ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 404-411

 ตอนที่ 404 ข้าไม่มีพี่มีน้อง


 


 


อวิ๋นซั่วมีน้ำเสียงโศกเศร้า จากนั้นพูดต่อ


 


 


“ข้าดูแลพ่อในชนบท แล้วกลับสำนักวิชาต่อ ที่หอพักมีเพื่อนร่วมห้องใหม่เข้ามาหนึ่งคน เขาชื่อหลิงจื่อหรง”


 


 


หลิงอวี้จื้อตกใจ เรื่องราวบนโลกนี้บังเอิญเสียจนบังเอิญไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เธอส่งหลิงจื่อหรงไปสำนักวิชาหงเต๋อด้วยมือของตนเอง นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเพื่อนร่วมห้องพักกับอวิ๋นซั่วไปได้


 


 


จากความหมายของอวิ๋นซั่ว หลิงจื่อหรงพูดว่าเธอเสียๆ หายๆ ไม่น้อย พี่สาวก็เป็นเช่นนั้นแล้ว นึกว่าน้องชายจะไม่ได้รับอิทธิพล คิดไม่ถึงว่าจะสืบทอดกันมาแบบเดียวกันเป๊ะ


 


 


“หลิงจื่อหรงพูดอะไรกับเจ้า”


 


 


“เขาบอกว่าพี่สะใภ้อาศัยเส้นสายท่านอ๋อง ทำเรื่องชั่วต่างๆ นานาในจวนท่านมหาเสนาบดี เป็นคนน่ากลัวและเลวทรามมาก


 


 


เวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนทำร้ายย่าถึงตาย บังคับให้น้องสาวตนเองต้องตาย ทำร้ายอี๋เหนียงคนหนึ่ง ซ้ำยังไม่ค่อยเคารพแม่เลี้ยง และบอกอีกว่าพี่สาวข้าก็ตายด้วยน้ำมือของพี่สะใภ้


 


 


ข้าได้รับการปลุกปั่นจากหลิงจื่อหรง เชื่อคำพูดเหล่านี้ ภายหลังคนของอู๋อ๋องหาข้าพบ บอกว่ากลุ่มโจรที่บุกจวนตระกูลอวิ๋นเป็นคนที่พี่ใหญ่ส่งมา ข้าสับสนไประยะหนึ่ง ถึงได้…”


 


 


เป็นหลิงจื่อหรงจริงๆ ไอ้เด็กงูเห่าอกตัญญู อายุยังน้อยก็เจ้าเล่ห์ขนาดนี้ รู้จักบิดเบือนข้อเท็จจริงเสียแล้ว ต่อไปโตขึ้นคงน่ากลัว


 


 


หลิงอวี้จื้อด่าหลิงจื่อหรงอยู่ในใจ ในเมื่อให้ไปเรียนไม่เรียนให้ดี เช่นนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องส่งเขาไปเรียนที่สำนักวิชาดีๆ อีก รอกลับไปแล้ว เธอต้องพูดกับหลิงจ้ายเทียนสักหน่อย ไม่เลี้ยงงูเห่าไว้อีกเด็ดขาด


 


 


“อวิ๋นซั่ว เจ้าไม่มีสมองหรืออย่างไร คนอื่นพูดอย่างไรเจ้าก็เชื่ออย่างนั้น ที่เจ้าเชื่อคำพูดหลิงจื่อหรง ข้าไม่มีอะไรจะพูด ใครใช้ให้เด็กเลวนั่นมาเป็นน้องชายข้าล่ะ เจ้าอยู่กับเขาทุกวัน จะเชื่อก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


 


 


แต่แม้แต่คำพูดของอู๋อ๋องเจ้าก็เชื่อ หากเป็นคนที่อาเหยี่ยนส่งไปจริงๆ พ่อเจ้าจะยังให้เจ้าเอาปิ่นระย้านี้มาให้ท่านอ๋องหรือ พ่อเจ้าไม่ใช่คนโง่สักหน่อย


 


 


อาเหยี่ยนตามหาแม่มาหลายปี วันที่จากมา เขาก็ปล่อยพ่อเจ้าไปแล้ว แล้วยังมาทำร้ายพ่อเจ้าอีกเพื่ออะไร


 


 


เขาเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จะกำจัดตระกูลอวิ๋นช่างง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ ไม่จำเป็นต้องรอด้วยซ้ำ เขาปล่อยวางในช่วงเวลาที่โกรธที่สุดแล้ว ไม่มีทางที่จะลงมือทำอะไรอีกในภายหลัง เจ้านี่สมองหมูจริงๆ”


 


 


หลิงอวี้จื้อนึกถึงชาวบ้านตำบลเถาหยวน ก็อดด่าไม่ได้ คนตายตั้งมากมายเช่นนี้ ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ


 


 


เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นซั่วสำนึกผิดแล้ว ก้มหน้าลงต่ำมาก เหมือนกับเด็กน้อยกระทำความผิด ครั้งนี้เขาผิดไปแล้วจริงๆ เขาคิดเรื่องต่างๆ ง่ายเกินไป


 


 


หลายวันมานี้เขาคอยดูพฤติกรรมทั้งหมดของหลิงอวี้จื้อ ถึงได้พบว่าเธอต่างจากที่หลิงจื่อหรงพูดโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่คนประเภทนั้นด้วยซ้ำ มิเช่นนั้นเธอคงไม่สนใจชาวบ้านตำบลเถาหยวน


 


 


“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ขอโทษขอรับ ข้าสำนึกผิดแล้ว”


 


 


อวิ๋นซั่วคุกเข่ากับพื้นโขกหัวลงอย่างแรง


 


 


เซียวเหยี่ยนถีบอวิ๋นซั่วหนึ่งครั้ง อวิ๋นซั่วรับเท้าไปเต็มๆ ล้มลงกับพื้นทันที มุมปากมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา เซียวเหยี่ยนมองกวาดไปที่อวิ๋นซั่วอย่างเย็นชาหนึ่งครั้ง


 


 


“คนที่เจ้าต้องขอโทษไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นชาวบ้านตำบลเถาหยวน ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ต่อไปอย่าได้ปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก อวิ๋นซั่ว ข้ายังยืนยันประโยคเดิม ข้าไม่มีพี่มีน้อง”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ส่งเสียงใด สำหรับสิ่งที่อวิ๋นซั่วทำไป เธอก็โมโหมาก


 


 


ถึงแม้จะเป็นประโยคเดียว แต่ก็ทำลายตำบลเถาหยวนทั้งตำบล เธอรู้ว่าเซียวเหยี่ยนฆ่าอวิ๋นซั่วไม่ได้ ในเมื่อเขาก็เป็นลูกชายของซูเสียน เห็นแก่หน้าของซูเสียน เขาจะไม่ทำอะไร แต่เขาก็ยอมรับน้องชายคนนี้ไม่ได้เช่นกัน


 


 


แม้จะไม่มีเรื่องนี้ ปมในใจของเซียวเหยี่ยนก็ไม่สามารถคลี่คลายได้ง่ายดายขนาดนั้น ตระกูลอวิ๋นเป็นเหมือนหนามยอกอกสำหรับเขาเสมอมา


 


 


อวิ๋นซั่วลุกขึ้นเงียบๆ


 


 


“พี่ชาย พี่สะใภ้ รักษาตัวด้วย ข้าจะต้องชดใช้ความผิดพลาดของตนเองให้ได้”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 405 คนที่ท่านไม่ชอบเป็นคนน่าเหนื่อยหน่ายจริงๆ


 


 


พูดจบอวิ๋นซั่วก็ไป หลิงอวี้จื้อไม่ได้รั้งอวิ๋นซั่วไว้ คนที่พบช่วงนี้ทำไมถึงมีแต่คนเจตนาไม่ดี


 


 


พี่น้องตระกูลอวิ๋นนี่สมองใช้ไม่ได้เลย พี่สาวชอบก่อเรื่องไม่มีเหตุผล น้องชายคิดอะไรง่ายๆ ตื้นๆ แต่ถือว่าอวิ๋นซั่วยังมีจิตใจดี ไม่ได้ทำเรื่องอะไรเกินเลย หากเป็นคนที่เจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัด ก็ยังไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรอีก


 


 


“อวี้จื้อ ต่อไปอยู่ห่างๆ อวิ๋นซั่วไว้”


 


 


หลิงอวี้จื้อนั่งข้างเซียวเหยี่ยน แววตาเปล่งประกาย


 


 


“ตอนแรกข้าคิดจะพูดเรื่องดีๆ ของอวิ๋นซั่วให้ท่านฟัง ตอนนี้ข้าถึงเข้าใจ คนที่ท่านไม่ชอบ สุดท้ายเป็นคนที่น่าเหนื่อยหน่ายจริงๆ”


 


 


“ข้าชอบฟังเจ้าพูดเช่นนี้”


 


 


“ท่านก็ต้องเรียนรู้จากข้าให้ดีๆ”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดพลางรินน้ำให้เซียวเหยี่ยนหนึ่งจอก


 


 


“มา อาเหยี่ยน ดื่มน้ำสักหน่อย”


 


 


เซียวเหยี่ยนรับน้ำจากมือหลิงอวี้จื้อ เพิ่งดื่มไปหนึ่งอึก มั่วชิงก็รีบร้อนเข้ามา เพราะรีบวิ่งเกินไป จึงหายใจเข้าออกอย่างเร็ว


 


 


“ท่านอ๋อง คุณหนู เฟิงอิ๋นพาคนมาล้อมเรือนไว้แล้วเพคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อตกใจทันที เจอนักรบไร้ชีพกับมนุษย์หมาป่าแล้ว ตอนนี้พวกเขาสูญเสียอย่างหนัก คนตายก็ตาย คนเจ็บก็เจ็บ ตำบลเถาหยวนทั้งตำบลโกลาหลไปตามๆ กัน คนไม่น้อยยังคงค้นหามนุษย์หมาป่ากับนักรบไร้ชีพอยู่เลย


 


 


ทหารยามข้างนอกเรือนมีเหลืออยู่เพียงสิบกว่าคน เฟิงอิ๋นพาคนมาตอนนี้ พวกเขาไม่มีแรงต้านทานเลย


 


 


หลิงอวี้จื้อมองเซียวเหยี่ยนที่อยู่ข้างๆ เห็นเซียวเหยี่ยนเม้มปาก จึงเอื้อมมือไปจับมือเซียวเหยี่ยนโดยอัตโนมัติ


 


 


ไม่มีทางแล้ว ตอนนี้ได้แต่รับมือไปตามสถานการณ์ก่อน ในเมื่อต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็จะอยู่ข้างกายเซียวเหยี่ยน ไม่หนีไปไหน


 


 


อื้ม เริ่มฮึกเหิมแล้ว


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าไปหานี่อวิ๋น ข้าจะออกไปดูกับพวกเขา”


 


 


เซียวเหยี่ยนเป็นห่วงหลิงอวี้จื้อ ได้ยินว่าเฟิงอิ๋นมาแล้ว ก่อนอื่นต้องจัดการเรื่องหลิงอวี้จื้อก่อน กลัวว่าหลิงอวี้จื้อจะได้รับอันตราย ตอนนี้ หลิงอวี้จื้อไปไม่ได้แล้วแน่นอน เธอเอื้อมมือคว้าแขนเสื้อเซียวเหยี่ยนไว้


 


 


“อาเหยี่ยน ไล่ข้าไปตอนนี้ข้าไม่ไว้ใจ ข้าไม่อยากให้ท่านไปเจอเฟิงอิ๋นโดยลำพัง ข้าอยากไปกับท่าน”


 


 


“อวี้จื้อ…”


 


 


เซียวเหยี่ยนทำหน้าเหลืออด เขาเข้าใจเจตนาของหลิงอวี้จื้อ รู้ว่าหลิงอวี้จื้อเป็นห่วงเขา อยากจะพูดต่อ แต่หลิงอวี้จื้อปิดปากเขาเสียก่อน


 


 


“ถึงแม้กระบี่จะแทงไม่เลือกหน้า แต่ข้าเชื่อในโชคของข้า เฟิงอิ๋นเป็นศัตรูหัวใจของข้า ศัตรูหัวใจมาแล้ว ข้าไม่มีเหตุผลที่จะซ่อน”


 


 


เสียงของหลิงอวี้จื้อเพิ่งเงียบไป ประตูใหญ่ก็ถูกคนถีบเปิดออก เฟิงอิ๋นพาคนบุกเข้ามา อู่จิ้นพาทหารยามในบ้านออกไปล้อมไว้ บังอยู่ข้างหน้าเซียวเหยี่ยนกับหลิงอวี้จื้อ มองเฟิงอิ๋นด้วยสายตาของเสือเตรียมตะครุบเหยื่อ


 


 


เฟิงอิ๋นพาคนมาสิบกว่าคน ทั้งหมดเป็นยอดฝีมือสำนักอู๋จี๋ สวมชุดสีดำ เรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ ยืนอยู่ข้างหลังเฟิงอิ๋นอย่างเงียบเชียบ เหมือนกลุ่มวิญญาณที่จู่ๆ ก็โผล่มา


 


 


หลิงอวี้จื้อแอบร้องในใจว่าไม่ดีแล้ว จากสภาพกำลังคนสามารถรู้สึกได้ถึงช่างว่างระหว่างทั้งสองฝ่าย คนทางด้านนี้ต่อสู้มาเป็นระยะเวลานานแล้ว เหนื่อยล้าอ่อนแรงนานแล้ว คนจำนวนไม่น้อยได้รับบาดเจ็บด้วย ส่วนคนที่เฟิงอิ๋นพามานั้นเต็มไปด้วยพลัง


 


 


เฟิงอิ๋นสวมเสื้อเจี๋ยอ่าวสีแดงเพลิงทั้งตัว ผมดำยาวเกล้าเป็นมวยครอบด้วยรัดเกล้า ในมือถือกระบี่ยาว ยืนอยู่ท่ามกลางทหารยาม มองเซียวเหยี่ยนกับหลิงอวี้จื้อด้วยสายตาเยือกเย็น


 


 


“เฟิงอิ๋น ข้านึกว่าชาตินี้พวกเราจะไม่ได้พบหน้ากันอีก นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกันเร็วเช่นนี้ เจ้าคิดถึงข้าขนาดนี้เชียวหรือ เจ้าจะทำอะไร จะมาเยือนพวกเราก็ไม่ต้องเกรงใจหรอก แถมพาคนมามายเช่นนี้อีก พวกเราไม่ต้องลงไม้ลงมือกันก็ได้”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย มุมปากยังแฝงรอยยิ้ม มองเฟิงอิ๋นเช่นนี้ ด้วยท่าทางไม่สนใจโลกว่าเกิดอะไรขึ้น


ตอนที่ 406 ตอนจบถูกกำหนดไว้แล้ว


 


 


เฟิงอิ๋นไม่ได้มองหลิงอวี้จื้อ สายตาตกไปอยู่ที่เซียวเหยี่ยน


 


 


“ข้าไม่ได้อยากจะข้องเกี่ยวอะไรกับเจ้าอีก แต่คำสั่งอาจารย์ไม่อาจฝ่าฝืน เซียวเหยี่ยน ระหว่างเจ้ากับข้าถูกกำหนดให้รอดได้หนึ่งคนเท่านั้น”


 


 


นางมาวันนี้มีผลลัพธ์เพียงสองอย่าง เป็นนางเองที่เลอะเลือนตั้งแต่แรกเริ่ม นางเป็นคนของสำนักอู๋จี๋ เซียวเหยี่ยนเป็นบุตรชายของซีหนานอ๋อง ชะตาชีวิตของพวกเขาสองคนถูกกำหนดไว้แล้วให้มีจุดจบไม่ดี นอกเสียจากว่าเซียวเหยี่ยนจะลืมอดีตทุกอย่างหมดจด แต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้


 


 


“ข้าอยากชำระสะสางหนี้กับเจ้าอยู่แล้ว ในเมื่อเจ้ายังกัดไม่ปล่อย เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”


 


 


เซียวเหยี่ยนสงบนิ่งมาก ไม่มีแววตระหนกตกใจแม้แต่น้อย กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเหมือนปกติ ไม่ลนลาน ไม่ร้อนรน


 


 


พูดจบแล้วเขาก็พยักหน้าให้อู่จิ้น อู่จิ้นหยิบนกหวีดกระดูกสัตว์ขึ้นมาวางในปาก เสียงหวีดแหลมเสียดทะลุฟ้า ทำให้อีกาดำที่เกาะอยู่บนต้นไม้ตกใจบินหนี ได้ยินเพียงเสียงนกร้อง


 


 


หลิงอวี้จื้อเงยหน้ามองเซียวเหยี่ยนด้วยสีหน้ามึนงง หรือว่าเซียวเหยี่ยนยังมีไม้เด็ด


 


 


เธอไม่เคยได้ยินเซียวเหยี่ยนบอกเลยว่าแถวนี้ยังมีคนของเขาอีก หรือว่ามีองครักษ์ลับ หากมีองครักษ์ลับจริง ตอนที่นักรบไร้ชีพกับมนุษย์หมาป่าปรากฏตัว พวกเขาก็ควรจะออกมาแล้ว ทำไมต้องรอถึงตอนนี้ละ


 


 


มีคำถามเต็มไปหมด หลิงอวี้จื้อมองคนชุดดำสิบกว่าคนที่บินโฉบลงมาจากฟ้า ทุกคนสวมเสื้อผ้าสำหรับปฏิบัติการกลางคืน ปิดหน้าไว้ ทั้งตัวมีรังสีสังหารแผ่ซ่าน


 


 


สถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยพลิกผันในชั่วพริบตา


 


 


เฟิงอิ๋นหน้าเปลี่ยนสี


 


 


“เซียวเหยี่ยน นึกไม่ถึงว่าเจ้ายังเหลือไพ่ใบสุดท้าย”


 


 


เซียวเหยี่ยนจับมือของหลิงอวี้จื้อ พาหลิงอวี้จื้อถอยไปดูการต่อสู้ข้างๆ กลัวว่าถ้าลงมือลงไม้หลิงอวี้จื้อจะโดนลูกหลง


 


 


เฟิงอิ๋นทำสัญญาณมือ บอกให้ทหารยามใต้บังคับบัญชาลงมือได้ สองฝ่ายต่างออกโรง หลิงอวี้จื้อยืดคอมองไปข้างหน้า มองดูแล้วถามว่า


 


 


“อาเหยี่ยน คนพวกนี้เป็นใครกัน ท่านซ่อนคนกลุ่มนี้ไว้ตอนไหน”


 


 


แววตาของเซียวเหยี่ยนเลิ่กลั่กแวบหนึ่ง พูดอย่างคลุมเครือว่า


 


 


“พวกเขาก็เพิ่งมาทันเท่านั้น พวกเราไม่เป็นอะไรแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อวางใจได้แล้ว ถอนหายใจโล่งอกแรงๆ หนึ่งที


 


 


“สุดท้ายท่านอ๋องของเราก็เตรียมกันไว้อย่างรอบคอบเหมือนเดิม มีพวกเขาอยู่ เฟิงอิ๋นแพ้แน่นอน เจียงสือคิดเช่นนี้ตามคาด ส่งคนมาลอบโจมตีจริงๆ”


 


 


เซียวเหยี่ยนมองคนชุดดำตรงหน้า ในใจกลับรู้สึกสับสน หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย เขาจะไม่ขอร้องพวกเขาเด็ดขาด เขาไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณนี้ แต่ตอนนี้สถานการณ์วิกฤติ ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องปกป้องชีวิตทั้งสองคนเอาไว้ก่อน ต้องพาหลิงอวี้จื้อกลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัย


 


 


การต่อสู้ครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็ว เฟิงอิ๋นบาดเจ็บไปทั่วร่าง ทหารยามที่พามาตายก็ตาย เจ็บก็เจ็บ ทุกคนถูกจับหมด นางอุดแผลตรงไหล่ซ้าย สะกดจุดบนนั้น เลือดหยุดไหลชั่วคราว


 


 


“เฟิงอิ๋น เจ้าแพ้แล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าไป ถือว่าข้าชดใช้ให้เจ้า จากนี้เป็นต้นไป ระหว่างเจ้ากับข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก หากคราวหน้าพบกัน ข้าจะไม่ยั้งมือเด็ดขาด”


 


 


เซียวเหยี่ยนไม่ได้คิดจะฆ่าเฟิงอิ๋น แต่คิดจะปล่อยนาง ถึงแม้เซียวเหยี่ยนมีเจตนาจะฆ่าเฟิงอิ๋น แต่เฟิงอิ๋นก็เป็นคนหาสมุนไพรเซียนหลินจือมา เขาไม่ชอบการเป็นหนี้บุญคุณคนที่สุด จึงถือโอกาสนี้ชดใช้บุญคุณ


 


 


เฟิงอิ๋นกำกระบี่ยาวในมือแน่น ปลายกระบี่มีเลือดแดงสดไหลหยดไม่หยุด นางหัวเราะขึ้นเสียงดัง


 


 


“เซียวเหยี่ยน ข้าไม่ต้องการให้เจ้าชดใช้บุญคุณอะไร ทำภารกิจไม่สำเร็จ ข้าก็ไม่มีหน้ากลับไปพบอาจารย์อีก ข้าแพ้แล้ว จุดจบก็ถูกกำหนดไว้แล้ว”


 


 


พูดจบก็ยกกระบี่ขึ้นแทงเข้าไปที่อกอย่างแรง


 


 


จากนั้นเฟิงอิ๋นก็ชักดาบออก เลือดสดสาดกระเซ็น นางทิ้งดาบในมือ ไม่มีแรงรองรับร่างกายของตนเอง ถอยหลังไปสองสามก้าวถึงล้มลงกับพื้น


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 407 ข้าไม่ดีตรงไหนกันแน่


 


 


หลิงอวี้จื้อตะลึงงัน เห็นได้ชัดว่านึกไม่ถึงว่าเฟิงอิ๋นจะจบชีวิตตนเอง จุดจบเช่นนี้เหนือความคาดหมายของเธอไปโดยสิ้นเชิง เมื่อก่อนเธอเกลียดแค้นเฟิงอิ๋นมาก แทบอยากจะฉีกกระชากเฟิงอิ๋นให้เละ


 


 


ตอนนี้คลุกคลีกับคนทุกระดับในสำนักอู๋จี๋มาแล้ว กลับรู้สึกว่าเฟิงอิ๋นและชุนเหนียงต่างก็ไม่ใช่คนชั่วช้าจนไม่สามารถให้อภัยได้ พวกนางต่างคนก็ต่างต้องทนทุกข์ทรมาน โดยเฉพาะชุนเหนียง กลายเป็นว่ามู่หรงกวานเสวี่ยร้ายโดยแท้จริง


 


 


เฟิงอิ๋นหมอบกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่นานที่พื้นก็มีรอยเลือดสีแดงสดเป็นแอ่ง เพราะเสียเลือดเกินไป ร่างกายจึงสั่นกระตุกเบาๆ


 


 


ในเมื่อเคยเป็นเพื่อนร่วมสำนักกันมาก่อน มั่วชิงเห็นเฟิงอิ๋นฆ่าตัวตาย ก็รู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้าง วิ่งไปตรงหน้าเฟิงอิ๋นโดยไม่รู้ตัว


 


 


“ท่านอ๋องรับปากจะปล่อยเจ้าไปแล้ว ข้ารู้ว่ากลับไปอาจารย์จะต้องจัดการเจ้าแน่ เจ้าควรถือโอกาสนี้หนีสำนักอู๋จี๋ไป เฟิงอิ๋น เหตุใดต้องหาเรื่องตายด้วย”


 


 


“อาจารย์ไม่เชื่อข้าอีกแล้ว กลับไปก็ตายเช่นกัน


 


 


มั่วชิง เพื่อจะออกไปจากสำนักอู๋จี๋เจ้าต้องยอมแลกไปมากมายเพียงใด ในใจเจ้ารู้ดี ข้าไม่โชคดีเช่นนั้น และไม่อยากได้รับความทุกข์ทรมานเช่นนั้น


 


 


เห็นแก่ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมสำนัก ข้าตายแล้ว เจ้าช่วยจัดการศพข้าให้สิ้นซากด้วย อย่าให้ตกไปอยู่ในมืออาจารย์ได้”


 


 


“ได้ ข้ารับปากเจ้า”


 


 


มั่วชิงรับปาก ในใจยังคงเศร้า


 


 


เห็นมั่วชิงรับปาก เฟิงอิ๋นก็ดูเหมือนจะหายห่วงแล้ว ที่อกเลือดไหลไม่หยุด พูดจาก็ลำบากขึ้นทุกที นางพยายามเงยหน้าขึ้น มองไปทางเซียวเหยี่ยน


 


 


“เซียวเหยี่ยน ข้ากับเจ้ารู้จักกันมานานแล้ว ที่เจ้าไม่ชอบข้าไม่ใช่เพราะใจเจ้ามีคนที่หมายปองอยู่แล้ว เจ้าบอกข้าที ทั้งหมดนี้…เป็นเพราะอะไร ข้าไม่ดีตรงไหนกันแน่”


 


 


“เจ้าไม่ใช่คนที่ทำให้ใจข้าหวั่นไหว”


 


 


“แล้วนางล่ะ”


 


 


เฟิงอิ๋นชี้ไปทางหลิงอวี้จื้ออย่างยากลำบาก น้ำเสียงไม่ยินยอม


 


 


“เจ้าเจอผู้หญิงมาตั้งมากมาย แต่กลับหวั่นไหวเพราะนางหรือ เซียวเหยี่ยน นางเป็นลูกสาวเจ้าได้เลยนะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้สึกหมดคำพูด เซียวเหยี่ยนแก่กว่าเธอแค่สิบเอ็ดปีเอง สิบเอ็ดปีจะเป็นพ่อได้อย่างไร มีผู้ชายที่มีลูกเร็วขนาดนั้นเสียที่ไหน แต่หน้าเธอก็ดูเหมือนเด็กน้อยเกินไป ส่วนเซียวเหยี่ยนก็เป็นผู้ชายประเภทเป็นผู้ใหญ่นิ่งสุขุมอีก แทบจะเป็นแบบฉบับของคุณลุงกับสาวโลลิได้เลย


 


 


ใจของเฟิงอิ๋นคงจะหวั่นไหวเพราะเซียวเหยี่ยนจริงๆ มิเช่นนั้นป่านนี้แล้วคงไม่มัวมาถามคำถามนี้อีก เธอรู้สึกเห็นใจเฟิงอิ๋นอยู่บ้าง แต่ไม่มีทางเห็นใจจนปล่อยคนข้างกายไปเด็ดขาด เธอไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น ไม่มีเงินก็ยืมกันได้ แต่กับคนจะปล่อยให้ไปไม่ได้


 


 


“เฟิงอิ๋น ข้าเคยบอกตั้งนานแล้ว ข้าจะชอบใคร เจ้าไม่ต้องมายุ่ง และไม่จำเป็นต้องอธิบายเจ้าด้วย”


 


 


ถึงแม้เฟิงอิ๋นใกล้จะตายแล้ว น้ำเสียงที่เซียวเหยี่ยนใช้พูดกับเฟิงอิ๋นก็ยังไม่เปลี่ยนผัน ยังเย็นชามากอย่างเห็นได้ชัด


 


 


เฟิงอิ๋นพักสักครู่ เสียงยิ่งเบาลงทุกที


 


 


“เจ้าช่างใจจืดใจดำกับข้านัก เดิมทีข้าไม่ควรพูดเรื่องนี้กับเจ้า ข้าคงจะบ้าไปแล้ว ที่ยังอยากบอกเรื่องนี้ให้เจ้ารู้อยู่ดี…”


 


 


พูดจบก็ใช้มือที่สั่นเทาหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งจากอกเสื้อ


 


 


“เป็นนาง เจ้า…เจ้าไปตรวจดูเอง ข้าช่วยเจ้าได้…ได้…มากเท่านี้แหละ วันนี้ข้าไม่อยาก…มีชีวิตกลับไปแล้ว เซียวเหยี่ยน พบกันใหม่ชาติหน้า…”


 


 


สุดท้ายเฟิงอิ๋นหลับตาลง มั่วชิงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือเฟิงอิ๋นยื่นไปตรงหน้าเซียวเหยี่ยน ผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดเฟิงอิ๋น บนนั้นปักดอกเหมยแดงสองสามดอกอย่างสวยงามประณีต ฝีมือการปักดีมาก


 


 


เฟิงอิ๋นหมายความว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เป็นของหัวหน้าใหญ่ที่ติดต่อกับเจียงสืออยู่เบื้องหลัง นั่นไม่ได้หมายถึงมู่หรงกวานเย่ว์หรอกหรือ


 


 


ตอนนี้ผู้หญิงที่มีอำนาจที่สุดในแคว้นเว่ยตะวันตกก็คือมู่หรงกวานเย่ว์ นอกจากนาง ก็ไม่มีใครต้องติดต่อกับสำนักอู๋จี๋แล้ว แถมยังมีมู่หรงกวานเสวี่ยอีกคน


ตอนที่ 408 ทั้งชีวิตนี้ก็ต้องพึ่งพาท่านแน่แล้ว


 


 


คำใบ้นี้ชัดเจนเหลือเกิน หลักฐานทุกอย่างล้วนโยงไปถึงมู่หรงกวานเย่ว์


 


 


เซียวเหยี่ยนถือผ้าเช็ดหน้าไว้ จมเข้าไปในห้วงความคิด ไม่นานก็สั่งมั่วชิงว่า


 


 


“จัดการศพของเฟิงอิ๋นตามคำสั่งเสียของนาง แล้วค่อยฝังนาง”


 


 


“ข้าน้อยรับทราบ”


 


 


มั่วชิงเรียกทหารสองสามคนมาช่วยกันย้ายศพของเฟิงอิ๋นออกไปทันที


 


 


เซียวเหยี่ยนกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ดึงมือหลิงอวี้จื้อกลับห้อง หลิงอวี้จื้อรับผ้าเช็ดหน้าจากมือเซียวเหยี่ยนไป พินิจรูปที่ปักอยู่บนนั้นอย่างละเอียด แต่มองไม่เห็นอะไรสำคัญ


 


 


นางไม่ได้มีความรู้เรื่องการเย็บปัก หยิบผ้าเช็ดหน้าไปดูแล้วก็แค่รู้สึกว่าฝีมือปักดีมาก ดูแล้วสบายตากว่าที่ปักด้วยเครื่องจักร


 


 


ดูอยู่ครึ่งค่อนวันก็มองไม่เห็นปัญหาอะไร เธอจึงคืนผ้าเช็ดหน้าให้เซียวเหยี่ยน ถามว่า


 


 


“อาเหยี่ยน ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มีปัญหาอะไรหรือไม่”


 


 


“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ทำจากผ้าต่วนหิมะ ผ้าต่วนหิมะมาจากพระราชวัง เป็นของบรรณาการในวัง มีจำนวนน้อยมาก แม้แต่ลูกสาวขุนนางยังไม่มีผ้านี้ใช้ มีเพียงคนในวังเท่านั้นที่จะมีผ้าต่วนหิมะ ดังนั้นผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เป็นของในวัง


 


 


ข้างบนปักลายดอกเหมยแดง วิธีการปักเป็นการปักแบบกู้ซิ่ว ในวังนิยมใช้การปักแบบซูซิ่ว คนที่ชอบวิธีการปักเช่นนี้คงไม่ค่อยเยอะ ดูจากผ้าเช็ดหน้านี้แล้วสามารถยืนยันได้ว่าเจียงสือมีการติดต่อกับคนในวัง”


 


 


“ถ้าเช่นนั้นไทเฮาก็น่าสงสัยที่สุด”


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดข้อสงสัยในใจออกมา


 


 


ดูโดยผิวเผิน มู่หรงกวานเย่ว์น่าสงสัยที่สุดจริงๆ แต่เซียวเหยี่ยนมีความคิดอื่น เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีหลักฐานเพียงพอ จึงไม่ได้พูดออกไป รอให้เขาสืบให้รู้ชัดก่อนแล้วค่อยบอกหลิงอวี้จื้อก็ไม่สาย


 


 


“เรื่องนี้ข้าจะไปสืบเอง”


 


 


“ข้าอยากสืบก็คงไม่มีปัญญา มีใจแต่ไร้กำลังโดยสิ้นเชิง อาเหยี่ยน ท่านต้องระวังไทเฮานะ ตอนนี้พวกเรากับไทเฮาแตกคอกันถึงที่สุดแล้ว ข้ากลัวว่านางจะทำเรื่องที่ไม่เป็นผลดีกับท่าน”


 


 


เซียวเหยี่ยนโอบไหล่หลิงอวี้จื้อ


 


 


“ตอนนี้นางไม่กล้าทำอะไรข้า หากไม่มีข้า บัลลังก์ของฮ่องเต้ก็จะสั่นคลอน ถึงแม้จะแตกคอกัน ก็ยังคงต้องพึ่งพาอาศัยกัน”


 


 


เฉินมั่วฉือเป็นฮ่องเต้ที่เซียวเหยี่ยนอุ้มชูขึ้นมา พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันจริงๆ ถึงแม้วันหนึ่งจะต้องแตกคอกัน แต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน เฉินมั่วฉือยังไม่มีแรงพอจะยืนหยัดเพียงลำพัง พูดจากมุมมองอีกด้านหนึ่ง เขายังต้องพึ่งพาบารมีของเซียวเหยี่ยน ด้วยเหตุนี้โดยผิวเผินแล้ว พวกเขายังสามัคคีกันอยู่


 


 


ตอนนี้เซียวเหยี่ยนมีทุกอย่างได้ก็เพราะฮ่องเต้คือเฉินมั่วฉือ หากฮ่องเต้เปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็ไม่มีทางให้เซียวเหยี่ยนได้เป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นี่เป็นความสัมพันธ์แบบเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน


 


 


อีกสองสามปี แคว้นเว่ยตะวันตกจะต้องเผชิญการล้างไพ่ครั้งใหญ่ ถึงตอนนั้นใครจะได้เป็นประมุขแคว้นเว่ยตะวันตกก็ฟันธงไม่ได้ สำหรับเรื่องนี้ เธอแอบกังวลใจมาตลอด แต่เธอก็รู้ว่าหนีไม่พ้นเรื่องทั้งหมดนี้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด


 


 


คิดถึงตรงนี้ หลิงอวี้จื้อก็เอนตัวพิงไหล่เซียวเหยี่ยน


 


 


“อย่างไรทั้งชีวิตนี้ข้าก็ต้องพึ่งพาท่านแน่แล้ว ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะอยู่กับท่าน อาเหยี่ยน ข้าอาจจะไม่ได้มีประโยชน์มาก และช่วยอะไรท่านไม่ได้ แต่ข้าจะพยายามไม่ให้ตัวเองเป็นตัวถ่วงนะเพคะ”


 


 


เซียวเหยี่ยนลูบผมหลิงอวี้จื้อ น้ำเสียงอ่อนโยน


 


 


“เจ้าไม่ได้เป็นตัวถ่วงของข้า มีเจ้าอยู่ข้างๆ ข้าอิ่มใจมาก”


 


 


หนทางภายหน้ามีชะตาไม่ราบเรียบ ตั้งแต่เขาได้เป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เขาก็เดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม


 


 


อนาคตต้องทำอย่างไร เขาก็มีแผนการของตนเองมาตลอด ตอนนี้มีหลิงอวี้จื้อเพิ่มมาอีกคน แผนบางแผนต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไข ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องปกป้องหลิงอวี้จื้อให้ดี


 


 


ความอ่อนแอไม่ใช่สิ่งที่ดีอะไร มันทำให้ตนเองกังวลมากขึ้น และกลายเป็นพันธนาการด้วย แต่ก็ทำให้หัวใจทั้งดวงอบอุ่น ทำให้เขารู้สึกว่านอกจากตนเองจะเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว เขายังเป็นผู้ชายคนหนึ่งอีกด้วย


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 409 หัวหน้าผู้ร้ายคือข้า​​​​​​​


 


 


“ท่านอิ่มใจง่ายเสียจริง”


 


 


หลิงอวี้จื้อเงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายขณะมองเซียวเหยี่ยน แววตาของเธอใสแจ๋ว ราวกับธารน้ำผุด ดึงดูดให้ใจเซียวเหยี่ยนหวั่นไหวเล็กน้อย


 


 


หลิงอวี้จื้อลุกขึ้น


 


 


“อาเหยี่ยน ท่านพักสักครู่เถิด แผลท่านยังไม่หายดี ไม่ควรยืนนาน เรื่องพวกนี้ให้ข้าจัดการเอง ตอนนี้ข้าควรทำอะไรสักหน่อยแล้ว เรื่องการดูแลหลังจากนี้ให้ข้าทำเถิด”


 


 


พูดจบหลิงอวี้จื้อก็ประคองเซียวเหยี่ยนไปนอนบนเตียง ห่มผ้าให้เขา แล้ววิ่งออกไป


 


 


แผลของเซียวเหยี่ยนเจ็บแปลบเป็นระยะ เฟิงอิ๋นตายแล้ว ทหารยามที่พามาด้วยก็ถูกสังหารหมดแล้ว


 


 


หากเดาไม่ผิด เจียงสือคงหนีไปแล้ว ทั้งสำนักอู๋จี๋กลายเป็นเมืองร้าง ตอนนี้เจียงสือคงไม่ส่งใครมาอีกแล้ว ให้นางไปดูข้างนอกสักหน่อยก็ดี


 


 


หลิงอวี้จื้อออกจากห้องก็ไปหาอู่จิ้น เห็นหลิงอวี้จื้อมาหา อู่จิ้นก็เข้าไปรายงาน


 


 


“คุณหนู นับเรียบร้อยหมดแล้ว คนที่ยังอยู่มีทั้งหมดหนึ่งพันคน ในหนึ่งพันคนนี้คนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยมีเพียงสองร้อยกว่าคน ส่วนคนอื่นที่เหลือได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ควรจัดการอย่างไรดีขอรับ”


 


 


ปัญหานี้รับมือยากจริงๆ ก็เท่ากับว่ามีคนบาดเจ็บแปดร้อยคน จะให้คนแปดร้อยคนอยู่รวมกันที่เดียวก็ไม่ง่าย ในแปดร้อยคนนี้อย่างน้อยก็มีครึ่งหนึ่งโดนนักรบไร้ชีพทำร้ายมา คิดถึงผลลัพธ์ของพวกเขา หลิงอวี้จื้อก็ยังทำใจไม่ได้


 


 


แต่เรื่องเหล่านี้เธอต้องเรียนรู้ที่จะทำ ต่อไปเธอจะกลายเป็นพระชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ อาจจะต้องพบเจอเรื่องทำนองนี้อีกไม่น้อย หากใช้ความรู้สึกขนาดนั้น ก็อาจจะเป็นตัวถ่วงของเซียวเหยี่ยน เธอจะต้องทำให้ตัวเองกลายเป็นเป็นพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม


 


 


คิดถึงตรงนี้ หลิงอวี้จื้อก็แอบตัดสินใจ เธอจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดี


 


 


“จัดการเรื่องศพก่อน ชาวบ้านคนอื่นต้องรอดูพรุ่งนี้ว่าติดเชื้อหรือไม่ วันนี้ไม่ต้องไปรบกวนพวกเขาแล้ว นี่เป็นเวลาสุดท้ายของพวกเขาแล้ว”


 


 


“ข้าน้อยรับทราบ”


 


 


อู่จิ้นรับปากคำหนึ่งก็ออกไปก่อน หลิงอวี้จื้อนั่งบนบันไดลานบ้านตามลำพัง พรุ่งนี้ก็เป็นวันสิ้นปีแล้ว นี่เป็นวันที่สำคัญที่สุดสำหรับประชาชน กรำงานยุ่งมาทั้งปี ปีใหม่ทั้งทีที่จริงควรจะปรนนิบัติตัวเองให้ดีๆ แต่ตำบลเถาหยวนกลับกลายเป็นนรกบนดินไปในชั่วพริบตา


 


 


นึกถึงตรงนี้ หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกเศร้าโศกอย่างยิ่ง เธอรู้สึกผิดกับชาวบ้านตำบลเถาหยวน หากเธอไม่มาที่นี่ ก็คงไม่นำโชคร้ายมาให้พวกเขา


 


 


“อวี้จื้อ เหตุใดมาอยู่ที่นี่คนเดียว”


 


 


เสียงมู่หรงนี่อวิ๋นแว่วมาจากด้านหลัง จากนั้นมู่หรงนี่อวิ๋นก็ลงมานั่งข้างหลิงอวี้จื้อ เห็นหน้าหลิงอวี้จื้อไม่มีรอยยิ้มเลย เขาก็รู้ว่าเธออารมณ์ไม่ดี


 


 


หลิงอวี้จื้อที่ขมวดคิ้วกังวลเช่นนี้ เขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก ปกติหลิงอวี้จื้อจะยิ้มตาหยีตลอด แม้ว่าจะตกอยู่ในอันตราย ก็ยังหยอกล้อคุยเล่นได้ เป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดีอย่างยิ่ง


 


 


เขาชอบรอยยิ้มของหลิงอวี้จื้อ ขอเพียงได้เห็นเธอยิ้ม ไม่ว่าในใจจะมีเรื่องกังวลอะไรก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง


 


 


หลิงอวี้จื้อกอดเข่า ซุกหัวลงไปกลางเข่า น้ำเสียงหงุดหงิด


 


 


“พรุ่งนี้ก็วันสิ้นปีแล้ว เดิมเป็นวันที่ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา นี่อวิ๋น ข้าทำร้ายชาวบ้านที่นี่ หากข้าไม่ได้มาที่นี่ สำนักอู๋จี๋ก็คงไม่ลงไม้ลงมือกับคนตำบลเถาหยวน หัวหน้าผู้ร้ายตัวจริงคือข้า”


 


 


“อวี้จื้อ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าไม่ต้องโทษตัวเอง ใครก็ไม่อยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรอก”


 


 


“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ตัวต้นเหตุก็คือข้า ตอนนี้มีคนแปดร้อยคนบาดเจ็บ ข้าไม่รู้ว่าในแปดร้อยคนนี้ติดเชื้อไปกี่คน ถึงตอนนั้นต้องกำจัดพวกเขาด้วยน้ำมือของตนเอง พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว ข้าก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง พวกเขาทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าไม่รู้เลยว่าจะมีหน้าไปพบพวกเขาอย่างไร”


ตอนที่ 410 ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำเป็นเก่ง


 


 


หลิงอวี้จื้อเงยหน้า แววตาแสดงความขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ปกติเธอจะเป็นคนเฮฮาเสมอ แต่ไม่ใช่คนไร้หัวจิตหัวใจ สำหรับชาวบ้านตำบลเถาหยวน เธอรู้สึกผิดจากใจ


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นยื่นมือไปตบไหล่หลิงอวี้จื้อเบาๆ


 


 


“เรื่องมาถึงขั้นนี้เแล้ว ไม่มีทางอื่น พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์จริง หากไม่ประหารชีวิตพวกเขา ก็รังแต่จะทำร้ายผู้บริสุทธิ์มากขึ้นอีก


 


 


อวี้จื้อ โดนพิษนักรบไร้ชีพก็เท่ากับตายแล้ว ใครก็ไม่อยากให้ตนเองกลายเป็นเช่นนั้นแล้วไปทำร้ายคนรอบข้างหรอก ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นหญิงสาวจิตใจเมตตา จิตใจเมตตากว่าข้ามาก เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลแล้ว ให้ข้ากับท่านอ๋องทำเถิด”


 


 


“ข้าเข้าใจความหมายของพวกเจ้า แต่เรื่องเช่นนี้ ต่อไปข้าก็อาจจะต้องพบเจออีก ข้าไม่อยากหนี ให้ข้าปรับตัวอีกสักหน่อย อีกสักครู่ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่ใช่คนประเภทจมอยู่กับอารมณ์อะไรบางอย่างแล้วออกมาไม่ได้ โดยพื้นฐานแล้วเธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี เจอเรื่องอะไรก็คิดบวก เมื่อเป็นนักแสดงก็ไม่ใช่นักแสดงประเภทมีอาการซึมเศร้าได้ง่าย สุขภาพจิตดีมาก ไม่ค่อยสนใจว่าคนอื่นจะมองอย่างไร


 


 


เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจะยากสักเพียงใด เธอก็ต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้าและแก้ไขปัญหา แต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น


 


 


“ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำเป็นเก่ง เจ้าเป็นผู้หญิง”


 


 


หลิงอวี้จื้อกรอกตาใส่มู่หรงนี่อวิ๋น


 


 


“แล้วข้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ หากข้าไม่ไหว ข้าก็ไม่ยอมทนหรอก เจ้าไม่รู้ ข้าไม่ชอบทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองลำบากใจหรอก”


 


 


“สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง”


 


 


“สบายใจขึ้นมากแล้ว นี่อวิ๋น ขอบใจนะ”


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงอวี้จื้อ ตาลูกท้อคู่นั้นก็เปี่ยมด้วยรอยยิ้มด้วย


 


 


“เวลาเจ้ายิ้ม อย่างไรก็ดูดีกว่า หน้าตาเวลาร้องไห้ช่างน่าเกลียดนัก”


 


 


“น่าเกลียดก็น่าเกลียดไปสิ ท่านอ๋องของข้าไม่รังเกียจข้าก็พอแล้ว”


 


 


หลิงอวี้จื้อทำหน้าหวานซึ้ง มู่หรงนี่อวิ๋นก็จิตใจเศร้าหมองทันที หลิงอวี้จื้อชอบใช้คำว่าท่านอ๋องของข้าบ่อยๆ ถึงแม้ว่ายังไม่ได้ออกเรือนอย่างเป็นทางการ แต่เธอก็ถือว่าเซียวเหยี่ยนเป็นผู้ชายของตนแล้ว มีความหมายเช่นนั้นอยู่ในภาษาที่ใช้เสมอ


 


 


ช่างเถิด เธอมีความสุขก็ดีแล้ว เห็นเธอยิ้ม ก็ดีกว่าเห็นเธอร้องไห้


 


 


อู่จิ้นพาคนไปจัดการศพทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว และจุดไฟเผาเป็นจุลทันที มั่วชิงก็พาเฟิงอิ๋นไปฝังแล้ว ชาวบ้านที่บาดเจ็บก็กลับบ้านกันหมดแล้ว ทั้งตำบลเถาหยวนกลับสู่ความสงบอีกครั้ง ทุกคนต่างมีความรู้สึกได้รอดตายจากภัยพิบัติแล้ว นึกว่ารอดตายแล้วก็สามารถผ่านปีใหม่ไปได้อย่างดี ช่างไม่รู้เลยว่ายังมีภัยพิบัติครั้งใหญ่กว่ารอพวกเขาอยู่


 


 


คืนนี้หลิงอวี้จื้อนอนพลิกตัวไปมา ข่มตานอนไม่ลงเลย ในหัวมีแต่ข้อมูลการติดเชื้อ เธอไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมีคนติดเชื้อเท่าไหร่กันแน่ พอคิดถึงตรงนี้ ในใจก็กระวนกระวายอย่างยิ่ง


 


 


เธอนอนไม่หลับ มั่วชิงก็นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน เพียงแต่มั่วชิงนึกถึงเฟิงอิ๋นมากกว่า เฟิงอิ๋นตายแล้ว ชุนเหนียงก็ตายแล้ว แต่เจียงสือกลับยังมีชีวิตดีอยู่


 


 


ชะตาชีวิตของพวกนางทุกคนล้วนถูกบีบอยู่ในกำมือของเจียงสือ ไม่ใช่พวกนางต่อต้านไม่ได้ แต่ความหวาดกลัวที่แทรกซึมลึกถึงไขกระดูก คอยมัดพวกนางเอาไว้อย่างแน่นหนา ทำให้พวกนางไม่กล้าเหิมเกริมแม้แต่น้อย


 


 


ทุกคนที่เข้าไปในสำนักอู๋จี๋ต่างก็ผ่านประสบการณ์ราวกับอยู่ในฝันร้าย นางออกจากสำนักอู๋จี๋มาตั้งหลายปีแล้วยังมิอาจลืมเลือนได้


 


 


หรือว่าจะปล่อยเจียงสือไปเช่นนี้หรือ


 


 


มั่วชิงเอาแต่ย้อนถามตนเองไม่หยุด


 


 


ภาพการตายอย่างน่าอนาถของญาติสนิทและเฟิงอิ๋นปรากฏขึ้นในหัว สุดท้ายนางก็ตัดสินใจเด็ดขาด


 


 


นางหนีมาหลายปีแล้ว พยายามลืมความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสำนักอู๋จี๋มาตลอด ตอนนี้จะหนีต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ขอเพียงหาโอกาสได้ นางจะต้องฆ่าเจียงสือด้วยมือของตนเอง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม


 


 


ท่ามกลางความสับสนอิรุงตุงนังนี้ ฟ้าก็ยังสว่างเช่นเดิม หลิงอวี้จื้อจ้องดวงตาแพนด้าขณะล้างหน้า หรือว่าแก่แล้วหรือ เมื่อก่อนไม่นอนทั้งคืนก็ไม่ได้ง่วงขนาดนี้ ตอนนี้เธออายุสิบเจ็ดปีหรือว่ายี่สิบเก้าปีกันแน่


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 411 ตำบลเถาหยวนที่ร้างไร้ชีวิตชีวา


 


 


ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้ว หลิงอวี้จื้อเตรียมไปห้องครัวดูว่ามีอะไรกินหรือไม่ จู่ๆ มั่วชิงก็ถือตะกร้าไผ่เล็กๆ เข้าห้องครัวไป เห็นตะกร้าไผ่ในมือของมั่วชิง หลิงอวี้จื้อก็ถามว่า


 


 


“มั่วชิง นี่อะไรหรือ”


 


 


“คุณหนู นี่เป็นของที่ป้าแถวนี้ส่งมาให้เจ้าค่ะ เพื่อขอบคุณพวกเรา”


 


 


มั่วชิงพูดจบก็ส่งตะกร้าไม้ไผ่ให้หลิงอวี้จื้อ เธอรับตะกร้ามา เปิดผ้าคลุมข้างบน ข้างในมีไข่ไก่ย้อมสีแดง และยังมีหมั่นโถวสีขาวอีกสองสามลูก


 


 


ชาวบ้านตำบลเถาหยวนใจดีมากจริงๆ ประเพณีพื้นบ้านก็เรียบง่าย ขณะเธอถือตะกร้า ในใจก็รู้สึกแย่ ฝืนยิ้มพูดว่า


 


 


“เมื่อครู่ข้าหาดูแล้ว ทั้งครัวไม่มีอะไรกินเลย มั่วชิง เอาไข่ไปกินสักใบสิ”


 


 


พูดจบก็หยิบไข่สองใบออกมาจากตะกร้าแล้วยัดใส่มือมั่วชิง จากนั้นหาชามจากในครัวมาหนึ่งใบ หยิบไข่ไก่สี่ใบกับหมั่นโถวหนึ่งลูกออกมา แล้วเอาตะกร้าไม้ไผ่ยัดใส่มือมั่วชิง


 


 


“เอาของกินที่เหลือไปแบ่งหน่อย ให้นี่อวิ๋นสักหน่อย ข้าเอาไปให้ท่านอ๋องก่อน”


 


 


มั่วชิงพยักหน้า หลิงอวี้จื้อยกชามไปหาเซียวเหยี่ยน เพียงแต่เซียวเหยี่ยนไม่ได้อยู่ในห้อง นางวางชามในมือลง ตอนนี้เซียวเหยี่ยนไปไหนกันนะ


 


 


เมื่อวานไม่ได้กินอะไรเลย ท้องเธอหิวแล้วจริงๆ จึงหยิบหมั่นโถวลูกหนึ่งมากิน


 


 


กินเสร็จแล้วก็ยังไม่เห็นเซียวเหยี่ยนกลับมา หยิบไข่สองใบใส่ในกระเป๋าเสื้อ ตามหาเซียวเหยี่ยนในเรือนครบทุกซอกมุมแล้ว แม้แต่เงาของอู่จิ้นก็ไม่เห็น เตรียมจะออกไปหาเซียวเหยี่ยนข้างนอก


 


 


หลังจากภัยพิบัติครั้งนี้ ถนนใหญ่ในตำบลเถาหยวนก็เงียบสงัดสุดขีด


 


 


ยังมีกลิ่นคาวเลือดอบอวลในอากาศ รอยเลือดบนพื้นยังชำระล้างไม่เกลี้ยง ทุกบ้านเรือนต่างแขวนโคมไฟ เพียงแต่สีแดงนี้กลับไม่ให้ความรู้สึกของงานรื่นเริง คราบเลือดกับโคมไฟเกี่ยวกระหวัดพันกัน ทั้งตำบลเถาหยวนตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า


 


 


มั่วชิงตามอยู่ข้างหลังหลิงอวี้จื้อ พูดเตือนว่า


 


 


“คุณหนู คืนวานทัพใหญ่มาถึงแล้ว ท่านอ๋องอาจจะไปทำธุระ พวกเรากลับก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ! ข้างนอกมีแต่เลือดทุกหนแห่ง”


 


 


“ไม่เป็นไร ข้าจะไปดูให้ทั่ว”


 


 


เมื่อใกล้ถึงประตูเมือง หลิงอวี้จื้อก็ได้ยินเสียงม้าควบ เธอรีบสาวเท้าเดิน ก็พบเซียวเหยี่ยนตามคาด


 


 


ประตูเมืองตำบลเถาหยวนเปิดอยู่ คนมาราวสองสามพันคน เซียวเหยี่ยนยืนอยู่ข้างหน้ากองทัพใหญ่ หันหลังให้หลิงอวี้จื้อ พลทหารที่เผชิญหน้าเซียวเหยี่ยนอยู่ต่างยืนอย่างเป็นระเบียบ แม้ว่าคนเยอะแต่ไม่มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นกองทัพทหารที่เคร่งครัดในระเบียบวินัย


 


 


“จางผิง ที่ข้าสั่งการไปจำได้หรือยัง”


 


 


เซียวเหยี่ยนถามสีหน้าน่าเกรงขาม


 


 


“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”


 


 


เสียงของจางผิงทรงพลังหนักแน่น ได้ยินไปถึงหลิงอวี้จื้อที่ยืนอยู่ไกลๆ


 


 


เซียวเหยี่ยนโบกมือ เป็นสัญญาณให้จางผิงถอยไปได้ จางผิงสั่งทหารทันที พาคนสองสามร้อยคนเรียงแถวเป็นระเบียบเข้าไปในตำบลเถาหยวน ส่วนคนที่เหลืออยู่นอกเมืองต่อไป


 


 


หลิงอวี้จื้อกับมั่วชิงถอยไปข้างๆ จะได้หลีกทางให้จางผิง เธอมองแผ่นหลังของเซียวเหยี่ยนด้วยแววตาชื่นชม ถึงแม้จะอยู่ไกลมาก แต่เธอก็ยังรู้สึกถึงบารมีของเขา ดึงดูดสายตาคนเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้าพลทหารนับพัน ทำให้คนมองเห็นเขาแม้เพียงเหลือบมอง


 


 


เดิมทีหลิงอวี้จื้ออยากเข้าไปหาเซียวเหยี่ยน ใครจะรู้ว่าเซียวเหยี่ยนเดินก้าวยาวมาหา ไม่นานก็เดินมาข้างๆ หลิงอวี้จื้อ


 


 


“เหตุใดไม่นอนต่อสักหน่อย”


 


 


“นอนต่ออีกหน่อยจะเสียเวลาน่ะ”


 


 


“เมื่อคืนเจ้าไม่ได้นอนหรือ”


 


 


เซียวเหยี่ยนขมวดคิ้ว พลางถาม


 


 


“ท่านรู้ได้อย่างไร”


 


 


หลิงอวี้จื้อถามเสร็จก็รีบปิดปากตัวเอง


 


 


“ข้านอนไม่หลับนี่นา เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งมากมาย การนอนไม่หลับจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงยาก อาเหยี่ยน ข้าเอาไข่มาให้ท่านสองฟอง ป้าบ้านข้างๆ ส่งมาให้”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม