ความลับแห่งจินเหลียน ส่วน 4 ตอน 113-119

ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 113 สีสันค่อยๆ ทยอยปรากฏขึ้น

 

ซีเหมินจินเหลียนดูหินหยกไปหลายก้อน เห็นว่าต่างธรรมดาไม่มีอะไร อย่างดีที่สุดก็คือชนิดน้ำแข็งสีเขียวอ่อน เพียงแต่ตอนที่ดูหินหยกหมายเลขเก้านั้น เพราะว่าจ่านป๋ายเคยพูดไว้ เธอจึงจับตาเฝ้ามองเป็นพิเศษ หินหมายเลขเก้าน้ำหนักประมาณยี่สิบกิโลกรัม ผิวหินสีน้ำตาล เหมือนจะมีสีน้ำเงินแต้มติดอยู่เล็กน้อย แต่ถ้าหากไม่ได้ดูอย่างละเอียด ย่อมจะดูไม่ออก


 


 


จุดหยกเบาบางปกติ ไม่เห็นเส้นลายหยก ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงสิ่งที่จ่านป๋ายพรรณนาบอกถึงเจ้าของหินหยกหมายเลขเก้าคนนั้น เจ้าหมอนั่นถึงแม้จะดูหินไม่เป็น แต่เขาดูคนได้อย่างเฉียบขาด หินจากคนแปลกประหลาด ก็คงจะไม่ใช่หินธรรมดาสินะ? ในใจคิดไปและใช้มือขวาแตะเข้าไป


 


 


ผิวหินสีน้ำตาลแกมน้ำเงินค่อยๆ เข้าไปในม่านตาก่อนจะจางหายไป ปรากฏให้เห็นสีน้ำเงินใสเกลี้ยง ราวกับท้องฟ้าหลังฝนตกผ่านสายตาของเธอ


 


 


เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ หินจากคนไม่ธรรมดา มักจะไม่เปกติ ในใจของซีเหมินจินเหลียนชมเชย เนื้อแก้วชนิดโบราณเป็นของดีอย่างไม่ต้องสงสัย ความลื่นนุ่มใสบริสุทธิ์ บ่งบอกได้ว่าเป็นหยกชั้นดี


 


 


นอกจากนี้ได้ยินมาว่าหยกสีน้ำเงินที่ไต้หวันและญี่ปุ่นเป็นที่นิยมมาก สามารถขายได้ราสูงทีเดียว แม้ว่าเธอจะมีหยกสีน้ำเงินเหมือนกัน แต่เมื่อเวลานี้เห็นเข้าก็อดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้


 


 


ถ้าหากคืนนี้ไม่มีหินหยกที่แปลกประหลาด เจ้าของหมายเลขเก้าอาจจะมีโอกาสชนะก็ได้ ซีเหมินจินเหลียนคาดเดาอยู่ในใจ


 


 


หินหยกหมายเลขสิบและหมายเลขสิบเอ็ดต่างก็ธรรมดา ส่วนหินหยกหมายเลขสิบสองนั้น แม้ว่าจะเป็นชนิดเนื้อแก้วสีเขียวเบาบาง แต่ก็ทำให้ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดไม่หยุด การเดิมพันหินใหญ่นี้เก็บซ่อนคนมีความสามารถไว้มากมายจริงๆ


 


 


จากนั้นก็ดูเรื่อยๆ ไปจนถึงหินหยกหมายเลขสิบเจ็ด นิ้วมือของซีเหมินจินเหลียนเพิ่งจะได้สัมผัสลงไป แต่ก็มีความรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก หินหยกก้อนนี้ไม่เหมือนใครจริงๆ ดูจากชื่อแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่ามาจากบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ของคุณนายซูคนนั้น?


 


 


หินหยกขนาดไม่ใหญ่ ขนาดประมาณสิบห้ากิโลกรัมโดยประมาณ ผิวทรายสีหมอกดำได้ตามมาตรฐาน น่าจะมาจากโรงงานหมาเหมิง ลักษณะผิวทรายละเอียดสม่ำเสมอกัน ถ้าหากเผยสีเขียว น่าจะเป็นสีเขียวขั้นสูงสุด อีกทั้งความอิ่มน้ำน่าจะไม่เลว ซีเหมินจินเหลียนคิดในใจไปพลาง ส่วนมือก็สัมผัสลงไป


 


 


เป็นอย่างที่คิดไว้ ผิวสีดำหมอกทรายค่อยๆ หายไปในม่านตา เผยให้เห็นสีเขียวแก่ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าจะเป็นสีเขียวจักรพรรดิ?


 


 


ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจเข้าไปอย่างเยือกเย็น คนพวกนี้บ้าเหลือเกิน หินหยกแบบนี้ทำไมถึงมาโผล่ที่งานเดิมพันหินครั้งใหญ่นี้ได้? สีเขียวจักรพรรดิที่จัดอยู่ในสีเขียวชั้นดีแต่สีเขียวจักรพรรดิถ้าหากไปเจอกับหยกสีน้ำเงินที่สว่างสดใส เกรงว่ากรรมการคืนนี้คงจะปวดหัวหนักเลย


 


 


ซีเหมินจินเหลียนเบามือลง และมองลงลึกต่อไป หมายเลขสิบแปดและสิบเก้าดูธรรมดา ตอนนี้ถึงแม้หินหยกพวกนี้จะมีลักษณะไม่เลว แต่หากมีหยกสีน้ำเงินและสีเขียวจักรพรรดิอยู่ ถึงอยากจะชนะก็ไม่มีทางเป็นไปได้


 


 


แต่เมื่อเธอเห็นหยกหมายเลขยี่สอบ ซีเหมินจินเหลียนก็ต้องสูดหายใจอีกครั้ง ผิวสีน้ำตาลแกมเทามีหมอกสีแดงครอบคลุมอยู่ เป็นหยกสีแดงอย่างไม่ต้องสงสัย ยื่นมือไปสัมผัสทรายมีความละเอียดอ่อน ความสม่ำเสมอของผิวหินมีความสมดุลกัน…


 


 


ปีศาจเกิดขึ้นแล้ว? ในใจของซีเหมินจินเหลียนแอบคิดว่า เมื่อก่อนถ้าหากอยากเห็นหินหยกแบบนี้ ช่างยากนัก แต่วันนี้ในงานเดิมพันครั้งใหญ่ กลับมีแต่เรื่องแปลกๆ ปรากฏขึ้นไม่หยุดหย่อนเลย


 


 


“หินหยกก้อนนี้ มาจากคนญี่ปุ่นนั่น จินเหลียนคุณว่าเป็นอย่างไรบ้าง” จ่านป๋ายพูดอธิบายขึ้น คิดดูแล้วหินหยกของผู้ร่วมงานพวกนี้ เขาพอจะเข้าใจภาพรวมออกแล้ว


 


 


“ไม่เลวเลย” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด ในขณะที่พูดนั้นมือขวาของเธอก็สัมผัสลงไป เป็นอย่างที่เธอคาดหวังไว้ว่าเป็นหยกสีไฟอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าสีจะไม่ได้สว่างมาก แต่ก็หาพบเจอได้ยาก เพียงแต่ถ้าเทียบกับหยกสีน้ำเงินก้อนนั้น รวมถึงสีเขียวจักรพรรดิก็ต่างชั้นกันเหลือเกิน


 


 


“หมายเลขยี่สิบเอ็ด เป็นของเถ้าแก่โจวครับ” จ่านป๋ายพูดขึ้น “หมายเลขยี่สิบสองเป็นของเจียหยวนฮวา ส่วนหมายเลขยี่สิบสามเป็นของคุณนายผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันกับหลินเสวียเหวิน…”


 


 


“ถือว่าคุณไปสืบหาข้อมูลมาอย่างละเอียดมาก” ซีเหมินจินเหลียนพูด


 


 


“ผมรู้ว่าคุณจะมาดู เพราะอย่างนั้นเลยไปสืบข้อมูลมาให้ก่อน” จ่านป๋ายยิ้ม


 


 


“ไม่ใช่ว่าเถ้าแก่โจวอยู่กับหลินเสวียเหวินหรอกเหรอ? ทำไมถึงแยกมาเดิมพันล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถามขึ้น


 


 


“น่าจะอยากเล่นละมั้งครับ” จ่านป๋ายพูด “ของพวกนี้ ก่อนที่จะตัดออกมาใครจะไปรู้รายละเอียดลึกซึ้งล่ะ”


 


 


“ก็จริง” ซีเหมินจินเหลียนพูดพร้อมยื่นมือสัมผัสไปที่หินหยกหมายเลขยี่สิบเอ็ด ทันใดนั้นก็เดินไปดูหินหยกหมายเลขยี่สิบสองที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันอย่างเจียหยวนฮวาเป็นคนส่งเข้ามา เมื่อมือสัมผัสเข้ากับหมายเลขยี่สิบสอง เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว…


 


 


เจียหยวนฮวาบ้าไปแล้ว เขาต้องบ้าไปแล้ว งานเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้ เขาจะเล่นแบบนี้น่ะหรือ?


 


 


 เมื่อเธอสัมผัสไปที่หินหยกหมายเลขยี่สิบสาม ซีเหมินจินเหลียนก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างลุ่มลึก ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?


 


 


เมื่อดูหินหยกไปหมดแล้วรอบหนึ่ง ซีเหมินจินเหลียนก็หามุมนั่งลง ไม่พูดจาและสติเหม่อลอย


 


 


“จินเหลียน…จินเหลียนครับ…” จ่านป๋ายเรียกเธอสองครั้ง ซีเหมินจินเหลียนถึงได้สติขึ้นมาแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ”


 


 


“อยากจะวางเดิมพันสักหน่อยไหม” จ่านป๋ายถามขึ้น


 


 


“วางที่หมายเลขยี่สิบสองค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น “อุดหนุนผู้อาวุโสเจียสักหน่อย”


 


 


“จะวางเท่าไหร่ดีครับ” จ่านป๋ายถามขึ้น


 


 


“คุณไปวางที่หมายเลขยี่สิบสองสักห้าสิบล้าน ฉันจะไปวางที่หมายเลขยี่สิบสามอีกห้าสิบล้าน”                ซีเหมินจินเหลียนพูดและยืนขึ้นมา


 


 


“ครับ?” จ่านป๋ายฟังแล้วตกตะลึง ทำไมถึงต้องแยกกันเดิมพัน หรือว่าวันนี้เธอไม่มั่นใจ? ตั้งแต่รู้จักกันมาความสามารถในการเดิมพันหินของซีเหมินจินเหลียนเขาก็เลื่อมใสมาตลอด ถ้าหากแม้แต่เธอยังไม่มั่นใจ แล้วการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้คงจะต้องตระการตาแน่


 


 


ส่วนในใจของซีเหมินจินเหลียนคิดย้ำไปมาเปรียบเทียบกัน หินหยกหมายเลขยี่สิบสองและยี่สิบสามอันไหนดีกว่ากันแน่? เธอตัดสินใจไม่ถูกว่ากรรมการวันนี้จะตัดสินผลออกมาอย่างไร ฉายาราชาแห่งนักเดิมพันหยกอย่างเจียหยวนฮวา แม้เมื่อวานจะแพ้ไปรอบหนึ่งคงไม่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงหรอก เมื่อวานหินหยกที่เขาพามาเข้าร่วมเป็นถึงหยกสีม่วงดอกไลแลคสีสด เขาแพ้เพราะโชคไม่ดีเท่านั้น


 


 


ส่วนคุณนายผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันกับหลินเสวียเหวินนั้น เกรงว่าคงไม่ใช่ธรรมดาๆ! คณะกรรมการถ้าลำเอียงไปสักฝั่ง เกรงว่าคงไม่ได้จบอย่างง่ายๆ แน่


 


 


เมื่อเห็นจ่านป๋ายมีท่าทางมึนงง ซีเหมินจินเหลียนก็พูดขึ้น “นี่เรียกว่าขยายตาข่ายจับปลา จะมาตายอยู่ที่เดียวกันไม่ได้”


 


 


“มีใครเปรียบเทียบเหมือนคุณบ้างเนี่ย?” จ่านป๋ายยิ้ม “ผมคิดว่าตัวเองจะเข้าใจในหินหยกอยู่พอสมควร แต่ผลคือมองผิดไป”


 


 


“ที่ไหนที่มีการเจียระไนหินเยอะ ก็สามารถดูออก แต่หินหมายเลขเก้าที่คุณชอบ ลักษณะไม่เลวจริงๆ เพียงแต่เมื่อเทียบกับหมายเลขยี่สิบสองและยี่สิบสามแล้วแย่กว่าหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ความจริง จ่านป๋ายไม่เคยดูหินหยกมาก่อน เขามองแต่คน เพราะว่าดูคนถึงทำให้ได้เปรียบเรื่องการวิเคราะห์หินหยก นี่ไม่รู้ว่าทฤษฎีอะไรกันแน่แล้ว 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 114.1 หินแปลกจากคนประหลาด (1)

 

จ่านป๋ายและซีเหมินจินเหลียนเดินไปที่เคาน์เตอร์ของงานเดิมพันหินใหญ่เพื่อจัดการเรื่องการวางเดิมพัน ในขณะที่ทั้งคู่เดินกลับมา จ่านป๋ายก็ดึงแขนเสื้อซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดขึ้น “จินเหลียน คุณดูนั่น ผู้หญิงคนนั้นแหละ…”


 


ซีเหมินจินเหลียนหันหน้าไปมอง สายตากวาดไปที่คนที่อยู่ในห้องจัดนิทรรศการ ระยะไม่ไกลกว่าเธอเท่าไหร่ สิ่งที่จ่านป๋ายพูดพรรณนามาไม่ผิดเพี้ยนสักนิด เป็นคุณนายจริงๆ มองดูแล้วอายุน่าจะราวๆ ห้าสิบกลางๆ แต่ความจริงอายุน่าจะมากกว่านี้ไปอีก แต่เป็นเพราะว่าการดูแลบำรุงอย่างดี บวกกับเสื้อผ้าที่ทันสมัย การแต่งกายถูกต้องเหมาะสม ทำให้คนที่พบเห็นรู้ได้เลยว่ามาจากตระกูลผู้สูงศักดิ์และสูงส่ง…


 


“ถ้าหากเธออายุแค่สามสิบ ก็คงดูคล้ายคุณมากเลยใช่ไหม” จ่านป๋ายพูดขึ้น


 


นิ้วมือของซีเหมินจินเหลียนแข็งทื่อ เธอไม่ได้ยินที่จ่านป๋ายพูดอะไรที่ข้างหูของเธอ แต่จดจ้องไปที่คุณนายผู้สูงส่งคนนั้น หัวมุมที่ตาราวกับมีน้ำใสๆ ไหลลงมา คิดถึงความทรงจำที่ปิดกั้นมานาน ไม่นานก็เหมือนเปิดประตูเขื่อนให้น้ำท่วมไหลทะลักพร่างพรูออกมา…


 


“จินเหลียน…จินเหลียน…คุณเป็นอะไรไปครับ?” จ่านป๋ายใช้มือเขย่าไปที่ไหล่ของเธอไปมาเพื่อเรียกสติ


 


ในที่สุดสติที่เหม่อลอยของเธอก็กลับเข้ามา มองจ่านป๋ายไปด้วยความมึนงงและถึงพูดขึ้นมาว่า “เธอยังมีชีวิตอยู่…เธอยังมีชีวิตอยู่?”


 


“จินเหลียน คุณรู้จักเธอเหรอ” จ่านป๋ายถามอย่างสงสัย ซีเหมินจินเหลียนเกิดในครอบครัวที่ยากจนในชนบท เธอไม่น่าจะไปรู้จักอะไรกับคุณนายผู้สูงศักดิ์เช่นนั้นนี่


 


“ใช่ เมื่อตอนที่ฉันยังเด็กมากๆ ฉันเคยเห็นเธอ” ซีเหมินจินเหลียนกัดฟันพูด “เดิมทีฉันคิดว่าน่าจะเป็นความฝันที่เลือนราง เมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่เหลืออะไรสักอย่าง แต่มันไม่ใช่ฝันจริงๆ แต่เป็นความจริง กลับกันปีที่ผ่านมานี้ ฉันต่างหากที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในความฝัน…”


 


“เธอเป็นใครกันครับ” จ่านป๋ายถามอย่างสงสัย       


 


“ฉันก็ไม่รู้” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “ฉันรู้แค่ คุณพ่อคุณแม่ของฉันถูกเธอทำร้ายจนตาย”


 


“อะไรนะ?” จ่านป๋ายสีหน้าตกตะลึง พ่อแม่ของซีเหมินจินเหลียนมีความสัมพันธ์กับคุณนายผู้สูงศักดิ์คนนี้?


 


“คนทุกคนต่างมีพ่อมีแม่ แน่นอนฉันก็เองก็มี ทำไมคุณถึงไม่เคยถามฉันเลยว่าพ่อแม่ของฉันไปไหน หรือไม่ก็พ่อแม่ของฉันทำไมถึงจากไปตั้งแต่วัยหนุ่มสาว คุณก็รู้ว่าคุณย่าเป็นคนเลี้ยงฉันมา” ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจเข้าไปอย่างลึก และพยายามควบคุมอารมณ์ความตื่นเต้นที่ครอบคลุมในใจ


 


“จินเหลียน ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมก็จะสนับสนุนคุณทั้งนั้น!” จ่านป๋ายประคองไหล่เธอไว้แล้วกระซิบพูด “ถึงถ้าคุณอยากจะฆ่าเธอ ผมก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ!”


 


“ฆ่าเธออย่างนั้นเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนยกมุมปากแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย เธอเก็บมันมานานตั้งหลายปี ตอนนี้ความทรงจำที่เลวร้ายในใจก็ควบคุมไว้ไม่อยู่แล้ว “อย่างนั้นก็คงปราณีเธอไปหน่อย! เสี่ยวป๋าย ฉันรู้ว่าคุณมีวิธี ลองหาประวัติความเป็นมาของเธอก่อนเถอะ”


 


“ได้ ไม่มีปัญหา” จ่านป๋ายยิ้ม “เรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะนะ” ในขณะที่พูด เขาก็กระซิบขึ้นที่ข้างหูของเธอ จากนั้นรีบเร่งเดินไปทางอีกฝั่งของห้องจัดนิทรรศการ


 


“จินเหลียน ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่? ผมตามหาตั้งนาน” เมื่อจ่านป๋ายเพิ่งจะออกไปจากตรงนี้ จ่านมู่ฮวาก็รีบเร่งเดินเข้ามาถามพร้อมรอยยิ้ม “คุณกับมู่หรงคุยอะไรกันเหรอ หรือว่ามีอะไรที่บอกผมไม่ได้?”


 


“พวกเรากำลังปรึกษากันว่าจะทำลายทรัพย์สินหรือชีวิตของใครบางคนยังไงดี คุณเชื่อไหม?” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างเจ้าเล่ห์


 


“ถ้าหากเป็นเขาผมก็เชื่อแน่ แต่ถ้าเป็นคุณ ผมไม่เชื่อหรอก คุณก็จิตใจงดงามขนาดนี้!” จ่านมู่ฮวารีบตบหัวแล้วลูบหลัง


 


จิตใจดีเหรอ? งดงามเหรอ? นั่นเป็นคำที่ใช้ก่อนหน้านี้ แต่จากนี้เป็นต้นไปเธอยินดีที่จะใช้ชีวิตตกต่ำลงมาสู่ห้วงแห่งความชั่วร้าย


 


“คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถาม


 


“คืออย่างนี้ครับ!” จ่านมู่ฮวาพูด “ตอนนี้เวลายังเหลือเวลาก่อนงานเดิมพันหินใหญ่อยู่สักระยะ พวกเราก็ไปนั่งด้านหลังดีไหม ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”


 


“ฉันไม่ไปค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบปฏิเสธตัดวาจาขึ้น


 


“เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ นะ” จ่านมู่ฮวาพูด


 


“ฉันควรจะต้องเชื่อคุณเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนย่นคิ้วขึ้นถาม จู่ๆ เธอก็เชยคางขึ้นมาถามอีก “คนคนนั้น คุณรู้จักไหม?”


 


“ใครกัน?” จ่านมู่ฮวาได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปทันควัน และมองไปทางสายตาที่ซีเหมินจินเหลียนมองไป ทันใดนั้นคิ้วขมวดขึ้นเป็นปม เธอมาได้อย่างไร?


 


“จินเหลียน ไม่น่าล่ะตอนแรกที่ผมเห็นคุณ ถึงได้มีความรู้สึกว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน ที่แท้คุณกับเธอก็คล้ายกันมาก ถ้าหากคุณนายอวิ๋นยังเป็นสาววัยสามสิบ เธอคงจะเหมือนคุณมากจริงๆ!” จ่านมู่ฮวาส่งเสียงขึ้นอย่างตกใจ


 


“คุณนายอวิ๋น?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างเคลือบแคลงใจ


 


“คุณน่าจะรู้ว่าตระกูลอวิ๋นทำธุรกิจขายเพชร ตระกูลอวิ๋นและตระกูลซูเป็นคนคร่อมวงการโลกอัญมณีนี้มาตลอด” จ่านมู่ฮวาพูดอธิบาย “เดิมทีผมก็เสนอเพชรจำนวนหนึ่งไปให้ทางตระกูลอวิ๋น แต่ตอนนี้คุณต้องการมัน เพราะฉะนั้นเราเลยเกือบจะผิดใจกันแล้ว”


 


“แต่ยังไงตอนนี้ก็เป็นของฉันแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนพูด


 


“ตอนที่ผมอยู่ทางหนานเฟย มีเหมืองเพชรอยู่สามแห่ง ถ้าอนาคตคุณว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ผมจะพาคุณไปขุดเพชรสนุกๆ หน่อยเป็นยังไง” จ่านมู่ฮวาพูด


 


ซีเหมินจินเหลียนฟังแล้วใจก็เต้นแรงไม่หยุด สำหรับเพชรมีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบบ้าง? การขุดเพชรกลายเป็นเรื่องสุดแสนโรแมนติกไปแล้วเรื่องหนึ่ง? ถ้าโชคดีสามารถไปดูเหมืองกำเนิดเพชรได้ แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่น่ายินดี ในที่สุดเธอก็เข้าใจได้ ไม่น่าล่ะเพชรที่จ่านมู่ฮวาให้เธอดูเหมือนจะสวยกว่าเพชรตามงามนิทรรศการอัญมณีเสียด้วยซ้ำ คนคนนี้ก็มีเหมืองเพชรนี่เอง


 


“ทางคุณคงกวาดกินเพชรของผมไปไม่หมดหรอก เพียงแต่ผมจะให้ราคาที่ถูกกับคุณ ส่งผลให้ทางนั้นไม่พอใจขึ้นมาก็แค่นั้น” จ่านมู่ฮวาพูดต่อ


 


“ตระกูลอวิ๋นนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณหนูอวิ๋นเจียเพื่อนสาวสนิทคนนั้นของฉินเฮ่าหรือเปล่า” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย


 


“มีสิ!” จ่านมู่ฮวาพูด “ก็เป็นตระกูลของพวกเขาไง คุณคิดว่ายังมีตระกูลอวิ๋นที่ไหนอีก? ใช่สิ ผมเกือบลืมเรื่องสำคัญไปแล้ว คุณนายซูก็อยากจะเชิญคุณไปร่วมเดิมพันสักรอบ”


 


“เดิมพันอะไรกัน” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความไม่เข้าใจ


 


“เดิมพันหินใหญ่ในคืนพรุ่งนี้” จ่านมู่ฮวาพูด “เมื่อคืนหินก้อนนั้นของบริษัทหมิงเยว่มีคนเล่นสกปรกจริง จินเหลียน คุณดูไม่ผิด หินก้อนนั้นเปิดออกมาเป็นหินสีขาวจริงๆ…”


 


“อืม” ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าตนเองไม่มีทางที่จะดูผิดแน่ เธอมีความสามารถในการมองทะลุผ่าน ในการเดิมพันหินน่าจะยืนหนึ่งอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว


 


“หินก้อนนั้น คุณนายซูก็ได้เล่นตุกติกจริงๆ ผมก็ขี้เกียจจะฉีกหน้าเธอแล้ว เพราะคิดดูแล้วเป็นเพื่อนร่วมสายงานกันทั้งนั้น เลยไว้หน้าเธอบ้าง แต่ติดใจก็แต่เงินของพวกเราที่ไม่ได้รับการชดเชย คุณว่าถูกไหม?” จ่านมู่ฮวาพูด


 


“คุณไปหาเธอเพื่อเรียกร้องเงินมาเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนไม่เพียงแต่ยิ้มฝืน “ที่เธอเล่นสกปรกก็เพราะไม่อยากจะชดใช้เงิน คุณก็โง่หรือยังไง? ไปหาเธอเพื่อเรียกเงินเนี่ยนะ?”


 


จ่านมู่ฮวาลูบมือแล้วพูด “คนอื่นผมจะไม่สนใจ แต่นี่เธอเอาเปรียบผมเรื่องเงิน แน่นอนว่าผมไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เงินนี้ก็ชั่วจริงๆ คนที่ไม่มีเงิน มันแย่กว่าสารเลวอีก”


 


 ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคนรวยที่ไม่เคยตกระกำลำบาก หรือคนที่ไม่เคยจนมาก่อน จะรู้ถึงความสำคัญของเงินได้อย่างไร?


 


“ผู้หญิงคนนั้นแม้ว่าจะดูมีพิษสักหน่อย แต่ก็จัดการเรื่องอย่างรวดเร็ว แค่ครู่เดียวเธอก็ยอมรับออกมาแล้ว แต่ว่าเธอก็ขอเดิมพันกับคุณอีกรอบ ถ้าพวกเราชนะ เธอจะนำเงินมาให้พวกเรา แต่ถ้าพวกเราแพ้เธอก็จะเพิกเฉย” จ่านมู่ฮวาพูด


 


“เดิมพันครั้งนี้คงจะไม่ง่ายสินะ?” ซีเหมินจินเหลียนนิ่งไปชั่วครู่ก่อนถามขึ้นมา


 


“เดิมพันทรัพย์สิน!” จ่านมู่ฮวาทำเสียงเหอะใส่ “ความโลภของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ”


 


“เดิมพันทรัพย์สิน?” ซีเหมินจินเหลียนอึ้งไป ไม่นานก็พูดขึ้น “เดิมพันบริษัทจินเหลียนกับบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่?”


 


“ความตั้งใจแรกเริ่มของเธอก็เป็นอย่างนั้น!” จ่านมู่ฮวาพูด “แต่บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่อยู่ในเครือหุ้นส่วน เธอไม่สามารถตัดสินใจได้เองทั้งหมด ถ้าหากจะเดิมพันลงไปทั้งหมด อย่างน้อยต้องเปิดประชุมหุ้นส่วนกันก่อน ส่วนบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ก็อยู่ในนามหุ้นส่วน ถึงในความจริงจะเป็นธุรกิจส่วนตัวของคุณ นอกจากนี้บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ไม่ได้อยู่ในตลาด เรื่องนี้มีข้อแตกต่างไปจากบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ เพราะฉะนั้นถ้าจะเดิมพัน คุณจะเสียเปรียบเยอะมาก”


 


“ฉันก็รู้สึกว่าเสียเปรียบเช่นกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันไม่รู้เลยว่าบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่มีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่ สามารถเทียบกับบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ที่ยังไม่ได้ตีสู่ตลาดหรือเปล่า” เพราะว่าถ้าหากจะวางเดิมพันลงไปทั้งหมด นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการนำหยกราชางูไปเดิมพันด้วย อันอื่นยังพอว่า ถึงจะแพ้หมดตัวเธอก็สามารถสร้างตัวขึ้นมาได้ใหม่ แต่ถ้าหากแพ้หยกราชางูไปด้วย เธอจะไปหาหยกแบบนี้อีกสักก้อนได้จากที่ไหน


 


“เธอยืนกรานอยากจะเดิมพันกับคุณ เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่าจะช่วยคุณสักหน่อย เธอวางเดิมพันเป็นหุ้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่สิบห้าเปอร์เซนต์ ส่วนผมจะวางเดิมพันเป็นหุ้นของเหมืองเพชรสิบห้าเปอร์เซนต์” จ่านป๋ายพูดอย่างขมขื่น


 


“ฉันปฏิเสธไม่ได้เลยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ทำไมฉันต้องไปเดิมพันกับเธอด้วย ที่นี่เป็นงานประมูลของเธอ เธอเป็นคนจัดงาน ในเมื่อหินหยกก้อนนั้นของบริษัทหมิงเยว่จิวเวอรี่เธอยังสามารถเล่นสกปรกได้ แล้วถ้าหากภายในการเดิมพันหินใหญ่นี้เธอเล่นอะไรขึ้นมาอีก ฉันก็คงต้องแพ้จนก็ไม่เหลือเลย?”


 


“จินเหลียน นี่เป็นที่ของผม!” จ่านมู่ฮวาพูดอย่างชัดเจน “คลับหยกนี่เป็นของผม”


 


“ฉันรู้ แต่เธอเป็นผู้จัดงานของนิทรรศการหยกนะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “แถมถ้าเธอบอกว่าเดิมพัน เราก็ต้องเดิมพันน่ะเหรอ นี่วัดจากอะไรกัน?”


 


“จินเหลียน” ในขณะที่ทั้งสองคุยกันอยู่ จู่ๆ จ่านป๋ายก็พุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน


 


“เกิดอะไรขึ้น” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ


 


จ่านป๋ายไม่สนใจจ่านมู่ฮวา เข้าไปกระซิบข้างหูเธอไม่กี่ประโยค ซีเหมินจินเหลียนก็ขมวดคิ้วขึ้นและพยักหน้าตาม


 


“ได้ข่าวอะไรมาอีก” จ่านมู่ฮวาถามอย่างหมดอารมณ์


 


“ฉันไม่รู้ว่าระหว่างคุณกับคุณนายซูจะมีข้อตกลงอะไรกัน แต่ตอนนี้คุณสามารถไปบอกเธอได้เลยว่า การเดิมพันหินใหญ่ในวันพรุ่งนี้ฉันตกลงจะเดิมพันกับเธอ” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็พูดขึ้น


 


“หา?” จ่านมู่ฮวาไม่เข้าใจ ระหว่างเขาและคุณนายซูมีข้อตกลงกันจริงๆ แต่จากภาพรวมทั้งหมดเขาก็ทำเพื่อซีเหมินจินเหลียนทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นถึงพรุ่งนี้ซีเหมินจินเหลียนจะแพ้ แต่ก็แพ้ที่ธุรกิจที่บ้านของเขา บริษัทจินเหลียนของเธอไม่ได้เสียหายไปแม้แต่ปลายเล็บ


 


ซีเหมินจินเหลียนคิดไปมาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ถ้าหากวันพรุ่งนี้ฉันชนะ หุ้นบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่สิบห้าเปอร์เซนต์ทั้งหมดจะเป็นของคุณคนเดียวเท่านั้น เพราะว่าทรัพย์สินในการเดิมพันเป็นของคุณ ฉันเพียงแค่ช่วยคุณอยู่ด้านหลังเท่านั้น”


 


“ถ้าหากชนะจริง หุ้นก็แบ่งให้เท่ากันก็ได้ แต่ถ้าแพ้ผมจะเป็นคนแพ้เอง รับรองว่าจะไม่ทำให้คุณเสียหายแม้แต่น้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าคุณจะให้ผมทำอะไร” จ่านมู่ฮวามองไปที่จ่านป๋ายแล้วถามขึ้น เขาสามารถไม่ระวังตัวจากซีเหมินจินเหลียนได้แต่กลับจ่านป๋ายไม่ได้อย่างแน่นอน 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 115 หินแปลกจากคนประหลาด (2)

 

ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดไปมาแต่ก็ยังรู้สึกไม่เชื่อเขา พูดออกไปว่า “เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยพูดกันทีหลัง คุณจำไว้ว่าคุณเป็นหนี้บุญคุณฉันก็พอ” 


 


“เห็นได้ชัดว่าหากคุณชนะคุณก็ได้หุ้นของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ไปเต็มๆ ทำไมผมถึงติดหนี้บุญคุณคุณได้?” จ่านมู่ฮวาสีหน้าบอกบุญไม่รับ แล้วแกล้งทำเป็นท่าทางที่น่าสงสาร 


 


“บางทีฉันอาจจะทำให้คุณแพ้พวกเขาก็ได้!” ซีเหมินจินเหลียนอมยิ้ม การเดิมพันในวันพรุ่งนี้ เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี โดยเฉพาะการแก่งแย่งเดิมพันในงานหินใหญ่ที่น่าตื่นเต้นในวันนี้ เกรงว่าจุดประสงค์ของคนพวกนี้ไม่ได้อยากจะชนะเพื่อแก่งแย่งหินหยกก้อนนั้นมาจากคนอื่น และไม่น่าจะทำเพื่อเงินหนึ่งล้าน        ดูเหมือนว่ากำลังทดสอบพฤติกรรมอะไรอยู่! 


 


จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกว่า ทดสอบพฤติกรรมคำนี้ เมื่อถูกใช้ในที่แห่งนี้ก็เหมาะสมที่สุดแล้ว 


 


“ผมเชื่อว่าคุณไม่ทำให้ผมแพ้เขาหรอก แต่ผมก็ต้องทำเป็นคนตัวเล็กไว้ก่อนแล้วภายหลังค่อยยิ่งใหญ่” จ่านมู่ฮวาพูด “ถ้าหากเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ แม้ว่าจะต้องใช้ชีวิตของผม ผมก็จะไม่โทษใครทั้งนั้น แต่ถ้าหากเป็นเรื่องของจ่านมู่หรง ถึงแม้ตอนนี้ผมรับปากกับคุณ แต่ภายหลังอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้” 


 


“นายมันก็กลับกลอกเปลี่ยนไปมาได้เก่งจริงๆ” จ่านป๋ายยิ้มอยู่ข้างๆ ซีเหมินจินเหลียน “วางใจได้ นี่เป็นเรื่องของจินเหลียน ถ้าเป็นเรื่องฉัน ถึงตายฉันก็ไม่ขอร้องนายหรอก” 


 


“นี่เป็นการทำธุรกิจ” ซีเหมินจินเหลียนกะพริบตาปริบๆ พูดอย่างอ่อนโยน เรื่องของจ่านมู่ฮวาทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวผลประโยชน์เป็นหลัก เพราะฉะนั้นเธอจึงเน้นคำว่าธุรกิจสองคำนี้อย่างหนักแน่น ระหว่างเธอและเขา มีเพียงแค่เรื่องธุรกิจเท่านั้น แม้ว่าในการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้ สำหรับหมายเลขที่เธอวางเดิมพันไปจะชนะ แต่ท้ายที่สุดก็ยึดหลักข้อตกลงตั้งแต่ครั้งแรก ห้าต่อห้าแบ่งกัน เธอไม่อยากได้เงินของเขาแม้แต่น้อย อย่าพูดถึงเรื่องเงินนั่นให้คุณ ใช้ยังไงก็ได้ตามสบายเลย… 


 


จ่านมู่ฮวาถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้การวางเดิมพันในหินใหญ่จบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากคณะกรรมการตัดสินเริ่มพูดประโยคไร้สาระจบ ก็มาถึงช่วงสำคัญในการเจียระไนหิน 


 


การเดิมพันหินครั้งใหญ่คืนนี้ก็คึกคักมาก เพราะฉะนั้นมีเครื่องเจียระไนวางตามพื้นถึงยี่สิบสามเครื่อง เริ่มการเจียระไนในสถานที่กว้างใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าร่วม หรือคนที่มาดูความคึกคักทั้งหมดต่างมารวมตัวกัน 


 


ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายถูกเบียดเสียดท่ามกลางผู้คน ส่วนจ่านมู่ฮวาเพียงชั่วพริบตาเดียวก็หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา 


 


ผู้เชี่ยวชาญในการเจียระไนมีฝีมือที่ชำนาญคล่องตัว ไม่นานก็เจียระไนหินทั้งหมดออกมาได้ เป็นหินหยกสีเขียวอ่อนเนื้อน้ำแข็ง ที่ทำให้ผู้พบเห็นมองอย่างชื่นชมไม่หยุดหย่อน แถมยังเป็นชนิดเนื้อน้ำแข็งที่โปร่งใสน้อย คุณสมบัติถือว่าไม่ได้ย่ำแย่เลยทีเดียว 


 


ที่เหลือนั้นค่อนข้างธรรมดา เมื่อวางตรงกลางเวทีก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรไปกว่ากัน หินหยกหมายเลขยี่สิบที่ซีเหมินจินเหลียนสนใจ หรือที่จ่านป๋ายบอกว่า หยกสีแดงของคนญี่ปุ่นรายนั้นก็ถูกเจียระไนออกมาแล้ว 


 


สีของหยกแดงพอใช้ได้ แดงเข้มไปทางมืดหน่อย แต่ก็เป็นเนื้อแก้วที่ไม่เลว สีสันใสสะอาด ทำให้ผู้คนที่ชื่นชอบในหยกสีแดงแทบจะร้องไม่ออก กระทั่งบางคนเริ่มรู้สึกเสียดายว่าทำไมไม่วางเดิมพันไปที่หมายเลขยี่สิบ 


 


น่าจะเป็นความตั้งใจของคนญี่ปุ่น คนส่วนมากไม่ได้ให้ความสนใจไปที่หินหยกก้อนนี้ แม้กระทั่งอาจจะมีคนสนใจบ้าง แต่เพราะว่าเหตุผลในใจ ก็ไม่ยินยอมที่วางเดิมพันลงไปที่เขา 


 


ตามไปด้วยหินหยกหมายเลขเก้าก็ถูกเจียระไนออกมา สองมือของผู้เชี่ยวชาญเจียระไนหินหมายเลขเก้าสั่นไปหมด เขายกหินหยกไปวางไว้ที่ป้ายหมายเลขด้านล่าง ภายใต้แสงไฟ หยกสีน้ำเงินราวกับท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งใสสะอาด กะพริบวิบวับดูแวววาว 


 


ไม่มีโอกาสให้ผู้คนได้หายใจพักผ่อน หินหยกหมายเลขสิบเจ็ดก็มีแสงวิบวับเผยออกมาให้คนเห็นกลางงาน 


 


“สีเขียวจักรพรรดิ นี่เป็นสีเขียวจักรพรรดิในตำนาน!” ท่ามกลางผู้คน มีคนร้องเสียงหลงออกมา 


 


ถึงแม้จะเล่นหยก บางคนถึงแม้เล่นมาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถพบเจอสีเขียวจักรพรรดิจริงๆ สักก้อนหนึ่ง แต่ตอนนี้หินหยกสีเขียวจักรพรรดิก้อนนี้ วางอยู่บนโต๊ะตรงกลางในการเดิมพันหินใหญ่อย่างสูงตระหง่าน ให้ความรู้สึกถึงอำนาจพลังของราชาที่สูงส่ง 


 


 หยกสีน้ำเงินหมายเลขเก้าที่ไม่ยอมน้อยหน้าไปกว่ากัน มีแสงสีน้ำเงินสว่างใสส่องเข้าไปในดวงตา ภายใต้แสงไฟยิ่งสว่างเข้าไปอีก แม้ว่าสีของหยกสีแดงหมายเลขยี่สิบครั้งที่แล้วจะเป็นรอง แต่ก็ดึงดูดสายตาผู้คนให้ลุกวาว 


 


“จินเหลียน ไม่น่าเชื่อเลย พวกเราเดิมพันผิดไปแล้ว?” จ่านป๋ายยิ้มขมขื่น ตอนนี้ยังมีหินหยกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้เจียระไนออกมา แต่ก็ค่อยๆ ทยอยเผยหินลักษณะแปลกๆ ขึ้น เนื้อแก้วโบราณมีสามก้อน แม้แต่สีเขียวจักรพรรดิที่ไม่ได้เผยให้เห็นในทุกวันต่างปรากฏให้เห็นเลย 


 


 “ไม่ต้องรีบร้อน รอดูก่อนเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ไม่รู้ว่าคืนนี้ใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่” ในระหว่างที่พูดประโยคนี้ ในใจของเธอลึกๆ ยังหวาดกลัวจนเหงื่อตกกับเจียหยวนฮวาราชาแห่งนักเดิมพันหิน คืนนี้ขอแค่คณะกรรมการตัดสินลำเอียง เขาก็จะไม่เหลืออะไรเลย เสียดายหินหยกก้อนนั้นเหลือเกิน… 


 


“จินเหลียน คุณดูหินหยกหมายเลขยี่สิบเอ็ดสิ นั่นของเถ้าแก่โจว…” จู่ๆ จ่านป๋ายก็พูดขึ้น 


 


ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าขึ้นไปดู หินหยกหมายเลขยี่สิบเอ็ดมาจากร้านของเถ้าแก่โจว สีดั้งเดิมชนิดเนื้อแก้วโบราณ สีเหลืองน้ำมันไก่บวกกับสีแดงสด สีดูกลมกลืนกันอย่างความสามัคคี เพียงแต่สีแดงไม่ได้ดูโดดเด่น แต่หินหยกแบบนี้มาเผยตัวอยู่ที่การเดิมพันหินใหญ่ เกือบจะทำให้ทุกคนตกตะลึงจนร้องไม่ออก บางคนเริ่มถอนหายใจไม่หยุด ม้ามืดที่ขึ้นนำในคืนนี้ต้องเป็นหมายเลขยี่สิบเอ็ดอย่างไม่ต้องสงสัย 


 


แต่ถึงทั้งสองสีจะทำให้คนโปรดปรานมาก ทว่าสีเขียวจักรพรรดิและหยกสีน้ำเงินก็ทำให้คนอิจฉาไม่หยุด  แม้กระทั่งคณะกรรมการบางคนบนเวทีก็เริ่มกระซิบกระซาบเจรจาตกลงกัน เรื่องที่น่าแปลกเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน 


 


เดิมทีการเดิมพันหินใหญ่ แม้แต่เนื้อแก้วยังหายาก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เมื่อคืนมีหินแปลกประหลาดโผล่มา วันนี้ยิ่งมีสีสันยิ่งกว่า แถมยังเพี้ยนขึ้นไปเรื่อยๆ ดึงดูดใจขึ้นไปอยู่ต่อเนื่อง 


 


สีเขียวจักรพรรดิ หยกสีน้ำเงิน สีเหลืองแดงสองสี? หยกสีแดงมืดเข้มก้อนนั้นทำให้คนมองไม่วางตา 


 


“ดูนี่สิ สามสี ฮกลกซิ่ว…หมายเลขยี่สิบสาม!” ท่ามกลางผู้คนมีคนส่งเสียงตกใจขึ้น 


 


“จินเหลียน มีคนเจียระไนหยกฮกลกซิ่วออกมาได้ ในการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้ดูร้อนแรงมาก” จ่านป๋ายพูด 


 


ซีเหมินจินเหลียนจดจ้องไปที่หยกฮกลกซิ่วบนเวที หินหยกหมายเลขยี่สิบสาม ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก สามสีไม่ถือว่าสมดุลเท่ากัน สีกลับหาพบเจอได้ยาก ในนั้นมี…สีเหลือง แดง เขียว สีเขียวมีอัตราส่วนสองในสาม ส่วนสีเหลืองและสีแดงสองสีนี้กว้างเพียงหนึ่งนิ้วมือ ชนะขาดเรื่องสีสดใสสว่าง และยังเป็นชนิดเนื้อแก้ว 


 


“จินเหลียน สีนี้มีความสวยหยาดเยิ้มจริงๆ” จ่านป๋ายพูดขึ้น 


 


 ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า ความจริงสีนี้มันเยอะไป แค่มีความสดสวย แต่กลัวว่าคนส่วนมากไม่คิดอย่างนั้น ไม่นานก็พูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ฉันเจียระไนออกมาเป็นฮกลกซิ่ว สีกลมกลืนด้วยดี มีแดงเหลืองม่วง เป็นสามสีที่ล้ำค่าชนิดหนึ่ง” 


 


“เมื่อสักครู่ได้ยินคนพูดว่า คุณสามารถเปลี่ยนหินให้เป็นทองจริงๆ หือ! จินเหลียน หินหยกหมายเลขยี่สิบสองถูกเปิดออกมาแล้ว สีนี่มัน…” จ่านป๋ายจดจ้องไปที่หินหยกก้อนนั้นตรงกลางเวที ไม่นานก็พูดออกมา ส่วนผู้คนที่เหลือก็ตาค้างอ้าปากอย่างตกตะลึง  

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 116 เขียวน้ำเงินม่วงสามสี

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมาบางๆ ใช่แล้ว ถ้าหากจ่านป๋ายเอะใจว่าสีของหินหยกหมายเลขยี่สิบสามยังไม่สวยเพียบพร้อม ถ้าอย่างนั้นสีของหินหยกก้อนนี้ก็ต้องสวยกว่าแน่นอน 


 


นี่เป็นสีที่ดึงดูดใจอย่างแท้จริง แม้กระทั่งถ้าหากเป็นหินหยกสามสีแบบนี้ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกสงสัยว่าจะสามารถเป็นฮกลกซิ่วได้หรือเปล่า ประเพณีของจีนแต่โบราณ ฮกลกซิ่วเป็นตัวแทนของความร่ำรวยทั้งสามสี แน่นอนว่าต้องขอถึงความมั่นคงภูมิฐาน แต่สีสามสีสดใสนี้มันสดใสเกินไป 


 


ฮกลกซิ่วที่พบได้บ่อย โดยทั่วไปจะเป็นสีแดงเขียวม่วงสามสีนี้ หรือไม่ก็เป็นสีแดงเหลืองม่วง สีที่ร่ำรวยสามสี แต่แดงเหลืองเขียวก็ได้รับความนิยมมากเหมือนกัน 


 


แต่ตอนนี้หินหยกหมายเลขยี่สิบสองกลับเป็นสีเขียวน้ำเงินม่วง ด้านบนสุดขนาดเท่าหัวแม่มือ เป็นหยกสีเขียว ราวกับหญ้าอ่อนหลังฤดูใบไม้ผลิ สีสันสดใสสว่างผุดผ่อง ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา ถัดมาสีเขียวนี้ก็ค่อยๆ อ่อนลง น่าจะลึกประมาณหนึ่งคืบ สีน้ำเงินแสนใสบริสุทธิ์ก็สว่างขึ้นมา สีน้ำเงินโปร่งใส สีนี้เหมือนกับสีน้ำเงินของหยกก้อนนั้น สีน้ำเงินค่อยๆ จางลงด้วยความลึกหนึ่งคืบเช่นกัน แล้วจึงค่อยๆ ก่อตัวรวมกันเป็นพระอาทิตย์ตกในฤดูใบไม้ผลิ ส่วนที่เหลือเป็นสีม่วงเข้มดอกไลแลค… 


 


หยกสามสี คืนนี้มีถึงสามก้อน มีหินหยกในงานเปลี่ยนหินกลายเป็นทองที่เปิดเจียระไนออกมาก้อนนั้น ไหนจะหินหยกที่วางไว้ตรงกลางเวทีถึงสองก้อน เพียงแต่ในเวลานี้ในใจผู้ชมทุกคนต่างกำลังเปรียบเทียบว่าใครจะเป็นผู้ชนะในคืนนี้ 


 


“จินเหลียน สีนี้มัน…” จ่านป๋ายยิ้ม “หยกมีสีแบบนี้ด้วยเหรอครับ?” 


 


“เสน่ห์ของหยกอยู่ที่สีสันที่หลากหลาย” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ในเมื่อมีหยกสีน้ำเงิน ม่วงดอก        ไลแอคอยู่ ถ้าอย่างนั้นหยกพวกนี้จะรวมตัวกันก็ไม่ถือว่าหายาก ฉันยังเคยได้ยินมาว่ามีคนที่เคยเดิมพันหยกเจ็ดสีมาแล้ว” 


 


“เจ็ดสี?” จ่านป๋ายสูดหายใจ เจ็ดสีหรือ? นี่ก็อยากจะกำสายรุ้งไว้ในมือหรืออย่างไรกัน! 


 


“เพราอย่างนั้นตอนนี้คุณก็แค่เห็นหยกสามสีทั้งสองก้อนที่สีไม่เหมือนกันเท่านั้น ยังไม่น่าแปลกใจอะไรหรอก” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขึ้น แต่ในใจก็รู้สึกขมขื่น ถ้าหากเธอร่วมเดิมพันในงานหินใหญ่พรุ่งนี้ เธอจะต้องใช้หินหยกก้อนไหนมาร่วมงานกันถึงจะชนะได้อย่างขาดลอย? 


 


“จินเหลียน คุณดูคนนั้นสิครับ” จู่ๆ จ่านป๋ายกระซิบที่ข้างหูเธอ 


 


ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกไม่เข้าใจ เวลานี้ควรจะจับตามองไปที่หยกสิ คนจะมีอะไรน่าดูกัน? แต่เธอก็ยังหันมองไปตามสายตาของจ่านป๋าย 


 


คนคนนั้นก็แปลกจริงๆ คนที่เดิมพันหินส่วนใหญ่มักจะมีบริษัทของตนเอง ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงอาหารการกินหรือความเป็นอยู่เลยว่าจะดูดีขนาดไหน แต่การแต่งกายของคนคนนี้ ถ้าหากอยู่ที่ท้องถนนคงต้องคิดว่าเป็นขอทานเร่ร่อนแน่ๆ ผมเผ้าดูพะรุงพะรัง เสื้อผ้าเก่าที่เก่าครึ กำลังสูบบุหรี่ที่ไม่รู้ว่ายี่ห้ออะไร ผสมปนเปไปกับควันหมอกที่ไม่มีใครสักคนสูบ สายตามีความที่เยือกเย็นปรากฏให้เห็น 


 


อายุดูแล้วก็ไม่มาก น่าจะประมาณห้าสิบกลางๆ แต่ซีเหมินจินเหลียนเดาว่าอายุที่แท้จริงของเขาน่าจะน้อยกว่านี้สักหน่อย เพียงแต่ใบหน้าดูแก่กว่าวัยไปก็เท่านั้น 


 


“เขาก็คือเจ้าของหินหยกหมายเลขเก้า คืนนี้แพ้ราบคาบไปแล้ว” จ่านป๋ายพูด “น่าจะเดิมพันเป็นงานอดิเรก” ไม่สนว่าคืนนี้ผู้ชนะจะเป็นใคร แต่ยังไงหมายเลขเก้าก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ 


 


“หยกสีน้ำเงินก้อนนั้นราคาคงมหาศาลเลย น่าเสียดาย” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าตาม แต่เมื่อเห็นเจ้าของหินหยกหมายเลขเก้าแล้ว สมองของเธอคิดว่าคนคนนี้ เหมือนว่าเธอจะเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง ทำไมถึงคิดไม่ออกนะ? 


 


คนคนนั้นเหมือนจะรู้ว่าทั้งสองคนกำลังมองอยู่ เช่นนั้นก็หันมามองทางซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋าย จากนั้นเขาก็ฉีกยิ้มบางๆ มาให้พร้อมพยักหน้าให้ทั้งคู่เป็นการทักทาย 


 


ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างขออภัย เพราะว่าการที่มองเขาไปแบบนั้นเป็นลักษณะท่าทางที่ไม่มีมารยาท ก่อนจะรีบหันหน้ากลับมา 


 


บนเวที คณะกรรมการปรึกษากันอย่างลับๆ กำลังถกเถียงว่าใครจะเป็นผู้ชนะในวันนี้… 


 


ซีเหมินจินเหลียนถามจ่านป๋าย “คุณชอบหินหยกก้อนนั้นเหรอ” 


 


จ่านป๋ายมองไปที่หินหยกทั้งสองก้อนอยู่นาน ก่อนจะส่ายหน้าพูดขึ้น “ผมไม่รู้เหมือนกัน” หินหยกทั้งสองก้อนนี้เป็นหยกสามสีทั้งนั้น อีกทั้งสียังไม่ได้บริสุทธิ์มาก ถ้าหากคืนนี้ซีเหมินจินเหลียนใช้หินสามสีที่ได้มาจากงานเปลี่ยนหินเป็นทอง เธออาจจะมีทางที่จะชนะ แต่ว่าสีสามสีสองก้อนตอนนี้ ทำให้คนคิดหนักแล้ว  


 


คณะกรรมการตัดสินทั้งหมดเป็นสมาชิกที่สำคัญในสมาคมอัญมณี ในทุกวันก็ประเมินราคามาไม่น้อย แต่จะให้พวกเขามาตัดสินว่าหินหยกทั้งสองก้อนนี้ก้อนไหนดีกว่ากันมันก็ยากเกินจะรับไหว แถมสิ่งที่สำคัญก็คือถ้าหากวิเคราะห์ว่าฝ่ายไหนชนะ ก็ต้องถูกอีกฝ่ายตราหน้าด้วย คนพวกนี้จึงต้องรอบคอบให้ถี่ถ้วนกันทั้งนั้น ใครจะยอมโดนตราหน้าแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวกัน? 


 


ในขณะที่ทุกคนกำลังลำบากใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีชายวัยกลางคนที่แต่งกายธรรมดารีบเดินไปที่ตรงกลางเวทีและกระซิบที่ข้างหูอยู่หลายประโยค 


 


คณะกรรมการฟังแล้วก็พยักหน้าทันที รอให้ชายวัยกลางคนเดินลงไปแล้วรีบมาเจรจากันต่ออีกสักัพก เพียงไม่นานก็ได้ความคิดเห็นที่เห็นพ้องตรงกัน หนึ่งในนั้นคนตรงกลางยืนขึ้นมาและหยิบไมโครโฟนพูดขึ้นว่า “ทุกท่านครับ…” 


 


ผู้ชมต่างรู้ว่าคณะกรรมการได้สรุปผลออกมาแล้ว ก็เริ่มกลับมาดูอย่างตั้งใจอีกครั้ง แม้แต่หายใจแรงยังไม่กล้า 


 


“งานเดิมพันหินใหญ่คืนนี้ก็ตื่นเต้นท้าทายเป็นอย่างมาก เป็นโชคดีของผมแล้วที่ได้เห็นหินหยกชั้นดีถูกเจียระไนออกมากับตา แต่คิดไม่ถึงว่าคืนนี้จะมีหินหยกเนื้อแก้วสามสีปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน สร้างความลำบากให้กับผมในการตัดสินใจว่าก้อนไหนมีลักษณะที่ดีกว่า เพราะต่างเป็นเนื้อแก้วชนิดโบราณสามสี…” 


 


ผู้คนที่ได้ฟังก็พยักหน้าตาม คณะกรรมการค่อยๆ สูดลมหายใจและหันไปมองผู้ชมพร้อมพูดว่า “เมื่อสักครู่เจ้าของของหินหยกหมายเลขยี่สิบสามมาเจรจากับผม เขาขอสละอันดับหนึ่ง เขาขอเพียงแค่มีสิทธิ์เก็บหินหยกหมายเลขยี่สิบสามเอาไว้ ส่วนคืนนี้ผู้ชนะที่วางเดิมพันลงกับหมายเลขยี่สิบสามจะได้เงินคืนเต็มจำนวน” 


 


เมื่อคำพูดนี้ประกาศออกไปผู้คนต่างก็พากันซุบซิบ คิดไม่ถึงว่าเจ้าของหมายเลขยี่สิบสามจะยอมถอยจากการติดอันดับแรก อันดับในคืนนี้ไม่เพียงแต่ได้เงินสดหลักสิบล้าน แต่ยังได้หยกสีน้ำเงินชั้นดี หยกสีเขียวจักรพรรดิ และยังมีหยกสีแดง ไหนจะหยกสีแดงเหลืองสองสีอีก… 


 


หินหยกพวกนี้เมื่อรวมกันแล้วราคาประเมินค่าไม่ได้เลย 


 


 “ทุกท่านขอความกรุณาเงียบก่อนครับ!”คณะกรรมการถือไมโครโฟนแล้วพูด “เมื่อสักครู่พวกเราได้ปรึกษากันแล้ว เนื่องจากหยกหมายเลขยี่สิบสอง ตรงกลางมีเส้นหยกที่ซีดจาง ทำให้เป็นความขัดแย้งในสายตา หินหยกแบบนี้จากลักษณะแล้วไม่ถือว่าเป็นสามสี น่าจะเรียกว่าหลายสี แถมหินหยกหมายเลขยี่สิบสองยังมีความละเอียดอ่อนกว่า ข้อนี้ทำให้ชนะหินหยกหมายเลขยี่สิบสามไป เพราะฉะนั้นจึงได้ตัดสินออกมาแบบนี้ ผมว่ายุติธรรมที่สุดแล้ว” 


 


หินหยกหมายเลขยี่สิบสองมีความโปร่งแสงสูง และยังมีความโปร่งใสที่ละเอียดอ่อนไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบได้จริง ผู้ชมที่เหลือต่างไม่มีข้อคัดค้าน 


 


คณะกรรมการที่เหลือเห็นว่าไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ จึงประกาศว่า “ผู้ที่ติดอันดับแรกในคืนนี้ก็คือเจ้าของหินหยกหมายเลขยี่สิบสอง ราชาแห่งการเดิมพันหยก เจียหยวนฮวา!” 


 


เจียหยวนฮวาอยู่ในสายเดิมพันหยก ชื่อเสียงของเขากว้างขวาง เพราะอย่างนั้นผู้ชมเมื่อได้ยินเข้าก็ต่างปรบมือส่งเสียงดีใจ ส่วนเจียหยวนฮวายิ้มรับแสดงถึงความขอบคุณ 


 


จากนั้นมีผู้ดูแลคอยช่วยเจียหยวนฮวาจัดการรางวัลของเขา ย้ายไปที่รถที่เขาได้เตรียมการเอาไว้ แล้วตามไปกับเขา 


 


“พวกเราไปกันเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดกับจ่านป๋ายว่า “พวกเขาก็แยกย้ายกันหมดแล้ว” 


 


“พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีหยกที่ลักษณะสีสันดีกว่านี้อีกหรือเปล่า” จ่านป๋ายพูด 


 


 “พรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา วันนี้ดูคนอื่น พรุ่งนี้ก็ถึงตาที่คนอื่นจะดูเธอแล้ว ถ้าหากแพ้นั่นก็เท่ากับว่าทำให้จ่านมู่ฮวาแพ้ แต่จ่านมู่ฮวาคงจะไม่มีทรัพย์สินเท่านี้หรอกใช่นะ ตระกูลจ่านร่ำรวยโอ่อ่าขนาดนั้นหรือไงกัน? 


 


ซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋ายกลับมาถึงคฤหาสน์ของจินเหลียนได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น จ่านป๋ายขมวดคิ้ว “ป่านนี้แล้วยังมีใครมาอีก แล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านนี้เป็นอะไรไป?” 


 


“คงจะเป็นพี่ชายสุดที่รักของคุณน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์ที่จะพูด ตอนที่กลับเธอตั้งใจแยกตัวออกมาจากจ่านมู่ฮวา กลัวว่าเขาจะตามติดหนึบ แต่ไม่คิดว่าเขาจะมาหาถึงที่ คนคนนี้ก็ไม่รู้ว่าใช้วิธีไหนซื้อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปอีก ที่นี่ก็นับว่าเข้าออกสะดวกง่ายสบายสำหรับเขา  


 


คำที่คนชอบพูดกันบ่อยๆ ว่า มีเงินก็ทำอะไรได้ทุกอย่าง ถ้าหากมีเงินจริงๆ คงเสกทุกอย่างออกมาได้จริงๆ สินะ ซีเหมินจินเหลียนแอบพูดอยู่ในใจ ความจริงแล้วถึงจ่านมู่ฮวาจะซื้อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านไปก็คงไม่แปลก ดูจากครอบครัวของเขาแล้ว เขาก็น่าจะซื้อบ้านที่ย่านหลานกุ้ยไว้สักหลังแบบไม่ต้องคิดอะไร เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าออกได้อย่างตามสบาย  


 


จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็ทำได้แค่เปิดประตูไปดู เมื่อประตูเปิดออกเขาก็ต้องตกตะลึงขึ้นมา “คุณเป็นใคร คุณมาหาใคร?” 


 


“เสี่ยวป๋าย เกิดอะไรขึ้น” ซีเหมินจินเหลียนรีบเดินเข้าไปดู ก็เห็นว่าที่ประตูมีชายวัยกลางคนท่าทางเหมือนขอทานยืนนิ่งอยู่ภายใต้แสงไฟ 


 


“คุณเป็นใครคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างสงสัย คนนี้น่าจะเป็นเจ้าของหินหยกหมายเลขเก้า เพียงแต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้ สถานที่แห่งนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ จากการแต่งตัวของเขาแล้วน่าจะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้ามาสิ 


 


“ผมเป็นใครไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าผมมาหาคุณ” คนเร่ร่อนจดจ้องที่ซีเหมินจินเหลียน ในขณะที่พูดเขาก็ทำท่าจะเดินอ้อมจ่านป๋ายและเข้าไปในบ้าน… 


 


“นี่คุณ คุณบอกจุดประสงค์ที่มาที่นี่สักหน่อยเถอะ!” จ่านป๋ายห้ามเขาเอาไว้ คนคนนี้ดูอันตรายจริงๆ ประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจน ระวังไว้สักหน่อยจะดีกว่า 


 


“คุณ ผมเป็นนักเดิมพันหิน ไม่ใช่นักโทษ” คนเร่ร่อนจ้องไปที่จ่านป่ายและพูดอย่างราบเรียบ 


 


“วันนี้คุณแพ้อย่างราบคาบ ใครจะไปรู้ว่าคุณอาจจะมีความคิดที่อยากจะปล้นใครขึ้นมาก็ได้?” จ่านป๋ายแค่นเสียงพูดขึ้น 


 


 “ผมได้ยินมาว่าคุณซีเหมินจะเดิมพันกับคุณนายอวิ๋น เพราะอย่างนั้นผมก็อยากจะร่วมด้วย จึงตั้งใจมาร่วมมือกับเธอ ง่ายๆ แค่นี้” คนเร่ร่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา 


 


“เสี่ยวป๋าย ให้เขาเข้ามาเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็พูดกับจ่านป๋าย เวลานั้นเธอก็หันหลังเดินเข้าไปด้านใน  

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 117 ผมแซ่หนู

 

จ่านป๋ายได้ฟังซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ขัดขวางผู้ชายท่าทางเร่ร่อนคนนั้นอีก ทำได้แค่ให้เขาเข้ามา คนคนนั้นก็ไม่มีความเกรงใจ เดินพรวดพราดเข้ามาและหย่อนร่างนั่งลงไปที่โซฟาหนังแท้สีขาวบริสุทธิ์ของซีเหมินจินเหลียน ก่อนขมวดคิ้วมองไปที่จ่านป๋าย


 


ซีเหมินจินเหลียนยกชามาเสิร์ฟและนั่งลงข้างๆ จ่านป๋าย ก่อนถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าคุณจะให้ฉันเรียกคุณว่าอย่างไรดีคะ”


 


“ผมแซ่หนู หนูที่แปลว่าคนรับใช้” คนเร่ร่อนพูด


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเข้าก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา ส่วนจ่านป๋ายนั้นก็หัวเราะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


 


“แปลกตรงไหนกัน!” คนเร่ร่อนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คนแซ่หนู ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนรับใช้นี่?”


 


“ก็ใช่ครับ” จ่านป๋ายพยักหน้าหงึกหงัก เพียงแต่ในบรรดาแซ่ของคนจีนทั้งหลาย เหมือนว่าจะไม่มีแซ่หนูนะ “แล้วไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรือครับ”


 


“ชื่อหรือ?” ผู้เร่ร่อนยิ้มอย่างกลัดกลุ้มแล้วถอนหายใจพูดขึ้นว่า “เหมือนจะไม่ได้ใช้มานานแล้ว ถ้าหากคุณอยากรู้ ก็เรียกผมว่าเหลิ่งจี้เถอะ”


 


“หนูเหลิ่งจี้?” จ่านป๋ายขมวดคิ้วถาม


 


“ใช่” หนูเหลิ่งจี้พยักหน้า


 


นี่เป็นเรื่องแปลกแถมยังเป็นชื่อที่ดูเย็นชา เขาเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือเรื่องที่เธอและคุณนายซูนัดเดิมพันกันยังไม่ได้ประกาศออกไป แล้วเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?


 


“คุณหนูคะ เมื่อสักครูที่คุณพูดว่าการเดิมพันของฉันกับคุณนายซู?” ซีเหมินจินเหลียนหยั่งเชิงถามขึ้น


 


“คือคุณนายอวิ๋นท่านนั้น!” หนูเหลิ่งจี้เงียบไปอยู่ชั่วครู่ถึงพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าคุณซีเหมินจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของซูหงกับอวิ๋นหยินแล้วสินะ คนที่อยากจะเดิมพันหินกับคุณน่ะ ไม่ใช่คุณนายซูหรอก แต่เป็นคุณนายอวิ๋นจอมมารยานั่น”


 


“ค่ะ…แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มถาม “เรื่องที่สำคัญก็คือ คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรคะ”


 


“เพื่อนของคุณก็รู้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” หนูเหลิ่งจี้มองไปที่จ่านป๋ายแล้วยิ้มขึ้นมา


 


“ผม…” จ่านป๋ายนิ่งอึ้ง เขาก็แค่ติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบธรรมดาและระบบดักฟังไว้ เพื่อสะดวกในการเล่นเดิมพันใหญ่เท่านั้น นอกจากนี้เขายังได้ติดตามความประพฤติของจ่านมู่ฮวา ใครจะให้เขาหน้าด้านคอยตามจีบซีเหมินจินเหลียนอยู่ตลอดเวลาล่ะ


 


“หรือว่าคุณ…?” จ่านป๋ายหยั่งเชิงถาม


 


“ทำไมคุณไม่ถามล่ะว่าผมเข้ามาในบ้านที่มีระบบความปลอดภัยไม่เลวในหมู่บ้านนี้ได้อย่างไร?” หนูเหลิ่งจี้รู้สึกยิ้มอย่างได้ใจ


 


ซีเหมินจินเหลียนฟังแล้วก็เข้าใจขึ้นมาได้ทันที ตอนนั้นจ่านป๋ายไม่ใช่แค่เข้ามาในหมู่บ้าน แต่เขายังเข้ามาถึงในบ้านและนั่งบนโซฟาในบ้านเธอเพื่อรอเธอกลับมา เพราะอย่างนั้นคนคนนี้ก็คงมีความสามารถนี้เช่นกัน การที่แอบเข้ามาในหมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร


 


“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” ซีเหมินจินเหลียนพูด “แต่ที่คุณมาหาฉันดึกดื่นแบบนี้ คงไม่ใช่แค่มาบอกว่าคุณมีทักษะในการขโมยหรอกนะคะ?”


 


“แน่นอนว่าไม่ใช่” หนูเหลิ่งจี้คิดดูแล้วพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “คุณซีเหมินอยากชนะไหม”


 


“แน่นอนอยู่แล้ว” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า


 


 


 หนูเหลิ่งจี้พยักหน้าพูดขึ้นว่า “ความจริงแล้ว ถ้าหากจะให้ผมพูดแบบไม่รักษาน้ำใจคุณหน่อย การเดิมพันหินใหญ่พรุ่งนี้ โอกาสที่คุณจะชนะมีเพียงแค่ศูนย์”


 


“คุณมั่นใจได้ยังไง?” จ่านป๋ายเป็นคนแรกที่ไม่เชื่อ เขาเห็นถึงความความสามารถในการเดิมพันหินของซีเหมินจินเหลียนมากับตา เธอไม่น่าจะแพ้


 


หนูเหลิ่งจี้พยักหน้าแล้วพูดว่า “คุณไม่ต้องโกรธไป ผมไม่ได้ดูถูกแฟนของคุณ ความสามารถในการเดิมพันหินของซีเหมินจินเหลียนได้ปรากฏให้เห็นต่อหน้าทุกคนแล้ว ไม่อย่างนั้นดึกดื่นป่านนี้ผมคงไม่แอบย่องมาหาพวกคุณหรอก จริงไหม?”


 


“ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “คุณมีอะไรก็พูดออกมาเถอะค่ะ”


 


“การเดิมพันสายนี้ ในระหว่างคนก็มีพิธีเบิกเนตร เพียงแต่ช่วงหลายปีมานี้วิธีนี้ก็ถูกคนบอกว่าเป็นความเชื่อที่ไร้สาระ แต่ที่ผมรู้ความจริงแล้วการเบิกเนตรมีอยู่จริง แล้วคุณนายอวิ๋นท่านนั้นก็มีความสามารถพิเศษเรื่องการเบิกเนตรที่ลี้ลับ เธอสามารถดูผิวของหินหยกได้หมด…” หนูเหลิ่งจี้พูดต่อ


 


จ่านป๋ายสูดลมหายใจเข้า มองขาดเรื่องผิวหินหยก นั่นก็ถือว่าไม่พ่ายแพ้ต่อฟ้าดินแล้ว ถ้าอย่างนั้นซีเหมินจินเหลียนจะเดิมพันอะไรกับเธอในวันพรุ่งนี้ได้อีก คงต้องแพ้สักครั้งจริงๆ แล้ว ไอ้จ่านมู่ฮวา คนสมควรตายนั่น! ได้รู้บ้างหรือเปล่าว่าไปวางเดิมพันหนักอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วพรุ่งนี้พวกเขาจะทำอย่างไรดี?


 


แม้ว่าชื่อของซีเหมินจินเหลียนจะไม่มีอะไรที่เสียหาย แต่ในใจของจ่านป๋ายก็เข้าใจดี ขอเพียงซีเหมินจินเหลียนแพ้ในวันพรุ่งนี้สักครั้ง นั่นก็เท่ากับว่าในโลกอัญมณี บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ก็จะไม่มีที่ยืน ส่วนบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่คงต้องอาศัยจังหวะนี้โจมตีอย่างไม่รามือแน่


 


“ข้อมูลของคุณก็เชื่อถือได้เหรอ” จ่านป๋ายถามหยั่งเชิง


 


“ตอนนั้นผมก็แพ้แบบนี้ ผมแพ้แก่เธอทั้งหมด…” หนูเหลิ่งจี้พูดต่อ “ตอนนั้นผมยังวัยรุ่น แกร่งกล้าไม่กลัวอันตราย ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็เป็นแค่ผู้หญิง เพราะอย่างนั้นผมและเธอจึงเดิมพันกัน และผมก็แพ้ให้เธออย่างราบคาบ


 


“คุณแพ้เธอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ


 


 “ใช่ ผมแพ้เธอ ผมเป็นคนใช้เธอมาตั้งหลายปี สิบปีนี้ผมไม่รู้ว่าผ่านมาได้อย่างไร เธอเป็นปีศาจ เป็นนางผีร้าย…” หนูเหลิ่งจี้พูดถึงประโยคนี้ก็เริ่มดุดันขึ้นมาทันที แม้กระทั่งสีหน้ายังบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย


 


ตอนนี้ซีเหมินจินเหลียนก็เข้าใจได้ถึงความเป็นมาของแซ่หนู เดิมพันหินก็เดิมพันไปสิ ทำไมต้องเอาตัวเองไปวางเดิมพันด้วย? ไม่น่าเล่าในใจของเขาถึงได้มีความเกลียดแค้นอย่างหนักหนาแบบนี้


 


“ถ้าอย่างนั้นคุณมาที่นี่เพื่ออะไรกัน” จ่านป๋ายถามขึ้น


 


หนูเหลิ่งจี้เงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้น “ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อหวังว่าคุณซีเหมินจะยกเลิกการเดิมในวันพรุ่งนี้ อย่าได้ไปเดิมพันกับนางปีศาจนั่นเลย นอกจากนี้ผมก็อยากจะมาถามว่าคุณซีเหมินจะสามารถพาผมไปพบราชาหูสักหน่อยได้ไหม”


 


“ราชาหู?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย ราชาหู? หรือเขาจะหมายถึงราชาเสือ[1]! เธอไม่เคยรู้จักคนคนนี้สักหน่อย


 


“ผมหมายถึงอาจารย์ของเจียหยวนฮวา” หนูเหลิ่งจี้อธิบาย “ผมอยากจะฝากตัวเป็นศิษย์กับเขา”


 


“ฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้อาวุโสหูอยู่ที่ไหน” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น “อีกอย่างถ้าคุณอยากจะฝากตัวเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสหู คุณก็น่าจะไปหาคุณเจียเพื่อให้เขาพาไปเจอสินะ คุณจะมาหาฉันเพื่ออะไรกัน?”


 


หนูเหลิ่งจี้มีความประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานก็พูดขึ้น “ลักษณะของคุณกับคุณนายปีศาจอวิ๋นนั่นคล้ายกันมาก แต่คุณไม่ใช่คนของตระกูลอวิ๋น แล้วทำไมถึงจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับราชาหูล่ะ?”


 


“คุณพูดอะไรคะ ฉันฟังไม่เข้าใจ?” ซีเหมินจินเหลียนสับสน ผู้อาวุโสที่แปลกประหลาดนั่น เธอและเขามีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันอย่างนั้นเหรอ? ความสัมพันธ์ที่ห่างไกลของทั้งสองคนจะมาเชื่อมกันได้อย่างไร


 


“ปีศาจอวิ๋นมีพี่สาวชื่อว่าอวิ๋นฮวา ตอนนั้นเธอแต่งงานกับราชาหู” หนูเหลิ่งจี้พูด “คุณซีเหมินจินเหลียนคุณก็ไม่รู้เหรอ?”


 


“อวิ๋นฮวา? ฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า เธอก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนจริงๆ


 


“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?” หนูเหลิ่งจี้มีท่าทีคาดไม่ถึง “คุณไม่ใช่ทายาทของราชาหูหรือ?”


 


“ฉันเพิ่งรู้จักผู้อาวุโสหูตอนที่ไปเมืองเจียหยาง ฉันกับเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน” ซีเหมินจินเหลียนฝืนยิ้มออกมา “แต่ก็ขอบคุณสำหรับความตั้งใจดีที่คิดแทนฉันนะคะ เพียงแต่ฉันไม่ได้สนิทอะไรกับผู้อาวุโสหู”


 


“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงได้มีหน้าตาละหม้ายคล้ายกับนางปีศาจอวิ๋นนั่น?” หนูเหลิ่งหม้อมองหน้าซีเหมินจินเหลียนอย่างนิ่งงัน สติเลื่อนลอยไปไกล คิดไปว่า นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด


 


“ผู้อาวุโส ลักษณะหน้าตาของของมนุษย์เราก็มีความคล้ายคลึงกันตั้งมากตั้งมาย บางทีคุณอาจจะเข้าใจผิดก็ได้!” ในใจของจ่านป๋ายมีแต่ความสงสัยไม่หยุด แต่ในเมื่อซีเหมินจินเหลียนปฏิเสธ เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ


 


           “คงจะเป็นอย่างนั้น” หนูเหลิ่งจี้ได้ยินเช่นนั้น แม้ว่าจะมีท่าทางกังวลสิ้นสติ แต่ไม่นานก็พูดขึ้น “แล้วผมจะไปไหว้ราชาหูได้อย่างไร หรือว่าแม้แต่โอกาสสักนิดก็ไม่เหลือเลย?”


 


จ่านป๋ายพูด “ผู้อาวุโสคนนั้นนิสัยแปลกประหลาด ไปไหว้เป็นศิษย์ของเขาก็เกรงว่าคงไม่มีเรื่องดีอะไรหรอก”


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็คิดถึงท่าทางที่แปลกพิลึกของผู้อาวุโสหู ไม่นานก็ยิ้มขึ้น ความจริงถ้าหากหนูเหลิ่งจี้ไปเป็นศิษย์เขา ก็เหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นจริงๆ


 


“จริงสิ คุณก็ลองไปหาคุณเจีย ราชาแห่งนักเดิมพันหยกคนนั้นดูสิคะ บางทีเขาน่าจะมีวิธี ฉันก็ช่วยคุณไม่ได้จริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างอ่อนโยน


 


“อืม…” หนูเหลิ่งจี้ยอมรับท่าทีปฏิเสธของเธอ


 


“ทำไมป่านนี้แล้วยังมีคนมาอีก?” ซีเหมินจินเหลียนเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งที่ประตูแล้วก็พูดขึ้น “เสี่ยวป๋าย คุณไปดูสิว่าเป็นพี่ชายที่พึ่งพาไม่ได้ของคุณคนนั้นหรือเปล่า ครั้งนี้เขาก็ขุดหลุมฝังฉันแล้ว คุณนายอวิ๋นคนนั้น คิดไม่ถึงว่าจะเข้าใจการเบิกเนตรด้วย”


 


ความจริงแล้วก็ไม่ต้องให้เธอพูด จ่านป๋ายก็ลุกยืนขึ้นเรียบร้อยเพื่อเดินไปดูที่หน้าประตู “จินเหลียน ผู้อาวุโสเจียครับ…” พูดพลาง เขาก็เปิดประตูและให้ผู้อาวุโสเจียเข้ามา


 


“คุณจ่าน ช่วยออกมาหน่อย อายุผมปูนนี้แล้วย้ายไม่ไหวหรอก!” เจียหยวนฮวาพูด


 


“ของอะไรกัน ทำไมถึงใหญ่ขนาดนี้?” จ่านป๋ายพูดพลางและเดินเข้าไปขนย้ายของ


 


“ก็พวกหินเหลือใช้ที่เอามาให้คุณจินเหลียนประดับสวนน่ะสิ” เจียหยวนฮวาเมื่อเห็นว่าในบ้านซีเหมินจินเหลียนมีแขกเลยรีบพูดจาเฉไฉ


 


แต่ในใจของจ่านป๋ายก็เข้าใจเป็นอย่างดี หินที่เหลือใช้ก็คือหินหยกทั้งหมดสินะ?


 


“คุณเจีย คุณทำอะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนเห็นสองคนยกกล่องเข้ามาก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ


 


“เป็นความตั้งใจของผู้มีพระคุณน่ะ ผมก็แค่ทำตามเท่านั้น แต่วันนี้น่าสมเพชนัก เกือบจะทำให้ผู้มีพระคุณเสียหน้าแล้ว!” เจียหยวนฮวาพูดอย่างขมขื่น “คุณจินเหลียน เวลานี้คุณยังมีแขกอีกเหรอ?”


 


“เขาอยากจะมาหาอาจารย์ของคุณเพื่อเป็นศิษย์น่ะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณหนู คุณมานี่สิคะ ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จัก ท่านนี้คือคุณเจียหยวนฮวาฉายาราชาแห่งนักเดิมพันหยก เขาก็เป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสหู ถ้าหากคุณอยากจะเป็นลูกศิษย์ในสำนักเดียวกับเขา ก็ให้เขาแนะนำคุณสิ เพราะฉันไม่มีความสามารถอะไรจริงๆ”


 


“คุณจินเหลียน คุณอย่าพูดล้อเล่นสิ ถ้าอาจารย์ผมรู้เขา คนแก่อย่างเขาคงหาเรื่องบ่นผมหูชาแน่” เจียหยวนฮวาได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไป ก่อนพูดขึ้นว่า “ผมคงไม่กล้าแนะนำใครให้เขาเป็นศิษย์อาจารย์หรอก เขา…นิสัยของเขาน่ะ ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่รู้นี่?” ในขณะที่เขาพูดก็อดไม่ได้ที่จะกวาดทั้งสองสายตาไปมองที่หนูเหลิ่งจี้ ก่อนจะขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “เขาเป็นใคร?” ทำไมคนๆ นี้ถึงดูเหมือนคนเร่ร่อน


 


“เจ้าของหมายเลขเก้าของการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้อย่างไรครับ” จ่านป๋ายพูด


 


“อ้อ ที่แท้ก็เป็นเพื่อนร่วมสายงาน” เจียหยวนฮวาพูดและไม่นานหันไปคุยกับหนูเหลิ่งจี้ “สายตาในการเดิมพันหินของคุณก็ไม่ได้แย่เลย ทำไมถึงอยากจะหาครูล่ะ? นิสัยของผู้มีพระคุณก็แปลกประหลาด จนผมขยาดยิ่งนัก!”


 


 


[1] เสือ คำว่าเสือและคำว่าแซ่หู ในภาษาจีนเป็นคำพ้องเสียงกัน 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 118 ตำนานเทพที่ไม่เคยพ่ายแพ้

 

หนูเหลิ่งจี้มองไปที่เจียหยวนฮวาเป็นเวลานานถึงเริ่มพูด “คุณเจีย ยี่สิบปีก่อนที่พม่า คิดไม่ถึงว่าคุณจะจำผมไม่ได้แล้ว?”


 


“คุณ…” เจียหยวนฮวาได้ยินเช่นนั้นก็จดจ้องไปที่หนูเหลิ่งจี้อย่างเงียบงันอยู่ไม่นาน คลับคล้ายคลับคลาว่าหน้าคุ้นๆ ทันใดนั้นในใจของเขาก็นึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา “คุณคือ…คุณเหลิ่ง?”


 


หนูเหลิ่งจี้พยักหน้า แล้วก็นั่งลงที่โซฟาถึงค่อยพูดขึ้นมาว่า “ผมกลัวว่าคุณผู้หญิงคนนี้จะไปเหยียบซ้ำรอยเก่าเหมือนผมตอนนั้น เพราะฉะนั้นเลยตั้งใจมาเตือนให้เธอยอมเสียหน้า ดีกว่าไปเดิมพันกับผู้หญิงปีศาจอย่างคุณนายอวิ๋น”


 


“คุณเหลิ่ง ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ได้?” เจียหยวนฮวาพูดพลาง ในขณะนั้นก็นั่งลงบนโซฟาและถอนหายใจ “คิดถึงตอนนั้น คุณมีแต่ความสามารถแต่ไร้ซึ่งมารยาท ทำให้ผมได้แต่รอคอยวันที่คุณจะตกต่ำลง!”


 


“นั่นไม่ใช่เพราะว่าคุณนายอวิ๋นปีศาจนั่นเหรอ?” เหลิ่งจี้ส่ายหัวและหยิบบุหรี่มามวนหนึ่งส่งไปให้         เจียหยวนฮวา จากนั้นอีกหนึ่งมวนให้จ่านป๋าย จ่านป๋ายส่ายหน้า เพราะซีเหมินจินเหลียนเกลียดกลิ่นควันบุหรี่


 


เหลิ่งจี้เห็นเขาไม่รับก็หันไปมองซีเหมินจินเหลียนแวบหนึ่ง แต่ก็ยังคงหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดไฟและสูดเข้าไปเต็มปอด เมื่อควันพ่นออกมาถึงพูดว่า “หลายปีมานี้ผมมีชีวิตอยู่ก็เหมือนกับตาย ถูกเธอทรมานร่างกายและจิตใจ…สิบปีเต็มๆ เธอถึงได้ปล่อยผมออกมา จากนั้นผมไปพม่าและไปขลุกอยู่ที่เหมืองแร่หินตั้งหลายปี อยากจะอาศัยการดูให้มาก การฝึกฝนที่บ่อยครั้งถึงจะทำให้บรรลุ แต่ระยะความแตกต่างระหว่างผมกับเธอมากเกินไป การเดิมพันสายนี้เลยไม่มีอาจารย์มาคอยชี้แนะ ผมเลยไม่มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นมาก เลยอาศัยโอกาสในงานนิทรรศการหยกนำหินหยกเข้ามา…เพื่อที่จะหาช่องทาง!”


 


 “ตอนนั้นผู้มีพระคุณมีความตั้งใจที่จะรับคุณเป็นศิษย์ แต่คุณกลับปฏิเสธเขา!” เจียหยวนฮวาพูด “ตอนนี้ก็คงยากแล้ว”


 


เหลิ่งจี้พยักหน้าพูด “ตอนนั้นผมยังวัยรุ่นไม่รู้ประสีประสา ไม่ได้ฟังคำพูดที่ปรารถนาดีของราชาหู ทำให้มีจุดจบเหมือนตอนนี้ ผมก็ไม่โทษใคร เพราะผมเป็นคนก่อเรื่องผมก็ต้องชดใช้เอง แต่ขอแค่คุณเจียยินยอมแนะนำผมสักนิดหน่อย ผมก็ขอบคุณมากแล้ว” พูดพลาง เขาก็ยืนขึ้นมายอมคุกเข่าต่อหน้าเจียหยวนฮวา


 


“คุณเหลิ่ง…คุณเหลิ่ง…” เจียหยวนฮวามือไม้สั่นไปหมดรีบลุกขึ้นยืนและจูงมือเหลิ่งจี้พร้อมพูด “คุณขึ้นมาก่อนเถอะ เรื่องนี้ผมต้องลองถามผู้มีพระคุณก่อน”


 


เหลิ้งจี้ได้ฟังคำพูดของเจียหยวนฮวาที่หลุดออกมาอย่างไม่คัดค้าน ในที่สุดก็หายใจได้ อย่างปกติพร้อมพยักหน้าพูด “ขอบคุณมากครับ!”


 


เจียหยวนฮวารีบพยุงเหลิ่งจี้ขึ้นมา และสายตาก็หันไปหาซีเหมินจินเหลียน ในใจได้แต่คิดว่าเหลิ่งจี้คนนี้มาขอร้องผิดคนแล้ว ขอใครไม่ขอ มาขอร้องให้เขาช่วยเนี่ยนะ? จะมีประโยชน์อะไรกัน


 


ซีเหมินจินเหลียนยิ้มพูด “ผู้อาวุโสเจียตามสบายเลยค่ะ”


 


ผู้อาวุโสเจียคว้ามือถือขึ้นมาต่อสายไปที่เบอร์หนึ่ง ไม่นานก็มีเสียงของผู้อาวุโสหูส่งเข้ามาในปลายสาย “มีอะไร หรือว่าแกแพ้แล้ว?”


 


“ไม่ใช่ครับ!” เจียหยวนฮวาพูด “ผู้มีพระคุณ คือเรื่องเป็นแบบนี้…”


 


“มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันก็ยุ่งมาก แกก็รู้นี่?” เสียงของผู้อาวุโสหูลอดผ่านออกมาจากเสียงในมือถือ ซีเหมินจินเหลียนกล้ารับรองว่ามือถือของเจียหยวนฮวาเปิดลำโพง ไม่เช่นนั้นเสียงคงไม่น่าจะดังขนาดนี้


 


“มีคนอยากจะฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านครับ” เจียหยวนฮวาพูดโพล่งออกไป แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเขาเป็นใคร แล้วทำไมอยากจะเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสหู


 


“ผู้ชายหรือผู้หญิง” ผู้อาวุโสถาม


 


“ผู้ชายครับ!” เจียหยวนฮวาพูด


 


“ผู้ชายเหรอ? อายุเท่าไหร่ หน้าตาดีหรือเปล่า ชอบจินเหลียนของฉันหรือเปล่า ไม่ใช่สิ แม่ของเขาชอบจินเหลียนที่ทรัพย์สินเยอะหรือเปล่า นี่ก็ไม่รู้ว่าแม่ของเขาชอบในตัวจินเหลียนหรือว่าชอบหยกกันแน่ ถามอย่างนี้ล่ะกัน จินเหลียนของฉันสนใจเขาไหม” ผู้อาวุโสส่งเสียงที่เชื่อถือไม่ได้ผ่านเข้ามา


 


ซีเหมินจินเหลียนเดิมทีที่กำลังดื่มน้ำ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พ่นน้ำออกมาเป็นสาย ส่วนสีหน้าของจ่านป๋ายกระอักกระอ่วน ดูเย็นชาไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือร้องไห้ดี นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?


 


“ผู้มีพระคุณ เขาอายุน้อยกว่าศิษย์นิดหน่อย” เจียหยวนฮวาตั้งใจเน้นคำพูด


 


“สมองแกมีปัญหาหรือไง?” ผู้อาวุโสด่า “ลุงอายุเท่าๆ กับแก จินเหลียนของฉันจะชอบได้ยังไง อืม…ไม่ใช่สิ หรือว่าซีเหมินจินเหลียนไม่ชอบคนหล่อ ชอบแบบแนวลุง? ฉันให้แกคอยเฝ้าดูไม่ใช่เหรอ ให้ช่วยหาผู้ชายดูโดดเด่นมีคุณธรรมเพียบพร้อมมาให้ซีเหมินจินเหลียนของฉัน ไม่ใช่หาลุงแก่ๆ แปลกๆ คนหนึ่ง…”


 


ซีเหมินจินเหลียนทนฟังไม่ได้ นี่มันเรื่องบ้าบออะไร? เธอกับเขาไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันสักหน่อย จากนั้นก็ทำมือสื่อเป็นนัยให้กับเจียหยวนฮวาบอกให้เขาส่งมือถือมาให้เธอ เจียหยวนฮวาถูกด่าจนทำตัวไม่ถูก รีบนำมือถือส่งไปให้ซีเหมินจินเหลียน


 


“ผู้อาวุโสหูคะ…” ซีเหมินจินเหลียนตะโกนเสียงใส


 


“จินเหลียน คุณก็อยู่ด้วยเหรอ…” เสียงผู้อาวุโสหูเห็นได้ชัดว่าทำตัวไม่ถูก คิดไม่ถึงว่าซีเหมินจินเหลียนจะอยู่ด้วย


 


“ฉันเองค่ะ คุณหู คุณจะรับศิษย์ของคุณแล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืน


 


“ทำไมจะไม่เกี่ยวกันล่ะ” เสียงปลายสายของผู้อาวุโส ไม่รู้ว่าบ่นพึมพำอะไรหลายประโยค แต่ว่าไม่มีใครฟังได้ชัด “คุณยอมรับผมเป็นปู่แล้วจะมาเสียใจภายหลังไม่ได้นะ”


 


“ฉันรับคุณเป็นปู่ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ เหมือนเรื่องนี้เขาจะคิดไปเองคนเดียวต่างหาก


 


“ทุเรียนของผมคุณก็รับไปแล้ว…” ผู้อาวุโสหูหัวเราะ “คุณจะเพิกเฉยไม่ได้นะ”


 


ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ทุเรียนกองนั้นทำให้เขามีหน้ามาพูดขี้โม้ขนาดนั้นเชี่ยวเหรอ?


 


“จินเหลียน เรียกคุณปู่ให้ฟังหน่อย คุณแอบบอกผมหน่อยว่าคนที่จะมาเคารพผมเป็นครูเป็นอย่างไรบ้าง” ผู้อาวุโสหัวเราะน้อยๆ


 


“ก็แค่คุณลุงแปลกๆ คนหนึ่ง แถมดูเหมือนคนเร่ร่อน” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างหมดอารมณ์ พูดพลางอดที่จะหันไปมองเหลิ่งจี้ไม่ได้ สีหน้าของเหลิ่งจี้ก็เก้อกัง เดิมทีอุส่าเตรียมคำพูดหนักแน่นมาไว้อย่างดี เพื่อที่จะทำให้เขาประทับใจเวลาจะกราบไหว้เป็นครู แต่เวลานี้สักประโยคก็พูดไม่ออก


 


“ลุงที่เร่ร่อนแถมยังประหลาด?” น้ำเสียงของผู้อาวุโสหูขึ้นสูงไม่น้อย “จินเหลียน เรื่องอื่นไม่เป็นไรหรอก แต่ลุงแปลกประหลาดเอามาไม่ได้ คุณต้องหาชายหน้าตาดีสิ จ่านป๋ายก็ไม่เลว ถึงแม้หน้าตายังสู้หลินเสวียนหลานไม่ได้ แต่ผู้ชายคนนั้นสายตามีแต่หยก จินเหลียนอย่าได้เสียทั้งหยกและตัวเองไปให้ใครนะ…”


 


ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าตนกับเขาไม่ได้คุยเรื่องเดียวกัน ปัญหาในการสื่อสารที่ยิ่งใหญ่คือผู้อาวุโสท่านนี้มีความมั่นหน้าและเชื่อมั่นในคำพูดของตัวเองสูงมาก เพียงไม่นานก็ส่งมือถือไปให้เจียหยวนฮวา เจียหยวนฮวาพูดว่า “ผู้มีพระคุณ คุณยังจำ…เรื่องที่พม่าเมื่อยี่สิบปีก่อนได้ไหม?”


 


“โอเคๆ ฉันไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับแกแล้ว และไม่มีเวลามารับใครเป็นศิษย์ แกจัดการเองแล้วกัน หรือไม่ก็รอฉันว่างก่อนค่อยว่ากัน ถ้าไม่มีอะไรฉันจะวางแล้ว!” ผู้อาวุโสหูทำท่าจะวาง


 


“ผู้มีพระคุณ คุณนายอวิ๋นนัดเดิมพันกับคุณจินเหลียน…” จู่ๆ เจียหยวนฮวาก็พูดขึ้น แต่เสียงในโทรศัพท์กลับตอบรับกลับมาว่า “ตู๊ดๆๆ”


 


“เรื่องนี้…” เจียหยวนฮวามองไปที่เหลิ่งจี้และพูดอย่างเกรงใจ “คุณเหลิ่ง เรื่องนี้คุณคงต้องรอเจอกับผู้มีพระคุณแล้วค่อยพูดเองอีกรอบเถอะ ไม่อย่างนั้นคุณก็ให้เบอร์ผมเอาไว้ดีไหม”


 


 เหลิ่งจี้ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ราชาหูก็มีนิสัยอย่างนี้หรือ? เมื่อยี่สิบปีก่อนเขาไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้นี่ ใบหน้าตายด้าน ราวกับภรรยาเสียลูกไปอย่างนั้น


 


 “งั้นเจอกันคืนพรุ่งนี้ครับ ผมไปซื้อมือถือก่อน” เหลิ่งจี้พูดขึ้น “คุณจินเหลียน ถ้าเป็นไปได้คุณก็อย่าไปเดิมพันกับนางปีศาจอวิ๋นนั่น ยอมเก็บความโกรธเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยสงบสุขถึงสำคัญ!” พูดและกล่าวลาออกไป


 


“โอเคค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม จ่านป๋ายส่งเขากลับไปและปิดประตูเข้ามาพูดว่า “นี่ไม่เห็นมีเรื่องอะไรเลย”


 


“นั่นเป็นความตั้งใจดีของเขา เพราะคุณนายอวิ๋นแข็งแกร่งเก่งเกินไป เธอเป็นคนในสายเดิมพันหินที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร” เจียหยวนฮวาพูด


 


 ซีเหมินจินเหลียนก้มหน้าก้มตาไม่พูดจา มีหลักการเบิกเนตรจริงด้วยเหรอ? หรือว่าเธอจะสามารถมองขาดได้หมด? ถ้าหากเธอสามารถดูลักษณะของหินข้างในได้ การเดิมพันพรุ่งนี้เธอคงจะเตรียมอะไรไว้แน่ โอกาสแพ้คงมีสูงมาก แต่ว่าเธอจะถอยหรือ? เธอจะกลับคำได้อย่างไรกัน


 


ถึงแม้จะหลีกเลี่ยงตอนนี้ แต่เธอก็สามารถเลี่ยงไปได้ตลอดชีวิตหรือ? เรื่องบางเรื่องขอแค่กล้าเผชิญหน้า บางทีการเดิมพันนี้ก็ไม่ใช่เพื่อหาเงินง่ายๆ เท่านั้น


 


“คุณจินเหลียน พรุ่งนี้คุณจะเดิมพันกับเธอจริงๆ เหรอ” เจียหยวนฮวาถาม


 


“ฉันก็ไม่อยากหรอกค่ะ เพียงแต่เรื่องบางเรื่องก็จำเป็นต้องเผชิญหน้ารับมัน!” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น “ถึงแม้พรุ่งนี้ฉันจะไม่เดิมพัน แต่ภายหลังเธอก็คงต้องมาหาเรื่องฉันอีก”


 


“คุณมั่นใจขนาดไหน?” เจียหยวนฮวาถามอย่างห่วงใย


 


“ฉันไม่มั่นใจเลยสักนิด” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “การเดิมพันหินนี้ ใครจะสามารถมั่นใจได้?”


 


“ในเมื่อจะเดิมพัน พวกเราก็ต้องวางแผนกันก่อน” เจียหยวนฮวาขมวดคิ้ว “พรุ่งนี้บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่คงจะเหมือนวันนี้ที่แยกกัน ใช้หินหยกมากมายไปร่วมเล่น พรุ่งนี้พวกเราก็ควรเล่นดู… คุณจินเหลียน ในมือคุณมีหินหยกที่ดูลักษณะดีบ้างไหม”


 


“มีค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า สนใจแค่ลักษณะดี แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเอาหินหยกอะไรมาเข้าร่วม? นี่เป็นปัญหาที่ทำให้เธอปวดหัว ขอแค่ยืนยันว่าหินหยกฝั่งตรงข้ามมีลักษณะเป็นเช่นไร เธอก็สามารถเชื่อมั่นได้ว่าตนจะชนะได้หรือไม่


 


หินหยกผิวสีทรายอีกาดำนั่น ลักษณะพื้นผิวไม่เลว แต่ก็ไม่แน่ว่าหินหยกบนโลกนี้จะชนะมันไม่ได้


 


“ผู้มีพระคุณยังมีหินหยกสองก้อนอยู่ในมือผม พรุ่งนี้ตอนเช้าผมจะส่งมาให้คุณลองสัมผัสตรวจสอบดูว่าลักษณะเป็นเช่นไร ถ้าดีผมจะได้นำมันไปร่วมเป็นชื่อบริษัทของคุณ นำไปเข้าร่วมให้เยอะ โอกาสการชนะจะได้สูงหน่อย” เจียหยวนฮวาพูด ความจริงการเดิมพันหินใหญ่นี้มีกติกาไว้ว่าหนึ่งคนสามารถนำหินหยกก้อนหนึ่งมาร่วมเดิมพันเท่านั้น


 


แต่เหมือนว่าวันนี้บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะเป็นคนทำลายกฎนี้เอง ดูเหมือนว่าคุณนายอวิ๋นจะมาเข้าร่วมเพราะบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ ในเมื่อพวกเขาทำอย่างนี้ได้ เจียหยวนฮวาคิดว่าวิธีการทำอย่างนี้ไม่ได้มีอะไรที่ไม่เหมาะสม 

 

 


ส่วนที่ 4

 

ตอนที่ 119 วางหมาก

 

ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดอยู่นานจึงพยักหน้า “ก็ดีค่ะ รบกวนผู้อาวุโสเจียแล้ว”


 


“คุณจินเหลียนเกรงใจไปแล้ว ความจริงความต้องการของผู้มีพระคุณก็คือ พรุ่งนี้ให้ผมนำหินหยกไปเดิมพันต่อ จากนั้นก็ให้ผมกวาดหยกหลากหลายสีมา ฮะๆ…” เจียหยวนฮวาพูด        


 


 “ผู้อาวุโสหูเป็นคนที่…น่าสนใจจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนพูด ความจริงเธอหาคำมานิยามความแปลกของผู้อาวุโสหูท่านนี้ไม่ได้เลย ราวกับเขารับเธอเป็นหลานไปแล้ว โดยไม่สนว่าเธอยินยอมหรือไม่


 


“ผู้อาวุโสหูอยากจะกวาดหยกไปทำอะไรกัน?” จ่านป๋ายตั้งใจถาม “เขาก็ไม่ได้เปิดบริษัทอัญมณีไม่ใช่เหรอ ผมรู้สึกว่าเขาดูเหมือนไม่ได้มีความหลงใหลหยกเป็นงานอดิเรกสักหน่อย?”


 


“เขาไม่ได้เปิดบริษัทอัญมณี แต่คุณจินเหลียนต้องการเปิดนี่ครับ เพราะอย่างนั้น…” เจียหยวนฮวาสื่อไปทางกล่องใหญ่นั่นแล้วยิ้ม “การหาหินหยกให้คุณจินเหลียนจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ”


 


ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “เขาอยากจะให้ฉันเป็นหลานสาวจริงๆ เหรอเนี่ย?”


 


“คุณจินเหลียน ผู้มีพระคุณท่านไม่มีลูกหลาน อีกอย่างผมก็เห็นว่าเขาชอบคุณมาก คุณก็ลองตอบตกลงเขาเรื่องนั้นเถอะครับ” เจียหยวนฮวาถอนหายใจพูด “หลังจากที่เขาเห็นคุณแล้ว เขาก็กลายเป็นคนร่าเริงเปิดเผย ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เมื่อก่อนเขาดูเป็นคนกลัดกลุ้มทุกข์ใจ จนผมร้อนรนแทนเขาเลย”


 


ซีเหมินจินเหลียนคิดดูแล้วถึงกล้ำกลืนพูดขึ้นว่า “ความจริงแล้วฉันก็เป็นคนไม่มีพ่อมีแม่ คุณย่าเป็นคนเลี้ยงฉันมาจนโต เขาก็อายุปูนนี้แล้ว ถ้าจะเรียกว่าคุณปู่ก็ไม่เกินไป เพียงแต่…”


 


“เพียงแต่อะไรครับ?” เจียหยวนฮวาถามอย่างกระวนกระวาย


 


“เพียงแต่ฉันไม่สามารถช่วยเขาหาหินปิดฟ้าได้” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “ของที่เหมือนไม่มีจริง ถ้าหากตามหามันจะง่ายขนาดนั้นเหรอคะ?” ผู้อาวุโสหูคงเห็นพรสวรรค์ในตัวเธอ คงจะชอบความสามารถในการเดิมพันหินหยกของเธอที่ไม่เหมือนใคร คงไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นหรอก? ในใจของซีเหมินจินเหลียนคาดเดาไม่หยุด เป้าหมายทั้งชีวิตที่เขาพยายามมาก็เพื่อหาหินปิดฟ้า เพราะอย่างนั้นเขาที่อายุปูนนี้แล้วจึงอยากได้หลานสาวที่จะมารับสืบทอดเจตนารมณ์ของเขาต่อ ตามหาตำนานที่แสนมหัศจรรย์


 


“ขอแค่คุณยอมรับเขา เขาก็ดีใจมากแล้วครับ อย่างน้อยเรื่องนั้น…” เจียหยวนฮวาพูด “ก็ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงไหม ถ้าจะหาก็เกินความสามารถของมนุษย์ที่จะทำได้ ได้แต่ปล่อยให้เป็นลิขิตจากเบื้องบนเท่านั้น”


 


ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า เจียหยวนฮวายืนขึ้นมากำลังจะเอ่ยลา อยู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้จึงถามออกไป “คุณซีเหมิน จ่านมู่ฮวาคนนั้นเป็นใครกันแน่?”


 


“ทำไมเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างไม่เข้าใจ


 


“ที่คุณกับคุณนายปีศาจอวิ๋นนั่นนัดเดิมพันกันก็เพราะเขานัดให้ใช่ไหม?” เจียหยวนฮวาถาม


 


ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ก็ใช่ค่ะ แต่ตอนนั้นเขาแค่บอกว่าจะให้ฉันเดิมพันกับคุณนายซูสักครั้ง แต่ไม่ได้พูดถึงคุณนายอวิ๋น…”


 


“วันนี้หลังจากการเดิมพันหินใหญ่สิ้นสุดลง ไม่รู้ว่าเขาหาคุณนายอวิ๋นเพื่อไปพูดอะไร จากนั้นแม่ม่ายตระกูลซูคนนั้นก็มีปากเสียงทะเลาะกันกับเขา ตอนนั้นห้องจัดนิทรรศการไม่ค่อยมีคน ผมแอบได้ยินพวกเขาพูดถึงคุณเลยลองถามดู” เจียหยวนฮวาพูด


 


“เขาน่ะหรือ?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า จ่านมู่ฮวาคนนี้อะไรๆ ก็จะยึดผลประโยชน์เป็นหลัก ใครจะไปรู้ว่าในใจเขากำลังคิดอะไรกันแน่


 


“คุณนายซูคนนั้น ดูเหมือนจะสนใจในตัวเขา” เจียหยวนฮวาพูด


 


“มีผู้ชายคนไหนบ้างที่เธอไม่สนใจ?” จ่านป๋ายที่อยู่ข้างๆ พูดเสริมต่อ “เธอออกจะสวย ผ่านผู้ชายมาก็ไม่รู้ตั้งกี่คนต่อกี่คนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอก็แค่อยากจะมีอะไรกับจ่านมู่ฮวา ทำให้เขาพ่ายแพ้ต่อเธอก็เท่านั้น”


 


“ทำไมคุณถึงรู้ดีขนาดนี้?” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความสงสัย “หรือว่าคุณก็เคย?”


 


“โธ่! จินเหลียน คุณพูดอะไรกันครับ?” จ่านป๋ายยิ้ม “คุณน่าจะรู้นี่ว่ามีเพียงศัตรูเท่านั้นถึงรู้จักฝ่ายตรงข้ามอย่างดี ส่วนผมตั้งแต่เล็กก็ทำสงครามกับเขามาจนโต! ถ้าตอนนั้นผมคิดจะทำเรื่องต่ำทรามอ่อยคุณนายซูตอนนั้นสักหน่อย ก็คงไม่แพ้จนสุดท้ายไม่เหลืออะไรเลยแบบนี้หรอก”


 


ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ในใจสงสัยว่าจ่านมู่ฮวาไปทะเลาะอะไรกับคุณนายซู?


 


“คุณจินเหลียน นี่ก็ดึกมากแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน พรุ่งนี้เช้าผมจะนำหินหยกสองก้อนส่งมาให้คุณลองตรวจสอบดูลักษณะแล้วค่อยว่ากันอีกที” เจียหยวนฮวาบอกลา


 


“รบกวนผู้อาวุโสเจียแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มขอบคุณ เมื่อรอจนเจียหยวนฮวากลับไปแล้ว เธอจึงนั่งพิงโซฟาคิดถึงเรื่องการเบิกเนตรของคุณนายอวิ๋น การเดิมพันหินในวันพรุ่งนี้ เธอจะมีแววชนะกี่เปอร์เซ็นต์กันนะ? เธอยังเหมือนในตอนนั้นหรือเปล่า…ถ้าหากเป็นคุณนายอวิ๋นตอนนั้นจริงๆ สาเหตุที่พ่อกับแม่เธอตายก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว


 


ตอนเด็กเธอเคยถามคุณย่าว่าทำไมเพื่อนๆ คนอื่นๆ ถึงมีพ่อกับแม่ แต่เธอไม่มี? คุณย่าร้องไห้และตอบเธอว่า เพราะว่าพ่อแม่ของเธอตายหมดแล้ว…


 


เรื่องในวัยเด็กพวกนั้นที่คิดว่าน่าจะเป็นแค่เรื่องลวงตา ไม่เคยมีอยู่จริง แต่วันนี้คนที่อยู่ในเรื่องลวงตาหลอกหลอนนั้นกลับปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอเช่นนี้


 


สิ่งไหนที่ควรจะเป็นของของฉัน ฉันจะเอากลับคืนมาให้หมด! ซีเหมินจินเหลียนแอบพูดอยู่ในใจ


 


“จินเหลียน นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบเข้านอนเถอะครับ” จ่านป๋ายปลอบใจเธอ “คุณไม่ต้องคิดมาก ถ้าชนะก็เป็นเรื่องทีน่ายินดี แต่ถ้าแพ้แล้วอย่างไรล่ะ? อย่างมากเราก็แค่ไม่เหลืออะไร พวกเราค่อยมาตั้งต้นเริ่มกันใหม่ ไม่เปิดบริษัทอัญมณีนี้ก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ยังมีกินมีใช้”


 


ซีเหมินจินเหลียนเผยยิ้ม ขอแค่พลังพิเศษไม่สูญหายไป เธอก็สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ ถึงจะไม่เดิมพันหินเธอก็สามารถไปทำเรื่องอื่นได้เหมือนกัน อย่างเช่นไปเล่นพนันที่ลาสเวกัส หรือไปแฝงอยู่ในแวดวงคนรวย แต่อย่างไรครั้งนี้เธอก็ต้องชนะ


 


“ฉันจะไม่มีทางแพ้!” ซีเหมินจินเหลียนยืนขึ้นและพูด “เสี่ยวป๋ายคุณมีฉายาว่าเทพหัวขโมยไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้ฉันขออาศัยแรงคุณหน่อย”


 


“จินเหลียน คุณคงไม่ได้ให้ผมไปขโมยของอะไรหรอกนะ?” จ่านป๋ายถามอย่างสงสัย


 


“ไม่ใช่” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัวพูด “กลับตรงกันข้าม พรุ่งนี้ฉันจะให้คุณช่วยดูหินหยกของฉันที่จะใช้ในงานเดิมพัน อย่าให้มีใครมาแตะต้องเชียวนะ ขอแค่พวกเขาไม่เล่นอะไรสกปรก ฉันก็จะไม่มีทางแพ้แน่”


 


“โอเค ผมรับรอง!” จ่านป๋ายพยักหน้า “ผมจะไม่ให้ใครมาแตะต้องแม้แต่นิดเดียว”


 


ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า คุณนายซูยังสามารถเปลี่ยนหินหยกก้อนนั้นของบริษัทตัวเองได้เลย หินหยกที่เข้าร่วมเดิมพันในวันพรุ่งนี้มีขนาดเล็ก ถ้าเธอคิดจะทำจริงๆ ขอแค่หาหินหยกที่ขนาดคล้ายคลึงกับผิวทรายสีอีกาดำมาเปลี่ยน ตนเองก็คงต้องแพ้จนร้องไห้ยังไม่ออก


 


เรื่องนี้เธอจะไม่ระวังไม่ได้ นอกจากนี้ถ้าหากก่อนการเดิมพันใหญ่ สามารถเห็นหินหยกที่บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะนำมาร่วมเดิมพันได้ก่อน แล้วสัมผัสลงไปสักหน่อย เธอคงจะสามารถรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้สูญเสียได้


 


เพียงแต่หินหยกที่บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่จะส่งเข้าร่วมในวันพรุ่งนี้ เกรงว่าคงจะเตรียมตัวมาอย่างดี ถ้าอยากจะดูก่อนการเดิมพันหินคงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นสินะ?


 


ค่ำคืนผ่านพ้นไป แสงแดดยามเช้าก็เปล่งประกาย ตักเตือนผู้คนว่าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว


 


ซีเหมินจินเหลียนส่องกระจกดูตัวเอง ช่วงนี้เธอยุ่งอยู่ตลอด นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่คนที่อยู่ในกระจกยังสวยงาม ราวกับดอกไม้เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ หลังมือขวาที่มีรอยสักดอกบัวทองบานอยู่ครึ่งหนึ่งนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกไปเอง เธอรู้สึกว่าดอกบัวเหมือนจะใหญ่ขึ้นกว่าเก่า ราวกับกำลังจะเบ่งบานออกก็ไม่ปาน สีทองยิ่งชัดเจนมากขึ้น ดึงดูดความสนใจผู้คน


 


เมื่อก่อนที่ใช้ความสามารถในการมองทะลุผ่าน มองไปนานเกินเธอก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้ที่เธอยุ่งกับการเดิมพันหินไม่หยุดหย่อน ทำให้เธอไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้านั่นอีกแล้ว ตรงกันข้ามกำลังวังชากลับเต็มเปี่ยม หรือว่าเป็นเพราะความสามารถในการมองทะลุผ่านที่ค่อยๆ เติบโตไปตามกาลเวลา?


 


 


ในใจของซีเหมินจินเหลียนมีแต่ความว้าวุ่นใจ แต่คำถามแบบนี้เธอไม่สะดวกจะไปถามคนอื่น ยิ่งไม่สามารถไปปรึกษาใครได้ ได้แต่เก็บไว้ภายในใจหรือไม่ก็หาข้อมูลตอนที่อยู่คนเดียวตามอินเทอร์เน็ตที่ไม่รู้ว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน เพื่อมาประกอบอ้างอิง


 


ตอนเช้า เจียหยวนฮวานำหินหยกสองก้อนเข้ามา ในนั้นมีก้อนหนึ่งหนักประมาณสามกิโลกรัม อีกก้อนไม่ถึงสิบกิโลกรัม ซีเหมินจินเหลียนตรวจดูแล้วลักษณะไม่เลว แต่เพื่อป้องกันไว้ก่อน เธอจึงให้เจียหยวนฮวานำหินหยกสองก้อนไปร่วมในงานเช่นกัน


 


แต่เจียหยวนฮวานำได้แค่หินหยกก้อนหนึ่งไปร่วมงาน ซีเหมินจินเหลียนคิดดูแล้วจะให้จ่านป๋ายแยกไปก็ไม่ได้ เมื่อวานหลินเสวียนหลานก็หายไปไร้ซึ่งเงาของเขา เมื่อคืนเธอโทรไปหา ก็พูดแค่ว่าเหนื่อยนิดหน่อย วันนี้จะไปงานนิทรรศการตรงเวลา ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ได้พูดมาก หลังจากที่เธอรู้ว่าหลินเสวียเหวินยังไม่ได้ตาย ก็รู้แล้วว่าหลินเสวียนหลานก็ไม่น่าพึ่งพาได้เท่าไหร่


 


ตอนนี้หลินเสวียเหวินอยู่ใกล้กับคุณนายซู ใครจะไปรู้ว่าหลินเสวียนหลานจะทำอะไรขึ้นมา?


 


ในขณะเดียวกัน จ่านมู่ฮวาก็ถูกเธอปล่อยไป ก็ได้แต่โทรไปหาฉินเฮ่า ให้เขาช่วยใช้นามชื่อเขาพาหินหยกก้อนนั้นไปเข้าร่วมการเดิมพันหินคืนนี้


 


ฉินเฮ่าได้ยินเช่นนั้นก็ตกปากรับคำยินดีปรีดา ก่อนวางโทรศัพท์เขาก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย             “จินเหลียน ผมจะสนับสนุนคุณตลอดไป!”


 


ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม ถ้าหากคืนนี้เธอแพ้จนสูญสิ้นทุกอย่าง หวังว่าเขาคงจะยังพูดประโยคนี้อยู่นะ


 


ในงานนิทรรศการอัญมณีช่วงเช้า ผู้คนล้นหลามแห่เข้ามาชื่นชมอย่างคึกคัก ไม่นานก็จบไป นักธุรกิจบางส่วนจากฮ่องกงและไต้หวันอาศัยจังหวะนี้กวาดเก็บเครื่องประดับอัญมณีมูลค่ามหาศาล จองตั๋วเตรียมตัวกลับประเทศ ส่วนการเดิมพันหินใหญ่ในคืนนี้บรรยากาศอึมครึ้มและสีหน้าความกังวลไหลมาไม่หยุดหย่อน


 


ตอนเที่ยงผ่านไป ซีเหมินจินเหลียนนั่งเหม่อลอยพิงโซฟา เตรียมตัวสำหรับการเดิมพันหินใหญ่ในตอนกลางคืน แต่หลินเสวียนหลานพูดว่ามีแขกมาหา


 


ยังพูดไม่จบ ก็เห็นจ่านมู่ฮวาและชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ซีเหมินจินเหลียนเห็นชายวัยกลางคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงชั่วขณะ ที่แท้คนคนนี้ก็คือเหลิ่งจี้ เพียงแต่เมื่อวานเขาแต่งตัวเหมือนคนจรจัดเร่ร่อน แต่วันนี้กลับใส่สูทผูกไท เปิดเผยให้เห็นถึงต้นฉบับของผู้ประสบความสำเร็จ


 


“เชิญทั้งสองท่านนั่งลงก่อนค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนเรียกให้พวกเขานั่งลง ในใจก็สงสัยทำไมพวกเขาสองคนถึงมาด้วยกันได้


 


“จินเหลียน คุณหาวิธียกเลิกการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้เถอะ” จ่านมู่ฮวาพูด “ครั้งนี้ผมทำอะไรไม่รู้จักคิดเอง จนทำร้ายคุณแล้ว”


 


“นายก็รู้ด้วยเหรอว่าตัวเองผิดจนทำร้ายคนอื่น?” จ่านป๋ายแค่นเสียงเหอะ “ยังมีหน้ามาพูดอีก!”


 


จ่านมู่ฮวารู้สึกผิด จึงได้แต่หัวเราะฝืนๆ เล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เหลิ่งจี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเสียทีเดียว…”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม