ความลับแห่งจินเหลียน ส่วน 4 ตอน 120-126

ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 120 ไม่มีนักธุรกิจคนไหนที่ไม่ทรยศ

 

จ่านมู่ฮวาถามอย่างร้อนรน “คุณมีวิธีอะไร”


 


“หินหยกในงานเดิมพันหินใหญ่ของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่น่าจะขนย้ายมาแล้วใช่ไหม?” เหลิ่งจี้พูด “ผมจะขโมยหินหยกของพวกเขา แล้วดูสิว่าคืนนี้เธอจะหินหยกที่ไหนไปร่วมการแข่งขันเดิมพัน?”


 


จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็เกือบจะเห็นพ้องต้องใจ แต่ซีเหมินจินเหลียนกลับขมวดคิ้วพูดขึ้นมาก่อน “ฉันยังไม่ได้เข้าร่วมการเดิมพันใหญ่เลยทำไมพวกคุณถึงพูดจาเป็นลางร้ายแบบนั้น ทำไมล่ะคะ ฉันก็ดูชนะคุณนายอวิ๋นไม่ได้เลยเหรอ?”


 


ให้เหลิ่งจี้ไปขโมยหินหยกของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ที่จะไปร่วมเดิมพัน เมื่อบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ไม่มีหยกก็เท่ากับว่าหาหินหยกลักษณะดีมาเข้าร่วมเดิมพันไม่ได้ การเดิมพันคืนนี้ซีเหมินจินเหลียนเลยชนะไปอย่างนี้เหรอ? แต่ผลที่ได้มาแบบนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการ


 


เธอหวังว่าเธอจะสามารถชนะได้อย่างเปิดเผยบริสุทธ์ใจ การเดิมพันครั้งนี้แน่นอนว่าเธอจะต้องกังวลว่าคุณนายซูแห่งบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะเล่นอะไรสกปรกหรือเปล่า ต่อหน้าก็เรียกเธอว่าน้องสาวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ลับหลังอาจะเล่นสกปรกไม่บริสุทธิ์ใจ หาคนมาแตะต้องหินหยกของเธอ เพราะอย่างนั้นการระวังตัวก่อนก็เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น


 


จ่านมู่ฮวาคาดคะเนความเป็นไปได้ที่เหลิ่งจี้พูด เขาวางเดิมพันลงไปเยอะ ใครจะรังเกียจการที่เงินตัวเองมีมากขึ้นล่ะ


 


“คุณเหลิ่ง คุณมั่นใจแค่ไหน” จ่านมู่ฮวาพูด


 


“ถ้าหากสามารถหารูปแผนผังแถวนี้มาได้ ผมก็มั่นใจถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์!” เหลิ่งจี้พูด “แน่นอนถ้าหากผมทำพลาด ผมก็จะแกล้งว่าไม่รู้จักพวกคุณ ไม่ให้เรื่องไปถึงพวกคุณแน่นอน”


 


จ่านมู่ฮวามองไปทางจ่านป๋าย จ่านป๋ายมองไปทางซีเหมินจินเหลียน ขอแค่ได้ยินเธอบอกออกมา อย่าว่าแต่ขโมยหินหยกก้อนหนึ่งเลย แม้จะให้เขาไปขโมยฟ้าเบื้องบน เขาก็จะไม่ลังเลเลยแม้แต่นิด


 


“ไม่ต้องค่ะ ฉันอยากชนะอย่างบริสุทธิ์ใจ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันไม่เชื่อว่าจะมีตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร” ที่เธอไม่แพ้นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนเธอยังไม่เคยเจอคู่แข่ง เธอสามารถเบิกเนตรได้ เธอสามารถมองทะลุผ่านได้ เธอก็ไม่เชื่อว่าเธอจะแพ้?


 


เมื่อได้พบหินหยกสีดำทรายอีกาแล้ว เธอก็มั่นใจแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่พ่ายแพ้ต่อสิ่งใดบนโลกแล้ว


 


“เสี่ยวป๋าย คืนนี้ฉันไม่เพียงแต่จะให้คุณช่วยดูหินหยกและเฝ้าระวังคนมาแตะต้องหินอย่างเดียวแล้วล่ะ แต่การเจียระไนหินครั้งนี้ฉันก็มอบหน้าที่ให้คุณจัดการด้วย คุณต้องจำไว้ว่าใช้ได้แค่การเจียระไนด้วยมือเท่านั้น ไม่สามารถใช้เครื่องมือเจียระไนในปัจจุบันได้” ซีเหมินจินเหลียนพูดกำชับ


 


“โอเคครับ” จ่านป๋ายยิ้ม เขายินดีที่จะค่อยๆ เจียระไนหินหยกทรายอีกาดำออกมา เพื่อให้คนพวกนั้นดู


 


“คุณเหลิ่ง ขอบคุณในความหวังดีของคุณนะคะ แต่ไม่ว่าจะยังไงฉันคิดว่าการขโมยหินหยกจากฝ่ายตรงข้ามมันก็ไร้คุณธรรมไปหน่อย เพราะฉะนั้นฉันหวังว่าจะชนะอย่างบริสุทธิ์ใจในการเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้” ซีเหมินจินเหลียนพูดขอบคุณเหลิ่งจี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร แต่เขาก็ทำเพื่อเธอ


 


เหลิ่งจี้ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปอีก ลุกขึ้นเตรียมบอกลา จ่านป๋ายจึงลุกขึ้นเดินไปส่งเขา รอบข้างซีเหมินจินเหลียนไม่มีใครอีก เธอเลยถามจ่านมู่ฮวาว่า “คุณคิดอะไรของคุณอยู่?”


 


“ผม…” จ่านมู่ฮวาได้ยินก็ครุ่นคิดทบทวนอยู่นานถึงพูดขึ้น “ผมคิดว่ายังไงคุณก็ไม่มีทางแพ้”


 


“ฉันไม่ใช่เทพเจ้านะ!” ซีเหมินจินเหลียนเกือบจะเกรี้ยวกราดใส่เขาแล้ว พูดได้ยังไงว่าเธอจะไม่มีทางแพ้?


 


“ความสามารถในการเดิมพันหินของคุณมันมีพลังแรงกล้ามาก จนทำให้ผมสงสัยว่าคุณก็อาจจะสามารถเบิกเนตรได้” จ่านมู่ฮวาพูดพึมพำ


 


 “คุณหยุดพูดเลยนะ!” ซีเหมินจินเหลียนก่นด่าอย่างหมดอารมณ์ “เทพเจ้ายังคาดเดาหยกยากเลย แล้วการเบิกเนตรอะไรกัน? ทำไมคุณไม่พูดว่าฉันพารังสีเอ็กซ์ติดตัวมาด้วยเลยล่ะ!”


 


“รังสีเอ็กซ์ยังทะลุผ่านไม่ได้!” จ่านมู่ฮวาพูด


 


“ถ้าหากคืนนี้ฉันแพ้จนหมดตัว เพชรของคุณ…” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างทำตัวไม่ถูก “ความจริงฉันแพ้ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะไม่ได้วางของเดิมพันไป อย่างมากสุดก็แค่หินหยกก้อนหนึ่ง บวกเงินสดอีกหนึ่งแสนเท่านั้น แต่คนที่วางเดิมพันคือคุณ…”


 


จ่านมู่ฮวามองหน้าเธอคิดอยู่นานถึงพูดว่า “ผมรับปากว่าจะเพิ่มข้อเสนออีกข้อหนึ่งให้พวกเธอ”


 


ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากลถามขึ้น “ข้อเสนออะไร”


 


“ถ้าหากคุณแพ้ บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่จะปิดตัวลงนับจากนี้” จ่านมู่ฮวาพูด


 


“คุณว่าอะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ยืนพ่นไฟด่าขึ้นมา “นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ?!”


 


จ่านมู่ฮวาเหมือนเด็กน้อยที่ทำความผิด ขยับเคลื่อนนิ้วมือไปมา ทำท่าทางสงสารมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนจึงพยายามสงบจิตใจลงและถาม “ทำไมคุณถึงตกลงกับคุณนายซูว่าจะเดิมพันกับเธอ?”


 


“ก็ไม่ใช่ว่าผมคิดว่าคุณจะสามารถชนะได้หรอกเหรอ?” จ่านมู่ฮวาพูดอย่างน่าสงสาร


 


“หุบปากนะ! ถึงแม้ฉันจะแพ้ แต่ฉันก็ไม่เชื่อว่าเธอจะสามารถทำให้อะไรบริษัทจิวเวอรี่ของฉันได้” ซีเหมินจินเหลียนทำเสียงเหอะใส่


 


 “เธอสามารถร่วมมือกับบริษัทจิวเวอรี่อื่นๆ มาบีบบังคับคุณให้พ่ายแพ้ได้” จ่านมู่ฮวาพูด “ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร เส้นสายย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญ คุณอย่าถามผมเลยว่าทำไมผมถึงรับปากที่จะเดิมพันกับเธอ ผมบอกเหตุผลคุณไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้ถึงจะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว…”


 


“ปากคุณก็บอกว่าจะจีบฉัน จากนั้นเพียงแค่พริบตาเดียวคุณก็ขายฉันให้กับคนอื่น?” ซีเหมินจินเหลียนด่าไฟแลบ


 


“ผม…” จ่านมู่ฮวาแกล้งทำท่าน่าสงสารต่อไป


 


“รอให้การเดิมพันหินใหญ่คืนนี้สิ้นสุดลงก่อนเถอะ คอยดูว่าฉันจะจัดการกับคุณยังไง” ซีเหมินจินเหลียนกัดฟันพูด ความจริงเธอก็พอจะเข้าใจจ่านมู่ฮวาได้ว่าทำไมถึงตอบรับการเดิมพันระหว่างเธอกับคุณนายซูครั้งนี้ นี่น่าจะไม่ใช่ความตั้งใจของเขา แต่เป็นความตั้งใจของเจ้าของตระกูลจ่านสินะ?


 


ซีเหมินจินเหลียนกล้ายืนยันว่าตระกูลของเขาคงจะวางเดิมพันไปทั้งสองข้าง ไม่ว่าฝั่งไหนจะแพ้ แต่ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ก็ยังเป็นพวกเขา เพราะว่าคลับหยกเป็นของบ้านเขา


 


สมควรตาย! ไม่มีนักธุรกิจคนไหนที่ไม่ทรยศ ไม่มีคนทรยศคนไหนที่ไม่ใช่นักธุรกิจ นักธุรกิจที่ไม่ทรยศทำธุรกิจไม่ได้หรอก


 


นอกจากนี้ตระกูลจ่านคงอยากจะเห็นว่าบริษัทไหนคุ้มค่ากับการลงทุนของพวกเขา คงอยากจะหาโอกาสนี้ในการตามหาหินปิดฟ้า แน่นอนว่าย่อมต้องการร่วมมือกับผู้มีความสามารถในการเดิมพันหิน เพราะฉะนั้นการเล่นแบบนี้ ที่ให้เธอและคุณนายซูแข่งขันกันตายไปข้างหนึ่ง แต่เขากลับนั่งรอผลประโยชน์อย่างสบาย


 


เมื่อเข้าใจได้ในจุดนี้ เธอก็สามารถเข้าใจเจตนาของจ่านมู่ฮวาได้ แถมตอนที่เหลิ่งจี้ไปหาเขา บอกเรื่องความสามารถในการเบิกเนตรจองคุณนายอวิ๋นให้เขาฟัง ในใจของเขาคงจะมีความลังเลใจไม่น้อย เพราะฉะนั้นเขาเลยหวังจะให้นัดเดิมพันคืนนี้ยกเลิกไป เพราะว่าเขาได้วางเดิมพันหุ้นเหมืองเพชรลงไปถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์


 


เขาเห็นด้วยกับความเห็นที่เหลิ่งจี้บอกว่าให้ไปขโมยหินหยกที่ใช้ร่วมในการแข่งขันเดิมพันของคุณนายซู และยิ่งหวังว่าจ่านป๋ายจะเข้าร่วมการแข่งขันด้วย เพราะถ้าหากคืนนี้จ่านป๋ายร่วมแข่งขันด้วยจริงๆ เขาก็จะสามารถจัดการพวกเขาไปได้พร้อมๆ กันสินะ? สิ่งที่เขาต้องการจะหาก็คือผู้เดิมพันหินที่มีความสามารถช่วยตามหาหินหยกปิดฟ้าของเทพธิดาให้เขาเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ก็คงไม่ได้สำคัญอะไรสินะ? 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 121 ช่วงเวลาเดิมพัน

 

 คิดไม่ถึงว่าเมื่อจ่านมู่ฮวาได้ฟังประโยคที่ซีเหมินจินเหลียนพูดก็เบิกตาโตขึ้น เดิมทีก็ดวงตากลมที่โตอยู่แล้ว ตอนนี้ดวงตาคู่นั้นก็เปล่งประกายวิบวับมองซีเหมินจินเหลียนอย่างนิ่งงัน


 


“จินเหลียน คุณคิดจะจัดการผมยังไง บีบบังคับผม? ล่วงละเมิดผม? หรือทรมานผม? จ่านมู่ฮวาดวงตาแวววับ


 


“ไสหัวไปให้พ้น!” ซีเหมินจินเหลียนกดเสียงต่ำพูดออกมา เธอกำลังพูดเรื่องเป็นทางการอยู่ เขากลับมาคิดเรื่องไร้สาระกัน?


 


“ผมจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี” จ่านมู่ฮวายังไม่ลืมที่จะเสริมประโยคเข้าไป


 


“ถ้าหากคุณอยากจะให้ความร่วมมือ นับจากนี้ไปก็ช่วยหายหน้าไปไม่ให้ฉันเห็นจะดีที่สุด!” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์ที่จะพูด


 


จ่านมู่ฮวาหัวเราะแหะๆ “หายไปเหรอ? เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ผมตามจีบคุณอยู่นะ”


 


“คืนนี้ถ้าหากฉันแพ้จนหมดตัวแล้ว ยังคู่ควรให้ใครมาตามจีบอีกเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนจู่ๆ ก็ยิ้มมีเลศนัยขึ้นมา จีบเธอเหรอ? จีบตัวเธอหรือว่าจีบความสามารถในการเดิมพันของเธอกันแน่? 


 


ถ้าหากประโยคนี้ ซีเหมินจินเหลียนถามหลินเสวียนหลานหรือว่าฉินเฮ่า เกรงว่าสองคนนี้คงปฏิญาณตนพูดว่าคนที่ผมจะจีบคือคุณ ไม่ใช่เรื่องพวกนี้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นเวลานี้ก็ล้วนแต่พูดประโยคที่น่าฟังกันทั้งนั้น


 


แต่จ่านมู่ฮวาก็คือจ่านมู่ฮวา หลังจากใช้สมาธิคิดไตร่ตรองพูดออกมาว่า “ผมก็ไม่รู้”


 


“เพราะคุณเป็นคนก่อเรื่องบ้าๆ นี่ขึ้นมา เพราะอย่างนั้นคุณก็ต้องช่วยฉัน” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม


 


“อ้อ?” จ่านมู่ฮวาสับสนถามขึ้น “คุณจะให้ผมช่วยอะไรล่ะ”


 


ซีเหมินจินเหลียนคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้น “คลับหยกนี้เป็นของคุณ ไม่ผิดใช่ไหมคะ?”


 


“ครับ” จ่านมู่ฮวาพยักหน้า “ก็ใช่”


 


“สามนาทีก่อนที่การเจียระไนในงานการเดิมพันหินใหญ่จะเริ่ม ฉันขอให้คุณช่วยดับไฟสักหนึ่งนาที เรื่องนี้สำหรับคุณคงไม่ยากเกินไปใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนพูด


 


“อ้อ” จ่านมู่ฮวาถามอย่างสงสัย “คุณจะทำอะไร”


 


“ฉันจะทำอะไรไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือคุณรับปากได้ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนถาม


 


จ่านมู่ฮวาไตร่ตรอง ถึงคลับหยกนี่จะไม่ใช่ของเขา แต่คำขอร้องนี้ก็ง่ายมาก ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไร แถมดับแค่หนึ่งนาที ถ้าหากเวลานานกว่านี้อาจจะยุ่งยากนิดหน่อย


 


“แค่หนึ่งนาทีเหรอ?” จ่านมู่ฮวาถาม


 


“ใช่ แค่หนึ่งนาที” ซีเหมินจินเหลียนตอบยืนยัน


 


“ได้” จ่านมู่ฮวาพยักหน้า “ถึงเวลานั้นคุณบอกเวลามาให้แน่นอน ส่งข้อความมาหาผม เมื่อผมได้รับข้อความแล้ว ภายในสิบวินาทีไฟจะดับ คลับหยกทั้งหมดจะปกคลุมไปด้วยความมืด คุณอยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”


 


“ขอแค่คุณรับรองในเรื่องนี้ เหมืองเพชรคืนนี้ของคุณก็ยังเป็นของคุณ พรุ่งนี้พวกเราจะสามารถแบ่งหุ้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่สิบห้าเปอร์เซนต์กัน” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มกรุ้มกริ่มและสีหน้ามีความชั่วร้าย


 


จ่านมู่ฮวารู้สึกไม่เข้าใจ ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงไม่เคยรู้สึกเลยว่าเวลาซีเหมินจินเหลียนยิ้มมีพลังชั่วร้ายซ่อนเร้นอยู่?


 


“ฉันยังมีเรื่องที่ต้องเตรียมตัว ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไรก็ไปได้แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพูดไล่อย่างไม่เกรงใจกัน


 


“โอเค” จ่านมู่ฮวาลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างนอก


 


หลังจากที่จ่านมู่ฮวาเดินไป จ่านป๋ายก็เดินเข้ามา “คืนนี้ทางนั้นมีความเคลื่อนไหวบางอย่าง”    


 


“เป็นอย่างที่คิดไว้” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “หลังจากที่งานนิทรรศการอัญมณีคืนนี้สิ้นสุดลง คุณเก็บเครื่องประดับของพวกเราทั้งหมดให้เรียบร้อย เก็บไว้ที่คลับหยกชั่วคราวก่อน จากนั้นให้หลินเสวียนหลานนำกล่องเปล่าแล้วพากลับไปที่บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ แล้วก็คืนนี้อย่าให้เขาเข้ามา”


 


จ่านป๋ายพยักหน้าและยิ้มบางๆ คืนนี้หลินเสวียนหลานไม่เหมาะกับการปรากฏตัว


 


“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าผู้ชายที่อยู่ข้างๆ คุณนายซูคนนั้นเป็นเขาจริงๆ?” ซีเหมินจินเหลียนบิดนิวมือเล็กน้อย และถามขึ้นอย่างทำตัวไม่ถูก


 


จ่านป๋ายพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร ซีเหมินจินเหลียนผ่อนลมหายใจลงและพูดว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?”


 


“คนที่ทำเพื่อผลประโยชน์ เรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น คุณไม่เห็นจะต้องไปใส่ใจเลยครับ?” จ่านป๋ายพูดปลอบใจ


 


ซีเหมินจินเหลียนหรี่ตาลงและถอนหายใจออกมา บางครั้งคนเราก็มักจะเข้าใจยากเหลือเกิน เดิมทีเธอคิดว่าจะไม่ใส่ใจแล้ว แต่ตอนที่จ่านป๋ายบอกเธอนั้น เธอก็ได้สนใจไปแล้ว…รีบร้อนตอบรับคำท้าของคุณนายซู ตนเองเล่นกับไฟแท้ๆ จนกระทั่ง…วันนี้เธอพาตัวเองไปเข้าหามรสุม นับจากนี้คงจะสงบสุขไม่ได้แล้วแน่ๆ


 


เรื่องนี้ถึงจะผิดศีลธรรมไปบ้าง แต่เรื่องเมื่อวานทำให้เธอเข้าใจว่าใครคนนั้น ไม่เคยอยู่ในใจเธอมาก่อน แต่คืนนี้เรื่องทุกอย่างจะต้องจบ ไม่สนว่าผลแพ้ชนะจะเป็นอย่างไร การเดิมพันครั้งนี้เธอแค่อยากจะทำให้ตนลืมอดีตที่เคยผ่านมาของตัวเอง


 


คิดเสียว่าเป็นการไว้อาลัยก็แล้วกัน แพ้ชนะอีกเรื่อง!    


 


บางครั้งสิ่งที่พวกเราคิดถึง ก็ไม่ใช่ความรู้สึกตอนนั้น และไม่ใช่คนในตอนนั้น แต่เป็นตัวเองในตอนนั้น! ตอนนั้นในอดีตที่กาลเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วดั่งกับสายน้ำที่ไหลหลาก…


 


ทุกอย่างสวยงามไปหมด ตอนที่เมฆแยกตัวกระจายออกจากกัน ก็จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจน หลังจากนั้นก็จะพบว่าที่แท้โลกของเราไม่ได้สวยงาม


 


งานนิทรรศการอัญมณีที่จัดขึ้นสามวันได้เงียบเหงาลง นักธุรกิจบางส่วนเริ่มเก็บของกันเพื่อเตรียมตัวออกจากที่นี่ ส่วนคนส่วนมากกลับยังอยู่ที่คลับหยก เพื่อรอการเดิมพันสุดแสนจะยิ่งใหญ่ในคืนนี้


 


หลังจากงานนิทรรศการจัดแสดงสินค้าอัญมณีจบลง ก็ไม่ได้หมายความว่าการเดิมพันหินใหญ่จะจบลงไปด้วย


 


ภายใต้แสงของโคมไฟแชนเดอเรียคริสตัล มีหินหยกที่ลักษณะพื้นผิวขรุขระไม่สวยงามวางไว้อยู่ตรงนั้น เพื่อรอให้มีคนมาเปิดเจียระไนค้นพบความงามของหยก และร่ำรอบนเวทีของงานนิทรรศการครั้งนี้


 


 หินหยกหมายเลขสิบเอ็ด ผิวทรายสีดำอีกาก้อนหนึ่งเล็กจนน่าสงสาร อย่างมากก็อาจจะมีขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ ไม่ได้ดึงดูดสายตาใคร แต่อัตราต่อรองราคาเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง นี่เป็นอัตราต่อรองที่เปิดมาต่ำที่สุด ทำให้ผู้คนที่มาเข้าร่วมในงานเดิมพันหินใหญ่ในคืนนี้ไม่ได้ใส่ใจมองไปที่หินทรายสีดำอีกานั่น


 


เจ้าของของหินทรายสีดำอีกานั่น มีชื่อที่สวยงามว่า…ซีเหมินจินเหลียน!


 


คนส่วนมากที่เข้าร่วมงานเดิมพันหินต่างรู้ดีว่าเมื่อคืนมีคนเจียระไนสีล้ำค่าสามสีต่อหน้าผู้คน แม้กระทั่งมีคนถกเถียงเรื่องนี้ลับๆ ถ้าหากเมื่อวานซีเหมินจินเหลียนนำหินหยกสามสีก้อนนั้นที่ร่วมงานเดิมพันหินใหญ่ของราชานักเดิมพันหยกเจียหยวนฮวาจะชนะได้อีกหรือไม่?


 


ผู้เข้าร่วมส่งหินหยกหมายเลขเก้า เป็นราชาแห่งการเดิมพันหยกเจียหยวนฮวา ผิวหินที่มีลักษณะสีน้ำตาล หนักราวๆ สิบกิโลกรัม ผู้จัดงานเปิดอัตราต่อรองราคามาที่หนึ่งต่อสอง


 


ผู้คนต่างพากันสงสัย หรือว่าราชาแห่งการเดิมพันหยกอย่างเจียหยวนฮวาที่ได้อันดับหนึ่งไปเมื่อคืน สายตาในการเดิมพันหินของเขาก็สู้เด็กสาวไม่ได้


 


หินหยกหมายเลขแปดก็หนักราวๆ สิบกิโลกรัมเช่นกัน ผิวสีเหลืองแดง ผู้ที่ส่งหินมาเข้าร่วมเป็นคนใหม่ พูดได้ว่าไม่ใช่คนที่อยู่ในสายเดิมพันหิน ชื่อฉินเฮ่า แต่ผู้จัดงานเหมือนจะบ้าไปแล้ว เปิดอัตราต่อรองราคาไปที่หนึ่งต่อสอง


 


หินหยกหมายเลขสิบสามเป็นหินหยกที่มาจากเจ้าของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่อย่างคุณนายซูที่เป็นคนส่งเข้ามา ผิวทรายสีขาวได้มาตรฐาน น้ำหนักราวห้ากิโลกรัม อัตราต่อรองยังคงหนึ่งต่อสอง


 


แต่หินหยกหมายเลขสิบสี่มีรูปร่างเล็กน่าสงสารเช่นกัน ใหญ่มากสุดก็แค่กำมือ ผิวมีสีเหลืองแกมน้ำตาล ดูไม่ออกถึงความผิดปกติ ผู้ที่ส่งเข้ามาคือคุณนายอวิ๋น อัตราต่อรองหนึ่งต่อหนึ่ง


 


อัตราต่อรองที่เหลือ เมื่อเทียบกับเมื่อวานแล้วสูงขึ้นมาก การเดิมพันหินใหญ่ในสามวันนี้ ถ้าคนที่อยากจะเล่นเดิมพัน ถึงแม้จะไม่เข้าใจหินหยก แต่อย่างน้อยก็สามารถดูจากราคาสูงต่ำมาตัดสินลักษณะดีร้ายของหินหยก แต่วันนี้นักเดิมพันหินทั้งหมดกลัดกลุ้มใจกันทั้งนั้น คืนนี้ผู้จัดงานเดิมพันหินใหญ่คิดจะเล่นอะไรกันแน่?


 


คืนนี้ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ไปดูงานเปลี่ยนหินกลายเป็นทอง และไม่ได้ไปเดิมพันสีและเดิมพันแหล่งที่มา สำหรับเธอแล้วสองวันนี้ทำเงินมาได้ไม่น้อย วันนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะไปเล่นเดิมพันพวกนั้นแล้ว สิ่งที่เธอต้องการคือติดอันดับแรกในวันนี้


 


ซีเหมินจินเหลียนและคุณนายซูอยู่ด้วยกันที่ห้องพักผ่อนข้างในข้างๆ มองจากกล้องวงจรปิดเห็นผู้คนไปมาในงานเดิมพันหินใหญ่


 


“น้องสาว” คุณนายซูพูดขึ้น “พวกเราจะเพิ่มของเดิมพันอีกไหม”


 


“หุ้นสิบห้าเปอร์เซนต์ของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ พี่สาวยังไม่คิดว่ามันท้าทายพอหรือคะ?” ซีเหมินจินเหลียนหยิบน้ำส้มขึ้นมาและดมกลิ่นเล็กน้อย ถึงค่อยๆ ดื่มไปและพูดว่า “พี่สาวอย่าใจใหญ่มากเกินไปดีกว่านะคะ”


 


“ไม่ๆๆ” คุณนายซูส่ายหัวพูด “น้องสาวอย่าพึ่งเข้าใจพี่สาวผิด ถ้าจะเดิมพันก็ต้องเดิมพันใหญ่หน่อยสิ”


 


“น้องจินเหลียน!” คุณนายซูพูดขึ้น “ความจริงคืนนี้เธอและฉันต่างคาดเดากันไม่ได้ถูกไหม?”


 


“ใช่ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า “การเดิมพันหิน…ใครจะมั่นใจได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” นี่เป็นความจริง การเดิมพันหินใครจะกล้าพูดถึงความมั่นใจในตัวเองได้กัน?


 


“ใช่ไหมล่ะ!” คุณนายซูพูด “ความจริงพวกเราทั้งสองฝ่ายต่างทำผิดกฎกติกาการเดิมพันหินใหญ่ทั้งนั้น เธอดูสิ…นอกจากฉันจะใช้ชื่อในนามบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่แล้ว ป้าของฉันก็มาร่วมด้วย เธอเองก็ไม่ใช่เล่นๆ คิดไม่ถึงว่าจะแกล้งให้ราชาแห่งการเดิมพันหยกและฉินเฮ่ามาส่งหินเดิมพัน?”


 


ซีเหมินจินเหลียนดื่มน้ำส้มคั้นในแก้วภายในอึกเดียวและเชิดปลายคางขึ้นถามว่า “หินหยกหมายเลขสิบเก้าเป็นของคุณใช่ไหม?”


 


คุณนายซูได้ยินเข้าก็หัวเราะเบาๆ “น้องสาวคงไม่อยากจะเสียเปรียบสักนิดสินะ ใช่แล้ว หินหยกหมายเลขสิบเก้าเป็นของฉัน”


 


“สามต่อสาม ตอนนี้ถือว่าพวกเราเสมอกันแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะ เล่นสกปรกก็เป็นคุณที่เริ่มก่อน ทำไมมาพูดเหมือนเธอทำผิดร้ายแรงขนาดนั้น? แล้วยังจะให้เธอยอมรับต่อหน้าเธออีก? เห็นว่าเธอโง่เง่าหรือว่าเธออยากจะกลั่นแกล้งกันแน่


 


“ก็ได้ ตอนนี้ถือว่าพวกเราเสมอกัน!” คุณนายซูพูด “การเดิมพันในคืนนี้ ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะพวกเราต้องแบ่งให้ชัดเจนว่าใครชนะ และฉันก็วางเดิมพันทรัพย์สินทั้งหมดไปหมดแล้ว”


 


“พี่สาววางเดิมพันที่ทรัพย์สินของตัวเอง แน่นอนว่าต้องพยายามไม่น้อย!” ซีเหมินจินเหลียนพูดราวกับมีเข็มทิ่มแทง


 


“เพราะฉะนั้น ฉันอยากจะมาหาน้องสาวเพื่อเพิ่มของเดิมพันอีกสักหน่อย ในเมื่อเดิมพันแล้ว ก็ต้องให้มันยิ่งใหญ่สักนิดสิ!” คุณนายซูพูด


 


“พี่สาวอยากจะเดิมพันอะไรอีก เดิมพันในทรัพย์สินของตัวเองยังไม่พออีกเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น


 


“เดิมพันชีวิต!” คุณนายซูพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน


 


“ของคุณ? ของฉัน?” ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้แปลกใจแต่กลับพยักหน้าถาม “นี่คงไม่ใช่ความตั้งใจของพี่สาวใช่ไหม?” 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 122 เดิมพันผู้ชายคนหนึ่ง

 

คุณนายซูยิ้ม “ทำไมน้องสาวถึงคิดแบบนั้นล่ะ”  


 


“พี่สาวมือหนึ่งมีอัญมณี อีกมือหนึ่งมีผู้ชายหล่อ ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย ดูแล้วไม่ได้ใช้ชีวิตเสียเปล่า แล้วทำไมถึงต้องอยากมาเดิมพันชีวิตกับฉันด้วย?” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างเยือกเย็น “คนที่อยากจะเดิมพันกับฉันคงไม่อยากมีชีวิตยืนยาวสินะคะ เขาเรียกว่าอะไรนะ? รนหาที่ตาย?”


 


“ฮะๆ” คุณนายซูได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะยิ้ม “น้องสาวนี่ก็ตลกจริงๆ”


 


“ฉันว่าพี่สาวต่างหากค่ะที่ตลก” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เดิมพันอะไรก็ช่างเถอะค่ะ แต่การเดิมพันชีวิตนั้น… ข้อแรกฉันยังใช้ชีวิตไม่เต็มที่ ข้อที่สองฉันยังไม่อยากได้ชีวิตของใคร การเล่นแบบนี้กินแทนข้าวยังไม่ได้ ขายก็ยังไม่ได้อีก เห็นเลือดของคนอื่นมันสนุกตรงไหนกัน?”


 


คุณนายซูปรบมือขึ้นชม “น้องสาวพูดได้น่าชื่นชม เพียงแต่ไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเดิมพันอย่างอื่นกันไหมล่ะ”


 


“อืม ถ้าเป็นอย่างอื่นฉันยังพอพิจารณาได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด


 


“เรื่องนี้…” คุณนายซูเอียงคอคิดแล้วคิดอีก ก่อนจะยิ้มออกมา “เอาอย่างนี้แล้วกัน เมื่อกี้น้องบอกว่าพี่สาวมือหนึ่งมีอัญมณี มือหนึ่งมีผู้ชายหน้าตาดี ใช้ชีวิตอย่างสบายใช่ไหม? ผู้ชายหล่อน่ะก็เหมือนกับอัญมณี ไม่ว่าใครก็ไม่เกี่ยงที่จะมีเยอะใช่ไหมล่ะ?”


 


ซีเหมินจินเหลียนเล่นผมยาวของตนเอง คิดแล้วจึงพยักหน้า “ก็จริงค่ะ ผู้ชายหล่อก็เหมือนอัญมณี ไม่ว่าใครก็ไม่กลัวว่าจะมีเยอะไปหรอกค่ะ ผู้ชายที่ดูโดดเด่นก็เหมือนกับหยกชั้นดี ที่พบเจอได้แต่เรียกร้องไม่ได้”


 


“รู้ใจจริงๆ!”คุณนายซูยิ้มแก้มปริ ไม่ปิดบังความยากกระหายในผู้ชายของตน


 


“ฉันอยากจะได้คุณชายใหญ่ตระกูลจ่าน ฉันก็ไม่ขอปิดบังแล้ว ดูเหมือนน้องสาวก็น่าจะรู้?” คุณนายซูพูด


 


 “ฉันก็พอได้ยินมาบ้างค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ในเมื่อเธอพูดตรงๆ โดยไม่ปิดบัง เธอจะปั้นหน้าไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว…


 


“ฉันได้ยินมาว่า เขาแพ้ให้กับคุณ?” คุณนายซูนั่งลงข้างเธอแล้วยิ้ม “ถ้าหากเราเดิมพันเขาเป็นไง?”


 


ซีเหมินจินเหลียนยิ้มกริ่ม “เสียดายที่ผู้ชายรอบตัวพี่สาวไม่มีผู้ชายคนไหนที่โดดเด่นพอที่จะทำให้จินเหลียนชื่นชอบ” สิ่งที่คุณนายซูต้องการ เกรงว่าจะเป็นการสนับสนุนของจ่านมู่ฮวา แน่นอนว่าทำให้จ่านมู่ฮวากลายเป็นทหารใต้เรือนเบี้ยของเธอย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่เธอต้องการกว่านั้นคือสมบัติและอำนาจของตระกูลจ่าน


 


คุณนายซูยิ้ม “มีคนหนึ่ง ฉันว่าน้องสาวน่าจะสนใจ”


 


“ใครคะ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว เธอเตรียมตัวมาดีจริงๆ ยังดีที่เธอเตรียมใจมาไว้ก่อนบ้าง ไม่อย่างนั้นคงถูกเธอจับทางได้แน่


 


คุณนายซูตบมือเบาๆ ก่อนที่จะมีชายหนุ่มผลักประตูเดินเข้ามา ไม่นานเมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียน ผู้ชายคนนั้นก็นิ่งอึ้งไปนาน


 


ซีเหมินจินเหลียนให้ความสนใจไปที่ตัวของหวังหมิงเหยา คุณนายซูเตรียมการมาดีจริงๆ แม้แต่เขายังไปพามาได้?


 


จากนั้นเธอก็กวาดสายตาสำรวจไปที่หวังหมิงเหยายกใหญ่ ราวกับกำลังสอดส่องสินค้าราคาพิเศษเช่นนั้น


 


“คุณนายซู เธอ…” หวังหมิงเหยามองซีเหมินจินเหลียนอย่างสงสัย


 


“หุบปาก ที่นี่นายก็มีสิทธิ์พูดอะไรด้วยเหรอ?” คุณนายซูด่า จากนั้นหันไปพูดกับซีเหมินจินเหลียน “น้องสาวว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง”


 


“พี่สาว คุณก็ใช้เขามาเดิมพันกับคุณชายใหญ่ตระกูลจ่านเนี่ยนะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ถ้าหากให้จ่านมู่ฮวารู้เข้า เขาคงจะโกรธจนกระอักเลือดแน่ เขาเนี่ยนะ?”


 


“ในสายตาของคนอื่น เขาคงเทียบไม่ได้แม้แต่เส้นผมของจ่านมู่ฮวา ไม่สิๆ แม้แต่ปลายเส้นผมยังเทียบไม่ได้เลย แต่ในสายตาของน้องสาวก็คิดเช่นนี้เหมือนกันเหรอ?” คุณนายซูยิ้ม


 


ซีเหมินจินเหลียนสีหน้าเรียบเฉยเก็บอาการ ค่อยๆ มองไปที่หวังหมิงเหยาอย่างเยือกเย็นถึงพูดขึ้น “พี่สาวกำลังหักหน้าฉัน?” เธอก็รู้สึกโกรธอยู่บ้างจริงๆ รักครั้งแรกก็น่าขมขื่นพอแล้ว วันนี้ยังถูกคนมาแฉอีก ถ้าไม่ใช่ต้องแบกหน้ารับเอาไว้ เธอคงเปลี่ยนสีหน้าไปจริงๆ


 


หวังหมิงเหยาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ตนถูกไล่ออกจากบริษัทอย่างไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นเขาก็เริ่มหางานใหม่อีกรอบ เขียนประวัติไปที่กรมแรงงานและสัมภาษณ์ทีละงาน…


 


สมัครงานวนไปวนมา บริษัทสุดท้ายที่เห็นเขาก็มองอย่างกับเห็นงู แม้กระทั่งบางครั้ง เขายังไม่ได้ก้าวออกไป ฝ่ายนั้นเมื่อเห็นเรซูเม่ของเขาก็ทิ้งขว้างลงในที่บดกระดาษ


 


เพราะอย่างนั้นทุกวันนี้เขาก็ใช้ชีวิตอย่างไม่มีค่า ในบ้านไม่มีช่องทางการหาเงิน แฟนของตัวเองยังเลิกไปแล้ว ญาติมิตรพวกนั้นยิ่งแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยาม


 


แต่เมื่อวันก่อนเขาก็ไปเจอกับผู้หญิงสวยงดงามดั่งเทพธิดาเข้า แม้เขาจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุสามสิบกว่าปีแล้ว แต่ความสวยของเธอยังคงทำให้เขาลุ่มหลงจนแทบจะเป็นลม


 


อีกทั้งเขาก็ยังรู้มาว่าผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ เธอก็เป็นถึงหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ บริษัทที่ขยับนิดขยับหน่อยก็ทำกำไรจากเครื่องประดับอัญมณีได้ถึงสิบๆ ล้านหยวน นึกไม่ถึงว่าเธอจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทนี้ นี่ทำให้เเขารู้สึกว่าตาพร่าลาย รู้สึกเบื้องบนกำลังให้โชคแก่เขา…


 


คุณนายซูให้เขามาอยู่ข้างกาย สั่งให้คนไปซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ดัง หมกมุ่นอยู่กับการแต่งตัวให้เขา ทำให้หวังหมิงเหยาตอนนี้เริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูก ถ้าหากสามารถแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ได้ ไม่สิๆ ถ้าหากสามารถเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนี้ได้ จากนี้ไปเมื่ออยู่ต่อหน้าญาติมิตรเพื่อนฝูงก็สามารถภาคภูมิใจไม่อายใคร เพราะเธอเป็นถึงหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทจิวเวอรี่


 


แม้ว่าคุณนายซูจะไม่ได้ให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ แต่เขาก็ยอมที่จะอยู่ข้างกายเธอ คอยรับใช้ติดตามเธออย่างระมัดระวัง…


 


คุณนายซูบอกว่าจะให้เขาช่วยเธอเรื่องหนึ่ง เมื่อเสร็จเรื่องเธอจะให้เขาหนึ่งล้านหยวน


 


เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณนายซูจะให้เขาทำอะไร แต่ตอนนี้กลับเข้าใจได้อย่างชัดเจน เพียงแต่เขายังไม่เข้าใจว่าก็แค่ผู้หญิงชั้นต่ำที่คอยเกาะติดผู้ชายคนหนึ่ง ก็ควรค่าพอที่จะทำให้เธอต้องทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ?


 


“พูดแบบนี้แล้ว แสดงว่าน้องสาวก็ไม่สนใจที่จะเดิมพันเขาเหรอ?” คุณนายซูรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ข้อมูลของเธอไม่น่าจะผิดนี่นา ตอนแรกเป็นหวังหมิงเหยาที่ทิ้งซีเหมินจินเหลียน ถ้าเป็นเธอไม่ว่าพูดอย่างไร เธอก็จะต้องชนะกลับไปกู้หน้าคืน


 


“ใช้เขามาเดิมพันกับจ่านมู่ฮวาน่ะหรือคะ? ถ้าฉันพอจะมีสมองอยู่บ้าง ฉันคงไม่มีทางตอบตอบตกลงแน่!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ถ้าหากพี่สาวจริงใจที่จะเดิมพันกันสักหน่อย อย่างนั้นก็หาสิ่งที่สามารถคู่ควรกับการเดิมพันมาเถอะค่ะ” นี่ล้อเล่นอะไร ใช้เขามาเดิมพันกับจ่านมู่ฮวาเนี่ยนะ เธอคิดว่าคนอื่นโง่อย่างนั้นเหรอ?


 


หวังหมิงเหยาเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว ที่แท้ตนเองก็เป็นแค่ของวางเดิมพัน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมในการเป็นของเดิมพันด้วย เขามีสิ่งที่อยากพูด แต่เพราะว่าคุณนายซูอยู่เขาจึงรู้สึกหวาดกลัว ใช่ เขากลัวเธอ เวลาที่เธออยู่ตรงหน้า ความโกรธของเขาไม่กล้าที่จะสำแดงฤทธิ์เดชออกมา


 


ซีเหมินจินเหลียนคลายผมยาวในนิ้วมือออก แล้วพูดว่า “ความจริงฉันก็ไม่แนะนำให้เพิ่มของเดิมพันหรอกนะคะ หรือว่าพี่สาวก็มั่นใจในการเดิมพันขนาดนั้นเชียว?”


 


“คุณป้าของฉันมีฉายาว่าตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้” คุณนายซูพูด “เพราะอย่างนั้น ฉันจึงมั่นใจ!”


 


“ตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้? นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนเธอยังไม่เจอฉัน ซีเหมินจินเหลียนต่างหาก!” ซีเหมินจินเหลียนพูดพร้อมลุกขึ้นยืนและหันหน้าไปทางประตูทางออก “ถ้าหากพี่สาวจริงใจที่จะเดิมพันกันจริงๆ ภายในครึ่งชั่วโมง ให้หาคนที่เหมาะสมกับคุณชายจ่านมา และฉันจะไม่โต้แย้งในการเดิมพันผู้ชายเลยแม้แต่น้อย!” 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 123 ไม่มีประโยชน์สักนิด

 

 


 


 


คุณนายซูเมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนเดินจากไปแล้ว เธอก็หันตัวไปมองหวังหมิงเหยาและพูดขึ้นว่า “ที่แท้นายมันก็ไร้ประโยชน์ แม้แต่แฟนคนแรกของนายเขาก็ยังไม่ต้องการนายเลย!” 


 


 


“คุณนายซู…” หวังหมิงเหยากำลังจะพูดอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายจากตรงไหนก่อน 


 


 


“ไปเถอะ นายมันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว!” คุณนายซูเปลี่ยนสีหน้าพูดขึ้นอย่างเย็นชา 


 


 


หวังหมิงเหยามองเธออย่างลังเล ทำไมเวลาโกรธเธอก็ยังดูดีขนาดนี้? แม้กระทั่งคุณนายซูพูดอะไร เขาก็ได้ยินไม่ชัดเจน เธอจะไปสนใจซีเหมินจินเหลียนทำไม หรือว่าซีเหมินจินเหลียนไปอ่อยผู้ชายของเธอ? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน เธอสวยงามหยาดย้อยขนาดนี้ แต่ซีเหมินจินเหลียนนั่น อย่างมากเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ เท่านั้น 


 


 


“คุณนายซู คุณจะสนใจเธอไปทำไมกันครับ? เธอก็แค่ใช้ความสวยเล็กน้อยของตัวเองเพื่อที่จะเกาะติดผู้ชายเท่านั้น…” หวังหมิงเหยาพูดพึมพำขึ้น ความจริงเขาก็ไม่เข้าใจซีเหมินจินเหลียนในตอนนี้เลย เขาคิดไม่ออกเลยว่าหลังจากที่ซีเหมินจินเหลียนเลิกกับเขาแล้ว ทำไมเธอถึงประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้? 


 


 


“เกาะติดผู้ชายเหรอ?” จู่ๆ คุณนายซูก็รู้สึกขันขึ้นมา ผู้ชายคนนี้คบกับเธอมาถึงสามปี แต่กลับไม่เข้าใจอะไรในตัวเธอสักอย่าง สมน้ำหน้าที่ตาบอด ชาตินี้เขาก็คงไม่มีวาสนากับผู้หญิงคนไหน 


 


 


แต่คนคนนี้มีอะไรดีกัน? ทำไมซีเหมินจินเหลียนถึงคบกับเขามาได้นานถึงสามปี? บางทีเริ่มแรกเธอคงไม่เคยคิดถึงเรื่องการเดิมพันหิน แค่อยากจะหาผู้ชายสักคนมาไว้เป็นที่พึ่งพิง จากนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบสินะ? 


 


 


“หวังหมิงเหยา นายไปได้แล้ว!” คุณนายซูออกคำสั่งอีกครั้ง “สำหรับฉันแล้ว นายไม่มีค่าที่ฉันจะใช้ประโยชน์อะไรอีก” 


 


 


“คุณนายซู…” หวังหมิงเหยาไม่เข้าใจ สำหรับเธอแล้ว ตนเป็นแค่ของวางเดิมพันระหว่างเธอกับ               ซีเหมินจินเหลียนแค่นี้เองเหรอ? 


 


 


คุณนายซูยิ้มดูถูกกลับไป ก่อนจะหยิบเงินสดจำนวนหนึ่งหมื่นจากในกระเป๋าของตัวเองและโยนให้เขา “นี่เป็นค่าตอบแทนสองวันนี้ของเธอ ไปซะ!” 


 


 


หวังหมิงเหยาเห็นเงินสดก้อนโต แบงค์ร้อยหยวนปึกใหญ่สีแดงเอี่ยมที่ล่อตาล่อใจนั่น นี่เธอก็ดูถูกเขาชัดๆ ราวกับกำลังเหยียดหยามที่เขาไร้ความสามารถ 


 


 


แต่คิดไปมาแล้ว เขาก็เอื้อมมือไปคว้าเงินสดกองนั้นขึ้นมา จากนั้นเปิดประตูเดินออกไปข้างนอก 


 


 


ทำไมพวกเธอทุกคนถึงได้ดูถูกเขา ทำไมกัน? คุณนายซูเห็นเงาด้านหลังของเขาจากไปก็คิดว่า ผู้ชายแบบนี้ ไม่น่าละซีเหมินจินเหลียนจึงไม่สนใจที่จะเดิมพันด้วย แต่ช่างเถอะ…ขอแค่วันนี้เธอชนะ เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรสำคัญ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงจ่านมู่ฮวา? 


 


 


หากซีเหมินจินเหลียนแพ้ไปในวันนี้ เธอก็ไม่มีค่าอะไรให้เขาต้องตามจีบอีก เขาจะเป็นของเธอ ข้อนี้เธอยืนหยัดมั่นใจมาตลอด เขาหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ ส่วนตัวของเธอก็ออกจะเพอร์เฟค เขาคงไม่รู้สินะว่าเธอก็แค่อยากจะหาพ่อพันธุ์อย่างเขา แล้วให้กำเนิดลูกที่แสนจะน่ารัก 


 


 


ผู้ชายคนอื่นๆ ที่เหลือล้วนหน้าตาน่ารังเกียจ ถ้าหากให้ผู้ชายพวกนี้มาเป็นพ่อของลูก ถ้าหากได้กรรมพันธุ์ส่วนที่แย่ของพ่อไปนั่นก็อาจจะไปสู่ลูกได้ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่หรอกเหรอ? เธอคือซูหงที่ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็พิถีพิถันกับความเพอร์เฟคมาโดยตลอด หากต้องมีลูกที่หน้าตาขี้เหร่เธอก็ขอไม่มีดีกว่า 


 


 


“คุณนายซู คุณนายอวิ๋นมาแล้วครับ” ข้างนอกมีบอดี้การ์ดเปิดประตูห้องให้คุณนายอวิ๋นที่แต่งกายด้วยชุดหรููหราเข้ามาข้างใน 


 


 


“คุณป้าคะ” คุณนายซูรีบเดินไปต้อนรับด้วยความอ่อนน้อมเชิญให้คุณนายอวิ๋นนั่งลง 


 


 


“เป็นอะไรไป ทำไมหน้าตาดูไม่สบายใจ?” คุณนายอวิ๋นนนั่งบนโซฟาและถามขึ้น 


 


 


“เธอไม่ยอมเดิมพันด้วย” คุณนายซูถอนหายใจ “เอายังไงดีคะ คุณป้า?” 


 


 


“ขอแค่เธอแพ้ เดิมพันหรือไม่เดิมพันมันก็ไม่ต่างกัน” มือทั้งสองของคุณนายอวิ๋นที่ดูแลเป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับคนอายุห้าสิบแล้ว เธอก็เหมือนสาวบริสุทธิ์อย่างน่าอัศจรรย์ ผิวขาวผ่องเป็นยองใย ตอนนี้มือทั้งสองข้างของเธอกำลังกุมไปที่มือข้างหนึ่งของคุณนายซูด้วยความอ่อนโยน 


 


 


คุณนายซูรู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง คุณนายอวิ๋นไม่ใช่เป็นคนสวย ถึงเธอจะอ่อนกว่านี้อีกกี่สิบปี เธอก็ยังไม่ใช่ผู้ที่สวยโดดเด่น แต่เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอนี่สิ กลับมีพลังงานดึงดูดคนให้เข้ามา หลายปีมานี้เธอกำหนดเป้าหมายของตัวเองเสมอ แต่แม้ว่าจะเป็นตอนนี้ ตอนที่ตนเห็นเธอก็เกิดความรู้สึกละอายใจที่ด้อยกว่าคนอื่น 


 


 


วันนั้นที่เธอเห็นซีเหมินจินเหลียน ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่า ถึงแม้ตนจะเลียนแบบอย่างไรก็ไม่สามารถเลียนแบบเอกลักษณ์ความเป็นตัวเองของคุณป้าอวิ๋นได้ แต่สิ่งนี้ประจักษ์ให้เห็นอยู่เงียบๆ ในตัวซีเหมินจินเหลียน 


 


 


เธอหน้าตาละหม้ายคล้ายกับคุณป้าอวิ๋นมาก มากจริงๆ ถ้าหากคุณป้ายังเป็นวัยรุ่นสักสามสิบสี่สิบปี คงจะต้องเหมือนเธอราวกับแกะ ดังนั้นเธอจึงโทรไปหาคุณป้า แต่คิดไม่ถึงว่าคุณป้าจะรีบร้อนกลับมาจากฮ่องกงอย่างรวดเร็ว 


 


 


“คุณป้าคะ คุณป้าเห็นหรือยังคะ?” คุณนายซูถาม “หินหยกของเธอเป็นอย่างไรบ้าง” 


 


 


คุณนายอวิ๋นได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อคุณนายซูเห็นแล้วก็รู้สึกว่าต้องมีเรื่องผิดปกติอะไรเกิดขึ้น จึงถามต่อว่า “ทำไมคะ หรือแม้แต่คุณป้าเองก็อาจจะเอาชนะเธอไม่ได้?” 


 


 


“หงเอ๋อร์ หลานเก็คิดจะเปลี่ยนหินหยกของเธอใช่ไหม?” คุณนายอวิ๋นถามขึ้น 


 


 


“เรื่องนั้น ต้องรอให้คุณป้าดูให้เสร็จก่อน แล้วค่อยตัดสินใจค่ะ” คุณนายซูพูด “ถ้าหากคุณป้ามีความมั่นใจว่าจะชนะ ฉันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปยุ่งกับหินของเธอ แต่ถ้า…” พูดได้เท่านี้เธอก็ส่ายหน้าน้อยๆ  


 


 


“ถ้าหากฉันดูไม่ผิด หินหยกของเธอก้อนนั้นก็ไม่มีหยกอยู่เลย” คุณนายอวิ๋นถอนหายใจพูด “นี่ถึงเป็นเรื่องที่แปลกที่สุด” 


 


 


“อะไรนะ?” คุณนายซูไม่เข้าใจ ไม่มีหยกอยู่เลย? 


 


 


“ถึงแม้ขนาดจะเล็ก แต่มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่” คุณนายอวิ๋นแสดงความคิดเห็นออกมา “ก็เหมือนกับผู้ชายคนเมื่อกี้นั้น ถึงแม้ตระกูลซีเหมินจะตกต่ำอีกแค่ไหน เธอก็คงไม่มองผู้ชายแบบนั้นแน่ เมื่อวานฉันก็บอกเธอแล้ว แต่เธอก็ไม่เชื่อไม่ใช่เหรอ?” 


 


 


คุณนายซูได้ยินคำเปรียบเปรยของเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากนั้นถึงพูดขึ้น “ความหมายของคุณป้าก็คือพวกเราไม่ต้องลงมือ?” 


 


 


“เรื่องนี้ก็รอดูก่อนเถอะ” คุณนายอวิ๋นพูด “เด็กคนนั้นสามารถอยู่ในงานเปลี่ยนหินให้กลายเป็นทองแล้วหาเจอสีล้ำค่าสามสีมาได้ เธอก็ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ตาเห็นแน่ แต่หินหยกก้อนนี้ของเธอ ฉันไม่ได้สนใจมาก นอกเสียจากเธอสามารถเปลี่ยนหินให้เป็นทองได้จริง” 


 


 


คุณนายซูนั่งพิงบนโซฟาและตรึกตรองคำพูดนัยแฝงของคุณนายอวิ๋น จู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า “คุณป้าคะ คุณป้าว่าเธอจะเดาแผนการของฉันออกหรือเปล่า” 


 


 


“อ้อ?” คุณนายซูสงสัยอยู่นานถึงพูดขึ้น “เธอก็คิดว่า แม่หนูนั่นก็จงใจที่จะเอาหินหยกที่ไม่ดึงดูดสายตาคนมาอย่างนั้นหรือ?” 


 


 


“นี่ก็มีความเป็นไปได้มากนะคะ” คุณนายซูพูด “ก่อนที่จะเริ่มผ่าหยก ขอแค่เธอมีวิธีเปลี่ยนเอาหินหยกก้อนจริงมา เราก็ไม่มีทางเห็นด้านในหินหยกของเธอแล้ว” 


 


 


คุณนายอวิ๋นนวดขมับ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา “หินหยกก้อนหนึ่งก่อนที่จะเจียระไนออกมานั้น ไม่ว่าใครต่างก็ต้องเดิมพันกับมัน ไม่มีความจำเป็นใดที่เธอต้องเล่นแบบนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”  

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 124 ประสบความสำเร็จ

 

สองมือคุณนายซูประสานเข้าหากัน ประเมินดูถึงความเป็นไปได้ ถ้าหากก่อนที่จะเจียระไนออกมา ซีเหมินจินเหลียนคิดที่จะเปลี่ยนหินหยกจริงๆ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เธอกำลังสงสัยเรื่องหนึ่งก็จะสามารถพิสูจน์ได้แล้ว 


 


คุณป้าเคยบอกว่าการผ่าหินหยก ไม่ว่าใครก็ไม่มีความมั่นใจเด็ดเดี่ยว แม้แต่ตัวคุณป้าเองเช่นกัน เพราะอย่างนั้นเธอจึงไม่เคยเข้าใจว่าความมั่นใจของซีเหมินจินเหลียนนั้นมาจากที่ไหนกันแน่? 


 


“หงเอ๋อร์ เธอก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือง่ายๆ แน่” คุณนายอวิ๋นพูดออกมาเบาๆ “ถ้ารู้อย่างนี้…” พูดถึงตอนนี้เธอก็ถอนหายใจออกมาน้อยๆ ถ้ารู้อย่างนี้…รู้แล้วจะอย่างไร? เธอก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี 


 


“คุณป้าคะ…ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราจะเอายังไงดีคะ” คุณนายซูถามเสียงเบา 


 


“เชื่อสายตาของป้าเถอะ ถึงเธอจะมีหินหยกดีขนาดไหน พวกเราก็ไม่มีทางแพ้แน่!” คุณนายอวิ๋นพูด “หลานน่าจะรู้ว่าตลอดชีวิตฉัน ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อการเดิมพันหินแม้แต่ครั้งเดียว” 


 


“ฉันรู้ค่ะ ว่าคุณป้าเป็นตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้!” คุณนายซูพูดขึ้นข้างๆ คุณนายอวิ๋น 


 


“ถ้าเธอมีวิธีที่จะเปลี่ยนหินหยกของตัวเอง เท่ากับว่าเธอก็มีวิธีเปลี่ยนหินหยกของพวกเราเช่นกันใช่ไหม?” จู่ๆ คุณนายอวิ๋นก็ถามขึ้น หากเชื่อมั่นในตัวเองเกินไป ก็เกรงว่าจะมีข้อผิดพลาดที่ไม่รู้ตัวเกิดขึ้น โลกใบนี้ไม่ว่าใครก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคนดีทั้งหมด  


 


ตอนที่เธอเดิมพันหินก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเล่นสกปรก แต่การเดิมพันวันนี้ไม่ใช่การเดิมพันหินที่บริสุทธิ์ใจแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมคุณนายอวิ๋นจู่ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เป็นผู้เล่นระดับเซียนบางครั้งก็เหงาเหมือนกัน เธอต้องการคู่แข่งที่พอจะสูสีกับเธอ 


 


มือถือของคุณนายซูดังขึ้น เผยให้เห็นข้อความใหม่ที่เข้ามา เธอรีบคว้ามือถือออกมาดูทันทีแล้วรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง นี่เป็นเบอร์ของซีเหมินจินเหลียน? เป็นไปได้อย่างไร? 


 


แน่นอนในอาชีพนี้ ซีเหมินจินเหลียนเองก็มีคงต้องมีผู้สนับสนุนที่สำคัญ ถ้าอยากจะรู้เบอร์มือถือของเธอก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ในเวลานี้จะส่งข้อความมาหาเธอทำไมกัน? 


 


เธอรีบร้อนออกมาดูหน้าจอมือถือ ข้อความยาวเหยียดก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ ‘คุณป้าของคุณ คุณนายอวิ๋น ฉันก็สนใจมาก ถ้าหากคุณใช้เธอมาเป็นของวางเดิมพัน ฉันก็ขัดข้องที่จะให้จ่านมู่ฮวาเดิมพันกับคุณสักตั้ง!’ 


 


จู่ๆ คุณนายซูก็มีความรู้สึกอยากจะปามือถือทิ้ง หลายปีที่ผ่านมานี้ไม่เคยมีใครจะทำให้เธอโกรธได้ขนาดนี้มาก่อน แต่ประโยคนี้ของซีเหมินจินเหลียน มันก็ทำให้เธอระงับความโกรธในใจลงไม่ได้เลย 


 


เธอกำลังยั่วยุสินะ ใช่ เธอก็ยั่วยุได้ตรงจุดทีเดียว…ทำไมเธอถึงไม่ใช้ตัวเองมาเดิมพันเลยล่ะ? 


 


เธอรีบร้อนพิมพ์ไปในมือถือว่า ‘เธอไปตายซะ!’ จากนั้นก็กดส่งไป 


 


ไม่นานข้อความในมือถือก็ตอบกลับมา ‘ฉันยังใช้ชีวิตไม่คุ้มค่าเลย เมื่อกี้ก็เคยพูดไปแล้ว สงสัยว่าความจำของพี่สาวคงมีขีดจำกัด หรือว่าอายุมากแล้วคะ เลยเกิดสมองเสื่อมขึ้นมา’ 


 


ซีเหมินจินเหลียนพูดจาเสียดแทง และตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ 


 


ไม่มีเวลาให้คุณนายซูได้พักหายใจ ไม่นานข้อความก็ส่งเข้ามาอีกว่า ‘ถ้าหากไม่มีความสามารถที่จะเดิมพัน อย่างนั้นก็อย่าเดิมพันตั้งแต่แรกสิ’ 


 


คุณนายซูอดทนไม่ไหวอีกต่อไป เสียงตุบดังขึ้น เธอขว้างมือถือออกไปกระทบกับผนังฝั่งตรงข้ามอย่างจัง ไม่นานมือถือก็แยกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ 


 


ส่วนห้องพักผ่อนอีกห้อง ซีเหมินจินเหลียนก็ยัดที่อุดหูเข้าไปในหูแล้วหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าคุณนายซูจะตื่นเต้นจนอดกลั้นไม่ไหว? ถึงขนาดขว้างมือถือแตกกระจายเลยเหรอ ตอนแรกเธอก็แค่หวังให้เธอปิดมือถือหนีก็เท่านั้น 


 


รองานเดิมพันหินใหญ่ผ่านไปก่อนเถอะ ดูสิว่าคืนนี้เธอยังจะยิ้มได้อีกไหม เธอไม่อยากจะไปกระตุ้นอารมณ์โกรธของเธอ แต่ตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ก็ทำตัวเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่ายังอุตส่าห์พาหวังหมิงเหยามาอีก นี่ก็เรียกว่าดูหมิ่นกันซึ่งๆ หน้า ยั่วยุกันชัดๆ 


 


ถึงแม้ว่าภายนอกของเธอจะดูสงบนิ่ง แต่ข้างในกลับปกปิดความโกรธดุดันเอาไว้ คบกันมาตั้งสามปี แต่เวลาผ่านไปไม่นานก็ไปอยู่ฝ่ายคนอื่นเสียแล้ว กลายเป็นของเดิมพันที่ไร้ประโยชน์ 


 


การปรากฏตัวของคุณนายอวิ๋น เหยียดหยามจิตใจของเธออยู่ลึกๆ ไม่น้อย ในเมื่อหลบหลีกอะไรไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องกล้าที่จะเผชิญหน้า คุ้นเคยกับกติกาของเกมในแวดวงนี้ ตัดสินใจเด็ดขาดเล่นต่อไป และดูสิว่าใครคือคนสุดท้ายที่อยู่สูงสุดคนนั้น 


 


ซีเหมินจินเหลียนนำมือถือใส่ไปในกระเป๋า ก่อนจะสะพายกระเป๋าและยืนขึ้นเตรียมเดินไปที่ประตู จ่านมู่ฮวาพูดขึ้นว่า “คุณจะไปไหน? ยังเหลือเวลาอยู่เลยนะ” 


 


“ฉันจะไปจัดการเรื่องส่วนตัวบางอย่าง!” ซีเหมินจินเหลียนพูด 


 


“ต้องการความช่วยเหลือจากผมไหม?” จ่านมู่ฮวารีบถาม 


 


“ไม่ต้อง คุณแค่จำหน้าที่ที่ต้องทำในคืนนี้ก็พอ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่จะเสียมันก็คือเงินของคุณ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มและไม่ได้สนใจจ่านมู่ฮวาอีก เดินออกไปจากประตู 


 


… 


 


“หงเอ๋อร์ เธอก็ใจร้อนเกินไปแล้ว!” คุณนายอวิ๋นถาม “เธอว่าอะไรนะ” 


 


“คุณป้า คุณป้าอย่าถามเลยค่ะ คนชั้นต่ำนั่น ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ฉันจะให้เธอมาคุกเข่าขอร้องฉันให้ได้” คุณนายซูกัดฟันพูด 


 


คุณนายอวิ๋นถอนหายใจออกมาเบาๆ “หงเอ๋อร์ เรื่องนี้มันก็แค่สงครามประสาท ไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งที่สำคัญมากกว่าก็คือการหาหินปิดฟ้า” 


 


“คุณป้า หินปิดฟ้าก็สำคัญมากขนาดนั้นเลยหรือคะ?” คุณนายซูถาม 


 


คุณนายอวิ๋นสองมือกุมเข่าไว้แล้ววางคางลงบนนั้น ท่าทางเช่นนี้ก็ดูแปลกอยู่บ้าง ดูแล้วเหมือนแมวนอนขดตัวอยู่ สะท้อนให้เห็นถึงความเกียจคร้าน สำหรับอายุรุ่นราวคราวเธอแล้ว การทำท่าทางแบบนี้มันก็น่าอายนิดหน่อย ท่าทางดูเหมือนกับเด็กหญิงอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดที่ขดตัวขึ้นอย่างเบื่อหน่าย 


 


“ใช่แล้ว มันเป็นความเลื่อมล้ำของอารยะธรรม พวกเราเข้าใจเพียงแค่ข้อมูลส่วนหนึ่งเท่านั้นพิสูจน์ยืนยันได้ว่ายุคนั้นมีผู้คนบางส่วนที่มีพลังวิเศษ จนกระทั่งไปถึงความเป็นอมตะ”คุณนายอวิ๋นพูด “ชีวิตเป็นอมตะ หลานลองคิดดูสิ มีคนตั้งมากมายที่ตามหาความฝันนี้” 


 


คุณนายซูหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสัมผัสไปที่ใบหน้าของตัวเอง เป็นอมตะ หน้าตาไม่แก่น่ะหรือ? นี่เป็นความใฝ่ฝันที่ไม่ว่าใครก็ต่างต้องการ ตนเองผ่านสามสิบไปได้ไม่นาน ถึงจะมีครีมบำรุงดีขนาดไหน เธอก็รู้ดีว่าเธอแทบจะไม่สามารถปกป้องผิวที่สวยงามนี้ต่อไปได้ตลอด 


 


ตอนกลางคืนเมื่อเช็ดคราบเครื่องสำอางออกไปทั้งหมดและส่องกระจกดู เธอก็มักจะเห็นรอยตีนกาที่หางตา คิดดูว่าถ้าผ่านไปสิบปี เธอคงกลัดกลุ้มใจนอนป่วยติดเตียงแน่ ผิวหนังก็ค่อยๆ ตายด้าน ศพถูกฝังอยู่ในดินที่เย็นยะเยือกและเน่าเปื่อยอยู่ตรงนั้น หรือว่าจะใช้ไฟแผดเผาให้เป็นผงขี้เถ้า… 


 


การมีตัวตนของเธอบนโลกใบนี้ก็จะสูญหายไปอย่างรวดเร็ว หยกของตน อัญมณีของตน ถูกเปลี่ยนเจ้าของไปอย่างง่ายดาย… 


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คุณนายซูก็มีอาการหวาดกลัวขึ้นมา ไม่ๆ เธอไม่มีทางให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ ไม่มีทาง! 


 


“หงเอ๋อร์ ฉันใกล้จะหกสิบปีแล้ว เพราะอย่างนั้นฉันมีเวลารอไม่มาก!” คุณนายอวิ๋นถอนหายใจ “เดิมทีฉันก็เกือบจะหมดหวังแล้ว แต่หินหยกราชางูของซีเหมินจินเหลียนก้อนนั้น มันจุดประกายความหวังให้กับฉันอีกครั้ง” 


 


“คุณป้าคะ หยกราชางูก้อนนั้นมีความมหัศจรรย์อะไรเหรอคะ” คุณนายซูถามขึ้นอย่างสงสัย เธอเคยเห็นหยกก้อนนั้นของซีเหมินจินเหลียนแล้ว ตอนนั้นเธอก็คิดว่ามีอะไรแปลกๆ แต่มันก็ไม่สำคัญ เธอชอบหยกที่สีสันสดใส ไม่ใช่หยกที่มีรูปร่างและสีสันแปลกตาพิลึกพิลันนั่น 


 


“หลานไม่รู้หรือว่า เทพธิดาปิดฟ้าในตำนานมีหน้าเป็นคนแต่ลำตัวเป็นงู?” คุณนายอวิ๋นพูด “หลานลองคิดดูหินหยกก้อนนั้น หลานลองคิดดู ข้างในหินหยกก้อนนั้นมีงูประหลาดราวกับมีชีวิตอยู่…” 


 


คุณนายซูลองคิดดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นตัวก็สั่นระริก ถ้าหากงูตัวนั้นมีชีวิตจริง จะน่ากลัวขนาดไหนกัน? 


 


“หงเอ๋อร์ หลานกลัวเหรอ?” ดูเหมือนคุณนายอวิ๋นจะอ่านความในใจที่หวาดกลัวของเธอออก จึงเอ่ยถามขึ้น “ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น ฉันก็เคยกลัวมาก่อน เคยหวาดระแวงมาก่อน แต่ตอนนี้ฉันมีอะไรที่อยากได้มากกว่านั้น” 


 


“คุณป้า ฉันไม่กลัวค่ะ!” คุณนายซูเงยหน้า “ถึงบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่ได้ผลประโยชน์ ขอแค่สามารถหาหินปิดฟ้าได้ ความตั้งใจทั้งหมดก็คุ้มค่า” 


 


“ทางผู้อาวุโสหลินนั้น ก็มีความคืบหน้าแล้ว!” คุณนายอวิ๋นพูด “ผ่านไปตั้งหลายปี พวกเราได้จับช่องทางถูกแล้ว พยายามต่อไปก็จะไม่เสียแรงเปล่า” 


 


… 


 


ซีเหมินจินเหลียนเปิดประตูเดินเข้าไป ในห้องนิทรรศการมีคนไม่ค่อยเยอะ แต่คึกคักมาก เพียงไม่นานเธอก็หามุมที่ไม่มีใครสนใจโทรศัพท์ไปหาใครบางคน 


 


ใช้เวลาไม่นาน ปลายสายก็มีเสียงของเหลิ่งจี้ผ่านเข้ามา “คุณจินเหลียน ทุกอย่างยังปกติดี” 


 


“ขอบคุณค่ะคุณเหลิ่ง” ซีเหมินจินเหลียนกล่าวขอบคุณด้วยความเกรงใจ 


 


“ไม่เป็นไรครับ ขอแค่คุณจินเหลียนชนะคุณนายปีศาจอวิ๋นได้ เหลิ่งจี้ยอมตายเพื่อคุณ ไม่มีทางเสียใจอย่างเด็ดขาด!” เสียงของเหลิ่งจี้มีความเยียบเย็น 


 


“ฉันต้องชนะแน่ค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ 


 


เมื่อวางสายโทรศัพท์ และกำลังคิดจะไปหาจ่านป๋าย แต่เพียงไม่นานมีคนเรียกชื่อเธอ “จินเหลียน…” 


 


ซีเหมินจินเหลียนหันตัวไปด้านหลังก่อนจะเห็นกับหวังหมิงเหยา เธอก็ขมวดคิ้วถามขึ้น “นายก็ไม่ไปตามติดคุณนายซูคนนั้นเหรอ มาที่นี่ทำไม?” 


 


“ฉันได้ยินที่เธอคุยโทรศัพท์แล้ว” หวังหมิงเหยายกมุมปากยิ้มอย่างแปลกประหลาด 


 


“แล้วยังไง?” ซีเหมินจินเหลียนสีหน้าไม่เปลี่ยนถามออกมาอย่างเรียบเฉย 


 


“ได้ยินมาว่า ช่วงนี้เธอก็มีเงินเยอะสินะ?” หวังหมิงเหยาถาม 


 


“นายจะพูดอะไร ช่วงนี้ฉันไม่ว่าง ไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับนายหรอกนะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด เริ่มได้เวลาแล้ว เธอยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะ 


 


หวังหมิงเหยาแสยะปากแล้วพูดขึ้นว่า “ครั้งก่อนที่ฉันโทรไปหาเธอตอนกลางคืน เธฮยังไม่ลืมใช่ไหม?” 


 


ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ แล้วนึกถึงคืนนั้นที่เขาโทรมาแบล็คเมล์เธอ ในใจไม่ง่ายเลยที่จะกักเก็บไฟความโกรธ ถ้าพูดอีกครั้งได้มีเรื่องแน่ 


 


“ดูท่าแล้วเธอน่าจะยังจำได้ เป็นอย่างไร? ลองทบทวนให้เงินค่าปิดปากสักหน่อยไหม ที่ฉันต้องการก็ไม่มากหรอก สักสิบล้านก็พอ” หวังหมิงเหยาพูด “ไม่อย่างนั้นฉันจะแฉความลับของเราออกไป ดูสิว่าเธอยังจะเชิดหน้าเชิดตาได้เหมือนตอนนี้อีกไหม?” 


 


“คุณย่าเคยบอกฉันว่า เป็นผู้หญิงต้องรู้จักยืนด้วยตัวเอง!” พอซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ตอนแรกเธอก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ อุตส่าห์หลบหนีมาจากคุณนายอวิ๋นนั่นแล้ว แต่ก็ยังต้องมาเจอผู้ชายแบบนี้อีก? “เพราะอย่างนั้นฉันก็ไม่สนใจเรื่องสับปะรังเคที่เคยทำไว้กับนาย ไม่ว่านายจะพูดอะไร ก็ไม่มีทางทำอะไรฉันได้แน่!” 


 


ซีเหมินจินเหลียนพูดจบก็หันตัวเดินไปทางนิทรรศการ หวังหมิงเหยานิ่งอึ้งไป แต่ทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบที่ส่งผ่านมาด้านหลัง เมื่อรีบหันไปเขาก็กลับเห็นปากกระบอกปืนสีดำที่กุมความเป็นความตาย กำลังชี้มาที่หัวของเขา …  

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 125 เผชิญหน้าแข่งขันอย่างเข้มข้น

 

สิ่งที่หวังหมิงเหยาเห็นเป็นครั้งสุดท้ายก็คือเลือดสดๆ สีแดงละลานตา ที่ไหลออกมาจากศีรษะของเขา 


 


“นี่แกโง่จริง หรือว่าแกล้งโง่กันแน่?” มีคนถอนหายใจพูดขึ้นราวกับเห็นอกเห็นใจ แต่อีกทางก็เหมือนเหยียดหยาม ไม่ว่าเรื่องอะไรตอนนี้หวังหมิงเหยาก็เข้าใจหมดแล้ว แต่ว่าก่อนที่จะตายไม่ว่าเขาคิดอย่างไรก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมซีเหมินจินเหลียนถึงไม่ยอมรับการขู่เข็ญจากเขา? 


 


ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น การเดิมพันในคืนนี้ใกล้ถึงขั้นตอนในการผ่าหินที่เป็นไฮไลต์สำคัญของงานนี้ ไม่สนว่าเป็นแขกหรือว่าผู้เข้าร่วมเดิมพัน ไม่สนว่าจะเป็นผู้เดิมพันเฉยๆ หรือว่านักเดิมพันผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้ล้วนตื่นเต้นกันขึ้นมาบ้างแล้ว 


 


วันนี้เป็นวันสุดท้าย ถ้าพลาดวันนี้ไปก็ต้องรองานนิทรรศการอัญมณีที่จะจัดขึ้นอีกสามปีข้างหน้า สามปีต่อจากนี้ตลาดจะตื่นตัวไม่สงบ จะมีหลายบริษัทที่ผุดขึ้นมาและหลายบริษัทที่ต้องล้มตัวลง เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าจะสามารถมีพื้นที่อยู่ในแวดวงวงการนี้ได้หรือไม่ 


 


มีบางคนที่ตื่นเต้นจนระงับอาการไม่อยู่ อีกทั้งบางคนก็เ**่ยวเฉาจนแทบกลัดกลุ้ม ชีวิตมนุษย์นี้ก็ขึ้นๆ ลงๆ บางครั้งก็พูดยากเหลือเกิน 


 


ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ ถ้าอย่างนั้นสิ่งหนึ่งที่สามารถมั่นใจได้อยู่อย่างหนึ่งก็คือปัจจุบัน! สายตาของทุกคนโฟกัสไปที่จุดศูนย์กลางของงานนิทรรศการ รอคอยการผ่าหยกในค่ำคืนนี้ที่จะเริ่มขึ้น 


 


จู่ๆ แสงไฟในงานนิทรรศการที่เคยสว่างไสวก็ถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด 


 


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ท่ามกลางผู้คนมีคนร้องตะโกนโวยวายขึ้น คนส่วนมากต่างหามือถือขึ้นมาเปิดไฟฉาย ส่วนนักเดิมพันหินส่วนมากก็มีไฟฉายพลังสูงกับแว่นขยายติดตัวกันหมด 


 


หลังจากที่ตกอยู่ในความมืดไม่นาน แสงไฟก็สว่างขึ้นชั่วพริบตา ทุกคนยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่กล้าขยับไปไหน ผ่านไปไม่นานแสงไฟก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นผู้จัดการดูแลในงานนิทรรศการเดินเข้ามาอธิบายสถานการณ์ว่าเป็นเพียงแค่ไฟตกเท่านั้น 


 


สีหน้าของคุณนายซูดูไม่ค่อยสู้ดีนัก เธอรู้ดีว่าถ้าหากซีเหมินจินเหลียนต้องการที่จะสับเปลี่ยนหินหยกจริงๆ เธอต้องอาศัยโอกาสนี้แน่ 


 


คลับหยกเป็นของจ่านมู่ฮวา ถ้าเธอจะเล่นอะไร มันก็ง่ายดายเพียงแค่กระดิกนิ้ว 


 


ซีเหมินจินเหลียนมองจ่านป๋าย จ่านป๋ายเองก็มองเธอ จากนั้นก็ส่งยิ้มให้เธอวางใจ ในที่สุดซีเหมินจินเหลียนก็ผ่อนคลายลงแล้ว สำหรับจ่านป๋ายแล้ว วิธีเล่นกลสับเปลี่ยนนั้นถือเป็นเรื่องเล็ก จนอาจจะไม่คุ้มค่ากับการกระทำแค่เล็กน้อยนี้ จนบางครั้งเขาคิดว่าการปิดไฟอาจจะยากกว่าอีก 


 


การเดิมพันหินในคืนนี้ไม่ได้คึกคักเหมือนเมื่อคืน ผู้เข้าร่วมเดิมพันมีไม่ถึงสิบห้าบริษัท แต่เพราะว่ามีการเปิดอัตราต่อรองที่ต่ำมากเลยทำให้ผู้ชมส่วนมากให้การรอคอยเพิ่มขึ้น 


 


เครื่องเจียระไนสิบห้าเครื่องวางไว้ที่งานนิทรรศการ มีผู้เชี่ยวชาญสิบห้าคนในการเจียระไนหินสวมใส่ชุดทำงานที่เหมือนกัน ในขณะที่เจียระไนหิน จู่ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อะคนค่ะ!” 


 


ผู้คนที่เหลือต่างงุนงงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ซีเหมินจินเหลียนจะเดินไปตรงกลางและมองไปทั่วงานจึงพูดว่า “ฉันขอให้คนของฉันเป็นคนเจียระไนหินเองค่ะ!” 


 


คุณนายซูถอนหายใจก่อนมองไปรอบด้าน ไม่มีใครที่คัดค้านซีเหมินจินเหลียนเลยสักคน เธอไม่มีทางเลือกเลยพูดขึ้นว่า “น้องสาวก็กลัวเกินไปหรือเปล่า ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ก็มีฝีมือและประสบการณ์มาหลายสิบปีแล้ว ไม่มีทางทำให้หินหยกของเธอเสียหายแม้แต่นิดเดียวหรอก” 


 


“พี่สาวคะ ถ้าพี่ไม่วางใจก็ให้คนของตัวเองมาผ่าสิ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันไม่ได้บอกว่าฝีมือของผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างไร ฉันแค่อยากจะให้คนของตัวเองมาเจียระไนก็เท่านั้น คำขอร้องนี้คงไม่มากไปใช่ไหมคะ?” 


 


คำขอร้องนี้ก็ไม่ได้มากเกินไปจริงๆ การที่ให้คนของตัวเองมาเจียระไนหินก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี กลับกันหินหยกที่ส่งมาถึงงานนิทรรศการก็อยู่ตรงหน้าผู้คนแล้ว แถมการเจียระไนหินยังเปิดเผยให้เห็นโจ่งแจ้ง ไม่มีทางที่จะเล่นอะไรสกปรกได้ 


 


คุณนายซูคิดเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอร้องของเธอไม่ออก เพราะอย่างนั้นเมื่อคคิดสัครู่เธอถึงพูดขึ้นมาว่า “ก็ได้!” 


 


จ่านป๋ายยกหินหยกหมายเลขสิบเอ็ด ก่อนเริ่มเดินไปทางเครื่องเจียระไน แม้ว่าผู้คนจะพากันสงสัย แต่การเจียระไนนี่ก็เปิดเผยต่อสาธารณชน เรียกร้องให้คนของตัวเองมาเจียระไนหินเพื่อความวางใจเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้น 


 


ส่วนนักเดิมพันหินผู้มีประสบการณ์ช่ำชองก็เข้าใจจิตใจของซีเหมินจินเหลียนได้ หินหยกพวกนั้นเล็กเกินไปจริงๆ ถ้าหากขอช่วยให้คนอื่นมาเจียระไน เกิดทำไม่ดีเข้า ความสะเพร่าจากการเจียระไนครั้งนี้อาจทำให้หินหยกข้างในเสียหายไปหมดก็ได้ ให้คนของตัวเองมาเจียระไนจึงทำให้สบายใจขึ้น 


 


ท่าทางของจ่านป๋ายยิ่งแปลกเข้าไปอีก คิดไม่ถึงว่าเขาจะนำเครื่องลับมีดมา และไม่ใช้เครื่องเจียระไนหินที่ฝ่ายจัดงานเตรียมไว้ให้ เขานำหินหยกขนาดเล็กเท่าไข่ไก่ก้อนนั้นวางลงไปบนเครื่องลับมีดแล้วค่อยๆ เจียระไนลับมันอย่างระวัดระวัง 


 


 ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ เพราะว่าหินหยกหมายเลขสี่ก็เล็กเช่นกัน เพราะฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญเลยยอมละทิ้งเครื่องเจียระไนหินที่ทันสมัย เปลี่ยนไปใช้แรงฝีมือเริ่มวิธีเจียระไนหินเหมือนหมายเลขสิบเอ็ด 


 


ผู้คนเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือจะหัวเราะดี ถ้าจะรอให้สองท่านนี้เจียระไนเสร็จ นี่ก็ต้องรอไปถึงเมื่อไหร่กัน? แต่ถึงจะมีคนใจร้อน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดเร่งรัดขึ้น หินหยกพวกนี้ราคาคงหลักล้าน ถ้าหากเจียระไนเสียหาย ใครกันจะรับผิดชอบความเสียหายครั้งนี้? 


 


หินหยกแต่ละก้อนค่อยๆ เจียระไนออกมา แม้ว่าจะมีอาการช็อกจากเมื่อวาน แต่เมื่อหินหยกก้อนนั้นของเจียหยวนฮวาถูกตั้งไว้ตรงกลางเวที ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงงงงัน เนื้อแก้ว หยกกินบ่อเสี้ยน! 


 


สีเขียวมรกตที่ใสบริสุทธิ์ เป็นสีเขียวสดได้มาตรฐาน เสริมกับสีม่วงดอกไลแอคที่สดเข้ม สดใสจนทำให้ผู้คนประทับใจไม่รู้ลืม 


 


หินหยกหมายเลขแปด เป็นของคนแปลกหน้าหน้าใหม่ก็เจียระไนเผยให้เห็นเนื้อแก้ว เป็นสองสีเช่นกัน สีแดงไฟและสีเหลืองน้ำมันไก่ผสมรวมตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้คนที่ชอบในสีโทนอบอุ่นพากันตกใจชื่นชมเป็นระนาว 


 


สายตาของซีเหมินจินเหลียนตกไปอยู่ที่หินหยกหมายเลขสอง เนื้อแก้วสีเขียวอ่อน ลักษณะดีมาก           แต่ภายในสถานที่แบบนี้ยังไม่สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนได้ดีเท่าไหร่นัก 


 


หินหยกที่สามารถทำให้ตกตะลึงในงานเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้ได้ ส่วนมากเป็นของสะสมส่วนตัว โดยปกติไม่ค่อยปรากฏให้เห็น และไม่ได้จัดอยู่ในชนิดที่จะอยู่ในเหมืองหยก นั่นเท่ากับว่าหินหยกพวกนี้ เจียระไนออกก้อนหนึ่งเท่ากับน้อยลงอีกก้อนหนึ่ง หินหยกบางก้อน ถ้าในชาตินี้มีโอกาสได้เห็นเป็นบุญตาสักครั้ง ก็ต้องพึ่งแต้มบุญที่สะสมกันมาแรมปี 


 


ถ้าหากสิ่งที่ผู้อาวุโสหูพูดทุกอย่างเป็นความจริง หินปิดฟ้าของเทพธิดาที่กลายเป็นหยก ถ้าหากเหมืองแร่นั่นจะกำเนิดขึ้นใหม่ ก็ได้แต่รอคอยให้เทพธิดากลับมาเกิดอีกครั้งแล้ว 


 


คิดได้เท่านี้ ซีเหมินจินเหลียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น สายตาหันไปมองหินหยกก้อนนั้นจากบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ เป็นเนื้อแก้วสีเขียวเข้มสด 


 


ซีเหมินจินเหลียนผ่อนคลายลงไปหน่อย หินหยกที่ถูกเจียระไนออกมา เธอกฌไม่ต้องกังวลแล้ว แม้ว่าเธอเคยดูมาแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นกังวลว่าคุณนายซูอาจจะสับเปลี่ยนหินหยก จนสุดท้ายพลิกเกมใส่เธอ 


 


ตอนนี้ ขอแค่หินหยกของคุณนายอวิ๋นถูกเจียระไนออกมา ถ้าไม่มีอะไรที่เหนือความคาดหมาย ผู้ชนะคืนนี้ก็คือเธอ 


 


ผู้เชี่ยวชาญเจียระไนหินกับจ่านป๋ายกำลังเจียระไนหินอยู่ ไม่ว่าเป็นใครก็ต่างอดทนรออย่างตั้งใจ ผู้เชี่ยวชาญเจียระไนหินคงมีฝีมือชำนาญการ เพราะฉะนั้นความเร็วของเขาขึ้นแซงจ่านป๋ายอยู่หน่อย      ไม่นานสองมือก็โอบอุ้มประคองหินหยกขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ขึ้นมาวางไว้ที่ตรงกลางเวทีงานนิทรรศการ 


 


หินหยกหมายเลขสิบสี่ขนาดไม่ใหญ่ แต่สีสันกลับทำให้หัวใจของคนเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ข้างนอกคือเนื้อแก้วบริสุทธิ์ มีความโปร่งใสสูงสุด ราวกับคริสตัลใสจากธรรมชาติ ข้างในราวกับมีกลีบดอกไม้ เมื่อเจียระไนออกมาเป็นสีสันสามสี แดงเหลืองม่วง… 


 


ผู้คนแม้แต่เอ่ยปากยังไม่กล้า หยกหรือ! หยกที่น่ามหัศจรรย์เช่นนี้ สามารถทำให้คนแปลกใจได้อย่างไร? หินหยกแบบนี้ไม่จำเป็นต้องแกะสลักอะไรแล้ว แค่นี้ก็พอทำให้ผู้คนทั้งหมดตกตะลึงในความงาม 


 


ไม่ๆ ในใจของคนส่วนมากคิดว่าหินหยกแบบนี้ยังจะเรียกว่าหยกอีกหรือเปล่า? 


 


ไม่น่าล่ะผู้จัดงานหมายเลขสิบสี่ถึงเปิดอัตราต่อรองไปที่หนึ่งต่อหนึ่ง นี่ก็สวยเกินกว่าจะบรรยายจริงๆ หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ฝูงชนระดมเสียงปรบมืออย่างรุนแรงต่อเนื่อง ด้วยวิธีนี้เท่านั้นถึงจะสามารถแสดงความตื่นเต้นในใจได้ทั้งหมด 


 


รอประมาณสิบนาที หินหยกหมายเลขสิบเอ็ดก็ยังเจียระไนออกมาไม่หมด มีเสียงของคนพวกหนึ่งเริ่มส่งเสียงออกมาอย่างทนไม่ไหว 


 


“ยังจะรออะไรอยู่? รีบประกาศผลซักทีสิ!” 


 


“ยังจะต้องประกาศอะไรอีกล่ะ? ผู้ชนะในคืนนี้ก็ต้องเป็นหมายเลขสิบสี่อย่างไม่ต้องสงสัยอยู่แล้ว!” 


 


… 


 


“นี่ ฉันได้ยินมาว่า หินหยกหมายเลขสิบสี่เป็นของคุณนายอวิ๋น หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ที่เป็นคนส่งมาเดิมพัน คุณนายอวิ๋นคนนี้ พวกคุณรู้หรือเปล่า ตอนที่เธอยังวัยรุ่น ก็มีฉายาในโลกการเดิมพันว่าเป็นเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้” 


 


“ที่แท้ก็เป็นเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ใครนี่เอง!” 


 


… 


 


มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นข้างหูของซีเหมินจินเหลียน แต่สีหน้าท่าทางของเธอยังคงไม่เปลี่ยน ทำได้แค่มองยังนิ่งๆ ส่วนคุณนายซูหยิ่งผยองได้ใจแอบเหล่มองข้างๆ ซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดว่า “น้องจินเหลียน ดูจากผู้ชนะคืนนี้แล้ว ก็คงเป็นพี่และคุณป้าพี่ผู้เป็นตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใครอยู่แล้ว” 


 


“ก่อนที่จะตัดสินผู้ชนะ พี่สาวที่พูดเรื่องนี้ก็ไม่คิดว่าเร็วไปหน่อยหรือคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยืดลำคอขาวดั่งหิมะขึ้น ท่วงท่าชดช้อยสง่างามมีความเหยอหยิ่งในตัว “เมื่อครู่ฉันก็บอกแล้วว่า ฉายาตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใครของคุณนายอวิ๋น นั่นก็เป็นเพราะว้าเธอยังไม่เคยเจอฉัน ซีเหมินจินเหลียน” 


 


“หรือว่าน้องสาวยังจะมั่นใจอะไรอีก?” ในขณะที่คุณนายซูพูดประโยคนี้ เสียงก็ยิ่งดังขึ้นกว่าเก่า ยิ่งดึงดูดสายตาของผู้คน  


 


ผู้หญิงสวยกับหยกต่างเป็นประเด็นที่ผู้ชายให้ความสนใจยกมาพูดคุยกันไม่หยุดปาก เพราะฉะนั้นสายตาของผู้ชมต่างอดไม่ได้ที่จะเพ่งเล็งมองไปที่ซีเหมินจินเหลียนและคุณนายซู 


 


“เดิมพันก็เดิมพันแล้ว ยังจะพูดเรื่องนี้อีกทำไมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ก่อนที่หินหยกของฉันจะเจียระไนออกมา พี่สาวก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ชนะ อย่างนั้นก็อย่าเพิ่งออกความเห็นอะไรเลยดีกว่าค่ะ” 


 


“น้องสาวก็กล้ามากนะ จนป่านนี้แล้วก็ยังคงกัดไม่ปล่อยอีก?” คุณนายซูยิ้มแสยะ เธอไม่เชื่อว่า                     ซีเหมินจินเหลียนจะสามารถเจียระไนหยกที่สามารถชนะคุณนายอวิ๋นได้ “ไม่อย่างนั้น พวกเราใช้วินาทีสุดท้ายนี้ เพิ่มเดิมพันลงไปหน่อยเป็นไง?” 


 


“พี่สาวยังคิดจะเดิมพันอีกหรือ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ หรือว่าเธอคิดว่าตัวเองชนะแน่แล้ว “เดิมพันอะไรคะ” 


 


“เดิมพันด้วยดวงตาคู่นี้เป็นอย่างไร?” คุณนายซูยิ้ม “ถ้าใครแพ้ คนคนนั้นก็ต้องควักดวงตาคู่นั้นออกมา หลังจากนี้จะได้ไม่ต้องเดิมพันหินอีก ผู้ชมทุกท่านเป็นพยาน!” ในขณะที่พูด เธอก็ลูบไปที่ดวงตาของตนและทำตาสดใสมีเสน่ห์ 


 


“แม่หนู อย่าไปเดิมพันกับเธอเลย…” ท่ามกลางผู้คนนั้น มีคนหนึ่งที่ทนดูไม่ได้ เมื่อหินหยกของคุณนายอวิ๋นก้อนนี้เจียระไนออกมาแล้ว ก็เหมือนได้ผู้ชนะครั้งนี้แล้ว ถ้าหากซีเหมินจินเหลียนเดิมพันกับเธอด้วยอารมณ์แบบนร้ นี่ก็ถือว่าไม่ยุติธรรมเป็นอย่างมาก    

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 126 สีสันหลากสี

 

ดวงตาของซีเหมินจินเหลียนลุกวาวขึ้นเช่นกัน ราวกับดวงดาวที่เปล่งประกาย แม้ความสดใสจะน้อยกว่าคุณนายซู แต่กลับมีความเยือกเย็นแทรกแซงเพิ่มเข้ามา


 


ทุกคนต่างก็รู้สึกเช่นกันว่าข้อเสนอในการเดิมพันของคุณนายซูนี้ออกจะเกินไป นี่มันไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง แค่เปรียบเทียบระหว่างหินหยกของใครดีกว่ากันเท่านั้น ไม่เหลือพื้นที่กลิ่นอายแห่งการเดิมพันแล้ว


 


แต่คุณนายซู ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เธอกลับพูดกับซีเหมินจินเหลียนว่า “เป็นอย่างไรน้องสาว ไม่กล้าที่จะเดิมพันเรื่องนี้ใช่ไหมล่ะ?”


 


“ตกลงค่ะ ถ้าใครแพ้ คนคนนั้นก็ต้องควักดวงตาคู่นั้นของตัวเองออกมา และหลังจากนี้ก็ไม่ต้องเดิมพันอะไรอีก!” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างสงบนิ่ง


 


“ดีนี่ๆ!” คุณนายซูปรบมือ มุมปากแสยะยิ้มอย่างหยิ่งผยองดีใจ เธออยากจะเห็นจริงๆ ว่าวันนี้ซีเหมินจินเหลียนจะเอาอะไรมาชนะเธอ แต่ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเธอนั้นกลับมีความเหน็บหนาวปรากฏอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ


 


ในห้องรับแขกของงานนิทรรศการที่หรูหรานี้ มีอยู่คนหนึ่งที่กำลังมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ในงานนิทรรศการทั้งหมด ใบหน้าของคุณนายอวิ๋นส่งยิ้มร้ายมีพิษสง ในที่สุดก็หลอกเธอให้ตกลงมาในกับดักจนได้ แค่ซูหงพูดจาท้าทายเธอเข้าหน่อย เธอก็ทนไม่ได้แล้วหรือ? ในเมื่อคืนนี้เธอกล้าที่จะเดิมพัน อย่างนั้นตนก็จะทำลายดวงตาที่หาเรื่องคู่นั้นของซีเหมินจินเหลียนเสีย ก็อยากจะรู้นักว่าถ้าหากชายแก่ท่านนั้นไม่มีซีเหมินจินเหลียนแล้ว เขาจะเอาอะไรมาสู้กับเธอได้อีก?


 


เขามันก็อยู่นานจนเกินไปแล้ว ทำไมถึงยังไม่ตายไปสักที! เมื่อคิดถึงคนคนนั้น คุณนายอวิ๋นก็กำมือแน่น ใบหน้าที่ได้รับดูแลทะนุถนอมอย่างดี บัดนี้มีริ้วรอยเป็นเส้นๆ ปรากฏขึ้น


 


บนเวทีในที่สุดจ่านป๋ายก็เจียระไนหินหยกออกมาได้เสร็จ เขานำหินหยกในมือออกมาล้างในน้ำใสสะอาด จากนั้นเขาแทบที่จะไม่เชื่อดวงตาคู่นั้นของตัวเองเลย


 


นี่คือแสงแรกในยามเช้าหรือว่าตะวันกำลังขึ้น หรือว่านี่จะยังไม่ถือว่าสวยอีกหรือ? ในตำนานตอนที่พระพุทธเจ้าปรากฏตัวขึ้น ท้องฟ้าจะมีเมฆสายรุ้งเผยให้เห็น? หรือว่านี่จะเป็นเมฆสายรุ้งที่เหมือนในตำนานพุทธศาสนา?


 


จ่านป๋ายล้างหินหยกให้สะอาด ก่อนจะยกสองมือโอบอุ้มหินหยกนั้นไปวางตรงตำแหน่งหมายเลขสิบเอ็ดกลางเวที


 


ภายใต้แสงไฟ ในบรรดาหินหยกทั้งหมดต่างอันแสงมัวหมองไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าหินหยกหมายเลขสิบสี่จะสวยมากสักเพียงใด แต่ในเวลานี้ก็ถูกบดบังจนหลงลืม


 


หินหยกก้อนนี้เป็นเนื้อแก้วไร้สีเช่นกัน ความนุ่มลื่นครบครัน ความโปร่งใสสูงสุด เมื่อเปรียบเทียบกับหินหยกหมายเลขสิบสี่แล้ว หินหยกก้อนนี้ก็ดูจะเป็นทรงรีหน่อย แต่ตรงกลางมีสีรุ้งอยู่ตรงนั้น ราวกับฉายเส้นรังสีเข้าไป เผยให้เห็นสีทั้งห้า นั่นก็คือสีแดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน ม่วง


 


ถ้าเพียงเท่านี้ก็คงทำให้ผู้คนทั้งหมดแค่ส่งเสียงออกมาอย่างตกใจเท่านั้น แต่ในระหว่างห้าสีนั่น กลับมีลำแสงที่เห็นได้ชัดอยู่สิบสี


 


ห้าแสงสิบสี!


 


หินหยกก้อนนี้เล็กเกินไปจริงๆ เล็กจนอาจจะทำได้แค่จี้แหวน แต่สีสันของมันนั้น ทำให้จิตใจของผู้คนในงานไม่กล้าแม้กระทั่งถอนหายใจออกมา พระเจ้า! นี่ต่างหากถึงเรียกว่าหยก หยกของจริง!


 


กลุ่มคนเมื่อสักครู่ที่ทะเลาะกันเพราะอยากจะให้คณะกรรมการประกาศผล ตอนนี้กลับปิดปากเงียบสนิท รู้สึกเสียใจที่สายตาตัวเองไม่เฉียบแหลม ใต้ฟากฟ้าที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีความมหัศจรรย์ที่ไหนที่ไม่เกิดขึ้น หยกลักษณะงดงามขนาดนี้ ตามความจริงก็อยู่แค่ในตำนานเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมาปรากฏต่อสายตาผู้คนในงานทั้งหมด


 


ในห้องนิทรรศการเงียบไปประมาณสิบกว่านาที ก่อนที่ทุกคนจะส่งเสียงเริ่มพูดคุยเจรจากัน


 


“พี่ซูคะ…” ซีเหมินจินเหลียนมองคุณนายซู “พี่ก็พยายามจะเสนอให้ฉันเดิมพันบ้าๆ นี้มาโดยตลอด ตอนนี้ฉันก็ทำให้พี่สมปรารถนาแล้ว นี่ก็คือผลลัพธ์ของมัน เกรงว่าพี่สาวคงไม่ค่อยยินดีที่จะรับมันไว้เท่าไหร่ใช่ไหมคะ?”


 


สีหน้าของคุณนายซูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เธอคิดไม่ถึงว่าบนโลกใบนี้จะมีหินหยกลักษณะอย่างนี้เหลืออยู่ นี่เป็นไปได้อย่างไร? ดูอย่างไรก็เหมือนลูกปัดแก้วเม็ดหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทาง! นี่ก็ไม่รู้ว่าซีเหมินจินเหลียนเล่นสกปรก ใช้ลูกปัดแก้วมาแทนที่หยกหรือเปล่า?


 


“การเดิมพันในคืนทำให้ผู้คนได้เปิดโลกกว้างเสียจริงๆ!” ในที่สุดมีคณะกรรมการยืนขึ้นมาพร้อมเอ่ยปาก


 


“เดี๋ยวก่อน!” จู่ๆ คุณนายซูก็พูดขึ้น


 


“ครับ?” คณะกรรมการสงสัยและรีบพูดขึ้น “คุณนายซูมีอะไรจะเสนอแนะหรือครับ?” คุณนายซูเป็นถึงหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ ทำธุรกิจการค้าหยกโดยเฉพาะ ในเมื่อเวลานี้เธอออกมาพูด แสดงว่าต้องมีความคิดเห็นอะไร


 


“ฉันสงสัยว่า นี่อาจจะไม่ใช่หยก!” คุณนายซูมองซีเหมินจินเหลียนอย่างเยียบเย็น ก่อนจะพูดขึ้น


 


เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกไปแล้ว ผู้คนก็ต่างพากันวุ่นวาย ส่งเสียงซุบซิบพูดคุยกัน ส่วนซีเหมินจินเหลียนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ไม่ใช่หยกหรือ? แล้วนี่จะเป็นอะไรได้อีก?


 


คณะกรรมการได้ยินแล้วยิ้มร่า “คุณนายพูดถูกแล้ว ที่จริงหยกแบบนี้ก็ไม่สามารถนับว่าเป็นหยกได้ นี่คือหยกมหัศจรรย์ หาได้ยากบนโลกใบนี้ เป็นหยกที่ล้ำค่าที่หาสิ่งใดเปรียบ!”


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วจู่ๆ ก็อยากหัวเราะออกมา คำพูดของคณะกรรมการกับคุณนายซู ก็เปรียบเหมือนไก่พูดกับเป็ด พูดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ 


 


“ไม่…” คุณนายซูส่ายหัวปฏิเสธกลับ “คุณเจียง คุณเข้าใจความหมายของฉันผิด ฉันบอกว่าหยกที่สวยเกินความจริงเม็ดนี้ บางทีมันอาจจะไม่ใช่หยกก็ได้ อาจจะเป็นแค่ลูกปัดแก้วที่ทำให้สวยงามขึ้นเท่านั้น! ฉันเปิดบริษัทอัญมณีนะ ในชีวิตนี้ก็พบเจอหยกมาไม่น้อย ตอนนี้ฉันอยากจะสัมผัสให้รู้กับตนเอง เพื่อพิสูจน์ว่าจริงไหม”


 


“คุณนายซู ในเมื่อคุณพูดอย่างนี้ก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันนะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาท!” แม้ซีเหมินจินเหลียนจะไม่ได้พูด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะไม่พูด ฉินเฮ่าขมวดคิ้วยืนจ้องคุณนายซู


 


“อ้อ คุณฉินนี่เอง!” คุณนานซูยิ้มเยาะ “ได้ยินมาว่าคุณก็เป็นคนเลื่อมใสในตัวซีเหมินจินเหลียนมากเหมือนกันสินะ?”


 


“ผู้หญิงที่สวยล้ำค่า ย่อมเป็นคู่ครองที่ดีของสุภาพบุรุษ” ฉินเฮ่าไม่ได้ปิดบังว่าเขากำลังตามจีบ                     ซีเหมินจินเหลียน


 


“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นคนที่ไม่เข้าใจในหยกเลยสักนิด แล้วมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาพูดเช่นนี้?” คุณนายซูยิ้มแย้ม


 


“คุณนายซูพูดจากล่าวหาคนอื่นแบบนี้ ผมก็รู้สึกทนไม่ได้อยู่บ้าง ตอนนี้คุณยังมาพูดจาไร้สาระแบบนี้อีก หยกก้อนนี้ก็เจียระไนต่อสายตาของสาธารณชน คุณก็เห็นว่าพวกเขาตาบอดอย่างนั้นหรือ?” ฉินเฮ่าโต้กลับ


 


“ถ้าหากคุณซีเหมินไม่ได้เล่นสกปรกจริง อย่างนั้นให้ฉันดูหน่อยจะเป็นไรไป?” คุณนายซูพูดอย่างเยียบเย็น “ผู้เชี่ยวชาญในการเจียระไนวันนี้มีตั้งสิบกว่าคนที่มีประสบการณ์ ทำไมเธอถึงไม่ใช้ แต่กลับไปเลือกคนของตัวเองที่ไม่มีประสบการณมาเป็นคนเจียระไนแทน? เมื่อสักครู่ตอนที่เจียระไนหิน ทุกคนก็คงจะเห็นแล้วว่าคนคนนี้ก็ไม่ได้เข้าใจในการเจียระไนหินเลยสักนิด” พูดพลางเธอก็ชี้สื่อไปทางจ่านป๋าย


 


จ่านป๋ายตอบกลับเธอไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส “การเจียระไนหิน ขอแค่สามารถเจียระไนหยกออกมาได้ก็พอแล้วนี่ครับ เรื่องอื่นก็สำคัญด้วยเหรอ?”


 


คุณนายซูยิ้ม “เดิมทีก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจว่าทำไมซีเหมินจินเหลียนถึงย้ำอยู่นั่นว่าต้องการให้คุณมาเป็นคนเจียระไนหิน ที่แท้เธอก็อยากจะให้คุณช่วยเธอสับเปลี่ยนหยกสินะ?”


 


“คุณนายซูก็ดูถูกผมเกินไปแล้วนะครับ!” จ่านป๋ายยิ้ม เปลี่ยนหินอย่างนั้นเหรอ เขาเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเปลี่ยนอีก “สายตาของทุกคนจ้องมองอยู่แบบนั้น ผมจะไปมีความสามารถเปลี่ยนหินได้อย่างไร แต่ผมกลับสงสัยว่าที่คุณนายซูพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ในเมื่อคุณสงสัยว่าหยกเม็ดนี้เป็นของจริงหรือไม่ ตอนนี้คณะกรรมการในสถานที่แห่งนี้ก็มีตั้งมากมาย นักเดิมพันผู้เชี่ยวชาญก็มีอยู่เยอะ อย่างนั้นให้พวกเขามาช่วยตัดสินก็ได้แล้ว ส่วนคุณก็ช่างมันเถอะ ผมเชื่อใจคุณไม่ได้จริงๆ หยกมหัศจรรย์ก้อนนี้ผมปล่อยให้ผ่านมือคุณไม่ได้จริงๆ”


 


ซีเหมินจินเหลียนเผยยิ้มออกมา จ่านป๋ายก็หันไปพูดกับคณะกรรมการที่พูดอยู่เมื่อสักครู่  “คุณครับ คุณลองตรวจสอบดูก่อนก็ได้ ผู้ที่ต้องการตรวจสอบความจริงเท็จของหยกก้อนนี้ คืนนี้สามารถตรวจสอบดูได้ แต่ขอให้มาทีละท่าน อย่าได้กรูกันเข้ามาทีเดียว อีกอย่างหยกก้อนนี้ก็ไม่สามารถคลาดไปจากสายตาผมได้เด็ดขาด”


 


หยกที่มีมูลค่าหายากแบบนี้ เขาก็ไม่อาจวางใจได้จริงๆ ถ้าหากทำหายไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาคืนจากที่ไหน?


 


เห็นได้ชัดว่าคณะกรรมการมีอาการตื่นเต้นดีอกดีใจ รีบเดินกรูเข้ามาแล้วยื่นมือไปหยิบหยกเม็ดนั้นไว้ในมือ เมื่อหยกอยู่ในมือ เขาก็รู้ว่านี่เป็นหยกจริงแท้แน่นอน มีแต่หยกเท่านั้นที่สามารถมีพื้นผิวที่ละเอียดอ่อนได้ และมีแค่หยกที่สามารถเงางามและชุ่มชื้น ส่องแสงเป็นประกายเข้ามาในดวงตาได้


 


บนเวที คณะกรรมการทั้งหมดต่างดูกันหมดแล้ว ทุกคนมีความเห็นพ้องตรงกันว่าหยกเม็ดนี้เป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก เมื่อขัดมันเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก ก็ยิ่งเพิ่มแสงวาววับสะดุดตายิ่งขึ้น


 


นักเดิมพันจำนวนหนึ่งที่ไม่มีคุณสมบัติ แม้ว่าจะอยากมาสัมผัสตรวจเช็คดูสักครั้งก็ไม่สามารถทำได้ แต่มีคนหนึ่งที่เดินมาบนเวทีแล้ว


 


เจียหยวนฮวาพูดขึ้นว่า “คุณจ่าน ผมขอสัมผัสมันได้ไหม?”


 


จ่านป๋ายถอยหลังไปหนึ่งก้าวและทำท่าทางเชื้อเชิญให้เขาเข้าไป


 


เจียหยวนฮวาชื่นชมภายใต้แสงไฟอยู่สักครู่และได้วางหยกลงพร้อมพูดว่า “ผมสามารถใช้ฉายาของผมมารับประกันได้เลยว่า นี่เป็นหยกจริงแท้แน่นอน บอกว่าลูกปัดอะไรกัน นั่นมันก็เป็นคำพูดเหลวไหลสิ้นดี!”


 


เขามีฉายาที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาแห่งการเดิมพันหยก ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ แน่นอนว่ารับประกันแล้วว่าหินหยกก้อนนี้เป็นของแท้ ไม่ต้องมาสงสัยอะไรกันแล้ว คณะกรรมการในงานทุกคนเป็นผู้นำของสมาคมเครื่องเพชรพลอย พวกเขามีอำนาจในการประเมินตนเองและได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้เครื่องมือใดๆ ในการตรวจสอบ แต่ความแท้จริงของหยกก้อนนี้ไม่มีข้อสงสัยต้องกังขาอีกต่อไป


 


“ความจริง ผมยังสามารถใช้อีกวิธีพิสูจน์ได้ นี่เป็นหยกที่หาได้ยาก และไม่ใช่ลูกปัดแก้วอะไรนั่น” จู่ๆ จ่านป๋ายก็ทำท่ามีลับลมคมในพูด “ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะครับ แต่ในเมื่อมีคนตั้งข้อสงสัยขึ้นมา ก็ต้องทำให้คนยอมรับเชื่อใจกันหน่อย”


 


สีหน้าของคุณนายซูไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าคุณจ่านมีวิธีอะไรพิเศษในการพิสูจน์?”


 


“ช่วยยกอ่างใส่น้ำสะอาดมาทางนี้ทีครับ” จ่านป๋ายบอกกับผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ


 


น้ำสะอาดถูกยกมาอย่างรวดเร็ว จ่านป๋ายหยิบหยกมาอย่างระมัดระวังและนำมันใส่ลงไปในน้ำสะอาด ไม่นานน้ำใสสะอาดทั้งอ่างก็เป็นสายรุ้งขึ้น ในน้ำมีสีหลากหลายคอยเปล่งประกายอย่างสดใส


 


ทุกคนมองหน้ากันอีกครั้ง และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาอีก จ่านป๋ายจึงพูดขึ้นว่า “คุณนายซู ขอแค่คุณหาลูกปัดแก้วมาได้ และหากมันมีคุณสมบัติเช่นนี้ ผมก็จะยอมรับว่านี่เป็นลูกปัดแก้ว และเงานเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้ก็จะถือว่าพวกเราเป็นฝ่ายแพ้ ผมจะเอาดวงตาของผมควักออกมาให้คุณ!”


 


คณะกรรมการไม่จำเป็นต้องประกาศผลแล้ว ที่หนึ่งในงานเดิมพันหินใหญ่คืนนี้แน่นอนว่าต้องตกเป็นของซีเหมินจินเหลียน แต่สิ่งที่ทำให้ผู้จัดงานต้องกระอักเลือดก็คือ ซีเหมินจินเหลียนก็ได้วางเดิมพันหินหยกหมายเลขสิบเอ็ดของตัวเองด้วยเงินสดราคาห้ารอยล้าน

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม