ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 396-403

 ตอนที่ 396 การฆ่าล้างเมือง


 


 


เซียวซู่นะเซียวซู่ ลูกชายคนดีที่เจ้าเลี้ยงมา เจ้าตายอย่างหมดจดแล้ว ข้าคนนี้จะส่งลูกชายเจ้าลงดินไปหาเจ้าเอง พวกเจ้าสามคนทั้งครอบครัวจะได้พบกันพร้อมหน้าพร้อมตาในปรโลก


 


 


ใจเฟิงอิ๋นหล่นตุบ นางไม่รู้ว่าเจียงสือไปได้ยินข่าวนี้มาจากไหน รู้เพียงว่าคราวนี้เจียงสือจะลงมือโหดกับเซียวเหยี่ยนแล้ว


 


 


“ตอนนี้เซียวเหยี่ยนมีแม่ทัพคนหนึ่งคอยเฝ้าอยู่ ถึงจะส่งทหารยามมือดีทั้งหมดในสำนักอู๋จี๋ไป ก็ทำร้ายเซียวเหยี่ยนไม่ได้แม้แต่ปลายผม หนำซ้ำยังทำให้เราสูญเสียกำลังคนด้วย ท่านอาจารย์ อย่างไรพวกเราหนีไปก่อนดีกว่า! ภายหน้ามีโอกาส เราค่อยหาวิธีจัดการเซียวเหยี่ยน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม อาจารย์โปรดคิดทบทวนให้รอบคอบอีกครั้ง”


 


 


เฟิงอิ๋นพูดโน้มน้าว


 


 


“จะกำจัดเซียวเหยี่ยน ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว เมื่อใดที่เขากลับไปเมืองหลวง พวกเราก็จะไม่มีโอกาสลงมืออีก นี่แหละเป็นโอกาสทองที่นานทีมีหน


 


 


นักรบไร้ชีพกับหมาป่ามนุษย์เอาไปด้วยยาก แค่ปล่อยนักรบไร้ชีพกับหมาป่ามนุษย์ออกจากสำนักอู๋จี๋ก็พอแล้ว ตอนนี้พวกเขาพักที่ตำบลเถาหยวน หากชาวบ้านทั้งหมดกลายเป็นนักรบไร้ชีพ เซียวเหยี่ยนคิดจะหนีเภทภัยคราวนี้ก็คงไม่ง่าย”


 


 


แววตาเจียงสือทอประกายโหดเ**้ยม จากนั้นมุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม


 


 


“ท่านอาจารย์ ตามกฎของสำนักอู๋จี๋ เราจะสังหารหมู่ทั้งเมืองไม่ได้ หากปล่อยนักรบไร้ชีพไปในตำบลเถาหยวน ทั้งตำบลเถาหยวนก็คงจบสิ้น หากนักรบไร้ชีพหนีออกไป ก็จะพาลไปถึงตำบลใกล้เคียงด้วย การกระทำนี้ขัดกับกฎที่บูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักบัญญัติไว้นะเจ้าคะ”


 


 


ที่สำนักอู๋จี๋ เฟิงอิ๋นถือว่าเป็นคนที่รับบทโหด ลงโทษลูกน้องโดยไร้ความปรานีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่นางรู้สึกว่าการฆ่าล้างเมืองมันอำมหิตเกินไป


 


 


ประกอบกับสำนักอู๋จี๋มีกฎเกณฑ์อยู่ สามารถจับชาวบ้านมาฝึกได้ แต่ไม่สามารถปล่อยนักรบไร้ชีพออกไปทำร้ายชาวบ้าน การทำเช่นนี้ก็เหมือนการฆ่าล้างเมือง เป็นข้อห้ามชัดเจนของสำนักอู๋จี๋


 


 


หลายปีมานี้สำนักอู๋จี๋รักษากฎเกณฑ์นี้ไว้ ดังนั้นชาวบ้านทั่วไปจึงไม่รู้ว่ามีสำนักอู๋จี๋อยู่


 


 


ช่วงนี้เจียงสือก็ใจร้อนอยากเห็นผลสำเร็จโดยเร็ว จึงได้จับคนจากอำเภอฉางหนิงมาฝึกไม่หยุดหย่อน ปกติจะไม่ทำอะไรสะดุดตาจนผิดสังเกตเช่นนี้


 


 


“นี่เพราะเซียวเหยี่ยนบังคับให้ทำทั้งนั้น เขาอยากจะทำลายสำนักอู๋จี๋ ข้าถึงได้พาชาวบ้านมาตายไปกับสำนักอู๋จี๋ เฟิงอิ๋น เจ้าจำไว้ให้ดี ข้าต่างหากที่เป็นเจ้าของสำนักอู๋จี๋ กฎเกณฑ์ข้าจะเป็นคนกำหนดเอง ตอนนี้เจ้าปล่อยนักรบไร้ชีพออกไปซะ”


 


 


เฟิงอิ๋นรู้จักนิสัยของเจียงสือดี เรื่องที่นางตัดสินใจแล้วไม่มีทางพูดโน้มน้าวได้ หากพูดต่อไปก็รังแต่จะเป็นการยั่วโมโหเจียงสือ นางจึงทำได้เพียงรับปาก


 


 


“เจ้าค่ะ ศิษย์น้อมรับคำสั่ง”


 


 


“ให้ป้ากุ้ยจัดการเรื่องนี้กับเจ้า”


 


 


ป้ากุ้ยเป็นคนเก่าคนเก่าที่อยู่กับเจียงสือ รับใช้เจียงสือมาหลายปี เฟิงอิ๋นรู้ว่าที่เจียงสือให้ป้ากุ้ยมาจัดการเรื่องนี้กับนางเพราะไม่ไว้ใจนาง ถือว่าป้ากุ้ยเป็นคนมาคอยกำกับดูแลนาง หากนางทำเรื่องนี้ไม่ได้ เจียงสือก็จะไม่เก็บนางไว้อีก


 


 


นางทำได้เพียงลงไปกับป้ากุ้ย ตอนที่เดินผ่านห้องของมู่หรงกวานเสวี่ย นางเหลือบมองเข้าไปข้างในแวบหนึ่ง มู่หรงนี่อวิ๋นก็อยู่ที่ตำบลเถาหยวน มู่หรงกวานเสวี่ยจะไม่สนใจคนอื่นก็ได้ แต่ย่อมต้องสนใจน้องชายของตนเอง


 


 


แปลกจริง ไม่ควรจะสนใจเรื่องเป็นตายของเซียวเหยี่ยนแท้ๆ แต่ก็ยังอดใจไม่ได้ต้องยื่นมือช่วย สุดท้ายก็ยังมีความเห็นอกเห็นใจเซียวเหยี่ยน ที่แท้ตนเองไม่ใช่คนโหดร้ายอย่างที่จินตนาการไว้


 


 


…..


 


 


ตอนที่ฟ้าเพิ่งสว่างเพียงเล็กน้อย ดึกมากแล้วหลิงอวี้จื้อถึงได้นอน ตอนนี้ยังคงหลับสนิท จู่ๆ ก็มีคนเขย่าตัวเธอ เพิ่งจะลืมตาขึ้นมาก็เห็นเซียวเหยี่ยนยืนอยู่ข้างเตียง เธอหาวหนึ่งครั้ง ตายังลืมไม่ค่อยขึ้น


 


 


“มีอะไรหรือ อาเหยี่ยน ข้างนอกฟ้าเพิ่งสว่าง เหตุใดไม่นอนต่ออีกสักหน่อย”


 


 


เมื่อคืนเธอนอนห้องเดียวกับมั่วชิง เธอนอนบนเตียง มั่วชิงนอนบนตั่ง ไม่เห็นร่องรอยของมั่วชิงตั้งนานแล้ว เธอไม่รู้ว่ามั่วชิงจะมาเมื่อไหร่ นึกไม่ถึงว่าจะหลับสนิทขนาดนี้


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 397 เครื่องมือรบที่โหดเ**้ยมไร้หัวใจ


 


 


“ประเดี๋ยวไม่ว่าเจ้าจะเห็นอะไรก็อย่ากลัว เกาะติดข้าไว้”


 


 


น้ำเสียงของเซียวเหยี่ยนสุขุมเยือกเย็น ประคองหลิงอวี้จื้อให้นั่ง


 


 


หลิงอวี้จื้อสวมเสื้อผ้านอนอยู่แล้ว พอเลิกผ้าห่มออก ความหนาวเย็นก็แทรกเข้ามา เธอหดตัว โน้มตัวลงจะใส่รองเท้า เซียวเหยี่ยนกลับจับมือเธอไว้


 


 


“ข้าใส่ให้”


 


 


“ท้องท่านมีแผล คุกเข่าไม่ได้ ถ้าแผลฉีกจะไม่ดีเอา ข้าใส่เอง”


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้ว่าข้างนอกต้องเกิดเรื่องแน่ มิเช่นนั้นเซียวเหยี่ยนคงไม่จริงจังเช่นนี้


 


 


เธอสวมรองเท้าอย่างเร็วที่สุด มั่วชิงเข้ามาอย่างเร่งรีบ


 


 


“ท่านอ๋อง คุณหนู สถานการณ์ข้างนอกไม่ดีเลย บนถนนใหญ่มีนักรบไร้ชีพเต็มไปหมด ชาวบ้านแทบไม่มีแรงต้านทาน คนของพวกเราก็ถูกกัดไปจำนวนหนึ่ง บางส่วนกลายเป็นนักรบไร้ชีพไปแล้ว”


 


 


“หา…นักรบไร้ชีพพวกนี้มาจากไหนกัน”


 


 


“ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวบ้านตำบลเถาหยวน ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนสำนักอู๋จี๋มีกฎไม่ให้ปล่อยนักรบไร้ชีพออกจากสำนักอู๋จี๋


 


 


หลายปีมานี้ สำนักอู๋จี๋ปฏิบัติตามกฎนี้อย่างเคร่งครัด ชาวบ้านธรรมดาไม่เคยเห็นนักรบไร้ชีพมาก่อน และไม่รู้ด้วยว่าบนโลกนี้ยังมีนักรบไร้ชีพ คราวนี้เจ้าสำนักฝ่าฝืนกฎของสำนักอู๋จี๋ ปล่อยนักรบไร้ชีพโดยเหตุผลส่วนตัว ผลเป็นอย่างไรไม่ต้องคิดก็รู้”


 


 


มั่วชิงนึกถึงภาพนักรบไร้ชีพเต็มท้องถนน ในใจก็ทั้งโมโหทั้งตกใจ ตำบลเถาหยวนทั้งหมดมีสองสามพันคน สองสามพันคนนี้ถูกสำนักอู๋จี๋ทำร้ายถึงตายทั้งสิ้น


 


 


“บัดซบ เจียงสือมันเป็นเครื่องมือรบที่โหดเ**้ยมไร้หัวใจ นี่ใกล้จะปีใหม่แล้ว ชีวิตคนสองสามพันคนนี้ไม่มีค่าอะไรในสายตานางเลย เพื่อจะกำจัดพวกเราไม่กี่คน ถึงขนาดลงมือกับคนทั้งตำบลเถาหยวน


 


 


อาเหยี่ยน รีบปิดประตูเมืองตอนนี้เลย หากนักรบไร้ชีพหนีออกไป รอบๆ ยังมีหมู่บ้านและตำบลเล็กๆ อีกมากมาย นางจะทำคนตายอีกกี่คนกัน”


 


 


หลิงอวี้จื้อโกรธสุดขีด พูดคำหยาบออกมาอย่างอดไว้ไม่ได้ ตอนแรกคิดจะฉลองปีใหม่ที่นี่เงียบๆ ตำบลเถาหยวนเป็นสถานที่ซึ่งมีเขาสวยน้ำใส ชาวบ้านที่นี่ก็เป็นคนเรียบง่ายและใจดี บรรยากาศปีใหม่ถูกทำลายไปดื้อๆ นี่กลายเป็นเกมเรสซิเดนต์อีวิลฉบับยุคโบราณไปแล้ว


 


 


“อวี้จื้อ เจ้าอย่าร้อนใจ เรื่องนี้ข้าให้แม่ทัพหลี่ไปทำแล้ว ประตูเมืองปิดทันเวลาพอดี นักรบไร้ชีพที่วิ่งออกจากเมืองไปมีไม่มาก แม่ทัพหลี่จัดการหมดแล้ว เขายังคงค้นหาต่อ ดูว่ามีใครหลุดรอดหรือไม่


 


 


ตำบลเถาหยวนอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากหมู่บ้านอื่นๆ มีแม่ทัพหลี่อยู่ พวกนักรบไร้ชีพคงหนีไปได้ไม่ไกล นับรบไร้ชีพทำอะไรพวกเราไม่ได้ ตอนนี้สิ่งที่ต้องปกป้องคือชาวบ้านในตำบลเล็กๆ นี้


 


 


“อู่จิ้นกำลังค้นหาชาวบ้านที่ยังไม่ติดเชื้อ อวี้จื้อ ข้าจะไปดูสถานการณ์ข้างนอกสักหน่อย”


 


 


เซียวเหยี่ยนทำสีหน้าจริงจัง พรุ่งนี้ตอนเย็นจางผิงก็มาถึงแล้ว เขาสั่งหยุดทหารให้อยู่นิ่งเอาไว้ก็เพราะจะรอจางผิง เพื่อเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น


 


 


เจียงสือลงมือกับตำบลเถาหยวนตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเพราะไปรู้อะไรมา เรื่องที่เขาเกณฑ์ทหารมาไม่มีการรั่วไหล หรือว่าใครเอาเรื่องนี้ไปพูด


 


 


ครั้นได้ยินว่าเซียวเหยี่ยนยังจะออกไป หลิงอวี้จื้อก็ดึงแขนเซียวเหยี่ยนไว้ทันที


 


 


“แผลของท่านยังไม่หาย อย่าไปเลย อาเหยี่ยน ท่านจะเป็นอะไรไปอีกไม่ได้”


 


 


“ข้าไม่เป็นอะไร นักรบไร้ชีพทำร้ายข้าไม่ได้ อวี้จื้อ เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”


 


 


พูดจบก็สั่งการมั่วชิง


 


 


“มั่วชิง ข้าฝากอวี้จื้อไว้กับเจ้า เจ้าอยู่ปกป้องนางที่นี่”


 


 


พูดจบเซียวเหยี่ยนก็กำลังจะไป เพิ่งเดินไปได้สองก้าว ก็มีคนวิ่งอย่างรีบร้อนเข้ามา


 


 


“นายท่านขอรับ ข้างนอกมีคนลักษณะท่าทางแปลกๆ กลุ่มหนึ่ง เห็นคนก็เข้ากัด คนพวกนั้นมีทักษะ คนของพวกเราบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย นายท่าน ท่านรีบพาคุณหนูไปจากตำบลเถาหยวนเถิด ที่นี่อันตรายขอรับ”


ตอนที่ 398 มีคนทรยศ


 


 


อู่จิ้นวิ่งมาอย่างรีบร้อนมาก ตอนพูดยังหอบหายใจ เห็นได้ชัดว่ารีบกลับมาด้วยความเร็วสูงสุด


 


 


ดวงตาของหลิงอวี้จื้อเบิกโพลง เธอนึกถึงวันที่ไปเจอหมาป่ามนุษย์ในคุกใต้ดินกับมั่วชิงได้ หากเดาไม่ผิด กลุ่มคนที่อู่จิ้นพูดถึงก็คือหมาป่ามนุษย์ที่กินแต่เนื้อมนุษย์โดยเฉพาะ


 


 


มั่วชิงสีหน้าเปลี่ยนทันที


 


 


“นั่นเป็นหมาป่ามนุษย์ หมาป่ามนุษย์พวกนี้เป็นสมบัติของเจ้าสำนัก ไม่ปล่อยออกมาง่ายๆ คราวนี้เจ้าสำนักถึงกับปล่อยหมาป่ามนุษย์เข้ามาในตำบลเถาหยวน


 


 


ท่านอ๋อง หมาป่ามนุษย์ดุร้ายมาก ถึงแม้จะพูดไม่ได้ แต่ร้ายกาจมากกว่าพวกนักรบไร้ชีพที่ไม่มีความคิด กายท่านมีบาดแผล อยู่ในเรือนเถิด ข้ากับอู่จิ้นจะเฝ้าอยู่ข้างนอกรับมือพวกมัน”


 


 


มั่วชิงพูดจบก็ออกไปจากเรือน ไม่ถึงชั่วพริบตาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นกับอวิ๋นซั่วก็ออกมาข้างนอก สีหน้าของมู่หรงนี่อวิ๋นซีดเผือด


 


 


“ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น”


 


 


หลิงอวี้จื้อรีบไปหา


 


 


“เจ้าออกมาทำไม ตัวเจ้าบาดเจ็บ เจ้าไปอยู่ในห้องก่อน ข้างนอกมีนักรบไร้ชีพเต็มไปหมด”


 


 


“สำนักอู๋จี๋ปล่อยนักรบไร้ชีพออกมาหรือ”


 


 


หลิงอวี้จื้อพยักหน้า


 


 


“เดิมทีแม่ทัพจางผิงต้องมาถึงแล้ว นึกไม่ถึงว่าเจียงสือจะลงมือกับตำบลเถาหยวนเสียก่อน”


 


 


พูดจบหลิงอวี้จื้อก็หันไปพูดกับเซียวเหยี่ยนว่า


 


 


“จู่ๆ เจียงสือก็ทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการแตกหักกับพวกเรา และไม่กลัวพวกเราจะแก้แค้นแล้วด้วย หรือนางรู้แล้วว่ากองทัพใหญ่ของเรากำลังจะมา หากเป็นเช่นนี้ แสดงว่าทางฝั่งเรามีคนทรยศใช่หรือไม่”


 


 


“มีคนทรยศแน่นอน เรื่องนี้ข้าจะต้องสืบให้รู้แน่ชัด ดูซิว่าใครกันมันช่างกล้าขนาดนี้”


 


 


หลิงอวี้จื้อด่าอย่างเจ็บใจ


 


 


“ไอ้คนทรยศนี่มันสมควรตายนัก พอเรื่องรั่วไหล ก็เป็นภัยไปทั้งตำบลเถาหยวน”


 


 


อวิ๋นซั่วที่อยู่ข้างๆ หน้าเปลี่ยนสี รีบก้มหน้า แอบกำหมัดที่อยู่ในแขนเสื้อแน่น เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร ต่างกับที่เขาคิดไว้โดยสิ้นเชิง เรื่องนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่


 


 


“นี่อวิ๋น ร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”


 


 


เมื่อรู้ว่ามู่หรงนี่อวิ๋นช่วยชีวิตหลิงอวี้จื้อไว้ เซียวเหยี่ยนก็เกรงใจมู่หรงนี่อวิ๋นขึ้นมาก ถามด้วยความเป็นห่วง


 


 


“ข้าไม่เป็นอะไร ชุนเหนียงมิได้ถูกพิษนักรบไร้ชีพ”


 


 


หลิงอวี้จื้อดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้น


 


 


“ดีจริง ทำเอาข้าเป็นห่วงไปทั้งคืน เมื่อคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะไม่เป็นอะไร”


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อเป็นห่วงมู่หรงนี่อวิ๋นขนาดนี้ เซียวเหยี่ยนก็ไม่พูดอะไร เขาเข้าใจเจตนาของมู่หรงนี่อวิ๋นตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้ทำให้ความแตก


 


 


อย่างไรเสียมู่หรงนี่อวิ๋นก็รู้กาลเทศะดี ตลอดมาหลิงอวี้จื้อก็ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรกับมู่หรงนี่อวิ๋น นางเห็นมู่หรงนี่อวิ๋นเป็นเพื่อนสนิทจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่อยากไปทำให้ความสัมพันธ์นี้ร้าวฉาน สิ่งแรกคือมู่หรงนี่อวิ๋นรู้จักความพอดี


 


 


ตอนนี้เองมีพลทหารนำคนเข้ามาสิบกว่าคน มีผู้ชายสองสามคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกใจจนมึนงงไปแล้ว พอเข้ามาแล้วก็ยังไม่ได้สติ


 


 


เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งในนั้นร้องไห้ออกมา หลิงอวี้จื้อรีบเข้าไปนั่งยองๆ ข้างหน้าเด็กคนหนึ่งในนั้น ยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้ น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างยิ่ง


 


 


“หนูน้อย ไม่ต้องกลัวนะ ที่นี่ปลอดภัยแล้ว”


 


 


“พ่อข้าถูกสัตว์ประหลาดกัดตายแล้ว ข้างหน้ามีสัตว์ประหลาดเยอะมาก พอเห็นคนก็กัด มีเพียงข้ากับแม่เท่านั้นที่วิ่งออกมา…”


 


 


เด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้เสียใจอย่างหนัก ด้านข้างมีหญิงสาวเช็ดน้ำตาอยู่ข้างกายตลอดเวลา น่าจะเป็นแม่ของเด็ก


 


 


หลิงอวี้จื้อเข้าใจความรู้สึกของเด็กหญิงตัวน้อย เห็นพ่อแม่ตนเองตายต่อหน้าต่อตา เกรงว่าคงเป็นภาพติดตาไปตลอดชีวิต เธอตบหลังเด็กหญิงตัวน้อยเบาๆ


 


 


“พวกนั้นไม่ใช่สัตว์ประหลาด คนพวกนั้นถูกพิษก็เลยกลายเป็นเช่นนี้ อย่ากลัวเลย พวกเราจะปกป้องพวกเจ้าเอง”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 399 ปลอบขวัญประชาชน


 


 


“แม่นาง เจ้าอย่าพูดจาเกินตัวเลย เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้างนอกน่ากลัวเพียงใด เห็นคนก็ฉีกกัด ราวกับสัตว์ป่า ประเดี๋ยวพวกเราก็คงตายกันที่นี่ทั้งหมด”


 


 


คุณปู่อายุหกสิบกว่าคนหนึ่งในนั้นเอ่ยถึงภาพที่เพิ่งเห็นมา ยังคงอกสั่นขวัญผวา รู้สึกว่าพวกเขาต้องตายแน่นอน ใครจะไปคิดว่าตื่นขึ้นมาติดป้ายอวยพรปีใหม่ก็จะเจอเรื่องเช่นนี้เข้า


 


 


“ก่อนหน้านี้มีคนผู้หนึ่งบอกว่าพวกเราไปยั่วโมโหท่านเทพสวรรค์ ให้พวกเราบูชาท่านเทพสวรรค์ พวกเจ้าก็ไม่ยอมเชื่อ ท่านเทวดาจึงลงโทษพวกเรา ตำบลเถาหยวนจบสิ้นแล้ว”


 


 


ผู้หญิงอายุสามสิบกว่าคนหนึ่งร้องไห้ตะโกนว่า


 


 


“ทำอย่างไรดี บูชาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ใกล้จะปีใหม่แล้ว แม้กระทั่งปีใหม่นี้ท่านเทวดาก็ไม่ให้เราได้ฉลอง พวกเราทุกคนล้วนมีบาป”


 


 


“รีบคุกเข่าขอร้องท่านเทพสวรรค์ให้ยกโทษพวกเราเถิด”


 


 


ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา คนอื่นๆ ต่างพากันคุกเข่าลงกับพื้น หลิงอวี้จื้อตกตะลึง อยู่ดีๆ ไปข้องเกี่ยวกับเทพสวรรค์ได้อย่างไร ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องการความสามัคคี หากส่งเสริมกันต่อไป จะสั่งการอะไรก็คงสั่งไม่ง่ายแล้ว


 


 


เห็นเซียวเหยี่ยนพยักหน้าให้ตนเอง หลิงอวี้จื้อก็เข้าใจความหมายของเซียวเหยี่ยน เขาจะให้เธอสำแดงฝีมือ


 


 


หลิงอวี้จื้อยืนอยู่ข้างหน้าสุด พูดเสียงดังว่า


 


 


“พวกเจ้าอย่าวุ่นอยู่กับการคุกเข่าขอท่านเทพสวรรค์เลย ตอนนี้ใกล้จะปีใหม่แล้ว ท่านเทพสวรรค์ไม่ว่างขนาดนั้น มีเวลาลงโทษคนตำบลเล็กๆ ตำบลหนึ่งเสียที่ไหน


 


 


คนพวกนั้นล้วนโดนพิษปลุกเสก ดังนั้นจึงสูญเสียสติปัญญา เห็นคนก็กัด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับท่านเทพสวรรค์ เป็นฝีมือของสำนักอู๋จี๋บนเขาอวิ๋นเฟิงต่างหาก


 


 


คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเจ้าคือท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เขามาตำบลเถาหยวนด้วยตนเองเพื่อทำลายลัทธิมารนี้เสียให้สิ้นซาก เขาจะร่วมเดินเคียงข้างไปกับพวกเจ้า พวกเจ้าอย่าลนลาน ขอให้ฟังคำสั่งทั้งหมดจากท่านอ๋อง”


 


 


ทุกคนเงยหน้าขึ้นมามองเซียวเหยี่ยน รู้สึกเพียงว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าลักษณะท่าทางโดดเด่น แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา ถึงแม้จะไม่ได้พูดจา แต่กลับมีรังสีที่น่าเกรงขามแผ่ซ่าน


 


 


“นี่คือท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หรือ”


 


 


เหล่าฮั่นรู้ว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นท่านอ๋องที่มีอำนาจที่สุดในแคว้นเว่ยตะวันตก คนใหญ่คนโตขนาดนี้จะมาที่ตำบลเล็กๆ นี้ได้อย่างไร ทั้งชีวิตของเขา ข้าราชการระดับสูงที่สุดที่เคยเจอก็เป็นแค่ผู้ว่าการเมือง


 


 


“ข้าจะหลอกพวกเจ้าเพื่ออะไร ท่านอ๋องมาตำบลเถาหยวนจริงๆ นอกจากเชื่อใจเขา พวกเราก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว”


 


 


เซียวเหยี่ยนมีมาดน่าเกรงขามเหลือเกิน เหล่าฮั่นไม่เคยเจอคนเช่นนี้มาก่อน เขาเองก็มีชีวิตอยู่มาแล้วชั่วชีวิตคน ดังนั้นจึงเชื่อคำของหลิงอวี้จื้อ โขกศีรษะคำนับเซียวเหยี่ยนทันที


 


 


“ข้าน้อยคารวะท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการขอรับ”


 


 


เมื่อเหล่าฮั่นเป็นคนนำแล้ว คนอื่นๆ ก็ต่างพากันหมอบคำนับตาม หลิงอวี้จื้อทำให้เซียวเหยี่ยนชนะใจประชาชน เรื่องนี้จะต้องแพร่สะพัดไปแน่นอน ถึงตอนนั้นยังทำให้เซียวเหยี่ยนได้ทิ้งชื่อเสียงอันดีงามไว้บ้าง ก่อนหน้านี้เซียวเหยี่ยนอยู่ห่างไกลประชาชนเหลือเกิน


 


 


นอกจากนี้ ชื่อของเขายังสามารถปลอบขวัญใจคนได้ ในเมื่อเขาอยู่ที่แคว้นเว่ยตะวันตกก็เหมือนเทพที่มีตัวตน


 


 


“ทุกคนลุกขึ้นเถิด! พวกเจ้าวางใจได้ ที่นี่ปลอดภัย ข้าจะต้องกำจัดลัทธิมารนี้ แล้วคืนความสงบสุขให้พวกเจ้าอีกครั้ง”


 


 


เสียงของเซียวเหยี่ยนมีพลังทำให้ใจคนสงบ ปลอบขวัญทุกคนในที่นี้ได้ ทำให้พวกเขาใจเย็นลง เชื่อว่าเซียวเหยี่ยนสามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้ มีเซียวเหยี่ยนอยู่ ทุกคนก็สงบลง ไม่กล้าบุ่มบ่ามต่อหน้าเซียวเหยี่ยน


 


 


เมื่อเห็นสภาพการณ์เช่นนี้หลิงอวี้จื้อก็เอาแต่ส่ายหน้า นี่มันแตกต่างกันมากจริงๆ เธอต้องตะโกนคอแตกถึงปลอบขวัญคนอื่นได้ เซียวเหยี่ยนพูดแค่ประโยคเดียวก็ได้แล้ว หน้าแบบนี้อย่างไรก็เสียเปรียบ


 


 


หลิงอวี้จื้อให้อวิ๋นซั่วไปเอาของกินที่ครัว ส่วนเธอหยิบน้ำชามาหนึ่งกา รินน้ำร้อนให้ชาวบ้านที่นั่งอยู่บนพื้นจอกหนึ่ง อวิ๋นซั่วเห็นหลิงอวี้จื้อแทรกอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ก็ออกอาการตะลึง


ตอนที่ 400 ลิ้มรสความรักที่ไม่มีวันได้ครอบครอง


 


 


หลิงจื่อหรงบอกเขาว่า หลิงอวี้จื้อเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจและมีแผนการมารยา ตอนนี้ที่เขาเห็นกลับเป็นสาวน้อยที่เป็นมิตรจิตใจดี ต่างจากหลิงอวี้จื้อที่หลิงจื่อหรงบอกโดยสิ้นเชิง


 


 


หากนางร้ายกาจจริง ก็คงไม่สนใจความเป็นความตายของชาวบ้านเหล่านี้เสียด้วยซ้ำ


 


 


นึกถึงเรื่องที่ตนทำลงไป อวิ๋นซั่วก็รู้สึกผิดอย่างยิ่ง คอยช่วยอยู่ข้างๆ หลิงอวี้จื้ออย่างเอาใจใส่


 


 


เซียวเหยี่ยนกำลังมองหลิงอวี้จื้อวุ่นงานอยู่ สายตามองตามนางติดๆ ช่างเป็นสาวน้อยที่มีเอกลักษณ์มากจริงๆ มีนางอยู่ข้างกายตน พาให้รู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษ หัวใจทั้งดวงก็รู้สึกอุ่นละมุน


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นก็มองหลิงอวี้จื้ออยู่เช่นกัน หากไม่ใช่เพราะยังบาดเจ็บอยู่ เขาก็จะเข้าไปช่วยด้วย


 


 


พวกเขาเป็นโอรสสวรรค์ เคยสัมผัสพูดคุยแต่กับชนชั้นสูง อยู่คนละชั้นกับชาวบ้านธรรมดาโดยสิ้นเชิง น้อยนักที่จะสังเกตเห็นความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน


 


 


หลิงอวี้จื้อแม้จะเกิดในตระกูลผู้ดี กลับแตกต่างจากพวกเขาตรงจุดนี้ เธอสามารถคลุกคลีกลมกลืนเข้ากับชาวบ้านได้


 


 


ตอนนี้เองประตูเรือนก็ถูกผลักเปิดออก หมาป่ามนุษย์ผู้หนึ่งบุกเข้ามา ชาวบ้านในที่เกิดเหตุต่างตกใจกรีดร้อง


 


 


หลิงอวี้จื้อยังถือกาน้ำอยู่ในมือ จู่ๆ ก็เห็นชายร่างสูงหนึ่งเมตรเก้าสิบ รูปร่างแข็งแรงกำยำ และในปากยังมีเขี้ยวยาวปรากฏตัวต่อหน้าตน เธอก็ตกใจอยู่บ้างเช่นกัน


 


 


แต่เมื่อได้เข้าไปในสำนักอู๋จี๋แล้วจึงเห็นแบบนี้มามาก เวลาชั่วพริบตาเดียว เธอก็สามารถมีสติกลับมาได้ รีบปากาน้ำในมือออกไป ตะโกนว่า


 


 


“อวิ๋นซั่ว เจ้ารีบพาพวกเขาไปหลบข้างหลังเรือน”


 


 


กาน้ำเมื่อปาไปแล้วก็ทำให้หมาป่ามนุษย์เดือดดาล พุ่งมาทางหลิงอวี้จื้อทันที เซียวเหยี่ยนดึงหลิงอวี้จื้อเข้ามาในอ้อมอกทันใด แล้วผลักนางไปตรงหน้ามู่หรงนี่อวิ๋น หยิบกิ่งไม้จากพื้นขึ้นมาล่อหมาป่ามนุษย์


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นประคองหลิงอวี้จื้อ คิดจะพาหลิงอวี้จื้อไปเรือนด้านหลัง เพียงแต่หลิงอวี้จื้อไม่ยอมไป


 


 


“ไม่ได้ อาเหยี่ยนยังอยู่ที่นี่ มั่วชิงกับอู่จิ้นไม่ได้อยู่ที่ประตูหรือ หรือว่าพวกนางเกิดเรื่องแล้ว นี่อวิ๋น เจ้าไปก่อน ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนอาเหยี่ยนที่นี่”


 


 


“เจ้าไม่มีวิทยายุทธ์”


 


 


“แม้จะตาย ข้าก็จะตายพร้อมเขา”


 


 


น้ำเสียงหลิงอวี้จื้อแน่วแน่ สายตามองตามเซียวเหยี่ยนไม่ห่าง เห็นท้องของเซียวเหยี่ยนเลือดสาด เธอก็รู้ว่าบาดแผลของเซียวเหยี่ยนปริแล้ว ตั้งแต่เขาบาดเจ็บมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีโอกาสได้พักผ่อนรักษาดีๆ เลย ชีวิตของเซียวเหยี่ยนได้สมุนไพรเซียนหลินจือช่วยไว้ จะเป็นอะไรไปอีกไม่ได้แล้ว


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นไม่ชักชวนนางอีก แต่เฝ้าอยู่ข้างกายหลิงอวี้จื้อ เขารู้ว่าหลิงอวี้จื้อไม่ไปแน่ จึงได้เฝ้าอยู่ข้างเธอปกป้องเธอ ไม่กล้าไปไหน


 


 


ถึงแม้เซียวเหยี่ยนจะได้รับบาดเจ็บ แต่หมาป่ามนุษย์คนเดียวยังพอรับมือได้ ผ่านไปชั่วครู่ หมาป่ามนุษย์ก็ตายด้วยน้ำมือเขา จัดการหมาป่ามนุษย์เสร็จแล้ว มุมปากเขาก็มีเลือดแดงสดไหลออกมา เมื่อครู่พอขับลมปราณ แผลก็ปริออกโดยสมบูรณ์


 


 


หลิงอวี้จื้อรีบวิ่งไปหา พยุงเซียวเหยี่ยน


 


 


“อาเหยี่ยน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”


 


 


“ข้าไม่เป็นอะไร อวี้จื้อ เจ้ากับมู่หรงนี่อวิ๋นไปหลังเรือนก่อน ข้าจะไปดูสถานการณ์ข้างนอก”


 


 


“ข้าไปกับท่าน”


 


 


พูดจบหลิงอวี้จื้อก็หันไปหามู่หรงนี่อวิ๋น


 


 


“นี่อวิ๋น เจ้าเข้าไปก่อน ข้าจะไปกับอาเหยี่ยนไม่นานก็กลับ”


 


 


หลิงอวี้จื้อรู้ว่าโน้มน้าวเซียวเหยี่ยนไม่ได้ เธอเป็นห่วงเซียวเหยี่ยน ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจไปดูกับเซียวเหยี่ยนด้วย แต่เธอไม่สามารถดึงมู่หรงนี่อวิ๋นให้มาลำบากได้อีกแล้ว


 


 


เห็นหลิงอวี้จื้อทิ้งตนเองไว้ ใจของมู่หรงนี่อวิ๋นก็รู้สึกหดหู่ ในใจของนาง ตนกับเซียวเหยี่ยนเทียบกันไม่ติด


 


 


หลิงอวี้จื้อพูดจบก็ไม่รอให้มู่หรงนี่อวิ๋นพูด ออกไปจากเรือนกับเซียวเหยี่ยนแล้ว


 


 


มู่หรงนี่อวิ๋นไม่ได้ตามไป มองแผ่นหลังของหลิงอวี้จื้ออย่างเหม่อลอย คงเพราะเมื่อก่อนตนเองเจ้าสำราญจนเกินไป ดังนั้นท่านเทวดาจึงให้เขาได้ลิ้มรสความรักที่ไม่มีวันได้ครอบครองบ้าง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 401 อำมหิตอย่างยิ่ง


 


 


หลิงอวี้จื้อกับเซียวเหยี่ยนออกจากเรือนไปแล้ว หลิงอวี้จื้อจับมือเซียวเหยี่ยนแน่น ถึงแม้รู้ว่าข้างนอกต้องโหดร้ายหดหู่มาก แต่ก็นึกไม่ถึงว่ามันจะโหดร้ายหดหู่ถึงเพียงนี้


 


 


อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น ศพคนเต็มไปทุกหนแห่ง ที่สำคัญคือศพทุกร่างล้วนไม่สมบูรณ์ ไม่แขนขาดก็ต้องขาขาด บางศพหัวขาด


 


 


ในบรรดาศพเหล่านี้มีชาวบ้านอยู่จำนวนหนึ่ง และมีผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพหลี่จำนวนหนึ่ง รวมทั้งนักรบไร้ชีพและมนุษย์หมาป่า


 


 


เซียวเหยี่ยนเคยผ่านสนามรบมาก่อน เห็นภาพเหล่านี้แล้วจิตใจยังสงบต่อไปได้ เพียงแต่แววตาเยือกเย็นลง ท่าทางขึงขังอย่างยิ่ง มือใต้แขนเสื้อกำหมัดแน่นจนลั่นเสียงดังกรอบแกรบ เซียวเหยี่ยนก็ไม่ชอบการกวาดฆ่าผู้บริสุทธิ์เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนล้วนเป็นชาวบ้านที่ไร้อาวุธ


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่เคยเห็นศพเยอะขนาดนี้มาก่อน เธอเอามืออุดปาก ความสะเทือนใจที่ได้รับยากเกินจะใช้คำมาบรรยาย โหดเ**้ยมอำมหิตเหลือเกิน


 


 


“อวี้จื้อ ไม่เป็นไรนะ!”


 


 


หลิงอวี้จื้อส่ายหน้าเบาๆ


 


 


“ข้าไม่เป็นอะไร อู่จิ้นกับมั่วชิงไปไหนแล้ว พวกเขาคงไม่เกิดเรื่องหรอกกระมัง!”


 


 


เพิ่งสิ้นเสียงของหลิงอวี้จื้อ เงาคนผู้หนึ่งก็แวบเข้ามา มั่วชิงนั่นเอง เสื้อเจี๋ยอ่าวสีกลีบดอกบัวของนางปกคลุมไปด้วยเลือด เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของนางหรือว่ามนุษย์หมาป่า


 


 


มั่วชิงทรุดลงข้างๆ พวกเขาอย่างมั่นคง


 


 


“ท่านอ๋อง คุณหนู พวกท่านออกมาได้อย่างไรเจ้าคะ ข้างนอกอาจจะยังมีมนุษย์หมาป่า พวกท่านรีบกลับไปเถิด”


 


 


“เจ้าบาดเจ็บแล้วหรือ”


 


 


“ถูกมนุษย์หมาป่าข่วนเป็นแผล แผลพวกนี้ไม่มีอะไร คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง”


 


 


“มั่วชิง ในเมืองยังมีมนุษย์หมาป่าอีกกี่ตัว”


 


 


มั่วชิงคิดสักครู่


 


 


“จัดการไปเกือบหมดแล้วเพคะ เพียงแต่สูญเสียคนของพวกเราไปไม่น้อย มนุษย์หมาป่ากำจัดได้ เพียงแต่ชาวบ้านที่ถูกกัดบาดเจ็บค่อนข้างจัดการยากเพคะ”


 


 


หลิงอวี้จื้อเข้าใจความหมายของมั่วชิง ชาวบ้านที่ถูกนักรบไร้ชีพทำร้ายสุดท้ายก็จะกลายเป็นนักรบไร้ชีพ จำนวนนี้ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แน่ จะจัดการชาวบ้านในส่วนนี้เป็นปัญหายากจริงๆ


 


 


วิธีที่ดีที่สุด แน่นอนคือกำจัดคนที่ติดเชื้อให้หมด แต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ บางคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และอีกจำนวนหนึ่งถูกมนุษย์หมาป่าทำร้าย คนจำนวนนี้ปลอดภัย ต้องดูว่าถูกนักรบไร้ชีพทำร้ายหรือไม่ วิธีการเดียวก็คือวันถัดไปดูว่าแผลของพวกเขามีผื่นแดงขึ้นหรือไม่ นี่เป็นสัญลักษณ์ของการติดเชื้อ


 


 


หากมั่นใจแล้วว่าคนเหล่านั้นติดเชื้อ จะจัดการคนพวกนั้นอย่างไรต่อ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ใครก็ไม่อยากตาย ถึงแม้พวกเขาจะยินดี แต่ญาติๆ ก็คงห้าม


 


 


วิธีของเจียงสือโหดร้ายเกินไปแล้ว


 


 


“กวาดล้างนักรบไร้ชีพกับมนุษย์หมาป่าให้หมดก่อน และกำจัดศพให้หมด


 


 


พรุ่งนี้ตรวจสอบชาวบ้านที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคน บ่ายวันพรุ่งนี้กองทัพใหญ่คงจะมาถึงแล้ว ถึงตอนนั้นให้จางผิงพาชาวบ้านที่ยังไม่ติดเชื้อออกไปจากเมือง มั่วชิง เจ้ากำชับอู่จิ้นให้ดี เรื่องนี้จะแพร่งพรายออกไปไม่ได้ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านหวาดกลัวแตกตื่น ไม่ว่าอย่างไรต้องไม่ปล่อยให้นักรบไร้ชีพแพร่ขยายไปยังพื้นที่อื่น”


 


 


มั่วชิงพยักหน้า


 


 


“ข้าน้อยรับทราบเพคะ ท่านอ๋องพาคุณหนูกลับไปก่อนเถิด! เรื่องข้างนอกปล่อยให้ข้าน้อยกับอู่จิ้นจัดการเองเพคะ”


 


 


“มั่วชิง เจ้าต้องระวังนะ”


 


 


มั่วชิงพยักหน้า แล้วหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว หลิงอวี้จื้ออารมณ์หดหู่ ไม่ส่งเสียงใด เซียวเหยี่ยนรู้ว่าหลิงอวี้จื้อกำลังคิดอะไร ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยขัดแย้งกันเพราะเรื่องของหนานเยียน


 


 


เขาเพิ่งเตรียมจะปลอบใจหลิงอวี้จื้อ เธอก็เอ่ยปากเสียก่อน


 


 


“อาเหยี่ยน ท่านไม่ต้องพูดอะไร เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของท่าน ข้ารู้ว่าไม่สามารถถอนพิษนักรบไร้ชีพได้ หากปล่อยพวกเขาไว้ ก็รังแต่จะทำร้ายคนมากขึ้น บางเรื่องข้าใช้อารมณ์มากเกินไป ข้าเพียงรู้สึกเสียใจมากเท่านั้น”


 


 


“เรื่องเหล่านี้ให้ข้าทำเอง”


 


 


“ข้าไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรจริงๆ พวกเรากลับไปก่อนเถิด! ตอนนี้เราสูญเสียกำลังคนไปมาก จางผิงก็ยังไม่มา เจียงสือจะฉวยโอกาสนี้ส่งคนมาอีกหรือไม่”


ตอนที่ 402 ไม่ใช่มู่หรงกวานเสวี่ยตัวจริง


 


 


แววตาเซียวเหยี่ยนเข้มข้นด้วยรังสีสังหาร เขาคิดถึงประเด็นนี้ตั้งนานแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมาก เขาแค่รอเจียงสืออยู่ที่นี่ ท้ายที่สุดนางจะมาเอง


 


 


“เรื่องนี้ข้าวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว อวี้จื้อ ไม่ต้องกลัว”


 


 


“มีท่านอยู่ ข้าก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น อาเหยี่ยน พวกเราจะต้องสบายดี ข้าจะไม่มีท่านอีกไม่ได้”


 


 


ออกจากเมืองหลวงมาคราวนี้ถือว่าเป็นครั้งที่อันตรายที่สุดตั้งแต่เธอรู้จักเซียวเหยี่ยนมา ทุกย่างก้าวล้วนระทึกใจ อันตรายรอบด้าน


 


 


มิน่าคนถึงบอกว่าจะเห็นมิตรแท้ในยามยาก หากไม่มีเรื่องเหล่านี้ เธอก็จะไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเซียวเหยี่ยนสำคัญกับเธอมากแค่ไหน สำคัญกว่าชีวิตเธอแล้วด้วยซ้ำ


 


 


ตอนนี้พวกเธอกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์เลวร้าย ปกติควรจะกลัวมาก แต่เพราะมีเขาอยู่ข้างกาย ก็รู้สึกใจสงบมากอย่างบอกไม่ถูก นี่คงเป็นความรู้สึกปลอดภัยสินะ!


 


 


ถึงแม้จะตายที่นี่ไปพร้อมเซียวเหยี่ยน เธอก็ไม่กลัว แน่นอน เธอเชื่อว่าพวกเธอจะต้องรอดจากภัยอันตรายครั้งนี้ไปได้ สิ่งที่ต้องการคือความเชื่อแบบนี้แหละ


 


 


เซียวเหยี่ยนจับมือหลิงอวี้จื้อแน่น ครั้งนี้อันตรายเหลือเกิน ดังนั้นจึงไม่ได้พาหลิงอวี้จื้อมาด้วย และไม่ได้บอกเธอว่าตนเองไปไหน


 


 


นึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะตามมาหา ซ้ำยังเข้าไปในสำนักอู๋จี๋ ชั่วขณะที่เห็นเธอ เขาตกใจอย่างมาก แต่ฝืนควบคุมตนเองเอาไว้อย่างหนัก ตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องปกป้องหลิงอวี้จื้อให้ดี จะต้องพาเธอกลับเมืองหลวงไปโดยสวัสดิภาพ เขายังไม่ได้รับเธอเข้าจวนอย่างเป็นทางการเลย


 


 


ณ สำนักอู๋จี๋


 


 


เจียงสือสั่งการให้เก็บกวาดข้าวของ สาวใช้สำนักอู๋จี๋งานยุ่งกันไปหมด


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยเอนตัวบนเตียง ให้สาวใช้รับผิดชอบเก็บข้าวของ เฟิงอิ๋นยืนอยู่ข้างเตียง ก้มลงมองนางจากมุมสูง ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไร


 


 


สุดท้าย มู่หรงกวานเสวี่ยก็หาว


 


 


“ศิษย์พี่ พวกเราใกล้จะออกจากสำนักอู๋จี๋แล้ว เจ้าไม่ไปเก็บของหรือ มาหาข้าที่ห้องด้วยเหตุใด”


 


 


“เจ้าไม่กลัวน้องชายเจ้าตายที่ตำบลเถาหยวนหรือ”


 


 


“ตายก็สมควรแล้ว ข้าเคยช่วยเขามาแล้วครั้งหนึ่ง เขาอยากตายเอง ใครจะห้ามอยู่ ศิษย์พี่ เจ้ารู้จักเป็นห่วงน้องข้าแล้วหรือ หรือว่าเจ้าก็ชอบเขาเหมือนกัน”


 


 


ใบหน้างดงามของมู่หรงกวานเสวี่ยไม่มีสีเลือด นางบาดเจ็บหนักมาก เพียงแต่ดีกว่าเซียวเหยี่ยนอยู่สักหน่อย


 


 


เฟิงอิ๋นทำหน้าตึงเครียด


 


 


“ถึงแม้มู่หรงนี่อวิ๋นจะไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของเจ้า แต่ก็รู้จักกันมาหลายปี เรียกเจ้าว่าพี่สาวมาตั้งหลายปี ความสัมพันธ์ที่เจ้ามีกับน้องชายคนนี้ช่างห่างเหิน แต่กับมู่หรงกวานเย่ว์กลับใกล้ชิดสนิทกันมาก


 


 


เจ้าอย่าลืมเสีย มู่หรงนี่อวิ๋นเป็นน้องชายแท้ๆ ของมู่หรงกวานเย่ว์ เจ้าปกป้องพี่สาวขนาดนี้ แต่ไม่สนใจความเป็นความตายของน้องชายหัวแก้วหัวแหวนของนางเลย เจ้าไม่กลัวว่าพี่สาวของเจ้าจะเสียใจหรือ”


 


 


สีหน้าของมู่หรงกวานเสวี่ยเปลี่ยนทันที นางไม่รู้ว่าเฟิงอิ๋นพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร พูดหักล้างทันที


 


 


“ตัวตนของมู่หรงกวานเสวี่ยเป็นสิ่งที่อาจารย์ให้ข้ามา ตอนนี้มู่หรงกวานเย่ว์เป็นไทเฮา ข้าจะเอาใจนางมากหน่อยผิดตรงไหน ข้าเป็นใคร ข้าแจ่มแจ้งรู้ชัดอยู่แก่ใจ ไม่เหมือนเจ้า เพื่อผู้ชายคนเดียวขนาดตัวเองเป็นใครก็ลืมไปหมด ข้าอายแทนเจ้าเสียจริง”


 


 


“หลายปีมานี้เจ้าช่วยมู่หรงกวานเย่ว์ไปกี่เรื่องแล้วไม่ต้องให้ข้าขุด เหตุใดข้าจะดูไม่ออกว่าเจ้ากำลังเอาชนะใจนาง แต่กลายเป็นว่านางชนะใจเจ้า เจ้าอยากฆ่าเซียวเหยี่ยนกับหลิงอวี้จื้อเช่นนี้ กล้าพูดหรือไม่ว่าเจ้าไม่ได้แก้แค้นให้มู่หรงกวานเย่ว์


 


 


อย่างน้อยข้าก็จำได้ว่าข้าคือเฟิงอิ๋น แต่เจ้าจำชื่อตนเองไม่ได้แล้ว คิดว่าตนเองเป็นมู่หรงกวานเสวี่ย แล้วยอมรับมู่หรงกวานเย่ว์เป็นพี่สาวตนเอง”


 


 


“เจ้าพูดเหลวไหล”


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยโมโหแล้ว เรื่องเหล่านี้จะให้เจียงสือได้ยินไม่ได้ มิเช่นนั้นนางจบสิ้นแน่


 


 


“เฟิงอิ๋น เจ้าไม่ต้องมายั่วข้า ข้ารู้ว่าเจ้าอยากช่วยเซียวเหยี่ยน ข้าไม่หลงกลเจ้าเด็ดขาด ข้าจะบอกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ความเป็นความตายของมู่หรงนี่อวิ๋นไม่เกี่ยวข้องกับข้า ข้าไม่ใช่มู่หรงกวานเสวี่ยตัวจริงด้วยซ้ำ”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 403 อวิ๋นซั่วยอมรับผิด


 


 


“หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง”


 


 


พูดประโยคนี้ทิ้งไว้แล้ว เฟิงอิ๋นก็ออกไป


 


 


มู่หรงกวานเสวี่ยทุบกำปั้นลงบนเตียง ไม่ระวังสะเทือนไปถึงแผล นางขมวดคิ้ว นางมองมู่หรงกวานเย่ว์เป็นพี่สาวแท้ๆ ไปแล้วจริงๆ เฟิงอิ๋นยังมองออก แล้วเจียงสือจะดูออกด้วยหรือไม่ นางแอบเป็นกังวล


 


 


เฟิงอิ๋นกำลังจะกลับห้องตนเอง แม่นมกุ้ยก็เข้ามาห้ามนางทันที พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ ว่า


 


 


“เฟิงอิ๋น เจ้าสำนักมีคำสั่ง ให้เจ้าพาคนออกไปเอาหัวเซียวเหยี่ยนมา ณ บัดนี้”


 


 


“รับทราบ”


 


 


เฟิงอิ๋นรับปากด้วยความลำบากใจอย่างมาก เจียงสือส่งนางไปฆ่าเซียวเหยี่ยนตอนนี้ก็เพื่อให้ทางเลือกนางสองทางเลือก ถ้านางไม่ตาย เซียวเหยี่ยนก็ตาย


 


 


เมื่อก่อนนางไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้ ตอนนี้ความรู้สึกนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นทุกที นางเป็นแค่หมากรุกตัวหนึ่งในมือเจียงสือ เจียงสือจะวางนางไว้ที่ใด นางก็ต้องอยู่ที่นั่น ความภาคภูมิใจเหล่านั้น มาดูตอนนี้แล้วช่างน่าขันสิ้นดี


 


 


หลิงอวี้จื้อกับเซียวเหยี่ยนต่างก็อยู่ในห้อง เซียวเหยี่ยนพันแผลใหม่แล้ว อวิ๋นซั่วคุกเข่าตัวตรงกับพื้น หลิงอวี้จื้อทำหน้าเหนื่อยทันที เรื่องก็เยอะอยู่แล้ว อวิ๋นซั่วยังเข้ามาร่วมวงอะไรอีก


 


 


“ข่าวรั่วเพราะเจ้าใช่หรือไม่”


 


 


เซียวเหยี่ยนมองอวิ๋นซั่วแวบหนึ่ง แววตาประกายรังสีสังหารอย่างเข้มข้น


 


 


หลิงอวี้จื้อไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน อวิ๋นซั่วหน้าตาสะอาดหล่อเหลา แค่มองก็เห็นว่าเป็นเด็กดี ประกอบกับหลายวันมานี้เขาไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรผิดปกติ ด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยสงสัยอวิ๋นซั่ว


 


 


อวิ๋นซั่วก้มหน้า ในเมื่อไม่มีข้อแก้ตัวก็ไม่มีคำปฏิเสธ


 


 


หลิงอวี้จื้อเดินไปตรงหน้าอวิ๋นซั่ว ถามด้วยความตกใจ


 


 


“เป็นเจ้าจริงๆ หรือ”


 


 


“เป็น…เป็นข้าเอง วันนั้นข้าได้ยินพวกท่านพูดกันโดยบังเอิญ จึงเอาเรื่องนี้ไปบอกคนเบื้องบน


 


 


ข้านึกไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะร้ายแรงเช่นนี้ เสียหายไปทั้งตำบลเถาหยวน หากรู้ว่าสำนักอู๋จี๋จะรู้เรื่องนี้ ตีข้าให้ตายข้าก็คงไม่พูดออกไป เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พวกท่านลงโทษข้าเถิด! เห็นตำบลเถาหยวนกลายเป็นเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง”


 


 


เซียวเหยี่ยนมองอวิ๋นซั่วที่คุกเข่ากับพื้นอย่างเย็นชา ถามต่อว่า


 


 


“เจ้านายเบื้องหลังเจ้าคือใคร”


 


 


“คนที่ติดต่อกับข้าเป็นคนของอู๋อ๋อง”


 


 


อวิ๋นซั่วลังเลสักครู่ แต่ก็พูดออกมาในที่สุด เขามาหาเซียวเหยี่ยนกับหลิงอวี้จื้อก็เพื่อพูดเรื่องทั้งหมดอย่างตรงไปตรงมา ตัดสินใจจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างแก่พวกเขา


 


 


“เจ้าพูดว่าอู๋อ๋องหรือ”


 


 


หลิงอวี้จื้อมองอวิ๋นซั่วอย่างเหม่อลอย ทำไมเป็นเฉินเสี้ยวหรูอีกแล้ว หรือว่าเขากับสำนักอู๋จี๋สมรู้ร่วมคิดกัน


 


 


สุภาพบุรุษในสายตาเธอทำไมถึงกลายเป็นคนแบบนี้ ยิ่งรู้ก็ยิ่งทำให้เธอผิดหวัง นั่นคือคนของซ่งเฉิงนะ ทำไมถึงกลายเป็นคนชั่วที่ร้ายกาจเพียงนี้


 


 


เมื่อก่อนเธอยังคิดจะแต่งงานกับอู๋อ๋อง ตอนนี้ในหัวไม่มีความคิดเช่นนี้แล้ว ในทางตรงกันข้าม รู้สึกดีใจที่ตนเองไม่ได้เลือกเฉินเซี่ยวหรู เขาไม่เหมือนซ่งเฉิง เอาเขากับซ่งเฉิงมาเปรียบเทียบกัน เท่ากับเป็นการดูถูกซ่งเฉิง เสียทีที่มีหน้าตาแบบนี้จริงๆ


 


 


“เป็นคนของอู๋อ๋องจริงๆ พวกเขามาหาข้า บอกข้าว่าพวกท่านอยู่ที่อำเภอฉางหนิง ดังนั้นข้าจึงมาหาพวกท่านที่อำเภอฉางหนิง”


 


 


อวิ๋นซั่วหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ


 


 


“พี่สาวกับแม่ตายไปแล้ว ข้าก็ได้รับจดหมายที่พ่อเขียน จึงรีบกลับไป แต่กลับช้าไปหนึ่งก้าว


 


 


โจรบุกเข้าจวน ไม่เพียงแต่ถูกปล้นไปจนว่างเปล่า ทุกคนตายหมด พ่อก็เจ็บหนัก


 


 


ก่อนที่เขาจะสลบไปก็เอามรดกของแม่มาให้ข้า บอกว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับพี่ใหญ่ ให้ข้าเอาของนี้ให้พี่ใหญ่ ข้าพาพ่อออกจากจวนตระกูลอวิ๋น ถึงตอนนี้ท่านก็ยังไม่ฟื้น ไม่รู้ว่ายังจะฟื้นมาได้อีกหรือไม่”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม