ความลับแห่งจินเหลียน ส่วน 4 ตอน 92-98

ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 92 มหัศจรรย์

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ที่เขาพูดมานั้นก็จริง แทนที่ผู้อาวุโสหูจะใช้เวลาและเรี่ยวแรง ไหนจะเงินทองอีกตั้งมากมายเพื่อไปหาหินที่เหลือจากการปิดฟ้า เช่นนั้นก็ไม่สู้เปิดบริษัทอัญมณีเพื่อหารายได้ ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขจะดีกว่า 


 


จ่านมู่ฮวามองเธออีกครั้ง แล้วพูดขึ้นว่า “เพราะอย่างนั้นเมื่อคุณพ่อวิเคราะห์แล้ว หลังจากผูกโยงเรื่องศิษย์ทางฝั่งใต้ได้ทั้งหมด ก็ได้ข้อสรุปออกมาว่าหินที่เหลือจากการปิดฟ้านั้น เกรงว่าจะไม่ใช่ชิ้นส่วนของหยกธรรมดาๆ แล้ว” 


 


“อย่างนั้นก็มีเรื่องอะไรอีกหรือไง?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น คงไม่ได้จะบอกว่ามีความสัมพันธ์กับตำนานเทพหรอกนะ? แม้ว่าผู้อาวุโสหูจะพูดหลายต่อหลายครั้งว่าหยกเป็นเหินที่เหลือจากเทพธิดา แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ไม่มีทางเชื่อว่าในประวัติศาสตร์จะมีตำนานเล่นหินปิดฟ้าแบบนี้ 


 


ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเทพธิดาเป็นคนประเภทไหน? เธอยังเรียกว่าเป็นคนได้อีกเหรอ? คนที่สามารถสร้างคนได้ และคนที่เล่นหินมาปิดฟ้าน่าจะเป็นคนที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ อายุยืนยาวไม่มีทางตายสิ? 


 


ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกใจเต้นแรงอยู่บ้าง ลำพังเพียงแค่หาหยกห้าสีสิบสีเจอได้นั่นก็ถือเป็นโชคครั้งใหญ่แล้ว เธอไม่กล้าฝันถึงการหาหินปิดฟ้าในตำนานให้เจอหรอก แม้ว่าในใจลึกๆ ก็คาดหวังที่จะพบเห็นสักครั้ง 


 


การเดิมพันหยกสายนี้มีวิธีการเล่าขานมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แค่มองก็ถือว่าได้ครอบครอง คำพูดนี้ล้วนเข้าใจดี ของบางอย่างแค่มองผิวเยินเพียงครั้งเดียวก็รู้สึกเป็นโชคดีแล้ว ถ้าอยากได้หยกชั้นดีพวกนั้นมาเก็บไว้ครอบครอง คงต้องเหมือนพระภิกษุในราชวงศ์ถังสักรูปหนึ่งที่ฝึกวิชามาสิบชาติถึงเห็นผล 


 


“ประวัติศาสตร์บอกไว้ว่า เทพธิดามีหน้าตาเป็นคนแต่ลำตัวเป็นงู” จ่านมู่ฮวาพูด 


 


 “อืม” ซีเหมินจินเหลียนเรียนภาษาจีนมา หนังสือภาษาจีนโบราณส่วนมากล้วนมีบันทึกประวัติของเทพธิดาอยู่ ในนั้นต่างบันทึกว่าเทพธิดาและสามีของเธอต่างมีหน้าตาเป็นคนแต่ลำตัวเป็นงู 


 


“หยกที่คุณเอามาจัดแสดงในงานชิ้นนั้น คุณเรียกว่าอะไรนะ? หยกราชางูใช่ไหม?” จ่านมู่ฮวาถาม 


 


ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วไม่คลาย มีคนนำหยกก้อนนั้นกับเทพธิดามาประติดประต่อกันแล้ว ความกังวลในใจของเธอไม่มีผิด 


 


“นั่นเป็นแค่ซากฟอสซิลหยกที่มีงูประหลาดอยู่ข้างในก็เท่านั้น!” สีหน้าของซีเหมินจินเหลียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เธอยังคงยกมุมปากเชิดขึ้นและแสยะยิ้มน้อยๆ ผู้ชายที่ปากบอกว่ารักเธอ แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่เขาสนใจทั้งหมดก็ล้วนเป็นหยกของเธอทั้งนั้น 


 


จ่านมู่ฮวาทางหนึ่งก็ขอเธอแต่งงาน อีกทางก็แสดงออกให้เห็นว่าสนใจหยกของเธอเป็นอย่างมาก        แถมสำหรับจ่านมู่ฮวาแล้ว ทรัพย์สินเงินทองธรรมดาไม่ได้ทำให้เขาใจเต้นแรงได้แล้ว เป้าหมายของเขาน่าจะเหมือนกับผู้อาวุโสหู ทำเพื่อหินปิดฟ้าจากตำนานเท่านั้น 


 


“จินเหลียน ทำไมคุณต้องหลอกตัวเองและคนอื่นด้วย?” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้า “ในใจคุณก็รู้ดีว่างูที่ผ่านการกลายเป็นฟอสซิลหยกไม่ใช่แบบนี้ อีกอย่างถ้าไม่เกินไปจากที่ผมคาดเดา คุณน่าจะเข้าใจเรื่องงูมากกว่าคนธรรมดาเสียอีก” 


 


“ฉันจะไปเข้าใจเรื่องงูได้ยังไง?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัว “ฉันเติบโตจากชนบท เรื่องที่ฉันไม่กลัวงูก็อีกเรื่อง แต่เรื่องเข้าใจงูนี่ล้อเล่นอะไรกัน?” 


 


“ร่องรอยงูที่คอของผมยังไม่หายไปเลย” จ่านมู่ฮวาพูดพลางในขณะที่กระชากคอเสื้อไปด้วย เผยให้เห็นผิวที่ขาวใสยังคงมีรอยงูแดงระเรื่ออยู่ให้เห็น 


 


“คุณพูดวกไปวนมา ก็เพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา “หยกราชางูก้อนนั้นกับหินปิดฟ้าของเทพธิดามีความสัมพันธ์กันหรือเปล่าน่ะเหรอ?” 


 


“ใช่!” จ่านมู่ฮวาพยักหน้า “และผมก็อยากจะรู้ว่ามันเป็นหินปิดฟ้าที่หลงเหลืออยู่หรือเปล่า” 


 


“ไม่ใช่!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าหินที่เหลือจากการปิดฟ้ามีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง แต่ฉันยืนยันได้ว่านี่ไม่ใช่หินปิดฟ้า และไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเทพธิดานั่น มันก็แค่หยกธรรมดาก้อนหนึ่ง” 


 


“หยกธรรมดาที่มีการกักขังงูแปลกประหลาดโบราณอยู่ในนั้น?” จ่านมู่ฮวาพูด “คุณน่าจะเห็นแล้วนี่ว่าผิวส่วนหัวของงูมันเหมือนผิวของคน…” 


 


“ผิวของงูตัวนั้นดีกว่าฉันมาก!” ซีเหมินจินเหลียนกัดปากพูด “ฉันมองแล้วยังอิจฉาไม่หายเลย” 


 


“คุณลองคิดดูสิ มันอาจจะเป็นเทพธิดาก็ได้นะ?” จู่ ๆจ่านมู่ฮวาพูดอย่างน่าสนใจ 


 


“นี่คุณอ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่า?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เทพธิดาเหรอ? คุณเชื่อว่ามีเทพธิดาจริงๆ น่ะเหรอ?” 


 


“ผมเชื่อ!” จ่านมู่ฮวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูด “ไม่ใช่แค่คนตะวันออกที่ตามหาความมหัศจรรย์จากสิ่งโบราณเหล่านี้ แต่ในตะวันตกยังมีนักสำรวจอีกมากมายที่ยังตามหาความมหัศจรรย์นี้ เพียงแค่บางทีความจริงอาจจะถูกคนปกปิดด้วยเจตนา” 


 


“ฉันยอมเชื่อในวิทยาศาสตร์มากกว่า” แม้ว่าปากของซีเหมินจะพูดออกมาอย่างนั้น แต่ในใจเธอมีแต่ความสงสัย 


 


“โอเค พวกเราไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ได้” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้า “แต่เรื่องแต่งงาน…คุณไม่ลองคิดทบทวนให้ดีหน่อยเหรอ” 


 


“ให้ฉันเอาหยกราชางูไปแต่งงานกับคุณ? ให้คุณศึกษาค้นคว้าถึงปาฏิหาริย์ของมันน่ะเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “คุณเห็นว่าฉันโง่ หรือว่าคุณโง่กันแน่?” 


 


“ผมไม่ได้ทำไปเพราะหยกราชางู” จ่านมู่ฮวายิ้มออกมา “ผมคิดว่า ผมอาจจะรักคุณเข้าแล้วจริงๆ” 


 


“ประโยคนี้ แม้แต่เด็กสามขวบยังไม่เชื่อเลย” ซีเหมินจินเหลียนตัดเยื่อใยคำพูดหลอกลวงของเขา 


 


“ผมจะจีบคุณจนกว่าคุณจะยอมตอบตกลง” จ่านมู่ฮวาพูด “คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าการปรากฏตัวของคุณ ทำให้บรรดาสำนักฝ่ายใต้ไม่รู้กี่คนต่อกี่คนได้เห็นถึงความหวัง…” 


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัย การปรากฏตัวของเธอทำให้ศิษย์จากฝั่งใต้ที่เหลือมีความหวัง? หรือว่านอกจากตระกูลจ่าน ยังมีใครอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ 


 


ฉินเฮ่า? ซีเหมินจินเหลียนเมื่อคิดก็เข้าใจขึ้นมา หรือเพื่อนสาวคนสำคัญอะไรนั่น เป็นแค่คำหลอกลวง? เป้าหมายของพวกเขาก็เพียงแค่อยากจะยืมมือของเธอเพื่อตามหาความมหัศจรรย์ในตำนานก็เท่านั้น 


 


“โอเค” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า “ฉันยอมรับว่าฉันสนใจในตำนานมหัศจรรย์นั้นมาก ถ้ามีโอกาสฉันก็อยากจะไปตามหามันและพิสูจน์มันดู ฉันไม่รังเกียจที่จะร่วมงานกับคุณ แต่ถ้าอยากจะแต่งฉันเข้าบ้านคุณด้วยความโกหก คุณเก็บคำพูดนี้ไปให้คุณหนูจางต่งเอ๋อร์ฟังจะดีกว่า พูดความจริงแล้วฉันคิดว่าพวกคุณทั้งสองคนเหมาะสมกันมาก ผู้หญิงสวยผู้ชายหล่อ ถ้าในอนาคตมีลูกด้วยกันคงจะต้องน่ารักมากแน่ๆ” 


 


“นี่คุณพูดไปถึงไหนกัน?” จ่านมู่ฮวายิ้มขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก “ผมกับเธอ เป็นแค่เพื่อนกันธรรมดาเท่านั้น” 


 


“อ้อ…อย่างนั้นเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นก็เสียดายแย่” ซีเหมินจินเหลียนพูด “จริงๆ แล้วฉันก็ยังมีเรื่องอยากขอร้องคุณนะ…” พูดถึงเท่านี้ เธอก็จงใจหยุดพูดลง 


 


“ขอร้องอะไรเหรอ” จ่านมู่ฮวายิ้มถามขึ้น 


 


“ขอให้จางต่งเอ๋อร์มาถ่ายโฆษณาหยก” ซีเหมินจินเหลียนพูด “โฆษณาให้กับบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ นี่ยังจำเป็นต้องตามหาความมหัศจรรย์ด้วยไหม คนที่ต้องการเงินทองความสามารถก็นับว่ามีไม่น้อย ฉันยังต้องพยายามหาเงินถึงจะถูก” 


 


“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ถ้าหากคุณอยากจะทำโฆษณาให้บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ ไปขอให้เธอมาถ่ายโฆษณาให้ก็ได้ ผมจะติดต่อให้คุณเอง” จ่านมู่ฮวาพูด 


 


“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า พรีเซนเตอร์โฆษณาถือว่าตกลงได้แล้ว แม้ว่าบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่จะเดินในเส้นทางของหยกชั้นดีล้ำค่า แต่เรื่องการโฆษณาก็คงจะขาดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นใครจะไปรู้จักกัน? 


 


“ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว พวกเราก็ไปดูการเดิมพันหยกกันไหม? ดูสิว่าสามารถใช้โอกาสนี้ชนะสักรอบหรือเปล่า” จ่านมู่ฮวาพูดเชื้อเชิญ 


 


“ฉันกำลังคิดอยู่พอดี” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าแล้วลุกขึ้นมา ความจริงแล้วถ้าใช้ความสามารถพิเศษในการมองทะลุผ่านของเธอ การเดิมพันสายนี้เธอก็ไม่มีทางแพ้ แต่การเดิมพันหินหยกใหญ่ครั้งนี้ เธอจะทำให้มันเป็นที่ชัดเจนแก่สายตาคนอื่นมากไม่ได้ 


 


“เมื่อครู่คุณบอกว่า…ทางฝั่งเจียงหนาน เกี่ยวข้องกับเรื่องราชาหยก?” ซีเหมินจินเหลียนลองถามหยั่งเชิงขึ้น 


 


“ผมให้คนไปตรวจสอบแล้ว คิดว่าไม่กี่วันนี้คงได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง ดูแล้วคุณก็สนใจในความมหัศจรรย์นี้ไม่น้อยเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหูลึกลับท่านนั้นหายไปไหน ไม่อย่างนั้นถ้าไปถามเขาก็น่าจะพอได้อะไรกลับมาบ้าง” จ่านมู่ฮวาพูดออกมาตรงๆ 


 


ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า จ่านมู่ฮวาจึงถามขึ้นอีกครั้ง “จินเหลียน ผู้อาวุโสหูคนนั้นมีความสัมพันธ์กับคุณยังไงเหรอ” 


 


“คุณคงไม่ได้ถามเฉยๆ หรอกใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “ฉันไปเดิมพันหยกที่เจียหยาง ถึงได้รู้จักกับเขา จะมีความสัมพันธ์อะไรได้?” 


 


“วันนี้ราชาแห่งนักเดิมพันหยกคนนั้นมาหาคุณ?” จ่านมู่ฮวาถาม 


 


“เขาก็มาเพราะเรื่องผู้อาวุโสหูนี่ล่ะ ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสหูหายตัวไป” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในใจของ                  ซีเหมินจินเหลียนก็เหมือนรับไม่ไหว ผู้อาวุโสหูหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ไร้ซึ่งเบาะแสข่าวคราว จ่านป๋ายเองก็กำลังตามหาร่องรอยการหายตัวของผู้อาวุโสหูอยู่ แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร 


 


หลังจากที่ผู้อาวุโสหูมาซื้อบ้านที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เขาก็น่าจะเตรียมตัวมาอยู่เมืองเซี่ยงไฮ้อย่างถาวรสิ แต่ตอนนี้คนคนนั้นกลับหายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ… 


 


คนชราโดดเดี่ยวเช่นเขาจะสามารถไปที่ไหนได้? เพราะอย่างนั้นในใจของซีเหมินจินเหลียนจึงได้แต่กลัดกลุ้มกังวลเรื่องผู้อาวุโสประหลาดท่านนี้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรก ตอนนั้นที่เขาให้เธอยอมรับว่าเป็นปู่ เธอน่าจะตอบรับเขา บางทีเขาอาจจะไม่หายตัวไปแบบนี้ เพราะอย่างไรเธอก็ไม่มีพ่อแม่ที่ไหน 


 


“จินเหลียน ผมจะไม่ปิดบังคุณแล้ว ตอนที่ฉินซินและฉินเฮ่ากำลังพนันกันครั้งนั้น พวกเราก็คิดที่จะจัดการผู้อาวุโสหู” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น 


 


เมื่อซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น เธอก็ไม่เพียงแต่เกรี้ยวโกรธ อีกทั้งยังด่าออกมา “พวกคุณมันเลว!” 


 


“ใช่ พวกผมเลว!” จ่านมู่ฮวาพูด “เพื่อผลประโยชน์เรื่องเงินทอง คิดจะทำการใหญ่ พวกเราถึงได้ไม่สนใจสิ่งเล็กๆ แต่พอพวกเราจะลงมือ กลับพบว่าผู้อาวุโสหูหายไปก่อนแล้ว” 


 


“หายตัว?” ซีเหมินจินเหลียนพยายามยับยั้งอารมณ์โกรธในใจ และถามไปอย่างไม่เข้าใจ 


 


“วันนั้น สายของเราได้ติดตามผู้อาวุโสหูตลอด คิดว่าเขาน่าจะอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อรอจะจัดการกลางดึก กลับพบว่าห้องของผู้อาวุโสหูว่างเปล่า เขาหายไปโดยที่ไม่เห็นแม้แต่เงา ในตอนนั้นพวกเราแทบจะหาทุกซอกทุกมุมของเซียงไฮ้แล้ว แต่ก็ยังหาเขาไม่เจอ” จ่านมู่ฮวาอธิบาย 


 


“คนแก่อย่างเขา ถ้าไม่อยู่ที่บ้านแล้วจะหนีไปไหนได้?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “บางทีคนของพวกคุณอาจจะ…” ประโยคที่จะด่าคนเธอกลับกลืนกินเข้าไป 


 


“โง่” จ่านมู่ฮวาพูดประโยคนี้ออกมาแทนเธอแล้วยิ้ม “ตอนแรกผมเองก็คิดแบบนั้น บางทีเขาอาจจะมีเรื่องอะไรที่ต้องออกไปพอดี แต่ไอ้โง่พวกนั่นมองไม่เห็น” 


 


“ไปเดิมพันหยกกันเถอะ เรื่องมหัศจรรย์อะไรพวกนั้นไว้ค่อยพูดกันทีหลัง!” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแล้วเดินนำออกไปข้างนอก 


 


จ่านมู่ฮวารีบเดินตามออกไป การเดิมพันหยกจัดขึ้นที่ด้านหลังงานนิทรรศการ แน่นอนว่ายังอยู่ในคลับหยก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังคงดูแลอย่างเข้มงวด หากไม่มีบัตรสมาชิกก็ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่จ่านมู่ฮวาเป็นเจ้าภาพหลักของงานนี้ เรื่องเล็กแค่นี้แน่นอนว่าทำอะไรเขาไม่ได้ เขาเดินนำซีเหมินจินเหลียนเข้าไปข้างใน  

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 93 เดิมพันสี

 

เมื่อซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปก็รู้สึกตาแวววาวไปหมด นี่เหมือนกับงานนิทรรศการแสดงสินค้าเมื่อตอนกลางวันเลย แบ่งแยกเป็นแต่ละบริษัท แต่จะแตกต่างกันตรงที่ภายใต้แสงไฟ แทนที่จะเป็นเครื่องประดับอัญมณีระยิบระยับ กลับเป็นหินหยกต่างๆ นานา 


 


ของธรรมดาเหล่านี้เมื่อมองดูแล้วก็แทบจะไม่ต่างจากหินก่อสร้างธรรมดาทั่วไป ภายใต้แสงไฟวางกองตั้งตระหง่านอย่างไม่ปกปิดสายตา     


 


ด้านหน้าของแต่ละบริษัทล้วนมีโต๊ะยาวๆ วางหินหยกหลากหลายสีสันและชนิดของหยก แต่ละชิ้นต่างมีหมายเลขและราวถึงราคาบ่งบอกอยู่ 


 


“นี่มันก็ช่างเป็นการเดิมพันที่หรูหราจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนเหลือบไปมองที่อัตราต่อรองแล้วพูดพล่ามไม่หยุด 


 


“คุณจะวางเดิมพันไหม” จ่านมู่ฮวายิ้ม 


 


“ฉันว่าจะดูก่อน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณจะใจร้อนไปทำไมกัน?” 


 


“ผมเตรียมจะดูทิศทางลมน่ะ” จ่านมู่ฮวาว่าพลางยิ้มขึ้น 


 


ซีเหมินจินเหลียนสงสัย ทิศทางลม? อะไรของเขากัน? จ่านมู่ฮวาอยู่ด้านหลังเธอแล้วกระซิบพูดขึ้นว่า “ผมเชื่อสายตาในการเดิมพันหยกของคุณ เพราะอย่างนั้นผมจะวางเดิมพันตามคุณ ให้ผู้จัดงานวันนี้ แม้แต่กางเกงในก็ต้องชดใช้ให้ผม” 


 


“คุณ…” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินอย่างนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาน้อยๆ “คุณเตรียมเงินมาเล่นเท่าไหร่” 


 


“ไม่เยอะหรอก เท่านี้!” จ่านมู่ฮวาชูนิ้วมือขึ้นมาหนึ่งนิ้ว 


 


“สิบล้าน?” ซีเหมินจินเหลียนลองถามหยั่งเชิงขึ้น ถ้าหากไม่ใช่ อย่างนั้นจ่านมู่ฮวาก็คงจะบ้าไปแล้วจริงๆ 


 


“ไม่ใช่” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้า 


 


“ร้อยล้าน?” ซีเหมินจินเหลียนเลิกคิ้วขึ้น 


 


จ่านมู่ฮวาพยักหน้าพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่พอ ผมก็สามารถเพิ่มได้อีกสักสิบยี่สิบล้าน” 


 


“คุณก็ไม่คิดเลยเหรอว่าถ้าหากแพ้เดิมพันแล้วจะเป็นอย่างไร?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ในใจมีความคิดชั่วร้ายขึ้นมา ถ้าหากเธอตั้งใจให้จ่านมู่ฮวาเดิมพันแพ้ แล้วทำให้หนึ่งร้อยล้านหายไป ดูสิว่าหลังจากนี้เขายังจะกล้าอวดดีแบบนี้อีกหรือเปล่า? 


 


“ถ้าหากแพ้ ช่วงนี้ผมก็แค่มีเงินทองไม่คล่องมือเท่านั้น” จ่านมู่ฮวาพูดราวกับไม่สะทกสะท้าน 


 


ในใจของซีเหมินจินเหลียนได้แต่แค่นเสียงเย็น ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่แค่มีเงินธรรมดาๆ เขาคิดว่าเงินหนึ่งร้อยล้านก็เอาออกมาเล่นได้เฉยๆ ไม่ได้มีค่าอะไร 


 


“จินเหลียน ผมขอตกลงอะไรกับคุณหน่อยได้ไหม” จ่านมู่ฮวายิ้ม “คุณอย่าวางกับดักผม เงินทุนผมเป็นคนออกเอง แล้วถ้าหากชนะพวกเราจะแบ่งกันอย่างยุติธรรม เป็นอย่างไร?” 


 


ซีเหมินจินเหลียนก่นด่าเขาอยู่ในใจ เขานี่มันปลิ้นปล้อนเหมือนปีศาจ! แต่เธอกลับพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากเขาใช้บัญชีของเขา ถ้าหากอยากจะได้เงินสักเล็กน้อยจากการเดิมพันหินใหญ่ ก็ไม่อาจจะกระทำการที่เอิกเกริกเกินหน้าเกินตาได้ ไม่เช่นนั้นคงต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นแน่อีกอย่างถ้าหากเป็นจุดสนใจแล้ว ในอนาคตบริษัทจิวเวอรี่ของเธอคงต้องได้รับแรงบีบคั้นจากบริษัทอื่นๆ แน่ เช่นนั้นก็จะไม่สะดวกในการพัฒนาในบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ของเธอ สู้ใช้บัญชีของจ่านมู่ฮวาในการเล่น มีเงินแต่ไม่เล่นนั่นก็โง่แล้ว เธอไม่เคยลืมว่าตอนแรกคนอื่นๆ ต่างก็รังเกียจที่เธอจน  


 


“ว่าอย่างไรครับ?” จ่านมู่ฮวาถาม 


 


“ตกลงค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ใช้บัญชีของคุณและเงินของคุณในการวางเดิมพัน จากนั้นก็แบ่งเปอร์เซ็นต์สี่ต่อหกก็โอเคแล้ว” 


 


“สี่ต่อหกเหรอ?” จ่านมู่ฮวาฝืนยิ้มถามขึ้น 


 


“ฉันสี่ คุณหก!” ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าเขาเข้าใจผิดเลยอธิบายออกไป 


 


“ไม่ต้องหรอก แบ่งเป็นห้าต่อห้านั่นล่ะครับ” จ่านมู่ฮวาพูด “ผมเอาเปรียบคุณไม่ได้หรอก” 


 


“คุณกับผู้จัดงานที่นี่มีความแค้นต่อกันหรือยังไง?” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็ถามขึ้นมา เมื่อสักครู่ที่เธอกวาดสายตามองหินหยกมากมาย ถ้าหากเดิมพันสี ถึงจะเปิดเป็นสิบต่อหนึ่งของอัตราต่อรอง ถ้าหากวางเดิมพันถูกก็วางเดิมพันหนึ่งร้อยล้านเข้าไป ผู้จัดงานต้องชดใช้ให้หนึ่งพันล้าน นี่ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยเลย 


 


สำหรับคนธรรมดาแล้ว แม้แต่เทพเจ้ายังยากที่จะวิเคราะห์ลักษณะข้างในเนื้อหยกได้ แต่เธอกลับทำมันได้ออกมาอย่างไม่มีข้อผิดพลาด 


 


“ก็ไม่ใช่ว่ามีความแค้นอะไรหรอก” จ่านมู่ฮวาพูด “เพียงแค่สามปีก่อน ผมแพ้อย่างราบคาบ ก็แค่หวังว่าครั้งนี้จะกู้หน้ากลับคืนมาได้ก็เท่านั้น” 


 


“ผู้จัดงานครั้งนี้คือใครกัน” ซีเหมินจินเหลียนถาม 


 


“ครั้งนี้เป็นงานนิทรรศการสินค้าอัญมณี เป็นบริษัทซูที่ร่วมมือกับทางบริษัทอัญมณีจากทางฮ่องกงหลายแห่งเป็นคนจัดขึ้นมา และติดต่อกับบริษัทอัญมณีในประเทศหลากหลายร้อยบริษัท ทำให้ขอบเขตกว้างมาก แต่การเดิมพันหินเป็นสิ่งหลักที่เขาทุ่มเงินลงไป” จ่านมู่ฮวาถอนหายใจเข้าไปลึกๆ “สามปีก่อนภรรยาม่ายของตระกูลซูก็กวาดเงินจากงานนิทรรศการอัญมณีไปได้เท่านี้” พูดพลางเขาก็ทำมือขึ้น 


 


“แปดร้อยล้าน?” ซีเหมินจินเหลียนลอบสูดหายใจ “ฉันก็ยังเป็นคนจนอยู่เหมือนเดิม” 


 


“ภรรยาม่ายคนนั้นบ้าไปแล้วต่างหาก!” จ่านมู่ฮวาพูดถึงภรรยาม่ายแห่งบริษัทตระกูลซูคนนั้นแล้วกัดฟันไม่หยุด 


 


ซีเหมินจินเหลียนเห็นท่าทีเช่นนั้นแล้วก็ไม่เพียงแต่หัวเราะออกมา เมื่อเห็นท่าทางของเขาแบบนี้ก็ทำให้เธอชักจะสงสัยแล้วว่าภรรยาแห่งตระกูลซูคนนั้นจะเคยทอดสะพานให้เขามาก่อนหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขนาดนี้? 


 


“ภรรยาตระกูลซูคนนั้นสวยมากไหม” ซีเหมินจินเหลียนลองถามขึ้น 


 


“สวยมากๆ” จ่านมู่ฮวาพูด “ตามหลักแล้วการชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าคุณว่าสวย มันเป็นเรื่องที่เสียมารยาท อีกอย่างตอนนี้ผมก็ยังตามจีบคุณอยู่ แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ว่าจะยืนอยู่ที่ไหน ก็เหมือนมีออร่าพุ่งกระจายไปทั่วเหมือนกับกำไลประกายดาวของคุณนั่น จะปกปิดความเจิดจ้าอย่างไรก็ปกปิดไม่ได้ คุณก็ว่าจางต่งเอ๋อร์สวยแล้วใช่ไหมล่ะ แต่นั่นเป็นเพราะว่าคุณยังไม่เคยเห็นเธอมาก่อน”     


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งสนใจภรรยาแห่งตระกูลซูคนนั้นเข้าไปอีก จ่านมู่ฮวาก็หน้าตาดูดีมากแล้ว อาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ เขาเป็นราวกับผู้ชายหล่อในตำนาน… 


 


การที่ทำให้คนเทิดทูนความงดงามของผู้หญิงคนหนึ่งได้ขนาดนี้ เธอจะต้องสวยเพริศพริ้งขนาดไหนกันนะ? 


 


“ภรรยาตระกูลซูคนนี้สวยจริงๆ เพียงแต่ว่าอำมหิตไปหน่อย” จ่านมู่ฮวากระซิบพูด “ได้ยินมาว่า สามีของเธอก็ตายเพราะถูกเธอวางยา” 


 


“ฉันว่าคุณเนี่ย ยังไม่ได้เธอใช่ไหม ถึงได้พูดใส่ร้ายแบบนี้!” ซีเหมินจินเหลียนพูด 


 


“จินเหลียน คุณก็ดูถูกผมเกินไปแล้วนะ” จ่านมู่ฮวายิ้ม นอกจากซีเหมินจินเหลียนแล้ว ผู้หญิงคนอื่นก็พร้อมจะเข้ามาในอ้อมกอดของเขาทั้งนั้น ผู้หญิงสวยบางครั้งก็เหมือนผู้ชาย ผู้หญิงส่วนมากถึงกับยินดีที่จะทำทุกอย่าง ขอแค่ได้อยู่ระดับเดียวกันกับเขา 


 


“แม้แต่แม่ม่ายคุณยังไม่ปล่อยเลย” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจจ้องไปที่เขา 


 


จ่านมู่ฮวาได้ยินเช่นนั้นก็รู้ว่าติดกับเธอเข้าแล้ว ชั่วขณะนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมลง “ผมไม่ได้ทำ โอเคไหม?” 


 


ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ไม่ได้พูดคุยเรื่องไร้สาระกับเขาต่อ เริ่มกวาดสายตาเพื่อตรวจสอบหินหยกของแต่ละบริษัทอย่างจริงจัง เพราะเงื่อนไขเป็นการเดิมพันทั้งตัว นี่เป็นสิ่งที่ต้องใช้สายตาอย่างพิถีพิถันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ในเมื่อเป็นการเดิมพันสีเดิมพันชนิด แน่นอนว่าหินหยกทั้งหมดย่อมมีมากมายให้เลือกคณามือ 


 


เริ่มแรกเธอมองไปที่หินหยกก้อนที่เขียนสัญลักษณ์ไว้ว่ามาจากบริษัทอัญมณีจากฮ่องกงก้อนนั้น ขนาดของหินหยกไม่ใหญ่มาก น่าจะสักสามสี่สิบกิโลกรัมได้ ลักษณะของผิวดีเลยทีเดียว จุดหยกปาไปเกือบครึ่งก้อน มีเส้นลายหยกอยู่หนึ่งเส้นคาดรอบไว้ที่หินหยกก้อนนั้น แม้ว่าจะเป็นการเดิมพันทั้งหมด แต่ยังมีการเปิดเผยเนื้อเปลือยหยกเล็กน้อยออกมาให้เห็น คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหยกสีเขียวสดเนื้อแก้ว เปลือกผิวสีเหลืองน้ำตาล นี่น่าจะเป็นชนิดผิวเปลือกบาง 


 


ข้างๆ กันนั้นมีหินหยกสีสันต่างๆ พร้อมราคาต่อรองของแต่ละชนิด ซีเหมินจินเหลียนมองดูแล้วเดินไปเพื่อตรวจสอบลวดลายของหยกอย่างประณีต ช่วงนี้เธอแกะหินและเดิมพันหินมามาก ก็พอเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะหยกที่กำเนิดแสงได้ในตัวเอง เธอดูได้อย่างแม่นยำ 


 


เพียงแต่หินหยกที่สามารถกำเนิดแสงได้ในตัวเองมักจะเป็นของชั้นดี มีน้อยเกินไป เพราะฉะนั้นตอนที่เธอเจียระไนผ่าหยก จึงค่อยๆ เริ่มค้นพบว่าลวดลายของผิวเปลือกบางทีก็มีความสัมพันธ์กับเนื้อของหยกข้างในเป็นอย่างมาก จากนอกสู้ใน ย่อมเป็นเรื่องที่ยาก แต่จากในไปสู่นอกเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ยิ่งนานวันเข้าเธอเริ่มหาช่องทางเจอ    


 


 ข้างๆ แม้ว่าจะมีผู้รับผิดชอบของบริษัทอัญมณีนี้คอยดูแลอยู่ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็ย่อมอยากจะให้ผู้เดิมพันสีต่างมาดูหินหยก 


 


 ซีเหมินจินเหลียนเฝ้าดูเส้นทางลวดลายของเปลือกผิวที่ปรากฏ มองจดจ้องไปประมาณสามถึงสี่นาทีในใจก็เต้นแรง หินหยกก้อนนี้มีบางอย่างผิดปกติ ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ลักษณะข้างในของมันน่าจะต่างจากเปลือกผิวที่ดูโดดเด่น     


 


ในใจเธอคิดอย่างนั้น จากนั้นมือขวาสัมผัสลงไป เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ผิวเปลือกสีเหลืองแกมน้ำตาลค่อยๆ หายไป คิดไม่ถึงว่าจะมีหยกสีเขียวติดเปลือกอยู่นิดหน่อย ข้างในไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร ไม่มีร่องรอยของสีเขียวอยู่เลย แต่กลายเป็นหินสีขาวเท่านั้น 


 


ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจ ถ้าหากหินหยกที่มีลักษณะดี แต่กลับเป็นหินไร้ค่า หรือว่าในนี้จะมีอะไรไม่ชอบมาพากลๆ? 


 


แต่เธอก็ลองใช้ความสามารถในการทะลุผ่านไปแล้ว กลับไม่เห็นพิรุธอะไรสักนิด ในใจก็สงสัยไม่หาย ถ้าหากคนอื่นที่เดิมพันสีมาเห็นหินหยกก้อนนี้ คงจะต้องเดิมพันว่าเป็นสีเขียวมรกตแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้หากไม่แพ้เดิมพันก็แปลกแล้ว    


 


เธอได้ยินจ่านมู่ฮวาพูดว่า ผู้จัดงานได้รับกำไรสามสิบเปอร์เซ็น ส่วนบริษัทอัญมณีที่ส่งของมาเดิมพันมานั้นจะได้ไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็น นั่นก็คือไม่ว่าจะเดิมพันชนะหรือว่าแพ้ ผู้จัดงานต่างมีความเสี่ยงสามสิบเปอร์เซ็น แต่บริษัทที่ส่งของเดิมพันมาเสียไปเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ 


 


ซีเหมินจินเหลียนดูแค่แวบหนึ่ง สีต่างๆ เป็นสีเขียวมรกตทั้งนั้น สีจากเข้มไปบางเบา แต่อัตราต่อรองสูงขึ้นเรื่อยๆ หินสีขาวก้อนนั้นเปิดด้วยอัตราหนึ่งต่อสิบห้า ดูแบบนี้แล้วบริษัทอัญมณีนี้ คงจะมั่นใจกับหินหยกก้อนนี้เป็นอย่างมาก 


 


“วางสีขาว สิบล้าน!” ซีเหมินจินเหลียนกระซิบกับจ่านมู่ฮวา 


 


“จินเหลียน เป็นไปไม่ได้?” แม้ว่าจ่านมู่ฮวาจะไม่เข้าใจในการเดิมพันหิน แต่เมื่อมีเนื้อหยกออกมาข้างนอก แถมยังเป็นหยกสีเขียวมรกตเนื้อนุ่มลื่น ดึงดูดคนขนาดนั้น แต่ทำไมซีเหมินจินเหลียนให้เขาวางเดิมพันเป็นสีขาวล่ะ? 


 


“คุณจะเชื่อฉัน หรือจะเชื่อตัวเอง?” ซีเหมินจินเหลียนถอยหลังไปสองก้าวแล้วกระซิบถาม 


 


“แน่นอนว่าต้องเชื่อคุณสิ” จ่านมู่ฮวาลูบจมูกแล้วพูด “ถ้าหากมั่นใจ พวกเราสามารถลงเพิ่มไปอีกได้ อัตราการต่อรองหนึ่งต่อสิบห้าเชียวนะ” 


 


ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า ถ้ามากกว่านี้บริษัทอัญมณีนี้คงไม่มีเงินมาชดใช้แน่ และมันจะชัดเจนเกินไป เพราะฉะนั้นแบ่งเงินไปวางเดิมพันน่าจะไม่ได้ทำให้สะดุดตาใครมาก 


 


“ที่นี่ยังมีหินหยกอีกมากจากหลายบริษัทที่เรายังไม่ได้ดู คุณจะรีบไปทำไมกัน?” ซีเหมินจินเหลียนกระซิบพูด “ไข่ไก่ไม่สามารถใส่ในตะกร้าหนึ่งใบได้” 


 


 “ผมคิดว่าคุณจะลงทุนแค่บริษัทเดียวนี่นา” จ่านมู่ฮวาพูดพลางเดินออกไปหยิบบัตรธนาคารเริ่มจัดการกระบวนการวางเดิมพันลงไป นี่เป็นการทำธุรกรรมเงินสดทั้งหมด ไม่มีการติดหนี้ ถ้าหากลงเดิมพันไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบกับผลแพ้ชนะที่จะตามมา 


 


ส่วนซีเหมินจินเหลียนก็เดินไปที่อีกบริษัทหนึ่ง เริ่มตรวจสอบหินหยก และยังคงเป็นเดิมพันสี เธอไม่ได้ชอบในการเดิมพันชนิดของหยก แต่ถ้าหินหยกชนิดไหนที่มีลักษณะดี เธอแทบจะไม่ต้องใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่านก็สามารถเข้าใจชนิดของมันได้ เพราะฉะนั้นมันไม่ได้มีความน่าท้าทายอะไรเท่าไหร่ 


 


แม้ว่าเธอเองยังไม่เข้าใจ ทำไมนิ้วมือของเธอถึงอ่อนไหวได้ขนาดนี้ กั้นระหว่างผิวเปลือกของหินหยกก็สามารถสัมผัสได้ถึงความมันวาวและลื่นนุ่มของเนื้อหยกได้แล้ว  

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 94 สีสันสวยสะดุดตา

 

หลังจากนั้นซีเหมินจินเหลียนก็ได้ไปดูหินหยกจากบริษัทจิวเวอรี่อื่นๆ พบว่ายังพอมีดีอยู่บ้าง ข้างในและข้างนอกเหมือนกัน ไม่เหมือนกับบริษัทเมื่อสักครู่นี้ที่ผิวลักษณะภายนอกดูดีมาก แต่ความเป็นจริงแล้วข้างในกลับเป็นแค่ผ้าขี้ริ้วเท่านั้น 


 


เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาเกินไป เธอจึงเลือกที่จะวางเดิมพันที่ไม่สูงจนเกินไปนัก อีกทั้งนอกจากเงินสิบล้านนั้น รวมกับทางนี้แล้วเธอก็แค่ให้จ่านมู่ฮวาวางลงไปยี่สิบล้าน รวมแล้วทั้งหมดเป็นเงินสามสิบล้าน การเดิมพันที่หรูหรานี้ เลขเท่านี้น่าจะไม่ได้ดึงดูดสายตาคนขนาดนั้น 


 


“จินเหลียน พวกเราไม่เดิมพันต่อแล้วเหรอ?” จ่านมู่ฮวาตามติดเธออยู่ด้านหลังแล้วถามขึ้นมา 


 


“จริงสิ บริษัทคุณนายตระกูลซูที่คุณพูดถึงคือบริษัทไหนกัน?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ คุณนายซูคนนั้นในเมื่อเข้าร่วมงานนิทรรศการเช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีบริษัทจิวเวอรี่เป็นของตัวเอง เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย 


 


“บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ เป็นบริษัทที่เธอถือหุ้นอยู่” จ่านมู่ฮวาพูด 


 


“พวกเราเข้าไปดูลักษณะหินหยกของบริษัทพวกเขากันดีไหม?” ซีเหมินจินเหลียนคิดดูแล้ว วันนี้ตอนกลางวันเธอเคยมองสินค้าที่บริษัทหมิงฮุยนำมาจัดแสดง แต่ตอนกลางคืนไม่เห็นหินเดิมพันของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่เลยนี่นา 


 


“เหมือนว่าวันนี้บริษัทของพวกเขาจะไม่ได้เข้าร่วมการเดิมพันสีและชนิด วันนี้พวกเขาเล่นเดิมพันหินใหญ่ จริงสิ จินเหลียน พวกเรายังไม่ได้วางเดิมพันหินใหญ่เลย” จ่านมู่ฮวาพูด 


 


“หืม?” ซีเหมินจินเหลียนคิดขึ้นมาได้ เดิมพันหินใหญ่ นั่นถึงเป็นไฮไลท์ของทั้งสามรายการในวันนี้ 


 


“รีบไปดูกันเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด 


 


การเดิมพันหินใหญ่ ความจริงก็เหมือนการเดิมพันสีและชนิดเช่นเดียวกัน เพียงแต่ผู้เข้าร่วมงานจะนำหินหยกมาเอง ผู้ชนะไม่เพียงแต่สามารถชนะการเดิมพันทั้งหมด ยังสามารถชนะหินหยกจากผู้ร่วมงานที่พ่ายแพ้ไปได้ 


 


อีกทั้งการเดิมพันหินใหญ่จัดขึ้นที่ด้านหลัง แต่ยังสร้างบรรยากาศความคึกคักไม่ต่างกัน หรืออาจจะคึกคักกว่าบรรยากาศข้างหน้าเสียด้วยซ้ำ ซีเหมินจินเหลียนเห็นเหล่าคนคุ้นเคยท่ามกลางกลุ่มผู้คนนั้น อย่างเช่นประธานสวี่จากบริษัทเสียงเฟิงจิวเวอรี่ และประธานเฉินจากบริษัทเซิ่งเต๋อจิวเวอรี่ 


 


แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจในนั้นก็คือ ท่ามกลางผู้คนและบรรยากาศที่คึกคักนั้น คิดไม่ถึงว่าเธอจะพบเจียหยวนฮวาอยู่ตรงหน้า 


 


ผู้อาวุโสคนนี้ ทำไมอยู่ๆ ถึงมาเดิมพันที่นี่ได้ ซีเหมินจินเหลียนถามตัวเองขึ้นในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดู เป็นอย่างที่คิดไว้ เจียหยวนฮวานำหินหยกมาเข้าร่วมการเดิมพัน เพียงแต่เป็นหินหยกขนาดเล็กน้ำหนักน่าจะราวๆ สิบกว่ากิโล 


 


“วันนี้ก็ถือว่าพอจะคึกคักขึ้นมาหน่อย” จ่านมู่ฮวาพูด “คิดไม่ถึงว่าจะมีบริษัทถึงสิบห้าบริษัทเข้าร่วมการเดิมพันหินใหญ่”     


 


“กติกาการเล่นเกมน่าสนใจมาก” ซีเหมินจินเหลียนพูด “อีกเดี๋ยวจะได้เปิดหินต่อหน้าผู้คน แต่เพียงแค่ตัดสินชี้ขาดสูงต่ำ มันก็ลำเอียงไปหน่อยหรือเปล่า? ถ้าจะประเมินตามคุณภาพของหินหยกแต่ละชิ้นโดยรวม ก็ต้องดูตามลักษณะของมัน ในเมื่อเป็นอย่างนี้หินหยกขนาดเล็กก็เสียเปรียบมากสิ?” 


 


“คุณดูนี่สิครับ มีรายละเอียดกำหนดไว้ชัดเจน แฟกซ์ที่ส่งไปให้คุณครั้งก่อนก็ระบุไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าดูจากลักษณะเป็นหลัก หรือจะพูดก็คือแม้ว่าจะเป็นหินหยกก้อนเล็ก ขอแค่ลักษณะดีก็สามารถชนะหินหยกก้อนใหญ่ที่เหลือทั้งหมด และสามารถถีบตัวเองมาอยู่อันดับแรกๆ ได้ นอกจากนี้หินหยกของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดไม่สามารถเกินสามสิบกิโลกรัม เพื่อที่จะลดการเกิดข้อถกเถียงโต้แย้งที่ไม่จำเป็นขึ้น” 


 


“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า สามสิบกิโลกรัมถือว่ามีขีดจำกัด ไม่เช่นนั้นถ้าหากเปิดหินหยกที่หนักเป็นตันของเธอต่อภายนอก แม้กระทั่งหินหยกที่หนักสองสามตัน เมื่อแกะออกมาก็อาจจะทำให้คนหันมาต่อว่าได้  


 


หินหยกทั้งสิบห้าก้อนถูกวางไว้บนโต๊ะสิบห้าตัว ไม่ว่าใครก็สามารถจับต้องได้ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่สามารถมาร่วมงานครั้งนี้ได้ต่างเป็นคนมีหน้ามีตา อีกอย่างบนโต๊ะก็ได้เขียนน้ำหนักของหินหยกและแหล่งกำเนิดแต่ละก้อนและรายละเอียดต่างๆ เอาไว้ รวมถึงเขียนไว้ด้วยว่ามาจากบริษัทไหน 


 


“ผู้เข้าร่วมงานทุกคน ต้องการวางเดิมพันหนึ่งล้านเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถาม 


 


“ใช่ครับ” จ่านมู่ฮวาพยักหน้า “วันนี้ใครที่ชนะแล้วถูกจัดอันดับไว้ข้างหน้า ไม่เพียงแต่จะสามารถครอบครองหินหยกที่อยู่ในงานทั้งหมด แต่ยังจะได้รับเงินรางวัลไปอีกสิบห้าล้าน” 


 


“แล้วอันนั้นล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม พูดพลางมองไปที่หน้าจอประกาศที่มีตัวเลขและอัตราต่อรองเลื่อนไปมา 


 


“นั่นเป็นสิ่งที่ผู้จัดงานทำขึ้นมา ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็คือผู้จัดงาน!” จ่านมู่ฮวาอธิบาย 


 


เช่นนั้นซีเหมินจินเหลียนก็เข้าใจขึ้นมา ในเมื่อผู้จัดงานทำแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถแพ้ได้ เพราะตอนนี้บริษัทที่มาเข้าร่วมในงานมีถึงสิบห้าบริษัท ส่วนผู้ที่ชนะในครั้งสุดท้ายก็มีแค่บริษัทเดียว สิบห้าต่อหนึ่ง แถมยังมีตัวเลขที่ยังไม่รู้อีกตอนนี้และเลขต่อรองสินค้าที่อยู่ในนั้น ยังไงผู้จัดงานก็ไม่มีทางเสียเปรียบในเรื่องเงินอย่างแน่นอน 


 


“เป็นอย่างไร คุณจะลองดูหินหยกของทั้งสิบห้าบริษัทไหม แล้วหลังจากนั้นค่อยวางเดิมพัน?” จ่านมู่ฮวาถาม 


 


“แน่นอนว่าต้องดูอยู่แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางเดินไปทางโต๊ะที่วางหินหยกไว้อยู่ 


 


เธอดูไล่ตามลำดับ โดยเริ่มจากก้อนแรก ก้อนแรกเป็นเนื้อน้ำแข็ง ไม่ใช่สีเขียวบริสุทธิ์ จัดอยู่ในสีเขียวอ่อน แถมยังมีสีขาวฝ้ายติดอยู่นิดหน่อย ลักษณะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าแย่ 


 


ก้อนที่สองและก้อนที่สามลักษณะดูธรรมดา ส่วนก้อนที่สี่ ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกเหมือนอยากจะร้องออกมาแต่ก็ร้องไม่ออก นั่นเป็นสีเขียวเข้มสดอย่างแท้จริง สว่างสดใสอย่างมาก แต่เสียดายที่ความโปร่งแสงน้อยเหลือเกิน คนที่ชอบสีสวยๆคงจะถูกใจ แต่มูลค่าไม่ได้สูงนัก 


 


ก้อนที่ห้าเป็นชนิดเนื้อแก้ว แต่น่าเสียดายที่ไร้สี 


 


ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา แม้ว่าจะเป็นสถานที่จัดงานเช่นนี้ แต่ลักษณะของหยกที่ปรากฏกลับไม่เป็นดั่งที่ใจเธอต้องการเลยแม้แต่นิด มีแต่สินค้าขยะทั้งนั้น แต่สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ เท่าที่เธอดูมาทั้งห้าก้อนนั้น ก็ไม่มีหินอยู่เลย หรือจะบอกว่าไม่มีหินปลอมแปลงมานั่นเอง นี่ถึงเรียกว่าการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงสินะ 


 


เมื่อดูไปเรื่อยๆ จนถึงก้อนที่สิบเอ็ด ซีเหมินจินเหลียนก็ขมวดคิ้วขึ้น หรือว่าจะเป็นสีม่วงดอกไลแอค? คิดไม่ถึงว่าสถานที่แบบนี้จะยังสามารถพบเจอสีม่วงดอกไลแอคที่แสนสดใสได้ แถมลักษณะของมันยังดีกว่าสีม่วงของหยกสีผสมก้อนนั้นของเธอเสียด้วย สีเข้มขึ้นมาหน่อย ความโปร่งใสสูง ความมันวาวก็ดี เป็นเนื้อแก้วที่แท้จริง ใสนุ่มลื่นมีน้ำงามที่เปล่งประกาย…     


 


เพราะว่ามีเวลาไม่มาก ซีเหมินจินเหลียนเลยไม่ได้ดูผิวเปลือก จุดหยกและเส้นลายหยก อาศัยแต่ความสามารถในการมองทะลุผ่านของเธอก็ไขว้คว้าประโยชน์อย่างรวดเร็ว 


 


ในตอนนี้เธอไม่เพียงแต่ตื่นตาตื่นใจ แต่สติยังคงจดจ้องไปที่ผิวเปลือกของหินหยกก้อนนี้ สีเทาน้ำตาลธรรมดา มีเส้นลายหยกที่บางเบาคาดรัดผิวไว้อยู่ จุดหยกไม่ได้ชัดเจนมาก ไม่ได้เป็นจุดหลักๆ ขนาดก็ไม่ได้ใหญ่ น่าจะหนักประมาณสิบห้าสิบหกกิโลกรัม     


 


พูดโดยรวมแล้ว ลักษณะผิวของหินหยกก้อนนี้ก็ดีเกินคาด เกรงว่าการต่อรองราคาคงจะสูงขึ้นหน่อย การเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้คงต้องมีโอกาสที่ม้ามืดจะปรากฏตัวขึ้นแน่ๆ 


 


ซีเหมินจินเหลียนเหลือบสายตามองไปที่ข้อมูลของหินหยกบนโต๊ะนั้น เพียงไม่นานก็ยิ้มออกมา เจียหยวนฮวา…หรือราชาแห่งนักเดิมพันหยกคนนั้น หินหยกของเขานับว่ายังคงดึงดูดผู้คนเช่นเดิม นับว่าเป็นม้ามืดจริงๆ นี่ก็ไม่แปลกใจเลย 


 


เมื่อเห็นหินหยกก้อนนี้ของเจียหยวนฮวาแล้ว เธอก็ยิ่งมีความสนใจและกระตือรือร้นมากขึ้น เกรงว่าอันดับในคืนนี้คงต้องตกไปอยู่ในมือของราชาแห่งการเดิมพันหยกแน่ แต่เธอยังคงต้องงระวังอย่างรอบคอบ ยังเหลือหินหยกอีกหลายชิ้นที่ต้องรอดูก่อน 


 


ชิ้นที่สิบสอง สิบสามและสิบสี่นั้นธรรมดา ส่วนก้อนสุดท้ายก็ต้องทำให้เธอถอนหายใจออกมาอยู่บ้าง ผิวของมันเป็นสีเหลืองธรรมดา แต่กลับมีสีแดงนิดหน่อย น่าจะเป็นสีเหลืองแดงไม่บริสุทธิ์ ดูแล้วเหมือนทำมาจากสีเหลืองของโคลน ไม่มีจุดหยกและไม่มีเส้นลายหยก น้ำหนักน่าจะราวๆ เก้ากิโลกรัม 


 


เจ้าของหินหยกชิ้นนี้ก็ไม่ได้จัดอยู่ในบริษัทจิวเวอรี่แห่งไหน แต่มีชื่อเขียนไว้ว่า ‘เฉาเสวี่ยฉิน’ ซีเหมินจินเหลียนเห็นแล้วมีความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก คนคนนี้จะทำผิดกติกาเกินไปหรือเปล่า? 


 


คิดว่าน่าจะเป็นชื่อจริงของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่แห่งนี้มีชื่อนิรนามก็เยอะ มีแต่บริษัทจิวเวอรี่เท่านั้นที่อยากจะอาศัยโอกาสนี้ในการโฆษณา ถึงได้ใช้ชื่อจริง ส่วนเจียหยวนฮวาก็มีคนในวงการรู้จักเขาอยู่มาก แน่นอนว่าคงปิดบังตัวตนไว้ไม่มิด 


 


“คุณดูนี่…” ซีเหมินจินเหลียนพูดกับจ่านมู่ฮวา 


 


“นี่น่าจะเป็นชื่อสมมติขึ้นมา แต่ถ้าหากคุณสนใจ เดี๋ยวผมค่อยช่วยคุณสืบหาประวัติเขาก็ได้” จ่านมู่ฮวาพูด “บัญชีธนาคารของเขาใช้ชื่อปลอมไม่ได้ อีกอย่างธุรกรรมในวันนี้ก็มาจากคลับหยกดูแลทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะหา มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก” 


 


“ไม่ต้อง ฉันเพียงแค่แปลกใจก็เท่านั้น” 


 


ในระหว่างที่พูดนั้น เธอก็ยื่นมือออกไปสัมผัส เมื่อได้สัมผัสแล้วสีหน้าของเธอก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป นิ้วมือของเธออ่อนไหวมาก ห่างจากผิวของเปลือกก็สามารถตัดสินได้แล้วว่าเนื้อหยกข้างในหินหยกนี้มีความนุ่มลื่นระดับไหน อีกทั้งลักษณะเช่นนี้เธอก็สรุปไว้ว่าเป็นผลจากความสามารถของเธอ เพราะเมื่อก่อนเธอไม่เคยสัมผัสได้ถึงความนุ่มลื่นนี้ นี่น่าจะเกี่ยวข้องกับความสามารถในการมองทะลุผ่านของเธอด้วย 


 


หินหยกก้อนนี้ ความนุ่มลื่นและความละเอียดน่าจะเทียบได้กับหยกราชางู 


 


หินหยกราชางู เป็นหยกที่มีความละเอียดนุ่มลื่นที่สุดในบรรดาหยกที่เธอเก็บสะสมมา ความโปร่งใสเหมือนกับคริสตัลธรรมชาติ ส่วนหยกที่เหลือถึงจะเป็นหยกประกายดาว หยกสีเลือด แต่ความละเอียดก็ยังไม่มีความนุ่มลื่นเท่านี้ ความโปร่งใสไม่ได้สูงมากขนาดนั้น 


 


หัวใจของซีเหมินจินเหลียนร้องเรียกอีกครั้ง เธออดไม่ได้ที่ใจเต้นแรงตึกตัก ตอนนี้เธอถือว่าได้พบเจอผ่านโลกมาเยอะ หยกชั้นดีที่เธอเก็บสะสมก็มีไม่น้อยเลย แต่การที่ได้พบหยกที่สามารถเทียบได้กับหยกราชางูนั้น ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แม้กระทั่งมีบางครั้งที่หัวใจเต้นแรง 


 


เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพราะว่าพอจะมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว ซีเหมินจินเหลียนจึงรีบเร่งใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่านของเธอไปแอบดูลักษณะข้างใน แต่ทว่าก็ใช้เวลาในการสำรวจผิวเปลือกข้างนอกด้วย ผิวนี้เหมือนกับผิวของราชางู ไม่ได้เป็นที่ดึงดูดสายตาคน และไม่มีการแสดงออกลักษณะที่ดีให้เห็นจากภายนอก สามารถพิสูจน์ได้ว่าหยกข้างในน่าจะซ่อนไว้ลึกอยู่ 


 


ผิวเปลือกที่นุ่มลื่น รอยหยกก็เป็นไปตามหลักการ ถ้าหากสีเขียวปรากฏ น่าจะมีสีเขียวอยู่ในนั้นถึงสองในสามส่วนของทั้งหมดแน่ๆ ซีเหมินจินเหลียนคาดการณ์ไว้ขั้นแรก 


 


มือขวาของเธอสัมผัสไปที่หินหยกก้อนสีเหลืองแดงนั่นอย่างสั่นระรัว ผิวเปลือกสีเหลืองแดงก็หายไปในตาของเธอ ข้างในเป็นหินสีขาว เมื่อใช่ความสามารถในการมองผ่านความลึกประมาณสามเซนติเมตร สายตาของเธอก็สว่างพรึบขึ้นมาทันใด หินสีขาวนั่นเผยให้เห็นถึงสิ่งบางอย่าง ที่คอยส่องแสงระยิบระยับในม่านตาของเธอ 


 


ซีเหมินจินเหลียนใช้ความสามารถในการมองทะลุต่อไป เนื้อหยกของหินหยกก้อนนี้เป็นสองในสามส่วนอย่างที่คิด ลักษณะดีมาก สีสันข้างในดูแล้วทำให้มุมปากของเธอยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำไมหินหยกลักษณะแบบนี้ถึงปรากฏตัวขึ้นในการเดิมพันหินใหญ่ แต่ไม่ปรากฏในมือของคนขายหินหยก? ทำให้เธอพลาดโอกาสซึ่งๆ หน้า?  

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 95 สวยโดดเด่นกว่าใคร

 

จ่านมู่ฮวายิ้มถามขึ้น “จินเหลียน พวกเราจะวางเดิมพันอันไหน หรือว่าดีทั้งหมดเลย?” 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าขึ้นมามองจอแสดงผล แม้ว่าลักษณะหินหยกของเจียหยวนฮวาจะดูธรรมดา แต่เพราะว่าเขามีฉายาราชาแห่งนักเดิมพันหยกมาค้ำหัว ส่งผลให้อัตราต่อรองราคาของเขาไม่สูง แค่หนึ่งต่อสามเท่านั้น ที่เหลือที่ลักษณะดีขึ้นหน่อยมีหนึ่งต่อสอง หนึ่งต่อสาม หนึ่งต่อสี่ มีแค่ก้อนท้ายสุดที่เปิดอัตราต่อรองไว้ที่หนึ่งต่อเก้า 


 


 


เธอคิดดูแล้วก็สมเหตุสมผล เพราะการที่มาเข้าร่วมการเดิมพันใหญ่นี้ไม่ใช่บริษัทจิวเวอรี่ที่ไหนที่จะมีนักเดิมพันส่วนตัวที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าใครก็ไม่ได้รังเกียจที่ตัวเองจะมีเงินเยอะขึ้น ถือเงินสิบล้านเฉกเช่นไม่มีค่าอะไรเอามาใช้ เพราะฉะนั้นอัตราต่อรองที่ผู้จัดงานเปิดมาก็ไม่ถือว่าเกินไป 


 


 


ก้อนสุดท้าย ผู้เข้าร่วมงานไม่เขียนแม้กระทั่งชื่อจริง อีกทั้งลักษณะของหินที่เผยให้เห็นก็ดูไม่ค่อยดีนัก เรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบก่อสร้างทั่วไปยังจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำ 


 


 


หินหน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้ ไม่ได้เปิดอัตราต่อรองไว้ที่หนึ่งต่อสิบห้า ผู้จัดงานก็ถือว่าให้เกียรติผู้ร่วมงานมากแล้ว 


 


 


แต่แม้ว่าจะมีอัตราต่อรองหนึ่งต่อเก้า แต่ก็ยังทำให้ทุกคนประหลาดใจ เพราะว่าอัตราต่อรองนี้ กลับทำให้คนที่ดูตามทิศทางลมกลับเตร่ไปเตร่มา ไม่กล้าวางเดิมพันอะไรลงไป     


 


 


อีกอย่างทางฝั่งผู้เดิมพัน อย่างน้อยที่สุดก็ต้องลงหนึ่งหมื่นหยวน แม้จะเป็นคนมีเงินก็คงไม่ใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุหร่ายเช่นนี้แน่ 


 


 


“พวกเราวางเดิมพันอันไหนดีครับ” จ่านมู่ฮวาถามขึ้นอีกครั้ง 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนพูด “บอกตามตรงแล้วฉันก็ยังดูไม่ออกเลย ถ้าอย่างนั้นพวกเราวางเงินไปที่อัตราการต่อรองสูงที่สุดดีไหม?”     


 


 


จ่านมู่ฮวานิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มขึ้นมาแล้วพยักหน้าพูดว่า “ได้สิครับ แค่คุณบอกมาว่าอยากวางเงินลงก้อนไหนเราก็จะวางก้อนนั้น ตอนค่ำพวกเราวางเดิมพันไปสามสิบล้าน ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราวางเจ็ดสิบล้านที่เหลือไปให้หมดเลยดีไหม?” 


 


 


“นั่นก็ไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้อยากที่จะอยากเรียกความสนใจจากผู้คนขนาดนั้น “วางสักยี่สิบล้านก็พอ ส่วนที่เหลืออีกห้าสิบล้านคอยรอดูคืนพรุ่งนี้ต่อไป” 


 


 


“วันนี้ก็คุณหวังให้ผมสูญเสียเงินห้าสิบล้านใช่ไหม?” จ่านมู่ฮวาฟังแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร 


 


 


“เรื่องนี้น่ะ ยังไงก็ต้องเตรียมใจไว้สำหรับการแพ้เดิมพันด้วยไม่ใช่เหรอ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม 


 


 


“อืม!” จ่านมู่ฮวายิ้มแล้วหยิบบัตรธนาคารขึ้นมาไปวางไว้ที่เคาน์เตอร์ ซีเหมินจินเหลียนหามุมเงียบๆ ก่อนจะนั่งลงไป ดูเวลาแล้วเพิ่งจะสามทุ่มตรง คืนนี้เวลาวางเดิมพันสิ้นสุดประมาณสี่ทุ่ม เดิมพันสีและเดิมพันชนิดข้างนอกเวลาถึงสามทุ่มตรง สี่ทุ่มประกาศผล เวลาของทั้งสองฝั่งห่างกันประมาณหนึ่งชั่วโมงพอดี 


 


 


ผลของข้างนอกก็เธอไม่ต้องดูแล้ว เพราะว่าเธอแบ่งแยกเงินวางเดิมพัน เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นที่สนใจมาก คนที่สงสัยในตัวเธอคนเดียวน่าจะมีแค่จ่านมู่ฮวา แต่ถึงแม้ว่าจะปิดบังคนคนนี้ไว้ แต่อย่างไรเขาก็สงสัยเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  


 


 


 สองมือกุมเข่าก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เห็นบรรยากาศคึกคักของการเดิมพันหยก เธอก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เสน่ห์ของการเดิมพันหยกนั้นไม่ใช่แค่ยิ่งใหญ่ธรรมดา แต่ไม่ว่าคนแก่หรือเด็กเล็กหญิงชายต่างเป็นผู้เข้าร่วมงานทั้งหมด 


 


 


เมื่อคิดไปคิดมา เธอก็โทรไปหาจ่านป๋ายเพื่อถามว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ 


 


 


เมื่อหยิบมือถือขึ้นมากดโทร จ่านป๋ายก็รับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว “เสี่ยวป๋าย คุณทำอะไรอยู่” 


 


 


“อ้อ ผมจัดการเรื่องอะไรนิดหน่อยน่ะ ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องเป็นห่วง” จ่านป๋ายพูดอย่างผ่อนคลาย ก่อนถามขึ้นว่า “แล้วคุณล่ะครับ” 


 


 


“ฉันกำลังเดิมพันหินกับจ่านมู่ฮวาคนเลวนั่น” ซีเหมินจินเหลียนพูด 


 


 


“ผมไม่ใช่คนเลวนะ!” จ่านมู่ฮวาเดินเข้ามาพอดีเมื่อได้ยินก็รีบแย้งขึ้น 


 


 


“ขอให้สนุกนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปเดิมพันเป็นเพื่อนคุณ” จ่านป๋ายพูดขึ้น “คืนนี้ผมว่าผมน่าจะเข้าไปไม่ทันแล้ว ส่วนไอ้เลวนั่นถ้าเรื่องชั่วเรื่องอื่นเขาอาจจะทำ แต่เรื่องหลอกผู้หญิงเขาไม่ทำหรอก” 


 


 


“อย่างเขานี่ยังต้องหลอกใครอีกเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนกวาดสายตาไปชำเลืองมองจ่านมู่ฮวาก่อนจะยิ้มออกมา ใบหน้าเช่นนี้เพียบพร้อมไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแสนร้ายกาจ ไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ มาพูดเลย 


 


 


จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้ม เรื่องนี้เขายอมรับ เพราะอย่างนั้นในสถานการณ์แบบนี้เขาจึงยังไม่ค่อยกังวลที่ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านมู่ฮวาอยู่ด้วยกัน เพราะคิดดูแล้วหลินเสวียนหลานถือว่าเป็นบุคคลรูปลักษณ์งดงามที่หาเจอได้ยากอยู่ สำหรับผู้ชายหน้าตาดี ซีเหมินจินเหลียนถือว่ามีภูมิต้านทานดีทีเดียว 


 


 


“เสี่ยวป๋าย…เสี่ยวป๋าย…” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็จับโทรศัพท์แน่นแล้วร้องเรียกขึ้นมาอย่างตกใจ 


 


 


“เกิดอะไรขึ้น” จ่านป๋ายตกใจ คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับซีเหมินจินเหลียน เลยร้อนรนถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?” 


 


 


“ฉันเจอคนสวย สวยมาก! ให้ตายเถอะ บนโลกนี้ยังมีผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้อยู่อีกเหรอ เสี่ยวป๋าย เธอเดินมาทางนี้แล้ว ฉันมองเธอแล้วก็รู้สึกเหมือนมีออร่าพุ่งกระจายออกมาเลย เหมือนกับดวงดาวก็ไม่ปาน สวยมากจริงๆ…”  ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าตัวเธอพูดวกวนซ้ำไปมาไม่รู้กี่ครั้ง 


 


 


แต่คนคนนี้ก็สวยมากจริงๆ แม้ว่าเธอเองจะเป็นผู้หญิง แต่ก็ยังรู้สึกตกตะลึงขนาดนี้ สวยเด่นมีออร่าที่สุดท่ามกลางผู้หญิงทั้งหมดเลย 


 


 


“จินเหลียน คุณพบคุณนายซูแล้วเหรอครับ?” ในมือถือมีเสียงของจ่านป๋ายถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ 


 


 


ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกไม่เข้าใจ ความจริงเธอก็พอคาดเดาได้ว่าผู้หญิงที่สวยงดงามขนาดนี้น่าจะเป็นคุณนายซู แต่จ่านป๋ายรู้ได้อย่างไร? 


 


 


“คุณรู้ได้ยังไงกัน” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น          


 


 


“จินเหลียน คุณฟังผมให้ดีนะครับ คุณต้องอยู่ให้ห่างจากผู้หญิงคนนั้น ใช่แล้ว คุณอย่าอยู่กับจ่านมู่ฮวานะ อย่าอยู่ใกล้เขาเด็ดขาด ให้ตายเถอะ จินเหลียน ถ้าหากคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็รีบกลับมา แล้วก็อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นเจอหลินเสวียนหลาน…” จ่านป๋ายพูดกำชับอย่างกระวนกระวาย 


 


 


“ห๊ะ…” ซีเหมินจินเหลียนยังคงไม่เข้าใจ ผู้หญิงที่โดดเด่นกว่าใครที่อยู่ตรงหน้าเธอ เดินสง่าผ่าเผยเข้ามาทางเธอแล้ว 


 


 


“เธอเดินมาทางนี้แล้ว…” ซีเหมินจินเหลียนพูด 


 


 


“คุณรีบออกห่างจากไอ้เลวจ่านมู่ฮวานั่นเดี๋ยวนี้เลย!” จ่านป๋ายพูดขึ้นอีกครั้ง 


 


 


ในที่สุดซีเหมินจินเหลียนก็ได้สติคืนกลับมา รู้แล้วว่าเป้าหมายของผู้หญิงคนนี้คือคุณชายคนโตของตระกูลจ่าน จึงรีบพูดขึ้นทันทีว่า “เข้าใจแล้ว! คุณวางใจได้ ตอนนี้ฉันจะห่างจากคนเลวนั่นเลย”  


 


 


“ใช่แล้ว อย่าไปอยู่กับผู้ชายเลวคนนั้น ผู้ชายที่ดูดีเกินไปมักจะเป็นต้นตอก่อเรื่อง แล้วก็คุณคอยดูหลินเสวียนหลานให้ดี ถ้าไม่มีอะไรก็ให้เขากลับไป อย่ามาเที่ยวลอยหน้าลอยตาอยู่ในงาน ให้เขารีบกลับไปซะ” จ่านป๋ายพูดกำชับอีกครั้ง 


 


 


“อืม!” ซีเหมินจินเหลียนตกปากรับคำ แต่ก็อดที่จะมองไปยังคุณนายซูคนนั้นไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้สวยจริงๆ ถ้าเธอเป็นผู้ชาย เกรงว่าคงจะทุ่มสุดตัวเหมือนกัน  


 


 


จ่านป๋ายกำชับอย่างหนักแน่นอยู่หลายครั้งถึงวางสายไป ซีเหมินจินเหลียนรีบลุกขึ้นเดินออกไปให้ไกล แกล้งทำเป็นดูเดิมพันสีข้างหน้า จ่านมู่ฮวาก็รีบเดินตามเธอไป ซีเหมินจินเหลียนจึงพูดขึ้นว่า “คุณอย่าตามฉันมา” 


 


 


“จ่านมู่หรงคุยอะไรกับคุณ?” สีหน้าของจ่านมู่ฮวาเป็นกังวล 


 


 


“เขาบอกให้ฉันรีบอยู่ให้ห่างจากคุณและคุณนายซูคนนั้น…” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูดขึ้น  แต่เมื่อมองไปซีเหมีนจินเหลียนกลับตกใจเป็นอย่างมาก ข้างๆ ของคุณนายซูคนนั้นกลับเป็นหลินเสวียนหลาน… 


 


 


เมื่อครู่จ่านป๋ายเป็นหนักหนาว่าอย่าให้คุณนายซูคนนั้นเจอกับหลินเสวียนหลาน หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะชอบเข้าหาแต่ผู้ชายหน้าตาดี?  

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 96 คนสวยมีพิษร้าย

 

 


 


จ่านมู่ฮวาเหลือบสายตามองไปแล้วพูดขึ้นว่า “ดูจากสถานการณ์แล้ว คุณไม่ต้องหลบผมไปไกลหรอก คุณดูสิ วันนี้คุณนายซูก็มีผู้ชายหน้าตาดีมาเป็นคู่ควงแล้ว” 


 


“ทำไม คุณอิจฉาเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาใส่เขา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างหมดอารมณ์ 


 


“คุณก็อย่าไปโทษหลินเสวียนหลานเลย ครั้งแรกที่ผมเห็นผู้หญิงงูพิษคนนั้น เพราะว่าไม่รู้จักเธอดีพอ ถึงได้ถูกความลุ่มหลงจนเกือบทำให้ลืมไปเลยว่าตัวเองแซ่อะไร” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น 


 


“นับถือคุณจริงๆ ที่ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้ได้อีก” ซีเหมินจินเหลียนพูดแขวะใส่ “ตอนนี้เราจะเอายังไงกันดี” 


 


“วางใจได้ ตระกูลหลินไม่มีค่าพอให้คุณนายซูไปทุ่มเทขนาดนั้นหรอก ตอนนี้หลินเสวียนหลานก็มีชื่อแค่เป็นประธานของบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ก็เท่านั้น เพราะอย่างนั้นถ้าหากคุณชายหลินยินยอมเป็นคนใกล้ชิดของคุณนายซูก็ไม่ได้แย่อะไร ยิ่งไปกว่านั้นการที่ได้ร่วมนอนกับผู้หญิงสวยขนาดนี้ ล้วนเป็นความใฝ่ฝันของผู้ชายทุกคนกันทั้งนั้น” จ่านมู่ฮวาพูดตามจริงไม่อ้อมค้อม 


 


 “คุณกับเธอ ก็เคยมี…” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น ใบหน้าก็แดงระเรื่อพยายามพูดออกมา 


 


“ไม่เคยครับ” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น “ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาก่อน เกรงว่าผมคงได้เป็นคู่นอนของเธอจริงๆ แล้ว!” เขาไม่ปิดบังอะไรทั้งนั้น 


 


จ่านมู่ฮวาพูดต่อไปว่า “ผมอยากจะจีบคุณ เพราะอย่างนั้นผมเลยบอกเรื่องที่ผมเคยผ่านมาทั้งหมดกับคุณอย่างจริงใจนะ” 


 


ซีเหมินจินเหลียนทำได้แค่ยิ้ม พูดเรื่องในอดีตที่ผ่านมาด้วยความซื่อสัตย์ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลบล้างเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้ทั้งหมด นอกจากนี้เธอก็ไม่ได้สนใจในตัวเขาเลยสักนิด ผู้ชายคนนี้ แม้ว่าจะมองด้านไหนก็มีแต่จะทำให้เธอรู้สึกกังวล ถ้าต้องแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้จริงๆ ก็คงจะไม่มีแววโชคดีอะไร 


 


“ฉันไม่ได้สนใจในตัวคุณ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “คุณไม่ต้องมาเสียเวลากับฉันหรอก” 


 


“ตอนแรกผู้หญิงก็พูดอย่างนี้กันทั้งนั้น” จ่านมู่ฮวายิ้ม 


 


แต่ครั้งนี้ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้สนใจเขา เธอเดินไปหาหลินเสวียนหลาน เมื่อหลินเสวียนหลานเห็นซีเหมินจินเหลียนแล้วเขาก็เดินเข้ามาหา ก่อนจะรีบแนะนำแล้วยิ้มให้ “จินเหลียน ผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก ท่านนี่ก็คือคุณนายซูจากบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ครับ” 


 


“อ้อ!” เมื่อสายตาของคุณนายซูหันมาเห็นซีเหมินจินเหลียน ใบหน้าของเธอมีแต่รอยยิ้ม ทำเหมือนเธอไม่ใช่คนนอก รีบจับมือเธอขึ้นมาแล้วพูดขึ้น “คนนี้ก็คือน้องจินเหลียนเองหรอกเหรอ เมื่อสักครู่คุณหลินก็ชื่นชมคุณไม่หยุดปาก ที่แท้ก็เป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์เหลือเกิน” 


 


พูดพลางก็ยิ้มแย้มดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิ จากนั้นก็ทักทายกับจ่านมู่ฮวา จ่านมู่ฮวาทำแค่ยิ้มทักทายเบาๆ อาการแบบนี้ใครๆ ก็รู้ว่าไม่ได้ตั้งใจ ซีเหมินจินเหลียนจึงได้แต่พูดอยู่ในใจว่า แม้ว่าคุณจะเกลียดผู้หญิงคนนี้ แต่ก็ไม่ต้องแสดงออกทางสีหน้าขนาดนั้นก็ได้ไหมล่ะ? 


 


“ขอบคุณคุณนายซูที่กล่าวชมค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอ่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิง เกรงว่าต่อหน้าเธอ น่าจะหน้าเสียไปไม่เบา “แต่ถ้าเทียบกับคุณนายแล้ว ฉันก็ละอายใจตัวเองเหลือเกินค่ะ”       นี่ไม่ใช่คำพูดเกรงใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์จากเธอ แม้เธอจะรู้ว่าตนเองก็หน้าตาพอจะดึงดูดคนอยู่เช่นกัน แต่เมื่ออยู่กับคุณนายซูแล้ว เธอก็เป็นแค่ใบไม้สีเขียวที่ประดับไว้คู่กับดอกไม้สีแดงก็แค่นั้น 


 


“ฉันได้ยินคุณหลินบอกว่า น้องจินเหลียนสนใจเรื่องการเดิมพันหยกเหรอคะ” คุณนายซูพูด 


 


ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะสามารถปฏิเสธเสน่ห์ความงดงามของหยกได้หรอกค่ะ ถูกไหมคะ?” 


 


“ใช่แล้วค่ะ!” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คุณนายซูคนนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นแล้วพูด “ผู้ชายมักคิดว่าผู้หญิงไม่เข้าใจเรื่องการเดิมพันหยก แต่ความจริงแล้วหารู้ไม่ว่าผู้หญิงนี่แหละที่เป็นคนเห็นหยกแล้วอ่อนไหวบนโลกใบนี้”   


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ในใจก็เต้นแรงแล้วพูดด้วยความรู้สึกออกไป “พื้นฐานของผู้หญิงก็มักจะอ่อนไหวด้วยกันทั้งนั้น” 


 


“แล้ววันนี้น้องจินเหลียนได้วางเดิมพันบ้างไหมคะ” คุณนายซูมองไปที่การเดิมพันที่แสนวุ่นวาย แต่แค่การปรากฏตัวของเธอและซีเหมินจินเหลียน เพียงไม่นานก็กลับกลายเป็นเป้าสายตาของผู้คนในงาน 


 


นี่เป็นแค่ผลลัพธ์ของความสวยเพียงเท่านั้น แน่นอนว่าซีเหมินจินเหลียนกล้ายอมรับเองว่า รูปลักษณ์ของตนคงไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมายถึงขนาดนี้ สายตาทั้งหมดน่าจะไปโฟกัสไปที่คุณนายซูเสียมากกว่า และแน่นอนว่าอาจจะรวมถึงหลินเสวียนหลานและจ่านมู่ฮวาด้วย ช่างเป็นผู้หญิงสวยชายหล่ออย่างแท้จริง ในสถานการณ์เช่นนี้เธอคงเป็นได้แค่ลูกเป็ดขี้เหร่ตัวหนึ่งเท่านั้น 


 


“เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตามสิคะ” ซีเหมินจินเหลียนก้มหน้าลง ดวงตากลมโตแฝงด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย     


 


คุณนายซูกวาดสายตาไปมองหินหยกทั้งสิบห้าก้อนที่อยู่ในงานเดิมพันหินใหญ่แล้วพูดขึ้น “ไม่รู้ว่าน้องจินเหลียนวางเดิมพันที่บริษัทไหนเหรอ”     


 


ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะอยู่ในใจ “ฉันไม่เข้าใจเรื่องนี้หรอกค่ะ เพราะอย่างนั้นก็เลยวางเดิมพันไปที่อัตราต่อรองราคาสูง ถ้าแพ้ฉันก็พร้อมยอมรับมัน” 


 


“น้องจินเหลียนนี่ฉลาดจังเลยนะคะ” คุณนายซูพูด “อัตราต่อรองสูง ถ้าหากวันนี้มีม้ามืดออกมา เกรงว่าคืนนี้พี่สาวคงต้องตายแน่!” 


 


“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มในใจ ได้แต่สาปแช่งด่าไปหนึ่งประโยค ไม่น่าล่ะจ่านป๋ายและจ่านมู่ฮวาถึงต่างกลัวผู้หญิงคนนี้ ร้ายกาจจริงๆ 


 


“เดิมพันสีและเดิมพันชนิดข้างหน้า น้องจินเหลียนก็ได้ลองเล่นดูหรือเปล่าคะ” คุณนายซูถามขึ้นอีกครั้ง 


 


“อันนั้นฉันไม่ได้เล่นหรอกค่ะ แต่คุณจ่านเล่นไปนิดหน่อยก็เท่านั้น” ซีเหมินจินเหลียนเหลือบไปมองที่จ่านมู่ฮวาเล็กน้อย ก่อนยิ้มออกมา ถือว่าโยนเผือกร้อนในมือไปให้เขา 


 


“คุณจ่าน…” คุณนายซูยิ้มขึ้น ภายใต้แสงไฟก็ยังคงส่องแสงระยิบระยับ ราวกับหยกชั้นดี “ไม่รู้ว่าวันนี้คุณ…” 


 


จ่านมู่ฮวาไม่ได้รอให้คุณนายซูพูดจบ ก็รีบตัดบทเธอขึ้นเสียก่อน “ผมก็แค่เอาเงินมาให้คุณนายเท่านั้น คุณนายน่าจะรู้นี่ครับ แต่การได้เอาเงินมาให้กับคนสวยเช่นคุณก็ถือว่าเป็นเกียรติของผมอย่างสุดซึ้งแล้ว ถ้าปกติอยากจะหาโอกาสแบบนี้ ก็คงไม่ง่ายนัก!” 


 


“คุณจ่านก็พูดเกินไปแล้ว ฉันก็ชอบเงินมาก!” คุณนายซูยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ 


 


จ่านมู่ฮวาพูด “ชอบจนผมรู้สึกมีอาการใจสั่นเลยล่ะครับ!” 


 


ในขณะที่คุณนายซูคิดจะพูดอะไรขึ้นอีก ก็มีผู้ชายวัยกลางคนแต่งตัวเรียบร้อยรีบเดินเข้ามากระซิบกระซาบข้างหูเธอ ก่อนที่ใบหน้างดงามของคุณนายซูจะค่อยๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นถึงพูดขึ้นว่า “รู้แล้ว” 


 


ผู้ชายวัยกลางคนนั้นรีบเดินจากไป คุณนายซูก็เลิกคิ้วขึ้นมาหันไปพูดกับซีเหมินจินเหลียน “น้องจินเหลียน คุณจ่าน คุณหลินขอเชิญนั่งรอก่อน ฉันขอตัวสักครู่นะคะ” 


 


“คุณนายมีธุระอะไรก็ไปจัดการให้เสร็จเถอะครับ!” ท่าทางของจ่านมู่ฮวา หลินเสวียนหลานและซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกว่าไม่รู้จะพูดอย่างไร 


 


คุณนายซูเดินออกไปด้วยฝีเท้าค่อนข้างรีบเร่ง จ่านมู่ฮวาเห็นเธอไปแล้วก็บอกกับซีเหมินจินเหลียนและหลินเสวียนหลานให้หามุมนั่งลงสักที่ พร้อมถอนหายใจพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงคนนี้…” พูดพลาง เขาหันไปถามหลินเสวียนหลาน “ทำไมคุณถึงไปอยู่กับเธอได้? ในฐานะที่ผมเป็นผู้ชาย ผมก็ขอเตือนคุณสักหน่อยนะ ผู้หญิงคนนี้สวยก็จริง แต่ผู้หญิงสวยก็มีพิษร้ายนัก!” 


 


“ผมรู้ เมื่อก่อนก็เคยได้ยินเรื่องประวัติของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่มาบ้าง ผมไม่ได้โง่นะ” หลินเสวียนหลานพูดขึ้น “อีกอย่างเป้าหมายของเธอก็ไม่ใช่ผม” 


 


“อะไรนะ?” จ่านมู่ฮวาขมวดคิ้วขึ้นถาม 


 


“เป้าหมายของเธอน่าจะเป็นจินเหลียน!” หลินเสวียนหลานพูด “ผู้หญิงคนนี้รักและสนใจในหยกมาก ติดจะโรคจิตเกินไปหน่อยไปด้วยซ้ำ เพื่อหยกชั้นดี เธอถึงขนาดทำได้ทุกวิถีทาง”  

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 97 เล่นตุกติก

 

ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “เธอก็ชื่นชอบหยกมากเลยเหรอ?”


 


“เรียกว่ารักเลยละครับ!” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น “ใครๆ ก็รู้ว่าคุณนายซูรักอยู่สองสิ่ง นั่นก็คือหยกและผู้ชายหน้าตาดี!”


 


“นับว่ายังดี” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจน้อยๆ แล้วพูดขึ้น “ฉันมีแค่หยก ไม่มีผู้ชายหน้าตาดี”


 


 จ่านมู่ฮวาได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา “จินเหลียน ผมก็เป็นผู้ชายหน้าตาดีนะ นอกจากนี้ผมยังยินยอมที่จะเป็นของสะสมของคุณด้วย ก็เหมือนที่คุณเก็บสะสมเครื่องประดับพวกนั้น…”


 


“ฉันไม่ต้องการค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ก็ทั้งหัวเราะและอารมณ์ดี ส่ายหัวปฏิเสธท่าเดียว


 


“แล้วทำไมคุณถึงเก็บมู่หรงไว้?” จ่านมู่ฮวายิ้มแล้วถามขึ้น


 


“ฉัน…ฉันไม่ได้เรียกว่าเก็บสักหน่อย!” ซีเหมินจินเหลียนหมดคำพูด นี่พูดอะไรของเขากัน คนเป็นๆ จะเก็บสะสมได้ยังไงกัน แม้กระทั่งคนที่ตายไปแล้วยังเก็บสะสมไม่ได้เลย


 


“จินเหลียน พินัยกรรมที่คุณปู่ผมทิ้งไว้…” จู่ๆ หลินเสวียนหลานก็รู้สึกว่าตนเองจำเป็นจะต้องสารภาพกับเธอสักหน่อย ไม่เช่นนั้นชาตินี้เขาคงไม่มีโอกาสที่จะบอกเนื้อหาในพินัยกรรมที่คุณปู่เขียนไว้กับเธอแน่


 


“คะ?” ซีเหมินจินเหลียนชะงักไปพักหนึ่งแล้วถามขึ้น “พินัยกรรมของคุณปู่คุณ ที่บอกว่าให้คุณสืบทอดมรดกของตระกูลหลิน เรื่องนี้ฉันรู้ค่ะ”


 


“ใช่ คุณก็ไม่ต้องโอ้อวดเรื่องนี้หรอก!” จ่านมู่ฮวาพูด ตอนนั้นถ้าหากไม่ใช่ว่าเขายอมวางมือ ที่สถานีตำรวจคืนนั้น บางทีหลินเสวียนหลานอาจจะไม่มีวันได้เห็นดวงตะวันของเช้าวันถัดไปแล้วก็ได้ แต่เพื่อที่จะได้เจอกับซีเหมินจินเหลียน แม้ว่าเจาอยากจะทำมากแค่ไหน เขาก็ต้องออมมือบ้าง


 


แน่นอนว่าหลินเสวียนหลานเองก็รู้เรื่องนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ต้องการจะฆ่าเขา เขาก็ไม่มีความรู้สึกดีใดๆ หลงเหลือให้จ่านมู่ฮวา แต่บนโลกนี้ก็ช่างโหดร้าย บางเวลาคนเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอดกลั้นฝืนทน


 


“คุณปู่ผมมีพินัยกรรมอีกฉบับหนึ่งที่เขียนให้ผมแต่งเข้าบ้านตระกูลซีเหมิน” หลินเสวียนหลานยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างเย้นหยันตัวเอง คุณชายตระกูลหลิน ชีวิตตกอับจนต้องแต่งงานเข้าบ้านภรรยา แต่ไม่รู้ทำไมเวลานี้ เขากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก แสดงให้เห็นว่าเขายอมทำงานแทนเธอไปทั้งชีวิต


 


“หา?” ซีเหมินจินเหลียนตกใจจนหน้าแดงก่ำ


 


ในใจของจ่านมู่ฮวาแอบด่าเขาว่าหน้าไม่อาย จากนั้นก็ใช้ถ้อยคำเสียดแทงพูดออกไป “ถ้าคุณอยากจะแต่งงานเข้าบ้านเธอ ก็ต้องให้เธอสนใจคุณก่อนไม่ใช่เหรอ ใช่ไหมครับจินเหลียน?”


 


 ซีเหมินจินเหลียนจ้องมองไปที่จ่านมู่ฮวา “คุณพูดจบแล้วหรือยัง? เดิมพันสีข้างหน้าน่าจะเริ่มเปิดแล้ว คุณไปดูเถอะ”


 


“แล้วคุณไม่ไปเหรอ?” จ่านมู่ฮวาถาม


 


“ไม่ไป!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ยังไงก็ไม่ใช่ของฉัน ฉันก็ไม่เสียใจอยู่แล้ว”


 


“โอเคๆ ผมไปก็ได้” จ่านมู่ฮวาลุกขึ้นเดินไปทางจอแสดงผลการเดิมพันสีและเดิมพันชนิดข้างนอก ในใจก็คิดว่าตัวเองจะวางเดิมพันลงไปถูกกี่อัน   


 


 จ่านมู่ฮวาออกไปด้านหน้าแต่โดยดี ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงเก้าอี้สองมือกุมเข่า ตัวสั่นระริก ไม่ได้สนใจหลินเสวียนหลานที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อให้จ่านมู่ฮวาออกไปแล้ว เธอถึงเพิ่งได้รู้ว่าเธอก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก ก่อนหน้านี้ตอนที่เธออยู่กับหลินเสวียนหลานสองต่อสองก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่หลินเสวียนหลานบอกว่าจะแต่งงานเข้าตระกูลซีเหมิน เธอก็รู้สึกว่าราวกับตนได้สัมผัสความรู้สึกมากมายในคราเดียวกัน ความรู้สึกนั้นสับสนวุ่นวายไปจนหมด


 


ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ เธอก็คิดถึงลู่เฟยอวี๋ขึ้นมา คืนนั้นที่เขากับลู่เฟยอวี๋จะหมั้นกัน แล้วหนีมาที่คฤหาสน์ของจินเหลียนเพื่อมาทำกับข้าวให้เธอกิน ถ้าหากเธอไม่เข้าใจความในใจของหลินเสวียนหลาน เธอก็คงโง่มากเกินไปแล้ว แต่เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้มาโดยตลอด แกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไร แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ แต่เรื่องบางเรื่องเธอจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับเขา เธอเองก็อายุยี่สิบกว่าแล้ว ไม่ใช่เด็กแล้ว หรือว่าควรจะหาแฟนได้แล้ว? แต่ผู้ชายรอบตัวของเธอนั้น มีใครบ้างที่พึ่งพาได้?


 


เงาของหลินเสวียนหลานค่อยๆ ฝังลึกลงไป รอยยิ้มของจ่านป๋ายเองก็ประทับลงในหัวใจเธอ ผู้ชายคนนี้…เขาก็ชุ่มฉ่ำเหมือนกับหยก


 


ส่วนฉินเฮ่าและจ่านมู่ฮวาน่ะหรือ? นี่ไม่ใช่คนที่เธอสมควรพิจารณา สองคนนี้อยู่ในครอบครัวที่ประสบความสำเร็จสูงสุด พวกเขาเข้าหาเธอเพราะผลประโยชน์ ถ้าหากเธอฉลาดพอ เธอคงไม่พิจารณาสองคนนี้อย่างแน่นอน


 


“จินเหลียน คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” หลินเสวียนหลานพูดขึ้น “ผมเรียกคุณตั้งหลายครั้ง”


 


“ไม่…ไม่มีอะไรค่ะ…” ซีเหมินจินเหลียนหน้าแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้ง นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมเธอถึงคิดแต่เรื่องนี้นะ


 


“จินเหลียน หากจะพูดกันตรงๆ ความจริงแล้วผมก็เป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย!” หลินเสวียนหลานถอนหายใจออกมา “แม้ว่าคุณปู่จะยกหุ้นของบริษัทให้ผม และผมยังซื้อหุ้นจากคนอื่นมาไว้ในมือ แต่ว่าคุณที่เอาหยกออกมามากมายขนาดนี้ ก็ทำให้หุ้นทั้งหมดในมือของพวกเราไม่เหลืออะไรอีกแล้ว หรือจะพูดได้ว่าคุณก็ใช้หยกครอบครองบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ไว้ทั้งหมดแล้ว”


 


“ฉันไม่เข้าใจในเรื่องธุรกิจ แน่นอนว่าฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ” ซีเหมินจินเหลียนพูดออกไปตามตรง


 


“ผมรู้ ผมจะช่วยคุณไปตลอดชีวิต” หลินเสวียนหลานถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ถือว่าประเด็นสนทนานี้ราวกับได้จบลงแล้ว ความจริงเขาอยากจะบอกว่าเขาไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น ในใจของซีเหมินจินเหลียนน่าจะเข้าใจดี เพียงแต่ในเมื่อเธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาขนาดนี้ เขาก็จะไม่ถามอีก ความหมายของเขาก็คือเธอมีหยกแล้ว และยังมีตระกูลหลินรวมถึงเขาอยู่ในนั้น ทั้งหมดเป็นของเธอแล้ว…


 


เพราะนิสัยส่วนตัวตั้งแต่เล็กของเขา ทำใหเเขาชอบเก็บเรื่องทั้งหมดไว้ในใจ


 


“จินเหลียน…จินเหลียน…” จ่านมู่ฮวารีบวิ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “พวกเรารวยแล้ว คุณลองทายดูสิว่าที่คุณเดิมพันไปเจ็ดอัน มีอันไหนถูกบ้าง?”


 


“คงไม่ถูกทั้งหมดหรอกใช่ไหม” ซีเหมินจินเหลียนพูด เธอทายถูกไปหกอันเท่านั้น ในนั้นมีอันหนึ่งที่เธอตั้งใจวางเดิมพันผิด ไม่อย่างนั้นถ้าถูกทั้งหมดคงจะเป็นเป้าสายตาของทุกคนเกินไป


 


“คุณยังอยากเดิมพันชนะทั้งหมดเหรอ?” จ่านมู่ฮวาพูด “คุณก็รู้ว่าสามปีก่อน ผมวางไปยี่สิบเอ็ดอัน แต่ชนะไปแค่อันเดียว ทำเอาผมแทบไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน”


 


“ในเมื่อคุณไม่รู้เรื่องการเดิมพันหยก แล้วจะวางเดิมพันมั่วๆ ไปทำไมกัน?” หลินเสวียนหลานหัวเราะออกมา แต่ในใจก็สงสัยถามออกไปว่า “สรุปแล้วถูกเท่าไหร่”


 


“ถูกไปห้าอันแน่ะ!” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้นแล้วนั่งลงข้างๆ ซีเหมินจินเหลียน “เมื่อหักเงินทุนออกแล้ว ครั้งนี้พวกเราก็ทำเงินได้ทั้งหมดสามสิบหกล้าน เดี๋ยวผมค่อยโอนเงินเข้าบัญชีคุณนะ” แม้ว่าสามสิบหกล้าน สำหรับเขาและซีเหมินจินเหลียนมันเป็นแค่จำนวนเงินเพียงเล็กน้อย แต่สามารถเดิมพันได้ถูก เขาก็ดีใจมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เคยทำให้เขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบไปเมื่อสามปีก่อน


 


ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ ทำไมถึงถูกแค่ห้า ไม่น่าจะเป็นไปได้? ถ้าหากความสามารถในการมองทะลุผ่านของเธอมีปัญหา ถ้าอย่างนั้นเดิมพันทั้งห้านั่นคงไม่ถูกแล้ว แต่ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ถ้าอย่างนั้นการเดิมพันครั้งนี้น่าจะมีคนเล่นอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว…


 


“สองอันไหนที่ไม่ถูก” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น ตอนที่ถามคำถามนี้ ในใจเธอก็รู้ดีว่าน่าจะต้องเป็นก้อนที่ลักษณะข้างนอกดูดี แต่ข้างในกลับเป็นหินสีขาวก้อนนั้นที่ไม่ถูก เธออุตส่าห์ให้จ่านมู่ฮวาวางลงไปสิบล้าน อัตราต่อรองหนึ่งต่อสิบห้า… ถ้าจะพูดก็คือถ้าอันนี้เดิมพันถูกก็สามารถทำเงินได้ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน แต่ไม่เหมือนตอนนี้ที่ได้แค่สามสิบหกล้าน


 


“พวกเราไปดูด้านหน้ากัน” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้น ถ้าหากเดิมพันหินมีการเล่นขี้โกงแบบนี้ มันก็น่าเกียจเกินไปแล้ว


 


“โอเค” แม้ว่าจ่านมู่ฮวาจะไม่เข้าใจเจตนาของเธอ แต่ก็ยังเดินไปด้านหน้าด้วยกัน


 


“อันที่พวกเราลงไปสิบล้านไม่ถูกเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนจงใจถามขึ้น


 


“อืม ผมก็คิดว่าอันนั้นไม่น่าจะถูกหรอก ลักษณะดีแบบนั้น!” จ่านมู่ฮวาพูด “แต่ก็ไม่เป็นอะไร ยังไงพวกเราก็ถูกอยู่ดี”


 


หลินเสวียนหลานเองก็ไม่เข้าใจ เวลาซีเหมินจินเหลียนเดิมพัน หากเดิมพันเป็นร้อยเธอก็มักจะได้กลับมาทั้งร้อย ไม่มีทางที่จะดูพลาด ถ้าหากเธอวางเดิมพันไปเจ็ด ขอแค่เธอยินดีที่จะเดิมพัน มันก็น่าจะถูกทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่นอนสำหรับคนที่ไม่ได้ใส่ใจอะไร คงคิดว่าเธออาจจะแกล้งเดิมพันพลาดไปสองที่ แต่ดูจากสีหน้าของซีเหมินจินเหลียนในตอนนี้แล้วน่าจะไม่ใช่อย่างนั้น


 


หรือว่างานนี้จะมีคนเล่นอะไรตุกติก?


 


ในที่สุดซีเหมินจินเหลียนก็หาบริษัทจิวเวอรี่นั่นเจอ เมื่อสักครู่เธอไม่ได้สนใจชื่อบริษัท ตอนนี้เมื่อกวาดสายตาไปดูก็เห็นว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อดีแห่งหนึ่ง บริษัทหมิงเย่ว์ จิวเวอรี่ หินก้อนนั้นถูกเปิดออกมาต่อหน้าผู้ร่วมงานทั้งหมด


 


หยกเนื้อน้ำแข็งสีเขียวธรรมดา สีไม่ค่อยบริสุทธิ์เท่าไหร่ แต่สีเขียวหญ้าอ่อนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เมื่อดูไปที่หน้าจอแสดงผล ในใจของซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกกลัดกลุ้มไม่หาย


 


หินหยกก้อนนี้กับหินหยกก้อนนั้นขนาดเท่าๆ กัน สีของเปลือกผิว จุดหยกและลายเส้นหยกคล้ายกัน จากสายตาของคนภายนอกย่อมแยกไม่ออก


 


แต่ซีเหมินจินเหลียนดูเพียงแค่นั้นก็รู้เลยว่าหินหยกก้อนนี้ไม่ใช่หินหยกก้อนก่อนหน้านั้น นี่ชัดเจนว่ามีคนอุ้มออกไปแล้ว


 


“นี่เป็นหินหยกของบริษัทไหน” ซีเหมินจินเหลียนถามจ่านมู่ฮวาที่อยู่ข้างๆ


 


“บริษัทในเครือของบริษัทหมิงฮุย ทำไมเหรอ?” จ่านมู่ฮวาถาม


 


“หยกก้อนนี้ ไม่ใช่หยกก้อนเดิม!” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างใจเย็น


 


“คุณจะบอกว่า หินหยกที่เดิมพันนี้ถูกคนนำออกไปแล้ว?” จ่านมู่ฮวาพยายามใจเย็น เขาไม่เข้าใจเรื่องหินหยก ในสายตาของเขาหินหยกพวกนี้ก็ไม่เห็นจะแตกต่างไปจากหินก่อสร้าง ขอแค่ขนาดเท่าๆ กัน เขาก็ดูไม่ออกแล้ว


 


“ใช่” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า


 


“คุณแน่ใจใช่ไหม?” จ่านมู่ฮวาถามขึ้นอีกครั้ง


 


“ฉันแน่ใจ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า


 


“นี่มันก็มากเกินไปแล้ว!” หลินเสวียนหลานโมโหขึ้นมา “หินหยกในการเดิมพันถูกยกออกไป? นี่มันก็เป็นการวางกับดักหลอกนักเดิมพันหยก เรื่องนี้หากแพร่ออกไป บริษัทจิวเวอรี่แห่งนี้ก็ไม่ต้องอยู่รอดกันแล้วล่ะ”


 


“ตอนนี้เงียบไว้ก่อน เดี๋ยวผมจะตามสืบทีหลัง ถ้าพวกเขาไม่ได้นำออกไปก็ดี แต่ถ้าเอาออกไป ก็ต้องขอโทษด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหนผมก็จะไม่ไว้หน้าแน่” สีหน้าของจ่านมู่ฮวาไม่สู้ดี แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้จัดงาน แต่คลับหยกนี้เป็นของเขา ในเมื่อเกิดเรื่องตุกติกขึ้นในสถานที่ของเขา อีกทั้งคนที่ถูกหลอกยังเป็นเจ้าของอย่างเขาเอง นี่มันก็จะเกินไปแล้ว


 


“เงินสิบล้านมันเล็กน้อย แต่โกหกมันเรื่องใหญ่ ถ้าหากทุกบริษัทต่างเล่นกันแบบนี้ การเดิมพันหยกก็ไม่ต้องจัดมันแล้ว” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้นอีกครั้ง


 


ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงตอนที่คุณนายซูรีบเดินออกไป หรือว่าเธอจะทำเพื่อบริษัทในเครือของตัวเอง? ไม่ว่าบริษัทจิวเวอรี่ไหนถ้าหากจะต้องรับผิดชอบเงินจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน เกรงว่าคงจะตกใจอยู่เหมือนกัน ปัญหามันไม่ใช่เรื่องชดใช้ไม่ชดใช้ แต่จำนวนนี้มันก็เยอะเกินไป เพราะอย่างนั้นเธอจึงรีบให้บริษัทหมิงเย่ว์เปลี่ยนหินหยก เพื่อหลีกเลี่ยงการชดใช้ในจำนวนสูง 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 98 เชื่อถือได้แน่นอน

 

เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะคงไม่มีบริษัทจิวเวอรี่ที่ไหนยอมแบกรับความสูญเสียแบบนี้  ถ้าเป็นเธอ เงินจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบล้านก็คงเข้าเนื้อน่าดู


 


“ช่างเถอะ เรื่องนี้เห็นทีคงจะสืบยากแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างปลงๆ “พวกเราไปดูด้านหลังกันเถอะ” ในเมื่อไม่มีอะไรมาพิสูจน์ยืนยัน แล้วจะสืบหาได้จากช่องทางไหน ถ้าฝ่ายนั้นยืนยันกลับมาว่า ตอนนั้นที่พวกเขานำหินหยกออกมาก็ก้อนนี้ แล้วพวกตนจะทำอย่างไรได้?


 


นอกจากนั้นผลของการผ่าหยกที่ออกมาล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการจะเห็น ไม่ใช่เปลือกผิวที่มีลักษณะดี แต่ข้างในกลับเป็นหินสีขาว


 


ส่วนซีเหมินจินเหลียนนั้นจะให้เธอพูดอะไรออกมาได้ หรือจะให้เธอไปบอกคนอื่นว่าเธอมีความสามารถในการมองทะลุผ่าน ทำให้มองเห็นลักษณะภายในของหินหยกก้อนนั้น?


 


จ่านมู่ฮวาไม่ได้พูดอะไรออกมา ในใจห่อเ**่ยวเล็กน้อย ขอแค่บริษัทจิวเวอรี่เปลี่ยนหินหยกจริง มีการเล่นตุกติก เขาก็สามารถสืบหาออกมาได้


 


แต่ปัญหาก็คือ เขาจะพิสูจน์คำพูดของซีเหมินจินเหลียนได้อย่างไร? เพราะว่าถ้าจะสืบหาต้องมีความเคลื่อนไหวที่ใหญ่พอควร หมดค่าใช้จ่ายไปกับการจ้างคนและสิ่งของ ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวแล้วจะทำได้ เขาไม่สามารถฟังแค่คำพูดจากปากซีเหมินจินเหลียนได้อย่างเดียว ไม่อย่างนั้นถ้าหาถึงรังของบริษัทนั้นเจอแล้ว แต่พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนหินหยก นั่นก็เรียกว่าเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ถึงตอนนั้นเขาก็คงไม่รู้จะรับมืออย่างไร    


 


ซีเหมินจินเหลียนเดินไปที่ด้านหลังเป็นที่เรียบร้อย จ่านมู่ฮวาตั้งใจที่จะเดินช้าๆ และอดไม่ได้ที่จะถามหลินเสวียนหลาน “คุณหลิน?”    


 


“คุณมีเรื่องอะไรเหรอ?” หลินเสวียนหลานถามอย่างสงสัย


 


“ใช่ เกี่ยวกับเรื่องบริษัทหมิงเย่ว์จิวเวอรี่ จินเหลียนบอกว่าพวกเขาเปลี่ยนหินหยก คุณคิดว่ายังไง” จ่านมู่ฮวาถามขึ้น


 


“จินเหลียนได้เห็นหินหยกก้อนนั้นหรือเปล่า” หลินเสวียนหลานถาม


 


“เห็น” จ่านมู่ฮวาพยักหน้าตอบ


 


“เธอได้สัมผัสไหม” หลินเสวียนหลานถามขึ้นอีกครั้ง


 


จ่านมู่ฮวาพยักหน้า ถ้าซีเหมินจินเหลียนต้องการจะเดิมพันหินก้อนไหน เธอจะต้องดูมันอย่างละเอียด ไม่เหมือนคนที่ไม่เข้าใจในการเดิมพันหินที่อาศัยแค่โชคช่วยอย่างเดียว งานแบบนี้คนที่เข้าใจในการเดิมพันหินมีอยู่เยอะ คนที่สัมผัสกับมันก็น่าจะไม่น้อยเลย นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


 


“ถ้าอย่างนั้นหินหยกน่าจะถูกเปลี่ยนแน่” สีหน้าของหลินเสวียนหลานไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนพูดขึ้นว่า “สิ่งของที่ผ่านมือเธอมา มักจะดูไม่ผิดหรอก” คำพูดง่ายๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น


 


จ่านมู่ฮวาพยักหน้า “ดูท่าผมอาจจะยังไม่เข้าใจเธอมากพอ ผมคิดว่าการเดิมพันชนะห้าในเจ็ดถือว่าดีมากแล้ว”


 


หลินเสวียนหลานทำเพียงแค่ยิ้มออกมาอย่างเดียว ชนะห้าในเจ็ดงั้นหรือ? เขาก็ดูถูกซีเหมินจินเหลียนเกินไปแล้ว ขอแค่เธอยินยอม มีดก็ยังไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อตำนานเทพในโลกเดิมพันหินเลย หลังจากที่ได้เห็นภายในห้องใต้ดินที่เก็บสะสมหินหยกของซีเหมินจินเหลียนแล้ว หลินเสวียนหลานก็รู้สึกเลื่อมใสในตัวเธอมาก


 


หยกชั้นดีพวกนั้น เกรงว่าในสายตาของเธอคงเป็นแค่เนื้อน้ำแข็งธรรมดา สามารถพบเจอได้ง่ายดายทั่วไป แต่คิดไม่ถึงว่าเธอสามารถเก็บสะสมของในตำนานเช่นหยกราชางู หยกประกายดาว หยกสีเลือด ไหนจะหยกสีแดงลายทองคำที่ยิ่งไม่ต้องพูดขึ้น เขาก็ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับตา    


 


หลังจากที่เขาพาเธอไปที่ร้านเถ้าแก่โจวตอนนั้น เธอก็เปลี่ยนจากหนอนดักแด้กลายเป็นผีเสื้อเสียแล้ว!


 


ถ้าหากจะบอกว่าการเดิมพันหินพึ่งหาทักษะสามสิบเปอร์เซ็นต์และอาศัยโชคช่วยอีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เรื่องทักษะในการแกะสลักในตัวเธอนั่นล่ะ จะอธิบายอย่างไร?    


 


แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนจะเดินไปข้างหน้า และไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่ทั้งสองคนพูด แต่ก็ยังมีคำพูดบางคำที่ผ่านเข้ามาในหูของเธอ เธอได้เพียงแต่ยิ้ม ถึงพวกเขาจะสับเปลี่ยนหินหยกหรือไม่ ความจริงก็ไม่มีอะไร ก็แค่แพ้ไปก็แค่สิบล้านเท่านั้น แต่ในใจเธอแค่สงสัย


 


จ่านมู่ฮวาบอกว่าการเดิมพันหินไม่ว่าจะเป็นข้างหน้าหรือข้างหลังมักจะเปิดหินต่อหน้าทุกคน ในเมื่อเป็นเช่นนี้หินหยกที่มีลักษณะดีก้อนนั้น ก่อนที่ยังไม่ได้ผ่าหินหยกน่าจะถูกเปลี่ยนไปก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้น ถ้าหากถึงตอนผ่าหินออกมาแล้วก็คงทำอะไรไม่ได้


 


ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ปัญหาก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก มีดสามารถพิสูจน์ได้ว่าลักษณะของหินหยกนี้ดีมากจริงๆ แม้ว่าเป็นคนที่เดิมพันหินมาบ่อยครั้งก็อาจจะถูกตบตาได้ คนที่วางเดิมพันว่าเป็นสีเขียวมรกตน่าจะมีเยอะพอควร ส่วนเดิมพันว่าเป็นสีขาวคงหาได้ยาก ทำไมก่อนจะผ่าหินถึงได้ถูกเปลี่ยนot? ถ้ารู้อย่างนี้ เรื่องนี้ถ้าถูกเผยแพร่ออกไป บริษัทจิวเวอรี่นี้อาจจะถูกกวาดล้างชื่อเสียงนับแต่จากนี้


 


นอกจากนี้เธอก็ให้จ่านมู่ฮวาวางเดิมพันไปสิบล้าน ตัวเลขนี้ในเดิมพันหินใหญ่ถือว่าไม่สูงมาก น่าจะไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้


 


เรื่องนี้คงมีสิ่งที่เธอไม่รู้ปกปิดเอาไว้สินะ?


 


“จินเหลียน พวกเราตัดสินใจวางเดิมพันลงที่หมายเลขสิบนะ คุณจะวางเดิมพันที่อันอื่นด้วยไหม” จ่านมู่ฮวารีบเดินตามไปถามซีเหมินจินเหลียน


 


“ถ้าอย่างนั้นคุณว่า พวกเราวางเดิมพันลงก้อนไหนดี” ซีเหมินจินเหลียนถาม


 


“ผมไม่รู้หรอก” จ่านมู่ฮวาปัดมืออย่างขี้เกียจ


 


“หินหยกของราชานักเดิมพันหยกอย่างเจียหยวนฮวา คือหมายเลขสิบหรือว่าหมายเลขไหน ถ้าหากคุณมีความสนใจ ก็วางเดิมพันเพิ่มขึ้นหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนพูด “โอเค!” จ่านมู่ฮวาได้ยินเช่นนั้นก็รีบไปที่จอแสดงผลใหม่อีกครั้ง


 


“จินเหลียน คุณก็วางเดิมพันไปที่หมายเลขสิบห้าด้วยเหรอ?” หลินเสวียนหลานเห็นว่ารอบข้างไม่มีใครแล้วก็ถามขึ้น หินหยกในงานเดิมพันหยกทั้งสิบห้าก้อนเขาดูมาหมดแล้ว หมายเลขสิบห้าดูแล้วเหมือนว่าไม่น่าจะมีแววเหมาะสมอะไร จนกระทั่งทำให้เขาคิดว่านั่นเป็นหินหยกที่ใครเล่นพิเรนทร์ขึ้นมา แม้แต่ชื่อก็ไม่มีเขียนไว้


 


“ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า


 


“คุณบอกผมได้ไหมว่าหินหยกก้อนนั้นมีความพิเศษที่ตรงไหน” หลินเสวียนหลานคนนี้ไม่ได้สงสัยในตัวซีเหมินจินเหลียน แต่เขาสงสัยว่าทำไมคนอื่นต่างไม่สนใจหินหยกก้อนนั้น มีเพียงแต่เธอที่สนใจ?


 


“เป็นเพราะว่ามันไม่มีอะไร ฉันเลยวางเดิมพันลงไปที่มัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “แถมอัตราต่อรองราคายังสูงด้วย”    


 


หลินเสวียนหลานยิ้มฝืนออกมา กี่ปีมานี้เทคนิคการเดิมพันหินต่างสืบทอดกันมาปากต่อปาก แม้ว่าคุณปู่จะถ่ายทอดมาให้เขาอยู่บ้าง แต่ในใจเขาก็รู้ดีว่านั่นเป็นแค่ผิวเผิน แค่สามารถพอเป็นทางเอาตัวรอดได้ ถ้าหากจะดูหินจริงๆ เขายังไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น แม้ว่าเขาจะมีการเดิมพันหินเป็นงานอดิเรกและรักในหยกก็ตาม


 


ส่วนซีเหมินจินเหลียน เห็นได้ชัดว่าเธอไปถึงขั้นบรรลุในบรรลุแล้ว ตอนนี้เขาและซีเหมินจินเหลียนแม้ว่าจะสนิทกัน แต่เรื่องเทคนิคการเดิมพันหิน เธอกลับไม่บอกอะไรเขาทั้งนั้น แน่นอนว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของซีเหมินจินเหลียนดี  ถ้าเปลี่ยนเป็นเขา เขาก็คงไม่นำเทคนิคเช่นนี้ไปบอกคนอื่นง่ายๆ หรอก


 


“คุณวางไปเท่าไหร่” จ่านมู่ฮวากลับมาแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็เอ่ยปากถามขึ้นมาก่อน


 


“สองล้าน ผมไม่กล้าวางเยอะ อย่างที่คุณพูด เหลือไว้สำหรับพรุ่งนี้ดีกว่า” จ่านมู่ฮวาพูด


 


ซีเหมินจินเหลียนทำได้แค่ยิ้ม ถ้าหากการเดิมพันหินมีการโกงเกิดขึ้น เธอก็ไม่มีความสนใจมากพอ


 


“จริงสิ พรุ่งนี้มีกิจกรรมนิดหน่อย น่าจะเป็นกิจกรรมที่พวกเขาจัดขึ้น” จ่านมู่ฮวาพูด


 


“หือ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม “กิจกรรมอะไร”


 


“คุณดูนี่” จ่านมู่ฮวาเห็นห้องโถงข้างในที่มีแต่ความวุ่นวายก็พูดขึ้น “ที่นี่คนที่เข้าใจในการเดิมพันหินหยกมีไม่เยอะ คนส่วนมากจะเป็นคนนอกสายเหมือนผม มีเงินและชอบการเดิมพัน เพราะอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเขาก็เตรียมที่จะเพิ่มความท้าทายขึ้น ผู้จัดงานหลายแห่งจะรวบรวมหินหยกมากองหนึ่งแล้วเดิมพันทั้งหมดในราคาถูก และเปิดในงานตอนนั้นเลย สิ่งที่น่าตื่นเต้นก็คือการขายหยก”


 


“จะถูกขนาดไหนกัน” หลินเสวียนหลานถามอย่างสงสัย ถ้าหากถูกจริง ถ้าอย่างนั้นก็น่าลองเสี่ยงโชคดูสักหน่อย


 


“รายละเอียดผมยังไม่รู้ พรุ่งนี้ตอนกลางคืนค่อยว่ากัน!” จ่านมู่ฮวาพูด


 


“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า จ่านมู่ฮวาส่งสายตาไปที่เธอ เมื่อหลินเสวียนหลานเห็นเข้าก็ไม่รอให้เขาเปิดปากก็พูดออกมา “ผมก็ตามทิศทางลมไปวางเดิมพันด้วยสักหน่อยดีกว่า ต้องหาเงินสักหน่อยแล้ว”


 


“โอเค พวกเราวางลงที่หมายเลขสิบห้า แล้วก็ของราชานักเดิมพันหิน เจียหยวนฮวา อย่างอื่นคุณไม่ต้องวางลงไป อัตราต่อรองต่ำเกิน คิดว่าคนที่ไปทางชื่อเขาคงมีเยอะ เพราะอย่างนั้นผู้จัดงานปรับเปลี่ยนอัตราต่อรองแล้ว” จ่านมู่ฮวาท่าทางมีความรู้พูดกำชับ


 


“ขอบคุณมาก” หลินเสวียนหลานพูด ความจริงเขารู้ว่าซีเหมินจินเหลียนสนใจหมายเลขสิบห้า เขาก็ไม่เลือกอย่างอื่นแล้ว เขาเชื่อมั่นในความสามารถในการเดิมพันหินของซีเหมินจินเหลียน


 


“คุณอยากจะพูดอะไรกับฉัน?” ซีเหมินจินเหลียนถาม    


 


“จินเหลียน คุณเดิมพันหยก แน่นอนว่าต้องมีหินหยกที่แพ้เดิมพันหรือว่าเศษหยกบ้างใช่ไหม?” จ่านมู่ฮวาถาม


 


“ใช่ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ไม่ว่าใครที่เดิมพันหินก็ต่างมีของแบบนี้ หินหยกที่เดิมพันแพ้พวกนั้น เมื่อเปิดออกมาข้างในคงเป็นหินสีขาว แต่นี่เป็นหินหยกจริงๆ ที่ไม่มีความเหมือนกับหินก่อสร้าง หรืออาจจะแกะสลักเป็นสินค้าหรือเครื่องประดับชั้นต่ำ ในตลาดกลางคืนหรือว่าตั้งขายข้างทาง ก็อาจจะได้สิบหยวนไปจนถึงกี่ร้อยหยวน ถ้าหากฝีมือดีสามารถขายถึงหลักพันหยวนได้


 


“เรื่องนี้ แม้ว่าคุณนายซูจะไม่ได้พูด แต่ผมก็รู้ เกรงว่าน่าจะเป็นเศษหยกไร้ค่าที่เก็บสะสมมาในช่วงนี้เอามาทำให้คนตื่นตาตื่นใจ ในเมื่อพวกเขาทำแบบนี้ คุณเองก็เอาเศษหินหยกที่ไร้ค่าออกมาจัดการได้ครั้งเดียวจบไม่ใช่เหรอ?” จ่านมู่ฮวาแนะนำ


 


 ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้า เธอมีความสามารถในการมองทะลุผ่าน ถ้าในการเดิมพันหินขี้โกงแบบนี้ แม้ว่าจะได้ผลประโยชน์กลับมาก็จริง แต่ทำเช่นนี้ไม่ได้ ถ้าหากมีคนที่ใช้หินหยกที่เป็นเศษเหลือนั่นจริงๆ ก็ถือว่าไร้จิตสำนึกและคุณธรรมในตัวมาก อนาคตคงต้องทุกข์ทนทรมาน


 


“ไม่ดีกว่า เศษหยกของฉันถูกคนตัดเป็นก้อนเต้าหู้เล็กหมดแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม เธอปฏิเสธอย่างอ้อมๆ เธอรู้ว่าจ่านมู่ฮวากำลังช่วยเธอคิดหาทาง ในเมื่อบริษัทจิวเวอรี่เจ้าอื่นทำเช่นนี้ เธอก็น่าจะลองดูบ้าง ไม่มีอะไรที่เสียหาย


 


“ใครกันที่ว่างขนาดนั้น” จ่านมู่ฮวาพูด


 


“คุณคิดว่าไงล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามย้อนกลับ


 


“คิดว่านอกจากน้องชายผมแล้ว คงไม่มีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้หรอก” จ่านมู่ฮวาพูด


 


“รอผ่านไปสักหน่อย ฉันจะทำไพ่หยกนกกระจอก คุณก็มาเล่นด้วยกันสิ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม เมื่อคิดถึงหินหยกที่ไร้ค่าพวกนั้น หากปล่อยไปก็เสียดายของ ถ้าว่างก็สู้จัดการฝังหยกเนื้อแก้วสีเขียวสดแท้ไว้ด้านหลัง ฝั่งสีขาวแกะสลักเป็นตัวอักษรทำเป็นไพ่นกกระจอก ก็น่าไม่เลวเลย ไพ่นกกระจอกพวกนี้สามารถเป็นของให้ความบันเทิงแก่เธอได้ด้วย


 


“ถ้าคุณอยากจะทำมันออกมาจริงๆ ผมก็จะไปเล่นไพ่นกกระจอกที่บ้านคุณ แม้ว่าจะแพ้คุณก็ตาม”  จ่านมู่ฮวาพูด การเดิมพันใหญ่ข้างหลังถึงเวลาแล้ว พวกเราไปดูกันไหม?”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม