ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 428-459

 ตอนที่ 428 ชิวจวี๋ท้องแล้ว


 


 


“เจ้ายังมีหน้ามาเรียกข้าอีก”


 


 


หลิงอวี้จื้อถลึงตาใส่ชิวจวี๋แล้วเข้ามาในห้อง ถามให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน


 


 


หรูเยียนหยุดข้างๆ ชิวจวี๋ครู่หนึ่ง แววตาแสดงความผิดหวังอย่างมาก สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเดินตามหลิงอวี้จื้อไป


 


 


ลู่ชิงชิงนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีด สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เหมือนหุ่นกระบอกที่ไร้ชีวิต แววตาก็ว่างเปล่า ไม่รู้ว่านางกำลังมองอะไรอยู่


 


 


หลิงจื่อเฉิงพร่ำพูดขอโทษด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เพียงแต่ลู่ชิงชิงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อเข้ามา หลิงจื่อเฉิงก็ทำท่าเหมือนเห็นอัศวินช่วยชีวิตอย่างไรอย่างนั้น รีบเดินมาหา พูดอย่างร้อนรน


 


 


“อวี้จื้อ เจ้ามาพอดี เจ้ารีบพูดปลอบชิงชิงหน่อย”


 


 


“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”


 


 


“ข้า…”


 


 


หลิงจื่อเฉิงลำบากใจอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากอย่างไรดี


 


 


เห็นเขาอ้ำๆ อึ้งๆ หลิงอวี้จื้อก็ร้อนใจแล้ว ยื่นขาออกไปเตะเขาหนึ่งครั้ง


 


 


“พี่จะทำให้ข้าร้อนใจตายแล้ว รีบพูดมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่”


 


 


“ชิวจวี๋ท้องแล้ว”


 


 


“เป็นลูกของเจ้าหรือ”


 


 


“คืนนั้นข้าดื่มเมาแล้ว ถึงได้ทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้”


 


 


หลิงจื่อเฉิงก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ไม่กล้ามองลู่ชิงชิงที่นอนอยู่บนเตียงเลย คล้ายเด็กน้อยที่กระทำความผิด


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่สงสารหลิงจื่อเฉิงเลยสักนิด ด่าใส่หน้าหลิงจื่อเฉิงโครมๆ


 


 


“นี่มันเหตุผลขี้หมาอะไรกัน ตอนแรกเจ้าร่ำร้องอยากสู่ขอชิงชิง แถมยังพูดอีกว่าจะไม่ทำให้นางผิดหวังไปตลอดชีวิต ยอมสละทุกอย่างเพื่ออยู่กับนาง แล้วนี่เพิ่งผ่านไปนานเท่าไรเอง ไม่นานเจ้าก็ไปนอนกับหญิงอื่นแล้ว ซ้ำยังมีลูกอีก


 


 


หากเจ้าจะเมาเละเหมือนขี้โคลนเช่นนี้ สติแม้แต่น้อยนิดก็ไม่มีแล้ว เจ้าจะนอนจนเกิดลูกได้หรือ”


 


 


“วันนั้นข้าดื่มหนักจริงๆ ข้ารู้ว่าข้าทำผิดต่อชิงชิง ตอนนี้ข้าไม่กล้าขออะไรอีก หวังแต่เพียงว่าชิงชิงจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้า”


 


 


หลิงจื่อเฉิงพูดจบก็เดินไปข้างเตียงแล้วกุมมือลู่ชิงชิง


 


 


ลู่ชิงชิงไม่ขยับ มือคู่นั้นเย็นเป็นน้ำแข็ง หันไปทางอื่น ไม่มองหลิงจื่อเฉิง น้ำเสียงเย็นชาอย่างยิ่ง


 


 


“ท่านไปเถิด ตอนนี้ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า


 


 


ท่านเป็นคุณชายตระกูลขุนนาง ข้าเป็นเพียงอนุคนหนึ่ง ข้าไม่คู่ควรกับท่าน ท่านไม่สามารถมีข้าเพียงคนเดียวได้ ข้าเตรียมใจไว้นานแล้วว่าท่านยังสามารถแต่งกับภรรยาหลวงได้อีก


 


 


แต่ท่านไม่ควรให้นางมานอนบนเตียงของข้า ซ้ำยังสวมเสื้อผ้าของข้า และยังเอาเครื่องประดับของข้าให้นางด้วย


 


 


จื่อเฉิง ท่านเคยบอกว่าในใจท่านมีแต่ข้า ตอนนี้เมื่อคิดถึงคำพูดนี้อีก ข้าก็ได้แต่รู้สึกว่าน่าขำ หากใจท่านมีเพียงแต่ข้าจริง จะปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ได้อย่างไร เดิมทีข้าอยากตายไปเสียทุกอย่างจะได้จบ ในเมื่อท่านช่วยข้ามาแล้ว ข้าก็จะไม่ร้องขอความตายอีก หวังเพียงแต่ว่าต่อไป ท่านไม่ต้องมาหาข้าอีก”


 


 


หลิงจื่อเฉิงสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบร้อนอธิบาย


 


 


“ใครบอกเจ้าเช่นนี้ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย คืนนั้นข้าดื่มเมาแล้ว


 


 


ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ข้าไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรไปบ้าง และไม่รู้ด้วยว่าของเหล่านั้นไปอยู่ที่ชิวจวี๋ได้อย่างไร


 


 


ชิงชิง ข้าไม่เคยคิดจะทำให้เจ้าผิดหวัง และไม่คิดจะแต่งงานมีภรรยาหลวงด้วย ข้าคิดจะตั้งเจ้าให้เป็นภรรยาหลวงอยู่เสมอ เรื่องชิวจวี๋ข้าจะจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสม ข้าไม่เคยคิดกับนางเช่นนั้นเลย”


 


 


“ท่านไม่ต้องเสียแรงคิดแล้ว ชิวจวี๋มีลูกของท่าน ท่านอยากตั้งก็ตั้งนางเถิด!”


 


 


ลู่ชิงชิงดูเหมือนจะหมดหวังไปแล้ว ไม่มองหน้าหลิงจื่อเฉิงเลยตั้งแต่ต้นจนจบ


 


 


หลิงอวี้จื้อพอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ชิวจวี๋คิดจะใช้หลิงจื่อเฉิงเพื่อชุบตัวเป็นนาย เธอเกลียดคนประเภทนี้ที่สุด ครั้งนี้ต้องสั่งสอนชิวจวี๋ให้หลาบจำ มองไปทางหรูเยียนที่ยังคงตะลึงอยู่แล้วสั่งการว่า


 


 


“เจ้าเรียกชิวจวี๋เข้ามา”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 429 เด็กเป็นของใคร


 


 


ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าหรูเยียนจะรู้สึกตัวว่าหลิงอวี้จื้อพูดกับนางอยู่ ก้มหน้ารับคำ เรื่องนี้นางเพิ่งรู้เมื่อครู่เช่นกัน ถึงตอนนี้ยังคงรู้สึกสับสน


 


 


นึกไม่ถึงว่าชิวจวี๋จะอุ้มท้องลูกของคุณชายใหญ่ เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ นางกล้าขนาดนี้ได้อย่างไร นึกไม่ถึงว่าจะไปเล่นชู้กับคุณชายใหญ่ลับหลังนาง


 


 


คิดถึงตรงนี้ นางก็โกรธจัด รู้สึกว่าชิวจวี๋ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย รีบออกไปพาตัวชิวจวี๋เข้ามา


 


 


พอเข้ามาในห้อง ชิวจวี๋ก็คุกเข่าดังตึงกับพื้น ร้องไห้พูดว่า


 


 


“คุณหนู คุณชาย เรื่องนี้เป็นความผิดของบ่าวเองเจ้าค่ะ คืนนั้นคุณชายดื่มจนเมาแล้ว บ่าวเข้ามาหาคุณชายพอดี ควรจะผลักไสคุณชายออกไปตั้งแต่แรก เพียงแต่บ่าวชื่นชมคุณชายมานานแล้ว ถึงได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดถึงเนื้อตัวกับคุณชายอย่างห้ามใจไม่ได้


 


 


เด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณชาย ขอร้องคุณชายเก็บเด็กคนนี้ไว้เถิดเจ้าค่ะ บ่าวไม่ต้องการสถานะ ไม่ต้องการอะไรเลย ขอเพียงคลอดเด็กออกมาอย่างปลอดภัย เมื่อบ่าวคลอดเด็กแล้ว ไม่ว่าคุณชายจะจัดการบ่าวอย่างไร บ่าวก็จะไม่เรียกร้องอะไรเลยเจ้าค่ะ”


 


 


ชิวจวี๋พูดพลางโขกหัวไปพลาง เมื่อครู่หลิงจื่อเฉิงที่ยืนอยู่อีกข้างอยากจะตำหนิ ก็ดูเหมือนจะใจอ่อนอีกแล้ว กลืนคำพูดที่มาจ่อปากแล้วกลับเข้าไป ลู่ชิงชิงหลับตา ขนตาขยับไหวเบาๆ ดูเหมือนกำลังตัวสั่น


 


 


หลิงอวี้จื้อเห็นหลิงจื่อเฉิงไม่แสดงท่าทีใดๆ ราวกับมีความคิดจะให้ชิวจวี๋คลอดเด็ก ก็แอบด่าในใจว่าไม่ได้ความ เพียงแต่เธอไม่เคยเห็นชิวจวี๋รังแกลู่ชิงชิง เธอกับลู่ชิงชิงถือว่าเป็นเพื่อนกัน คนในเรือนตนเองไม่น่าจะทำเรื่องผิดศีลธรรมเช่นนี้ได้


 


 


ความแค้นเคืองครั้งนี้เธอจะต้องช่วยลู่ชิงชิงระบาย เธอเดินไปตรงหน้าชิวจวี๋ ก้มมองชิวจวี๋จากมุมบน


 


 


“เจ้าหยุดสาละวนกับการโขกหัว และหยุดสาละวนกับการร้องไห้ก่อน


 


 


ชิวจวี๋ เจ้าบอกว่าเด็กคนนี้เป็นของพี่ชาย เจ้ามีหลักฐานอะไรพิสูจน์ไม่ทราบ


 


 


เรื่องการมีลูกจะบอกว่ายากก็ไม่ไม่ยาก จะบอกว่าง่ายก็ไม่ง่าย


 


 


เพียงครั้งเดียวเจ้ากับพี่ชายจะมีลูกด้วยกันได้เลยหรือ เช่นนั้นท่านเทวดาคงต้องรอมอบลูกให้เจ้าเป็นพิเศษเชียวล่ะ ถึงจะเป็นไปได้


 


 


เจ้าเพิ่งมาอยู่จวนมหาเสนาบดีไม่นานเท่าไร ซ้ำยังเป็นคนในเรือนข้าด้วย ไม่นานก็มาเล่นชู้กับพี่ข้าแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเจ้าแอบไปเล่นชู้กับใครอีกหรือไม่ สายเลือดในจวนมหาเสนาบดีแห่งนี้มิอาจแปดเปื้อนได้”


 


 


ชิวจวี๋หน้าเปลี่ยนสี ในใจก่นด่าหลิงอวี้จื้ออย่างเคียดแค้น ต้องไม่ปล่อยให้นางมาทำตนเสียแผนเป็นอันขาด ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีโอกาสเช่นนี้


 


 


นางเดินคลานเข่ามาข้างหน้า กอดขาหลิงจื่อเฉิง มองหลิงจื่อเฉิงด้วยท่าทางน่าสงสาร


 


 


“คุณชาย บ่าวยังบริสุทธิ์อยู่นะเจ้าคะ บ่าวสามารถสาบานต่อฟ้า เด็กคนนี้เป็นของคุณชาย เรื่องเช่นนี้บ่าวจะกล้าล้อเล่นได้อย่างไร


 


 


บ่าวรู้ว่าคุณหนูโกรธ เรื่องนี้เป็นความผิดของบ่าวเอง


 


 


บ่าวรู้ว่าคุณชายกับลู่อี๋เหนียงรักกันมาก บ่าวก็ไม่ได้ร้องขออย่างอื่น ขอเพียงคลอดเด็กคนนี้ให้คุณชายอย่างปลอดภัยเท่านั้น แม้ว่าต่อไปคุณชายจะไล่บ่าวออกจากจวน บ่าวก็จะไม่เรียกร้องอะไร แต่เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์นะเจ้าคะ”


 


 


เห็นหลิงจื่อเฉิงไม่พูดอะไร ชิวจวี๋ก็พุ่งไปข้างเตียง คุกเข่ากับพื้นคร่ำครวญไม่หยุด


 


 


“ลู่อี๋เหนียง ท่านก็เป็นคนเคยมีลูก อย่าเอาลูกข้าไปเลย หากท่านอยากได้เด็ก รอเด็กเกิดออกมาแล้วยกให้ท่านเลี้ยงก็ได้ ข้าหวังเพียงให้เก็บเด็กคนนี้เอาไว้ ขอร้อง ขอร้องท่านเถิด ข้าจะไม่แย่งคุณชายกับท่าน ข้าอยากเก็บเด็กไว้เท่านั้น”


 


 


ท่าทางของชิวจวี๋เช่นนี้ดูเหมือนโดนลู่ชิงชิงรังแก ลู่ชิงชิงกลายเป็นคนบาปไปแล้ว เห็นชิวจวี๋คร่ำครวญไม่หยุด สีหน้าของลู่ชิงขิงก็ยิ่งขาวซีด มือกำผ้าคลุมเตียงที่อยู่ใต้ตัวเอาไว้แน่น เส้นเลือดบนมือปูดโปนออกมา


ตอนที่ 430 สมน้ำหน้าเจ้าเช่นกัน


 


 


“เจ้าอย่ามาสาดน้ำใส่ชิงชิง ไม่มีใครพูดเลยว่าจะเอาลูกเจ้าไป ข้าเพียงต้องการจะพิสูจน์สักหน่อย ว่าในท้องเจ้าเป็นสายเลือดของพี่ชายหรือไม่ พี่ชาย เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้”


 


 


หลิงอวี้จื้อโยนคำถามใส่หลิงจื่อเฉิง ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องของหลิงจื่อเฉิง เธอก็ไม่สามารถตัดสินใจแทนหลิงจื่อเฉิงได้ ว่าจะเก็บเด็กคนนี้ไว้หรือไม่


 


 


ดังนั้นเธอจึงโมโหมากเพราะชิวจวี๋เป็นคนของเธอ ลูกน้องของเธอทำเรื่องเช่นนี้ คิดดูแล้วเธอรู้สึกขายหน้ามาก


 


 


ประกอบกับลู่ชิงชิงกับเธอมีมิตรภาพที่ค่อนข้างดีต่อกัน เธอไม่อยากเห็นลู่ชิงชิงโดนรังแก ขณะเดียวกันก็ผิดหวังในตัวหลิงจื่อเฉิงมาก โยกโย้โลเลจนเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ แรงฮึดตอนที่ไปสู่ขอลู่ชิงชิงหายไปไหนหมดแล้ว


 


 


“อวี้จื้อ อย่างไรนี่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลิง…”


 


 


หลิงอวี้จื้อชี้หลิงจื่อเฉิง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี


 


 


“เจ้า…ความหมายของเจ้าคือให้ชิวจวี๋อยู่ต่อใช่หรือไม่”


 


 


“ข้าอยากเก็บเด็กไว้ ท่านพ่อเร่งเร้าแล้ว ข้า…”


 


 


หลิงจื่อเฉิงพูดจบก็หันไปทางลู่ชิงชิงที่อยู่บนเตียง


 


 


“ชิงชิง ขอโทษ ข้าจะไม่มอบสถานะอะไรให้ชิวจวี๋ ข้าเพียงอยากจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ ต่อไปจะไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้อีก จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเลิกเหล้า”


 


 


“เจ้าเลิกเหล้าแล้วจะมีประโยชน์อะไร เจ้าดูไม่ออกหรือว่าชิวจวี๋มีแรงจูงใจแอบแฝง เจ้าจะเก็บเด็กที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนได้หรือ ต่อไปไม่ต้องมาหาชิงชิงแล้ว พี่ชาย เจ้าไม่คู่ควรกับชิงชิง”


 


 


หลิงจื่อเฉิงไม่ได้โต้แย้งต่อ ลู่ชิงชิงหลับตา น้ำตาสองสายไหลลงจากตา จมเข้าไปในหมอนอย่างเงียบๆ ณ ตอนนี้รู้สึกเพียงหมดอาลัยตายอยาก


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบก็หันไปทางชิวจวี๋ ยิ้มตาหยีพูดว่า


 


 


“ชิวจวี๋ เจ้ายังคุกเข่าอยู่กับพื้นเพื่ออะไร กลับกับข้า ตอนนี้เจ้ายังเป็นคนในเรือนข้า ลู่อี๋เหนียงต้องพักผ่อน เจ้าไม่ต้องมารบกวนการพักผ่อนของนางแล้ว บอกข้ามาดีๆ ว่าเจ้ารักใคร่ชื่นชมพี่ชายข้าตั้งแต่เมื่อไหร่”


 


 


ชิวจวี๋ได้ยินว่าหลิงอวี้จื้อจะพานางไป ก็กอดขาหลิงจื่อเฉิงทันที


 


 


“คุณชาย ข้าไม่ไป คุณหนูไม่ปล่อยบ่าวไว้แน่เจ้าค่ะ คุณชาย ช่วยชีวิตลูกของเราด้วย หากข้าเกิดเรื่องก็ไม่เป็นอะไร แต่เด็กบริสุทธิ์นะเจ้าคะ”


 


 


“เจ้าอย่ามาเอะอะอะไรก็อ้างเด็กมาพูดนะ หากในท้องนี้อุ้มเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่ชายข้าอยู่จริงๆ เช่นนั้นก็เป็นหลานของข้าด้วย ข้าจะทำร้ายคนในครอบครัวได้อย่างไร ข้าเพียงอยากจะคุยกับเจ้า เจ้าจะกลัวขนาดนี้เพื่ออะไร”


 


 


หลิงอวี้จื้อก้มมองชิวจวี๋จากมุมบน ถึงแม้มุมปากจะมีรอยยิ้ม แต่แววตากลับเย็นชา


 


 


เมื่อสัมผัสกับแววตาของหลิงอวี้จื้อ ชิวจวี๋ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงมีความรู้สึกหวาดวิตก คุณหนูที่ดูน่ารักไร้เดียงสา นึกไม่ถึงว่าจะมีแววตาที่น่ากลัวเช่นนี้ได้ แปลกจริงๆ


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าอย่าทำร้ายนาง”


 


 


หลิงอวี้จื้อยื่นมือไปเขกหัวหลิงจื่อเฉิง


 


 


“ข้ากินนางก็ยังได้ สมน้ำหน้าเจ้าจริงๆ เสียดายผู้หญิงดีๆ อย่างชิงชิง เจ้าก็ไม่ต้องรบกวนชิงชิงพักผ่อนแล้ว หรูเยียน เจ้าพาชิวจวี๋กลับไปก่อน ข้ายังมีเรื่องต้องพูดกับชิงชิง”


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าพูดปลอบใจชิงชิงให้ดีๆ นะ”


 


 


หลิงจื่อเฉิงยังหวังให้หลิงอวี้จื้อพูดกับลู่ชิงชิงแทนตนเอง ในเมื่อหลิงอวี้จื้อเป็นน้องสาวของตน เขาจึงนึกว่าหลิงอวี้จื้อจะต้องช่วยพูดแทนเขา เพียงแต่หลิงอวี้จื้อไม่มีเจตนาเช่นนั้นแม้แต่น้อย


 


 


“ปลอบใจกับผีสิ”


 


 


หลิงอวี้จื้องึมงำ หลิงจื่อเฉิงมองลู่ชิงชิงที่อยู่บนเตียงแวบหนึ่ง สายตารู้สึกผิดมาก เขารู้ว่าตอนนี้ลู่ชิงชิงไม่อยากเจอเขา อ้าปากพะงาบ สุดท้ายก็ออกจากห้องไป


 


 


ตอนเดินผ่านชิวจวี๋ หลิงจื่อเฉิงตั้งใจหยุดครู่หนึ่ง พูดกับชิวจวี๋ว่า


 


 


“เจ้าไม่ต้องกลัว อวี้จื้อไม่ทำอะไรเจ้าหรอก เจ้ากลับไปกับอวี้จื้อก่อน นี่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า ข้าจะเก็บเด็กคนนี้เอาไว้”


 


 


ได้ยินคำนี้ ชิวจวี๋ก็ลอบถอนหายใจโล่งอก


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 431 คนไม่สามารถแบ่งปันกันได้


 


 


มีคำพูดนี้แล้ว หลิงอวี้จื้อก็ไม่กล้าทำอะไรนาง นึกถึงคำสั่งจากเบื้องบนขึ้นมาได้ จะทำหรือไม่ ก็ต้องดูว่าหลิงอวี้จื้อจะจัดการนางอย่างไร หากนางไร้เมตตา เช่นนั้นตนก็จะไม่เกรงใจ


 


 


หลิงอวี้จื้อให้คนอื่นออกไปให้หมด นั่งลงบนขอบเตียงของลู่ชิงชิง


 


 


ลู่ชิงชิงเห็นคนอื่นออกไปแล้ว ถึงได้ลืมตา แค่นยิ้มออกมา


 


 


“อวี้จื้อ เจ้ากลับไปเถิด! ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่หาเรื่องตายอีก เมื่อครู่ข้าสติเลอะเลือนไปแล้ว”


 


 


เห็นใบหน้าขาวซีดของลู่ชิงชิง หลิงอวี้จื้อก็ถอนใจเบาๆ


 


 


“ชิงชิง ต่อไปเจ้าคิดจะทำอะไรหรือ”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ถามเจตนาของลู่ชิงชิงก่อน


 


 


ในเมื่อพวกนางไม่ใช่คนคนเดียวกัน หากเปลี่ยนเป็นเธอ เธอคงจะสั่งสอนมือที่สามให้หลาบจำสักที จากนั้นก็ไปจากผู้ชายคนนี้ไม่กลับมาอีก หักหลังก็คือหักหลัง ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมากความ


 


 


แต่ลู่ชิงชิงเป็นคนยุคสมัยนี้ ผู้หญิงยุคสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็รับการมีภรรยาหลายคนได้ เธอไม่สามารถไปบังคับให้คนอื่นคิดเหมือนเธอ เรื่องนี้ควรจัดการอย่างไร ก็ต้องดูว่าลู่ชิงชิงเองจะตัดสินใจเช่นใด


 


 


“แท้งลูกไปแล้ว ท้องข้าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก นายท่านก็กดดันจื่อเฉิงอย่างหนัก เรื่องนี้ข้าไม่โทษเขา”


 


 


ผ่านไปนานสักพัก ลู่ชิงชิงถึงได้เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าอ่อนล้า


 


 


“แสดงว่าเจ้าให้อภัยพี่ชาย ยอมรับทุกอย่างที่พี่ชายจัดการอย่างนั้นหรือ ชิวจวี๋อายุน้อยแต่มีแผนร้ายมากนัก เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ให้นางอยู่กับข้าเถิด อย่างนั้นจะมีปัญหาตามมาภายหลัง”


 


 


“จื่อเฉิงมีความคิดจะเก็บชิวจวี๋ไว้แล้ว ข้าจะเห็นด้วยหรือไม่ ไม่สำคัญ


 


 


ข้าเป็นเพียงอนุคนหนึ่งเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรจะต่อต้าน อวี้จื้อ ข้ารู้ว่าเจ้าปรารถนาดีต่อข้า ข้ากับจื่อเฉิงคงเป็นเช่นนี้แหละ ต่อไปข้าไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว”


 


 


ลู่ชิงชิงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา


 


 


“เดิมทีข้าควรทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ข้าทำไม่ได้ ข้ายอมเป็นอนุภรรยาอยู่กับจื่อเฉิงเพราะว่าข้ารักเขาจริงๆ


 


 


ข้ารู้ดีว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องสู่ขอภรรยาหลวง แต่ว่าจื่อเฉิงรับรองกับข้ามาโดยตลอด ว่าเขาจะตั้งข้าเป็นภรรยาหลวง ทั้งชีวิตนี้จะมีข้าเป็นผู้หญิงคนเดียว


 


 


รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ข้าก็เชื่อคำพูดเหล่านี้ แอบเฝ้ารอให้วันนั้นมาถึงอยู่ในใจ ดังนั้นเมื่อเห็นชิวจวี๋ในตอนนี้ถึงได้ทุกข์ใจนัก ถูกนางจี้จุด ถึงขนาดทำเรื่องเหลวไหลลงไปได้


 


 


เดิมทีเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่โทษเขา ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรคิดอะไรเพ้อเจ้อ”


 


 


“นี่ไม่ใช่การคิดอะไรเพ้อเจ้อ นี่เป็นความรู้สึกปกติของคน


 


 


เจ้ากับพี่ชายอยู่ด้วยกันเพราะรักใคร่ซึ่งกันและกัน ตอนแรกเพื่อเจ้าแล้ว พี่ชายไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ใครจะยอมส่งคนร่วมหมอนให้ผู้อื่นไปได้เล่า อะไรก็แบ่งปันกันได้ แต่คนไม่สามารถแบ่งปันกันได้


 


 


แม้แต่ของกินก็ไม่สามารถแบ่งให้ข้ากินหนึ่งคำ เจ้ากินหนึ่งคำ เช่นนั้นไม่มีสุขอนามัยเอาเสียเลย


 


 


มีเพียงแต่คนที่ไม่สนใจเท่านั้นแหละที่ปล่อยให้เป็นอย่างไรก็ได้ เจ้าเป็นผู้หญิงที่ดี พี่ใหญ่ผิดต่อเจ้า ข้าจะไม่เกลี้ยกล่อมเจ้าเพื่อพี่ชาย เจ้าคิดให้กระจ่างเอาเอง ไม่ว่าเจ้าจะทำอย่างไร ข้าก็จะยืนอยู่ข้างเจ้า มีเรื่องอะไรก็มาหาข้า”


 


 


ลู่ชิงชิงอยู่ในจวนมหาเสนาบดีไม่มีที่พึ่งพิง มีเพียงหลิงอวี้จื้อเท่านั้นที่ปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินหลิงอวี้จื้อพูดเช่นนี้ นางก็รู้สึกอบอุ่นอิ่มเอมใจ เผยรอยยิ้มให้กับหลิงอวี้จื้อ


 


 


“ขอบใจนะ อวี้จื้อ ยังดีที่มีเจ้า”


 


 


“เป็นผู้หญิงด้วยกัน ย่อมต้องช่วยพวกของตนอยู่แล้ว อีกอย่างชิวจวี๋เป็นคนในเรือนข้า คนที่ควรพูดขอโทษคือข้า ข้าไม่ได้ควบคุมดูแลคนใต้บังคับบัญชาให้ดี ชิงชิง ขอโทษนะ”


 


 


ลู่ชิงชิงส่ายหน้า


 


 


“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าเลย คำพูดขอโทษของเจ้า ข้ารับไว้ไม่ได้ เข้าจวนมหาเสนาบดีมาแล้ว ข้าก็เป็นคนของจวนมหาเสนาบดีไปตลอดชีวิต ข้าอยู่ในจวนนี้ไม่มีคนอื่นเป็นที่พึ่งได้เลย อวี้จื้อ ข้าสร้างปัญหาให้เจ้ามากมาย เจ้ารำคาญข้าหรือไม่”


ตอนที่ 432 จะเป็นคนใช้ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ


 


 


“ข้าพูดมาก กลัวเจ้าจะรำคาญข้ามากกว่า”


 


 


หลิงอวี้จื้อน้ำเสียงผ่อนคลาย อยากหยอกเย้าให้ชิงชิงหัวเราะ เธอรู้ว่าลู่ชิงชิงเป็นหญิงสาวตามขนบธรรมเนียม แม้จะไม่เจอหน้าหลิงจื่อเฉิง นางก็ไม่ไปจากจวนมหาเสนาบดี ยุคนี้ไม่เหมือนกับยุคปัจจุบัน หญิงที่ออกเรือนแล้วหากไม่ถูกสามีทิ้ง ก็จะไม่สามารถออกจากบ้านสามีได้


 


 


คนที่ถูกทิ้งแล้วกลับบ้านไป ก็จะถูกมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม เจอครอบครัวไม่ดี ก็จะถูกไล่ออกจากบ้านทันที เธอสามารถมีวันนี้ได้จากความพยายามของตนเองทั้งสิ้น และได้เจอกับเซียวเหยี่ยนที่พึ่งพาได้ มิเช่นนั้นคงไม่แต่งงานกับใครง่ายๆ เพราะมันน่ากลัวมาก


 


 


ลู่ชิงชิงนับว่าเป็นหญิงสาวที่มีความยึดมั่นในอุดมการณ์ ไม่เลือกที่ฝืนทน และยังอ่อนน้อมถ่อมตนมาก เธอชื่มชมลู่ชิงชิงตรงจุดนี้ สามารถรักใครสักคนมากๆ ได้ แต่ก็ไม่รักโดยลดค่าของตนเองเด็ดขาด เช่นนั้นเท่ากับเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างแท้จริง


 


 


เธออยู่ในห้องของลู่ชิงชิงนานมาก ชวนคุยเรื่องสนุกๆ หยอกเอินลู่ชิงชิง ด้วยความพยายามไม่สิ้นสุดของเธอ คิ้วที่ขมวดแน่นของลู่ชิงชิงก็ผ่อนคลายไปในที่สุด


 


 


หรูเยียนพาชิวจวี๋ไปที่ห้องของตนเอง จ้องชิวจวี๋เขม็งตลอดเวลา เพียงแต่ชิวจวี๋ไม่กล้าสบสายตาของหรูเยียน ก้มหน้า บิดมุมเสื้อไปมาอย่างไม่เป็นสุข อึดอัดไม่สบายใจอย่างยิ่ง


 


 


เมื่อมองดูสาวน้อยร่างผอมบางที่อยู่ตรงหน้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือน้องสาวของตนเอง นางคอยดูแลแม่ที่ป่วยมาตลอด เชื่อฟังคำสั่งสอนตั้งแต่เด็กๆ เหตุใดถึงกลายเป็นคนมารยาสาไถยไปได้ สิ่งเหล่านี้นางไปเรียนมาจากไหนกัน


 


 


“พี่สาว อย่าจ้องข้าเช่นนี้ได้หรือไม่ ข้ากลัว”


 


 


ในที่สุดชิวจวี๋ก็เอ่ยปากอย่างกล้าๆ กลัว ๆ


 


 


“หากเจ้ากลัวจริงๆ แล้วเหตุใดถึงไปยั่วคุณชายใหญ่ ชิวจวี๋ คุณหนูเมตตาให้เจ้าอยู่ที่จวนท่านมหาเสนาบดีต่อ เหตุใดเจ้าถึงทำเรื่องเช่นนี้ได้ หรือเจ้าไม่รู้ว่าคุณหนูกับลู่อี๋เหนียงเป็นมิตรที่ดีต่อกัน คุณหนูไม่ชอบให้คนใต้บัญชาคิดคดมาโดยตลอด เจ้าทำเช่นนี้จะให้ข้าทำอย่างไร ข้าจะอธิบายกับคุณหนูว่าอย่างไร”


 


 


หรูเยียนโกรธจัดอย่างเห็นได้ชัด พูดจบก็หายใจหอบเล็กน้อย


 


 


ชิวจวี๋เข้าไปจับแขนหรูเยียน


 


 


“พี่สาว คุณชายใหญ่รูปหล่อปานนั้น ข้ารักใคร่ชื่นชมคุณชายใหญ่จริงๆ ตอนนี้ข้ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณชาย นี่เป็นของขวัญที่สวรรค์ประทานให้ เจ้าช่วยข้าหน่อย ขอร้องเจ้านะ ข้าเป็นน้องแท้ๆ ของเจ้า เจ้าต้องช่วยข้า”


 


 


หรูเยียนผลักชิวจวี๋ออกไป


 


 


“เจ้าอุ้มท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณชายใหญ่เร็วเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อความรุ่งเรืองมั่งคั่ง เจ้าไม่สามารถคิดเพ้อฝันกับใครก็ได้นะ พวกเราเป็นสาวใช้ ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสาวใช้”


 


 


“ต้องเป็นคนใช้ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ ข้าอยากมีชีวิตที่ดีมันผิดด้วยหรือ


 


 


ท่านพี่ ข้าชอบคุณชายจริงๆ ชอบตั้งแต่แรกเห็น ผู้ชายเช่นนั้นใครบ้างไม่ชอบ ข้าไม่อยากเป็นคนใช้ไปตลอดชีวิต ข้าไม่อยากเป็นเหมือนท่านแม่ที่แต่งงานกับสามีที่ยากจนข้นแค้น ป่วยขึ้นมาก็รักษาไม่ไหว ได้แต่อยู่รอความตายที่บ้าน


 


 


ข้าเพียงอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นสักหน่อย สวรรค์ช่วยข้าแล้ว เจ้าเป็นพี่สาวของข้า หรือว่าเจ้าช่วยข้าไม่ได้”


 


 


ในที่สุดชิวจวี๋ก็พูดความในใจออกมา หรูเยียนก็เข้าใจแล้ว นางจงใจเข้าใกล้หลิงจื่อเฉิงเพื่อความรุ่งเรืองมั่งคั่งจริงๆ หรูเยียนมีเพียงความรู้สึกกตัญญูรู้คุณต่อหลิงอวี้จื้อ อยากจะภักดีต่อหลิงอวี้จื้อตลอดไป


 


 


นึกไม่ถึงว่าชิวจวี๋กลับมีความคิดเช่นนั้น นี่ทำให้นางรู้สึกละอายใจ ไม่รู้จะมองหน้าหลิงอวี้จื้ออย่างไร


 


 


กำลังเตรียมจะพูดตอบ จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกคนผลักเปิดออก หลิงอวี้จื้อเดินเข้ามา


 


 


“อยากจะมีชีวิตที่ดี ไม่ผิด เป็นคนแล้วล้วนอยากมีชีวิตที่ดีกันทั้งสิ้น เสียดายตรงที่เจ้าทำไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง แถมยังทำเรื่องทั้งหมดนี้ใต้จมูกข้า


 


 


เจ้าอุ้มท้องเด็กคนนี้ด้วยเล่ห์เหลี่ยมใช่หรือไม่ แม้พี่ชายจะไม่ค่อยได้ความ แต่ก็ไม่ถึงขั้นหิวกระหายจนเป็นฝ่ายทำอะไรเจ้าเช่นนี้ เจ้าฉวยโอกาสตอนข้าไม่อยู่ซุ่มวางแผนชั่วทำเรื่องมากมายเช่นนี้ ข้าถึงกับต้องมองเจ้าเสียใหม่เลยทีเดียว”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 433 ตนเองทำตายเองใครก็ห้ามไม่อยู่


 


 


“คุณหนู บ่าว…”


 


 


ชิวจวี๋อธิบายตะกุกตะกัก หลิงอวี้จื้อไม่แม้แต่จะมองชิวจวี๋


 


 


“หูข้าไม่ได้หนวก ข้าได้ยินทุกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เจ้าไม่ต้องอธิบาย”


 


 


ชิวจวี๋คุกเข่ากับพื้นทันที


 


 


“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวไม่นึกว่าลู่อี๋เหนียงจะถึงขั้นกระโดดทะเลสาบ เรื่องนี้บ่าวผิดเอง บ่าวยอมรับผิดแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


“เจ้าไม่นึกว่าชิงชิงจะกระโดดทะเลสาบเสียที่ไหน เจ้าอยากให้นางตายจนแทบทนไม่ไหว เจ้าคงผิดหวังมากล่ะสิที่มีคนช่วยชีวิตนางไว้ได้! ชิวจวี๋ เหตุใดเจ้าถึงยอมรับผิดเก่งเช่นนี้ ครั้งที่แล้วเจ้าก็ยอมรับผิด โขกหัวจนหัวแตกไปแล้ว คราวนี้เจ้าจะยอมรับผิดอย่างไร”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดช้าๆ จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ วันนี้เธอจะต้องสั่งสอนชิวจวี๋ให้หลาบจำ ครั้งก่อนเห็นแก่หน้าหรูเยียน ครั้งนี้จะไม่ปล่อยชิวจวี๋ไปง่ายๆ แล้ว ได้สั่งสอนมือที่สามเป็นเรื่องบันเทิงใจมาก


 


 


ชิวจวี๋เงยหน้าขึ้น ขอความช่วยเหลือจากหรูเยียน หวังว่าหรูเยียนจะพูดแทนนาง เพียงแต่หรูเยียนหันไปทางอื่น ไม่มีเจตนาจะช่วยขอร้องแทนนางแม้แต่น้อย ชิวจวี๋แอบแค้นอยู่ในใจ นึกไม่ถึงว่าพี่สาวคนนี้จะใจจืดใจดำ ไม่ช่วยขอร้องแทนนางในเวลาเช่นนี้


 


 


“คุณหนูจะจัดการบ่าวอย่างไรเจ้าคะ”


 


 


อย่างไรเสีย หลิงจื่อเฉิงก็เอ่ยปากว่าจะเก็บเด็กในท้องนางเอาไว้ นางประมาณการไว้ว่าหลิงอวี้จื้อคงไม่กล้าทำอะไรเกินเลย


 


 


หลิงอวี้จื้อมองปราดไปที่ชิวจวี๋ พูดว่า


 


 


“ไปคุกเข่าข้างนอกสามชั่วยาม”


 


 


“คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้บ่าวมีครรภ์ คุกเข่าไม่ได้จริงๆ นะเจ้าคะ คุณหนูจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้ แต่ในท้องของบ่าวกำลังอุ้มครรภ์เลือดเนื้อเชื้อไขของคุณชายใหญ่อยู่นะเจ้าคะ”


 


 


“เจ้าไม่ต้องมาย้ำเตือนข้าซ้ำๆ ข้าความจำดีมากอยู่แล้ว ข้าให้เจ้าไปคุกเข่า ไม่ได้ให้ลูกในท้องเจ้าไปคุกเข่าสักหน่อย”


 


 


หลิงอวี้จื้อเพียงแต่อยากแกล้งให้ชิวจวี๋ตกใจ ไม่ได้จะให้นางคุกเข่าถึงสามชั่วยามจริงๆ


 


 


เธอไม่ได้คิดจะเอาลูกของนางออกไปจริงๆ ทำคนแท้งไม่ใช่เรื่องที่เธอชอบทำ เพียงแต่ชิวจวี๋ควรจะได้รับการลงโทษบ้าง


 


 


เห็นชิวจวี๋คุกเข่าอยู่กับพื้น ไม่มีเจตนาจะลุก หลิงอวี้จื้อก็ถลึงตาใส่ชิวจวี๋


 


 


“ยังไม่รีบไปอีก เพิ่มอีกหนึ่งชั่วยาม ชิวจวี๋ หากเจ้ายังประวิงเวลาอีก ข้าจะเปลี่ยนเป็นห้าชั่วยาม”


 


 


ชิวจวี๋กัดปาก ได้อุ้มท้องเด็กคนนี้นับว่าเป็นโชคดี จะไม่ยอมให้หลิงอวี้จื้อทำร้ายเด็กในท้องเป็นอันขาด เห็นได้ชัดว่าหลิงอวี้จื้อไม่มีเจตนาจะปล่อยนาง หากไม่มีเด็กคนนี้แล้ว นางก็จะไม่มีโอกาสได้อยู่กับหลิงจื่อเฉิง นางจะมีโอกาสนี้ได้ ก็ต้องพึ่งเด็กในท้องคนนี้เท่านั้น


 


 


ในเมื่อหลิงอวี้จื้อไม่เมตตา เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ตนเสียมารยาทก็แล้วกัน


 


 


คิดถึงตรงนี้ นางก็ลุกขึ้น หยิบกริชที่พกติดตัวพุ่งเข้าใส่หลิงอวี้จื้อทันที หลิงอวี้จื้อเป็นคนมือเท้าว่องไวอยู่แล้ว เห็นชิวจวี๋พุ่งเข้ามา ก็หลบชิวจวี๋ทันที ชิวจวี๋พุ่งเข้าหาอากาศ ท้องชนเข้ากับมุมโต๊ะอย่างจัง ชิวจวี๋ปวดแปลบทันที กริชในมือตกลงบนพื้น เรื่องเกิดขึ้นกะทันหันมาก ครู่ใหญ่กว่าหรูเยียนจะมีสติกลับมา คิดจะเข้าไป แต่สุดท้ายก็ประคองหลิวอวี้จื้อ


 


 


“คุณหนู ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ!”


 


 


หลิงอวี้จื้อส่ายหน้า ดีที่เธอมือเท้าไว ชิวจวี๋ช่างกล้าจริงๆ


 


 


“ท่านพี่ ข้าเจ็บท้องมาก เจ้าไปตามท่านหมอให้ข้าที ต้องปกป้องลูกข้าให้ได้นะ”


 


 


ชิวจวี๋กุมท้อง มองหรูเยียนด้วยท่าทางน่าสงสาร นั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง


 


 


“หรูเยียน ไปตามหมอเถิด!”


 


 


เด็กคนนี้เป็นลูกของหลิงจื่อเฉิง เธอเพียงอยากสั่งสอนชิวจวี๋สักหน่อย แต่ไม่ได้คิดจะทำอะไรลูกของนาง หากสามารถรักษาเด็กไว้ได้ เธอก็จะรักษาเด็กไว้ แต่ชิวจวี๋อย่าคิดว่าจะหนีเคราะห์กรรมครั้งนี้ไปง่ายๆ


 


 


ได้รับการอนุมัติจากหลิงอวี้จื้อแล้ว หรูเยียนถึงได้ไปเชิญหมอ หลิงอวี้จื้อเดินไปตรงหน้าชิวจวี๋ เห็นกระโปรงสีเขียวหยกของนางมีรอยเลือดสีแดงสด เธอรู้ว่าเด็กมีโอกาสตายมากกว่ารอด ในใจก็นึกเสียใจแทนชีวิตน้อยๆ นี้ เป็นแม่ที่หาเรื่องเดือดร้อนจริงๆ



ตอนที่ 434 เจ้าไม่มีคุณสมบัติเป็นแม่คน


 


 


“คุณหนู โหดร้ายนักนะ ลูกข้าผิดอะไร ทำไมต้องลงมือกับลูกข้า”


 


 


ชิวจวี๋กัดริมฝีปาก จ้องหลิงอวี้จื้อเขม็งด้วยความเกลียดชัง


 


 


“ถ้าเจ้าไม่มีใจจะฆ่า จะเดือดร้อนไปถึงลูกได้อย่างไร เจ้าอยากจะเอาบัญชีแค้นนี้มาคิดกับข้า อย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผล มีคำพูดที่ว่า ภัยจากธรรมชาติยังหนีรอดได้ ภัยที่ก่อเองอย่างไรก็หนีไม่พ้น เจ้าเป็นอย่างหลังนั่นแหละ”


 


 


ชิวจวี๋ไม่ได้โต้ตอบ นางนึกว่าหลิงอวี้จื้อจะเห็นแก่หน้าหลิงจื่อเฉิงแล้วคงจะไม่ทำอะไรนาง นางประเมินหลิงอวี้จื้อต่ำไปอย่างเห็นได้ชัด นึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะกล้าขนาดนี้ อาศัยว่ามีอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คอยหนุนหลัง ก็อยู่ในจวนมหาเสนาบดีได้โดยไม่มีขื่อมีแป


 


 


ตอนนี้ปกป้องลูกไว้ไม่ได้แล้ว สูญเสียลูกไปแล้ว นางก็ไม่สามารถอยู่กับหลิงจื่อเฉิงได้แล้ว หลิงอวี้จื้อก็จะไล่นางออกจากจวนทันที เมื่อใดที่ออกจากจวนมหาเสนาบดีไป เจ้านายที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้น ก็จะไม่มีวันปล่อยนาง สิ่งที่รอนางอยู่มีแต่ถนนแห่งความตายเท่านั้น


 


 


นางเพียรทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีวันนี้ แต่ถูกหลิงอวี้จื้อทำลายทิ้งไปอย่างง่ายได้


 


 


ถึงแม้ในใจจะเกลียดจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ทำอะไรหลิงอวี้จื้อไม่ได้ นางเป็นเพียงสาวใช้ไร้ที่พึ่ง พี่สาวแท้ๆ ยังเข้าข้างหลิงอวี้จื้อ


 


 


นางจะต้องทำอะไรสักอย่าง มิเช่นนั้นใครก็จัดการอะไรไม่ได้


 


 


คิดถึงตรงนี้ จู่ๆ ชิวจวี๋ก็พุ่งเข้าชนหลิงอวี้จื้อ หลิงอวี้จื้อนึกไม่ถึงว่าจนป่านนี้แล้ว ชิวจวี๋ยังกล้าลงมือทำอะไรอีก ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้เตรียมป้องกัน โดนชิวจวี๋ชนล้มลงพื้นทันที ชิวจวี๋ฉวยโอกาสดึงปิ่นปักผมของหลิงอวี้จื้อ แทงเข้าท้องตนเองอย่างแรง


 


 


เวรกรรม นึกไม่ถึงว่าแม่สาวคนนี้จะโหดร้ายกับตนเองอย่างนี้ ยังรักษาเด็กเอาไว้ได้หรือไม่ ยังไม่แน่ใจเลย นึกไม่ถึงว่านางจะยอมแพ้ไปเสียก่อน แล้วใช้วิธีนี้โยนความผิดให้ผู้อื่น


 


 


แบบนี้อยากคลอดลูกเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่าจะอาศัยลูกตนเองไต่เต้า


 


 


ชิวจวี๋คิดจะบินขึ้นกิ่งไม้กลายร่างเป็นหงส์ คิดจนเป็นบ้าไปแล้ว วิธีแบบนี้ยังคิดออกมาได้


 


 


“ชิวจวี๋ เจ้ายังกล้าว่าข้าโหดร้ายอีกหรือ เจ้าต่างหากที่โหดโดยแท้จริง ไม่ยอมช่วยลูกตนเองให้ถึงที่สุด ซ้ำยังทำลายโอกาสรอดสุดท้ายของลูกตนเองอีก เด็กคนนี้เจ้าเป็นคนฆ่าเอง เจ้าไม่มีคุณสมบัติจะเป็นแม่คนเลยแม้แต่น้อย เด็กที่มาเกิดในท้องเจ้าก็เคราะห์ร้ายไปด้วย”


 


 


ชิวจวี๋ทนความเจ็บปวดสาหัสบริเวณท้อง ใบหน้าซีดเผือด แต่ไม่ได้พูดอะไร นางได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบจากข้างนอกแล้ว อีกสักครู่คอยดูว่าหลิงจื่อเฉิงจะเข้าข้างใคร


 


 


หลิงอวี้จื้อก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้วเช่นกัน เงยหน้ามองไป หลิงจ้ายเทียนกับหลิงจื่อเฉิงมาด้วยกัน ทั้งสองต่างเร่งฝีเท้า เห็นชิวจวี๋นอนอยู่บนพื้น ปิ่นยังปักอยู่บนท้อง เสื้อบริเวณท้องของชิวจวี๋ถูกย้อมด้วยสีแดงสดของเลือด ทั้งสองก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น


 


 


“อวี้จื้อ เกิดอะไรขึ้น”


 


 


หลิงจ้ายเทียนทำหน้าเคร่ง น้ำเสียงเริ่มเจือความโมโห


 


 


เขาเพิ่งกลับมาถึงจวนก็ได้ยินข่าวว่าชิวจวี๋ท้องแล้ว อารมณ์ดีมาก กำลังคิดจะรีบไปดูสถานการณ์ที่เรือนของหลิงจื่อเฉิงสักหน่อย


 


 


เมื่อรู้ว่าชิวจวี๋ถูกหลิงอวี้จื้อพาตัวไปแล้ว ระหว่างทางก็เห็นหรูเยียนรีบร้อนไปตามหมอ จึงเร่งฝีเท้าตามมาทันที ก็พบกับหลิงจื่อเฉิงบริเวณประตูพอดี


 


 


ไม่คิดว่าเมื่อมาถึง ก็ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ดูท่าแล้ว หลานคนโตของเขาไม่มีอีกแล้ว


 


 


หลิงจื่อเฉิงรีบเข้ามาพยุงชิวจวี๋ทันที เห็นหลิงจื่อเฉิงมา ชิวจวี๋ก็จับมือหลิงจื่อเฉิงแน่น น้ำเสียงเจ็บปวดทรมานมาก


 


 


“คุณชาย บ่าวใช้ไม่ได้ ไม่ได้ปกป้องเด็กในท้องไว้ให้ดี


 


 


คุณหนูบอกว่าต้องการแก้แค้นให้ลู่อี๋เหนียง ยืนกรานพูดว่าบ่าวไม่ควรค่าจะคลอดลูกให้คุณชายใหญ่ ถึงกับหยิบปิ่นปักผมมาแทงกลางท้องของบ่าว ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์ คุณหนู เหตุใดถึงไม่ฆ่าบ่าวเสีย เหตุใดถึงได้ใจเ**้ยมเช่นนี้”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 435 โกรธจนแทบกระอักเลือด


 


 


เห็นได้ชัดว่าหลิงจื่อเฉิงเชื่อคำพูดของชิวจวี๋ เงยหน้าขึ้น มองหน้าหลิงอวี้จื้ออย่างไม่อยากจะเชื่อ


 


 


“อวี้จื้อ เจ้า…ตอนที่เจ้าพาชิวจวี๋มา ข้าบอกแล้วว่าต้องการเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ ที่เจ้าทำร้ายคือเลือดเนื้อเชื้อไขของข้านะ


 


 


ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่เจ้ากลายเป็นคนทำอะไรผิดมนุษย์มนาเช่นนี้ ไม่สนใจแม่เด็กไม่ว่า นี่แม้แต่เด็กที่ยังไม่เกิดออกมาก็ยังไม่เว้น”


 


 


หลิงจื่อเฉิงหลอกง่ายตามคาด ไม่ทันไรก็เชื่อชิวจวี๋ เธอเห็นหลิงจ้ายเทียนใบหน้าบูดบึ้ง ก็รู้ว่าหลิงจ้ายเทียนก็เชื่อคำชิวจวี๋เช่นกัน


 


 


ถึงแม้หลิงจ้ายเทียนไม่ทำอะไรเธอ แต่ก็จะเริ่มมีปัญหากับเธอ โดยเฉพาะหลิงจื่อเฉิง ถึงเวลาแล้วมีคนปลุกปั่นสักหน่อย ดีไม่ดีอาจจะกลายเป็นศัตรูกัน


 


 


ปิ่นปักผมเล่มนั้นเป็นของเธอ เรื่องนี้สืบสักหน่อยก็รู้ได้แล้ว ประกอบกับผู้บาดเจ็บคือชิวจวี๋ คนปกติคงไม่เอาลูกออกด้วยน้ำมือของตนเองเพื่อใส่ร้ายผู้อื่น


 


 


ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเชื่อคำพูดของชิวจวี๋ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับยาก อย่างไรเธอกับพ่อลูกคู่นี้ ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ถึงขั้นเชื่อใจกันโดยไร้ข้อกังขาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม


 


 


ชิวจวี๋อยากแสดงละครใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นเธอจะร่วมแสดงด้วย จะเอาเรื่องฝีมือการแสดงมาสู้กับเธอ ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น


 


 


คิดถึงตรงนี้ ขอบตาหลิงอวี้จื้อก็เริ่มแดงแล้ว ทำหน้าเหมือนถูกใส่ร้ายแล้วมองไปที่สองคนนั้น


 


 


“ท่านพ่อ พี่ชาย พวกท่านอย่างปรักปรำข้าเลย ข้าจะลงมือกับหลานตนเองได้อย่างไร


 


 


ข้าเชิญชิวจวี๋เข้ามา เพียงอยากจะดูแลชิวจวี๋สักหน่อย นั่งสักครู่ชิวจวี๋ก็บอกว่าไม่ค่อยสบาย แต่ข้าเป็นห่วงเด็ก จึงให้หรูเยียนไปตามท่านหมอมา


 


 


ใครจะรู้ว่ามีมือสังหารบุกเข้ามา มือสังหารผู้นั้นนึกว่าชิวจวี๋คือข้า ถึงได้ดึงปิ่นปักผมข้าออกมาทำร้ายชิวจวี๋ ข้าให้มั่วชิงไล่ตามไปแล้ว ไม่นานก็คงจะได้ข่าว ข้ามีใจรู้สึกผิดต่อชิวจวี๋อยู่แล้ว ข้าเองที่ทำให้นางลำบาก


 


 


นึกไม่ถึงว่าชิวจวี๋จะฉวยโอกาสใส่ร้ายข้า เพราะก่อนหน้านี้ข้าช่วยพูดแทนลู่อี๋เหนียงไม่กี่ประโยค นางเก็บความแค้นเคืองไว้ในใจ ทำให้ความสัมพันธ์ของข้ากับพี่ชายเหินห่าง น่ารังเกียจจริงๆ เสียทีที่ก่อนหน้านี้ข้าอุตส่าห์ดูแลนาง”


 


 


ชิวจวี๋ตะลึง นึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบไวขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะผลักเรื่องทุกอย่างไปที่มือสังหาร พูดจาเป็นเรื่องเป็นราว ทำเอาตอนสุดท้าย คนผิดก็ยังเป็นนาง


 


 


หลิงจ้ายเทียนใบหน้าอ่อนโยนลงไม่น้อย เมื่อครู่โมโหไปชั่วขณะ เขาย่อมทำอะไรหลิงอวี้จื้อไม่ได้อยู่แล้ว


 


 


ไม่นานเธอก็จะแต่งเข้าจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แม้จะมีชิวจวี๋อีกร้อยคนก็ไม่สำคัญเท่าหลิงอวี้จื้อเพียงคนเดียว มิพักต้องพูดถึงว่าหากชิวจวี๋แท้งไปแล้ว เก็บนางเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย


 


 


“นังบ่าวคนนี้ไม่รู้จักดีชั่ว ให้อวี้จื้อจัดการไปเถิด! เด็กไม่อยู่แล้วก็แล้วไป ฐานะนางต่ำต้อย ไม่คู่ควรที่จะให้กำเนิดและดูแลลูกนจวนมหาเสนาบดี ซ้ำยังใส่ร้ายเจ้านายอีก ต้องลงโทษอย่างหนัก”


 


 


หลิงจ้ายเทียนโปรดปรานหลิงอวี้จื้ออย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาเป็นห่วงก็คือหลิงอวี้จื้อจะได้แต่งงานเข้าจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เมื่อใด จนบัดนี้ยังไม่ได้เลือกวันให้เสร็จสรรพ เขากลัวว่าเรื่องนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาตอนนี้ นอกจากยืนอยู่ข้างเซียวเหยี่ยนแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก


 


 


หลิงอวี้จื้อยิ้มตาหยีโค้งตัว


 


 


“ท่านพ่อช่างมีเหตุผลเหมือนเช่นเคย”


 


 


ตอนนี้มั่วชิงเข้ามาพอดี หลิงอวี้จื้อจงใจถาม


 


 


“มั่วชิง ตามตัวมือสังหารได้หรือยัง”


 


 


มั่วชิงปฏิกิริยาตอบโต้ไวมาก ร่วมมืออย่างเร็ว


 


 


“ข้าน้อยไร้ความสามารถ มือสังหารหนีไปได้แล้ว คุณหนูโปรดอภัยด้วย”


 


 


ชิวจวี๋โกรธจนแทบกระอักเลือด โดนรับผิดไปเปล่าๆ หลิงอวี้จื้อพูดไม่กี่คำก็แก้ปัญหาทั้งหมดได้ จนสุดท้ายของที่เป็นของนางกลับกลายเป็นไม่ใช่ นางไม่รู้ว่าหลิงอวี้จื้อจะจัดการนางอย่างไร รู้เพียงแต่ว่านางจบเห่แล้ว


ตอนที่ 436 คิดเสียว่าไม่มีน้องสาวคนนี้


 


 


“พ่อยังมีภาระต้องสะสาง อวี้จื้อ เรื่องนี้ยกให้เจ้าจัดการ”


 


 


พูดจบหลิงจ้ายเทียนก็ออกไปก่อน เขามาแค่จะดูหลาน ในเมื่อเด็กไม่อยู่แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ ความเป็นความตายของสาวใช้คนหนึ่ง เขาไม่สนใจ อีกอย่างสาวใช้คนนี้เดิมทีก็เป็นคนของหลิงอวี้จื้ออยู่แล้ว


 


 


หลิงจ้ายเทียนเพิ่งไป หรูเยียนก็ตามหมอมาแล้ว หลิงจื่อเฉิงไม่พูดอะไร ประคองชิวจวี๋ไปนอนบนเตียง หมอจับชีพจรนาง รายงานอย่างเคารพนอบน้อมว่า


 


 


“เรียนคุณชาย คุณหนู เด็กแท้งแล้วขอรับ อาการบาดเจ็บของแม่นางไม่ร้ายแรง เพียงแต่ต้องรักษาให้ดีๆ ชั่วระยะหนึ่ง ไม่นานก็ฟื้นกลับสู่ปกติ”


 


 


ผลลัพธ์เช่นนี้อยู่ในความคาดหมายของทุกคน ก่อนนี้ล้มลงเลือดออก แถมโดนปิ่นแทงท้องอย่างแรง รักษาเด็กเอาไว้ไม่ได้อย่างแน่นอน ขณะนั้นชิวจวี๋แทงลงไปแรงมาก เห็นได้ชัดว่าลงมืออย่างโหดเ**้ยม


 


 


“คุณชาย บ่าวยอมรับผิดแล้ว ต่อไปบ่าวไม่กล้าอีกแล้ว ตอนที่บ่าวมา คุณหนูให้บ่าวไปคุกเข่าข้างนอกสามชั่วยาม


 


 


บ่าวจึงบอกว่าตนเองรู้สึกไม่ค่อยสบาย เริ่มมาถึงคุณหนูก็ทำให้บ่าวลำบากแล้ว ดังนั้นบ่าวจึงได้พูดผิดๆ ถูกๆ ไปเช่นนั้น คุณชาย ท่านอย่าตำหนิบ่าวเลยนะเจ้าคะ บ่าวแค่เป็นห่วงลูก…”


 


 


ชิวจวี๋พูดพลางก็ร้องไห้คร่ำครวญ หมอที่อยู่อีกด้านเริ่มทำตัวไม่ถูก ชิวจวี๋เป็นเช่นนี้ เขาไม่สามารถทำแผลได้เลย ได้เพียงแต่ยืนอยู่ข้างๆ รอคำสั่งเท่านั้น


 


 


เห็นได้ชัดว่าหลิงจื่อเฉิงเริ่มเห็นอกเห็นใจ พูดปลอบใจชิวจวี๋ว่า


 


 


“ชิวจวี๋ เจ้าทำใจให้สบายรักษาแผล เรื่องมันผ่านไปแล้ว ต่อไปใครก็ห้ามพูดถึงอีก”


 


 


“ลูก ลูก…”


 


 


อารมณ์ของชิวจวี๋ยิ่งถูกกระตุ้น ปากก็ตะโกนเรียกลูกไม่หยุด


 


 


หลิงจื่อเฉิงยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้ชิวจวี๋


 


 


“เจ้าอายุยังน้อย ต่อไปยังมีลูกได้อีก ตอนนี้ให้ท่านหมอทำแผลให้เจ้าก่อนเถิด”


 


 


หลิงจื่อเฉิงปลอบอยู่นาน ชิวจวี๋ถึงค่อยๆ สงบลง ยอมให้หมอทำแผลให้


 


 


หลิงอวี้จื้อพาหรูเยียนกลับห้องนานแล้ว หรูเยียนยืนอยู่ตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ อย่างไรชิวจวี๋ก็เป็นน้องสาวของหรูเยียน เธอไม่อยากให้หรูเยียนต้องแตกแยกกับเธอเช่นนี้ หรูเยียนกับหนานเยียนต่างก็อยู่เคียงข้างเธอมาตั้งแต่แรก ตอนนี้หนานเยียนไม่อยู่แล้ว เธอจึงให้ความสำคัญกับหรูเยียนมาก


 


 


“หรูเยียน หากข้าบอกเจ้าว่า ปิ่นปักผมนั้นนางเป็นคนแทงตัวเอง เจ้าจะเชื่อหรือไม่”


 


 


จู่ๆ หรูเยียนก็คุกเข่าลง


 


 


“บ่าวขอพูดความจริง หากเป็นเมื่อก่อน บ่าวไม่เชื่อแน่นอนเจ้าค่ะ ตอนนี้บ่าวเชื่อคำพูดของคุณหนู ชิวจวี๋ในตอนนี้ไม่ใช่ชิวจวี๋คนก่อนแล้ว แม้แต่บ่าวเองยังรู้สึกแปลกหน้า ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้


 


 


ขอโทษนะเจ้าคะ คุณหนู บ่าวผิดเอง บ่าวไม่ควรไปรับชิวจวี๋เขามาในจวนท่านมหาเสนาบดีเลย”


 


 


พูดจบหรูเยียนก็โขกหัวหนึ่งครั้ง นางรู้สึกผิดจริงๆ หากรู้ก่อนว่าชิวจวี๋เป็นคนที่หลงใหลที่ลาภยศจอมปลอม นางจะไม่พาชิวจวี๋เข้ามาในจวนมหาเสนาบดีแล้วสร้างปัญหาให้หลิงอวี้จื้อเด็ดขาด หากเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ นางก็รู้สึกละอายใจ


 


 


“เจ้าลุกขึ้นเถิด ความผิดของนาง เจ้าไม่ต้องขอโทษ”


 


 


หลิงอวี้จื้อประคองหรูเยียนจากพื้นด้วยตนเอง แล้วพูดต่อว่า


 


 


“หรูเยียน นางอยู่ในจวนมหาเสนาบดีอีกไม่ได้แล้ว”


 


 


“บ่าวเข้าใจเจ้าค่ะ จากวันนี้เป็นต้นไปข้าจะไม่ไปมาหาสู่กับนางอีกแล้ว คิดเสียว่าไม่มีน้องสาวคนนี้”


 


 


หรูเยียนตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับชิวจวี๋แล้ว ต่อไปเรื่องของชิวจวี๋ นางจะไม่ยุ่งอีกแล้ว


 


 


“ที่นางกลายเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ความผิดของเจ้า นี่เป็นทางที่นางเลือกเอง บนโลกนี้คนที่เดือดร้อนลำบากมีมากมาย สุดท้ายจะกลายเป็นคนแบบใด ทางเลือกก็อยู่ในกำมือของตนเอง เจ้าไม่ต้องโทษตัวเอง ข้าก็ไม่ได้มีเจตนาจะโทษเจ้า เพียงแต่สงสารเจ้า ในใจเจ้าคงจะเป็นห่วงนางมาก แต่นางทำให้เจ้าผิดหวัง”


 


 


หรูเยียนถอนหายใจหนึ่งครั้ง แต่ไม่พูดอะไร กับชิวจวี๋ นางไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร แม้พูดไป นางก็คงไม่ฟัง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 437 เพียงแค่โง่เขลาเท่านั้น


 


 


หลิงอวี้จื้อนึกได้ว่าตนเองไม่ได้ดื่มชาน้ำผึ้งส้มโอนานแล้ว ตั้งแต่ออกจากเมืองหลวงไปก็ยังไม่ได้ดื่มอีกเลยสักครั้ง เธอจึงให้มั่วชิงไปเอาชาน้ำผึ้งส้มโอมาที่โต๊ะ


 


 


เพิ่งชงเสร็จ หลิงจื่อเฉิงก็ผลักประตูเข้ามา เธอรู้ว่าหลิงจื่อเฉิงจะมาหาเธอ จึงทักทายตามสบายว่า


 


 


“พี่ ดื่มชาน้ำผึ้งส้มโอหรือไม่”


 


 


“ข้าไม่ชอบดื่มของเล่นเช่นนี้หรอก”


 


 


หลิงจื่อเฉิงมาถึงก็ปฏิเสธ พูดต่อว่า


 


 


“ข้ารู้ว่าเจ้าให้อภัยชิวจวี๋ไม่ได้ เจ้าให้ข้าจัดการนางเถิด เจ้าวางใจได้ ข้าจะส่งนางออกไปจากจวน ต่อไปเจ้าจะไม่เห็นนางในจวนอีก”


 


 


หลิงอวี้จื้อกลอกตามองบน


 


 


“โห พี่ ท่านตัดสินใจจะแอบเลี้ยงเมียนอกจวนหรือ”


 


 


“นางเพิ่งจะเสียลูก น่าสงสารนะ”


 


 


“ท่านช่างเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างท่วมท้นเสียจริง ท่านทำให้ผู้หญิงที่รักโดนทำร้ายจนกระโดดทะเลสาบ เกือบตาย ต่อมายังใส่ความน้องสาวตนเอง นึกไม่ถึงว่าท่านยังคิดว่าคนเช่นนี้น่าสงสารอีก ซ้ำยังคิดจะหาที่ทางให้นางลงหลักปักฐานข้างนอกด้วย สมองท่านพังแล้วหรืออย่างไร ท่านทำเช่นนี้เคยนึกถึงความรู้สึกของชิงชิงบ้างหรือไม่”


 


 


ตอนแรกหลิงอวี้จื้อก็ไม่อยากปากมาก สุดท้ายก็ทนไม่ไหว จึงปากมากไปหลายประโยค


 


 


“เด็กในท้องนางอย่างไรก็เป็นของข้า เรื่องนี้ข้าก็ผิด ข้าไม่มีเจตนาอื่น และไม่เคยคิดจะทำเรื่องผิดต่อชิงชิง ข้าเพียงแค่อยากให้ตัวเองรู้สึกสบายใจบ้าง”


 


 


“จิตใจเมตตาของท่านช่างอ่อนแอเสียจริง เห็นอยู่ตำตาว่านางเป็นคนไม่ดี หลอกใช้ความใจอ่อนของท่านกัดกินท่านจนอยู่หมัด ท่านยังกระโดดลงไปในหลุมของนางอีก


 


 


ข้าจะบอกให้ ท่านจะจับปลาสองมือไม่ได้ หากท่านนึกถึงชิงชิงจริงๆ เช่นนั้นก็อย่าทำเรื่องไร้สาระอีก มิเช่นนั้นท่านกับชิงชิงก็ถือว่าหมดวาสนากันเพียงเท่านี้ ท่านไปคิดเอาเองให้กระจ่าง อย่ามาหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน”


 


 


หลิงจื่อเฉิงยังกวนหลิงอวี้จื้อ


 


 


“เจ้าไม่ต้องมายุ่งเรื่องของข้า ชิวจวี๋ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นที่เจ้าพูด อวี้จื้อ ตั้งแต่เจ้ากลายเป็นว่าที่พระชายา นับวันเจ้าจะยิ่งเหลิง ไม่พูดคุยกันด้วยเหตุผลเสียแล้ว


 


 


เป็นไปตามสำนวน ‘คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ’ จริงๆ เจ้าอยู่ใกล้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เรียนรู้เอาความเลือดเย็นไร้หัวใจของเขามาเสียแล้ว”


 


 


คราวนี้หลิงอวี้จื้อถูกหลิงจื่อเฉิงจี้จุดโกรธจริงๆ แล้ว วางถ้วยชาในมือลงอย่างแรง


 


 


“ข้าเลือดเย็นไร้หัวใจหรือ ท่านนี่มันสมองหมูจริงๆ สมน้ำหน้าที่ถูกคนปั่นหัวเล่นจนหมุนติ้ว ถ้าท่านชอบให้คนปั่นหัวเล่นขนาดนี้ ข้าก็จะไม่ห้ามท่านแล้ว


 


 


ท่านอย่ามาสร้างความเดือดร้อนให้ชิงชิงกับคนในจวนก็พอ ชิงชิงตาบอดจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะชอบคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นล้นพ้นคนนี้ได้ ท่านหลงคิดว่าตัวเองเป็นเครื่องปรับอากาศส่วนกลาง แล้วยังอยากให้ความอบอุ่นกับทุกคนอีกด้วย รีบพาชิวจวี๋ของท่านออกจากที่นี่ไปเถิด ข้าไม่ต้อนรับท่าน”


 


 


หลิงจื่อเฉิงหน้าบึ้งทันที ออกไปจากห้องหลิงอวี้จื้อไปโดยไม่พูดอะไร


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่มีใจจะดื่มชาแล้ว ตบโต๊ะอย่างโกรธจัด


 


 


“ข้ามีพี่ชายอย่างนี้ได้อย่างไร โกรธเป็นบ้า ต่อไปเรื่องของเขาข้าจะไม่ยุ่งอีก สมน้ำหน้าทั้งเพ”


 


 


“คุณหนู ใจเย็นๆ นะเจ้าคะ คุณชายมิได้มีเจตนาร้าย อย่าโมโหจนเสียสุขภาพเลยเจ้าค่ะ”


 


 


หรูเยียนพูดปลอบอยู่ข้างๆ


 


 


“คุณชายมิได้มีเจตนาร้ายจริงๆ เพียงแค่โง่เขลาเท่านั้น”


 


 


มั่วชิงวิจารณ์เรียบๆ


 


 


“มั่วชิงพูดถูก หากเขาไม่หกล้มก็แปลกแล้ว หากไปพบคนที่มีเจตนาแอบแฝง เขาก็คงพาจวนมหาเสนาบดีไปสู่ความย่อยยับ มิน่าท่านพ่อถึงเกลียดคนไม่ได้ความ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็คงโกรธเขาแทบตาย”


 


 


หลิงอวี้จื้อผ่อนลมหายใจ


 


 


“เอาเถิด ไม่ว่าเขาแล้ว หรูเยียน ไปในครัวหยิบอะไรมาให้ข้ากินสักหน่อย อารมณ์ไม่ดีต้องกินมากๆ หน่อย”


 


 


“บ่าวจะไปดูว่าที่ครัวมีอะไรกินบ้างนะเจ้าคะ”


ตอนที่ 438 บังคับให้เซียวเหยี่ยนแต่งงานเพิ่มอีกคน


 


 


หรูเยียนพยักหน้าตอบก็ออกไป หลิงอวี้จื้อถอนหายใจหนึ่งครั้ง สมองหลิงจื่อเฉิงยังไม่กระจ่างแจ้งเท่าหรูเยียนเลย หลิงจื่อเฉิงไม่มีทางรับผิดชอบเรื่องใหญ่ๆ ได้ หลิงจื่อหรงอายุยังน้อยแต่ไปทางคิดคดเสียแล้ว อนาคตของจวนมหาเสนาบดีน่าเป็นห่วง โชคชะตาถูกกำหนดไว้ให้มาถึงช่วงตกต่ำ


 


 


ณ วังฉางเล่อกง


 


 


เซียวเหยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ในตำแหน่งที่ต่ำกว่ามู่หรงกวานเย่ว์ ส่วนมู่หรงกวานเย่ว์นั่งบนที่นั่งประธาน สวมชุดว่าราชการสีม่วง สง่าและสูงส่ง ทรงภูมิอย่างที่ใครๆ ไม่สามารถมองข้ามได้


 


 


ส่วนเซียวเหยี่ยนสวมชุดคลุมยาวสีเข้ม เม้มปาก สีหน้าไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด


 


 


ใช่แล้ว คราวนี้บรรยากาศในตำหนักใหญ่ตึงเครียดจนถึงขีดสุด คนใช้ในวังที่ยืนอยู่ข้างๆ ถูกไล่ออกไปนานแล้ว เหลือเพียงจื่ออีที่ยืนอยู่ข้างหลังมู่หรงกวานเย่ว์


 


 


จื่ออีถือว่าเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์สำคัญๆ มาไม่น้อย แต่ครั้งนี้ในใจก็ยังวิตกกังวลอย่างยิ่ง ใจเต้นเร็วมาก อยากจะหลบออกไปใจจะขาด แต่ติดที่สถานะ จึงได้แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ทั้งสองคนมีรังสีทรงพลังแรงมาก ขิงก็ราข่าก็แรง ทำให้คนอื่นรู้สึกหายใจลำบาก


 


 


“เซียวเหยี่ยน คู่สร้างคู่สมเช่นนี้ เจ้าไม่ยินดีหรือ”


 


 


หลังจากเงียบไปนาน มู่หรงกวานเย่ว์ก็ทำลายความเงียบก่อน ยิงประโยคไปเบาๆ มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ


 


 


“ท่านรู้เจตนาข้าดี”


 


 


“เราย่อมรู้ใจเจ้า เราจึงไม่ได้ห้ามที่ท่านอ๋องไปสู่ขอว่าที่พระชายา เพียงแต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้ยิ่งใหญ่จะมีผู้หญิงคนเดียวได้อย่างไร


 


 


เฉินปี้เป็นบุตรีที่เกิดจากภรรยาหลวงของตระกูลเฉิน เป็นกุลสตรีมีคุณธรรม มีความรอบรู้ เชี่ยวชาญดนตรีและศิลปะ เป็นสตรีมีความสามารถชื่อดังคนหนึ่งในเมืองหลวง


 


 


ตอนนี้นางยินดีเป็นพระชายารองของท่านอ๋อง ท่านอ๋องควรจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก


 


 


จากชาติกำเนิดของเฉินปี้ เป็นพระชายาก็ไม่เคยเป็นมาก่อน นี่เป็นเรื่องน่ายินดี


 


 


ถึงแม้หลิงอวี้จื้อจะเป็นบุตรีที่เกิดจากภรรยาหลวงของมหาเสนาบดี แต่ก็ขาดสติปัญญามานาน กฎเกณฑ์ตั้งมากมายเกรงว่าจะไม่รู้เรื่อง ต่อไปมีเฉินปี้คอยช่วยอยู่ข้างๆ นางก็จะได้ช่วยดูแลการงานในจวนท่านอ๋องได้ ท่านอ๋องก็จะได้รับใช้ราชสำนักโดยไม่ต้องกังวลเรื่องใด”


 


 


เฉินปี้ที่มู่หรงกวานเย่ว์พูดถึงคือลูกสาวของท่านมหาบัณฑิตเฉิน มีเกียรติคุณในราชสำนักอยู่พอสมควร แต่ไม่ได้มีอำนาจแท้จริง นอกจากนั้นตระกูลเฉินแต่ละรุ่นเป็นครอบครัววิชาการ ไม่แก่งแย่งชิงดี ไม่เข้าร่วมการต่อสู้แย่งชิงกับใคร จึงได้ใจองค์จักรพรรดิ


 


 


เซียวเหยี่ยนตอบรับด้วยน้ำเสียงไม่แยแส


 


 


“ไทเฮาทรงทุ่มเทพระทัยจริงๆ”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์เลือกเฉินปี้มาได้นั้นต้องทุ่มเทความคิดมากจริงๆ คนที่มีอำนาจจริงๆ นางก็ไม่กล้าเลือก ฐานะต่ำต้อยเกินไปก็ไม่ได้ ต้องเป็นคนที่มีทั้งฐานะ และมีหน้าตาและความสามารถโดดเด่น


 


 


ผู้หญิงเช่นนี้ ก็มีแค่เฉินปี้เท่านั้น


 


 


นางเป็นสตรีมีความสามารถอันดับหนึ่งของเมืองหลวง คุณสมบัติโดดเด่น รูปร่างหน้าตาโดดเด่น บุตรชายตระกูลขุนนางจำนวนนับไม่ถ้วนหลงรักชื่นชมนาง คนที่มาทาบทามสู่ขอนางแทบจะธรณีประตูตระกูลเฉินพังอยู่แล้ว แต่นางกลับยินดีจะเป็นพระชายารองของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เห็นได้ชัดว่านางหลงรักชื่นชมเซียวเหยี่ยน


 


 


“ท่านอ๋องเหน็ดเหนื่อยตรากตรำมีผลงานใหญ่โต ทุ่มเทแรงคิดให้เจ้าเป็นเรื่องที่สมควร”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์ตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแต่ใจไม่ยิ้ม ในเมื่อไม่มีทางห้ามเซียวเหยี่ยนแต่งงานได้ เช่นนั้นก็ให้เขาแต่งเพิ่มอีกคนเสียเลย นางจะต้องปลุกปั่นให้จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อยู่ไม่สุข พวกเขาอยากอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นางไม่มีทางสงเคราะห์ให้เป็นอันขาด


 


 


“เข้าใจความปรารถนาดีของไทเฮาแล้ว ตอนนี้กระหม่อมยังไม่มีเจตนาจะตั้งพระชายารอง”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์รู้อยู่แล้วว่าเซียวเหยี่ยนจะต้องปฏิเสธ นางจึงเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างโจ่งแจ้ง เพื่อที่จะมีข้อต่อรองที่ทำให้เซียวเหยี่ยนไม่มีทางปฏิเสธ


 


 


นางกุมปลอกเล็บสีทองบนมือ แววตาเปล่งประกายความเฉียบคม


 


 


“เซียวเหยี่ยน ที่ตำบลเถาหยวนวันนั้น เจ้ารับการช่วยเหลือจากเรา ตอนนั้นเราเคยบอกแล้ว หากเจ้ารับ เจ้าจะต้องรับปากเงื่อนไขเราอย่างหนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาที่เจ้าต้องทำตามสัญญาแล้ว”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 439 เซียวเหยี่ยน เจ้ากล้าเดิมพันหรือไม่


 


 


“เซียวเหยี่ยน เจ้าเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พูดแล้วต้องทำ นี่เป็นสัญญาระหว่างเรา เราถือปฏิบัติอยู่ เจ้าก็ต้องถือปฏิบัติด้วย นอกเสียจากว่าเจ้ามีวิธีทำให้เฉินปี้ไม่มีทางแต่งกับเจ้า มิเช่นนั้นพระชายารองคนนี้ เจ้าต้องรับไป


 


 


หากเจ้ากลับคำ เช่นนั้นสัญญานี้ก็ถือเป็นโมฆะไปตั้งแต่บัดนี้ โดยผิวเผินแล้ว เราก็จะไม่ไปพะวงอะไรอีก ถึงตอนนั้น คนแรกที่ต้องตายก็คือหลิงอวี้จื้อ”


 


 


“มู่หรงกวานเย่ว์ ทำเช่นนี้ ไม่มีประโยชน์อันใดต่อเจ้าเลย”


 


 


“หลายปีมานี้ ไม่ว่าเราจะทำอะไรล้วนต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียเสมอ คราวนี้เราจะทำตามใจสักครั้ง เซียวเหยี่ยน เจ้ากล้าเดิมพันหรือไม่”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์มองเซียวเหยี่ยนอยากเยือกเย็น เขารู้ว่าเซียวเหยี่ยนไม่กล้าเดิมพัน เขาสนใจความเป็นความตายของหลิงอวี้จื้อขนาดนั้น จะกล้าเอาชีวิตของหลิงอวี้จื้อมาเดิมพันได้อย่างไร


 


 


สัญญานี้ตกลงกันไว้ตั้งแต่เซียวเหยี่ยนช่วยเฉินมั่วฉือขึ้นบัลลังก์ได้ สิ่งนี้ผูกมัดทั้งสองคน สัญญาอะไรกันเอาไว้ห้ามคืนคำ


 


 


นางส่งคนไปตำบลเถาหยวน แต่กลับเก็บไว้ไม่ปล่อยให้ลงมือ ก็เพื่อรอให้เซียวเหยี่ยนขอความช่วยเหลือ เมื่อใดที่เซียวเหยี่ยนขอความช่วยเหลือ นางก็จะมีข้อต่อรองเพื่อเจรจาเงื่อนไขกับเซียวเหยี่ยน ส่วนเซียวเหยี่ยนก็จะหาเหตุผลมาปฏิเสธไม่ได้


 


 


บีบบังคับเซียวเหยี่ยนเช่นนี้ ในใจนางก็ไม่ได้มีความสุข หากเซียวเหยี่ยนตอบรับแล้ว ก็เพียงแต่จะเป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่า หลิงอวี้จื้อสำคัญต่อเขาเพียงใด เขาชอบหญิงสาวคนนั้นขนาดไหน ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ทำให้นางปวดใจเช่นกัน


 


 


ในเมื่อชะตากำหนดให้นางต้องเจ็บปวด เช่นนั้นเซียวเหยี่ยนก็อย่าคิดจะมีความสุข ชีวิตนี้นางหนีไม่พ้นเซียวเหยี่ยน เซียวเหยี่ยนก็อย่าคิดจะหนีให้พ้นนาง ไม่มีวันเด็ดขาด


 


 


เซียวเหยี่ยนหน้าบึ้ง กำปั้นใต้แขนเสื้อกำแน่น เส้นเลือดปูดโปดออกมาหมดแล้ว บนโลกนี้มีเพียงมู่หรงกวานเย่ว์เท่านั้นที่กล้าขู่เขาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เขายังคงมีไมตรีจิตกับมู่หรงกวานเย่ว์ ตอนนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เหลือเพียงแต่ความเกลียดชัง


 


 


คนที่เคยชอบกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ ใจเขาก็ไม่มีความสุข มู่หรงกวานเย่ว์ที่ทำตัวยกตนข่มท่านอยู่ตรงหน้านี้ ไม่ใช่สาวน้อยยิ้มหวานในความทรงจำอันเลือนลางอีกแล้ว


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่มีทางปฏิเสธ เขาไม่กล้าเอาชีวิตของหลิงอวี้จื้อมาเดินพันจริงๆ ตอนนี้มู่หรงกวานเย่ว์ขาดสติสัมปชัญญะแล้ว สัญญานี้ยังจำเป็นต้องรักษาต่อไป


 


 


“ไทเฮาทรงออกพระราชเสาวนีย์เถิด!”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์ยิ้มออกมา ความรู้สึกอ้างว้างแผ่ขยายภายในจิตใจ มือของนางวางอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ ยึดจับที่เท้าแขนบนเก้าอี้ไม้ไว้แน่น


 


 


“เช่นนั้นก็ยินดีกับท่านอ๋องด้วย วันที่สิบเดือนหน้า ท่านอ๋องกับพระชายารองเข้าประตูวิวาห์พร้อมกัน หวังว่าท่านอ๋องจะดูแลพระชายารองอย่างดี ลำเอียงรักใครคนหนึ่งมากไป เกรงว่าครอบครัวจะไม่สงบสุข”


 


 


“นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของกระหม่อม ไทเฮาไม่ต้องเป็นห่วง หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว กระหม่อมทูลลา”


 


 


เซียวเหยี่ยนพูดจบก็ออกจากวังฉางเล่อกงไปโดยไม่หันกลับมา มู่หรงกวานเย่ว์พิงเก้าอี้อย่างหมดแรง เมื่อครู่นางเห็นความเกลียดชังในแววตาเซียวเหยี่ยนชัดเจน ตอนนี้นางทำให้เซียวเหยี่ยนเกลียดเสียแล้วหรือ


 


 


เรื่องในอดีตกลับมาให้เห็นเป็นฉากๆ สายตาหลงรักชื่นชมของเซียวเหยี่ยนยังอยู่ในใจนางไม่เลือนหาย ใครจะไปคิด สิบกว่าปีหลังจากนั้น นางกับเซียวเหยี่ยนจะเดินมาถึงจุดนี้ พวกเขาต่างมีตำแหน่งสูงส่ง แต่นับวันยิ่งแปลกหน้าต่อกัน มู่หรงกวานเย่ว์ในตอนนั้น ไม่เคยคิดจะเข้าวัง ความปรารถนาสูงสุดในใจมีแต่รอคอยหนุ่มน้อยคนนั้นโตขึ้นมาสู่ขอนางเป็นภรรยา


 


 


ตอนนี้หนุ่มน้อยเติบโตไปนานแล้ว คนที่จะแต่งงานด้วยกลับเป็นคนอื่น นางกับเขานับวันยิ่งห่างเหิน


 


 


“ไทเฮา ไม่เป็นอะไรนะเพคะ!”


 


 


เห็นมู่หรงกวานเย่ว์พิงเก้าอี้ไม่พูดอะไร สีหน้าก็ดูไม่ดี ดูอ่อนล้า จื่ออีจึงถามด้วยความเป็นห่วง


 


 


“เราไม่เป็นอะไร จื่ออี กวานเสวี่ยกลับมาหรือยัง”


 


 


จื่ออีส่ายหน้า


 


 


“บ่าวไปถามที่จวนตระกูลเจียงแล้ว เจียงฮูหยินยังไม่กลับเข้ากรุงเพคะ ไม่ทราบว่าไปที่ใด หมอหลวงเจียงส่งคนไปตามหาฮูหยินทุกหนแห่ง แต่คุณชายกลับมาแล้วเพคะ”


 


 


“เจ้าออกไปก่อนเถิด! เราอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยโบกมือเป็นสัญญาณ


 


 


จื่ออีไม่พูดอะไร โค้งคำนับแล้วออกไป


ตอนที่ 440 ใครกล้าพูดว่าเจ้าไม่สวย


 


 


ออกมาจากวังแล้ว เซียวเหยี่ยนก็ไปจวนมหาเสนาบดีทันที ข้างนอกอากาศไม่เลว ที่จวนมหาเสนาบดีทำชุดใหม่ให้หลิงอวี้จื้อสองสามชุด หลิงอวี้จื้อกำลังลองชุดอยู่ในห้อง เธอสวมเสื้อนอกบุนวมผ้าฝ้ายสำหรับฤดูหนาวอยู่ จู่ๆ ก็เปลี่ยนมาสวมเสื้อบางน้ำหนักเบา รู้สึกตัวเบาไปไม่น้อย คล่องตัวมาก


 


 


เธอเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสีเหลืองนวลอ่อน ปลายแขนปักลายดอกท้อสีเดียวกัน เนื้อผ้าเป็นผ้าไหมอวิ๋นจินชั้นดี ประณีตมาก เธอหมุนอยู่หน้ากระจกรอบหนึ่ง พยักหน้าอย่างพอใจ


 


 


“ชุดนี้ไม่เลวเลย สีก็สดใส เนื้อผ้าก็สบาย


 


 


หรูเยียน เจ้ารู้สึกหรือไม่ ตั้งแต่ข้าจะแต่งงานกับเซียวเหยี่ยน ของที่ท่านพ่อเตรียมให้ข้า ไม่รู้ว่ายกระดับขึ้นมามากมายเพียงใด เมื่อก่อนเคยส่งเนื้อผ้าระดับนี้ให้ข้าสวมใส่เสียที่ไหน สถานะมาเหนือทุกอย่างจริงๆ”


 


 


“คุณหนูสวมชุดนี้แล้วสวยจริงๆ ”


 


 


หลิงอวี้จื้อบีบหน้าตัวเองไปมาหน้ากระจกทองแดง


 


 


“จะว่าสวยก็ไม่ใช่ แต่ว่าไม่เป็นไร หน้าแบบนี้ต้านวัย นี่คือข้อดีของหน้ากลม”


 


 


“ใครบอกว่าเจ้าไม่สวย”


 


 


เสียงของเซียวเหยี่ยนดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เซียวเหยี่ยนทำให้หลิงอวี้จื้อตกใจ หันกลับไป เห็นเซียวเหยี่ยนยืนอยู่ข้างหลังจริงๆ เธอกุมอกตัวเอง


 


 


“ท่านทำข้าตกใจแทบตาย เหตุใดออกมาไม่ให้สุ้มให้เสียงเพคะ”


 


 


เซียวเหยี่ยนโบกมือ เป็นสัญญาณให้หรูเยียนออกไป หรูเยียนออกไปอย่างเงียบๆ แล้วปิดประตู หลิงอวี้จื้อพุ่งไปตรงหน้าเซียวเหยี่ยน หมุนหนึ่งรอบ


 


 


“สวยหรือไม่เพคะ”


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อสีหน้าดีใจ มุมปากเซียวเหยี่ยนก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ยื่นมือออกไปกุมมือทั้งคู่ของหลิงอวี้จื้อ


 


 


“แค่ได้ใส่ชุดใหม่ก็ทำให้เจ้าดีใจขนาดนี้ ต่อไปข้าจะทำชุดใหม่ให้เจ้าทุกวันเลย”


 


 


“มีที่เก็บพอหรือเพคะ”


 


 


“หากไม่พอ ข้าก็จะสร้างคฤหาสน์สักหลังให้เจ้าเก็บเสื้อผ้าโดยเฉพาะ”


 


 


“เช่นนั้นข้าไม่กล้าเก็บแล้วเพคะ ถึงเวลานั้นข้าคงจะจมน้ำลายจากขี้ปากของคนข้างนอกน่ะสิเพคะ”


 


 


“ข้าจะดูสิว่าใครกล้า”


 


 


เซียวเหยี่ยนเลิกคิ้ว


 


 


“ข้าบอกเจ้านานแล้ว ขอเพียงมีข้าอยู่ ที่แคว้นเว่ยตะวันตกนี้ เจ้าเป็นตัวของตัวเองได้ จะไม่มีใครมาทำให้เจ้าลำบากใจ”


 


 


“ถ้าเช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบก็เอียงคอถาม


 


 


“ท่านยังไม่ตอบข้าเลย ข้าสวมชุดนี้แล้วสวยหรือไม่เพคะ”


 


 


เซียวเหยี่ยนก้มหน้า ตอบเบาๆ แนบหูหลิงอวี้จื้อว่า


 


 


“สวยอยู่แล้ว บนโลกนี้ ใครก็สวยสู้เจ้าไม่ได้”


 


 


หลิงอวี้จื้อตระหนักถึงรูปร่างหน้าตาของตัวเองเป็นอย่างดี ถึงแม้จะไม่อัปลักษณ์ แต่ไม่ถือว่าเป็นสาวสวยตามขนบธรรมเนียม ความประทับใจแรกที่คนอื่นมีต่อเธอต่างก็รู้สึกว่าเธอหน้าเด็ก


 


 


แต่คำชมเกินจริงของเซียวเหยี่ยนก็ได้ผลกับเธอมาก นอกจากเธอแล้ว เซียวเหยี่ยนก็ไม่เคยชมใครเกินจริงเลย เธอเป็นคนแรกที่ทำให้เซียวเหยี่ยนชมผู้หญิงได้เช่นนี้ ความคิดเห็นของคนอื่นล้วนไม่สำคัญ เธอสนใจแต่ความคิดเห็นของเซียวเหยี่ยนเท่านั้น


 


 


หลิงอวี้จื้อหัวเราะดังลั่น


 


 


“นับว่าตาท่านมีแวว ท่านอ๋องเพคะ ผู้หญิงที่สวยที่สุดในปฐพีจะได้แต่งงานกับท่านแล้วนะ ขอถามหน่อยว่าตอนนี้ท่านคิดว่าอย่างไร”


 


 


“ไม่ได้คิดอะไร แต่ข้ากลับอยากทำอะไรสักอย่างหนึ่ง”


 


 


“เอ๊ะ อะไรหรือเพคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ


 


 


เซียวเหยี่ยนยื่นมือไปเชยคางหลิงอวี้จื้อขึ้น แล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากของหลิงอวี้จื้อทันที จูบแล้วไม่อยากผละออก ที่เขามาวันนี้ ตอนแรกคิดจะบอกหลิงอวี้จื้อเรื่องพระชายารอง เห็นหลิงอวี้จื้อดีใจขนาดนี้ คำพูดเหล่านั้นจะทำอย่างไรก็พูดไม่ออก เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่า หากหลิงอวี้จื้อรู้เรื่องเฉินปี้แล้วจะเป็นอย่างไร


 


 


หากเดาไม่ผิด พรุ่งนี้มู่หรงกวานเย่ว์ก็คงจะออกกฤษฎีกา ถึงตอนนั้นหลิงอวี้จื้อก็จะรู้เรื่อง ไม่ว่าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร หลิงอวี้จื้อก็ไม่มีทางยินดี เขาเคยรับปากกับเธอไว้ ว่าระหว่างพวกเขาสองคนจะไม่มีคนอื่น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด สุดท้ายก็เป็นเขาที่กลืนน้ำลายตัวเอง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 441 ข้าจะรับผิดชอบเจ้า


 


 


เนิ่นนานกว่าเซียวเหยี่ยนจะปล่อยหลิงอวี้จื้อ


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้สึกว่าวันนี้เซียวเหยี่ยนค่อนข้างผิดปกติ เหมือนมีเรื่องในใจ กอดเธอไม่ยอมปล่อยเช่นนี้ เธอหายใจหอบเล็กน้อยขณะอิงแอบอยู่ในอ้อมอกของเซียวเหยี่ยน


 


 


“อาเหยี่ยน ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง!”


 


 


“ยังไม่พออีกหรือ”


 


 


“พอแล้ว พอแล้ว พรุ่งนี้ข้ายังต้องพบเจอคนอีก”


 


 


หลิงอวี้จื้อหน้าแดงก่ำ กล้ามองเซียวเหยี่ยนเสียที่ไหน ยื่นมือออกไปกอดเอวเซียวเหยี่ยน ถามเบาๆ ว่า


 


 


“ยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่”


 


 


“หายนานแล้ว อวี้จื้อ คืนนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”


 


 


“อะไรนะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อนึกว่าตัวเองฟังผิด เงยหน้าขึ้น มองเซียวเหยี่ยนงงๆ


 


 


“เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ”


 


 


เซียวเหยี่ยนยื่นมือไปประคองหน้าหลิงอวี้จื้อ


 


 


“คืนนี้ข้าไม่ไปไหนแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อปล่อยเซียวเหยี่ยน บิดไปบิดมาเล็กน้อย


 


 


“เช่น…เช่นนี้ไม่ดีกระมัง! เรายังไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน ท่านอย่าใจร้อนสิ”


 


 


เซียวเหยี่ยนอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด ยื่นมือไปลูบจมูกหลิงอวี้จื้อ


 


 


“อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า เพียงแค่อยากอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเท่านั้น”


 


 


“ข้ากลัวว่าท่านจะอดใจไม่ไหวแล้วกินข้าน่ะสิ”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดเบาๆ เขินอายอย่างยิ่ง


 


 


“หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะมาสู่ขอเจ้ากลับจวนเร็วขึ้น อย่างไรเจ้าก็เป็นของข้าอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว วางใจเถิด ข้าจะรับผิดชอบเจ้าเอง”


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่เปลี่ยนสีหน้า แสดงท่าทีเอาจริงเอาจริง


 


 


หลิงอวี้จื้อยอมแล้วจริงๆ คนยุคปัจจุบันอย่างเธอยังไม่เปิดกว้างเท่าคนยุคโบราณอย่างเซียวเหยี่ยน สีหน้าของเซียวเหยี่ยนไม่เปลี่ยน แต่เธอกลับหน้าแดงเสียแล้ว ไม่มีเหตุผลเลย เธอควรจะเป็นฝ่ายแกล้งเซียวเหยี่ยนสิ ทำไมถึงกลับกันแบบนี้


 


 


ไม่ได้ ไม่ได้ เธอจะต้องสลับบทบาทเป็นฝ่ายรุก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงสายหื่น แต่จะทำตัวไม่มีอุบายโต้กลับชายยุคโบราณคนหนึ่งไม่ได้


 


 


คิดถึงตรงนี้ เธอก็ยิ้มตาหยีจ้องมองเซียวเหยี่ยน ทำหน้าหนาเข้าไว้แล้วพูดว่า


 


 


“ข้าต้องรับผิดชอบท่านถึงจะถูก ท่านอ๋องหล่อขนาดนี้ ข้าได้กำไรแล้ว”


 


 


เซียวเหยี่ยนตะลึง นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ หลิงอวี้จื้อจะกล้าถึงเพียงนี้ เขายกมือขึ้นมาปลดเข็มขัด เห็นเช่นนี้ หลิงอวี้จื้อก็ลนลานแล้ว รีบห้ามปราม


 


 


“ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดเลย”


 


 


“ใครตั้งกฎว่าฟ้ามืดแล้วถึงนอนได้ล่ะ”


 


 


“เอ่อ…”


 


 


“ข้าหิวแล้ว พวกเรา…พวกเราไปกินอะไรกันก่อน”


 


 


หลิงอวี้จื้อเริ่มพูดติดอ่าง เซียวเหยี่ยนรู้ว่าเธอกลัวแล้ว จึงยื่นมือออกไปลูบหัวหลิงอวี้จื้อ


 


 


“ได้ กินอะไรกันก่อน”


 


 


เขาก็แค่จะแกล้งหลิงอวี้จื้อ ไม่ได้คิดจะถอดผ้าถอดผ่อนจริงๆ ไม่นึกว่าหลิงอวี้จื้อจะตกใจเร็วขนาดนี้ เขาก็คิดไว้แล้ว สาวน้อยที่ไหนจะกล้าได้ถึงเพียงนี้


 


 


หลิงอวี้จื้อคอตกรู้สึกหดหู่ ทำหน้าด้านแล้วถึงได้พบว่าตนเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวเหยี่ยนอยู่ดี ระหว่างพวกเขาสองคน อำนาจในการรุกถูกกำหนดไว้ให้อยู่ในกำมือของเซียวเหยี่ยนแล้ว


 


 


ที่จริงหลิงอวี้จื้อไม่ได้อยากกินอะไร ในเมื่อลั่นวาจาไปแล้ว ก็ช่วยไม่ได้ ก้มหน้าก้มตากินไปเถิด


 


 


หรูเยียนให้สาวใช้ยกของกินเล่นมาสองสามจาน พอหลิงอวี้จื้อเห็นของกินก็ลืมความกระอักกระอ่วนเล็กน้อยก่อนหน้านี้ หยิบผลไม้แช่อิ่มลูกหนึ่งยัดใส่มือเซียวเหยี่ยน


 


 


“อันนี้หวาน หรูเยียนเป็นคนแช่อิ่มเอง อาเหยี่ยน ท่านลองชิมดูสิ”


 


 


เดิมทีเซียวเหยี่ยนไม่สนใจของพวกนี้อยู่แล้ว ปกติไม่เคยกินเลย ทว่าตั้งแต่เขาไม่ปฏิเสธหลิงอวี้จื้อ แม้กินกุ้งแล้วจะทำให้เป็นผื่นแดงไปทั้งตัว เขาก็หยิบขึ้นมากินโดยไม่ลังเล นับประสาอะไรกับผลไม้แช่อิ่ม เซียวเหยี่ยนรับมา หยิบผลไม้แช่อิ่มเข้าปากแล้วชิม หลิงอวี้จื้อมองเซียวเหยี่ยนด้วยสีหน้าตั้งตารอคอย


 


 


“เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่”


 


 


เซียวเหยี่ยนยังชิมไม่รู้รสว่าอะไรอร่อยไม่อร่อย ในปากเขามีแต่รสชาติของหลิงอวี้จื้อ ด้วยเหตุนี้จึงพยักหน้า


 


 


“อร่อย”


 


 


“ข้าบอกแล้วว่าหรูเยียนฝีมือดี นางทำอะไรข้าก็ชอบกินหมด”


ตอนที่ 442 มีเรื่องต้องจำใจทำมากขนาดนั้นเสียที่ไหน


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดอย่างดีอกดีใจ สีหน้าสดใสมีชีวิตชีวา แววตาดูเหมือนมีประกายแวววาว เซียวเหยี่ยนมองหลิงอวี้จื้อด้วยแววตาเร่าร้อน ยิ่งมองยิ่งชอบ ขอเพียงได้เห็นรอยยิ้มของนาง ความทุกข์ภายในจิตใจก็ถูกกวาดออกไปสิ้น


 


 


อย่างเช่นตอนนี้ ตอนแรกเขามาด้วยใจที่หนักอึ้ง พอเห็นนาง ก็ลืมความทุกข์ใจทุกอย่างหมด ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ว่าทำอะไรเพื่อนางก็คุ้มค่า ขอเพียงได้เห็นรอยยิ้มนี้ของนางไปเรื่อยๆ


 


 


หลิงอวี้จื้อเป็นคนพอใจง่ายมาก ผลไม้แช่อิ่มอร่อยๆ หนึ่งจาน เสื้อผ้าใหม่หนึ่งชุดก็ทำให้นางยิ้มสดใสดั่งดวงตะวันได้


 


 


นางไม่ใช่คนอ่อนต่อโลก แต่ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นกับนาง ไม่นานก็ผ่านไป นางจะไม่จมปลักอยู่กับอารมณ์หดหู่


 


 


นี่เป็นจุดที่หลิงอวี้จื้อดึงดูดเขามากที่สุด แม้ฟ้าจะถล่มทลาย นอนสักครู่ นางก็กลับมายิ้มสู้ชีวิตได้แล้ว


 


 


เมื่อรับรู้ถึงสายตาเร่าร้อนที่หยุดอยู่บนร่างกายของตนมาตลอด หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกร้อน


 


 


“ท่านเอาแต่จ้องข้าทำไม เห็นกันมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ยังดูไม่พออีกหรือ”


 


 


“ยังเหลือเวลาอีกทั้งชีวิต ตอนนี้จะดูพอได้อย่างไร”


 


 


“วันเวลาข้างหน้ายังอีกยาวไกล เนิ่นนานผ่านไปท่านจะไปชอบคนอื่นหรือไม่”


 


 


นี่เป็นคำพูดล้อเล่นของหลิงอวี้จื้อ เธอรู้สึกว่ากว่าเซียวเหยี่ยนรักใครสักคนได้ก็ยากมากแล้ว สองคนผ่านเรื่องราวมาด้วยกันตั้งมากมาย เธอเชื่อใจเซียวเหยี่ยนอย่างเต็มที่


 


 


ต้องขอบคุณการเดินทางไปอำเภอฉางหนิงคราวนี้ หากไม่มีประสบการณ์นี้ เธอก็จะไม่มีทางรู้เลยว่า เซียวเหยี่ยนสำคัญกับเธอขนาดนี้


 


 


“ไม่”


 


 


เซียวเหยี่ยนตอบสั้นกระชับ ไม่ลังเลแม้แต่น้อย


 


 


หลิงอวี้จื้อหัวเราะเอิ๊กอ๊าก


 


 


“ข้ารู้อยู่แล้วว่าไม่”


 


 


พูดจบเธอก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา พูดถึงเรื่องของหลิงจื่อเฉิงขึ้นมา


 


 


“อาเหยี่ยน ข้าจะบอกให้ พี่ชายข้าช่างร้ายเสียจริง ตอนแรกเพื่อจะขอชิงชิงแต่งงาน เขาร้องไห้อ้อนวอนขอท่านพ่อท่านแม่ แถมยังเตรียมจะหนีออกจากบ้านด้วย ต่อมาในที่สุดก็สมหวังดั่งปรารถนา นึกไม่ถึงว่าตาคนนี้จะไปมีความสัมพันธ์กับน้องสาวของหรูเยียน นั่นคือชิวจวี๋


 


 


อย่างไรท่านก็เคยเห็นนางแล้ว เขายังมีใจสงสารชิวจวี๋อีก บอกว่าตนเองดื่มจนเมา แต่ในใจยังรักชิงชิง ทุเรศจริงๆ หากรักใครสักคนจริง จะทำร้ายนางเช่นนี้หรือ ใครอยากจะแบ่งปันคนที่นอนร่วมเรียงเคียงหมอนบ้าง”


 


 


หลิงอวี้จื้อด่าด้วยความไม่พอใจ ส่วนเซียวเหยี่ยนฟังอยู่เงียบๆ ไม่โต้ตอบสักคำ จากเรื่องนี้สามารถมองเห็นทัศนคติของหลิงอวี้จื้อได้ เขาพอจะคิดออกแล้วว่าพรุ่งนี้ เมื่อหลิงอวี้จื้อได้รับพระราชเสาวนีย์แล้วจะมีท่าทีอย่างไร


 


 


“คนร่วมหมอนแบ่งกันไม่ได้จริงๆ แต่บางครั้งก็มีเรื่องที่ต้องจำใจทำ”


 


 


“อาเหยี่ยน เหตุใดถึงพูดแทนพี่ชายข้า เขามีเรื่องที่ต้องจำใจทำเสียที่ไหน ชิวจวี๋เป็นคนอย่างไรพวกเราก็รู้ มีแต่เขาที่ไม่รู้ คิดอยู่นั่นแหละว่านางน่าสงสาร ผู้ชายอาจจะคิดว่ามีผู้หญิงเพิ่มมาอีกสักคนไม่มีอะไร แต่สำหรับผู้หญิงที่รักเขาแล้ว นี่เป็นความเจ็บปวดถึงแก่ชีวิต”


 


 


“จื่อเฉิงสติเลอะเลือนไปเสียแล้ว”


 


 


“ไม่ใช่แค่สติเลอะเลือน แต่กลับกลอกด้วย


 


 


เขาไม่ได้รักชิงชิงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มิเช่นนั้นเขาคงไม่ปฏิบัติต่อชิวจวี๋เช่นนี้


 


 


เมาสุราครั้งนั้นอาจพูดได้ว่าถูกคนวางยา ตอนนี้ความสงสารที่เขามีต่อชิงจวี๋ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่มีเหตุผล เรื่องของเขาข้าก็ไม่ยุ่งแล้ว


 


 


ชิงชิงเองก็เหมือนจะตัดใจจากเขาแล้ว ต่อไปไม่ขอเจอหน้าเขาอีก พวกเขาสองคนจะไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตรงจุดนี้ข้ายังชื่นชมชิงชิงเลย ควรจะทำเช่นนี้แหละ ขออภัยข้าหรือ ขอโทษนะ เจ้าไสหัวออกไปได้แล้ว ไม่ประนีประนอมเป็นอันขาด”


 


 


“เจ้ายุ่งเรื่องคนอื่นให้น้อยๆ หน่อย พวกเขาต่างก็มีข้อสรุปในใจของตนเอง ผลไม้แช่อิ่มยังกินไม่หมด กินอีกสองเม็ดสิ”


 


 


เซียวเหยี่ยนกลายเป็นมีอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องเหล่านี้กับหลิงอวี้จื้ออย่างไร อวี้จื้อ เจ้าจะตำหนิข้าเช่นกันใช่หรือไม่


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 443 หน้าด้านไปหน่อยหรือไม่


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบเห็นเซียวเหยี่ยนไม่พูดอะไรเลย เธอกลืนผลไม้แช่อิ่มในใปาก ถามเสียงเบา


 


 


“อาเหยี่ยน เป็นอะไรไปหรือ”


 


 


“ไม่มีอะไร”


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้สึกได้ว่าเซียวเหยี่ยนเก็บอะไรไว้ในใจ ช่วงนี้เมืองหลวงก็เหมือนจะไม่ได้เกิดเรื่องอะไร เธอคิดว่าเขาอาจจะเจอเรื่องกวนใจอะไรในราชสำนัก จึงหยิบพุทราเชื่อมหนึ่งเม็ดป้อนเข้าไปในปากเซียวเหยี่ยน


 


 


เซียวเหยี่ยนรับพุทราเชื่อมที่หลิงอวี้จื้อส่งมาอย่างร่วมมือดี เซียวเหยี่ยนเคี้ยวสักครู่ ก็กลืนพุทราเชื่อมลงไป หลิงอวี้จื้อยิ้มพลางถามว่า


 


 


“เอาอีกหรือไม่”


 


 


“เจ้าก็กินน้อยๆ หน่อย อย่าตามใจปากมาก”


 


 


“ข้าฟังท่าน กินเยอะไปก็เลี่ยน”


 


 


หลิงอวี้จื้อเก็บจานผลไม้ เช็ดมือ แล้วยื่นมือออกไปโอบคอเซียวเหยี่ยน


 


 


“ข้ารู้ว่าตอนนี้ท่านอารมณ์ไม่ดี อาเหยี่ยน ท่านจำไว้นะ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะอยู่ข้างกายท่าน”


 


 


เซียวเหยี่ยนใจชื้น เขาไม่เคยคิดจะทำให้หลิงอวี้จื้อผิดหวัง เขาจะไปเจอเฉินปี้ ไปดูสักหน่อยว่าแท้จริงแล้วเฉินปี้คิดอย่างไร มู่หรงกวานเย่ว์เป็นคนจัดแจงหรือว่าเป็นเจตนาของนางเอง


 


 


เซียวเหยี่ยนชอบลูบหัวหลิงอวี้จื้อมาก ยื่นมือออกไปลูบผมดำที่นุ่มละมุนดุจแพรไหมของนางซึ่งมีกลิ่นหอมจางๆ เห็นข้างนอกฟ้ามืดแล้ว เขาก็ก้มตัวแนบหูหลิงอวี้จื้อ พูดเสียงต่ำว่า


 


 


“อวี้จื้อ ข้ากลับก่อนนะ”


 


 


“เร็วจริง”


 


 


หลิงอวี้จื้อยังไม่อยากให้เขาไป ยังไม่รู้ตัวเลยว่าข้างนอกมืดหมดแล้ว


 


 


“เจ้าอยากให้ข้าค้างแรมหรือ”


 


 


“ข้าหมายความเช่นนั้นเสียที่ไหน อาเหยี่ยน ท่านอย่าจงใจตีความเจตนาข้าผิด”


 


 


หลิงจื้อพูดจบก็เงยหน้าขึ้น เห็นข้างนอกฟ้ามืดหมดแล้ว ถึงได้รู้ว่าค่ำแล้ว เธอปล่อยเซียวเหยี่ยน แล้วเสมองไปทางอื่นอย่างเขินอาย นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อสองคนอยู่ในห้องด้วยกันแล้ว เวลาจะผ่านไปเร็วเช่นนี้ เพียงชั่วพริบตาเดียวฟ้าก็มืด


 


 


เซียวเหยี่ยนลุกขึ้น เดินไปข้างๆ หลิงอวี้จื้อ เขายังอยากอยู่ต่อจริงๆ ตอนที่นอนร่วมเตียงเคียงหมอนกันครั้งนั้น หลิงอวี้จื้อยังไม่ได้เป็นว่าที่พระชายาของเขา เขายังควบคุมตนเองได้


 


 


เซียวเหยี่ยนจูบติ่งหูของหลิงอวี้จื้อเบาๆ หลิงอวี้จื้อสะดุ้งเล็กน้อย ราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านตัว ทำให้เธอรู้สึกชาๆ


 


 


“ข้าไปกลับก่อน อวี้จื้อ ค่ำแล้วรีบนอนพักผ่อนนะ”


 


 


“อื้ม”


 


 


หลิงอวี้จื้อตอบเขินๆ


 


 


ไม่นานเซียวเหยี่ยนก็ออกไปแล้ว หลิงอวี้จื้อยังยืนใจลอยอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นลูบๆ ติ่งหูของตัวเอง อืม เซียวเหยี่ยนวันนี้ผิดปกติจริงๆ แต่เธอก็ชอบ หากเธอจะบอกว่าตอนนี้เธอชอบให้เซียวเหยี่ยนจูบเธอมาก แบบนี้จะหน้าด้านไปหน่อยหรือไม่นะ


 


 


คิดถึงตรงนี้ หลิงอวี้จื้อก็หัวเราะฮ่าๆ ดังลั่น หน้าด้านก็หน้าด้านไปเถอะ อย่างไรเรื่องน่าขายหน้าก็เคยทำไปหมดแล้ว เธอไม่กลัวแล้ว


 


 


ตอนบ่ายกินของว่างไปเยอะ ตอนเย็นเธอจึงไม่หิวเลยสักนิด


 


 


เธอยืนอยู่ริมหน้าต่าง เหม่อมองท้องฟ้าที่ดำมืด วันแต่งงานกำหนดไว้เมื่อไหร่กันแน่นะ


 


 


เหตุใดมู่หรงกวานเย่ว์ยังไม่มีพระราชเสาวนีย์ลงมา คงไม่ได้จงใจประวิงเวลาหรอกนะ!


 


 


เคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่าต้นปี ตอนนี้ผ่านวันหยวนเซียวไปแล้ว แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เธออยากแต่งงานกับเซียวเหยี่ยนเร็วๆ หน่อย ถึงแม้จะรู้สึกอายที่จะบอกเรื่องนี้กับเซียวเหยี่ยน แต่ตนเองก็คิดว่าควรจะบอกได้แล้ว


 


 


คืนนี้ขนาดในฝัน หลิงอวี้จื้อยังฝันถึงฉากงานมงคลสมรสของทั้งสองคน ในความฝันยังอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ นอนหลับฝันดีสุด ๆ


 


 


วันต่อมา พระราชเสาวนีย์ของมู่หรงกวานเย่ว์ก็มาถึงจวนมหาเสนาบดี งานมงคลสมรสกำหนดไว้เป็นวันที่ห้าเดือนสอง หลิงอวี้จื้อคุกเข่าคำนวณสักครู่ ยังมีเวลาอีกสิบห้าวันพอดี วันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ


ตอนที่ 444 ตีแสกหน้า


 


 


หลิงจ้ายเทียนถือพระราชเสาวนีย์อย่างชอบอกชอบใจ ใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายก็วางลงได้แล้ว ในที่สุดกำหนดวันมงคลสมรสก็ออกมาเสียที ครึ่งเดือนต่อจากนี้จะต้องไม่มีเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก ต้องคอยดูหลิงอวี้จื้อไว้ให้ดีๆ ให้นางได้ออกเรือนไปอย่างราบรื่น


 


 


“หลิวกงกง ลำบากท่านแล้ว ดื่มชาสักถ้วยแล้วค่อยไปเถิด”


 


 


หลิงจ้ายเทียนต้อนรับหลิวกงกงผู้นำสาสน์มาให้อย่างกระตือรือร้น


 


 


หลิวกงกงโบกมือ


 


 


“มิต้องหรอกขอรับ บ่าวยังต้องกลับไปปฏิบัติภารกิจต่อ ความเมตตาของท่านมหาเสนาบดีหลิงบ่าวรับด้วยใจแล้วขอรับ


 


 


ยินดีกับคุณหนูใหญ่ด้วยขอรับ ไม่นานก็จะได้เป็นพระชายาท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว ช่วงเวลานี้ต้องเตรียมตัวให้ดีๆ เรียนรู้กฎเกณฑ์ต่างๆ เอาไว้ให้มาก เมื่อคุณหนูตระกูลเฉินเข้ามาแล้วยังต้องพึ่งพาให้คุณหนูใหญ่อีก”


 


 


“คุณหนูตระกูลเฉินอะไรกัน”


 


 


หลิงอวี้จื้อได้ยินแล้วรู้สึกแปลกๆ จึงถามขึ้น


 


 


หลิวกงกงเพิ่งรู้แจ้งในบัดดล


 


 


“อ้าว คุณหนูยังไม่รู้อีกหรือขอรับ คนที่จะแต่งเข้าจวนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พร้อมกับคุณหนู ยังมีคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินอีกคนหนึ่งขอรับ


 


 


เพียงแต่คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินเป็นพระชายารอง อีกสักครู่พระราชเสาวนีย์งานอภิเษกสมรสก็คงส่งถึงจวนตระกูลเฉินแล้ว คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินเป็นสตรีมีความสามารถชื่อดังในเมืองหลวง คาดว่าคงจะเข้ากับคุณหนูใหญ่ได้เป็นอย่างดีขอรับ”


 


 


เมื่อครู่หลิงอวี้จื้อยังยินดีปรีดาอยู่เลย ข่าวนี้เหมือนมาตีแสกหน้าเธอ ยิ้มไม่ออกอีกแล้ว รีบถามต่อ


 


 


“หลิวกงกง ท่านไม่ได้ล้อเล่นหรอกกระมัง!”


 


 


“เรื่องเช่นนี้บ่าวจะกล้าล้อเล่นได้อย่างไรขอรับ บ่าวต้องกลับไปปฏิบัติภารกิจแล้ว ขอตัวลา ณ ตรงนี้ขอรับ”


 


 


พูดจบหลิวกงกงก็ไปก่อน หลิงอวี้จื้องงงวยไปหมด นี่เป็นวันมงคลของเธอกับเซียวเหยี่ยนแท้ๆ ทำไมจู่ๆ ถึงมีเฉินปี้โผล่เข้ามา


 


 


ฉับพลันเธอก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเซียวเหยี่ยนถึงดูผิดปกติ เขารู้ก่อนแล้วใช่หรือไม่ ไม่ได้ เธอต้องไปหาเซียวเหยี่ยนเพื่อถามให้รู้เรื่อง ว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่


 


 


เซียวเหยี่ยนรับปากเธอไว้แล้ว ระหว่างพวกเขาจะไม่มีใครอื่น เขาพูดคำไหนคำนั้นมาตลอด จะกลืนน้ำลายตัวเองได้อย่างไร


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่มีทางทำกับเธอเช่นนี้เด็ดขาด หลิงอวี้จื้อคอยปลอบใจตัวเองซ้ำไปซ้ำมา อยากให้ตัวเองใจสงบลง สูดหายใจลึก เตรียมจะไปจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพื่อตามหาเซียวเหยี่ยน เพิ่งจะก้าวขา หลิงจ้ายเทียนก็เรียกเธอให้หยุด


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าทำอะไร”


 


 


“ท่านพ่อ จู่ๆ ข้าก็มีพี่น้องเพิ่มมาอีกคน ข้าก็ย่อมต้องไปถามให้รู้เรื่องว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่”


 


 


หลิงอวี้จื้อพยายามอย่างที่สุดที่จะให้ตัวเองใจเย็นๆ แม้แต่ใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้ม เพื่อไม่ให้หลิงจ้ายเทียนสั่งสอนตนเอง


 


 


แต่เสียดาย แม้ว่าจะทำเช่นนั้นแล้ว ก็ยังหนีไม่พ้นการเทศนาหนึ่งจบ


 


 


หลิงจ้ายเทียนดักหน้าหลิงอวี้จื้อไว้ พูดเตือนด้วยสีหน้าจริงจัง


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าจะทำตัวไม่รู้กาลเทศะเช่นนี้ไม่ได้


 


 


ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่สามารถมีผู้หญิงเพียงคนเดียวได้ เจ้านั่งตำแหน่งพระชายาเอกไว้ให้มั่นก็พอแล้ว


 


 


แต่งงานออกไปแล้ว ต้องท้องให้ได้ ขอเพียงครองใจท่านอ๋องไว้ได้ ให้กำเนิดลูกชายคนโตแก่ท่านอ๋อง ไม่ว่าจะมีชายารองอีกกี่คน ตำแหน่งของเจ้าก็ไม่สั่นคลอน”


 


 


คำพูดเหล่านี้ทำให้หลิงอวี้จื้อรู้สึกต่อต้านอย่างยิ่ง แต่ว่าเธอไม่อยากทะเลาะกับหลิงจ้ายเทียน ทะเลาะไปก็เปล่าประโยชน์ แถมยังเปลืองน้ำลายตัวเอง จึงพยักหน้าหงึกหงัก


 


 


“ท่านพ่อสั่งสอนถูกต้องเจ้าค่ะ เมื่อครู่ลูกวู่วามเกินไป ลูกจะกลับไปที่เรือน ท่านพ่อ ไม่ต้องกังวลเกินไปแล้ว ลูกรู้ว่าต้องทำอย่างไร”


 


 


“ถูกต้องแล้ว รีบไปเถิด ครึ่งเดือนนี้ไม่ต้องไปไหน รอออกเรือนอย่างสบายใจเถิด”


 


 


“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”


 


 


หลิงอวี้จื้อตอบรับอย่างว่าง่าย พามั่วชิงกับหรูเยียนกลับเรือนตนเองไป


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 445 ไม่ยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่


 


 


“คุณหนู พวกเราไม่ออกไปหรือเจ้าคะ”


 


 


มั่วชิงเห็นหลิงอวี้จื้อกลับเรือนจริงๆ จึงอดใจไม่ไหวถามขึ้นมา


 


 


“ต้องไปอยู่แล้ว โกรธจนแทบจะระเบิด นี่มันเรื่องอะไรกัน


 


 


เฟิงอิ๋นตายแล้วยังมีเฉินปี้มาอีกคน ข้าไม่ยักรู้เลยว่าท่านอ๋องของข้าจะเนื้อหอมปานนี้


 


 


นึกไม่ถึงว่ายังมีผู้หญิงที่ชอบเขายืนต่อแถวรออยู่ เฟิงอิ๋นเคยบังคับให้เซียวเหยี่ยนแต่งกับนาง ตอนนี้เฉินปี้กลายเป็นสะใภ้ที่กำลังจะแต่งเข้าบ้านอาเหยี่ยนเสียแล้ว นึกไม่ถึงว่าข้าจะกลายเป็นเมียหลวงไป น่าขันจริงๆ”


 


 


หลิงอวี้จื้อโกรธจนหน้าหงิกหน้างอ เมื่อครู่ได้รับพระราชเสาวนีย์ยังดีใจเริงร่าอยู่ นึกไม่ถึงว่าละครฉากเด็ดจะมาตอนท้าย ยังมีเมียน้อยโผล่มาอีกคน เพิ่งจัดการเรื่องทำนองนี้ให้หลิงจื่อเฉิงไปหยกๆ แล้วเรื่องเช่นนี้ก็มาเกิดขึ้นกับตัวเองตามมาติดๆ


 


 


“คุณหนู เกรงว่าเรื่องนี้คงมีการเข้าใจผิดกัน ท่านอ๋องรักและให้ความสำคัญกับคุณหนูขนาดนี้ ไม่มีทางสู่ขอพระชายารองง่ายๆ หรอกเจ้าค่ะ”


 


 


มั่วชิงอยู่กับเซียวเหยี่ยนมาหลายปี อย่างไรก็ต้องช่วยเซียวเหยี่ยนพูด


 


 


หลิงอวี้จื้อทำหน้าเย็นชา


 


 


“นี่ต้องเป็นฝีมือของไทเฮาแน่ ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาเหยี่ยนถึงยอมรับ เขาย่อมปฏิเสธนางได้อยู่แล้ว


 


 


ไทเฮายังขู่เขาได้ แต่หากเขาไม่พยักหน้ารับ พระราชเสาวนีย์นี้ก็คงไม่สามารถกำหนดออกมาได้ เรื่องนี้เขารู้ ซ้ำยังยินยอมด้วย”


 


 


นี่แหละเป็นจุดที่ทำให้เธอเสียใจที่สุด นึกไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะยินยอม เขาก็คิดว่าผู้ชายมีเมียหลายคนเป็นเรื่องปกติใช่ไหม หรือว่าเฉินปี้มีประโยชน์อะไรกับเขา ด้วยเหตุผลทางการเมือง เขาจึงต้องแต่งงานกับเฉินปี้ แต่เธอยอมรับไม่ได้


 


 


เรื่องอื่นพูดคุยกันได้ง่าย มีเพียงเรื่องนี้ที่ไม่ได้ เธอจะไม่เป็นเมียหลวงให้ใคร ทุกวันต้องคอยรับมือกับเมียน้อย ว่าอย่างไรน้องหนึ่งน้องสอง ถ้าเป็นเรื่องความรัก เธอจะไม่ยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่


 


 


เธอจำเป็นต้องไปหาเซียวเหยี่ยนแล้วถามให้รู้เรื่อง ว่าเขาต้องสู่ขอเฉินปี้เข้าจวนให้ได้ใช่หรือไม่


 


 


“คุณหนู อย่าโมโหจนเสียสุขภาพเลยเจ้าค่ะ ท่านอ๋องรักใคร่เอ็นดูคุณหนูขนาดนั้น แม้ในจวนจะมีพระชายารอง ท่านอ๋องก็ยังดูแลคุณหนูดีเช่นเดิมเจ้าค่ะ”


 


 


หรูเยียนรู้ว่าพระราชเสาวนีย์ออกมาแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ กลัวว่าหลิงอวี้จื้อจะทำเรื่องอะไรวู่วาม จึงตั้งใจพูดปลอบประโลมหลิงอวี้จื้อเช่นนี้


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ตอบ เพียงแต่เดินก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า ยิ่งเดินยิ่งเร็ว อ้อ ควรพูดว่ายิ่งเดินยิ่งโมโหต่างหาก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนขึ้นมาได้ ยิ่งรู้สึกว่าประชดกันชัดๆ


 


 


หรูเยียนกับมั่วชิงแทบจะต้องวิ่งเหยาะๆ ถึงจะตามหลิงอวี้จื้อทัน


 


 


กลับไปที่เรือนแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ให้หรูเยียนไปหยิบชุดที่เบาสบายให้ตนชุดหนึ่ง จากนั้นสั่งมั่วชิงให้ไปสืบข่าวเรื่องเฉินปี้สักหน่อย เธออยากรู้ว่าเฉินปี้เป็นคนอย่างไรกันแน่


 


 


หรูเยียนกับมั่วชิงต่างออกไปแล้ว ชวีเหยาเห็นหลิงอวี้จื้อกระฟัดกระเฟียดกลับมา จึงถามด้วยความมึนงง


 


 


“อวี้จื้อ ใครมายั่วโมโหเจ้าเสียแล้วเล่า”


 


 


หลิงอวี้จื้อเข้าไปซบในอ้อมอกของชวีเหยาอย่างเศร้าใจ พูดเสียงเบาๆ


 


 


“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ แค่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่านั้น ท่านแม่เจ้าขา ให้ข้าพิงสักหน่อยนะ”


 


 


“อวี้จื้อ มีเรื่องอะไรเศร้าใจก็พูดออกมา อย่าเก็บเอาไว้ในใจเลย”


 


 


“อื้ม ข้าเพียงแค่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่านั้น ไม่นานก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ท่านแม่ ไม่ต้องห่วงข้านะ”


 


 


เรื่องพวกนี้คุยกับชวีเหยาไปก็ไร้ประโยชน์ นางจะต้องโน้มน้าวให้ตนยอมรับพระชายารองแน่


 


 


ผู้หญิงในยุคสมัยนี้ต่างรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดามาก คนอย่างเธอแทบจะเป็นพวกแปลกคน คนแปลกคนเช่นนี้มีน้อยมาก ดังนั้นเธอจึงขี้เกียจพูดมาก พอถึงเวลาใครก็พูดชนะใครไม่ได้ ช่วยไม่ได้ ก็อารยธรรมห่างกันตั้งกี่พันปี


 


 


ชวีเหยาตบหลังหลิงอวี้จื้อเบาๆ


 


 


“อวี้จื้อ ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร แม่คนนี้ก็จะยืนอยู่ข้างเจ้าเสมอ”


 


 


“ดีเหลือเกินที่มีท่านแม่”


 


 


“ช่างเป็นเด็กโง่เสียจริง”


ตอนที่ 446 ยินดีเป็นอนุ


 


 


ชวีเหยายิ้ม เห็นหลิงอวี้จื้อไม่มีเจตนาจะบอก นางก็ไม่ได้ซักถามต่อ


 


 


นางรู้ว่านางทำผิดต่อหลิงอวี้จื้อ ตอนนี้ถึงแม้หลิงอวี้จื้อจะเชื่อฟังมาก แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี นางไม่เข้าใจลูกสาวตัวเองเลย เรื่องนี้ทำให้นางแอบรู้สึกหดหู่อยู่ภายในใจ


 


 


ต่อไปจะต้องเอาใจใส่ให้มากกว่านี้ถึงจะถูก เช่นนี้ถึงจะทำให้หลิงอวี้จื้อยินดีพูดความในใจออกมาให้นางฟัง


 


 


เมื่อมีชวีเหยาคอยปลอบใจ อารมณ์ของหลิงอวี้จื้อก็สงบลงไม่น้อย ลุกขึ้นกลับไปในห้องเพื่อเปลี่ยนชุด เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ มั่วชิงก็กลับมาพอดี


 


 


หลิงอวี้จื้อจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เอาผมทัดหู แล้วรีบถามทันที


 


 


“สืบได้เรื่องหรือไม่”


 


 


มั่วชิงพยักหน้า


 


 


“สืบได้เรื่องแล้วเจ้าค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง มีพระราชเสาวนีย์งานมงคลสมรสแล้ว ตอนนี้คนกำลังกระจายข่าวนี้ไปทั้งเมืองหลวง”


 


 


“เรื่องนี้ข้ารู้ ข้าถามถึงเฉินปี้ต่างหาก”


 


 


หลิวกงกงพูดเช่นนั้นแล้ว เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอน เขาไม่มีทางพูดโกหกต่อหน้าพวกเธอ เพราะไม่มีความจำเป็น


 


 


มั่วชิงรายงานต่อ


 


 


“เฉินปี้เป็นบุตรสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาหลวงของท่านมหาบัณฑิตเฉิน ปีนี้อายุสิบแปดปี ชำนาญการดนตรีและศิลปะ รอบรู้มีการศึกษา ได้ยินว่าหน้าตาโดดเด่น เรียกได้ว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง มีคนมาสู่ขอนางนับไม่ถ้วน เพียงแต่ถูกเฉินปี้ปฏิเสธไปหมดเจ้าค่ะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อฟังเงียบๆ เช่นนี้ก็หมายความว่าเฉินปี้เป็นแบบฉบับของสาวขาวรวยสวยน่ะสิ หน้าตาสะสวย แถมยังมากความสามารถ ชาติกำเนิดก็สูง ผู้หญิงเช่นนี้จะไปเป็นอนุภรรยาได้อย่างไร


 


 


นี่เป็นการบังคับแต่งงานชัดๆ ปกติพระชายารองล้วนเป็นลูกสาวที่เกิดจากอนุของตระกูลขุนนาง ลูกสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาหลวงล้วนเป็นพระชายาเอกทั้งนั้น มิต้องพูดถึงเฉินปี้ผู้เป็นสตรีมีความสามารถชื่อดังแห่งเมืองหลวง


 


 


เหตุผลเดียวที่พอจะพูดได้เต็มปากคือนางก็ชอบเซียวเหยี่ยนเช่นกัน ดังนั้นจึงยินดีเป็นอนุ หากเป็นเช่นนี้จริง เรื่องนี้ก็คงจัดการยากแล้ว


 


 


หลิงอวี้จื้ออดคิ้วขมวดไม่ได้ ศัตรูหัวใจคนนี้จัดการยากกว่าเฟิงอิ๋นมากนัก เฟิงอิ๋นฐานะไม่สูงส่งพอ และไม่มีอะไรจะมาแข่งได้ แต่เฉินปี้ไม่เหมือนกัน นี่เป็นคนที่ถูกเลือกมาอย่างเป็นทางการ


 


 


“ใช่แล้ว คุณหนู ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะ เฉินปี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระชายาเว่ยอ๋อง สองคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอดเจ้าค่ะ”


 


 


ความสัมพันธ์ชั้นนี้เหนือความคาดหมายของหลิงอวี้จื้อ นึกไม่ถึงว่าเฉินปี้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับลู่ซูหว่าน


 


 


ลู่ซูหว่านนับว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์มากแผนการ ไม่รู้ว่าเฉินปี้เป็นผู้หญิงอย่างไร มีโอกาสเธอต้องไปพบเฉินปี้สักหน่อย ลองดูสิว่าหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร


 


 


เรื่องที่ควรคุยกันก็คุยกันมาพอสมควรแล้ว หลิงอวี้จื้อลุกขึ้น


 


 


“มั่วชิง เจ้ากับข้าไปจวนท่านอ๋องสักหน่อย ไปตอนนี้เลย”


 


 


“เจ้าค่ะ คุณหนู”


 


 


มั่วชิงตอบรับ แล้วเรียกรถม้าทันที สองคนขึ้นรถม้าไปด้วยกัน


 


 


หลิงอวี้จื้อพิงรถม้า ในใจสับสนมาก บิดผ้าเช็ดหน้าในมือไปมาไม่หยุด เธอขยำผ้าเช็ดหน้าจนเป็นก้อน อารมณ์ตึงเครียดอย่างยิ่ง เหงื่อออกชุ่มฝ่ามือ


 


 


เธอไม่รู้ว่าเซียวเหยี่ยนจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร หากเซียวเหยี่ยนดึงดันจะแต่งเฉินปี้เข้าจวน เช่นนั้นเธอจะทำอย่างไร


 


 


คราวนี้มีแนวคิดที่ไม่เหมือนกันอีกแล้ว รู้สึกเพียงว่าจิตใจสับสนวุ่นวายไปหมด นั่งอย่างไรก็นั่งไม่สบาย


 


 


รถม้าหยุดลง มั่วชิงช่วยหลิงอวี้จื้อลงจากรถม้า หลิงอวี้จื้อกระโดดลงจากรถม้าอย่างคล่องแคล่ว เห็นรถม้าอีกคันใกล้เข้ามาพอดี


 


 


เธอจำรถม้าของเซียวเหยี่ยนได้ ด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจว่ารถม้าตรงหน้านี้ไม่ใช่ของเซียวเหยี่ยน


 


 


ซ้ำยังแน่ใจว่าเจ้าของรถม้าคันนี้เป็นผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งหรือสีของผ้าม่านล้วนเป็นกลิ่นอายแบบผู้หญิงมาก ไม่เหมือนเธอที่ใช้รถม้าของในจวน บนตัวรถม้าไม่มีร่องรอยของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 447 แรกพบเฉินปี้


 


 


หลิงอวี้จื้อหยุดฝีเท้า เธออยากดูสิว่าผู้หญิงคนไหนตั้งใจมาหาเซียวเหยี่ยนโดยเฉพาะ ในใจคาดเดาเอาไว้แล้ว แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะบังเอิญเช่นนี้ อย่างไรก็ดูก่อนดีกว่าค่อยว่ากัน


 


 


ไม่นานก็มีสาวใช้สวมเสื้อสีเขียวลงมาจากรถม้า มือขาวเรียวดั่งหยกทั้งคู่วางลงบนมือของสาวใช้ หญิงสาวที่สวมเสื้อสีม่วงอ่อนลงมาจากรถม้าด้วยการช่วยประคองของสาวใช้


 


 


หญิงสาวชุดม่วงมีใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวยาวดั่งใบหลิว ดวงตาโต ปากเล็กแดงดั่งผลอิงเถา [1] ผิวเนียนละเอียด ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม


 


 


นี่เป็นแบบฉบับสาวงามตามขนบโบราณ บุคลิกภาพดีมาก สง่างามมาก มองปราดเดียวก็รู้ว่าถูกเลี้ยงดูมาเป็นกุลสตรีโดยเฉพาะ สง่างามทั้งคำพูดและการกระทำ


 


 


นางก็เห็นหลิงอวี้จื้อแล้วเช่นกัน เดินนวยนาดมาทางหลิงอวี้จื้อโดยมีสาวใช้คอยประคอง


 


 


เดินมาถึงตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ นางก็พยักหน้าให้หลิงอวี้จื้อ เสียงอ่อนโยนน่าฟัง


 


 


“ข้านี้ชื่อเฉินปี้ ไม่ทราบว่าจะเรียกขานแม่นางว่าอย่างไร”


 


 


ที่จริงเฉินปี้เดาตัวตนของหลิงอวี้จื้อออกแล้ว ได้ยินมานานแล้วว่าคุณหนูใหญ่แห่งจวนมหาเสนาบดีมีใบหน้าราวกับเด็ก หน้าตาน่ารักไร้เดียงสา ผู้หญิงตรงหน้าก็มีหน้าตาเช่นนั้น ประกอบกับเจอกันหน้าจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ด้วย


 


 


นางคือเฉินปี้ หลิงอวี้จื้อไม่แปลกใจเลยสักนิด หน้าตาสวยงามจริงๆ น่ารักน่าเอ็นดู จนได้ครองตำแหน่งสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง ก่อนนี้ยังคิดอยู่ว่าจะไปพบเฉินปี้เมื่อไหร่ดี ไม่นานก็เจอกันแล้ว ท่านเทวดาคงเห็นใจเธอจริงๆ


 


 


หลิงอวี้จื้อยิ้มอย่างเป็นมิตร


 


 


“ที่แท้ก็เป็นคุณหนูเฉินนี่เอง ข้าชื่อหลิงอวี้จื้อ”


 


 


“บังเอิญจริง วันนี้ข้าทำขนมโก๋หยกขาวก้อนเหลี่ยมมาด้วย จะเอามาให้ท่านอ๋องลองชิม แม่นางหลิงก็อยู่ จะได้ชิมด้วยกันพอดี”


 


 


น้ำเสียงของเฉินปี้ก็ยังอ่อนโยน แสดงออกถึงความมีน้ำใจเป็นอย่างยิ่ง


 


 


“เช่นนั้นข้าก็โชคดีจริง ข้าชอบกินขนมที่สุด เสียดายที่อาเหยี่ยนไม่ค่อยชอบกินของหวาน เกรงว่าขนมโก๋กล่องนี้ของคุณหนูเฉินจะมาอยู่ในท้องข้าหมด กินไม่หมดอาเหยี่ยนก็จะเรียกให้ข้าเอากลับจวน”


 


 


หลิงอวี้จื้อจงใจพูดถึงเซียวเหยี่ยนต่อหน้าเฉินปี้ อยากจะประกาศอำนาจความเป็นเจ้าของ การที่มีเฉินปี้อยู่ ทำให้เธอรู้สึกหึงหวงเป็นอย่างมาก สวยเกินไปแล้วจริงๆ ซ้ำยังมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา เป็นประเภทที่ผู้ชายชอบ


 


 


เพิ่งมีพระราชกำหนดงานแต่งในวันนี้เอง นางก็วิ่งมาส่งขนมโก๋ถึงหน้าจวน เห็นได้ชัดว่าความคิดไม่ธรรมดา สู้กับมือที่สามไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์อะไรเลย


 


 


เฉินปี้ไม่ได้ถือสาอะไร ใบหน้าไม่มีแววไม่พอใจสักนิด


 


 


“หากแม่นางหลิงชอบกิน เช่นนั้นคราวหน้าข้าจะทำเพิ่มสักหน่อย ส่งไปให้ที่จวนท่านมหาเสนาบดี”


 


 


“เช่นนั้นก็ขอบคุณคุณหนูเฉินมาก”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดขอบคุณพลางยิ้มตาหยี ไม่ว่าอย่างไร เธอจะแพ้เรื่องการแสดงไม่ได้


 


 


ทั้งสองคนเข้าไปในจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ด้วยกัน เมื่อเห็นสองคนมาด้วยกัน เซียวเหยี่ยนก็อึ้งไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด


 


 


หลิงอวี้จื้อยืนนิ่งไม่ขยับ เฉินปี้หยิบกล่องขนมจากมือสาวใช้มา ยกไปข้างหน้า ทำความเคารพเซียวเหยี่ยนตามกฎระเบียบ


 


 


“คารวะท่านอ๋อง”


 


 


“คุณหนูเฉินไม่ต้องมากพิธีรีตอง”


 


 


เซียวเหยี่ยนตอบรับเรียบๆ แต่สายตาไปตกอยู่ที่หลิงอวี้จื้อ หลิงอวี้จื้ออยู่ต่อหน้าเซียวเหยี่ยนไม่เคยทำความเคารพ เห็นเซียวเหยี่ยนมองเธออยู่ เธอก็เลี่ยงสายตาของเซียวเหยี่ยน แล้วทำความเคารพไปพอเป็นพิธี


 


 


เฉินปี้ยิ้มพลางพูดว่า


 


 


“ท่านอ๋อง นี่เป็นขนมโก๋หยกขาวก้อนเหลี่ยมที่หม่อมฉันทำเอง ยังร้อนอยู่ ลองชิมสิเพคะ”


 


 


เซียวเหยี่ยนรับกล่องขนมไปจากมือเฉินปี้ น้ำเสียงยังคงสุภาพ


 


 


“รบกวนคุณหนูเฉินแล้ว เพียงแต่ข้าไม่ชอบกินขนมมาแต่ไหนแต่ไร แต่หลิงอวี้จื้อกลับชอบ ขนมกล่องนี้ให้หลิงอวี้จื้อเถิด!”


 


 


พูดจบก็ส่งให้หลิงอวี้จื้อ ถึงแม้ในใจของเฉินปี้จะรู้สึกไม่ค่อยดี แต่ใบหน้าไม่แสดงออกใดๆ ยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติพลางพูดว่า


 


 


“หากแม่นางหลิงชอบทาน เช่นนั้นก็เป็นบุญของข้า ต่อไปการปรนนิบัติพระชายาก็เป็นความรับผิดชอบของข้าเช่นกัน”


 


 


 


 


——


 


 


[1] อิงเถา คือ เชอร์รี่


ตอนที่ 448 แม้จะเป็นเครื่องประดับก็ไม่ได้


 


 


หลิงอวี้จื้อรับขนมจากมือเซียวเหยี่ยน แล้วส่งให้มั่วชิงที่อยู่ข้างหลัง


 


 


“ข้าจะตั้งใจชิมฝีมือของคุณหนูเฉินอย่างดี”


 


 


“คุณหนูเฉิน ข้ามีเรื่องจะคุยกับหลิงอวี้จื้อตามลำพัง…”


 


 


เซียวเหยี่ยนยังพูดต่อไม่จบ เฉินปี้ก็โค้งตัวอย่างรู้กาลเทศะ


 


 


“ในเมื่อส่งของให้แล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ”


 


 


พูดจบเฉินปี้ก็ยิ้มจากไป ใจกว้างตลอดกระบวนการ แสดงสิ่งที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ไม่มีความไม่พอใจและไม่ยินดีมาจากตัวนางเลยแม้แต่น้อย


 


 


มั่วชิงรู้ว่าสองคนมีเรื่องจะพูดกัน จึงถือกล่องขนมออกไปรออีกด้าน


 


 


เซียวเหยี่ยนยื่นมือออกมาจูงมือหลิงอวี้จื้อ อยากจะจูงนางกลับห้องไปคุยกัน แต่หลิงอวี้จื้อดิ้นรนสะบัดมือเซียวเหยี่ยน


 


 


“คุยตรงนี้ก็ดีอยู่แล้วเพคะ”


 


 


“ข้างนอกหนาว”


 


 


“แดดส่องถ้วนทั่วขนาดนี้จะหนาวได้อย่างไรเพคะ ท่านอ๋องวางใจพูดออกมาเถิด คนอื่นอยู่ไกลขนาดนี้ แถมไม่มีหูทิพย์ ไม่ได้ยินอะไรหรอก ท่านอ๋องวางใจได้เพคะ”


 


 


ในใจโมโห น้ำเสียงของหลิงอวี้จื้อก็เยือกเย็นมาก ไม่มองหน้าเซียวเหยี่ยนเลย


 


 


เซียวเหยี่ยนรู้ว่าหลิงอวี้จื้อโกรธแล้ว เขาเดินไปตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ จับไหล่ทั้งสองข้างของนาง


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าฟังข้านะ”


 


 


“ข้ารู้ว่าไทเฮาให้ท่านแต่งงานกับเฉินปี้ ข้าแค่จะถามท่านคำถามเดียว ไม่แต่งงานกับเฉินปี้ได้หรือไม่”


 


 


อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญ คำถามนี้แหละสำคัญที่สุด เธอรู้ว่าการแต่งงานนี้ไม่ใช่ความประสงค์ของเซียวเหยี่ยนแน่นอน ตรงจุดนี้หลิงอวี้จื้อยังเข้าใจเซียวเหยี่ยนอยู่


 


 


พูดจบแล้ว หลิงอวี้จื้อไม่หลบตาเซียวเหยี่ยน เงยหน้าขึ้นมองเซียวเหยี่ยน รอเซียวเหยี่ยนตอบ ขณะนี้หัวใจเธอเต้นเร็วเป็นพิเศษ ขอเพียงเซียวเหยี่ยนพูดว่าไม่แต่งงานกับเฉินปี้ เธอก็จะถือว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ยังคงรอคอยการเป็นเจ้าสาวของเซียวเหยี่ยนอย่างมีความสุขเช่นเดิม


 


 


สองคนเข้าจวนพร้อมกัน เธอทำไม่ได้ หากเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นหนามแหลมที่เธอถอนไม่ออกไปตลอดกาล


 


 


เมื่อสัมผัสกับสายตาเฝ้ารอของหลิงอวี้จื้อ ภายในใจของเซียวเหยี่ยนก็รู้สึกอึดอัดมาก


 


 


เขาเข้าใจความหมายของหลิงอวี้จื้อดี เธอตั้งใจฟังเขาตอบปฏิเสธ เขารู้ว่าคำตอบของเขาจะทำให้หลิงอวี้จื้อผิดหวัง แต่ก็ยังต้องพูดออกไป


 


 


“อวี้จื้อ ไทเฮาออกพระราชเสาวนีย์แล้ว งานแต่งครั้งนี้รู้กันไปหมดทั่วหล้า ข้ารับปากเจ้า เฉินปี้แต่งเข้ามาแล้วก็เป็นเพียงเครื่องประดับ นอกจากสถานะ ข้าก็จะไม่ให้อะไรนางเลย เช่นนี้ดีหรือไม่”


 


 


เซียวเหยี่ยนลดท่าทีของตนถึงที่สุดแล้ว แม้แต่น้ำเสียงยังระมัดระวัง ใจของหลิงอวี้จื้อเจ็บแปลบเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทงเข้าไป เธอจ้องเซียวเหยี่ยนตรงๆ แววตาซ่อนความผิดหวังไว้ไม่มิด


 


 


“พูดเช่นนี้ แสดงว่าเฉินปี้ต้องแต่งเข้าจวนหรือ”


 


 


“ใช่”


 


 


หลิงอวี้จื้อออกแรงผลักเซียวเหยี่ยนออกไป แล้วถอยหลังไปสองสามก้าว


 


 


“เซียวเหยี่ยน หากข้าแต่งงานกับท่านแล้วขณะเดียวกันก็แต่งกับผู้ชายอีกคนหนึ่งด้วย ให้ผู้ชายคนนั้นเข้าจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาเป็นเครื่องประดับ ท่านจะยอมรับหรือไม่”


 


 


“อวี้จื้อ ห้ามพูดเหลวไหล”


 


 


ได้ยินหลิงอวี้จื้อพูดเช่นนี้ สีหน้าเซียวเหยี่ยนก็เปลี่ยน รีบห้ามหลิงอวี้จื้อทันที


 


 


“ท่านดูสิ ปฏิกิริยาท่านโต้ตอบรุนแรงเช่นนี้ ข้าไม่มีอำนาจบารมี แต่ความรู้สึกภายในของเรา ข้ากับท่านต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน ท่านไม่อยากเห็นข้ากับชายอื่นเป็นสามีภรรยากันในนาม ข้าก็ไม่อยากเห็นท่านกับหญิงอื่นมีความสัมพันธ์ในนามเช่นกัน


 


 


อาเหยี่ยน ถึงแม้ว่านางจะแต่งเข้ามาเป็นเพียงแค่เครื่องประดับ ข้าก็รับไม่ได้


 


 


เครื่องประดับนี้แกว่งไกวไปมาต่อหน้าข้าตลอดวัน แล้วยังสามารถอยู่ร่วมกับข้าและท่านได้อย่างถูกต้องเปิดเผย แล้วข้ายังต้องหาวิธีกีดกันนาง แข่งกับนางแย่งกันเป็นคนโปรด ชีวิตเช่นนี้แค่คิดก็รับไม่ได้แล้ว


 


 


แก้วแหวนเงินทองหรือลาภยศสรรเสริญข้ายอมปล่อยไปได้ แต่กับท่านนั้นไม่ได้ ท่านเป็นผู้ชายของข้า ข้าจะไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นเด็ดขาด และไม่ยอมแบ่งปันกับคนอื่นเด็ดขาด”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 449 เจ้าจะยืนอยู่ข้างกายข้าไม่ได้หรือ


 


 


“อวี้จื้อ บางเรื่องข้าก็ไม่สามารถทำได้ตามใจนึก คิดเสียว่ามีคนมาอยู่ในจวนเพิ่มอีกคน ไม่ต้องเอานางมาใส่ใจ รอถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ข้าจะจัดการให้นางออกไปจากจวน เจ้าให้เวลาข้าสักหน่อย เชื่อข้า ได้หรือไม่”


 


 


เห็นเซียวเหยี่ยนยืนกรานจะแต่งงานกันเฉินปี้ หลิงอวี้จื้อก็ถูกความผิดหวังและความหดหู่ครอบงำไปทั้งใจ เหตุผลเธอเข้าใจหมด แต่เธอทำไม่ได้ เพียงนึกถึงเฉินปี้ก็ยากที่จะทำเป็นไม่สนใจ เหมือนก้างที่ติดอยู่ในคอ กลืนก็ไม่ลง หยิบก็ไม่ออก


 


 


“ท่านบอกข้าหน่อย เหตุใดต้องแต่งงานกับเฉินปี้ นางมีประโยชน์อะไรกับท่าน


 


 


นางเป็นลูกสาวท่านมหาบัณฑิต ผู้เป็นพ่อไม่มีอำนาจแท้จริงในกำมือ ถึงแม้จะมีเกียรติยศอยู่บ้าง แต่ก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้ ท่านดึงดันจะแต่งงานกับนางเพื่ออะไรกันแน่ ไทเฮาสามารถบังคับพวกเราทุกคนได้ แต่บังคับท่านไม่ได้”


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่ได้อธิบาย มู่หรงกวานเย่ว์บังคับเซียวเหยี่ยนเมื่อก่อนไม่ได้จริงๆ แต่เซียวเหยี่ยนในตอนนี้มีความอ่อนแอ ย่อมมีจุดอ่อนอยู่ในกำมือของผู้อื่น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ทำอะไรก็ได้อย่างใจนึก


 


 


เขาไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ไม่กล้าทำ หากไม่ยุ่งไม่สนใจอะไรเลยจริงๆ เช่นนั้นคนแรกที่จะตายก็คือหลิงอวี้จื้อ เขาไม่กล้าเอานางไปเป็นเดิมพัน


 


 


คำพูดเหล่านี้เซียวเหยี่ยนไม่ได้บอกหลิงอวี้จื้อ หากนางรู้แล้ว ในใจจะต้องรู้สึกผิด คิดว่าตนเองทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก เจาไม่อยากให้หลิงอวี้จื้อมีความรู้สึกเช่นนี้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขายินยอมพร้อมใจทำ


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อรอคอยตนเองอธิบาย สักครู่เซียวเหยี่ยนก็เอ่ยปาก


 


 


“งานแต่งครั้งนี้ไทเฮาเป็นคนพระราชทาน ตอนนี้ยังไม่สามารถแตกหักกับไทเฮาได้ นางต้องการเช่นนี้ถึงจะพอใจ เช่นนั้นข้าจึงสงเคราะห์นาง อวี้จื้อ เรื่องที่ข้ารับปากกับเจ้า ข้าต้องทำให้ได้ เจ้าให้เวลาข้าอีกสักหน่อย ข้าจะต้องจัดการเฉินปี้ให้ถูกต้องเหมาะสม”


 


 


เจตนาของเซียวเหยี่ยนชัดเจนแล้ว เขายินดีให้เฉินปี้เข้าจวน สำหรับเขาแล้วอาจจะเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับหลิงอวี้จื้อนี่เป็นเรื่องใหญ่หาใดเปรียบ


 


 


เซียวเหยี่ยนคิดว่าใช้เฉินปี้มาปลอบใจมู่หรงกวานเย่ว์นั้นคุ้มค่า เธอไม่ได้เป็นคนใจดีเห็นใจคนอื่นขนาดนั้น หากนี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่พระชายาที่มีคุณสมบัติควรทำ เช่นนั้นทั้งชีวิตนี้ เธอก็คงเป็นพระชายาที่มีคุณสมบัติไม่ได้


 


 


กล่าวโดยสรุป เซียวเหยี่ยนก็ยังเข้าใจเธอไม่พอ หากเข้าใจจริงๆ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่า ไม่ว่าอย่างไรเธอก็รับเรื่องเช่นนี้ไม่ได้


 


 


สถานะเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้หญิง โดยเฉพาะที่แคว้นเว่ยตะวันตก แต่งกับท่านแล้ว ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ก็เป็นคนของท่าน ตายแล้วก็เป็นผี เฉินปี้เป็นเมียของเซียวเหยี่ยนผู้ยิ่งใหญ่ เมียน้อยก็เป็นเมีย ไม่นับถือว่าเป็นมือที่สามเลยด้วยซ้ำ


 


 


หากเธอไม่ยอมให้เฉินปี้เข้าใกล้เซียวเหยี่ยน ทุกคนก็จะหาว่าเธอทำไม่ถูก ดูก็รู้ว่าเฉินปี้ไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน จะต้องเป็นคนประเภทที่ใช้ทุกโอกาสให้เกิดประโยชน์


 


 


ถึงตอนนั้นชีวิตของเธอจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ระหว่างเธอกับเซียวเหยี่ยนจะเกิดรอยแยกที่ก้าวผ่านไปไม่ได้เพราะเรื่องนี้


 


 


พระชายาเช่นนี้ เธอยังต้องการเป็นไหม


 


 


หลิงอวี้จื้อเริ่มย้อนถามตนเอง


 


 


“เซียวเหยี่ยน เพื่อบรรลุเป้าหมายของท่าน คราวที่แล้วท่านก็ไหว้ฟ้าดินกับเฟิงอิ๋นไปแล้ว คราวนี้ท่านตัดสินใจจะแต่งผู้หญิงอีกคนเข้าจวน


 


 


ตอนอยู่ที่อำเภอฉางหนิง ข้าเคยบอกท่านแล้วว่า ครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย ใจของข้าเจ็บปวดจริงๆ


 


 


ท่านใช้เรื่องอื่นมาทำให้ตนเองบรรลุเป้าหมาย ข้ายอมรับได้ทั้งนั้น แต่มีเพียงความรักเรื่องเดียวเท่านั้นที่ใช้ไม่ได้ ข้ารับไม่ได้


 


 


ท่านแต่งงานกับเฉินปี้ได้อยู่แล้ว ข้าปฏิเสธไม่ได้ ท่านจะให้ข้ายินดีมีความสุขด้วย เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น เซียวเหยี่ยน ท่านไม่เข้าใจข้าเลย”


 


 


พูดจบแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ไม่มองเซียวเหยี่ยนอีก หมุนตัวจะไป เดินไปไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงของเซียวเหยี่ยนแว่วมา


 


 


“เรื่องคราวที่อยู่ที่สำนักอู๋จี๋ ข้าทำไม่ถูกจริงๆ อวี้จื้อ คราวนี้เจ้าจะยืนอยู่ข้างกายข้าไม่ได้หรือ”


ตอนที่ 450 เหตุใดต้องทำให้ตนเองลำบาก 


 


 


“ไม่ได้” 


 


 


ทิ้งคำพูดไว้สองคำแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ออกไปจากจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ 


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่ได้ไล่ตามไป สีหน้าดูไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะยืนอยู่แสนไกล แต่บรรดาสาวใช้ในจวนอ๋องก็รับรู้ว่าเซียวเหยี่ยนอารมณ์ไม่ดี ทุกคนไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ 


 


 


อู่จิ้นเดินเข้ามา รวบรวมความกล้าถามว่า 


 


 


“นายท่าน ไม่ตามไปหรือขอรับ” 


 


 


“ตามไปแล้วอย่างไร ให้นางสงบจิตสงบใจลงหน่อยก็ดี” 


 


 


“เหตุใดนายท่านไม่บอกคุณหนูขอรับ ท่านทำเช่นนี้เพื่อปกป้องคุณหนู ข้าน้อยเห็นว่าคุณหนูเข้าใจนายท่านผิดอีกแล้วนะขอรับ” 


 


 


“หากนางรู้ จิตใจนางต้องไม่สงบสุขแน่ อู่จิ้น เจ้าก็อย่าปากมาก มิเช่นนั้นข้าจะไม่ปรานีเจ้าเด็ดขาด ข้าไม่นึกว่านางจะโต้ตอบรุนแรงเช่นนี้” 


 


 


เซียวเหยี่ยนมองเงาหลังของหลิงอวี้จื้อ ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง เดิมทีเขานึกว่าหลิงอวี้จื้ออย่างมากก็เสียใจอยู่บ้าง ปลอบดีๆ สักหน่อยเรื่องนี้ก็ผ่านไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของนางจะแรงเช่นนี้ 


 


 


“นายท่าน ครั้งนี้คุณหนูเริ่มไม่รู้กาลเทศะแล้ว คุณหนูเพิ่งจะฟื้นเป็นปกติได้ไม่นาน ยังคงมีนิสัยเด็กๆ อยู่บ้าง จึงไม่เข้าใจความลำบากของนายท่าน ให้ท่านซื่อจื่อช่วยพูดสักหน่อยดีไหมขอรับ” 


 


 


แม้จูจิ่นจะไม่ได้เป็นซื่อจื่อแล้ว แต่อู่จิ้นก็ยังเคยชินกับการเรียกนางว่าซื่อจื่อ เรียกเสียจนติดปากแล้วยากจะเปลี่ยน 


 


 


“ไม่ต้องหรอก ให้องครักษ์ลับคอยปกป้องนางดีๆ” 


 


 


เซียวเหยี่ยนสั่งการเสร็จก็กลับห้องทำงาน ยังมีเอกสารอีกเป็นกองที่ต้องสะสาง เขาไม่สามารถคุยเรื่องนี้กับหลิงอวี้จื้อมากเกินไป จากนี้เขาต้องไปหาเฉินปี้ 


 


 


ถึงแม้จะสู่ขอเฉินปี้มาอยู่ที่จวน เขาก็จะไม่ให้เฉินปี้อยู่ในจวนตลอดไปเพื่อหาเหตุผลที่เหมาะสม เขาจะต้องส่งเฉินปี้ออกจากจวน เขารับปากหลิงอวี้จื้อแล้ว ว่าระหว่างพวกเขาสองคนจะไม่มีใครอื่น คำที่เขาพูดไปจดจำอยู่ในใจเสมอ 


 


 


หลิงอวี้จื้อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขณะขึ้นรถม้า มั่วชิงหยิบกล่องขนมตามขึ้นมา ถามว่า 


 


 


“คุณหนู กลับจวนหรือไม่เจ้าคะ” 


 


 


“กลับไปก็หงุดหงิด ไปเฉิงซีเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าเถิด!” 


 


 


“เจ้าค่ะ คุณหนู” 


 


 


มั่วชิงตอบรับ จากนั้นนางก็วางกล่องขนมลง ถามว่า 


 


 


“กล่องขนมนี้จะจัดการอย่างไรเจ้าคะ” 


 


 


หลิงอวี้จื้อก้มตัวลงหยิบกล่องขนมจากพื้น เปิดออกแล้วก็เห็นขนมโก๋หยกขาวก้อนสี่เหลี่ยมอยู่ข้างใน ไอร้อนยังลอยอยู่ เพิ่งเปิดออกมาก็ได้กลิ่นหอมหวาน เธอหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น กำลังจะใส่เข้าปาก มั่วชิงก็รีบห้าม 


 


 


“คุณหนู…” 


 


 


“เจ้าวางใจเถิด ไม่มีพิษหรอก นี่เป็นขนมที่นางทำให้ท่านอ๋องโดยเฉพาะ ยังไม่ทันได้เอาใจเลย จะวางยาพิษได้อย่างไร สุดท้ายก็เสียทีให้ข้าเปล่าๆ” 


 


 


พูดจบก็กัดไปหนึ่งคำ แล้วก็กินขนมทั้งชิ้นเข้าไปอย่างเร็ว กลืนขนมในปากลงไปแล้วก็รีบยกนิ้วหัวแม่มือพูดชม 


 


 


“เจ้าไม่ต้องพูดเลย ขนมโก๋เหลี่ยมหยกขาวนี่รสชาติดีจริงๆ” 


 


 


“ข้าน้อยนึกว่าคุณหนูจะโยนทิ้งเสียอีก” 


 


 


“ขนมไม่มีความผิดสักหน่อย ข้าหิวพอดี จะโยนทิ้งเพื่ออะไร ไม่กินก็เสียเปล่า ถึงแม้จะโมโหก็ไม่จำเป็นต้องโมโหใส่ขนม” 


 


 


ภายนอกหลิงอวี้จื้อดูสงบดี แต่ในใจมิอาจสงบลงได้เลย กัดขนมโก๋ในมืออย่างแรง สักพักกัดแรงเกินไป เกือบจะกัดเอาลิ้นตัวเอง 


 


 


“คุณหนู กินช้าๆ หน่อยเจ้าค่ะ” 


 


 


“มั่วชิง เจ้าก็ลองชิมสักชิ้นสิ ขนมโก๋นี้ไม่เลวเลยจริงๆ” 


 


 


มั่วชิงแนะนำขนมในมืออย่างกระตือรือร้น มั่วชิงมีแก่ใจกินขนมเสียที่ไหน นางนับถือหลิงอวี้จื้อจริงๆ นึกไม่ถึงว่าอารมณ์ไม่ดียังสวาปามได้ ตรงจุดนี้ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ 


 


 


หลิงอวี้จื้อกินขนมสี่ชิ้นในรวดเดียว เริ่มมีอาการสะอึกแล้ว เธอวางถาดในมือลง ลูบๆ ท้อง 


 


 


“แม่เจ้า จุกจะตายอยู่แล้ว” 


 


 


“คุณหนู เหตุใดต้องทำให้ตนเองลำบากด้วยเล่าเจ้าคะ” 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 451 ควรทำอย่างไรดี 


 


 


“หากข้าจะทำให้ตัวเองลำบากจริงๆ ป่านนี้ข้าคงอดอาหารแล้ว เวลาโกรธต้องยิ่งต้องดูแลกระเพาะอาหาร จะได้ไม่เสียทีที่หน้ากลมเช่นนี้” 


 


 


หลิงอวี้จื้อพิงรถม้า สะอึกอีกครั้ง 


 


 


ถมกระเพาะจนพอแล้ว แต่ถมความเสียใจไม่พอ 


 


 


แค่นึกถึงเฉินปี้ เธอก็รู้สึกเศร้าใจ ที่ทำให้เธอเศร้าใจที่สุดคือเซียวเหยี่ยนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ทุกคนคิดเช่นนี้ มีแต่เธอผู้เดียวที่โกรธจนแทบระเบิด 


 


 


เป็นคนแปลกคนเช่นนี้ไม่ง่ายเลย 


 


 


ช่วงเวลาหวานชื่นมองไม่เห็นช่องว่างที่ขวางกั้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง เวลาเกิดเรื่องถึงปรากฏขึ้นมา เธอเป็นคนยุคปัจจุบัน เซียวเหยี่ยนเป็นคนยุคโบราณ วิธีคิดของพวกเขาทั้งสองแตกต่างกันไปคนละทิศทาง นี่ไม่ใช่ความผิดของใคร แต่เพราะเดิมทีพวกเขาแตกต่างกันมากอยู่แล้ว 


 


 


ตอนนี้จะทำอย่างไร ยอมแพ้เรื่องเซียวเหยี่ยน เธอก็ไม่ยินดี นี่เป็นผู้ชายที่เธออยากแต่งงานด้วยใจจะขาด ใกล้จะถึงประตูวิวาห์แล้วกลับถอนตัว เธอทำใจไม่ได้ 


 


 


หากไม่ยอมแพ้ เรื่องนี้ก็เป็นเหมือนหนามยอกอก ทำเอาเธอไม่สบายใจไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แม้แต่งานมงคลใหญ่ที่จะตามมาเธอก็ไม่ได้เฝ้ารอแล้ว 


 


 


นี่เป็นเรื่องที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีความสุข สุดท้ายแล้วควรจะทำอย่างไรดี 


 


 


สมองหลิงอวี้จื้อสับสนปนเปไปหมด กลายเป็นแป้งเปียก มั่วตั้วไปหมด 


 


 


กำลังใจลอยอยู่ มั่วชิงที่อยู่ข้างๆ พูดเตือนขึ้น 


 


 


“คุณหนู ถึงเฉิงซีแล้วเจ้าค่ะ” 


 


 


หลิงอวี้จื้ออุทาน อ้อ หนึ่งคำก็ลงจากรถม้า เฉิงซียังมีคนน้อยเหมือนเดิม เธอมาที่นี่ก็เพราะเห็นว่าที่นี่คนน้อย ทิวทัศน์ก็ไม่เลว สามารถคิดอะไรเงียบๆ ได้ 


 


 


แสงแดดข้างนอกสดใส ดังนั้นจะยืนอยู่ข้างนอกก็ไม่หนาว แสงแดดอบอุ่นส่องลงบนตัวเธอรู้สึกสบายอย่างยิ่ง ต้นฤดูใบไม้ผลิ สรรพสิ่งฟื้นตัว ต้นไม้ข้างๆ แตกหน่อ เต็มไปด้วยพลังชีวิต เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึง 


 


 


หลิงอวี้จื้อเดินเล่นริมทะเลสาบด้วยสีหน้าโศกเศร้า เธอนับว่าเป็นคนประเภทที่ไม่ค่อยกังวลอะไร แต่ครั้งนี้เธอกังวลใจจริงๆ นอกจากกังวลแล้ว ยังผิดหวังมากอีกด้วย นอกจากผิดหวังแล้วยังหงุดหงิดอีก นอกจากหงุดหงิดแล้ว เฮ้อ ไม่พูดแล้ว อารมณ์เยอะเหลือเกิน 


 


 


“อวี้จื้อ เจ้ามาอยู่ที่ได้อย่างไร” 


 


 


หลิงอวี้จื้อกำลังก้มหน้าเดินอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายที่พูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย 


 


 


เธอเงยหน้าขวับ เห็นเฉินเซี่ยวหรูพอดี ใช่แล้ว ตนเองเกือบลืมไปแล้วว่าที่นี่เป็นที่ที่เฉินเซี่ยวหรูชอบมา เธอไม่ได้เจอเฉินเซี่ยวหรูมาสักพักแล้ว โค้งตัวให้เฉินเซี่ยวหรู 


 


 


“คารวะท่านอู๋อ๋องเพคะ” 


 


 


“ที่แท้เจ้ายังจำที่นี่ได้” 


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้ว่าเฉินเซี่ยวหรูเข้าใจผิดแล้ว แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีแรงจะอธิบาย จึงขี้เกียจอธิบาย 


 


 


“ที่นี่ทิวทัศน์สวยงาม ท่านอู๋อ๋องมาที่นี่ได้อย่างไรเพคะ” 


 


 


“ก็อย่างที่เจ้าพูดนั่นแหละ ที่นี่ทิวทัศน์สวยงาม อวี้จื้อ ไม่นานก็จะแต่งงานเข้าจวนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว ยินดีด้วย” 


 


 


เฉินเซี่ยวหรูสวมชุดคลุมยาวสีเขียวฟ้า ยังคงอ่อนโยนและสง่างามเช่นเดิม น้ำเสียงอบอุ่นมาก มุมปากยังมีรอยยิ้มจางๆ 


 


 


ตั้งแต่รู้ว่าไป๋อู่เป็นคนของเฉินเซี่ยวหรูแล้ว ความรู้สึกดีที่หลิงอวี้จื้อมีต่อเฉินเซี่ยวหรูก็ดิ่งลงสู่เลขศูนย์ ประกอบกับครั้งที่แล้ว อวิ๋นซั่วบอกว่าเฉินเซี่ยวหรูเป็นคนสั่งให้เขาทำ ด้วยเหตุนี้หลิงอวี้จื้อจึงไม่ได้มีท่าทีเป็นมิตรกับเฉินเซี่ยวหรู เย็นชาอย่างยิ่ง 


 


 


“ขอบคุณท่านอ๋องเพคะ” 


 


 


“อวี้จื้อ ยังโกรธข้าเรื่องนั้นอยู่อีกหรือ” 


 


 


เฉินเซี่ยวหรูถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง 


 


 


“หม่อมฉันมิกล้าเพคะ และไม่ทราบด้วยว่าท่านอ๋องหมายถึงเรื่องใด” 


 


 


“มีบางเรื่องที่ข้าต้องจำใจทำ แต่ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายเจ้าเลย และไม่อยากให้เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนั้นด้วย” 


 


 


หลิงอวี้จื้อเดินพลางพูดพลาง 


 


 


“หม่อมฉันมิได้บอกว่าท่านอ๋องผิด เพียงแต่หม่อมฉันเป็นชายาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ย่อมอยู่ข้างสามีอยู่แล้ว หม่อมฉันเพียงแค่หลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดเท่านั้นเพคะ” 


 


 


“ได้ยินมาว่าท่านอ๋องก็ต้อนรับพระชายารองเข้าจวนพร้อมกับเจ้า เขาก็ปฏิบัติเช่นนี้กับเจ้าเช่นกัน ไม่คุ้มค่าให้เจ้าใส่ใจขนาดนี้” 


 


 


“นี่เป็นเรื่องของหม่อมฉัน ท่านอู๋อ๋องไม่ต้องเปลืองแรงเป็นห่วงหรอกเพคะ” 


ตอนที่ 452 อยู่ห่างๆ เอาไว้ถูกต้องแล้ว 


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าต้องการจะเย็นชากับข้าเช่นนี้หรือ” 


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อพูดจาด้วยน้ำเสียงห่างเหิน เฉินเซี่ยวหรูก็นึกถึงตอนที่เพิ่งรู้จักหลิงอวี้จื้อใหม่ๆ ตอนนั้นหลิงอวี้จื้อมักจะส่งยิ้มเขินอายให้เขา แถมยังให้กระเป๋าเงินแก่เขาเป็นการสารภาพความในใจ 


 


 


กระเป๋าเงินนั้นยังเก็บไว้ตลอด ตอนนี้ผ่านไปเพียงช่วงสั้นๆ ยังไม่ทันถึงครึ่งปี ของอยู่แต่คนไปเสียแล้ว คิดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกผิดหวังมาก หากรู้ก่อนว่าใจตนเองจะหวั่นไหวถึงเพียงนี้ ตอนแรกเขาจะไม่ปฏิเสธหลิงอวี้จื้อเด็ดขาด 


 


 


หลิงอวี้จื้อยิ้มพูดเรียบๆ 


 


 


“หรือว่าหม่อมฉันไม่มีมารยาทพอ ตอนนี้หม่อมฉันกำลังจะออกเรือนแล้ว ท่านอู๋อ๋องเป็นผู้ชาย หม่อมฉันย่อมต้องหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด มิเช่นนั้นก็จะเป็นขี้ปากชาวบ้าน เช่นนี้ต่างก็ไม่ดีต่อทั้งหม่อมฉันและท่านอู๋อ๋องเพคะ” 


 


 


“ตอนนี้พวกเราไม่เป็นแม้กระทั่งเพื่อนกันแล้วหรือ” 


 


 


หลิงอวี้จื้อเห็นแววตาจริงใจของเฉินเซี่ยวหรู คิ้วขมวด เฉินเซี่ยวหรูช่างแถจริงๆ ตอนนี้พูดว่าเพื่อน หากเห็นเธอเป็นเพื่อนจริงๆ คงไม่ทำเรื่องพวกนั้นได้ลง 


 


 


เธอจงใจทำท่าทีเย็นชา เพื่อให้เฉินเซี่ยวหรูรู้ว่าเข้าหายากจะได้ถอยไป นึกไม่ถึงว่าเขาไม่เพียงแต่ไม่ไป ซ้ำยังทำหน้าราวกับว่าเธอทำให้เขาผิดหวังอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


นี่ทำให้เธอยิ่งไม่ชอบเฉินเซี่ยวหรูเข้าไปใหญ่ เมื่อก่อนถือว่าตนเองตาบอดไป นึกไม่ถึงว่าจะชอบคนหน้าไหว้หลังหลอกเช่นนี้ เขานอกจากจะหน้าตาคล้ายซ่งเฉิงแล้ว ด้านอื่นๆ ไม่มีอะไรเหมือนซ่งเฉิงเลยแม้แต่น้อย 


 


 


“หากท่านอู๋อ๋องเห็นหม่อมฉันเป็นเพื่อนจริงก็คงไม่สั่งให้อวิ๋นซั่วทำเรื่องพวกนั้น ท่านอู๋อ๋องคงไม่ทราบ ว่าคำพูดของท่านเพียงประโยคเดียวฆ่าคนไปเท่าไร 


 


 


ตำบลเถาหยวนเป็นดินแดนในอุดมคติ แต่ตอนนี้กลายเป็นนรกบนดิน ชาวบ้านที่นั่นทำผิดต่อท่านอ๋องตรงไหน ถึงแม้ท่านจะมีเรื่องขัดแย้งกับอาเหยี่ยน แต่จะเอาชาวบ้านมาเชือดเช่นนี้ไม่ได้ การกระทำเช่นนี้น่ารังเกียจเกินไป” 


 


 


“อวิ๋นซั่วคือใคร” 


 


 


เฉินเซี่ยวหรูถามด้วยหน้าตาสงสัย 


 


 


“เสแสร้งได้เหมือนจริงมากเพคะ อวิ๋นซั่วที่ควรพูดถึงก็พูดไปหมดแล้ว เหตุใดท่านอ๋องต้องแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ความขัดแย้งระหว่างท่านกับอาเหยี่ยน หม่อมฉันเข้าใจ และไม่เคยคิดจะให้ท่านวางความขัดแย้งนั้นลง 


 


 


แต่กล้าทำก็ต้องกล้ารับ ท่านอ๋องคอยเอามีดมาแทงข้างหลังอยู่ตลอดเช่นนี้ ยังจะว่าหม่อมฉันเป็นเพื่อนอีก ใครเขาปฏิบัติเช่นนี้กับเพื่อนเพคะ” 


 


 


เฉินเซี่ยวหรูอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง 


 


 


“อวี้จื้อ ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า และข้าก็ไม่รู้จักอวิ๋นซั่ว 


 


 


ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้ามีอคติกับข้า ข้าจะไม่ทำเรื่องที่เป็นอันตรายต่อเจ้า และไม่ได้เป็นคนไร้มโนธรรมขนาดนั้น 


 


 


ชาวบ้านคือรากฐานของประเทศ บุญคุณหนี้แค้นระหว่างข้ากับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ยุติแล้ว จู่ๆ จะเอาชาวบ้านผู้บริสุทธิ์มาเชือดได้อย่างไร 


 


 


เกิดเป็นคนในราชวงศ์ มีบางเรื่องที่ต้องจำใจทำ หากไม่ต่อสู้ ก็มีแต่ทางตาย ไม่ว่าเจ้าจะยืนอยู่ข้างใคร ข้าก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายเจ้าเลย” 


 


 


หากคำพูดนี้เป็นความจริง ก็จริงแค่เฉินเซี่ยวหรูคิดจะใช้ประโยชน์จากหลิงอวี้จื้อเท่านั้น แต่ไม่เคยคิดจะทำร้ายถึงชีวิตเธอ 


 


 


ตอนนี้ดูแล้ว เซียวเหยี่ยนคงใช้เวลากับหลิงอวี้จื้อไปไม่น้อย ถึงทำให้หลิงอวี้จื้อปฏิเสธเขาเช่นนี้ 


 


 


เมื่อก่อนยังยินดีเป็นเพื่อนกับเขา ตอนนี้เห็นเขาก็หลีกหนีไปไกล เซียวเหยี่ยนคิดอะไรอยู่ เขารู้ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะไม่เกรงใจแล้ว 


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่รู้ว่าที่เฉินเซี่ยวหรูพูดนั้นจริงหรือหลอก และไม่อยากซักไซ้ อย่างไรพวกเขาทั้งสองคนก็ยืนกันคนละฝั่ง อยู่ห่างๆ เอาไว้ถูกต้องแล้ว 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 453 รวมตัวกันมาปลอบใจ 


 


 


ตอนแรกอยากจะเดินเล่นคนเดียวสักหน่อย ตอนนี้เจอเฉินเซี่ยวหรูแล้ว ก็ไม่มีแก่ใจจะเดินเล่นอีก เธอโค้งตัวให้เฉินเซี่ยวหรู 


 


 


“หม่อมฉันยังมีธุระขอตัวก่อนเพคะ เชิญท่านอ๋องตามสบาย” 


 


 


พูดจบแล้ว หลิงอวี้จื้อก็หมุนตัวจากไป เฉินเซี่ยวหรูไม่ได้รั้งให้หลิงอวี้จื้ออยู่ต่อ รอจนนางเดินไปแล้ว ก็หยิบกระเป๋าเงินที่หลิงอวี้จื้อปักให้ออกมาจากอกเสื้อ งานปักบนนั้นบิดๆ เบี้ยวๆ เขาลูบรูปปักไผ่บนนั้น รำพึงรำพันว่า 


 


 


“อวี้จื้อ ต้องมีสักวันที่เจ้าจะเป็นของข้า” 


 


 


หลิงอวี้จื้อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกลับจวนไป เมื่อถึงจวนก็เข้าห้องทันที แถมยังปิดประตูด้วย ขังตัวเองเอาไว้ในห้อง ตอนแรกเธออยากไปดื่มเหล้าที่โรงเตี๊ยม แต่นึกถึงสภาพตอนเมาก็ ช่างมันเถอะ! 


 


 


เลี่ยงการทำอะไรผิดประเพณีอีกเวลาเมา เมื่อสร่างเมาแล้วจะได้ไม่มาทอดถอนใจอีกว่าเหล้าไม่ใช่สิ่งที่ดี 


 


 


เธอคลานขึ้นโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง เคาะโต๊ะอย่างเบื่อหน่าย เสียงหรูเยียนแว่วมาจากข้างนอก 


 


 


“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจูกับคุณชายมู่หรงมาเจ้าค่ะ” 


 


 


หลิงอวี้จื้อเลิกเปลือกตาขึ้น แต่ไม่ขยับ 


 


 


“พวกเขามาด้วยกันอีกแล้วหรือ ให้พวกเขาเข้ามาเถิด!” 


 


 


“เจ้าค่ะ คุณหนู” 


 


 


หรูเยียนตอบรับหนึ่งคำ ไม่นานประตูห้องก็มีคนผลักเปิดออก จูจิ่นกับมู่หรงนี่อวิ๋นเดินตามกันเข้ามา 


 


 


จูจิ่นสวมชุดสีแดงชาด แต่งตัวสวยงามมีเสน่ห์มาก จูจิ่นปลอมเป็นผู้ชายมานานเกินไปแล้ว ยังคงมีกลิ่นอายความกล้าหาญแบบผู้ชายอยู่ ดังนั้นเมื่อสวมชุดสีแดงจึงเหมาะมาก ให้ความรู้สึกทรงพลังมาก 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นก็สวมชุดคลุมยาวสีแดงเข้ม ยังคงหล่อละมุน เจ้าสำราญเช่นเคย มองดูดีๆ เหมือนกับใส่เสื้อคู่กันมา 


 


 


“พวกเจ้าสองคนตัดสินใจจะแต่งงานกันแล้วหรือ แต่งตัวเป็นมงคลขนาดนี้” 


 


 


หลิงอวี้จื้อเอามือเท้าคาง หยอกเย้าทั้งสองคนเหมือนคนปกติไม่มีเรื่องอะไร 


 


 


“เจ้าจะแต่งงานแล้ว พวกเราก็ต้องใส่ชุดให้เป็นมงคลสักหน่อย เจ้าสิทำตัวซึมเศร้าหม่นหมอง ไม่เหมือนคนที่จะเป็นเจ้าสาวเลย” 


 


 


จูจิ่นเดินมานั่งลงข้างๆ หลิงอวี้จื้อก่อน 


 


 


“จูจิ่น ป่านนี้แล้ว เจ้ายังล้อหลิงอวี้จื้ออีก” 


 


 


“นี่ไม่ใช่เพราะเรื่องดีๆ ที่พี่สาวคนโตของเจ้าทำหรอกหรือ มู่หรงนี่อวิ๋น เจ้าควรจะเข้าวังไปขอร้องพี่สาวของเจ้าเสีย” 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นนั่งลงตรงข้ามหลิงอวี้จื้อ 


 


 


“วันนี้ไปมาแล้ว พี่สาวได้ยินข้าเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็ไล่ออกมาทันที ไม่ให้ข้าอ้าปากพูดเลยด้วยซ้ำ” 


 


 


หลิงอวี้จื้อหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินชาให้พวกเขา 


 


 


“รบกวนพวกเจ้าแล้ว มา มา ดื่มชากลั้วคอหน่อย” 


 


 


จูจิ่นยกชาในมือขึ้นมา จิบไปหนึ่งคำ 


 


 


“เจ้าก็อย่าผิดหวังนักเลย แม้เฉินปี้จะเข้าจวนไปก็เป็นแค่อนุ เจ้ายังสร้างอำนาจกับนางได้ หากนางไม่เชื่อฟังเจ้า เจ้าก็จัดการนางได้ง่ายๆ อย่างไรอาเหยี่ยนก็เข้าข้างเจ้าอยู่แล้ว เจ้าเองก็ไม่โง่ ไม่เสียเปรียบนักหรอก ชีวิตอย่างนี้สิถึงจะมีสีสัน มิเช่นนั้นอยู่คนเดียวในจวนจะน่าเบื่อเพียงใด” 


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ได้ตอบจูจิ่น แต่ถามว่า 


 


 


“อาจิ่น เจ้าชอบกินอะไรที่สุด” 


 


 


หลิงอวี้จื้อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างกะทันหัน ทำให้จูจิ่นอึ้ง แต่ก็ยังตอบตามจริงว่า 


 


 


“ข้าชอบกินขนมแป้งอบรูปดอกเหมย” 


 


 


หลิงอวี้จื้อเรียกมั่วชิงมา พูดสั่งว่า 


 


 


“มั่วชิง เจ้าไปซื้อขนมแป้งอบรูปดอกเหมยที่ร้านขายขนมมาหน่อย” 


 


 


“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” 


 


 


มั่วชิงรับคำแล้ว ก็ออกไปทันที 


 


 


“โอ๊ย อวี้จื้อ เจ้าเกรงใจกันเกินไปแล้ว!” 


 


 


จูจิ่นงงไปหมด ไม่รู้ว่าหลิงอวี้จื้อจะมาไม้ไหน 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ 


 


 


“ป่านนี้แล้ว เจ้ายังมีแก่ใจดูแลนางอีกหรือ” 


ตอนที่ 454 โลกนี้ใช่ว่าจะไม่มีผู้ชายแล้ว 


 


 


“ไม่ว่าเวลาใด ข้าวก็ต้องกิน นี่อวิ๋น หากเจ้าอยากกินอะไรก็บอกข้ามา ข้าจะให้คนไปซื้อมาให้เจ้า” 


 


 


“ข้าไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น ไม่เหมือนใครบางคน ป่านนี้แล้วยังกินอาหารลงอีก” 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นพูดพลางมองจูจิ่นด้วยสายตาเหยียดหยามไปพลาง 


 


 


“มู่หรงนี่อวิ๋น เจ้าว่าใคร ก็แค่มีพระชายารองมาอีกคนมิใช่หรือ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงชีวิตใคร 


 


 


อวี้จื้อ เจ้าก็อย่าโกรธอาเหยี่ยนเลย นางเข้าจวนมาแล้วจะเป็นอะไร หากไม่ซื่อสัตย์ ก็จัดการให้ตายๆ ไปเสียก็ได้แล้ว ถือว่าเดินผ่านไปอีกด่าน เจ้าก็ไม่ต้องโกรธถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงประเภทคิดเล็กคิดน้อยสักหน่อย” 


 


 


ช่างเป็นเพื่อนที่แสนดีจริงๆ ไม่ว่าเมื่อใดจูจิ่นก็จะต้องช่วยเซียวเหยี่ยนพูดเสมอ เธอชักจะสงสัยแล้วว่าจูจิ่นก็แอบรักเซียวเหยี่ยนอยู่เช่นกัน 


 


 


ในเมื่อมีข้อสงสัย เธอก็เลยถามออกมาตรงๆ เสียเลย 


 


 


“อาจิ่น ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ชอบอาเหยี่ยนด้วยหรอกกระมัง!” 


 


 


“เจ้าพูดอะไร” 


 


 


จูจิ่นกำลังถือถ้วยชาอยู่ในมือ จู่ๆ ได้ยินประโยคนี้เข้า ตกใจจนพ่นน้ำชาในปากออกมา น้ำชาทั้งหมดพุ่งใส่หน้ามู่หรงนี่อวิ๋น ไหลลงตามไรคิ้วของเขาลงมาเป็นหยด 


 


 


จูจิ่นเช็ดปาก 


 


 


“ขอโทษที มู่หรงนี่อวิ๋น ข้าไม่ได้ตั้งใจ เมื่อครู่ข้าตกใจคำพูดของอวี้จื้อ จึงได้ออกอาการเช่นนี้” 


 


 


หลิงอวี้จื้ออดไม่ไหวหัวเราะออกมา 


 


 


“ฮ่าๆๆ … ตลกจะตายอยู่แล้ว…” 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นหน้างอทันที ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำชาบนหน้าของตนเอง 


 


 


“จูจิ่น ผู้หญิงอย่างเจ้าเป็นคู่ปรับของข้าโดยแท้ ทุกครั้งที่เจอเจ้าไม่เคยเจอเรื่องดี” 


 


 


“พวกเจ้าสองคนดวงสมพงษ์กันไม่เบาเลย ดูท่าข้าคงจะเข้าใจผิดแล้ว นี่อวิ๋น เจ้าลองพิจารณาสู่ขออาจิ่นกลับจวนได้เลยนะ” 


 


 


ยิ่งนานวันหลิงอวี้จื้อก็ยิ่งรู้สึกว่าสองคนนี้ดวงสมพงศ์กันไม่เบา ซ้ำยังเหมาะสมกันมาก เป็นคู่รักคู่กัดกันโดยแท้ 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นโต้แย้งทันที 


 


 


“ข้ายอมอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตดีกว่าแต่งงานกับนาง ตั้งแต่หัวจรดเท้า จูจิ่นเหมือนผู้หญิงเสียที่ไหน” 


 


 


“เจ้าวางใจเถิด แม่นางคนนี้ก็ไม่ได้พิศวาสอะไรเจ้า” 


 


 


จู่จิ่นตอกกลับทันที 


 


 


หลิงอวี้จื้อส่ายหน้า 


 


 


“พวกเจ้าจะดื่มสุราหรือไม่ ดื่มด้วยกันสักจอกเป็นอย่างไร” 


 


 


เมื่อครู่มู่หรงนี่อวิ๋นคิดจะห้าม เขาจำได้ว่าหลิงอวี้จื้อคออ่อนมาก ยังไม่ทันได้ส่งเสียง จู่จิ่นก็แย่งพูดเสียก่อน 


 


 


“ดี วันนี้ข้าจะพลีชีพอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ไม่เมาไม่กลับ หรูเยียน รีบไปเอาสุรามา ต้องเป็นสุราชั้นดีด้วยนะ” 


 


 


“นี่อวิ๋น มาดื่มด้วยกันเถิด ข้าไม่สบายใจ วันนี้พวกเราดื่มกันสักจอก ดื่มกันให้เต็มที่ คุยกันให้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจใครทั้งนั้น” 


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดเชิญชวนอยากฮึกเหิม 


 


 


เมื่อหรูเยียนหยิบเหล้ามาแล้ว มั่วชิงก็ถือขนมแป้งอบรูปดอกเหมยควันฉุยมาด้วย จูจิ่นหยิบขนมแป้งอบรูปดอกเหมยจากมือมั่วชิง กำลังจะกิน หลิงอวี้จื้อก็แย่งขนมไปจากมือนาง กัดหนึ่งคำ จากนั้นค่อยส่งให้จูจิ่น 


 


 


จูจิ่นรับขนมแป้งอบรูปดอกเหมยมาอย่างงงๆ ถลึงตาใส่หลิงอวี้จื้อ 


 


 


“เจ้ากินของข้าทำไม ไม่ใช่ว่าจะไม่มีชิ้นอื่น” 


 


 


หลิงอวี้จื้อกลืนขนมแป้งอบรูปดอกเหมยลงไป ดื่มชาอีกหนึ่งอึกถึงได้พูดยานคางว่า 


 


 


“ก็ใช่น่ะซี ข้ากินของเจ้า เจ้าก็ไม่ชอบใช่หรือไม่! นี่แค่ขนมหนึ่งชิ้น เจ้าก็มีปฏิกิริยาเช่นนี้เสียแล้ว นับประสาอะไรกับคนเล่า 


 


 


เจ้าบอกให้ข้ารองานแต่งอย่างยินดีปรีดา จู่ๆ มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มาบอกข้าว่า นี่ สามีเจ้าก็คือสามีข้า ความรู้สึกของข้าก็เหมือนกับความรู้สึกของเจ้าเมื่อครู่นี้แหละ เจ้าแย่งผู้ชายของข้าทำไม บนโลกนี้ใช่ว่าจะไม่มีผู้ชายแล้ว” 


 


 


“เจ้านี่ช่างทุ่มเทเสียจริงๆ เพื่อให้ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า ถึงกับต้องใช้ไม้นี้ ข้าก็หลงคิดว่าเจ้าสนใจจริงๆ ว่าข้าชอบกินอะไร 


 


 


ของจะเข้าปากอยู่แล้วโดนคนกัดไปหนึ่งคำ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ แต่เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องยอมรับสิ คนคนนั้นไม่ได้กัดจริงๆ เพียงแต่ให้สิทธิ์นางได้กัดเท่านั้น เจ้าวางใจเถิด ด้วยคุณธรรมของอาเหยี่ยน คำนี้นางกัดไม่ได้หรอก” 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 455 รับการมีหนึ่งผัวหลายเมียไม่ได้ 


 


 


“ถึงกัดไม่ได้แต่ก็เปื้อนขี้หนูไปแล้ว” 


 


 


“ปัดๆ สักหน่อยก็ได้แล้ว” 


 


 


“…” 


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้สึกหมดคำพูดจะมาต่อเถียง จูจิ่นนี่ใจกว้างใช้ได้ ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ใจกว้าง แต่ขาดการไตร่ตรอง หากพอจะทำได้อย่างที่จูจิ่นพูด เธอก็คงไม่เป็นทุกข์เช่นนี้ ก็เพราะทำไม่ได้ ถึงได้หงุดหงิดรำคาญใจอย่างไรเล่า 


 


 


ขนมแป้งอบรูปดอกเหมยชิ้นนี้ถูกหลิงอวี้จื้อกัดไปคำใหญ่แล้ว จูจิ่นไม่คิดจะกินต่อ วางขนมแป้งอบรูปดอกเหมยในมือลง กำลังจะหยิบชิ้นใหม่ 


 


 


เพิ่งวางลงบนโต๊ะ มู่หรงนี่อวิ๋นก็หยิบขนมแป้งอบรูปดอกเหมยชิ้นนั้นไปกินอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งสองคนมองมู่หรงนี่อวิ๋นอย่างค่อนข้างประหลาดใจ โดยเฉพาะจูจิ่น มองมู่หรงนี่อวิ๋นตาไม่กะพริบ ตกใจจนพูดไม่ออก 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นมองข้ามสายตาของทั้งสองคน เคี้ยวขนมแป้งอบรูปดอกเหมยในปากอย่างสำราญใจ 


 


 


“ขนมแป้งอบนี่ไม่เลว กินไม่เสร็จก็อย่าให้เสียของ มิเช่นนั้นทิ้งไปแล้วเสียดาย” 


 


 


“ข้าอยู่เมืองหลวงมาตั้งหลายปี ไม่เคยได้ยินเลยว่าคุณชายมู่หรงเป็นคนมัธยัสถ์ถึงเพียงนี้ แม้แต่ขนมแป้งอบชิ้นเดียวที่คนอื่นกินไปแล้วก็ยังทำใจทิ้งไม่ได้” 


 


 


น้ำเสียงของจูจิ่นเจือความประชดประชัน 


 


 


“เรื่องที่เจ้าไม่เคยได้ยินยังมีอีกมากมาย เรื่องนี้มีอะไรน่าแปลกหรือ ก่อนนี้ข้าไปอยู่ที่ตำบลเถาหยวนระยะหนึ่ง ช่วงนั้นแม้แต่เนื้อสัตว์ก็ไม่มีจะกิน ทุกวันกินโจ๊กใสๆ กับผักเล็กน้อย ข้ารู้สึกลึกซึ้งเลยว่าชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเห็นใครทำเสียของไม่ได้” 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นก็ถือว่าเป็นคนรักสะอาดเช่นกัน ปกติไม่กินของที่คนอื่นกินแล้วแน่นอน 


 


 


แต่นั่นเป็นของที่หลิงอวี้จื้อกินไปแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรไป ไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ หยิบขึ้นมาก็กินเลย จนกระทั่งพบว่าสองคนนั้นต่างก็จ้องมองตน เขาถึงได้รู้สึกว่าเสียมารยาทแล้ว เมื่อครู่ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น แทบจะเป็นสัญชาตญาณ 


 


 


เหตุผลนี้สมเหตุสมผล หลิงอวี้จื้อก็นึกถึงช่วงเวลาตอนนั้นได้ ชีวิตแต่ละวันลำบากลำบนจริงๆ 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นแทบไม่เคยกินอาหารแย่ๆ อย่างนั้นมาก่อน แต่อย่างไรจูจิ่นก็ยังมีท่าทีแปลกๆ เหมือนมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่เกินไปหน่อย คล้ายว่ารังเกียจการกระทำของมู่หรงนี่อวิ๋นมาก 


 


 


เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ นางจึงลุกขึ้นมา ยกไหสุราขึ้นมารินให้พวกเขาเอง 


 


 


“ช่วงเวลานั้นลำบากนี่อวิ๋นแล้ว ตอนนี้เจ้าดื่มสุราได้หรือยัง” 


 


 


“แผลแค่นี้จะไปมีอะไร ดีขึ้นตั้งนานแล้ว รินมา” 


 


 


จูจิ่นก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าตนเองแสดงปฏิกิริยาตอบโต้เกินควร ไม่นานก็หัวเราะคิกๆ ออกมา สามคนชนจอกกันแล้ว จูจิ่นก็ยิ้มพลางพูดว่า 


 


 


“อวี้จื้อ เรื่องนี้เจ้าก็อย่าโทษอาเหยี่ยนเลยนะ ใจเขาไม่ยินยอมแน่นอน 


 


 


หากแตกหักกับไทเฮาตอนนี้ก็ล้วนไม่เป็นผลดีต่อพวกเรา เขาทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อเจ้า พวกเราไม่ได้กลัวไทเฮาจะทำอะไรหรอก แตกหักกันแล้วนางก็ไม่เอาพวกเราไปเชือดเป็นคนแรก แต่จะเอาเจ้าไปเชือดน่ะสิ” 


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ได้พูดอะไร เธอรู้ว่าจูจิ่นพูดมีเหตุผลมาก หากแตกหักกันแล้ว เธอต้องเป็นกังวลเรื่องชีวิตแน่นอน คนเราล้วนกลัวคนแกร่ง รังแกคนอ่อนแอ บรรดาคนเหล่านี้ กำลังของเธออ่อนแอที่สุด จะมุ่งเข้ามาจัดการเธอก็เป็นเรื่องปกติ 


 


 


เหตุผลเหล่านี้เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน เธอมั่นใจมากว่าเมื่อเซียวเหยี่ยนสู่ขอเฉินปี้กลับจวนมาแล้ว ก็จะให้นางเป็นแค่เครื่องประดับ จะไม่ทำอะไรนาง 


 


 


แต่อย่างไรเธอก็ยังอึดอัดใจอยู่ดี ยอมรับคำพูดนั้นทั้งใจ เหตุผลเข้าใจหมด แต่ทำได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง 


 


 


เธอจนปัญญาที่จะโน้มน้าวตนเองไม่ให้ถือสา พวกเขาทุกคนล้วนรู้สึกว่าเธอทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องนี้ก็ไม่โทษพวกเขา ในเมื่อเธอกับพวกเขาไม่ใช่คนจากโลกเดียวกัน 


 


 


การมีภรรยาหลายคนในยุคนี้เป็นเรื่องที่นิยมกันมาก และพบเห็นได้เป็นประจำ เซียวเหยี่ยนทำได้อย่างที่เขาพูดเช่นนั้น ก็นับว่าเป็นผู้ชายที่หาไม่ได้แล้วในยุคนี้ บางทีเธออาจจะโลภเกินไป อย่างไรเธอก็ยังรับการมีหนึ่งผัวหลายเมียไม่ได้ 


ตอนที่ 456 ความลับของจูจิ่น 


 


 


“ข้าไม่เคยสงสัยความเอาใจใส่ที่เขามีต่อข้าเลย เป็นปัญหาของข้าเอง” 


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบก็ดื่มเหล้าหนึ่งจอก จากนั้นก็รินอีกจอก 


 


 


“มา มา ดื่มกันต่อ” 


 


 


“จูจิ่น เจ้าไม่ต้องพูดจาไร้สาระแล้ว ข้าเข้าใจหลิงอวี้จื้อ นางรักท่านอ๋องมากจริงๆ ถึงได้คอยพะวงเรื่องเฉินปี้ตลอดเวลา ข้าจะไปขอร้องไทเฮากับฮ่องเต้อีกครั้ง อย่างไรก็อีกนานกว่าจะแต่งงาน ไม่แน่ว่าเรื่องอาจจะมีจุดพลิกผัน” 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นไม่อยากเห็นหลิงอวี้จื้อผิดหวังเช่นนี้ จึงส่งเสียงออกมาปลอบใจเธอ 


 


 


หลิงอวี้จื้อคิดไม่ถึงว่าในบรรดาคนทั้งหมด คนที่เข้าใจเธอที่สุดกลับเป็นคุณชายเจ้าสำราญอย่างมู่หรงนี่อวิ๋น สมกับเป็นคนที่คลุกคลีกับผู้หญิงมามากมายจริงๆ ถึงได้เข้าใจหัวอกผู้หญิงได้ง่าย เธอยกจอกให้มู่หรงนี่อวิ๋น 


 


 


“นี่อวิ๋น ขอบใจนะ เรื่องนี้พยามเต็มที่ก็พอ ไม่ต้องฝืน ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องลำบากอีก” 


 


 


“ไทเฮาเป็นพี่สาวแท้ๆ ของข้า นางไม่ทำอะไรข้าหรอก นางยังหวังให้ข้าสืบทอดกิจการของครอบครัว” 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นยิ้มอย่างไม่ยี่หระ เขารู้ว่าหากมีเฉินปี้เพิ่มมาอีกคน หลิงอวี้จื้อจะไม่มีความสุข มิเช่นนั้นคงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เช่นนี้ เขาจะต้องพยายามสุดกำลังที่จะหยุดยั้งเรื่องนี้ ทำให้หลิงอวี้จื้อออกเรือนอย่างสบายใจอีกครั้ง 


 


 


ตอนนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่พอจะไปขอร้องมู่หรงกวานเย่ว์ได้ คนอื่นแม้แต่จะพบก็ยังพบมู่หรงกวานเย่ว์ไม่ได้ 


 


 


ทั้งสามคนคุยไปดื่มไป ดื่มสุราไปห้าไหโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว บนโต๊ะมีแต่ไหสุรา หลิงอวี้จื้อเริ่มเมาแล้ว มู่หรงนี่อวิ๋นกับจูจิ่นก็เมา สามคนฟุบกับโต๊ะหัวเราะโง่ๆ 


 


 


“มา ทุกคนลุกขึ้นมาดื่มกันอีก” 


 


 


หลิงอวี้จื้อตัวเซ อยากจะลุกขึ้น แต่ทำอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น จูจิ่นช่วยประคองเธอ 


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าเมาแล้ว” 


 


 


“ข้ายังไม่เมาสักหน่อย คอข้าไม่ได้อ่อนขนาดนั้น นี่อวิ๋น อย่าหลับ ดื่มอีก ข้าสั่งพวกเขาแล้ว ไม่มีใครมากวนพวกเราดื่มสุรา พวกเราดื่มต่อ ไม่เมาไม่กลับ” 


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบก็ฝืนยืนขึ้น ตัวอ่อนตัวพับ ล้มลงกับพื้นทันที เธอล้มแผ่กับพื้น พูดงึมงำกับตนเอง 


 


 


“อาเหยี่ยน ไม่เอาเฉินปี้ ไม่เอานาง…” 


 


 


จูจิ่นยังมีสติอยู่บ้าง ถึงแม้ตัวจะโซเซ แต่ยังไม่ได้ดื่มเมาเต็มที่ เห็นหลิงอวี้จื้อล้มพับกับพื้นหลับไปแล้ว กลัวว่านางจะหนาว จึงใช้แรงทั้งหมดประคองหลิงอวี้จื้อขึ้นมาจากพื้น ใช้แรงไปมากกว่าจะประคองหลิงอวี้จื้อไปที่เตียง 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นฟุบลงกับโต๊ะไม่ขยับ จูจิ่นเดินไปข้างๆ มู่หรงนี่อวิ๋น สุดท้ายแล้ว นึกไม่ถึงว่านางจะคอแข็งที่สุด นางตบหน้ามู่หรงนี่อวิ๋นเบาๆ 


 


 


“มู่หรงนี่อวิ๋น ตื่นๆ พวกเราควรไปแล้ว” 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นพูดอืมสองสามครั้ง เมาจนหมดสภาพ 


 


 


จูจิ่นประคองเขา ให้ลูกน้องมาช่วย พามู่หรงนี่อวิ๋นขึ้นรถม้าของตน พอขึ้นรถม้าแล้ว มู่หรงนี่อวิ๋นก็พิงไหล่จูจิ่น 


 


 


นี่เป็นครั้งแรกที่จูจิ่นได้อยู่ใกล้เขาขนาดนี้ นางเคยบอกหลิงอวี้จื้อไว้นานแล้ว ว่าใจนางมีคนที่ชอบอยู่ คนที่นางชอบก็คือมู่หรงนี่อวิ๋น 


 


 


ด้วยความเมา จูจิ่นจึงลูบไล้ใบหน้าของมู่หรงนี่อวิ๋นตามใจ พูดเสียงต่ำๆ ข้างหูเขาว่า 


 


 


“ก็รู้อยู่ว่าไม่มีทาง ทำไมยังไปชอบเขาเช่นนั้นอยู่ได้ อย่างนี้ในใจเจ้าไม่เป็นทุกข์หรือ” 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นดูเหมือนจะหลับแล้ว ไม่ส่งเสียงอะไรเลย จูจิ่นยิ้มเยาะตนเองพลางพูดว่า 


 


 


“ข้ากับเจ้าต่างกันตรงไหน ก็รู้อยู่ว่าเจ้าไม่ชอบข้า ข้าก็ยังหยุดชอบเจ้าไม่ได้ นี่ข้าโง่ใช่หรือไม่ ช่างสมกันจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะมาพบบรรจบกัน” 


 


 


จูจิ่นส่งมู่หรงนี่อวิ๋นกลับจวนตระกูลมู่หรงด้วยตนเอง ถ้าให้ลูกน้องพาเขาไปตั้งแต่แรก ป่านนี้ตนเองก็กลับไปได้แล้ว วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร นางไม่กลับ แต่เข้าไปในห้องของมู่หรงนี่อวิ๋น ซ้ำยังไล่ให้สาวใช้ออกไปให้หมด 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 457 ชาติหน้าเป็นของข้าได้หรือไม่ 


 


 


สุราช่างเป็นสิ่งที่ดี นึกไม่ถึงว่าเรื่องที่ไม่กล้าทำ เมื่อดื่มสุราแล้วก็เกิดกล้าขึ้นมา นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว นางอยากจะอยู่เป็นเพื่อนมู่หรงนี่อวิ๋นเช่นนี้ 


 


 


นางมองมู่หรงนี่อวิ๋นที่อยู่บนเตียง สายตาอ่อนโยนมาก ยื่นมือออกไปลูบไล้ใบหน้าของมู่หรงนี่อวิ๋น วาดไล้ไปตามคิ้วและตาของเขา 


 


 


เขามีอะไรดีตรงไหน เห็นอยู่ว่าเป็นคุณชายเจ้าสำราญแห่งเมืองหลวง เป็นผู้ชายที่เมื่อก่อนนางเกลียดที่สุด ตอนนี้กลับชอบเสียได้ ก็เห็นอยู่ว่าพบหน้ากันทีไรต้องทะเลาะกันทุกครั้ง 


 


 


“น้ำ น้ำ…” 


 


 


ได้ยินเสียงของมู่หรงนี่อวิ๋น จูจิ่นก็ลุกขึ้นรินน้ำให้มู่หรงนี่อวิ๋นหนึ่งแก้ว แล้วยังช่วยประคองให้เขาลุกขึ้นด้วย ป้อนน้ำให้เขา ดื่มน้ำแล้ว มู่หรงนี่อวิ๋นก็เหมือนจะฟื้นคืนสติขึ้นมาเล็กน้อย เขาลืมตาขึ้น แววตาเลื่อนลอย แล้วจู่ๆ ก็กอดจูจิ่นแน่น แล้วเรียกเสียงต่ำๆ ข้างหูนางว่า 


 


 


“อวี้จื้อ อวี้จื้อ เจ้ามาได้อย่างไร” 


 


 


“ข้าไม่ใช่อวี้จื้อ มู่หรงนี่อวิ๋น เจ้าดูให้ดี ๆ” 


 


 


จูจิ่นผลักมู่หรงนี่อวิ๋น น้ำเสียงโมโหขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ถลึงตาใส่เขา 


 


 


“ข้าคงฝันไปแน่ๆ มีเพียงในฝันเท่านั้นที่ท่านเทวดาจะสามารถสงเคราะห์ข้าได้” 


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นกอดจูจิ่นอีกคนั้ง 


 


 


“ชาติหน้าเป็นของข้าได้หรือไม่” 


 


 


ประโยคนี้แทงใจดำจูจิ่น นางเกร็งตัวแข็ง ชาติหน้าของเขาก็ยังไม่มีนาง 


 


 


จู่ๆ มู่หรงนี่อวิ๋นก็โน้มตัวลงมาจุมพิตริมฝีปากของจูจิ่น ริมฝีปากของเขาเย็นเฉียบ สมองของจูจิ่นว่างเปล่า ลืมผลักมู่หรงนี่อวิ๋นออกไป ได้แต่ปล่อยให้มู่หรงนี่อวิ๋นจูบอยู่อย่างนั้น 


 


 


เรื่องที่เกิดขึ้นต่อมาเหนือจินตนาการของจูจิ่น ด้วยพลังของสุรา จูจิ่นมิได้ปฏิเสธมู่หรงนี่อวิ๋น นางลืมขนบธรรมเนียมประเพณีทุกอย่าง จวบจนมู่หรงนี่อวิ๋นผล็อยหลับสนิท 


 


 


จูจิ่นหยิบเสื้อผ้าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา สวมเสื้อผ้า มองดูมู่หรงนี่อวิ๋นที่นอนอยู่บนเตียงอย่างอาลัยอาวรณ์ สุดท้ายก็หมุนตัวจากไป 


 


 


เรื่องนี้นางไม่คิดจะบอกให้มู่หรงนี่อวิ๋นรู้ และไม่เสียใจภายหลังด้วย 


 


 


นางไม่อยากเอาเรื่องนี้มาบีบบังคับให้มู่หรงนี่อวิ๋นมาสู่ขอนาง ถึงเวลานั้นทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างก็เจ็บปวด ตอนนี้มู่หรงนี่อวิ๋นไม่ได้เกลียดนางจริงๆ หากทำเช่นนี้ เขาจะเข้าใจนางผิด ถึงเวลานั้นจะกลายเป็นเกลียดนางจริง ๆ 


 


 


ถูกคนที่ชอบเกลียดเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุด นางยอมเก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ในใจ ให้กลายเป็นความลับไปตลอดชีวิตดีกว่า 


 


 


วันต่อมาหลิงอวี้จื้อตื่นขึ้นมาปวดหัวมาก เธอกุมหัว เมื่อวานดื่มเหล่าไปเท่าไรกันแน่ พูดอะไรออกไปบ้าง เธอจำอะไรไม่ได้เลย อาการเมาค้างช่างทรมานจริง ๆ 


 


 


เพิ่งคลานขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หรูเยียนก็เข้ามารายงาน 


 


 


“คุณหนูเจ้าคะ เพิ่งมีข่าวมาจากในวังเจ้าค่ะ สามวันจากนี้ ไทเฮาจะจัดงานเลี้ยงในวัง ถึงเวลาให้คุณหนูเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยงด้วยเจ้าค่ะ” 


 


 


หลิงอวี้ลูบๆ หัว 


 


 


“รู้แล้ว หรูเยียน ให้คนไปทำน้ำแกงแก้เมาค้างให้ข้าหน่อย มิเช่นนั้นจะปวดหัว” 


 


 


หรูเยียนพยักหน้าแล้วออกไป หลิงอวี้จื้อหาวขณะล้างหน้าล้างตา ไทเฮาเรียกเธอเข้าวังตอนนี้จะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ คงไม่ใช่จะโจมตีเธออีกหรอกนะ! 


 


 


หากไปร่วมงานเลี้ยง เช่นนั้นต้องไม่ใช่เธอแค่คนเดียวแน่ หากเดาไม่ผิด เฉินปี้ก็คงไปด้วย คราวนี้จะมาไม้ไหนอีก 


 


 


เซียวเหยี่ยนออกจากวังแล้วก็ไปจวนตระกูลเฉินด้วยตนเอง ทุกคนในจวนตระกูลเฉินต่างให้ความสำคัญกับเขามาก ท่านมหาบัณฑิตเฉินพาคนทั้งจวนมารอต้อนรับเซียวเหยี่ยนที่ประตู 


 


 


เซียวเหยี่ยนโบกมือ ให้พวกเขาออกไป เฉินปี้อยู่ข้างๆ เซียวเหยี่ยน ทั้งสองคนนั่งอยู่ในศาลากุยอวิ๋นที่เรือนด้านหลัง 


 


 


ศาลากุยอวิ๋นสร้างริมทะเลสาบ บนโต๊ะมีผลไม้และเครื่องดื่ม เฉินปี้สวมชุดสีฟ้าน้ำทะเล ดูเป็นการเป็นงานมาก ปลายแขนเสื้อปักลายดอกกล้วยไม้วิจิตรบรรจง ลมอ่อนๆ พัดผมดำสลวยของนาง กลิ่นหอมจางๆ คละเคล้ากลางสายลม 


ตอนที่ 458 นอกจากได้ชื่อว่าเป็นพระชายารองแล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นมอบให้เจ้า


 


 


อยู่ต่อหน้าสาวงามเช่นนี้ ใจของเซียวเหยี่ยนดั่งน้ำนิ่ง ไม่มีความรู้สึกหวั่นไหวแม้แต่น้อย


 


 


เขานึกถึงหลิงอวี้จื้อ หากเธออยู่ด้วย คงจะไม่มีทางได้นั่งเงียบๆ เช่นนี้ คงจะกุมมือเขาพูดคุยไม่หยุด


 


 


“วันนี้ท่านอ๋องมาเยี่ยมหม่อมฉัน หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติมาก เชิญดื่มชาสักถ้วยเถิดเพคะ!”


 


 


เสียงของเฉินปี้อ่อนโยน รินชาถ้วยหนึ่งยื่นให้เซียวเหยี่ยน เซียวเหยี่ยนรับชาที่เฉินปี้ยื่นมา แต่ยังไม่ได้ดื่มก็วางลง


 


 


“คุณหนูเฉิน วันนี้ข้ามาไม่ใช่เพื่อมาเยี่ยมเจ้า แต่มีเรื่องบางเรื่องที่ต้องบอกเจ้าให้ชัดเจน”


 


 


“ท่านอ๋องเชิญกล่าวเพคะ หม่อมฉันฟังอยู่”


 


 


เฉินปี้ประพฤติตนอย่างเหมาะสม โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย การกระทำและการพูดของนางไร้ที่ติ ผู้หญิงเช่นนี้ เซียวเหยี่ยนเห็นมามาก พวกนางล้วนได้รับการสั่งสอนมาอย่างดีจากครอบครัว ดีไปทุกอย่าง ขาดอย่างเดียวคือความมีชีวิตชีวา


 


 


“คุณหนูเฉิน งานแต่งนี้เป็นเจตนาของไทเฮา ข้าไม่เคยมีเจตนาเช่นนี้


 


 


ใจข้ามีคนที่รักอยู่แล้ว


 


 


หากเจ้าแต่งงานเข้ามาในจวนของข้า นอกจากได้ชื่อว่าเป็นพระชายารองแล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นมอบให้เจ้า


 


 


ข้าเองก็ไม่อยากทำให้คุณหนูเฉินเสียเวลา หวังว่าคุณหนูเฉินจะคิดให้ดีๆ หากเจ้าไม่ยินดี ข้าสามารถจัดการให้คุณหนูเฉินออกจากจวนของข้าได้ ไม่ทราบว่าคุณหนูเฉินมีความเห็นว่าอย่างไร”


 


 


เฉินปี้เข้าใจความหมายของเซียวเหยี่ยน นางไม่นึกว่าเซียวเหยี่ยนคิดจะกล่อมให้นางยอมแพ้ ซ้ำยังบอกนางตามตรงว่า นอกจากได้ชื่อว่าเป็นพระชายารองแล้ว นางจะไม่ได้อะไรอีก


 


 


แม้จะเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ นางอยากแต่งงานกับผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกนี้ เซียวเหยี่ยนเป็นผู้ชายเช่นนั้น ทั้งเมืองหลวง เพียงคนเดียวที่เข้าตานางก็คือเซียวเหยี่ยน


 


 


ตอนนี้เซียวเหยี่ยนไม่มีใจให้นาง แต่ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่มีใจให้ ยังมีเวลาอีกทั้งชีวิต นางจะต้องมีที่ยืนในใจเซียวเหยี่ยนสักวันหนึ่ง สำหรับตัวนางเอง นางมีความมั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก


 


 


เฉินปี้แสดงท่าทีขอโทษ


 


 


“หม่อมฉันรู้ว่าท่านอ๋องกับคุณหนูหลิงรักกัน หม่อมฉันก็ไม่เคยคิดจะแทรกกลางระหว่างท่านอ๋องกับคุณหนูหลิง ไทเฮาเป็นผู้ออกพระราชเสาวนีย์นี้ หม่อมฉันปฏิเสธมิได้ ไทเฮาวางยาแก่พี่ชายของหม่อมฉัน ให้หม่อมฉันจงใจเข้าใกล้ท่านอ๋อง ต้องรอแต่งงานก่อนถึงจะได้ยาถอนพิษมาให้พี่ชาย หากหม่อมฉันไม่ปฏิบัติตาม ชีวิตของพี่ชายก็น่าเป็นห่วง”


 


 


พูดจบเฉินปี้ก็ลุกขึ้นคุกเข่ากับพื้น พูดด้วยความกังวลใจว่า


 


 


“ท่านอ๋อง ท่านวางใจเถิด หม่อมฉันจะไม่ไปขวางกั้นท่านอ๋องกับคุณหนูหลิง รอพี่ชายได้ยาถอนพิษก่อน ถึงตอนนั้นหม่อมฉันจะออกจากจวนท่านอ๋องไปเอง ตอนนี้ข้าวอนขอให้ท่านอ๋องช่วยชีวิตพี่ชายด้วย”


 


 


เซียวเหยี่ยนขมวดคิ้ว เขานึกไม่ถึงว่าเพื่อให้เฉินปี้แต่งงานเข้าจวน มู่หรงกวานเย่ว์ถึงกับทำเรื่องเช่นนี้ นางช่างทุ่มเทเสียจริง


 


 


“คุณหนูเฉิน ลุกขึ้นเถิด! เจ้าเข้าใจเจตนาของข้าก็ดีแล้ว เจ้าวางใจ เฉินเยี่ยนจะไม่เป็นอะไร”


 


 


“ขอบคุณท่านอ๋องเพคะ ความเมตตาของท่านอ๋อง หม่อมฉันจะจำไปตลอดชีวิต หม่อมฉันจะไม่ไปวุ่นวายกับท่านอ๋องและคุณหนูหลิง


 


 


รอจนพบโอกาสเหมาะ หม่อมฉันจะออกไปจากจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หม่อมฉันเข้าใจ ใจของท่านอ๋องมีเพียงคุณหนูหลิง หม่อมฉันก็หวังว่าต่อไปจะได้พบผู้ชายที่ดูแลหม่อมฉันอย่างจริงใจ คราวนี้ถือเสียว่าร่วมมือกับท่านอ๋องเพื่อช่วยพี่ชาย เช่นนี้ดีหรือไม่เพคะ”


 


 


การที่เฉินปี้เข้าใจภาพรวมเช่นนี้ เหนือความคาดหมายของเขา มาคราวนี้ เขาก็อยากจะลองหยั่งเชิงน้ำเสียงของเฉินปี้ หากเฉินปี้ไม่ยินดี เขาก็สามารถร่วมมือกับเฉินปี้ ให้งานแต่งงานครั้งนี้ดำเนินต่อไป


 


 


เห็นได้ชัดว่ามู่หรงกวานเย่ว์ก็นึกถึงจุดนี้ มิเช่นนั้นคงไม่ลงมือกับพี่ชายของเฉินปี้ ในเมื่อเฉินปี้ก็มีเจตนาจะออกจากจวน เช่นนั้นยิ่งดี รอจนได้เวลาเหมาะสมค่อยหาเหตุผลจัดการให้เฉินปี้ออกจากจวนไป เรื่องนี้ก็จะผ่านไปแล้ว


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 459 ค่อยๆ แย่งเซียวเหยี่ยนกลับมา


 


 


“เช่นนั้นทำให้คุณหนูเฉินลำบากใจแล้ว”


 


 


น้ำเสียงของเซียวเหยี่ยนอ่อนโยนลงไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าพอใจเฉินปี้


 


 


“ไม่ลำบากใจเพคะ ทำให้ท่านอ๋องกับคุณหนูหลิงลำบากใจต่างหาก หากคุณหนูหลิงเข้าใจอะไรผิด หม่อมฉันสามารถไปอธิบายคุณหนูหลิงได้”


 


 


เซียวเหยี่ยนปฏิเสธทันที


 


 


“ไม่ต้อง นี่เป็นเรื่องของข้า คุณหนูเฉินไม่ต้องแทรกแซง”


 


 


“หม่อมฉันพลั้งปากไปแล้วเพคะ”


 


 


เฉินปี้รีบพูดขอโทษ


 


 


“ข้ายังมีธุระ เชิญคุณหนูเฉินตามสบาย”


 


 


เซียวเหยี่ยนพูดจบก็ลุกขึ้น เฉินปี้ลุกขึ้นตาม หันไปทางเซียวเหยี่ยนแล้วโค้งตัว


 


 


“ทูลลาท่านอ๋องเพคะ”


 


 


ซูฮว่า สาวใช้ประจำตัวของเฉินปี้ประคองเฉินปี้นั่งลง ถามด้วยความสงสัย


 


 


“คุณหนู คุณหนูคิดจะออกจากจวนท่านอ๋องหรือเจ้าคะ หากออกไปแล้ว คุณหนูจะทำอย่างไรดีเล่าเจ้าคะ”


 


 


เฉินปี้หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับตรงมุมปาก


 


 


“เข้าจวนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้วก็กลายเป็นคนของท่านอ๋อง ข้าจะออกมาอีกได้อย่างไร นอกจากข้าจะตาย นี่เป็นแค่อุบายหน่วงเวลาเท่านั้น


 


 


หากข้าไม่ทำเช่นนี้ ท่านอ๋องก็จะเริ่มรำคาญข้า ยังไม่ทันแต่งก็ทำให้สามีรำคาญเสียแล้ว แล้วชีวิตหลังจากนั้นจะอยู่อย่างไร


 


 


ตอนนี้ใจท่านอ๋องมีเพียงหลิงอวี้จื้อ ข้าก็ตามเจตนารมณ์ของเขาไปก่อน


 


 


ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขากับหลิงอวี้จื้อจะไม่ขัดแย้งกันเลย ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด แค่หลิงอวี้จื้อยอมรับข้าไม่ได้ ความขัดแย้งก็มาแล้ว ข้าก็จะสามารถฉวยโอกาสเข้าโจมตียามอ่อนแอได้”


 


 


ซูฮว่ายกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมา พูดชมไม่หยุดปาก


 


 


“คุณหนูคิดรอบคอบจริงๆ เจ้าค่ะ หากตอนนี้คุณหนูแย่งท่านอ๋องกับคุณหนูหลิงอย่างโจ่งแจ้ง ก็จะไม่ได้เปรียบอะไร ตอนนี้ใจท่านอ๋องมีคุณหนูหลิง ก็ต้องช่วยคุณหนูหลิง”


 


 


“ซูฮว่า ถือว่าเจ้ายังฉลาด ต่อหน้าท่านอ๋อง ยิ่งเข้าอกเข้าใจผู้อื่นยิ่งดี


 


 


ต้องทำเช่นนี้เท่านั้นข้าถึงจะมีที่ยืน สำหรับหลิงอวี้จื้อน่ะหรือ เจ้ารอดูก็พอแล้ว อีกไม่กี่วันไทเฮาจะจัดงานเลี้ยงมิใช่หรือ ถึงเวลาข้าก็จะได้เจอกับหลิงอวี้จื้อ”


 


 


เฉินปี้พูดพลางก็ยิ้มออกมา แววตาล้ำลึก นางเป็นลูกสาวภรรยาหลวง มิได้เป็นอนุนางบำเรอ ตั้งแต่เด็กก็เห็นพวกนางต่อสู้กันทั้งต่อหน้าและลับหลัง ซึมซับไปโดยปริยาย กลยุทธ์ต่างๆ ที่ควรเรียนนางก็เรียนรู้มาหมดแล้ว มิหนำซ้ำมารดาของนางยังสอนสิ่งเหล่านี้ให้นางด้วย


 


 


นางรู้สึกว่าหลิงอวี้จื้อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตน ในเมื่อหลิงอวี้จื้อปัญญาอ่อนมาตั้งสิบกว่าปี นางไม่สามารถมารถแย่งเซียวเหยี่ยนมาจากมือหลิงอวี้จื้อได้ทันทีทันใด นางจะต้องทำให้เซียวเหยี่ยนค่อยๆ ผิดหวังในตัวหลิงอวี้จื้อ จากนั้นก็ค่อยๆ แย่งเซียวเหยี่ยนกลับมา


 


 


ถึงเวลานั้นจวนท่านอ๋องก็จะไม่มีที่ให้หลิงอวี้จื้ออยู่ ขอเพียงไม่มีหลิงอวี้จื้อ ตำแหน่งพระชายาเอกก็ต้องตกเป็นของนาง นางมีเวลาอีกทั้งชีวิต ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่รีบ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป


 


 


อดทนเพียงอึดใจ การใหญ่ถึงจะบรรลุ นี่คือสิ่งที่แม่นางสอนไว้ นางไม่ได้มีปณิธานใหญ่โต นางอยากเป็นนายหญิงแห่งจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นี่คือปณิธานของนางในตอนนี้


 


 


“คุณหนูก็ต้องระวังนะเจ้าคะ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นคนอย่างไร คุณหนูหลิงสามารถกุมหัวใจของท่านอ๋องได้ แสดงว่าคุณหนูหลิงก็ต้องมีจุดที่เหนือกว่าคนอื่น”


 


 


“หากนางไม่มีอะไรดีสักอย่าง ท่านอ๋องก็คงไม่ชอบนาง


 


 


ตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาแล้ว จวนท่านมหาเสนาบดีก็เกิดเรื่องมากมาย เพียงพอจะพิสูจน์ได้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เจอคนแกร่งก็ต้องยิ่งแกร่ง หากเจอคนไร้น้ำยาจริงๆ ก็ไม่สนุกสิ ข้ามีวิธีจัดการนางได้”


 


 


เฉินปี้พูดเสร็จก็ลุกขึ้น หาวหนึ่งครั้ง


 


 


“ข้าเริ่มเหนื่อยแล้ว ซูฮว่า ประคองข้ากลับห้องเถิด!”


 


 


“เจ้าค่ะ คุณหนู”


 


 


ซูฮว่าประคองเฉินปี้กลับห้อง หลิงอวี้จื้ออ่านหนังสืออยู่ในห้องอย่างเบื่อหน่าย บอกว่าอ่านหนังสือ แต่ความจริงคืออ่านไม่เข้าหัว ผ่านไปนานแล้วแต่ไม่ได้พลิกกระดาษสักหน้า แช่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ไปไหน

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม