องจะบรรลุวัตถุประสงค์หรือเปล่ามันก็เกี่ยวกับสวรรค์จะลิขิตเหมือนกันนะ จะไปฝืนไม่ได้”
“ทำไมฉันรู้สึกว่าคำพูดนายมีอะไร?”
“ลูกเชี่ยนเคยเจอเคสคนไข้แบบนี้ไหม อย่างเช่น ผู้หญิงบางคนร้องห่มร้องไห้บอกว่าชีวิตคู่ของตัวเองไม่มีความสุข ในสายตาของพวกเขาการจบชีวิตคู่ก็คือการหมดความทุกข์ แต่พวกเขากลับไม่อยากได้ยินคุณบอกพวกเขาให้ไปหย่า ที่พวกเขามาปรึกษาคุณก็เพื่ออยากรู้ว่าทำยังไงให้ไม่ต้องหย่า ในสมองคิดแต่จะอยากเปลี่ยนนิสัยสามีตัวเอง พอทำไม่ได้ก็รู้สึกว่าไม่มีความสุข”
“เยอะแยะ เคสแบบนี้ไม่ใช่แค่ผู้หญิงนะ ผู้ชายก็มีมาปรึกษา มันก็เกี่ยวกับตัวบุคคลด้วย—เดี๋ยวนะ อวี๋เสี่ยวเฉียง นายประชดฉันเหรอ?”
พอเห็นเธอโกรธอีกแล้ว อวี๋หมิงหลางก็รีบอธิบายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมหมายความว่า คนบางคนก็ยอมที่จะลำบาก คุณยืนอยู่ในมุมของลูกสาวก็ไม่อยากให้แม่เจอกับอันตราย แต่แม่คุณอาจไม่คิดแบบนั้น คุณไม่ใช่ขนมเกลียวแล้วรู้ได้ไงว่ามันบิดเกลียวแล้วไม่มีความสุข?”
“นายสิขนมเกลียว—เดี๋ยวนะ นายรู้ว่าที่ฉันคัดค้านเพราะไม่อยากเห็นแม่มีอันตราย ไม่ใช่เพราะว่าไม่เหมาะสมกัน?”
อวี๋หมิงหลางมีเซ้นส์ที่เหนือคนธรรมดา ถึงเซ้นส์ของเขาจะเพี้ยนไปบ้างยามเจอกับเสี่ยวเชี่ยน แต่มองคนอื่นแม่นเสมอ
“ลูกเชี่ยนของผมปกป้องครอบครัวขนาดนี้ ในสายตาคนอื่นอาจมองว่าแม่คุณไม่เหมาะกับหัวหน้าเลี่ยว แตกต่างกันเยอะ ซึ่งคุณก็บอกแม่คุณแบบนั้น แต่ในใจของคุณไม่ได้คิดแบบนั้นแน่นอน เป็นไง พี่เข้าใจน้องถูกใช่ไหมล่ะ?”
จากนิสัยของเสียวเหม่ยที่ปกป้องคนในครอบครัว แม่ของเธอเจ๋งสุดในใจเธอเสมอ อย่าว่าแต่ขุนนางขั้นสี่เลย ขุนนางขั้นสูงสุดก็เหมาะ
ดังนั้นการที่บอกเจี่ยซิ่วฟางไปแบบนั้นก็เป็นแค่ข้ออ้างที่ใช้หลอกแม่ตัวเอง
เหตุผลจริงๆมีแค่ข้อเดียว หน้าที่การงานของพ่อเลี่ยวอันตรายไม่อยากให้แม่ต้องมาซวยไปด้วย ต่อให้แม่เธอไม่แคร์เรื่องพวกนี้ เสี่ยวเชี่ยนก็ต้องทำให้พ่อเลี่ยวคิดว่าแม่เธอไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น จะปล่อยให้อีกฝ่ายมาเอาเปรียบคิดว่าแม่เธออยากจะเอื้อมของสูงไม่ได้
เสี่ยวเชี่ยนหมดทางจะเถียง อวี๋หมิงหลางพูดเหมือนได้เข้าไปอยู่ในใจเธอ
“กลับไปฉันจะฆ่าปิดปากนาย”
“ทำไมอ้ะ” นี่คือคนที่เข้าใจคุณที่สุดนะ ทำไมต้องฆ่าปิดปากกันด้วย
“นายมันรู้มาก” คนเป็นบอสไม่ชอบให้ใครมาเดาใจถูก เธอเป็นเจ้าแม่ซีหวังหมู่ออกจะมีความสุข กลับถูกเขาแฉแบบหมดเปลือก
บอสไม่ชอบอะไรแบบนี้ รู้สึกเหมือนถูกเขาจับแก้ผ้าจนเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“งั้นถ้าผมบอกว่าพฤติกรรมของคุณแอบซ่อนบางอย่างไว้เบื้องหลัง ไม่แน่คุณอาจยิ่งอยากฆ่าผม งั้นผมไม่พูดแล้ว”
ตอนที่ 551 ความสุขกะทันหัน
“…นายพูดมากพอแล้ว”
“เสียวเหม่ย คุณน่ะเป็นขนมเกลียว ด้านหนึ่งผมก็อยากให้ตัวเองเข้าใจคุณ ส่วนอีกด้านผมก็อยากให้ตัวเองพอเข้าใจแล้วก็ไม่ต้องพูดออกมา คุณทำทุกอย่างทั้งหมดนี้อันที่จริงมันก็เหมือนกัน ถ้าเขากล้าเผชิญกับอุปสรรค กำจัดความรำคาญในใจคุณ คุณก็จะพอฝืนใจยอมรับว่าเขาเหมาะกับแม่คุณได้ ในขณะเดียวกันก็ได้ทำให้เขาเห็นว่าคุณเป็นคนยังไง ให้เขาได้รู้ว่าบ้านคุณมีคนที่ฉลาดอยู่ อย่าได้คิดทำอะไรไม่ดี แต่ถ้าหัวหน้าเลี่ยวยอมถอย คุณก็ทำให้เขาอยู่ห่างๆแม่คุณได้ ทำไมผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณถึงได้วางแผนลึกซึ้งขนาดนี้นะ? จะเดินหน้าหรือถอยมันก็แผนของคุณ”
ถ้าพ่อเลี่ยวยอมแพ้เพราะคำพูดของเธอ ยึดติดกับตำแหน่งหน้าที่อันสูงส่ง งั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ย่อมไม่อยากให้แม่ไปทนอยู่อย่างน้อยเนื้อต่ำใจได้ ถ้าพ่อเลี่ยวไม่ทำให้สิ่งที่ติดอยู่ในใจของเสี่ยวเชี่ยนหายไป งั้นก็อย่าได้คิดจะแตะต้องแม่เธอแม้แต่ปลายผม
เมื่อได้รับการยอมรับจากเสี่ยวเชี่ยน รู้ว่าครอบครัวของเจี่ยซิ่วฟางมีคนฉลาด ต่อไปถ้าเกี่ยวดองกันก็คงไม่กล้าออกไปทำตัวเหลวไหลนอกบ้านแบบเฉินหลิน
แม่ของเธอเป็นคนซื่อ แต่ได้คลอดลูกสาวที่ฉลาดเป็นกรดออกมา มีเสี่ยวเชี่ยนอยู่ใครก็อย่าหวังจะได้เอาเปรียบแม่ของเธอ
เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าตัวเองทำอย่างแนบเนียนแล้ว แต่อวี๋หมิงหลางกลับมองทุกอย่างออก อีกทั้งยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนหยอกล้อ
“กลับบ้าน” เสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ผมไม่นอนพื้นนะ” พูดความจริงแล้วต้องมารับกรรมเสี่ยวเฉียงไม่ยอมนะ
“นายไม่ต้องนอนพื้น”
“งั้นคุณจะให้ผมนอนไหน?”
“บนตัวฉัน”
เอ๊ะ ความสุขหล่นมาจากฟ้าอีกแล้ว?
“ทำไมล่ะ?” เสี่ยวเฉียงงง
นี่มันเด็กโง่ ตอนที่ไม่ควรฉลาดกลับฉลาด ตอนที่ควรฉลาดกลับโง่ เรื่องแบบนี้ยังต้องถามต่ออีก?
นิสัยของประธานเชี่ยน…ยามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรักก็อยากจะมอมเมาเสี่ยวเฉียง ยังต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?
“ทำให้นายหมดแรงจะได้บรรลุวัตถุประสงค์ฆ่าปิดปาก คำตอบนี้พอใจยัง?”
เขายิ้มแหย “เบบี๋ ดูจะป่าเถื่อนมากและเป็นไปได้ยากหน่อยนะ แต่พี่ชอบ”
ตอนที่ใกล้ถึงหน้าหมู่บ้าน อยู่ๆเสี่ยวเชี่ยนก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ฉันว่านายพูดถูกนะ บางครั้งฉันก็ดูเป็นคนตึงเกินไป ฉันทำแบบนั้นไปไม่ว่าอนาคตพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันหรือเปล่า บางทีฉันอาจจะทำผิด”
อวี๋หมิงหลางลูบหัวเธอ “ผมชอบที่บางครั้งคุณเป็นคนหัวรั้นเพื่อคนรอบข้าง ‘ความร้ายกาจ’ ที่คุณทำเพื่อคนในครอบครัวล้วนอยู่บนพื้นฐานเพื่อความสุขของพวกเขา หากมองในมุมกว้างคุณทำถูกแล้ว ถ้าพ่อเลี่ยวไม่สามารถมองตัวเองเป็นคนธรรมดาในการเลือกคู่ครองได้ งั้นพวกเขาก็ไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกัน ดังนั้นคุณไม่ต้องคิดมากหรอก พี่อยู่ข้างน้องเสมอ”
เสี่ยวเชี่ยนยังไม่ทันจะได้ซาบซึ้งก็ได้ยินอวี๋หมิงหลางพูดต่อ “คุณยืนรอตรงนี้แปปนึงนะ ผมขอไปซื้อของก่อน”
ร้านผลไม้หน้าหมู่บ้านเปิดถึงดึก เสี่ยวเชี่ยนมองเขาด้วยความสงสัย “ดึกดื่นป่านนี้ยังจะกินผลไม้?”
“ผมจะซื้อแตงโมให้คุณ แม่บอกว่านิสัยติดกินน้ำเย็นของคุณไม่ดีเท่าไร แต่กินแตงโมไม่เย็นได้ ยัยตัวแสบจอมล้างผลาญ ดีนะที่พวกเราไม่มีเวลาได้เจอกันบ่อย ไม่อย่างนั้นเจอคุณทีครั้งนึง ไม่เพียงแต่ผมต้องเสียเงินซื้อถุงยางนำเข้า ยังต้องซื้อแตงโมให้อีก ผลไม้นอกฤดูแพงจะตาย”
อวี๋หมิงหลางเดินออกไปได้หลายก้าวแล้วก็รู้สึกถึงรังสีอำมหิตจากทางด้านหลัง เขารีบกระโดดหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ หลบก้อนหินที่เสี่ยวเชี่ยนปามาได้อย่างฉิวเฉียด
“นายไม่ซื้อก็ได้”
เสี่ยวเชี่ยนทั้งโกรธทั้งอาย ความหมายที่แฝงอยู่ก็คือ เก่งนักก็ไม่ต้องทำสิ
นิสัยจากเรื่องบนเตียงถูกว่าที่แม่สามีรู้เข้าแล้ว อวี๋หมิงหลางนายมันโง่
“ผมยินดีรับใช้ประชาชน กินไปเถอะเมียจ๋า คุณกินเท่าไรผมก็—” ทำเท่านั้น
“ไปเลย”
ค่ำคืนที่เร่าร้อนผ่านไปด้วยถุงยางสองกล่องกับแตงโมอีกครึ่งลูก
อวี๋หมิงหลางตื่นแต่เช้าตรู่ด้วยความเสียดาย ดูเหมือนเสี่ยวเชี่ยนจะรู้สึกตัวว่าเขาต้องไปแล้วจึงลืมตาขึ้น พอเห็นเขาใส่ชุดทหารก็หายง่วงทันที
“นับแต่นี้ไปสีที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือสีเขียว” ไม่มีหนึ่งใน
เห็นแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาต้องไปแล้ว นึกถึงเมื่อชาติก่อนที่ทุกครั้งเขาไปโดยไร้คำอธิบาย มากสุดแค่ทิ้งคำพูดไว้ว่า ‘เป็นเด็กดี’ ถุย
อยู่ๆก็อารมณ์ไม่ดี
“ผมซื้อแตงโมมาให้อีกนะ เดี๋ยวคุณกลับบ้านหิ้วไปฝากคุณน้าด้วย ถ้าคุณอยากกลับมหาลัยก็โทรไปบอกพี่ใหญ่ให้ส่งคนมารับคุณ ถ้าไม่สบายใจก็เขียนจดหมายหรือไม่ก็โทรหาผม ห้ามเก็บไว้ในใจแล้วแอบไปล้างมือ เข้าใจไหม?”
“เอ๊ะ…? นิสัยเปลี่ยนแล้ว?”
ไม่ใช่หนีไปโดยไม่มีคำอธิบาย อีกทั้งยังพูดมากด้วย?
นี่ใช่อวี๋หมิงหลางเหรอ ทำไมเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง?
ถ้าไม่ติดว่าเวลาไม่ทันแล้ว อวี๋หมิงหลางอยากจะถกกางเกงพิสูจน์ พี่นิสัยเปลี่ยนแต่เสี่ยวเฉียงน้อยยังอยู่
“รอก่อนเถอะ ครั้งหน้าพี่จะให้กินแตงโมทั้งลูก หกโล” เอาให้สลบไปเลย
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันหมายความว่า—ทำไมนายถึงได้พูดเยอะ?”
“ถ้าผมไม่พูดให้เยอะ ไม่แน่กลับไปเดี๋ยวคุณก็จะคิดมาก สองคืนหนึ่งวันนี้พี่ออกกำลังกายตั้งหลายครั้งอย่าให้เสียเปล่า ถ้าน้องไม่มีความสุขมันจะไม่ผิดต่อถุงยางที่พวกเราใช้กับแตงโมที่น้องกินเหรอ?”
“…ไป รีบไปเลย”
อวี๋หมิงหลางจุ๊บเสี่ยวเชี่ยนหนึ่งที แล้วฉวยโอกาสตอนเธอเผลอขย้ำหน้าอกที่เต็มไปด้วยรอยจูบของเขา จากนั้นถึงเดินออกไป
เสี่ยวเชี่ยนนอนเหยียดตัวมองเพดาน ถึงในห้องจะไม่มีกลิ่นอายของเขาแล้วแต่ในใจเธอกลับหลงเหลือบางอย่าง
เมื่อชาติก่อนเธอแสดงออกกับเขาทุกอย่างจนชัดเจนเกินไป เสี่ยวเฉียงของเธอถึงได้ไม่อธิบายอะไรเลย ใช่ว่าเขาจะไม่แคร์ แต่เพราะตอนนั้นเขาคงคิดว่าเธอเข้มแข็งมาก คำพูดบางอย่างเลยไม่จำเป็นต้องพูดออกไป
บางทีนับแต่นี้ไปเธอควรลองแสดงออกกับเขาแบบไม่ต้องเสแสร้ง บางครั้งผู้หญิงแสดงตัวตนที่แท้จริงออกไปบ้างก็ใช่ว่าจะไม่ดี
เสี่ยวเชี่ยนหอบความคิดแบบนี้กลับบ้าน ดวงตาของเจี่ยซิ่วฟางบวมเล็กน้อย พอเห็นลูกสาวอุ้มแตงโมกลับมาบ้านก็รีบเข้าไปรับ
“แตงโมนอกฤดูไม่อร่อยแถมยังแพงด้วย ซื้อมาทำไมน่ะ?”
“หมิงหลางซื้อ”
“ตัวแสบไหนบอกจะกลับมหาลัย” เจี่ยซิ่วฟางเขกหัวลูกสาว เสี่ยวเชี่ยนยิ้มแหยๆ
“ไปกี่โมงล่ะ เดี๋ยวจะต้มไข่ให้ไปกิน”
“ไม่ต้องหรอกแม่ หนูไม่กิน— แม่ เมื่อคืนเรื่องที่หนูคุยกับแม่ แม่โกรธหรือเสียใจหรือเปล่า? ถ้าแม่ไม่สบายใจบอกมาได้เลยนะ เดี๋ยวหนูรักษาให้ฟรี”
“เรื่องนั้นน่ะเหรอ เฮ้อ ตอนนี้ฉันไม่คิดอะไรมากแล้ว ถ้าแกว่าไม่เหมาะงั้นเราก็ย้ายบ้าน ตอนนี้อยากดูแลน้องชายแกให้ดี แกเป็นเด็กดีฉันไม่กังวลหรอก กลุ้มแต่เรื่องน้องชายแกกลัวจะเสียคน รอจนน้องแกได้ดีแกก็คงจะมีเจ้าตัวน้อยแล้ว ถึงตอนนั้นฉันก็คงเลี้ยงหลานจนยุ่ง”
เจี่ยซิ่วฟางพูดพลางหั่นแตงโม เสี่ยวเชี่ยนได้ยินแบบนั้นก็แอบซึ้งเกือบร้องไห้ เธอเข้าไปโอบเอวอ้วนๆของแม่
ตอนที่ 552 โลกใบใหญ่
เสี่ยวเชี่ยนแสดงความรู้สึกตัวเองต่อเจี่ยซิ่วฟาง กอดแม่แล้วพูดเสียงเบา
“ในสายตาของหนูแม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลก แม่ไม่รู้จักโลกภายนอกก็ไม่เป็นไร หนูจะปกป้องแม่คอยช่วยแม่เลือกเอง หนูจะต้องทำให้บั้นปลายชีวิตของแม่อยู่อย่างมีความสุขไม่ต้องมีเรื่องกลุ้มอย่างแน่นอน”
ก็เหมือนกับที่อวี๋หมิงหลางพูด ในสายตาของคนทั่วไปเจี่ยซิ่วฟางก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา แต่ในสายตาของเสี่ยวเชี่ยนนี่คือแม่ที่ยิ่งใหญ่ที่ให้ความรักแก่เสี่ยวเชี่ยนกับต้าหลงอย่างเต็มเปี่ยม
ถ้าพ่อของเลี่ยวฟู่กุ้ยทำไม่ได้ตามเงื่อนไขที่เสี่ยวเชี่ยนตั้งไว้ เธอยอมที่จะทำตัวเป็นคนเลวตัดเขาทิ้งทันที ไม่มีทางยอมให้แม่ไปอยู่แบบน้อยเนื้อต่ำใจเด็ดขาด
“ขนลุก กินแตงโม” เจี่ยซิ่วฟางซึ้งกับคำพูดของลูกสาวจนขอบตาแดงๆ เลยแกล้งยัดแตงโมใส่ปากเสี่ยวเชี่ยนเพื่อกลบเกลื่อน พอหันไปทำอย่างอื่นน้ำตาก็ไหลออกมา
ตอนนี้เวลาเสี่ยวเชี่ยนเห็นแตงโมก็จะนึกถึงอวี๋หมิงหลาง นึกถึงภาพตอนนัวเนียกันบนเตียง แตงโมผลไม้ธรรมดาๆกลับถูกมองเป็นอีกความหมายหนึ่งที่ไม่ค่อยสะอาด แต่กินแล้วก็หวานฉ่ำ
เจี่ยซิ่วฟางคุยกับลูกสาวอยู่สักพัก เสี่ยวเชี่ยนก็โทรหาพี่ใหญ่ เธอต้องกลับมหาวิทยาลัยแล้ว
เจี่ยซิ่วฟางเตรียมของกินให้เสี่ยวเชี่ยน จากนั้นก็กำชับเรื่องหยุมหยิมกับเธอ พูดๆอยู่ก็เอามือกุมท้อง
“เป็นอะไรไปแม่?”
“ปวดท้องนิดหน่อย ช่วงนี้ชอบเป็น”
“เดี๋ยวหนูพาไปโรงพยาบาล ทำไมไม่รีบบอกล่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนมองตำแหน่งที่แม่เอามือจับ คล้ายกับเป็นตรงไส้ติ่ง
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เดี๋ยวไปซื้อยามากินก็หายแล้ว”
“ไม่ได้ เดี๋ยวหนูบอกพี่ใหญ่ไม่ต้องให้ส่งรถมาแล้ว หนูจะกลับช้าวันนึง” ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังจะหยิบโทรศัพท์มาโทรก็มีสายเข้าพอดี
“ประธานเชี่ยนนี่ฉิวฉิวนะ”
“ฉิวฉิวมีอะไรเหรอ?”
“ช่วงนี้สภาพจิตใจของจิงจิงมั่นคงมาก ฉันเจอกับเขาน้อยลงตามที่เธอบอก ตอนนี้พวกเราไม่เจอกันมาอาทิตย์นึงแล้ว แม่เขาบอกว่าเขาก็ไม่ได้ถามถึงฉัน เธอว่างั้นควรเริ่มการรักษาขั้นต่อไปเลยไหม?”
นี่เป็นสิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนกับฉิวฉิวสัญญากันไว้ หากจิงจิงเลิกติดฉิวฉิว เสี่ยวเชี่ยนก็ควรไปสะกดจิตผนึกความทรงจำให้เธอ
“วันอื่นได้ไหม?” เสี่ยวเชี่ยนมองแม่ เธอไม่วางใจเรื่องแม่
“แต่แม่ของจิงจิงบอกว่าช่วงนี้จิงจิงฝันร้ายบ่อย ชอบตื่นมากลางดึก เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าเจอเรื่องแบบนี้ห้ามรอช้า ถ้าปล่อยทิ้งไว้สภาพอารมณ์ของเขาอาจจะแปรปรวน ฉันจำได้เธอเคยบอกว่าถ้าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ขึ้นมาอีกพวกเราก็ต้องทำทุกอย่างทั้งหมดใหม่อีกรอบ”
ฉิวฉิวจำสิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนพูดได้ทุกอย่าง เขาใส่ใจเรื่องของจิงจิงมาก
อย่างนั้นเหรอ…เสี่ยวเชี่ยนลำบากใจ ตอนว่างๆล่ะทุกอย่างเงียบสงบ แต่พอเกิดเรื่องก็ประเดประดังเข้ามา
เจี่ยซิ่วฟางได้ยินลูกสาวคุยโทรศัพท์ก็รีบโบกมือ “เชี่ยนเอ๋อรีบกลับไปเถอะ ฉันไม่เป็นไร ถ้าแกไม่วางใจเดี๋ยวบ่ายฉันไปโรงพยาบาล ก็แค่ไปลงทะเบียนไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นจะยาก แกไม่อยู่ฉันก็ทำได้”
เสี่ยวเชี่ยนใช้เวลานานมากกว่าจะควบคุมอาการของจิงจิงได้ ตอนนี้ถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว เป็นโอกาสในการรักษาที่ดีที่สุด หากพลาดก็ต้องรออีกนาน และระหว่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง
เสี่ยวเชี่ยนลังเล แล้วก็ตัดสินใจไปดูจิงจิงก่อน
“แม่ ตอนบ่ายรีบไปหาหมอเลยนะ แล้วหนูจะโทรมาถามผล เดี๋ยวหนูจะโทรบอกพี่สะใภ้ของอวี๋หมิงหลางไว้ แม่ไปตรวจที่โรงพยาบาลเขา ให้เขาตรวจให้ละเอียดเลยนะ มีอะไรก็โทรหาหนูทันที หนูจัดการคนไข้เสร็จแล้วจะกลับมา”
“รู้แล้วน่า ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้เด็กคนนี้ มันจะมีอะไรนักหนา กินยาให้น้ำเกลือไม่กี่วันก็หายแล้ว รีบๆไปเหอะ” เจี่ยซิ่วฟางดันตัวเสี่ยวเชี่ยน พอประตูปิดก็เหงื่อแตก
แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้มันปวดหนักกว่าเดิมมากเลยนะ คงต้องไปหาหมอจริงๆแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนโทรหาพี่สะใภ้ใหญ่แล้วเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง พี่สะใภ้ใหญ่บอกให้เสี่ยวเชี่ยนกลับมหาวิทยาลัยไปอย่างวางใจ ทางนี้เธอจะช่วยดูแลเจี่ยซิ่วฟางให้ มีพี่สะใภ้แบบนี้ดีจริงๆ
เมื่อจัดการทุกอย่างแล้วเสี่ยวเชี่ยนจึงกลับมหาวิทยาลัย ฉิวฉิวรออยู่นานแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนกลับไปถึงยังไม่ทันจะได้เอาของไปวางที่หอก็ตรงไปบ้านจิงจิงทันทีแล้วเริ่มการรักษาขั้นสุดท้าย
มีการรักษาก่อนหน้านี้ปูนำมาก่อน บวกกับเสี่ยวเชี่ยนเพิ่งรักษาให้หูเหม่ยจิ้งไปไม่นาน ดังนั้นการสะกดจิตระดับลึกให้จิงจิงจึงสำเร็จอย่างราบรื่น
เสี่ยวเชี่ยนสร้างโลกดั่งเทพนิยายให้จิงจิงใหม่ทั้งหมด ในนั้นไม่มีการทำร้าย ไร้ความหวาดกลัว ให้เธอเริ่มชีวิตใหม่
การสร้างโลกใหม่จะส่งผลโดยตรงต่อความหวาดกลัวในส่วนลึกของจิตใจจิงจิง เพราะเธอเคยมีประสบการณ์ถูกลักพาตัว ดังนั้นเสี่ยวเชี่ยนจึงกรอกความทรงจำใหม่หมดให้กับเธอ พอเสร็จทุกขั้นตอนจิงจิงก็หลับไป
“หมอเฉิน พอเขาตื่นขึ้นมาก็จะไม่เป็นไรใช่ไหม?” พ่อแม่ของจิงจิงถามเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า
“เพราะการรักษาก่อนหน้านี้ความทรงจำในตอนนั้นของเธอเลยเลือนราง การรักษาในวันนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ”
“ขอบคุณหนูมากจริงๆเลยนะ ช่วยรับนี่ไว้ด้วย” พ่อของจิงจิงยื่นซองจดหมายที่ดูหนักให้เสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนดันกลับไม่รับไว้
“หนูกับเขาเคยถูกลักพาตัวไปเหมือนกัน เขาเคยช่วยหนูไว้ ครั้งนี้หนูก็ช่วยเขากลับ หายกันแล้วค่ะ”
เธอชอบเงิน แต่ก็ไม่ถึงกับจะขอรับไว้ทุกอย่าง
“งั้นก็ขอบคุณหนูจริงๆนะ น่าเสียดายที่พอเขาตื่นพวกเราก็จะไปจากเมืองนี้แล้ว ต่อไปคงไม่ได้เจอหนูอีก น้าว่าพอจิงจิงตื่นขึ้นมาคงอยากขอบคุณหนูด้วยตัวเองที่ให้เขาได้มีชีวิตใหม่เป็นครั้งที่สอง”
แม่ของจิงจิงขอบคุณเสี่ยวเชี่ยนอย่างจริงใจ
ถ้าไม่มีเสี่ยวเชี่ยนตอนนี้ลูกสาวจะใช้ชีวิตอย่างไรเธอไม่กล้าคิดเลยจริงๆ
แต่เมื่อจิงจิงตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วไม่ได้เจอเสี่ยวเชี่ยนอีก ไม่ได้ขอบคุณจิตแพทย์ที่ให้ชีวิตใหม่กับเธอสักคำ นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
“ความทรงจำของคนเราไม่ได้แก้กันได้ง่ายๆ ตอนนี้สิ่งที่หนูทำให้เขาเป็นเพียงการทำให้เขาลืมเรื่องบางเรื่องชั่วคราว และเพื่อให้เขาลืมเรื่องทุกอย่างโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เขาเจอกับคนที่เขาคลุกคลีด้วยระหว่างป่วยต้องถูกปิดตาย รวมถึงเสื้อผ้าที่พวกคุณน้าเคยใส่ ข้าวของเครื่องใช้ หรือแม้แต่อาหารที่เขาชอบกินตอนป่วย ทั้งหมดนี้ห้ามให้เขาเห็นอีก เขาจะได้ไม่นึกถึง และไม่เจอจิตแพทย์อย่างหนูอีกเลยเป็นดีที่สุดค่ะ”
สำหรับเสี่ยวเชี่ยนแล้ว จิงจิงอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นเพื่อนกับเป็นผู้ป่วย หลังจากนี้ไปการที่เธอไม่เจอจิงจิงอีกถือเป็นการปกป้องจิงจิง
ฉิวฉิวเองก็เหมือนกัน ในฐานะที่เป็นบุคคลที่ทำให้จิงจิงยอมรับเพื่อนต่างเพศได้อีกครั้ง ฉิวฉิวก็จะไม่ปรากฏตัวอีก พอจิงจิงตื่นขึ้นมาก็จะไปอยู่ที่เมืองอื่นกับพ่อแม่แล้วพร้อมกับมีชีวิตใหม่ อยากเจอกับฉิวฉิวอีกคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว
โลกแคบมาก ไม่รู้ว่าจะได้เจอคนที่ทำให้ใจหวั่นไหวได้ตอนไหน
แต่โลกก็กว้างมากเช่นกัน พอเดินจากแล้วหันกลับไป คนๆนั้นก็ไม่อยู่ที่เดิมแล้ว
ถึงจะเป็นการรักษาที่ประสบความสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง แต่ในใจของเสี่ยวเชี่ยนกลับแอบลอบถอนใจ
ไม่ใช่ให้ตัวเอง แต่ให้ฉิวฉิว ฉิวฉิวเพิ่งจะเริ่มชอบจิงจิง แต่กลับต้องยอมตัดใจเพื่อให้เธอมีชีวิตที่ดีกว่า
ตอนที่ 553 เผชิญกับอนาคต
“มารักษาให้ตั้งหลายครั้ง ถ้าไม่ให้อะไรหนูเลยพวกเราจะไม่สบายใจนะจ๊ะ” แม่ของจิงจิงพูดอย่างเสียดาย ถึงหมอเฉินจะยังเด็ก แต่เป็นหมอที่ทำงานเต็มที่มากที่สุดตั้งแต่เธอเจอมา
เสี่ยวเชี่ยนกวาดตามอง ทันใดนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่พวงกุญแจอันเล็ก
พวงกุญแจนั้นมีมาชิมาโร่สีซีดที่ทำจากโลหะห้อยอยู่
“อันนี้ให้หนูได้ไหมคะ?”
“แน่นอนจ้ะ— แต่สีมันซีดแล้วนะ ถ้าหนูชอบเดี๋ยวหน้าซื้อให้ใหม่ดีกว่า”
เสี่ยวเชี่ยนโบกมือ “ตัวมันซีดแต่ความทรงจำไม่ซีด ดูแลลูกสาวที่ได้กลับมามีชีวิตใหม่ให้ดีนะคะ ต่อไปคงไม่เจอกันแล้ว”
“ขอบคุณมากนะหมอเฉิน หนูเป็นคนดีมาก”
พ่อแม่ของจิงจิงโค้งตัวให้ด้านหลังเสี่ยวเชี่ยนที่เดินออกไป
เสี่ยวเชี่ยนออกแรงกำมาชิมาโร่ในมือเล็กน้อย ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ
คนดีเหรอ?
เธอก็ยังชอบเป็นคนเลวมากกว่า แต่เธอกลับชอบเป็นหมอที่ดี
เป็นคนเลวกับเป็นหมอที่ดีไม่ขัดแย้งกัน
พอออกจากบ้านจิงจิงเดินไปถึงหน้าหมู่บ้านทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเธอ เสี่ยวเชี่ยนมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นใครหน้าคุ้น
“ฉันเอง” ฉิวฉิวถอดแว่นกันแดดกับหมวกออกแล้วเดินไปหาเสี่ยวเชี่ยน
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนมองฉิวฉิวที่มาในสภาพเหมือนขอทานใส่หมวกแบบเบี้ยวๆ แว่นกันแดดใหญ่เกินครึ่งหน้า ไม่เดินมาใกล้ๆก็จำไม่ได้จริงๆ
“ช่วงนี้ฉันปลอมตัวเป็นขอทานมานั่งหน้าหมู่บ้าน เธอบอกว่าไม่ให้เขาเห็นฉันไม่ใช่เหรอ การรักษาเป็นไงบ้าง?”
“ไม่มีปัญหาแล้ว วางใจได้ อีกหน่อยเขาจะมีชีวิตใหม่ แต่นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ฉันจะเป็นไรได้ สบายดี—ประธานเชี่ยน ไปดื่มเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม?”
“ขอฉันโทรศัพท์ก่อนนะ ถ้าแม่ฉันไม่เป็นไรฉันจะไปดื่มเป็นเพื่อน”
“แม่ ตรวจหรือยัง?” เสี่ยวเชี่ยนโทรหาเจี่ยซิ่วฟาง
“ตรวจแล้วไม่เป็นไร ปวดธรรมดาทั่วไป กินยาก็ดีขึ้น” เสียงของเจี่ยซิ่วฟางฟังดูอิดโรย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะป่วยหรือเปล่า
“งั้นเดี๋ยวหนูกลับไปดูนะ” เสี่ยวเชี่ยนก็ยังไม่วางใจ
“แกจะกลับมาทำไม? จ่ายเงินให้ไปเรียนหนังสือวันๆคิดแต่จะกลับบ้านมันใช้ได้เหรอ? ตั้งใจเรียนไปไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”
เสี่ยวเชี่ยนได้ยินแม่พูดเสียงดังฟังชัดแบบนี้ก็รู้สึกว่าไม่เหมือนคนเป็นหนัก
“งั้นขอคุยกับพี่สะใภ้ใหญ่หน่อย”
เจี่ยซิ่วฟางยื่นโทรศัพท์ให้พี่สะใภ้ใหญ่แล้วขยิบตาให้ พี่สะใภ้ใหญ่แกล้งกระแอมเสียงแล้วพูด
“เสี่ยวเชี่ยนนี่พี่เองนะ”
“พี่คะแม่หนูเป็นอะไรคะ?”
“โรค—เอ่อ โรคเกี่ยวกับมดลูกน่ะจ้ะ” พี่สะใภ้ใหญ่ส่งสายตาให้เจี่ยซิ่วฟาง แล้วพูดตามบทที่เตี๊ยมกันไว้
“อาการหนักมากไหมคะ?”
“ไม่หนักแต่ว่า—”
พี่สะใภ้ใหญ่มองเจี่ยซิ่วฟางที่ทำท่าไหว้ขอร้อง
“แต่อะไรคะ? ต้องให้หนูกลับไปดูแลไหมคะ?”
เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าแม่ไม่มีญาติเหลือแล้ว น้องชายเธอก็ยังเด็ก พี่ชายทั้งสองคนของแม่คนหนึ่งอยู่เมืองอื่น อีกคนก็คงช่วยให้วุ่นวายมากกว่า ญาติทางพ่อหลังหย่าก็ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว คนที่ยังติดต่อก็มีแค่อาสี่แต่บ้านนั้นก็ต้องดูแลย่า
“ไม่ต้องจ้ะ ทางนี้เดี๋ยวพี่ดูแลให้ได้ อาการไม่หนักเธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“ก็ได้ค่ะ มีอะไรก็โทรหาหนูนะคะ”
เสี่ยวเชี่ยนไม่สงสัยอะไร เธอวางสายแล้วพูดกับฉิวฉิว
“ไปเถอะ ฉันจะไปเที่ยวเป็นเพื่อนเอง”
ณ โรงพยาบาล พี่สะใภ้ใหญ่พูดกับเจี่ยซิ่วฟางที่นอนอยู่บนเตียง
“ทำไมต้องปิดเสี่ยวเชี่ยนด้วยล่ะคะ? ถึงการผ่าตัดไส้ติ่งจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ให้เขากลับมาดูแลจะหมดห่วงกว่านะคะ”
เจี่ยซิ่วฟางไม่ได้เป็นโรคภายในของผู้หญิง แต่เป็นไส้ติ่งอักเสบเรื้อรัง หลังจากที่ได้รับการตรวจอย่างละเอียดแล้ว แพทย์แนะนำให้ผ่าตัดจะได้ไม่กำเริบอีก
นี่เป็นการผ่าตัดที่เล็กมาก แทบจะไม่มีอันตรายเลย พี่สะใภ้ใหญ่คิดว่าบอกเสี่ยวเชี่ยนเพื่อที่จะได้กลับมาดูแลแม่น่าจะดีกว่า
“เชี่ยนเอ๋อยังเป็นนักเรียน มีเรื่องต้องทำเยอะ ถึงการผ่าตัดจะไม่ใหญ่ แต่หลังผ่าเสร็จก็ต้องนอนอีกระยะหนึ่งไม่ใช่เหรอคะ ถ้าเขากลับมาก็จะเสียสมาธิ อย่าให้เขาเสียเวลาๆไปๆกลับๆเลย น้าจ่ายเงินจ้างพยาบาลดูแลก็ได้”
เจี่ยซิ่วฟางรู้สึกว่าเรื่องแค่นี้ถ้าให้เสี่ยวเชี่ยนกลับมาอีกลูกคงเหนื่อยแย่ ในสายตาของเธอเสี่ยวเชี่ยนยังเป็นแค่เด็ก ทำอาหารไม่เป็นดูแลใครไม่ได้ กลับมาจะทำอะไรได้?
“งั้นก็ไม่ต้องหรอกค่ะ ที่บ้านหนูมีแม่บ้านสองคน เดี๋ยวให้เขาผลัดกันมาดูแลได้ค่ะ หนูเองก็อยู่ที่นี่เรียกได้ตลอด เพียงแต่ถ้าคุณน้าไม่บอกเสี่ยวเชี่ยน แล้วถ้าเธอรู้ภายหลังอาจจะเป็นห่วงแล้วก็ตำหนิได้นะคะ”
พี่สะใภ้ใหญ่เป็นหมอในโรงพยาบาล เธอรู้ว่าหากคนไข้นอนโรงพยาบาลแล้วมีญาติมาเฝ้า ไม่เพียงแต่จะมีคนดูแล ยังช่วยทำให้ผู้ป่วยวางใจ พอลืมตาก็เห็นว่ามีคนอยู่ อารมณ์ก็จะดีขึ้น
“ไม่เป็นไรจ้ะ ลูกสาวน้ารู้ เขาเป็นพวกปากร้ายใจดี ไม่ว่าอะไรน้าหรอก แต่หนูต้องช่วยปิดเป็นความลับนะ อย่าบอกเชี่ยนเอ๋อล่ะ”
“ก็ได้ค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉิวฉิวอย่างเงียบๆ อันที่จริงก็แค่หาที่เงียบๆให้ฉิวฉิวนั่งดื่มเหล้าแก้เซ็งโดยมีเสี่ยวเชี่ยนนั่งอยู่ข้างๆ คอยฟังฉิวฉิวเล่าเรื่องตอนที่เขาได้ใช้เวลาอยู่กับจิงจิง เสี่ยวเชี่ยนทำหน้าที่เป็นผู้ฟังอย่างเงียบๆ เธอรู้ว่าเวลานี้ฉิวฉิวต้องการแค่คนรับฟัง ไม่ต้องการให้แสดงความคิดเห็น
“เขามีวันนี้ได้ฉันก็มีความสุข ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีความสุข ลืมฉันไปก็ใช่ว่าจะไม่ดี ถ้าฉันอยู่ด้วยเขาอาจจะคิดถึงเรื่องไม่ดี งั้นฉันไปไม่ยิ่งดีกว่าเหรอ ไม่ใช่ฉันจะไม่ยอม ก็แค่เสียดายนิดหน่อย เสียดายที่ยังไม่ทันได้เห็นเขาใส่กระโปรงที่ฉันซื้อให้ เสียดายที่รอไม่ถึงวันที่ดอกไม้เบ่งบาน…”
ฉิวฉิวพูดเรื่อยเปื่อย อันที่จริงตัวเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกไปบ้าง รอจนอากาศอบอุ่น รอจนดอกไม้เบ่งบานแล้วไงล่ะ สุดท้ายมันก็แค่การแอบรักข้างเดียว ทำอะไรให้มากแค่ไหนสุดท้ายก็เธอก็จำไม่ได้
บนโต๊ะในร้านเหล้าเล็กๆมีขวดเปล่าวางแล้วสองขวด เสี่ยวเชี่ยนมองเวลาก็คิดว่าพอประมาณแล้วจึงถามขึ้น
“ฉันว่าน่าจะได้เวลาแล้วไม่ไปเจอเขาเป็นครั้งสุดท้ายหน่อยเหรอ?”
“ไปไหน?” ฉิวฉิวดื่มไปค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีสติ
“สถานีรถไฟ ไปส่งผู้หญิงที่นายเฝ้าแต่คิดถึงในช่วงไม่กี่เดือนมานี้”
“ฉันไป…จะเหมาะเหรอ?”
นี่เป็นข้อเสนอที่ทำให้ฉิวฉิวหวั่นไหวมาก เขากำลังลังเล เสี่ยวเชี่ยนแบมือออก ในมือมีมาชิมาโร่นอนอยู่
คล้ายกับเสียงยังก้องอยู่ข้างหู ฉิวฉิวพอเห็นก็จำได้ทันที เขากับจิงจิงรู้จักกันก็เพราะกระต่ายตัวนี้
จิงจิงในตอนนั้นยังอยู่ในสภาวะหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ชาย เขาเก็บกระต่ายที่เธอทำตกได้ พอซ่อมเสร็จแล้วจึงเอาไปคืน จากนั้นก็ได้เริ่มความรักที่ทั้งแสนหวานและขมขื่น เป็นความรักที่คลุมเครือแบบที่ไม่ต้องพูดอะไรก็ดูเหมือนจะเข้าใจกัน
เสี่ยวเชี่ยนไม่รับค่ารักษาจากพ่อแม่ของจิงจิง แต่เธอกลับขอสิ่งนี้มา
ของสิ่งนี้ทำให้หัวใจฉิวฉิวกลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง เขาหยิบกระต่ายมากำไว้ในมือ เสี่ยวเชี่ยนดึงให้เขาลุกขึ้น
“ไปเถอะ ไปดูสักหน่อยอาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ถ้าไม่ไปจะเสียใจไปตลอดชีวิต ต้องเผชิญหน้าเท่านั้นถึงจะเจอกับอนาคตได้ ไปเร็ว”
ทั้งสองคนเรียกรถไปที่สถานีรถไฟ แล้วซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งที่ไม่สะดุดตา รอคอยการมาของจิงจิงอย่างเงียบๆ
ตอนที่ 554 สิ้นสุดและเริ่มต้น
เวลาผ่านไปเรื่อยๆจิงจิงก็ยังไม่มา
“ประธานเชี่ยน หรือเขาจะมาไปตั้งนานแล้ว ขึ้นรถไปกับพ่อแม่แล้วหรือเปล่า?”
เสี่ยวเชี่ยนมองป้ายบอกรอบรถของสถานีแล้วส่ายหน้า
“เป็นไปไม่ได้ รถรอบที่พวกเขานั่งตั้งแต่เริ่มตรวจตั๋วจนถึงตอนนี้พวกเราอยู่ตลอด ถ้ามาไงก็ต้องเห็น”
“เดี๋ยวประตูจะปิดแล้วทำไมยังไม่มากันอีกล่ะ?”
พนักงานประกาศผ่านโทรโข่งว่ากำลังจะปิดประตู ห้ามผู้โดยสารผ่านแล้ว
ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งมาสามคน ฉิวฉิวเห็นแล้วก็ตื่นเต้น
“มาแล้ว”
“ชู่ว”
ครอบครัวจิงจิงทั้งสามคนวิ่งหอบกันมา จิงจิงสวมเสื้อคลุมกันลมตัวยาว แม่ของเธอหยิบตั๋วออกมา แล้วทั้งสามคนก็เข้าไป ขณะที่กำลังจะเดินต่ออยู่ๆจิงจิงก็หยุด
“มีอะไรเหรอ?” แม่จิงจิงถามลูกสาว แต่กลับเห็นลูกสาวถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นชุดกระโปรงที่เพิ่งซื้อมา
อากาศแบบนี้ใส่ชุดกระโปรงมีแต่จะหนาวตาย การกระทำของเธอได้ดึงดูดสายตาของคนแถวนั้น
สาเหตุที่ทั้งสามคนมาสายก็เพราะอยู่ๆจิงจิงก็บอกว่าจะซื้อกระโปรง ไม่ซื้อก็จะไม่ไปไหน
แม่จิงจิงไม่รู้ว่าทำไมลูกสาวถึงทำแบบนั้น รีบเอาเสื้อคลุมกลับให้ลูกสาว แต่ก็ถูกจิงจิงถอดออก
เธอยืนอยู่ตรงนั้นหนึ่งนาทีเต็มๆ สายตาทอดยาวไปไกล ดูเหม่อลอย ไม่รู้จะทำอย่างไร
เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนี้ เธอรู้แค่ว่ามีเสียงดังมาจากจิตใต้สำนึกว่าควรทำแบบนี้ คล้ายกับมีคนอยากเห็นเธอใส่กระโปรง
ฉิวฉิวพอเห็นภาพนั้นก็น้ำตาไหล
แม้แต่เสี่ยวเชี่ยนก็นึกไม่ถึง มีแบบนี้ด้วยเหรอ
เธอแน่ใจว่าการรักษาของเธอนั้นสำเร็จ จิงจิงลืมเรื่องราวไปได้เยอะมาก แต่ทำไมก่อนไปถึงได้ทำอะไรที่ดูขัดกันแบบนี้?
“ลูกสาวแม่ เดี๋ยวเป็นหวัดเอานะ รีบใส่เสื้อเถอะ” แม่จิงจิงเอาเสื้อคลุมให้เธอ จิงจิงลูบน้ำตาบนใบหน้าแล้วถามด้วยความสงสัย
“หนูเป็นอะไรไป?”
ทำไมในใจรู้สึกเหมือนทำอะไรหล่นหาย
ทำไมรู้สึกเหมือนไม่ได้ลาใครไป
ทำไมถึงอยากใส่กระโปรงมายืนตรงนี้ คล้ายกับว่าเธอมีนัดที่สวยงามกับฤดูร้อน
“ใครจะไปรู้ล่ะลูก รีบไปเถอะ รถจะออกแล้ว”
จิงจิงหันไปดูผู้คนที่กำลังรอรถเป็นครั้งสุดท้าย อยากตามหาความทรงจำที่หายไป แต่ใบหน้าของแต่ละคนนั้นดูไม่คุ้นเลยสักนิด เธอจำไม่ค่อยได้ว่าช่วงไม่กี่เดือนมานี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่กลับรู้สึกราวกับว่าหลังจากที่เธอขึ้นรถแล้ว เธอก็จะจากกับบางอย่างไปตลอดกาล
เมื่อจิงจิงหายไปจากตรงทางเข้า เมื่อเสียงของรถไฟดังขึ้น บางสิ่งบางอย่างก็ได้จบสิ้นลงแล้ว แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับยังหลงเหลืออยู่
ฉิวฉิวใส่แว่นกันแดดไม่ให้เสี่ยวเชี่ยนเห็นดวงตาที่ร้องไห้ ภาพเมื่อครู่ทำให้เขาซึ้งใจมาก
“สมองของคนมีความซับซ้อนมาก ถึงสาขาที่ฉันเรียนจะมีมานานแล้ว แต่หลายสิ่งหลายอย่างยังวิจัยออกมาไม่ได้ทั้งหมด ก็เหมือนกับท่าทางของจิงจิงเมื่อกี้ มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ฉันก็ตอบไม่ได้”
เสี่ยวเชี่ยนเห็นแล้วยังรู้สึกว่าแปลกมาก
บางสิ่งบางอย่างก็ใช้วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้
ก็เหมือนกับหลังจากที่เธอรักษาให้หูเหม่ยจิ้งเสร็จแล้วเธอได้ยินเสียงผู้ชายพูดว่าขอบคุณ ใครจะกล้าฟันธงได้ว่า มันเป็นอาการหูแว่วหลังจากที่เธอสะกดจิตให้คนอื่นแล้วเข้าสู่สภาวะถูกสะกดจิตเสียเอง หรือว่า…
ก็เหมือนกับหลังจากที่จิงจิงลืมฉิวฉิวแล้ว ยังจำเรื่องสัญญาที่จะใส่กระโปรงได้
สภาพอากาศที่หนาวขนาดนี้กลับเลือกใส่ชุดแบบนี้จะต้องเป็นเพราะความคิดบางอย่างในจิตใต้สำนึกเป็นตัวกระตุ้นอย่างแน่นอน
ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรกับฉิวฉิว บางทีคำปลอบโยนทั้งหลายอาจไม่มีค่า ความรู้สึกที่เขาได้มีให้จิงจิงไม่ได้สูญเปล่า เพราะจิงจิงก็คงมีความรู้สึกดีดีให้เขาเช่นกัน
แต่ที่น่าเศร้าก็คือ ทุกอย่างได้กลายเป็น ‘อดีต’
“ต่อให้พวกเราไม่มีอนาคต แต่ได้รู้ว่าเขามีชีวิตที่ดีฉันก็มีความสุขแล้ว ประธานเชี่ยน เธอว่าต่อไปเขาจะมีชีวิตที่ดีไหม?”
ฉิวฉิวถามเสี่ยวเชี่ยนด้วยเสียงขึ้นจมูก
“ฉันวิเคราะห์จากการกระทำของเขาเมื่อครู่ มันจะต้องเกิดจากจิตใต้สำนึกเป็นตัวสั่งการแน่นอน เข้าใจได้ว่ามันคือการเสียดายที่ต้องจากนายไป หรืออาจจะมองได้ว่าจิตใต้สำนึกได้บอกลาอดีตของตัวเอง แต่ไม่ว่าที่เขาทำนั้นจะเพื่อใคร เขาก็ได้เดินออกมาจากอดีตแล้ว ดังนั้นนายก็สบายใจได้แล้ว ในอนาคตผู้หญิงคนนี้จะต้องมีชีวิตที่ดีแน่”
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนได้วิเคราะห์จากมุมมองของจิตแพทย์แล้วก็มองฉิวฉิวที่เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เห็นแล้วก็สงสาร
“ฉิวฉิวต้องการให้ฉันปลอบไหม?”
“ไม่เป็นไร ฉันยังไหว กลับไปเสียใจไม่กี่วันเดี๋ยวก็ดีขึ้น อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันอกหัก ชินแล้ว”
ฉิวฉิวกำมาชิมาโร่ที่อยู่ในมือแน่น ลาก่อน สาวน้อยที่น่ารัก ขอให้ในอนาคตไม่มีคนทำร้ายเธออีกนะ
“จะว่าไปนายก็แอบคล้ายแม่ฉันนะ—เดี๋ยว อย่ามองฉันแบบนั้น ฉันไม่ได้จะบอกว่านายเหมือนผู้หญิง ฉันหมายความว่าความรักของนายครั้งนี้คล้ายกับแม่ฉันในตอนนี้เลย”
คนที่มีความบกพร่องในกระบวนการรับรู้ทางเพศจะถือมากเวลามีคนมาบอกว่าเหมือนผู้หญิง อย่างเช่นการพูดกับฉิวฉิวว่า ‘นายดูเหมือนผู้หญิง’ ก็เหมือนกับไปพูดกับอวี๋หมิงหลางว่า ‘นายน่ะไม่เอาไหนเรื่องอย่างว่าเลยนะ’ ร้ายแรงพอกัน
“หืม? แม่เธอก็เหมือนกับฉันเหรอ? ชอบผู้หญิงเหมือนกัน?” ฉิวฉิวพอได้ยินแบบนั้นสมองก็ตื่นทันที
“ไม่ใช่ แม่ฉันชอบผู้ชาย แต่ฉันไปเตือนแม่ว่าเขาไม่เหมาะกับผู้ชายคนนั้น นายกับจิงจิงฉันก็เคยเตือนก่อนหน้านี้—ฉิวฉิว นายผิดหวังหรือเปล่า?”
เรื่องบางเรื่องดูเหมือนคำพูดกับการกระทำสวนทางกัน หากวิเคราะห์ดูสักหน่อยก็จะพบว่าเกี่ยวข้องกันจริงๆ
“ฉันไม่ผิดหวัง ฉันไม่เคยเสียใจที่ได้ชอบผู้หญิงคนหนึ่งอย่างจริงจัง ฉันมีความสุขในช่วงเวลานั้น และก็ทะนุถนอมความรู้สึกที่ได้ชอบคนๆหนึ่ง ต่อให้พวกเราไม่มีอนาคตร่วมกัน แต่ฉันก็ไม่เคยเสียใจที่ได้ทำมันลงไป ผู้หญิงทุกคนที่ฉันเคยชอบฉันจริงจังหมดทุกคน ถึงจะไม่มีสักคนที่มีวาสนาร่วมกันให้เดินถึงฝั่งฝัน แต่ฉันเชื่อว่าหากมีจิตใจที่มองในแง่ดี สักวันหนึ่งฉันก็จะได้เจอคนที่เขารอฉันอยู่”
“ฉิวฉิว ฉันอยากบอกนายเรื่องหนึ่ง”
“อะไรเหรอ?”
“ปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวตัดสินว่าคนสองคนจะคบกันได้หรือไม่ไม่ใช่อุปสรรค ไม่ใช่ความลำบาก รวมถึงเรื่องความบกพร่องทางด้านการรับรู้เรื่องเพศแบบที่นายคิดมาตลอดด้วย เรื่องพวกนั้นมันไม่ใช่เลย”
“แล้วอะไรล่ะที่ใช่?”
“ความลึกซึ้งของความรัก ความรักต้องอยู่เหนือทุกสิ่งจนทำให้ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้น ถ้ายอมแพ้จะมาบอกว่าเพราะอุปสรรคเยอะไม่ได้ บอกได้แค่ว่าเพราะยังรักไม่มากพอ”
คนเราเปลี่ยนแปลงกันทุกวัน เรื่องเล็กๆก็อาจส่งผลต่อนิสัยและกระบวนการรับรู้ได้ อดีตคิดว่าถูกแต่ในอนาคตอาจคิดว่าไม่ถูกก็เป็นได้ สาเหตุที่เธอทดสอบความรักวัยบั้นปลายของแม่ก็เพราะสาเหตุนี้
ปัญหาทุกอย่างล้วนไม่ใช่ปัญหา อย่างเดียวที่เป็นปัญหาก็คือความรักที่มีไม่มากพอ ถ้ารักกันไม่มากพอแล้วจะมีทำไม ความกลุ้ม90%ของคนเราล้วนมาจากตัวเองเป็นคนก่อ
“นั่นสิ ฉันต้องฮึดให้ได้ หวังว่าอีกหน่อยจะได้เจอกับผู้หญิงที่รักฉันยอมรับฉันได้ จริงสิประธานเชี่ยน ความรักของแม่เธอสุดท้ายผลเป็นไงเหรอ?” ฉิวฉิวถาม
ตอนที่ 555 ตกใจกับเม้าท์ซุบซิบ
“ตอนนี้ยังไม่มีบทสรุป ฉันกำลังคอยสังเกตท่าทีของลุงคนนั้นอยู่” ถ้าตาลุงนั่นยอมถอยเพราะเธอขัดขวางล่ะก็ งั้นก็แสดงว่าเขายังชอบแม่เธอไม่มากพอ คนแบบนี้ไม่สมควรจะมาเป็นพ่อเลี้ยงเธอ
“ประธานเชี่ยนฉันรู้สึกโชคดีที่ตัวเองเป็นเพื่อนกับเธอไม่ใช่ศัตรู” ฉิวฉิวพูดจากใจ
ประธานเชี่ยนมีน้ำใจกับเพื่อนและคนในครอบครัวมาก แต่โหดกับคนที่คิดเป็นศัตรูกับเธอ ถ้าไม่เอาคืนอีกฝ่ายจนหมดแรงไม่มีทางเลิกรา
“มีคำถามหนึ่งที่เก็บอยู่ในใจมาตลอด…”
“อะไรเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนมองฉิวฉิว ฉิวฉิวกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“เธอไม่ได้เป็นทอมจริงเหรอ?”
รักร่วมเพศที่เป็นหญิงแบ่งออกเป็นสองประเภท ทอมคือผู้หญิงที่มีความเป็นชาย ดี้คือผู้หญิงที่ออกแนวหญิงๆ น่ารักๆ เสี่ยวเชี่ยนให้ความรู้สึกเป็นทอมที่สวย อีกทั้งยังเป็นทอมโหด ใครกล้ามาหาเรื่องเจอดีแน่
เสี่ยวเชี่ยนหรี่ตา “ไม่ใช่ แต่ถ้าวันหนึ่งหมิงหลางกลายเป็นกะเทย ฉันก็ไม่ถือสาที่จะเป็นทอมนะ”
ความรักไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศ เธอก็แค่รักผู้ชายที่ชื่ออวี๋หมิงหลางเท่านั้น ถ้าอวี๋หมิงหลางเป็นผู้หญิง บางทีเธออาจจะกลายเป็นรักร่วมเพศหรือเปล่า? เสี่ยวเชี่ยนลองคิดดู
ฉิวฉิวเหมือนถูกทิ่มแทงใจ นี่ เพื่อนเพิ่งอกหักอย่ามาทำเลี่ยนแถวนี้ได้มะ
เสี่ยวเชี่ยนได้รับโทรศัพท์จากแม่อวี๋ก็หลังจากนั้นอีกสองวัน
“คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เสี่ยวเชี่ยนจ๊ะ เรื่องนี้น้ากับพี่สะใภ้ใหญ่ปรึกษากันแล้วว่าไม่ปิดบังหนูจะดีกว่า แต่ฟังแล้วก็ใจเย็นๆนะ”
“เรื่องอะไรคะ?”
“เมื่อวานแม่หนูผ่าตัดไส้ติ่ง ทุกอย่างราบรื่นดี แม่หนูอยากปิดไว้แต่น้ากับพี่สะใภ้ใหญ่ต่างคิดว่าให้หนูกลับมาเยี่ยมแม่หน่อยดีกว่า”
“ผ่าตัด?” สมองเสี่ยวเชี่ยนเหมือนโดนระเบิด
แม่เธอเข้ารับการผ่าตัด อีกทั้งยังปิดบังเธอด้วย?
“ใจเย็นๆนะ ราบรื่นทุกอย่าง อีกทั้งยังฟื้นตัวเร็วด้วย พี่สะใภ้ใหญ่กับป้าแม่บ้านที่บ้านน้าผลัดกันไปดูแลอย่างดี แม่หนูก็มีเพื่อนมาเยี่ยม แค่ผ่าตัดเล็กพักไม่กี่วันก็หายจ้ะ แต่น้าคิดว่ามีเพื่อนอยู่ด้วยก็ไม่สู้ลูกสาวมาเฝ้า หนูลากลับมาได้ไหมจ๊ะ?”
ข้อดีของคนบ้านใกล้ก็คือ ในหนึ่งสัปดาห์สามารถกลับบ้านได้สองครั้ง อย่างไรเสียนั่งรถไม่ถึงสองชั่วโมงก็ยังสะดวกอยู่
หลังจากได้รับโทรศัพท์จากแม่อวี๋เสี่ยวเชี่ยนก็รีบกลับบ้านทันที
แม่อวี๋เลิกงานแล้วก็มารอเสี่ยวเชี่ยนอยู่หน้าห้อง
“ผ่าตัดไส้ติ่งเป็นผ่าตัดเล็ก น้าให้เพื่อนเป็นคนผ่าให้ทุกอย่างราบรื่นดีจ้ะ”
ระหว่างทางเสี่ยวเชี่ยนยังกังวลเรื่องแม่ พอได้ยินว่าไม่เป็นไรแต่ในใจกลับมีไฟโกรธปะทุขึ้น
“แต่ก็ยังปิดบังหนู”
แม่เธอเป็นพวกไม่ค่อยมีความคิดเป็นตัวเองไม่ใช่เหรอ เมื่อก่อนแค่ซื้อกับข้าวยังต้องปรึกษาคนอื่นด้วยซ้ำ ตอนนี้ก้าวหน้าเชียว เข้าผ่าตัดก็ยังกล้าไม่บอกเธอ
“เขาคงกลัวหนูเสียการเรียน คนเป็นแม่ทำเพื่อลูกทั้งนั้นเรื่องนี้พอเข้าใจได้ ไปดูเขาหน่อยเถอะ เพื่อนเขาก็อยู่พอดี”
“เพื่อน?”
“หัวหน้าเลี่ยวไงจ๊ะ น้าก็เพิ่งรู้ว่าหัวหน้าเลี่ยวเป็นเพื่อนบ้านแม่หนู เหล่าเลี่ยวเป็นคนโอเคเลยนะ เลิกงานก็มาเยี่ยม พอเขาอยู่แม่บ้านน้าก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เขายังต้มซุปเอามาให้ด้วย”
“คุณน้ารู้จักเขาด้วยเหรอคะ?”
“ก่อนเมียเขาจะเสียมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่น้าอยู่ เมียเขาเป็นโรคเรื้อรังที่ซับซ้อนมาก แทบจะเรียกได้ว่าจ่ายเงินเพื่อยื้อความตายแค่นั้น ถ้าเป็นครอบครัวคนทั่วไปคงยอมแพ้นานแล้ว แต่สองพ่อลูกนี่ใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มีมาดูแลจนเสีย ลูกชายเขาก็กตัญญูมาก มีอยู่ช่วงหนึ่งที่แม่เขาความจำเลอะเลือน เขาก็มายืนท่องคติผู้นำอยู่หน้าเตียงแม่ เขาบอกว่าแม่ของเขาเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนเด็กมัธยม ชอบท่องคำสอนของผู้นำกับบทประพันธ์โบราณที่มีชื่อเสียง เด็กคนนั้นพอเลิกเรียนก็จะมายืนตรงแล้วท่องให้แม่ฟัง หวังว่าจะช่วยปลุกแม่ให้ตื่นได้ น้าเห็นแล้วก็สงสารสองพ่อลูก นี่ก็ผ่านไปหลายปีแล้ว”
เรื่องที่แม่อวี๋เล่านั้นผ่านมาหลายปีแล้ว แม่ของเลี่ยวฟู่กุ้ยเสียไปนานแล้ว ตอนนั้นเลี่ยวฟู่กุ้ยยังเป็นนักเรียนอยู่
คนทั่วไปถ้าคนในครอบครัวเป็นโรคที่รักษาไม่หายคงถอดใจยอมแพ้นานแล้ว จ่ายเงินเท่าไรก็รักษาไม่ได้ พ่อเลี่ยวดูแลจนถึงวาระสุดท้ายได้ก็เพียงพอที่จะมองนิสัยใจคอออก
เรื่องของพ่อเลี่ยวกับอดีตภรรยาเสี่ยวเชี่ยนก็เคยสืบมาบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้เสี่ยวเชี่ยนคาดไม่ถึงก็คือ ที่เลี่ยวฟู่กุ้ยชอบท่องคำสอนของผู้นำเป็นเพราะเหตุผลนี้
เธอไม่ชอบเลี่ยวฟู่กุ้ยส่วนหนึ่งเป็นเพราะเมื่อชาติก่อนเขาชอบขัดเธอ และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะพอเขาอ้าปากพูดก็เหมือนคนมาอยู่ผิดที่ผิดทาง แต่เธอไม่นึกว่าเบื้องหลังนิสัยของเขาที่เธอไม่ชอบนั้นมีเรื่องราวซ่อนอยู่
“เหล่าเลี่ยวมีอำนาจมากในแวดวงกฎหมายแต่เป็นคนถ่อมตัวเสมอ ดีกับแม่หนูมากด้วย น้าเห็นกับข้าวที่เขาเอามาให้แม่หนูทำกับมือเองเลยนะ ดูแลอย่างดี เป็นถึงหัวหน้าคนแล้วยังมาทำแบบนี้ดูก็รู้ว่าใส่ใจ เห็นน้องชายหนูบอกว่าหนูไม่ค่อยชอบสองพ่อลูกนี่เท่าไร น้าอยากให้มีอะไรก็ไปคุยกับพวกเขาดู แม่หนูวัยขนาดนี้แล้วก็ลำบากเหมือนกันนะ…”
แม่อวี๋ชอบเสี่ยวเชี่ยนว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้จริงๆ ก็เพราะว่าชอบถึงได้เอาเรื่องพวกนี้มาบอก
เสี่ยวเชี่ยนหน้านิ่งพลางคิดในใจว่าไอ้เฉินจื่อหลงตัวดี แม่ป่วยแล้วยังไม่บอกเธอแล้วยังจะไปแฉเธอกับว่าที่แม่สามีอีก ใช้ได้เลยนะ
“เสี่ยวเชี่ยน หนูโกรธหรือเปล่าจ๊ะ?” แม่อวี๋ถามเสี่ยวเชี่ยน
“เปล่าค่ะ คุณน้าช่วยเล่าเรื่องอาเลี่ยวให้ฟังมากกว่านี้ได้ไหมคะ?”
“หนูไม่ไปหาแม่เหรอจ๊ะ?”
เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา “ตอนนี้แม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนแล้ว หนูเข้าไปคงไม่เหมาะมั้งคะ”
เล่นเอาซะเหมือนเธอไปทำลายความรักหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า บาปนี้เธอไม่อยากแบกแล้ว
“ก็ได้จ้ะ พวกเราไปห้องทำงานของพี่สะใภ้ใหญ่กันเดี๋ยวน้าจะเล่าเรื่องเขาให้ฟัง”
แม่อวี๋สมกับเป็นมือฉมังเรื่องข่าวเม้าท์ซุบซิบ คล่องมากเวลาเล่าแต่ละอย่าง แนะนำพ่อเลี่ยวให้เสี่ยวเชี่ยนได้รู้จักอย่างละเอียด
เรื่องบางเรื่องเสี่ยวเชี่ยนสืบมาได้เอง แต่บางเรื่องเธอไม่รู้เลย
เล่าละเอียดตั้งแต่เรื่องนิสัยใจคอ หน้าที่การงาน ไปจนถึงตอนดูแลภรรยาที่ป่วย เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าถ้าอีกหน่อยว่าที่แม่สามีเธอเกษียณไม่เป็นหมอแล้วไปทำงานด้านวิจารณ์บุคคลเชิงลึกก็ได้นะ ตอนแรกยังเล่าเหมือนเป็นเรื่องเล่าธรรมดา หลังๆนี่เหมือนเธอไปอยู่ในเหตุการณ์จริง
ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ถือว่าเสี่ยวเชี่ยนได้รู้จักพ่อเลี่ยวอย่างทะลุปรุโปร่ง
“เรื่องก็ประมาณนี้แหละจ้ะ ตรงนี้มีแค่เราสองคน น้าขอพูดเปิดอกกับหนูเลยนะ คนวัยกลางคนจะสร้างครอบครัวอีกครั้งไม่ง่าย ถ้าทั้งสองคนรู้สึกดีต่อกันจริงๆ หนูเป็นลูกสาวก็อย่าดื้อเลยนะ”
“คุณน้าคะ เลี่ยวฟู่กุ้ยยังเป็นโสดอยู่เลยนะคะ คุณน้าไม่มีคนที่เหมาะสมแนะนำให้เขาเลยเหรอคะ?”
ตามคาด พอพูดเรื่องนี้แม่อวี๋ก็ดูสดชื่นขึ้นทันที
“เด็กคนนี้เมื่อวานน้าเห็นมาเยี่ยมแม่หนู หน้าตาใช้ได้ ดูสมส่วนดี ตอนนี้เขาทำงานที่ไหนเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนเล่าโปรไฟล์ของเลี่ยวฟู่กุ้ยให้ฟัง แม่อวี๋ก็จำเอาไว้
“งั้นหนูไปถามเขาดูนะว่าชอบแบบไหน ไว้น้าจะลองไปดูในโรงพยาบาลว่ามีใครเหมาะสมหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ก็ยังมีในแวดวงเพื่อนสมัยเรียน ลูกชายที่เหล่าเลี่ยวอบรมสั่งสอนมาเองต้องใช้ได้แน่นอน—จริงสิ หนูว่าเขากับเสี่ยวซีล่ะโอเคไหม?”
“แค่กๆ” เสี่ยวเชี่ยนสำลัก
“ใครนะคะ?”
ตอนที่ 556 ลูกแท้ๆหรือขโมยมา
“เสี่ยวซีของพวกเราอายุพอๆกับฟู่กุ้ย เด็กคนนั้นมีงานการมั่นคงแถมการศึกษาก็สูง และที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเรารู้จักพ่อของเขาดี คนพ่อเห็นคุณค่าของความรักขนาดนั้นคนลูกก็คงไม่ต่างกัน เด็กคนนี้รู้จักดูแลแม่ที่ป่วยตั้งแต่เด็ก พวกเราก็จับคู่ให้กันเองก่อน ถ้าไม่สำเร็จค่อยแนะนำคนอื่นให้”
แม่อวี๋เป็นกังวลเรื่องหาคู่ให้ลูกสาวมาตลอด วันๆมีเพื่อนมาแนะนำให้มากมาย แต่เสี่ยวซีไม่ชอบสักคน คนเป็นแม่ก็กลุ้มจะตายอยู่แล้ว
“พี่เสี่ยวซี…ไม่เหมาะมั้งคะ? คุณน้า เลี่ยวฟู่กุ้ยชอบท่องคำสอนผู้นำมาก พี่เสี่ยวซีได้อัดเขาแน่”
เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงพี่สาวจอมโหดของอวี๋หมิงหลาง ดูยังไงก็เหมือนคนที่เอาแส้ไล่หวดคนไปทั่ว ผู้ชายว่านอนสอนง่ายอย่างฟู่กุ้ยดูก็รู้ว่าไม่ใช่คู่ที่สมน้ำสมเนื้อ
“ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ไงว่าเหมาะไม่เหมาะล่ะจ๊ะ? เขาชอบท่องคำสอนของผู้นำ เสี่ยวซีร้องเพลงเสียงเพราะ โดยเฉพาะเพลงสาวสุดหล้าร้องเพราะสุดๆเลยล่ะ จริงสิ หนูให้ฟู่กุ้ยลองดูช่องทหารนะ อาทิตย์หน้ามีงานเลี้ยง เสี่ยวซีขึ้นเวทีด้วย”
“เลี่ยวฟู่กุ้ยไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้นอยู่แล้ว เขา—”
คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเปิดประตู เธอกับแม่อวี๋หันไป เลี่ยวฟู่กุ้ยยืนอยู่ตรงประตูด้วยใบหน้าแดงกล่ำ
เสี่ยวเชี่ยนเองก็หน้าแดง
แม่งเอ๊ย เข้าใจคำพูดที่ว่ากลางวันอย่าพูดถึงคนกลางคืนอย่าพูดถึงผีแล้ว พูดปุ๊บก็มาปั๊บเลย
เธอเพิ่งจะนินทากับแม่อวี๋ ทำไมเลี่ยวฟู่กุ้ยมาได้ยินเข้าได้ล่ะเนี่ย
เสี่ยวเชี่ยนสมกับเป็นนักจิตวิทยาที่อ่านใจคนมานับไม่ถ้วน ในสถานการณ์ที่น่าอายแบบนี้เธอรีบตั้งสติแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วถามเลี่ยวฟู่กุ้ย
“มีธุระเหรอ?”
พอเธอถามเลี่ยวฟู่กุ้ยถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาทำอะไร
“ป้าฉีครับ ดูเหมือนไหล่ของพ่อผมจะมีปัญหา ช่วงกลางวันไม่มีหมออยู่เวรที่แผนกกระดูก รบกวนป้าฉีไปดูให้หน่อยได้ไหมครับ?”
“ก่อนหน้ายังดีๆอยู่ทำไมมีปัญหาได้ล่ะ?” แม่อวี๋ถาม
“เขาไปมีเรื่องกับคนมาน่ะครับ เมื่อกี้มีคนบุกเข้ามาที่ห้องน้าเจี่ยสองคน แล้วก็ชี้หน้าน้าเจี่ย ด่าพ่อผม บอกว่าอย่าลงไม้ลงมือก็ไม่ฟัง”
“อะไรนะ?” เสี่ยวเชี่ยนกับแม่อวี๋ตกใจพร้อมกันแล้วรีบตามเลี่ยวฟู่กุ้ยไปยังห้องพักของเจี่ยซิ่วฟาง
ภายในห้องผู้ป่วย เจี่ยซิ่วฟางนอนร้องไห้ด้วยความโมโห พ่อเลี่ยวแขนข้างหนึ่งขยับไม่ได้แต่ก็ยังนั่งปลอบเจี่ยซิ่วฟางอยู่ข้างเตียง
“อย่าร้องเลยนะ พวกเขาก็แค่มาก่อกวน”
“ทำกันเกินไปแล้ว…ไหล่พี่เลี่ยวไม่เป็นไรนะ…เจ็บไหม…” เจี่ยซิ่วฟางร้องไห้พลางถาม
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ใครทำ” เสี่ยวเชี่ยนผลักประตูเข้าไป พอเห็นสภาพเละเทะในห้องก็หน้าบึ้ง
แม่อวี๋รีบเข้าไปตรวจดูอาการของพ่อเลี่ยว
“ไหล่หลุด ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะฉีดยาชาแล้วรักษาให้ คุณน้องไม่ต้องร้องนะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่เป็นไรแล้ว” แม่อวี๋ปลอบเจี่ยซิ่วฟาง เจี่ยซิ่วฟางก็ยังคงร้องไห้ โดยเฉพาะพอเห็นลูกสาวเข้ามาก็เหมือนความอัดอั้นตันใจที่มีได้พรั่งพรูออกมา ร้องหนักกว่าเดิม
“เสี่ยวเชี่ยนอยู่ปลอบแม่ไปนะ น้าจะพาอาเลี่ยวไปรักษา” แม่อวี๋พูดกับเสี่ยวเชี่ยน
“ผมไปด้วยครับ” เลี่ยวฟู่กุ้ยไม่อยากอยู่รบกวนการคุยของเสี่ยวเชี่ยนกับแม่จึงตามออกไปด้วย
ภายในห้องเหลือแค่เสี่ยวเชี่ยนกับเจี่ยซิ่วฟาง เสี่ยวเชี่ยนเช็ดน้ำตาให้แม่
“ควบคุมสติก่อนนะแม่ แล้วบอกหนูว่าเมื่อกี้ใครมา?”
“ยังจะมีใครล่ะ ก็ป้าสะใภ้ใหญ่กับป้าสะใภ้รองของแกไงล่ะ สองคนนี้พอเข้ามาก็ชี้หน้าด่าฉัน บอกว่าฉันเป็นตัวกาลกิณี ทำลายครอบครัวของพวกเขา…”
“พวกเขารู้ได้ไงว่าแม่อยู่โรงพยาบาล? แล้วทำไมต้องมาด่าแม่ที่นี่ด้วย?”
“ลูกของน้องสาวป้าสะใภ้ใหญ่เป็นพยาบาลอยู่ที่นี่ พอเห็นฉันก็เลยเอาไปบอกพวกเขา ถึงได้พากันมาที่นี่ บอกว่าเพราะพวกเราลุงรองของแกถึงได้ตกงาน…”
เจี่ยซิ่วฟางเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เสี่ยวเชี่ยนฟัง
ไม่รู้ว่าสองคนนั้นไปกินยาอะไรผิดมา พอเข้าห้องก็ชี้หน้าด่าเจี่ยซิ่วฟางใหญ่ พูดจาหยาบคาย ด่าอย่างอื่นยังพอว่า นี่หาว่าเจี่ยซิ่วฟางเป็นคนหลายใจ และที่น่าโมโหที่สุดก็คือด่าว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นลูกนอกคอก ทำให้หลินต้องเข้าคุก ทำให้ครอบครัวลุงรองต้องมาซวยพลอยกินแกลบไปด้วย
เจี่ยซิ่วฟางเพิ่งผ่าตัดมาทนฟังเรื่องแบบนี้ได้ที่ไหน ตอนที่ป้าสะใภ้รองด่า พ่อเลี่ยวเพิ่งกลับจากไปเอาน้ำมาพอดี พอได้ยินก็โต้กลับด้วยเหตุผล
แต่ผู้หญิงบ้าทั้งสองคนไม่ฟังเหตุผลอยู่แล้ว เข้าไปดึงทึ้งจิกข่วน พ่อเลี่ยวเป็นผู้ชายก็ไม่กล้าทำผู้หญิง ผู้หญิงบ้าสองคนอาศัยที่ตัวเองอ้วนตัวใหญ่ออกแรงกระทำอย่างเต็มที่ ป้าสะใภ้รองยังคิดจะข้ามตัวพ่อเลี่ยวไปทำร้ายเจี่ยซิ่วฟางที่นอนอยู่บนเตียง พ่อเลี่ยวจึงรวบรวมแรงผลักออกไป แต่ด้วยความที่ใช้แรงผิดท่า บวกกับโดนรุมทึ้งอยู่ไหล่จึงหลุด
ผู้หญิงสองคนนั้นเห็นท่าไม่ดีจึงหนีไป
“ทำไมพวกเขาต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย น่าโมโหที่สุด ด่าฉันยังไม่เท่าไรทำไมต้องมาด่าแกด้วย แกจะไม่ใช่ลูกเขาได้ยังไง ฉันยังคลอดแกที่บ้านเลยด้วยซ้ำ ไม่ได้ไปคลอดที่โรงพยาบาลแล้วจะอุ้มเด็กสลับตัวได้ยังไง พวกเขาทำเกินไปจริงๆ”
เจี่ยซิ่วฟางร้องไห้ด้วยความโมโห เสี่ยวเชี่ยนเช็ดน้ำตาให้แม่ ขณะเดียวกันก็โมโหสุดๆ
สักพักก็ปลอบเจี่ยซิ่วฟางจนหยุดร้องไห้ได้ เสี่ยวเชี่ยนลุกออกไปโทรศัพท์
เธอต้องการรู้ว่าทำไมป้าสะใภ้รองถึงได้ทำตัวเหมือนหมาบ้ามากัดแม่ของเธอ ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
โทรหาอวี๋หมิงหลางไม่ติดจึงโทรหาเจิ้งซวี่ ไม่ถึงห้านาทีเจิ้งซวี่ก็สืบได้เรื่องมาอย่างชัดเจน
“หมาทหารบ้านคุณไม่รู้ประสาทเส้นไหนพลิกไปสืบได้ว่าลุงรองของคุณหลังเกษียณไปรับจ๊อบอยู่ที่หน่วยงานของพี่ชายมัน มันก็เลยไล่ออกซะ หึ เกิดเรื่องอะไรกันทำไมมันถึงได้โมโหขนาดนั้น?”
เจิ้งซวี่พูดด้วยความสะใจ
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มอย่างเย็นชา “ทำได้ดี”
ตอนที่อวี๋หมิงหลางจัดการพ่อเฮงซวยให้เธอได้สืบเรื่องราวอย่างละเอียดแล้วแน่นอน เขาคงจะรู้มาว่าก่อนที่เฉินหลินจะกุเรื่องกู้เงินนอกระบบได้เข้าออกบ้านพี่ชายคนรองบ่อยๆ คงจะไปได้ความคิดมาจากบ้านนั้น เสี่ยวเฉียงเป็นคนที่ทำอะไรต้องตัดรากถอนโคน พอจัดการพ่อเฮงซวยแล้วก็ไม่ได้ปล่อยครอบครัวของพี่ชายเขาให้ลอยนวล
“เมื่อกี้ผมสืบมาได้ด้วยว่าลูกชายของลุงรองของคุณสองคนก็ทำงานที่ผม ให้ไล่เลยไหม?”
“ไล่ ภายในสองเดือนฉันไม่อยากเห็นลูกของเขาสองคนทำงานที่หน่วยงานไหนในเมืองนี้อีก นายทำได้ไหม?”
“แล้วจะได้อะไร?”
“อาทิตย์หน้าพ่อบุญธรรมฉันจะมา ฉันจัดการให้นายเจอเขาได้ ส่วนจะสำเร็จไหมก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของนาย ฉันจะนัดเขาให้”
“ประธานทังไม่ได้นัดง่ายๆหรือเปล่า?” เจิ้งซวี่มีเรื่องอยากจะขอร้องประธานทังพอดี
“คนอื่นนัดเขาไม่ออก ฉันนัดเขาได้สบาย”
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนได้รักษาโรคเบื่ออาหารให้ทังสุ่ยเซียนได้แล้วก็ได้ใช้เสน่ห์จากบุคลิกของตัวเองพิชิตใจทังต้าเย่ พ่อบุญธรรมค่อนข้างดีต่อเธอ เรื่องแค่นี้เล็กน้อย
“ได้ ผมจะจัดการคนที่กล้าลองดีกับคุณให้ ถ้าไม่ไปคุกเข่าต่อหน้าคุณก็อย่าหวังจะได้อยู่เมืองQต่อ”
เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา ถือเป็นการยอมรับคำพูดของเจิ้งซวี่
ถ้าป้าสะใภ้รองไม่มาหาเรื่องเจี่ยซิ่วฟาง เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่อยากทำถึงขั้นนี้
ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็ห้ามมีใครมาดูถูกแม่เธอ ป้าสะใภ้รองใช้คำพูดที่สร้างความสะเทือนใจให้แม่เธอขนาดนั้น ก็เท่ากับว่าได้ยั่วโมโหเธอจนถึงขีดสุด
ถ้าไม่มาขอโทษแม่เธอเรื่องนี้ไม่จบแน่ เก่งนักก็ขายบ้านออกจากเมืองQไปเลย ไม่อย่างนั้นเธอจะทำทุกวิถีทางให้อยู่ไม่ได้
ว่าแต่ทำไมป้าสะใภ้รองถึงพูดว่าเธอไม่ใช่ลูกของเฉินหลิน?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น