ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 412-419

 ตอนที่ 412 ข้าชินแล้ว


 


 


หลิงอวี้จื้อหยิบไข่สองฟองออกมาจากอกเสื้อ ส่งให้เซียวเหยี่ยนราวกับถวายสมบัติ จากนั้นก็หัวเราะคิกคักพูดว่า


 


 


“ข้าจะปอกเปลือกไข่ให้ท่าน”


 


 


มั่วชิงจะห้ามก็ไม่ทันแล้ว หลิงอวี้จื้อบีบเปลือกไข่เปิดออก ปรากฏว่าเธออึ้งไปเลย นึกไม่ถึงว่าจะเป็นไข่ดิบ พอจะจินตนาการความรู้สึกของการบีบไข่แตกต่อหน้าคนรักออกไหมเล่า


 


 


มือเธอมีแต่ไข่เหลวสีเหลือง หยดย้อยตามร่องนิ้วไม่หยุด ทั้งท้อใจทั้งกระอักกระอ่วนใจ ท่านเทวดาชอบแกล้งเธอนัก ทุกครั้งที่เธออยากอวดอะไรดีๆ ต้องมีปัญหาทุกที


 


 


เธอวิ่งมาตั้งไกลเพื่อเอาไข่มาให้เซียวเหยี่ยน นึกไม่ถึงว่าจะมาบีบไข่ดิบให้เซียวเหยี่ยนดู ความกระอักกระอ่วนนั้นจินตนาการดูก็รู้ ยังดีที่เธอไม่เคยมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าเซียวเหยี่ยนเลย เรื่องแบบนี้ไม่เป็นไร


 


 


มั่วชิงยังรู้สึกว่าน่าขำ รีบก้มหน้า เซียวเหยี่ยนเห็นหลิงอวี้จื้ออับอายเช่นนี้ รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าจากอกเสื้อออกมาเช็ดมือหลิงอวี้จื้อ


 


 


“ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นไข่ดิบ”


 


 


หลิงอวี้จื้ออธิบายตะกุกตะกัก เธอเห็นเปลือกไข่ถูกย้อมเป็นสีแดงก็นึกว่าต้มสุกแล้ว ไม่นึกว่าท่านป้าผู้อารีจะส่งไข่ดิบมาให้


 


 


“อืม”


 


 


เซียวเหยี่ยนตอบรับ ก้มหน้าเช็ดมือให้หลิงอวี้จื้ออย่างเอาใจใส่


 


 


“เล่นละครตลกให้ท่านดูอีกแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อทำปากบุ้ย ท่านเทวดาไม่เข้าข้างเธอจริงๆ เธอไม่เคยเป็นนางฟ้าต่อหน้าเซียวเหยี่ยนเลย ทุกครั้งที่อยากอวดอะไรดีๆ ก็ต้องทำเรื่องขายหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่ร่ำไป


 


 


“ข้าชินแล้ว”


 


 


เซียวเหยี่ยนท่าทีใจเย็น ตั้งแต่เป็นพยานรู้เห็นการปีนต้นไม้ของเธอเป็นต้นมา เซียวเหยี่ยนก็รู้สึกว่าไม่ว่าหลิงอวี้จื้อจะทำอะไร เขาก็ไม่ตกใจแล้ว เธอเป็นลูกสาวขุนนางที่ไม่ได้เดินบนเส้นทางปกติมาแต่ไหนแต่ไร


 


 


“อาเหยี่ยน ท่านให้จางผิงไปจัดการเรื่องนี้หรือ”


 


 


หลิงอวี้จื้อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เรื่องขายหน้าให้มันจบตรงนี้ ไม่สามารถพูดต่อไปได้อีกแล้ว


 


 


เห็นจางผิงพาคนสองสามร้อยคนเข้าไปในตำบลเล็กๆ นี้ เธอก็รู้ว่าเซียวเหยี่ยนต้องมอบเรื่องนี้ให้จางผิงทำแน่ คนเจ็บเยอะเกินไป หากให้พวกนางไปตรวจดู เกรงว่าสามสี่วันก็ยังตรวจดูไม่หมด ให้จางผิงไปจัดการเรื่องนี้ดีกว่าจริงๆ


 


 


เซียวเหยี่ยนพยักหน้า จูงมือหลิงอวี้จื้อเดินหน้าต่อไป


 


 


“อวี้จื้อ เรื่องนี้มอบหมายให้จางผิงทำ เจ้าไม่ต้องยื่นมือมาแล้ว ข้าไม่อยากให้เจ้าลำบากใจ”


 


 


อย่างไรเซียวเหยี่ยนก็ยังเข้าใจหลิงอวี้จื้อดีมาก ถึงแม้ปากเธอจะบอกว่าเผชิญหน้าเรื่องนี้ได้ แต่หากทำขึ้นมาจริงๆ เธอจะต้องทำใจไม่ได้แน่ ถึงแม้ว่าจะฝืนหักใจทำ แต่ภายในใจก็คงเสียใจมาก เขาไม่อยากให้หลิงอวี้จื้อเสียใจ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเลี่ยงได้ แต่ไม่ได้รู้เห็นด้วยตาตนเอง อย่างไรก็ยังดีกว่าอยู่สักหน่อย


 


 


หลิงอวี้จื้อเข้าใจความหมายของเซียวเหยี่ยน นอนคิดพลิกตัวไปมาก็ยังคงเป็นเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นคนยุคปัจจุบัน เธอยังคงไม่มีทางสั่งการเรื่องนี้อย่างสงบใจได้ ชีวิตสองสามร้อยชีวิตนั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ แม้จะทำเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายที่มากกว่า แต่ด่านทดสอบจิตใจนี้ เธอก็ยังผ่านไปไม่ค่อยได้


 


 


ตอนนี้เซียวเหยี่ยนมอบเรื่องให้จางผิง เธอก็ไม่ได้ต่อต้าน พยักหน้ารับคำ


 


 


“อืม อาเหยี่ยน พวกเรากลับไปเถิด วันนี้เป็นวันสิ้นไป ข้าจะทำอาหารให้ทุกคนทานสักหน่อย”


 


 


เมื่อกลับเรือนไปแล้ว หลิงอวี้จื้อก็สาละวนอยู่ในครัว ในครัวยังมีผักสดอยู่หน่อย บวกกับไข่ไก่ที่ป้าข้างบ้านให้มา ยังเค้นทำกับข้าวออกมาได้สองสามอย่าง


 


 


เพียงแต่ฝีมือทำอาหารของเธอไม่ค่อยดี ทำออกมาไม่สามารถรับประกันรสชาติกับหน้าตาได้ ทำได้เพียงกินๆ พอเป็นพิธี


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 413 ไม่มีพรสวรรค์ด้านการทำอาหาร


 


 


 


 


ไข่กวนจานหนึ่งเพิ่งออกมาจากกระทะ มู่หรงนี่อวิ๋นเดินทอดน่องเข้ามา หลิงอวี้จื้อเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก รีบทักทายมู่หรงนี่อวิ๋น


 


 


“นี่อวิ๋น เจ้ามาชิมฝีมือข้าหน่อยสิ”


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นเดินเข้ามาดู เห็นในมือหลิงอวี้จื้อยกจานไข่กระดำกระด่าง เขาก็กลืนน้ำลาย


 


 


“นี่คือไข่กวนของเจ้าหรือ”


 


 


“ใช่แล้ว ไฟแรงไปหน่อย ดังนั้นก็เลยไหม้ไปนิด แต่ว่ารสชาติน่าจะไม่เลว เจ้าลองชิมก่อน”


 


 


พูดจบก็ส่งตะเกียบคู่หนึ่งให้มู่หรงนี่อวิ๋น รอคอยคำวิจารณ์จากมู่หรงนี่อวิ๋นอย่างใจจดใจจ่อ เธอรู้สึกว่าอาหารจานนี้คงจะไม่ดีแค่หน้าตา รสชาติยังคงถนัดมือ


 


 


เห็นไข่กระดำกระด่างจานนี้แล้ว มู่หรงนี่อวิ๋นมีความอยากอาหารเสียที่ไหน แต่เขาไม่อยากให้หลิงอวี้จื้อผิดหวัง กัดฟันกินไปหนึ่งชิ้น หลิงอวี้จื้อถามด้วยสีหน้าตั้งตารอคอย


 


 


“รสชาติดีมากใช่หรือไม่”


 


 


สีหน้าของมู่หรงนี่อวิ๋นประหลาดมาก ฝืนกลืนไข่ในปากลงไป


 


 


“นี่เป็นรสชาติที่เจ้าทำออกมาจริงๆ หรือ”


 


 


“กินยากขนาดนั้นเลยหรือ”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ยอม หยิบตะเกียบในมือมู่หรงนี่อวิ๋นมา คีบเข้าปากหนึ่งชิ้น เพิ่งกัดไปได้หนึ่งคำก็ถุยออกมา บ้าจริง รสชาติแย่กว่าหน้าตาอีก ดูท่าแล้วพรสวรรค์ด้านการทำอาหารของตัวเองไม่มีเลยสักนิด กับข้าวแบบนี้เอาไปให้เซียวเหยี่ยนกินได้เสียที่ไหน เผื่อกินแล้วท้องเสียขึ้นมา


 


 


คิดถึงตรงนี้ หลิงอวี้จื้อก็ท้อใจมาก ต่อไปจะทำอย่างไร ตำบลเถาหยวนแย่กันไปหมด พวกนางไม่กี่คนก็ทำกับข้าวไม่เป็น คืนวันส่งท้ายปีเก่าแม้แต่ของกินยังไม่มี นี่เป็นคืนวันส่งท้ายปีเก่าที่ย่ำแย่เหลือเกิน


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นมองหลิงอวี้จื้ออย่างงงๆ เพียงแต่ประเด็นของเขาไม่เหมือนกับหลิงอวี้จื้อ ตะเกียบนั่นเขาใช้กินอาหารไปแล้ว เหตุใดหลิงอวี้จื้อถึงเอาไปแล้วใช้กินเลย ไม่เลี่ยงเลยสักนิด ดังนั้นเขาเพิ่งจะใช้ตะเกียบคู่เดียวกันกับหลิงอวี้จื้อหรือ


 


 


เช่นนี้หมายความว่า เขาก็มีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในใจหลิงอวี้จื้อ ใช่หรือไม่


 


 


“ทำอย่างไรดี กับข้าวทำออกมาเช่นนี้ จะให้อาเหยี่ยนกินได้อย่างไร”


 


 


หลิงอวี้จื้อทำหน้าทุกข์ใจ พูดกับตนเอง ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี


 


 


“มีไข่ไก่แล้ว ก็ต้มน้ำเอาสักสองสามใบก็พอแล้วไม่ใช่หรือ อาหารอื่นเจ้าไม่ต้องทำแล้ว จะได้ไม่เสียของ”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของมู่หรงนี่อวิ๋น ความคิดทั้งหมดจดจ่ออยู่กับอาหาร ไม่มีวิธีใดแล้วจริงๆ ทำได้เพียงไปหาป้าข้างบ้านมาช่วยแล้ว


 


 


ตอนนี้เองมั่วชิงเข้ามา ข้างหลังตามมาด้วยป้าโจวที่ส่งไข่มาให้นางตอนเช้า


 


 


ในมือป้าโจวถือเนื้อไก่มาด้วยหนึ่งจาน เห็นไข่ดำๆ ในมือของหลิงอวี้จื้อ ป้าโจวก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ้มพูดว่า


 


 


“แม่นาง พวกเราฆ่าไก่ไปตัวหนึ่ง ข้าก็เลยเอามาให้พวกเจ้าจานหนึ่ง”


 


 


“ป้าโจว ท่านป้าเกรงใจเกินไปแล้ว เนื้อไก่นี้พวกป้าเก็บเอาไว้กินเองเถิดเจ้าค่ะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อได้กลิ่นหอมยวนใจ อดกลืนน้ำลายมิได้ นานมากแล้วที่ไม่ได้กินอาหารที่หอมกรุ่นเช่นนี้ เพียงได้กลิ่นท้องก็รู้สึกหิว เพียงแต่เธอรู้ว่าพวกนางใช้ชีวิตไม่ง่าย และเป็นเพราะเทศกาลฉลองปีใหม่ ถึงได้เสียสละเนื้อไก่มากินได้ เธอย่อมกระดากใจที่จะรับกับข้าวจานนี้


 


 


ป้าโจววางเนื้อไก่ลงบนโต๊ะวางเตาทำอาหาร ตอบกลับอย่างเป็นมิตรว่า


 


 


“บ้านข้ายังมี ครั้งนี้ต้องขอบคุณที่เจ้าช่วยตำบลเถาหยวนไว้ เจ้าสมควรได้รับ พวกเจ้าเอาไปกิน แม่นางเป็นคุณหนูบ้านคนใหญ่คนโต ไม่เคยทำอาหารแน่ ข้าช่วยพวกเจ้าทำ”


 


 


“เช่นนั้นขอบคุณมากเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าช่วยนะเจ้าคะท่านป้า”


 


 


“ไม่ต้อง ไม่ต้อง เจ้าล้างเรียบร้อยหมดแล้ว ข้าคนเดียวก็ทำเสร็จ”


ตอนที่ 414 ก็เพราะปากหวาน


 


 


ป้าโจวตอบกลับอย่างเริงร่า พูดจบก็เริ่มงานทันที นางคล่องแคล่วมาก ไม่นานกลิ่นกับข้าวหอมๆ ก็โชยออกมาจากห้องครัว หลิงอวี้จื้อที่เฝ้าอยู่ข้างๆ ก็ดูอย่างตั้งใจ อยากจะเรียนรู้ฝีมือ เพียงแต่ป้าโจวเคลื่อนไหวว่องไวมาก เธอยังไม่ทันได้มองดูชัดๆ กับข้าวแต่ละจานต่างก็ทำเสร็จแล้ว


 


 


แครอทผัดไข่ ต้นหอมผัดไข่ ผัดผักกาดขาว และยังมีผัดมันฝรั่งหั่นเส้นอีกจาน ล้วนเป็นกับข้าวสามัญประจำบ้าน ด้วยฝีมือของป้าโจวทำให้กลิ่นหอมยวนใจฟุ้งกระจาย หลิงอวี้จื้ออดใจไม่ไหวต้องยกนิ้วหัวแม่มือให้


 


 


“ท่านป้า ฝีมือทำครัวของท่านดีเหลือเกิน ครัวทั้งห้องมีแต่กลิ่นหอมอบอวล”


 


 


“พวกเจ้ารีบกินข้าวสักหน่อยเถิด ข้ากลับก่อนแล้ว หลานข้าไม่สบายเล็กน้อย เอาแต่ร้องโวยวายไม่หยุด ยังรอข้าอยู่เลย”


 


 


พูดจบป้าโจวก็ไปก่อนแล้ว หลิงอวี้จื้ออดทอดถอนใจไม่ได้


 


 


“ป้าโจวใจดีจริงๆ ข้าชิมก่อนล่ะ”


 


 


พูดจบก็ชิมอาหารแต่ละจานรอบหนึ่ง ชมไม่หยุดปาก


 


 


“หอมมาก ป้าโจวเป็นแม่ครัวจริงๆ ทำกับข้าวอร่อยกว่าในจวนมหาเสนาบดีเสียอีก”


 


 


“เจ้านี่นะ ก็เพราะปากหวาน ป้าโจวถูกเจ้าชมจนใจพองโตเป็นดอกไม้บานแล้ว”


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นส่ายหน้าติดกัน


 


 


“การชมเชยผู้อื่นเป็นคุณธรรมที่ดีงามอย่างหนึ่ง เจ้าเรียนรู้ไว้หน่อย ต่อไปแต่งงานมีเมียแล้ว ชมนางทุกวัน ข้ารับรองเลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าจะดีมากราวกับเป็นแฝดสยาม”


 


 


“แฝดสยามคืออะไร”


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นถามอย่างสงสัย


 


 


“ไม่มีอะไร ยกอาหาร”


 


 


หลิงอวี้จื้อยกอาหารขึ้นมาสองจานก็ออกไปก่อน มั่วชิงกับมู่หรงนี่อวิ๋นต่างก็ยกคนละสองจาน อยู่ในจวน มู่หรงนี่อวิ๋นไม่เคยทำเรื่องเหล่านี้เลย และไม่เคยคิดจะทำสิ่งเหล่านี้ด้วย ต่อหน้าหลิงอวี้จื้อกลับทำอย่างเป็นธรรมชาติมาก ขนาดลืมฐานะของตนเองไปแล้ว ทำเหมือนว่าตนเองเป็นคนธรรมดา


 


 


อาหารวางบนโต๊ะแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ให้มั่วชิงไปตามเซียวเหยี่ยน เห็นอู่จิ้นกลับมา ก็เรียกอู่จิ้นมาตรงหน้า ถามว่า


 


 


“อู่จิ้น มีชาวบ้านติดเชื้อทั้งหมดเท่าไรหรือ”


 


 


“ตรวจสอบแล้ว มีผู้ติดเชื้อนักรบไร้ชีพทั้งหมดห้าร้อยห้าสิบสามคนขอรับ”


 


 


อู่จิ้นยืนอยู่ตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ รายงานตามความจริง


 


 


ได้ยินตัวเลขนี้ หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกหนักใจทันใด


 


 


“เยอะขนาดนี้เชียว บริเวณบาดแผลของพวกเขามีผื่นแดงขึ้นกันหมดหรือยัง”


 


 


“ขอรับ เพียงได้รับเชื้อ ก็จะมีผื่นแดงปรากฏหมดขอรับ ห้าร้อยกว่าคนนี้ถูกพาออกนอกเมืองแล้ว มีเด็กน้อยที่ติดเชื้อคนหนึ่งหายตัวไป ตอนนี้กำลังค้นหาตัวอยู่ น่าจะจับได้ในอีกไม่นาน


 


 


คนบาดเจ็บที่เหลือทำแผลเรียบร้อยหมดแล้วขอรับ ตอนนี้ได้รับการดูแลชั่วคราว อีกสองวันหากบาดแผลไม่มีปัญหาก็จะปล่อยกลับบ้าน คุณหนู วางใจเถิด สี่ร้อยกว่าคนนี้ แม่ทัพจางจะจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสม”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ได้พูดอะไร ที่บอกว่าจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสมก็คือฆ่าพวกเขาทั้งหมด ซ้ำยังไม่สามารถเก็บศพเอาไว้ได้ เธอไม่ได้ถามต่อ เพียงแต่ตอบรับว่าอืมหนึ่งคำ เป็นสัญญาณให้อู่จิ้นไปได้


 


 


ตอนนี้เองที่ป้าโจววิ่งโซซัดโซเซเข้ามา อุ้มเด็กผู้ชายตัวน้อยในมือ เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อก็วางเด็กลง แล้วคุกเข่าดังตึง กอดขาหลิงอวี้จื้อเอาไว้


 


 


“แม่นาง ขอร้อง ช่วยเจ้าเสือด้วย ขอร้อง ช่วยเขาหน่อย เขาเพิ่งจะสี่ขวบเอง ขอร้องนะ ตอนนี้มีเพียงเจ้าที่ช่วยเจ้าเสือได้”


 


 


ป้าโจวโขกหัวดังปึงปัง โขกไปพลางพูดซ้ำๆ ไปพลาง


 


 


ส่วนเด็กชายที่อยู่ข้างๆ ก็ร้องไห้ไม่หยุด


 


 


“ท่านย่า ข้ากลัว…”


 


 


หลิงอวี้จื้อเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่อู่จิ้นบอกว่าเด็กติดเชื้อคนหนึ่งหายตัวไป เด็กที่หายไปก็คือเจ้าเสือ บังเอิญเป็นหลานชายของป้าโจวด้วย


 


 


เธอก้มตัวลงจะประคองป้าโจวขึ้นมา เพียงแต่ทำอย่างไรป้าโจวก็ไม่ยอมลุก คว้ากระโปรงของหลิงอวี้จื้อไว้แน่น


 


 


“พวกเขาจะเอาเจ้าเสือไป แม่นาง เจ้าเป็นคนดี เจ้าช่วยเจ้าเสือเถิดนะ”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 415 วอนขออย่างโศกเศร้า


 


 


ตอนนี้เองข้างนอกมีทหารวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เห็นหลิงอวี้จื้อก็ทำความเคารพทันที


 


 


“คุณหนู เด็กคนนี้อาจจะติดเชื้อแล้ว พวกเราต้องพาไปทันที”


 


 


พูดจบก็เข้าคว้าเจ้าเสือ ป้าโจวปล่อยกระโปรงหลิงอวี้จื้อ กอดเจ้าเสือไว้แน่นแนบอกอย่างมั่นคง


 


 


“เจ้าอย่าขยับ ข้ามศพข้าไปก่อน มิเช่นนั้นข้าจะไม่มีทางมอบเด็กให้พวกเจ้า”


 


 


ผมป้าโจวยุ่งเหยิง กรีดร้องเสียงดัง เสียสติไปโดยสิ้นเชิง มั่วชิงกลัวว่าจะไปทำร้ายหลิงอวี้จื้อเข้า จึงคอยมองป้าโจวอย่างระแวดระวัง


 


 


หลิงอวี้จื้ออารมณ์เสียเต็มที่แล้ว สั่งพลทหารว่า


 


 


“พวกเจ้าถอยไป เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”


 


 


“แต่…”


 


 


พลทหารลังเล ไม่กล้าถอยไป หากหลิงอวี้จื้อบาดเจ็บขึ้นมา พวกเขาไม่สามารถรายงานท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ นี่เป็นถึงว่าที่พระชายาท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์


 


 


“ถอยไป”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดเสียงแข็งขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะมีหน้าตุ๊กตา แต่เมื่อโกรธจริงๆ แล้ว ก็มีพอมีพลังยับยั้งอยู่ ประกอบกับเธอเป็นนักแสดง สายตาจึงแหลมคมถึงอารมณ์มาก


 


 


ความน่าเกรงขามของหลิงอวี้จื้อทำให้พลทหารนิ่งตะลึง อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอยไป


 


 


ป้าโจวคลายกังวลลงอย่างเห็นได้ชัด เอาความหวังทั้งหมดฝากไว้ที่หลิงอวี้จื้อ ดึงเจ้าเสือวิ่งไปด้วยกัน น้ำเสียงลนลาน


 


 


“เจ้าเสือ เจ้ารีบขอบคุณคุณหนู นางช่วยเจ้าเอาไว้ รีบโขกคำนับคุณหนูสิ”


 


 


เด็กตัวเล็กๆ ไม่รู้เรื่องอะไรมาก ถูกป้าโจวนำโขกหัวพูดขอบคุณ ภายในใจหลิงอวี้จื้อเศร้าโศกมาก เธอก็ช่วยเขาไม่ได้ นี่ทำให้เธอนึกถึงหนานเยียน ตอนนั้นหนานเยียนก็จากเธอไปเช่นนี้ เธอพยายามยื้อหนานเยียนสุดชีวิต สุดท้ายทำได้เพียงเห็นหนานเยียนจากไปต่อหน้าต่อตา


 


 


หลิงอวี้จื้อก้มลงประคองป้าโจวขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ป้าโจวไม่ได้ปฏิเสธ พาเจ้าเสือลุกขึ้น หลิงอวี้จื้อไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากบอกป้าโจวอย่างไร


 


 


ดูออกว่า ป้าโจวรักใคร่เอ็นดูหลานชายตนเองมาก สำหรับป้าโจวเรื่องนี้เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็โหดร้ายพอกัน เหมือนตอนแรกที่พวกเขากล่อมเธอให้ยอมสละหนานเยียน


 


 


ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง หลิงอวี้จื้อก็ยังต้องเอ่ยปาก พยายามข่มอารมณ์ตนเองอย่างที่สุดกำลัง


 


 


“ป้าโจว เจ้าเสือบาดเจ็บตรงไหน ให้ข้าดูหน่อยสิ”


 


 


ป้าโจวเลิกแขนเสื้อของเจ้าเสือขึ้นมา แล้วยื่นแขนไปตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ เธอเห็นหลังมือของเจ้าเสือมีรอยข่วนลึกมากสองรอย เหมือนโดนเล็บกรีดข่วน เลือดไหลซิบออกมา


 


 


รอบแผลมีรอยผื่นแดงขึ้นเต็ม รอยผื่นแดงนี้เธอคุ้นเคยดี เธอรู้ว่าผื่นแดงนี้หมายความว่าอย่างไร


 


 


“เจ้าเสือมีแผลเล็กน้อยเอง ทายาสักหน่อยก็หายแล้ว พวกเขาจะพาเจ้าเสือไปรักษา แล้วไม่พาข้าไปด้วย แต่เจ้าเสือยังเล็กนัก ข้าจะวางใจให้เขาไปรักษาแผลเพียงลำพังได้อย่างไร”


 


 


ป้าโจวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ในใจมีลางสังหรณ์ไม่ดี เห็นพลทหารตรวจดูบาดแผลทุกบ้าน บอกว่าจะพาไปรักษา


 


 


นางนึกได้ว่ามือของเจ้าเสือเป็นแผล รู้ว่าหากเจ้าเสือถูกพาไป อาจจะกลับมาไม่ได้แล้ว นางเป็นห่วงเจ้าเสือ ถึงได้ซ่อนเจ้าเสือเอาไว้ นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาตามหาอีก


 


 


“ป้าโจว เจ้าเสือป่วยแล้วจริงๆ ใส่ยาสักหน่อยก็ทำให้แผลหายดีได้ แต่ไม่สามารถกำจัดผื่นแดงบนมือของเขาได้ ต่อไปผื่นแดงจะมากยิ่งขึ้น ผื่นแดงเหล่านี้แพร่เชื้อได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพาเจ้าเสือไปรักษาโรค”


 


 


“ข้าไม่กลัวติดเชื้อ อย่างนั้นข้าไปดูแลเจ้าเสือก็ได้ จะไม่ทำให้คนอื่นลำบากเด็ดขาด หากว่าเจ้าเสือไม่มีทางรอดแล้ว ข้าก็จะตายกับเจ้าเสือ แม่นาง ขอร้อง เจ้าไปคุยกับคนข้างนอกหน่อย อย่าพาเจ้าเสือไปเลย


 


 


ไม่ว่าเขาจะเป็นโรคอะไร ข้าก็จะต้องดูแลเขา เด็กคนนี้ชีวิตลำบาก เพิ่งเกิดมาก็ไม่มีแม่แล้ว พ่อเขาไปเข้าร่วมกองทัพ บัดนี้ยังไม่กลับ ข้ามีเพียงเจ้าเสือคนเดียว เขาคือชีวิตของข้า”


ตอนที่ 416 ให้ข้าตายไปพร้อมเขา


 


 


ป้าโจวยิ่งร้องยิ่งเสียใจ น้ำตาทั้งหมดไหลรินลงไปบนตัวของเจ้าเสือ ถึงแม้เจ้าเสือจะไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ว่าเขาต้องแยกจากย่าแล้ว เห็นย่าร้องไห้ไม่หยุด เขาก็ร้องไห้ตามเสียงดัง ย่าหลานยิ่งร้องยิ่งปวดใจ


 


 


ขอบตาหลิงอวี้จื้อแดงไปหมดแล้ว เบือนหน้าหนีเล็กน้อย เช็ดน้ำตาที่คลอเบ้า เสียใจอย่างสุดซึ้ง


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นรู้ว่าหลิงอวี้จื้อพูดไม่ออก เขานับว่ายังใจเย็น เอ่ยปากพูดว่า


 


 


“ป้าโจว มิใช่ว่าพวกเราไม่อยากช่วยชีวิตเจ้าเสือ แต่ว่าเจ้าเสือไม่มีทางรอดแล้ว


 


 


คืนนั้นป้าก็เห็นเหล่านักรบไร้ชีพที่เห็นคนก็เข้าไปกัดแล้ว ผื่นแดงปรากฏขึ้นบนมือนั่น หมายความว่าติดเชื้อพิษนักรบไร้ชีพแล้ว


 


 


เมื่อใดที่พิษออกฤทธิ์ เจ้าเสือก็จะกลายเป็นเช่นนั้น ไม่รู้จักใคร เห็นคนก็กัด คนอื่นขอเพียงผิวมีแผลปรินิดเดียวก็จะติดเชื้อ


 


 


ตอนนี้ตำบลเถาหยวนมีคนเหลือไม่เท่าไรแล้ว หากมีอีกคนหนีรอด คนอื่นก็จะเดือดร้อน พิษนี้แพร่กระจายได้รวดเร็ว ถึงเวลานั้นตำบลเถาหยวนก็จะถึงคราวจบสิ้นจริงๆ ท่านอยู่ที่ตำบลเถาหยวนมาตั้งนาน ย่อมไม่ต้องการให้ตำบลเถาหยวนเกิดเรื่องเช่นนี้แน่”


 


 


ป้าโจวอึ้ง สติยังไม่กลับมา คืนนั้น คนที่นางเห็นคือฝันร้ายของนางจริงๆ ใบหน้าที่ดุร้ายน่าเกลียดนั้นนางจำได้ดี เพียงนึกถึง ในใจก็ยังหวาดกลัว นางไม่มีทางจินตนาการได้ว่าเจ้าเสือจะกลายเป็นเช่นนั้น


 


 


ไม่นานนางก็ส่ายหน้า มองหลานชายที่ทำหน้ามึนงง ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด เจ้าเสือจะกลายเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร พวกเขาหลอกนางแน่นอน หลอกแน่นอน หลอกนางเพื่อให้นางยอมมอบเจ้าเสือให้


 


 


คิดถึงตรงนี้ อารมณ์ของป้าโจวก็สูญเสียการควบคุมอีกครั้ง ตะโกนเสียงดัง


 


 


“เป็นไปไม่ได้! ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อว่าจะเสือจะกลายเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ส่งตัวเจ้าเสือให้พวกเจ้าหรอก ไม่ให้เด็ดขาด!”


 


 


ป้าโจวพูดพลางก็กอดเจ้าเสือแนบอกอีกครั้ง กลัวว่าจะมีคนแย่งเจ้าเสือจากนางไป ท่าทางเช่นนั้นเริ่มบ้าคลั่งแล้ว


 


 


หลิงอวี้จื้อเช็ดตา มั่นใจว่าอารมณ์ตนเองมั่นคงแล้วจึงเอ่ยว่า


 


 


“ป้าโจว พวกเราไม่ได้หลอกท่าน เจ้าเสือถูกพิษนักรบไร้ชีพจริงๆ คนของข้าก็เคยโดนพิษนักรบไร้ชีพมาก่อน ข้าเข้าใจอารมณ์ของป้าโจวดี แต่ป้าโจวรั้งเจ้าเสือเอาไว้ไม่ได้แล้ว เขามีเวลาไม่มากแล้ว”


 


 


ป้าโจวตะลึงงัน ร้องไห้อีกครั้ง เสียงร้องไห้ดังกึกก้อง


 


 


“เหตุใดต้องเป็นเจ้าเสือ เหตุใดต้องเป็นเขา เขายังเล็กอยู่เลย…”


 


 


“ท่านย่า ข้ารู้สึกแย่จัง”


 


 


เจ้าเสือบิดตัวไปมาในอ้อมแขนป้าโจว ป้าโจวยื่นมือที่สั่นเทาไปบนหน้าผากของเจ้าเสือ พบว่าหน้าผากของเขาร้อนจี๋ ในใจนางมีความรู้สึกสิ้นหวัง


 


 


หากแค่บาดเจ็บ เขาคงไม่เป็นไข้ เห็นอยู่ว่าแค่แผลข่วนเล็กน้อย ถึงกับพรากชีวิตของเจ้าเสือไป เหตุใดถึงไม่เป็นนาง นางอายุมากขนาดนี้แล้ว แม้จะตายก็ไม่เสียดาย แต่เจ้าเสือแค่สี่ขวบเท่านั้น


 


 


ป้าโจวกอดเจ้าเสือเอาแต่ร้องไห้ หลิงอวี้จื้อก็ไม่พูดอะไร ในที่สุดป้าโจวก็สงบใจลง นางเช็ดน้ำตา ดวงตาทั้งสองบวมเหมือนลูกวอลนัทที่เหลือรอยแตกสองรอย


 


 


นางยังคงกอดเจ้าเสือไว้ โขกหัวอีกครั้ง


 


 


“แม่นาง ข้ารู้ว่าพวกเราทำร้ายคนอื่นไม่ได้ ตอนนี้ข้ามีข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียว ให้ข้ากับเจ้าเสืออยู่ในบ้าน พวกท่านใส่กลอนประตูไว้ รอพวกเราตายแล้วค่อยเผาศพพวกเรา ข้าอยากไปส่งเขาถึงฝั่ง ข้าจะไปเป็นเพื่อนเขา ได้หรือไม่”


 


 


“ป้าโจว ป้า…ป้าควรจะใช้ชีวิตดีๆ แทนเจ้าเสือนะ”


 


 


“ข้าอยู่มาถึงอายุปูนนี้แล้ว ไม่เสียดายอะไรแล้ว สองสามปีมานี้ข้ากับเจ้าเสือใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยกัน หากเจ้าเสือไปคนเดียวจะต้องหวาดกลัวแน่นอน ข้าอยากไปกับเขา


 


 


แม่นาง เจ้าสงเคราะห์ข้าเถิด! พวกเจ้าพาเขาไปแล้ว ข้าก็อยู่ต่อไปไม่ได้ ให้ข้าตายไปพร้อมเขา จัดการศพให้เขาด้วยมือของตนเอง แม่นาง ขอร้องเจ้าล่ะ”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 417 บางทีอาจไม่เคยมองท่านให้ชัดๆ


 


 


ป้าโจวโขกหัวอีกครั้ง นางโขกหัวติดต่อกันเช่นนี้ โขกจนหน้าผากแตกแล้ว เลือดสีแดงสดไหลออกมา หลิงอวี้จื้อรับปาก


 


 


“ได้ ข้ารับปากท่าน”


 


 


“ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณ”


 


 


ป้าโจวกอดเจ้าเสือแน่น น้ำตาไหลรินอีกครั้ง


 


 


เธอเพิ่งรับปากไป ทันใดนั้นเซียวเหยี่ยนก็เข้ามาจากข้างนอก ครั้นเห็นป้าโจวสีหน้าก็เปลี่ยนทันที สั่งการด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า


 


 


“คนมา พาเด็กไป”


 


 


พูดจบก็มีพลทหารเข้ามาพาตัวเจ้าเสือ ป้าโจวกอดเด็กไว้แน่น ตะโกนเสียงดัง


 


 


“พวกเจ้าอย่าเข้ามา อย่าเข้ามา!”


 


 


“อาเหยี่ยน พวกเราขังพวกเขาเอาไว้ในบ้านตามลำพังก็เหมือนกัน นี่เป็นความปรารถนาของท่านป้า เราสงเคราะห์นางเถิด!”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่รู้ว่าเซียวเหยี่ยนจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร รีบไปดึงแขนเสื้อเซียวเหยี่ยน พูดอธิบาย


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่ขยับเขยื้อน เหมือนจะอธิบายหลิงอวี้จื้อไม่ทัน เพียงแต่สั่งการว่า


 


 


“รีบพาคนไปเดี๋ยวนี้”


 


 


ทหารรีบเข้ามายื้อแยกป้าโจวกับเจ้าเสือออก เจ้าเสือร้องเสียงดังกว่าเดิม


 


 


ทหารคนหนึ่งจับตัวป้าโจวไว้ นางต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิตที่จะตามไป เพียงแต่โดนทหารจับตัวไว้ขยับไม่ได้ ปากก็ร้องตะโกนไม่หยุด


 


 


“เจ้าเสือ เจ้าเสือ…ท่านอ๋อง เจ้าจะต้องไม่ตายดี เอาเจ้าเสือคืนข้ามา…เอาเจ้าเสือคืนข้ามา…”


 


 


หลิงอวี้จื้ออยากห้าม แต่เซียวเหยี่ยนจับตัวเธอไว้เอง ทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้


 


 


“เซียวเหยี่ยน ท่าน…”


 


 


หลิงอวี้จื้อหันกลับมาจ้องเซียวเหยี่ยนเขม็ง


 


 


“ปล่อยข้า ท่านทำอะไรน่ะ”


 


 


“อวี้จื้อ อีกประเดี๋ยวข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง”


 


 


พูดจบก็พยักหน้าให้ทหาร ทหารก็พาตัวป้าโจวไปทันที เพียงแต่ป้าโจวเหมือนคนบ้าไปแล้ว ต่อสู้และก่นด่าไม่จบ


 


 


ไม่นานหลิงอวี้จื้อก็ไม่ได้ยินเสียงของป้าโจวแล้ว ชั่วพริบตาใจของเธอก็เย็นวาบด้วยผิดหวัง มองเซียวเหยี่ยนอย่างไม่อยากเชื่อ


 


 


“ท่านฆ่านางหรือ”


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ เห็นเช่นนี้หลิงอวี้จื้อก็เข้าใจแล้ว อยากจะสลัดแขนเซียวเหยี่ยนออกสุดชีวิต เซียวเหยี่ยนกลัวว่าจะทำร้ายหลิงอวี้จื้อโดยไม่ตั้งใจ จึงปล่อยหลิงอวี้จื้อ


 


 


เมื่อหลุดจากพันธนาการ หลิงอวี้จื้อก็วิ่งไปทันที เห็นศพของป้าโจวบนพื้นอย่างที่คาดไว้ บนคอมีร่องลึกร่องหนึ่ง ข้างใต้มีแอ่งเลือด เห็นได้ชัดว่าถูกปาดคอ


 


 


หลิงอวี้จื้อแทบยืนไม่อยู่ ไม่กล้าเชื่อว่าเซียวเหยี่ยนจะฆ่าป้าโจวจริงๆ ถอยหลังติดกันสองสามก้าว ไปชนเข้ากับร่างเซียวเหยี่ยนที่วิ่งมาทางหลิงอวี้จื้อพอดี


 


 


เซียวเหยี่ยนยื่นมือไปประคองนาง เพิ่งโดนไหล่ของหลิงอวี้จื้อ อารมณ์ของหลิงอวี้จื้อถูกกระตุ้น ถอยไปสองสามก้าวทันที


 


 


“อย่าแตะต้องตัวข้า”


 


 


พูดจบก็พยายามหลุดพ้นจากเซียวเหยี่ยน รักษาระยะห่างจากเขาสองสามก้าว


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าฟังข้าพูด…”


 


 


“ตอนนี้ข้าไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น เซียวเหยี่ยน ท่านเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ชีวิตคนไม่มีค่าในสายตาท่านเลยจริงๆ อาจพูดได้ว่าเพราะเจ้าเสือติดเชื้อนักรบไร้ชีพ แล้วป้าเล่า


 


 


เพราะนางก่นด่าท่านสองสามประโยคอย่างไม่เคารพใช่หรือไม่ ท่านเห็นกับข้าวบนโต๊ะหรือไม่ นั่นเป็นกับข้าวที่ป้าโจวทำให้พวกเราเอง แถมยังให้เนื้อไก่กับพวกเราด้วย”


 


 


น้ำเสียงหลิงอวี้จื้อผิดหวังอย่างรุนแรง


 


 


“บางทีข้าอาจไม่เคยมองท่านให้ชัดๆ”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบก็จะไป เซียวเหยี่ยนดึงมือหลิงอวี้จื้ออีกครั้ง เธออยากสะบัดออก เพียงแต่เซียวเหยี่ยนคว้ามือเธอไว้แน่น เธอขยับไม่ได้โดยสิ้นเชิง


 


 


เธอจ้องหน้าเซียวเหยี่ยนเขม็ง


 


 


“ปล่อยมือ”


 


 


“อวี้จื้อ เจ้ามากับข้า”


 


 


พูดจบเซียวเหยี่ยนก็ดึงมือหลิงอวี้จื้อเดินไปข้างหน้า ถึงแม้หลิงอวี้จื้อไม่ยินยอมและโกรธจนหัวร้อน แต่ภายใต้การควบคุมเซียวเหยี่ยน เธอไม่มีความสามารถในการต่อต้านเลยแม้แต่น้อย ทำได้เพียงถูกบังคับให้เดินตามเซียวเหยี่ยนไปข้างหน้า


ตอนที่ 418 เข้าใจเซียวเหยี่ยนผิด


 


 


เซียวเหยี่ยนพาหลิงอวี้จื้อมาหน้าโต๊ะกินข้าว เห็นว่าบนนั้นมีชามและตะเกียบจัดวางอยู่ เขาปล่อยมือหลิงอวี้จื้อ


 


 


เมื่อครู่หลิงอวี้จื้อพูดว่าป้าโจวเอาเนื้อไก่มาหนึ่งชาม เขาหยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ เข็มเงินแหลมเล็กปักเข้าไปในเนื้อไก่ที่ไม่ร้อนแล้ว ทิ้งไว้ประมาณสองสามวินาที ก็ดึงเข็มเงินออกอย่างไว


 


 


หลิงอวี้จื้อเข้าใจว่าเซียวเหยี่ยนต้องการทำอะไร นี่ไม่ใช่เข็มเงินทดสอบพิษหรอกหรือ หรือว่าเนื้อไก่จานนี้มีพิษ เป็นไปไม่ได้ อยู่ดีๆ ป้าโจวจะมาวางยาพวกเขาทำไม


 


 


เธอมองเข็มเงินในมือเซียวเหยี่ยนตาไม่กะพริบ เห็นเข็มเงินเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว เธอก็เข้าใจหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเข้าใจเซียวเหยี่ยนผิด


 


 


นึกไม่ถึงว่าบทละครจะหักมุมรวดเร็วปานนี้ ป้าโจวให้เนื้อไก่มีพิษแก่พวกเขาหนึ่งจาน ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย


 


 


เธอกับป้าโจวไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน แล้วทำไมป้าโจวถึงทำเช่นนี้


 


 


แล้วเซียวเหยี่ยนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาไม่เคยพบปะพูดคุยกับป้าโจว ข้อสงสัยในหัวมากเกินไปแล้ว ตอนนี้เธอได้แต่มองเซียวเหยี่ยนอย่างงุนงง รอเซียวเหยี่ยนอธิบายให้เธอฟัง


 


 


เซียวเหยี่ยนดึงหลิงอวี้จื้อนั่งลง แล้วเอาเนื้อไก่บนโต๊ะส่งให้มั่วชิงที่อยู่ข้างๆ ให้มั่วชิงเทเนื้อไก่ทิ้ง เห็นหลิงอวี้จื้อนิ่งอึ้งไปโดยสิ้นเชิง มู่หรงนี่อวิ๋นก็ทนไม่ไหวถามว่า


 


 


“ท่านอ๋อง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ”


 


 


“อวี้จื้อ นางไม่ใช่ป้าข้างบ้านอะไรเลย นางเป็นคนของสำนักอู๋จี๋”


 


 


“หา…”


 


 


หลิงอวี้จื้อตกใจจนอ้าปากค้างตาเบิกโต


 


 


“แล้วหลานชายของนางล่ะ เด็กน้อยขนาดนี้ไม่น่าจะแสดงละครได้ เจ้าเสือโดนพิษนักรบไร้ชีพจริงๆ”


 


 


“ตอนที่ข้าอยู่สำนักอู๋จี๋เคยเจอนางครั้งหนึ่ง จึงจำนางได้”


 


 


นึกไม่ถึงว่าความจำของเซียวเหยี่ยนจะดีกว่านักแสดงมืออาชีพอย่างเธอ เห็นเพียงครั้งก็ไม่ลืมจริงๆ


 


 


หากเปลี่ยนเป็นเธออาจจะจำไม่ได้ หากเทียบกับคนทั่วไป ความจำของเธอก็ถือว่าเก่งกาจมากแล้ว สามารถท่องบทยาวๆ ได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ถึงระดับเซียวเหยี่ยน


 


 


คิดถึงตรงนี้ ภาพลักษณ์ของเซียวเหยี่ยนในใจเธอก็ยกระดับขึ้นไปอีกไม่น้อย ยังดีที่เซียวเหยี่ยนกลับมาทันเวลา มิเช่นนั้นพวกเขากินเนื้อไก่จานนี้เข้าไป ก็คงตายกันไปยกกลุ่ม


 


 


ความเสี่ยงมีอยู่ทุกหนแห่งจริงๆ เป็นคนระดับสูงนี่ก็ไม่ง่าย เธอเพิ่งค้นพบว่าการระมัดระวังตัวของตนเองนั้นยังไม่ดีนัก เมื่อเทียบกับเซียวเหยี่ยนไม่รู้ว่าห่างชั้นกันสักเท่าไร เธอต้องเรียนรู้จากเซียวเหยี่ยนไว้ถึงจะดี


 


 


คิดถึงที่ตนเองชิมอาหารก่อนหน้านี้ หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกกลัวอยู่ในใจ


 


 


ป้าโจวทำกับข้าวเสร็จแล้ว เธอชิมไปหนึ่งรอบ มีเพียงเนื้อไก่จานนี้ที่ไม่ได้แตะ ตอนนั้นเธอรู้สึกว่านี่เป็นอาหารจานที่มีเนื้อสัตว์จานเดียวสำหรับคืนนี้ จึงอยากเก็บไว้กินตอนเย็นด้วยกัน น้ำใจนี้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้แทน เสี่ยงจริงๆ


 


 


หลิงอวี้จื้อแอบตบหน้าอกตัวเองเบาๆ


 


 


“ข้าเพิ่งกลับมาก็จำป้าโจวได้ นางมาหาเจ้าย่อมไม่มาด้วยเจตนาดีแน่ มีปัญหาตามมาเช่นนี้ เก็บเอาไว้ไม่ได้ นางคิดไม่ซื่อตามคาด ยังวางยาในเนื้อไก่ คนที่สำนักอู๋จี๋สั่งสอนมา แทบจะไม่กล้าทรยศ”


 


 


ความร้อนรนที่ป้าโจวแสดงออกมาไม่เหมือนแสร้งทำเลย หลานของนางคงจะเป็นหลานแท้ๆ


 


 


เด็กเล็กขนาดนี้ยังแสดงละครไม่ได้ ที่สำนักอู๋จี๋นางก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไร เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเข้าออกสำนักอู๋จี๋ได้ดั่งใจต้องการ


 


 


ในเมื่อเป็นคนสำนักอู๋จี๋ เช่นนั้นก็คงคุ้นเรื่องพิษนักรบไร้ชีพ ป้าโจวขอร้องเธอเช่นนั้นเพราะอยากตายไปพร้อมกับพวกนางหรือ หากคิดเช่นนั้น นางก็จงรักภักดีต่อสำนักอู๋จี๋จริงๆ


 


 


ถึงแม้ยังมีข้อสงสัย แต่ตอนนี้คนก็ตายไปแล้ว จะสอบสวนเรื่องเหล่านี้อีกก็ไม่มีความหมายแล้ว


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 419 ไม่นึกว่าเซียวเหยี่ยนจะขอโทษ


 


 


ก็ไม่รู้ว่าเจียงสือใช้วิธีอะไรควบคุมลูกน้อง ลูกน้องต่างไม่กล้าหักหลังนาง พอพูดถึงนางก็จะตัวสั่นสะท้าน แม้แต่มั่วชิงก็ไม่เว้น


 


 


ถึงแม้วิธีการของเซียวเหยี่ยนจะไม่ได้ใกล้เคียงคำว่ามีมนุษยธรรม แต่ก็เพื่อช่วยพวกเขา หลิงอวี้จื้อก้มหน้า ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร เซียวเหยี่ยนทำสัญญาณให้คนอื่นออกไปให้หมด


 


 


รอจนทุกคนไป ก็กึ่งนั่งกึ่งคุกเข่าลงตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ ยื่นมือออกไปกุมมือทั้งสองข้างของหลิงอวี้จื้อ พูดเบาๆ ว่า


 


 


“อวี้จื้อ ตั้งแต่เล็กจนโต ข้าเผชิญกับอันตรายมานับไม่ถ้วน บางอย่างอาจเป็นสัญชาตญาณ


 


 


ข้าเห็นป้าโจวก็นึกถึงความปลอดภัยของเจ้า เจ้าเสือก็ติดเชื้อพิษแล้ว จำเป็นต้องส่งเขาไป ป้าโจวเป็นคนของสำนักอู๋จี๋ ก็ไม่อาจไว้ชีวิตได้ ข้าเองก็ไม่ชอบฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่คนที่สมควรตายก็เก็บไว้ไม่ได้เด็ดขาด”


 


 


“ข้าเข้าใจความหมายของท่าน แต่เมื่อครู่ข้าตกใจเพราะท่านจริงๆ ไม่พูดอะไรสักคำ มาถึงก็ฆ่าคน คนผู้นี้เพิ่งจะทำกับข้าวให้ข้ากิน ข้า…วันนี้ก็เป็นวันสิ้นปีด้วย ท่านไม่กลัวข้าจะฝันร้ายหรือ”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่รู้ว่าเซียวเหยี่ยนเข้าใจความหมายของเธอหรือไม่ เธอใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีกฎหมาย เคารพยำเกรงเรื่องชีวิตมาก ถึงแม้ว่าจะพยายามเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามอย่างที่สุดแล้ว กับคนเลวก็ลงมืออย่างไม่เหลือความปรานี แต่ไม่มีทางเหมือนเซียวเหยี่ยนที่เด็ดขาดขนาดนั้น ฆ่าคนทันทีโดยไม่ถามไถ่


 


 


ชั่วพริบตานั้น เธอรู้สึกว่าน่ากลัวเหลือเกิน การที่คนจำนวนไม่น้อยในแคว้นเว่ยตะวันตกต่างกลัวเซียวเหยี่ยนก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงยาก เพียงแต่เวลาเซียวเหยี่ยนอยู่ต่อหน้าเธอเขาช่างอ่อนโยนเหลือเกิน ทำให้เธอเริ่มลืมฐานะของเขาไปแล้ว ลืมไปว่าเขาเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการที่มือกุมอำนาจแห่งชีวิตและความตาย


 


 


เซียวเหยี่ยนที่เป็นเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นเคย ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ดีเอามากๆ


 


 


เซียวเหยี่ยนเห็นความสับสนในแววตาของหลิงอวี้จื้อ ใจเขาเต้นตุบ กุมมือหลิงอวี้จื้อแน่นโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่านึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อหลิงอวี้จื้อ


 


 


เรื่องทำนองนี้เมื่อก่อนเขาทำเป็นประจำ เขาเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จะฆ่าใครสักคนนั้นง่ายดายมาก พูดเพียงประโยคเดียวก็พอ


 


 


เขาเคยชินกับการจัดการคนเช่นนี้ ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งสิ้น เขาแค่รู้สึกว่าคนผู้นี้สมควรตายก็พอ


 


 


แต่สำหรับหลิงอวี้จื้อเป็นข้อยกเว้น ทุกเรื่องต้องอธิบายให้ชัดเจน กลัวว่าหลิงอวี้จื้อจะเข้าใจเขาผิด ครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าหลิงอวี้จื้อกลัวเขาแล้วหรือไม่ ในโลกนี้ ใครก็กลัวเขาได้ มีนางเท่านั้นที่กลัวไม่ได้


 


 


“อวี้จื้อ ขอโทษ ข้าเพียงอยากจะปกป้องเจ้า เมื่อครู่จึงไม่ได้สนใจความรู้สึกของเจ้า เจ้าตกใจแล้วใช่หรือไม่”


 


 


น้ำเสียงของเซียวเหยี่ยนอ่อนโยนมาก ลูบมือหลิงอวี้จื้อไปมาเบาๆ


 


 


หลิงอวี้จื้อมองเซียวเหยี่ยนอึ้งๆ มองตาเขา เธอไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม! นึกไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะขอโทษ ตั้งแต่เธออยู่กับเซียวเหยี่ยนมา ยังไม่เคยได้ยินเซียวเหยี่ยนพูดขอโทษมาก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเซียวเหยี่ยนด้วยซ้ำ ก็ยังพูดให้ตัวเองผิดได้ เธอต่างหากที่ผิด


 


 


“ท่านไม่ต้องขอโทษข้า คนที่ควรพูดขอโทษคือข้าต่างหาก ดีที่ท่านมากลับมาทันเวลา มิเช่นนั้นพวกเราคงต้องไปพบยมบาลกันหมดแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อก้มหน้าเหมือนเด็กน้อยที่ทำความผิด เธอหน้าตาเยาว์วัยอยู่แล้ว พอทำสีหน้าเช่นนี้ออกมาก็ทำให้คนตำหนิไม่ลง เซียวเหยี่ยนไม่อาจต้านทานสีหน้าเช่นนี้ของหลิงอวี้จื้อได้เลย ใจแข็งแค่ไหนก็อ่อนลงได้


 


 


“ทำให้เจ้าตกใจเป็นความผิดของข้า ข้าขอโทษเจ้าเรื่องนี้”


 


 


หลิงอวี้จื้อยื่นมือออกไปโอบรอบคอเซียวเหยี่ยน


 


 


“ข้าไม่เป็นอะไร ข้าไม่ดีเอง”


 


 


“เหตุใดปฏิกิริยาแรกของเจ้าถึงไม่เชื่อข้า อวี้จื้อ ในใจเจ้าข้าเป็นคนเลือดเย็นไร้ความรู้สึกใช่หรือไม่”


 


 


หลิงอวี้จื้อซุกศีรษะเข้าไปในซอกคอของเซียวเหยี่ยน ในสายตาเธอเซียวเหยี่ยนกุมอำนาจความเป็นความตายเอาไว้ คงจะไม่เห็นชีวิตคนสำคัญอะไร ถึงแม้จะรักใคร่ทะนุถนอมเธอมาก แต่ก็ปฏิบัติเช่นนี้กับเธอเพียงผู้เดียวเท่านั้น

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม