ความลับแห่งจินเหลียน ส่วน 4 ตอน 106-112
ส่วนที่ 4
ตอนที่ 106 เปลี่ยนหินกลายเป็นทอง (1)
เดิมทีซีเหมินจินเหลียนก็คิดว่าเศษหินที่เหลือใช้คงจะไม่มีใครเหลียวมอง แต่เมื่อเดินเข้าไปดูถึงรู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลย
และไม่รู้ว่าคุณนายซูผู้จัดงานโฆษณาประกาศออกไปอย่างไร หินวัสดุที่ดูไม่ได้พวกนี้กลับได้รับความสนใจอย่างมากมาย แถมหินหยกทั้งหมดยังไม่แยกร้ายดี แยกแค่เล็กใหญ่แบ่งเป็นสามช่วง เล็กที่สุดคือขนาดเท่ากำปั้น ราคาประมาณหนึ่งพันหยวนต่อหนึ่งชิ้น ขนาดกลางที่ใหญ่ประมาณอิฐก่อสร้าง ก็คิดไม่ถึงว่าราคาจะแพงกว่าอิฐก่อสร้างจริงๆ หลายเท่า โดยราคาก็สูงถึงห้าพันหยวนต่อหนึ่งชิ้น ส่วนขนาดใหญ่สุดน่าจะมีน้ำหนักประมาณสิบกว่ากิโลกรัม แม้จะใหญ่กว่านี้แต่ราคาก็หนีกันมาก ราคาชิ้นล่ะหนึ่งหมื่นหยวน
ข้างๆ กันนั้นมีเครื่องเจียระไนอยู่สามเครื่อง มีผู้เชี่ยวชาญในการเปิดหินอยู่ คนที่ซื้อหินหยกไม่ว่าจะซื้อขนาดเล็กหรือใหญ่ มากขนาดไหนก็ไม่เป็นไร สามารถเปิดเจียระไนหินได้ฟรีๆ แน่นอนถ้าหากเป็นมือชำนาญก็สามารถทำเองได้
คนที่สามารถเข้าร่วมในงานเดิมพันหินใหญ่ได้ ที่จริงก็ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว ถ้าไม่ใช่ตัวแทนจากบริษัทอัญมณีก็น่าจะเป็นผู้เล่นหยกเป็นงานอดิเรก คนส่วนมากที่สามารถเล่นหินหยกได้ เกรงว่าคงไม่ใช่คนจนธรรมดาๆ ทั่วไป คนธรรมดาถึงแม้ว่าอยากจะเล่น แต่เมื่อเจอราคาที่สูงหลิ่วของหินหยกแล้วก็คงต้องตกใจจนนิ่งอึ้งไป
เพราะอย่างนั้นตอนที่ซีเหมินจินเหลียนเดินไปถึง ไม่มีใครสนใจเธอทั้งนั้น ทุกคนถ้าไม่ล้อมรอบดูการเจียระไนหิน ก็สนใจในการเลือกหินหยก
ในนั้นมีผู้เชี่ยวชาญดีเลิศอยู่ข้างใน ความจริงหินหยกพวกนี้แม้ว่าส่วนมากจะเป็นสินค้าที่ขายมาจากบริษัทจิวเวอรี่หลายแห่ง แต่คนส่วนมากก็ยังไม่วางใจ คิดดูสิว่าเศษหยกที่คนอื่นไม่เอา แล้วมันจะกลายเป็นของล้ำค่าได้จริงๆ หรือ และเพราะด้วยเหตุผลนี้เอง การเดิมพันนี้จึงมีฉายาเล่นๆ ว่า ‘เปลี่ยนหินกลายเป็นทอง’ ที่ต่างคนต่างมองเป็นแค่เรื่องสนุกเท่านั้น
ซีเหมินจินเหลียนมองไปมา ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่า ของพวกนี้ต่างก็เป็นเศษหินหยกเหลือใช้ที่บริษัทแต่ละแห่งนำมาฃาย ในเวลาเดียวกันก็มองไปที่หินเหลือใช้ของคนอื่น จากนั้นก็ขายไปส่วนหนึ่ง และซื้อกลับมาส่วนหนึ่งเช่นกัน ไม่มีใครเสียเปรียบใคร เท่ากับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนชนิดหนึ่ง คนส่วนมากมักจะเปิดหินในงานเลย ทำให้ตื่นเต้นไม่น้อย
ซีเหมินจินเหลียนตัดสินใจว่าจะเริ่มดูจากก้อนใหญ่ก่อน ในการเดิมพันหินเธอสนใจในหินใหญ่มากเป็นพิเศษ เพราะว่าถ้าหากเดิมพันชนะ ไม่ว่าเธออยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับหรือว่าของตกแต่ง
เพียงแต่การดูหินหยกหลายก้อนในคราวเดียว เธอทำได้แต่ถอนหายใจ สิ่งที่เรียกว่า ‘เปลี่ยนหินให้เป็นทอง’ มันก็เป็นการขุดหลุมให้ตัวเองทั้งนั้น คิดไม่ถึงว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังหาหินหยกที่ดูจะเป็นไปได้ไม่เจอ ถึงแค่เป็นชนิดสีเขียวอ่อนหรือสีใสไข่ขาวก็ไม่มี… สำหรับสี มีหินหยกก้อนหนึ่งในนั้นที่มีสีเขียวอ่อนเส้นหนึ่งคั่นกลางไว้ เพียงแต่สีนั้นก็อ่อนจนเกินไป นอกจากนี้ความอิ่มน้ำก็ไม่ดี ซีเหมินจินเหลียนจึงปล่อยไป ให้คนอื่นได้รับโชคกันบ้าง
สถานที่แบบนี้เธอก็ไม่อาจจะศึกษาได้ว่าลักษณะหินหยกดีหรือร้าย ต่างใช้มือสัมผัสไปโดยตรง เพื่ออิงอาศัยความสามารถในการทะลุผ่านไปยังแต่ละก้อน
ลักษณะของหินหยกที่อยู่ข้างหน้าดูเหมือนจะไม่เลว ผิวเปลือกเหลืองแกมน้ำตาล แต่รูปร่างของมันทำให้คนไม่กล้าเข้าหา เมื่อซีเหมินเห็นแล้วใบหน้าก็แดงขึ้นมา พระเจ้าช่วย! ทำไมถึงมีรูปร่างแบบนี้? หินหยกก้อนนี้มีรูปร่างทรงกระบอก ความกว้างบนล่างเท่าๆ กัน รูปร่างเช่นนี้มันเหมือนกับของเล่นของผู้ชาย…
นอกจากนี้ยังตั้งตระหง่านตรงเป็นแนวตั้ง ไม่รู้ว่าเป็นบริษัทไหนที่เจตนาทำเรื่องตลกเช่นนี้หรือเปล่า
ไม่ว่าจะมีรูปร่างเช่นไร ซีเหมินจินเหลียนก็ยังตัดสินใจที่จะเข้าไปทำความรู้จักให้มากขึ้น แต่ในระหว่างที่เธอกำลังจะเดินไปก็มีผู้ชายวัยกลางคนอายุราวๆ ห้าสิบหกสิบปีเดินตัดหน้าไปที่ข้างหน้าหินหยกก้อนนั้นก่อนหนึ่งก้าว
ซีเหมินจินเหลียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะสังเกตชายวัยกลางคนรายนั้น รูปร่างกลางๆ ท่าทางดูแล้วไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ไม่รู้ว่ามาจากบริษัทอัญมณีแห่งไหน หรือจะเป็นแขกที่มาเยี่ยมชมก็ช่างเถอะ ในเมื่อคนแย่งไปดูก่อนแล้ว เธอก็ต้องถอยออกมาก่อนและหาเป้าหมายเป็นอย่างอื่นแทน เพราะอย่างไรสถานที่แห่งนี้ก็มีหินหยกอยู่มาก
ชายวัยกลางคนคนนั้นเมื่อเห็นว่าซีเหมินจินเหลียนไม่ได้จะแย่งดูแล้ว ตอนนั้นเขาก็ได้หยิบไฟฉายกับแว่นขยายขึ้นมา และศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดต่างๆ จากผิวอย่างลงลึก ซีเหมินจินเหลียนเห็นท่าทางเข่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นแล้วเดินถอยหลังออกมา นักเดิมพันหินส่วนมากต่างไม่อยากจะให้คนอื่นมาคอยจดจ้อง กฎข้อนี้เธอรู้ดีแก่ใจ
เพียงไม่นานขาของเธอก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง เจ็บจนเธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา เมื่อแอบก้มหน้าดูก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหินหยกที่มีลักษณะแหลมคม ไม่ว่าจะมีมูลค่าแพงมหาศาลแค่ไหน มันก็เป็นแค่หิน แต่เลือดเนื้อในตัวของเธอจะมาแตะต้องไม่ได้ อีกทั้งเธอยังใส่ส้นสูง เมื่อครู่นี้ก็เกือบจะขาแพลงแล้ว
ตอนนั้นเธอก็นั่งลงไปที่หินหยกก้อนนั้น ค่อยๆ ถอดถุงเท้าออกมาดู เป็นอย่างที่คิดข้อเท้าถลอกเล็กน้อยและยังมีคราบเลือดจางๆ เสริมกับรอยฟกช้ำดำเขียว
สีหน้าของซีเหมินจินเหลียนออกจะเซ็งๆ เธอยุ่งมาตลอดทั้งวัน หินหยกลักษณะดีอะไรก็ยังหาไม่เจอ แล้วเท้าของเธอก็ยังจะมาเจ็บอีก ไม่สนใจแล้ว เธอตัดสินใจที่จะซื้อหินหยกก้อนนี้กลับไป ถึงจะเป็นหินแต่เธอก็อยากจะเปิดออกมาเพื่อแก้แค้น โอ้ย… เจ็บจัง!
เมื่อจัดการกับถุงเท้าเสร็จแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็ใช้มือขวาสัมผัสไปยังหินหยกก้อนนั้น แล้วลุกยืนขึ้นมา แต่ตอนนั้นเองสีเขียวก็กำลังทะลุเข้ามาในม่านตาของเธอ…
สีเขียวแบบนี้? ซีเหมินจินเหลียนสูดหายใจ พระเจ้า! หินหยกที่มีสีเขียวทั้งหมดในบ้านของเธอ ถ้าเอามารวมกันแล้วก็ยังงดงามไม่เท่าสิ่งนี้เลย
“สีเขียวหยกจักรพรรดิ?” ในสมองของเธอคิดถึงคำนี้ขึ้นมา
เธอรีบหันตัวไปและไม่สนใจความเจ็บปวดที่ข้อเท้าอีก ก่อนจะนั่งย่อตัวลงที่พื้น เริ่มใช้สมาธิจดจ่อไปที่หินหยกก้อนนี้ หินก้อนนี้ขนาดไม่ใหญ่นัก อย่างมากสุดน่าจะสักยี่สิบสามสิบกิโลกรัม ลักษณะค่อนข้างแหลมคม ทำให้เมื่อไปโดนแล้วข้อเท้าของเธอเกิดบาดเจ็บขึ้น ส่วนอีกก้อนเป็นสี่เหลี่ยมน่าจะหนักสักยี่สิบห้ากิโลกรัม ความหนาแค่ห้าถึงหกเซนติเมตร
ผิวสีเทาแกมน้ำตาล ผิวเปลือกดูธรรมดาเป็นอย่างมาก มองไม่เห็นจุดหยกและเส้นลายหยก แน่นอนถ้าหากหินหยกในงานเปลี่ยนหินกลายเป็นทอง มีเส้นลายหยกและจุดหยกแบบนั้นโผล่ขึ้นมา ก็คงถูกคนแย่งเอาไปนานแล้ว เธอทายว่าหินหยกก้อนนี้น่าจะมาจากฮุยข่า ได้ยินมาว่าหยกจากแหล่งนั้นตัดสินชี้ขาดยากมาก
ซีเหมินจินเหลียนกำลังมุ่งความสนใจศึกษาไปที่เปลือกผิวของหินหยก คิดไม่ถึงว่าคนข้างๆ จะถามขึ้นมาว่า “คุณผู้หญิง คุณดูเสร็จแล้วหรือยัง ขอผมดูต่อได้ไหม”
ซีเหมินจินเหลียนมึนงง คนที่พูดประโยคนี้ก็ไม่มีมารยาทเลยสักนิด คนเดิมพันหินส่วนมากไม่ชอบที่เวลาดูสินค้าแล้วถูกคนรบกวน เพราะฉะนั้นในสถานการณ์ปกติ ถ้าหากมีคนดูสินค้าอยู่ แม้แต่เป็นเจ้าของ ก็ไม่อาจไปรบกวนอย่างบุ่มบ่าม แต่คนคนนี้ทำไมถึงได้ถามคำถามที่ไม่กลั่นกรองออกมาแบบนี้?
ซีเหมินจินเหลียนหันกลับไป ไม่เพียงแต่ตกตะลึง แต่เธอยังคิดไม่ถึงว่าจะเป็นชายวัยกลางคนที่ไปตัดหน้าแย่งดูหินหยกที่ดูพิเศษก้อนนั้น แล้วตอนนี้ยังจะมาถามคำถามไร้มารยาทกับเธออีก ทำให้คนรู้สึกเกลียดยิ่งนัก แต่เธอคิดดูแล้ว บางทีคนคนนี้อาจจะเป็นแขกที่มาร่วมงาน ไม่เข้าใจในกฎของการเดิมพันหิน แค่อยากจะมาสนุกด้วยเท่านั้น พอคิดแบบนี้แล้วก็ยังจะพอเข้าใจได้
เมื่อเห็นว่านานแล้วซีเหมินจินเหลียนก็ยังไม่ตอบ ชายวัยกลางคนก็ถามขึ้นอีกครั้งว่า “คุณผู้หญิง คุณดูเสร็จแล้วหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็อย่ามาถ่วงเวลาคนอื่นดูสินค้าสิ”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นความโกรธก็แทบจะระเบิดออกมา พูดอะไรของเขากัน ที่นี่มีหินหยกตั้งมากมาย เขาสนใจจะไปดูอันไหนก็ได้ทั้งนั้น ทำไมถึงบอกว่าเธอไปถ่วงเวลาเขาในการดูสินค้า
“ยังค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้ารีบพูดสองคำนี้ออกมาจากปาก
มุมปากของชายวัยกลางคนเชิดขึ้นแล้วทำเสียงเหอะใส่ จู่ๆ ก็ยกระดับเสียงให้สูงและเรียกผู้ดูแลในงานเปลี่ยนหินกลายเป็นทองมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ก้อนนี้ และก้อนนี้ และก้อนนี้…ผมเอาทั้งหมด”
เจ้าหน้าที่ดูแลในงานเปลี่ยนหินให้เป็นทองเป็นแค่เด็กวัยรุ่น เมื่อเห็นชายวัยกลางคนเลือกหินหยกไปถึงสามก้อน และในนั้นมีก้อนหนึ่งที่ซีเหมินจินเหลียนกำลังดูอยู่ ก็ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “คุณผู้ชาย คุณและคุณผู้หญิงคนนี้…”
“ไม่ต้องสนใจเธอ ผมซื้อก่อน” ชายวัยกลางคนเหลือบไปมองที่ซีเหมินจินเหลียนและโผงผางพูดออกไป
“ครับ?” เจ้าหน้าที่ดูแล ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเรียกคนให้มาจัดการขนย้ายหินหยก
“ก้อนนี้ ฉันเอาแล้วค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนยืนขึ้น ขาข้างหนึ่งเหยียบไปที่หินหยกก้อนนั้นแล้วหันไปพูดกับชายวัยกลางคน
เจ้าหน้าที่ที่ดูแลรู้สึกทำตัวไม่ถูก ขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “คุณผู้หญิง หินหยกก้อนนี้ คุณผู้ชายท่านนั้นซื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ”
“เขาจ่ายเงินแล้วเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“เอ่อ…ยังครับ!” เจ้าหน้าที่ดูแลตอบตามความจริง
แม้แต่ประโยคไร้สาระเธอก็ไม่อยากจะสิ้นเปลืองพูดออกมา ซีเหมินจินเหลียนเปิดกระเป๋าคว้าเงินสดหนึ่งหมื่นหยวนและส่งไปให้ “ฉันซื้อ!” ยังดีที่วันนี้เธอมีเงินสดพกติดตัวมานิดหน่อย ไม่เช่นนั้นถ้าต้องไปโอนเงินรูดบัตรอีกก็คงยุ่งยากแล้ว
“นี่คุณ คุณเข้าใจกฎการเล่นเดิมพันหินหรือเปล่า” ชายวัยกลางคนมองไปที่เธอแล้วถาม “คุณน่าจะรู้ ผมซื้อก่อน”
“คุณก็เข้าใจกฎของการเล่นเดิมพันหินด้วยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพยายามอดกลั้นความโกรธนี้ “ตอนที่ฉันกำลังดูสินค้า คุณก็เรียกขึ้นมาซะเสียงดัง นี่จะดูถูกกันเกินไปแล้ว! ถ้าคุณจะพูดถึงกฎ ก็เชิญทุกคนที่อยู่ในที่นี้มาตัดสินให้เห็นกันไปเลยสิ?”
ชายวัยกลางคนไม่มีสีหน้าของการสำนึกผิดเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับแค่นหัวเราะออกมา “เอาเลยสิ ผมกลัวคุณที่ไหนกัน แต่ยังไงหินหยกก้อนนี้ วันนี้ผมซื้อแล้ว”
“คุณพูดให้ถูกนะ หินหยกก้อนนี้ฉันก็ซื้อแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนอดกลั้นอารมณ์โกรธที่เข้ามาปะทะและพยายามพูดอย่างใจเย็น วันนี้เธอแทบที่จะไม่เชื่อตัวเอง
เมื่อได้ยินเสียงทะเลาะกันดังขึ้นทางนี้ ผู้คนที่เดิมทีกำลังดูหินหยกอยู่ก็ค่อยๆ ทยอยเข้ามารวมตัวกันมุงดูสถานการณ์ เมื่อเห็นคนเยอะ ชายวัยกลางคนก็ใบหน้าเบิกบานพูดเสียงดังว่า “ทุกท่านได้โปรดช่วยตัดสินด้วย ผมก็ซื้อหินหยกก้อนนี้เรียบร้อยแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้กลับจะมาแย่งซื้อให้ได้!”
“นี่คุณ คุณเข้าใจกฎหรือเปล่า” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว “ฉันกำลังดูสินค้าอยู่ แต่จู่ๆ คุณก็มาบอกว่าจะซื้อ นี่คุณมีเหตุผลบ้างไหม?”
“หินหยกก้อนนี้ตอนแรกผมก็ดูอยู่ก่อนแล้ว!” ชายวัยกลางคนพูด “คุณอาศัยโอกาสที่ผมไปดูสินค้าชิ้นอื่นแล้วเดินเข้ามาดู พอเห็นผมเกิดสนใจขึ้นมาก็เลยอยากจะซื้อบ้าง เรื่องซื้อตามทิศทางลมโดยมีเจตนาร้ายเช่นนี้ ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็เป็นกฎข้อห้ามของการเดิมพันหิน ถ้าหากคุณเข้าใจในการเดิมพันหิน ก็ไม่สมควรที่จะมาแย่งของๆ คนอื่นสิ”
ส่วนที่ 4
ตอนที่ 107 เปลี่ยนหินกลายเป็นทอง (2)
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าคนคนนี้น่าจะมีความสามารถในการพูดจากลับกลอกเปลี่ยนเรื่องขาวให้กลายเป็นดำ มากกว่าการเดิมพันหินเป็นแน่
“คุณผู้หญิง คุณทำไม่ถูกแล้ว…” ท่ามกลางผู้คนก็มีคนหนึ่งที่พูดขึ้นแก้ต่างให้ชายวัยกลางคนนั้น“ใครๆ ก็รู้ว่าคุณถูเป็นราชาหยกหลากสีมาจากอวิ๋นหนาน คุณจะมาตามดูแล้วแย่งไปไม่ได้นะครับ ไม่เช่นนั้นการเดิมพันนี้ก็ยุ่งวุ่นวายหมดน่ะสิ?”
ท่ามกลางผู้คน มีแต่เสียงคนพูดซุบซิบนินทา ซีเหมินจินเหลียนได้แต่ขมวดคิ้วไม่คลาย คุณถูคนนี้เป็นราชาหยกหลากสีจากอวิ๋นหนาน? ถึงจะพูดแบบนี้เขาก็น่าจะเป็นคนที่เข้าใจในกฎการเดิมพันมากที่สุดสิ แล้วทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้? แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร วันนี้เธอก็ต้องซื้อหยกก้อนนี้ให้ได้ แม้จะไม่ได้มองอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ซีเหมินจินเหลียนก็แน่ใจได้ว่าหินหยกก้อนนี้ต้องเป็นหยกสีเขียวจักรพรรดิแน่
แม้ว่าเธอจะมีหินหยกสีเขียวสดชนิดเนื้อแก้วมากมาย แต่หินหยกสีเขียวจักรพรรดินี้ เธอไม่เคยเจอมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีก็แค่ราชาหลากสีนั่นพูดจาโวยวายไร้สาระ แต่ทำไมภายหลังกลับกลายเป็นพูดว่าเธอตามทิศทางลม?
“คุณผู้หญิง หินหยกก้อนนี้ผมซื้อแล้ว คุณจะดันทุรังไปปก็ไม่มีประโยชน์ ราคาที่นี่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ผมก็ไม่กลัวว่าคุณจะตั้งราคาเพื่อแย่งซื้อตัดหน้าหรอกนะ” คุณถูพูดต่อด้วยน้ำเสียงมีการบีบบังคับ
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูด “คุณถูใช่ไหม คงเป็นราชาหยกหลากสีจากอวิ๋นหนานอะไรนั่นสินะ?”
“นี่เป็นฉายาที่เพื่อนผมตั้งให้เพื่อยกย่อง!”คุณถูพูด
“ตอนนี้คุณจะบอกว่า ฉันเห็นว่าคุณเป็นราชาหยกหลากสีก็เลยจะซื้อหยกตามคุณถูกไหม?” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างเรียบเย็น ตามทิศทางลม? ล้อเล่นอะไรกัน เธอนี่นะตามเขา?
“หรือว่าไม่ใช่?” คุณถูใบหน้ายิ้มชื่น ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้คนมากมายต่างรู้จักเขา ถ้าเด็กตรงหน้าไม่ได้เอาเปรียบด้วยการตามทิศทางลม เขาก็ไม่มีทางเชื่อ
“ทุกท่านก็คิดเช่นนี้เหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ในคำพูดมีท่าทางที่มั่นใจและพลังแห่งความเย็นยะเยือก
“หนู ช่างมันเถอะ พวกเราก็เข้าใจหนูนะ แต่ถ้าหากหนูทำลายกฎแล้วซื้อหินหยกตามคนอื่นจนวุ่นวายแบบนี้ มันก็ไม่ถูก เพราะฉันก็ยังต้องใช้สายตาในการทำมาหากินในสายนี้เหมือนกัน” ท่ามกลางฝูงชนมีผู้สูงอายุท่านหนึ่งพูดปลอบประโลมเพื่อเกลี้ยกล่อมซีเหมินจินเหลียน
ปล่อยไปเหรอ? ให้เธอปล่อยหยกสีเขียวจักรพรรดินี่นะ? แถมถ้าหากเธอปล่อยหินหยกก้อนนี้ไป อย่างนั้นก็เท่ากับว่าเธอเป็นคนตามทิศทางลมอย่างที่คนอื่นเขาว่าจริงๆ น่ะสิ?
“ฉันไม่ได้ตามทิศทางลมนะคะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันไม่เคยรู้จักคุณด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นหินหยกก้อนนี้ ฉันมีสิทธิ์ที่จะครอบครองมัน”
“นี่คุณมีเหตุผลหน่อยสิ” คุณถูพูดอย่างดุดัน
“คุณถูถ้าหากคุณยังไม่ยอมรามือ ฉันก็มีวิธีแก้ปัญหาอย่างยุติธรรม” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็พูดขึ้นมา “ไม่ทราบว่าคุณถูจะเชื่อมั่นในฝีมือการเดิมพันหินของตัวเองมากพอหรือเปล่า?” คนคนนี้เรียกตัวเองว่าเป็นราชาหยกหลากสี แต่ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าท่าทางลักษณะแบบนี้มันไม่ใช่
หินหยกก้อนนี้ เขาไม่เคยแม้แต่จะได้ดูมัน แล้วทำไมถึงพูดว่าเธอไม่ทำตามกฎ ซื้อตามทิศทางลม?
เมื่อถูกคนท้าทายต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ ใบหน้าของคุณถูก็ยิ่งเครียดขมึง โกรธจนจมูกเกือบจะบิดเบี้ยวหมดแล้ว เขามีฉายาว่าราชาหยกหลากสี ความสามารถในการเดิมพันหินของตัวเองล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ หินหยกก้อนนั้นที่ซีเหมินจินเหลียนดู เขาก็เหลือบมองไปแวบหนึ่ง ตามความรู้สึกบอกว่าน่าจะไม่เลวเลย เพราะอย่างนั้นเลยรีบเร่งซีเหมินจินเหลียน ในสายตาของเขาซีเหมินจินเหลียนน่าจะเป็นลูกสาวของบ้านคนมีเงินที่ออกมาเพื่อเปิดหูเปิดตาดูเครื่องประดับก็เท่านั้น
มีผู้เชี่ยวชาญที่ไหนกัน เมื่อดูหินหยกแล้วแม้แต่แว่นขยาย ไฟฉายพกพาก็ไม่ใช้ ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนนอกวงการ!
เดิมทีเขาคิดว่าอยากจะลองสัมผัสสักหน่อยแล้วค่อยตัดสินใจ คิดไม่ถึงว่าซีเหมินจินเหลียนจะไม่ยอม เขาเลยตัดสินใจที่จะซื้อเก็บไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะอย่างไรราคาของหินหยกก้อนนี้ก็ระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้ว มันก็แค่หินหยกก้อนหนึ่งเท่านั้น
แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อผู้หญิงคนนี้กลับไม่ยอมท่าเดียว นิสัยใจคอถึงได้แกร่งกล้าขนาดนี้
“คุณจะให้ทำอะไร” คุณถูถามกลับ
ในตอนนั้นเอง คนที่คอยมุงดูความสนุกสนานก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ซีเหมินจินเหลียนใช้โอกาสนี้สางผมยาวมาไว้ตรงที่หน้าอกแล้วพูดว่า “พวกเรามาแข่งเดิมพันเปลี่ยนหินให้เป็นทองกัน ใครชนะก็มีสิทธิ์ที่จะซื้อหินหยกก้อนนี้ เป็นอย่างไร?”
“จะใช้กติกาการเล่นอย่างไร” ในขณะที่คุณถูยังไม่ทันได้อ้าปาก ก็มีคนถามขึ้นมาก่อน
“ที่นี่นอกจากจะหินหยกก้อนนี้แล้ว ยังมีหินหยกอีกมากมาย พวกเราสองคนใช้เวลายี่สิบนาที เพื่อเลือกหินหยกในนั้นมาสักก้อน จากนั้นก็เปิดดูต่อหน้าผู้คน ถ้าหากหินหยกของใครมีลักษณะดีกว่า คนคนนั้นก็ชนะไป และก็จะมีสิทธิซื้อหินหยกก้อนนี้กลับไป” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเชิดมุมปากขึ้น
เห็นได้ชัดว่าคุณถูมีท่าทีลังเลใจ ผู้ชมที่อยู่ในงานต่างมึนงงเช่นกัน ความมั่นใจในตัวของซีเหมินจินเหลียนไม่ใช่คำขี้โม้โอ้อวดเกินจริงแน่ นอกจากนี้ท่ามกลางหินหยกเกรดเหลือใช้พวกนี้ถ้าอยากจะหาหินหยกลักษณะดีสักหน่อยออกมา มันก็ง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือ? แม้ว่าจะเป็นราชาเดิมพันหยกอย่างผู้อาวุโสเจียก็เกรงว่าจะไม่กล้าพูดพล่ามมั่นใจตัวเองขนาดนี้
“ว่าอย่างไรคะ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถามกลับ “ถ้าคุณถูไม่กล้า อย่างนั้นคุณก็แค่ยอมรับมาตรงๆ ว่าคุณแพ้ แล้วก็ยกหินหยกก้อนนี้ให้ฉันก็ถือว่าจบ”
“ไร้สาระ!” คุณถูยิ้มอย่างแสยะ “ฉันน่ะหรือไม่กล้า? คนอย่างฉันนี่นะจะกลัวเด็กน้อยอย่างเธอ?” ในใจของเขาพยายามอดกลั้นไฟโกรธที่ลุกโชนขึ้น คำพูดที่ออกมายิ่งไม่ได้เกรงใจกันแล้ว
“จินเหลียน…จินเหลียน” จ่านมู่ฮวาฝ่าฝูงชนในงานเข้ามา รีบเข้ามาหาเธออย่างกระวนกระวาย “เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่เจอเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณมาได้ทันเวลาพอดี ฉันกำลังจะหาคุณอยู่เหมือนกัน” พูดพลางเธอก็กระซิบอธิบาย ในตอนนั้นก็กำชับจ่านมู่ฮวาว่าอย่าให้คนแตะต้องหินหยกก้อนนี้ ไม่เช่นนั้นเท่ากับความทุ่มเทของเธอคงเสียเปล่า
“คุณวางใจได้” จ่านมู่ฮวาพูด “ถ้ายังไม่รู้ผลแพ้ชนะระหว่างคุณกับคุณถู ไม่ว่าใครก็ไม่อาจแตะต้องหยกก้อนนี้แม้แต่ปลายนิ้ว ถ้าใครกล้าแตะผมจะตัดนิ้วเขาทิ้ง ผมก็ไม่สนใจที่จะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ใครอยู่แล้ว” ประโยคนี้เขาพูดออกมาอย่างเสียงดัง ทำให้ผู้คนในงานได้ยินอย่างชัดเจน ก่อนทุกอย่างจะเงียบสงบลง ผู้ชายที่ใบหน้ารูปงามเช่นนี้ แต่กลับมีพลังนักฆ่าซ่อนไว้ในตัว
พวกจ่านป๋ายกับฉินเฮ่าต่างก็พากันไปเล่นการเดิมพันหินใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง แทบไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้านหน้าเลย แต่เขาเป็นเพราะว่าทนไม่ได้กับคุณนายซูเลยรีบออกมาหาซีเหมินจินเหลียน แต่คิดไม่ถึงว่ามาเจอเรื่องนี้เข้า
ซีเหมินจินเหลียนเมื่อเห็นจ่านมู่ฮวาก็ถอนหายใจผ่อนคลายลง ไม่เช่นนั้นถึงเธอจะเสนอให้เล่นเกมเปลี่ยนหินให้เป็นทอง แต่ถ้าหากระหว่างนี้มีใครเล่นตุกติก เธอก็ถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ แต่เมื่อมีจ่านมู่ฮวาที่เป็นเจ้าถิ่นอยู่ในงาน มันทำให้เธอวางใจลงได้ไม่น้อย
“คุณถู เตรียมตัวพร้อมแล้วยัง? คนที่อยู่ในงานล้วนเป็นพยานของพวกเรา! คุณไม่ต้องกังวลว่าฉันจะขี้โกงด้วยการตามลมคุณหรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นอีกครั้ง ถ้าหากไม่ใช่ว่าหินก้อนนั้นเป็นสีเขียวจักรพรรดิที่หาพบได้ยาก ถ้าไม่ใช่คุณถูเริ่มที่จะบีบบังคับคนก่อน เธอก็ไม่อยากจะใช้วิธีโอ้อวดแบบนี้
ส่วนที่ 4
ตอนที่ 108 หิ่งห้อยในที่มืด
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ภายในใจของคุณถูถึงได้รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังคงหัวรั้นพูดออกไปว่า “เพื่อความยุติธรรม พวกเราจะเลือกเฉพาะหินหยกขนาดกลางเป็นอย่างไร?” ท่ามกลางหินหยกขนาดกลาง มีอยู่สองสามก้อนที่เพื่อนของเขาทางนั้นส่งเข้ามาแบบไม่ได้ใส่ใจ ลักษณะอาจจะไม่ดี แต่ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถเผยสีเขียวออกมาให้เห็น ขอแค่สามารถเผยให้เห็นสีเขียวภายในหินที่เหลือใช้นี้ ก็ถือว่ามีโอกาสชนะไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นแล้ว
ในขณะที่เขาพูดประโยคนี้ ก็เท่ากับเป็นการยอมรับแล้วว่าซีเหมินจินเหลียนไม่ได้มีความตั้งใจที่จะตามลมแย่งซื้อหินหยกที่เขาพึงพอใจตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นถ้าหากเธอมีความตั้งใจจริง ก็คงจะไม่พูดประโยคเช่นนี้ขึ้น
“ตกลงค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เอาตามนั้น” พูดพลางสายตาของเธอก็กวาดมองไปที่ผู้สูงอายุที่พูดขึ้นเมื่อสักครู่ ก่อนกล่าวว่า “คุณคะ หากฉันจะขอให้คุณช่วยเป็นพยานดูเวลาให้จะได้หรือเปล่าคะ”
“แม่หนู เรื่องนี้ก็ปล่อยไปเถอะนะ” ผู้สูงอายุพูดขึ้น “ถึงแม้ว่าหนูจะพอเข้าใจเรื่องเดิมพันหยกอยู่บ้าง แต่หนูก็เอาชนะเขาไม่ได้หรอก จะดันทุรังไปเพื่ออะไรกัน?”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วตอบกลับด้วยเสียงใส “เรื่องหินหยกเป็นแค่เรื่องเล็กค่ะ แต่การที่เขามากล่าวหาว่าฉันตามลมแย่งซื้อหินหยกของเขา ไหนจะทำลายกฎการเดิมพันเล่นหินหยก ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นถึงราชาหยกหลากสี แต่ใช้วิธีบีบบังคับเด็กใหม่แบบนี้ แม้ว่าฉันจะเป็นเด็กผู้หญิง แต่ก็ไม่ยอมถูกเขารังแกง่ายๆ หรอกนะคะ ทุกคนน่าจะรู้ว่าในห้องโถงจัดงานนิทรรศการมีกล้องวงจรปิด ความจริงแล้วใครเป็นคนทำ ขอแค่เรียกเจ้าของของที่นี่เพื่อมาแสดงความชัดเจนก็รู้กันหมดแล้ว”
“ถ้าหากทุกท่านไม่เชื่อ ผมก็สามารถนำภาพของกล้องวงจรปิดออกมาให้ทุกคนดูได้นะครับ!” จ่านมู่ฮวาพูดแทรกขึ้นมาจากข้างๆ
ผู้สูงอายุคนนั้นเมื่อได้ยินเข้าก็มีท่าทีคิดหนักมองไปที่จ่านมู่ฮวาและหันไปทางคุณถู ในใจถอนหายใจออกมาไม่หยุด เกรงว่าคืนนี้คุณถูคงต้องเจอศึกหนักเข้าแล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย ไหนจะผู้ชายที่ยังหนุ่มแน่น หน้าตาไร้ที่เปรียบคนนี้อีก แม้ว่าอายุจะยังน้อยแต่ดูจากคำพูดคำจาที่เฉียบคมชัดเจนแล้วก็ดูจะไม่ธรรมดา
ดังนั้นเขาก็เลยพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ตกลง ผมจะคอยดูเวลาและเป็นพยานให้ ทั้งสองท่านจะเริ่มเลยไหม?”
“เดี๋ยวก่อนครับ!” จู่ๆ จ่านมู่ฮวาก็พูดขึ้น “ถ้าเดิมพันแบบนี้ก็คงน่าเบื่อแย่ สู้มาเล่นให้ใหญ่กว่านี้หน่อยดีไหมครับ ไม่ทราบว่าคุณถูท่านนี้จะกล้าหรือเปล่า?”
ดวงตาของคุณถูอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้น กล้าหรือเปล่า? คำถามนี้บีบคั้นเขามากกว่าคำพูดเมื่อสักครู่ของซีเหมินจินเหลียนที่ชักชวนเขาเล่นเดิมพันเสียอีก แถมดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เขาก็หันหลังถอยกลับไม่ได้แล้ว เขาจะยังพูดว่าไม่กล้าได้เหรอ? ถ้าหากเขาพูดว่าไม่กล้า เกรงว่าคนคนนี้คงมีความสามารถในการหาเทปบันทึกของกล้องวงจรปิดมาได้จริงๆ ในอนาคตเขาคงไม่มีที่ยืนในวงการเดิมพันนี้ต่อไปแน่ ไม่เช่นนั้นก็คงต้องถูกผู้คนซ้ำเติม
เดิมทีคิดแค่ว่าจะบีบบังคับแย่งซื้อหินหยกที่มีลักษณะไม่เลวออกมาสักก้อน แต่ตอนนี้กลับยากขึ้นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อแท้ยากที่จะเปลี่ยน การที่เขาสามารถมีฉายาเรียกว่าราชาหยกหลากสีได้ แน่นอนว่าจะต้องมีความรู้ความสามารถบ้างไม่น้อย เมื่อได้ยินก็พูดขึ้น “คุณอยากจะเดิมพันอย่างไร?”
“เดิมพันทรัพย์สิน!” จ่านมู่ฮวาพูดอย่างราบเรียบ “คุณมีฉายาเป็นถึงราชาหยกหลากสีจากอวิ๋นหนาน ดูแล้วฐานะที่บ้านของคุณคงจะเพียบพร้อมไปเยทั้งหมด คุณเปิดราคาของวางเดิมพัน แล้วผมจะใช้อัตราต่อรองราคาหนึ่งต่อสองมาชดใช้ให้คุณ!”
หนึ่งต่อสอง? พระเจ้า ผู้คนต่างพากันซุบซิบขึ้นมา คนในวงการธุรกิจเดิมพันหินต่างรู้ว่าคุณถูมีโรงงานแปรรูปหยกสองแห่งในเมืองอวิ๋นหนาน และยังส่งออกขายเครื่องประดับจากหยกขนาดเล็ก เกรงว่าทรัพย์สมบัติที่บ้านคงไม่น้อยไปกว่าสี่ห้าร้อยล้าน แม้ว่าอัตราต่อรองจะเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง แต่ดูจากชาติกำเนิดของชายรูปงามคนนี้แล้ว ก็คงต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่แล้ว
“ผมมีทรัพย์สินอยู่ห้าร้อยล้าน คุณชดใช้ไหวเหรอ?” ตาของคุณถูกระตุกขึ้นแล้วอีกครั้ง มองไปที่จ่านมู่ฮวาอย่างใจเย็นแล้วพูดต่อหน้าทุกคน ถ้าหากเขาแพ้จริงๆ ให้เขาไปชดใช้ด้วย ถึงเวลานั้นอย่าโกรธที่เขาใจดำอำมหิตเกินไปแล้วกัน
“เงินหยวน?” จ่านมู่ฮวาถาม
“ใช่!” คุณถูขมวดคิ้วขึ้น
“ตกลง!” จ่านมู่ฮวาทำตัวสบายอกสบายใจหันหน้าเข้ารับมรสุมลม “พวกเราสามารถจดลายลักษณ์อักษรเป็นพยาน ภายในยี่สิบนาทีคุณและคุณซีเหมินต้องเลือกหินหยกขนาดกลางของตัวเองออกมาหนึ่งก้อน จากนั้นเจียระไนต่อหน้าผู้คน คนที่หินหยกมีลักษณะดีกว่าก็ถือว่าเป็นผู้ชนะ แน่นอนว่าผมวางเดิมพันลงที่คุณซีเหมิน ส่วนคุณก็วางเดิมพันไปที่ตัวเอง อัตราหนึ่งต่อสอง พวกคุณมีใครจะวางเดิมพันลงที่เขาไหม?” พูดถึงตอนท้าย เขาก็เพิ่มประโยคนี้เข้ามา
ผู้คนยังไม่ทันได้พูดอะไร คนข้างๆ ก็พูดขึ้นว่า “ถ้าหากในพวกคุณมีใครวางเดิมพันไปที่คุณถู อัตราต่อรองหนึ่งต่อสอง นอกจากตัวคุณถูเองแล้ว คนอื่นๆ ถ้าหากวางเดิมพัน เงินก็จะตกไปเป็นของผม!” ท่ามกลางฝูงชน มีคนพูดแทรกขึ้นมา
จ่านมู่ฮวามองไปที่ฉินเฮ่าแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วขึ้น เขามาทำอะไรที่นี่? แถมยังฝ่าฝูงชนเดินมาถึงข้างๆ ซีเหมินจินเหลียน
“เสี่ยวป๋ายล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ เมื่อก่อนตอนที่เธอมีปัญหาก็ล้วนเป็นจ่านป๋ายที่คอยวิ่งมาช่วยเหลือคนแรก ไม่ว่าเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก
“เขาคงกินยาอะไรผิดไป ตอนนี้เลยกำลังศึกษาการเดิมพันหินใหญ่อยู่ด้านหลังกับหลินเสวียนหลาน” ฉินเฮ่าพูดอธิบาย “ผมเดาว่าแม้แต่เงินมาขอภรรยาแต่งงานเขาก็น่าจะไม่เหลือแล้ว”
“อย่างมากที่สุดก็เหมือนคุณ เข้าเนื้อตัวเอง” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเข้าจึงหัวเราะผ่อนคลายลง จ่านป๋ายถึงขั้นไปศึกษาการเดิมพันหินด้วย ถือว่ามีการพัฒนาแล้ว
เมื่อถูกคุณชายฉินทำให้ตกใจ ทุกอย่างก็เหนือความคาดหมาย เดิมทีผู้คนที่ต่างหันเหใจไปทางราชาหยกหลากสี แต่ตอนนี้ไม่มีใครลงเดิมพันไปสักคน
ภายใต้ข้อเสนอของจ่านมู่ฮวา คุณถูและเขาได้เซ็นสัญญาการเดิมพันร่วมกันไว้ เกรงว่าสัญญาฉบับนี้น่าจะเป็นการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคืนนี้ หนึ่งร้อยล้าน แม้แต่ซีเหมินจินเหลียนคิดแล้วยังรู้สึกเจ็บปวดใจอยู่บ้าง เธอถึงขนาดอยากจะแกล้งเลือกหินเพื่อที่จะทำให้จ่านมู่ฮวาแพ้ไปหนึ่งร้อยล้าน ดูสิว่าในอนาคตจะยังมีนิสัยใจคอโอ้อวดอยู่อีกหรือเปล่า
แต่ไม่พูดถึงหยกสีเขียวจักรพรรดิก้อนนั้น ในความเหมือนกันแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่ก็ยังมีหน้ามีตา การชักชวนเดิมพันหินเป็นสิ่งที่เธอเสนอ ถ้าหากแพ้ ในอนาคตบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่คงไม่ต้องเปิดต่อไปแล้ว ประกาศปิดกิจการไปเลยดีกว่า
“ถ้าหากทั้งสองท่านเตรียมตัวพร้อมแล้ว ตอนนี้ผมก็จะเริ่มนับเวลา เวลายี่สิบนาทีจะเริ่มขึ้น!” ผู้สูงอายุที่เป็นพยานมองดูนาฬิกาและพูดขึ้น
“ตกลงค่ะ ต้องรบกวนคุณแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนกล่าวขอบคุณ
“เริ่มได้!” พยานผู้สูงอายุพูดขึ้น
คุณถูเดินไปทางหินหยกขนาดกลาง ในใจได้แต่กระวนกระวายไม่หยุด เดิมทีถ้าแพ้ ก็แค่เสียหน้า และเพิ่มการมีสิทธิ์ซื้อครอบครองหินหยกที่ไม่ได้ดูดีอะไรก้อนหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาจะแพ้ไม่ได้ เพราะถ้าแพ้ก็เท่ากับว่าตนอาจจะต้องล้มละลาย ในตระกูลยังมีลูกเมียรออยู่…
ซีเหมินจินเหลียนก็เดินไปทางโซนหินหยกขนาดกลาง เตรียมที่จะเลือกหินหยก แต่คิดไม่ถึงว่าตรงหน้ากลับมืดสนิท นิทรรศการที่เดิมทีมีแสงไฟคอยส่องสว่างก็กลับมืดมิดลง
“นี่เกิดอะไรขึ้น?” ท่ามกลางผู้คนมีคนร้องโวยวายขึ้น
แต่ไม่นานไฟก็กลับมาสว่างไสวอีกครั้ง เวลาสั้นๆ ไม่ถึงสิบวินาที คงจะแค่ไฟตกก็แค่นั้น ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลขนาดไหน แต่เรื่องนี้บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในระยะเวลาสั้นๆ แค่สิบวินาที แน่นอนว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออะไร คุณถูเริ่มหยิบแว่นขยายขนาดใหญ่และไฟฉายพกพาเพื่อเริ่มเลือกหินหยก เขาไม่กล้าสะเพร่าสักนิด
ส่วนซีเหมินจินเหลียนยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ในระหว่างที่ความมืดครอบงำอยู่นั้น เธอกลับเห็นแหล่งกำเนิดแสงจางๆ ถ้าเธอไม่ได้ดูผิด นี่น่าจะเป็นหยกกำเนิดแสงอ่อนๆ
ขอแค่เปลือกของหินหยกมีแหล่งกำเนิดแสงทะลุออกมา ก็ถือว่าเป็นของชั้นดีในของชั้นดี ซีเหมินจินเหลียนเข้าใจดี ไม่อย่างนั้นหยกธรรมดาคงจะไม่มีแสงในตัวได้
แน่นอนภายใต้แสงไฟที่มืดสนิท สายตาของคนก็มักจะมีความหลอกตัวเอง เวลานี้มองเห็นแสง บางครั้งอาจจะเป็นเพราะสายตายังไม่คุ้นเคยในการปรับตัวจากแสงหรือความมืดที่แตกต่าง ทำให้กลายเป็นการเข้าใจผิด ขนาดถึงขั้นมีคนอยู่ภายใต้แสงไฟและปิดตาลง ยังสามารถเห็นดอกไม้สีขาวหรือหลากสีได้
ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดอยู่นาน ถึงได้เดินไปที่หินหยกขนาดกลาง ไม่สนว่าเป็นเพราะสายตาที่ผิดพลาดของเธอหรือเปล่า เธอยังคงคิดจะดูว่าหินหยกก้อนนี้แท้จริงแล้ว ทำให้เธอมีความเข้าใจผิดหรือไม่กันแน่?
สายตาของทุกคนต่างตกไปอยู่ที่เธอและคุณถูท่านนั้น
ซีเหมินจินเหลียนยืนอยู่บนพื้น แสงสว่างเมื่อครู่ก็คือตรงนี้สินะ? ไม่ผิดใช่ไหม? แต่ดูจากหินหยกที่กองไว้บนพื้นแล้วสภาพย่ำแย่มาก แม้ว่าจะเป็นหินหยกขนาดกลาง แต่ก็มีข้อแตกต่างระหว่างเล็กใหญ่ ส่วนหินหยกก้อนนี้ขนาดเล็กมาก เมื่อดูแล้วไม่ได้เป็นจุดดึงดูดความสนใจมาก
แน่นอนว่าถ้าหากหินหยกดึงดูดคนขึ้นมา ก็คงจะไม่นำมาส่งที่งานเปลี่ยนหินให้เป็นทองหรอก ถ้าอยากจะเลือกหินหยกที่สามารถเผยมีเขียวมรกตได้ท่ามกลางหินพวกนี้ คงจะต้องใช้หินขนาดเท่าไหร่ถึงจะพอเปลี่ยนเป็นทองได้บ้าง
ดูทีละก้อนแล้วกัน! ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมา แต่ทว่าถึงหินพวกนี้จะย่ำแย่ไปหน่อย แต่ถ้าต้องการหาหินหยกที่พอจะปรากฏสีเขียวได้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเสมอไป เพราะอย่างไรเธอก็ไม่เชื่อว่าดูแค่ผิวและโชคจะทำให้คุณถูคนนั้นชนะเธอ
ในเวลาไม่นานเธอก็ดูไปถึงห้าก้อน ซีเหมินจินเหลียนเกือบสงสัยไปหมดแล้ว เธอตาลายไปหมด เธอคงดูผิดแล้วสินะ! แถมภายในหินหยกทั้งห้านั้น มีอยู่ก้อนหนึ่งที่เป็นคนทำขึ้นมาปลอมแปลง เธอไม่รู้จะยิ้มหรือจะร้องไห้ออกมาดี
แต่หินหยกก้อนที่หกที่เธอกำลังดูอยู่นี้ ในใจของซีเหมินจินเหลียนก็เริ่มจะเต้นแรงขึ้นมาแล้ว… เธอดวงดีเกินไปแล้ว ตอนที่เจอหยกจักรพรรดิก็ช่างเถอะ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าท่ามกลางหินหยกขนาดกลางจะมีสิ่งของล้ำค่าแบบนี้อยู่
หินหยกก้อนนี้ขนาดไม่ใหญ่ น้ำหนักไม่น่าจะเกินห้ากิโลกรัมแน่ ลักษณะกลมรี ผิวที่ปรากฏเป็นสีเทาแกมเหลืองธรรมดามากในเวลานั้นซีเหมินจินเหลียนไม่มีวิธีที่จะแยกแยะว่ามีแหล่งกำเนิดมาจากที่ไหน เพราะในทางนี้ถือว่าเธอเป็นคนใหม่อย่างสิ้นเชิง
เธอยกหินหยกขึ้นมา เดินไปข้างนอกเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ดูแลมาแล้วจ่ายเงินไปห้าพันหยวนเพื่อซื้อหินหยกก้อนนี้
“คุณผู้หญิงก็รวดเร็วจริงๆ” พยานผู้สูงอายุพูด “เลือกเสร็จแล้วเหรอครับ?”
“อืม ใช่แล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าลง ถ้าหากคุณถูสามารถเลือกหินหยกที่ดีกว่าเธอได้ เธอก็แพ้ในรอบนี้ ถือว่าเป็นลิขิตจากฟ้า
“ยังเหลืออีกแปดนาที คุณไม่ไปดูอีกสักหน่อยหรือครับ?” พยานผู้สูงอายุช่วยกล่าวเตือน
ส่วนที่ 4
ตอนที่ 109 สีเขียวเนื้อน้ำแข็ง
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ไม่แล้วล่ะค่ะ” ถ้าหากไปดูอีก บางทีอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะพบอยู่บ้าง แต่ก็คงไม่ดีไปกว่าหินหยกในมือเธอแล้ว เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอสิ่งที่มีค่าได้ในกองขยะ
ฉินเฮ่าเดินเข้ามาช่วยเธอขนย้ายหินหยกไปที่เครื่องเจียระไนแล้วยิ้มออกมา “จริงๆ ผมก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปยุ่ง แค่คิดว่าจะเลือกซื้อหินหยกไปเล่นๆ แต่คนแซ่ถูคนนั้นมีฉายาว่าเป็นราชานักเดิมพันหินหยกจากอวิ๋นหนาน แต่ไม่รู้ว่าทำไมนิสัยใจคอถึงต่ำขนาดนี้? ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเขาเลย”
“เขาคงถูกพวกคุณทั้งสองคนทำให้ตกใจน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืน ถ้าหากไม่มีจ่านมู่ฮวาและคุณถูมาเดิมพันทรัพย์สินนั่น เธอกล้ารับรองได้ว่าฉินเฮ่าคงเปิดอัตราต่อรองราคามาที่สองต่อหนึ่ง คนที่วางเดิมพันคงไม่น้อย คนที่ชอบเดิมพันหินส่วนมากความจริงก็เป็นสายการเล่นเดิมพันอยู่แล้ว ขอแค่รู้สึกว่ามีผลประโยชน์ก็ต้องลองเดิมพันดูสักครั้ง
คุณถูยังคงเลือกหินหยกอยู่ แต่เวลานี้เขามั่นใจเป็นอย่างมาก ตอนที่ซีเหมินจินเหลียนเลือกหินหยกนั้น เขาก็คอยเฝ้ามองอยู่ตลอดเหมือนครั้งก่อน เห็นว่าเธอไม่ได้ใช้อุปกรณ์อะไรทั้งนั้น แค่เดินเข้าไปแล้วเหมือนเลือกซื้อแตงโมตามแผงข้างทางในฤดูร้อน แตะไปที่ลูกนี้ที ลูกนั้นที จากนั้นก็เลือกหินหยกออกมาสักก้อนแบบไม่ได้คิดอะไร แล้วก็ซื้อไป
ถ้าหากการเดิมพันหินง่ายขนาดนี้ การเดิมพันหินก็คงไม่เหลือความท้าทายและความตื่นเต้นอะไรแล้ว ในใจของคุณถูรู้สึกดูแคลน ก็ได้ ในเมื่อหาเรื่องใส่ตัวเอง อย่างนั้นก็อย่ามาโทษเขาก็แล้วกัน ดูสิว่าแฟนของเธอจะยิ้มออกได้อีกไหม
คุณถูเลือกหินหยกได้แล้วสองก้อน ในก้อนนั้นมีก้อนหนึ่งที่มีเส้นหยกอ่อนๆ ส่วนอีกก้อนเป็นเปลือกสีน้ำตาล มีจุดหยกเล็กน้อย ตามหลักการแล้วหินหยกแบบนี้ไม่น่าจะถูกส่งมาในงานเปลี่ยนหินให้กลายเป็นทองได้ แต่ผู้จัดงานพูดประกาศออกมาว่า อย่างน้อยก็มีหินหยกหนึ่งหรือสองก้อนที่เผยสีเขียว แม้จะเป็นเศษหินหยกที่เหลือจากบริษัทของตัวเอง หากเลือกขึ้นมาเองเพื่อมาขัดขวางการเจียระไน เพื่อให้ตื่นเต้นสักหน่อยก็ถือว่าได้
หินหยกแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยก็ต้องเผยสีเขียวออกมาให้เห็นสักหน่อย แม้สีเขียวนั้นจะเป็นสีเขียวติดเปลือกก็ถือว่าเยี่ยมยอดแล้ว นอกจากนี้สีน้ำตาลก้อนนั้น สัมผัสของมันก็ไม่เลวเลย ตอนที่สัมผัสแล้วรู้สึกนุ่มลื่น
คุณถูคิดไม่ตกลังเลอยู่นานว่าจะเลือกก้อนไหนดี สุดท้ายคิดไปมาก็เรียกผู้จัดการดูแลมาขนย้ายหินหยกทั้งสองก้อนไป และจ่ายเงินหนึ่งหมื่นหยวน ซื้อไปก่อนค่อยว่ากัน
“คุณถู ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งนาทีนะครับ!” ผู้สูงอายุที่เป็นพยานทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง คอยเตือนกำกับคุณถู
คุณถูไม่ได้พูดอะไร ส่วนพยานวัยสูงอายุก็พูดขึ้น “คุณถู คุณสามารถเลือกหินหยกมาแข่งกับคุณซีเหมินได้เพียงชิ้นเดียวนะครับ”
“รู้แล้ว!” คุณถูพยักหน้าและคิดทบทวนดูอีกรอบพร้อมตัดสินใจเลือกหินสีน้ำตาลก้อนนั้น หินหยกก้อนนี้น่าจะหนักประมาณสี่กิโลกรัม ผิวสีน้ำตาล ถ้าหากเขาดูไม่ผิดน่าจะเป็นชนิดหมาเหมิง ขอแค่เผยสีเขียวออกมา ลักษณะก็ไม่น่าจะแย่อะไร ในหินเหลือใช้สภาพไม่ดีภายในงานเปลี่ยนหินให้เป็นทอง ถ้าเลือกหินหยกที่มีลักษณะแบบนี้ออกมาได้ ความจริงก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
“ทั้งสองท่านเลือกได้เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ” ผู้สูงอายุถามขึ้น
“เรียบร้อยแล้ว” คุณถูพูด “จะให้ผมเจียระไนหินเองหรือว่าให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนเจียระไนให้”
“เรื่องนี้แล้วแต่เลยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ถ้าหากคุณถูอยากจะเจียระไนหินเองก็ได้ทั้งนั้น แต่ฉันจะให้ผู้เชี่ยวชาญที่นี่มาช่วย” ระหว่างที่เสี่ยวป๋ายยุ่งอยู่กับการเล่นเดิมพันหิน เธอก็ไม่กล้าทำเอง สู้ให้ผู้เชี่ยวชาญจากที่นี่เป็นคนจัดการให้ดีกว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ผมก็ไม่เกรงใจแล้ว” คุณถูพูดพลางในขณะที่เดินไปยังเครื่องเจียระไนที่อยู่ตรงหน้า กดปุ่มทำงานแล้วนำหินหยกสีน้ำตาลในมือไปจัดตำแหน่งยึดไว้ ทำสัญลักษณ์ ก่อนใช้เครื่องเจียระไนหินอย่างชำนาญแล้วลงมีดไป
ผู้เชี่ยวชาญมีความลังเลใจที่จะถามซีเหมินจินเหลียน “คุณซีเหมินใช่ไหมครับ? คืออย่างนี้ครับ อย่างที่คุณเห็น ตอนนี้พวกเรามีเครื่องเจียระไนหินหยกขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ขนาดละเครื่อง เดิมทีก็ไม่เป็นไร ถ้าจะเจียระไนหินก็ค่อยใช้ร่วมกันก็ได้แล้ว เพียงแต่คุณกับคุณถูก็วางเดิมพันกันสูงเกินไป เพราะอย่างนั้นผมเลยไม่กล้าวางใจ ถ้าจะให้ดีที่สุดควรใช้เครื่องเจียระไนที่มีความละเอียดสูงดีกว่า รอให้คุณถูเจียระไนหินเสร็จแล้ว คุณค่อยเจียระไนต่อเป็นอย่างไรครับ?”
ซีเหมินจินเหลียนได้ฟังเขาพูดก็รู้สึกว่ามีเหตุผล อีกอย่างเธอก็อยากจะดูว่าคุณถูคนนั้นเลือกหินหยกแบบไหนออกมากันแน่ จึงรีบพยักหน้าตอบรับไป
“ทำไมตรงนี้ถึงมีเครื่องเจียระไนแค่สามเครื่องล่ะ?” ข้างกายของซีเหมินจินเหลียนมีจ่านมู่ฮวาที่ถามอย่างไม่เข้าใจ
“คุณชายอาจจะยังไม่ทราบ การเดิมพันหินใหญ่วันนี้ก็คึกคักผิดปกติมาก มีผู้เข้าร่วมงานถึงยี่สิบสามคน ทำให้เครื่องเจียระไนระดับสูงถูกขนย้ายไปใช้ทางนั้น คุณคงจะรู้ว่าอีกสักพักการเดิมพันหินใหญ่จะเริ่มขึ้นแล้ว หินหยกทั้งหมดต่างเจียระไนเสร็จภายในครั้งเดียว เพราะฉะนั้นมีคนมาเข้าร่วมเท่าไหร่ก็ต้องมีเครื่องเจียระไนเท่านั้น” ผู้เชี่ยวชาญพูด “เดี๋ยวพอสักพักทางนี้เสร็จ ผมยังต้องไปช่วยทางนั้นนต่อครับ!”
ฉินเฮ่าถามขึ้น “เมื่อกี้ยังมีคนเข้าร่วมแค่ยี่สิบเอ็ดคนอยู่เลย ตอนนี้ทำไมถึงเป็นยี่สิบสามคนแล้วล่ะ?”
ผู้เชี่ยวชาญผ่าหินพูดขึ้นว่า “เมื่อวานท่านผู้อาวุโสนักเดิมพันหินคนนั้นแพ้จนราบคาบ เพราะฉะนั้นเมื่อสักครู่เขาเลยนำหินหยกมาเข้าร่วมด้วย อีกทั้งยังมีนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นนำหินหยกมาร่วมการแข่งขันด้วย เพิ่งมากันเมื่อครู่นี้เอง คุณคงยังไม่รู้น่ะครับ”
“อ้อ” ฉินเฮ่าได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ายิ้ม เขาไม่รู้เรื่องพวกนี้จริงๆ
“ยี่สิบสามคนเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเข้าก็ตื่นเต้นดีใจ รอให้เรื่องทางนี้เสร็จแล้วเธอค่อยไปดูแล้วกัน ในขณะที่คนกำลังพูดกันอยู่ คุณถูก็ใช้มีดเปิดหินลงต่อไป วิธีการสะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ ความหนาไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร แสงสว่างของรอยเปิดสม่ำเสมอกัน
เสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณถูเปิดแผ่นหินออกอย่างเบามือ สีเขียวมรกตอ่อนๆ สะท้อนมาที่ผิวที่ติด ดูดีทีเดียว
“เผยสีเขียวแล้ว ชนิดเนื้อน้ำแข็ง เป็นเนื้อน้ำแข็ง!” ท่ามกลางผู้คนมีคนพูดขึ้นมา
พยานผู้สูงอายุเห็นเช่นนั้นก็ไม่เพียงแต่ถอนหายใจ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะมองซีเหมินจินเหลียน ผู้คนมองไปตามสายตาของซีเหมินจินเหลียน และแสดงถึงความผิดปกติ
สีหน้าของซีเหมินจินเหลียนยังคงปกติไม่มีการเคลื่อนไหวใด เนื้อน้ำแข็งหรือ? คิดไม่ถึงว่าคุณถูท่านนี้จะมีความสามารถจริงๆ ไม่คิดว่าเขาจะหาหินเหลือใช้จากการเปลี่ยนหินเป็นทอง แล้วเจอหินหยกเนื้อน้ำแข็งสีเขียวได้
ในใจเธอก็คิดเช่นนั้น แต่ปากไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงแค่มอง ฝีมือการเจียระไนหินของคุณถูช่างชำนาญและคล่องแคล่ว ไม่นานเขาก็เปิดเจียระไนหยกข้างในออกมา หินหยกหนักประมาณสี่กิโลกรัม แต่ข้างในมีหยกอยู่ไม่มาก เพียงแค่หนึ่งในสามส่วน สีเขียวไม่ได้บริสุทธิ์ตามมาตรฐาน เป็นเพียงแค่สีเขียวแอปเปิ้ลธรรมดา แต่ถ้าหากหินหยกสีเขียวเนื้อน้ำแข็งก้อนนี้ได้รับการลงมือลงแรงเสียหน่อย ทำเป็นกำไลก็ถือว่าเพียงพอราคาคงไม่ต่ำกว่าหลักแสน
เพราะอย่างนั้นคุณถูจึงมองไปทางซีเหมินจินเหลียนและจ่านมู่ฮวาอย่างได้ใจ
ผู้คนที่มาดูความสนุกในงานต่างก็มองไปที่ซีเหมินจินเหลียนและจ่านมู่ฮวา แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนจะเลือกหินหยกที่เผยสีเขียวออกมาให้เห็น แต่มากสุดก็เป็นแค่ชนิดเขียวอ่อน หรือชนิดไข่ขาวใสเท่านั้น การเดิมพันครั้งนี้พวกเขาแพ้แน่ ถึงกระทั่งบางคนก็อดใจไม่ไหวที่จะรอคอยดูผล
“ผู้เชี่ยวชาญ รบกวนคุณแล้วค่ะ” ใบหน้าของซีเหมินจินเหลียนมีความเงียบสงบ ยิ้มอย่างอ่อนโยน ราวกับหยกสีเขียวเนื้อน้ำแข็งไม่ได้อยู่ในสายตาเธออย่างนั้น
ผู้เชี่ยวชาญเจียระไนหินเดินเข้าไปเพื่อเจียระไนหิน แต่ท่ามกลางผู้คนก็มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “คุณซีเหมิน ให้ผมช่วยคุณเปิดหินเป็นอย่างไรครับ?”
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอึ้งไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเจียหยวนฮวาที่ยืนเอามือไพล่หลังท่ามกลางผู้คน เมื่อสักครู่ความสนใจทั้งหมดของเธอไปอยู่ที่หยกสีเขียวเนื้อน้ำแข็งของคุณถู ตอนนี้ถึงพึ่งสังเกตเห็นเขา
“ราชาแห่งการเดิมพันหยกนี่นา…” ภายในฝูงชนมีคนจำเจียหยวนฮวาได้
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่า เจียหยวนฮวาคลับคล้ายคลับคลาราวกับดารา ไปที่ไหนก็มีแต่คนจำได้
“ผู้อาวุโสเจีย ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้?” เห็นได้ชัดว่าคุณถูก็รู้จักเจียหยวนฮวา ได้แต่เรียกทักทาย
“เมื่อวานผมแพ้จนน่าขายหน้า วันนี้ก็เลยต้องมาแก้มือสักหน่อยน่ะ!” เจียหยวนฮวาพูดจาแกมตลก ในขณะที่พูดก็เดินไปที่ข้างๆ เครื่องเจียระไนหิน หยิบหินหยกก้อนนั้นมาจากมือผู้เชี่ยวชาญแล้วถามขึ้น “คุณซีเหมิน คุณอยากจะเจียระไนแบบไหน”
ซีเหมินจินเหลียนคิดไปมาก็พูดขึ้น “เจียระไนตามคุณถูแล้วกันค่ะ ด้านไหนก็ได้เปิดมาให้ได้สักหนึ่งเซนติเมตรแล้วกัน”
“โอ้ ได้สิ” เจียหยวนฮวาพูดไป พลางยึดหินหยกก้อนนั้นไว้ให้มั่นคง จากนั้นก็จับไปที่ตัวเครื่องแล้วใช้มีดตัดลงไป
เสียงมีดกระทบกับหินดังขึ้น แม้ว่าทุกคนต่างคิดไปว่าซีเหมินจินเหลียนแพ้แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมยังมีความรู้สึกกังวลใจขึ้นมา
เมื่อมีดตัดลงไปเรื่อยๆ เจียหยวนฮวาก็เปิดเนื้อผิวออกมาให้เห็น เนื้อผิวสว่างใสลื่นไหลสม่ำเสมอ แต่ผลที่ออกมาทำให้มีคนรู้สึกรับไม่ได้ ผู้คนต่างพากันซุบซิบ แม้แต่เจียหยวนฮวาเองก็ยังต้องตกตะลึง
คุณถูพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “คุณผู้หญิง ขอแค่คุณยอมแพ้ จากนั้นให้แฟนคุณมาชดใช้เดิมพันทรัพย์สินกับผมห้าร้อยล้าน เรื่องคืนนี้ก็ถือว่าจบ”
แม้แต่พยานผู้อาวุโสคนนั้นยังถอนหายใจออกมาไม่หยุด พูดปลอบใจว่า “คุณผู้หญิง ช่างมันเถอะครับ คุณไม่มีทางชนะคุณถูได้หรอก ลองพูดให้เข้าหูเขาหน่อย แล้วต่อรองให้เดิมพันน้อยลงเถอะ คุณผู้ชายคนนี้ก็เล่นเกินไป ถึงแม้อยากจะเอาใจแฟนสาวก็ไม่น่าจะเล่นขนาดนี้เลยนี่”
“ขอบคุณคุณที่เป็นกังวลนะครับ แต่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยจะดีกว่า ตอนนี้แฟนของผมยังไม่แพ้ ถึงจะแพ้ทรัพย์สินพวกนั้นผมก็ชดใช้ได้อยู่แล้ว” จ่านมู่ฮวาพูด
“คุณจ่าน?” เจียหยวนฮวาหันไปมองซีเหมินจินเหลียนเพื่อต้องการความแน่ใจ และถามขึ้นด้วยความสงสัย “เมื่อคืนคุณจินเหลียนเหมือนจะเคยพูดว่าคุณไม่ใช่แฟนของเธอ ทำไมคุณถึงยังหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้ล่ะ”
“ท่านผู้อาวุโสมาเพื่อเปิดหิน แล้วจะมาสนใจเรื่องส่วนตัวของคุณจินเหลียนทำไมกัน?” จ่านมู่ฮวาทำเสียงเหอะแล้วถามขึ้น
“ลงมีดอีกหน่อยค่ะ นี่ยังแค่หนึ่งเซนติเมตร” ซีเหมินจินเหลียนไม่สนใจคำพูดคำจาที่ไร้สาระ พูดขึ้นอีกครั้ง
“ได้สิ” เจียหยวนฮวาไม่พูดอะไรต่อ เริ่มยึดหินหยกให้คงที่แล้วขีดเส้น จากนั้นลงมีดไปตามจุดอย่างแม่นยำ
ส่วนที่ 4
ตอนที่ 110 อุดมไปด้วยสามสีอันล้ำค่า
ใบมีดหยุดหมุน เจียหยวนฮวาค่อยๆ ยกหินหยกที่เจียระไนขึ้นมาอย่างเบามือ ไม่เพียงแต่ถอนหายใจ เขารู้ว่าทุกครั้งซีเหมินจินเหลียนล้วนแต่สร้างความประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึงอยู่เสมอ แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ภายในงานเปลี่ยนหินให้เป็นทองเธอจะสามารถหาของมีมูลค่าแบบนี้ออกมาได้
พยานผู้สูงอายุยืนอยู่ข้างเจียหยวนฮวา มองสถานการณ์อย่างละเอียดเป็นครั้งที่สอง แม้ว่าพื้นผิวจะมีชั้นของหินสีขาวเบาบางคอยปกคลุมสีอยู่ แต่สีสันที่สดใสนั่นกลับปิดเอาไว้ไม่มิด
“สีเหลืองน้ำมันไก่ นี่คือสีเหลืองน้ำมันไก่?” พยานผู้สูงอายุพูดขึ้นมาอย่างตกใจ
“อะไรนะ?” ผู้คนที่ได้ยินก็พลอยสับสน ไม่นานก็รีบแย่งกันมาดู ทำให้ซีเหมินจินเหลียน จ่านมู่ฮวาและฉินเฮ่าเบียดเสียดเข้าด้วยกัน
จ่านมู่ฮวาไม่เคยได้ยินว่ามีสีนี้อยู่ด้วย สีเหลืองน้ำมันไก่หรือ? สีนี้ก็สวยเหรอ? ไม่นานก็ถามซีเหมินจินเหลียนไปอย่างสงสัย “อะไรคือสีเหลืองน้ำมันไก่ครับ”
“คุณเคยฆ่าไก่ไหม” ซีเหมินจินเหลียนยกยิ้มมุมปาก เธอกล้ายืนยันว่าจ่านมู่ฮวาแค่เคยกินเนื้อไก่ แต่ไม่เคยต้องมาเห็นคนที่คอยวิ่งตามจับไก่มาก่อน
“เขาเคยแต่จ้างผู้หญิง คงไม่เคยฆ่าไก่มาก่อนแน่!” ฉินเฮ่าพูดเย้นหยันขึ้น
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา นี่เรื่องอะไรกัน? จ่านมู่ฮวาไม่เพียงแต่ไม่พอใจ เขาตอบโต้กลับด้วยฝีปากร้ายลึก “คนแบบผมยังต้องจ้างด้วยเหรอ? ถ้าเป็นคุณยังจะน่าคิดเสียกว่า! ว่าแต่คุณเถอะ คุณก็เคยฆ่าไก่เหรอไง?”
“ผม…” ฉินเฮ่านิ่งอึ้งไป เขาเองก็ไม่เคยฆ่าไก่มาก่อนเช่นกัน
ซีเหมินจินเหลียนรีบพูดอธิบายว่า “ได้ยินมาว่าสีเหลืองน้ำมันไก่ที่ว่ากันนั้น มาจากตอนที่เราฆ่าไก่ ตรงกลางของส่วนท้องไก่จะมีสีน้ำมันไก่ออกมา”
“สีมันสวยไหม” ฉินเฮ่าขี้เกียจต่อปากต่อคำกับจ่านมู่ฮวา ถามขึ้นอย่างสงสัย สีตรงส่วนท้องข้างในของไก่จะสามารถมีสีได้เหรอ?
“ได้ยินมาว่าก็ไม่เลวนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
ผู้คนที่มุงดูล้อมรอบมาอยู่สักพักถึงค่อยๆ แยกย้ายกันไป เจียหยวนฮวาเปลี่ยนเป็นเครื่องเจียระไนมือ ระมัดระวังในการเจียระไนชั้นเบาบางของหินสีขาวแล้วพูด “จินเหลียน เป็นเนื้อแก้วโบราณ เนื้อผิวนุ่มลื่น สีชัดเจน เป็นสีเหลืองน้ำมันไก่ จากที่ผมดูแล้วมูลค่าของหยกก้อนนี้ชนะหยกสีเขียวเนื้อน้ำแข็งของคุณถูอย่างขาดรอย”
ถึงจะเป็นสีเขียวเหมือนกัน เนื้อแก้วย่อมชนะเนื้อน้ำแข็งอย่างขาดลอย ยิ่งไปกว่านั้นหินหยกก้อนนี้ของซีเหมินจินเหลียนยังเป็นสีเหลืองน้ำมันไก่ที่พบได้ยาก
“เดี๋ยวก่อน!” จู่ๆ คุณถูก็พูดขึ้น
“ทำไมหรือครับ” เจียหยวนฮวาถามอย่างใจเย็น “หรือว่าคุณถูไม่ยอมรับ? คุณลองดูให้ดีสิ นี่เป็นสีเหลืองน้ำมันไก่เนื้อแก้วดั้งเดิมไม่มีผิดเพี้ยน!”
“ไม่ผิด นี่เป็นสีเหลืองน้ำมันไก่เนื้อแก้ว” คุณถูพูด “แต่เมื่อครู่ผมกับคุณผู้หญิงท่านนี้ตกลงกันไว้ว่า หยกของใครมีมูลค่ามากกว่า คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ หยกก้อนนี้เปิดมาแค่ด้านเดียว ใครจะไปรู้ว่าอีกด้านจะเป็นจุดด่างมีตำหนิหรือเปล่า ถ้าหากเป็นหยกเปลือกหนาก็ทำอะไรได้ยาก แล้วนี่ยังจะมีมูลค่าเหรอ?”
พูดถึงประโยคสุดท้ายคุณเหยียดริมฝีปาก ความจริงแล้วเขาที่พูดอย่างนี้ก็ถือว่าไม่มีเกียรติจริงๆ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้หินหยกก้อนนี้มีสีเหลืองลึกตื้นอยู่เท่าไหร่ ขอแค่ลึกไปกว่าหินข้างในหนึ่งเซนติเมตร คืนนี้เขาก็แพ้ไปจนไม่มีอะไรค้ำหัว แพ้จนบ้านสั่นคลอนแล้ว
เพราะฉะนั้นถึงนี่จะเป็นแค่ความหวังอันริบหรี่ แต่เขาก็ปล่อยมันไปไม่ได้
เมื่อประโยคเมื่อสักครู่ที่เขาพูดจบไป ท่ามกลางผู้คนก็ไม่รู้ว่าใครพูดขึ้นมาว่า “ราชาหยกหลากสีอะไรนั่น ตอนนั้นก็ได้รับฉายาปลอมๆ มาหรือเปล่า คุณต้องยอมรับสิว่าคุณแพ้แล้ว ทำไมถึงพูดคำพูดที่ไร้ยางอายแบบนั้นออกมา”
คนข้างๆ อีกคนก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างเยือกเย็นและแดกดันว่า “คงไม่ใช่ว่าเขาไม่มีปัญญาชดใช้หรอกนะ ถ้าไม่มีปัญญาก็อย่ามาพูดจามั่วซั่วสิ!”
“ใช่! บอกว่าคุณหนูคนนั้นตามทิศทางลมตัวเองแล้วแย่งซื้อหินหยกที่เขาสนใจไป ไม่แน่ว่าก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนแย่งเธอซื้อ!” ไม่รู้ว่าใครพูดขึ้นมา
ใบหน้าของคุณถูเปลี่ยนเป็นสีเขียว ไม่นานก็เริ่มแดงก่ำขึ้น แต่เขาจะแพ้ได้อย่างไร? ถ้าแค่สิทธิ์ในการซื้อหินหยกก้อนหนึ่งก็ว่าไปเถอะ แต่เมื่อครู่เขาและจ่านมู่ฮวาต่างวางเดิมพันลงที่ทรัพย์สินของบ้านของแต่ละคน ครั้งนี้ถ้าเขาแพ้ไป ทรัพย์สมบัติหลายร้อยล้านคงต้องหายมลายจนหมดแน่
“เริ่มตัดจากทางนี้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนมองไปพื้นผิวของหินหยกก้อนนั้นแล้วคิดคำนวณ “ลองให้คุณถูดูสิว่าสีเหลืองนี่เป็นเหลืองเปลือกหนาหรือเปล่า”
“ตกลง” เจียหยวนฮวาพยักหน้า ก่อนเริ่มทำการตั้งตำแหน่งหินหยกให้คงที่อีกครั้ง และยังคงวาดเส้นทำสัญลักษณ์เพื่อลงมีดต่อไป มีดครั้งนี้ตัดไปลึกพอสมควร ดูแล้วน่าจะสองเซนติเมตร เมื่อเนื้อผิวถูกเปิดออก ผู้คนก็อดใจไม่ไหวที่จะผลักดันกันเข้ามาเพื่อที่จะมาชื่นชม
“คุณจินเหลียน…” เจียหยวนฮวาดูหยกที่เปิดออกมาแล้ว ไม่นานก็ตกตะลึงไม่หยุด เขาเชื่อมั่นในความสามารถในการเดิมพันหินของเธอ และรู้ว่าเธอไม่ใช่คนดูพลาด แต่ลักษณะของหินหยกก้อนนี้ห่างไกลจากความคาดหมายของเขามาก มีดเมื่อสักครู่เขาตัดตามแนวตั้งลงมา ตอนนี้หินหยกก้อนนี้แยกออกเป็นสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นสีเหลืองวาวใส อีกด้านมีสามสี นอกจากสีเหลืองน้ำมันไก่แล้ว ยังมีสีแดงคอยคาดผ่านตัดกันอย่างกว้างขวาง จากนั้นสีแดงเบาบางนั่นเปลี่ยนเป็นสีม่วงดอกไลแอค
หยกทั้งก่อนล้วนแต่ความโปร่งใสพุ่งกระจาย ความอิ่มน้ำแวววาวในตัวดี แถมสามสีนี้ยังเป็นหยกฮกลกซิ่วชั้นดี หยกฮกลกซิ่วในบ้านของซีเหมินจินเหลียนเป็นสีแดงเขียวม่วง สีสันสว่างสดใสมาก แต่คนส่วนมากชอบสีเหลืองแดงม่วงเสียมากกว่า เพราะมันเป็นสีสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ร่ำรวย
ครั้งนี้ ไม่ต้องรอให้ซีเหมินจินเหลียนกำกับ เจียหยวนฮวาก็จัดวางตำแหน่งหินหยกให้มั่นคงอีกครั้งแล้วเริ่มเจียระไนออกมา
ผู้คนในงานราวกับฝันไป คิดไม่ถึงเลยว่างานเปลี่ยนหินให้เป็นทองจะมีหยกชั้นดีโผล่ออกมาแบบนี้ มันช่างน่าตื่นตาตกใจจนพูดไม่ออก
ไม่นานเจียหยวนฮวาก็เจียระไนหินหยกจนเสร็จทั้งหมด ดูตามลักษณะคุณภาพแล้วชนะหินหยกของคุณถูไปหลายเท่าตัว สีสันงดงาม ความอิ่มน้ำและสียอดเยี่ยม…
คุณถูแพ้อย่างราบคาบ แม้แต่ประโยคสักประโยคก็ไม่พูดออกมา นี่เป็นไปได้อย่างไร? ที่นี่เป็นงานเปลี่ยนหินให้กลายเป็นทอง เป็นหินหยกเหลือใช้จากบริษัทอัญมณีต่างๆ ทำไมถึงได้มีหยกชั้นดีขนาดนี้โผล่อยู่ที่นี่ได้…
เธอโกงแน่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เธอต้องโกงแน่ๆ!
ไม่นานคุณถูก็เปล่งเสียงดังที่สุดเท่าที่เคยมีมาว่า “ขี้โกง คุณขี้โกง ผมจะฟ้อง!”
เจียหยวนฮวาส่งหยกชั้นดีก้อนนั้นไปให้ซีเหมินจินเหลียนแล้วพูดว่า “คุณถูพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรกัน ขี้โกง? โกงยังไง คุณพูดออกมาต่อหน้าผู้คนสิ”
“ผมไม่เชื่อ นี่มันเป็นไปไม่ได้!” คุณถูโกรธจนขาดสติ ดวงตาแดงกล่ำจดจ้องมองไปที่ซีเหมินจินเหลียนอย่างดุดัน
ซีเหมินจินเหลียนตกใจเป็นอย่างมาก เธอรีบถอยหลังออกไปสองสามก้าว จ่านมู่ฮวายื่นมือไปพยุงเธอพร้อมพูดปลอบใจ “ไม่เป็นไร นักเดิมพันมักเป็นแบบนี้”
ผู้คนที่คอยล้อมรอบอยู่ ต่างเดือดดาลขึ้นมาแล้วพูดเสียงดังขึ้นว่า “ถ้ายอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ ก็อย่ามาเดิมพันเลย”
“ตัวเองไม่มีความสามารถแท้ๆ แล้วยังกล้าบอกอีกเหรอว่าคนอื่นแย่งซื้อตามตัวเอง?” มีคนพูดมาอีก
ส่วนที่ 4
ตอนที่ 111 หินหยวนหยาง
จ่านมู่ฮวาประคองซีเหมินจินเหลียน และมองไปที่คุณถูพร้อมดันเสียงพูดขึ้น “คุณถู เงินในการเดิมพันครั้งนี้คุณจะโอนมาให้ผมเมื่อไหร่ครับ”
คุณถูเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เกือบจะล้มพับลงกับพื้น ของเดิมพันครั้งนี้เขาจะรับมือไหวได้อย่างไร? ห้าร้อยล้านนะ ไม่ใช่ห้าสิบล้าน คนที่เดิมพันหินส่วนใหญ่ต่างมีทรัพย์สินติดบ้านเป็นของตัวเอง แต่ถึงแม้เขาจะนำร้านต่างๆ มาโอนให้ ในเวลาฉุกละหุกเช่นนี้เกรงว่าไม่อาจนำเงินสดจำนวนห้าร้อยล้านมาได้ ในวันนี้เขาพ่ายแพ้ต่อหน้าคนอื่น เกรงว่าเพื่อนในวงการคงไม่มีใครยอมช่วยเหลือเกื้อกูลแน่
“คุณคิดจะให้เขาจ่ายห้าร้อยล้านจริงๆ น่ะเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม
จ่านมู่ฮวาไม่เข้าใจ ทำไมจะไม่เอาล่ะ? มีเงินมาอยู่ตรงหน้าจะไม่เอาได้อย่างไร
“ครั้งนี้ถ้าเป็นคุณที่แพ้ เขาก็คงจะให้พวกเราจ่ายเป็นพันล้านแน่” จ่านมู่ฮวาพูด
“ถ้าฉันแพ้ คุณจะทำอย่างไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะปฏิเสธหรือเปล่า”
จ่านมู่ฮวาคิดอย่างจริงจังก่อนพูดขึ้น “นั่นก็ไม่แน่ บางทีอาจจะไปหาเขาเพื่อตกลง ขอให้เขาลดสักสองสามร้อยล้าน”
“แล้วถ้าเขาไม่ยอมล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนแค่นเสียงเหอะใส่ แล้วถามขึ้น เธอก็ไม่เคยเจอใครที่หน้าด้านขนาดนี้มาก่อน
“ถ้าไม่ยอมง่ายๆ อย่างนั้นก็คงต้องบีบบังคับ…ฮะๆ คุณก็รู้นี่ แล้วมาถามผมทำไมกัน?” หน้าตาที่งดงามของเขามีพลังร้ายกาจแวบเข้ามา
“คุณนี่มัน…” ซีเหมินจินเหลียนโกรธจนทำอะไรไม่ถูก คนคนนี้ก็อันตรายจริงๆ “คุณก็อย่าทำเกินไปหน่อยเลย ชนะครั้งนี้ก็ให้เขาจ่ายแค่ส่วนหนึ่งก็พอแล้ว อย่าไปบีบบังคับให้เขาต้องล้มละลายลงเลย อย่างน้อยก็เหลือคุณธรรมไว้บ้าง”
“ก็ได้ๆ คุณพูดอะไร ผมก็ฟังคุณทั้งนั้น!” จ่านมู่ฮวาได้ยินเช่นนั้นก็ถามขึ้น “ถ้าอย่างนั้นคุณว่าควรจะเรียกเงินสักเท่าไหร่ดี”
“แล้วแต่คุณเถอะค่ะ แต่อย่าถึงกับทำให้ครอบครัวของเขาต้องล้มละลายลงไม่เป็นท่าก็พอ” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางเธอก็ถือโอกาสนำหินหยกสีสามสีอันล้ำค่าในมือนั้นส่งไปให้จ่านมู่ฮวา “เอาไปเก็บไว้ที่ตู้เซฟนิรภัยของคุณ อ้อ จริงสิ ก้อนนี้ด้วย” เธอพูดไปในขณะที่เดินไปทางฝั่งของหินหยกขนาดใหญ่ เพื่อตามหาหยกสีเขียวจักรพรรดิก้อนนั้น
ผู้ดูแลรีบเดินเข้ามาแล้วขนย้ายหินหยกก้อนนั้นมาและถามว่า “คุณผู้หญิง คุณตามหาหินหยกก้อนนี้อยู่ใช่ไหมครับ”
“ใช่แล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าแล้วพูด “เมื่อครู่ฉันก็จ่ายเงินสดไปแล้วหนึ่งหมื่นหยวน ตอนนี้ฉันก็เอามันไปได้แล้วใช่ไหม?”
“ได้สิครับ” ผู้ดูแลพยักหน้าแล้วถามขึ้นว่า “คุณผู้หญิงสนใจที่จะดูสินค้าอื่นๆ อีกไหมครับ”
“กำลังคิดอยู่เหมือนกันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด
เมื่อครู่นี้แม้ว่าเจียหยวนฮวาจะรู้ว่าซีเหมินจินเหลียนและคุณถูแข่งขันเพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในการซื้อหินหยกก้อนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหินหยกก้อนนั้นมีลักษณะเป็นเช่นไร จนถึงตอนนี้ก็ถามขึ้นอย่างสงสัย “คุณจินเหลียน ใช่หินหยกก้อนนี้หรือเปล่า”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มมุมปากและพยักหน้า
เจียหยวนฮวาจึงยิ้มถามจึ้น “ขอผมสัมผัสมันสักครั้งได้ไหม”
“เชิญตามสบายค่ะผู้อาวุโสเจีย” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มและให้ผู้ดูแลนำหินหยกก้อนนั้นไปวางไว้ที่พื้น ปล่อยให้เจียหยวนฮวาดูตามอิสระ
เจียหยวนฮวาหยิบแว่นขยายและไฟฉายติดตัวมาดูอย่างละเอียด อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วไม่หยุด หินหยกก้อนนี้ดูจากลักษณะพื้นผิวแล้ว โอกาสที่จะเผยสีเขียวให้เห็นมีสูงมาก อีกทั้งแหล่งกำเนิดยังไม่เลว แต่อย่างน้อยก็ไม่น่าจะทำให้ซีเหมินจินเหลียนถึงขนาดยอมทำทุกอย่างได้ขนาดนี้นี่?
เขาเข้าใจนิสัยของซีเหมินจินเหลียนอยู่ไม่น้อย ถ้าหากไม่ใช่หยกชั้นดี เธอคงไม่แย่งมันมาเล่นๆ หรอก
“คุณจินเหลียน อย่าถือสาเลยนะถ้าผมจะถามว่าทำไมคุณถึงได้สนใจหินหยกก้อนนี้นัก ดูจากลักษณะภายนอกแล้วก็ไม่ถือว่าดีมากอะไรขนาดนั้นนี่นา” เจียหยวนฮวาพูด
“พอดีเท้าของฉันไปชนมันเข้าน่ะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลาง แล้วหันตัวมาข้างๆ เผยให้เก็นข้อเท้าซ้ายของเธอ บนถุงเท้านั้นมีคราบเลือดให้เห็นอย่างชัดเจน
“จินเหลียน แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ฉินเฮ่าถามอย่างกระวนกระวายใจ “ไปโรงพยาบาลหน่อยไหม ไปฆ่าเชื้อสักหน่อย ถ้าปล่อยไว้แบบนี้อาจจะอักเสบกว่าเดิมก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าปฏิเสธ แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น ผ่านไปสองวันก็คงดีขึ้นแล้ว ต้องไปโรงพยาบาลทำไมกัน
“คุณไปชนจนเจ็บข้อเท้า เพราะอย่างนั้นคุณเลยอยากจะซื้อหินหยกก้อนนี้หรือ?” ผู้อาวุโสเจียไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คุณถูที่พ่ายแพ้ไปอย่างน่าสงสารนั่น…ก็ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆ จะไปหาเรื่องเธอทำไมกัน? ขี้ขายหน้ายังไม่พอ แต่ยังต้องไปชดใช้ทรัพย์สินอีก
“ใช่แล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าตอบกลับอย่างตั้งใจ “ฉันนั่งอยู่บนหินก้อนนี้เพื่อจะดูว่าแผลเป็นยังไงบ้าง จากนั้นฉันก็คิดว่าฉันกับหินหยกก้อนนี้คงมีวาสนาต่อกันถึงคิดจะซื้อมา จากนั้นคุณถูท่านนี้ก็เข้ามาถามฉันว่าดูเสร็จแล้วหรือยัง เขาจะขอดูต่อ แน่นอนว่าฉันต้องไม่ให้อยู่แล้ว เขาก็เลยบอกว่าจะซื้อหินหยกก้อนนี้…เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ” พูดพลางเธอก็ปัดมืออย่างจนใจ
เจียหยวนฮวาได้ยินเข้าก็เข้าใจได้ การเดิมพันหิน ในเมื่อมีคำว่าเดิมพันเข้ามา คนส่วนมากมักจะคิดแต่โชคและวาสนา ซีเหมินจินเหลียนถูกหินหยกก้อนนี้ทำร้ายจนเจ็บเท้า เดิมทีอารมณ์ของหญิงสาวคนนี้ก็ไม่ได้ดีอะไรนัก คุณถูเองเวลาพูดจาก็วู่วาม คงหลีกเลี่ยงที่จะทะเลาะกันได้ยาก
ส่วนคุณถูที่บอกว่าเธอซื้อตามเขา นั่นก็เป็นเรื่องที่เกินไป คนอื่นยังพอว่า แต่ซีเหมินจินเหลียนนี่น่ะหรือจำเป็นต้องตามทิศทางลมแล้วแย่งซื้อมา?
คงจะเป็นเพราผลของการที่ซีเหมินจินเหลียนเจียระไนสามสีอันล้ำค่าออกมาได้ ไม่ว่าผู้ชมงานส่วนมากจะมาเพื่อดูความคึกคักหรือเป็นสายเดิมพันอย่างแท้จริง ต่างก็เริ่มคิดที่จะซื้อหินหยกจำนวนมากมาลองเสี่ยงดวงชะตาดู บางทีถ้าหากโชคดีก็อาจจะพบหินหยกชั้นดีสักก้อนหนึ่ง แต่ถ้าโชคไม่ดีก็แค่เสียเงินหลักหมื่นหยวนไปเท่านั้นเอง
ซีเหมินจินเหลียนและเจียหยวนฮวาพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่เจียหยวนฮวาก็คิดจะลองเลือกหินหยกหลายก้อนมาทดสอบดวงชะตา แต่ซีเหมินจินเหลียนกลับสนใจไปที่หินรูปร่างทรงกระบอกแปลกประหลาดนั้น ไม่นานเธอก็เดินเข้าไป
พอดีกับที่จ่านมู่ฮวาได้รับคำสั่งจากเธอให้นำหินหยกทั้งสองก้อนไปเก็บไว้ที่ตู้เซฟข้างใน เมื่อกลับเข้ามาก็ตั้งใจไปยั่วยวนคุณถู แต่ไม่คิดว่าเมื่อมองไปรอบด้านกลับไม่เจอเขา จากนั้นเขาจึงหาผู้ดูแลเพื่อเรียกถาม ผู้ดูแลบอกว่ามีชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเข้ามาคุยอะไรกับคุณถู สักพักคุณถูจึงเดินตามเขาไป
จ่านมู่ฮวาคิดดูแล้ว ในใจก็พอเข้าใจขึ้นมาได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีสัญญาที่ใช้เดิมพันอยู่ ไม่ว่าคุณถูจะหลบหลีกหนีไปไหนก็หนีไม่พ้น นอกจากนี้คนคนนี้ยังมีหน้ามีตาอยู่ที่วงการเดิมพันหินสายนี้ มีบ้านมีธุรกิจ ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหนีไปไหนได้ เพราะอย่างนั้นเลยเดินตรงเข้าไปหาซีเหมินจินเหลียน
“จินเหลียน คุณยังสนใจหินก้อนนี้ด้วยหรือ” จ่านมู่ฮวาตาเบิกกว้าง มองหินหยกรูปร่างทรงกระบอกอย่างกรุ้มกริ่ม ให้ตายเถอะ หินหยกก้อนนี้…ทำไมถึงมีรูปร่างแบบนี้นะ?
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นแล้ว เป็นใครจะไม่รู้บ้างว่าคำพูดของเขาแฝงอะไรอยู่ ไม่นานหน้าก็แดงก่ำ ถอนหายใจเบาๆ พร้อมก้มหน้าก้มตากลบเกลื่อน ยังดีที่ว่าผมยาวของเธอร่วงลงมาบดบังความกระดากอายของเธอได้
“คุณอย่ามาวุ่นวายกับฉันเลย ไปดูการเดิมพันหินใหญ่ด้านหลังนู่นสิ คุณก็ยังเหลืออีกห้าสิบล้านหยวนไม่ใช่เหรอ ก็ลองไปเสี่ยงโชคดูเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนไล่เขาให้ไป ถ้าเขายังอยู่ เธอจะดูหินได้อย่างไร?
“จินเหลียน ผมคิดจะซื้อหินหยกก้อนนี้ แล้วจะตั้งชื่อให้มันว่าหินหยวนหยาง” จ่านมู่ฮวาพูด
“คุณคิดจะแย่งฉันซื้ออย่างนั้นเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนเจตนาถาม
“ถ้าคุณซื้อไป คุณก็ไม่กลัวว่าจะทำหน้าไม่ถูกเหรอ?” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น “คุณลองคิดดูสิ ในนี้มีผู้ชายตั้งกี่คนที่กำลังมองคุณอยู่ ผมช่วยซื้อให้คุณ ก็เท่ากับว่าเราทั้งคู่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย?”
ซีเหมินจินเหลียนนั่งยองๆ ลงกับพื้น เท้าคางพลางคิดเล็กน้อยและพยักหน้าพูดขึ้น “โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันเอาเงินให้คุณ ไม่อย่างนั้น ถ้าฉันเจียระไนออกมาแล้ว ถึงเวลานั้นคุณผิดคำพูด ฉันก็เสียเปรียบแย่!”
“ผมสนใจแค่เจ้าหญิงหยกเท่านั้นแหละ” จ่านมู่ฮวาหัวเราะและเรียกผู้ดูแลให้เข้ามาเพื่อจ่ายเงิน แล้วสั่งให้พวกเขานำหินหยกยกไปอีกฝั่ง
“คุณอย่าคอยตามฉันอยู่แบบนี้สิ ฉันจะไปดูหินหยกเล็ก ส่วนคุณก็ไปดูการเดิมพันหินหยกใหญ่ที่ด้านหลังเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดพร้อมกับลุกยืนขึ้นมา ในใจรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ลักษณะของหินหยวนหยางนั้นไม่เลวเลย เพียงแต่รูปร่างของหินก้อนนั้นทำให้คนที่พบเห็นได้แต่สงสัยว่าจะสามารถออกมาเป็นของดีได้หรือไม่
“ก็ได้ๆ ผมไม่กวนคุณแล้ว ผมจะไปดูน้องรักของผมสักหน่อยว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงทอดทิ้งคุณให้อยู่คนเดียว แล้วเอาแต่ไปเล่นเดิมพันหินใหญ่ ปล่อยปละละเลยคุณแบบนี้” จ่านมู่ฮวาพูด “ถ้าคุณมีอะไรก็โทรมาหาผมนะ…อีกเดี๋ยวผมมีเรื่องสำคัญบางอย่างจะพูดกับคุณ”
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้สนใจเรื่องสำคัญที่เขาจะพูดอะไรนั่นเลยแม้แต่น้อย อย่างเขาน่ะหรือจะมีเรื่องอะไรอีก นอกเสียเรื่องที่จะตามจีบเธอ? ผู้ชายเวลาที่จะจีบผู้หญิงสักคน ก็เอาแต่พูดเรื่องผลประโยชน์เป็นวรรคเป็นเวรนั่นล่ะ
ตอนนั้นที่หวังหมิงเหยาทิ้งเธอ เขาก็คอยแต่จะติเธอตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ไม่เคยยอมเปิดปากพูดเรื่องที่เขาคิดว่าเธอจน…มนุษย์เรานั้นบางครั้งก็จอมปลอมแบบนี้
หินหยกขนาดใหญ่และขนาดกลางต่างดูจนหมดแล้ว เธอจึงไปดูหินหยกขนาดเล็กและเลือกก้อนเล็กๆ มา ก่อนจะเรียกผู้ดูแลเพื่อจ่ายเงิน เมื่อผู้ดูแลเห็นแบบนี้ก็ถามอย่างมีมารยาทขึ้นมาว่า “คุณผู้หญิงต้องการเจียระไนเลยไหมครับ”
“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวฉันค่อยกลับไปเจียระไนเอง” ซีเหมินจินเหลียนพูด การที่เจียระไนหยกออกมา นั่นเป็นโชคชะตา ถ้าหากรีบเร่งมาเปิดเจียระไนที่แห่งนี้ ถึงจะไม่อยากเป็นที่สนใจ นั่นก็คงจะยากแล้ว อีกอย่างเมื่อสักครู่ที่เธอออกตัวไป คนส่วนใหญ่คงกำลังจับตามองเธออยู่
ตอนนี้เอง ทางฝั่งเครื่องเจียระไนนั้นก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “เผยสีเขียวแล้ว!”
ซีเหมินจินเหลียนสงสัย มีคนเจียระไนออกมาเป็นหยกชั้นดีอีกแล้ว? ทันใดก็ได้เดินเข้าไปดู กลับเห็นว่าคนที่เจียระไนนั้นคือเจียหยวนฮวา หินหยกก้อนนั้นหนักราวๆ สามกิโลกรัม เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้วิธีตัดจากแกนกลาง วิธรการเด็ดขาดแน่วแน่มาก มีลายเส้นสีไม่กี่เส้นอยู่บนเนื้อหินสีขาวสะอาด สีนั่นเป็นสีเขียว สร้างความชื่นชอบให้แก่คนที่พบเห็น ความอิ่มน้ำแวววาวอยู่ระหว่างหยกเปลือกบางและชนิดน้ำ ถือว่าไม่เลวเลย
“ผู้อาวุโสเจีย หินหยกก้อนนี้ขายหรือเปล่าครับ” ท่ามกลางผู้คนมีคนถามขึ้น ความจริงการเจียระไนเมื่อครู่ เพราะทุกคนรู้ว่าทั้งสองฝ่ายวางเดิมพันใหญ่ หลังจากการเปิดเจียระไนหินเสร็จก็ไม่มีใครถามขึ้นมา ตอนนี้การเจียระไนนี้มีสีเขียวเผยให้เห็น แน่นอนว่าบริษัทอัญมณีมากมายต่างให้ความสนใจ
“ขาย!” เจียหยวนฮวาพยักหน้า งานเปลี่ยนหินให้เป็นทอง เดิมทีเขาก็แค่อยากลองมือ อยากจะใช้เงินเล็กน้อยเปิดเจียระไนหยกเพื่อขายออกไปก็เท่านั้น
ส่วนที่ 4
ตอนที่ 112 ให้เงินคุณ ใช้ตามใจชอบ
ภายในเวลาอันรวดเร็ว หินหยกของเจียหยวนฮวาก็ถูกคนซื้อไปด้วยราคาหนึ่งแสนหยวน ภายในครั้งเดียวเขาเลือกมาห้าก้อน ในเวลานั้นจึงเริ่มเจียระไนหินต่อไป ซีเหมินจินเหลียนเองก็มองดูอย่างตื่นเต้น ตอนนี้เองโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา
ซีเหมินจินเหลียนหยิบมือถือขึ้นมาดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นจ่านป๋ายที่โทรเข้ามา แปลกจริงวั นนี้เธออยู่ที่นี่และมีความเคลื่อนไหวที่เด่นชัดมาก แต่จ่านป๋ายกลับไม่เดินเข้ามาหาเลย มันก็ดูแปลกกว่าปกติจริงๆ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
เมื่อรับสายโทรศัพท์ ซีเหมินจินเหลียนพูดได้เพียงคำว่าฮัลโหล ก็ได้ยินเสียงของจ่านป๋ายถามขึ้นอย่างร้อนรนว่า “จินเหลียน ทางนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีนี่” ซีเหมินจินเหลียนตอบกลับไป ถึงจะมีปัญหาแต่ตอนนี้ก็แก้ไจได้แล้ว ตอนนี้เธอไม่มีเรื่องอะไร กำลังรู้สึกเบื่อๆ แล้วดูคนเจียระไนหินก็เท่านั้น
“จินเหลียน คุณแยกตัวออกมาจากจ่านมู่ฮวาและฉินเฮ่าก่อน เดินมาด้านหลัง ผมมีเรื่องด่วนจะคุยกับคุณ” จ่านป๋ายพูดขึ้น
“อ้อ…โอเค” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ท่าทางของจ่านป๋ายดูมีลับลมคมใน หรือว่าเขาจะทำเรื่องอะไรอีก? ที่นี่ก็ไม่เหมือนกับที่บ้านนะ เขาก็คงไม่เล่นเกมโรแมนติกอะไรที่นี่หรอกใช่ไหม?
เธอคิดพลางและเก็บโทรศัพท์ ก่อนจะเดินเบียดเสียดออกมาจากผู้คน ถือโอกาสที่จ่านมู่ฮวาและฉินเฮ่าดูเจียหยวนฮวากำลังเจียระไนหิน หันตัวหลบหลีกเดินไปทางด้านหลัง
“จินเหลียน คุณจะไปไหน” ไม่นานจ่านมู่ฮวาก็ตามมาทัน
“ฉันไปดูงานเดิมพันด้านหลังสักหน่อย คุณไปดูผู้อาวุโสเจียเจียระไนหินเถอะ ถ้าหากมีหยกสวยมากๆ อย่าลืมซื้อมาไว้ล่ะ” ซีเหมินจินเหลียนหาข้ออ้างเพื่อที่จะหลบเลี่ยง
“คุณจะไปหามู่หรงเหรอ” จ่านมูฮวาพูด
ซีเหมินจินเหลียนถูกเขามองออก หน้าก็แดงก่ำขึ้นมา ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างรู้สึกผิด จ่านมู่ฮวาถอนหายใจแล้วถามขึ้น “ผมมีตรงไหนที่สู้เขาไม่ได้กัน?”
“คุณทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ
“ผมก็ดูเลวขนาดนั้นเลยเหรอ?” จ่านมู่ฮวาพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“บางครั้ง คุณก็ดูเป็นคนดีคนหนึ่ง” ซีเหมินจินเหลียนพูด แต่ในใจก็เพิ่มเติมประโยคต่อไปว่า เพียงแต่ไม่เหมาะกับฉันก็เท่านั้น!
จ่านมู่ฮวาหยิบบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสตางค์ ก่อนส่งไปให้เธอ “เมื่อวานพวกเราตกลงกันแล้ว ถ้าหากคุณเล่นเดิมพันหินใหญ่ ผมจะลงเดิมพันไปก่อน หลังจากนั้นจะแบ่งกันห้าต่อห้า คุณคงไม่ทิ้งผมแบบนี้หรอกนะ”
“ก็ได้” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น เธอไม่เพียงแต่ยิ้มฝืน เธอไม่เคยเจอใครสุดจะทนขนาดนี้ “ถ้าหากจะให้ฉันเล่นเดิมพันหินใหญ่ จะต้องใช้เงินของคุณ”
“รหัสคือวันเกิดของคุณ” จ่านมู่ฮวากระซิบที่ข้างหูเธอ “เงินนี่ให้คุณ คุณจะวางเดิมพันอะไรที่ไหนก็ตามสบาย ถึงจะแพ้ก็ไม่เป็นไร ผมสบายๆ อยู่แล้ว”
พูดไปจ่านมู่ฮวาก็หันหลังกลับ แต่ไม่ได้ไปทางผู้อาวุโสเจียที่เจียระไนหินอยู่ เขากลับเดินไปทางห้องรับแขกด้านข้างแทน
ในมือของซีเหมินจินเหลียนกำบัตรธนาคารไว้ ในใจมีแต่ความสับสนอย่างบอกไม่ถูก เธอจำที่จินอ้ายหัวเคยบอกได้ว่า เมื่อผู้ชายพูดกับผู้หญิงว่า ‘ผมรักคุณ!’ นั่นก็ไม่ใช่ประโยคที่ตราตรึงใจที่สุด เพราะส่วนมากจะมีความหลอกลวงอยู่ในนั้น แต่ประโยคที่น่าประทับใจมากที่สุดก็คือการที่ผู้ชายมาพูดกับผู้หญิงว่า ‘เงินนี่ให้คุณ คุณจะใช้จ่ายอะไรก็ได้ตามสบาย’ ต่างหาก
ตอนแรกที่จินอ้ายหัวพูดประโยคนี้ เธอคิดว่าเป็นเพียงคำพูดที่ติดตลก แต่วันนี้กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ชายคนหนึ่งยัดบัตรธนาคารมาใส่มือเธอ แล้วพูดกับเธอว่า ‘เงินนี่ให้คุณ คุณจะวางเดิมพันอะไรที่ไหนก็ตามสบาย…’ เมื่อย้อนคิดดูแล้วงานเดิมพันที่หรูหราในคืนนี้ จ่านมู่ฮวาก็วางเดิมพันข้างเธอโดยใช้ทรัพย์สินที่บ้านของเขา ราวกับว่าเชื่อใจเธออย่างมาก แต่เธอกับเขา ความจริงแล้วก็ไม่ได้สนิทสนมกันเลย แม้กระทั่งจ่านมู่ฮวาก็เคยพูดไว้ว่าที่เขาตามจีบเธอ ทั้งหมดนั้นมันก็เพื่อผลประโยชน์
เธอหันหลังกลับไปเธอก็เดินไปทางห้องนิทรรศการด้านหลังของการเดิมพันหินใหญ่ ในมุมหนึ่งเธอก็พบกับจ่านป๋าย
“มีอะไรเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น
จ่านป๋ายลากซีเหมินจินเหลียนมาและพูดขึ้นว่า “ผมเห็นหลินเสวียเหวิน…”
ซีเหมินจินเหลียนงนิ่งอึ้งไป หลินเสวียเหวินอย่างนั้นหรือ? นายท่านตระกูลหลินที่เพิ่งจากไปได้ไม่นาน คนที่ได้ยินมาว่าลูกและสะใภ้วางยาฆ่าเขา เพื่อที่ต้องการชีวิต อีกทั้งเธอเพิ่งเริ่มซื้อหุ้นบริษัทหลินซื่อ จิวเวอรี่ได้สำเร็จ
“หลินเสวียเหวินไหนกัน?” ซีเหมินจินเหลียนถาม บางทีอาจจะเป็นคนที่ชื่อเหมือนกันแซ่เหมือนกันก็ได้
“ยังจะมีหลินเสวียเหวินไหนอีกล่ะครับ?” จ่านป๋ายกระซิบถาม “ก็คุณปู่ของหลินเสวียนหลานยังไงล่ะ!”
“คุณจะบอกว่าคุณเห็นผีเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างไม่สบอารมณ์
“ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าอาจจะเห็นผี แต่มันพิสูจน์ได้ว่าคนคนนี้ยังไม่ตาย ดูท่าทางเขาแล้วก็เหมือนจะไม่เป็นอะไรเลย” จ่านป๋ายพูด
“คุณไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว หลินเสวียเหวินยังไม่ตาย? นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน เธอก็ได้ไปร่วมงานศพของเขา เห็นกับตาว่าเขาถูกฝังแล้ว
“ผมก็หวังว่าผมจะดูผิด ดูผิดบ้าบออะไรก็ได้!” จ่านป๋ายถาม
ซีเหมินจินเหลียนเห็นเขาด่าสถบออกมา ก็หัวเราะพร้อมถามขึ้น “ถ้าเขายังไม่ตายจริงๆ หรือว่าเขากำลังเล่นอะไรอยู่?”
“ปัญหาก็คือ ผมก็ไม่รู้!” จ่านป๋ายยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“ถ้าเขาชอบแกล้งตายก็ปล่อยให้เขาแกล้งตายไปเถอะ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา” ซีเหมินจินเหลียนเบ้ปากพูดออกมา อายุปูนนี้แล้วยังชอบเล่นอะไรเป็นเด็กๆ อีก
“จะบอกว่าไม่เกี่ยวก็ไม่ได้หรอกครับ” จ่านป๋ายสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นแล้วพูด “จินเหลียน คุณลองคิดดูสิ บริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ก็เป็นหลินเสวียเหวินที่ปั้นขึ้นมากับมือ ตอนนี้พวกเราซื้อหุ้นมาไว้ทั้งหมดแล้ว แม้ว่าชื่อจะเป็นของคุณ ฉินเฮ่าและหลินเสวียนหลานร่วมหุ้นกัน แต่เมื่อทุนที่ได้จากการเดิมพันเข้ามา หุ้นของพวกเขาในมือส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้ในชื่อของคุณ ตอนนี้ ผม ฉินเฮ่าและหลินเสวียนหลาน มีหุ้นอยู่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ส่วนคุณมีหุ้นทั้งหมดเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ บริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ล้มละลายจบไปนานแล้ว ถ้าผู้อาวุโสคนนี้ยังไม่ตาย เขาจะยอมให้เป็นอย่างนี้เหรอ?”
ซีเหมินจินเหลียนลองคิดตามดูแล้ว สิ่งที่จ่านป๋ายพูดก็ดูมีเหตุผล แต่สภาพการณ์ตอนนี้ ถ้าหากหลินเสวียเหวินมีเงิน เขาคงไม่ให้เธอซื้อหุ้นบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ไปได้สำเร็จหรอก ไม่เช่นนั้นการที่เขาเล่นเกมแกล้งทำเป็นตายก็ไม่ได้อะไรกลับมา หรือว่าการแกล้งทำเป็นตายจะทำให้หยกออกมาอย่างไม่คาดคิด?
“คุณยุ่งอยู่ด้านหลังทั้งวันเพื่อดูสิ่งนี้น่ะเหรอ?” ซีเหมินจินเหลีวนยิ้มแหยถามขึ้น
“เถ้าแก่โจวก็มาเข้าร่วมการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้…” จ่านป๋ายพูดขึ้นอีกครั้ง
“อืม เขาเปิดร้านค้าหินหยก การที่จะเอาหินหยกสักก้อนมาเล่นสนุกด้วยก็เป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้เขายังฉลาดเฉียบแหลม มีเงินตั้งมากมาย” ซีเหมินจินเหลียนพูด เรื่องนี้ไม่มีอะไรแปลกเลยสักนิด เพราะว่าร้านของเหล่าโจวเปิดอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองเซี่ยงไฮ้ก็มีโอกาสในเรื่องของหยกแบบนี้ ถ้าเขาไม่ร่วมนี่สิ ถึงเรียกว่าผิดปกติ
“หลินเสวียเหวินก็อยู่ด้วยกันกับเขา อีกทั้งข้างกายเขายังมีผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง…” จ่านป๋ายพูด
แน่นอนว่าซีเหมินจินเหลียนไม่สนใจ หลินเสวียเหวินอยากแกล้งตายเพื่อปกปิดครอบครัวและเพื่อนฝูง ด้านนอกจำเป็นต้องมีคนช่วยอย่างแน่นอน ครั้งก่อนเจียหยวนฮวาพูดไว้ว่า หลินเสวียเหวินและเถ้าแก่โจวติดต่อกันโดยตลอด และบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่มีเงินก้อนใหญ่ในหลายปีนี้ก็ถูกหลินเสวียเหวินโอบอุ้มไป ผู้อาวุโสท่านนี้ไม่รู้ว่าคิดจะทำอะไรกันแน่? แต่อย่างไรก็ไม่ใช่คนปกติ
“จินเหลียน ผมรู้สึกว่าเรื่องมันดูไม่ชอบมาพากลแปลกๆ” จ่านป๋ายจับไหล่เธอไว้อย่างเบามือ เธอคงไม่รู้ว่าตอนที่เขาเห็นผู้หญิงคนนั้น เขาเกือบจะร้องตะโกนตกใจขึ้นมา
“ก็แค่หลินเสวียแกล้งทำเป็นตาย ชอบแกล้งก็ปล่อยให้เขาแกล้งไปก็พอ แล้วหลินเสวียนหลานรู้เรื่องนี้หรือเปล่า” ในใจของซีเหมินจินเหลียนรู้สึกขมขื่น ดูท่าทางของจ่านป๋ายดูเคร่งขรึมแบบนี้แล้ว นั่นก็แสดงว่าหลินเสวียนหลานคงจะรู้สินะ
เป็นอย่างที่คิดไว้ จ่านป๋ายพยักหน้า หลินเสวียนหลานรู้เรื่องนี้
“จินเหลียน ผมคงทำร้ายคุณอีกแล้วสินะ” จ่านป๋ายยิ้มเฝื่อน
“คุณจะทำร้ายฉันได้อย่างไรกัน” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา และเล่นผมยาวทีอยู่ตรงหน้าอกของเธอ “ฉันไม่ได้ถูกยั่วยุง่ายขนาดนั้น ถ้าหากบางเรื่องจำเป็นต้องเผชิญหน้า อย่างนั้นพวกเราก็เผชิญไปด้วยกัน!” พูดถึงประโยคสุดท้าย เธอก็รู้สึกผ่อนคลายลง ในใจที่กลัดกลุ้มมาตั้งนาน ราวกับได้แตกซ่านออกไป ถ้าหากมีเรื่องที่จำเป็นต้องเผชิญหน้า ถ้าหากตำนานที่กล่าวขานนั้นเป็นจริง ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอคงไม่ต้องด้อยกว่าคนอื่นแล้ว
“ผมคิดมาตลอดว่า เมื่อซื้อหุ้นบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ได้ทั้งหมด นั่นก็เป็นเรื่องที่ชาญฉลาดมาก แต่ตอนนี้ผมเพิ่งรู้ว่าบางทีก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด” จ่านป๋ายพูด
“ฉันก็ต้องการเงิน ถ้าไม่มีบริษัทจิวเวอรี่ หยกของฉันก็ขายไม่ออก” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ถ้าอยากจะหาหินปิดฟ้า ฉันต้องการเงินก้อนใหญ่”
จ่านป๋ายรู้สึกสับสน คิดไม่ถึงว่าในใจของเธอจะคิดถึงเรื่องหินปิดฟ้าอยู่ เธอก็สนใจเรื่องมหัศจรรย์ในตำนานนั้นจริงๆ ด้วย
“ถ้าหากฉันเป็นผู้สืบทอดจากทางใต้จริงๆ ในเมื่อบรรพบุรุษเริ่มเรื่องนี้มาแล้ว ฉันก็ต้องพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้หน้าที่นี้ทำต่อไปได้” ในระหว่างที่ซีเหมินจินเหลียนพูดประโยคนี้ ความจริงเธอก็เห็นด้วยกับการพูดเช่นนี้ในใจของเธอ เธอก็คือผู้สืบทอดจากทางใต้ เธอต้องตามหาหินปิดฟ้าในตำนาน หาอารยะธรรมที่เคยสูญหายไป…
จ่านป๋ายถอนหายใจออกมาและพูดอย่างหนักแน่นว่า “ผมจะคอยสนับสนุนคุณตลอดชีวิตเลย!”
“พวกเราไปดูการเดิมพันหินใหญ่เถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ฉันต้องการเงิน เงินก้อนใหญ่…” คนอายุช่วงนี้ มีเงินเท่านั้นถึงสามารถซื้ออำนาจได้ ถึงขั้นมีเงินแล้วยังเสกผีมาได้เลย
“เจ้าของหินหยกหมายเลขเก้า ก็ดูเป็นคนแปลกๆ” จู่ๆ จ่านป๋ายก็พูดขึ้น
“แปลกๆ?” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกสับสน ความจริงนักเดิมพันบางคน นิสัยมักจะแปลกๆ กันทั้งนั้น เมื่อมองในสายตาของคนธรรมดาอาจจะไม่เข้าใจ คิดว่าไม่ปกติ ความจริงแล้วก็ไม่เหมือนกับนักธุรกิจจิวเวอรี่จริงๆ “ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้น”
“ผมก็บอกไม่ถูก แต่รู้สึกว่าเขาให้ความรู้สึกเหมือนกับผู้อาวุโสหูที่มีหน้าตาท่าทางดุร้าย” จ่ายป๋ายพูด “คนแบบนี้ บนตัวต้องเปรอะเลือดแน่…”
“ฉันคิดว่าผู้อาวุโสหูก็แค่นิสัยแปลกๆ ไปหน่อย น่าสนใจดี” ซีเหมินจินเหลียนจ้องไปที่จ่านป๋ายท่าทางดุร้ายเหรอ? เขาพูดคำนั้นออกมาได้อย่างไรกัน พวกเขาเล่นเดิมพันหินนะ ไม่ใช่เล่นเกมนักฆ่า
จ่านป๋ายกวาดสายตามองไปยังห้องโถง แต่ก็ไม่เจอคนแปลกประหลาดนั่น ความจริงเมื่อสักครู่เขาตกใจเป็นอย่างมาก แต่ความรู้สึกนั้นตื่นเต้นเหลือเกิน ตื่นเต้นและกดดันเสียกว่าตอนที่เขาพบกับผู้อาวุโสหูครั้งแรก
คนคนนี้น่าจะอ่อนกว่าผู้อาวุโสหู อายุน่าจะราวๆ สี่สิบห้าสิบปี ดวงตาเย็นชา แต่กลับทำให้ผวาอย่างบอกไม่ถูก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำธรรมดา เย็นชาจนเหมือนกับก้อนน้ำแข็ง เรียกได้ว่าถ้าพาเขาไปในสถานที่ที่มีอุณหภูมิอบอุ่น อุณหภูมิที่นั่นคงลดฮวบลงทีเดียว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น