ความลับแห่งจินเหลียน ส่วน 4 ตอน 99-105

ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 99 ตกใจกันทั่วหน้า

 

สำหรับเรื่องการผ่าหยกครั้งนี้ ซีเหมินจินเหลียนคาดหวังไว้มาก เพราะนอกจากหินหยกก้อนนั้นที่มีสีสันน่าตื่นตาจนทำให้เธอรอคอยเป็นอย่างมากแล้ว หินหยกก้อนนั้นของเจียหยวนฮวาก็นับว่าใช้ได้ เป็นสีม่วงดอกไลแอคอย่างถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยน สีสันที่สดใสเช่นนั้น เธอก็ชอบเป็นอย่างมาก ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่น เธอคงอยากจะเจรจาพูดคุยกับเจียหยวนฮวาว่าจะสามารถขายให้เธอในราคาที่ไม่สูงนักได้ไหม เพราะอย่างไรเจียหยวนฮวาเองก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัทจิวเวอรี่ที่ใดอยู่แล้ว    


 


 


แต่วันนี้ ไม่ต้องรอดูถึงตอนจบก็รู้ผลได้ เธอรู้ว่าเจียหยวนฮวาคงจะเพิ่มราคาของหยกชั้นดีก้อนนี้ไปถึงหนึ่งล้านหยวน ทำให้คนอื่นแพ้กันทั้งหมด


 


 


แน่นอนว่านี่ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับฉายาราชาแห่งนักเดิมพันหยกของเขา  เพราะหินหยกหมายเลขสิบนั้น หากได้มีโอกาสเห็นสักครั้งก็ถือว่ามีบุญมากพอแล้ว ยิ่งเรียกคนให้เข้ามาเดิมพันเพิ่มขึ้น


 


 


การเดิมพันสายนี้มักจะมีคำพูดประโยคหนึ่งที่พูดต่อกันมาว่า ‘ได้มองก็เหมือนได้มี’ แต่ก่อนซีเหมินจินเหลียนก็ยังรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่คืนนี้เธอก็ได้สัมผัสลิ้มลองมันเข้ากับตัวเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ แต่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้


 


 


บนโลกนี้มีอัญมณีตั้งมากมาย แต่ก็ไม่สามารถครอบครองมันได้ทั้งหมด ถ้าอย่างนั้นของบางอย่าง ขอแค่ได้มองก็ถือว่าเป็นโชคแล้ว เช่นเดียวกับหยกในคืนนี้


 


 


ส่วนเธอจำได้ว่าหินหยกก้อนนี้มีอัตราต่อรองหนึ่งต่อเก้า เธอให้จ่านมู่ฮวาลงไปยี่สิบล้าน ถ้าหากเป็นอัตราต่อรองหนึ่งต่อเก้าจริง มันก็เป็นเงินหนึ่งร้อยแปดสิบล้าน แบ่งกันอย่างยุติธรรมทั้งคู่ เธอก็ยังได้ตั้งเก้าสิบล้าน ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว แม้ว่าจะถูกบริษัทหมิงฮุยเล่นโกงไปหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน แต่ขอแค่ทำเงินได้จากตรงนี้คืนกลับมา เธอก็ดีใจแล้ว เธอก็ไม่เคยเป็นคนโลภมากขนาดนี้มาก่อน


 


 


หินหยกทั้งสิบห้าก้อนจะถูกเจียระไนออกมาพร้อมกัน ดูแล้วยิ่งใหญ่มาก เมื่อเห็นเครื่องเจียระไนขนาดเล็กสิบห้าเครื่องวางอยู่ที่พื้น รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในการเจียระไนหินทั้งหมดสิบห้าคนที่สวมใส่ชุดยูนิฟอร์มที่เหมือนกัน ดูแล้วบรรยากาศก็เหมือนกับการทำงานในโรงงานแปรรูปหยกสักแห่ง    


 


 


ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา เกรงว่าถึงแม้จะเป็นโรงงานแปรรูปหยกของบริษัทจิวเวอรี่ขนาดใหญ่ แต่ก็คงไม่ยิ่งใหญ่อลังการขนาดนี้แน่? การเจียระไนไม่ใช่เรื่องเล็กเลย แน่นอนว่าหินธรรมดาพวกนั้นก็อย่าได้พูดถึง


 


 


ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดสิบห้าคนล้วนฝีมือขั้นชำนาญการมาก เพียงแค่ลักษณะของหินหยกข้างหน้าธรรมดาไป เป็นแค่หยกเนื้อน้ำแข็งก็ถือว่าดีแล้ว หยกก้อนนั้นสีเขียวอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เป็นหยกก้อนทึบไร้การโปร่งแสง แต่ถือว่าลักษณะไม่ได้แย่เลย    


 


 


จู่ๆ ผู้เชี่ยวชาญของหมายเลขสิบเอ็ดก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ


 


 


ทำให้ผู้ชมที่ล้อมรอบอยู่ต่างพากันแปลกใจไม่หยุด สิ่งที่ควรจะต้องรู้ก็คือผู้เชี่ยวชาญที่สามารถมาอยู่ในงานแบบนี้ได้ จะต้องเป็นนักเดิมพันหยกมาก่อน เห็นอะไรมาเยอะ แม้ว่าจะเจอหินหยกลักษณะดี แต่ก็ไม่น่าจะเสียอาการออกมาเช่นนี้


 


 


“ชนิดเนื้อแก้ว คิดไม่ถึงว่าเป็นสีม่วงดอกไลแอคชนิดเนื้อแก้ว” ผู้เชี่ยวชาญที่เจียระไนหินหมายเลขสิบเอ็ดพูดขึ้นมา น้ำเสียงในนั้นมีความตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การที่ได้เจียระไนหินหยกนี้ออกมาได้ถือว่าเป็นโชคชะตาสำหรับเขา    


 


 


สำหรับคนที่วางเดิมพันไปที่หมายเลขสิบเอ็ดก็เริ่มเผยยิ้มกันออกมา ซีเหมินจินเหลียนกระตุกมุมปากยิ้มขึ้นอย่างขมขื่น คืนนี้เจียหยวนฮวาชนะแล้ว แต่หินหยกก้อนสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าใครที่เสียสติไปแล้วเช่นกัน หินหยกที่หายากขนาดนี้ ทำไมถึงปรากฏตัวอยู่ที่งานเดิมพันหินใหญ่ได้?


 


 


พูดตามความจริงแล้วซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก หินหยกของหมายเลขสิบห้าลักษณะภายนอกดูไม่ได้ดีอะไร เมื่ออยู่ในมือของคนธรรมดาทั่วไปก็จะคิดว่าเป็นหินก่อสร้างได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าของหินหยกของหมายเลขสิบห้าไม่ได้คิดเช่นนี้ เพราะการเดิมพันหินแบบนี้ต้องการเงินมาลงทุนหนึ่งล้าน ถึงแม้จะเป็นคนมีเงิน แต่ก็ไม่มีใครที่คิดว่าเงินจำนวนหนึ่งล้านไม่ใช่เงิน


 


 


แต่ในเมื่อเจ้าของหมายเลขสิบห้าดูรักในหินหยกก้อนนี้ขนาดนั้น ก็ไม่มีทางที่จะมาหาเรื่องอยู่ที่งานเดิมพันหินใหญ่ สิ่งของมหัศจรรย์ที่หายากเช่นนี้ ไปแอบเปิดหินเองคนเดียวยังจะดีเสียกว่า    


 


 


ซีเหมินจินเหลียนเองก็ไม่ได้คิดที่จะนำหินหยกอีกาดำก้อนเล็กนั่นมาร่วมงานเดิมพันใหญ่ครั้งนี้ เมื่อปกปิดเก็บไว้ในที่ลับก็ไม่นำความยุ่งยากเข้ามา เพราะถ้าไม่ใช่ต้องการจะมาโปรโมทบริษัทจิวเวอรี่ของตัวเองแล้ว หินหยกแบบนี้เก็บไว้ในตู้เซฟจะปลอดภัยที่สุด


 


 


แต่เจ้าของหินหยกหมายเลขสิบห้า แม้แต่ชื่อก็ไม่ได้เขียนเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาโปรโมทเพื่อบริษัท


 


 


หินหยกก้อนเล็กพวกนั้นถูกเปิดออกมาจนหมด แล้วถูกนำมาตั้งไว้บนที่ตั้งสูงตระหง่าน ภายใต้แสงไฟ แม้ว่าหินหยกจะมีลักษณะที่ไม่ดีก็ตาม แต่ก็ยังคงส่องแสงพร่างพราวไม่ห่าง


 


 


“นี่มันอะไรกัน” จู่ๆ ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าหินหยกของหมายเลขสิบห้าก็ส่งเสียงสะดุ้งตกใจขึ้น


 


 


หินหยกที่ถูกเปิดออกมาส่องแสงเป็นสีม่วงประกายแดงสว่างไสว ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหินหยกจะสามารถส่องแสงระยิบระยับได้ถึงขนาดนี้ แม้ว่าจะเป็นเพชรที่อยู่ภายใต้แสงไฟ แต่เมื่อเกิดส่องแสงขึ้นมา ก็ไม่สามารถโดดเด่นสะดุดตาได้ถึงเพียงนี้ ไม่สิๆ ทั้งชาตินี้ก็ไม่มีบริษัทจิวเจอรี่ที่ไหนที่จะมีหยกที่สีสันพร่างพราวขนาดนี้ได้    


 


 


ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าหยกพยายามขยี้ตาอย่างแรง พระเจ้า! นี่เขากำลังเปิดหินหยกอะไรออกมากันแน่?


 


 


ร่องรอยที่ถูกเปิดออกมาเป็นสีแดงสดตามหลักเกณฑ์ ดูราวกับเปลวไฟที่กำลังเต้นระบำอยู่ ความโปร่งแสงสูงสุด สูงจนคล้ายกับคริสตัลบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ทำให้หินหยกก้อนนี้เมื่อมองแล้วความสวยนั่นก็เหมือนไม่ได้มีอยู่จริง นี่เป็นหยกไฟเนื้อแก้วชนิดโบราณ คืนนี้ถือว่าได้เปิดสายตาตัวเองมาก ไม่เพียงแต่ได้เห็นหยกเนื้อแก้วสีม่วงดอกไลแอคแสนสดใสเท่านั้น ยังคิดไม่ถึงว่าตัวเองยังโชคดีที่ได้เห็นหยกไฟเนื้อแก้ว


 


 


แต่หยกไฟก้อนนี้ แหล่งกำเนิดที่ส่องแสงสีแดงและสีม่วงมันมาจากที่ไหนกัน มันคืออะไรกันแน่?


 


 


ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าหยกเอาน้สะอาดที่เตรียมไว้ข้างๆ สาดลงไปที่รอยเปิดหิน ทำให้แสงสีแดงประกายม่วงนั่นยิ่งสว่างขึ้นทันตา ผู้เชี่ยวชาญในการเปิดหินใช้นิ้วมือสัมผัสเข้าไป พระเจ้า! คืนนี้เขาได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์แล้ว!


 


 


แต่ผู้ชมมากมายกำลังรอเขาผ่าหยกอยู่ ต่างคนต่างสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ อยู่หลายครั้ง เมื่อจัดการความวุ่นวายในใจเสร็จสิ้น ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าหยกหมายเลขสิบห้าก็หยิบเครื่องเจียระไนขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นถ้ามือสั่นขึ้นมา เกรงว่าความเสียหายนี้เขาคงรับผิดชอบไม่ไหวแน่


 


 


           ไม่สิๆ หินหยกก้อนนี้ถึงมีเงินก็ชดใช้ได้ หินหยกก้อนนี้ไม่สามารถตีค่าเป็นราคาใดๆ ถ้าหากไม่ระวังระหว่างที่อยู่ในมือเขา เขาคงจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ


 


 


ด้านล่างเวที ไม่มีใครที่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของผู้เชี่ยวชาญหมายเลขสิบห้า สิ่งที่ผู้คนส่วนมากสนใจก็คือหินหยกสีม่วงดอกไลแอคเนื้อแก้วชนิดโบราณก้อนนั้น เพราะฉะนั้นรอบข้างเจียหยวนฮวาจึงเต็มไปด้วยนักธุรกิจค้าอัญมณีมากมาย ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเจียหยวนฮวาเดิมพันหยกเป็นงานอดิเรกเท่านั้น หินหยกที่เขาเดิมพันได้ แม้จะอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่ส่วนใหญ่แล้วกลับนำออกไปขายเพื่อแลกเป็นเงินสดเสียมากกว่า หินหยกลักษณะแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นเป้าหมายในการแก่งแย่งราคาของบริษัทจิวเวอรี่หลากหลายแห่ง


 


 


เจียหยวนฮวายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว พร้อมกล่าวทักทายกับนักธุรกิจค้าอัญมณีเหล่านั้นด้วยความคุ้นเคยแล้วพูดว่า “ตอนนี้หินหยกพวกนั้นยังไม่ได้เจียระไนเปิดออกมาทั้งหมด ผู้ที่ชนะยังไม่ได้รับการยืนยัน ถกเถียงเรื่องราคาเกรงว่าจะเร็วเกินไป”


 


 


พูดพลาง เขาก็แอบเหลือบมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน เธอกำลังสนใจในการเจียระไน ไม่ได้สนใจหินหยกสีม่วงดอกไลแอคเนื้อแก้วชนิดโบราณของเขาเลยแม้แต่น้อย


 


 


หรือว่าหินหยกชั้นดีแบบนี้จะยังดึงดูดความสนใจของเธอไม่ได้อีกเหรอ?


 


 


การที่มอบสิ่งของให้แก่คนอื่น แสดงว่าคนคนนั้นต้องมีเรื่องอะไรให้ช่วย ส่วนคนที่กำลังต้องการอยู่พอดี แน่นอนว่าย่อมที่จะรับของมา เป้าหมายของเขาก็หวังเพียงแค่เธอจะยอมพูดออกมาว่าต้องการที่จะซื้อหยกสีม่วงดอกไลแอคก้อนนี้ จากนั้นเขาก็จะตามน้ำไป…    


 


 


การเดิมพันหินใหญ่คืนนี้ถือว่าเขาชนะไปแล้ว แต่ในใจของเขากลับยังไม่อาจวางใจได้อย่างสนิท จนกระทั่งมีอาการแอบใจเต้นตึกตัก หรือจะมีเรื่องบางอย่างที่ผิดปกติ…


 


 


“จินเหลียน ถ้ารู้เร็วกว่านี้พวกเราน่าจะวางเดิมพันที่หมายเลขสิบเอ็ด ผู้อาวุโสเจียท่านนี้ก็ไม่เสียทีที่ได้รับฉายาว่าราชาแห่งนักเดิมพันหยกเลย!” จ่านมู่ฮวายืนอยู่ข้างซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดขึ้นว่า “ขอเพียงแค่ยี่สิบล้านเขาก็สามารถปล่อยไปได้ง่ายๆ แล้ว”


 


 


“ยังมีหินหยกที่ยังไม่ได้เจียระไนเปิดออกมาอีก คุณจะร้อนใจไปทำไมกัน?” หลินเสวียนหลานพูดออกมา แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อว่าหินหยกหมายเลขสิบห้าจะสามารถเปิดเจียระไนหินออกมาเป็นหยกชั้นดีได้จนชนะสีม่วงดอกไลแอคเนื้อแก้วชนิดโบราณ แต่เขาก็เชื่อในตัวซีเหมินจินเหลียน เชื่อจนไม่ลืมหูลืมตา


 


 


ในใจของเขาว้าวุ่นคาดเดาไปมาไม่รู้จบ มันเป็นหยกประเภทไหนกันแน่? แต่บางครั้งเขาก็คิดว่าตัวเองยังไม่รู้จักอะไรอีกมาก หรืออาจะพูดได้ว่าจินตนาการยังไม่มากพอ? แม้จะเป็นหยกเนื้อแก้วสีเขียวสดเก่าแก่ หรือจะเป็นสีเขียวจักรพรรดิ แล้วจะอย่างไร ยังไงก็ยังไม่อาจตัดสินชี้ขาดได้ว่ามันจะสามารถเอาชนะสีม่วงสดของดอกไลแอคหมายเลขสิบเอ็ดนี้ได้


 


 


 แม้ในบรรดาหยกทั้งหลาย ตั้งแต่แรกผู้คนจะเลื่อมใสและนิยมในหยกสีเขียวเป็นหลัก แต่สีสดที่หายากเช่นนี้ บางครั้งกลับได้รับการต้อนรับมากกว่าเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นสีม่วงสดดอกไลแอค หยกสีเหลืองที่สว่างไสว หยกสีน้ำเงินพรั่งพราวดั่งคริสตัลน้ำงาม หรือแม้กระทั่งหยกสองสี หรือจะเป็นหลากหลายสี นั่นสิถึงหาพบยาก…


 


 


หรือว่าหินหยกก้อนนั้น จะเป็นหยกสีผสมกินบ่อเสี้ยนหรือหยกฮกลกซิ่ว?


 


 


ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ตอบคำถามนั้นกลับ ความสนใจทั้งหมดของเธอไปโฟกัสอยู่ที่ผู้เชี่ยวชาญที่กำลังเปิดหินหมายเลขสิบห้า แม้จะรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญในการเจียระไนหินจะมีฝีมือช่ำชอง แต่เธอก็ยังกังวลใจ หยกชั้นดีแบบนี้ ถ้าหากเกิดทำเสียหายเข้า นี่คงจะเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างไม่ต้องสงสัย


 


 


พระเจ้า! เป็นบริษัทฟุ่มเฟือยที่ไหนกันที่ถึงขนาดยอมนำหินหยกเช่นนี้มาร่วมการแข่งขันเดิมพันหิน?  หากพูดตามความจริง นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นการนำหินหยกชั้นดีมาอวดเบ่งเลยทีเดียว


 


 


เมื่อผู้เชี่ยวชาญเจียระไนหยกหมายเลขสิบห้าออกมาเรียบร้อยด้วยความระมัดระวังแล้ว ในที่สุดก็เจียระไนจนเสร็จ เมื่อเขาใช้น้ำใสสะอาดชะล้าง ผู้เชี่ยวชาญเปิดหินหมายเลขสิบห้าก็แทบที่จะไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง


 


 


เพียงไม่นานผู้เชี่ยวชาญหมายเลขสิบห้าก็นั่งคุกเข่าลงอย่างกะทันหัน สองมือโอบอุ้มหยกก้อนนั้นไว้แล้วเชิดชูขึ้นสูงเหนือหัว ในขณะนั้นน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูเต็มใบหน้า


 


 


เขาเจียระไนเปิดหินหยกมาทั้งชีวิต แต่ครั้งนี้จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่ได้เกิดมาเสียเปล่าแล้ว นี่เป็นผลบุญสะสมที่เขาควรค่าต่อการได้รับ ทำให้เขามีโชคที่ได้เจียระไนหยกชั้นดีออกมาเช่นนี้ ทำให้เขาสามารถโอบอุ้มไว้ในมือของเขา แถมยังได้อยู่ใกล้มากด้วย…


 


 


ในหมู่ผู้คนมีคนส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ หลังจากนั้นไม่นานคนอื่นๆ ก็พากันตกตะลึง สายตาของทุกคนล้วนให้ความสนใจกับหยกที่ผู้เชี่ยวชาญเปิดหินหมายเลขสิบห้าถือโอบไว้ทั้งสองมือ 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 100 อันดับแรกอย่างลึกลับ

หินหยกก้อนนี้แค่เป็นหยกไฟชนิดเนื้อแก้วก็ถือว่าหายากแล้ว สีสันของแสงไฟราวกับกำลังแผดเผาอย่างร้อนแรง สีแดงสดสว่างไสว แต่ก็ยังไม่นับว่าเป็นหยกที่มีความโปร่งแสงสูงสุด ตรงกลางของหยกก้อนนี้มีเส้นแสงสองทางคาดผ่านไว้ทั้งก้อน เส้นหนึ่งเป็นสีแดง อีกเส้นเป็นสีม่วง เมื่อรวมกันแล้วส่องแสงระยิบระยับ


 


 


เส้นแสงทั้งสองนี้มีขนาดเล็กแค่ปลายนิ้วก้อย ลักษณะเส้นตรงคาดรัดหยกทั้งก้อนเอาไว้


 


 


ไม่มีใครหัวเราะเยาะผู้เชี่ยวชาญหมายเลขสิบห้าที่ทำท่าทางอย่างไม่ประสา หรืออาจมีพฤติกรรมที่บ้าคลั่งไปบ้าง บางคนถึงขนาดแอบรู้สึกอิจฉาที่เขามีโอกาสได้สัมผัสหยกชั้นดีแบบนี้สักครั้ง นั่นก็เป็นความสุขกายสบายใจแล้ว!


 


 


ในใจของซีเหมินจินเหลียนได้แต่สูดหายใจอยู่เป็นระลอก หยกก้อนนี้ส่องแสงระยิบระยับมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้เสียอีก พื้นผิวนุ่มลื่นสะอาดใส ความโปร่งแสงน้อยกว่าหยกราชางูเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าหยกราชางูเป็นพลังงานชั่วร้ายที่อยู่ขั้นสูงสุด ส่วนหยกก้อนนี้เป็นสีแดงประกายม่วงแห่งมงคล เป็นที่ยินดีปรีดาต่อผู้ที่ได้พบเห็น


 


 


นอกจากนี้แหล่งกำเนิดแสงข้างในก็ไม่ได้กระจายตัวเหมือนหมู่ดวงดาวที่เปล่งแสง แต่เป็นลำแสงเส้นตรงทอดยาว แถมยังเป็นสีแดงและสีม่วงอีก นี่มันก็ช่างงดงามอย่างไร้ที่ติ   


 


 


ขนาดไม่ได้เล็กนัก ไม่ว่าจะนำไปทำเป็นเครื่องประดับหรือของตกแต่งมันก็เพียงพอแล้ว


 


 


“จินเหลียน…” จ่านมู่ฮวาสูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ เขาตกใจสุดขีดเป็นที่เรียบร้อย ไม่น่าล่ะ                  ซีเหมินจินเหลียนถึงได้ให้เขาวางเดิมพันที่หมายเลขสิบห้า ที่แท้ลักษณะของหินหยกก้อนนี้ก็ดีแบบนี้นี่เอง ดีถึงขั้นทำให้เขาที่ปกติแล้วไม่ได้เป็นคนชอบหยกเป็นชีวิตจิตใจ แต่ในเวลานี้กลับถูกสีสันสดใสนั่นสาดแสงส่องประกายมาในม่านตา   


 


 


หลินเสวียนหลานมองไปที่เวทีด้วยความนิ่งงัน หยกแบบนี้…เรียกได้ว่าเป็นของระดับเทพ


 


 


 


 


ผู้เชี่ยวชาญเปิดหินหมายเลขสิบห้าลุกขึ้นยืนเป็นที่เรียบร้อย สองมือของเขาประคับประคองหยกสีแดงประกายม่วงนั่นไว้แล้วเดินไปตรงกลางเวที ก่อนจะนำหยกไปวางไว้ที่ตำแหน่งของหมายเลขสิบห้า หมายเลขสิบห้าเป็นแค่ตัวเลขเรียงตามลำดับ ข้างๆ เขียนชื่อว่าเฉาเสวี่ยฉิน ชื่อที่ทำให้คนไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี


 


 


ไม่ว่าใครที่เป็นคนจีนต่างก็รู้ดีว่าสุดยอดวรรณกรรมอมตะของจีนเรื่องหนึ่งที่ชื่อความฝันในหอแดง ผู้ประพันธ์ของวรรณกรรมเรื่องนี้ก็ชื่อว่าเฉาเสวี่ยฉิน…


 


 


อีกทั้งฉากเริ่มแรกของความฝันในหอแดงก็ได้ดำเนินถึงเรื่องราวนามธรรมความไม่มีจริง หินปิดฟ้าก้อนนั้นสามารถแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของคนได้หรือไม่ โดยได้มีการดำเนินเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าสายตาผู้คน


 


 


“แม้ว่าจะเป็นหินปิดฟ้า แต่เกรงว่าก็ไม่อาจจะสวยเทียบเทียมกว่าสิ่งนี้” จ่านมู่ฮวาพูดเยิ่นยอไม่หยุดปาก


 


 


แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนจะไม่ได้หันไปมองหยกสีผสมแดงประกายม่วงนั่นตรงๆ แต่เมื่อได้ยินเธอก็ส่ายหน้าไม่หยุดโดยจิตใต้สำนึก หินหยกอีกาดำก้อนเล็กของเธอนั่น ถ้าเจียระไนออกมาแล้ว แม้ว่าขนาดจะไม่ใหญ่ แต่สีสันที่สดใสของมันคงส่องแสงเปล่งประกายกว่าหยกก้อนนี้เป็นแน่…


 


 


ส่วนหินปิดฟ้าก็น่าจะสวยกว่านี้แน่อยู่แล้ว สีสันคงสดใสเป็นประกาย…


 


 


บนเวทีมีเสียงของกรรมการกำลังปรึกษาหารือกันอยู่ ไม่นานนักหนึ่งในกรรมการก็ได้หยิบไมค์ขึ้นมาพร้อมประกาศว่า “ในค่ำคืนนี้ ขอตัดสินว่าผู้ที่ชนะเป็นอันดับหนึ่งในการเดิมพันหินครั้งนี้เป็นของคุณเฉาเสวี่ยฉิน เจ้าของหินหยกหมายเลขสิบห้า ขอแสดงความยินดีกับคุณเฉาด้วย”


 


 


สำหรับคำแถลงประกาศตัดสินครั้งนี้ก็ไม่มีใครที่คัดค้านหรือมีความสงสัย เมื่อหินหยกหมายเลขสิบห้าถูกเปิดออกมาแล้ว ผู้ชนะก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว แต่ปัญหาถัดมาก็คือคุณเฉาเสวี่ยฉินท่านนี่เป็นเทพเจ้ามาจากที่ไหนกัน? เขาคงไม่ใช่เป็นเฉาเสวี่ยฉินที่เป็นผู้ประพันธ์ความฝันในหอแดงคนนั้นหรอกนะ…


 


 


เพราะอย่างนั้นในขณะที่ผู้คนส่วนมากกำลังซุบซิบถึงความเป็นมาของเฉาเสวี่ยฉินท่านนี้อยู่ สิ่งที่นักค้าอัญมณีสนใจกลับเป็นเรื่องที่ว่าเฉาเสวี่ยฉินคนนี้อยู่ในบริษัทอัญมณีแห่งไหนหรือเปล่า และถ้าหากไม่ได้ขึ้นตรงกับบริษัทไหน หยกชั้นดีก้อนนี้เขาจะขายหรือไม่   


 


 


ซีเหมินจินเหลียนหันกายเตรียมตัวหามุมนั่งลงสักที่ แน่นอนว่าเธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าของหินหยกที่ทำให้คนตื่นตาตกใจแบบนี้เป็นใครกัน แต่เธอคิดว่าคนที่มีหินหยกแบบนี้คงจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ แม้ว่าเดิมทีเขาจะกำลังขาดเงิน แต่คืนนี้เขาก็ชนะไปด้วยเงินสิบสี่ล้านแล้ว


 


 


จ่านมู่ฮวาเดินตามอยู่ด้านหลังเธอต้อยๆ ส่วนหลินเสวียนหลานก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน หยกแบบนี้ดูให้มากหน่อยก็นับว่าเป็นโชคชะตาที่ดี ใช้โอกาสนี้ที่พวกเขายังไม่เก็บกลับไปชื่นชมให้มากหน่อย แน่นอนว่าคนที่ชื่นชอบหยกอย่างเขาก็อยากรู้เช่นกันว่า เจ้าของของหินหยกก้อนนี้เป็นใครมาจากไหน


 


 


“จินเหลียน คืนนี้พวกเราก็ชนะไปหนึ่งร้อยแปดสิบล้านแล้ว!” จ่านมู่ฮวายิ้มออกทั้งสายตา


 


 


“คุณมีวิธีที่จะหาว่าเจ้าของหินหยกหมายเลขสิบห้าคือใครหรือเปล่า” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าถามขึ้น


 


 


“ง่ายนิดเดียว แม้ว่าบนเวทีจะใช้นามแฝง แต่ข้อมูลในตอนที่ลงทะเบียน เขาก็ต้องมีข้อมูลให้ติดต่อหรือบัญชีธนาคารเพื่อสะดวกในการโอนเงิน ดังนั้นน่าจะสืบหาได้อยู่แล้ว ทำไมเหรอ คุณก็อยากจะซื้อหยกที่ส่องแสงสีแดงประกายม่วงนี่เหรอ?” จ่านมู่ฮวาถาม


 


 


ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า เธอก็เพียงแค่สงสัยเท่านั้น ซื้อหรือ? เธอเองก็อยากซื้อ แต่ทางนั้นจะยอมขายหรืออย่างไร ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอ เธอคงไม่ยอมขายแน่


 


 


“ถ้าคุณมีหยกก้อนนั้นไว้ในมือ คุณจะยอมขายไหม?” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจแล้วพูดออกมา “มีโอกาสได้เห็น ก็ถือว่าเป็นโชคที่ดีที่สุดแล้ว”   


 


 


“จริงด้วย” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น “ของแบบนี้ขอแค่มีโอกาสได้ดู ก็ถือว่าเป็นโชคดีแล้ว แต่จินเหลียน คุณก็มีหยกประกายดาวไม่ใช่หรอกเหรอ หยกประกายดาวของคุณก็เอามาเทียบกับหยกก้อนนี้ไม่ได้เลย”


 


 


ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา “คุณก็พูดถูก หยกประกายดาวก็เทียบไม่ได้จริงๆ น่าจะต้องพูดว่าหยกแต่ละก้อนต่างก็มีเสน่ห์ในตัวเองที่ไม่เหมือนกัน แม้ว่าหยกก้อนนี้จะดูสวย แต่ก็เทียบไม่ได้กับหยกราชางูของฉัน ฉันมีความสุขมากที่ได้มีหยกชั้นดีมากมายไว้ในครอบครอง นี่ไม่ต้องอิจฉาใครอื่นแล้ว” พูดพลางเธอก็มองไปที่แสงระยิบระยับตรงข้อมือของเธอ แล้วจดจ้องมองไปที่กำไลประกายดาวอยู่เนิ่นนานพร้อมยิ้มบางเบา


 


 


จ่านมู่ฮวาเหม่อลอยอยู่นาน ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยมาก่อน ความจริงเขาก็เคยพบเห็นผู้หญิงสวยมาตั้งมากตั้งมาย แม้กระทั่งสวยสดใสอย่างจางต่งเอ๋อร์คนนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาใจหวั่นไหวได้ ส่วนคุณนายซูที่มีมารยาร้อยเล่มเกวียน เขาก็พยายามหลบหลีกราวกับงูพิษ แต่ไม่รู้ทำไมซีเหมินจินเหลียนคนที่หน้าตาไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ยิ้มของเธอเมื่อสักครู่นี้ก็เหมือนกับสายลมโชยอ่อน ที่ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ ราวกับยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดอกไม้ที่เบ่งบานหลากหลายสีสัน


 


 


ถ้าหากบอกว่าผู้หญิงสวยเหมือนหยก จางต่งเอ๋อร์และคุณนายซูคนนั้นคงจะเป็นแสงสว่างของหยกที่คอยทิ่มแทงสายตา แต่ซีเหมินจินเหลียนเป็นราวกับหยกราชางู ที่ดูลึกลับและคาดเดายาก ทำให้คนที่พบเห็นอยากจะรู้จักให้มากขึ้น และค่อยๆ ถลำลึกลงไปเรื่อยๆ จนถอนตัวไม่ขึ้น


 


 


“อีกอย่างคืนนี้พวกเรายังชนะไปตั้งสองร้อยล้าน ถือว่าตักตวงกำไรมาเป็นกอบเป็นกำ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นอีกครั้ง


 


 


“ใช่แล้ว” จ่านมู่ฮวาพูด “หินหยกหมายเลขสิบห้านี่เป็นม้ามืดทำลายล้างจริงๆ ราชาแห่งนักเดิมพันหยกคงจะเสียหายไปไม่น้อย หยกสีม่วงดอกไลแอคก้อนนั้นของเขาก็ตีราคาไม่ได้เลยจริงๆ”


 


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา เธอรู้ว่ากฎในการเดิมพันหิน ผู้ชนะจะได้เดิมพันหนึ่งล้านของผู้เข้างานทุกคน รวมกับหินหยกทั้งหมด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าคืนนี้คุณเฉาเสวี่ยฉินผู้ลึกลับคนนั้นก็ไม่ใช่ได้แค่เงินสดสิบสี่ล้านกลับไป แต่เขายังได้หินหยกที่ลักษณะไม่เลวอีกหลายก้อน ส่วนหยกสีม่วงดอกไลแอคเนื้อแก้วชนิดโบราณ ก็คงจะเพิ่มราคาขึ้นไปอีก


 


 


ซีเหมินจินเหลียนคาดการณ์ไว้ว่าหินหยกสีม่วงดอกไลแอคไม่ถึงกับใหญ่ แต่อย่างน้อยก็สามารถทำกำไลออกมาได้สักสามวง ส่วนที่เหลือทำเป็นของตกแต่งหรือไม่ก็จี้หยก หรืออาจจะเป็นสร้อยข้อมือหยกประคำ ขอแค่ใช้ฝีมือลงทุนลงแรงเข้าหน่อย ขายในตลาดสักสี่ห้าร้อยล้านก็ไม่เป็นปัญหา


 


 


“น่าเสียดายสีม่วงดอกไลแอคก้อนนั้น” ซีเหมินจินเหลียนใช้สองมือกุมหัวเข่าไว้ และนั่งในท่าที่เธอชอบพิงอยู่บนเก้าอี้


 


 


ในระหว่างที่จ่านมู่ฮวาคิดจะพูดอะไรออกมานั้น เสียงมือถือของซีเหมินจินเหลียนก็ดังขึ้นเสียก่อน เป็นเสียงข้อความที่ส่งเข้ามา เธอรีบหยิบขึ้นมาดู จากนั้นก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ เวลานี้…ใครโอนเงินมาให้เธอกัน?


 


 


ไม่ใช่สิ? ตั้งแต่ที่บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ก่อตั้งขึ้นมา เธอก็ไปเปิดบัญชีธนาคารอื่นไว้ ส่วนบัญชีนี้ก็น่าจะกลายเป็นบัญชีส่วนตัวของเธอไปแล้ว ถึงจะทำธุรกิจก็ไม่น่าจะโอนเงินมาให้ในเวลานี้ เพราะธนาคารปิดแล้ว อย่างน้อยก็ต้องรอถึงพรุ่งนี้


 


 


แน่นอนว่าเลขจำนวนหลักสิบล้าน บางครั้งธนาคารก็ต้องคอยเอาใจลูกค้าหน่อย แต่เรื่องนี้มันต้องจัดการแต่ละขั้นตอนในกลางวันสิ…


 


 


ดูเหมือนว่าการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้คงจะมีผู้รักษาการแทนจากธนาคารสักแห่งมาคอยจัดการ โอนเงินในสถานที่แห่งนี้เลย เพราะว่าเป็นจำนวนเลขที่ค่อนข้างมาก ถ้าหากจัดการไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องขึ้นมาคงแก้ไขลำบาก


 


 


เมื่อเธอกวาดสายตามองไปที่จำนวนเงินในบัญชี เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง สิบห้าล้าน? นี่ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลย ถึงแม้จ่านป๋ายจะออกแรงไปขายเครื่องประดับให้เธอ แต่จำนวนเงินสูงขนาดนี้ก็น่าจะโทรมาบอกเธอก่อน?


 


 


ไม่สิ ไม่ว่าอย่างไรก่อนที่จ่านป๋ายจะขายเครื่องประดับที่เป็นของเก็บสะสมส่วนตัวของเธอ เขาก็น่าจะขออนุญาตเธอก่อน แล้วเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน นี่มันก็มีอะไรแปลกๆ


 


 


“จ่านมู่ฮวา!” ซีเหมินจินเหลียนเรียกชื่ออย่างเต็มยศ


 


 


“หือ? เกิดอะไรขึ้น” จ่านมู่ฮวาถาม


 


 


“คุณโอนเงินมาให้ฉันเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย


 


 


“เปล่านะ” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้า “แต่ถ้าคุณต้องการให้โอนตอนนี้ก็ได้ คืนนี้ที่นี่มีผู้รักษาการแทนจากธนาคารคอยจัดการอยู่ เดี๋ยวผมไปจัดการให้ก็เรียบร้อยแล้ว”


 


 


“ไม่ใช่อย่างนั้น” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “เมื่อกี้ฉันได้รับข้อความแจ้งเตือนมาว่า บัญชีของฉัน มีเงินจากที่ไหนไม่รู้โอนเข้ามา”


 


 


“หา?” จ่านมู่ฮวาถามอย่างตกใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้น “ทำไมผมไม่มีโอกาสได้เจอเรื่องดีๆ แบบนี้บ้าง ว่าแต่คุณก็ไม่ต้องสงสัยให้มากหรอก บางทีมู่หรงอาจจะทำเรื่องอะไรดีๆ ไว้ แล้วอยากจะเซอไพรส์คุณก็แค่นั้น ว่าแต่เท่าไหร่ล่ะ?”


 


 


“สิบห้าล้าน” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วแล้วพูด “เสี่ยวป๋ายคงไม่ได้ว่างขนาดมาทำเรื่องอะไรแบบนี้แน่” ถ้าเป็นจ่านป๋าย เขาคงจะจัดห้องที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ หรือไม่ก็เป่าขลุ่ยอย่างโรแมนติก คงไม่ได้มาล้อเล่นอะไรแบบนี้


 


 


“ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครได้?” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้า “ถ้าเป็นบัญชีของลูกค้าที่ทำธุรกิจก็ไม่น่าจะเลือกเวลานี้นะ?”


 


 


ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย แต่ในเวลานี้เองคุณนายซูก็รีบเดินเข้ามาอย่างร้อนรน ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีเลศนัย “น้องจินเหลียน ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ พี่สาวตามหาอยู่ตั้งนาน”


 


 


“สวีสดีค่ะคุณนายซู!” ซีเหมินจินเหลียนรีบทักทาย


 


 


“ดีอะไรกันล่ะ คืนนี้พี่แพ้ขาดทุนไปย่อยยับเลย!” คุณนายซูขมวดคิ้วขึ้น ตอนนั้นเป็นภาพที่เธอเห็นอย่างเยือกเย็น “น้องสาว พี่แอบมาหาเธอน่ะ พี่อยากถามว่าหินหยกสีแดงประกายม่วงในคืนนี้ เธอจะขายหรือเปล่า”


 


 


“หา?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ หินหยกสีแดงประกายม่วงที่คุณนายซูพูดถึงก้อนนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นหยกที่ชนะการเดิมพันในคืนนี้ และก็เป็นของชายลึกลับอย่างเฉาเสวี่ยฉิน เธอก็น่าจะไปถามคุณเฉาสิ แล้วจะมาถามเธอทำไมกันว่าขายหรือไม่ขาย? 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 101 เรื่องไม่เป็นไปตามที่คิด

 

คุณนายซูคนนี้ก็บ้าหรือว่าโง่กันแน่? ซีเหมินจินเหลียนแบบคิดเช่นนี้อยู่ในใจ เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ได้ตอบคำถามของคุณนายซู 


 


 


“ไม่น่าล่ะคุณชายจ่านถึงได้วางเดิมพันหมายเลขสิบห้าไปตั้งยี่สิบล้าน ตอนแรกพี่ก็ยังคงแปลกใจอยู่ แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าหินหยกหมายเลขสิบห้าเป็นของบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ส่งเข้าแข่งขัน พี่ถึงเข้าใจ เสียดายที่พี่สายตาไม่มีแวว คิดไม่ถึงว่าจะเปิดอัตราต่อรองราคาหนึ่งต่อเก้า ถ้ารู้ว่าเป็นหยกที่น้องสาวส่งมา ไม่ว่าจะพูดอย่างไรพี่ก็ไม่อยากให้คนขึ้นอัตราต่อรองราคาสูงขนาดนี้!” คุณนายซูกล่าววาจายอมรับออกมาตรงๆ 


 


 


“คุณว่ายังไงนะ?” จ่านมู่ฮวาถามขึ้นอย่างแปลกใจ หินหยกหมายเลขสิบห้าเป็นหินที่ซีเหมินจินเหลียนส่งเข้ามาแข่งขันเหรอ? ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้ 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจขึ้นมาว่าทำไมคุณนายซูถึงมาหาเธอเพื่อถามถึงราคาของหยกสีแดงประกายม่วงส่องแสงก้อนนั้น ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เพียงแต่ในใจของเธอรู้ดีว่าเธอไม่ได้เป็นคนนำหินหยกส่งเข้ามาทั้งนั้น ในมือของเธอไม่มีหินหยกลักษณะแบบนี้อยู่เลย 


 


 


“น้องจินเหลียน ถ้าน้องจะขายหรือไม่ขายยังไงก็ควรจะบอกกันหน่อยสิ” คุณนายซูยิ้มถาม “ถึงน้องจะไม่ขายทั้งหมด แต่จะขายให้พี่สาวสักหน่อยได้ไหม พี่ก็ชื่นชอบหยกจริงๆ นะ ส่วนราคาน้องก็เสนอมาได้เลย ไหนจะสีม่วงดอกไลแอคนั่นอีก พี่สาวชื่นชอบมากๆ น้องจะขายให้พี่สักหน่อยได้ไหม…” 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าขึ้นไปมองจ่านมู่ฮวาด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จ่านป๋ายไม่มีทางที่จะมีหินหยกที่ลักษณะดีเช่นนี้ได้ ส่วนหลินเสวียนหลานยิ่งไม่มีทางเข้าไปใหญ่ ถึงตอนนี้จ่านมู่ฮวาพูดกับปากเองว่าอยากจะจีบเธอ หรือว่าจะเป็นหินหยกที่เขาหามาจากที่ไหนสักที่ แล้วปลอมแปลงชื่อของเธอเพื่อมาร่วมงานเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้? 


 


 


แต่หินหยกน่ะซื้อง่าย แต่หยกชั้นดีพบได้ยาก แถมหินหยกลักษณะแบบนี้เกรงว่าก็พบเจอได้น้อย คนบางคนถึงแม้จะเดิมพันหินมาทั้งชีวิต แต่ก็ไม่มีโอกาสที่ได้เห็นประจักษ์ตา ไม่เช่นนั้นผู้เชี่ยวชาญเปิดหินคงจะไม่ตื่นเต้นอย่างทุรนทุรายขนาดนั้น 


 


 


จ่านมู่ฮวาส่ายหัวน้อยๆ เขาเห็นซีเหมินจินเหลียนที่มีท่าทีสงสัยก็เข้าใจได้ทุกอย่าง ซีเหมินจินเหลียนคงจะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเป็นใครกันที่กำลังหลบซ่อนพวกเขาอยู่ ส่งหินหยกก้อนนี้มาร่วมในการเดิมพันหินใหญ่ แถมยังได้อันดับแรกอีก? ในขณะนั้นซีเหมินจินเหลียนกับจ่านมู่ฮวาก็เข้าใจขึ้นมาได้ เงินสิบห้าล้านเมื่อครู่นี้ที่แท้ก็เป็นเงินที่ได้มาจากการชนะเดิมพันครั้งนี้ เป็นของรางวัลที่เธอได้รับ 


 


 


“พี่สาว พี่ให้เวลาฉันคิดทบทวนสักหน่อยได้ไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดกับคุณนายซูด้วยคำพูดหว่านล้อม เธอไม่มีสิทธิ์และไม่มีเหตุผลที่จะนำหินหยกทั้งสองก้อนนี้ไปขาย เพราะว่าเธอยังไม่รู้ว่าเฉาเสวี่ยฉินลึกลับคนนั้นเป็นใคร เธอไม่รู้เลยสักนิด ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นการเข้าใจผิด เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเขาเกิดอยากจะมาทวงหินหยกคืนขึ้นมา เธอจะไปชดใช้หาหินหยกลักษณะแบบนี้จากที่ไหนกัน? 


 


 


“อ่อ” สายตาของคุณนายซูเห็นได้ชัดว่าดูผิดหวัง ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่า “หินหยกลักษณะแบบนี้ หากน้องสาวอยากจะคิดสักหน่อยพี่ก็พอเข้าใจได้ เสียดายที่พี่สาวไม่มีโชคอย่างนี้บ้าง น้องสาวคนดี ถ้าในอนาคตน้องอยากจะนำหยกพวกนี้มาทำเป็นเครื่องประดับขาย น้องต้องบอกพี่สาวเป็นคนแรกเลยนะ?” พูดพลางเธอก็หยิบนามบัตรหนึ่งใบออกมาจากกระเป๋าใบเล็ก บนนามบัตรนั้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามา 


 


 


“ได้สิคะ” ซีเหมินจินเหลียนรวบรวมสติแล้วพูดขึ้น “ในอนาคตถ้าฉันอยากจะขาย แน่นอนว่าฉันจะไม่ลืมบอกลูกค้ารายใหญ่อย่างพี่สาวแน่” ในขณะที่พูดนั้น เธอก็คว้าหยิบนามบัตรส่งไปให้คุณนายซู “พี่สาว ฉันยังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องขอความช่วยเหลือจากพี่หน่อยน่ะค่ะ” 


 


 


“น้องสาวมีเรื่องอะไร บอกพี่มาได้เลย” คุณนายซูยิ้มแย้ม ทำให้ซีเหมินจินเหลียนที่กำลังมองอยู่นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ 


 


 


“พี่สาวก็สวยจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนพูดเยินยอชมไม่หยุดปาก สำหรับผู้หญิงคนนี้นิสัยเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ คุณนายซูทำให้เธอรู้สึกว่างดงามอย่างไร้ที่ติ นอกจากนี้การที่มีงานอดิเรกเป็นคนรักหยก เธอก็ไม่รู้สึกคัดค้านอะไรในตัวเธอ “ฉันไม่ค่อยอยากจะให้คนรู้ว่าหินหยกหมายเลขสิบห้าเป็นของฉัน รบกวนพี่สาวช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้ไหมคะ” 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนรู้เป็นอย่างดีว่าหยกส่องแสงสีแดงประกายม่วงก้อนนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตาตกใจ ถ้าหากเธออยู่ในสถานการณ์นี้ ยืนอยู่บนเวทีคงจะเป็นเป้าสายตาของผู้คนแน่ และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลย 


 


 


การเล่นหินหยกไปอย่างสงบสุข นี่คือเป้าหมายที่เธอมุ่งหวัง 


 


 


“เรื่องนี้ก็ง่ายมาก น้องสาววางใจได้ ความจริงเห็นน้องสาวใช้นามสมมุติแบบนี้ พี่สาวก็เข้าใจแล้ว เดี๋ยวพี่ให้คนเก็บหินหยกทั้งสิบห้าก้อนเอาไว้ แล้วให้คุณจ่านไปจัดการรับก็ได้แล้ว” คุณนายซูแสดงท่าทางเข้าใจ 


 


 


“ขอบคุณพี่สาวที่เข้าใจค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบกล่าวขอบคุณอย่างเกรงใจ ในใจก็คาดเดาไม่หยุดว่าต้องเป็นคนประเภทไหนกันแน่ที่ใช้นามสมมุติเป็นชื่อของบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ แล้วยังให้หินหยกก้อนนี้จากที่ร่วมการแข่งขันเดิมพันหินอีก? ยังให้เธอชนะได้รับของรางวัลมากมาย? เมื่อเปิดออกมาแล้ว หินหยกสีแดงประกายม่วงส่องแสงก็ไม่เลว หยกสีม่วงดอกไลแอคก้อนนั้นก็เป็นหยกที่จัดอยู่ในหยกชั้นดี 


 


 


“จินเหลียน ถ้าอย่างนั้นผมขอไปจัดการธุระก่อน คุณก็ยุ่งมาทั้งวันแล้ว คงเหนื่อยมากใช่ไหม พักสักหน่อยเถอะ เมื่อจัดการเสร็จแล้วผมจะมาเรียกคุณ” จ่านมู่ฮวายิ้ม เขาไม่วางใจในตัวคุณนายซูเป็นอย่างมาก ระวังไว้ก่อนจะดีกว่า 


 


 


“ก็ได้ ขอบคุณค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างเกรงใจ ให้จ่านมู่ฮวาไปจัดการก็ดีไม่น้อย เพราะว่าเขาไม่ใช่คนในแวดวงนั้น ใครจะสงสัยคุณชายมหาเศรษฐีกัน 


 


 


คุณนายซูพูดขึ้นด้วยความสนใจ “คุณชายจ่าน คุณเปลี่ยนนิสัยตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะรู้จักพูดเอาอกเอาใจสาวด้วย?” 


 


 


“นั่นเป็นเพราะว่า ผมเจอคนที่คู่ควรแก่การเอาใจอย่างไรล่ะครับ” จ่านมู่ฮวายิ้ม 


 


 


คุณนายซูนิ่งงันไป ร่างของเธอสั่นน้อยๆ ก่อนจะหันหลังไปมองซีเหมินจินเหลียนที่กำลังนั่งพิงเก้าอี้อย่างใจลอย ในใจก็แอบคิดว่าเธอมีดีอะไรกัน ถ้าวันหนึ่งเธอไม่มีหยกที่คอยล่อตาล่อใจอยู่แบบนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่หาได้ตามท้องถนน เกรงว่าแม้แต่ตัวของจ่านมู่ฮวาเองก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง 


 


 


เมื่อคิดได้เช่นนี้ คุณนายซูก็ยิ้มออกมาบางๆ ชีวิตคนเราก็มีความท้าทายเช่นนี้ ผู้หญิงสวยเหมือนหยกหรือ? หรือหยกสวยเหมือนผู้หญิง? ผู้หญิงสวยและหยก ผู้ชายจะชอบแบบไหนมากกว่ากันแน่? 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนนั่งได้ไม่นาน จ่านมู่ฮวาก็กลับมาบอกว่าเรื่องทั้งหมดจัดการอย่างเรียบร้อยแล้ว 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปหาหลินเสวียนหลาน เพื่อบอกให้เขากลับบ้านได้แล้ว วันนี้เป็นวันแรกของงานนิทรรศการจัดแสดงสินค้าอัญมณี พรุ่งนี้ยังมีหินหยกใหม่ๆ ที่น่าสนใจจากการเดิมพัน ไหนจะงานนิทรรศการอีก อีกทั้งยังมีการเดิมพันสี เดิมพันชนิด การเดิมพันใหญ่กำลังรอพวกเขาอยู่ 


 


 


แต่ซีเหมินจินเหลียนก็แอบพูดอยู่ในใจว่า เกรงว่าสองวันที่เหลือ ถ้ามีหยกชั้นดีปรากฏขึ้นมา ก็ไม่กล้าจะทำอะไรกระโตกระตากมากแล้ว 


 


 


เพียงแต่เรื่องก็ยากเกินการคาดเดา เรื่องบางเรื่องมีแค่วสรรค์เท่านั้นที่รู้ 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนนั่งเคียงคู่ในรถของจ่านมู่ฮวา พร้อมบรรทุกหินหยกหมายเลขสิบห้า เดินทางนำไปสู่คฤหาสน์ของจินเหลียน เมื่อถึงหน้าประตูจ่านป๋ายก็เปิดประตูออกมาต้อนรับ 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนเห็นว่าจ่านป๋ายไม่เป็นอะไร จิตใจที่ฟุ้งซ่านอยู่ก็คลายกังวลลงไปไม่น้อย 


 


 


ส่วนจ่านมู่ฮวาเปิดกระโปรงหลังรถแล้วพูดขึ้นว่า “มู่หรง มาช่วยทางนี้หน่อย เอาของพวกนี้ขนย้ายลงไป” 


 


 


“ของอะไรกัน” จ่านป๋ายพูดไป ในขณะที่ตนก็เดินเข้าไปหา 


 


 


“หยกน่ะ” จ่านมู่ฮวาพูดพลางก็ช่วยขนย้ายเข้าไปข้างใน “เรื่องคืนนี้ก็น่าแปลกไม่น้อย แกระวังหน่อย หยกในมือแกเป็นหยกสีม่วงดอกไลแอคเนื้อแก้วเชียวนะ” 


 


 


ทุกวันที่ผ่านมานี้จ่านป๋ายตามติดซีเหมินจินเหลียนแล้วรู้จักหยกอยู่ไม่น้อย หน้าประตูข้างหน้าของคฤหาสน์จินเหลียนเปิดไฟ เขาเห็นได้ชัดว่านี่เป็นหยกแก้วชนิดโบราณ นอกจากนี้สีสันของสีม่วงดอกไลแอคยังสวยกว่าหยกสีม่วงที่เธอมีอยู่ มีความเข้มขึ้นหน่อย นี่ถึงเรียกว่าสีม่วงดอกไลแอคที่แท้จริง 


 


 


ส่วนหยกสีแดงประกายม่วงก้อนนั้น ซีเหมินจินเหลียนโอบอุ้มไว้อยู่ในมือ วางลงไปบนโต๊ะของห้องรับแขกอย่างระมัดระวัง 


 


 


หยกหมายเลขสิบห้า ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก จ่านป๋ายและจ่านมู่ฮวาขนย้ายเข้ามาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แล้ววางไว้ภายในห้องรับแขก 


 


 


“จินเหลียน คุณไปเดิมพันหินอีกแล้วหรือครับ” จ่านป๋ายถามขึ้นอย่างแปลกใจ ถ้าไม่ใช่ไปเดิมพันหิน แล้วจะได้หินหยกพวกนี้มาจากที่ไหนกัน? แต่เขาไม่เคยได้ยินว่าการเดิมพันหินใหญ่จะมีหินหยกขายด้วย 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า ในใจก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง จ่านป๋ายและจ่านมู่ฮวาสองคนนี้ เป็นคนที่ถ้าไม่ตายก็คงจะไม่หยุด ตามหลักการแล้วเมื่อศัตรูเจอกันน่าจะจ้องมองกันอย่างอาฆาต แต่เวลานี้คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วนั่งอยู่ข้างในพูดคุยดื่มชาแล้วมองหยกเช่นนี้ 


 


 


สายตาของจ่านป๋ายตกไปที่หยกสีแดงประกายม่วงของซีเหมินจินเหลียนก้อนนั้น หินหยกก้อนนี้น่าจะจัดอยู่ในประเภทเดียวกันกับหยกประกายดาว หยกสีแดงก้อนนี้สีสดบริสุทธิ์ พื้นผิวนุ่มลื่นราบเรียบ น่าจะดีกว่าหยกประกายดาวกว่ามาก ที่สำคัญก็คือมันมีสองสีคือม่วงแดง สีแบบนี้น่าจะได้รับความนิยมไม่น้อย 


 


 


นอกจากนี้หยกแบบนี้น่าจะจัดอยู่ในหยกชั้นดีชนิดพบเจอได้ยากไม่ใช่หรือ? ซีเหมินจินเหลียนตัดใจที่จะขายหยกประกายดาวไม่ได้ แล้วหยกแบบนี้ล่ะก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง 


 


 


“ฉันว่าเรื่องในคืนนี้ มันดูมีลับลมคมในอะไรบางอย่าง” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ ส่ายหัวไม่ยอมพูดจา เธอคิดไปคิดมาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ใครกันที่ยอมขาดทุนแบบนี้ มีเงินเยอะเกินไปหรือ ถึงล้อเล่นกับเธอ? 


 


 


“จินเหลียน คุณลองคิดดูสิครับ หรือว่าคุณเฉาท่านนั้นก็ไม่ได้สนใจในหินหยกหมายเลขสิบห้าตั้งแต่แรก?” จ่านมู่ฮวาถามขึ้น แม้ว่าการเดิมพันหินใหญ่จะยึดตามลักษณะของหินแล้วตั้งอัตราต่อรอง แต่หินหยกหมายเลขสิบห้าก็มีอัตราต่อรองราคาที่สูงที่สุด นี่ก็รับรองได้ว่าหินหยกก้อนนี้ภายในสายตาของผู้เชี่ยวชาญเดิมพันหินส่วนใหญ่คงไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่ 


 


 


“ถ้าเป็นคุณ คุณจะเอาหินหยกที่ไม่ได้ดูดีอะไรมาร่วมงานเดิมพันใหญ่ครั้งนี้เหรอ คุณอย่าลืมสิว่าถ้าแค่วางเดิมพันหินหยกก็ช่างเถอะ แต่นี่ต้องวางเดิมพันด้วยเงินอีกหนึ่งล้านนะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ถึงจะมีเงินมาก แต่ก็ไม่มีใครที่จะเล่นพิเรนทร์แบบนี้หรอก” 


 


 


จ่านมู่ฮวาคิดดูแล้วก็จริง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจจำนวนเลขหลักล้าน แต่ก็ไม่น่าจะเอามาเล่นอะไรไร้สาระแบบนี้ 


 


 


“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” จ่านป๋ายถาม “ทำไมผมยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ” 


 


 


จ่านมู่ฮวาหันไปมองซีเหมินจินเหลียน จากนั้นพูดอธิบายถึงเรื่องแปลกๆ ในการเดิมพันหินใหญ่ที่เกิดขึ้น สุดท้ายก็สรุปได้ว่า “แม้ว่าเรื่องนี้จะดูมีลับลมคมใน แต่ความจริงเงินสิบห้าล้านและหินหยกทั้งสิบห้าก้อนนั่น ตอนนี้ก็ตกอยู่ในมือของจินเหลียนตรงนี้แล้ว…”  

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 102 การค้นพบครั้งใหม่

 

จ่านป๋ายคิดดูแล้ว จู่ๆ ก็พูดขึ้นยิ้มๆ “ผมรู้สึกว่าคนที่สามารถทำเรื่องพิลึกพิลั่นขนาดนี้ได้ ก็มีแค่คนเดียว”


 


 


“ผู้อาวุโสหู?” ซีเหมินจินเหลียนตอนที่กำลังดูหยกสีแดงประกายม่วง ในสมองก็คิดถึงคนคนหนึ่งอยู่เช่นกัน นั่นก็คือผู้อาวุโสหู ผู้อาวุโสคนนั้นอยู่ในวงการเดิมพันหยก มีหินหยกอยู่ในมือ นอกจากนี้ก็มีแค่ผู้อาวุโสหูที่ไม่เห็นว่าเงินเป็นเงิน ชอบผลาญเงินเล่นอย่างสนุกสนาน


 


 


“ผมก็คิดว่าน่าเป็นเขา!” จ่านป๋ายยกยิ้มขึ้น “นอกจากเขาแล้ว ถ้าคนอื่นอยากจะเล่นเรื่องพิเรนทร์ขนาดนี้ก็คงไม่มีความสามารถขนาดนั้น ไม่ใช่แค่ปัญหาแค่เรื่องเงิน แต่เขาไปหาหินหยกลักษณะดีแบบนี้มาจากที่ไหน แถมยังมองข้ามผ่านเปลือกนอกได้อย่างแม่นยำ เรื่องนี้มีจินเหลียนที่ทำได้ ส่วนคนอื่นๆ เท่าที่ผมรู้ก็มีแค่ผู้อาวุโสหูแปลกประหลาดคนนั้น” เขาไม่เคยลืมตอนที่ผู้อาวุโสหูมอบทุเรียนให้ซีเหมินจินเหลียนถึงสิบกว่าลูก เรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้เกรงว่ามีแค่ผู้อาวุโสแปลกท่านนี้ที่ทำได้


 


 


“แต่ผู้อาวุโสคิดจะทำอะไรกันแน่?” ซีเหมินจินเหลียนยู่ปากอย่างน่าเอ็นดู “ฉันไม่สนใจถ้าจะต้องเรียกเขาว่าคุณปู่ แต่เขาก็เป็นคนแปลกๆ คนหนึ่ง” เธอไม่เคยลืมเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างการที่ผู้อาวุโสหูพยายามที่อยากจะให้เธอเป็นหลานของเขา


 


 


“ถ้าเขาไม่แปลก แล้วมันจะมีอะไรน่าเซอร์ไพรส์” จ่านป๋ายพูด


 


 


“ถ้าหากเป็นผู้อาวุโสจริงๆ ก็มีโอกาสเป็นไปได้” จ่านมู่ฮวาพูด “เพียงแต่การที่ผู้อาวุโสท่านนั้นเล่นแบบนี้ เขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่? ถ้าเขาอยากจะให้หยกแก่ซีเหมินจินเหลียน ทำไมเขาไม่เอามาให้ตรงๆ เลยล่ะ”


 


 


“ถ้าหากเขาเอามาให้เองตรงๆ จินเหลียนคงไม่กล้ารับหรอก” จ่านป๋ายยิ้มออกมาบางๆ ถ้าหากผู้อาวุโสเอามาให้เธอโดยตรง ซีเหมินจินเหลียนคงปฏิเสธท่าเดียว


 


 


“ถึงตอนนี้จะยังไม่แน่ใจว่าเป็นฝีมือของผู้อาวุโสแปลกประหลาดท่านนั้น แต่ถึงแม้จะยืนยันแล้ว ฉันก็ไม่กล้าทำอะไรหินหยกนั่นอยู่ดี ถ้าเกิดมีวันหนึ่งเขามาขอทวงของคืนถึงหน้าบ้าน ตอนนั้นฉันจะทำอย่างไรล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดไปแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงหลินเสวียเหวิน


 


 


แน่นอนหลินเสวียเหวินกับนิสัยของเธอไม่เหมือนกันแน่ เขาขโมยหินหยกของผู้อาวุโสหูมา ส่วนเธอเป็นคนที่ถูกบีบบังคับให้รับของที่เขาส่งมา


 


 


“ผู้อาวุโสคนนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่?” จ่านมู่ฮวาถามหยั่งเชิง เขาไม่เชื่อว่าซีเหมินจินเหลียนและผู้อาวุโสหูจะไม่มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกัน


 


 


“ใครจะรู้?” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจพร้อมส่ายหน้า “ผู้อาวุโสคนนี้ก็แปลกประหลาดอย่างที่เราคิดไม่ถึงเชียวล่ะ” เพียงแต่วันนี้ได้รับหินหยกกลับมาแล้ว เงินก็เข้าบัญชีเรียบร้อย ไม่สนว่านามสมมุติที่ใช้เป็นชื่อเฉาเสวี่ยฉินจะเป็นผู้อาวุโสหูหรือไม่ แต่คนคนนี้น่าจะไม่ได้มีจุดประสงค์ชั่วร้ายอะไร สู้เก็บหินหยกมาไว้กอน ภายหลังถ้าเจอผู้อาวุโสหูแล้วค่อยถามให้ชัดเจน


 


 


“เสี่ยวป๋าย คุณช่วยย้ายหินหยกพวกนี้ไปที่ห้องใต้ดินก่อนได้ไหม” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ไม่ว่าใครจะเล่นอะไรอยู่ แต่ถ้าในอนาคตเขามาทวงของคืนขึ้นมา ฉันจะได้คืนให้ง่ายๆ”


 


 


“ได้ครับ” จ่านป๋ายรับปากแล้วขนย้ายหยกสีแดงประกายม่วงก้อนนั้นไปที่ห้องใต้ดินอย่างระมัดระวัง


 


 


จ่านมู่ฮวาเองก็จะเข้าไปช่วย แต่ซีเหมินจินเหลียนเรียกเขาขึ้นก่อน “คุณจ่านมู่ฮวา”


 


 


จ่านมู่ฮวาหยุดฝีเท้าลงก่อนจะมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนเพียงแค่ยิ้มออกมา “คุณไม่ต้องไปหรอก ให้จ่านป๋ายจัดการคนเดียวก็ได้แล้ว เรื่องวันนี้ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลย แล้วฉันจะกล้ารบกวนคุณอีกได้ยังไงกัน”


 


 


ในใจของจ่านมู่ฮวารู้สึกย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด ห้องใต้ดินเป็นสถานที่สำคัญในการเก็บสะสมหยกของซีเหมินจินเหลียน และเพราะเธอไม่ไว้ใจเขา ถึงได้ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา เพราะอย่างนั้นถึงได้พูดจาหว่านล้อมให้น่าฟังแค่ว่าขอโทษที่รบกวนคุณมามากอย่างนั้นสินะ?


 


 


ตอนนี้เอง เสียงโทรศัพท์ในห้องรับแขกก็ดังขึ้นมา


 


 


ซีเหมินจินเหลียนรีบเดินเข้าไปรับโทรศัพท์ “คุณซีเหมินหรือเปล่าครับ?”


 


 


“คะ คุณคือ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างเอะใจ


 


 


“สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของย่านหลานกุ้ย มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อว่าคุณ              เจียหยวนฮวาอยากพบคุณเวลานี้ คุณสะดวกที่จะพบเขาหรือเปล่าครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถามอย่างสุภาพอ่อนน้อม


 


 


“โอเค คุณให้เขาเข้ามาเถอะ ขอบคุณมากค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อม เวลานี้เจียหยวนฮวามาทำอะไรกัน? ถ้าหากเธอไม่ให้เจียหยวนฮวาเข้ามา แล้วให้เขารออยู่ข้างนอก ใครจะไปรู้ว่าเขาอาจจะเหมือนจ่านมู่ฮวาครั้งนั้น ที่ยอมฟาดเงินเพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดทางให้ก็ได้


 


 


เมื่อวางสายแล้ว ผ่านไปไม่กี่นาทีที่หน้าประตูก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น จ่านมู่ฮวารีบเดินออกไปเปิดประตู


 


 


ซีเหมินจินเหลียนเห็นท่าทางเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา คนคนนี้ก็ทำตัวคุ้นเคยอย่างรวดเร็วเหลือเกิน เขาคงไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นแขกสินะ? เขาคงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านไปแล้วหรอกใช่ไหม


 


 


เจียหยวนฮวาไม่ได้รู้จักจ่านมู่ฮวา เมื่อเห็นเขาก็ค่อนข้างมึนงง ถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “คุณคือ?”


 


 


“คุณเจียใช่ไหมครับ ผมชื่อจ่านมู่ฮวา เป็นแฟนของจินเหลียน เชิญเข้ามาในบ้านก่อนครับ” จ่านมู่ฮวาพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว


 


 


“ใครเป็นแฟนของคุณกัน?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองไปที่เขาอย่างหมดอารมณ์ นี่เธอก็เสียหายนะ เธอเคยพูดว่าเขาเป็นแฟนเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?


 


 


“จินเหลียน คุณอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย” จ่านมู่ฮวาแสดงสีหน้าอย่างเจ็บปวด “ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนกัน แถมผมเป็นผู้ชาย แน่นอนว่าต้องเป็นเพื่อนชาย[1]ของคุณสิ!”


 


 


“คุณเจีย คุณอย่าฟังเขาพูดจาไร้สาระเลย รีบเข้ามาเถอะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางในขณะที่เชื้อชวนให้เจียหยวนฮวาเข้ามาข้างใน


 


 


เจียหยวนฮวามองไปที่จ่านมู่ฮวาแล้วยิ้ม “คนที่ชอบพูดย้ำๆ ว่าตัวเองเป็นผู้ชายนั้น…ส่วนใหญ่แล้วจะมีปัญหา!”


 


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินอย่างนั้นก็เข้าใจได้ในทันที เจียหยวนฮวาคงจะบอกเป็นนัยสินะ เช่นนั้นเธอก็อดไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมา ดูไม่ออกจริงๆ ว่าท่าทางของเจียหยวนฮวาที่เคยเห็นต่อหน้าผู้คน จะมีมุมตลกแบบนี้ด้วย แต่เมื่อคิดดูว่าเขาก็เป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสหูคนแปลกประหลาด ถ้าไม่ติดนิสัยแปลกๆ มาบ้าง นั่นแหล่ะถึงเรียกว่าผิดปกติ!


 


 


จ่านมู่ฮวานิ่งไปนานเกือบนาที ถึงจะได้สติกลับคืนมา จู่ๆ เขาก็อยากจะด่าขึ้นมา สมควรตายยิ่งนัก! คนรอบตัวของซีเหมินจินเหลียนไม่มีใครที่ปกติสักคนเลยเหรอ? แต่ดูออกว่าคนที่ชอบเดิมพันจะมีนิสัยที่พิลึกพิลั่น อย่างเช่นคุณนายซูคนนั้น…


 


 


ส่วนผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้า ก็เป็นถึงราชาแห่งนักเดิมพันหยก ไม่ปกติถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่ถูกเขาข่มเหงไปแบบนั้น เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ จากนั้นก็พูดตอบกลับไปอย่างเสียดแทง “ได้ยินมาว่า คนแบบนั้นเมื่อเห็นผู้ชายปกติก็มักจะคิดว่าเป็นเหมือนกับตัวเอง หรือว่าคุณเจียก็เป็นแบบนั้นครับ? ฮะๆ ราชาแห่งนักเดิมหยก คิดไม่ถึงว่าคุณจะชอบ..แบบนั้น? ไม่ยักรู้ว่าคุณจะมีความชอบพิเศษแบบนี้ด้วย”


 


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วหน้าแดง แค่เจียหยวนฮวาก็ช่างเถอะ เพราะเขาอายุปูนนี้แล้ว แต่จ่านมู่ฮวาเป็นผู้ชายหนุ่มแน่นหน้าตาดี พอพูดถึงหัวข้อนี้เลยทำให้เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก


 


 


 “คนแก่อย่างผมก็มีความชอบพิเศษจริง” เจียหยวนฮวาเจตนาโต้กลับจ่านมู่ฮวา “ผู้ชายหน้าตาสวยๆ อย่างคุณ ผมก็ชอบมากเลย หึๆ…”


 


 


ฟ้าดินเป็นพยาน เทพเจ้าซานชิงหยั่งรู้…


 


 


จ่านมู่ฮวาเดินถอยหลังออกไปเล็กน้อย ผู้อาวุโสท่านนี้พูดจริงหรือว่าเล่นกันแน่?


 


 


เมื่อเห็นจ่านมู่ฮวามีท่าทางหวาดผวา จ่านป๋ายที่พึ่งขนย้ายหินหยกเสร็จจากห้องใต้ดินก็เดินออกมา เมื่อได้ยินก็ยิ้มขึ้น ซีเหมินจินเหลียนยิ้มทั้งตาเกือบจะหัวเราะจนน้ำตาร่วงแล้ว


 


 


“ผมล้อเล่นน่ะๆ!” เจียหยวนฮวาพูด “คุณซีเหมิน ที่ผมมาหาคุณก็เพราะมีเรื่องอยากจะพูดอย่างเป็นทางการ” พูดพลางเขาก็เหลือบไปมองจ่านมู่ฮวา คนนี้ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับซีเหมินจินเหลียน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่แฟนของเธออย่างแน่นอน เคยจำได้ว่าที่เมืองเจียหยางครั้งก่อน ซีเหมินจินเหลียนก็เคยบอกว่าจ่านป๋ายเป็นแฟนของเธอ


 


 


คนนี้บางทีอาจจะเป็นคนที่มาตามจีบเธออยู่ ผู้หญิงอย่างซีเหมินจินเหลียน ถ้าไม่มีใครมาตามจีบก็แปลกแล้ว!


 


 


แถมเรื่องที่เป็นความลับแบบนี้ก็สำคัญมาก เขาไม่อยากบอกให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับรู้


 


 


จ่านมู่ฮวาเห็นท่าทีเช่นนั้นก็รู้ว่าตนเองเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เขาถอนหายใจแล้วหันไปบอกลากับซีเหมินจินเหลียน “จินเหลียน ผมก็ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนแล้วกัน เจอกันพรุ่งนี้ การเดิมพันใหญ่ในคืนพรุ่งนี้ คุณอย่าลืมเสียล่ะ”


 


 


“คุณวางใจเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา เธอเคยพลาดผู้ชายหน้าตาดี แต่ไม่เคยพลาดหยก ตอนนี้เดินไปส่งเขาที่หน้าประตูแล้วรู้สึกขอโทษ เพราะว่าวันนี้จ่านมู่ฮวาเป็นคนส่งเธอกลับมา ในงานเดิมพันหินก็คอยช่วยเหลือเธออยู่ไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าจะถูกเจียหยวนฮวาข่มเหงดูถูก จนกระทั่งหน้าเปลี่ยนสีจนรีบกลับไป


 


 


เมื่อเห็นจ่านมู่ฮวาขึ้นรถไปแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกค้างคาใจ “ขอโทษด้วยนะคะ”


 


 


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าอยากจะจีบคุณ ผมรู้ว่าต้องมีอุปสรรคใหญ่หลวงมาขวางกั้น แต่ผมไม่ยอมถอยหรอกนะ” จ่านมู่ฮวาโบกมือแล้วกล่าวลาเธอ “เจอกันพรุ่งนี้ เจ้าหญิงหยกของผม!”


 


 


ซีเหมินจินเหลียนอึ้งอยู่ ฉายาตอนที่เธออยู่ในเมืองเจียหยาง เขารู้ได้อย่างไรกัน? แต่จ่านมู่ฮวากลับขับรถออกไปแล้ว


 


 


เธอถอนหายใจอย่างแผ่วเบาแล้วหมุนตัวกลับเข้าไป พร้อมเห็นจ่านป๋ายยืนอยู่ที่ปากประตูกำลังมองมาที่เธอ เธอจึงถามพลางยิ้มน้อยๆ ว่า “เป็นอะไรไป”


 


 


จ่านป๋ายถามขึ้นว่า “เขามาเพื่อหยกราชางูเหรอครับ”


 


 


“อือ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น “เดี๋ยวคุณไปห้องใต้ดินนำมันออกมาให้เขาดูหน่อยได้ไหม ฉันคงต้องรบกวนคุณอีกแล้ว”


 


 


“จินเหลียน คุณไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ครับ” จ่านป๋ายพูดขึ้น “คุณว่า จ่านมู่ฮวาเป็นยังไงบ้าง?”


 


 


“ถ้าใช้คำพูดของคุณก็คือเขาสำอางเกินผู้ช่ย เชื่อถือไม่ได้!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ในใจแอบด่าพึมพำอยู่บ้าง “ไม่รู้ว่าวันนี้เขาไปกินยาผิดอะไรมากันแน่”


 


 


เมื่อคิดได้เท่านี้ เธอก็ไม่เพียงแต่บ่นพึมพำ จ่านป๋ายแอบได้ยิน ไม่เพียงแค่นิ่งอึ้งอยู่นาน แต่ในใจก็รู้สึกเบิกบาน เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปก็รีบปิดประตู ดีใจอย่างบอกไม่ถูก…


 


 


“คุณเจียอยากจะดูหยกราชางูใช่ไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนรินน้ำชามาให้ สามคนนั่งอยู่บนโซฟา เธอยิ้มถามเจียหยวนฮวา


 


 


“เรื่องหยกราชางูผมไม่รีบร้อนหรอก แต่เรื่องที่สำคัญก็คือ ผมมีข้อมูลของราชาหยกมาบอก!” เจียหยวนฮวาพูด


 


 


“อ๊ะ?” ซีเหมินจินเหลียนสงสัย เขารู้เรื่องราชาหยกได้อย่างไรกัน หรือว่าเขากับผู้อาวุโสหูจะติดต่อกันแล้ว?


 


 


“เมื่อสักครู่ ผู้มีพระคุณโทรหาผม” เจียหยวนฮวาดูออกถึงท่าทีสงสัยของซีเหมินจินเหลียน จึงรีบพูดอธิบายขึ้นว่า “ความจริงแล้วหลายวันที่ผ่านมาผู้มีพระคุณก็อยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้มาโดยตลอด เพียงแต่ค้นพบสิ่งใหม่ขึ้น เกรงว่าจะดึงดูดความสนใจคนเลยตั้งใจหลบหลีก”


 


 


 


 


[1] เพื่อนชาย คำว่าแฟนหนุ่ม (男朋友) ในภาษาจีน ถ้าแปลตามตัวอักษรตรงตัวแล้ว จะแปลว่าเพื่อนชาย 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 103 แหล่งกำเนิดเดียวกันกับราชางู

 

จ่านป๋ายและซีเหมินจินเหลียนมองหน้าสบตากัน ทั้งสองคนต่างสงสัย ตอนนี้ผู้อาวุโสค้นพบเจออะไรกันแน่? 


 


 


“ผู้มีพระคุณเจอหินหยกใหม่…” เจียหยวนฮวาพูดอธิบาย  


 


 


“คุณอย่าบอกฉันนะว่า ที่เซี่ยงไฮ้ยังมีเหมืองหยกด้วย?” จ่านป๋ายถาม    


 


 


“แน่นอนว่าไม่ใช่” เจียหยวนฮวาส่ายหน้า “เพียงแต่ตอนอยู่ที่พม่า น่าจะมีเหมืองหินหยกเล็กๆ อยู่ ผู้มีพระคุณค้นพบเข้าเป็นเส้นทางที่ผิดกฎหมายของทางพม่าผ่านทางเมืองเซี่ยงไฮ้” 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาแผ่วเบา ความสนใจของผู้อาวุโสคนนี้ถือว่ากว้างขวางจริงๆ เซี่ยงไฮ้จะส่งออกหินหยกหรือ? 


 


 


นี่ก็คิดไม่ถึงเลย แม้ว่าจะไม่มีบริษัท แต่ก็ใหญ่สุด ใหญ่กว่าร้านของเถ้าแก่โจวที่ขายหินหยกเสียอีก  


 


 


ถ้าอย่างนั้นมันเกี่ยวข้องอะไรกับเขากัน? ความเสียหายนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์กำไรของรัฐบาลพม่า 


 


 


เถ้าแก่โจวอยู่ที่ถนนบนเมืองโบราณ เป็นคนมีหลักการในการประกอบธุรกิจ ทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายแม้แต่บันทึกประวัติอาชญากรรมยังไม่มี    


 


 


จ่านป๋ายนิ่งไปชั่วขณะแล้วพูด “ท่านผู้อาวุโสเจีย ขอโทษด้วยที่ผมต้องเสียมารยาทถามขึ้น แต่ผู้อาวุโสหูมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลของประเทศพม่าหรือครับ” 


 


 


“แน่นอนว่าไม่มี!” เจียหยวนฮวาพูด 


 


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ใช่แล้ว ในเมื่อผู้อาวุโสหูกับรัฐบาลทางพม่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน แล้วเรื่องเมืองเซี่ยงไฮ้ที่มีคนขนหยกลับๆ ผิดกฎหมายมันเกี่ยวอะไรกับเขา? พูดอีกก็คือพม่านอกจากจะเป็นเหมืองแร่ใหญ่ๆ แล้ว เหมืองแร่เล็กๆ ก็มีอยู่ไม่น้อย เขายังเคยได้ยินมาว่าทางพม่ามีกฎอยู่ นั่นก็คือควักเงินออกสักหน่อย แล้วสามารถกำหนดพื้นที่ในการเปิดเหมืองของตัวเองได้ ในช่วงนี้หินหยกที่ขุดมาได้ต่างจัดอยู่ในหินหยกของคนที่ลักลอบขนเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย?” จ่านป๋ายถาม เพราะว่าเขาคอยติดตามอยู่ด้านหลังซีเหมินจินเหลียนตลอด เขาย่อมเคยศึกษาค้นหาสภาวะการตลาดหุ้นและแหล่งเหมืองสำคัญของที่นั่น 


 


 


“อืม ที่คุณพูดก็ไม่ผิด!” เจียหยวนฮวาพูด “ตอนที่คุยโทรศัพท์กันผู้มีพระคุณก็ไม่ได้บอกอะไรชัดเจน แต่ดูจากความคลุมเครือก็ไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น กลัวว่าจะมีสาเหตุอื่นอีก คุณก็รู้ว่าผู้มีพระคุณไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองอะไร เขาใช้จ่ายแบบไม่คิดอะไร อย่างเช่นหินหยกในคืนนี้ สำหรับคนธรรมดาทั่วไปคงคิดว่ามูลค่าราคาประเมินไม่ได้ แต่สำหรับสายตาของเขาแล้วขอแค่ให้ซีเหมินจินเหลียนมีความสุข ย่อมคุ้มค่าไม่มีสิ่งใดมาเปรียบได้!” 


 


 


“แสดงว่าหินหยกสีแดงประกายม่วงส่องแสงนั้น เป็นของผู้อาวุโสหูที่เอามาล้อเล่นจริงๆ ด้วย?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นไม่นานก็เริ่มสติเลื่อนลอย ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสแปลกประหลาดจริงๆ ด้วย 


 


 


“ครับ ผู้มีพระคุณกำชับด้วยว่า คุณซีเหมินไม่ต้องกังวลใจไป อยากจะทำเป็นเครื่องประดับอะไร ก็ทำตามใจชอบ จะเก็บไว้ประดับใช้เองหรือจะขายออกไปก็ได้ทั้งนั้น” เจียหยวนฮวาพูด “นี่เป็นคำพูดจากเขา” พูดถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็ยังรู้สึกอิจฉาซีเหมินจินเหลียนที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้มีพระคุณไม่ได้ แล้วมองเธออย่างมีความหวัง 


 


 


“ท่านผู้อาวุโสหูจัดการเรื่องอะไร ย่อมเหนือความคาดหมายจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัว 


 


 


“ในใจของผู้มีพระคุณมีแค่หินปิดฟ้าเท่านั้น” เจียหยวนฮวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดออกมาจากใจ 


 


 


“สิ่งของที่ไม่มีอยู่จริงจะไปหามาจากที่ไหนกัน?” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูดขึ้น “ผมว่าผู้อาวุโสก็แค่เหงาจนกลัดกลุ้มใจ จากความสามารถในการเดิมพันหินของเขา ถ้าเปิดบริษัทจิวเวอรี่และใช้ชีวิตสุขสงบเงียบๆ ไปวันๆ ก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ? ทำไมอายุปูนนี้แล้วยังจะต้องวิ่งวุ่นอยู่ข้างนอกให้เหนื่อยหน่าย สนใจสิ่งพวกนี้ด้วย?” 


 


 


“คุณผิดแล้ว คุณจ่าน!” เจียหยวนฮวาพูดด้วยสีหน้าปกติ “ผู้มีพระคุณพูดเองว่า หลังจากเทพธิดาปกปิดฟ้าเบื้องบนได้ ประวัติของฮวาเซี่ยก็ได้มีการแบ่งช่วงอย่างชัดเจน เขาคงสงสัยเรื่องอารายธรรมช่วงนั้นที่ถูกทำลายล้าง บางทีคนในช่วงนั้นอาจจะมีพลังวิเศษ หยุดไฟห้ามลม ราวกับเทพ เพราะฉะนั้นสายเลือดของศิษย์จากทางใต้เลยอยากที่จะสืบตามหาถึงหินปิดฟ้าเบื้องบนมาโดยตลอด ค้นหาประวัติที่ถูกปิดบังเอาไว้” 


 


 


ชีวิตคนเราต้องอยู่เพื่อเป้าหมายสักอย่าง! ซีเหมินจินเหลียนแอบพูดอยู่ในใจ ความจริงผู้อาวุโสหูที่มีความสามารถในการเดิมพันหิน มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย นั่นก็เป็นเรื่องที่ได้มาอย่างง่ายดาย บางทีเรื่องทั้งหมดก็ได้มาง่ายจนเกินไป ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาตามหา สิ่งที่เขาอยากได้เป็นความมหัศจรรย์ในตำนาน เพื่อตามหาอารายธรรมที่ถูกปกปิดเอาไว้ 


 


 


ในตอนนั้นเธอไม่เพียงแต่เคลือบแคลงใจ ถ้าหากตำนานมหัศจรรย์มีอยู่จริง คนในตอนนั้นเป็นคนเก่งกาจขนาดนั้นจริงหรือ? 


 


 


“เรื่องทั้งหมดนี้เหมือนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนระแวงใจอยู่สักพัก แต่ปากก็พูดถามออกไป 


 


 


“เดิมทีผู้มีพระคุณก็หมดหวังแล้ว!” เจียหยวนฮวาส่ายหน้า “เป้าหมายเดิมของผู้มีพระคุณเพียงแค่อยากจะใช้ชีวิตเงียบสงบในบั้นปลายชีวิตที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ถ้าหากไม่มีการปรากฏตัวของคุณซีเหมิน เขาก็คงจะปลดระวางทุกอย่างออกจนหมด แม้ว่าเรื่องส่วนมากเขาไม่อยากจะบอกผม แต่ผมก็รู้ หลังจากตอนที่คุณซีเหมินไปซื้อหินหยกแปลกประหลาดก้อนนั้นที่โรงงานแปรรูปหยก เขาก็เปลี่ยนเป็นอีกคน ราวกับเป็นหนุ่มขึ้นมาไม่น้อย นิสัยร่าเริงแจ่มใสขึ้นมาก” 


 


 


“หยกราชางู…” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจพูด 


 


 


“ใช่ เป็นเพราะหยกราชางูก้อนนั้น” เจียหยวนฮวาพูดขึ้นอีกครั้ง “พูดตามจริงแล้ว เดิมทีผมก็ไม่เชื่อเรื่องมหัศจรรย์พวกนี้ หินปิดฟ้าเบื้องบนอะไรนั่น แต่เมื่อวันนี้ตอนที่ได้เห็นหยกราชางูก้อนนั้น ในใจผมก็เข้าใจเป็นอย่างดี ความมหัศจรรย์บางทีอาจจะมีอยู่จริง” 


 


 


จ่านป๋ายยิ้ม หยกราชางูก้อนนั้นทำให้คนรู้สึกตกตะลึงและตราตรึงใจมากเหลือเกิน ตอนที่เขาเจียระไนเปิดมันออกมาเองก็ตกใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเห็นอะไรมามาก แต่ไม่เคยเห็นสิ่งของที่มหัศจรรย์ใจเท่านี้ที่ไหนมาก่อน 


 


 


“ในตำนาน เทพธิดาสาวหน้าตาเป็นคนแต่ลำตัวเป็นงู แถมงูที่อยู่ในหยกก็มีผิวเหมือนมนุษย์ นั่นไม่ใช่ซากฟอสซิล แต่ดูแล้วเหมือนสิ่งมีชีวิตอยู่จริง” เจียหยวนฮวาถอนหายใจ “ถ้าจะให้ผมเชื่อว่านี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายในธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เทพเจ้าสร้างมา สู้ให้ผมไปเชื่อว่านี่เกิดจากสิ่งมหัศจรรย์สร้างขึ้นดีกว่า” 


 


 


“ตอนที่ฉันเห็นหยกราชางูก้อนนั้นก็ตกใจมากเหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “พูดตามตรง ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อว่างูที่อยู่ในหยกก้อนนั้นจะเป็นฟอสซิล เพราะดูยังไงมันก็ดูเหมือนมีชีวิต” 


 


 


“เห็นอย่างนี้แล้วดูเหมือนว่าคุณซีเหมินก็คิดเช่นเดียวกันกับผม” เจียหยวนฮวาพูด “ผู้มีพระคุณเห็นว่า หลินเสวียเหวินตายไปแล้ว แต่ก่อนตายก็ไม่ได้จัดการเรื่องราชาหยกให้ดี จากนั้นเขาก็ได้ไปที่ร้านของเถ้าแก่โจวแล้วค้นพบเบาะแสใหม่บางอย่างด้วยความบังเอิญ” 


 


 


“เบาะแสใหม่อะไรกัน?” จ่านป๋ายถาม เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคืนวันนั้น คนพวกนั้นที่ช่วยขนย้ายสินค้าลงมาจากร้านเถ้าแก่โจว คนพวกนั้นต้องไม่ใช่คนพม่าธรรมดาแน่ๆ ในเมื่อเป็นอย่างนี้แหล่งสินค้าจากร้านเถ้าแก่โจวก็มีปัญหาใหญ่แล้ว 


 


 


 “เหล่าโจวกับตระกูลหลิน วัวเคยค้าม้าเคยขี่กันมาตลอด หลินเสวียเหวินไม่ได้นำราชาหยกส่งมอบต่อให้ลูกหลาน แต่กลับไปให้เถ้าแก่โจว” เจียหยวนฮวาพูด 


 


 


“คุณก็หมายความว่า…ราชาหยกอยู่ในร้านของเถ้าแก่โจว?” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความสงสัย 


 


 


“ไม่ใช่ เมื่อยี่สิบปีก่อนหน้านี้ เถ้าแก่โจวกับหลินเสวียเหวินจัดหินหยกชุดหนึ่งส่งไปที่เมืองหยางโจวแล้วให้คนแซ่เฉา หนึ่งในนั้นก็มีราชาหยกอยู่ด้วย” เจียหยวนฮวาพูด 


 


 


จ่านป๋ายรู้สึกสับสน ก่อนจะพยายามทำความเข้าใจ ขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “สองคนนั้นคิดจะทำอะไร” 


 


 


“บริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ก่อร่างสร้างตัวมาตั้งหลายปี แต่ไม่มีเงินทุนสะสม พวกคุณไม่คิดว่ามันแปลกเลยเหรอ?” เจียหยวนฮวาย้อนถามขึ้นอีกครั้ง 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนสับสน เงินทุนของบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่มีปัญหาใหญ่จริงๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม        หลินเสวียเหวินทำธุรกิจมานาน แต่ไม่ได้ขายหินหยกแม้แต่ก้อนเดียว การหมุนเวียนเงินเลยไม่คล่อง             เท่าที่เคยได้ฟังหลินเสวียนหลานอธิบาย เขาบอกว่าชายชราหลินที่เดิมพันติดเป็นนิสัยจนไปแพ้ราบคาบอยู่ที่ลาสเวกัส 


 


 


ถ้าหากตอนที่ชายชราหลินยังหนุ่มแน่น เดิมพันเหลวไหลยังพออธิบายได้ แต่ตอนนี้เขาก็มีอายุแล้ว ลูกหลานเต็มบ้าน ถึงแม้จะไม่คิดถึงตัวเอง แต่ก็คงจะคิดหน้าคิดหลังเพื่อลูกหลานไว้บ้าง ไม่มีทางที่จะนำความยากลำบากในการทำธุรกิจมาหลายปีเพื่อมาแลกกับความสนุกสนานในครั้งเดียว? 


 


 


จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “หลังจากที่พวกเรารับช่วงต่อจากบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ ผมก็เคยให้หลินเสวียนหลานค้นหาบัญชีเมื่อก่อน เป็นความจริง หลินเสวียเหวินปิดบังหุ้นใหญ่ไว้มากมาย และนำเงินก้อนใหญ่ออกมา เอาไปใช้ทำอะไรไม่ทราบแน่ชัด และคอยกังวลกับหุ้นพวกนั้นที่คอยก่อเรื่อง เพราะฉะนั้นได้แต่คอยปิดบังเรื่องนี้ไว้อยู่ตลอด” 


 


 


“ผู้มีพระคุณบอกว่า หลินเสวียเหวินเถ้าแก่โจวและคุณเฉาผู้ลึกลับที่อยู่ในเมืองหยางโจว น่าจะร่วมมือกันหาของอะไรบางอย่าง” เจียหยวนฮวาพูด 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนหันไปสบตากับจ่านป๋าย ในใจของทั้งคู่รู้สึกถึงความไม่ปกติ พวกเขาก็คงตามหาความมหัศจรรย์ในตำนาน ตามหาเทพธิดาปกปิดฟ้าเบื้องบนสินะ 


 


 


“เป้าหมายของเขา น่าจะเหมือนกับผู้อาวุโสหูใช่ไหมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืน ความจริงฟังจากที่เจียหยวนฮวาพูดแล้ว ในใจเธอก็เต้นรัว หินปกปิดฟ้าเบื้องบน ความมหัศจรรย์ในตำนานที่ถูกปกปิด ประวัติอารายธรรมฮวาเซี่ยที่รุ่งโรจน์… 


 


 


เจียหยวนฮวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้า “ใช่แล้ว! ผู้มีพระคุณเห็นว่าผมฉลาดหลักแหลม แน่นอนว่าไม่อยากบอกเรื่องนี้กับผม แต่ช่วงนี้เขาต้องการคนมาจัดการเรื่องให้แทน ถึงมาบอกเรื่องราวคร่าวๆ ให้ผมรู้ ความหมายของเขาก็คือรอให้งานนิทรรศการอัญมณีสิ้นสุดลง จะรบกวนให้คุณซีเหมินไปที่เมืองหยางโจวสักครั้ง เพื่อไปหาคุณเฉาได้ไหม?” 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนคิดไปมา การไปหยางโจวสักครั้ง แน่นอนว่าเธออย่างไรก็ได้ แต่ปัญหาก็คือเธอกับคุณเฉาคนนั้นไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน จะให้ไปหาเขาเพื่อบอกว่าต้องการราชาหยกอย่างนี้หรือ? 


 


 


จ่านป๋ายส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสล้อเล่นอะไรกันครับ ถึงพวกเราจะหาคุณเฉาท่านนั้นเจอ แต่เขาก็กำลังตามหาหินที่เหลือจากการปกปิดฟ้าเบื้องบน แล้วพวกเราจะสามารถซื้อราชาหยกมาจากมือเขาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราไม่รู้ว่าราชาหยกหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าเขาให้หินหยกอื่นมากลบเกลื่อนสักก้อน พวกเราก็คงแยกไม่ออก” 


 


 


เจียหยวนฮวาได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มขมขื่น “ผู้มีพระคุณจัดการเรื่องอะไรต่างทำให้คนตามจับได้ยาก พูดความจริงผมก็ไม่รู้ว่าราชาหยกเป็นอย่างไร แต่ผู้มีพระคุณบอกว่าราชาหยกกับราชางูเดิมทีอยู่ด้วยกัน มาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน ถ้าคุณซีเหมินเห็นก็ย่อมดูออกแน่” 


 


 


“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นโอกาสที่จะได้เห็นมันแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “หลังจากงานนิทรรศการจัดแสดงสินค้าอัญมณีสิ้นสุดลง ฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรหากจะต้องไปเมืองหยางโจวสักครั้ง แต่จะได้เจอราชาหยกก้อนนั้นหรือเปล่า ก็สุดแล้วแต่โชคชะตาแล้วล่ะค่ะ” พูดตามตรง ตอนนี้เธอก็เริ่มรู้สึกสนใจแหล่งกำเนิดของราชาหยกมากขึ้นแล้ว หินหยกที่อยู่ด้วยกันกับหยกราชางู ไม่รู้ว่าจะทำให้ผู้พบเห็นตื่นตาตกใจได้มากขนาดไหนกัน?   

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 104 เก็บขยะ

 

เจียหยวนฮวาพูด “ขอแค่คุณซีเหมินต้องการหา ก็ยังมีหินหยกที่คุณหาไม่เจอด้วยเหรอครับ?”


 


 


“คุณก็เยินยอฉันเกินไปแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ถ้าหากหินหยกมากองไว้ตรงหน้าเธอ เธอก็จะค่อยๆ เลือก ไม่สนว่าเป็นหยกแบบไหน เธอก็จะหาจนเจอให้ได้ แต่ถ้าหากแม้ได้เห็นยังไม่มีโอกาสได้เห็น แล้วเธอจะไปหามาจากที่ไหน?


 


 


เจียหยวนฮวาพูด “ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ครับ อย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก และฟังคำสั่งจากฟากฟ้าแล้ว ถ้าหากหาไม่เจอจริงๆ ก็โทษใครไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายทางใต้เองก็หามาตั้งหลายปีแล้ว แม้แต่เงาก็ยังไม่เห็น”


 


 


ซีเหมินจินเหลียนพูด “ท่านผู้อาวุโสเจียคะ เอ่อ…ถ้าหากหินปกปิดฟ้าเบื้องบนก้อนนั้นความจริงแล้วตกไปอยู่ในการครอบครองของคนอื่น หรือไม่แน่อาจถูกตัดไปทำเป็นเครื่องประดับต่างๆ แล้ว คุณว่าความตั้งใจของผู้อาวุโสหูคงจะไม่เสียแรงเปล่าใช่ไหม?”


 


 


นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว เพราะฉะนั้นเมื่อผู้อาวุโสหูพูดถึงเรื่องหินปิดฟ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือกระทั่งเกือบลากเธอลงน้ำไปด้วย ตามหาไปด้วยกัน ซีเหมินจินเหลียนเคยสงสัยมาก่อนแล้วการขุดแร่หยกมีความเป็นมายาวนาน มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าหินปกปิดฟ้าของเทพธิดาก้อนนั้นถูกคนนำไปใช้แล้วหรือยัง?


 


 


เจียหยวนฮวาส่ายหน้าพูดเสียงดังชัดเจน “ไม่มีทาง!”


 


 


“ผู้อาวุโสเจียมีอะไรเป็นหลักฐานยืนยัน?” จ่านป๋ายถาม เพราะว่าเขาก็สงสัยในปัญหานี้เช่นเดียวกัน


 


 


“ผู้มีพระคุณบอกว่าถ้าหากหินปิดฟ้าถูกค้นพบ เช่นนั้นก็จะปิดบังตัวตนกับใครไม่ได้หรอกครับ” เจียหยวนฮวาพูด


 


 


“คุณบอกกับพวกเราได้ไหมว่า หินปิดฟ้าก้อนนั้นลักษณะเป็นเช่นไร?” ซีเหมินจินเหลียนถาม ปัญหานี้เธอคิดมานาน หินปิดฟ้าก็เป็นหยก หรือจะเป็นหยกสายรุ้ง? หยกหลากสี?


 


 


“ผมก็ไม่รู้” เจียหยวนฮวาได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าแล้วพูด-7ho


 


 


 ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าเขาคงไม่รู้จริงๆ ดูไม่เหมือนกับคนโกหก ถ้าแม้แต่เขายังไม่รู้ แล้วจะให้เธอไปหาสิ่งของที่เหมือนไม่มีอยู่จริงมาจากที่ไหนกัน?


 


 


“ถ้าแม้แต่พวกคุณยังไม่รู้ ถึงหินปิดฟ้าจะมาวางอยู่ตรงหน้า พวกเราก็อาจจะพลาดโอกาสได้นะครับ” จ่านป๋ายถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “เพราะว่าในสายตาของผม หินหยกทั้งหมดก็เหมือนกับหินก่อสร้างด้วยกันทั้งนั้น ไม่เห็นมีอะไรแตกต่าง”


 


 


“แน่นอนว่าคุณย่อมดูไม่ออกอยู่แล้ว แต่คุณซีเหมินทำได้แน่นอน!” เจียหยวนฮวาพูด


 


 


“ผู้อาวุโสเจียก็พูดยกย่องฉันเกินไป ถ้าหากลักษณะภายนอกของหินปิดฟ้ามีลักษณะธรรมดา ฉันก็ไม่สามารถดูออกได้เหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูดถ่อมตน เขาเห็นว่าเธอเป็นเทพเจ้าหรืออย่างไรกัน เมื่อมองแล้วก็จะดูออกว่าเป็นหินปิดฟ้าน่ะ?


 


 


เจียหยวนฮวาขมวดคิ้วขึ้นแล้วถามขึ้นว่า “คุณซีเหมินน่าจะรู้เรื่องการเกิดแสงใช่ไหมครับ?”


 


 


“คะ?” ซีเหมินจินเหลียนยังไม่ทันได้ตอบ จ่านป๋ายก็สีหน้ามึนงงถาม “คุณเจียพูดอะไร เรื่องนี้จะพูดจาพล่อยๆ ไม่ได้นะครับ”


 


 


เจียหยวนฮวาสงสัยแต่ไม่ทันไรก็เข้าใจขึ้นมาได้ ตัวอักษรสองตัวนี้เป็นเสียงเดียวกัน แต่ความหมายต่างกันอย่างลิบลับ การเดิมพันสายนี้มีการพูดถึงแหล่งกำเนิดแสงมาช้านาน แต่คนที่เข้าใจในแหล่งกำเนิดแสงตอนนี้กลับหาได้ยาก ถ้าไม่ได้เป็นเพราะผู้มีพระคุณมาเปิดโปง เขาก็คงไม่สามารถเข้าใจได้ ทำไมซีเหมินจินเหลียนอายุน้อยขนาดนี้ถึงเข้ามาอยู่ในสายการเดิมพันหิน สามารถแยกแยะอะไรได้ภายในเวลาสั้นๆ และเก็บหยกชั้นดีหลายหลายสีและชนิดมาไว้ในมือ


 


 


หยกเจไดต์ที่มีเนื้อหยกอยู่ในนั้น แน่นอนว่าต้องมีความโปร่งใสส่องแสงได้ มีแต่หยกชั้นดีเท่านั้นถึงทำให้แสงทะลุผ่านเปลือกมาได้ ภายในรุ่งสางหรือยามพลบค่ำต่างส่องแสงเรืองรองสุดจะหาไม่


 


 


ในอดีตเวลาดูหินมักจะเป็นช่วงกลางคืน และใช้แค่เทียนเพียงเล่มเดียวเท่านั้นคอยนำทางส่องแสง


 


 


เผาเครื่องหอมให้ควันฟุ้งกระจายคั่งค้างอยู่ในบรรยากาศที่ลึกลับและมืดสลัวปกครอบคลุมยิ่งทำให้ดูมีความลึกลับ มีกลิ่นอายของความขมุกขมัว นี่เป็นการทดสอบทางสายตา มากกว่านั้นก็คือ ถ้ามีคนเข้าใจและรู้ในเรื่องของความโปร่งใส่ส่องแสงในหยก สภาพแวดล้อมแบบนี้น่าจะดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย


 


 


แต่ตอนนี้ การกำเนิดความโปร่งแสงบางทีอาจจะจัดอยู่ในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง คนที่เดิมพันส่วนมากจะพึ่งพาในแสงของไฟฉายและแว่นขยาย รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ทันสมัยของสมัยนี้


 


 


 เขาจำได้อย่างชัดเจน ตอนนั้นที่โรงงานแปรรูปหยก เขาเห็นซีเหมินจินเหลียนหยิบไฟฉายและรู้สึกว่าไม่สบอารมณ์ เหมือนมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ภายหลังลองคิดดูแล้ว เดิมทีเธอหยิบไฟฉายอาจจะไม่ใช่นำมาเป็นอุปกรณ์ หากแต่ทำไว้เพื่อปกปิด


 


 


เพราะว่าคนอื่นอาจจะใช้วิธีนี้ในการเดิมพันหิน เพราะฉะนั้นเธอเลยแกล้งทำตามเพื่อปิดบังตัวเองไม่ให้ตกไปเป็นสายตาหรือขี้ปากของใคร


 


 


“คุณจ่าน แหล่งกำเนิดแสงที่ผมพูด นั่นหมายถึงเนื้อหยกที่สามารถส่องแสงได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่คุณคิดคำนั้น” เจียหยวนฮวายิ้มอธิบาย


 


 


 จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็หุบยิ้มไม่หยุด ส่วนซีเหมินจินเหลียนก็หน้าแดงขึ้นมา พร้อมจ้องไปที่จ่านป๋าย ในใจแอบพูดว่า คุณไม่เข้าใจก็อย่ามาพูดจาไร้สาระสิ ไม่อย่างนั้นจะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะได้นะ


 


 


 “คุณซีเหมิน…” เจียหยวนฮวาตามถามเธออีกครั้ง “ผู้มีพระคุณบอกว่า หินปิดฟ้าผ่านจากการเล่นหินของเทพธิดา ทำให้มีแสงอยู่พร่างพราย เปลือกผิวคงห้ามการส่องแสงทะลุออกมาไม่ได้แน่ ถึงคนที่ไม่เข้าใจในการเดิมพันหิน บางทีก็ยังคาดเดาออกได้ แล้วยิ่งถ้าเป็นคุณล่ะ?”


 


 


“ถ้าหากมีหยกแบบนี้จริงๆ คงจะทำให้ใจคนเต้นแรงไม่หยุดแน่” ซีเหมินจินเหลียนพูด เธอไม่ปฏิเสธที่เธอสามารถดูแหล่งกำเนิดแสงได้ ขอแค่มีแสงทะลุออกมาให้เห็นจากเปลือกผิว ย่อมเป็นหยกชั้นดี ข้อนี้ต่างเป็นที่ยอมรับ


 


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ รอให้งานนิทรรศการเสร็จสิ้นไปก่อน หลังจากนั้นรบกวนให้คุณซีเหมินไปเมืองหยางโจวสักครั้งดีไหมครับ?” เจียหยวนฮวาพูด


 


 


ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ราชาหยกกับราชางูมีความสัมพันธ์กัน เธอเองก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นหน้าที่นี้เธอยินดีที่จะทำ


 


 


แน่นอนว่าจ่านป๋ายไม่มีความคิดเห็นอะไร เมื่อคิดถึงบรรยากาศที่สวยงาม แม้ว่าฤดูนี้จะไม่ได้สวยเพลิดเพลินตาอะไร แม้ว่าหาราชาหยกไม่เจอ แต่สามารถไปเที่ยวที่เมืองหยางโจวกับซีเหมินจินเหลียนสักครั้งก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว


 


 


เจียหยวนฮวาเห็นซีเหมินจินเหลียนตกปากรับคำก็ดีใจเป็นอย่างมาก ถูฝ่ามือไปมาเตรียมตัวจะพูดแต่ก็หยุดไป ซีเหมินจินเหลียนรู้ความตั้งใจของเขาเลยหันไปสื่อสารทางสายตากับจ่านป๋าย จ่านป๋ายยิ้ม “รู้ว่าผู้อาวุโสเจียจะมา ผมเลยเตรียมหยกราชางูไว้เรียบร้อยแล้ว คุณเจียเชิญนั่งรอก่อน ผมจะไปย้ายมันออกมาให้”


 


 


“รบกวนด้วยครับ” เจียหยวนฮวายิ้มเจ้าเล่ห์


 


 


จ่านป๋ายหมุนตัวเดินไปทางห้องใต้ดิน ไม่นานก็ย้ายหยกราชางูออกมาวางไว้บนโต๊ะไม้แข็ง เจียหยวนฮวาเห็นแล้วก็ควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ รีบเดินเข้าไปใช้มือสัมผัสอย่างไม่หยุดหย่อน ปากก็พูดบ่นพึมพำอย่างไม่หยุด


 


 


ซีเหมินจินเหลียนเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ได้แต่หัวเราะ คนที่ชื่นชอบในหยก เมื่อเห็นหยกก็มักจะเป็นอย่างนี้ ผู้เชี่ยวชาญเปิดหินหมายเลขสิบห้าคนนั้นเมื่อเห็นหยกสีม่วงประกายแดงคอยส่องแสงก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปสัมผัสเช่นกัน ถ้าหากเขาเห็นหยกราชางู เกรงว่าน่าจะถึงขั้นกราบไว้บูชา


 


 


เจียหยวนฮวาใช้เวลาในการดูไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ไม่มีความคิดที่อยากจะจากไปแต่อย่างใด      จ่านป๋ายมองดูเวลาก็เห็นว่าดึกแล้ว พรุ่งนี้ยังจะต้องไปส่งหยกในงานนิทรรศการอีก ส่วนซีเหมินจินเหลียนได้แต่หาวหวอดๆ ไม่หยุด ไม่นานก็ยืนขึ้นเดินไปทางเจียหยวนฮวาเพื่อเริ่มกดดัน


 


 


“คุณเจีย คุณดูเสร็จแล้วหรือยังครับ” จ่านป๋ายถาม


 


 


“อ้อ?” เจียหยวนฮวาได้ยินเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นพูดขึ้นมาว่า “เสร็จแล้วๆ เห็นหยกแบบนี้เลยอึ้งไปหน่อย คุณจ่านอย่าถือสาผมเลยนะ”


 


 


“นี่ก็ดึกมากแล้ว พอดีพรุ่งนี้พวกเรายังมีธุระอีกน่ะครับ” จ่านป๋ายเจตนาพูดขึ้น


 


 


“ขอโทษด้วย รบกวนพวกคุณแล้ว” เจียหยวนฮวามองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนัง เวลาใกล้จะตีสองแล้ว ตนเองก็รบกวนเกินไปจริงๆ เลยรีบลุกขึ้นกล่าวลา


 


 


“ครั้งหน้าถ้าผู้อาวุโสเจียยังคงคิดถึงราชางูอยู่ ก็สามารถมาดูได้นะคะ” ซีเหมินจินเหลียนส่งเขาอย่างมีมารยาท


 


 


ตอนที่จ่านป๋ายย้ายราชางู ไม่รู้ว่าทำไมเขาเหมือนรู้สึกว่างูที่อยู่ข้างในหยกราชางูนั่นมีดวงตาที่กลมโต ราวกับสื่อว่ากำลังเหนื่อยล้า จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณจะเหนื่อยอะไรกัน พรุ่งนี้คุณก็ได้พักผ่อนแล้ว ผมนี่สิที่ต้องร่อนไปทั่ว”


 


 


ซีเหมินจินเหลียนเคยกำชับว่า หยกราชางูนำมาจัดแสดงแค่วันเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ไม่ต้องนำหยกพลังชั่วร้ายก้อนนี้ไปงานนิทรรศการแล้ว


 


 


“เสี่ยวป๋าย คุณพูดกับใครอยู่น่ะ” ซีเหมินจินเหลียนกลับมาข้างในหลังจากที่ส่งเจียหยวนฮวาเสร็จก็ถามขึ้นอย่างสงสัย


 


 


“ราชางูครับ” จ่านป๋ายถาม


 


 


“คุณโดนเวทมนตร์สะกดเหรอไง?” ซีเหมินจินเหลียนพึมพำออกมา


 


 


จ่านป๋ายนำราชางูไปเก็บไว้ในห้องใต้ดินเป็นที่เรียบร้อย ตอนที่ขึ้นมาก็พูดว่า “ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อกี้ตอนที่เห็นดวงตาของงูนั่น ผมกลับเห็นว่ามันเหมือนกำลังเหนื่อยมาก จินเหลียนผมก็สงสัยมาตลอดว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต”


 


 


ซีเหมินจินเหลียนนวดขมับที่ปวดจี๊ดแล้วพูดขึ้น “ใช่ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ แต่คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าถึงจะมีชีวิตแล้วจะยังไง? มันก็แค่งูแปลกประหลาดตัวหนึ่งเท่านั้น!”


 


 


จ่านป๋ายถอนหายใจพูด “งูนี้ก็ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษทำบาปร้ายแรงอะไร ถึงมาถูกกักขังอยู่ในหยกนี้”


 


 


ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงอยู่บาโซฟาพร้อมกอดเข่าทั้งสองข้าง ไม่นานก็ถอนหายใจเบาๆ เทพธิดาในตำนานถ้าเกิดมีหน้าเป็นคนมีลำตัวเป็นงู แถมงูที่อยู่ในหยกก้อนนี้รูปร่างลักษณะเหมือนคนเช่นนี้ ความมหัศจรรย์มีจริงนั่นเหรอ? ราชาหยกก้อนนี้กับราชางูมีความเกี่ยวข้องอะไรกันแน่


 


 


การเดินทางไปหยางโจวนั่น จู่ๆ เธอก็รู้สึกแทบอดทนรอไม่ไหวแล้ว


 


 


วันที่สองของงานนิทรรศการ ตอนช่วงกลางวันคนแห่กันมาอย่างกระหน่ำ จนถึงตอนกลางคืน จ่านป๋าย หลินเสวียนหลาน จ่านมู่ฮวา แม้กระทั่งฉินเฮ่าที่หาเวลาว่างมาสนุกสนานก็พร้อมใจมาดูงานเดิมพันหยกใหญ่


 


 


จ่านป๋ายรู้ว่าเมื่อคืนจ่านมู่ฮวาและซีเหมินจินเหลียนร่วมมือกันและได้เงินมาไม่น้อย ในใจก็รู้สึกเกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เลยพูดออกไปว่า “คืนนี้ใครจะเล่นอะไรก็เล่นไปสิ”


 


 


“ถึงคุณจะไล่พวกเราไป พวกเราก็จะวางเดิมพันตามพวกคุณอยู่ด้านหลัง นี่เรียกว่าตามทิศทางลม!” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น


 


 


ส่วนหลินเสวียนหลาน ฉินเฮ่าก็พยักหน้าตาม


 


 


“คืนนี้ฉันไม่เล่นอันนี้ พวกคุณก็ลองไปเสี่ยงดวงกันเองเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด เธอเพิ่งเข้ามาก็เห็นห้องโถงใหญ่ข้างนอกวางกองหินหยกไว้มากมาย แม้จ่านมู่ฮวาจะพูดว่า เปลือกผิวของหินหยกพวกนี้ไม่ดี ถ้าไม่ใช่หินหยกความโปร่งใสต่ำในเมืองเจียหยางที่ขายไม่ออก ก็ต้องเป็นเศษหินหยกที่เหลือจากการตัดหินหรือไม่ก็หินหยกที่กองไว้ไม่ได้ใช้มาตั้งนานจากบริษัทอัญมณีบางแห่ง เป็นหินที่ไร้ซึ่งความหวังในการนำไปใช้ เป็นสินค้าขยะที่โดดเด่นที่สุด


 


 


แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ยังรู้สึกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ถ้าหากเธอไปเดิมพันสีหรือเข้าร่วมการเดิมพันหินใหญ่สักครั้งก็เท่ากับว่าขี้โกง oujเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ มักจะทำให้คนอื่นคอยถอยห่างออกไป เพราะฉะนั้นไม่สู้ให้พวกผู้ชายพวกนี้ไปเสี่ยงดวงกันเอง ส่วนตัวเธอเองจะตามติดเก็บขยะภายในกอง ดูสิว่าสามารถเจอหินหยกที่ชื่นชอบได้ไหม คิดเสียว่าเป็นความบันเทิงก็แล้วกัน 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 105 เดิมพันชีวิต

 

หลินเสวียนหลานกับฉินเฮ่าเดิมทีก็เปรียบเสมือนเพื่อนตาย เมื่อทั้งสองปรึกษากันแล้ว ก็คิดจะบีบจ่านป๋ายกับจ่านมู่ฮวา ไม่ต่างอะไรกับการก่อสงคราม คิดจะเล่นสนุกสักสองสามล้าน


 


 


ส่วนจ่านป๋ายและจ่านมู่ฮวานั้นต่างไม่ถูกชะตาตากัน ต่อหน้าคนทั่วไปพวกเขายังคงรักษาความเกรงใจและมารยาทขั้นพื้นฐานเอาไว้ แต่ถ้าหากไม่มีใครอยู่คงจะเกลียดกันจนถึงขั้นคว้ามีดออกมาทิ่มแทงกันทั้งสองฝ่าย ไม่ตายไม่มีหยุดพัก


 


 


“น้องรัก!” จ่านมู่ฮวาเห็นซีเหมินจินเหลียนกำลังเดินไปทางกองหินหยก ไม่ได้สนใจพวกเขา ไม่นานก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา “พวกเราเดิมพันอีกสักครั้งดีไหม”


 


 


“เดิมพันอะไร” แน่นอนว่าจ่านป๋ายฟังออกถึงคำท้าทายนี้แล้วขมวดคิ้วขึ้น


 


 


“ด้วยเงินสิบล้าน แกมีพอหรือเปล่าล่ะ?” จ่านมู่ฮวาถามขึ้น


 


 


“ฉันไม่ได้จนถึงขั้นนั้น!” จ่านป๋ายแค่นเหอะเสียงใส่อย่างเย็นชา


 


 


“แกคอยตามติดคุณซีเหมินมาโดยตลอด คิดว่าคงมีความรู้เรื่องการเดิมพันหินอยู่ไม่น้อยเลยล่ะสิ?” จ่านมู่ฮวายิ้มอย่างมีเลศนัย “พวกเราต่างลงสิบล้านไว้ที่เดิมพันสี เดิมพันชนิด รวมถึงการเดิมพันครั้งใหญ่ด้านหลังด้วย วางได้ตามใจชอบ รอจนเปิดผลออกมา ใครชนะมากสุด คนนั้นก็เป็นผู้ชนะภายในคืนนี้ เป็นไง?”


 


 


“ไม่มีปัญหา จะวางเดิมพันอะไร” จ่านป๋ายถาม


 


 


“เดิมพันชีวิต!” จ่านมู่ฮวาข่มเสียงลง แล้วก็พูดคำนั้นมาจากคอ “ใครแพ้ ภายในสามวันนี้ ก็หาวิธีตายที่แปลกใหม่ของตัวเองก็แล้วกัน!”


 


 


จ่านป๋ายไม่ได้ตอบอะไร เดิมพันชีวิตเหรอ? ถ้าเป็นในอดีต เขาคงรับปากตกลงไปทันที แต่ตอนนี้เขากลับลังเลใจขึ้นมาบ้างแล้ว


 


 


“เป็นอะไรไปล่ะ น้องรัก หรือว่าแกไม่กล้า?” จ่านมู่ฮวาถามอย่างท้าทายออกไป


 


 


“ไม่ ฉันไม่เล่น” จ่านป๋ายส่ายหน้า เขาไม่ยอมตกอยู่ในแผนเขาหรอก จ่านมู่ฮวากับคุณนายซูมีความสัมพันธ์ไม่เลว ความสามารถในการเดิมพันของคุณนายซู แม้ว่าจะเทียบกับซีเหมินจินเหลียนไม่ติดแต่ก็ไม่ทำให้ขาดทุนย่อยยับง่ายๆ แน่ ตอนนั้นที่บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่เกิดวิกฤตหนัก ก็เป็นเพราะคุณนายซูอาศัยความสามารถในการเดิมพันหินถึงทำให้บริษัทหมิงฮุยพยุงตัวเองขึ้นได้อีกครั้ง


 


 


แถมในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสิบปี บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ก็กลายเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจ แบ่งกระจายบริษัทลูกรายย่อยนับไม่ถ้วน ทำให้บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่มาพร้อมกับความสำเร็จและความร่ำรวยอย่างคาดไม่ถึง


 


 


คุณนายซูตัดใจจากคนเก่าได้ไม่นานก็เปิดตัวตามจีบจ่านมู่ฮวา ตอนนั้นจ่านมู่ฮวาเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ ด้วยความที่เห็นคุณนายซูรูปลักษณ์สวยงามเข้าก็ตรึงตราใจ แต่ภายหลังไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นเพราะอะไรถึงทะเลาะกัน แม้ว่าจ่านมู่ฮวาอายุยังน้อย แต่ก็เกลียดจนสุดหัวใจ


 


 


แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้กินยาอะไรผิดมา หลายปีมานี้ยังคอยตามติดกับจ่านมู่ฮวา จ่านป๋ายไม่ได้โง่ ผู้จัดงานรายใหญ่ของการเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้ก็เป็นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ คลับหยกก็เป็นของจ่านมู่ฮวา แล้วภายในงานประมูล ถ้าจะมาเล่นกับเขา เกรงว่าคงไม่อยากมีอายุยืนยาวแล้ว?


 


 


“รู้จักทำตัวดีๆ แล้วสินะ คิดไม่ถึงว่าจะไม่กล้าเดิมพัน?” จ่านมู่ฮวาพูดยั่วยวนไม่หยุด


 


 


“คิดว่าฉันไม่อยากอายุยืนหรือไง ถึงจะได้มาเดิมพันในถิ่นงานประมูลของนาย?” จ่านป๋ายถอนหายใจ เขาไม่อยากจะรบกวนซีเหมินจินเหลียน เขาจึงเริ่มมองไปรอบด้านเพื่อเดิมพันสี เดิมพันหินหยกหลากหลายชนิด ข้างหน้าเห็นกลุ่มหนึ่ง ด้านหลังก็หันไปเจออีกกลุ่มหนึ่ง สุดท้ายสายตาของเขาก็อยู่ที่หินหยกผิวสีดำก้อนหนึ่งที่อยู่ในการเดิมพันใหญ่


 


 


หินหยกก้อนนี้ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ภายในสีดำกลับซ่อนสีฟ้าอ่อนๆ เอาไว้ น่าจะประมาณยี่สิบกิโลกรัมได้ เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัส ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้เขาเจียระไนหินมานับไม่ถ้วน รวมถึงหยกราชางู หยกสีเลือด หยกแสงดาวระยิบระยับชั้นดีแบบนั้นล้วนแต่ผ่านการเจียระไนจากมือของเขามาทั้งนั้น เพราะฉะนั้นสำหรับเรื่องหินหยกก็ถือว่ามีปฏิกิริยาไวเช่นกัน


 


 


ของบางอย่าง ไม่ต้องมีคนสอน พอเริ่มสัมผัสพบเจอก็เริ่มเข้าใจ


 


 


ตามความรู้สึก หินหยกก้อนนี้น่าจะเผยสีเขียว สำหรับลักษณะจำพวกจุดหยก เส้นลายหยก เขาไม่มีทางที่จะดูออกได้ แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนจะเคยพูดให้ฟังแต่เขาก็ฟังจนเลอะเลือน สุดท้ายเขาก็ได้แต่ใช้แรงงานในการเจียระไนหยกอย่างแข็งขัน ไม่รู้ว่าเป็นหินหยกชนิดไหนแล้ว


 


 


“คุณจ่าน!” หลินเสวียนหลานและฉินเฮ่าเดินเข้ามาพร้อมกันและถาม “คุณคิดจะเดิมพันเหมือนกันใช่ไหม”


 


 


“ผมก็ว่างๆ อยู่ อยากจะลองหาอะไรตื่นเต้นทำสักหน่อยเหมือนกัน” จ่านป๋ายพูด มองไปที่หมายเลข เห็นว่าเป็นเลขเก้า เดิมพันหินใหญ่วันนี้น่าจะได้รับอิทธิพลจากเมื่อวาน คิดไม่ถึงว่าจะร้อนแรงกว่าเดิม มีผู้ร่วมเล่นถึงยี่สิบเอ็ดคน


 


 


 จ่านป๋ายเคยเสนอความคิดเห็น แนะนำให้ซีเหมินจินเหลียนมาเข้าร่วมเล่น แต่ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดลังเลอยู่นาน ท้ายที่สุดก็ปฏิเสธ หยกของเธอส่วนใหญ่ล้วนเจียระไนเปิดออกมาหมดแล้ว พูดถึงเรื่องนี้จ่านป๋ายก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย ตนจะรีบร้อนเจียระไนไปทำไม ดูสิอยากจะเล่นเจียระไนต่อก็ไม่รู้จะหาหินหยกมาจากไหนแล้ว


 


 


“เบอร์เก้าสวยเหรอ” ฉินเฮ่าถาม การเดิมพันหินใหญ่ก็ไม่สามารถถามขึ้นมาแบบนี้ได้ ไม่อย่างนั้นถ้ามีคนตามทิศทางลมแล้ววางเดิมพันไปก็จะทำให้สับสนวุ่นวายได้ คนที่เดิมพันหินส่วนมากจะเคารพกฎที่ไม่มีบันทึกไว้พวกนี้ บางทีนี่อาจเป็นความลับของธุรกิจการค้า


 


 


แต่ฉินเฮ่ากับจ่านป๋ายเหมือนกัน สำหรับการเดิมพันหินพวกเขาก็ไม่มีความรู้เลยสักนิด ฉินเฮ่าเคยใช้เงินห้าล้านไปเล่นที่เจียหยางอยู่ครั้งหนึ่ง ผลสุดท้ายไม่เหลืออะไรกลับมา


 


 


“เดิมทีผมเตรียมตัวว่าจะวางเดิมพันลงแต่ละที่ แต่เห็นว่าผู้ร่วมงานวันนี้เยอะเกินไปแล้ว” จ่านป๋ายส่ายหน้า สายตามองไปรอบทิศแต่ไม่เห็นจ่านมู่ฮวา


 


 


อีกด้านในห้องด้านหลังที่ถูกจัดแต่งอย่างหรูหรา จ่านมู่ฮวามีสีหน้าอึมครึม มองไปยังคนข้างหน้าที่ยิ้มราวกับดอกไม้อย่างคุณนายซู พร้อมถามอย่างเยือกเย็นว่า “ให้คำตอบผมมา ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องชดใช้ให้ผม!”


 


 


“เมื่อวานคุณทำให้ฉันเสียหายไปกว่าสองร้อยล้าน วันนี้คุณยังกล้ามาหาฉันเพื่อบอกว่าขอเงินอีกหรือ?” คุณนายซูโกรธจนตัวสั่น เมื่อคืนฝ่ายการเงินมารายงานว่ารายรับกับรายจ่ายไม่สมดุลกัน เธอมักจะได้รับผลประโยชน์และเอาออก คิดไม่ถึงว่าจะแพ้ไปเกือบหนึ่งร้อยล้าน จากนั้นเธอก็หาชื่อของคนที่วางเดิมพันไปอยู่ด้านหลัง คิดไม่ถึงว่าเป็นจ่านมู่ฮวาคนนี้ ที่ทำเงินได้สองร้อยกว่าล้านบาท…


 


 


นี่ยังเป็นหินหยกของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ใช้เทคนิควิธีที่หลากหลายในการเปลี่ยนของของตน แถมหลังงานเธอยังให้คนเปิดเจียระไนหินออกมา เมื่อดูผลกลับเป็นหินสีขาวว่างเปล่าเท่านั้น จ่านมู่ฮวาวางเดิมพันลงไปสิบล้านก็ถูกเต็มๆ ถ้าหากคิดตามอัตราต่อรองราคาหนึ่งต่อสิบห้า เขาต้องชดเชยเป็นเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน


 


 


ตอนนั้นคุณนายซูใจเย็นเกินไป ดังนั้นคืนนี้เธอให้คนไปเฝ้าจับตามองซีเหมินจินเหลียน ระมัดระวังไว้ก่อน ถ้าหากเธอใจดำหน่อย เดิมพันครั้งหนึ่งไปถึงหลักหลายร้อยล้าน ให้เธอเล่นไปสองรอบ บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่คงต้องล้มละลายลงแน่ๆ


 


 


ส่วนการเดิมพันหินใหญ่ ของเดิมพันก็ไม่มีจำกัด ในใจคุณนายซูรู้สึกไม่สงบเป็นอย่างมาก เวลานี้จ่านมู่ฮวายังกล้ามาหาเธอเพื่อขอเงิน


 


 


“เอาอย่างนี้แล้วกัน คุณให้คุณน้องซีเหมินจินเหลียนนั่นมาเดิมพันกับฉันสักครั้ง ถ้าชนะฉันจะให้สิ่งที่คุณควรจะได้ตั้งแต่แรก แต่ถ้าแพ้คุณก็น่าจะรู้เจตนาของฉันดี!” คุณนายซูยิ้มอย่างมีลับลมคมใน ในใจมีการเตรียมเฝ้าระวังไว้ ถ้าหากซีเหมินจินเหลียนกล้าเล่น คืนนี้เธอจะทำให้บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ตกมาเป็นบริษัทลูกรายย่อยของหมิงฮุยแน่

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม