สาวน้อยปลูกผัก 546-552
TQF:บทที่ 546 คิดถึงเข้ากระดูก โศกเศร้าน้ำตาไหล (1)
“ซูหยุน เจ้าหมายความว่า…”
อาจารย์ปู่วิหารสวรรค์ขมวดคิ้ว “แต่เดิมพวกเราก็เป็นคนของโถงวิหารสวรรค์อยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรการจะเข้าไปหาคนก็ง่ายกว่า และยังมีโอกาสได้เจอซวนซุนน้อยด้วย”
“ถูกต้อง อาวุโสพูดถูก ประเด็นก็คือถ้าซวนซุนอยู่ที่ผืนดินนี้ การเข้าโถงวิหารสวรรค์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
ฟางซูหยุนพูดอย่างใช้ความคิด “ที่จริง เป็นไปได้มากว่าซวนซุนอยู่ที่ผืนดินนี้ จากที่ข้ารู้มา ผืนดินอื่นด้อยกว่าผืนดินฉางไห่เยอะ ไม่ต่างอะไรกับผืนดินเดิมของพวกเรา ผู้หญิงที่จับซวนซุนไปแกร่งกล้าเกินจะเปรียบ ข้าเชื่อว่าซวนซุนน่าจะถูกจับมาที่ผืนดินนี้แหละ”
“งั้นก็ดี ขอแค่ซวนซุนอยู่ที่ผืนดินนี้ พวกเราก็จะหาเขาเจอ หาเจอได้แน่” หรงจิ้งซือพูดขึ้นอย่างแน่วแน่
“ก็ดี ชื่อเสียงของโถงวิหารสวรรค์ไม่เลว ข้าเชื่อว่าพวกท่านเข้าไปได้ แต่ว่า…”
พูดมาถึงตรงนี้ฟางซูหยุนมองไปที่พวกเขา “อย่างไรซะพวกเจ้าก็เป็นลูกศิษย์ที่มาจากที่อื่น ทุกสำนักต่างข้องเกี่ยวกันด้วยผลประโยชน์ โดยเฉพาะพวกสำนักใหญ่ๆ เรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น พวกท่านเองก็เคยเป็นเจ้าโถงที่คอยจัดการเรื่องต่างๆมาก่อน เชื่อว่าเข้าใจถึงเหตุการณ์แบบนี้ดี เข้าไปในโถงวิหารสวรรค์แล้วพวกท่านก็ต้องระวังตัว ไม่อย่างนั้นยังไม่ทันจะเจอซวนซุน พวกท่านอาจจะเจอเข้ากับเรื่องยุ่งยากอย่างอื่น”
เดิมทีฟางซูหยุนก็เป็นคนจากผืนดินฉางไห่ รู้เรื่องพวกนี้มากกว่าทุกคน แม้อายุของนางไม่มากเท่าอาจารย์ปู่วิหารสวรรค์และผู้เฒ่าหยิง แต่คำแนะนำจากนางทุกคนก็ยังอยากฟัง
“ที่จริง ที่ไหนก็เหมือนๆกัน เรื่องผลประโยชน์ต้องมาเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะต้องระวังคนที่ไม่รู้จักไว้ เรื่องปล้นฆ่าน่ะเกิดขึ้นได้ทุกนาที และวิทยายุทธของพวกเราก็ไม่สูงด้วย ง่ายที่จะถูกผู้ฝึกฝนวิทยายุทธคนอื่นเพ่งเล็ง ทุกคนต้องคอยระวังตัวทุกฝีก้าว”
“ท่านย่าวางใจเถอะ ทุกคนเข้าใจดี” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวตอบเรียบๆ
ทุกคนต่างพยักหน้า อย่าว่าแต่พวกเขาเลย หยูเฮงเองก็เข้าใจว่าเรื่องปล้นฆ่าสะดมเป็นเรื่องปกติของทุกผืนดิน
“ฮูหยินฟาง หลังจากนี้ล่ะ เราจะเอายังไงกันต่อดี” ผู้เฒ่าหยิงถามขึ้น
“พวกเรา…”
ฟางซูหยุนพูดได้แค่ 2 คำ สายตาของนางมองไปนอกหน้าต่าง แววตาเศร้าสร้อย
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดต่อ “พวกเราพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อน คนที่ไม่มีแผ่นคริสตัลประจำตัวก็รีบไปทำซะ หลังจากนี้พวกเราก็ตามหาโถงสาขาของโถงวิหารสวรรค์ อาจารย์ปู่ อาจารย์ และอาจารย์หญิงไปคัดตัวที่โถงสาขา ส่วนพวกเราก็กลับบ้านตระกูลฟาง”
ท่านย่าอยากจะกลับบ้านไปหาครอบครัว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคิดว่าไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อมาถึงผืนดินฉางไห่แล้ว ก็ต้องกลับบ้านตระกูลฟางสักครั้ง
ทุกคนเข้าใจความหมายของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่มีใครเห็นต่าง
สายตาของฟางซูหยุนกลับมาจากนอกหน้าต่าง “ไม่ต้องรีบกลับบ้านตระกูลฟางหรอก วิทยายุทธของข้ายัง….”
สถานการณ์ในตระกูลเป็นอย่างไรฟางซูหยุนรู้ดี แต่เดิมนางเป็นหญิงสาวสุดภาคภูมิในตัวเอง ตำแหน่งในบ้านก็ไม่แย่ ผ่านไป 40 ปีแล้ว วิทยายุทธก็ถูกสาปให้สะกดไว้ กลับไปจะเป็นอย่างไรนางเดาไม่ออกจริงๆ
นางไม่อยากให้หลานสาวไปลำบากกับตัวเองที่บ้านตระกูลฟางด้วย หรืออาจะถูกดูแคลน
เห็นสีหน้าของท่านย่าแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ทันทีว่านางคิดอะไรอยู่ “ท่านย่า พวกเราก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการเดินทางไปชิงยาง พวกเราจะพยายามหาวิธีคลายสะกดของวิทยายุทธท่านย่า”
“ยากเกินไป….”
“ไม่ยาก ฮูหยินฟาง ไม่ยากจริงๆ ตอนนี้พวกเรามาถึงผืนดินฉางไห่แล้ว ต้องหาคัมภีร์ลับยันต์วิเศษได้แน่ ถึงเวลาพวกเราก็คลายสะกดให้ฮูหยินฟางได้ ต่อให้พวกเราทำไม่ได้ พวกเราก็ยังตามหาผู้สะกดยันต์ (นักอาคม)ได้ ขอแค่พวกเราจ่ายด้วยของที่เขาอยากได้ เขาต้องยอมช่วยแน่”
หยูเฮงสีหน้ามั่นใจ การสืบสานต่อยันต์วิเศษของนางยังไม่ตื่นขึ้นมา เหลือแค่รอโอกาสวาสนาเท่านั้น อีกอย่างของล้ำค่าในมิติก็มีไม่น้อย จะให้คนอื่นช่วยก็ง่าย”
“ไม่ว่าจะที่ไหน ทำเรื่องสำคัญให้เสร็จก่อน”
เป็นอันว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวยอมรับข้อเสนอของหยูเฮง คำสาปของท่านย่าเหมือนจะคลายยาก แต่ถ้าจะแก้ก็หาวิธีเจอได้แน่ เพราะฉะนั้นจีงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก
“ที่นี่พลังวิญญาณหนาแน่น มีประโยชน์กับวิทยายุทธของพวกเรามาก ช่วงหลายวันที่อยู่ที่นี่ จะให้ดีพวกเราควรยกระดับวิทยายุทธขึ้นไปอีกระดับ ถ้าเรายิ่งมีพลังมากก็ยิ่งง่ายต่อการจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่”
“เสี่ยวเสี่ยวพูดถูก ข้าจะคอยสืบหาข่าวและทำแผ่นคริสตัลประจำตัวให้พวกท่าน” ฟางซูหยุนเห็นด้วยกับหลานสาว
คนอื่นก็พยักหน้า ไม่ว่าอย่างไรพลังเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
วิทยายุทธของพวกเขาต่ำเกินไปจริงๆ ต่อให้เสี่ยวเอ้อในร้านข้างนอกนั่นก็ยังอยู่ระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์เลย พูดตรงๆก็คือแม้แต่เสี่ยวเอ้อพวกเขาก็สู้ไม่ได้
นอกจากฟางซูหยุน เฉิงเสี่ยวเสี่ยว และหยูเฮง อีก 4 คนที่เหลือต่างเก็บตัวฝึกฝนกันหมด เรื่องอื่นๆก็ปล่อยให้สาวสวยที่อายุต่างกันทั้ง 3 คนไปจัดการ
ตอนกลางคืน ทุกคนต่างกลับไปพักผ่อนที่ห้อง หยูเฮงอยู่ห้องเดียวกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยว แม้ว่าเจ้าตัวเล็กจะไม่จำเป็นต้องนอนพักผ่อน แต่นางก็ไปนอนอยู่บนเตียงแต่ไว เหมือนเด็กที่ได้นอนเตียงใหม่ กอดผ้าห่มนุ่มๆไว้ มีรอยยิ้มอ่อนๆอยู่บนใบหน้าราวกับนอนหลับอยู่
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้ว่านางแค่เล่นสนุกเท่านั้นจึงไม่ได้สนใจนาง ยืนมองท้องฟ้าสีดำอยู่ข้างหน้าต่าง ดวงดาวบนท้องฟ้าเป็นประกายระยิบระยับ เสมือนไข่มุกและเศษทองที่กระจายอยู่ตามจานหยก สงบอย่างที่สุด
———————————
TQF:บทที่ 547 คิดถึงเข้ากระดูก โศกเศร้าน้ำตาไหล (2)
แต่ใจของนางไม่อาจสงบลงได้ ใบหน้าอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นลางๆบนท้องฟ้าสีดำ ใจของนางเหมือนถูกคนกระชากขึ้น เจ็บจนหน้าซีด
ในนาทีนี้ น้ำตาเอ่อล้นขึ้นทำให้นางนึกถึงเพลงหนึ่งที่ชื่อว่า (ชาติปางก่อนจนชาตินี้) บทเพลงนั้นเหมือนเขียนขึ้นเพื่อนาง
ไม่รู้ว่ารอมากี่ค่ำคืน ความคิดถึงกระจายออกอย่างไม่มีขอบเขต ดาวตกเป็นสัญญาณออกเดินทางเมื่อฟ้าสว่าง ข้าข้ามน้ำข้ามภูเขามาอยู่ข้างกายเจ้า นี่เป็นพรหมลิขิตจากชาติปางก่อนอย่างไรกันแน่ ดอกไม้ตกลงมาดั่งเช่นน้ำตาที่ร่วงหล่นอยู่ในใจ ฝันจากชาติก่อนรัดพันกันอย่างถวิลหา บทเพลงของชาตินี้กลับไร้ตัวตันเหมือนหมอกควัน ตำนานบอกว่าพรุ่งนี้ความรักจะเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง การคิดถึงเจ้าก็เป็นแค่ความเหงาครั้งสุดท้าย ข้ารวมจดหมายรักเข้าไว้ด้วยกันเป็นเล่ม จะรักเจ้าตลอดไปเป็นบทกวีที่ไพเราะที่สุด
นี่เป็นพรหมลิขิตจากชาติปางก่อนอย่างไรกันแน่ ดอกไม้ตกลงมาดั่งเช่นน้ำตาที่ร่วงหล่นอยู่ในใจ บทเพลงของชาตินี้ไร้ตัวตันเหมือนหมอกควัน นี่เป็นพรหมลิขิตจากชาติปางก่อนอย่างไรกันแน่ มีเพียงรักแท้ที่ยังส่งถึงกันทุกคืนวัน ตอนนั้นเป็นเพียงคำสัญญาชั่ววูบ พันปีผ่านไปกลับกลายเป็นคำสาบานจากโบราณกาล นี่เป็นพรหมลิขิตจากชาติปางก่อนอย่างไรกันแน่ การเวียนว่ายก็ไม่ทำให้ลืมใบหน้านี้ได้
รักเจ้าแบบควบคุมตัวเองไม่ได้ อยู่ด้วยกันจนฟ้าดินทลาย นี่เป็นสัญญาของเราจากชาติปางก่อน รักกันในชาตินี้ ไม่เปลี่ยนผันตลอดไป
น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอดร้องบทเพลงแห่งความรักในใจออกมาไม่ได้ บทเพลงที่บ่งบอกถึงความรู้สึกและความคาดหวังในใจ ไม่ได้น้ำตาร่วงมากว่าครึ่งปีแล้ว ไม่รู้ทำไมพอมาอยู่ที่นี่ นางรู้สึกโศกเศร้าขึ้นอีกครั้ง น้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
เสียงเพลงของนางแม้จะเบา แต่คนที่อยู่ห้องขางๆได้ยินกันหมด พวกเขาถอนหายใจออกมาพร้อมกัน หรงจิ้งซือเองก็เช็ดน้ำตาเงียบๆ
หยูเฮงลืมตาขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้ มองไปยังน้ำตาที่รวงเผลาะดั่งฝนตกก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีเหมือนกัน
ความคิดถึงถูกกระตุ้นขึ้น ร้อง (ชาติปางก่อนจนชาตินี้) จบ นางก็ร้องเพลงที่ชื่อว่า (ข้ายินยอม) ต่อ
ความคิดถึงเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด ไร้รูปไร้เสียงไร้ร่องรอยเกิดขึ้นอยู่ในใจ พริบตาเดียวก็กลืนกินข้าไป ข้าไม่มีแรงต้านทานโดยเฉพาะในกลางคืน คิดถึงเจ้าจนหายใจไม่ออก อยากจะวิ่งไปหาเธอซะบัดเดี๋ยวนี้ บอกเจ้าเสียงดังๆว่าข้ายินยอม ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ยอมลืมชื่อตัวเอง ขอแค่อีกวินาทีเดียวที่ได้อยู่ในอ้อมกอดเจ้า จะต้องเสียทั้งโลกไปก็ไม่เสียดาย
ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ยอมที่จะถูกเนรเทศไปสุดขอบฟ้า ขอแค่เจ้าจริงใจตอบรับข้าด้วยความรัก จะอะไรก็ยอมทั้งนั้น อะไรก็ยอมเพื่อเจ้าได้ ข้าไม่มีแรงต้านทานโดยเฉพาะในกลางคืน คิดถึงเจ้าจนหายใจไม่ออก อยากจะวิ่งไปหาเธอซะบัดเดี๋ยวนี้ บอกเจ้าเสียงดังๆว่าข้ายินยอม ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ยอมลืมชื่อตัวเอง ขอแค่อีกวินาทีเดียวที่ได้อยู่ในอ้อมกอดเจ้า จะต้องเสียทั้งโลกไปก็ไม่เสียดาย
ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ยอมที่จะถูกเนรเทศไปสุดขอบฟ้า ขอแค่เจ้าจริงใจตอบรับข้าด้วยความรัก จะอะไรก็ยอมทั้งนั้น อะไรก็ยอมเพื่อเจ้าได้
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสารภาพความในใจไปตามบทเพลง แม้ว่าเพลงนี้จะเบาลงเรื่อยๆจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ผู้ที่มีพลังจิตกว้างขวางก็ยังได้ยินอยู่ดี
ผู้ใหญ่ทุกคนเพิ่งเคยได้ฟังเพลงที่บอกทุกอย่างออกมาตรงๆ ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความคิดถึงแบบนี้เป็นครั้งแรก พวกเขาอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยการสื่อความรักที่ตรงขนาดนี้ แต่พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่อยู่ในใจนาง
หยูเฮงไม่รู้ว่าลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ และพุ่งมาข้างกายนาง ยื่นมือมาโอบกอดร่างที่เหมือนจะจากตัวเองไปไว้แน่น
ชั่วขณะที่หยูเฮงโอบกอดตัวเองไว้ ร่างของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวสั่นไป อยู่กับหยูเฮงมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่นางกอดตัวเอง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่โศกเศร้าอยู่ เริ่มสงบลงในนาทีนี้
“คุณหนู ท่านกับคุณชายสื่อใจถึงกันได้ เขาต้องรู้สึกถึงความคิดถึงของท่านได้แน่ และเขาก็คงอยู่ที่ไหนสักที่และกำลังคิดถึงคุณหนูอยู่ พยายามหาวิธีกลับมาหาคุณหนู”
เสียงใสๆของหยูเฮงดังขึ้น ตาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวกรอกไปมา ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“คุณหนูยอมแลกทุกอย่างเพื่อได้เจอคุณชาย ข้าเชื่อว่าคุณชายก็ยอมแลกทุกอย่างเหมือนกัน คุณหนู พวกเราหาคุณชายเจอแน่”
“…..”
“คุณชายรักคุณหนูที่สุด คุณหนูจำได้มั้ย 2 เพลงนั้นที่ท่านร้องครั้งที่แล้วคุณชายร้องได้หมด ข้าแอบสอนคุณชายเอง เพราะคุณชายเคยบอกว่าจะร้องให้ท่านฟังในวันแต่งงาน คุณหนู คุณชายร้องเพราะมาก เพราะมากจริงๆ”
“….”
“คุณหนู ถึงแม้ข้าจะยังไม่รู้ว่าคุณชายอยู่ที่ไหน แต่ข้าสังหรณ์ใจว่าคุณชายอยู่ที่ผืนดินฉางไห่ จริงๆนะ ข้ารู้สึกได้ คุณหนู ท่านไม่เสียใจแล้วได้มั้ย ต้องมีวันที่พวกเราเจอคุณชายแน่”
“….”
หยูเฮงยังพูดไม่หยุด ราวกับนกกระจอกที่ไม่รู้จักเหนื่อย การบ่นของนางทำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เพิ่งรู้จักเขา ในสายตาของนาง ผู้ชายที่รูปร่างหล่อเหลาคนนั้นกลับเหมือนป้าคนหนึ่งที่พูดไม่หยุด แต่ผู้ชายคนนี้กลับเข้ามาอยู่ในใจนางโดยไม่รู้ตัว ทำให้นางรู้จักความรักลึกซึ้งที่ยอมตายเพื่ออีกฝ่ายได้
วันที่ 2
ฟางซูหยุนเติบโตที่ผืนดินฉางไห่จึงมีแผ่นคริสตัลประจำตัวอยู่แล้ว และยังเป็นแผ่นคริสตัลของชิงยางด้วย สถานะสูงส่งกว่าเฉาซางหลายระดับ เสมือนประชาชนพบกับข้าราชการ ต้องเคารพและให้เกียรติ
ตัวนางมีแผ่นคริสตัลประจำตัวแล้ว แต่อีก 4 คนในโรงเตี๊ยมยังไม่มี ต้องทำให้พวกเขาก่อนถึงจะออกเดินทางได้
เมื่อนางพาสาวงามทั้ง 2 มาถึงที่ทำแผ่นคริสตัลประจำตัวเพื่อทำให้อีก 4 คนที่เหลือ เนื่องจากสีแผ่นคริสตัลของนางเป็นสีระดับสูง แม้ว่าผู้อาวุโสของอำเภอจะยังไม่ได้เจอ 4 คนนั้นแต่ก็ยอมทำตามคำขอของฟางซูหยุนอย่างว่าง่าย ทำแผ่นคริสตัลประจำตัวของเฉาซางให้กับ 4 คนที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวน
สีของแผ่นคริสตัลบ่งบอกสถานะ สำหรับประชาชนทั่วไป สีดำคือผู้ชาย สีขาวขุ่นคือผู้หญิง สำหรับผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ สีขาวคือผู้ชาย สีชมพูคือผู้หญิง สำหรับขุนนาง สีเหลืองคือผู้ชาย สีเขียวคือผู้หญิง สำหรับสมาชิกราชวงศ์ สีทองคือผู้ชาย สีแดงคือผู้หญิง และยังมีอีก 2 สี สีน้ำเงินสำหรับสมาชิกตระกูลใหญ่ อีกสีหนึ่งที่สูงส่งกว่าสีทองก็คือสีม่วง คนที่ได้สีม่วงนอกจากจะเป็นระดับปรมาจารย์ที่ทุกคนเคารพ ก็เป็นผู้ที่ฝึกฝนวิทยายุทธถึงระดับปรากฏเทพเทวาและระดับเทพเจ้า
ดังนั้น ต่อให้ผู้อาวุโสคนนี้มองออกว่าฟางซูหยุนไม่มีวิทยายุทธ และแม่นาง 2 คนที่มาด้วยวิทยายุทธก็ไม่ได้สูงนัก แต่ก็ไม่กล้าเรื่องมากเพราะเห็นแผ่นคริสตัลประจำตัวสีน้ำเงินของตระกูลใหญ่ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นคนทั่วไป เขาไม่มีทางทำให้กับคนที่ยังไม่เคยเห็นตัวจริงหรอก
ออกจากที่ทำการอำเภอ สาวสวยทั้ง 3 เดินอยู่ข้างถนน คนที่แต่งตัวแบบพวกนางมีเยอะมากจึงไม่ได้เป็นที่สังเกตของผู้คน
“ท่านย่า พวกเราไปดูที่ที่ขายพวกคัมภีร์ลับ ยันต์วิเศษ และยาเม็ดวิเศษกันมั้ย”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอยากจะรีบแก้ปัญหาของฟางซูหยุน จึงถามขึ้นเสียงเบา
“ได้” ฟางซูหยุนพยักหน้า “เฉาซางเป็นอำเภอระดับ 3 ของที่นี่คงไม่แย่นัก แม้จะเทียบกับระดับ 1 ระดับ 2 ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าไม่เลว บางทีอาจจะเจอของที่เราต้องการจริงๆก็ได้”
“อาจจะมี ยังไงก็ระดับ 3 เลยนะ ไม่เลวหรอก” ตาคู่สวยของหยูเฮงมองไปรอบๆ
ฟางซูหยุนยื่นมือไปลูบหัวเล็กๆของนาง หัวเราะออกมา จับมือนางเข้าตึกใหญ่ที่ชื่อว่าตึกว่านซาง
แม้จะยังไม่รู้ว่าขายอะไร แต่ด้วยป้ายตึกว่านซางนี้ไม่น่าจะขายของดาดๆแน่
หลังจากที่ก้าวเข้าไปในประตู กลิ่นหอมสมุนไพรก็โชยมาแตะจมูก คนที่เป็นนักปรุงยาอย่างเฉิงเสี่ยวเสี่ยวย่อมรู้ดีว่าเพราะอะไร ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าที่นี่ขายยาเม็ดและน้ำยาต่างๆ
เมื่อมองไปก็เห็นร้านใหญ่หลายสิบตารางวา บนชั้นมีของวางอยู่มากมาย ที่สำคัญคือเฉิงเสี่ยวเสี่ยวสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอ่อนๆจากของพวกนี้
การปรากฏตัวของสาวสวยทั้ง 3 เป็นที่สังเกตุของคนในร้าน ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่กำลังดูสินค้าอยู่ก็มองมาที่พวกนาง โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าวิทยายุทธของ 3 คนนี้ไม่สูง พวกผู้ชายจึงมองอย่างไม่เกรงใจ ส่วนเจ้าตัวเล็กไม่มีใครสนใจ
แม้ว่าฟางซูหยุนจะอายุ 50 กว่าแล้ว แต่นางยังดูเหมือนคนอายุ 20-30 อยู่ ในสายตาคนอื่นก็ยังเป็นสาวงามอยู่
“ลูกค้าต้องการอะไรขอรับ….” ผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินมาหาพวกนางด้วยรอยยิ้ม
————————————
TQF:บทที่ 548 การค้นพบที่เกินคาด (1)
จากรอยยิ้มมืออาชีพของเขาเห็นได้ว่าเขาคือผู้จัดการที่นี่ วิทยายุทธอยู่ระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์แล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจับมือหยูเฮงไว้แล้วถอนหายใจ
เอาคนมาเทียบกับคน คนแทบตาย เอาของมาเทียบกับของ ของแทบต้องทิ้ง
ฟางซูหยุนที่กำลังดูของอยู่หันกลับไปสบตากับผู้จัดการ พยักหน้านิดๆ “ก็ดูไปเรื่อยๆนั่นแหละ ชั้น 2 ก็มีของวางจำหน่ายเช่นกันใช่มั้ย”
“ใช่แล้ว” ผู้จัดการแปลกใจนิดหน่อย ด้วยความสามารถในการมองคนของเขา ย่อมไม่เสียมารยาทกับใครง่ายๆอยู่แล้ว
“พวกเราไปดูที่ชั้น 2 กัน”
ฟางซูหยุนมาจากชิงยาง ของที่ชั้น 1 ย่อมไม่เข้าตานางอยู่แล้ว อย่างไรซะถ้าจะซื้อของก็ต้องซื้อที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์กับนางมากนัก
ลูกค้าที่ชั้น 1 เมื่อได้ฟังต่างมีสีหน้าตกใจ ของในชั้น 1 ไม่เข้าตาผู้หญิงที่แลดูไม่มีวิทยายุทธ พวกเขาเหงื่อตกไม่น้อย
ตึกว่านซางเป็นที่ยังไง ที่นี่น่ะไม่มีอะไรที่ไม่มีขาย มีแต่ของที่นึกไม่ถึง เรียกได้ว่าเป็นร้านค้าที่ดีที่สุดในผืนดินฉางไห่
คนธรรมดาอย่าแม้แต่จะคิดเข้าประตูของตึกว่านซาง ต่อให้เข้ามาได้ ของชั้น 1 ก็ใช่ว่าจะมีปัญญาซื้อ
ส่วนคนที่ขึ้นไปชั้น 2 ได้ต้องเป็นคนระดับสูงเท่านั้น นอกจากสถานะสูงส่งแล้ว ยังต้องมีหินพลังวิญญาณจำนวนมากได้ ไม่อย่างนั้นถึงเข้าไปได้ก็ได้แค่ดู
“คนอะไร พูดจาโอหัง จะขึ้นไปชั้น 2 นี่มีสิทธิ์อะไร” เสียงแหลมที่แฝงความดูหมิ่นไว้ด้วยดังขึ้น
ทุกคนมองตามเสียงไป เห็นผู้ฝึกวิทยายุทธหญิงหน้าตาธรรมดา อายุราวๆ 30 กว่าคนหนึ่ง วิทยายุทธนางอยู่แค่ระดับบรรลุราชันย์จักพรรดิ์เท่านั้น แต่กลับมีท่าทีสูงส่งเหนือคนอื่น
แต่ไม่ยากนักที่จะเห็นแววอิจฉาในตาของนาง ท่าทางความสวยของฟางซูหยุนทำให้นางอิจฉาริษยา ถึงได้พูดจาจิกกัดแบบนี้ออกมา
ผู้จัดการขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายังไม่ทันพูดอะไร หยูเฮงหน้าตึงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดแปลกๆแบบนี้ “พวกเราจะขึ้นชั้น 2 แล้วไปเกี่ยวอะไรกับเจ้า ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
“ถุย เสแสร้งแกล้งทำ” ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธหญิงกล่าวต่ออย่างโอหัง
“เจ้า….”
“พอแล้ว….” เฉิงเสี่ยวเสี่ยงเหลือบมองผู้ฝึกฝนวิทยายุทธหญิงคนนั้นผ่านที่ปิดหน้าก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ เสียงนุ่มนวลดังเข้าหูทุกคน “พวกหมาบ้าขี้กัด เจ้าก็จะไปกัดด้วยหรือไง พวกเราจะขึ้นชั้น 2 มั้ยเป็นเรื่องของเรา ส่วนอย่างอื่น เจ้าก็คิดซะว่าเป็นพวกปากเหม็น”
“ฮ่าๆๆ พี่สาวพููดถูก หมาบ้ามันตด” หยูเฮงตบมือชอบใจ
ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธหญิงกรีดร้องด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป ชี้นิ้วใส่พวกนางพลางร้องออกมาอย่างโมโห “นังสารเลวทั้ง 2 พวกเจ้านั่นแหละ….”
ภายใต้สายตาทุกคน ร่างของหยูเฮงหายวับก่อนจะมีเสียงเพียะดังขึ้นขัดคำก่นด่าของอีกฝ่าย หน้าฝั่งซ้ายของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธหญิงมีรอยฝ่ามือเล็กๆ
“นังหมาบ้าหน้าด้าน เจ้าอยากตายข้าจะช่วยให้สมหวังเอง” เสียงเล็กๆของหยูเฮงเย็นยะเยือก โดยเฉพาะตาคู่สวยของนางราวกับมีความเย็นทิ่มแทงออกมา
ไม่ว่าจะเป็นใคร กล้าเหยียดหยามคุณหนู ต้องตายสถานเดียว
ทุกคนอึ้งกันหมด ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่ลงมือจะเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักคนนี้
จากด่าจนถึงขั้นลงมือใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น เร็วจนไม่มีใครตั้งตัวทัน
“นังสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า…”
ถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆตบหน้า ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธหญิงโมโหจนแทบบ้า นางลืมจนหมดสิ้นว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน กฏที่ตึกว่านซางไม่ให้มีการลงมือกัน นางลืมไปจนหมด
นางคำรามก่อนจะส่งฝ่ามือออกไปโจมตีด้วยความรุนแรงดั่งพายุฝน พุ่งไปหาหยูเฮง
ในสายตานางมีแค่นังเด็กชั่วคนนี้ ย่อมต้องโจมตีใส่นาง
หยูเฮงยิ้มเย็นๆ นางตอบโต้โดยไม่ลังเล ก้าวออกไปด้วยความเร็วปานสายฟ้า ลงมือโดยทุ่มสุดแรงไม่ออมมือ ฟาดไปที่ใบหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง
เพียะๆๆ….
เสียงตบดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกคนยังอึ้งกันอยู่ เด็กผู้หญิงผู้น่ารักใช้วิธีอะไรก็ไม่รู้สยบผู้ฝึกฝนวิทยายุทธหญิงได้ นางโบกมือเล็กๆเหมือนว่ากำลังอย่างสะใจอยู่
——————————————-
TQF:บทที่ 549 การค้นพบที่เกินคาด (2)
ในขณะนี้ ความคิดที่เกิดขึ้นในหัวทุกคนคือยัยหนูคนนี้ไม่ควรมีเรื่องด้วย นางมารน้อยชัดๆ
ไม่รู้ว่าตบไปอีกกี่ฉาดหยูเฮงถึงได้หยุดลง สิ่งที่นางทำหลังจากนั้นยิ่งทำให้ทุกคนอึ้งกันไปใหญ่ นางไม่สนว่าอยู่ในที่สาธารณะ ยกเท้าขึ้นถีบคนนั้นออกจากประตูไปเลย
กับคนที่มาหาเรื่องนางไม่เคยออมมือ
สำหรับเฉิงเสี่ยวเสี่ยวแล้ว หยูเฮงไม่ได้ทำผิด บางครั้งที่เราต้องแข็งกร้าวบ้างก็ต้องทำ เป็นฝ่ายยอมตลอดก็ใช่ว่าจะปลอดภัยไร้ปัญหา โดยเฉพาะในโลกที่ถือคนแกร่งเป็นใหญ่ มีแต่ต้องแกร่งกว่าทั้งนั้นคนอื่นถึงจะเกรงใจ
“ผู้จัดการ พวกเจ้าตึกว่างซางนี่เป็นที่ให้หมาบ้าไล่เห่าหอนตั้งแต่เมื่อไหร่” สีหน้าของฟางซูหยุนไม่ได้เปลี่ยนแปลง
การทำการค้าจะขัดใจลูกค้าไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะลูกค้าที่มองไม่ออกแบบนี้ ผู้จัดการค้าขายมานับสิบปีย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดี
แต่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไปนั้นเร็วมากจริงๆ หญิงสาวไม่ธรรมดา 3 คนนี้ไม่ใช่คนที่ควรมีปัญหาด้วยเด็ดขาด
“แม่นาง ต้องขออภัยด้วย พวกเราจะรีบจัดการเรื่องนี้ ขออภัยจริงๆ” พูดจบผู้จัดการก็หันไปสั่งเด็กในร้าน “โยนนางออกไป”
“ขอรับ” ทหารยาม 2 คนพุ่งออกมาหิ้วปีกผู้ฝึกฝนวิทยายุทธหญิงที่ถูกตีจนเอ๋อและลากออกไปข้างนอก
“ทั้ง 3 เชิญขึ้นชั้น 2”
ผู้จัดการไม่ได้สนใจพวกเขา เรียนเชิญทั้ง 3 ขึ้นชั้น 2 ไปอย่างนอบน้อม
ฟางซูหยุนพยักหน้าตามผู้จัดการไป เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจูงหยูเฮงตามหลังติดๆ เหลือเพียงพนักงานและลูกค้าคนอื่นที่ยังงงอยู่
ทุกคนมองหน้ากัน สายตาพวกเขาทั้งตะลึงและแปลกใจ และยังเกิดความคิดมากมายขึ้นในใจ
มีคนถูกโยนออกมาจากตึกว่านซาง ข่าวนี้สร้างความฮือฮาไปทั่วเฉาซางในเวลาอันรวดเร็ว เรื่องของ 2 สาวงาม 1 เด็กสาวก็ถูกเล่าขานไปทั่ว ทำให้ผู้อื่นแปลกใจกันหมดว่าพวกนางคือใคร
ย่าหลานทั้ง 3 คนที่อยู่ในตึกว่านซางไม่ได้สนใจสถานการณ์ข้างนอกนัก พวกนางกำลังตั้งใจดูสินค้าในชั้นกับผู้จัดการ
ยาเม็ดชั้น 5 ชั้น 6 มีเยอะเป็นกอง แม้แต่ชั้น 7 ก็มี เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกับหยูเฮงตกใจมาก ด้วยฝีมือของพวกนางอย่างมากก็สกัดได้แค่ยาเม็ดชั้น 5-6 เท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าแค่อำเภอชั้น 3 ของผืนดินฉางไห่ก็มียาเม็ดชั้น 7 ขายแล้ว ถ้าเมืองชั้น 2 หรือ ชั้น 1 ล่ะ จะมียาเม็ดชั้น 9-10 ขายมั้ย
“แม่นาง จะเอายาเม็ดไป่จ่วนนี้มั้ยขอรับ” ผู้จัดการที่ยืนอยู่ข้างๆอดถามไม่ได้ เพราะเห็นผู้หญิงปิดหน้าคนนี้ยืนมองอยู่นานแล้ว
ยาเม็ดไป่จ่วนเป็นยาเม็ดชั้น 7 ถือว่าอยู่ในยาเม็ดชั้นสูงแล้ว ที่สำคัญยาเม็ดไป่จ่วนมีสรรพคุณวิเศษในการช่วยชีวิตคน ขอแค่มียาเม็ดไป่จ่วน จะบาดเจ็บหนักขนาดไหนก็หายได้ ทั่วทั้งผืนดินฉางไห่ก็ยากจะหาได้ จึงถือว่าเป็นของดีประจำร้านตึกว่านซางได้
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้สติกลับมา นางมีสูตรสกัดยาเม็ดไป่จ่วน เพียงแต่ว่ายังไม่เคยลองจึงได้สนใจนัก สายตาจ้องมองผู้จัดการผ่านที่ปิดหน้า ถามเสียงเบา “ขายยังไง”
“ไม่แพง หินพลังวิญญาณระดับต่ำ 100,000 เม็ด ระดับกลาง 50,000 เม็ด ระดับสูง 30,000 เม็ด” ผู้จัดการบอกยิ้มๆ
“อะไร 100,000?”
หยูเฮงที่กำลังดูอย่างอื่นอยู่หันขวับ พูดพลางเดินมาหา “ก็แค่ยาเม็ดชั้น 7 ไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องแพงขนาดนั้น”
“แม่นางทั้ง 2 ยาเม็ดชั้น 7 เป็นยาเม็ดชั้นยอดของพวกเรา ในร้านเราก็มีแค่เม็ดเดียวเท่านั้น หินพลังวิญญาณระดับต่ำ 100,000 เม็ด ระดับกลาง 50,000 เม็ด ระดับสูง 30,000 เม็ดน่ะไม่แพงเลย อีกอย่างยาเม็ดนี้เป็นยาชั้นดีในการช่วยชีวิตคน เชื่อว่าแม่นางทั้ง 2 รู้ดี”
ผู้จัดการอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่ได้อารมณ์เสียที่ถูกกล่าวหาว่าแพง ตรงกันข้าม สีหน้าของฟางซูหยุนนิ่งเฉย ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับราคา ราวกับว่าชินเสียแล้ว
เจ้าคนบ้านนอก 2 คนทำใจไม่ได้ที่จะเสียหินพลังวิญญาณเป็นแสนเพื่อยาเม็ดเดียว สำหรับพวกนางแล้ว ต่อให้เป็นยาเม็ดชั้น 7 ก็ไม่คุ้ม
เหตุผลก็เพราะพวกนางก็เป็นนักปรุงยาเหมือนกัน อยากจะสกัดยาเม็ดที่มีสรรพคุณช่วยชีวิตคนได้ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ยาเม็ดชั้น 7 แม้จะเลอค่าแต่พวกนางก็มีโอกาสสกัดได้ จะยอมเสียหินพลังวิญญาณเป็นแสนไปซื้อได้อย่างไร
“พวกเราไม่เอา” หยูเฮงส่ายหัว ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ “ผู้จัดการ ถ้าพวกเรามียาเม็ดหรือน้ำยา เจ้ารับซื้อใช่มั้ย”
“รับสิ รับแน่นอน”
ตาของผู้จัดการเป็นประกาย ยาเม็ดกับน้ำยาน่ะขายดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะในร้านใหญ่อย่างตึกว่านซางที่รับจากนักปรุงยาโดยเฉพาะ และก็จะรับซื้อจากคนอื่นๆด้วยในขณะเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรยาเม็ดก็เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมที่สุดในตึกว่านซาง รวมถึงผืนดินฉางไห่ด้วย
โดยเฉพาะยาเม็ดชั้น 1-4 ที่ขายไม่เคยพอ เพราะผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่นี่มากมายมหาศาล พวกเขาต่างต้องออกไปรบรา และวิทยายุทธของพวกเขาก็ไม่สูงเท่าไหร่ จึงต้องการยาเม็ดชั้นแรกๆเป็นอย่างมาก ที่ตึกว่านซางจึงขายยาเม็ดพวกนี้ออกได้เยอะกว่า
——————————————
TQF:บทที่ 550 การค้นพบที่เกินคาด (3)
ยาเม็ดชั้นกลางถึงชั้นสูงแม้จะให้ผลดีกว่า แต่ราคาหินพลังวิญญาณที่ต้องจ่ายก็ไม่ใช่อะไรที่คนทั่วๆไปจ่ายไหว ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่ฝีมือไม่ถึงขั้นได้แต่มองเท่านั้น ยาเม็ดชั้นแรกๆจึงเป็นที่นิยมมากกว่า
เมื่อผู้จัดการได้ฟังจึงถามขึ้นด้วยความรีบร้อนปนความดีใจ “แม่นาง พวกเจ้าเป็นนักปรุงยาหรือ สามารถส่งยาเม็ดให้พวกเราได้ในระยะยาวรึเปล่า เจ้าวางใจได้เลย ราคาที่พวกเราให้ยุติธรรมที่สุด ไม่เอาเปรียบพวกเจ้าแน่นอน”
“ตอนนี้พวกเรายังไม่มี” หยูเฮงบอกไปตามตรง กระพริบตาอย่างมีเลศนัย “แต่อีกหน่อยพวกเราก็อาจจะมียาเม็ดนะ ผู้จัดการ ขอถามคำถามสักข้อได้มั้ย ที่เฉาซางมีผู้เชี่ยวชาญยันต์วิเศษรึเปล่า”
“ผู้เชี่ยวชาญยันต์วิเศษ? พวกเจ้าต้องการหาผู้เชี่ยวชาญยันต์วิเศษ?” ผู้จัดการพิจารณาคนตรงหน้า แม้จะไม่รู้ว่าพวกนางจะตามหาทำไม แต่เขาก็บอกสิ่งที่รู้ออกมา “ที่นี่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญยันต์วิเศษหรอก ผู้เชี่ยวชาญยันต์วิเศษน่ะมีน้อยกว่านักปรุงยาอีก ส่วนอยู่จะอยู่ในอำเภอชั้น 1 ชั้น 2 ที่นี่เป็นอำเภอชั้น 3 ไม่มีผู้เชี่ยวชาญยันต์วิเศษอาศัยอยู่หรอก”
“ที่แท้ที่นี่ก็ไม่มี”
หยูเฮงและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวผิดหวังจนพูดไม่ออก สิ่งที่พวกนางต้องการมากที่สุดก็คือผู้เชี่ยวชาญยันต์วิเศษมาคลายคำสาปยันต์ให้ฟางซูหยุน การฟื้นพลังให้นางเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากทำมากที่สุดในตอนนี้
“ไม่มีจริงๆ”
“ที่นี่มีืคัมภีร์ยันต์วิเศษมั้ย” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวแอบถอนหายใจ ก่อนจะถามขึ้นอีกเบาๆ
ผู้จัดการส่ายหัว “ไม่มี”
“ทำไมพวกเจ้าไม่มีอะไรเลยล่ะ….”
หยูเฮงเบ้ปากอย่างไม่พอใจ ตำหนิต่อ “พวกเจ้าตึกว่านซางเป็นร้านที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ มีสาขาอยู่ทุกทิศ ทำไมของที่พวกเราต้องการถึงไม่มีล่ะ พวกเจ้าหลอกลวงหรือพวกข้าโชคร้ายกันแน่”
“พอแล้วหยูเฮง อย่าซี้ซัวะพูด”
ฟางซูหยุนห้ามหยูเฮงไว้ก่อนจะส่งยิ้มให้ผู้จัดการ “ผู้จัดการ พวกเราต้องการสมุนไพรจิตวิญญาณ ไม่รู้ว่าที่นี่มีดอกเชียนซือ หญ้าหลงเสอ ผลหลิงหยวน หญ้าเลี่ยหยาง หญ้าเทียนหุน หญ้าเยวี่ยซิง หญ้าตันหง….”
สมุนไพรจิตวิญญาณหลายสิบชนิดถูกเอ่ยออกมา อีก 2 คนเมื่อได้ฟังก็หันไปมองผู้จัดการทันที เพราะสมุนไพรจิตวิญญาณเหล่านี้สามารถสกัดยาเม็ดและน้ำยาชั้น 5-6 ได้ ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนหายาพวกนี้ไม่ได้เลย ยาเม็ดชั้น 5-6 หลายชนิดจึงไม่สามารถสกัดได้
ที่สำคัญคือสมุนไพรจิตวิญญาณทั้งหมดนี้ก็เพื่อยาเม็ดชนิดหนึ่งที่ชื่อว่ายาเม็ดเหอชี่ ซึ่งเป็นยาเม็ดชั้น 6 จังหวะบรรลุของผู้ฝึกฝนวิทยายุทธหากได้ทานยานี้ไปจะมีโอกาสสำเร็จได้มากกว่า จึงค่อนข้างเป็นที่นิยม
ผู้จัดการจำได้ในเวลาอันรวดเร็ว ประสานมือกับฟางซูหยุน “ฮูหยินวางใจได้ สมุนไพรจิตวิญญาณเหล่านี้ไม่ได้มีน้อย ที่นี่มีของอยู่บ้าง ไม่ทราบว่าฮูหยินต้องการเท่าไหร่”
“พวกเราเอาอย่างละ 10” ฟางซูหยุนตอบ
“ขอรับ ฮูหยินและแม่นางทั้ง 2 โปรดรอสักครู่”
ผู้จัดการไปอย่างรีบร้อนและกลับมาในเวลาแปปเดียวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ทั้ง 3 ท่านต้องการอะไรอีกมั้ย สมุนไพรจิตวิญญาณข้าให้คนไปเตรียมไว้ให้แล้ว เชิญดูของอย่างอื่นได้เลย”
“พวกเราดูไปเรื่อยๆ” ฟางซูหยุนเหลือบมองเขาแว้บนึงก่อนจะดูของบนชั้นต่อ
หยูเฮงก็กำลังนั่งดูของที่นางไม่เคยเห็น เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกลับเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากล่องดำเล็กๆกล่องนึง ลองใช้พลังจิตดูด้านในแต่กลับถูกขวางไว้ ทำให้นางตกใจไม่น้อย
“ผู้จัดการ นี่คืออะไร”
“นี่…” ผู้จัดการมองดูก็ไม่เห็นสัญลักษณ์อะไร หัวเราะด้วยความทำอะไรไม่ถูก “แม่นาง กล่องนี้พวกเราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ท่าทางเหมือนกล่องแต่ไม่สามารถเปิดออกได้ มันเหมือนไม้ที่ถูกตัดออกมามากกว่า เป็นของที่ลูกค้าท่านหนึ่งฝากขายไว้”
บทสนทนาของทั้ง 2 ดึงความสนใจของหยูเฮงได้ เมื่อหยูเฮงเห็นกล่องไม้สีดำก็ตกใจ รีบพุ่งไปหยิบกล่องไม้ขึ้นมา พิจารณาด้วยสีหน้าตึงเครียด สื่อสารทางจิตกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยว
“คุณหนู นี่คือของดี เราต้องซื้อไว้”
“หืม ของอะไร เจ้ารู้จักหรือ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถามอย่างแปลกใจ นางเองก็ไม่รู้ว่านี่คืออะไร
“ข้ารู้ เป็นของที่มีประโยชน์กับข้าและต้นหลิว คุณหนู เราต้องซื้อไว้ให้ได้”
“ได้ ถ้าประโยชน์กับพวกเจ้าเราจะซื้อไว้”
1 คน 1 ภูติสื่อสารเสร็จ หยูเฮงก็หันไปคุยกับผู้จัดการ “นี่คืออะไร ขายเท่าไหร่”
“แม่นาง เจ้าของเดิมของกล่องนี้ตั้งราคาไว้ที่หินพลังวิญญาณระดับกลาง 50 เม็ด” สีหน้าของผู้จัดการค่อนข้างอึดอัด ด้วยความที่เขาไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร แค่กล่องไม้สีดำกลับเรียกราคาหินพลังวิญญาณระดับกลาง 50 เม็ด หน้าของเขาแดงนิดๆ
“อะไรนะ….”
หยูเฮงเบิกตาโพลง โวยวายเสียงดัง “หินพลังวิญญาณระดับกลาง 50 เม็ด ผู้จัดการ เจ้าโขกสับพวกเราอยู่รึเปล่า นี่มันของอะไรกัน ราคาโหดไปมั้ย”
“หยูเฮง ขอข้าดูหน่อย…”
ฟางซูหยุนดูอยู่พักใหญ่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร นางหยิบมาดูก็พบว่ากล่องหนักๆ เหมือนจะเป็นไม้แต่ก็ไม่ใช่ เหมือนะจะเป็นหินก็ไม่ใช่ ที่สำคัญมันเป็นกล่อง แต่สามารถต้านทานพลังจิตได้ บอกได้เลยว่าของชิ้นนี้ไม่ธรรมดา
หยูเฮงโยนกล่องไม้สีดำให้ฟางซูหยุนอย่างไม่ใส่ใจ และหันไปบอกกับผู้จัดการ “ของบ้าๆนี่ทั้งดำทั้งน่าเกลียด ข้าว่าเต็มที่ก็แค่หินพลังวิญญาณ 10 เม็ดเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่ามันมีน้ำหนักอยู่บ้างก็ไม่อยากจะซื้อหรอก”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ซื้อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เราไม่ต้องซื้อหรอก” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดเรียบๆราวกับกำลังปลอบประโลมหยูเฮง
ฟางซูหยุนมองอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้น “แพงจริงๆนั่นแหละ ไม่คุ้มค่า”
ผู้จัดการร้อนใจนิดหน่อยเมื่อเห็นพวกนางใกล้จะล้มเลิกความตั้งใจที่จะซื้อแล้ว เจ้าของเดิมอยากจะขายตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีใครซื้อเลย เขาอยากจะทิ้งๆไปนานแล้ว แต่ตามกฏของตึกว่านซาง เมื่อรับของจากลูกค้าแล้ว นอกซะจากว่าอีกฝ่ายต้องการเอาของคืนเอง ไม่อย่างนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรตึกว่านซางก็ห้ามคืนของโดยเด็ดขาด
ตอนนี้ ในที่สุดก็มีคนสนใจ เขาอดเข้าไปเกลี้ยกล่อมไม่ได้ “แม่นางทั้ง 3 กล่องไม้นี่อาจจะเป็นของดีก็ได้ และก็ไม่นับว่าแพงมาก ซื้อไปศึกษาดูก็ไม่เสียหาย”
“ผู้จัดการ เจ้าล้อเล่นรึเปล่า ถ้าเป็นของดีคงถูกซื้อไปนานแล้ว จะดองไว้อยู่ที่นี่ทำไม”
หยูเฮงดูถูกอย่างไม่เกรงใจ แต่จริงๆแล้วนางสะใจไม่เบา เพราะคนที่รู้จักของชิ้นนี้จริงๆน่ะมีน้อยมาก นางรับรองได้ว่านอกจากตัวเองแล้วไม่มีใครดูออก
ผู้จัดการหน้าแดงหูแดงเพราะคำพูดของหยูเฮง เขากำลังจะพูดอะไรก็มีเสียงฝีเท้าจากหน้าประตูดังเข้ามา คนที่มาก็คือลูกน้องในร้านนั่นเอง เขาหยิบแหวนมิติเข้ามา พิจารณาลูกค้าหญิงทั้ง 3 ด้วยความว่องไวก่อนจะหันไปคุยกับผู้จัดการอย่างนอบน้อม “ผู้จัดการ ของอยู่ที่นี้แล้ว ท่านลองตรวจดู”
“เอามาแล้วหรือ” ผู้จัดการรับแหวนมิติมาพลางโบกมือ “เจ้าออกไปได้”
“ขอรับ”
ลูกน้องคนนั้นหันหลังออกไป ผู้จัดการใช้พลังจิตดูของในแหวนก็พบสมุนไพรจิตวิญญาณทั้งหลายได้ถูกเอาเข้าแหวนแล้ว จำนวนและชนิดไม่ผิดแน่
“ฮูหยิน สมุนไพรจิตวิญญาณมาแล้ว เชิญตรวจดู”
“ได้”
ฟางซูหยุนก็ใช้พลังจิตตรวจดูด้านในแหวนมิติเหมือนกัน ก่อนจะพยักหน้า “อยู่ในนี้หมดแล้ว ผู้จัดการบอกราคามาเลย”
“ฮูหยิน ของพวกนี้เป็นสมุนไพรจิตวิญญาณชั้นกลาง รวมๆแล้วหินพลังวิญญาณระดับกลาง 80 เม็ด”
สมุนไพรจิตวิญญาณชั้นกลางร้อยกว่าต้น จะว่าแพงก็แพง แต่ก็ไม่เป็นไร โชคดีที่ในแหวนมิติมีหินพลังวิญญาณอยู่นับร้อยเม็ด ไม่อย่างนั้นต่อให้พวกนางอยากซื้อก็คงไม่ง่าย
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรีบแบ่งหินพลังวิญญาณออกมาก่อนจะโยนแหวนมิติมา 1 วงที่บรรจุหินพลังวิญญาณไว้ 80 เม็ด ถือว่าแลกเปลี่ยนสำเร็จ
—————————
TQF:บทที่ 551 สมบัติถึงมือ (1)
ทำการแลกเปลี่ยนมูลค่าสูงสำเร็จ ใบหน้าของผู้จัดการประดับไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขาเห็นกล่องดำที่ไม่มีคนสนใจ รอยยิ้มก็ค่อยๆหุบลง เกลี้ยกล่อมขึ้น “แม่นาง ถ้าพวกท่านอยากซื้อกล่องนี้จริงๆละก็ ข้าลดราคาให้ได้”
“ลดได้เท่าไหร่” หยูเฮงยังรอเขาอยู่
ผู้จัดการพิจารณากล่องอีกครั้ง และชำเลืองคนที่เหมือนจะสนใจ ขมวดคิ้วนิดหน่อย “หินพลังวิญญาณระดับกลาง 30 เม็ด ราคานี้เป็นราคาต่ำสุดที่เจ้าของเดิมตั้งไว้ หวังว่าแม่นางจะพอใจ”
“ไม่เอา แพงเกินไปอยู่ดี”
หยูเฮงผู้กลายเป็นผู้มีฝีมือในการต่อราคาส่ายหัว “ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คืออะไร พวกเราซื้อกลับไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่คุ้มเลย”
“คือ…”
อยากจะขาย แต่ก็ไม่ได้ราคา ผู้จัดการลำบากใจอย่างที่สุด ไม่รู้ว่าจะให้ราคาเท่าไหร่ถึงจะขายออกไปได้
หยูเฮงและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวแกล้งทำเป็นไม่สนใจผู้จัดการที่ร้อนรนใจอยู่ ทำเป็นเดินดูของตามชั้นต่อไป
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหยิบดาบสั้นเล่มหนึ่งบนชั้นขึ้นมา พลังวิญญาณโชยเข้ามาทันที จากลักษณะแล้วเดาได้ไม่ยากว่าเป็นของวิเศษ แล้วยังเป็นของวิเศษชั้นดีด้วย
ที่ผืนดินเดิม นอกจากของพลังวิญญาณแล้วไม่มีของวิเศษระดับนี้เลย ในที่สุดก็ได้เห็นที่นี่
“แม่นาง ดาบชิงเฟิงชั้นดีนี้เหมาะกับผู้หญิง ไม่รู้ว่าแม่นางต้องการมั้ย” ผู้จัดการเริ่มแนะนำสินค้าของตัวเองอีกครั้ง
“ก็ไม่เลว”
ดึงดาบชิงเฟิงออกมาเบาๆ ก็เกิดไอเย็นขึ้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยวลองตวัดดู รู้สึกว่าไม่เลวเท่าไหร่ เอาให้อาจารย์หญิงป้องกันด้วย จึงชำเลืองไปถาม “ดาบนี้ขายยังไง”
“แม่นาง ไม่เยอะ หินพลังวิญญาณระดับกลาง 8 เม็ด” รอยยิ้มของผู้จัดการกว้างขึ้นอีกนิด
“ลดหน่อย พวกเราอาจจะซื้ออย่างอื่นเพิ่ม”
“ได้ขอรับแม่นาง ท่านค่อยๆเลือกเลย เดี๋ยวข้าให้ราคาพิเศษ”
“อื้ม”
คุยกับผู้จัดการนิดหน่อยก็เลือกของต่อ หลังจากนั้นไม่ใช่แค่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ได้ของที่ถูกใจ หยูเฮงและฟางซูหยุนก็ได้หลายอย่างเช่นกัน
“คุณหนู อย่าลืมซื้อกล่องไม้ดำด้วยนะ” เอาเข้าจริงๆดูไปดูมาก็มีแต่กล่องไม้ดำนี่แหละที่หยูเฮงอยากได้ที่สุด
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ลืมของที่มีประโยชน์ต่อเจ้าตัวเล็กทั้ง 2 อยู่แล้ว “วางใจเถอะ สุดท้ายแล้วต้องเอาไปแน่”
“อิอิ ถ้างั้นก็ดีๆ”
“ไม่ต้องได้ใจไป ของของเจ้าก็ต้องเป็นของของเจ้า”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้เป็นของคนอื่นข้าก็จะแย่งมาให้ได้ ของชิ้นนี้น่ะสำคัญต่อข้ามากจริงๆ”
“หวังว่าจะเป็นอย่างที่เจ้าพูด”
“คุณหนูวางใจได้ ท่านไม่ผิดหวังแน่นอน”
1 คน1 ภูติคุยกันผ่านพลังจิต เมื่อผู้จัดการคำนวณของทุกชิ้นเสร็จก็หันไปบอกยิ้มๆ “แม่นางทั้ง 3 ทั้งหมด 68 เม็ดหินพลังวิญญาณระดับสูง”
“68 เม็ด?”
หยูเฮงเม้มปาก หันไปถามผู้จัดการ “ไหนเจ้าบอกว่าจะลดให้พวกเรา ทำไมถึงยังแพงขนาดนี้ล่ะ”
“แม่นาง ข้าลดแล้ว นี่ถือว่าเป็นราคาที่ถูกแล้ว” ผู้จัดการอธิบาย จู่ๆก็ถามขึ้นอีก “ไม่ทราบว่าทั้ง 3 ยังจะเอากล่องดำเมื่อกี้อยู่มั้ย”
กล่องนี้ขายยากจริงๆ เจ้าของเดิมก็เร่งให้ขายออก ผู้จัดการย่อมไม่อยากพลาดโอกาสที่จะขาย
“ไม่เอา แพงเกินไป” หยูเฮงรีบตอบทันควัน แต่ในใจยิ้มกระหย่อง
“แม่นาง ไม่แพงหรอก หินพลังวิญญาณ 30 เม็ดก็พอ” ผู้จัดการเห็นว่ามีความหวังก็รีบแนะนำต่อ “ของชิ้นนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ คุณหนูสามารถซื้อกลับไปค่อยๆวิเคราะห์ได้ หากวันไหนวิเคราะห์ออกก็จะเข้าใจถึงประโยชน์ของมัน”
“พอเถอะผู้จัดการ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รวมเข้ากับของอย่างอื่นเป็นหินพลังวิญญาณ 70 เม็ด ถ้าเจ้ายอมพวกเราก็ซื้อ ถ้าหากไม่ยอมก็ไม่เป็นไร” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยปากเบาๆ
“พี่สาว มันไม่คุ้มหินพลังวิญญาณ 20 เม็ดเลย ข้าว่า 10 เม็ดก็แพงแล้ว เจ้ายังจะให้เขาตั้ง 20 เม็ด”
“เรื่องนั้น….” ผู้จัดการที่ทีแรกจะต่อรองราคาสะอึกกับคำพูดของหยูเฮง ก่อนจะยิ้มเฝื่อนๆ “ 20 เม็ดก็ 20 เม็ด ถือว่าลดแลกแจกแถมก็แล้วกัน ใครใช้ให้เจ้าของเดิมรีบร้อนจะขาย”
“ผู้จัดการ อย่าทำเป็นพูดดีไป เดิมทีก็ไม่รู้อยู่แล้วว่าของชิ้นนี้มันคืออะไร พวกเรายอมซื้อก็นับว่าดีเท่าไหร่แล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าวางไปอีก 100 ปีก็ใช่ว่าจะมีคนซื้อ” หยูเฮงที่ได้ของมาอย่างคุ้มค่ายังไม่ยอมปล่อยไป จนย่าหลาน 2 คนข้างๆแอบหัวเราะกัน
ผู้จัดการพูดอะไรไม่ออก รีบจัดการบรรจุของทุกอย่างให้ดีและมอบให้พวกนาง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมอบหินพลังวิญญาณ 70 เม็ดให้ผู้จัดการ
ภายใต้การมาส่งของผู้จัดการ ทั้ง 3 ออกจากตึกว่านซางไป ฟางซูหยุนเดินไปพลางมองอีก 2 คน “พวกเจ้า 2 คนนี่ยังไงกัน กล่องไม้ดำนั่นทำอะไรได้ ทำไมซื้อมันจริงๆล่ะ”
“ฮูหยินฟาง นี่น่ะเป็นของดีนะ สำคัญกับข้ามากๆ ต่อให้ไม่ซื้ออะไรอย่างอื่นเลยก็ต้องซื้อกล่องดำนี้ไว้ ไม่อย่างนั้นข้าต้องเสียใจตายแน่”
——————————
TQF:บทที่ 552 สมบัติถึงมือ (2)
“หืม มันคืออะไรล่ะ เจ้ารู้จักมันเหรอ ถึงให้ความสำคัญขนาดนี้ พวกเจ้า 2 คนไม่ได้มีอะไรปิดบังข้าใช่มั้ย” ฟางซูหยุนแปลกใจเป็นอย่างมาก อย่างไรซะก็คิดไม่ถึงว่ากล่องไม้ดำทะมึนแบบนี้จะสำคัญต่อหยูเฮงขนาดนั้น
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่อยู่ข้างๆเป็นคนตอบ “ท่านย่า ไม้ดำชิ้นนี้มีประโยชน์กับหยูเฮง มีแต่นางเท่านั้นที่รู้ว่ามันคืออะไร”
“เฮ่ะๆ ฮูหยินฟาง คุณหนูก็ยังไม่รู้ ไม้ดำนี่เป็นของมีที่มา เห็นมันไม่สะดุดตาแบบนี้แต่ชื่อเสียงมันเลื่องลืออยู่นะ เรียกว่าไม้เทพสายฟ้า เป็นของบำรุงชั้นดีสำหรับข้า มันสามารถทำให้ข้าวิวัฒนาการได้”
ตาของหยูเฮงเป็นประกายระยิบระยับ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ
“ไม้เทพสายฟ้า?” ได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก ฟางซูหยุนแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็พอเดาได้ว่ามันเป็นของไม่ธรรมดา ถามขึ้น “ไม้เทพสายฟ้านี่เป็นไม้ชนิดหนึ่งหรือ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่” หยูเฮงเริ่มเล่าเกี่ยวกับไม้เทพสายฟ้า “มันถือเป็นของที่กำเนิดมาเอง ปกติแล้วมันเป็นของเลอค่าที่พันปีหรือหมื่นปีถึงจะกำเนิดขึ้นมา นอกจากจะเป็นของบำรุงชั้นดีสำหรับข้าแล้ว สำหรับเหล่าปรมาจารย์ด้านการสร้างของวิเศษก็เป็นวัสดุเลอค่าที่หายากเช่นกัน น่าเสียดายที่คนรู้จักมันมีน้อยมาก ไม่อย่างนั้นก็ไม่เหลือมาจนถึงพวกเราหรอก”
“หยูเฮง เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าไม้เทพสายฟ้ากำเนิดมาจากอะไร” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวแปลกใจกับเรื่องนี้เหมือนกัน
“ง่ายมาก ตามชื่อของมันเลย มันเกี่ยวพันกับเทพสายฟ้า ถ้าให้พูดก็คือต้นของมันขึ้นในบริเวณพิเศษ หรือก็คือบริเวณที่มันขึ้นสัมผัสกับสายฟ้าบ่อยครั้ง และอยู่ใต้สายฟ้าตลอด เนื้อไม้ของมันจึงแฝงไว้ด้วยสายฟ้าซึ่งเปลี่ยนความเป็นไม้ของมันไป กลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก ไม่คิดว่าจะเจอของแบบนี้ที่นี่”
หลังจากที่หยูเฮงอธิบาย ฟางซูหยุนและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เข้าใจแล้วว่าไม้ดำๆนี่มีที่มาขนาดนี้ เรียกได้ว่าของที่ผ่านกระบวนการสร้างจากฟ้าดินย่อมไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน
ขณะเดียวกันก็อดถอนหายใจไม่ได้ หยูเฮงนี่โชคดีจริงๆ เพิ่งมาถึงผืนดินฉางไห่ก็เจอของดีขนาดนี้ ถ้าหากคนอื่นล่วงรู้ความล้ำค่านี่เข้าคงแย่งกันจนหัวแตกแน่นอน
ทั้ง 3 เดินไปคุยไป โชคดีที่คนอื่นๆไม่รู้ว่าพวกนางคุยอะไรกัน ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปได้เกิดจลาจลแน่
เนื่องจากการรวมตัวของพวกนางค่อนข้างสะดุดตา บวกกับข่าวจากตึกว่านซาง ไม่นานนักพวกนางก็ถูกคนหลายกลุ่มสะกดรอยตามมาราวกับอยากจะรู้ให้แน่ชัดว่าพวกนางเป็นใครกันแน่
กับพวกลับๆล่อๆพวกนี้แล้ว คนที่เดินอยู่ข้างหน้ารู้ตัวดี เพียงแต่ไม่ได้สนใจ เดินต่อไปเรื่อยๆ
“คุณหนู ให้ข้าสั่งสอนพวกเขาหน่อยมั้ย” เสียงของหยูเฮงดังขึ้นข้างหูเฉิงเสี่ยวเสี่ยว
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้ว คิดไปคิดมา “ไม่ต้องหรอก พวกเราเพิ่งจะมาถึงที่นี่ ถ้าพวกเขายังไม่หาเรื่องเราตอนนี้ก็ยังไม่ต้องลงมือจะดีกว่า ถ้าหากเป็นที่สังเกตุมากเกินไป ด้วยระดับวิทยายุทธของพวกเราคงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก”
“แต่พวกเราจะให้พวกเขาตามมาแบบนี้ไม่ได้ ต้องหาโอกาสสลัดพวกเขาทิ้ง”
“สลัดพวกเขาง่ายนิดเดียว เดี๋ยวเราหาที่ร้างๆบดบังสายตาของพวกเขาไว้ แล้วเข้าไปในมิติ ใช้มิติกลับไปที่โรงเตี๊ยม ทำแบบนี้ก็จะไม่ทำให้ใครล่วงรู้ถึงที่พักของพวกเรา”
“ก็ได้ เชื่อคุณหนู”
แม้ว่าหยูเฮงอยากจะเล่นสนุกกับเจ้าพวกไร้สาระพวกนี้ แต่กับความเห็นของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวนางฟังทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงได้แต่เสียใจนิดหน่อย
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่อยากจะสร้างปัญหาจริงๆ อย่างไรซะก็เพิ่งมาถึงที่นี่ อะไรๆก็ยังไม่คุ้นเคย เรื่องสำคัญที่สุดคือการตามหาคน เรื่องอื่นๆเลี่ยงได้ก็เลี่ยง
นางรีบบอกแผนนี้กับท่านย่า ฟางซูหยุนก็เห็นด้วยกับวิธีของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยังไม่มีพลัง ขอแค่ปลอดภัยไว้ก่อน
ในใจของฟางซูหยุนไม่อยากให้ใครสืบถึงเบื้องลึกเบื้องหลังตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกหน่วงเหนี่ยวไว้สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด
หลังจากที่พวกนางปรากฏตัว เหมือนกับว่าจะมีคนได้ข่าวมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ตามพวกนางอยู่เยอะขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่กล้าใช้จิตล็อกพวกนางไว้ แต่สายตาพวกเขาก็สอดส่องมาเรื่อยๆก็เปิดเผยความคิดของพวกเขาออกมา
ทั้ง 3 ทำเป็นไม่รู้เรื่องๆ เดินดูของไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีอารมณ์ในการซื้อของมากนัก เพียงแค่ซื้อของข้างทาง 2 ชิ้นที่ไม่เด่นไม่ดังมาอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจึงเดินไปทางที่ร้างผู้คนของเฉาซาง
พวกคนที่ตามหลังอยู่แอบดีใจ พวกเขารีบตามไปติดๆหวังว่าจะสืบเบื้องลึกเบื้องหลังของพวกนางได้
แต่เมื่อพวกเขาเลี้ยงเข้าไปในซอยก็อึ้งไป เห็นอยู่เต็มตาว่าทั้ง 3 คนเดินเข้าไป แต่กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตาราวกับไม่เคยมีใครเข้าไป
นี่มันเรื่องอะไรกัน
เหล่าผู้ติดตามมองหน้ากัน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยความรู้สึกของพวกเขา ทั้ง 3 คนได้มาที่นี่แน่ๆ
เพียงแต่พวกนางหายไปได้อย่างไร ใช้วิธีอะไรตบตาทุกคน ไม่มีใครรู้
แต่ไม่นานพวกเขาก็เข้าใจว่าหญิงสาวทั้ง 3 ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกนางใช้จ่ายหินพลังวิญญาณไปกว่า 200 เม็ดที่ตึกว่านซาง แค่การที่พวกนางหายไปกับอากาศต่อหน้าทุกคนก็ถือเป็นฝีมือที่สุดยอด ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธทั่วไปทำแบบนี้ไม่ได้แน่
พวกเขามองหน้ากันและกันก่อนจะรีบแยกย้ายกันไป บางคนจากไปด้วยความผิดหวัง บางคนรีบกลับไปแจ้งเจ้านาย ผู้คนนับสิบที่ล้อมซอยนี้ไว้สลายตัวไปในพริบตา
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองการจากไปของคนพวกนี้ในมิติ อดดีใจขึ้นมาไม่ได้ โชคดีที่ตัวเองมีมิติอยู่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนพวกนี้ดีเหมือนกัน
“เฮอะ คนพวกนี้ไม่ใช่คนดีหรอก”
——————————————
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น