ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 420-427

 ตอนที่ 420 ใช้ยศอ๋องผู้สำเร็จราชการมาบีบข้าอีกแล้ว


 


 


เห็นเซียวเหยี่ยนฆ่าคน เธอจึงมีปฏิกิริยาเช่นนั้น ไม่ใช่ไม่เชื่อใจเซียวเหยี่ยน แต่เซียวเหยี่ยนเป็นคนเช่นนั้นอยู่แล้ว สำหรับเขา ชีวิตคนคนหนึ่งไม่ได้สำคัญอะไร เธอไม่เชื่อว่าเซียวเหยี่ยนจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะเธอ


 


 


นี่ถือว่าเป็นช่องว่างระหว่างพวกเขา อารยธรรมห่างไกลกันตั้งสองสามพันปี เธอไม่รู้ว่าความแตกต่างกันเช่นนี้จะมีผลต่อการดำเนินชีวิตของพวกเธอในภายภาคหน้าหรือไม่


 


 


“ข้า…”


 


 


หลิงอวี้จื้ออยากบอกมากว่าใช่ แต่ก็พูดไม่ออก อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่เช่นนี้ เหมือนไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ถูกต้อง


 


 


“อวี้จื้อ ข้ารู้ว่าเจ้ามีจิตใจเมตตา ไม่อยากทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่บางคนก็เก็บไว้ไม่ได้ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าใส่ใจผู้อื่น มีบางเรื่องที่ทำได้ไม่ดี เจ้าต้องให้เวลาข้าสักหน่อย ข้าจะค่อยๆ แก้ไขนิสัยต่างๆ ที่เคยเป็นเมื่อก่อน”


 


 


“เหตุใดต้องเปลี่ยนเล่า”


 


 


หลิงอวี้จื้อเงยหน้าขวับ มองเซียวเหยี่ยนงงๆ


 


 


เซียวเหยี่ยนประคองใบหน้าของหลิงอวี้จื้อ พูดข้างหูเธอด้วยเสียงต่ำเบาว่า


 


 


“ความรู้สึกของเจ้าสำคัญต่อข้ามาก ข้าไม่อยากให้เจ้าอยู่กับข้าอย่างไม่มีความสุข”


 


 


ความอบอุ่นซาบซ่านผ่านกลางใจ หลิงอวี้จื้อรู้สึกอบอุ่นในใจ คิดไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะพูดเช่นนี้ เขาทำเพื่อเธอมามากมายแล้ว เธอไม่เคยคิดจะให้เซียวเหยี่ยนเปลี่ยน แต่คิดว่าตนเองจะค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับเซียวเหยี่ยน


 


 


“ถ้าเปลี่ยนอีกก็จะไม่เหมือนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแล้ว ท่านไม่ต้องเปลี่ยน ข้าไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรจริงๆ ”


 


 


“ต่อหน้าเจ้าข้าเป็นเพียงสามีของเจ้า ไม่ใช่อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ข้าก็ไม่คิดจะให้เจ้ามองข้าเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์”


 


 


หลิงอวี้จื้อหน้าแดงทันที


 


 


“ท่านยังไม่ได้สู่ขอข้าอย่างเป็นทางการ ยังไม่ถือว่าเป็นสามีของข้า อย่ามาเอาเปรียบข้านะ”


 


 


“ข้าบอกว่าใช่ก็ใช่”


 


 


หลิงอวี้จื้อจิ้มหัวเซียวเหยี่ยน


 


 


“เมื่อครู่ยังพูดอยู่เลยว่าตนเองไม่ใช่อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ใช้ยศของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาบีบข้าอีกแล้ว”


 


 


“ใช่หรือ”


 


 


ใครบางคนตีหน้าซื่อย้อนถาม


 


 


หลิงอวี้จื้ออดหัวเราะมิได้ ความรู้สึกไม่สบายใจมลายหายไปโดยไม่รู้ตัว พวกเขาต่างพยายามเข้าหาซึ่งกันและกัน ถึงแม้จะมีอารยธรรมที่ห่างกันสองสามพันปี ต้องมีสักวันที่เข้าหากันได้ เธอรู้ว่าเซียวเหยี่ยนเอาใจใส่เธอมากเหลือเกิน ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เธอมีความสุขมาก


 


 


หลิงอวี้จื้อยื่นมือออกไปดึงให้เซียวเหยี่ยนมานั่งข้างตนเอง ครั้นนึกถึงชาวบ้านตำบลเถาหยวนขึ้นมา สีหน้าก็หมองลงทันที


 


 


“อาเหยี่ยน จะปลอบขวัญชาวบ้านที่เหลืออย่างไรดี”


 


 


“เรื่องนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ตอนนี้พวกเขายังไม่รู้เรื่อง ข้าจะให้จางผิงจัดการเรื่องพิธีศพของพวกเขาอย่างดี และจะมอบเงินให้ชาวบ้านที่เหลือสักหน่อย ให้พวกเขายังพอใช้ชีวิตปกติได้”


 


 


หลิงอวี้จื้อพยักหน้า


 


 


“อืม ครั้งนี้สำนักอู๋จี๋ทำร้ายชาวบ้านไปตั้งมากมาย อาเหยี่ยน หากมีโอกาสจับเจียงสือได้ จะต้องไม่ปล่อยนางไปแน่”


 


 


“สำนักอู๋จี๋ถูกทำลายสิ้นแล้ว เจียงสือพาคนออกไปแล้ว นางหนีไปได้เพียงชั่วระยะหนึ่ง แต่ไม่สามารถหนีไปได้ตลอดชีวิต แค่เพียงนางปรากฏตัว ข้าจะสับนางให้แหลกเป็นหมื่นชิ้น”


 


 


แววตาเซียวเหยี่ยนมีรังสีสังหารเข้มข้น เมื่อก่อนเขาไม่เคยสัมผัสกับสำนักอู๋จี๋ตรงๆ และไม่เห็นสำนักอู๋จี๋อยู่ในสายตาสักเท่าไร


 


 


ครั้งนี้ไปสำนักอู๋จี๋ด้วยตนเอง ถึงได้พบว่าสำนักอู๋จี๋มีอำนาจยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้มาก ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนซ่อนเงื่อนกับทางราชสำนักอย่างเงียบเชียบ เมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้สึกสัมผัสได้เลย เห็นได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นปฏิบัติการได้อย่างแยบยลมาก


 


 


สำนักอู๋จี๋ได้หินอาตมันไป นี่แสดงให้เห็นว่าคนที่ติดต่อกับพวกเขามีฐานะระดับหนึ่ง แม้แต่ลูกสาวคนเล็กของตระกูลมู่หรงยังเป็นผู้คุมกฎของสำนักอู๋จี๋


 


 


หากไม่กำจัดสำนักอู๋จี๋ ก็จะทำให้เกิดหายนะไม่จบไม่สิ้น เขาต้องรีบหาตัวคนที่แอบสมรู้ร่วมคิดกับสำนักอู๋จี๋ให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้นก็จะถอนรากถอนโคนพวกมันให้สิ้นซากอีกครั้ง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 421 ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการที่ทำอาหารเป็น


 


 


“ท่านก็ต้องระวัง เจียงสือน่ากลัวมากจริงๆ ไม่รู้ว่าไปเรียนรู้วิธีการวิปริตต่างๆ มาจากไหน”


 


 


“ข้าไม่เป็นอะไร”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดพลางก็ตบหน้าผากตัวเอง


 


 


“โอ๊ยตาย มัวแต่คุยจนลืมกินข้าว เย็นนี้ส่งท้ายปีเก่า อย่างไรทุกคนก็มารวมตัวกันทานข้าวสักมื้อเถิด!


 


 


ท่านดูสิข้างนอกฟ้ามืดแล้ว เดิมทีข้าอยากทำกับข้าวให้ท่านกิน ให้ท่านได้ชิมฝีมือของข้า


 


 


นึกไม่ถึงว่าการทำกับข้าวสักอย่างจะยากเช่นนี้ กับข้าวที่ข้าทำ เอาเข้าปากไม่ได้เลย พวกนี้เป็นกับข้าวที่ป้าโจวทำ ท่านยังมีเข็มเงินอีกหรือไม่ ทดสอบสักหน่อย ดูว่ากับข้าวพวกนี้มีพิษหรือไม่”


 


 


“เอากับข้าวเหล่านี้ไปเททิ้งให้หมด ในครัวมีผักอีกหรือไม่ ข้าจะไปทำเอง”


 


 


หลิงอวี้จื้อสงสัยว่าตัวเองฟังผิด เซียวเหยี่ยนบอกว่าเขาจะไปทำกับข้าว ตายแล้ว หรือว่าเธอหูฝาด ผ่านไปค่อนวันกว่าจะมีสติกลับมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงใจ


 


 


“เมื่อครู่ท่านบอกว่าท่านจะทำกับข้าวหรือ”


 


 


เซียวเหยี่ยนตอบรับเสียงเรียบ


 


 


“อืม”


 


 


“หิวแล้วใช่หรือไม่ เวลาก็สายมากแล้ว อวี้จื้อ เจ้ามาช่วยข้าล้างผักหน่อย”


 


 


เซียวเหยี่ยนพูดจบก็เดินไปทางห้องครัว หลิงอวี้จื้ออึ้งไปสักครู่ ก็รีบไล่ตามไป


 


 


“อาเหยี่ยน ท่านเอาจริงหรือ”


 


 


“ข้าเคยหลอกเจ้าเสียเมื่อไหร่”


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่หยุดเดิน เข้าไปในห้องครัวแล้ว หลิงอวี้จื้อตามเข้าห้องครัวไป สมองยังคงมึน นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะทำอาหารเป็น เรื่องนี้ถ้าแพร่ออกไปจะต้องกลายเป็นข่าวสะเทือนเมืองหลวง ใครก็นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเข้าครัว ท่าทางดูเป็นการเป็นงาน ไม่เหมือนมือใหม่เลยสักนิด


 


 


ยุคสมัยนี้ หากเป็นชาวบ้านทั่วไป ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายทำกับข้าว หากเป็นชนชั้นสูง แม่ครัวจะเป็นคนทำกับข้าว ขอเพียงมีคฤหาสถ์บ้านหลังใหญ่ก็จะมีแม่ครัว แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีคุณชายหรือคุณหนูลูกขุนนางคนไหนเข้าครัวทำกับข้าว เซียวเหยี่ยนเกิดในจวนซีหนานอ๋อง นับว่าชาติกำเนิดสูงมากแล้ว นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเขาจะเรียนทำกับข้าวได้อย่างไร


 


 


เซียวเหยี่ยนหยิบแครอทขึ้นมาหั่น ท่าทางชำนาญมาก ไม่นานก็หั่นแครอทเป็นเส้น หลิงอวี้จื้อยืนมองจนตะลึงไปเลย ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าเซียวเหยี่ยนหล่อมาก มิน่าคนอื่นถึงบอกว่าผู้ชายทำอาหารเป็นจะหล่อเป็นพิเศษ ตอนนี้ในสายตาของเธอเซียวเหยี่ยนเป็นหนุ่มหล่อทุกมุม ทั้งสามร้อยหกสิบห้าองศา


 


 


“อวี้จื้อ ข้ารู้ว่าเจ้าสงสัย ว่าข้าเรียนทำกับข้าวเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อก่อนแม่ข้าทำกับข้าวให้ท่านพ่อเป็นประจำ ฝีมือทำอาหารดีมาก แม่ข้าสอนสิ่งเหล่านี้แก่ข้าเอง


 


 


เมื่อท่านแม่ไปแล้ว ทุกครั้งที่ถึงวันเกิดของนางและวันเกิดของข้า ข้าก็จะเข้าครัวที่จวน ท่านแม่เคยบอกว่า อาจจะมีสักวันที่ข้าจะได้พบกับผู้หญิงที่ข้ายินดีเข้าครัวเองเพื่อนาง


 


 


เดิมทีคิดว่าทั้งชีวิตนี้จะไม่พบผู้หญิงเช่นนี้อีกแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเจอเจ้า อวี้จื้อ เพื่อเจ้าแล้ว ไม่ว่าเรื่องใดที่ต้องถอดยศออก ข้าก็ยินดีทำ”


 


 


เซียวเหยี่ยนก้มหน้าหั่นผัก หั่นไปพูดไป ใจของหลิงอวี้จื้อรู้สึกอบอุ่น เหมือนมีอะไรมาเติมใจของเธอจนเต็ม


 


 


ทำอย่างไรดี ยิ่งนานวันยิ่งรักเซียวเหยี่ยนมากขึ้นทุกที ยิ่งคลุกคลีกันนาน เซียวเหยี่ยนยิ่งทำให้เธอประหลาดใจมากยิ่งขึ้น เข้ามายึดพื้นที่ในใจเธอมากยิ่งขึ้น ทำให้เธอยิ่งไปจากเซียวเหยี่ยนไม่ได้


 


 


“ใครสอนท่านพูดสิ่งเหล่านี้ เดี๋ยวนี้แค่อ้าปากก็พรั่งพรูออกมาเองแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อก้มหน้าล้างมันฝรั่งในอ่างไม้ เส้นผมยาวตกลงมา ขนตาดกยาวสั่นไหว เซียวเหยี่ยนเงยหน้าขึ้นมาเป็นระยะๆ เห็นหน้าด้านข้างของหลิงอวี้จื้อ แอบหวั่นไหวในใจ รอยยิ้มมุมปากเป็นรอยลึกขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็หั่นผักต่อ


 


 


มุมปากของเซียวเหยี่ยนแฝงรอยยิ้ม


 


 


“ข้าไม่ต้องมีใครสอน”


 


 


“ท่านอ๋องไม่เหมือนใครเลย พรสวรรค์มากล้น เรียนเองก็เก่งได้”


 


 


เซียวเหยี่ยนได้แต่หัวเราะ ไม่ได้พูดต่อ ไม่นานแครอทก็ลงกระทะได้แล้ว เซียวเหยี่ยนพลิกตะหลิวอย่างเชี่ยวชาญ เห็นเขาเคลื่อนไหวชำนาญอย่างนี้ คราวนี้หลิงอวี้จื้อเชื่อแล้วจริงๆ ว่าเซียวเหยี่ยนทำกับข้าวเป็น


ตอนที่ 422 อาเหยี่ยน ท่านดีเหลือเกิน


 


 


หลิงอวี้จื้ออยู่ข้างๆ คุยกระจุ๊กกระจิ๊กไม่หยุด เดี๋ยวก็ถามเซียวเหยี่ยนว่าสุกหรือยัง เดี๋ยวก็ถามเขาว่าใส่เกลือเมื่อไหร่ เซียวเหยี่ยนก็ใจดี ไม่มีท่าทีเบื่อหน่ายแม้แต่น้อย มีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ ดังแว่วออกจากห้องครัวไป


 


 


มั่วชิงได้กลิ่นหอมมาจากห้องครัว เห็นเซียวเหยี่ยนกำลังผัดผัก ก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง เห็นอู่จิ้นเดินมา ก็ถามอย่างประหลาดใจ


 


 


“ท่านอ๋องทำอาหารเป็นด้วยหรือ”


 


 


อู่จิ้นพยักหน้า


 


 


“นายท่านทำอาหารเป็นจริงๆ เพียงแต่ปีหนึ่งจะเข้าครัวเพียงสองครั้งเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เข้าครัวเพื่อคนอื่น นายท่านชอบคุณหนูมากจริงๆ”


 


 


“ท่านอ๋องเหมาะสมกับคุณหนูมาก”


 


 


“อยู่มาตั้งหลายปีแล้ว ข้าเห็นมีเพียงแต่คุณหนูเท่านั้น ที่ทำให้ท่านอ๋องหัวเราะมีความสุขเช่นนี้ได้”


 


 


อู่จิ้นเหลือบมองเข้าไปในครัว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อก่อนเขารู้สึกว่าหลิงอวี้จื้อไม่เหมาะสมกับเซียวเหยี่ยน ตอนนี้เห็นเซียวเหยี่ยนมีความสุขเช่นนี้ เขาก็ดีใจแทนเจ้านายของตนเอง


 


 


เมื่อก่อนใบหน้าของเซียวเหยี่ยนไม่แสดงความรู้สึกใด แม้ว่าตอนยังเยาว์จะเคยชอบมู่หรงกวานเย่ว์ แต่ก็ยังมีความยับยั้งชั่งใจ ไม่เหมือนตอนนี้จะซ่อนก็ซ่อนไม่อยู่ ถึงขนาดแก้ไขนิสัยหลายๆ อย่างเพื่อเธอ


 


 


หากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง เขาก็ไม่กล้าเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าเจ้านายของตนคงไม่มีใจหวั่นไหวให้ใครแล้ว แต่เขากลับชอบสาวน้อยผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์คนหนึ่ง


 


 


ตอนที่เพิ่งรับรู้ได้ อู่จิ้นรู้สึกว่าเหลือเชื่อ ต่อมาได้พบปะกันมากขึ้น เขาก็พบว่าหลิงอวี้จื้อมีหลายอย่างที่เหนือกว่าผู้อื่น เขานับถือคุณหนูใหญ่หน้าเด็กแห่งจวนมหาเสนาบดีคนนี้มาก ทั้งแคว้นตะวันตก เกรงว่ามีนางเพียงผู้เดียวที่มีความสามารถนี้


 


 


ท่ามกลางเสียงเอะอะวุ่นวายของหลิงอวี้จื้อ ในที่สุดเซียวเหยี่ยนก็ทำกับข้าวได้สองสามอย่าง


 


 


หลิงอวี้จื้อรอไม่ไหวแล้ว ใช้มือหยิบไชเท้าออกมาเส้นหนึ่ง เห็นเซียวเหยี่ยนมองตนเอง เธอก็ยิ้มสดใสให้เซียวเหยี่ยน


 


 


“เมื่อครู่ข้าล้างมือแล้ว จริงๆ นะ จะตรวจดูหรือไม่”


 


 


“เจ้านี่นะ”


 


 


เซียวเหยี่ยนส่ายหัวอย่างเหลืออด เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จะจัดการนางอย่างไร เขาเป็นโรครักสะอาด หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาแตะกับข้าวจานนี้ เขาจะต้องเทกับข้าวจานนี้ทิ้งแน่ แต่ยกเว้นนาง เขายอมให้นางทำตามอำเภอใจต่อหน้าเขา


 


 


“อร่อยจริงๆ รสชาตินี้เยี่ยมมาก ต่อไปข้ามีลาภปากแล้ว อาเหยี่ยน ท่านดีเหลือเกิน”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบก็อดใจไม่ไหวจูบแก้มเซียวเหยี่ยน เห็นได้ชัดว่าความกระตือรือร้นและคำชมของหลิงอวี้จื้อใช้ได้ผลกับเขา รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งลึกไปอีก


 


 


“ทานเถิด!”


 


 


“ได้เลย ข้าไปยกกับข้าว”


 


 


พูดจบหลิงอวี้จื้อก็ยกกับข้าว ฮัมเพลงออกมาจากห้องครัว เจอมู่หรงนี่อวิ๋นข้างนอก หลิงอวี้จื้อก็อดไม่ได้ที่จะคุยโวสักยก


 


 


“นี่อวิ๋น ได้กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารหรือยัง ได้กลิ่นแล้วอยากกินเลยใช่หรือไม่”


 


 


“เจ้าเอาอาหารไปอุ่นอีกรอบหรือ”


 


 


“จะอุ่นอีกทำไม นี่อาเหยี่ยนเป็นคนทำ อร่อยมากเลย เจ้าว่าเหตุใดอาเหยี่ยนของข้าถึงเก่งปานนี้เล่า ขนาดกับข้าวยังทำเป็น ซ้ำยังทำอร่อยมากด้วย เก่งทุกด้านจริงๆ ชาติที่แล้วข้าคงเคยกอบกู้ทางช้างเผือกเอาไว้ ถึงได้เจอพ่อเทพบุตรที่ยอดเยี่ยมอย่างเขา”


 


 


ความชื่นชมในแววตาของหลิงอวี้จื้อจะซ่อนก็ซ่อนไม่อยู่ ขาดแค่เพียงชมให้เซียวเหยี่ยนจนลอยขึ้นฟ้าไป


 


 


“ถึงแม้ท่านอ๋องจะทำครัวเป็น แต่ปกติก็เข้าครัวน้อยมาก เช่นนี้แล้วรสชาติที่ทำออกมาจะดีได้อย่างไร”


 


 


“ประเดี๋ยวเจ้าชิมก็รู้เอง ถือว่าเจ้ามีลาภปาก เจ้าไม่ต้องไปยกชามกับตะเกียบ เดี๋ยวข้าทำเอง”


 


 


หลิงอวี้จื้อไปแล้ว แต่นี่อวิ๋นกลับรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ พูดงึมงำคนเดียว


 


 


“ไม่ใช่แค่ทำกับข้าวหรือไร ข้าก็เรียนได้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคุณชายอย่างข้าจะเรียนไม่ได้”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 423 ไม่มีการแยกนายบ่าว


 


 


ครั้นจัดวางชามกับตะเกียบเรียบร้อยแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ให้มั่วชิงกับอู่จิ้นมากินด้วยกัน เรียกอย่างกระตือรือร้น


 


 


“วันนี้เป็นวันสิ้นปี พวกเรามีเงื่อนไขจำกัดก็กินเท่าที่มีนะ กับข้าวพวกนี้เป็นฝีมือของท่านอ๋อง ทุกคนกินเยอะๆ หน่อย อย่าให้เสียของ”


 


 


อู่จิ้นกล้ากินอาหารที่เซียวเหยี่ยนทำเสียที่ไหน นั่งตรงนี้ก็ไม่ค่อยสะดวกใจ ยืนขึ้นทันที


 


 


“ท่านอ๋อง คุณหนู ข้าน้อยจะไปเฝ้าข้างนอก พวกท่านทานเถิด!”


 


 


“ไปเฝ้าข้างนอกก็ต้องกินข้าวนะ เราอยู่นอกเมืองหลวงกัน มีพิธีรีตองมากมายเสียที่ไหน นั่งลงกินด้วยกัน พวกเจ้าก็ลำบากมามากแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อเห็นอู่จิ้นลุกขึ้น ก็ส่งเสียงห้ามทันที


 


 


“อู่จิ้น นั่งลงเถิด! ตอนนี้เราอยู่ข้างนอกกัน ไม่มีการแยกนายบ่าว”


 


 


“ขอรับ นายท่าน”


 


 


อู่จิ้นตอบรับด้วยความตกตะลึง เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าเจ้านายของเขาพูดง่ายเช่นนี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เพียงแต่ให้พวกเขามากินข้าวร่วมโต๊ะ ซ้ำยังเข้าครัวเองด้วย เรื่องที่แม้แต่ในฝันก็ไม่มีทางเกิดขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง หลิงอวี้จื้อมีอิทธิพลต่อเซียวเหยี่ยนมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก


 


 


แม้มั่วชิงกับอู่จิ้นจะนั่งลงแล้ว แต่มีเซียวเหยี่ยนนั่งอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนระมัดระวังกิริยาเป็นอย่างยิ่ง ไม่พูดจาอะไร หลิงอวี้จื้อกลายเป็นผู้รักษาบรรยากาศ คุยทักพวกเขาไม่หยุด ข้าวมื้อนี้ เมื่ออยู่ใต้อิทธิพลของเธอ ก็สามารถกินกันได้อย่างมีความสุข ทำให้อู่จิ้นกับมั่วชิงลืมฐานะของตัวเองไปชั่วครู่


 


 


กินข้าวเสร็จแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ยกข้าวชามใหญ่มาที่ห้องเก็บของ เมื่อหมาป่าผีได้รับบาดเจ็บแล้วก็อาการไม่ค่อยดีมาตลอด จิตใจก็ย่ำแย่มาก อยู่รักษาแผลในห้องเก็บของตลอดมา หลิงอวี้จื้อกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไปอีก จึงไม่ได้ไปรบกวนมัน


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อเข้ามา หมาป่าผีก็ร้องเอ๋งหนึ่งครั้ง หลิงอวี้จื้อยื่นมือไปลูกหัวหมาป่าผี


 


 


“เจ้าดีขึ้นบ้างหรือยัง วันนี้เป็นวันสิ้นปี ที่นี่เราไม่มีเนื้อ เจ้ามาร่วมกินสักหน่อยนะ”


 


 


หมาป่าผีเลียมือหลิงอวี้จื้ออย่างสนิทสนม สองสามวันมานี้หลิงอวี้จื้อส่งข้าวให้มันตลอด ด้วยเหตุนี้หมาป่าผีจึงสนิทกับหลิงอวี้จื้อมากขึ้นเยอะ


 


 


หลิงอวี้จื้อเอากับข้าววางบนพื้น นั่งยองๆ กับพื้นมองหมาป่าผี


 


 


“เจ้ารีบดีขึ้นไวๆ นะ ข้าอยากพาเจ้ากลับเมืองหลวงด้วย เจ้าอยากไปกับข้าและมั่วชิงหรือไม่”


 


 


หมาป่าผีร้องเอ๋งอีกครั้ง มุมปากของหลิงอวี้จื้อมีรอยยิ้ม ยื่นมือออกไปลูบหัวหมาป่าผีอีกครั้ง


 


 


“รีบกินเข้า ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อจึงนั่งลง อยู่เป็นเพื่อนหมาป่าผีขณะมันกินข้าว ยิ้มร่าขณะมองหมาป่าผี มันเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเธอ ที่สำนักอู๋จี๋ครั้งนั้น ยังดีที่หมาป่าผีช่วยชีวิตเธอไว้ มิเช่นนั้นป่านนี้เธอคงไปพบยมบาลแล้ว


 


 


เดิมทีเธอกลัวหมาป่ามาก ตั้งแต่ได้คลุกคลีกับเจ้าหมาป่าผี เธอก็พบว่าหมาป่าผีน่ารักมาก สิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริงคือความวิปริตวิตถารของเจียงสือต่างหาก


 


 


การเดินทางมาอำเภอฉางหนิงคราวนี้ คงจำได้แม่นยำไปตลอดชีวิต


 


 


จางผิงวางยาพิษแก่ชาวบ้านที่ติดเชื้อแล้ว ก็จุดไฟจัดการศพ การกระทำเด่นชัดเช่นนี้ อย่างไรก็แพร่กระจายไปในหมู่ชาวบ้านอยู่ดี คนไม่น้อยเริ่มมีอารมณ์ โวยวายจะไปหาเซียวเหยี่ยน


 


 


เพื่อปกป้องความปลอดภัยของเซียวเหยี่ยน จางผิงย่อมเตรียมการปราบปรามอย่างรุนแรง พวกเขาต่างเป็นคนหยาบ ไม่รู้ว่าควรจะปลอบขวัญชาวบ้านที่ประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตอย่างไร หลิงอวี้จื้อกลัวว่าจะเกิดเรื่อง จึงให้จางผิงพาชาวบ้านมารวมตัวกัน


 


 


เธอสวมชุดเจี๋ยอ่าวสีขาวครีม ผมแค่ปักปิ่นเงินธรรมดาหนึ่งเล่ม ไม่ลงแป้งที่หน้า ใบหน้าสะอาดเรียบง่าย ท่าทางเคร่งขรึม ยืนอยู่บนประตูเมืองตำบลเถาหยวน ตะโกนเสียงดัง


 


 


“พ่อแม่พี่น้อง ขอโทษด้วย เรื่องนี้เดิมทีควรบอกพวกเจ้าให้เร็วกว่านี้ แต่เพราะเป็นวันขึ้นปีใหม่ พวกเราอยากให้พวกเจ้าผ่านปีใหม่ไปอย่างสงบสบายใจ ดังนั้นจึงปิดพวกเจ้าไว้ ความรู้สึกของพวกเจ้า ข้าเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะข้าเองก็เคยเผชิญกับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน”


 


 


พูดไปหลิงอวี้จื้อก็แทบจะพูดต่อไปได้ยาก เธอสะอื้นเสียงต่ำๆ ดูแล้วทุกข์ใจอย่างยิ่ง


ตอนที่ 424 สำแดงฝีมือการแสดง


 


 


ชาวบ้านที่เดิมทีอารมณ์ร้อนพลุ่งพล่าน เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อยืนปะทะลมร้องไห้ ข้างล่างก็เงียบทันที ปกติพวกเขาก็เป็นคนซื่ออยู่แล้ว ประกอบกับหลิงอวี้จื้อเป็นคนที่หน้าตาน่าเอ็นดูมาก ทุกคนต่างมองหลิงอวี้จื้อ รอให้หลิงอวี้จื้อพูดต่อ


 


 


ผ่านไปครู่ใหญ่ หลิงอวี้จื้อปรับอารมณ์ให้ปกติ เธอสูดจมูก แล้วจึงพูดต่อว่า


 


 


“พี่สาวข้าก็เคยโดนนักรบไร้ชีพทำร้าย ข้าเห็นกับตาว่ามือนางมีผื่นแดงขึ้นเต็ม ข้าปลอบใจตัวเองไม่หยุดหย่อนว่านางไม่เป็นอะไร


 


 


พี่สาวข้าดีขนาดนี้ ท่านเทวดาจะโหดร้ายกับนางเช่นนั้นได้อย่างไร


 


 


ข้าไม่กล้าบอกนาง คิดไว้ตลอดว่าโชคจะเข้าข้าง หลอกตัวเองว่าทั้งหมดนี้ไม่จริง ทำทุกวิถีทาง แต่ผื่นแดงบนมือนางก็ยังมากขึ้นทุกที ข้าคิดหมดทุกวิถีทางที่จะปิดบังนาง สุดท้ายนางก็รู้เรื่องจนได้


 


 


เพื่อที่จะไม่ให้พวกเราลำบาก ตกเที่ยงคืนนางก็ใช้เปลวเทียนจุดไฟเผาห้องตนเอง ข้าอยากช่วยนางก็ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่มองนางตายไปต่อหน้าต่อตา ความเจ็บปวดเช่นนี้ จนถึงวันนี้ข้าก็ยังไม่กล้าหวนกลับไปคิด”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดไปเช็ดน้ำตาไป เธอเอาเรื่องราวของหนานเยียนไปพูดในฐานะของหลิงอวี้หรงเพื่อเพิ่มแรงโน้มน้าวใจ


 


 


หากบอกว่าเป็นคนใช้ของตนเอง เกรงว่าพวกเขาคงไม่เชื่อ แต่กับพี่สาวนั้นไม่เหมือนกัน ประกอบกับตนเองเมื่อนึกถึงหนานเยียนขึ้นมาก็ปวดใจจริงๆ การแสดงออกทั้งหมดสัมพันธ์กันในคราวเดียว ชาวบ้านไม่น้อยในที่นี้ต่างก็มีอารมณ์ร่วมไปกับหลิงอวี้จื้อ มีคนไม่น้อยที่แอบปาดน้ำตา


 


 


“ข้าก็หลงคิดว่าจะไม่ได้เจอนักรบไร้ชีพอีกแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอนักรับไร้ชีพที่ตำบลเถาหนวนอีก เมื่อเห็นตำบลเล็กๆ กลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็นึกถึงพี่สาวที่ตายไปแล้วขึ้นมา ในใจเกลียดแค้นนัก แต่เกลียดแค้นแล้วอย่างไร


 


 


พี่สาวไม่อยู่แล้ว โดนพิษนักรบไร้ชีพก็เท่ากับตายไปแล้ว ตายแล้วยังกลายเป็นสัตว์ประหลาด พี่สาวไม่อยากกลายเป็นเช่นนั้น ยอมเผาตัวเองเสียดีกว่า


 


 


ตอนนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วว่าผู้ร้ายที่ก่อเรื่องทั้งหมดนี้คือสำนักอู๋จี๋ พวกนางปรุงยาพิษนักรบไร้ชีพขึ้นมาอย่างไร้มโนธรรม ทำให้คนดีๆ ต้องกลายเป็นเช่นนี้


 


 


ท่านอ๋องส่งคนไล่โจมตีสำนักอู๋จี๋ไปแล้ว จะต้องแก้แค้นแทนให้ผู้ที่ตายไปอย่างอยุติธรรม และแก้แค้นให้พี่สาวของข้าด้วย


 


 


พ่อแม่พี่น้อง พวกเขาจากไปเพื่อปกป้องพวกเจ้า ให้พวกเจ้าใช้ชีวิตให้ดีเพื่อพวกเขา สักวันต้องแก้แค้นได้ เพื่อที่ผู้บริสุทธิ์อีกมากมายจะได้ไม่ต้องมาโดนไปด้วย”


 


 


เสียงของหลิงอวี้จื้อดังมาก ประกอบกับทุกคนเงียบสงบ ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านทุกคนในที่นี้จึงได้ยินเสียงของหลิงอวี้จื้อ ทุกคนต่างเงียบเสียง นอกจากเสียงสะอื้นไห้แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก


 


 


ดวงตาของหลิงอวี้จื้อแดงก่ำ พูดสะอึกสะอื้น


 


 


“พวกเจ้าอย่าโทษท่านอ๋องเลย วันนั้นข้าวิงวอนร้องขอให้เขาช่วยพี่สาวของข้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าช่วยไม่ได้ ท่านอ๋องมีเมตตา ตอบรับในที่สุด สุดท้ายพี่สาวเกือบเป็นศพกลายร่าง


 


 


หากไม่ใช่เพราะพี่สาวจุดไฟได้ทันเวลา ผลที่ตามมาไม่อยากจะคิด จวนมหาเสนาบดีคงจบสิ้น พวกเราล้วนไม่อยากให้คนใกล้ชิดตาย สิ่งที่พวกเราทำได้คือแก้แค้นแทนพวกเขา ไม่ให้พวกเขาต้องตายอย่างอยุติธรรม”


 


 


ขณะที่หลิงอวี้จื้อพูด เธอแทบจะยืนไม่อยู่ ยันกำแพงเอาไว้ แหงนหน้ามองฟ้า


 


 


“พี่สาว เจ้ามองเห็นจากบนสวรรค์หรือไม่ เจ้าต้องอวยพรให้พวกเราหาพวกชั่วสำนักอู๋จี๋ให้เจอนะ เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแก้แค้นแทนเจ้า ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร ข้าก็จะต้องแก้แค้นแทนเจ้า”


 


 


“แก้แค้น แก้แค้น…”


 


 


เสียงอึกทึกกึกก้องดังมาจากข้างล่าง ชาวบ้านทุกคนต่างอัดอั้นแค้นเคือง มีครอบครัวเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น ที่ไม่มีใครโดนพิษนักรบไร้ชีพ เกือบทุกครอบครัวมีญาติโดนพิษนักรบไร้ชีพ


 


 


หลิงอวี้จื้อปลุกเร้าได้ขนาดนี้ ความโกรธแค้นของชาวบ้านเปลี่ยนไปอยู่ที่สำนักอู๋จี๋ได้สำเร็จ ไม่มีใครตำหนิเซียวเหยี่ยนอีกแล้ว นักรับไร้ชีพกับหมาป่ามนุษย์ในคืนนั้นก็มีคนไม่น้อยเป็นพยาน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเชื่อคำพูดของหลิงอวี้จื้อ เชื่อว่าตายแล้วจะกลายเป็นเช่นนั้น


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 425 ควรกลับเมืองหลวงแล้ว


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นและเซียวเหยี่ยนยืนอยู่อีกด้านหนึ่งในบ้านชาวนา ทั้งสองต่างมองหลิงอวี้จื้อ มู่หรงนี่อวิ๋นจิ๊ปากอย่างอัศจรรย์ใจ


 


 


“หลิงอวี้จื้อนี่พูดเก่งจริงๆ ขนาดข้าฟังแล้วยังเศร้าตาม ที่เมืองซูโจวคราวก่อนหลิงอวี้จื้อก็พูดโน้มน้าวพระชายาเช่นนี้ พูดประสบการณ์ชีวิตของท่านอ๋องเสียน่าเศร้าเหลือเกิน ราวกับตัวเองไปยืนดูอยู่ข้างๆ อย่างนั้นแหละ”


 


 


“ผู้หญิงของข้าย่อมไม่เหมือนใครอยู่แล้ว นี่อวิ๋น เจ้าก็ควรกลับเมืองหลวงแล้ว”


 


 


“ท่านอ๋องไม่กลับหรือ”


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นคิดจะกลับเมืองหลวงจริงๆ เรื่องราวที่นี่จบลงแล้ว หลิงอวี้จื้อและเซียวเหยี่ยนก็ควรจะต้องกลับแล้ว ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินคำนี้ เขาจึงตกใจมาก


 


 


“ข้างอยากจะกลับเมืองหลวงกับหลิงอวี้จื้อโดยลำพัง เจ้าตามมาด้วยไม่เหมาะ ข้าจะให้คนส่งเจ้ากลับเมืองหลวงไปก่อน มิเช่นนั้นท่านมหาเสนาบดีมู่หรงกับไทเฮาคงจะร้อนใจ”


 


 


เซียวเหยี่ยนเอ่ยปากเอง มู่หรงนี่อวิ๋นคงหน้าด้านตามไปไม่สะดวก ประกอบกับการตามไปด้วยคราวนี้ จะต้องเห็นแต่ภาพน่ารำคาญใจแน่นอน ถึงเวลานั้นต้องมองสองคนพลอดรักหวานซึ้งกัน เขาดูไปก็คงทุกข์ใจ ไม่มองเสียก็ไม่ต้องเห็น


 


 


คิดถึงตรงนี้ มู่หรงนี่อวิ๋นก็รับคำ


 


 


“ท่านอ๋องพูดถูก ข้าควรกลับไปแล้วจริง ๆ”


 


 


พูดจบมู่หรงนี่อวิ๋นก็เตรียมจะไป เพิ่งหมุนตัวไป เสียงของเซียวเหยี่ยนก็แว่วมา


 


 


“นี่อวิ๋น หากวันใดมีโอกาส ข้าจะตอบแทนเจ้าแน่นอน”


 


 


ถึงแม้จะมิได้ชี้ชัดว่าเป็นเรื่องใด แต่ในใจมู่หรงนี่อวิ๋นกลับรู้ดีว่าเซียวเหยี่ยนหมายถึงอะไร เขานึกว่าตนเองแอบซ่อนไว้ดีมาก นึกไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะมองออก แต่คนที่ควรจะรู้เรื่องที่สุดดันไม่รู้เรื่องอะไรเลย


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นหันมา เก็บซ่อนรอยยิ้มบนดวงตาลูกท้อของเขา ตอบกลับอย่างจริงจัง


 


 


“คำที่ข้าจะพูดต่อไปนี้อาจจะฟังดูกระด้างกระเดื่องไปสักหน่อย แต่ข้าก็ยังต้องพูด นางเป็นผู้หญิงที่ดี หวังว่าท่านอ๋องจะดูแลนางอย่างดี นี่เป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดแล้วขอรับ”


 


 


พูดจบมู่หรงนี่อวิ๋นก็จากไป


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่พูดอะไร เขาย่อมดูแลหลิงอวี้จื้อดีอยู่แล้ว นี่เป็นผู้หญิงที่เขายอมรับแล้ว


 


 


หลิงอวี้จื้อลงมาจากป้อมกำแพงเมือง ตายังคงแดงอยู่ เซียวเหยี่ยนยื่นมือออกมาจับมือเธอ หลิงอวี้จื้อยืนตากลมหนาวอยู่บนนั้นตั้งนาน มือเย็นเฉียบ เห็นเซียวเหยี่ยนกุมมือเธอ เสียงยังคงขึ้นจมูก


 


 


“อย่างไรมือของท่านก็ยังอบอุ่นอยู่ดี”


 


 


“อวี้จื้อ เมื่อครู่ลำบากเจ้าแล้ว”


 


 


“ไม่ลำบากเพคะ สามารถเปลี่ยนจากสงครามเป็นสันติภาพได้นั้นดีที่สุดแล้ว ตำบลเถาหยวนชำรุดทรุดโทรมสาหัสแล้ว ไม่อยากให้ตำบลเถาหยวนเกิดเรื่องใดอีกแล้วจริงๆ เรื่องทำนองนี้เป็นเรื่องที่ข้าถนัด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าดีที่สุดแล้ว เมื่อครู่ข้าไม่ได้แสดงละครทั้งหมดนะ ข้านึกถึงหนานเยียนจริงๆ เป็นความรู้สึกที่แท้จริง”


 


 


“ข้าจะแก้แค้นให้หนานเยียน”


 


 


“อืม ข้ารู้”


 


 


“อวี้จื้อ พวกเราควรกลับเมืองหลวงแล้ว”


 


 


“ได้เพคะ”


 


 


“เชื่อฟังขนาดนี้เชียว”


 


 


หลิงอวี้จื้อเงยหน้า พูดว่า


 


 


“หากท่านรังเกียจที่ข้าเชื่อฟังเกินไป เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องกลับแล้วกัน! อยู่ที่ตำบลเล็กๆ นี้จนตราบสิ้นดินฟ้า ข้าได้ทั้งนั้น อย่างไรก็มีท่านอยู่ ข้าอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น”


 


 


เซียวเหยี่ยนลูบจมูกหลิงอวี้จื้อ


 


 


“เชื่อฟังข้าดีกว่า”


 


 


หลิงอวี้จื้อยิ้ม กอดแขนเซียวเหยี่ยนแน่น เมื่อครู่ร้องไห้ไปยกหนึ่ง รู้สึกสบายใจขึ้นพอสมควร หลายวันมานี้เธอคอยสะกดอารมณ์ตนเองไว้ตลอด ทั้งตำบลเถาหยวนหดหู่อย่างยิ่ง บรรยากาศหดหู่ปกคลุมไปทุกหนแห่ง หวังว่าต่อไปตำบลเถาหยวนจะดีขึ้น ฟื้นคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็ว


 


 


ออกมานานขนาดนี้ พวกเขาควรจะกลับไปแล้วจริงๆ และไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ที่เมืองหลวงเป็นอย่างไร


 


 


…..


 


 


ณ วังฉางเล่อกง


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์เอนกายบนเก้าอี้ไม้พะยูงแกะสลักฉลุลาย จุดไม้จันทน์แดงในห้อง จื่ออียืนบีบนวดไหล่ให้มู่หรงกวานเย่ว์อยู่ข้างหลัง มู่หรงกวานเย่ว์หรี่ตาลง ผ่านไปนานถึงเอ่ยขึ้น


 


 


“ทางนั้นส่งข่าวคราวอะไรมาบ้าง”


ตอนที่ 426 บุญคุณนี้ต้องตอบแทนให้ได้


 


 


“กราบทูลไทเฮา บ่าวเพิ่งจะได้ข่าวมาเพคะ ท่านอ๋องออกจากตำบลเถาหยวนแล้ว กำลังอยู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวงเพคะ”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์พยักหน้า เป็นสัญญาณว่ารับทราบแล้ว คำนวณวัน เซียวเหยี่ยนควรจะกลับมาแล้ว


 


 


นางเปลี่ยนอิริยาบถ ชี้ไปที่ไหล่ซ้าย


 


 


“ไม่รู้ว่าเราชราแล้วหรือไม่ ช่วงนี้ไหล่ด้านนี้ปวดเมื่อยเหลือเกิน จื่ออี เจ้าบีบให้ข้าหน่อยสิ”


 


 


“พระราชกรณียกิจช่วงปีใหม่เยอะแยะมากมาย ไทเฮาเพียงแต่ทรงงานมากไป ไทเฮาต้องดูแลพระวรกายมากขึ้นนะเพคะ”


 


 


จื่ออีนวดไหล่มู่หรงกวานเย่ว์เบาๆ เฉินมั่วฉือยังไม่ออกว่าราชการด้วยตนเอง วังหลังไม่มีเจ้า มู่หรงกวานเย่ว์จัดการดูแลทั้งหมด ตอนปลายปีมีเรื่องมากมายเหลือเกิน บางครั้งมู่หรงกวานเย่ว์ก็งานยุ่งจนดึกดื่น


 


 


“ต่อไปรอให้ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์แล้ว เราเองก็สามารถปลดภาระบนบ่านี้ลงได้ พักผ่อนสบายๆ คราวนี้เซียวเหยี่ยนเป็นหนี้น้ำใจข้ามากมายนัก เจ้าว่าเซียวเหยี่ยนควรจะตอบแทนน้ำใจข้าอย่างไร”


 


 


จื่ออีไม่กล้าพูดส่งเดช ตอบกลับอย่างพิจารณาแล้ว


 


 


“ท่านอ๋องย่อมต้องดูเจตนาของไทเฮาอยู่แล้วเพคะ”


 


 


มู่หรงกวานเย่ว์เพิ่งจะรู้สึกว่าจิตใจรื่นรมย์ขึ้นเยอะ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม


 


 


“เจ้าดูสิ อย่างไรเขาก็หนีเราไปไม่พ้น หากไม่ใช่เพราะคนของเรายื่นมือออกไปช่วย เขากับหลิงอวี้จื้อจะกลับเมืองหลวงได้หรือไม่นั้น ก็มิอาจรู้ได้


 


 


เรากับเซียวเหยี่ยนลงเรือลำเดียวกันอยู่แล้ว แต่เขากลับใจร้ายกับเราเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว บุญคุณคราวนี้ เราจะต้องให้เขาตอบแทนให้ดีๆ”


 


 


จื่ออีไม่กล้าพูดต่อ รู้เพียงว่ามู่หรงกวานเย่ว์ยังปล่อยวางจากเซียวเหยี่ยนไม่ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด มู่หรงกวานเย่ว์ก็ไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนเป็นอะไรไปตอนนี้


 


 


นางทั้งรักทั้งเกลียดทั้งต้องการประโยชน์จากเซียวเหยี่ยน ไม่มีทางใช้ประโยคสั้นๆ มาอธิบายให้ชัดเจนได้ ตอนนี้จื่ออีรู้สึกว่าถึงแม้จะไม่มีหลิงอวี้จื้อ สองคนนี้ก็ไปด้วยกันยากอยู่ดี ทั้งคู่ต่างอยู่ในฐานะสูงส่งและเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้ คนประเภทนี้สองคนอยู่ด้วยกัน ยากเกินไปจริงๆ


 


 


เซียวเหยี่ยน ข้ารอให้เจ้ามาหาอยู่ เจ้าอยากขอนางแต่งงานอย่างราบรื่น ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก


 


 


ไม่กี่วันต่อมา เซียวเหยี่ยนและหลิงอวี้จื้อกลับเมืองหลวงมาด้วยกัน เซียวเหยี่ยนพาหลิงอวี้จื้อไปส่งจวนมหาเสนาบดีก่อน จากนั้นจึงกลับจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์


 


 


หลิงอวี้จื้อกลับไปที่เรือนของตนเอง อาบน้ำอย่างสบาย ผมเปียกชื้น นอนเหยียดบนตั่งมีความรู้สึกง่วงงุนจะหลับ อย่างไรจวนมหาเสนาบดีก็สบายอยู่ดี


 


 


อยู่มาครึ่งปีแล้ว นางมองที่นี่เป็นบ้านจริงๆ ของตนเองไปแล้ว


 


 


เพิ่งจะล้มตัวนอน ชวีเหยาก็เข้ามา หลิงอวี้จื้อเห็นว่าเป็นชวีเหยา จึงนั่งตัวตรงทันที


 


 


“ท่านแม่ นั่งสิเจ้าคะ”


 


 


“ลูกคนนี้ ไม่ยอมกลับมาฉลองปีใหม่ ทุกวันข้าอกสั่นขวัญแขวน ดีที่เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย”


 


 


หลิงอวี้จื้อหัวเราะคิกคักขณะกอดแขนชวีเหยา


 


 


“ท่านแม่เจ้าขา อย่าตำหนิข้าเลย ข้าก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วไม่ใช่หรือ ท่านแม่อย่าลืมสิ ข้างกายข้ายังมีท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นะ เขาปกป้องข้าได้”


 


 


“อย่างไรเจ้าก็ยังไม่ได้แต่งงาน รีบออกไปกับท่านอ๋องเช่นนี้ไม่เหมาะสมจริง ๆ”


 


 


“ก็พ่อข้าทนไม่ไหว อยากจะให้ข้าไปอยู่ที่จวนท่านอ๋องโดยไม่ต้องกลับมาใจจะขาด วางใจเถิดเจ้าค่ะ! ท่านแม่ ข้ารู้เรื่องความผิดชอบชั่วดีและศักดิ์ศรี ไม่ทำให้ท่านขายหน้าเด็ดขาด”


 


 


ชวีเหยาตำหนิหลิงอวี้จื้อไม่ลงอีก ในใจรู้สึกผิดต่อเด็กคนนี้อยู่แล้ว ได้เห็นหลิงอวี้จื้อนั่งข้างๆ ตนเองอย่างสบายดี ก็วางใจแล้ว


 


 


“คุณหนู เหตุใดคุณหนูกลับมาแล้วถึงพาหมาป่ามาด้วยล่ะเจ้าคะ สาวใช้ในเรือนตกใจกันไปหมดเลยเจ้าค่ะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อหัวเราะฮาลั่น พูดว่า


 


 


“ไม่ต้องกลัว หมาป่าผีอ่อนโยนมาก ต่อไปข้ากับมั่วชิงจะเลี้ยงดูให้อาหารมัน ถ้ากลัว ต่อไปก็ไม่ต้องเข้าใกล้มันนะ”


 


 


“เจ้าเป็นผู้หญิง ควรจะมีความเป็นผู้หญิงหน่อย จะเลี้ยงหมาป่าไปทำไม”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 427 ลู่ชิงชิงกระโดดน้ำ


 


 


“ป้องกันตัวไงเจ้าคะ ท่านแม่ ท่านก็เห็นแล้ว ลูกสาวท่านแม่มักจะมีเรื่องให้คนอื่นอิจฉา ข้าเพิ่งจะหายดีได้ครึ่งปี ในจวนนี้ไม่รู้ว่ามีเรื่องสกปรกเกิดขึ้นมากมายเพียงใด ล้วนแต่เป็นเรื่องร้ายแรงถึงชีวิตของข้า


 


 


ต่อไปข้าจะดูสิว่าใครจะกล้ามาแผลงฤทธิ์ที่นี่อีก ข้าจะให้เจ้าหมาป่าผีนอนอยู่หน้าประตูเรือน ใครกล้าหาเรื่องก็กัดคนนั้น”


 


 


หลิงอวี้จื้อทำเสียงหึ พูดถึงเรื่องพวกนี้ ชวีเหยาก็รู้สึกผิดอีก ลูบหัวหลิงอวี้จื้อ


 


 


“เพราะแม่ไม่ดีเอง อวี้จื้อ ขอโทษนะ”


 


 


“ท่านแม่ เอาอีกแล้วนะ ข้าไม่ได้โทษท่าน เรื่องในอดีตอย่าพูดถึงเลย”


 


 


หลิงอวี้จื้อโบกมือ แล้วถามไปตามเรื่อง


 


 


“หรูเยียน ข้าเพิ่งมาถึง เหตุใดจึงไม่เห็นชิวจวี๋ล่ะ”


 


 


หรูเรียนอ้ำๆ อึ้งๆ ดูเหมือนจะลำบากใจมาก


 


 


“นาง…”


 


 


“นางเป็นอะไร”


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องแล้ว สีหน้าขรึมลง


 


 


“ช่วงนี้นางไปที่เรือนคุณชายใหญ่บ่อยๆ ข้าบอกนางไปหลายครั้งแล้ว แต่นาง…”


 


 


“แต่นางไม่ยอมฟังใช่หรือไม่! ชิวจวี๋นี่มันเก่งจริงๆ นี่คิดจะเป็นเมียน้อยสิท่า หรูเยียน หากนี่เป็นเรื่องจริง จะปล่อยให้อยู่ในจวนไม่ได้อีก”


 


 


“บ่าวทำให้คุณหนูวุ่นวายเสียแล้ว”


 


 


หรูเยียนคุกเข่าบนพื้น สีหน้าขอโทษ


 


 


นางไม่รู้จริงๆ ว่าชิวจวี๋จะกล้าขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีความคิดที่จะจับหลิงจื่อเฉิง


 


 


นางพยายามห้ามทั้งทางตรงและทางอ้อมหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไร้ประโยชน์ ชิวจวี๋ก็ยังจะทำตามใจ และยังไม่รู้ว่าหลิงจื่อเฉิงคิดอย่างไร


 


 


“เอาเถิด เจ้าลุกขึ้น น้องสาวเจ้าไม่ได้ความ ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”


 


 


หลิงอวี้จื้อลุกขึ้น ประคองหรูเยียนให้ขึ้นมา


 


 


“ก่อนหน้านี้ข้าปล่อยให้นางอยู่ในจวนเพราะจะให้โอกาสนางอีกสักครั้ง หากนางไม่รู้จักรักษาโอกาส ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว


 


 


หรูเยียน เจ้าก็อยู่กับข้ามาหลายปี ข้าดูแลเจ้าอย่างดี แต่ข้าไม่สามารถทนคนเช่นนี้ได้”


 


 


“บ่าวเข้าใจเจ้าค่ะ แม้ว่าคุณหนูจะไล่ชิวจวี๋ออกจากจวน บ่าวก็จะไม่เรียกร้องอะไร เรื่องนี้เป็นความผิดของชิวจวี๋เอง”


 


 


หรูเยียนเป็นคนเข้าใจเหตุผลอยู่แล้ว และไม่ขอร้องแทนชิวจวี๋ ก่อนหน้านี้นางขอร้องแทนชิวจวี๋มามากพอแล้ว ตอนนี้แม้แต่นางเองก็ผิดหวังในตัวชิวจวี๋


 


 


“อวี้จื้อ เรื่องนี้ต้องถามให้กระจ่าง ลองดูว่ามีเรื่องอะไรเข้าใจผิดหรือไม่”


 


 


หลายวันมานี้มีแต่หรูเยียนที่คอยดูแลชวีเหยา ด้วยเหตุนี้ชวีเหยาจึงชอบหรูเยียนมาก เห็นหน้าตาหรูเยียนมีความวิตกกังวล จึงช่วยพูดแทนหรูเยียน


 


 


หลิงอวี้จื้อพยักหน้า เดินไปที่โต๊ะหยิบพุทราแดงมาสองสามเม็ด เพิ่งจะหยิบเม็ดหนึ่งใส่ปาก จู่ๆ มั่วชิงก็รีบร้อนเข้ามาจากข้างนอก


 


 


“คุณหนูเจ้าคะ ทางเรือนคุณชายใหญ่เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


“หา…ใครเกิดเรื่อง”


 


 


หลิงอวี้จื้อแทบจะสำลักพุทราแดงในปาก พ่นพุทราแดงทิ้งทันที


 


 


“ลู่อี๋เหนียงเจ้าค่ะ”


 


 


“ชิงชิงเป็นอะไร”


 


 


“เมื่อครู่แม่นางลู่กระโดดน้ำเจ้าค่ะ ดีที่มีคนช่วยขึ้นมา คุณหนูจะไปดูสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ทันพูดอะไร ออกจากห้องไปทันที หรูเยียนกับมั่วชิงก็ตามไป หลิงอวี้จื้อเดินไวมาก


 


 


ลู่ชิงชิงเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนและจิตใจดี จู่ๆ นางเกิดกระโดดน้ำขึ้นมา แสดงว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่นอน หากว่ากันตามสัญชาตญาณ เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชิวจวี๋


 


 


นังเด็กคนนี้หาเรื่องเก่งเสียจริง เธอนึกว่าชิวจวี๋ผ่านเรื่องครั้งนั้นไปได้จะซื่อสัตย์ขึ้นมาบ้าง ไม่นานก็เอาสายตาไปมองหลิงจื่อเฉิงเสียแล้ว ซ้ำยังบีบให้ลู่ชิงชิงต้องกระโดดทะเลสาบด้วย


 


 


แผนการร้ายกาจไม่ธรรมดาเลย แสดงว่าเด็กคนนี้ศีลธรรมมีปัญหา


 


 


เพิ่งเข้ามาในเรือนของหลิงจื่อเฉิงก็เห็นชิวจวี๋คุกเข่าอยู่ในเรือน เห็นหลิงอวี้จื้อเข้ามา นางก็ก้มหน้าลงอย่างขี้ขลาด เรียกอย่างอับอายขี้ขลาดว่า


 


 


“คุณหนู”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม