แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 532-535
ตอนที่ 532 ตามไม่ทัน
“แล้วทำไมจะไม่ใช่ฉันล่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนเขย่งขาจะเอามือไปเชยคางอวี๋หมิงหลาง อยากจะเลียนแบบท่าทางของเขาเวลาแซวเธอ เอาคืนซะหน่อย
แต่เนื่องจากส่วนสูงและและท่าทางไม่อำนวยทำให้ผลไม่เป็นดังหวัง
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเซ็ง อารมณ์แบบขนาดเขย่งยังสูงแค่เข่าของเขา
เรื่องส่วนสูงเป็นอะไรที่ปวดใจ แต่แพ้แล้วก็ยังต้องมีมาด ยังต้องรักษาเอาไว้หน่อย
“ช่วงเวลาต่อจากนี้ของนายจนถึงเช้าวันมะรืนเป็นของฉันคนเดียว เข้าใจไหม?” เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างจริงจัง
อวี๋หมิงหลางเข้าใจทันที นี่มันโบนัส
เขาลากแขนเสี่ยวเชี่ยนด้วยความจริงจังยิ่งกว่าเธอเสียอีก ก้าวเดินฉับๆ เสี่ยวเชี่ยนยื้อไว้ไม่ให้เขาลากไป
“จะไปไหน?”
“กลับบ้านเรา จากนั้นก็—” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
หนึ่งวันสองคืนเลยนะ ฮี่ๆ~
“สมองนายนอกจากเรื่องนี้มีอย่างอื่นอีกมะ?” ผู้ ชาย พอได้กินครั้งแรกหลังจากนั้นก็เลิกใช้สมองคิดแล้ว
“งั้นในสมองคุณยังมีเรื่องอะไรที่สำคัญกว่าเรื่องนี้อีกเหรอ?” ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีนี้อวี๋หมิงหลางคิดได้แล้วอย่างน้อยๆก็แปดกระบวนท่า สถานที่ก็ในห้องครัว ระเบียง ห้องรับแขก กระจก เป็นต้น
จริงๆควรจะหาเสื้อกาวน์มาให้เธอใส่ด้วยก็ดีนะ คอสเพลย์เป็นหมอ เสี่ยวเฉียงยังคงจับจ้องอยู่ที่เรื่องนี้
“มากับฉัน ฉันต้องการนาย” เธอขยิบตาให้เขา จูงมือแล้วพาเข้าไปในร้านคาราโอเกะ
คาราโอเกะเพลย์…อวี๋หมิงหลางคิดแล้วก็…พอได้อยู่นะ
แต่สถานที่แบบนี้ไม่ค่อยสะอาด เดี๋ยวเขาอาจลองอุ้มเธอขึ้นมาแล้วก็…
ไม่มีอะไรต่อ
อวี๋หมิงหลางเดาได้แค่ตอนต้น กลับนึกไม่ถึงว่าเธอจะลากเขาเข้ามาแค่ร้องคาราโอเกะจริงๆ ไม่มีเพลย์…
ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องมืดๆด้วยกันตามลำพัง ไม่ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากร้องเพลง เงามืดในใจของเสี่ยวเฉียงมีมากเท่าไรนั้นยากจะคำนวณ
เสี่ยวเชี่ยนเลือกเพลงเก่าภาษากวางตุ้ง ฤดูแห่งสายลม เข้ามาก็เอาแต่ร้องเพลงจริงๆ ไม่ได้สนใจสายตาที่เต็มไปด้วยความนัยของอวี๋หมิงหลางเลยแม้แต่น้อย
อวี๋หมิงหลางคว้าถั่วพิททาชิโอ้มาแทะอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกว่าแม้แต่โซฟายังหัวเราะเยาะเขา
ตอนเดินเข้าเขายังคิดอยู่ว่าโซฟาไม่สะอาด ยังอยากใช้ท่าที่ดูเอาใจใส่หน่อย แต่ปรากฏว่าเขารังเกียจโซฟา โซฟาก็รังเกียจเขา
เสียงร้องเพลงของเสี่ยวเชี่ยนไพเราะจริงๆ ถึงจะเป็นภาษากวางตุ้ง แต่ก็ร้องออกมาได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ ขนาดเนื้อหาเพลงน้ำเน่าร้องซ้ำไปซ้ำมาเธอก็ยังคงไม่วางไมค์ ร้องอยู่เพลงเดียว
อวี๋หมิงหลางแทะพิททาชิโอ้หมดไปหนึ่งกำมือ เสี่ยวเชี่ยนก็ยังคงร้อง พัดไปๆ~
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…
นึกไปถึงภารกิจพิเศษที่หัวหน้าใหญ่มอบให้เขา แล้วฟังเสี่ยวเชี่ยนที่ร้องเพลงอย่างกับมาระบายอารมณ์ อวี๋หมิงหลางรู้สึกเหมือนจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว
ลูกเชี่ยนของเขาอารมณ์ไม่ดีเหรอ?
อวี๋หมิงหลางกำลังคิดหาวิธีแกล้งให้เธออารมณ์ดี ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็เหนื่อย วางไมโครโฟน ไม่พัดไปๆแล้ว
“กินน้ำเปล่าไม่สะใจ” เสี่ยวเชี่ยนกดกริ่ง พนักงานเข้ามาทันที
“เอาหลุยส์13ขวดนึง”
“พี่ครับ อันนั้นหมื่นสามเลยนะครับ” พนักงานยิ้มเป็นเชิงเตือน
“จัดมา”
“ได้ครับ รอสักครู่” พนักงานขนลุกกับสายตาเสี่ยวเชี่ยนที่มองมา ไม่กล้ารอช้ารีบออกไปทันที
“ลูกเชี่ยน ดื่มเหล้าต้องมาที่นี่ด้วยเหรอ?” อวี๋หมิงหลางจับบ่าเธอ ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
เสี่ยวเชี่ยนเหล่มองเขา “ปวดใจ?”
“ปวดใจอะไร? ร้านของไอ้บ้าเจิ้งซวี่นั่นพวกเรายอมมาใช้บริการมันควรจะดีใจด้วยซ้ำ คนที่ปวดใจควรจะเป็นมันมากกว่า”
เซ็งจริง ทำให้เขาตกใจไม่ได้ เสี่ยวเชี่ยนอุตส่าห์รอคอยจะได้เห็นสีหน้าอวี๋หมิงหลางเสียดายเงิน ปรากฏว่าเขารู้ทัน
ถูกต้อง ที่นี่คือร้านของเจิ้งซวี่
เสี่ยวเชี่ยนกับสืออวี้เคยถูกลักพาตัวที่นี่ เจิ้งซวี่รู้สึกตัวเองมีส่วนต้องรับผิดชอบที่ไม่ได้ดูแลให้ดี ด้วยความโมโหจึงซื้อกิจการของที่นี่ไว้เอง
ซื้อเสร็จก็บอกเสี่ยวเชี่ยนว่า ต่อไปถ้าเธอมาที่นี่ฟรีทุกอย่าง เขาเลี้ยงเอง เพราะไม่อยากให้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกแย่กับเรื่องคราวก่อน ทำหน้าที่ครอบครัวฝ่ายหญิงได้ดีจริงๆ
อวี๋หมิงหลางไม่รู้สึกผิดสักนิดที่ได้ขูดรีดเจิ้งซวี่ ก็แค่ไม่โอเคเท่าไรที่ต้องดื่มนอกบ้าน
“นายรู้ได้ไงว่าเป็นร้านของเจิ้งซวี่?”
“ก่อนหน้านี้ได้ยินเพื่อนสมัยเด็กคุยกันว่าช่วงนี้เจิ้งซวี่กำลังขยายธุรกิจ ซื้อกิจการโน่นนี่มาไม่น้อย ลูกเชี่ยนดูไอ้แตงกวาดำนั่น ยุ่งแต่เรื่องสกปรก ซื้อสถานที่แบบนี้ไว้เห็นๆอยู่ว่าเพื่อความสุขทางเพศของตัวเอง ชอบให้สาวแต่งตัวโป๊มายืนเรียงแล้วก็จับนู่นลูบนี่ คนในเหมาะมือก็เอาไว้ ลามกจะตาย”
เรื่องใส่ร้ายเจิ้งซวี่เป็นงานถนัดเสียยิ่งกว่าถนัดของอวี๋หมิงหลาง
เสี่ยวเชี่ยนทำสีหน้ากึ่งยิ้มมองอวี๋หมิงหลางพูดเพ้อเจ้อหน้าตาเฉย สาวแต่งตัวโป๊ยืนเรียงแถวบรรยายได้เห็นภาพมาก
“แล้วรู้ได้ไงว่าที่นี่เป็นของเจิ้งซวี่?”
“คุณเล่นสั่งของแพงแบบไม่เกรงใจ ดูก็รู้ว่าต้องมีคนหนุนหลัง แต่เสียวเหม่ย ผมขอเตือนในฐานะที่เป็นสามี ต่อไปคุณอย่ามาที่นี่อีกดีกว่า ถ้าเกิดไอ้แตงกวาดำมันลากคุณไปเลือกน้องๆของมันขึ้นมาจะทำไง?”
หึงก็ยอมรับมาตรงๆเลยสิ ยังจะลากเอาเธอเข้าไปเกี่ยวนอกเรื่องอีก พูดมาตรงๆก็จบ
เสี่ยวเชี่ยนมองเขาด้วยความรู้สึกอยากขำ ไหนมีไรว่ามาอีกสิ ดูซิว่าจะเพ้อเจ้อได้ถึงไหน
จิตใต้สำนึกของอวี๋หมิงหลางมีความสามารถในการแยกแยะเก่งมาก ขอแค่เป็นข้อมูลที่เคยได้ผ่านหูผ่านตาเขาก็จะถูกแยกประเภทจัดเก็บไว้อย่างดี เวลาใช้ก็สามารถดึงออกมาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นหัวหน้าใหญ่ถึงได้บอกว่าเขาเป็นคนเซ้นส์ดี อย่างที่เขาแค่ได้ยินไห่เจาพูดว่าช่วงนี้เจิ้งซวี่กำลังขยายธุรกิจ เขาก็วิเคราะห์ได้ทันทีว่าถ้าเสี่ยวเชี่ยนสามารถสั่งเหล้าราคาหลักหมื่นำได้หน้าตาเฉยก็คงต้องเป็นกิจการของเจิ้งซวี่อย่างแน่นอน
ทำไมเจิ้งซวี่ถึงได้ซื้อที่นี่ อีกทั้งยังให้เสี่ยวเชี่ยนใช้บริการฟรีตลอดชีพ เสี่ยวเชี่ยนเชื่อว่าอวี๋หมิงหลางรู้เหตุผล เพียงแต่พอราชาจอมหึงเข้าสิงเขาก็หึงเตลิดไปไกล
หลังจากที่อวี๋หมิงหลางใส่ร้ายอดีตศัตรูหัวใจอย่างหนำใจแล้วก็ไม่เห็นเสี่ยวเชี่ยนใช้ท่าไม้ตายกับเขา เธอแค่ส่งยิ้มแฉ่งให้
“ลูกเชี่ยน คุณไปเจอเรื่องแย่ๆมาเหรอ?”
อยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นโหมดอ่อนโยน ตามไม่ทันโว้ย
“นายรู้ได้ไงว่าฉันอารมณ์ไม่ดี เซ้นส์นายบอก?” เสี่ยวเชี่ยนขยับตัวเล็กน้อย เพราะท่าในตอนนี้ไม่ค่อยสบายเท่าไร เธอเลยขึ้นไปนั่งบนตัก เอาสองขาพาดคอเขา
ไฟหลากสีสลัวได้ส่องให้ใบหน้าของทั้งสองคนมีสีสัน อวี๋หมิงหลางที่มองเธอย่างเคลิบเคลิ้มอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาก้มหน้าอยากจะงับปากแสนซุกซนของเธอ แต่กลับถูกเธอเบือนหน้าหนี
อยากขนาดนี้แต่ทำทีเป็นปฏิเสธ ทันใดนั้นอวี๋หมิงหลางก็เหมือนจะเข้าใจประโยคที่เฉียวเจิ้นชอบพูดบ่อยๆตอนโทรหาสืออวี้ คุณมันปีศาจจอมทรมานคน
สืออวี้ชอบอ่านนิยายบอสจอมโหด ว่างๆก็ชอบให้เฉียวเจิ้นอ่านให้ฟัง บางครั้งอวี๋หมิงหลางเผลอไปได้ยินเข้ายังขนลุก แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเสี่ยวเชี่ยนเหมือนปีศาจจริงๆ
มือข้างหนึ่งจับไปที่หัวเธอแล้วใช้นิ้วแกะมวยผมบนหัวเธออย่างคล่องแคล่ว นิ้วของเขาสางลงมาตามเส้นผม จากนั้นก็ถอดเสื้อนอกเธอออก เหลือเพียงแต่เกาะอกลูกไม้สีขาว เสื้อตัวนอกเธอใส่สูท ดูผิวเผินเหมือนไม่มีอะไร แต่พอถอดออกเผยให้เห็นหัวไหล่ขาวนวลเนียน เขามองอย่างลึกซึ้ง เอาหน้าซุกเข้าไปในเส้นผมเธอ จากนั้นมือก็เริ่มอยู่ไม่สุข
ตอนที่ 533 เสียดแทงแสลงใจ
“ตาคนป่าเถื่อนคิดจะทำอะไรน่ะ หืม?” เสี่ยวเชี่ยนยกหัวขึ้นมาเล็กน้อย ปากของเขาก็รีบตามขึ้นไปดื่มด่ำกับความขาวนวลทันที
“เดาดูสิ…” เขาคิดแบบไหนก็ทำแบบนั้น
หนวดที่เพิ่งงอกออกมาทิ่มเข้าที่ผิวบอบบางของเธอ รู้สึกเจ็บนิดๆกำลังดี
เสี่ยวเชี่ยนหลับตาดื่มด่ำกับช่วงเวลาใกล้ชิดกับคนรัก นี่ก็คือความรู้สึกที่เธอกำลังโหยหา ความพอใจที่ทำให้ประสาทชาได้ทั้งตัวยิ่งกว่าฤทธิ์เหล้า ความรู้สึกเหมือนได้ที่พักพิง ดึงเธอออกมาจากความรู้สึกแย่ๆที่มาจากการรักษาผู้ป่วย
เธอต้องการที่พักพิง ต้องการสลัดความทุกข์อันเจ็บปวดที่ผู้ป่วยนำมาให้เธอ
หูเหม่ยจิ้งถูกเธอฉุดขึ้นมาจากความสิ้นหวัง แต่หัวใจเธอกลับยังอยู่ในวังวนแห่งนั้น การปรากฏตัวของอวี๋หมิงหลางสามารถทำให้เธอสลัดความไม่สบายใจเหล่านั้นได้พอดี
เมื่อชาติก่อนเสี่ยวเชี่ยนก็จะมีอารมณ์จิตตกหลังจากการทำงานบ้างเป็นครั้งคราว เธอจะใช้เหล้ามาทำให้ตัวเองชินชา แต่ตอนนี้เธอเจอวิธีดับความเครียดที่ดีกว่าสุราแล้ว
นับตั้งแต่วินาทีที่เขาปรากฏตัว หัวใจเธอก็มั่นคง
อวี๋หมิงหลางไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงทำให้วันนี้เสี่ยวเชี่ยนเหมือนดูปีศาจสาว ถึงแม้เธอจะไม่ได้ทำอะไรที่เกินเลย แต่สายตาเธอนั้นดูยั่วยวน มองเขาเสียจนเขาไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น นอกจากอยากหลอมรวมกับเธอเป็นร่างเดียว ไม่ต้องแยกจากกันอีก
บรรยากาศร้อนแรงขึ้นจากการที่ทั้งสองคนมีท่าทีหยอกล้อคล้ายทะเลาะกัน จากนั้นสายตาของเขาที่มองอย่างลึกซึ้งก็ค่อยๆเปลี่ยนไป คราวที่แล้วสายตาแบบนี้ของเขาปรากฏขึ้นตอนที่ทั้งสองคนเล่นผีผ้าห่มกันในโรงแรม ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยเสี่ยวเชี่ยนออก จากที่อยู่ด้านบนเธอกลับกลายมาอยู่ด้านล่าง เขาจับเธอกดลงบนโซฟาแล้วเริ่มดึงเสื้อผ้าเธอออก
“มารบกวนหน่อย โอ๊ะ ฉันมาขัดจังหวะหรือเปล่า?”
เจิ้งซวี่ถือเหล้าสองขวดเดินผลักประตูเข้ามา เอาตัวพิงประตูยืนมองอวี๋หมิงหลางที่ต้องหยุดชะงักการทำภารกิจ ใบหน้าแสดงความยิ้มเยาะ
“แม่ง”
อวี๋หมิงหลางสบถ เอาเสื้อนอกที่เพิ่งถอดรีบคลุมให้เสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เหนือความคาดหมายอะไร เธอเดาไว้ว่าเจิ้งซวี่มาที่ร้านก่อนตั้งนานแล้ว จากนั้นค่อยออกมารบกวนตอนที่เสี่ยวเฉียงอารมณ์กำลังได้ที่
ยิ้มสมน้ำหน้าแบบนั้นเป็นหลักฐานอย่างดี
“คิดถึงแม่ก็กลับไปหาสิ ร้านฉันเป็นร้านคาราโอเกะ ไม่มีแม่แกหรอก” เจิ้งซวี่วางเหล้าลงบนโต๊ะพลางมองเสี่ยวเชี่ยนที่นั่งคลุมเสื้อของอวี๋หมิงหลางอยู่ รู้สึกเสียดแทงใจเบาๆ
“ผมเปลี่ยนเอาที่ราคาถูกลงหน่อยมาให้พวกคุณ ร้านผมเพิ่งเอาราคาขวดละเจ็ดหยวนมาลง เอามาเลี้ยงคนที่เก็บอารมณ์กันไม่อยู่แล้วอย่างพวกคุณกำลังดี กินเสร็จพรุ่งนี้ปวดหัวตายแน่”
อวี๋หมิงหลางกดขวดเหล้าไว้ไม่ให้เจิ้งซวี่ปล่อย “ของแบบนี้แกเก็บไว้กินหลังกินตับสาวเสร็จเหอะ พวกเราสองคนเป็นคนปกติ ไม่เหมือนคนป่าเถื่อนกินไม่เลือกอย่างแก”
“ขี้เกียจเสวนากับคนอย่างแก” เจิ้งซวี่ก็แค่ล้อเล่น เขาข้ามตัวอวี๋หมิงหลางไปนั่งกับเสี่ยวเชี่ยน
“วันนี้นึกไงมาที่ร้านผมได้?”
“ไม่ต้อนรับเหรอ?”
“จะเป็นไปได้ไง แต่ครั้งหน้ามาคนเดียวนะ ผมยังมีเหล้าดีๆเก็บไว้เยอะ ไว้เรามาดื่มกันสองคน ตัวนี้ไม่ต้องพามาเดี๋ยวไปกัดคนเข้า”เจิ้งซวี่ชี้ไปที่อวี๋หมิงหลางที่กำลังทำหน้าเหมือนกินรังแตนเข้าไป
อวี๋หมิงหลางตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยวตอนเทเหล้าจะฉวยโอกาสตอนที่ไอ้แตงกวาดำไม่สนใจแอบถ่มน้ำลายใส่ลงไป
“ไอ้เจิ้งเบอร์สอง ไม่มีงานทำเหรอ? ไม่ไปสัมภาษณ์สาวๆอกอึ๋มหรือไง? ได้ยินว่าที่นี่สาวเยอะนี่ เถ้าแก่เจิ้งปกติงานยุ่งตลอด”
“นายรู้ได้ไงว่าที่นี่สาวเยอะ?” เสี่ยวเชี่ยนถามด้วยความสงสัย
เจิ้งซวี่ทำหน้า ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ออกมาทันที แล้วตบบ่าอวี๋หมิงหลางพลางพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ
“นึกไม่ถึงว่าไอ้เล็กก็มีมุมเจ้าชู้กับเขาด้วย มีเมียสวยขนาดนี้อยู่แล้วทั้งคนยังจะคิดถึงสีสันนอกบ้านอีก จึ๊ๆๆ คนกันเองโตมาด้วยกัน ต่อไปถ้าแกมา ชอบสาวอึ๋มคนไหนก็เอาไปเลย ฟรี”
“ของแบบนั้นแกเก็บไว้เองเหอะ โลกต่อให้มีสีสันกว่านี้ก็สู้ลูกเชี่ยนของฉันไม่ได้แม้แต่ปลายผม ใช่ไหมลูกเชี่ยน?” อวี๋หมิงหลางประกาศอำนาจถือความครอบครองแล้วโอบเธอเข้ามา
จากนั้นก็ส่งสายตาเตือนสาวแสบที่กำลังสนุกทำเป็นเข้ากันได้ดีกับไอ้แตงกวาดำ เดี๋ยวกลับไปจะสั่งสอนทั้งคืนในหัวข้อความสำคัญของครอบครัว เขากับเธอต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน
“ฉันว่าฉันโอเคนะ แต่ถ้าเมื่อไรที่นายเบื่อๆอยากออกไปส่องสาวๆบ้างฉันก็ไม่ห้าม”
“ฮ่าๆๆ” เจิ้งซวี่หัวเราะชอบใจใหญ่ อวี๋หมิงหลางหน้าบึ้งใหญ่แล้ว
“นี่คุณเป็นเมียผมเปล่าเนี่ย?” จิตใจของอวี๋หมิงหลางถูกทำร้ายอย่างรุนแรง นี่เขาไม่มีตัวตนในครอบครัวเลยเหรอ ไอ้แตงกวาดำถึงได้มาหัวเราะเยาะต่อหน้าเขาได้?
“ฉันยังพูดไม่จบ เมื่อไรที่นายอยากออกไปเที่ยวพบปะสีสันโลกภายนอกฉันก็ไม่ห้าม อย่างมากก็แค่—” เสี่ยวเชี่ยนหยิบแตงกวาในจานผลไม้ขึ้นมาหักอย่างดุเดือด
เจิ้งซวี่กลืนน้ำลาย แล้วเหล่มองน้องชายของตัวเองโดยอัตโนมัติ
อวี๋หมิงหลางบาดแผลหายสนิท แล้ว หึ ออกมาอย่างได้ใจ
“ต้องแบบนี้สิ”
เขาเหล่มองเจิ้งซวี่อย่างคนได้รับชัยชนะ เห็นยัง ว่าที่ภรรยาข้าแคร์ข้าโว้ย
เจิ้งซวี่แอบมองบนในใจ ถ้ามีแฟนฉลาดขนาดนี้เขายอมโสดดีกว่า ดูอย่างไอ้เล็ก เมื่อก่อนนักเลงเป็นบุคคลระดับตำนาน ตอนนี้ไหงมาถึงขั้นที่ต้องยอมหงอให้ผู้หญิง?
ถูกหักแตงกวาเอ็งมีความสุขเหรอวะ?
ความรักนี่ทำให้คนสมองเพี้ยนจริงๆด้วยสินะ
เดิมแผนของเสี่ยวเชี่ยนก็คือมาร้องเพลงกับอวี๋หมิงหลางสักพัก ดื่มเหล้านิดหน่อยพอกรึ่มๆ จากนั้นก็ทำเรื่องอย่างว่า
พูดตามตรงก็คืออยากกลับมาหาความรู้สึกมีเซ็กซ์หลังเมาแบบเมื่อชาติก่อน เพื่อระบายความเครียดที่อยู่ในใจ
แต่หลังจากที่เจิ้งซวี่ถือเหล้าเข้ามา ก็เริ่มจะควบคุมบรรยากาศไม่ได้
เสียงร้องของเจิ้งซวี่ค่อนข้างทุ้มต่ำ น้ำเสียงแหบนิดๆ พอร้องดูได้อารมณ์ไปอีกแบบ เขาเลือกเพลงเก่าในอดีต ร้องไปก็ส่งสายตาให้เสี่ยวเชี่ยน เล่นเอาอวี๋หมิงหลางรู้สึกหงุดหงิด
“หลงรักคนที่ไม่กลับบ้าน รอคอยประตูที่ไม่เปิดออก สายตาที่เฝ้าคอย ริมฝีปากที่เม้มสนิท ใยเล่าจะต้องวิงวอนอย่างทรมาน เฝ้าถามอย่างปวดใจ~”
อวี๋หมิงหลางดื่มเหล้า หมั่นไส้เจิ้งซวี่สุดๆ
ฟังๆๆๆ ร้องอะไรของมันวะ
น้ำเสียงก็ไม่ได้เรื่อง เนื้อเพลงก็น้ำเน่า นี่มันร้องให้ลูกเชี่ยนเพื่อแกล้งเขาชัดๆ
นี่ไม่ใช่เป็นการสื่อบอกลูกเชี่ยนเหรอว่า อวี๋หมิงหลางไปทำงานไม่ค่อยกลับบ้านบ่อยๆ ถ้าลูกเชี่ยนแต่งกับเขาก็ต้องเฝ้าบ้านอย่างโดดเดี่ยว?
อวี๋หมิงหลางเหลือบมองเสี่ยวเชี่ยน ในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดูลูกเชี่ยนสิ ฟังเคลิ้มเชียว เพลงน้ำเน่าแบบนั้นเพราะตรงไหน?
ไม่ได้ คนอย่างพี่หลางไม่มีทางปล่อยให้คนมารังแกแล้วไม่ตอบโต้ ถึงเวลาที่ต้องทำให้ไอ้แตงกว่าดำรู้ฤทธิ์เดชของเขาเสียบ้าง
ตอนที่ 534 ทำร้ายคนโสด
เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงเจิ้งซวี่เมื่อชาติที่แล้ว เธอกับเขาเที่ยวด้วยกันสนุกที่สุด ไปร้องคาราโอเกะด้วยกันบ่อย เจิ้งซวี่เสียงเพราะ โดยเฉพาะเพลงรักเขาถนัดที่สุด
ถ้าเขาร้องเพลงของนักร้องผู้หญิง จะมีความไพเราะไปอีกแบบ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นเดิม
มีครั้งหนึ่งวันเกิดเธอเจิ้งซวี่ปิดร้านแล้วร้องเพลงรักให้เธอ ตอนนั้นรู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนที่ใจกว้างมาก
ตอนนี้มาคิดดู ตอนนั้นเจิ้งซวี่ต้องคิดอะไรกับเธอแน่ๆ แต่น่าเสียดายที่เธอเป็นคนความรู้สึกไม่ไหวในเรื่องความรักจึงไม่รู้ตัว
ชาตินี้ผ่านเรื่องมาตั้งมากมาย เขากับเสี่ยวเฉียงชอบเขม่นใส่กันเวลาเจอ ดูๆไปก็สนุกดี
ต่อล้อต่อเถียงกันได้บ่อยขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าทั้งสองคนปล่อยวางได้ ไม่อย่างนั้นคงเกลียดไม่มองหน้ากันไปนานแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนก็แค่นั่งดูเหตุการณ์สนุกๆ แต่อวี๋หมิงหลางหึงจริงจัง เจิ้งซวี่ทำให้เขาหมั่นไส้ เขาเองก็ไม่ยอมเสียเปรียบเหมือนกัน
ดังนั้นพอเจิ้งซวี่ร้องจบ อวี๋หมิงหลางก็เลือกเพลงบ้าง
ดนตรีมา เสี่ยวเชี่ยนกับเจิ้งซวี่อึ้งไปพร้อมกัน
นี่มัน…
เจิ้งซวี่เกือบพ่นเหล้าออกมา สำลักจนไอแค่กๆ เสี่ยวเชี่ยนก็ถึงกับปากกระตุก
อวี๋หมิงหลางมองเจิ้งซวี่อย่างได้ใจใหญ่ ส่งสายตาข่มเต็มที่
“นายจะร้องเพลงทหารเนี่ยนะ?” เสี่ยวเชี่ยนหมดคำจะพูด
เขาเลือกเพลงเกี่ยวกับกองกำลังทหารปลดแอก ใช่ ไม่ผิดหรอก อารมณ์แบบ เดินหน้า เดินหน้า เดินหน้า เดินไปข้างหน้า
อวี๋หมิงหลางอธิบายเพิ่มเพื่อทำให้ตัวเองดูเท่ห์ขึ้นมา “นี่เวอร์ชั่นร็อคแอนด์โรล ไม่ใช่เวอร์ชั่นเก่า เดี๋ยวพี่คนนี้จะปลุกใจให้เอง”
เป็นไงล่ะ ไอ้แตงกวาดำกล้าร้องเพลงยุผู้หญิงของเขา หลงรักคนไม่กลับบ้านบ้าบออะไร ถุย
ที่เขาไม่กลับบ้านก็เพราะปกป้องประเทศ รักษาความสงบสุข มันจะเหมือนกับไอ้แตงกวาดำที่ออกไปอยู่กับสาวอกอึ๋มทุกวันได้ไง?
ต้องร้องเพลงทหารที่ไม่เหมือนใครให้เบบี๋ของเขาฟังหน่อย ล้างหูที่ต้องฟังเสียงไอ้แตงกวาดำเมื่อกี้
เวอร์ชั่นเดิมจะดูเป็นทางการไป เขาเลยเลือกเวอร์ชั่นร็อคแอนด์โรล จะแสดงให้ลูกเชี่ยนเห็นว่าคนอย่างเขาก็ High เป็น แล้วก็จะแสดงให้เห็นอีกด้านของทหารยุคใหม่ ใครว่าพวกทหารเป็นพวกตายด้าน ใครว่าพวกทหารสนุกไม่เป็น
“เดินหน้า เดินหน้า เดินหน้า กองทัพของเราไปสู่ดวงอาทิตย์ สองเท้าย่ำอยู่บนแผ่นดินเกิด แบกไว้ซึ่งความหวังของประชาราษฎร์ พวกเราคือพลังไปสู่ชัยชนะ”
เดิมจังหวะก็ปลุกใจอยู่แล้ว มาเจอเวอร์ชั่นร็อคแอนด์โรลเข้าไปตะโกนคอแทบแตก วอร์มเสียงอยู่ที่หน่วยมานานตอนนี้มีโอกาสได้ใช้แล้ว ต้องกำจัดบรรยากาศหวานเลี่ยนของไอ้แตงกวาดำเมื่อกี้ให้สิ้นซาก
เจิ้งซวี่ฟังได้สักพักก็ทนเสียงอวี๋หมิงหลางตะโกนใส่ไมค์อย่างเมามันไม่ไหวอีกต่อไป
“ผมออกไปสูบบุหรี่นะ”
เขาพูดกับเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนเห็นแค่ปากเขาขยับแต่ไม่รู้ว่าพูดว่าอะไร ภายในห้องมีแต่เสียงอวี๋หมิงหลางตะโกนร้องเพลง
เจิ้งซวี่ออกไปแล้ว อวี๋หมิงหลางยกนิ้วหลางไล่หลังเขา หึ เป็นไง กลัวล่ะเซ่
อันที่จริงเสี่ยวเชี่ยนก็อยากตามออกไป มันทำลายโสตประสาทเหลือเกิน…
แต่เห็นอวี๋หมิงหลางตั้งอกตั้งใจร้องจนเส้นเลือดปูด ต่อไปจะไม่ให้เขาร้องร็อคแอนด์โรลแล้ว ปกติร้องเพลงไม่เห็นจะผิดจังหวะ ทำไมร้องเพลงทหารถึงออกมาเป็นแบบนี้?
ผิดจังหวะก็เอาเถอะ ประเด็นคือยังร้องต่อได้หน้าตาเฉย อินอะไรขนาดนั้น
“เหล่าทหารพร้อมหน้าไปยังชายแดน เดินหน้า เดินหน้า เดินหน้า กองทัพของเราเดินหน้าสู่ชัยชนะและสันติสุข โว้โว~” เพื่อให้ได้อารมณ์แบบร็อคแอนด์โรลตอนท้ายมีโชว์พลังเสียงด้วย?
เอาเถอะ เสี่ยวเชี่ยนบรรยายไม่ถูกว่าเป็นไง แต่น่าสะพรึงพอตัว
ต่อไปต้องให้อวี๋หมิงหลางอยู่ห่างจากร็อคแอนด์โรล อาจไปทำวงการเขาเจ๊งได้…
คล้ายกับรู้สึกได้ถึงสายตาของเสียวเหม่ยที่จับจ้องมา อวี๋หมิงหลางหันไปทำสีหน้าขอรางวัลจากเธอ เสี่ยวเชี่ยนสมกับเป็นบอสที่ผ่านศึกมามากมาย ส่งจูบพร้อมรอยยิ้มสดใสกลับไปให้เขา
ที่รัก รีบกลับมาสู่โลกปกติเถอะ อย่าร้องอีกเลย
อวี๋หมิงหลางรับรู้ไม่ได้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเสี่ยวเชี่ยน คิดว่าเธอชอบเลยยิ่งได้ใจ ยังอยากจะเอาอีกสักเพลงเพื่อแสดงให้เห็นความสามารถของทหารยุคใหม่
เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นเขาคิดจะต่อถึงกับยิ้มค้าง รีบพุ่งเข้าไปกอดเขาจากทางด้านหลัง
“พี่ร้องเพลงเท่ห์ไหม? เจ๋งกว่าไอ้แตงกวาดำหรือเปล่า?”
“เท่ห์มากจ้ะพี่ สุดยอดไปเล้ย” แต่อย่าร้องอีกเลยนะ ร้องอีกคู่หมั้นจะหนีนะพี่นะ ความรักทนการทดสอบแบบนี้ไม่ไหว จริงๆนะ
“นายร้องเพลง เพลงรัก 1980 ให้ฉันได้ไหม?” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าเขาร้องเพลงอื่นก็เพราะอยู่ แต่ร็อคแอนด์โรลน่ะขอเถอะ
“ทำไม อยากฟังเพลงนั้นเหรอ?” หลังจากที่อวี๋หมิงหลางกลับมาจากหลุมศพของโลนวูล์ฟก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเพลงนี้อีก รู้สึกว่ามันกลายเป็นอีกความหมายหนึ่ง ฟังแค่ทำนองยังปวดใจ
“อยากฟัง”
เสี่ยวเชี่ยนอยากลองดูความเข้มแข็งของจิตใจอวี๋หมิงหลาง อยากรู้ว่าจะแข็งแกร่งเหมือนท่าทางที่แสดงออกหรือเปล่า
“80 มันผ่านมานานแล้ว เปลี่ยนเป็นเพลงอื่นเถอะ”
อวี๋หมิงหลางรู้สึกว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียว สมาชิกเก่าของหน่วยโลนวูล์ฟก็คงไม่ร้องเพลงนี้อีกแล้ว ตอนร้องที่หน้าหลุมศพของโลนวูล์ฟคือครั้งสุดท้าย
เสี่ยวเชี่ยนเองก็ไม่บังคับ เธอเขย่งเท้าจุ๊บเขาหนึ่งที “มันผ่านไปแล้ว ถ้าไม่สบายใจมาให้หมอเฉินรักษาได้นะ”
อวี๋หมิงหลางลูบหัวเธอ “ล้อเล่นเหรอ?”
แววตาของเสี่ยวเชี่ยนดูซุกซน เสี่ยวเฉียงของเธอเป็นคนที่ภายนอกเย็นชาแต่ข้างในอบอุ่น
“งั้นฉันร้องเพลงให้นายฟังดีกว่า—จริงสิ ที่ไห่เจาพูดน่ะจริงเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนเปิดสมุดเพลงพลางถาม
“ไห่เจาพูดอะไร?”
“ตอนเด็กๆเวลานายเห็นหมาแมวตายชอบไปแอบร้องไห้จริงหรือเปล่า?” เมื่อก่อนไม่เชื่อตอนนี้เชื่อแล้ว เขาเป็นคนที่จิตใจลึกซึ้งมาก
“……” เดี๋ยวเขากลับไปจะไปเย็บปากไห่เจา พูดมากจริง
“เจอแล้ว เพลงนี้แหละ ขอมอบให้ผู้ชายของฉัน เพลงนี้ชื่อว่า—”
เจิ้งซวี่คาบบุหรี่จะกลับเข้าไป เขายืนอยู่หน้าห้องไม่ได้ยินเสียงโหยหวนของอวี๋หมิงหลางแล้วก็โล่งอก หูที่ในที่สุดก็สบายขึ้นทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงนุ่มนวลลอยมา
นี่เป็นเพลงภาษาอังกฤษที่เพิ่งออกมา ดังมากในช่วงนี้ ติดทุกชาร์ตเพลง เนื้อหากินใจ ในรถของเจิ้งซวี่ก็มีซีดีเพลงนี้
“If the hero never comes to you,If you need someone you’re feeling blue”
ท่อนแรกอวี๋หมิงหลางร้อง ชัดเจนเลยว่าเขาร้องเพลงรักเบาๆได้ดีกว่าร็อคแอนด์โรลมาก
ถ้าฮีโร่ของคุณยังมาไม่ถึง ถ้าคุณรู้สึกแย่ต้องการใครสักคนเป็นเพื่อน
ท่อนต่อไปเสี่ยวเชี่ยนร้อง
“If you wait for love and you’re alone.”
จากนั้นทั้งสองคนก็ร้องพร้อมกัน อารมณ์อันลึกซึ้งของเขา อารมณ์สบายๆของเธอ ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ไพเราะอย่างน่าอัศจรรย์
เพลงนี้ชื่อว่า cry on my shoulder ร้องไห้ที่บ่าของฉัน
โดยเฉพาะตอนที่เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางร้องว่า ร้องไห้ที่บ่าของฉัน พร้อมกัน เจิ้งซวี่รู้สึกเสียดแทงใจมาก
ตอนที่ 535 ไม่รู้จักคบเพื่อน
มือของเจิ้งซวี่คาอยู่ที่ประตู เขาลังเลที่จะผลักมันเข้าไป ยืนอยู่ตรงนั้นตั้งใจฟังเพลงแสลงใจคนโสด
ไม่มีใครสามารถเข้าไปแทรกลางระหว่างคู่รักที่อยู่ในห้องนั้นได้ แม้แต่ร้องเพลงยังเข้ากันได้ดี
เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางคงต่างวางใจที่จะให้อีกฝ่ายยืมไหล่ซึ่งกันและกัน หากเหนื่อยหรืออ่อนล้าก็เอียงมาซบได้เสมอเผื่อเติมพลังให้แก่กัน
“โวะ นี่ฉันมายั่วโมโหไอ้เล็กหรือมารนหาที่ให้สองคนนี้ทรมานใจกันแน่เนี่ย” เจิ้งซวี่สบถเบาๆ ข้างในเงียบไปแล้ว ใช้หัวเข่าคิดยังรู้เลยว่าร้องเสร็จคงจูบกันไปเรียบร้อย
เขามาเพราะอยากยั่วโมโหอวี๋หมิงหลาง ปรากฏว่าถูกทรมานจิตใจซะงั้น
การล้างแค้นของเจิ้งซวี่นั้นง่ายๆ ตรงไปตรงมา เขาไม่ได้เปลี่ยนเอาเหล้าคุณภาพแย่มาให้ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้เปลี่ยนเหล้า ยังยกเบียร์มาให้อีกสองลัง หวังจะมอมอวี๋หมิงหลางให้เมาจนล้มพับ จะปล่อยให้สองคนนี้มีค่ำคืนที่เร่าร้อนไม่ได้
เดิมเสี่ยวเชี่ยนก็คิดจะมอมเหล้าเสี่ยวเฉียงอยู่แล้ว แต่พอเห็นเจิ้งซวี่แสดงท่าทีชัดเจนว่าอยากมอมเหล้าผู้ชายของเธอ เธอก็แอบไม่อยากร่วมมือรังแกเสี่ยวเฉียงเท่าไร ครั้นแล้วจึงเลือกที่จะนั่งดื่มไปเงียบๆ อวี๋หมิงหลางเองก็อยากทดสอบดูว่าเสียวเหม่ยของเขาคอแข็งแค่ไหน ถือโอกาสมอมก้างขวางคอไปด้วย ดังนั้นทั้งสามคนจึงเริ่มดื่ม
นักดื่มทั้งสามคนต่างมีแผนอยู่ในใจ พวกเขาดื่มไปทีละแก้วคล้ายกับกำลังดื่มน้ำเปล่า ขวดเปล่าค่อยๆเรียงกันเป็นแถวมากขึ้นเรื่อยๆ
เบียร์สองลังดูท่าจะไม่พอ เอาเพิ่มอีกหนึ่งลัง
คุณชายเจิ้งอยู่ในวงการนี้ย่อมคอแข็งอยู่แล้ว แต่วันนี้เขาเจอคนที่เหนือกว่า
เสี่ยวเชี่ยนจากตอนแรกที่หน้าแดง ยิ่งดื่มยิ่งขาว ยิ่งดื่มยิ่งเยือกเย็น อวี๋หมิงหลางจากที่ตอนแรกคุยโม้กับเจิ้งซวี่พอดื่มเหล้านอกได้สองขวดก็เริ่มนิ่งเงียบ สายตาจริงจัง คล้ายกับเปลี่ยนเป็นอีกคน
เจิ้งซวี่ดื่มจนรู้สึกปั่นป่วนในท้อง พอเห็นสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่งนิ่งหน้าตาเฉยในใจเขาก็แอบหวั่น
เขาชี้เสี่ยวเชี่ยน “คุณ คุณ ดื่มเก่งมาก…”
อวี๋หมิงหลางปัดมือเขาทิ้ง น้ำเสียงเย็นชากว่าปกติสองเลเวล “อย่าชี้เธอนะ”
พอถูกอวี๋หมิงหลางปัดมือทิ้ง เจิ้งซวี่ก็รู้สึกว่าเหล้าที่เพิ่งดื่มเข้าไปจะพุ่งออกมา สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวเอามือปิดปากยืนโงนเงนขึ้น แล้วรีบพุ่งไปที่ห้องน้ำ ดื่มกับพวกอมนุษย์สองคนนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาอยากอ้วก
เมื่อเหลือกันอยู่สองคนในห้อง เสี่ยวเชี่ยนที่นั่งนิ่งมั่นคงดั่งภูผามองอวี๋หมิงหลางที่นั่งอยู่เฉยๆ ในใจเกิดคำถามตัวโตๆ
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เธอจำได้ว่าชาติที่แล้วเสี่ยวเฉียงไม่ได้ดื่มเก่งขนาดนี้นี่นา…
ตอนนั้นเธอใช้เหล้านอกขวดเดียวก็ล้มเขาได้แล้ว จากนั้นก็ลากเข้าโรงแรมจัดการรวบหัวรวบหาง
แต่ตอนนี้—
สายตาของเสี่ยวเชี่ยนกวาดตามองขวดเปล่าบนโต๊ะ ดื่มมากขนาดนี้ ขนาดเจิ้งซวี่ยังไม่ไหว แล้วทำไมเสี่ยวเฉียงยังไม่ล้มพับ?
หรือชาตินี้ร่างกายเสี่ยวเฉียงดีกว่าชาติก่อน? เลยคอแข็งมาก?
เธอยังคงพยายามคิดว่าผิดพลาดตรงไหนกัน ทำไมเสี่ยวเฉียงถึงได้แตกต่างจากชาติที่แล้วนัก เมื่อชาติก่อนเขาดื่มไปได้ประมาณหนึ่งก็จะฟุบหลับไป ชนิดที่ว่าถอดเสื้อผ้าออกเขาก็ยังไม่รู้สึกตัว
แน่นอนว่าพอถึงช่วงเวลาสำคัญเขาตื่น ไม่อย่างนั้นให้เสี่ยวเชี่ยนทำเรื่องอย่างว่าเองเธอก็คงไปต่อไม่ไหว เธอถอดเสื้อผ้าให้เขาเสร็จแล้วเขาถึงตื่น จากนั้นคนกุมอำนาจก็คือเขา
แต่พอเห็นท่าทางของเสี่ยวเฉียงในตอนนี้แล้ว เธอไม่แน่ใจว่าเขาเมาหรือเปล่า อวี๋หมิงหลางตอนดื่มเหล้าดูแตกต่างจากปกติมาก
เสี่ยวเชี่ยนเผลอไปสบตากับเขา มันเป็นสายตาที่มีความเด็ดขาด คล้ายกับเวลาเขาทำงาน แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว ดูเพิ่มความเร่าร้อนเข้าไป คล้ายกับอยากจะกลืนกินเธอ
“นายเมาแล้วเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนลองถาม ไม่สามารถฟันธงได้ ตานี่เมาหรือเปล่ามีแค่สวรรค์ที่รู้
“เดาดูสิ” อวี๋หมิงหลางนิสัยเปลี่ยนไปมากหลังจากดื่มเหล้า ดูแบดบอยนิดๆ เขาเอานิ้วหยาบกระด้างไปลูบใบหน้ารูปไข่ที่แสนบอบบางของเธอ “คุณดื่มเก่งนะ”
เสี่ยวเชี่ยนคอแข็งกว่าเจิ้งซวี่ แต่ก็ไม่ใช่ชนิดที่ว่าดื่มแล้วจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย ฤทธิ์เหล้าทำให้เธอมึนๆ แต่สมองยังตื่นตัวดีอยู่
เธอมีสติต่อทุกการกระทำ แต่หัวใจกลับเต้นเร็ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะท่าทางที่ดูดิบเถื่อนของอวี๋หมิงหลาง
“นายก็เก่งเหมือนกันนะ”
เขาเอาหน้าผากมาแตะหน้าผากเธอพลางยิ้ม “ผมชอบให้คุณพูดแบบนี้ในสถานการณ์อื่นมากกว่า”
ไม่ได้เมาแน่ ยังมีสติพูดหยอกล้อ
เสี่ยวเชี่ยนยังไม่ได้ทันได้คิดอะไรมากก็รู้สึกว่าเขาเลื่อนปากลงมาจากหน้าผากอันอิ่มเอิบของเธอ ค่อยๆไล่มาตามโครงหน้าแล้วหยุดลงใกล้ๆปากเธอ ทิ้งระยะห่างเล็กน้อย คล้ายกับกำลังยั่วยวน
“พวกเราดื่มเหล้าอย่างเดียวกันหรือเปล่า?” เขาถามทั้งๆที่ริมฝีปากใกล้ปากเธอ
“เหมือนจะใช่”
“ทำไมผมรู้สึกว่าคุณหอมกว่าผมล่ะ…หรือผมอาจจะดื่มยังไม่มากพอ ผมต้องดื่มอีกหน่อย”
“เหล้าอยู่บนโต๊ะ ดื่มสิ” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าพอเหล้าเข้าปากนิสัยเขาก็เปลี่ยน แต่ดูคารมดีกว่าตอนไม่ดื่ม
“ไม่ อันนั้นไม่ดี ผมชอบตรงนี้มากกว่า หวานกว่า…”
ในที่สุดเขาก็ได้คำตอบ เข้ายึดครองปากน้อยของเธออย่างได้ใจ
เจิ้งซวี่อ้วกเสร็จก็รู้สึกสร่างขึ้นไม่น้อย พอผลักประตูเข้าไปก็เห็นสองคนที่อยู่ในห้องกำลังจูบอย่างดูดดื่ม ทันใดนั้นก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาอีก อ้วก
ทำไมต้องทำร้ายคนโสดแบบนี้ด้วยวะ ทำไม
เจิ้งซวี่โซเซอยากเปลี่ยนที่ ปรากฏว่าสองคนในห้องจูบกันจนพอใจแล้ว อวี๋หมิงหลางที่ดื่มจนได้ที่ในที่สุดอารมณ์ก็มาอย่างเต็มเปี่ยม เขาอุ้มเสี่ยวเชี่ยนขึ้น จากนั้นก็เดินออกจากห้อง
เจิ้งซวี่ที่น่าสงสารกำลังยืนให้สร่างเมาอยู่ตรงประตู ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่ามีพลังมหาศาลจากทางด้านหลัง อวี๋หมิงหลางอุ้มเสี่ยวเชี่ยนออกมา ‘ไม่ทันระวัง’ กระแทกเข้ากับวัตถุกีดขวาง ซึ่งวัตถุนั้นมีชื่อว่าเจิ้งซวี่
จมูกโด่งๆของเจิ้งซวี่ชนกำแพงอย่างแรง เห็นดาวลอยอยู่บนหัว
พนักงานเดินมาอย่างกล้าๆกลัวๆ พอเห็นเจ้านายเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโหก็ตกใจหนัก
“พี่ซวี่…”
“แม่ง พวกแกสองคนเก่งนักก็อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก” เจิ้งซวี่ยกนิ้วกลางใส่คู่รักสองคนนั้น
พนักงานชี้เขาด้วยมือสั่นๆ
“มองอะไรเล่า ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง?” เจิ้งซวี่พูดอย่างโมโห
“พี่ซวี่…พี่เลือดกำเดาไหลแล้ว…”
ห่าเอ๊ย ไม่รู้จักคบเพื่อนก็เป็นแบบนี้ ในใจของเจิ้งซวี่เหมือนมีฝูงแกะนับหมื่นวิ่งอยู่ เขาตัดสินใจแล้วว่าต่อไปจะขีดเส้นอยู่กันคนละโลกกับเฉินเสี่ยวเชี่ยน เจอกันก็จะเดินหนี เป็นเพื่อนต่อไปไม่ได้แล้ว
เรื่องบางเรื่องไม่เหมือนกับเมื่อชาติก่อน อย่างเช่น ตกลงอวี๋หมิงหลางคอแข็งขนาดไหน ทำไมดื่มไปมากขนาดนั้นยังอุ้มเธอไปเรียกรถกลับบ้านได้?
จำได้ว่าดื่มไม่ขับ อีกทั้งยังอุ้มเธอตลอดทาง เห็นได้ชัดว่ามีสติดี
แต่เรื่องบางเรื่องก็คล้ายกับเมื่อชาติก่อน อย่างเช่น อวี๋หมิงหลางพอดื่มเยอะนิสัยก็จะเปลี่ยน ความพิเรนทร์ในบางด้านทะยานพุ่งสูง พอกลับบ้านก็หยุดไม่ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น