หมอยาหวานใจท่านประธาน 402-409
ตอนที่ 402 แน่นอนว่าเป็นห่วง
นายท่านผู้เฒ่านึกถึงที่มั่วเวิ่นซึ่งเป็นอาจารย์ของเฟิงฉี่ ทั้งโอสถทิพย์ของหลานชายตนมั่วเวิ่นก็เป็นคนหลอมขึ้น หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงผงกหัว “งั้นก็ทำตามความเห็นพวกเธอเถอะ”
ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลใหญ่ทุกแห่งรักษาหลานชายตนไม่ได้ มีเพียงหมิงเย่ที่ลองรักษาอยู่ หลังจากนั้นก็มีโอสถทิพย์ที่สามารถทำให้เฉวียนหมิงยืนขึ้นได้ เขาจึงยอมเชื่อพวกเขา
เนื่องจากเวลานี้เขาไม่เชื่อวิธีอื่น วิธีเหล่านั้นแก้ปัญหาของเฉวียนหมิงไม่ได้
“เดี๋ยวผมจะแทงเข็มให้เขา แต่ว่าต้องให้อีลั่วเสวี่ยคอยช่วยอยู่ข้างๆ ท่านคิดว่า…” หมิงเย่กลอกตา พูดด้วยท่าทางจริงจัง
ถ้าสามารถช่วยเฉวียนหมิงได้ ขณะนี้นายท่านผู้เฒ่าไม่ปฏิเสธทั้งสิ้น ต่อให้เวลานี้มีคนบอกว่าถ้าจะช่วยเฉวียนหมิงต้องเอาเฉวียนกรุ๊ปมาแลกเปลี่ยน เขาก็ยินดีตกลง
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา พวกเธอไปจัดการเลย ต้องการอะไรก็บอกเหล่าเกา ไม่ บอกฉันก็ได้ ฉันจะจัดการให้” นายท่านผู้เฒ่าชี้ตัวเอง สีหน้าจริงจัง
หมิงเย่พยักหน้า แล้วขยิบตาให้เฟิงฉี่ตามออกมา จากนั้นก็ตรงไปที่ห้องของเฉวียนหมิง
“ปู่ไม่ได้โมโหใช่ไหม” พอเฉวียนหมิงเห็นหมิงเย่และเฟิงฉี่ ก็ยกมุมปากขึ้นแล้วถาม
หมิงเย่เปิดกระเป๋ายาพลางพูด “ฉันคุยกับปู่เธอแล้ว จะแทงเข็มให้เธอเหมือนครั้งก่อน แต่ต้องให้เธออยู่ในสภาพพักผ่อนเต็มที่ เดี๋ยวฉันจะให้ยานอนหลับเธอ”
เฉวียนหมิงพยักหน้า ไม่คิดอะไรมาก อีลั่วเสวี่ยถลกแขนเสื้อเฉวียนหมิงขึ้น เผยตำแหน่งที่หมิงเย่จะฉีดยา จากนั้นเฉวียนหมิงก็หลับอย่างรวดเร็ว
ส่วนเฟิงฉี่มองตาบิดา แล้วเดินย้อนกลับไปล็อคประตูห้อง “พี่ลั่วเสวี่ย ลงมือได้แล้ว ผมจะเฝ้าอยู่ข้างๆ ไม่ให้ใครมารบกวน”
“ต้องการอะไรก็เรียกฉันได้ มีเข็มเงินสะอาดชุดหนึ่งที่นี่แล้ว เธอใช้ได้เลย” หมิงเย่พูดจบก็ออกไปจากห้อง ไปนั่งรอที่ห้องรับแขกด้านนอก
อีลั่วเสวี่ยรอจนสองพ่อลูกออกไปแล้วจึงเดินมาที่ข้างตัวเฉวียนหมิง เห็นใบหน้าที่อิดโรยของเขา รู้สึกห่วงใย เขาคงลำบาใจไม่น้อยเพราะเรื่องของเธอกับปู่ของตน
“แม่คุณ เจ้าห่วงใยเขาแล้วสิ” ลูกบอลเงินลอยมาอยู่ข้างตัวอีลั่วเสวี่ยแล้วพูดขึ้น มันติดตามเธอมานานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่เห็นเธอมีความรู้สึกเช่นนี้ กลายเป็นผู้หญิงอย่างแท้จริงแล้ว แตกต่างจากเธอเมื่อก่อน
อีลั่วเสวี่ยพยักหน้าแล้วยิ้ม เธอไม่ปฏิเสธ “ใช่ เขาเป็นคนของฉัน จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไร” เขาเก็บความทุกข์ไว้ในใจ ยังบอกเธอว่าเขาจัดการเองได้ บอกให้เธออย่าคิดมาก
แต่เพราะเรื่องนี้เขาคงลำบากใจแน่นอน แต่เธอกลับไม่อยู่เป็นเพื่อนเขาเผชิญกับเรื่องเหล่านี้ ทำให้เธอนึกเสียใจ
อีลั่วเสวี่ยตั้งสติแล้วเปิดกระเป๋ายา หยิบเข็มเงินออกมา ครั้งนี้เธอไม่ได้ใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ แต่ใช้ไฟทิพย์แทน หลังจากฆ่าเชื้อเข็มเงินแล้ว ก็ถอดเสื้อผ้าเฉวียนหมิงออก เริ่มแทงเข็มให้เขา
ขณะที่ลงมือทำเธอมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ครึ่งชั่วโมงผ่านไป บนร่างเฉวียนหมิงเต็มไปด้วยเข็มเงิน ส่วนเธอต้องพักบ้าง
อีลั่วเสวี่ยถอนหายใจ แล้วเริ่มเดินพลังทิพย์ถ่ายทอดเข้าสู่ภายในร่างเฉวียนหมิงผ่านตำแหน่งที่แทงเข็ม ก่อนหน้านี้ที่เขาดูกระฉับกระเฉงก็เพราะได้ประโยชน์จากพลังทิพย์ที่เธอถ่ายทอดให้ ไม่เช่นนั้นเขาคงมีอาการเช่นนี้ก่อนแล้ว ไม่ต้องรอจนถึงเดี๋ยวนี้
ขณะที่เธอส่งพลังทิพย์ให้ ใจจะวอกแวกไม่ได้เลย เธอส่งพลังทิพย์เข้าสู่ร่างเฉวียนหมิงทีละน้อยอย่างช้าๆ ตัวเขาไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียร ถ้าได้รับพลังทิพย์อย่างกะทันหันอาจทำให้ร่างกายบาดเจ็บ คล้ายกับการกินอาหารเสริมมากเกินไป อาจมีอันตรายถึงชีวิต
ตอนที่ 403 รู้แล้วว่าต้องเป็นคุณ
ในระหว่างการส่งพลังทิพย์ อีลั่วเสวี่ยไม่ได้สังเกตว่านิ้วมือเฉวียนหมิงขยับเล็กน้อยแล้ว ยังคงถ่ายทอดพลังออกไปทีละน้อย
เจ้าลูกบอลเงินสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเฉวียนหมิง เดิมทีคิดจะพูดอะไรบ้าง แต่พอมันนึกถึงเรื่องบางอย่าง ก็รู้สึกว่าแกล้งทำเป็นไม่เห็นจะดีกว่า
“ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว ออกไปข้างนอกดีกว่า” ลูกบอลเงินพูดแล้วลอยทะลุผนังห้องออกไป มันไม่อยากให้อีลั่วเสวี่ยโทษมันภายหลัง แฮ่แฮ่
หลังจากที่อีลั่วเสวี่ยถ่ายทอดพลังทิพย์ส่วนหนึ่งแล้ว เธอจึงถอนเข็มเงินส่วนหนึ่งออก แล้วเดินพลังต่อ ทำเช่นนี้ซ้ำๆ กัน
สุดท้ายเธอดึงเข็มเงินบนตัวเฉวียนหมิงออก ฆ่าเชื้อเสร็จก็มาอยู่ข้างตัวเขา ยื่นมือออกไปลูบใบหน้าที่หล่อเหลาเบาๆ จากนั้นเล็งที่จุดแทงเข็มบนใบหน้าแล้วแทงลงไป
แต่ในขณะนั้นเองเธอก็ประสานสายตาเข้ากับดวงตาที่ดูลึกล้ำและเปี่ยมด้วยความรัก ในดวงตาเต็มไปด้วยความเสน่หา พอมองเข้าไปในดวงตาคู่นี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนหลงเข้าไปอยู่ในนั้น
เดี๋ยวก่อน ดวงตา? พออีลั่วเสวี่ยตั้งสติได้ก็ใจหายวาบ ยืดตัวขึ้น จ้องใบหน้าเฉวียนหมิงที่ดูเหมือนกำลังยิ้ม เขาฟื้นขึ้นมาตั้งเมื่อไหร่?
“อาเสวี่ย แทงเข็มสิ ผมไม่ร้องหรอก” สีหน้าเฉวียนหมิงดูอดกลั้น พูดจบยังดึงมืออีลั่วเสวี่ยที่ถือเข็มเงินไว้
อีลั่วเสวี่ยรู้สึกสึกสับสน นึกสงสัย พอเฉวียนหมิงตื่นขึ้นก็เห็นคนยืนถือเข็มเงินจะแทงตนทั้งยังเป็นคนป่วยที่กระตือรือร้นขอให้เธอแทงเข็มต่อ เขาทำอะไรของเขานะ?
“อาเสวี่ย เป็นอะไรไป โทษที่ผมตื่นขึ้นงั้นหรือ? ก็ได้ ผมจะนอนต่อ” เฉวียนหมิงพูดจบก็หลับตาลง ทุกอย่างเหมือนอีลั่วเสวี่ยตาฝาดไปเอง ราวกับเขาไม่เคยตื่นขึ้น แน่ล่ะ แต่ต้องมองข้ามมือที่เขากุมมืออีลั่วเสวี่ยไว้
“คุณจับมือฉันไว้ แล้วฉันจะแทงเข็มได้ยังไง?” อีลั่วเสวี่ยมองจากมุมสูงลงมาบนใบหน้าที่คมสันของเฉวียนหมิง แล้วพบว่าเขาก็มีด้านที่เจ้าเล่ห์แสนกลเช่นกัน
พอเฉวียนหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ลืมตาขึ้น เอนหัวมาเล็กน้อย แล้วปล่อยมือเธอ “มิน่า ผมเองก็แปลกใจว่าทำไมกล้ามเนื้อบนใบหน้าผมถึงได้อ่อนลง ที่แท้คุณเอง ผมรู้อยู่แล้ว”
ก่อนหน้านี้คนที่แทงเข็มให้เขาในคฤหาสน์ไม่ใช่หมอหมิง แต่เป็นเธอ ดังนั้นตอนที่ตัวเขาไม่ได้ใส่กางเกง แววตาหมิงเย่จึงดูแปลกๆ คำพูดที่เขาอ้างก็ผิดปกติ
หมิงเย่เป็นหมอประจำตัวของเขา บางครั้งเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องตรวจร่างกายเขาอย่างละเอียด แต่หมิงเย่ก็ไม่เคยมีท่าทีแบบนี้ เพราะเป็นความจำเป็นในการรักษา
ต่อมาบนเกาะ เขาก็รู้สึกสบายตัวมาก แล้วภายหลังสังเกตเห็นร่องรอยการแทงเข็มบนตัว ตรงกับตำแหน่งการแทงเข็มที่คฤหาสน์ซึ่งหมิงเย่บอกว่าเขาเป็นคนแทงเข็มให้
แต่ตอนนั้นหมิงเย่ไม่ได้อยู่บนเกาะ เขาจึงเริ่มสงสัย แต่เลือกที่จะไม่พูดอะไร เพราะเขาค้นทั่วคฤหาสน์แล้ว ไม่เจอของอย่างเข็มเงิน
จนกระทั่งวันนี้เกิดความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้เกิดขึ้นอีก เขาจึงดิ้นรนบังคับทำให้ตัวเองฟื้นขึ้น แล้วพบว่าเป็นเธอจริงๆ เขาไม่รู้ผู้หญิงคนนี้แอบช่วยเขาทั้งหมดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่
“คุณถูกฉีดยานอนหลับไม่ใช่หรือ ทำไมฟื้นเร็วจัง?” ฐานะอีลั่วเสวี่ยถูกเปิดเผยแล้วเธอจึงไม่ปิดบัง เพราะอย่างไรเธอเองก็หาโอกาสตลอดมาที่จะบอกกับเฉวียนหมิง
เฉวียนหมิงยิ้มที่มุมปาก ขยับตัวขึ้น ดึงมือเธอไว้ “เพราะพลังในตัวคุณทำให้ผมฟื้นเร็วขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน ยาพอเพียงกับสภาพร่างกายของผม แต่ตอนนี้ร่างกายผมมีความต้านทานต่อยาเพิ่มขึ้น บวกกับพลังจากตัวคุณ ไม่อยากตื่นก็ทำไม่ได้”
อีลั่วเสวี่ยทำตาขวาง แล้วพึมพำ “รู้อย่างนี้น่าจะบอกให้หมอหมิงฉีดยานอนหลับให้มากหน่อย” ทำไมเธอจึงลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปได้
“อาเสวี่ย ถ้าวันนี้ผมไม่ได้พบเห็น คุณตั้งใจจะปิดบังไปถึงเมื่อไหร่ ทำไมคุณถึงไม่บอกผม?” เฉวียนหมิงจ้องตาเธอไม่วางตา
ตอนที่ 404 รอให้คุณยอมบอกผม
อีลั่วเสวี่ยเผยอปาก แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี “ “ฉัน…” เธอจะพูดอย่างไรดี หรือจะให้บอกว่าเธอรู้จักการบำเพ็ญเพียร โลกนี้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามีผู้บำเพ็ญเพียรอยู่ด้วย
ถ้าหากเธอพูดเรื่องทั้งหมดออกไป เฉวียนหมิงอาจจะคิดว่าเธอเสียสติไปแล้ว หรือไม่ก็อาจจะคิดว่าเธอกำลังแสดงละคร ถ้าเรื่องบานปลายเธอก็อาจจะถูกพาไปทำการวิจัยก็ได้
เอาเถอะ ตอนนั้นที่เธอรับความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมก็คิดเช่นนี้ การเกิดเรื่องที่ยากจะอธิบายได้ หรือถ้าคุณมีพลังวิเศษ ก็อาจถูกคนที่มีเจตนาร้ายคอยจ้อง เธอทำไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
เวลานั้นเจ้าของร่างเดิมเพิ่งแต่งเข้าสกุลเฉวียน ไม่ไว้ใจเฉวียนหมิง เธอย่อมไม่กล้าเปิดเผยเรื่องทั้งหมดออกไป
“พี่ลั่วเสวี่ย…เสร็จ…หรือยังครับ?” เฟิงฉี่เคาะประตูห้องเบาๆ เปิดแง้มออกเป็นช่อง เห็นอีลั่วเสวี่ยยืนอยู่ ไม่ได้กำลังแทงเข็ม จึงเปิดประตูออก เขาตกตะลึงเมื่อเห็นเฉวียนหมิงฟื้นแล้ว
ตายจริง ฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือว่าเขารู้แล้ว
สายตาเฉวียนหมิงมาอยู่บนร่างเฟิงฉี่ เฟิงฉี่เบ้ปาก แล้วหัวเราะแฮ่ๆ อย่างรู้สถานการณ์ ปิดประตูแล้วผละไป
“คุณพระช่วย” สายตานั่นน่ากลัวจริงๆ ท่าทางเหมือนจะเล่นงานเขาให้หนัก ชวนให้ขวัญผวา ใช่แน่นอน ลั่วเสวี่ยถูกเปิดเผยแล้ว ตอนนี้เขาโกรธมาก จะทำอย่างไรดี ใช่ ให้พ่อไปพูดไกล่เกลี่ยดีกว่า
หมิงเย่เห็นท่าทางลูกชายตกใจจนขวัญกระเจิง เขาจิบชาคำหนึ่งแล้วถาม “เป็นอะไรไป ทำไมทำท่าทางแบบนั้น ลั่วเสวี่ยเสร็จหรือยัง?” ครั้งก่อนใช้เวลาไมนานเท่านี้
ครั้งนี้เฟิงฉี่เรียกเธอช้ากว่าเดิมสิบกว่านาที หรือว่าไปรบกวนเธอแล้ว?
เฟิงฉี่กลืนน้ำลาย รีบวิ่งไปที่ข้างตัวบิดา “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว พี่เขยฟื้นแล้วครับ”
มือหมิงเย่ที่ถือถ้วยชาไว้สั่นเล็กน้อย น้ำชากระฉอกออกมา “ลูกว่าอะไรนะ? เป็นไปได้อย่างไร?” เขาฉีดยานอนหลับให้ไปแล้ว ไม่น่าจะตื่นขึ้นเร็วอย่างนี้ หรือที่เขาใช้เป็นยาปลอม จะเป็นไปได้หรือ
“จริงแท้แน่นอนครับ ดูเหมือนพี่ลั่วเสวี่ยจะถูกเปิดเผยแล้ว” ก่อนจะจากมาเขาชำเลืองมองอีลั่วเสวี่ยแวบหนึ่ง พบว่าในมือถือมีเข็มเงินเล่มหนึ่ง ส่วนเฉวียนหมิงดึงมือเธอไว้ ถ้าไม่พบเห็นก็คงบ้าไปแล้ว
หมิงเย่ได้ยินเช่นนี้ก็วางถ้วยชาลงทันที ตรงไปที่ห้องของเฉวียนหมิงแล้วเคาะประตู
เพียงครู่เดียวก็มีเสียงเฉวียนหมิงดังขึ้นในห้อง น้ำเสียงราบเรียบ “เข้ามาได้”
เขาฟื้นแล้วจริงๆ หมิงเย่กับลูกชายมองดูแวบหนึ่งแล้วเดินเข้ามา พบว่าเฉวียนหมิงนั่งที่หัวเตียง อีลั่วเสวี่ยนั่งอยู่ข้างๆ เข็มเงินที่ใช้แล้วถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านข้าง
“เจ๊” เฟิงฉี่ร้องเรียกอีลั่วเสวี่ย สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม แววตาเธอไม่มีความรู้สึกใดๆ
หมิงเย่กระแอมเบาๆ “เรื่องนี้…เฉวียนหมิง ฉัน…”
“คุณรู้เรื่องนี้ ยังช่วยอาเสวี่ยปิดบังผม” น้ำเสียงเฉวียนหมิงราบเรียบ สายตาอ่อนโยน แต่หมิงเย่กลับรู้สึกหนักใจ ตามหลักแล้วเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า ไม่จำเป็นต้องกลัวเด็กรุ่นหลัง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาจึงรู้สึกผิดในใจ
“ฉันเองที่ขอให้คุณหมอหมิงอย่าพูด เพราะฉันกลัวว่าคุณปู่จะไม่เห็นด้วย ไม่ไว้ใจฉัน” อีลั่วเสวี่ยพูดโดยไม่รอให้หมิงเย่อธิบาย
เฉวียนหมิงผงกหัว สายตาอยู่ที่ร่างเฟิงฉี่ คราวก่อนอาเสวี่ยไปพักที่โรงแรม ระหว่างทางเจอกับเฟิงฉี่ เดิมเขาคิดว่าเป็นเพียงความบังเอิญ เวลานี้ดูแล้วยังมีเรื่องที่เขาไม่รู้
“พี่เขย อย่ามองผมอย่างนั้นสิ ทำให้รู้สึกเครียด” เฟิงฉี่รู้สึกเกร็ง ท่าทางหวาดผวา
อีลั่วเสวี่ยจ้องมองเฉวียนหมิง “ฉันเองที่ขอให้พวกเขาอย่าบอกคุณ เฉวียนหมิง เพราะฉันไม่รู้ว่าคุณจะเข้าใจที่ว่ามีเรื่องเหนือธรรมชาติดำรงอยู่ไหม ฉันก็เลย…ต้องเลือกที่จะนิ่งเงียบ”
ตอนที่ 405 เผยเรื่องทั้งหมด
หมิงเย่เห็นทั้งสองพูดคุยกัน จึงดึงตัวลูกชายออกไปจากห้อง ปล่อยให้อีลั่วเสวี่ยกับเฉวียนหมิงอยู่กันตามตามลำพัง
เฉวียนหมิงทุ่มเทใจให้อีลั่วเสวี่ย แต่เวลานี้พบว่าเธอไม่ใช่ง่ายๆ อย่างที่ตนเองมองเห็นภายนอก เขาคงตกใจมาก เธอยังเป็นแค่นักศึกษาและไม่เคยสัมผัสการแทงเข็มมาก่อน แต่กลับเชี่ยวชาญเช่นนี้ ยังเรื่องที่เธอรู้จักบำเพ็ญเพียรก็สร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคน พวกเขาทีแรกก็แปลกใจมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉวียนหมิงที่ไม่เคยสัมผัสเรื่องเหล่านี้
“พี่เขย ที่พี่ลั่วเสวี่ยทำเช่นนี้ก็เพราะมีความลำบากใจ เธอไม่เคยทำร้ายคุณ” ก่อนที่ประตูจะปิด เฟิงฉี่ฉุกคิดถึงอะไรบางอย่าง แล้วรีบอธิบายแทนอีลั่วเสวี่ย
หลังจากปิดประตูแล้ว หมิงเย่ดึงลูกชายไปด้านข้างทันที “เรื่องของผัวเมีย ลูกอย่าไปยุ่ง”
ในห้อง อีลั่วเสวี่ยจ้องมองเฉวียนหมิง ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี จึงได้แต่นิ่งเงียบ เธออีลั่วเสวี่ยแต่ไหนแต่ไรทำอะไรจะตามใจตัวเอง ไม่เคยคิดว่าทำอะไรแล้วจะต้องมีคำอธิบายกับคนอื่น
แต่สำหรับเฉวียนหมิงแล้วเธอกลับรู้สึกลำบากใจและว้าวุ่นใจ เธอคิดว่าเธอพบจุดอ่อนของตนเองแล้ว เฉวียนหมิงก็คือจุดอ่อนของเธอ
“อาเสวี่ย ถ้าคุณไม่อยากพูด ผมก็จะถือว่าไม่รู้ คุณไม่ต้องวิตก” เฉวียนหมิงเห็นท่าทางเธอกังวล จึงยืนมือออกไปดึงมือเธอ สีหน้าจริงจัง
ไม่ว่าจะอย่างไร เธอไม่เคยทำร้ายตนเอง กลับคอยแอบช่วยอยู่เงียบๆ พลังทิพย์ไม่ใช่สิ่งที่จะบำเพ็ญเพียรให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ แต่เธอยินดีที่จะถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายตนทีละน้อย พอที่ยืนยันถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของตนในใจเธอ
เอาเถอะ ดีที่เฉวียนหมิงไม่รู้ว่านอกจากตัวเขาแล้ว เธอยังเคยใช้พลังทิพย์รักษาคนอื่น ถ้าเขารู้คงจะหึงหวงแน่นอน
แต่ตอนนี้เธอไม่ยอมพูด เธอย่อมมีเรื่องที่ต้องคำนึง จะอย่างไรบรรดาผู้บำเพ็ญเพียรจะเร้นกายอยู่ในเมือง ส่วนใหญ่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตนเองมีพลังเช่นนี้ อย่างเฟิงฉี่เป็นต้น
เขาอยู่ภายนอกทั้งบำเพ็ญเพียรและศึกษาวิชาแพทย์ แต่ที่จริงเขาใช้วิชาแพทย๋เพื่อปิดบังฐานะผู้บำเพ็ญเพียร ส่วนเฉวียนหมิงเคยพบเห็นผู้บำเพ็ญเพียรนั้น มาก่อน ไม่ใช่เรื่องที่รับไม่ได้
เมื่อเฉวียนหมิงพูดเช่นนี้อีลั่วเสวี่ยก็ถอนหายใจ ในใจนึกตัดสินใจแล้ว “เฉวียนหมิง คุณตั้งใจฟังให้ดี ที่ฉันจะพูดต่อไปนี้คุณต้องตกใจแน่นอน แต่ที่ฉันจะพูดเป็นความจริงทุกคำ
ถ้ารู้สึกว่าไม่สามารถรับได้ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ฉันจะเคารพการตัดสินใจของคุณ จากไปก็ดี หรือจะช่วยคุณลบความจำก็ดี” เมื่อกี้เจ้าลูกบอลเงินบอกแล้ว มียาชนิดหนึ่งเหมือนยาลืมรักในตำนาน ถ้าให้เฉวียนหมิงกิน เขาจะจำเธอไม่ได้อีกแล้ว
“อาเสวี่ย คุณกำลังพูดอะไร อย่าล้อเล่น ผมไม่ยอมให้คุณจากไป ไม่เด็ดขาด! เว้นแต่ผมตายแล้ว!” ต่อให้โลกนี้กำลังจะล่มสลาย ขอเพียงเขายังมีชีวิตอยู่ จะไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด ไม่เด็ดขาด
อีลั่วเสวี่ยหายใจเข้าลึกๆ ตัดสินใจจะเผยความจริงทั้งหมด จะต้องเผชิญกับเรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็ว งั้นอาศัยโอกาสนี้เลย
“เฉวียนหมิง ฉันไม่ใช่อีลั่วเสวี่ย ฉันคือมั่วเสี่ยวชิง”
พอเธอพูดคำนี้ออกมา ทำให้เฉวียนหมิงหวั่นใจ “อาเสวี่ย คุณอย่าพูดอีกเลย ผมง่วงแล้ว ผมอยากพักผ่อนก่อน” เขาพูดเสร็จก็นอนลง จะหันหน้าไปทางอื่น
แต่เขายังไม่ทันนอนลง อีลั่วเสวี่ยก็ลุกขึ้น มายืนอยู่ข้างเตียง “คุณควรจะรู้ว่าที่ฉันพูดหมายความว่าอย่างไร เฉวียนหมิง อย่าหลอกตัวเอง ฉันเองก็ไม่อยากหลอกตัวเอง แม้ฉันจะมีรูปกายและฐานะของอีลั่วเสวี่ย แต่วิญญาณฉันเป็นอีกคนหนึ่ง มั่วเสี่ยวชิง
มาจากโลกที่ต่างออกไป ก็คือที่พวกคุณพูดว่าวิญญาณแห่งโลกโบราณ ฉันตายแล้ว จากนั้นก็ทะลุมิติมาถึงที่นี่ หรือคุณไม่ได้สังเกตเห็นว่าใบหน้าฉันเวลานี้ต่างจากอีลั่วเสวี่ยเมื่อก่อน?”
ตอนที่ 406 ผมคือพญายม
เฉวียนหมิงชะงัก จ้องมองอีลั่วเสวี่ย เขามองเห็นแล้ว แต่ที่ผ่านมาคิดว่าเธอชอบแต่งตัว ใช้เครื่องสำอางบวกกับการแต่งตัว ทำให้บุคลิกเธอเปลี่ยนไป
จะอย่างไรไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ถ้าทาหน้าปะแป้งแต่งตัวให้ดี เด็กสาวคนไหนบ้างที่จะไม่สวย อีกทั้งในใจเขานั้นอีลั่วเสวี่ยสวยเสมอ
“อาเสวี่ย…” เฉวียนหมิงเผยอปากขึ้น ร้องเรียกชื่อเธอ
อีลั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว “ฉันบอกแล้วว่าฉันชื่อมั่วเสี่ยวชิง อีลั่วเสวี่ยตัวจริงไปสวรรค์แล้วตั้งแต่ตอนที่กลิ้งตกบันได ที่โรงพยาบาลเหลือเพียงดวงจิตค้างอยู่ ต่อมาฉันเข้าครอบครองร่างเธอ เธอจากไปแล้ว”
จากนั้นอีลั่วเสวี่ยก็เล่าคร่าวๆ ว่าเธอมาที่โลกนี้ได้อย่างไร รวมทั้งความรู้สึกต่อที่นี่หลังจากที่เธอมาถึงโลกนี้แล้ว ยังพูดชัดเจนว่าเหตุใดจึงต้องปกปิดความสามารถของตนเอง
เฉวียนหมิงหลุบตาลง “งั้นก็หมายความว่าตอนนั้นที่คุณต้องการซื้อหยกดิบ ต้องการหยกข้างใน ก็เพื่อใช้ในการบำเพ็ญเพียรของคุณใช่ไหม?” เขาสงสัยตลอดมาว่าอีลั่วเสวี่ยจะเอาหยกดิบไปทำอะไร
อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า “ถูกต้อง หรือคุณไม่ได้สังเกตว่าหลังจากที่ฉันเอาหยกดิบพวกนั้นมาแล้ว อากาศในคฤหาสน์ดีขึ้น นี่เป็นเพราะค่ายดูดพลังทิพย์ แม้อากาศจะมีไอทิพย์เบาบางมาก ก็สามารถดึงดูดไอทิพย์มาทำให้เข้มข้นขึ้น”
เขาย่อมสังเกตเห็น เดิมดอกไม้ในสนามจะบานไม่กี่วันก็เ**่ยวเฉา แต่หลังจากนั้นดอกไม้จะบานต่อเนื่องนานมาก แม้แต่ต้นไม้ในสนามไม่ต้องรดน้ำบ่อยยังเขียวสดอยู่ได้
“ผมย่อมสังเกตเห็น อาเสวี่ย…เสี่ยวชิง คุณจะจากผมไปไหม?” มือที่เฉวียนหมิงกุมมือเธอไว้กระชับแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แววตาจริงจัง
อีลั่วเสวี่ยเกือบจะหลุดปากออกมาว่าไม่ไป แต่เธอคิดว่าควรจะต้องคุยกันให้ชัดเจน “ฉันบอกแล้ว ฉันคืออีลั่วเสวี่ย แต่ไม่ใช่อีลั่วเสวี่ยคนนั้นที่คุณต้องการ ขอโทษนะ เฉวียนหมิง ฉันควรบอกคุณก่อนหน้านี้แล้ว” ถ้าบอกก่อนหน้านี้บางที่เธออาจจะไม่หลงรักเขาจนไม่อาจตัดใจได้
“แต่คุณก็คืออาเสวี่ยของผม ผมไม่สนใจว่าคุณจะเป็นอีลั่วเสวี่ยหรือเป็นมั่วเสี่ยวชิงก็ตาม คุณก็คืออาเสวี่ย ก่อนนี้ผมแต่งงานกับอีลั่วเสวี่ยเพื่อตอบแทนบุญคุณเธอที่มีต่อผม ดังนั้นไม่ว่าเธอทำอะไรผมล้วนยอมรับได้ แต่ต่อมาคุณเข้ามาในหัวใจผม อาเสวี่ย คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม?”
“คุณไม่ต้องปลอบใจฉันหรอก บางทีคงเพราะฉันครอบครองร่างนี้ ที่จริงคุณไม่…”
“ไม่! อาเสวี่ย ผมไม่เคยโทษที่คุณปิดบังผมเรื่องนี้ ผมโทษตัวผมเองที่ทำให้คุณไว้ใจผมไม่พอ คุณจึงไม่กล้าเปิดเผย” ท่าทางเฉวียนหมิงจริงจังเป็นพิเศษ
สีหน้าอีลั่วเสวี่ยตื่นเต้น “หรือว่าที่คุณดีต่อฉันไม่ใช่เพราะอีลั่วเสวี่ย อีกอย่างที่คุณบอกว่าเพื่อตอบแทนบุญคุณเธอ หมายความว่าอย่างไร ฉันสืบทอดความจำของเธอแต่กลับไม่รู้เรื่องเลย”
ในความทรงจำดูเหมือนก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอเฉวียนหมิงมาก่อน
“จำเหตุการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อห้าปีก่อนได้ไหม ตอนนั้นอยู่ที่ชานเมือง เป็นคุณ ไม่สิ เป็นเธอที่ดึงผมออกมาจากรถแล้วโทรแจ้งตำรวจ ถ้าช้ากว่านั้นผมอาจตายไปแล้วเพราะเสียเลือดมาก” เฉวียนหมิงเชิดมุมปากขึ้น ดังนั้นหลังจากนั้นเขาจึงตามหาเธอตลอดมา
ห้าปีแล้ว ในเมืองเดียวกัน แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะตามหาคนคนหนึ่งท่ามกลางทะเลคนที่เวิ้งว้าง เขาใช้เวลาห้าปีจึงตามเจอ แน่นอนวาย่อมต้องตอบแทนเธอโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น เรื่องทั้งหมดนี้แม้แต่ปู่เขาก็ไม่รู้
อีลั่วเสวี่ยนิ่งคิด มีภาพเลือนรางผุดขึ้นในสมอง เจ้าของร่างเดิมเคยช่วยผู้ชายที่รถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างถนนที่ชานเมืองจริง ตอนนั้นเขาบาดเจ็บเลือดเต็มใบหน้า เธอเองก็ร้อนรน จำหน้าตาเขาไม่ได้ จากนั้นก็ถือว่าเป็นการทำความดี ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร
ตอนที่ 407 เธอเคยช่วยชีวิตเขา
แน่นอนว่าต่อมาตระกูลเฉวียนประกาศหาพลเมืองดีที่โทรแจ้งตำรวจ แต่เธอไม่สนใจและไม่ได้ปรากฏตัว ไม่เช่นนั้นทั้งสองคนคงพบกันตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว หลังจากนั้นบางทีอาจจะไม่เกิดเรื่องระหว่างหนานหลิวเฟิงกับเธอก็ได้ อีลั่วเสวี่ยถอนหายใจ
“นึกขึ้นได้แล้วใช่ไหม?” เฉวียนหมิงมองดูอีลั่วเสวี่ยด้วยความชื่นชม เขารู้ดีว่าตนเองไม่ได้เจอผิดคน
อีลั่วเสวี่ยพยักหน้า “นั่นเป็นเพียงความทรงจำ คนที่ช่วยคุณไม่ใช่ฉัน”
เฉวียนหมิงยิ้มอย่างขมขื่น “ผมย่อมรู้ ในเมื่อเธอตายไปแล้ว ผมจะไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก ที่ผมสามารถทำได้ก็ทุ่มเททำไปแล้ว” เขาช่วยเธอรักษาสกุลอีไว้ แต่ต่อมาอีลั่วเสวี่ยเล่นงานสกุลอี เขาก็แอบช่วยเงียบๆ
เวลานี้เขาคิดดูแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงมากจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเพราะเธอรู้ว่ามีคนคอยช่วย จึงไม่อ่อนแอช่วยตัวเองไม่ได้อย่างเมื่อก่อน กลับคิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะในร่างมีการสลับเปลี่ยนวิญญาณ
เรื่องที่เกิดขึ้นในนิยายและละครทีวีแบบนี้กลับเกิดขึ้นกับตัวเขา ดีที่เขาเองเป็นคนเข้าใจอะไรได้ จึงสามารถยอมรับเรื่องนี้ได้
“คุณไม่โทษฉันที่กำจัดสกุลอี ยังใช้ฐานะของเธอหลอกคุณหรือ?” อีลั่วเสวี่ยเหมือนพูดล้อเล่น ที่จริงเวลานี้ในใจเธอเข้าใจดีแล้ว
เฉวียนหมิงเงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบเฉยแต่จริงจัง “พูดถึงเรื่องหลอกลวง ผมเองก็หลอกคุณ อาเสวี่ย ผมไม่ใช่เป็นแค่ประธานเฉวียนกรุ๊ป ง่ายๆ แค่นั้น ผมยังมีอีกสถานะหนึ่ง นั่นคือพญายมแห่งโรงประมูลใต้ดินของเมืองเอฟ”
เขาพูดต่อ ”โรงประมูลใต้ดินก็คือ…”
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “ฉันรู้”
“คุณรู้เรื่องโรงประมูลใต้ดิน รู้เรื่องผมงั้นหรือ?” เฉวียนหมิงประหลาดใจ ผู้หญิงตรงหน้ารู้เรื่องต่างๆ ไม่น้อยไปกว่าเขา ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาเลย
เธอย่อมรู้ ที่จริงก่อนหน้านั้นมีการคาดเดาบ้าง เพียงแต่เฉวียนหมิงไม่อยากบอก เธอเองก็ไม่ถาม ระหว่างสามีภรรยายังมีเรื่องที่เป็นความลับของตนเองที่ไม่พูด ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงระหว่างเธอกับเขา
“คนขนาดพญายม ราชาแห่งรัตติกาลของเมืองเอฟ มีใครบ้างที่จะไม่รู้จัก?” อีลั่วเสวี่ยแย้งกลับอย่างล้อเล่น ทำให้เฉวียนหมิงรู้สึกว่าว่าเธอขี้เล่นน่ารัก
อีลั่วเสวี่ยครุ่นคิดแล้วพูดต่อ “คุณต้องปิดบังฐานะของคุณไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงบอกให้ฉันรู้? ไม่กลัวว่าฉันจะเปิดเผยฐานะคุณหรือไง” พญายม นี่เป็นบทบาทในมุมมืด โดยเปิดเผยแล้วมีบางคนอยากกำจัดเขา
เฉวียนหมิงที่เป็นถึงประธานของเฉวียนกรุ๊ป กลับเป็นพญายม ถ้าเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป จะต้องทำใหแวดวงธุรกิจและโรงประมูลใต้ดินสั่นสะเทือนแน่นอน
เฉวียนหมิงไม่เห็นว่าสำคัญอะไร “คุณบอกความลับของคุณให้ผมรู้ ผมย่อมต้องบอกคุณบ้าง อาเสวี่ย คราวนี้เราเสมอกันแล้ว คุณเองก็อย่านึกโทษตัวเอง เพราะผมไม่โทษคุณหรอก”
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “ฉันไม่ใช่เด็กสาวที่คุณอยากตอบแทนบุญคุณ และไม่ได้อ่อนหวานน่ารักอย่างเธอ คุณชอบฉันตรงไหน?” ตัดเรื่องการตอบแทนบุญคุณอีลั่วเสวี่ยออกไป เฉวียนหมิงยังจะชอบอะไรเธอ
“คุณเป็นคนที่ตรงมาก มีเสน่ห์เฉพาะตัว มีหลักการของตัวเอง คุณยังดีต่อผม ทั้งยังเคยช่วยชีวิตผมไม่ใช่หรือ ที่ห้องอาบน้ำก็ครั้งหนึ่ง” เฉวียนหมิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ที่เจ้าของร่างเดิมช่วยชีวิตเขาไว้ เขาได้ตอบแทนเธอแล้ว ช่วยให้เธอพ้นจากการถูกสกุลอีทำร้าย
ส่วนอีลั่วเสวี่ยในภายหลัง ไม่สิ เป็นมั่วเสี่ยวชิงที่ช่วยชีวิตเขาครั้งหนึ่ง ต่อมายังแทงเข็มและถ่ายทอดพลังทิพย์ให้เขา ตอนนี้น่าจะครั้งที่สามแล้ว ครั้งที่อยู่ริมทะเล ถ้าไม่มีเธอเขาคงไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว
“ห้องอาบน้ำ ตอนนั้นคุณหมดสติไปแล้วไม่ใช่หรือ จะจำได้อย่างไร?” คงจะโกหก ตอนนั้นเขาไข้สูงมาก แทบจะสลบไปแล้ว ตอนนั้นเธอช่วยเขา เขาแทบจะไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ เธอไม่เชื่อว่าเขาจะจำได้
ตอนที่ 408 ที่ผมรักก็คือคุณ
เฉวียนหมิงไม่ตอบที่เธอถาม แต่ดึงมือเธอ แล้วชี้มาที่ริมฝีปากตนเอง “ความรู้สึกที่นี่ไม่มีทางผิดหรอก” ทีแรกเขาเองก็จำไม่ได้ แต่ความอบอุ่นจากริมฝีปากทำให้เขาฉุกคิดขึ้นได้
ภายหลังเขาไปที่บริษัท พบว่าวันนั้นในเวลานั้นเหล่าเกาอยู่ที่บริษัท ไม่มีเวลาจะมาดูแลเขาได้ น่าจะหลังจากเขากลับมาแล้วจึงรับช่วงต่อจากอีลั่วเสวี่ย ที่เหล่าเกาไม่บอกเขา คงคิดว่าให้พวเขาสองคนรู้จักกันและกัน ไม่จำเป็นต้องให้คนรอบข้างบอก
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อธิบายได้ว่าทำไมอีลั่วเสวี่ยจึงหน้าแดงทันที แย่จริงๆ ทำไมความรู้สึกเขาจึงช่างไวนัก อาศัยแค่จูบเดียวก็รู้แล้ว แต่ปัญหาก็คือตอนนั้นพวกเขาสองคนสัมผัสกันเบาๆ เท่านั้น
เธอไม่รู้ว่าบางครั้งถ้าผู้ชายคนหนึ่งอยากจดจำความรู้สึกหนึ่งไว้ ก็จะจำเข้ากระดูก ขอเพียงเรื่องเดียวกันเกิดขึ้นอีกครั้ง ก็จะกระตุ้นความทรงจำนั้นขึ้นมา
“เฉวียนหมิง คิดไม่ถึงว่าคุณจะร้ายกาจอย่างนี้” อีลั่วเสวี่ยทำตาขวางใส่เขา ในใจทั้งวาบหวามและเขินอาย ยังรู้สึกอบอุ่น ราวกับได้ดื่มเหล้าดอกท้อจอกใหญ่ รอบๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้
เฉวียนหมิงเชิดมุมปากขึ้น ดึงอีลั่วเสวี่ยแรงๆ เข้ามาหา จดริมฝีปากลงไป ไม่รอให้เธอทันตั้งตัวก็ถูกรุกโจมตีแล้ว ลิ้นที่ว่องไวของเขากวาดไปทั่วปากเธอ
ผ่านไปครู่หนึ่ง รอจนทั้งสองคนหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว เฉวียนหมิงจึงคลายมือออกจากเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคิดว่าข้างนอกมีสองคนที่พร้อมจะเคาะประตูห้องแล้วเดินเข้ามาได้ตลอดเวลา เขาคงไม่อยากปล่อยมือจริงๆ ยินดีที่จะอยู่อย่างนี้ชั่วนาตาปี
ใบหน้าอีลั่วเสวี่ยแดงเรื่อทันที ดวงตาดูเลื่อนลอย ริมฝีปากหยาดเยิ้มจนแทบหยดลงมา จนเห็นแล้วยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้ลองชิม แล้วเฉวียนหมิงก็ทำแล้ว
เขายืดตัวขึ้น เล็งที่ริมฝีปากเธอ ยื่นลิ้นออกไปตวัดรอบหนึ่ง
“อาเสวี่ย ที่ผมรักก็คือคุณ คุณเท่านั้น ถ้าคุณไม่ได้มา บางทีภายหลังผมอาจพบว่าตัวเองไม่ได้รักอีลั่วเสวี่ย เพราะในใจเธอไม่มีผม ส่วนในใจคุณต้องมีผมแน่นอน ใช่ไหม?”
หลังจากเฉวียนหมิงถามแล้วก็รอด้วยความคาดหวัง ที่จริงก่อนหน้านี้เขารู้แล้วว่าอีลั่วเสวี่ยชอบหนานหลิวเฟิงไม่ใช่ตนเอง ตอนนั้นเขานึกชอบเธอ แต่ความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณสำคัญกว่า
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับตัวเอง ย่อมปล่อยพื้นที่ว่างให้เธอ แต่อีลั่วเสวี่ยคนต่อมาค่อยๆ เดินมาหาเขา แล้วเขาพบว่าตนเองเริ่มหลงรักผู้หญิงคนนี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อเขารักเธอแล้ว แต่เธอกลับเป็นอีลั่วเสวี่ยคนใหม่
หัวใจอีลั่วเสวี่ยเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ฟังคำสารภาพรักจากเฉวียนหมิง ที่ต่างจากเมื่อก่อนก็คือ เวลานี้เธอได้รับการบอกรักจากเฉวียนหมิงที่มีต่อวิญญาณของเธออย่างแท้จริง
เธอไม่ใส่ใจแล้วว่าเฉวียนหมิงรักใบหน้านี้หรือรักตนเอง แต่บัดนี้เธอมีคำตอบแล้ว
“คุณว่าไงล่ะ?” อีลั่วเสวี่ยย้อนถาม คำพูดอย่างนั้นจะหลุดออกจากปากผู้หญิงได้อย่างไร
แต่ถึงเธอจะไม่พูด เฉวียนหมิงก็ฟังความหมายในคำพูดเธอออก เขาตื่นเต้นจนกอดเธอไว้ในอ้อมอก “อาเสวี่ย อย่าจากผมไปได้ไหม คุณคงไม่กลับไปใช่ไหม?”
เธอมาจากอีกโลกหนึ่ง ยังรู้จักการบำเพ็ญเพียร จะป็นเหมือนในนิยายหรือในละครทีวีไหม ที่บำเพ็ญเพียรถึงจุดสูงสุดแล้วก็จะเหาะไปที่อีกโลกหนึ่ง
เขาตอบเองโดยไม่รอให้อีลั่วเสวี่ยตอบ “ถ้าจะไป คุณรอให้ผมตายก่อนได้ไหม ผมคงไม่ทำให้คุณเสียเวลานานหรอก ผม…”
เขายังไม่ทันพูดจบก็ถูกอีลั่วเสวี่ยผลักออกไป เธอจับคางเขาไว้แล้วก้มลงจูบ
ตาย เธอจะปล่อยให้ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ตายได้หรือ มีหมอปีศาจอย่างเธออยู่ จะให้เขาตายไม่ได้เด็ดขาด เธอต้องพยายามทุกวิธีเพื่อรักษาเขาให้หาย ต้องทำได้แน่
ตอนที่ 409 อีลั่วเสวี่ยรุกกลับ
เฉวียนหมิงผงะเมื่อถูกรุกกลับ จากนั้นก็ยอมรับการวางอำนาจของอีลั่วเสวี่ยอย่างพึงพอใจ บางครั้งการเปลี่ยนบทบาทบ้างก็ให้ความรู้สึกที่ไม่เลวเลย
ทั่วหล้าที่เขาอยากมอบความรักให้อย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่มีขอบเขตก็คือเธอคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ขอเพียงเธอพอใจ เขาย่อมคิดหาวิธีให้ได้
“ในห้องทำไมเงียบไปแล้ว ผ่านไปนานขนาดนี้ ไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยกันเป็นยังไงบ้าง ผมจะไปดูหน่อยครับ” เฟิงฉี่อยู่ข้างนอก ร้อนใจเหมือนถูกไฟเผา เขาทนไม่ไหวแล้ว เดินไปที่หน้าห้องของเฉวียนหมิง
หมิงเย่ตกใจจนเกือบพ่นน้ำชาออกมา “อย่า…” แต่สายไปแล้ว เฟิงฉี่เคาะประตูพร้อมกับเปิดประตูออก เขาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเวลาเดินมักว่องไวเป็นพิเศษ
“เจ้าลูกคนนี้ ช่างวู่วามจริงๆ” หมิงเย่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
พอเปิดประตูเฟิงฉี่ถึงกับตาค้าง หน้าแดงทันที ดวงตาเบิกกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความนับถือ
ที่เขาเห็นก็คือมือข้างหนึ่งของอีลั่วเสวี่ยยันที่ข้างตัวเฉวียนหมิงไว้ มืออีกข้างจับคางเขา รุกอย่างดุเดือด ภาพที่น่าตื่นเต้นนี้ทำให้เฟิงฉี่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก
ในใจคิดว่า “โอ้โห เจ๊ฉันร้ายกาจจริงๆ ฝ่ายนั้นเป็นคนมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มรูปหล่อ จนทำให้ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายรุกจูบใส่…คงไม่มีใครกล้าทำอย่างเธออีกแลว”
อีลั่วเสวี่ยรู้สึกได้ว่ามีคนมองอยู่ จำเป็นต้องปล่อยมือออก หันมาเห็นเฟิงฉี่ ก็ทำตาเขียวใส่ “ไม่รู้จักเคาะประตูหรือไง เข้าใจไหมที่ต้องเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่น?”
อีลั่วเสวี่ยท่าทางไม่พอใจ ส่วนเฉวัยนหมิงกลับมีท่าทางเหมือนได้กินขนมหวานแล้ว สีหน้าดูอ่อนหวาน กลับไม่โมโหที่พวกเขาถูกเฟิงฉี่รบกวน น่าแปลกจริง
เฟิงฉี่มีสีหน้าเหมือนถูกปรักปรำ เขาชี้ไปที่ประตู “เมื่อกี้ผมเคาะประตูแล้ว พวกคุณไม่ได้ยินหรือ อีกอย่าง ผมกลัวว่าพวกคุณคุยปรับความเข้าใจกันไม่ได้ อาจจะมีการลงไม้ลงมือกัน ก็เลยเข้ามาไกล่เกลี่ย”
ลูกบอลเงิน “เขาเคาะประตูแล้ว แต่พวกเจ้ากำลังเคลิบเคลิ้มเกินไปต่างหาก”
เคลิบเคลิ้มเกินไป…เคลิบเคลิ้ม..หรือ อีลั่วเสวี่ยเขินอายทันที แย่จริง เธอกลายเหมือนผู้หญิงใจถึงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ต้องโทษที่เฉวียนหมิงหล่อและมีเสน่ห์เกินไป
“ลงไม้ลงมือหรือ ฉันกลัวว่าเราสองคนจะไม่ทะเลาะกัน แต่เป็นคุณที่จะโดนเล่นงาน” อีลั่วเสวี่ยยืนตัวตรงขึ้น กำหมัดแน่น จนมีเสียงดังขึ้น เฟิงฉี่ได้ยินก็กลัวจนตัวสั่น รีบหันมามองเฉวียนหมิงด้วยสายตาอ้อนวอน
“พี่เขย ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณบอกให้พี่สาวยกโทษให้ผมเถอะ”
เฉวียนหมิงยิ้มอย่างเย็นชา สีหน้าสงบนิ่ง “เรื่องที่นายปิดบังฉัน ยังไม่ได้ให้อภัย อาเสวี่ย เล่นงานให้เต็มที่เลย”
เฟิงฉี่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบก้าวพรวดออกไปจากห้องพร้อมกับปิดประตู แล้วตะโกน “พ่อจ๋าช่วยด้วย ตายแน่แล้ว”
อีลั่วเสวี่ยสั่นหัวอย่างจนใจเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็กของเฟิงฉี่ ทั้งสองสบตากันแล้วยิ้ม เฉวียนหมิงสวมเสื้อคลุมและกางเกง ทั้งคู่เดินออกมาจากห้อง
พอดีนายท่านผู้เฒ่าถึงตอนนี้อดใจไม่ไหวมาเคาะประตูแล้ว จึงให้เขาเข้ามา
“เป็นไง เป็นไงบ้าง อาการดีขึ้นบ้างไหม?” นายท่านผู้เฒ่าเดินมาตรงหน้าเฉวียนหมิง มองสำรวจหลานชาย แล้วพบว่าเฉวียนหมิงมีท่าทางไม่ต่างจากก่อนที่จะหมดสติ จึงคลายความกังวลลงทันที
นายท่านผู้เฒ่ามองหมิงเย่ “ต้องขอบคุณหมอหมิงมาก แทงเข็มได้ผลดีจริงๆ วันหลังคงต้องรบกวนอีก ต้องเตรียมอะไรบ้างขอให้บอก จะได้เตรียมให้”
“ปู่ครับ ที่จริง…” ขณะที่เฉวียนหมิงจะบอกว่าความจริงว่าอีลั่วเสวี่ยเป็นคนแทงเข็ม แต่ถูกเธอหยิกที่ฝ่ามือ
“ที่จริงอะไรหรือ?” นายท่านผู้เฒ่าเอียงคอ มองดูมือของทั้งสองที่กุมกันอยู่ แม้ว่าสีหน้าจะไม่ดีนัก แต่ไม่ได้โมโหเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น