หมอยาหวานใจท่านประธาน 411-417

 ตอนที่ 410 เขาต้องได้รับการดูแลดีๆ


 


 


ขอเพียงเฉวียนหมิงไม่เป็นไร จะสามารถคลายความโกรธของนายท่านผู้เฒ่าได้ดีที่สุด อีกอย่างในเวลานี้ถ้าเขาพูดอะไรก็คงจะไม่เหมาะ อย่างไรอาการของหลานชายตนเองก็ดีขึ้นแล้ว


 


 


หมิงเย่กับเฟิงฉี่อยู่ที่นี่ จะอย่างไรก็เป็นคนนอก ต่อให้เขาไม่พอใจอีลั่วเสวี่ยอย่างไรก็ไม่อาจพูดออกมาอย่างเปิดเผย ไม่ใช่นั้นก็อาจถูกคนอื่นตำหนิว่าเฉวียนหมิงมีปู่ที่เอาแต่ใจตัวเอง ที่เหลือก็คือเงินและเส้นสาย


 


 


ตอนนี้ถ้าบอกเขาว่าอีลั่วเสวี่ยเป็นผู้บำเพ็ญเพียร เขาคงไม่เชื่อ เกรงว่าอาจคิดว่าเฉวียนหมิงจะใช้ข้ออ้างนี้เพื่อให้คนที่เขารักอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ยิ่งจะเข้าใจเธอผิดมากขึ้น


 


 


อีกอย่างสถานการณ์เป็นผู้บำเพ็ญเพียรบางครั้งไม่สู้ดีนักในสายตาคนอื่น อาจกลัวว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขา ไม่เช่นนั้นทำไมผู้บำเพ็ญเพียรจึงต้องตั้งสำนักต้องรวมกลุ่มกัน


 


 


คิดดูก็มีสาเหตุที่แน่นอน


 


 


“ที่จริงคุณชายเฉวียนอยากบอกว่าเขาต้องพักรักษาตัวดีๆ ระยะหนึ่ง” คำแก้ตัวแทนของหมิงเย่ทำให้นายท่านผู้เฒ่าเลิกสงสัย


 


 


นายท่านผู้เฒ่าพยักหน้า “พูดถูกต้อง ควรจะต้องพักให้ดี เรื่องทางบริษัทก็ให้เหล่าเกาช่วยดูแลเพิ่มขึ้น”


 


 


เหล่าเกายืนอยู่ข้างหลัง พอได้ยินก็รีบผงกหัว แล้วหันมาทางเฉวียนหมิง “นายน้อยวางใจได้ครับ ผมจะช่วยดูแลทางบริษัทให้ดี”


 


 


เฟิงฉี่เบ้ปาก อย่างเขาที่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรนั้นคนทางบ้านล้วนรู้ ไม่จำเป็นต้องปิดบัง ทำไมบ้านนี้จึงต้องคิดวุ่นวายอย่างนี้ จนปัญญาจริงๆ


 


 


หมิงเย่เห็นท่าทางเฉวียนหมิงซาบซึ้งก็ยิ้มที่มุมปาก “จริงด้วยครับนายท่านผู้เฒ่า การพักผ่อนเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญที่สุดคือต้องมีคนคอยดูแลเอาใจใส่ คุณชายเฉวียนอยู่คนเดียว ยุ่งอยู่กับงาน จนบางครั้งลืมพักผ่อน ย่อมส่งผลต่อสุขภาพ”


 


 


นายท่านผู้เฒ่าได้ยิน เข้าใจดีว่าสุขภาพย่อมสำคัญกว่างาน จึงขมวดคิ้วทันที “เรื่องนี้ไม่ยาก พักผ่อนให้ดีก่อนแล้วค่อยว่า ฉันจะคอยควบคุมเอง”


 


 


“ปู่เฉวียนครับ ความหมายของพ่อผมก็คือหาคนที่ดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ขาดตกบกพร่อง ปู่เฉวียนอายุมากแล้ว ถึงจะบอกว่าจะคอยดูแล ไม่แน่ว่าพี่เขยผมจะตกลงด้วย” เฟิงฉี่กลอกตาหนึ่งรอบ พ่อตนยังช่วยรุก เขาจะอยู่เฉยได้อย่างไร


 


 


ทั้งเขายังดูออกว่าพี่ลั่วเสวี่ยของเขาชอบผู้ชายคนนี้จริง เฉวียนหมิงเองก็เป็นคนที่ไม่เลวเลย ทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก


 


 


ในยามหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างนี้นายท่านผู้เฒ่าย่อมตามไม่ทันเล่ห์กลของหมิงเย่กับลูกชาย เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วดวงตาก็เจิดจ้าขึ้นอย่างรวดเร็ว “เรื่องนี้ง่าย ฉันจะให้เหล่าเกาหาแม่บ้านมาสักคน”


 


 


ปัญหาที่ทุกคนกังวลนั้นแก้ไขได้ง่ายมาก เลือกคนที่ดูแลได้ละเอียดรอบคอบ กลัวว่าพวกเขาจะหาไม่ได้หรือไง


 


 


เฉวียนหมิงขมวดคิ้ว “ปู่ครับ ผมไม่ชอบให้คนแปลกหน้าอยู่ที่นี่ อย่าดีกว่าครับ อาเสวี่ย ต่อจากนี้คุณทำอาหารมาให้ผมก็พอแล้ว”


 


 


พอเฉวียนหมิงพูดอย่างนี้ นายท่านผู้เฒ่าย่อมเข้าใจดี เขาเม้มปาก สุดท้ายหันมามองอีลั่วเสวี่ย


 


 


“เธอเป็นภรรยาตามกฎหมายของเสี่ยวหมิง ควรจะดูแลเขา แต่เธอยังนิ่งเงียบ หรือว่าไม่อยากทำ?” หรือคำพูดตนก่อนหน้านี้ทำให้เธอไม่พอใจ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหลานชายตนแล้ว?


 


 


จะให้เขาขอโทษจึงจะพอใจหรือ เขาเป็นปู่ จะขอโทษได้หรือ เท่ากับตบหน้าตัวเอง


 


 


อีลั่วเสวี่ยเห็นท่าทางนายท่านผู้เฒ่าลำบากใจ ก็รู้สึกพอใจ ตาแก่คนนี้ที่จริงปากร้ายแต่ใจดี


 


 


“ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าไม่อยากทำ ทั้งหมดล้วนแต่ปู่คิดไปเอง” เธอยังคิดว่าต่อให้นายท่านผู้เฒ่าไม่เห็นด้วย เธอก็ยังยืนกรานจะอยู่ที่นี่


 


 


 


 


ตอนที่ 411 อีลั่วเสวี่ยตัดสินใจ


 


 


อย่างคราวก่อนที่มีเรื่องกระทบกระทั่งกับนายท่านผู้เฒ่า คฤหาสน์หลังนี้เป็นชื่อของเฉวียนหมิง เธอในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา ย่อมอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย นายท่านผู้เฒ่าไม่มีอำนาจที่จะไล่เธอไป


 


 


“หึ แล้วเธอดูแลคนเป็นไหม ถ้าเกิดเธอดูแลเขา แล้วอาการเสี่ยวหมิงแย่ลงจะทำยังไง ฉันไม่วางใจหรอก” นายท่านผู้เฒ่ายังทำเป็นปากแข็ง พูดอ้างโน่นอ้างนี่


 


 


ที่จริงผ่านมานานขนาดนี้เป็นนายท่านผู้เฒ่าที่พุ่งเป้ามาที่อีลั่วเสวี่ยฝ่ายเดียว ขณะที่เธอไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจ ทำให้เขาเองรู้สึกผิด เพียงแต่ไม่แสดงออกมาเท่านั้นเอง


 


 


ถ้าเป็นคนอื่น ต่อให้ทางครอบครัวตนต่ำต้อยอย่างไร ก็คงไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยแล้ว


 


 


อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “ถ้าปู่ไม่วางใจก็มาดูได้ทุกวัน ดูว่าฉันสามารถทำได้ไหม”


 


 


ขณะนี้สายตาที่เชื่อมั่นอาบอยู่รอบตัวอีลั่วเสวี่ย เธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์ส่งางาม ไม่ว่าพูดหรือทำอะไรก็ล้วนมีแบบแผน มีคุณสมบัติของแม่ศรีเรือนอย่างแท้จริง


 


 


ชั่วพริบตานั่นเองที่นายท่านผู้เฒ่ารู้สึกว่าสองคนนี้ช่างเหมาะสมกันจริงๆ เป็นคู่สร้างคู่สมอย่างแท้จริง


 


 


ไม่ได้ เขาจะหวั่นไหวเพราะคำพูดแค่สองสามประโยคได้อย่างไร “นี่เธอพูดเองนะ ทางที่ดีพูดแล้วขอให้ทำได้”


 


 


เฉวียนหมิงอดยิ้มที่มุมปากไม่ได้เมื่อเห็นปู่อ่อนลงเมื่อถูกอีลั่วเสวี่ยรุกใส่ ปู่ตนที่ชอบวางอำนาจ นอกจากย่าที่สามารถกำราบปู่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นปู่เป็นเช่นนี้


 


 


หมิงเย่มองลูกชายตนเอง จากนั้นจึงบอกว่า “ลั่วเสวี่ยย่อมรู้วิธีดูแลดีอยู่แล้ว ผมไม่ต้องพูดอีก ดึกมากแล้ว เราควรจะกลับแล้ว”


 


 


“หมอหมิง พักค้างคืนที่นี่ก็ได้ ดึกมากแล้ว อย่ากลับเลย” นายท่านผู้เฒ่าชวนให้ค้างคืนที่นี่ ท่าทีเขาเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เขาไม่เคยอ่อนโยนต่ออีลั่วเสวี่ยเช่นนี้


 


 


“ไม่ละครับ พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า คงไม่ค้างแล้ว จากนี้ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาผมได้ครับ” หมิงเย่ยิ้มอย่างสุภาพ ดูอารมณ์ดี


 


 


บางทีอาจเป็นเพราะความอดทนและนิสัยใจคอของหมิงเย่ช่วยให้นายท่านผู้เฒ่าอารมณ์ดีขึ้นบ้าง


 


 


“พี่ลั่วเสวี่ย พี่เขย แล้วพบกันใหม่ครับ” เฉวียนหมิงโบกมือลา จากนั้นก็เดินตามบิดาออกไป


 


 


เหล่าเกายืนอยู่ด้านข้าง เดินออกไปส่งสองพ่อลูก


 


 


นายท่านผู้เฒ่ามองดูเวลา “เอาละ พวกเธอพักผ่อนเถอะ ฉันเองก็ง่วงแล้ว จะไปนอน” จากนั้นเหมือนปากจะพึมพำอะไร แล้วเดินเอามือไพล่หลังออกไปจากห้องของเฉวียนหมิง


 


 


อีลั่วเสวี่ยกับเฉวียนหมิงสบตากันแล้วยิ้ม แล้วส่ายหัวอย่างจนใจ นายท่านผู้เฒ่าทำตัวเป็นเด็กยิ่งขึ้นทุกที อารมณ์แปรปรวนสุดจะคาดเดา


 


 


“อาเสวี่ย ขอบใจนะ” ขอบใจที่เธอให้ความเคารพปู่เขาตลอดมา ไม่ทะเลาะกับปู่ ขอบใจที่เธอคอยคิดแทนเขาทุกเรื่อง


 


 


“ขอบใจอะไร ระหว่างเราต้องพูดคำว่าขอบใจด้วยหรือ คุณพูดเองว่าคุณจะไม่ถือว่าฉันเป็นคนนอก?” อีลั่วเสวี่ยเอียงคอ พูดแหย่เฉวียนหมิง


 


 


ที่จริงนับจากที่เธอบอกฐานะของตนเองออกไป รวมทั้งรู้ว่าเฉวียนหมิงคือพญายม ทำให้ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองลดลงไม่น้อย ส่งผลให้ฉากกั้นที่มองไม่เห็นระหว่างทั้งคู่ไม่รู้ว่าหายไปตอนไหน


 


 


เฉวียนหมิงกอดอีลั่วเสวี่ยไว้ในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม “จริงสิ ระหว่างเราไม่ต้องพูดขอบใจ”


 


 


อีลั่วเสวี่ยซบอกเฉวียนหมิง ฟังเสียงหัวใจที่เต้นอย่างมั่นคงและมีพลัง แล้วตัดสินใจที่จะเล่าความเป็นมาทั้งหมดของเธอให้เขารู้


 


 


“เฉวียนหมิง คุณรู้ไหมนอกจากฉันจะมาจากยุคโบราณแล้ว ฉันยังมีอีกฐานะหนึ่ง?”


 


 


พอเฉวียนหมิงได้ยินดวงตาก็ฉายแววสงสัยออกมา เขานิ่งคิดเล็กน้อย นึกไม่ออกว่ายังมีเรื่องอะไรที่ตนเองไม่รู้


 


 


“ของชิ้นนี้เดิมเป็นของของฉัน คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ยังเป็นของฉัน” เธอจงใจที่จะพูดแหย่ให้เขาสนใจ ไม่พูดออกมาหมด


ตอนที่ 412 เปิดใจให้กว้าง 


 


 


แต่เฉวียนหมิงเป็นใคร เขาฉลาดมาก ไหนเลยจะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของอีลั่วเสวี่ย แล้วมองที่ดวงตาคู่นั้น แววตาที่เคยมองข้ามไป ปรากฏว่าเป็นคนคนเดียวกัน 


 


 


“คุณคือ…อาเสวี่ย คุณมีอะไรให้แปลกใจมากเหลือเกิน” เฉวียนหมิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หมอปีศาจที่ทำให้คนรวยทั้งหลายในโรงประมูลใต้ดินพากันแปลกใจอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง ยังเป็นนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบด้วย 


 


 


คำพูดนี้ถ้าเผยแพร่ออกไป เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อ ก่อนหน้านี้ที่โรงประมูลใต้ดินได้ข่าวว่าเธอคนเดียวจัดการกับพวกที่ล่าเธอ ข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็เป็นฝีมือเธอทำ 


 


 


อีลั่วเสวี่ยยิ้มที่มุมปาก นั่งลงบนโซฟา “ฉันยังคิดว่าคุณน่าจะเดาได้นานแล้ว คิดไม่ถึงว่าฉันจะรู้ฐานะคุณก่อน” ที่จริงคราวก่อนที่เฉวียนหมิงเอาแหวนหยกให้เธอ เธอก็สงสัยแล้ว 


 


 


แต่เพราะตอนนั้นเธอไม่ได้สืบลึกลงไป บวกกับไม่อยากวิเคราะห์เฉวียนหมิงมากเกินไป เพราะยิ่งเข้าใจเขามากขึ้น ตัวเองก็จะเผยตัวออกไปโดยไม่รู้ตัว 


 


 


เฉวียนหมิงได้ยินที่เธอพูดล้อเล่นก็นั่งลงข้างเธอ “ใครให้คุณปิดบังตัวตนดีเกินไป ผมยังไม่อาจรู้ได้ แต่ว่าเรื่องแหวนหยกเป็นยังไงกันแน่ ทำไมหลิ่วเฟยซวงวกับคนอื่นถึงมีแหวนด้วย?” 


 


 


และเป็นเพราะสาเหตุนี้ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถอาศัยสิ่งภายนอกเพื่อมองออกว่าเป็นอีลั่วเสวี่ย หลังจากนั้นแหวนก็ปรากฏขึ้นในตลาด ทั้งยังมีมากมายด้วย 


 


 


“แน่นอนว่านั่นเป็นแผนของฉัน มีคนมากมายอยากได้ แทนที่จะเอาซ่อนไว้ สู้เอาออกมาใช้อย่างเปิดเผยยังดีกว่า เพราะอย่างไรเจ้าของแหวนที่แท้จริงก็คือฉัน” 


 


 


ของของตนเองแท้ๆ ไม่ใส่ออกมาอย่างเปิดเผย แล้วจะมีประโยชน์อะไร 


 


 


เฉวียนหมิงพยักหน้า “มีเหตุผล แต่ว่ายังต้องระวังคนอย่างซีเหมินหลงเซี่ยว คนคนนี้ไม่ธรรมดา” เดิมเขาไม่ใส่ใจจุดมุ่งหมายที่ฝ่ายนั้นมายังเมืองเอฟ แต่เวลานี้รู้แล้วว่าเป้าหมายเขาคืออีลั่วเสวี่ย เฉวียนหมิงไม่อาจเพิกเฉย 


 


 


“วางใจเถอะ ฉันยังไม่ใส่ใจเขาเลย อีกอย่างคุณคิดว่าที่นี่มีใครที่จะเอาชนะฉันได้หรือ?” นอกจากพื้นฐานดั้งเดิมของเธอเองแล้ว เธอยังมี**บมหาสมบัติอย่างร้านค้าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงด้วย 


 


 


คิดดูแล้วก็ใช่ ทำให้เฉวียนหมิงค่อยรู้สึกคลายความกังวล “แต่จะประมาทไม่ได้ เป้าหมายของซีเหมินหลงเซี่ยวคือแหวนหยกในมือคุณ จะต้องมีแผนร้ายที่เราไม่รู้” 


 


 


“ไม่ว่าเรื่องอะไร ฉันจะไม่ยอมให้เขาสมหวัง จริงสิ ฉันจะแนะเพื่อนให้คุณรู้จัก” อีลั่วเสวี่ยกะพริบตา มองไปที่เจ้าลูกบอลเงินที่ลอยอยู่กลางอากาศ 


 


 


ลูกบอลเงิน “แม่คุณ เจ้าคิดจะทำอะไร?” 


 


 


อีลั่วเสวี่ยฉีกยิ้ม “ไม่ทำอะไร มา ลงมาทำความรู้จักกัน ก่อนนี้เจ้าเคารพนับถือเฉวียนหมิงมากไม่ใช่หรือ มา ฉันจะแนะนำให้เจ้ากับเขารู้จักกันไว้” 


 


 


เฉวียนหมิงสับสน “อาเสวี่ย คุณทำอะไรของคุณ?” 


 


 


“อย่าใจร้อน เดี๋ยวคุณก็รู้เอง” อีลั่วเสวี่ยยิ้มอย่างขี้เล่น แล้วเริ่มคุยกับเจ้าลูกบอลเงิน 


 


 


“แม่คุณ อย่าวุ่นวาย อย่าเปิดผยฐานะของเราต่อคนบนโลกจะดีกว่า ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาขึ้นได้” ความรับรู้ของมนุษย์บนดาวดวงหนึ่งจะค่อยๆ เรียนรู้เพิ่มขึ้นตามการพัฒนาของพวกเขา แต่ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเปิดเผยตัวเอง ไม่ได้หรอก 


 


 


“ให้เขาเก็บเป็นความลับก็ไม่ได้หรือ?” อีลั่วเสวี่ยสงสัย ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกก็ควรถามให้ชัดเจนก่อนค่อยพูด 


 


 


ลูกบอลเงินลังเลเล็กน้อย “งั้นเจ้าถามเขาก่อนแล้วค่อยว่า” 


 


 


จากนั้นอีลั่วเสวี่ยก็ขอให้เฉวียนหมิงรับประกัน ยังล็อคประตูห้องแล้วจึงส่งสัญญาณให้เจ้าลูกบอลเงินปรากฏตัว 


 


 


“นี่มันตัวอะไร?” ลูกบอลสีเงินลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้าเฉวียนหมิง เขาประหลาดใจมาก 


 


 


“ข้าก็คือสิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าเทคโยโลยีจากต่างดาว พูอง่ายๆ ก็คือข้าคือนิ้วทองคำของอาเสวี่ยบ้านเจ้า คอยฟังคำสั่งของนาง กำไลที่เจ้าเอาให้นางก็คือผลิตภัณฑ์จากดาวของข้า เอาละ ไม่พูดมากแล้ว ขอให้เก็บเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับข้าเป็นความลับ ข้าขอตัวก่อน” จากนั้นก็มีแสงสีขาววาบขึ้น มันหายไปแล้ว 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 413 ใจหวั่นไหว 


 


 


ตามข้อตกลงที่ทำไว้ นอกจากอีลั่วเสวี่ยแล้ว มันจะไม่ให้ใครพบเห็น คนอื่นก็มองไม่เห็นมัน เมื่อกี้ที่ทำให้เฉวียนหมิงมองเห็นนั้นที่จริงมันใช้เครื่องโปรเจคเตอร์ฉายข้อมูลซึ่งเหนือกว่าการฉายภาพแบบโฮโลแกรม  


 


 


ดูแล้วเหมือนตัวจริง ทั้งยังได้ยินเสียงด้วย 


 


 


“มัน?” เฉวียนหมิงอยากพูดอะไร แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดจากตรงไหน มนุษย์ต่างดาวหน้าตาแบบนี้หรือ ไม่น่าใช่ เทคโนโลยีขั้นสูงจากต่างดาว ก็คือคนที่มีสติปัญญาระดับสูง คงเหมือนที่พวกเขาเห็นในทีวี 


 


 


นอกจากโลกแล้วยังมีมนุษย์ต่างดาวจริงๆ นี่เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่านี่เป็นความคิดที่วาบขึ้นในหัวเฉวียนหมิงเท่านั้น เขาจะเก็บทั้งหมดไว้เป็นความลับ 


 


 


เมื่อครู่อาเสวี่ยพูดแล้ว เจ้าสิ่งที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงนี้ติดตามเธอตลอดมา ถ้าถูกค้นพบล่ะก็ เธอเกรงว่าตัวเธอจะถูกจับไปพร้อมกับมันด้วยเพื่อทำการวิจัย จะเปิดเผยไม่ได้เด็ดขาด 


 


 


อีลั่วเสวี่ยเห็นท่าทางเฉวียนหมิงเช่นนี้ก็ยิ้มแล้วอธิบาย “มันก็เป็นอย่างนี้แหละ คุณไม่ต้องแปลกใจ เดี๋ยวก็คุ้นเอง” 


 


 


เฉวียนหมิงได้ฟังก็พยักหน้า “อาเสวี่ย เรื่องนี้คุณยังบอกให้คนอื่นรู้อีกไหม เพราะอย่างมัน ถ้ามีคนรู้ว่ามีมันอยู่ อาจจะทำให้เกิดเรื่องเดือดร้อนได้” 


 


 


“มีคุณคนเดียวที่รู้ว่ามีมันอยู่” คำพูดของอีลั่วเสวี่ยให้เฉวียนหมิงซาบซึ้ง ความลับที่ใหญ๋เช่นนี้เธอก็ยังบอกให้เขารู้ แสดงว่าเธอถือเขาเป็นคนของตนเอง 


 


 


เขาชำเลืองมองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรัก มองดูใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอ ดวงตาสดใสที่ราวกับจะพูดได้ เฉวียนหมิงรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วขึ้นทุกที ไม่รู้ทั้งสิ้นว่าตนเองอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร 


 


 


เขาเข้าใจเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคืออยากกอดหญิงสาวตรงหน้าไว้ในอ้อมอก อยากกอดเหลือเกิน แล้วเขาก็ทำอย่างนั้นแล้วจริงๆ ก้มหน้าลงจุมพิดริมฝีปากสีชมพู 


 


 


“อาเสวี่ย…” ถึงตอนนี้เสียงที่มีเสน่ห์ดังขึ้น ราวกับเสียงที่จะคร่าวิญญาณ อีลั่วเสวี่ยรู้สึกว่าตัวเองลืมคิดทุกอย่างแล้ว เพียงแต่ตะลึงมองใบหน้าที่งดงามตรงหน้า 


 


 


จนกระทั่งริมฝีปากถ่ายทอดความรู้สึกอบอุ่นมาเธอจึงรู้ว่าอะไร มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ประสานกับการกระทำของเขา แล้วยื่นมือออกไปกอดเฉวียนหมิงไว้ 


 


 


เฉวียนหมิงรู้สึกหัวใจยิ่งวาบหวานขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดก็เป็นฝ่ายรุกด้วย เหมือนได้รับกำลังใจ 


 


 


ลูกบอลเงิน “ต๊ายตาย เห็นว่าไม่มีข้าอยู่ใช่ไหม? ช่างเถอะ ข้าไปจะดีกว่า ขืนดูต่อไปอาจจะถูกตี” ถูกตี? คงไม่ใช่แค่ถูกตีง่ายๆ อย่างนี้หรอก อาจจะถูกอีลั่วเสวี่ยที่รู้ตัวจับถอดเป็นชิ้นๆ ก็ได้ 


 


 


เจ้าลูกบอลเงินคิดทบทวนผลได้ผลเสียแล้ว ตัดสินใจรักษาชีวิตไว้ก่อนปลอดภัยกว่า ดูแล้วหนีไปเป็นแผนการที่ดีที่สุด จากนั้นก็ค่อยๆ ทะลุผ่านผนังห้องออกไปเงียบๆ ไปให้พ้นจากห้องที่ทำให้คนเลือดพลุ่งพล่านได้ 


 


 


พอไม่มีเจ้าลูกบอลเงินคอยรบกวน อีลั่วเสวี่ยกับเฉวียนหมิงก็กอดกันแน่นขึ้น แนบชิดกันยิ่งขึ้น อุณหภูมิในห้องกำลังสูงขึ้น ในความเงียบสงบมีเพียงเสียงหายใจของทั้งคู่ 


 


 


“เฉวียนหมิง…ฉัน” อีลั่วเสวี่ยรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ขณะที่กำลังจะบอกว่าขอดื่มน้ำ แต่เฉวียนหมิงไม่ให้โอกาสเธอ ที่อยากพูดจึงต้องกลืนลงไป 


 


 


เดิมทั้งสองกอดกันอยู่ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเฉวียนหมิงพิงลงไปบนโซฟา อีลั่วเสวี่ยก้มหน้าลงไล่ตามริมฝีปากเขา เป็นภาพที่ดูร้อนแรงอย่างยิ่ง 


 


 


“เสวี่ย อาเสวี่ย…” เฉวียนหมิงร้องครางด้วยความรัก อีลั่วเสวี่ยได้แต่พูดตอบอย่างสับสน ส่งเสียงร้องครางเบาๆ 


 


 


ทั้งคู่ลืมไปแล้วว่ากำลังทำอะไร รู้สึกเพียงแต่ว่าไม่อยากผละไปจากอีกฝ่าย อยากเข้าใกล้อีกนิด เข้าใกล้อีก 


 


 


นอกคฤหาสน์เป็นค่ำคืนที่มืดและเงียบสงัด ไม่ได้ยินเสียงใดๆ ลมต้นฤดูใบไม้ร่วงหนาวเย็นเล็กน้อย แต่ในห้องกับร้อนดุจแสงแดดในฤดูร้อน 


ตอนที่ 414 ผมจะรอคุณ 


 


 


และแล้วทั้งคู่ก็ไม่อยากหยุดอยู่เพียงแค่นี้ ทั้งสองต่างดึงถอดเสื้อผ้าของกันและกัน เฉวียนหมิงซึ่งใส่เสื้อเชิร์ตถูกอีลั่วเสวี่ยดึงทึ้งออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นแผ่นอกราบเรียบที่น่าดู 


 


 


เขารู้สึกถึงการลงมือทำอย่างใจถึงของอีลั่วเสวี่ย ทำให้สมองเขายิ่งสับสน จุดหนึ่งบนร่างกายตึงขึ้นจนรู้สึกเจ็บ ทำให้อยากเสาะหาที่ที่ร่มเย็นเพื่อพัก 


 


 


มือเฉวียนหมิงเลื่อนจากเอวขึ้นไปข้งบนอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่ามาถึงส่วนที่ชูชันข้างหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ กระต่ายน้อยแสนส่วยที่เปี่ยมด้วยความยืดหยุ่นทำให้เขาหายใจแรงขึ้น 


 


 


ขณะที่ถึงตอนนี้สติของทั้งคู่กลับมาบ้าง ทั้งสองแยกออกจากกันเล็กน้อย หายใจหอบพลางมองกันและกัน 


 


 


ขณะนี้ใบหน้าอีลั่วเสวี่ยแดงเรื่อ ราวกับดอกท้อเดือนสาม เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของบุปผา เห็นแล้วลุ่มหลงจนไม่อยากเบนสายตาออกไป ขณะที่ดวงตาที่ชวนให้หลงใหลของเธอยิ่งทำให้ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ 


 


 


เฉวียนหมิงมีความรู้สึกเช่นนี้ครั้งแรก ถึงกับกลืนน้ำลายหนักๆ ดวงตาที่ลึกล้ำหมองลง เม้มริมฝีปากแน่น แต่มือไม่ผละออกจากตัวกระต่าย 


 


 


ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่ เขาเพียงแต่อยากอยู่อย่างนี้นานอีกหน่อย 


 


 


“อาเสวี่ย ผม…ผมไม่ได้ตั้งใจ” ดวงตาเฉวียนหมิงฉายแววรู้สึกผิดออกมา เขายกร่างขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อีลั่วเสวี่ยเขยิบถอยไปข้างหลัง แล้วนั่งทับลงบนของบางอย่างพอดี  


 


 


เป็นเสมือนท่อนไม้ที่ตั้งขึ้น แม้ว่ามีกางเกงกั้นอยู่ ก็ยังราวกับสามารถรู้สึกถึงความร้อนผ่าวของมัน แต่ปฏิกิริยาของอีลั่วเสวี่ยสงบนิ่งมาก ไม่ได้ลุกพรวดขึ้นทันที 


 


 


เพราะทำอย่างนั้นเฉวียนหมิงก็จะถูกเปิดเผยโดยตรง ไม่รู้ว่าเขาจะกระดากมากแค่ไหน 


 


 


เฉวียนหมิงกลืนน้ำลาย เขาไม่รู้ตัวว่าอีลั่วเสวี่ยพบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบนตัวเขา เขาข่มความตื่นเต้นในใจ ช่วยอีลั่วเสวี่ยจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ 


 


 


“อาเสวี่ย อย่าโกรธนะ ผมผิดเอง ผม…” 


 


 


เขายังพูดไม่จบก็ถูกอีลั่วเสวี่ยยื่นมือมาปิดปาก “คุณไม่ต้องขอโทษหรอก ชายกับหญิงอยู่ในห้องเดียวกันตามลำพัง อารมณ์ร้อนแรง เกิดความรู้เร่าร้อนขึ้น ไม่ใช่เรื่องแปลก อีกอย่างฉันเองก็มีส่วนรับผิดชอบไม่ใช่หรือ?” 


 


 


ถ้าเธอไม่ตอบสนอง จะกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร 


 


 


เฉวียนหมิงได้ยินเช่นนั้น ความรู้สึกอึดอัดก็หายไป แทนที่ด้วยความชื่นชม ที่อาเสวี่ยพูดหมายความว่าที่จริงเธอเองก็จมอยู่ในห้วงรักเช่นกัน เพราะเธอก็รักเขา 


 


 


“ยิ้มอย่างนั้นทำไม?” ใบหน้าอีลั่วเสวี่ยแดงมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเฉวียนหมิงเบ่งบานมากขึ้น 


 


 


“อาเสวี่ย ผมต้องการคุณ คุณเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น” ทันใดนั้นเฉวียนหมิงก็ดึงตัวอีลั่วเสวี่ยไว้ จดริมฝีปากของตนเองลงไป สองมือเริ่มลูบคลำกระต่ายน้อยแล้ว 


 


 


ว่ากันว่าในเวลาอย่างนี้ผู้ชายล้วนต้องการอยู่กับหญิงที่ตนเองรักที่สุด เฉวียนหมิงเองก็ไม่ยกเว้น ขณะนี้เขาต้องการอีลั่วเสวี่ยเท่านั้น คิดถึงเธอคนเดียว 


 


 


ทั้งคู่นัวเนียกันครู่หนึ่ง แววตาอีลั่วเสวี่ยดูเลื่อนลอย แล้วรู้สึกเหมือนที่หว่างขาของตนเองมีอะไรบางอย่าง ความรู้สึกเขินอายทำให้เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย 


 


 


บังเอิญเฉวียนหมิงมองเห็นท่ากระทำเล็กน้อยของเธอ เขาจึงหยุดมือ เปลี่ยนเป็นกอดเธอแทน 


 


 


“ผมใจร้อนเกินไป อาเสวี่ย ผมจะรอจนถึงเวลาที่คุณยอมรับผม ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม” ใช่ เขาไม่ควรเห็นแก่ตัวเกินไป อายุขัยเขาเหลือเพียงไม่กี่ปีแล้ว 


 


 


แต่เธอต่างออกไป เธอเป็นผู้บำเพ็ญเพียร นอกจากจะมีอายุขัยยืนยาวแล้ว ใบหน้าจะไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเขาอยู่ร่วมกับเธอ รอจนเขาจากไปแล้ว เธอจะทำอย่างไร ผู้ชายคนอื่นจะรังเกียจเธอหรือไม่ 


 


 


ไม่ เขาจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ ไม่ได้ 


 


 


พอเฉวียนหมิงคิดเช่นนี้ อารมณ์ก็สงบลง ค่อยๆ ผลักอีลั่วเสวี่ยออก ลุกขึ้นนั่ง แล้วพยายามฉีกยิ้ม “ขอโทษนะ อาเสวี่ย” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 415 วิตกอนาคตของเธอ 


 


 


อีลั่วเสวี่ยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเฉวียนหมิง ทำให้เธอสับสนจนทำอะไรไม่ถูก เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพราะเจอเรื่องแบบนี้ครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร 


 


 


“ฉันบอกแล้ว คุณไม่ต้องขอโทษ”  


 


 


“อืม ผมไม่ขอโทษ” เฉวียนหมิงพูด แล้วกอดอีลั่วเสวี่ยให้มาพิงข้างตัวตนเอง ในใจนอกจากกระสับกระส่ายและไม่อยากหยุดแล้ว ก็เป็นการโทษตัวเอง ตัวเขาเมื่อกี้เกือบจะทำร้ายเธอแล้ว อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น 


 


 


อีลั่วเสวี่ยหันมา เงยหน้ามองเฉวียนหมิง “คุณเป็นอะไรไป ทำไมไม่ทำต่อ ฉันไม่อยากให้คุณรอ ฉันพร้อมแล้ว” 


 


 


ได้ยินว่าในเวลาอย่างนี้ผู้ชายจะอดกลั้นไม่ได้ ไม่เช่นนั้นถัดมาจะรู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง เมื่อกี้เฉวียนหมิงคงคิดว่าเธอไม่ต้องการ ไม่ได้เตรียมใจ เขาจึงชะงัก 


 


 


ผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะคำนึงแทนเธอ กลัวว่าจะส่งผลร้ายต่อเธอ 


 


 


เฉวียนหมิงได้ยินที่อีลั่วเสวี่ยพูดก็รู้สึกตื้นตันใจ เกือบจะสลัดการตัดสินใจเมื้อกี้ของตนเองทิ้งไป แต่เขาก็สงบใจลงอย่างรวดเร็ว “อาเสวี่ย ผม…” คำพูดมาถึงปาก แต่เขากลับไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี 


 


 


อีลั่วเสวี่ยรอเขาพูดต่อ แต่กลับไม่มีประโยคต่อมา ทำให้รู้สึกคาใจ 


 


 


ผ่านไปครู่หนึ่งอีลั่วเสวี่ยก้มหน้าลงจ้องมองที่จุดหนึ่งบนตัวเฉวียนหมิง ลังเลเล็กน้อยแล้วพูด “เฉวียนหมิง เป็นเพราะผลกระทบจากโรคใช่ไหม ทำให้ชะงัก?” แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เมื่อกี้เธอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเฉวียนหมิงแล้ว 


 


 


เฉวียนหมิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกกะอักกะอ่วน เขาคิดไม่ถึงว่าที่ตนเองชะงักไป กลับทำให้อีลั่วเสวี่ยเข้าใจผิดว่าเขาไร้สมรรถภาพ เขาบอกเมื่อไหร่ว่าเขาไร้สมรรถภาพ ที่จริงเก่งด้วยซ้ำ 


 


 


อีลั่วเสวี่ยเห็นเฉวียนหมิงนิ่งเงียบไป จึงตบไหล่เขาเบาๆ “เราผูกพันกันขนาดนี้ มีอะไรที่พูดไม่ได้ เรื่องนี้คนโลกนี้อาจจะรู้สึกเป็นปัญหาบ้าง แต่ไม่เป็นไร คุณลืมฐานะฉันแล้วหรือ รักษาให้หายได้แน่นอน” 


 


 


“อาเสวี่ย!” เฉวียนหมิงพูดเสียงดังขึ้น รู้สึกเขิน ทั้งคู่ถึงกับคุยกันเรื่องนี้แล้ว 


 


 


“หือ?” อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า แสดงท่าทีว่ากำลังตั้งใจฟัง 


 


 


เฉวียนหมิงมองเธออย่างครุ่นคิด แล้วกุมมือเธอ “อาเสวี่ย ผมไม่อยากทำร้ายคุณ เวลาของผมเหลือไม่มากแล้ว ผมไม่อยากให้ในอนาคตคุณต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีผม ยังสามารถมีคนอื่นคอยคุ้มครองคุณ แต่ถ้าผมทำอะไรกับคุณ งั้น…” 


 


 


เขายังพูดไม่จบ อีลั่วเสวี่ยก็โถมตัวมาข้างหน้า ยกมือปิดปากเขาทันที 


 


 


อีลั่วเสวี่ยลงโทษเฉวียนหมิงด้วยการกัดริมฝีปากเขา แล้วพูดอย่างท้าทาย “ใครใช้ให้คุณคิดอะไรบ้าๆ ถึงฉันจะมาจากยุคโบราณ แต่ก็มีความคิดอย่างคนสมัยนี้ อีกอย่าง ฉันเลือกคุณแน่นอนแล้ว ก็คือคุณ ชาติก่อนฉันอยู่มายี่สิบกว่าปีก็อยู่คนเดียวไม่ใช่หรือ ความรักสำหรับฉันแล้ว หลักการก็คือรักเดียวใจเดียว” 


 


 


พ่อคนหน้าโง่ ที่แท้เขากลัวว่าหลังจากที่เขาจากไปแล้ว ถ้าเธอเคยมีอะไรกับเขา วันหน้าจะหาแฟนใหม่ อาจจะถูกรังเกียจ ไม่ได้มองเลยว่าคนอย่างอีลั่วเสวี่ยเป็นอย่างไร คนของเธอ เธอจะยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ 


 


 


“อาเสวี่ย ผม…” 


 


 


อีลั่วเสวี่ยเกรงว่าเฉวียนหมิงจะยังคงกังวลอีก เธอยื่นมือไปจับสองแขนเขาไว้ เฉวียนหมิงรู้สึกเหมือนท้องฟ้าหมุนพื้นดินเคลื่อน พอตั้งสติได้ก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องของตนแล้ว ส่วนอีลั่วเสวี่ยมองตนเองจากที่สูงลงมา 


 


 


“เฉวียนหมิง ฟังให้ดีนะ วันหน้าคุณเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น แน่ละ ฉันก็เป็นของคุณเท่านั้น” ในเมื่อเขาไม่เป็นฝ่ายรุก งั้นเธอรุกเอง เขาจะได้ไม่ต้องคิดเพ้อเจ้อทั้งวัน 


 


 


ผ่านเรื่องเมื่อครู่ อีลั่วเสวี่ยจึงรู้ว่าเฉวียนหมิงวิตกกับเรื่องนี้ตลอดมา 


 


 


ถ้าเช่นนั้นให้เธอกินเขาซะ ทำอย่างนี้แล้วเขาก็จะไม่คิดมากแล้ว ขั่วขณะนั้นอีลั่วเสวี่ยเป็นเหมือนราชินีผู้ทรงอำนาจ คำสั่งของเธอ เฉวียนหมิงต้องผงกหัวคล้อยตามเท่านั้น 


 


 


“ได้” 


 


 


อีลั่วเสวี่ยยิ้มเมื่อได้ยินคำนี้ แล้วก้มตัวลง งับริมฝีปากที่บางของเขา 


ตอนที่ 416 มอบตัวเองให้ 


 


 


เฉวียนหมิงตะลึงกับการกระทำของอีลั่วเสวี่ย คิดไม่ถึงว่าเธอซึ่งปกติดูอ่อนโยนและเก็บตัวกลับมีด้านที่กล้าแสดงออก น่าแปลกใจจริงๆ 


 


 


เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขายุติกลางคันสองครั้งแล้ว จนอีลั่วเสวี่ยนึกโมโห จึงต้องตีโต้ 


 


 


ทั้งคู่แนบชิดกัน เสื้อผ้าค่อยๆ หลุดออกหมด ในห้องร้อนขึ้นทีละน้อย 


 


 


สุดท้ายเฉวียนหมิงยึดครองพื้นที่ด้านบน เขามองจากข้างบนลงมา มองดูอีลั่วเสวี่ยซึ่งขณะนี้ดวงตาเคลิบเคลิ้ม “อาเสวี่ย ผมมาแล้ว” 


 


 


สองมือของอีลั่วเสวี่ยแตะบนแผ่นหลังของเขา พอเธอได้ยินก็ไม่กล้าลืมตามองเขา แล้วร้องอืมเบาๆ ราวกับแมวคราง 


 


 


พอได้รับอนุญาตเฉวียนหมิงจึงก้มตัวลงไป ค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้า เริ่มโจมตีเมือง 


 


 


ทั้งคู่ต่างไม่มีประสบการณ์ ชั่วขณะนี้ยังค้นหาไม่เจอ จนหน้าผากมีเหงื่อผุดออกมา ยังดีที่เรื่องทำนองนี้เรียนรู้เองได้โดยไม่ต้องมีครู แล้วเฉวียนหมิงก็พบหลักเกณฑ์อย่างรวดเร็ว ใช้อาวุธของเขาเริ่มโจมตีคูเมือง ในห้องเริ่มได้ยินเสียงหายใจของทั้งคู่ ช่างอ่อนหวานและเข้มข้น 


 


 


ความเจ็บปวดตอนแรกทำให้อีลั่วเสวี่ยกัดฟัน เจ็บจริงๆ แต่ไม่นานก็ถูกความอ่อนโยนของเฉวียนหมิงเอาชนะ ลืมความทุกข์ตอนแรกไป คอยคล้อยตามจังหวะของเขาเริ่มรู้สึกหฤหรรษ์อย่างน่าประหลาด 


 


 


เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมคนจึงชอบเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องที่ทำให้ต่างลุ่มหลงอย่างแท้จริง โดยเฉพาะคนสองคนที่รักกัน ในฉันมีคุณ ในคุณมีฉัน สัมผัสกันอย่างแนบแน่น 


 


 


อีลั่วเสวี่ยคิดไม่ถึงว่าตนเองมาที่โลกนี้ไม่ถึงปีกลับเปิดหัวใจตัวเองออก รู้จักรัก ทั้งวันนี้ยังมอบตนเองออกไปแล้ว 


 


 


“เฉวียนหมิง” จากนั้นเธอก็ไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้อีก รู้เพียงว่าระหว่างนั้นการเรียกชื่อเฉวียนหมิงดูเหมือนจะช่วยให้เธอมีความรู้สึกปลอดภัย 


 


 


ใบหน้าเฉวียนหมิงแนบที่ลำคอเธอ หายใจไอร้อนออกมา “อาเสวี่ย ผมอยู่นี่” ปากพูดแต่ไม่หยุด ทำทีละน้อยอย่างมีจังหวะ เชื้อเชิญอีลั่วเสวี่ยให้มีความสุขด้วยกัน 


 


 


ผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง ขณะที่อีลั่วเสวี่ยรู้สึกว่าตนเองอ่อนแรง ในที่สุดเฉวียนหมิงก็หยุดการกระทำ ปลดปล่อยตัวเอง 


 


 


จากนั้นเขาก็ค่อยๆ พลิกตัว ให้อีลั่วเสวี่ยซึ่งอยู่ด้านล่างเปลี่ยนขึ้นมาด้านบน ตัวเองกลายเป็นเบาะมนุษย์ ส่วนเธอแอบอิงบนตัวเขาอย่างพึงพอใจ รู้สึกถึงเสียงหัวใจเขาที่เต้นแรง 


 


 


เฉวียนหมิงกอดอีลั่วเสวี่ยไว้ในอ้อมอก ในดวงตาเปี่ยมด้วยความรัก 


 


 


อีลั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว “ข้างนอกมีข่าวลือว่าคุณไร้สมรรถภาพ ที่แท้เป็นเรื่องหลอกลวง” ไร้สมรรถภาพอะไรกัน ที่แท้มีสมรรถภาพดีขนาดนี้ ถ้าเป็นร่างกายเจ้าของร่างเดิมก่อนที่เธอจะทะลุมิติมา ถึงตอนนี้จะมีเรี่ยวแรงหรือ 


 


 


เฉวียนหมิงได้ยินก็ขมวดคิ้ว “เป็นเพราะพวกนั้นไม่รู้ แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ขอเพียงอาเสวี่ยคุณรู้ก็พอ” คำพูดที่แฝงด้วยการเย้าแหย่ ทำให้หัวใจอีลั่วเสวี่ยหวานชื่นและเขินอาย 


 


 


เธอยื่นมือมาหยิกกล้ามเนื้อที่หน้าอกเฉวียนหมิง “รู้จักพูดคำหวานอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกมา คุณเคยพูดกับหญิงสาวคนอื่นไหม?” 


 


 


ผู้หญิง ต่อให้แข็งกร้าวหยิ่งผยองอย่างไร ในบางเวลาก็อาจเปลี่ยนเป็นนกน้อยที่น่ารัก อย่างเช่นอีลั่วเสวี่ยในขณะนี้ เป็นหมือนเด็กสาวที่จมลึกอยู่ในห้วงรัก เอาแต่ใจตัวเองบ้าง 


 


 


“ไม่เคย คำพูดนี้ เรื่องนี้ ผมเคยพูดและทำกับคุณคนเดียวเท่านั้น อาเสวี่ย ผมรักคุณ” มือที่อบอุ่นของเฉวียนหมิงเกี่ยวศีรษะของอีลั่วเสวี่ยให้มาแนบบนริมฝีปากบางของเขา 


 


 


เดิมทีอีลั่วเสวี่ยกำลังดีใจ แต่เมื่ออาวุธของเขาเริ่มขยายตัวออก ทำให้ดวงตาเธอเบิกกว้าง คงไม่นะ จะไม่พักบ้างหรือ? 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 417 ความสามารถของผู้บำเพ็ญเพียร 


 


 


“เฉวียนหมิง คุณนะคุณ!” อีลั่วเสวี่ยทั้งอายทั้งโมโห กัดฟันแน่น ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เขาเป็นอย่างนี้ทำให้เธอนึกถึงความรู้สึกเมื่อครู่ 


 


 


เฉวียนหมิงยิ้มที่มุมปาก ดวงตาที่ล้ำลึกฉายแววตาที่ชวนให้หลงใหล “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม ผมเองก็ควบคุมไม่ได้ อาเสวี่ย…” 


 


 


เขาพึมพำออกมา แล้วเริ่มขยับตัวอีก อีลั่วเสวี่ยที่ลุกขึ้นแล้วกลับอ่อนปวกเปียกลงทันที ยอมตามความปรารถนาของเฉวียนหมิง 


 


 


ผ้าห่มถูกทั้งคู่ถีบตกลงไปจากเตียง ห้องที่เดิมดูเรียบร้อยขณะนี้ดูรกไปหมด 


 


 


อีลั่วเสวี่ยเป็นผู้บำเพ็ญเพียร บาดแผลได้รับการซ่อมแซมแล้ว ดังนั้นจึงสามารถรับมือกับเฉวียนหมิงได้อีก ต่อมาไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ทั้งสองเริ่มรอบใหม่อีก 


 


 


ทั่วทั้งห้องกลายเป็นอาณาเขตของพวกเขา ปล่อยให้ทั้งคู่ครอบครอง 


 


 


อีลั่วเสวี่ยซึ่งรักเฉวียนหมิงจากก้นบึ้งของหัวใจคอยประสานกับเขา ผู้ชายคนนี้รักษาเนื้อรักษาตัวมายี่สิบกว่าปีแล้ว ครั้งนี้ได้ลองลิ้มรสแล้ว จะยอมหยุดได้อย่างไร 


 


 


เขาไม่สามารถควบคุมความปรารถนาของตนเองได้ เป็นเพราะเขารักเธอ 


 


 


วุ่นวายกันครึ่งคืน สุดท้ายทั้งสองจึงได้พักผ่อน อีลั่วเสวี่ยนอนซบในอ้อมกอดของเฉวียนหมิง ใช้มือเขี่ยนิ้วที่เรียวยาวของเขาเล่น 


 


 


“คุณยังมีแรงเหลืออยู่ คงเพราะผมยังทุ่มเทไม่พอ” เฉวียนหมิงชำเลืองมองเธอ แล้วจูบหน้าผากเธออย่างอ่อนโยน น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความสุข 


 


 


อีลั่วเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ขยับสองขาอย่างไม่รู้ตัว เธอไม่อยากลองความรู้สึกปวดแสบนั่นแล้ว อย่างน้อยสองสามวันนี้คงไม่คิดเด็ดขาด 


 


 


แต่น่าเสียดายที่เธอประเมินความสามารถในการฟื้นฟูของผู้บำเพ็ญเพียรต่ำเกินไป รวมทั้งที่เฉวียนหมิงดูดรับพลังทิพย์ที่เธอถ่ายทอดให้โดยที่เขาไม่รู้ตัว ทำให้ร่างกายเขาไม่เหมือนคนทั่วไป อย่างน้อยถ้ามองข้ามอาการป่วยของเขา ก็ถือว่าเขาแข็งแรงมาก! 


 


 


“คุณอย่าใส่ร้ายฉัน ฉันพูดเมื่อไหร่ว่าคุณยังทุ่มเทไม่พอ?” เฉวียนหมิงนะเฉวียนหมิง อย่าคิดว่าเธอไม่รู้ คิดจะหาข้ออ้างเพื่อรังแกเธอ ผู้ชายน่าเกลียดทุกคน! 


 


 


เฉวียนหมิงตีหน้าตาย “เมื่อกี้คุณไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้หรือ เพียงแต่คุณพูดอ้อมค้อม แต่ผมรู้นะ” 


 


 


อีลั่วเสวี่ยไม่รู้จะทำอย่างไรดี แล้วหาวหวอดๆ “ไม่พูดด้วยแล้ว ฉันชักง่วง” จากนั้นก็หลับตาลงทันที ถ้าเธอไม่นอนหลับ ใครจะรู้ว่าเฉวียนหมิงอาจจะทำอีกครั้งก็ได้ 


 


 


“ดี นอนเถอะ” เฉวียนหมิงมองอีลั่วเสวี่ยด้วยความห่วงใย เขาข่มใจตัวเองทันที ไม่ได้คิดถึงเรื่องประเภทนี้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน 


 


 


ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของทั้งสอง เฉวียนหมิงมองดูใบหน้าอีลั่วเสวี่ยซึ่งขณะนี้ดูอ่อนเพลียอย่างชัดเจน แววตาเปี่ยมด้วยความรัก 


 


 


หลังจากปิดไฟไม่นานอีลั่วเสวี่ยก็หลับสนิท ไม่นานนักเฉวียนหมิงก็หลับแล้ว พอหลับก็นอนฝันหวานไปจนเช้า 


 


 


วันรุ่งขึ้นอีลั่วเสวี่ยซึ่งยังนอนหลับฝันดีอยู่ รู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นวาบ จากนั้นก็ร้อนผ่าวที่ทรวงอก เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น “ฉันง่วง ยังไม่อยากลุกขึ้น” 


 


 


“ไม่มีอะไร อาเสวี่ยคุณนอนพักต่อเถอะ” น้ำเสียงเฉวียนหมิงเหมือนหดหู่ ราวกับกำลังบ่มเพาะอะไรอยู่ 


 


 


พออีลั่วเสวี่ยหรี่ตาลงกลับพบว่าถูกโจมตีอีกแล้ว เธอคว้าหมอน กัดฟันกรอด “เฉวียนหมิง คุณไม่รู้จักจบจักสิ้นเลยนะ!” ผู้บำเพ็ญเพียรอย่างเธอมีสภาพร่างกายดี แต่เกรงว่าจะดีไม่เท่าเฉวียนหมิงแล้ว 


 


 


“อาเสวี่ย ถ้าปู่รู้ว่าคุณด่า แกคงโมโหมาก” เฉวียนหมิงที่บุกโจมตีแล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระหยิ่มใจ ท่าทางคึกคัก 


 


 


เดิมอีลั่วเสวี่ยที่กำลังโมโห ถูกเฉวียนหมิงรุกรานอีก แล้วเธอก็ค่อยๆ ประสานกับเขา ทั้งสองวุ่นวายกันอีกพักใหญ่ 


 


 


จนเกือบเที่ยงจึงลุกขึ้นเตรียมกินข้าว อีลั่วเสวี่ยนึกอายจนไม่อยากออกจากห้อง กลับเป็นเฉวียนหมิงที่ออกไปยกอาหารเข้ามากินในห้อง 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม