สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด บทที่ 4 ตอนที่ 6-12

 บทที่ 6 อยู่ด้วยกันตลอดไป

โดย

Ink Stone_Fantasy

โยวเย่ไม่ได้เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญด้านทักษะการใช้ชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการคิดค้นประดิษฐ์อีกด้วย


เธอมีเวลาเหลือเฟือมากมายที่จะค้นคว้าวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ต่างๆ ที่มีอยู่ทุกวันนี้ได้อย่างเต็มที่ แน่นอนว่า ก็ต้องอาศัยสติปัญญาที่มากพอในร่างกายที่สร้างขึ้นด้วยการเล่นแร่แปรธาตุนี้


เพียงแต่เจ้าของร้านลั่วซักถามกฎเกณฑ์ด้านวิทยาศาสตร์มาหลายร้อยพันครั้งแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าถึงแม้จะเป็นคนธรรมดามีเวลาสามร้อยปีก็ยากที่จะทำอะไรแบบนี้ได้


ขอเพียงมีเวลามากพอ


“นายท่านคะ”


ขณะที่เขากำลังลูบนู่นคลำนี่ในห้องทดลองขนาดใหญ่โตด้วยความอยากรู้ราวกับเด็กน้อยอยู่ โยวเย่ก็เดินมา


สวมเสื้อคลุมยาวสีขาวอีกแล้ว


ลั่วชิวรับแฟ้มเอกสารมาจากมือคุณสาวใช้ เขาอ่านเนื้อหาข้างในพลางฟังที่โยวเย่พูด “นายท่านเชิญอ่านค่ะ ฉบับแรกเป็นยาสองตัวที่หาเจอจากตัวหลินเกิง ฉบับที่สองคือตัวยาที่นายท่านใช้ไม่หมดในครั้งที่แล้วซึ่งได้มาจากเจสสิก้าค่ะ”


ลั่วชิวฟังถึงตรงนี้แล้วก็มองร่างที่พิงอยู่ตรงมุมกำแพงแวบหนึ่ง ไม่ใช่ว่าที่นี่ไม่มีผู้ดูแล ตรงกันข้ามที่นี่มีผู้ดูแลที่จงรักภักดีอย่างยิ่ง และไม่เคยรู้สึกเหนื่อยล้า


หุ่นยนต์มนุษย์ AI *ตัวหนึ่ง


ว่ากันว่าระบบการคิดขั้นพื้นฐานของมันถูกพัฒนาจากการค้นคว้าวิจัย แต่ก็ยังไปไม่ถึงระดับปัญญาประดิษฐ์ที่พอจะสามารถพัฒนาการได้อัตโนมัติจริงๆ


ใกล้ๆ ห้องทดลองยังมีอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ข้างในก็มีหุ่นยนต์ AI ตัวหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนกัน ไม่เคยโผล่ออกไปข้างนอก ถ้าคุณสาวใช้พบสิ่งที่น่าสนใจจากที่ไหนสักแห่ง แต่ถ้าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ก็มักจะใช้วิธีการส่งพัสดุกลับมาที่อะพาร์ตเมนต์ก่อน


หลังจากนั้นในที่สุดของก็ส่งมาถึงที่นี่ด้วยการควบคุมโดรนจากอะพาร์ตเมนต์ ถือว่าประสบความสำเร็จในการควบคุมระยะไกลอย่างสมบูรณ์


แน่นอนว่า…นี่เป็นเพราะตอนนี้สมาคมไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว


เขากำลังมองหุ่นยนต์ตัวที่ถูกตั้งชื่อให้ว่าอดัมตัวนี้…ใช่แล้ว อีกตัวในอะพาร์ตเมนต์ก็ตั้งชื่อให้ว่าอีฟ


สรุปก็คือตอนที่ดูอดัมตัวนี้ เจ้าของร้านลั่วทอดถอนใจขึ้นมาอีกครั้ง ‘ปล้นชิงมาจากองค์การนาซ่าจริงๆ ด้วยสินะ?’


เขายังพบหนังสือรายงานข้อมูลชุดหนึ่งจากวงในที่เหมือนจะเป็นดาวเทียมพลเรือน…


ลั่วชิวรู้ว่า ยาที่หลินเกิงใช้เป็นสารชนิดหนึ่งที่กระตุ้นเซลล์สมองได้ ขอเพียงควบคุมปริมาณการใช้ได้ ก็จะทำให้ผู้คนฉลาดและกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น แต่ถ้าใช้ปริมาณมากเกินไปกลับทำให้เกิดอาการบ้าคลั่งได้ แต่ยาตัวที่สองที่เขาซ่อนไว้ก็เป็นตัวยาที่สมาคมไมเคิลนั่นปล่อยออกมาจำนวนมากเพื่อรีดเงิน เห็นได้ชัดว่าเป็นชนิดที่เจสสิก้าตามสืบอยู่นั่นเอง


สิ่งที่รู้ในขณะนี้คือสมาคมไมเคิลผลิตยาทั้งหมดสองชนิด


จากส่วนประกอบเป็นสารเคมี…ลั่วชิวไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลยสักนิด ก็เลยพลิกไปลองอ่านสรุปรายงานในหน้าสุดท้ายเลย


ตัวยาชนิดที่สองนี้ใช้ส่วนประกอบที่โลกรู้ผสมขึ้นมา แต่ตัวยาชนิดแรกกลับไม่สามารถแกะโครงสร้างส่วนประกอบจากสารประกอบที่รู้จักได้เลย


เพราะว่า ‘ยาฉลาด**’ ในชนิดแรกมีส่วนประกอบสารเคมีที่แปลกประหลาดสองชนิด พวกมันไม่ใช่สสารที่โลกรู้ว่านำมาใช้เป็นสารเสพติดได้ และหลังจากผ่านการเปรียบเทียบฐานข้อมูลแล้ว ถึงได้ค้นพบต้นกำเนิดของสสารสองชนิดนี้


“เลือดของแดร็กคิวล่าและสมองมนุษย์หมาป่า?”


“ใช่ค่ะ”


โยวเย่ดันกรอบแว่นสีดำบนใบหน้าขึ้น พูดอย่างมีหลักการว่า “ในนี้ก็สำรองเลือดของแดร็กคิวล่า รวมทั้งสมองมนุษย์หมาป่าจำนวนหนึ่งเอาไว้ค่ะ ก่อนหน้าที่จะไปยังมอสโกอีกครั้ง ฉันได้ให้อดัมทดลองใช้ส่วนประกอบสารเคมีที่วิเคราะห์ออกมา ทดลองผลิตตัวยาชนิดแรกอีกครั้ง…อืม อีกไม่นานก็น่าจะได้ตัวยาออกมาแล้ว ถึงตอนนั้นหากทำการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิก*** อีกสักหน่อย…”


ทันใดนั้นคำพูดของคุณสาวใช้หยุดชะงักลงกะทันหัน


สาเหตุคือเจ้าของสมาคมวางเอกสารในมือลง และยื่นมือมาถอดกรอบแว่นสีดำบนใบหน้าของเธอ


ลั่วชิวพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันบอกแล้วว่าครั้งนี้จะมาเที่ยวสถานที่เก่าแก่เป็นเพื่อนเธออีกรอบ เธอทำแบบนี้จะต่างอะไรกับเวลาปกติล่ะ?”


โยวเย่ส่ายหน้าตอบ “ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานมากค่ะ ไม่ถือว่าเป็นสถานที่เก่าแก่อะไร”


ลั่วชิวกลับบอกว่า “แต่ว่า ระยะเวลาที่ฉันรู้จักเธอมายังไม่ถึงสามเดือนเลยด้วยซ้ำนะ และที่นี่ก็มีช่วงเวลาในอดีตของเธอด้วยไม่ใช่เหรอ?”


ลั่วชิวพับขากรอบแว่นสีดำแล้ววางไว้บนโต๊ะเบาๆ แถมวางไว้ตรงตำแหน่งของมันพอดี แล้วบอกว่า “เราจะอยู่ด้วยกันไปอีกนาน”


โยวเย่สบตาทั้งคู่ของลั่วชิวตรงๆ นัยน์ตาสีฟ้าไพลินคู่นั้นเยือกเย็นและเงียบเหงามากมาโดยตลอด เพราะว่านัยน์ตาสีฟ้าไพลินคู่นี้แท้จริงแล้วสร้างขึ้นมาจากพลอยสีฟ้าหลังจากที่ขัดเงาแล้ว


แต่ทุกวันนี้ นัยน์ตาพวกนั้นนอกจากมีประกายความเยือกเย็นแล้ว เหมือนจะมีประกายความอ่อนโยน…ประกายความอบอุ่นค่อยๆ แผ่ซ่านออกมาช้าๆ โยวเย่พูดเสียงแผ่วเบาว่า “อดัม หยุดการทดลองก่อนเถอะ”




นิคิตะรู้สึกเหมือนตัวเองจะดวงดีขึ้นมาแล้ว!


ใช้ชีวิตมาสามสิบเอ็ดปี แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยรู้สึกโชคดีอย่างวันนี้เลย สาเหตุน่ะเหรอ…ก็ต้องเป็นเพราะผู้ชายที่ชื่ออันทอนตรงหน้าคนนี้ไง


ช่างแข็งแรงเหลือเกิน แข็งแรงจนไม่เหมือนคนเลยสักนิด! นิคิตะรู้สึกว่ามีแต่พวกนักมวยที่ถูกฝึกอย่างเข้มงวดบนที่ราบสูงไซบีเรียเพื่อชกมวยในสังเวียนนอกกติกาเท่านั้น ถึงจะเทียบชั้นได้กับเจ้าร่างกำยำคนนี้


สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ เขารู้สึกว่าอันทอนคนนี้ไม่ฉลาดทันโลกเอาเสียเลย แต่ไร้เดียงสาเสียจนเหมือนเด็กคนหนึ่ง เห็นเจ้าหมอนี่กำลังกินเซตอาหารเด็กที่เสียบธงชาติอยู่ด้วยแววตาไม่สนใจคนอื่นเลยสักนิด แถมยังกินอย่างออกรสชาติจนใบหน้าเลอะน้ำซอสไปหมดแล้ว?


เจ้าหมอนี่ที่อยู่ตรงหน้า ใช่แล้ว!


นี่มันคนไร้เดียงสาและอ่อนประสบการณ์ต่อโลกขนาดไหนกัน!


“อันทอน คุณบอกว่าช่วงนี้คุณไม่มีที่อยู่ บัตรประจำตัวประชาชนก็หายใช่ไหม?” นิคิตะหรี่ตายิ้มถาม


“ใช่ครับ” อันโตนิโอ…อันทอนพูดไหลไปตามความคิดของตนเอง “แต่ผมคิดจะทำบ้านไม้สักหลังบนต้นไม้ในสวนสาธารณะ! อานิคิตะ ผมจะบุกเบิกพื้นที่ที่เป็นแค่ของผมคนเดียว!”


“พี่นิคิตะ!” นิคิตะก็แก้ให้ถูกต้อง “ไม่สิ เรียกฉันนิคิตะเลยดีกว่า!”


“อ้อ!” อันโตนิโอพูด “นิคิตะ รอผมเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว ผมจะเชิญคุณเป็นแขกคนแรกของผมเลย!”


ที่ดินล่ะ…เจ้าหมอนี่คงไม่เพี้ยนหรอกใช่ไหม? นิคิตะพินิจพิจารณาอันทอนอีกครั้ง ตอนแรกเขารู้สึกว่าเจ้าหมอนี้อาจจะล้อเขาเล่น แต่ผ่านช่วงเวลาอาหารมื้อเดียวไปไม่นานนัก ก็พบข้อสงสัยมากมาย นิคิตะรู้สึกว่าบางทีเจ้าหมอนี่คงเป็นพวกไอคิวมีปัญหา


“แต่อันทอน สร้างบ้านต้องใช้เงินเยอะมาก คุณมีหรือเปล่า?”


“มีสิ!” อันโตนิโอพยักหน้าตอบ “ผมมีเงินแปดพันสามร้อยรูเบิล…โอ๊ย!ลืมเลย เมื่อตอนบ่ายผมซึ้อเค้กช็อกโกแลตไปก้อนหนึ่ง ตอนนี้เหลือแค่แปดพันหนึ่งร้อยแปดสิบรูเบิลเอง”


ตอนนี้นิคิตะไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย เขาพูดว่า “อันทอน น่าเสียดายที่ผมต้องบอกคุณว่า อันที่จริงแล้วเงินของคุณไม่มากพอให้คุณสร้างบ้านได้สักหลังหรอกนะ”


“หา? งั้นทำยังไงดีล่ะครับ?” อันโตนิโอมีสีหน้างุนงง


“แค่เงินไม่พอเอง ง่ายมาก! เพราะเราหาเงินได้ จริงไหม?” ในตอนนี้นิคิตะก็พูดอย่างมีเลศนัยว่า “ผมรู้จักที่แห่งหนึ่งที่พอจะหาเงินได้เยอะ คุณอยากไปไหมล่ะ?”


“จริงเหรอครับ?” อันโตนิโอแววตาเป็นประกาย แต่กลับพูดอย่างลังเลว่า “แต่ว่า ต้องทำอะไรล่ะครับ? ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีผมไม่ทำหรอกนะ!”


“ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร” นิคิตะยิ้มตาหยีบอกว่า “ก็แค่ขึ้นสังเวียนต่อสู้กับคนอื่นเท่านั้นเอง! อันทอน คุณเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลย ด้วยความสามารถของคุณแล้ว ขอแค่ขึ้นไปบนสังเวียนได้ก็เอาชนะอีกฝ่ายได้สบายๆ แล้ว!”


“ต่อสู้?” อันทอนคาดไม่ถึงก็ส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ได้ พ่อผมบอกว่ามีแต่เด็กไม่ดีเท่านั้นถึงจะทำร้ายคนอื่น ผมไม่ไปหรอก”


นิคิตะนิ่งอึ้ง อึ้งไปนานสักพักถึงพูดว่า “คุณยังเป็นเด็กอยู่หรือไง? คุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ยังจะเชื่อฟังคำพูดอะไรของพ่ออีก? ผมจะบอกอะไรคุณให้ มีเพียงไอ้งั่งหรือหนอนหนังสือเท่านั้นถึงจะเชื่อฟังคำสั่งของพ่อ!”


“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ!!” อันโตนิโอสูดลมหายลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วบอกว่า “สู้ก็สู้สิ! ผมก็ไม่กลัวใครเหมือนกัน!เพราะตอนนี้ผมแข็งแกร่งกว่าพ่อผมเสียอีก!”



กริ๊ง!


นิคิตะได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น ฟังเสียงโห่ร้องที่ดังระเบิดรอบทิศทาง มองดูนักมวยคนหนึ่งบนสังเวียนล้มกองอยู่บนพื้น ดูท่าคงลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้ว พอกรรมการยกแขนอันทอนขึ้นมาประกาศชัยชนะ เขาก็มีความสุขราวกับว่าได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์เลย!


“เจ้าหมอนี่แข็งแรงเหลือเกิน! แข็งแรงมากจริงๆ!”


นิคิตะทำตามผู้ชมที่อยู่รอบๆ … ส่งเสียงโห่ร้องไปพร้อมกับบรรดาผู้เข้าชม “ฉันรวยแล้ว!ฉันรวยแล้ว! ฉันรวยแล้ว!! อันทอน คุณคือพระเจ้าของผม! โอ้ว สวรรค์ พระเจ้า! ผมรวยแล้วจริงๆ!! ว้าว!! ว้าว!!!”



ในตอนค่ำ โอเล็กอยู่ในบ้านคนเดียว มองกรอบรูปในมืออยู่เงียบๆ เขาที่ดื่มเหล้าจนมึนเมาก็พูดพึมพำกับตัวเอง “อันโตนิโอ ลูกอยู่ที่ไหนกันแน่…”


หุ่นยนต์มนุษย์ AI * คือหุ่นยนต์เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ (Artificial Intelligence: AI)


ยาฉลาด** หรือที่ถูกเรียกว่ายาโมดาฟินิล ถือเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท มีผลต่อเคมีสมอง วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของโมดาฟินิล ผลิตขึ้นเพื่อรักษาโรคง่วงหลับรุนแรง (Narcolepsy) และเมื่อใช้ไปอย่างต่อเนื่องผิดวิธีอาจเข้าขั้นเสพติดอาจเสี่ยงอันตรายต่อสมอง แต่ยังไม่ได้ถูกจัดให้เป็นยาเสพติด


การวิจัยเชิงทดลองทางคลินิก*** คือชุดของกระบวนการในการวิจัยทางการแพทย์และการพัฒนายาที่ทำขึ้นเพื่อประเมินข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัย (รวมทั้งผลไม่พึงประสงค์จากยาและผลข้างเคียงของวิธีการรักษา) และประสิทธิภาพของเครื่องมือต่างๆ ในการให้บริการสุขภาพ (เช่น ยา การตรวจ อุปกรณ์ วิธีการรักษา ฯลฯ) การวิจัยจะเริ่มขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้มีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากการศึกษาที่ไม่ใช่ทางคลินิกจนได้ข้อมูลที่น่าพอใจ และผ่านการรับรองขององค์กรจริยธรรมที่เกี่ยวข้อง


บทที่ 7 คำสัญญาของลูกผู้ชาย

โดย

Ink Stone_Fantasy

เจสสิก้าในชุดหนังสีดำ จากเดิมผมยาวสีบลอนด์ก็ซอยผมบ๊อบสั้นแบบผู้ชาย เธอนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ซึ่งหยุดอยู่กลางถนน


ในพื้นที่วุ่นวายฝั่งตะวันออกกลางแห่งนี้


ตอนที่รถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งแล่นมาตรงหน้า ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และบีบแตรยาวเสียงดัง ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้คิดจะหลบไปเลย


ในที่สุดรถบรรทุกจำต้องหักหลบ แล้วชายสองคนซึ่งใช้ผ้าพันคอพันปิดบังใบหน้าไว้ก็ลงมาจากรถ


ใช่แล้ว ในมือของพวกเขายังมีปืนด้วย และเป็นปืนที่ค่อนข้างนิยมในตะวันออกกลางนี้อีก คนทั่วไปเรียกว่า…น่าจะเป็นปืนไรเฟิลที่มีชื่อทางวิชาการว่า AK47


“แกเป็นใคร!”


“หลีกไป!”


ชายสองคนใช้ปืนจ่อไปทางเจสสิก้า และพูดคำรามด้วยสำเนียงแถบตะวันออกกลางอย่างดุดัน


แต่ใบหน้าของเจสสิก้ากลับมีรอยยิ้มน่าหลงใหลปรากฏขึ้นมา แต่ว่าชายหนุ่มสองคนนี้อยากจะเรียกว่าเป็นรอยยิ้มเยือกเย็นเสียมากกว่า


พวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ พอพวกเขาสบตากันแวบหนึ่งก็ตัดสินใจได้ทันที พวกเขาตัดสินใจยิงสาดใส่ผู้หญิงที่ขวางทางคนนี้


แต่ทว่า วินาทีที่พวกเขากำลังเตรียมจะเหนี่ยวไกปืน หญิงสาวชุดหนังสีดำตรงหน้าคนนี้กลับยื่นมือออกมาเร็วปานสายฟ้าฟาด ล้วงปืนพกสีเงินกระบอกหนึ่งออกมาจากแผงคอหน้ารถมอเตอร์ไซค์


เล็งเป้าแล้วยิงอย่างรวดเร็ว สองนัดที่แม่นยำอย่างหาใครเทียบได้ยาก แต่ละนัดเล็งตรงหว่างคิ้วของชายทั้งสองคนซึ่งนิ้วมือของพวกเขาเพิ่งจะเหนี่ยวไกไปได้แค่ครึ่งทาง


ปังๆ!


บนถนนยาวสุดลูกหูลูกตามีเสียงปืนดังลั่น


“สมควรตาย!


ในวินาทีเดียวกันนั้นเองที่ด้านหลังรถกระบะ ชายสี่คนซึ่งถือปืนไรเฟิลเหมือนกันก็โผล่ออกมา หนึ่งในนั้นยังสะพายสายกระสุนบนลำตัวอีกด้วย พวกเขามองเหยียดหยามผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง!


และในเวลานี้เอง เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นราวกับสัตว์ป่าคำราม ขณะเดียวกับที่สองมือของเจสสิก้าคว้าแฮนด์บังคับมอเตอร์ไซค์เอาไว้แน่น พอกดโช๊คอัพล้อหน้าแรงๆ แล้ว ก็ออกแรงดึงล้อหน้าขึ้นมา แรงผลักมหาศาลของล้อหลังทำให้มอเตอร์ไซค์แทบตั้งขึ้นในแนวดิ่งทั้งคัน


แล้วมอเตอร์ไซค์ก็พุ่งตรงเข้ามาทางชายหนุ่มสามสี่คนราวกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง หลังจากเจสสิก้าชักปืนพกสีเงินออกมาจากแผงหน้ามอเตอร์ไซค์แล้ว แล้วก็ชักปืนพกสีดำอีกกระบอกออกมาจากต้นขาซ้ายของตนเอง


แม้ใช้ปืนคู่ก็ยังยิงไปทางซ้ายขวาของรถมอเตอร์ไซค์ได้อย่างแม่นยำ!


ในวินาทีที่ร่างของชายสามสี่คนร่วงลง แล้วรถมอเตอร์ไซค์ก็เบรกกะทันหันก่อนถึงไฟหน้ารถบรรทุก


ขาวยาวๆ ของเจสสิก้าวาดไปข้างหลังเพื่อลงจากมอเตอร์ไซค์ เธอหักคอมอเตอร์ไซค์เอียงเบาๆ แล้วเดินมาด้านบนรถบรรทุก


ตรงนี้เจสสิก้ามองเห็นเด็กสิบกว่าคนตั้งแต่เจ็ดแปดขวบถึงสิบสองสิบสามขวบโดยประมาณ พวกเขากอดกันแน่น มองหญิงสาวที่ยืนอยู่บนรถบรรทุกคันนี้ด้วยความตื่นกลัว


“ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันจะพาพวกเธอกลับบ้านเอง” เจสสิก้ามองดูเด็กกำพร้าพวกนี้ราวกับมองตัวเองในตอนนั้น เสียงพูดของเธอก็ดูอบอุ่นอ่อนโยนเล็กน้อย แล้วเก็บปืนพกสีดำสีเงินเรียบร้อย


และในตอนนั้นเอง


“อัลเลาะห์ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่!”


ชายหนุ่มคนหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากด้านหลังรถบรรทุก สงสัยเขาคงซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลังรถบรรทุกตั้งแต่แรกแล้ว และในมือของชายหนุ่มก็ยังถือลูกระเบิดมือลูกหนึ่ง!


เขากำลังคิดจะปลดสลักระเบิดมือออก!


เพียงไม่นาน ดวงตาเจสสิก้าราวกับมีสายฟ้าแลบ เธอโบกสะบัดแขนในทันที! ลำแสงเจิดจ้าสีฟ้าม่วงก็ยิงพุ่งออกมาจากลำแขนของเธอแล้วพุ่งไปที่ร่างของชายหนุ่มคนนั้น


ราวกับชายหนุ่มกลายเป็นตัวนำไฟฟ้า เขาถูกกระแสไฟฟ้าแรงสูงจู่โจมไปทั่วร่างกายอย่างบ้าคลั่งเขาชาไปทั่วตัวแล้วก็สลบไป


เขาไม่รู้สึกตัวอีกตลอดกาล เพราะเขาได้ตายไปแล้ว


“พี่สาว…พี่เป็นนางฟ้าใช่ไหม?” เด็กน้อยคนหนึ่งมองฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ พูดออกมาอย่างลืมตัว


“นางฟ้า?” เจสสิก้าส่ายหน้าแต่กลับพูดอีกว่า “ฉันเป็นแค่คนที่มาล้างแค้นเท่านั้น ไหนบอกฉันสิว่าบ้านพวกเธออยู่ที่ไหนกันบ้าง”


เธอต้องรีบพาพวกเด็กจำนวนมากพวกนี้ส่งกลับบ้านให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นอาศัยวิธีการติดต่อสื่อสารบนรถบรรทุกคันนี้ ติดต่อไปที่ไหนสักแห่ง


ขั้นตอนต่อไปก็คือขุดรากถอนโคนฐานที่มั่นนี้ หนึ่งในฐานที่มั่นของสมาคมไมเคิลก็มีอยู่ในโลกตะวันออกกลาง


หลังจากออกไปจากประเทศฝั่งตะวันออกนั่นแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ถอนรากถอนโคนฐานที่มั่นแบบเดียวกันไปสองแห่งแล้ว


แค่กำจัดได้เพิ่มมากขึ้น!


เจสสิก้ามองดูฝุ่นที่ตลบขึ้นมา พูดในใจว่า ‘ฉัน…กำลังไป!’


เจสสิก้าขับรถบรรทุกคน แล้วออกแรงหักเลี้ยวพวงมาลัยให้รถบรรทุกกลับรถอย่างรวดเร็ว ยางล้อเสียดทานกับพื้นผิวถนน ทำเอาศพที่อยู่บนพื้นกระเด็นออกไปอย่างแรง


ศพที่อยู่บนพื้น ถูกกระแทกกระเด็นลอยออกไปทันที




เวลานี้ร่างกายสูงใหญ่ลอยพ้นเชือกสังเวียนออกมา แล้วร่วงลงบนพื้นอย่างแรง ผู้ชมที่ล้อมรอบข้างๆ สังเวียนแตกฮือกันทันที ด้วยเหตุนี้คนที่กระเด็นลอยออกมาจากสังเวียนจึงได้แต่กระแทกลงบนพื้นอย่างแรง


เจ้าหมอนี่ลุกขึ้นไม่ไหวแล้ว!


ผู้ชมถือเงินแทงข้างนักมวยคนนี้ต้องรู้สึกผิดหวังอย่างแน่นอน


“อันทอน!อันทอน! อันทอนของพวกเรา!เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้อีกครั้งแล้ว!นับตั้งแต่การแข่งขันเมื่อสองวันก่อน นี่คงจะเป็นชัยชนะครั้งที่เจ็ดของอันทอน! ตำนานได้เกิดขึ้นแล้วใช่หรือไม่? โอ้! สวรรรค์ อันทอน คุณคือนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดที่เราเคยเห็นมาเลย!ส่งเสียงให้เขาหน่อย!!”


กรรมการนั่นชูแขนของอันทอนขึ้น โห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง!


“อันทอน!” “อันทอน!” “อันทอน!”


เสียงโห่ร้องในสถานที่แข่งขันยังคงดังต่อเนื่องตลอด แต่ว่าอันทอน…อันโตนิโอกลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาถึงเบื่อหน่ายการตะโกนโห่ร้องอย่างบ้าคลั่งของคนพวกนี้


เขาเดินลงมาจากสังเวียนโดยไม่พูดอะไรสักคำ และไม่สนใจคำพูดของนิคิตะที่เดินมาหาเขาด้วย เขามุ่งหน้าเดินไปที่ห้องพักผ่อน


นิคิตะเดินตามมาตลอดทางจนถึงห้องพักผ่อนแล้วก็ปิดประตู หลังจากเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เดินมาตรงหน้าอันทอน พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เป็นอะไรไป? หรือว่าเมื่อกี้ไม่ดีใจที่เอาชนะเจ้าหมอนั่นได้?”


อันทอนส่ายหน้า เขามองนิคิตะ ฉับพลันก็ถามขึ้นว่า “นิคิตะ วันนี้หาเงินมาได้มากเท่าไร?”


“รายได้วันนี้ไม่เลวเลยล่ะ!” พูดถึงเรื่องนี้แล้ว นิคิตะอดพูดด้วยความดีใจไม่ได้


“นิคิตะ ตอนนี้เงินของผมพอสร้างฐานทัพบนต้นไม้ได้แล้วหรือยัง?”


นิคิตะนิ่งงัน เขาลืมไปสนิทเลยว่ายังมีเรื่องนี้ด้วย!


อันที่จริงแล้ว เวลาแค่สองสามวันจากที่อันทอนได้รับชัยชนะบนสังเวียน เขาไม่เพียงแต่ได้รับเงินรางวัลจำนวนมหาศาล จนถึงกับแอบวางเดิมพันไว้อีก ขณะเดียวกันก็หาเงินมาได้เยอะมาก นี่เป็นเงินมากที่สุดเท่าที่เขาหามาได้ตลอดทั้งชีวิตของเขาเลย!


“โอ้!อันทอนที่รัก คุณน่าจะรู้นะว่า อยากสร้างฐานทัพบ้านต้นไม้สักหลัง มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย!” ตอนนี้นิคิตะพูดคล้ายกับเป็นเรื่องใหญ่โตว่า “คุณต้องรู้นะว่า ต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้นไม่ใช่แค่ต้นไม้ต้นเดียวเท่านั้น! มันยังอยู่บนที่ดินด้วย! ที่ดินน่ะคุณเข้าใจไหม? ถ้ามันไม่ใช่ที่ส่วนบุคคล ก็เป็นของประเทศ! ดังนั้น คุณต้องซื้อที่ดินแปลงเดียวกับใต้ต้นไม้ด้วย ถึงจะถือว่าครอบครองต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นไว้ได้จริงๆ! แต่การซื้อขายที่ดินนั้น คุณต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาลเลย!”


อันทอนส่ายหน้าพูดว่า “แต่ผมไม่อยากขึ้นชกแล้ว”


นิคิตะรีบพูดทันที “ทำไมคุณถึงไม่ขึ้นชกล่ะ? ไม่มีใครสู้คุณได้เลย! คุณเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่!ขอแค่คุณยืนอยู่บนสังเวียนก็บ่งบอกได้ว่าเงินจะลอยมาอยู่ในกระเป๋าเสื้อคุณเรื่อยๆ และสิ่งที่คุณต้องทำก็แค่โยนคู่ต่อสู้ออกไป! คุณดูสิ นี่เป็นเรื่องง่ายขนาดไหน!”


อันทอนกลับลุกยืนขึ้น


ที่จริงแล้วรูปร่างของเขาสูงใหญ่มากเหลือเกิน นิคิตะจึงต้องเงยหน้ามองเขา แล้วจู่ๆ ในใจของนิคิตะก็รู้สึกหวาดหวั่นแปลกๆ “อันทอน คุณ คุณคิดจะทำอะไร…”


อันทอนส่ายหน้า “นิคิตะ เมื่อกี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมขึ้นชกแล้ว ต่อจากนี้ผมจะไม่ขึ้นชกอีกแล้ว ผมจะไปแล้ว! คุณเอาเงินที่ผมหามาได้ให้ผมเถอะ!”


“อะไรนะ? คุณไม่ขึ้นชกแล้ว! ไม่ได้!” นิคิตะเผลอหลุดพูดเสียงดังราวกับโมโห


สีหน้าอันทอนแสดงความตกใจอยู่ระดับหนึ่ง จนเผลอแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาเลย


บ้าไปแล้ว!


เจ้าคนที่เหมือนหมีไซบีเรียนี้หวาดกลัวเสียงตะโกนของเขาจริงๆ ด้วย! นิคิตะมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ เขาขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่คิดจะบีบบังคับอันทอนเกินไป ใครจะรู้ว่าเจ้าหมอนี้ถูกบีบบังคับเร่งรัดแล้วจะทำเรื่องอะไรบ้าง? ไอคิวหมอนี่ต่ำจะตายไป!


“เอาแบบนี้แล้วกัน อันทอน! ขึ้นชกอีกสามครั้ง!ขอแค่สามครั้งเท่านั้น! หลังจากนั้นพวกเราก็จะไม่ขึ้นชกอีก โอเคไหม?” นิคิตะเจรจาต่อรอง


อันทอนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกมา แถมเจาะจงชูนิ้วก้อยของตนเองออกมา


“นี่…นี่ทำไรน่ะ?”


“เกี่ยวก้อยไง! สัญญาว่าสามครั้ง!” อันทอนพูดอย่างไร้เดียงสา


ใครจะรู้ว่าตอนนี้นิคิตะรู้สึกอย่างไรบ้าง…อย่างไรเขาก็ไม่อยากเชื่อ ไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจดี ในใจรู้สึกเฮงซวยที่ต้องมาเกี่ยวก้อยกับ…


ผู้ชายที่แข็งแกร่งไม่มีใครทัดเทียมคนนี้!!


“นิคิตะ! นี่เป็นคำสัญญาลูกผู้ชายนะ!”


“ตก…ตกลง…”


บทที่ 8 คนเสียสติ

โดย

Ink Stone_Fantasy

พิพิธภัณฑ์เทียทยาคอฟ แกลเลอรี่


วันนี้ไม่ใช่วันจันทร์ จึงอยู่ในช่วงเวลาเปิดทำการ เจ้าของร้านลั่วซึ่งรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งก่อสร้างทั่วทั้งเมืองนี้ไม่มีทางยอมพลาดพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ที่มีชื่อเสียงแห่งนี้แน่นอน


แล้วถ่ายรูปที่ด้านหน้าสถานที่แห่งนี้สักใบ หลังจากส่งรูปไปให้ในมือถือของรองบรรณาธิการเริ่นแล้ว ภารกิจในวันนี้ก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ เขาต้องรายงานความเคลื่อนไหวอย่างน้อยหนึ่งครั้งทุกวัน เป็นการยืนยันว่าโอเคดีอยู่ นี่ก็คือเงื่อนไขน้อยที่สุดของแผนท่องเที่ยวกะทันหันของลั่วชิว


“หากมาถึงเทียทยาคอฟ ก็ต้องลองมาดูภาพ‘สุภาพสตรีนิรนาม*’ สักหน่อยค่ะ” โยวเย่บอกอยู่ข้างๆ ลั่วชิว


ลั่วชิวกำลังดูโบรชัวร์ของพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ ก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “หนึ่งในสิบภาพวาดที่มีชื่อเสียงของโลก น่าทึ่งจริงๆ”


นอกเหนือจากวันที่พิพิธภัณฑ์ปิดทำการแล้ว แต่ละวันพิพิธภัณฑ์เทียทยาคอฟ แกลเลอรี่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลย หลังจากเจ้าของสมาคมและคุณสาวใช้ผ่านจุดตรวจเช็คความปลอดภัยมาอย่างง่ายดายท่ามกลางฝูงชนแล้ว พวกเขาก็เดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์เก่าแก่อย่างพิพิธภัณฑ์เทียทยาคอฟ แกลเลอรี่แห่งนี้


แต่ไหนแต่ไรมาพอเจ้าของร้านลั่วมีเป้าหมาย เขาก็จะพุ่งสู่เป้าหมายเลย ไม่ว่าจะสนใจสิ่งรอบตัวระหว่างทางเดินเพียงใดเขาก็ไม่ได้หยุดอยู่หน้ารูปวาดที่มีชื่อเสียงรูปไหนได้นานสักรูปเลย


ลั่วชิวมองดูลักษณะผู้หญิงในรูปวาด ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ภาพนั้นอยู่ในโซนหลักของบริเวณที่จัดแสดงนิทรรศการ เขามีวิธีการชื่นชมงานศิลปะไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป เขารับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของศิลปินได้อย่างเต็มที่


“คนจำนวนไม่น้อยนึกว่าผู้หญิงที่อยู่ในภาพวาดสุภาพสตรีนิรนาม คือตัวละครหลักในนิยายเรื่องแอนนา คาเรนินา** ผลงานของตอลสตอย***ค่ะ เพียงแต่สำหรับคนธรรมดาแล้วนี่เป็นเรื่องที่ไม่มีทางสังเกตรู้ได้ เลยไม่มีใครคิดว่านี่น่าจะเป็นนักแสดงที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง ราวกับมีเพียงศิลปินเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเธอเป็นใครกันแน่”


ลั่วชิวฟังคำอธิบายของโยวเย่ มันน่าฟังกว่าคำอธิบายของเจ้าหน้าที่ในโซนจัดแสดงนิทรรศการเสียอีก…ที่ลั่วชิวพูดถึงคือเสียงพูดน่ะ


แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ฟังจากปากของเจ้าหน้าที่พาชมก็ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่จะพูดออกมาได้


“แต่ความจริง ผู้หญิงในภาพวาดนี้…”


“เขารักผู้หญิงคนนี้”


มีคนแอบฟังคำพูดของโยวเย่ นั่นคือนักท่องเที่ยวคนหนึ่งในกลุ่มเดียวกันซึ่งยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา


ผมเป็นลอนนุ่มสลวย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนา และยังมีหนวดเคราขึ้นเต็ม แวบแรกที่มองอาจเหมือนอยู่ในช่วงวัยกลางคน


แต่สำหรับลั่วชิวและโยวเย่ซึ่งตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวค่อนข้างไว รู้ว่าอันที่จริงแล้วชายคนนี้เรียกได้ว่ายังหนุ่มอยู่เลย เกรงว่ายังไม่เกินสามสิบปีด้วยซ้ำ


ลั่วชิวกลับไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดที่มีคนแปลกหน้าพูดแทรก หลังจากเขาพิจารณาชายหนุ่มหน้าตาสไตล์รัสเซียคนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างประหลาดใจครู่หนึ่ง เขาก็ถามขึ้นว่า “คุณรู้ได้ยังไงครับว่าคนที่วาดภาพรักนางแบบของเขา? ดูเหมือนเคยมีคนพูดไว้ว่าสุภาพสตรีคนนี้คือหญิงสาวที่ศิลปินวาดตามจินตนาการ”


สายตาของชายหนุ่มซึ่งมีขนดกทั่วเรือนร่างคนนี้กลับหยุดอยู่บนภาพวาด เขาเพ่งสมาธิอยู่ที่รูปวาดนี้ ถึงแม้เขาจะรู้ว่ามีอะไรอยู่รอบข้างบ้าง หรือรู้ว่าข้างๆ มีใครอยู่บ้าง แต่เขากลับทำให้คนคนรู้สึกเหมือนว่า เขายืนอยู่ลำพังตรงหน้าภาพวาดนี้


นี่คือสมาธิที่หาพบได้ยากยิ่ง


เขาพูดว่า “ผมรู้สึกได้”


ทันใดนั้นชายหนุ่มก็หลับตาลง มือซ้ายของเขาแบออกไปตรงหน้าลำตัว นิ้วโป้งทำมุมหักงอเล็กน้อย มือขวาของเขาก็ยกขึ้นมาทำแบบเดียวกัน นิ้วมือเหมือนกำลังจับอะไรอยู่ นั่นคือท่าวาดภาพ


ดูเหมือนเขากำลังพูดกับตนเอง ไม่ได้ตอบคำถามใคร “ผมรู้สึกได้ถึงการลงสีแต่ละครั้ง แต่ละลายเส้น ตอนที่ลงสี ตอนที่ลังเล…ตอนที่เด่นชัด ทำให้ผู้คนประทับใจแบบนั้น”


ราวกับว่าไม่ใช่เพียงแค่พูดโน้มน้าวเท่านั้น แต่ยังทำท่าทางแบบนี้ด้วย มือขวาของเขาขยับไปมากลางอากาศ


ไม่เหมือนท่าทางวาดภาพ…แต่แท้จริงแล้วเขาก็กำลังวาดภาพ วาดภาพอยู่ในใจ


ราวกับว่าเขาใจจดใจจ่อมากเกินไปจนไม่รู้สึกถึงสิ่งต่างๆ รอบตัวเลยสักนิดเดียว ตอนนี้เขากำลังถูกยามสองคนของพิพิธภัณฑ์หิ้วปีกซ้ายขวาแล้วลากออกไปข้างนอก


เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เขายังคงหลับตา ใช้จานสีและพู่กันล่องหนในมือวาดอะไรบางอย่าง


“ขอโทษครับ คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง คนเมื่อครู่นี้ไม่ได้รบกวนพวกคุณใช่ไหมครับ?”


พนักงานในพิพิธภัณฑ์เดินมาตรงหน้าลั่วชิวและโยวเย่ ก่อนถามขึ้นอย่างสุภาพ


ลั่วชิวกลับถามเสียงเบาๆ ว่า “เขารบกวนคนอื่นเหรอครับ?”


พนักงานตะลึงงัน… การตอบกลับแบบนี้น้อยนักที่จะได้เจอ


“ไม่ ไม่ครับ ปกติเขาก็ไม่ได้รบกวนใคร แค่รบกวนพวกเราเท่านั้นเองครับ” พนักงานส่ายหน้า พูดอย่างจนใจที่สุด


พนักงานมองแววตาฉงนของชายชาวตะวันออกที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ แล้วพูดเรียบง่ายว่า “แต่ก่อนเขาเป็นพนักงานของพิพิธภัณฑ์ แต่ทำความผิดบางอย่างเลยถูกไล่ออกครับ แต่หมอนี่ก็ยังปะปนเข้ามาได้ทุกครั้ง…อ้อ คุณผู้ชายครับ คุณจะต้องรู้นะครับ ถ้าซื้อตั๋วเดินเข้ามาตามปกติ พวกเราก็ต้อนรับหมด แต่เขาแอบเข้ามาเอง อืม…คุณน่าจะเข้าใจ แบบนี้เหมือนเป็นการกระทำของคนเสียสติน่ะครับ”


“คุณกลับไปทำงานเถอะครับ” ลั่วชิวพยักหน้า และไม่ได้ถามอะไรอีก


พนักงานยิ้มแล้วพูดว่า “คุณผู้ชายครับ คุณพูดภาษารัสเซียได้ดีจริงๆ ครับ…”


เดิมทีเขาคิดจะชื่นชมสักหน่อย แต่แขกหน้าตาตะวันออกคนนี้เหมือนจะไม่ได้ฟังเลย กลับหันหน้าไปดูภาพวาดต่อ


มีสมาธิเสียจน…เหมือนกับหมอนั่นที่ถูกลากออกไปเมื่อกี้นี้ พนักงานรู้สึกราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถทำลายสมาธิของแขกคนนี้ได้เลย


แปลกพิลึก


จู่ๆ เขาก็รู้ได้ถึงความเย็นยะเยือกแปลกๆ บางอย่าง ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นเทาอย่างน่าประหลาด ก้มหน้าแล้วก็เดินจากไป




วันที่สามแล้วล่ะมั้ง?


ในบ้านของโอเล็กมีกลิ่นเหล้าฉุนมาก กลิ่นแบบนี้เหมือนเน่าไปจนถึงจิตวิญญาณของเขา


เพราะทั้งเนื้อตัวเขาดูเหมือนเหม็นเน่าไปแล้วจริงๆ


นี่เป็นเพียงแค่สัมผัสแรกของนิคิตะ


นิคิตะสวมชุดใหม่ วันนี้จู่ๆ เขาก็นึกถึงโอเล็ก พี่โอเล็กที่ดูแลเขาอย่างดีมาโดยตลอด วันนี้เดิมทีคิดจะมาเลี้ยงข้าวพี่ชายคนนี้ให้เต็มที่สักหน่อย แต่ว่า…


“โอเล็ก!เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนาย?” นิคิตะเดินมาตรงหน้าโอเล็ก ขมวดคิ้วพลางมองอีกฝ่ายที่เมามาย “ฉันไปบริษัทมาแล้ว เจ้านายบอกว่านายไม่ได้ไปทำงานมาสามวันแล้ว แล้วนายก็มาดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำเนี่ยนะ?”


โอเล็กที่ดื่มเหล้าจนตาพร่ามัวก็ลืมตาปรือ เรอกลิ่นเหล้าออกมา ราวกับว่าจำนิคิตะได้แล้ว


เขาออกแรงใช้สองมือยันตัวลุกขึ้นมาจากโซฟา แต่ยันตัวไม่ขึ้น แล้วก็ล้มตัวลงไปอีกครั้งในทันที


นิคิตะรีบโน้มตัวลงพยุงโอเล็กขึ้นมา แต่สองมือของโอเล็กกลับคลำไปบนโต๊ะ ขวดเหล้าแต่ละขวดถูกมือของเขากวาดตกลงไป “เอาวอดก้าให้ฉันที”


“บ้าไปแล้ว!” นิคิตะด่าใส่ “นายไม่ใช่โอเล็กที่ฉันรู้จัก! นายไม่น่าจะมีสภาพแบบนี้! เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนายกันแน่?”


จู่ๆ โอเล็กก็หยุดลง


เขาตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับว่ามีเพียงวิธีนี้ถึงทำให้ตนเองสดชื่นได้บ้าง ดวงตาของโอเล็กเบิกกว้างเล็กน้อย แต่กลับมีเส้นเลือดแดงเต็มลูกตาไปหมด


“นายพูดถูกแล้ว ฉันไม่น่าจะเป็นแบบนี้เลย…ฉันต้องไปหาอันโตนิโอถึงจะถูก” โอเล็กดึงแขนนิคิตะ อาศัยแรงพยุงลุกขึ้นยืน พูดพึมพำกับตนเองว่า “ฉันต้องไปตามหาเขา ไปตามหาเขา ไปตามหาเขา…กุญแจของฉันล่ะ? กุญแจรถของฉันล่ะ? กุญแจรถของฉัน? !!!”


เสียงพูดยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งบ้าคลั่ง ยิ่งโมโหเดือดดาล เขาเหมือนกับสิงโตตัวหนึ่ง “กุญแจรถของฉันล่ะ!!”


นิคิตะสาบานว่า ถ้าอันทอนที่นำความร่ำรวยมาให้เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด อย่างนั้นโอเล็กในตอนนี้คือคนที่น่าเขย่าขวัญที่สุดที่เขาเคยเห็นมา


“นี่พี่ชาย นายบอกฉันให้ชัดเจนหน่อยสิ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอันโตนิโอกันแน่?”


“เขา…เขาไปแล้ว หายตัวไปแล้ว” โอเล็กออกแรงทุบไปที่หัวตนเอง แอลกอฮอล์ทำให้เขาปวดหัวราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่กลับเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดที่อยู่ในใจเขาเลย “สามวัน สามวันแล้ว…ฉันมัวทำอะไรอยู่กันแน่? ฉันรับปากคามาลาแล้ว ว่าจะดูแลลูกของเราอย่างดี…ฉันทำอะไรอยู่กันแน่?”


นิคิตะเห็นท่าทางโอเล็กในเวลานี้แล้ว ที่กำลังอารมณ์ดีๆ อยู่ก็เหมือนจะหายไปแล้ว


จู่ๆ ก็มีคนโผล่เข้ามา


บุรุษที่รูปร่างปราดเปรียวห้าวหาญห้าคน


ภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม* ชื่อผลงานในภาษาอังกฤษคือ an Unknown Woman ภาพวาดสีน้ำมันที่มีชื่อเสียงผลงานของเครมสโกย อิวาน นิโคไลเยวิช (Ivan Nikolaevich Kramskoy)ศิลปินชาวรัสเซีย


นิยายเรื่องแอนนา คาเรนินา** คือนวนิยายแนวโศกนาฏกรรมของรัสเซียสะท้อนภาพของชีวิตความเป็นอยู่จริงของสังคมในแวดวงของรัสเซียที่ตีแผ่ในทุกแง่มุม ผูกเรื่องราวต่าง ๆ จนกลายเป็นเรื่องราวความรักที่ผิดจริยธรรมของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ถูกจำกัดของเขตอยู่ในกรอบหรือพันธนาการในกฎระเบียบของสังคมรัสเซีย


ตอลสตอย*** หรือในชื่อ ลีโอ ตอลสตอย หรือชื่อเต็มว่า เคานต์ เลฟ นีโคลาเยวิช ตอลสตอย เป็นนักเขียนชาวรัสเซียผู้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวรัสเซียในศตวรรษที่ 19 ประกอบด้วยตัวละครมากหน้าหลายตา และเหตุการณ์ที่หลากหลาย มีผลงานที่เป็นที่รู้จักกันดีเช่น สงครามและสันติภาพ และ อันนา คาเรนินา


บทที่ 9 ผู้เล่นที่แกร่งที่สุด

โดย

Ink Stone_Fantasy

“พวกคุณเป็นใคร?”


โอเล็กขมวดคิ้ว มองดูชายร่างกำยำหลายคนที่จู่ๆ ก็บุกเข้ามา แต่ว่าสีหน้าของนิคิตะกลับดูไม่สู้ดีเลยสักนิด


มือของชายร่างกำยำคนหนึ่งมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ ใบหน้าก็มีรอยฟกช้ำที่เห็นได้ชัด


“อ้อ นิคิตะหวังว่าคุณจะยังจำพวกเราได้”ชายที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่ง แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “หลายวันก่อนต้องขอบคุณการดูแลของคุณจริงๆ พวกเราไปบ้านคุณพบว่าคุณไม่อยู่ ต่อมาพวกเราหมดหนทาง ก็เลยรอคุณอยู่แถวๆ นี้ คุณดูสิ ครั้งนี้ได้เจอแล้วใช่ไหมล่ะ?”


“นิคิตะ พวกนี้เป็นใครกัน?” โอเล็กขมวดคิ้วมองนิคิตะแวบหนึ่ง


นิคิตะพูดอ้อมแอ้มว่า “พวกเขา พวกเขาเป็นพวกอันธพาลของบ่อนพนัน”


“นายยืมเงินจากพวกเขาเหรอ?” ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง โอเล็กก็เดาสถานการณ์ของนิคิตะออก เขาอดพูดอย่างโมโหไม่ได้ “ฉันบอกตั้งหลายครั้งแล้ว ให้นาย…”


โอเล็กสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วส่ายหน้า พูดเรื่องพวกนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ เขากำลังมองดูชายร่างโตหลายคนนี้ พูดเสียงทุ้มต่ำว่า “เขาติดเงินพวกคุณเท่าไร?”


คนคนนั้นพูดอย่างเย้ยหยันว่า “อ้อ ตอนนี้เกรงว่าจะไม่ใช่แค่เรื่องเงินธรรมดาๆ แล้วล่ะคุณ ยังมีเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นอีก บอสของพวกเรากำชับพวกเรามาว่าจะต้องเชิญตัวคุณนิคิตะกลับไปด้วยให้ได้”


พอนิคิตะเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก็ก้าวถอยหลังไปโดยอัตโนมัติสองก้าว แต่เหมือนชายร่างโตหลายคนเดาไว้นานแล้ว จึงพากันกระโจนมาตรงหน้า ชายสองคนในกลุ่มรวบตัวนิคิตะเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย


“หยุดนะ” โอเล็กขมวดคิ้ว ฉับพลันก็ส่งเสียงพูดอย่างโกรธเคือง


“คุณคิดจะช่วยไอ้เลวนี่เหรอ?”


“พวกคุณช่วยหยุดทีเถอะ ที่นี่คือเขตที่พักอาศัย หากพวกคุณทำเรื่องส่งเดชอีกล่ะก็ ผมจะแจ้งความ” โอเล็กยังคงพูดเสียงทุ้มต่ำ


จู่ๆ ชายร่างกำยำหลายคนก็หัวเราะ เหมือนได้ฟังเรื่องตลกมากอย่างนั้น หนึ่งในนั้นเดินเข้าไปใกล้โอเล็ก เขามองดูร่างกายของโอเล็กที่ใหญ่โตแข็งแรงยิ่งกว่าตัวเอง ยิ้มยิงฟันพลางพูดว่า “ผมนึกว่าคุณจะลงมือ แต่คุณกลับบอกว่าจะแจ้งตำรวจ ฮ่าๆ นี่ผมนึกว่าตัวเองเจอหญิงชราคนหนึ่งซะอีก! ฮ่าๆ!”


พูดไปเขาก็ยื่นมือไปตบใบหน้าของโอเล็กเบาๆ สองสามที


โอเล็กเผลอจับข้อมือของชายร่างโตคนนี้เอาไว้ จากนั้นก็บิด ระหว่างที่บิด ชายร่างโตคนนี้ก็ส่งเสียงร้องอย่างกับหมูถูกฆ่าอย่างไรอย่างนั้น!


โอเล็กยังไม่หยุด แต่กลับยกเข่าขึ้นมากระทุ้งท้องของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรง ชายร่างกำยำร้องโอดครวญอีกครั้งแล้วล้มกองอยู่บนพื้น


แววตาของโอเล็กเกรี้ยวกราดทันที วินาทีที่ชายร่างกำยำคนนั้นล้มลงบนพื้น เขาก็กำหมัดแน่น เล็งไปบนหน้าอกของชายคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง


เพียงแต่วินาทีที่หมัดกำลังจะต่อยเข้าไปที่บนหน้าอกของอีกฝ่าย เขาก็ยั้งมือ ตัวแข็งทื่อ ไม่มีใครเข้ามาห้ามปรามเขา แต่ชายที่แข็งแรงมากที่สุดคนนี้ยั้งมือของตัวเองและลดมือลงมา


บนใบหน้าของเขามีสีหน้าฝืนๆ อยู่บ้าง


“สารเลว!”


ชายร่างโตอีกคนหนึ่งกลับเดินไปหยิบไม้ฮอกกี้ตรงปากประตู แล้วอ้อมไปตีหลังของโอเล็กอย่างจัง แรงตีของเขาทำให้ไม้ฮอกกี้นี้หักเลยทีเดียว แต่สักพักโอเล็กกลับมองด้วยสายตาดุร้ายราวกับสิงโตไม่มีผิด ทำให้หัวใจของคนที่แอบตีเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย


เพล้ง!


แต่ในตอนนี้เอง หัวของโอเล็กกลับถูกแจกันดอกไม้อันโตทุบเข้าอย่างแรง แจกันทั้งใบแตกเป็นเสี่ยงๆ บนหน้าผากของโอเล็กก็มีรอยเลือดสดๆ ไหลเป็นทาง


เขาล้มลงไปกองที่พื้นและสลบไป


“โอเล็ก! โอเล็ก!” นิคิตะร้องตะโกนเรียกอย่างตกใจ


ชายร่างโตที่สลบอยู่ก่อนหน้านี้ยันตัวขึ้นมาแล้ว เขาถุยน้ำลายปนเลือดออกมา กำลังกุมส่วนท้องของตัวเอง พลางพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีว่า “ไป! เอาสองตัวนี่ไปด้วย!”



อันทอนกลับไปถึงอะพาร์ตเมนต์ ซึ่งเป็นอะพาร์ตเมนต์ใหม่ของนิคิตะ หลายวันมานี้ เขาอาศัยอยู่ที่นี่กับคุณอานิคิตะตลอด


อาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่เลวเลยล่ะ!


นิคิตะยังซื้อเกมมาอีกด้วย แต่ไหนแต่ไรมาอันทอนก็ไม่เคยใช้ชีวิตโดยที่ไม่เขียนการบ้านตอนกลางคืน และเล่นวีดีโอเกมได้จนกว่าจะง่วง


เพียงแต่ตอนที่อุ้มของกินถุงใหญ่เปิดประตูนั้น อันทอนก็แสดงสีหน้าแปลกใจ เพราะว่าตอนนี้ด้านในอะพาร์ตเมนต์ระเกะระกะไปหมด สภาพอย่างกับถูกสัตว์ป่าบุกเข้ามาทำลาย


อันทอนรีบติดต่อนิคิตะ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็โทรไม่ติด…เขาไม่รู้ว่าควรจะจัดการที่นี่อย่างไรเลย


แต่เขากลับพบว่าที่ด้านหลังประตูมีโน้ตแผ่นหนึ่งแปะเอาไว้


อีกทั้งยังทิ้งข้อความเอาไว้ด้วย


ถ้าอยากจะช่วยผู้จัดการของคุณล่ะก็ มาตัวคนเดียวแล้วกัน นอกจากนี้ คุณอย่าแจ้งตำรวจดีกว่า ไม่อย่างนั้นคุณจะได้รับศพของผู้จัดการคุณล่วงหน้า เอาไว้เป็นของขวัญวันคริสมาสต์ปีนี้


“คุณอานิคิตะ…”


อันทอนวางของในมือลงทันที แล้วคว้าเอากระดาษหลังประตูมาด้วย ก่อนวิ่งลงบันไดไปบนถนนใหญ่ เพียงแต่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่อยู่นี้เลย ทว่าเขากลับนึกได้ว่าตัวเองเรียกแท็กซี่ไปก็ได้




คนแจกไพ่เหงื่อออกเต็มไปหมด แต่กลับแจกไพ่โป๊กเกอร์ที่อยู่ในมือไม่หยุด ในทางกลับกันคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาเป็นผู้ชายหนึ่งคน และมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่เงียบๆ


คุณต้องเชื่อว่าแรงดึงดูดที่งดงามมักยิ่งใหญ่กว่าผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนเพศชายแบบนี้ ด้วยประการนี้ สายตาของคนจำนวนมากมายที่มุงอยู่ตรงนี้ จึงรวมอยู่บนตัวของชายวัยรุ่นคนนี้ทั้งนั้น


จะพูดให้ถูกก็คือ เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าแบบตะวันออก แต่เพราะสำเนียงภาษารัสเซียที่พูดเหมือนเจ้าของภาษา ทำให้คนแจกไพ่ไม่แน่ใจว่าชาติไหนกันแน่


“ยี่ ยี่สิบเอ็ดแต้ม ผู้ ผู้เล่นชนะ…”


วินาทีที่เปิดไพ่ที่เพิ่งแจกไป คนแจกไพ่ก็ดูหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด เขาทำได้แค่ใช้เสียงประกาศตะโกนดังอย่างเสียไม่ได้ พร้อมกับกลืนน้ำลาย และผลักชิปไปที่ด้านหน้าของนักพนันคนนี้


นี่เป็นผู้เล่นที่ชนะเจ้ามือมายี่สิบสามรอบแล้ว แน่นอนว่าการชนะยี่สิบสามครั้งไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร ตราบใดที่จำนวนลงพนันมากพอ


แต่ถ้าเป็นชัยชนะต่อเนื่องยี่สิบสามครั้งล่ะ?


นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถใช้อัตราความเป็นไปได้มาคำนวนแล้ว …นี่เป็นไสยศาสตร์! ไสยศาสตร์ประหลาด!


คนแจกไพ่ถึงขนาดสาบานเอาไว้ในใจ ถ้าเจ้านี่ไม่ได้เล่นตุกติกล่ะก็ เขาก็จะตัดนิ้วมือทิ้ง! นอกจากว่าเขาจะเป็นพระเจ้า! พระเจ้าได้นั่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว!


อ้อ! พระเจ้า? ลองคิดดูนี่เป็นความคิดที่น่าตลกอะไรขนาดนี้…เขาจะต้องเล่นตุกติกแน่ๆ! แต่ทำไมตลอดมานี้ผู้จัดการไม่ได้ติงอะไรเลย?


คนแจกไพ่กำลังรออย่างร้อนใจ และเริ่มการล้างไพ่รอบใหม่แล้ว ในขณะเดียวกันก็เริ่มพิจารณาคนที่ชนะมาต่อเนื่องยี่สิบสามรอบว่ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ความจริงแล้ว ถึงแม้ว่าจะชนะต่อเนื่องยี่สิบสามครั้ง แต่เงินที่อีกฝ่ายชนะได้ไปกลับไม่เยอะ จนถึงกับพูดได้ว่าน้อยจนน่าสงสาร!


เพราะคนนี้ลงเดิมพันจำนวนต่ำที่สุดทุกครั้ง อีกทั้งยังไม่เคยลงเดิมพันเพิ่ม


เขากำลังเล่นสนุกอยู่หรือ? หรือเขากำลังหัวเราะความสามารถของฉัน? หรือว่าจงใจยั่วยุบ่อนพนันแห่งนี้?


คิดไปคิดมา ตอนที่เขาแจกไพ่ห้าใบครบ ก็จำต้องเจอสถานกาณ์แบบเดียวกัน “ยี่ ยี่สิบเอ็ด ผู้ ผู้เล่นชนะ…”


โอ้ว! สวรรค์!


รอบที่ยี่สิบสี่แล้ว…คนแจกไพ่อดร้องไห้ในใจไม่ได้ ผู้เล่นชนะต่อเนื่องไปยี่สิบสี่ครั้ง อีกทั้งยังเป็นชัยชนะแบบยี่สิบเอ็ดแต้ม คนแจกไพ่คิดจริงๆ ว่า บางทีเขาควรจะไปลงสมัครคนแจกไพ่ที่โชคร้ายที่สุดในสถิติโลก


แค่ไม่รู้ว่ามีสถิติโลกแบบนี้หรือเปล่า…



“ช้าหน่อย ช้าอีกหน่อย!”


“ไม่ได้ผู้จัดการ นี่ก็ช้าแล้ว ทีแรกดูอะไรไม่ออกเลย!”


“บอสล่ะ?”


“บอสอยู่ห้องใต้ดิน ไม่ได้สอบสวนนิคิตะนั่นด้วยตัวเองเหรอ? เวลาบอสทำเรื่องเพลิดเพลินไม่ชอบให้ใครรบกวน!”


“งั้นแกก็บอกเขา มีคนชนะต่อเนื่องมายี่สิบสี่รอบแล้ว…ไม่ พระเจ้า คนคนนี้เป็นนักมายากลเหรอ? รอบที่ยี่สิบห้าแล้ว! ไปสิ! ยังมัวตะลึงทำอะไรอีก!”


“ได้ ได้ครับ…”




บางทีอาจจะเป็นเพราะใช้โชคหมดแล้ว?


ตอนที่ถ่มน้ำลาย นิคิตะอดคิดแบบนี้ไม่ได้ อวัยวะภายในของเขาเหมือนจะถูกกวนมาอยู่รวมกันไม่มีผิด เขารู้สึกว่าตัวเองใกล้ตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น


จู่ๆ ผมของเขาก็ถูกแอนดริว บอสของสถานที่แห่งนี้คว้าขึ้นมา


“คุณนิคิตะ คุณทนทานกว่าที่ผมคิดเอาไว้อีกนะ”


นิคิตะไออย่างเจ็บปวดพร้อมพูดว่า “คุณแอนดริว ผมเคยบอกแล้วว่าผมจะคืนเงินที่ติดค้างให้ได้ทันที…ทำไมถึงยังทรมานผมอีก?”


แอนดริวรูปร่างยังไง?


เขาเกือบจะแข็งแรงเท่าโอเล็ก และแตกต่างจากพวกลูกพี่ที่ใช้ชีวิตเสพสุขอย่างที่นิคิตะคิดไว้


“คุณนิคิตะ บางทีคุณอาจจะไม่รู้…” แอนดริวยิ้มแล้วพูดว่า “ความจริงแล้วน้อยคนจะรู้ นอกจากผมจะเป็นบอสของบ่อนพนันแห่งนี้แล้ว ก็ยังเป็นเจ้าของสังเวียนมวยบนถนนเนฟสกี้หมายเลข 78 อีกด้วย”


“อะ อะไรนะ!” นิคิตะถลึงตากว้าง


โอ้! สวรรค์! นิคิตะรู้สึกว่า ตัวเขาเข้าใจแล้วว่าครั้งนี้แอนดริวจับเขามาด้วยเหตุผลอะไรกันแน่!


สังเวียนมวยประเภทนั้นไม่ใช่สถานที่ถูกกฎหมายอะไร โดยพื้นฐานล้วนแล้วแต่มีเจ้ามือควบคุมอยู่ ถึงแม้จะมีสโลแกนที่ว่าแค่ชกเก่ง ใครก็ขึ้นสังเวียนได้ แต่นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงวิธีการใช้ดึงดูดนักพนันมากขึ้นเท่านั้น


แต่ไหนแต่ไรมานิคิตะก็ไม่เคยคิดว่า จะใช้แผนที่ให้อันทอนอยู่ในสังเวียนมวยยาวนาน เขาก็แค่คิดจะใช้เวลาให้สั้นที่สุด เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากเวทีนี้ให้มากพอ แล้วหยุดก่อนที่เจ้ามือจะโกรธ


แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะยั่วโทสะอีกฝ่ายได้รวดเร็วแบบนี้


“คุณแอนดริว ผม ผมเอาเงินที่ชนะหลายวันมานี้คืนให้คุณได้…” นิคิตะพูดวิงวอนทันที


แอนดริวแค่แสยะยิ้มเท่านั้น


นิคิตะรีบพูดว่า “ผมรับรองด้วยว่า ต่อจากนี้จะไม่ให้อันทอนแข่งที่สังเวียนมวยของคุณอีกแล้ว! คุณวางใจเถอะ เขาจะไม่ขึ้นชกอีกแล้ว!”


แอนดริวพูดเสียงเย็นชา “คุณนิคิตะ คุณเพิ่งจะคิดได้เหรอครับ ว่าควรให้เจ้านั่นออกจากสังเวียนมวย ตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยเหรอ? ตอนนี้อันทอนเป็นคนที่ได้รับความนิยมมาก ถ้าเขาหายไปจากสังเวียนมวยกะทันหัน ผมเชื่อว่าชื่อเสียงของผมจะต้องเสียหายไปมาก และการสูญเสียพวกนี้สูงกว่าที่คุณชนะไปไม่รู้กี่เท่า”


“คุณ…คุณคิดจะเอายังไง…”


แอนดริวเลิกคิ้ว ยิ้มเล็กน้อยพลางพูดว่า “รู้ใช่ไหม? ผมก็เคยเป็นนักมวยคนหนึ่ง แต่ผมไม่เคยเห็นคนแข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน…เขาควรอยู่ที่สังเวียนมวยของผมเพื่อเป็นสุดยอดนักมวยตลอดไป!”


“คุณคิดจะให้อันทอนรับใช้คุณ?” นิคิตะอดร้องอย่างตกใจไม่ได้


แอนดริวพูดเสียงเรียบเฉย “เขาใกล้จะมาแล้ว”


ตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังมาจากประตูของห้องใต้ดินนี้ แอนดริวยิ้มทันทีพร้อมพูดว่า “ดูสิ เหมือนจะมาแล้ว!”


แอนดริวเปิดประตูออก ไม่สนใจสีหน้าที่ดูย่ำแย่ของนิคิตะ กำลังมองดูลูกน้องแล้วชิงพูดก่อนว่า “ลูกค้าของพวกเรา มาถึงหรือยัง?”


“บอส…ข้างบนมีลูกค้าคนหนึ่งมา เขาชนะไปต่อเนื่องยี่สิบห้ารอบแล้ว!”


หน้าของแอนดริวถอดสีทันที


บทที่ 10 คุณเคพูดโพล่งออกมาเต็มๆ

โดย

Ink Stone_Fantasy

แอนดริวรีบวิ่งเข้าไปในห้องที่ใช้เป็นห้องสังเกตการณ์ด้วยท่าทางดุร้าราวกับสัตว์ป่า


แอนดริวต่อสู้ดิ้นรนอยู่ภายในเมืองใหญ่ จนมาถึงจุดที่ยืนอยู่ตอนนี้ได้ ย่อมต้องมีสิ่งที่เหนือกว่าคนอื่นและวิธีการที่ยอดเยี่ยม


เงินทองเป็นของที่ดีมากอย่างหนึ่ง เพราะมันสามารถซื้อบริการของนักการเมืองมากมายได้ เพราะมัน…แอนดริวถึงทำเรื่องที่อยู่เหนือขอบเขตได้มากมาย


บางทีบนตัวของเขาอาจจะมีกลิ่นคาวเลือดที่แม้แต่โคโลญจน์ก็ปกปิดไว้ไม่ได้


“เจ้านี่เองเหรอ?” สายตาแอนดริวราวกับเหยี่ยวล่าเนื้อไม่มีผิด


“ใช่ครับบอส ตอนนี้เขาชนะรอบที่สามสิบเอ็ดแล้วครับ นอกจากนี้ที่แปลกก็คือ ทุกครั้งเขาจะลงเงินน้อยที่สุด และก็ไม่เคยลงเพิ่มเลย” สีหน้าของผู้จัดการย่อมดูย่ำแย่เป็นธรรมดา “สิ่งที่เราต้องรู้สึกโชคดีก็คือ ที่เขาเล่นไม่ใช่บาคาร่า*…ไม่อย่างนั้นล่ะก็ แม้ว่าทุกครั้งเขาจะลงเดิมพันขั้นต่ำสุด ก็เกรงว่าพวกเราจะแพ้ให้กับนักพนันคนอื่น จนถึงกับล้มละลาย”


“เชิญคุณคนนี้ไปที่ห้องวีไอพี” แอนดริวพูดเสียงสงบเยือกเย็น



มันมักจะถูกพูดถึงในโรงหนัง ว่าพล็อตแบบนี้เหมือนอยู่ในนิยาย แต่เหมือนว่าจะมีสถานการณ์แบบนี้จริงๆ


บอกว่าเป็นห้องสำหรับแขกพิเศษสินะ ความจริงแล้วคือห้องที่เงียบกว่าข้างนอก ที่นั่งตรงข้ามมีเพียงแค่บอสเจ้าของบ่อนพนันนี้และคนติดตามหนึ่งคนเท่านั้น


แน่นอนว่าอีกฝั่งหนึ่งก็มีแค่ลั่วชิวและโยวเย่สองคน


“ควรจะเรียกคุณว่ายังไงดีครับ?” แอนดริวถามอย่างเกรงใจ


เขาไม่ใช่คนที่เชื่อในความโชคดี สิ่งที่เขาเชื่อคือความมานะพยายามของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าจะมีเหตุการณ์ชนะต่อเนื่องแบบนี้เพราะความโชคดี


ด้วยเหตุนี้ แอนดริวก็ยิ่งถอนหายใจมากขึ้น ทำมาได้ถึงจุดนี้แล้ว ย่อมต้องมีเทคนิคไม่ธรรมดา อีกทั้งยังกล้าทำพฤติกรรมเหล่านี้ในบ่อนพนันแล้วด้วย ย่อมต้องกล้าหาญไม่ธรรมดา


ดังนั้นแอนดริวจึงสนใจวัยรุ่นชาวตะวันออกผู้นี้มาก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีแผนการอะไรก็ตาม


“เรียกผมว่า…เคแล้วกันครับ”


ด้วยที่แห่งนี้ที่อยู่ไกลบ้านเกิดของตัวเองมาก เจ้าของร้านลั่วจึงคิดจะทำตามใจมากขึ้นนิดหน่อย เขาจึงพูดเบาๆ


สไตล์แบบนี้ความจริงก็ไม่เลวเลยนะ?


บางทีอาจจะล้าสมัยไปสักหน่อย แต่ถ้าเป็นความสนุกสนานส่วนตัวแล้วล่ะก็ จะล้าสมัยหรือไม่ล้าสมัยก็ไม่เกี่ยวกันใช่ไหมล่ะ?


“คุณเคเหรอครับ?” แอนดริวพยักหน้า


เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่ไม่ได้คิดจะแสดงสถานะที่แท้จริงให้คนรู้เลย


ขณะที่แอนดริวระแวงสงสัยเพิ่มขึ้น ก็แสดงรอยยิ้มจริงใจมากขึ้น “อ้อ คุณเค เทคนิคของคุณทำให้ผมตะลึงมากจริงๆ! ผมคิดว่าคงหาคนเก่งกาจเหมือนคุณยาก…ไม่รู้ว่าคุณเคมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือครับ?”


“ทำไมคุณแอนดริวถึงคิดว่าผมกำลังมาหาคุณล่ะครับ?”


แอนดริวยิ้มแล้วพูดว่า “คุณเคนี่ตลกจริงๆ คุณลงเดิมพันด้วยเบี้ยพนันที่ต่ำที่สุดทุกครั้ง ถึงแม้ว่าจำนวนที่ชนะต่อเนื่องจะน่าตกใจ แต่ความจริงแล้วเงินที่ได้กลับน้อยจนน่าสงสาร หรือว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ส่งให้ผมหรือครับ?”


ลั่วชิวเล่นชิปอันหนึ่งที่ถือมาจากโต๊ะพนันข้างนอก เคาะลงบนโต๊ะสองครั้งทันทีแล้วพูดว่า “คุณแอนดริวเคยได้ยินเรื่องการแข่ง ‘โกลด์รัช’ไหมครับ?”


แอนดริวตะลึงงัน


หลังจากตะลึงไปแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นระแวดระวังผิดปกติ แต่เขาก็กลับมาแสดงท่าทางสบายๆ อย่างรวดเร็ว เขายิ้มแล้วพูดว่า “การแข่งที่ยิ่งใหญ่และปลอดภัยที่สุดในโลกใบนี้ ผมคิดว่าคนที่รู้คงไม่น้อย ไม่ใช่เหรอครับ?”


ลั่วชิวตอบ “ถ้าคุณแอนดริวรู้ งั้นก็ดีครับ”


พูดไปพลาง ลั่วชิวก็มองผู้ชายที่สวมใส่ชุดสูทรองเท้าหนังข้างหลังแอนดริวคนนั้นแวบหนึ่ง


แอนดริวพูดเสียงเรียบเฉยว่า “นี่คือผู้ช่วยของผม”


ลั่วชิวก็พูดเสียงเรียบเฉยเช่นกันว่า “ตอนนี้ ในมือผมมีตั๋วเข้างาน ‘โกลด์รัช’ ใบหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุณ แอนดริวสนใจหรือเปล่าครับ?”


ตอนนี้ถึงแม้ว่าแอนดริวแสดงสีหน้าสงบนิ่งอย่างประหลาด แต่สายตาที่ขยับเขยื้อนเล็กน้อยกลับเผยความในใจของเขาออกมา สำหรับเขาที่รู้ว่าการแข่ง ‘โกลด์รัช’คืออะไรกันแน่ ตอนนี้ก็ยากที่จะควบคุมความสงบนิ่งในใจได้จริงๆ


ตั๋วเข้างาน ‘โกลด์รัช’ งั้นเหรอ? นั่นไม่ใช่สิ่งที่ความร่ำรวยธรรมดาๆ ก็หามาได้เลยนะ!


ทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียง ฐานันดร…แม้กระทั่งอำนาจ ของพวกนี้จะขาดไปหนึ่งอย่างไม่ได้เลย


แต่แอนดริวเป็นคนขี้หวาดระแวงมากๆ เขาดูดซิการ์ที่ผู้ช่วยช่วยเขาจุดอย่างช้าๆ สองครั้ง แล้วจึงยิ้มพูดทันทีว่า “ตั๋วเข้างานในมือคุณเคเป็นของปลอมใช่ไหมล่ะครับ?”


“ในการแข่งขันครั้งที่แล้ว ผมพ่ายแพ้อย่างไม่ค่อยปลื้มใจเลยจริงๆ” ลั่วชิวกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน พูดโพล่งอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย “ด้วยเหตุนี้ ผมเลยจำเป็นต้องกำจัดพวกไร้ค่าที่อยู่ภายใต้สังกัดชื่อผมพวกนั้นออกไปให้หมด แล้วก็คิดจะซื้อใหม่บางส่วน เจ้าของสังเวียนมวยในมอสโกนี้มีไม่น้อย แต่ได้ยินมาว่าสังเวียนมวยของคุณแอนดริวทำได้ไม่เลวเลย ดังนั้นหลังจากที่ผมไตร่ตรองไว้แล้ว เลยมาหาคุณเป็นคนแรก”


“คุณคิดอยากจะซื้อนักมวยของผม แล้วก็ไป ‘โกลด์รัช’หรือครับ?” แอนดริวอดขมวดคิ้วไม่ได้


ในโลกใต้ดิน การซื้อขายนักมวยในตลาดมืดไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร นี่ก็เหมือนการซื้อขายสโมสรที่ขึ้นทะเบียนแล้วของพวกวงการฟุตบอลโลกหรือบาสเกตบอลใต้ดินระดับโลกพวกนั้น


แต่ในเมื่อเป็นการซื้อนักมวย ทำไมอีกฝ่ายต้องพูดถึง ‘โกลด์รัช’เป็นพิเศษด้วย


ลั่วชิวพูดเสียงเรียบเฉยว่า “เพราะอะไรถึงได้ตั้งใจเปิดเผยเรื่องการแข่งโกลด์รัชกับคุณแอนดริวใช่ไหมครับ?”


ตอนนี้แอนดริวยังแอบตกใจ…เจ้าเด็กนี่ มองความคิดเขาทะลุปรุโปร่งได้ในพริบตาเดียว แต่เขากลับยิ้มแล้วพูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “นี่มันแปลกไม่ใช่เหรอครับ? แค่การซื้อขายนักมวยธรรมดา ทำไมคุณเคพูดถึงการแข่งนั้นขึ้นมา?”


“ถ้าเป็นการซื้อขายนักมวยธรรมดาๆ ล่ะก็…” ลั่วชิวหรี่ตาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เกรงว่าผมจะไม่สามารถซื้อนักมวยที่เก่งที่สุดจากทางคุณแอนดริวไปได้ คุณแอนดริวเป็นมืออาชีพ คงจะรู้ความแตกต่างระหว่างนักมวยชั้นหนึ่งและนักมวยชั้นสอง อืม พูดแบบนี้แล้วกัน ผมจ่ายราคาของนักมวยชั้นหนึ่ง ไม่ได้อยากได้แค่นักมวยชั้นสองหรือชั้นสาม…ผมไม่สนใจค่าตัวของนักมวย แต่ผมแค่ต้องการนักมวยที่สะอาดเท่านั้น”


แอนดริวพูดเสียงเรียบเฉย “คุณเควางใจได้ นักมวยของพวกเราที่นี่ ‘สะอาด’แน่นอนครับ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยใช้ยาและสารกระตุ้นใดๆ ไม่ใช่ประเภททำหน้าที่เป็นแผ่นโลหะเท่านั้น ไม่ใช่มนุษย์กระดาษที่แป๊บเดียวก็ร่วงล้ม”


พูดถึงตรงนี้ เหมือนควรจะพูดต่อไป


แต่ด้วยสายตาที่แปลกใจของแอนดริว เจ้าคนที่เรียกตัวเองว่าคุณเคกลับลุกขึ้นมาทันที…อืมผู้หญิงสวยแบบไม่ธรรมดาที่เขาพามาด้วยกลับกำลังจัดระเบียบชุดให้เขาอย่างละเอียดรอบคอบ


ถึงแม้ว่าจะมีแค่สองคน แต่กลับมีรังสีบางอย่างชวนให้ขนลุก


“คุณแอนดริวคิดดูสักหน่อยนะครับ” ลั่วชิวพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ผ่านไปอีกสองวัน ผมจะมาอีกครั้ง หวังว่าพอถึงเวลานั้นผมจะได้เห็นนักมวยที่ดีที่สุดของคุณนะครับ…แน่นอนว่า มอสโกไม่ได้มีสังเวียนมวยของคุณแอนดริวแค่ที่เดียวใช่ไหมครับ? จริงสิ อันนี้คืนครับ วันนี้ผมสนุกมาก”


เจ้าของร้านลั่วดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ชิปที่จับเล่นอยู่ก็ถูกดีดลอยไปในอากาศทันที จากนั้นก็ตกไปอยู่บนโต๊ะของห้องวีไอพี


วินาทีที่ตกลงมา ลั่วชิวก็เปิดประตูออกไปแล้ว


แอนดริวมองทั้งสองคนจากไปอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งประตูปิดลง แต่เขากลับไม่ขยับเขยื้อน ตาจับจ้องอยู่ท่ามกลางควันจากซิก้า แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย


“บอส เจ้านี่มีประวัติไม่ชัดเจน หรือว่าพวกเราจะเรียกลูกน้องมาสักจำนวนหนึ่ง…”


แอนดริวกลับโบกมือทันที แล้วค่อยๆ ถอนหายใจ จากนั้นก็ชี้ไปที่ชิปบนโต๊ะนั้น ตอนแรกก็ไม่ได้สังเกตลักษณะของเบี้ยที่ตกลงมาเท่าไร คิดว่าคุณเคแค่ทำเท่เท่านั้น


ฉับพลันเขาก็คิดว่ามีบางอย่างแปลก เลยอดเดินไปดูตรงกลางโต๊ะไม่ได้ พอมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ถึงได้อ้าปากกว้างตกใจสุดขีด


“ชิป…”


ชิปที่มีมูลค่าน้อยที่สุดในบ่อนพนันนี้ วางแบอยู่บนโต๊ะจริงๆ แต่มันกลับจมลมไป!


ควรจะพูดยังไงดีล่ะ?


เหมือนหินก้อนหนึ่งที่ตกกระทบลงบนพื้นดินเฉอะแฉะไปด้วยโคลนเลน แล้วค่อยๆ จมลงไป ชิปอันนี้ก็เป็นแบบเดียวกัน!


ผู้ช่วยแงะชิปขึ้นมาจากบนโต๊ะอย่างลำบาก เขาใช้มือชั่งน้ำหนักของชิปอันนี้ดู แล้วพูดอย่างคาดไม่ถึงว่า “บอสครับ เจ้านี่ทำได้ยังไงกันแน่ครับ?”


แอนดริวกลับสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่งพร้อมพูดว่า “ฉันไม่สนใจว่าเจ้านี่ทำได้ยังไง…ที่ฉันสนใจก็คือ เขามีตั๋วเข้างาน ‘โกลด์รัช’ จริงๆ หรือเปล่า!”


“บอสครับ โกลด์รัชนี่คืออะไรกันแน่ครับ?”


“มันเป็น…” ตอนที่แอนดริวกำลังคิดจะพูด ประตูห้องแขกวีไอพีก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง


ลูกน้องที่เข้ามามองเห็นแค่บอสและผู้ช่วยของบอส จึงรีบพูดโพล่งว่า “บอสครับ อันทอนคนนั้นมาแล้ว มาเองคนเดียวครับ”


แอนดริวพูดพึมพำกับตัวเอง “ถ้าจริงล่ะก็…ดูแล้วฉันคงต้องให้อันทอนคนนี้เป็นนักมวยจริงๆ ของฉันเสียแล้ว”


*บาคาร่าบาคาร่าเป็นเกมไพ่อย่างหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับการเล่นไพ่ป๊อกเด้ง สามารถเล่นได้ทีละหลายคน


บทที่ 11 ผมจะต่อยคุณ!

โดย

Ink Stone_Fantasy

“บอสครับ การแข่ง ‘โกลด์รัช’ คือ…”


แอนดริวกำลังมองคนสนิทของตัวเอง แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “เป็นเรื่องการแข่งมวยใต้ดินรายการหนึ่ง พวกเราเรียกคนที่มาเข้าร่วมแข่งว่าเจ้าของนักมวย เจ้าของนักมวยทุกคนสามารถส่งนักมวยออกมาร่วมแข่งได้สามคน ไม่จำกัดอัตราการตายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์”


“ไม่จำกัด?”


แอนดริวพยักหน้าพูดว่า “เพราะว่ามีเพียงแค่ชกคู่ต่อสู้ให้ตาย ถึงจะถือว่าชนะ นักมวยขึ้นไปบนสังเวียนมวยด้วยมือเปล่า แล้วต่อสู้บนสังเวียนที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ บนนั้นไม่มีข้อกำหนด มีแต่ให้อีกฝ่ายตายไปถึงจะหยุด”


ผู้ช่วยขมวดคิ้ว พูดไปตามความคิดว่า “ถ้าถึงรอบตัดสินตอนท้ายสุดแล้ว นักมวยทั้งสองคนมาจากค่ายมวยเดียวกัน จะทำยังไงครับ?”


“ก็ฆ่ากันเองไงล่ะ” แอนดริวถอนหายใจแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะมีคนเข้าร่วมมากเท่าไร ผู้ชนะมีเพียงแค่คนเดียวเสมอ และผู้ที่มีชีวิตรอดก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น”


“คาดไม่ถึงว่าจะมีการแข่งมวยสุดหฤโหดแบบนี้ด้วย!”


ฝ่ามือของผู้ช่วยมีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย ถึงแม้สังเวียนมวยของแอนดริวก็มักจะมีเหตุการณ์ถูกชกจนบาดเจ็บสาหัสลุกขึ้นไม่ไหว หรือถึงขนาดถูกชกจนพิการ…บางทีต่อไปภายหลังนักมวยพวกนี้อาจจะบาดเจ็บหนักจนถึงกับเสียชีวิตซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่พบเจอได้ยาก แต่ถ้าต้องชกคู่ต่อสู้ให้ตายไปเลยบนเวที ถึงจะถือว่าชนะล่ะก็ เกรงว่าคงจะมีนักมวยไม่กี่คนที่ยินดีขึ้นสังเวียน


นี่เป็นสังเวียนวัดความเป็นความตายสมคำเล่าลือ


“กฎของการแข่งโหดร้ายขนาดนี้ ฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ รางวัลที่ได้รับก็จะมากมายแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน” ตอนนี้แอนดริวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แต่ว่ารางวัลของการแข่ง ‘โกลด์รัช’ ทุกครั้งคืออะไรกันแน่ มีเพียงเจ้าของนักมวยที่มีคุณสมบัติเข้าแข่งทุกครั้งถึงจะรู้ได้ และเจ้าของนักมวยทั้งหมดล้วนแล้วแต่รักษาเงื่อนไขเป็นความลับ จะไม่พูดเด็ดขาดว่าได้รางวัลอะไรกันแน่


เขากำลังมองผู้ช่วยของตัวเองแล้วพูดว่า “แต่ว่าทุกปียังคงมีคนรวยนับไม่ถ้วน คิดหาวิธีต่างๆ นานาเพื่อให้ได้ตั๋วเข้าสนาม ‘โกลด์รัช’


“บอส หรือว่าบอสก็อยาก…”


แอนดริวไม่ได้ตอบกลับอีกฝ่าย เขาจะไม่บอกผู้ช่วยของตัวเองว่า เคยมีครั้งหนึ่งที่เขาเฉียดใกล้การแข่ง ‘โกลด์รัช’ แล้ว แต่ก็ต้องพลาดไป


“ต้อนรับแขกของพวกเราก่อนแล้วกัน” เขาพูดอย่างเฉยเมย



“แอนดริวคงจะรู้สึกสนใจ ‘โกลด์รัช’ เข้าให้แล้ว”


ออกจากบ่อนพนัน…ลั่วชิวก็มายืนอยู่บนตึกข้างๆ อะพาร์ตเมนต์ที่มีบ่อนพนันตึกนั้น


เจ้าของสมาคมมีสิ่งที่เรียกว่าตั๋วเข้าสนามการแข่ง ‘โกลด์รัช’จริงหรือไม่กันแน่?


คำตอบคือมีแน่นอน ข้างในสมาคมมีของแปลกๆ มากมายวางเอาไว้อยู่ เป็นของที่มีการใช้ที่แตกต่างกันไป ซึ่งในนั้นก็มีสิ่งที่เรียกว่าตั๋วเข้าสังเวียน ของสิ่งนี้เหมือนจะใช้ได้อยู่ตลอด


ส่วนที่ว่าเจ้าของสมาคมอยากเข้าการแข่งขันแบบนี้หรือไม่?


คำตอบแน่นอนว่า…คุณเคก็แค่พูดโกหกไปเท่านั้น


ลั่วชิวกำลังมองดู อันโตนิโอที่เป็นผู้ใหญ่ไปแล้วคนนั้นตรงซอยด้านล่างข้างๆ อะพาร์ตเมนต์ เขาดูเวลาอีกครั้ง ถึงได้มองโยวเย่แล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า “ใกล้เย็นแล้ว อยากไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ไหนไหม?”


“วิวของเครมลิน*ก็ไม่เลวเลย โดยเฉพาะเวลามองจากห้องทำงานประธานาธิบดี”


ลั่วชิวมองโยวเย่อย่างสนใจแวบหนึ่ง


จู่ๆ เขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้


ในเส้นทางชีวิตหลังจากวันนี้ การขุดอดีตของคุณสาวใช้ไปทีละน้อยๆ จะนำพาความแปลกใจมาให้ตัวเขาเองทีละน้อยๆ


บางทีอาจจะทำให้หัวใจเย็นชา มีความรู้สึกขึ้นมาบ้าง




ตอนที่แอนดริวเห็นอันทอนถูกคนนำตัวมาที่ด้านหน้าเขา ก็เหม่อลอยไปเล็กน้อย


เขาอดมองผู้ชายที่สูงกว่าเขาคนนี้ไม่ได้


เขาผู้ที่เคยมีต้นกำเนิดในสังเวียนมวยใต้ดินเหมือนกัน ย่อมรู้แน่ชัดยิ่งกว่าผู้ใดถึงพลังในร่างกายนี้ นี่ไม่ใช่ระดับที่ฝึกฝนธรรมดาแล้วจะไปถึงได้เลย!


เป็นนักมวยฟ้าประทานจริงๆ! นักรบผู้สมบูรณ์แบบที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา!


“นิคิตะอยู่ที่ไหน?” ตอนนี้อันทอนมองแอนดริว พลางพูดด้วยเสียงรอดไรฟัน


บางทีอาจด้วยหลายวันมานี้ชกต่อยกับคนบนสังเวียนอยู่ตลอด หรืออาจด้วยโตขึ้นแล้ว อันทอน…อันโตนิโอ ถึงคิดว่าตัวเองในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลย ถ้าหากเป็นตอนที่เขายังเป็นเด็กน้อยอยู่ เห็นคนสูงใหญ่และแข็งแรงแบบนี้ เขาจะต้องหัวใจเต้นเร็วยิ่งกว่าเดิม และหวาดกลัวอยู่ตลอด


“ไม่ว่านิคิตะให้เงื่อนไขอะไรกับคุณ” แอนดริวเปิดประเด็นพูดตรงๆ “ผมให้คุณได้เป็นสิบเท่า ขอแค่คุณยินดีมาเป็นนักมวยในสังกัดผม! ทรัพย์สมบัติ คฤหาสน์ รถหรู ผู้หญิงสวยๆ! ขอแค่คุณอยากได้ ผมให้คุณได้หมด!”


“สิบเท่า?” อันโตนิโอตกตะลึง เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “นิคิตะไม่ได้ให้อะไรผม พวกเราแค่หาเงินด้วยกัน ถ้าผมหาเงินได้พอ ก็จะสร้างฐานทัพที่เป็นของผม”


‘ฐานทัพ?’ จากปากผู้ชายร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ทำให้แอนดริวและผู้ช่วยของเขาตะลึงไปตามๆ กัน


อันโตนิโอพยักหน้าพูดว่า “ผมจะซื้อที่ดินที่มีต้นไม้ใหญ่สักที่หนึ่ง จากนั้นก็สร้างบ้านต้นไม้ขนาดใหญ่ มาเป็นฐานทัพของผม!”


ผีเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้ในใจของแอนดริวและผู้ช่วยรู้สึกอย่างไร?


ซิการ์ที่แอนดริวจุดตั้งแต่พบกับลูกค้าชาวตะวันออกลึกลับเมื่อสักครู่นี้ พอมาถึงตอนนี้ก็ลืมเขี่ยขี้บุหรี่ไปแล้ว นอกจากนี้ซิการ์ที่ใกล้หมดแล้วก็เกือบไหม้โดนนิ้วมือของเขา


ความรู้สึกที่โดนซิการ์จี้ทำให้แอนดริวโยนมันทิ้งทันที เขาไอเบาๆ สองครั้ง… อันทอนคนนี้จงใจล่ะสิ? คนปกติจะพูดเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้เหรอ?


แต่เขาก็ยังรู้ปณิธานของเจ้านี่เป็นอย่างดี เลยพูดแบบเด็ดขาดว่า “ในมือผมมีที่ดินอยู่ผืนหนึ่ง ต้นไม้ใหญ่ในที่ดินก็มีสิบกว่าต้นแล้ว ถ้าหากคุณชอบล่ะก็ ผมมอบให้คุณไปได้เลย ถ้าคุณอยากได้บ้านต้นไม้ ผมก็ให้คนสร้างงานไม้ดีๆ ไว้บนต้นไม้พวกนั้นได้ ผมยกให้คุณหมดเลย!”


“จริงเหรอ?” อันโตนิโอเผยให้เห็นแววตาตื่นเต้นดีใจทันที


ตอนนี้แอนดริวอ้าปากค้าง ไม่นึกเลยว่าเจ้านี่พูดจริง!


เขาพบเจอคนมาก็มาก เขาแยกแยะความจริงใจของคนมากมายได้ แค่เขามองคุณเคที่ลึกลับคนนั้นไม่ออก ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมองคนทั่วไปไม่ออก!


สายตาของอันทอนคนนี้บริสุทธิ์ไร้เดียงสามากเกินไป บริสุทธิ์จนแทบไม่มีความซับซ้อนใดๆ เลย


“โอ้ พระเจ้า แน่นอน! ผมไม่เคยพูดโกหกกับลูกน้องของผม” แอนดริวพยักหน้าพูดว่า “ขอแค่คุณทำงานให้ผมได้ ทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา”


อันโตนิโอกลับพูดลังเลทันที “แต่ผมอยากเจอคุณอานิคิตะก่อน”


คุณอานิคิตะ?


แอนดริวอึ้งไปอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้คิดมากเกินไป บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่นิคิตะเป็นผู้จัดการของเจ้านี่ได้ล่ะมั้ง? แอนดริวมองผู้ช่วยของตัวเอง แล้วพยักหน้าให้สัญญาณเล็กน้อย


ผู้ช่วยเข้าใจโดยสัญชาตญาณ สักพักก็เดินออกไป หลังจากนั้นไม่นานผู้ช่วยก็ลากตัวนิคิตะที่ถูกซ้อมจนหมดแรงไปเล็กน้อยเข้ามา


“คุณอานิคิตะ!” อันโตนิโอมีแววตาร้อนรนทันที วิ่งไปข้างตัวนิคิตะ พยุงร่างกายของเขา แล้วหันหน้ากลับมามองแอนดริวตาเขม็ง แล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ทำไมพวกคุณต้องทำร้ายเขา!”


“ไม่มีอะไร แค่เข้าใจผิดกันเท่านั้นเอง” แอนดริวยิ้มแล้วพูดว่า “คุณนิคิตะยืมเงินจำนวนหนึ่งจากพวกเราไปแล้วไม่คืน จากนั้นก็หนีไป…แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว อ้อ อันทอนที่รัก พวกเราจะรับผิดชอบค่ารักษาคุณนิคิตะทุกอย่าง อีกทั้งยังรับรองว่าจะทำดีกับเขา ให้เขามีชีวิตที่ดี เพราะว่าคุณเป็นคนของผมแล้ว ไม่ใช่เหรอครับ?”


ตอนนี้นิคิตะจับแขนของอันโตนิโอ เข้าไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเขาว่า “ตอบรับเขาไปก่อน เดี๋ยวไปจากที่นี่แล้วค่อยว่ากัน…อย่าไปแข็งข้อกับเขา มีเวลา กลับไปแล้วค่อยว่ากัน…ฟังที่ผมบอก…แค่กๆ…”


อันโตนิโอพยักหน้าเล็กน้อย มองแอนดริวแล้วพูดว่า “ผมจะพาอานิคิตะ…นิคิตะกลับไปแล้ว!”


“แน่นอน!” แอนดริวยิ้มแล้วพูดว่า “ผมจะให้คนส่งพวกคุณไปพักผ่อน ผมมีบ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งในเขตชานเมือง อันทอน ต่อไปพวกคุณก็พักที่นั่นแล้วกัน! วางใจได้ ผมเตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างให้คุณไว้ที่บ้านพักตากอากาศด้วย ผมเชื่อว่าคุณจะต้องชอบ”


คาดไม่ถึงว่านิคิตะกลับพูดว่า “รอเดี๋ยวคุณแอนดริว พี่ชายของผมก็ถูกพวกคุณพาตัวไปด้วย เขาอยู่ที่ไหน?”


แอนดริวชะงักไป เขามองผู้ช่วยสักพัก ตอนนี้ผู้ช่วยจึงพูดว่า “เป็นแบบนี้ครับ ตอนที่พวกเรา ‘เชิญ’ คุณนิคิตะกลับมา ได้เจอเรื่องยุ่งยากบางอย่าง ก็เลยพาคนกลับมาเพิ่มคนหนึ่ง”


“งั้นก็เอาตัวคืนไปเถอะ” แอนดริวพูดแบบไม่สนใจ


ไม่นานนัก ชายร่างกำยำสามคนก็ช่วยกันลากตัวผู้ชายร่างใหญ่แข็งแรงมาอย่างทุลักทุเล แล้ววางไว้มายังตรงหน้าทุกคน โอเล็ก!


มือและเท้าของเขาถูกโซ่พันเอาไว้ แผลที่ถูกแจกันทุบจนแตกยังไม่ได้ทำแผล คราบเลือดอาบหน้าของเขาเอาไว้ แล้วยังเปื้อนคราบดิน และเหงื่อยิ่งทำให้ร่างกายของโอเล็กเปียกชื้น แม้ในขณะนี้ โอเล็กยังคงเด็ดเดี่ยวมากๆ ต้องใช้ผู้ชายร่างใหญ่สามคนถึงลากเขามาได้


ตอนที่แอนดริวมองเห็นโอเล็ก ก็มีแววตาสว่างวาบ คิดแค่ว่าร่างกายของคนนี้มีสัตว์ดุร้ายที่น่ากลัวตัวหนึ่งแฝงกายอยู่


เขาเชื่อว่า ถ้าไม่มีอันทอนที่เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า…ไม่ๆๆ นักรบที่ดีสำหรับเจ้าของสังเวียนมวยแล้วหาได้ยาก!


ที่ค่อนข้างน่าเสียดายก็คือ เกรงว่าเจ้านี่จะผ่านช่วงรุ่งโรจน์ไปแล้ว แม้ว่าสุขภาพร่างกายยังดี การตอบโต้และพลังกายคงต่างไปจากเดิมมากแล้ว…เสียดาย น่าเสียดาย


“ส่งตัวคุณผู้ชายคนนี้กลับไป แล้วก็ให้ค่ารักษาไปด้วย” แอนดริวพูดอย่างเฉยเมยว่า “พวกเราเป็นอารยชน”


อ๊า!!!


แต่คาดไม่ถึงว่า เสียงร้องดังลั่นกลับดังมาทันที!


อันทอนจ้องเขม็ง เขาเดินไปทางโอเล็กทีละก้าวทีละก้าว เขาแข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว และยังมองคนที่นี่ทั้งหมดจากข้างบนได้แล้ว!


ตอนนี้อันทอนร้องเสียงดังอีกครั้งหนึ่ง จับผู้ชายที่กดโอเล็กเอาไว้คนหนึ่งขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว ยกตัวคนขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว จากนั้นก็ทุ่มออกไปสุดแรง!


พร้อมกันนั้นเขาก็เตะออกไป พลังที่น่ากลัวทำให้ร่างกำยำของอีกคนหนึ่งหน้าคะมำกระเด็นลอยออกไป!


“พวกคุณ…คิดไม่ถึงว่าพวกคุณจะทำกับเขาแบบนี้!!! อ๊าก!!!”


เหตุการณ์น่ากลัวเกิดขึ้นตามเสียงคำรามที่แฝงไว้ด้วยความโกรธแค้นของอันทอน อันทอนจับโซ่เหล็กที่ใหญ่และแข็งแรงที่ล็อกทั้งสองมือของโอเล็ก แล้วออกแรงดึง!


ทำให้โซ่เหล็กนี้ขาดกระจายไปทันที ไม่เพียงเท่านี้ ต่อมาโซ่บนขาทั้งสองข้างของโอเล็กก็ขาดกระจายเช่นเดียวกัน!


“คุณคือ…”


ตอนนี้โอเล็กขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า ความรู้สึกคุ้นเคยน่าประหลาดอย่างหนึ่ง ทำให้เขาไม่ใช่แค่เหม่อลอยไปเท่านั้น


อันทอนซัดชายร่างกำยำคนที่สามไปด้วยหมัดเดียวแล้ว เขาเดินไปทางแอนดริวทีละก้าว “ผมไม่ทำงานให้คุณแล้ว! เพราะว่าตอนนี้ผมจะต่อยคุณ! ต่อยคุณแรงๆ สักที!!”


แอนดริวเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ เขาสบถหนึ่งครั้งพลางถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “ดูแล้วคุณยังต้องการคำแนะนำบางอย่าง! จับตัวมา วันนี้ใครก็อย่าคิดจะได้ออกไป!”


ผู้ช่วยรีบกดปุ่มที่อยู่ใต้โต๊ะ ประตูบานใหญ่ของห้องทำงานเปิดออกทันที ชายร่างกำยำหลายคนพุ่งเข้ามา อีกทั้งคนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!


ชายร่างกำยำพวกนี้ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็โผเข้าใส่อันทอน จับแขนทั้งสองและตรงช่วงเอวของเขาเอาไว้!


แต่อันทอนกลับมีพละกำลังราวกับเทพ ถึงแม้ว่าจะถูกชายร่างโตจับไว้พร้อมกันถึงสี่คน ก็ยังคงไม่อาจหยุดยั้งเขาเอาไว้ได้!


เขาตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง และกำลังเคลื่อนไหวร่างกายของตัวเอง ชายร่างโตที่จับเขาเอาไว้นั้นกลับโดนสลัดออกไป ชายร่างกำยำจำนวนมากกว่าเดิมล้มลงแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ แล้วโผเข้ามาหาอันทอนอีก!


วันนี้คนถึงได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของอันทอน!


กล้ามเนื้อของเขาแข็งราวกับเหล็กกล้า! หมัดที่ต่อยลงบนร่างกายของเขาสั่นคลอนคนร่างยักษ์ที่กำยำกว่าหมีไซบีเรียไม่ได้เลย! แต่กำปั้นของเขากลับเหมือนค้อนเหล็ก ทุบลงบนร่างคน ล้มชายร่างโตหนักกว่าสองร้อยปอนด์ไปได้เลยตรงๆ!


“ผมจะต่อยคุณ!”


ที่นี่ ไม่มีใครสู้อันทอนได้เลย!


*เครมลินเป็นคำที่ใช้เรียกบริเวณหมู่ตึกและป้อมปราการบริเวณใจกลางกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ทางใต้เริ่มตั้งแต่บริเวณแม่น้ำมอสโก ทางตะวันออกเริ่มตั้งแต่มหาวิหารเซนต์เบซิลและจัตุรัสแดง ทางตะวันตกเริ่มตั้งแต่สวนอะเล็กซานเดอร์ เครมลินแห่งมอสโกได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยยูเนสโกเมื่อ ค.ศ. 1990


บทที่ 12 ชายแปลกหน้าด้านตรงข้าม

โดย

Ink Stone_Fantasy

หมัดของอันทอนโจมตีมาทางแอนดริวอย่างหนักหน่วง แต่ทว่าแอนดริวที่ผ่านการต่อสู้บนสังเวียนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็มีประสบการณ์มากเช่นกัน


เขาหลบหมัดของอันทอนได้อย่างแยบยลมาก


กำปั้นชกลงไปที่ด้านบนชั้นวางหนังสือข้างหลังแอนดริว แผ่นไม้ที่หนาไม่สามารถทนทานแรงหมัดของอันทอนได้ วินาทีที่หมัดชกโดนชั้นวางหนังสือ อันทอนก็กวาดแขนของตนเองไปอย่างดุดัน!


แขนอันทรงพลังราวรถขุดดินทำลายแผ่นไม้กั้นของชั้นวางหนังสือทันที ก่อนกวาดมาทางแอนดริว


แอนดริวยกแขนสองข้างขึ้นพร้อมกัน ตั้งการ์ดป้องกันหน้าตัวเองเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถต้านทานพลังน่ากลัวนี้ได้ ทำได้แค่ป้องกันนิดหน่อย ร่างของเขาก็ถลาไปข้างหลังไม่หยุดโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ขณะเดียวกันแขนทั้งสองข้างของเขาก็แทบชาไปเลย


แอนดริวรู้สึกว่ากระดูกแขนของตัวเองเกือบจะหักไปแล้ว พอได้สัมผัสกับตัวเองเขาถึงเข้าใจว่าพลังของเจ้านี่มันน่ากลัวขนาดไหน


แต่ในห้องหนังสือโอ่อ่าอีกทั้งยังกว้างขวางนี้ ไม่ได้มีแค่แอนดริวเพียงคนเดียว


“หยุด! ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้เจอหมอนี่อีก!”


ผู้ช่วยแอนดริวส่งเสียงตะโกนทุ้มต่ำ!


ตอนนี้อันทอนจำต้องชะงักมือเอาไว้ อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าในมือของเจ้านี่ถืออะไรเอาไว้ และก็รู้ว่าตอนนี้นิคิตะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร


ปืนสั้นในมือของผู้ช่วยเล็งไปที่ด้านหลังศีรษะของนิคิตะ นิคิตะจึงจำต้องยกมือทั้งสองของตนขึ้นมาอย่างสั่นเทา อีกทั้งยังเค้นรอยยิ้มไม่น่าดู พร้อมกับพูดว่า “เฮ้พวก ฉันหาเรื่องยุ่งยากมาให้นายอีกแล้วใช่ไหม แต่ถ้านายบอกฉันว่าที่อยู่ข้างหลังเป็นแค่ไม้นวดล่ะก็ ฉันจะต้องชื่นชมนายแน่ๆ…”


“ฉันก็หวังว่าจะเป็นแค่ไม้กระบองอันหนึ่งเท่านั้น” โอเล็กกำลังพูดอย่างระมัดระวัง ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตทุกอย่างรอบตัวอย่างรวดเร็ว


ลูกน้องของแอนดริวยันตัวขึ้นมา ถึงแม้ว่าสารรูปพวกเขาจะดูย่ำแย่จากการใช้ความรุนแรงของอันทอน แต่สถานการณ์ก็พลิกผันไปแล้ว


อันทอนยั้งมือด้วยตื่นตระหนก…สถานการณ์แบบนี้ เขาควรจะจัดการอย่างไรดี?


ทันใดนั้น


โอเล็กก็ส่งเสียงดังลั่น


พริบตาเดียวโอเล็กก็กระโดดขึ้นมา เดิมทีตัวเขาก็สูงใหญ่อยู่แล้ว ครั้งนี้กระโดดไปได้สูงพอดูทีเดียว!


ทั้งสองมือของโอเล็กจับไปที่ด้านบนของโคมไฟระย้าคริสตัลหรูหราในห้องหนังสือ ตามมาด้วยเสียงออกแรงของโอเล็ก นึกไม่ถึงว่าจะดึงโคมไฟคริสตัลลงมาทั้งอย่างนั้น!


วินาทีที่ไฟลุกไปรอบด้าน โคมไฟขนาดใหญ่ก็ตกลงมากระทบพื้น


ด้วยปฏิกิริยาที่อยู่เหนือสัญชาตญาณ ทำให้ผู้ช่วยเผลอเดินถอยหลังไปสองก้าว พร้อมกันนั้นกล้ามเนื้อมือสองข้างของโอเล็กก็ปูดนูนขึ้นมา เพราะเขาจับโครงของโคมไฟคริสตัลเอาไว้แล้วโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่งผู้ช่วยจึงถูกไล่กวาดไปอยู่บนพื้นทันที


“ไป! ไป!! รีบไป!” โอเล็กร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง


นิคิตะเห็นสถานการณ์แล้วก็รีบร้อนดึงมือของอันทอนพุ่งออกไปนอกประตู แล้วโอเล็กก็ออกแรงดึงโครงโคมไฟคริสตัลมาขวางไว้ตรงขอบประตู ปิดทางเข้าออกประตูไว้ชั่วคราว แล้วจึงตามออกไปเช่นกัน


“บอส บอสไม่เป็นไรใช่ไหมครับ!”


ตอนนี้ผู้ช่วยยันตัวขึ้นมา แล้วรีบเดินไปข้างๆ แอนดริว พลางพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก


แอนดริวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้ง เขาเดินบิดเอวไปมาหลายก้าวอย่างรวดเร็ว ก่อนหันตัวมาพูดว่า “แกยังมัวอึ้งหาอะไรอยู่? ตามไปสิ ตาม!!!”


“ครับ…”




“น่าจะปลอดภัยได้สักระยะหนึ่ง”


โอเล็กกดมู่ลี่ลง กำลังมองดูสถานการณ์ด้านนอก แต่นิคิตะกลับเอาเหล้าขวดหนึ่งออกมาจากตู้เก็บอาหารด้วยความคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ดื่มไปพลางเดินออกมา ในมือยังถือเอาแก้วหลายใบมาด้วย


โอเล็กขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “นิคิตะทำตัวดีๆ หน่อย อย่าแตะของของบริษัทส่งเดช”


“พี่ชาย ถ้าไม่แก้ปวด ผมคงจะต้องปวดแผลตายใช่ไหมล่ะ?” นิคิตะฟันแฉ่งแล้วนั่งลง พร้อมวางแก้วไว้บนโต๊ะ เทเหล้าพลางมองอันทอนแล้วพูดว่า “ที่นี่เป็นบริษัทขนส่งที่ผมและโอเล็กทำงาน บางทีพวกแอนดริวอาจจะกลับไปที่บ้านของโอเล็กเพื่อตามหาพวกเรา แต่คงจะไม่นึกถึงที่นี่แน่ๆ”


ตอนนี้อันทอนดูมีท่าทางตื่นเต้นดีใจ เขายังคงย้อนคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นที่บ่อนพนันเมื่อครู่นี้ แล้วอดมองดูโอเล็กไม่ได้ “พ่อ…คุณโอเล็กเมื่อกี้นี้เท่มากจริงๆ ครับ!”


“ฮ่าๆ!” นิคิตะยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วพูดว่า “นี่เป็นแค่เรื่องจิบๆ เท่านั้น! คุณไม่รู้หรอก สมัยก่อนโอเล็กคนเดียวล้มคนได้ทั้งแก๊งเลย! คุณอาจจะนึกภาพไม่ออก เหตุการณ์ครั้งนั้นอันตรายกว่าครั้งนี้เยอะ…”


“นิคิตะ นายชักจะพูดมากไปแล้วนะ!” โอเล็กพูดเสียงหนักแน่นทันที


นิคิตะรีบปิดปาก “ฉันไม่พูดแล้ว ฉันจะดื่มเหล้าของฉัน”


แล้วโอเล็กก็พูดขึ้นทันทีว่า “แอนดริวไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆ พวกนายล่วงเกินเขาไปแล้ว คงจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ชั่วระยะหนึ่ง…พวกนายต้องไปจากที่นี่ ยิ่งไกลได้เท่าไรยิ่งดี รอให้ฟ้ามืดฉันจะส่งพวกนายไปที่ท่ารถ”


“พี่ชาย แล้วนายล่ะ?”


โอเล็กพูดอย่างเฉยเมยว่า “ถ้ายังหาอันโตนิโอไม่เจอ ฉันก็ยังหนีไปไม่ได้ นายวางใจได้ ถ้าฉันหลบได้ล่ะก็ พวกเขาจะหาตัวฉันไม่เจอง่ายๆ ขนาดนี้หรอก”


นิคิตะไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย อันทอนกลับขยับริมฝีปากอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา เขากำลังมองดูนิคิตะรินเหล้าให้เต็มแก้ว แล้วจู่ๆ ก็คว้ามาดื่มอึกหนึ่ง แล้วก็สำลักทันที


“นายดื่มแม็กนัส*แล้วกัน! วอดก้าให้ผู้ใหญ่ดื่มนะ น้องชาย” นิคิตะอดพูดล้อเล่นไม่ได้


อันทอนพูดเสียงฉุน “ใครว่าผมดื่มไม่ได้ ผมแค่ไม่ชิน”


นิคิตะยักไหล่ ลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ “ฉันไปเข้าห้องน้ำหน่อย มีเรื่องอะไรก็เรียกฉันได้”


หลังนิคิตะจากไปแล้ว โอเล็กถึงได้พิจารณาดูอันทอน ฉับพลันก็ขมวดคิ้วถาม “พวกเราเคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่า?”


เขานั่งอยู่ตรงหน้าอันทอน มองตรงๆ ไปที่เจ้าหนุ่มน้อยแข็งแรงตรงหน้าคนนี้…โดยเฉพาะดวงตาทั้งสองข้าง ทำให้เขารู้สึกถึงบางอย่างที่ยากจะอธิบาย


“ไม่นี่ครับ” อันทอนส่ายหน้า พลางก้มหน้าก้มตาเล่นแก้วเหล้าที่อยู่ในมือ แล้วพูดขึ้นทันทีว่า “คุณโอเล็ก เมื่อกี้นี้ถ้าพวกเราสู้ต่อล่ะก็ พวกเราจะต้องชกเจ้าหมอนั่นเต็มเหนี่ยวได้แน่ๆ ทำไมต้องหนีด้วยล่ะครับ?”


โอเล็กพูดอย่างเฉยเมยว่า “ชกเขาสักรอบแล้วหลังจากนั้นล่ะ?”


“บอกเขาว่า อย่าหาเรื่องอีกนะ!”


โอเล็กยิ้มแล้วส่ายหน้า ก่อนหยิบแก้วมาเขย่าๆ “แบบนั้นก็มีแต่ทำให้เขาโกรธมากขึ้นกว่าเดิม เจ้าหนุ่มน้อย นอกเสียจากว่านายจะฆ่าเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะหาเรื่องนายไม่หยุด แล้วนายเคยคิดฆ่าแอนดริวไหม?”


“ฆ่า…” อันทอนรีบส่ายหน้า “ไม่ครับ”


โอเล็กกลับหลับตาลง เอนตัวบนเก้าอี้ พูดช้าๆ ว่า “อย่างนั้นก็ไปเถอะ ไปไกลเท่าไรก็ยิ่งดี อยู่ให้ไกลจากเรื่องเดือดร้อนพวกนี้เถอะ”


“หลบหนีไม่ใช่การกระทำของคนขี้ขลาดเหรอครับ?” อันทอนถามทันที


โอเล็กลืมตาขึ้น เขาที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่คนขี้กลัว “เจ้าหนุ่ม ไม่มีอะไรสำคัญกว่าชีวิต การหลบหนีอาจจะไม่ใช่การกระทำของคนขี้ขลาดเสมอไป แต่เป็น…”


“แต่เป็นอะไร?”


โอเล็กส่ายหน้า พูดอย่างเฉยเมยว่า “อีกหน่อยนายจะเข้าใจเอง จะว่าไปฉันก็ไม่มีหน้าที่สั่งสอนนาย นี่ควรจะเป็นหน้าที่ของพ่อนาย”


อันทอนก้มหน้าลงทันที “เขา…ไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้กับผมเลย”


“เป็นพ่อที่แย่จริงๆ” โอเล็กกรอกวอดก้าในแก้วเข้าไปรวดเดียว ยิ้มแล้วมองดูนอกหน้าต่าง หลังจากผ่านไปสักพักถึงได้พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า “รวมทั้งฉันด้วย”


ไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้อันโตนิโอถึงคิดอยากจะหนีไปจากโอเล็ก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขา



“ยังไม่เสร็จ รอเดี๋ยว…จะเสร็จแล้ว!”


ในห้องน้ำมีเสียงที่ชวนอึดอัดของนิคิตะดังเล็ดออกมา จากนั้นก็เป็นเสียงผ่อนลมหายใจราวกับผ่อนคลายอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้เขาถึงได้พูดว่า “นั่นใครน่ะ?”


“นิคิตะ ผมเอง”


“อันทอนเหรอ รอเดี๋ยวผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ” นิคิตะลูบเหงื่อบนหน้าผากพลางพูดขึ้น


อันทอนกลับพูดว่า “นิคิตะ คุณโอเล็กคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่ครับ…เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาแข็งแกร่ง แต่ผมเห็นท่าทางเขาเหมือนกลัวมาก”


นิคิตะชะงักไป หลังเงียบไปสักพักถึงได้พูดว่า “เขาพูดอะไรกับคุณเหรอ?”


“เปล่านี่”


“จริงเหรอ…” ตอนนี้นิคิตะถอนหายใจแล้วพูดว่า “เขาไม่ได้กลัวอะไรเลย เขาแค่หลับไปเท่านั้น รู้ไหม? คนที่ปลุกให้เขาตื่นขึ้นได้ ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว”


“ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว?”


“ภรรยาของเขา คามาลา”


แม่…


นิคิตะที่ยังนั่งส้วมอยู่ในห้องน้ำ ตอนนี้กำลังมองดูฝ้าเพดานอยู่ จุดบุหรี่ หลังจากดูดบุหรี่แล้วถึงพูดช้าๆ ว่า “ประมาณสิบสองปีก่อนได้แล้วล่ะมั้ง? ผมและโอเล็ก แล้วยังมีคาเมล่า เป็นเด็กที่โตมาจากหมู่บ้านเดียวกัน ตอนนั้นพวกเรามีความฝัน…”


*แม็กนัส ชื่อไวน์ชนิดหนึ่ง ปริมาณแอลกอฮอล์ไม่สูงมาก

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม