หมอยาหวานใจท่านประธาน 394-401

 ตอนที่ 394 ฉันแวะมาดูหน่อย 


 


 


แต่ที่จริงในใจกำลังนึกสงสัย ทำไมดูแล้วเหมือนน้ำแกงทั่วไป แต่พอได้กินกลับรู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นขึ้น สบายตัวมาก 


 


 


แน่นอนว่าต้องรู้สึกสบายขึ้น เป็นเพราะอีลั่วเสวี่ยเอาสมุนไพรทิพย์มาจากเจ้าลูกบอลเงิน คั้นน้ำแล้วใส่ลงไปในน้ำแกงไก่ ช่วยลดความดันให้นายท่านผู้เฒ่า เธอยังเอากากสมุนไพรที่เหลือมาซาวข้าวต้มเป็นโจ๊ก ไม่เสียเปล่าแม้แต่น้อย 


 


 


เมื่อนายท่านผู้เฒ่าได้กินอาหารเสริม ย่อมรู้สึกสบายขึ้น เป็นเพราะฤทธิ์ยาจากสมุนไพรทิพย์ 


 


 


“ปู่ครับ ปู่อย่าพุ่งเป้ามาที่อาเสวี่ยได้ไหม เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ปู่ดูสิ ปู่ทำกับเธออย่างนี้ เธอยังคอยเอาใจใส่ปู่ ถ้าเป็นคนอื่นจะทำไหม?” 


 


 


เฉวียนหมิงเห็นสีหน้านายท่านผู้เฒ่าผ่อนคลายลงบ้าง จึงพยายามเอ่ยถึงข้อดีของอีลั่วเสวี่ย 


 


 


นายท่านผู้เฒ่าเลียริมฝีปาก รสชาติที่อร่อยเมื่อกี้ยังค้างอยู่ที่มุมปาก เมื่อเผชิญกับแววตาที่ขึงขังของหลานชายตัวเอง ทำให้เขารู้สึกผิด 


 


 


“ปู่…” แต่ยังไม่ทันพูดจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น 


 


 


เหล่าเกาได้ยิน จึงเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย “คุณคือ?” มีหญิงสาวสวมเสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่นอกประตู เหล่าเการู้สึกคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกว่าเห็นที่ไหนมาก่อน 


 


 


“ลุงเกา ฉันเองค่ะ จื่อชิว จำฉันไม่ได้หรือคะ?” ฟางจื่อชิวยิ้มอย่างอ่อนโยน ดูราวกับรอยยิ้มของเทพธิดา 


 


 


เฉวียนหมิงคิ้วขมวดทันทีเมื่อเห็นเธอ “คุณมาทำไม” วิญญาณผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมสลาย หรือว่าเธอฟังคำพูดเขาเมื่อคืนไม่เข้าใจ  


 


 


ฟางจื่อชิวดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับเรื่องเมื่อคืน เธอเดินผ่านเขามาที่หัวเตียงนายท่านผู้เฒ่า “ปู่เฉวียน เป็นยังไงบ้างคะ? ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีก จะให้หนูแนะนำหมอใหญ่ที่หนูรู้จักไหมคะ?” 


 


 


ที่จริงนายท่านผู้เฒ่าไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่อยากอาศัยโอกาสนี้ดูว่าหลานชายห่วงใยตนหรือไม่ วันนี้หลังจากกินอาหารแล้วรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ 


 


 


“แม่หนูจื่อชิว ฉันไม่เป็นไรหรอก ที่จริงก็ไม่มีอะไร แต่เจ้าหนูนี่ทำเป็นเรื่องใหญ่ จะส่งฉันมาโรงพยาบาลให้ได้ ยังตรวจทั้งร่างกายด้วย ทรมานคนแก่จริงๆ” ที่พูดเช่นนี้นายท่านผู้เฒ่ารู้สึกภูมิใจ ยังไงหลานชายตนก็ยังกตัญญู 


 


 


“งั้นก็ดีแล้วค่ะ มีเรื่องอะไรก็เรียกพยาบาลและหมอได้ค่ะ ทางนี้หนูช่วยกำชับให้แล้ว งั้นปู่เฉวียนพักผ่อนเถอะค่ะ หนูไม่รบกวนแล้วเดี๋ยวยังต้องไปตรวจดูคนไข้อีก” 


 


 


นายท่านผู้เฒ่ายิ้มร่า “ไปเถอะ ไปเถอะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว เฉวียนหมิงไปส่งหน่อย” 


 


 


เฉวียนหมิงพยักหน้าด้วยความรำคาญ ไม่ต้องบอกเขาเองก็จะหาโอกาสคุยกับฟางจื่อชิวให้ชัดเจน ก่อนหน้านี้ที่ไม่พูด เพราะเขาคร้านจะอธิบาย เขาไม่มีใจให้เธอแม้แต่น้อย ถ้าพูดกลับจะเหมือนใจแคบ แต่เวลานี้เป็นอย่างนี้แล้ว ไม่พูดก็คงไม่ได้ 


 


 


“เมื่อคืนต้องขอโทษด้วยค่ะ” เพิ่งออกมาจากห้องคนป่วยฟางจื่อชิวเป็นฝ่ายพูดขอโทษก่อน ท่าทางเหมือนเด็กสาวที่มีเหตุผล 


 


 


“รู้ก็ดีแล้ว งั้นผมคงไม่จำเป็นต้องอธิบายมากเกินไป ลาก่อน” เฉวียนหมิงหันหลังกลับ เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย 


 


 


ฟางจื่อชิวที่เดิมยิ้มอยู่ใบหน้าแข็งทื่อทันที แต่ตอนนี้มีพยาบาลหลายคนมองมาทางนี้ เธอจึงต้องยิ้มเพื่อให้ดูดี แล้วเดินไปที่ห้องทำงานของแพทย์ 


 


 


เหล่าเกากับเฉวียนสือแปลกใจมากที่ไม่ถึงสิบวินาทีเฉวียนหมิงก็กลับมา  


 


 


“หลานส่งแขกแบบนี้หรือ?” นายท่านผู้เฒ่ารู้สึกโมโห ทำอย่างนี้ออกจะเกินไปแล้ว จะให้ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร 


 


 


เฉวียนหมิงไม่ใส่ใจ “แล้วปู่จะให้ผมส่งเธอยังไง กลางวันอย่างนี้จะให้ผมพาเธอไปส่งบ้านหรือ ยังทำงานอยู่ไม่ใช่หรือครับ?” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 395 คราวก่อนยังสั่งสอนไม่พอ 


 


 


คำพูดเฉวียนหมิงทำให้นายท่านผู้เฒ่าถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก สุดท้ายเขาทำตาขวาง พูดพึมพำด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่ให้เฉวียนหมิงได้ยิน 


 


 


“เอาละ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ปู่ครับ ตอนนี้ปู่รู้สึกยังไงบ้าง?” วันนี้หมอมาตรวจแล้ว บอกว่าปู่ไม่มีอาการป่วยเป็นพิเศษ สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ 


 


 


ที่บ้านมีหมอประจำครอบครัว ถ้าต้องอยู่ในโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยกลิ่นยาฆ่าเชื้อ สู้กลับบ้านยังดีกว่า 


 


 


แต่ตอนนี้นายท่านผู้เฒ่าเกิดแข็งกร้าวขึ้นมา “ฉันยังรู้สึกไม่ดี จะพักที่นี่อีกสองวัน!” กลับไปหรือ ถ้าส่งเขากลับไปละก็หลานชายตนคงเลิกใส่ใจตนเองแล้ว 


 


 


เฉวียนหมิงกุมหน้าผากด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า แล้วหันไปสั่งเหล่าเกา “เหล่าเกา คุณไปเอาเอกสารที่ผมต้องจัดการกับตราประทับมาที่นี่ ในเมื่อปู่ยังไม่อยากกลับ ก็อยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวบอกให้เปลี่ยนเป็นห้องที่ใหญ่ขึ้น” 


 


 


อยากอยู่ใช่ไหม งั้นผมก็จะอยู่ด้วย ดูว่าใครจะอึดกว่ากัน 


 


 


ในใจเหล่าเการู้สึกจนใจ แต่ปากกลับพูดตกลง “ครับนายน้อย งั้นเดี๋ยวผมกลับไปรอบหนึ่ง” ดูแล้วยังต้องเตรียมเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนมาด้วย สองคนนี้สมกับเป็นปู่กับหลานกัน นิสัยดื้อรั้นเหมือนกันไม่มีผิด 


 


 


 


 


 


วันนี้เป็นวันศุกร์ หลังจากเอาของมาส่งให้แล้วอีลั่วเสวี่ยก็ขับรถไปเรียนที่มหาวิทยาลัย หลังจากนั้นก็กลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้า แปลงโฉมแล้วก็ออกจากบ้าน ไปที่ร้านเคบาร์นรกอเวจี ทุกวันศุกร์เธอจะไปดูแลร้าน 


 


 


วันนี้พอเธอกับเฟิงฉี่เพิ่งลงจากรถก็พบว่ามีคนไม่น้อยรวมตัวกันอยู่ที่หน้าร้าน เดิมมีลูกค้ากำลังจะเข้าร้าน พอเห็นเช่นนี้ก็พากันเปลี่ยนใจ บางคนผละไป บางคนยืนดูอยู่ห่าง 


 


 


เธอเพ่งมอง แล้วพบว่าในกลุ่มคนมีคนที่ดูคุ้นหน้า คนหนึ่งคือหงเหมา อีกคนคือคนที่คราวก่อนเล่นงานหูปิงที่โรงงานถลุงเหล็ก เขาเคยบอกเธอว่าคนสองกลุ่มนี้เป็นพวกเดียวกัน 


 


 


“ว่าไง จะเข้าเป็นพวกเราไหม หรือให้เราเข้าร่วมกับร้านเคบาร์ร้านนี้?” หงเหมาเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วเป่าลูกโป่ง น้ำเสียงท้าทายอย่างยิ่ง 


 


 


หูปิงยิ้มหยัน “เห็นเรามีกำไรก็อยากแหย่เท้าเข้ามา พวกแกไม่รู้จักอายหรือไง แต่แกฝันไปเถอะ แม้แต่มากินเหล้ายังไม่ต้อนรับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจะเข้าร่วมเลย” 


 


 


อยากจะแบ่งเงินกับพวกเขา คิดถึงเงินจนบ้าไปแล้ว ไม่คิดบ้างว่าตัวเองมีสิทธิอะไร 


 


 


“หึ ข้าเป็นคนขี้โมโห อยากมีเรื่องใช่ไหม?” เขาให้ลูกน้องมาดูลาดเลาหลายวันแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่ ได้โอกาสสั่งสอนคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงพวกนี้แล้ว 


 


 


เขายังชวนพี่ชายมาด้วยเพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย 


 


 


“พูดถูกแล้ว อยากมีเรื่อง” เฟิงฉี่ลูบหมัด แล้วพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ใช้เท้าถีบก้นหงเหมา หงเหมาไม่ทันระวัง ล้มคว่ำหน้าทิ่มพื้น 


 


 


หมากฝรั่งที่เคี้ยวเมื่อกี้เปื้อนดินโคลนและน้ำลายติดอยู่บนหน้า ท่าทางยากที่จะบรรยาย 


 


 


“แกเป็นใคร ยุ่งไม่เข้าเรื่อง กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำหรือไง” คนที่เคยล้อมหูปิงเห็นน้องชายตัวเองถูกเล่นงานก็พูดเสียงสูงทันที มองเฟิงฉี่ด้วยสายตาดูแคลน แขนขาเล็กอย่างนี้ ดูแล้วไม่ใช่พวกที่มีฝีมือด้านชกต่อย ยังรู้จักลอบทำร้ายคนด้วย 


 


 


เฟิงฉี่ยิ้มอย่างเ**้ยมเกรียม สองมือกอดอก “ฟังให้ดี ฉันมีฉายาว่าท่านเจ็ด เป็นเถ้าแก่รองของร้านนี้ วันหลังเห็นฉันต้องเดินอ้อมไป ไม่งั้นถ้าเจอต้องถูกเล่นงาน” 


 


 


“หึ สามหาวนัก!” ชายคนนั้นยิ้มเยาะ แล้วชกใส่ใบหน้าเฟิงฉี่ 


 


 


เฟิงฉี่ตาไวมือเร็ว คว้าข้อมือเจ้านั่นไว้ แล้วกระชากลงอย่างรุนแรง มีเสียงดังเพี๊ยะ ตามมาด้วยเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือดของเจ้านั่น 


 


 


“โอ๊ย โอ๊ย เจ็บ เจ็บ รีบปล่อยมือ ปล่อยมือเร็ว!” พูดพลางยื่นมืออีกข้างจะดึงมือเฟิงฉี่ออก 


ตอนที่ 396 อยากไปกินข้าวหลวงหรือ 


 


 


เฟิงฉี่ยกมุมปากขึ้นอย่างดูแคลน “แก่ไม่ต้องแกล้งทำ ฉันแค่กระชากเบาๆ เท่านั้น ไม่ต้องร่วมแสดงละครกับฉันหรอก” 


 


 


ชายคนนั้นเจ็บปวดจนเหงื่อแตก นึกร้องด่าแม่ในใจ ร่วมแสดงบ้านะสิ เมื่อกี้เขามีตาแต่หามีแววไม่ ตอนนี้ที่ทุกข์ที่สุดคือเขา เจ็บปวดยิ่งกว่าหงเหมา 


 


 


“คงจะเป็นนักแสดงที่ดี” อีลั่วเสวี่ยหัวเราะเยาะ แล้วเดินมา ถึงตอนนี้คนผู้นี้จึงเห็นอีลั่วเสวี่ย เขาจ้องมองดวงตาที่สดใสของเธอ แล้วลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ แววตาเธอดูคุ้นมาก ดูเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน 


 


 


เฟิงฉี่เห็นในเวลาอย่างนี้เขายังมีใจมองดูคนสวย จึงออกแรงดึงข้อมือเขาลง ชายคนนี้เจ็บจนร้องโอดโอยอีกครั้ง แต่คราวนี้เฟิงฉี่ปล่อยมือเขาแล้ว  


 


 


“ที่แท้ที่หูปิงบอกว่ามีคนมาก่อกวนก็คือพวกแกนี่เอง ยังมุ่งมั่นนักนะ แพ้ไปแล้วสามครั้ง เชอะ” 


 


 


เขากุมมือตัวเองไว้ ใบหน้าบิดเบี้ยว “อย่าพูดมาก ข้าไม่กลัวพวกแกหรอก พี่น้องลุยเลย!” 


 


 


ดวงตาอีลั่วเสวี่ยหมองลง เตรียมจะลงมือ แต่เจ้าลูกบอลเงินบอกให้เธอหยุดก่อน เธอจึงดึงเฟิงฉี่ไว้ด้วย 


 


 


“ลุย? พวกแกจะทำอะไร?” เสียงที่แข็งกร้าวดังขึ้น ทุกคนหันไปมองตามเสียง จึงพบว่าไม่รู้รถตำรวจสายตรวจมาถึงตั้งเมื่อไร ตอนนี้รถจอดแล้ว ตำรวจเดินตรงมา 


 


 


ไม่มาก ตำรวจสี่นาย รถมอเตอร์ไซค์สองคัน รถยนต์หนึ่งคัน ทั้งสี่คนถือกระบอง ท่าทางน่กลัว 


 


 


ถึงตอนนี้หงเหมากับพวกเครียดทันที รีบตีหน้ายิ้ม “แฮ่ๆ คุณตำรวจ เราล้อเล่นกัน ทุกคนต่างทำมาหากินอยู่แถวนี้ ช่วยกันสร้างบรรยากาศ ทำให้คึกคักขึ้น” 


 


 


“ใครเล่นกับพวกแก อย่าพูดอวดตัวเองเลย” หูปิงแยกแยะความเกี่ยวข้องระหว่างกันให้ชัดทันที หงเหมากับพวกหน้าเสีย 


 


 


บังเอิญจริงๆ ตำรวจที่มาเป็นคนที่อีลั่วเสวี่ยและเฟิงฉี่รู้จัก ห่าวเหรินนั่นเอง 


 


 


เขาไม่ได้ทักทายอีลั่วเสวี่ยกับเฟิงฉี่ทันที แต่มองดูหงเหมากับพวก “เมื่อกี้มีพลเมืองดีโทรแจ้งว่ามีคนกลุ่มหนึ่งถืออาวุธมาก่อเรื่องที่นี่ แล้วก็เป็นความจริง พวกแกล่ะสิ” 


 


 


มุมปากหงเหมากระตุก ให้ตายสิ ที่นี่มีพลเมืองดีตั้งแต่เมื่อไหร่ 


 


 


“พรรคพวก ไม่ใช่หรอก เราล้อเล่นจริงๆ แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะลงมือก่อน ดูสิ ข้อมือผมหลุดแล้ว” คนที่ยืนอยู่ข้างหงเหมายื่นมือตัวเองออกไป แล้วชี้ไปที่เฟิงฉี่ว่าเป็นตัวการ 


 


 


ห่าวเหรินหรี่ตา “ไม่ต้องมาตีสนิท ใครเป็นพรรคพวกแก แกจะติดสินบนตำรวจหรือ โทษหนักนะ!” 


 


 


มุมปากชายคนนั้นกระตุก “ขอโทษครับ ผมพูดผิดเอง แต่เขาเป็นคนทำร้ายผม ยังถีบน้องชายผม เล่นงานจนมือผมเป็นอย่างนี้ คุณตำรวจควรจะจัดการเขาครับ” 


 


 


“เรื่องเมื่อกี้พวกเราเห็นหมดแล้ว เขาป้องกันตัวอย่างถูกต้อง ฝ่ายแกต่างหากที่ผิด แกยังอ้างว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกรังแก อย่างนั่งรถฟรีกลับไปกินข้าวหลวงใช่ไหม?” คนพวกนี้ปกติก่อเรื่องไว้ไม่น้อย จนใจที่ไม่เห็นกับตา วันนี้เจอเข้าพอดีต้องเล่นงานบ้างแล้ว 


 


 


เขากับเพื่อนลาดตระเวนแถบนี้เป็นประจำ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นพวกเขาก็ต้องรับผิดชอบ 


 


 


หงเหมารู้สึกแค้นใจ รู้แก่ใจดีว่าเรื่องวันนี้คงทำไม่สำเร็จแล้ว ขืนอยู่ต่อเกรงว่าพวเขาอาจจะไม่ได้ไปแล้ว 


 


 


“ไม่อยากครับ คุณตำรวจ พวกเราไม่รบกวนแล้ว พรรคพวก กลับไปกินเหล้ากัน” เขากุมข้อมือตัวเอง ทนเจ็บปวด รีบผละไป 


 


 


หลังจากพวกนั้นไปแล้วห่าวเหรินจึงหันมาทักทายกับอีลั่วเสวี่ยและเฟิงฉี่ “บังเอิญจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับพวกคุณที่นี่” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 397 เฉวียนหมิงล้มลงที่โรงพยาบาล 


 


 


อีลั่วเสวี่ยกับเฟิงฉี่ผงกหัว “บังเอิญจริงๆ แต่เรื่องวันนี้ต้องขอขอบคุณด้วยค่ะ” อีกฝ่ายช่วยเหลือตนเอง จะอย่างไรก็ต้องขอบคุณบ้าง 


 


 


“ที่นี่เป็นร้านของพวกคุณพี่น้องหรือครับ?” ห่าวเหรินเงยหน้ามองร้านเคบาร์ พอเห็นชื่อร้านมุมปากก็อดกระตุกไม่ได้ แนวของชื่อร้านไม่เข้ากับพวกเขาสองคนเลย ทำไมถึงตั้งชื่ออย่างนี้นะ 


 


 


“ใช่ครับ คุณห่าว จะเขาไปดื่มสักแก้วไหม?” เฟิงฉี่ยิ้มแล้วพูดเชิญ 


 


 


ห่าวเหรินโบกมือทันที “ไม่ไม่ ไว้วันหลังเถอะครับ ตอนนี้เข้าเวรอยู่ จะหย่อนยานไม่ได้ พวกเรายังมีงาน คงต้องไปแล้ว ถ้าพวกนั้นยังกล้ามาก่อกวน โทรแจ้งตำรวจได้เลย เบอร์ของสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ก็คือ…” 


 


 


“ขอบคุณค่ะ เราจดไว้แล้ว แล้วพบกันใหม่ค่ะ” อีลั่วเสวี่ยเห็นห่าวเหรินจะไปแล้วจึงรีบพูดขอบใจ 


 


 


ก่อนหน้านี้ยังกังวลว่าจะรับมือกับคนพวกนี้อย่างไร เดี๋ยวนี้มีห่าวเหริน ดูเหมือนจะไม่เลว พวกเขาไม่ต้องออกมือเอง อย่างน้อยคนพวกนั้นก็ไม่กล้ามาก่อกวยอย่างเปิดเผย 


 


 


รอจนตำรวจพากันไปแล้ว หูปิงกับพวกจึงเดินมาหาทันที แล้วต้อนรับอีลั่วเสวี่ยกับเฟิงฉี่เข้าไปในร้าน “เถ้าแก่ ตำรวจพวกนั้นเป็นเพื่อนเถ้าแก่หรือครับ?” โอ้โห หัวหน้าพวกเขารู้จักคนมากจริงๆ 


 


 


อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น “คงไม่นับหรอก แค่เคยเจอกันครั้งเดียว” 


 


 


“เคยเจอกันครั้งเดียว ผมไม่เชื่อหรอก” หูปิงไม่อยากเชื่อ ถ้าเจอกันเพียงครั้งเดียวทำไมถึงจำหัวหน้าของตนและท่านเจ็ดได้ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นยังเอนเอียงมาทางพวกเขา จะหลอกใคร 


 


 


เฟิงฉี่ได้ยินเช่นนั้นจึงตบไหล่หูปิง “บอกนายตามตรงก็ได้ ก่อนหน้านี้เราช่วยตำรวจคนนี้จับผู้ร้านที่กำลังหนี ถือว่ามีบุญคุณต่อเขาก็ได้ เรื่องนี้ฉันบอกให้นายรู้ไว้ ไม่ต้องพูดออกไป” 


 


 


หูปิงพยักหน้าหงึกๆ มิน่าถึงเป็นแบบนี้ แต่อย่างนี้ก็ดี วันหลังมากน้อยก็ต้องเห็นแก่เรื่องนี้ แล้วช่วยพวกเขาบ้าง อย่าให้ถูกหงเหมาก่อกวนก็พอ 


 


 


ส่วนเรื่องในทางลับพวกเขาย่อมหาทางแก้ไขเอง 


 


 


“สวัสดีครับเถ้าแก่” หลังจากที่อีลั่วเสวี่ยและเฟิงฉี่เข้ามาในร้าน พนักงานข้างในทักทายอย่างนอบน้อมทันที ยังมีลูกค้าส่วนหนึ่งชูแก้วและยิ้มให้พวกเขาอย่างมีมารยาท 


 


 


อีลั่วเสวี่ยและเฟิงฉี่ไม่เหมือนเจ้าของบาร์บางแห่งอื่นที่เย็นชาหยิ่งยโส พวกเขามักมีส่วนลดให้ลูกค้าเป็นประจำ พูดคุยมีอารมณ์ขัน ดังนั้นคนที่มาที่นี่สักครั้งก็มักจะมาอีก 


 


 


ทำให้หงเหมากับพวกเห็นว่าการค้าที่นี่ดีกว่าเลยนึกอิจฉา 


 


 


 


 


 


อีกด้านหนึ่งที่โรงพยาบาล นายท่านผู้เฒ่าเฉวียนนอนบนเตียงดูทีวี เปิดเสียงเบามาก ท่าทางเบิกบานใจ เหล่าเกายืนปอกผลไม้ให้เขาอยู่ข้างๆ เฉวียนหมิงกำลังจัดการงานของบริษัทในห้องพักด้านข้าง 


 


 


แม้ว่าครั้งก่อนที่เขาเจอหนานหลิวเฟิงจะไม่ได้แสดงอาการโกรธเกรี้ยวอะไร แต่เพราะอีกฝ่ายชิงโครงการไปไม่น้อย งานทางเขาจึงเพิ่มขึ้นมาก จำเป็นต้องตั้งใจจัดการ 


 


 


เวลาสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลามาถึงสี่ทุ่มกว่าแล้ว เฉวียนหมิงบิดขี้เกียจ แล้วขยับข้อมือที่เมื่อยล้า ปิดสมุดบันทึกแล้วยืนขึ้น 


 


 


แต่เขาเพิ่งเดินออกจากที่ ขาก็ก้าวไม่ออกแล้ว รู้สึกว่าภาพตรงหน้าสั่นไหว รู้สึกมึนงง มือปัดไปถูกโต๊ะ 


 


 


บังเอิญตำแหน่งที่เหล่าเกายืนอยู่มองเห็น เขาเห็นเฉวียนหมิงโงนเงนจะล้มลง จึงวางของในมือลงทันทีแล้วรีบวิ่งไป 


 


 


พอเฉวียนหมิงเห็นเหล่าเกาก็อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับรู้สึกหน้ามืด ร่างอ่อนยวบลงไป 


 


 


“นายน้อย เป็นอะไรไปแล้ว” 


 


 


นายท่านผู้เฒ่าสังเกตเห็นความผิดปกติจึงดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียงทันที ไม่ใส่ใจรองเท้า รีบวิ่งมาหาเฉวียนหมิง “เสี่ยวหมิง เสี่ยวหมิง หลานเป็นอะไรไป หมอ…หมอ!” 


 


 


เขาตะโกนแล้วรีบวิ่งมากดกริ่งเรียกที่หัวเตียง จากนั้นก็กลับมาอยู่ข้างตัวเฉวียนหมิ 


ตอนที่ 398 อีลั่วเสวี่ยตกใจ 


 


 


พยาบาลเข้ามาอย่างรวดเร็ว พอเห็นว่าคนที่เกิดเรื่องไม่ใช่นายท่านผู้เฒ่าก็บอกว่าให้รอเดี๋ยว แล้วรีบวิ่งไปเรียกคน 


 


 


ถึงตอนนี้หมอเวรหลายคนรีบมาทันที ยกเฉวียนหมิงมานอนบนเตียงนายท่านผู้เฒ่าชั่วคราว จากนั้นก็จัดหมอตรวจร่างกายเขา 


 


 


“พวกคุณช่วยตรวจดูหลานชายฉัน เร็วหน่อย” นายท่านผู้เฒ่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าขาวซีด เดินเท้าเปล่าบนพื้นก็ยังไม่รู้ตัว เป็นเหล่าเกาที่เอารองเท้ามาให้เขา 


 


 


พอนายท่านผู้เฒ่าเห็นเหล่าเกาก็คิดถึงเรื่องหนึ่ง รีบสั่งทันที “เหล่าเกา เร็ว รับโทรหาหมอหมิง บอกว่าเจ้าหนูเป็นลมหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล ให้เขารีบมาดู เร็วเข้า เร็วเข้า” 


 


 


“ครับ นายท่าน” เหล่าเกาที่กำลังร้อนรนจำเป็นต้องสงบใจลง ถ้าเขายังว้าวุ่นใจก็จะคิดอะไรไม่ออก จะสับสนไม่ได้ 


 


 


เหล่าเกาเดินออกมานอกห้องทันที โทรหาหมอหมิง “หมอหมิงครับ จู่ๆ นายน้อยก็เป็นลมหมดสติ ตอนนี้เราอยู่ที่โรงพยาบาลประจำเมือง ชั้น 19 ห้องผู้ป่วยพิเศษ รบกวนคุณหมอมาช่วยตราจดู อืม…อืม” 


 


 


หมอหมิงวางสายแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินออกไป ขณะนี้คนส่วนใหญ่นอนกันแล้วรวมทั้งเขาด้วย 


 


 


“ดึกอย่างนี้ยังจะออกไปหรือ?” ขณะที่หมิงเย่ว์กำลังจะออกไป นายท่านผู้เฒ่าเฟิงเดินออกมาดื่มน้ำในห้องรับแขก จึงเอ่ยถาม 


 


 


หมิงเย่ว์พยักหน้า “เฉวียนหมิงป่วยกะทันหัน ผมจะไปดูหน่อย พ่อก็เข้านอนเร็วหน่อย กลางคืนอย่าดื่มน้ำมาก ดื่มน้ำกลางวันจะดีต่อสุขภาพกว่าครับ” จากนั้นก็ก้มลงเปลี่ยนรองเท้า หยิบกุญแจแล้วเดินออกไป 


 


 


นายท่านผู้เฒ่าเฟิงกะพริบตา มองดูแก้วน้ำในมือ สุดท้ายจึงวางลง เขาพึมพำว่า “ฉันย่อมรู้ว่ากลางคืนไม่ควรกินอาหารหรือดื่มน้ำ ให้อวัยวะภายในได้พักเต็มที่ แต่เมื่อกลางวันมัวดูละครจนลืม” 


 


 


ที่ร้านเคบาร์ อีลั่วเสวี่ยกับเฟิงฉี่นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งในร้าน อารมณ์ดีเมื่อเห็นลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 


 


 


อีลั่วเสวี่ยมองดูเวลา แล้วพูดกับเฟิงฉี่ “ดึกแล้ว ฉันจะกลับแล้ว คุณจะนั่งต่อหรือจะกลับพร้อมฉัน?” 


 


 


“แน่นอนว่ากลับกับคุณ คุณมาสัปดาห์ละครั้ง แต่ผมมาสองสามครั้ง แล้วก็ดื่มเหล้าไม่น้อยแล้ว ไปกันเถอะ” เพราะต้องขับรถดังนั้นเมื่อมาถึงอีลั่วเสวี่ยจึงดื่มเพียงเล็กน้อย 


 


 


ต่อให้ดื่มมากก็ยังสามารถใช้ยาแก้เมาสลายฤทธิ์เหล้าได้ ในเวลานี้การขับรถหลังดื่มเหล้าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ทั้งยังอาจจะเจอด่านตรวจด้วย 


 


 


ขณะที่ทั้งคู่กำลังลุกขึ้นมือถือของอีลั่วเสวี่ยก็ดังขึ้น เธอหยิบมือถือมาดู เห็นเหล่าเกาโทรมา “ดึกอย่างนี้โทรหาฉันเรื่องอะไรหรือ?” 


 


 


อีลั่วเสวี่ยเดินมาด้านข้างแล้วรับสาย “ลุงเกา…อะไรนะ?” เธอเพิ่งทักไปคำเดียว แต่คำพูดต่อมาของเหล่าเกาทำให้สีหน้าเธอเปลี่ยนไปทันที 


 


 


“เกิดเรื่องอะไรครับ?” เป็นครั้งแรกที่เฟิงฉี่เห็นอีลั่วเสวี่ยมีสีหน้าเครียดเช่นนี้ จึงอดถามไม่ได้ แล้วพลอยรู้สึกกังวลไปด้วย 


 


 


อีลั่วเสวี่ยไม่ตอบที่เฟิงฉี่ถาม เธอวางสายแล้วเดินออกไปข้างนอกทันทีโดยไม่ทันได้บอกกล่าวกับหูปิงและพวก 


 


 


“เถ้าแก่เป็นอะไรไป? เรื่องอะไรถึงได้ร้อนใจอย่างนี้?” ทุกคนมองดูหูปิง ต่างนึกสงสัย 


 


 


หูปิงสั่นหัว สายตาฉายแววกังวล “ไม่รู้ แต่คงเป็นเรื่องสำคัญมาก เอาละ ทุกคนไปทำงานตามหน้าที่ให้ดี” 


 


 


เฟิงฉี่เห็นอีลั่วเสวี่ยเดินเร็วมากจึงดึงแขนเธอไว้ “เจ๊ เป็นอะไรไปหรือ พูดหน่อยสิ คุณเป็นอย่างนี้ผมพลอยเครียดไปด้วย” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 399 อาการทรุดลง 


 


 


อีลั่วเสวี่ยหยุดเดิน แล้วหายใจเข้าลึกๆ “เฉวียนหมิงป่วยหนัก จู่ๆ ก็วูบที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” 


 


 


เฟิงฉี่แปลกใจ “อะไรนะ คงไม่หรอก นี่เพิ่งผ่านมาแค่ครึ่งปี ตามหลักแล้วไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เดี๋ยวก่อน ผมจะลองโทรถามพ่อ” พูดจบก็ล้วงมือถือออกมา 


 


 


แต่อีลั่วเสวี่ยไม่อาจรอได้ เธอเข้าไปนั่งในรถแล้ว เฟิงฉี่เห็นเช่นนั้นก็รีบตามเขาไปในรถ 


 


 


“สวัสดีครับ พ่อ ได้ข่าวว่าพี่เขยผมป่วย จริงหรือครับ” 


 


 


หมิงเย่ว์กำลังขับรถ มุมปากกระตุกขึ้น “เรื่องอย่างนี้จะมีปลอมด้วยหรือ พ่อกำลังเดินทางไปโรงพยาบาล เอ๊ะ แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” 


 


 


เขายังไม่ได้คำตอบ เฟิงฉี่ก็วางสายไปแล้ว 


 


 


“จริงครับ อยู่ที่โรงพยาบาลของเมือง พ่อผมอยู่ระหว่างทางไปที่นั่น เราไปดูกันเถอะ” เขาเพิ่งพูดจบ อีลั่วเสวี่ยก็เหยียบคันเร่ง รถแล่นทะยานออกไป 


 


 


ถึงตอนนี้อีลั่วเสวี่ยให้เจ้าลูกบอลเงินวิเคราะห์เส้นทางที่ใกล้ที่สุดไปยังโรงพยาบาล พยายามเลี่ยงไฟแดง 


 


 


เฟิงฉี่เบิ่งตาโต รีบคว้าห่วงจับในรถทันที พร้อมกับถอนหายใจหนักๆ โอ้โห เขาไม่ทันคาดเข็มขัดนิรภัย รถแล่นเร็วมาก แทบจะเหาะเลย 


 


 


อีกด้านหนึ่งหมิงเย่ว์อยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลนัก เขาเร่งความเร็วแล้วมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาลพร้อมกับอีลั่วเสวี่ย 


 


 


ขณะที่กำลังจะลงจากรถ เฟิงฉี่ชี้ที่ใบหน้าพวกเขา ทั้งคู่อยู่ในสภาพแปลงโฉม ตอนนี้ลงจากรถหมิงเย่ว์คงจำพวกเขาไม่ได้ แล้วจะอธิบายอย่างไร 


 


 


“กินซะ แล้วรอหนึ่งนาที” อีลั่วเสวี่ยกินยาทิพย์แล้ว เธอรู้สึกว่าแต่ละวินาทีช่างช้าเหลือเกิน เมื่อใบหน้ากลับมาเหมือนเดิมแล้ว ทั้งคู่ก็ออกจากรถพร้อมกัน 


 


 


“พ่อ” เฟิงฉี่ร้องเรียกหมิงเย่ว์ที่กำลังเดินเข้าไป เขาถือกระเป๋ายาในมือ พอเห็นอีลั่วเสวี่ยก็พยักหน้าให้ แต่ไม่ได้ถามว่าทำไมทั้งคู่จึงมาที่นี่พร้อมกัน 


 


 


“ไปด้วยกันเถอะ” 


 


 


เพราะเฉวียนหมิงป่วยกะทันหัน จึงเปลี่ยนห้องคนป่วยของนายท่านผู้เฒ่าเป็นของเขา หมอหลายคนมาตรวจแล้ว แต่หาสาเหตุไม่ได้ การเต้นของหัวใจ ค่าน้ำตาลในเลือดรวมทั้งผลตรวจอื่นๆ ล้วนปกติ แต่เขายังไม่ฟื้น 


 


 


“ใครเป็นญาติครับ? คนป่วยมีโรคประจำตัวอะไรไหม?” เมื่อหมอหาข้อสรุปไม่ได้จึงต้องถามญาติ และเพราะตรวจวินิจฉัยไม่ออก จึงยังไม่กล้าใช้ยา คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นคนมีเงินและอิทธิพล ถ้าทำอะไรพลาดไปก็จะเกิดปัญหาร้ายแรงระหว่างหมอกับคนไข้ 


 


 


นายท่านผู้เฒ่ารีบเดินมา “ผม ผม หมอครับ หลานผมเป็นยังไงบ้าง? มีปัญหาอะไร? ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลไหม?” 


 


 


หมอสั่นหัว “จากผลการตรวจเบื้องต้น เขาน่าจะเหนื่อยล้าเกินไป ร่างกายอ่อนแอ คาดว่าน่าจะใกล้ฟื้นแล้ว ส่วนทำไมจึงเป็นเช่นนี้ บางทีตัวเขาอาจมีโรคอื่น เรื่องนี้ทางเราคงต้องตรวจดูอีกขั้นหนึ่งครับ” 


 


 


ถึงตอนนี้ฟางจื่อชิวเดินเข้ามา ตรงมาที่ข้างเตียงเฉวียนหมิงทันที ยืนอยู่ข้างนายท่านผู้เฒ่า “ปู่เฉวียน เฉวียนหมิงเป็นอะไรไปคะ หมอคะ เขาเป็นเพื่อนฉัน เขาเป็นอย่างไรบ้าง” 


 


 


“ที่แท้เขาเป็นเพื่อนหมอฟาง อย่างนี้ครับ ตามที่ประเมินเบื้องต้น เขาน่าจะเหนื่อยล้าเกินไป คงต้องตรวจละเอียดอีกขั้นหนึ่ง ถ้าญาติเห็นด้วยเราจะลงมือจัดการเลย” 


 


 


ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนหรือจ่ายเงินก่อน นี่เป็นสิทธิพิเศษของคนรวย หมอเหล่านี้เข้าใจดี 


 


 


นายท่านผู้เฒ่ากลอกตา ในเมื่อแค่เป็นลม ต่อจากนี้ให้หมอหมิงตรวจดูก็พอ เขาเป็นหมอประจำตัวของหลานชายเขาตลอดมา 


 


 


“งั้นก็คงไม่ต้องแล้ว” 


 


 


ฟางจื่อชิวไม่ค่อยเห็นด้วย “ปู่เฉวียนคะ โรงพยาบาลเมืองเอฟมีเครื่องมือที่ทันสมัยมาก ให้เฉวียนหมิงรับการตรวจเถอะค่ะ” 


ตอนที่ 400 ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ


 


 


“แม่หนู เธอคงไม่รู้ เฉวียนหมิงเขา…หมอหมิง คุณมาแล้ว เร็วเข้า ไปดูหน่อยว่าเสี่ยวหมิงเป็นอย่างไรบ้าง” นายท่านผู้เม่ากำลังพูด พอเหลือบเห็นหมิงเย่ว์ผลักประตูเดินเข้ามา ก็รีบพูดทักทายแล้วหลีกทางให้


 


 


หมอในห้องต่างรู้จักชื่อเสียงของหมิงเย่ว์ พอเห็นเช่นนั้นจึงออกไปจากห้องอย่างเข้าใจสถานการณ์


 


 


หมิงเย่ว์มาที่ข้างเตียงเฉวียนหมิง ใช้ไฟฉายส่องดูดวงตาเฉวียนหมิง ใช้หูฟังฟังการเต้นของหัวใจ แล้วเทียบดูกับเครื่องตรวจวัดการทำงานของหัวใจ


 


 


บางครั้งเครื่องตรวจวัดการทำงานของหัวใจก็คลาดเคลื่อนได้ ในฐานะหมอยังต้องตรวจและสอบถามคนไข้ด้วยตนเอง จะอาศัยตัวเลขจากเครื่องมือทันสมัยอย่างเดียวไม่ได้ ยังไงเครื่องมือก็ไม่มีชีวิต


 


 


ถ้าเกิดความผิดพลาดเพราะตัวเลขที่ออกมาคลาดเคลื่อนก็จะทำให้หมอรักษณาไปในแนวทางที่ผิดได้


 


 


หมิงเย่ว์ตรวจดูกล้ามเนื้อที่แขนและขาของเฉวียนหมิง เขากลอกตาเล็กน้อย เดินมาข้างนายท่านผู้เฒ่า “คงเหนื่อยมากเกินไป ส่งผลให้อาการรุนแรงขึ้น ต่อจากนี้ต้องพักฟื้นให้ดี คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ”


 


 


ยังต้องให้อีลั่วเสวี่ยแทงเข็มให้เขาสักสองสามครั้ง อาการก็จะทุเลา ไม่งั้นเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้


 


 


นายท่านผู้เฒ่ารู้เรื่องที่เฉวียนหมิงกินยาทิพย์ จึงย่อมรู้ว่ายาของหมิงเย่ว์น่าอัศจรรย์มาก พอได้ฟังที่หมิงเย่ว์พูดจึงคลายความกังวลลง แล้วชำเลืองมองตามสายตาหมิงเย่ว์ จึงเห็นอีลั่วเสวี่ยทันที


 


 


เดิมทีนายท่านผู้เฒ่ารู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง แต่พอเห็นอีลั่วเสวี่ยก็เครียดขึ้นทันที สีหน้าหมองคล้ำลง “เธอมาทำอะไร ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ”


 


 


ถึงตอนนี้อีลั่วเสวี่ยโมโหแล้ว “ที่นี่เป็นโรงพยาบาล ไม่ใช่ที่ส่วนตัวของปู่ ปู่ไม่มีเหตุผลที่จะไล่ฉันไปได้ ฉันเป็นภรรยาเฉวียนหมิง จะให้ฉันไป แล้วคิดจะให้ใครมาคอยดูแล มือที่สามหรือไง?”


 


 


“อ้อ จริงด้วย เฉวียนหมิงไม่ต้องการมือที่สามแน่นอน หรือปู่คิดจะจ้างคนเฝ้าไข้ จะไว้ใจได้หรือคะ?” พูดจบก็มองไปที่ฟางจื่อชิวอย่างมีความหมาย


 


 


ถ้าเธอยังมีหน้าอยู่ต่อแล้วบอกว่าจะขอดูแลเฉวียนหมิง เป็นการขอทำหน้าที ไม่ว่าจะในฐานะมือที่สามหรือในฐานะคนเฝ้าไข้ก็ล้วนไม่เหมาะกับฐานะเธอที่เป็นหมอ


 


 


ก่อนหน้านี้อีลั่วเสวี่ยดูหยิ่งผยอง เธอคิดว่าเป็นเพราะมีเฉวียนหมิงคอยให้กำลังใจ แต่ขณะนี้คิดไม่ถึงว่าเธอที่ก่อนหน้านี้ดูอ่อนแอ จะมีด้านที่วางอำนาจแบบนี้ ทำให้ฟางจื่อชิวต้องเริ่มพิจารณาผู้หญิงคนนี้ใหม่


 


 


คำพูดของอีลั่วเสวี่ยทำให้นายท่านผู้เฒ่าถึงกับพูดไม่ออก ก็ใช่ ประธานเฉวียนกรุ๊ปทั้งคน จะให้ไล่ภรรยาไปแล้วให้คนอื่นมาดูแลแทน เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ


 


 


“อาเสวี่ย คุณมาแล้วหรือ?” ถึงตอนนี้เฉวียนหมิงฟื้นแล้ว เขามองมาที่อีลั่วเสวี่ยด้วยสายตาตื่นเต้นดีใจ พูดแล้วทำท่าจะลุกขึ้น


 


 


อีลั่วเสวี่ยรีบเดินไปหาเฉวียนหมิง กดเขาลงไปบนเตียง “อย่าลุกขึ้นค่ะ คุณต้องพักผ่อน”


 


 


ฟางจื่อชิวเห็นเฉวียนหมิงฟื้นแล้ว ก็พลอยดีใจไปด้วย แต่เธอไม่มีเหตุผลพอที่จะเข้าไปสอบถามอาการ จึงได้แต่ยิ้ม “ฟื้นก็ดีแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยแจ้งให้ ช่วยปู่เฉวียนย้ายห้อง ให้คุณพักที่ห้องนี้”


 


 


สีหน้าเฉวียนหมิงเย็นชา “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว” สถานที่อย่างโรงพยาบาลค่อนข้างวุ่นวาย เขาไม่อยากอยู่ที่นี่


 


 


นายท่านผู้เฒ่าเองก็ไม่เป็นไรแล้ว ยังรู้ว่าเมื่อหลายชายตนเองกลับบ้าน หมิงเย่ว์จะรักษาเขาได้สะดวกกว่า ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ จึงหันมาสั่งเหล่าเกา “รถที่คุณให้มารับเสี่ยวหมิงมาหรือยัง เราจะกลับกันเดี๋ยวนี้เลย”


 


 


“มารออยู่แล้วครับ”


 


 


“ดี เดี๋ยวให้พวกเขาขึ้นมาเลย” แล้วหันมาทางหมิงเย่ว์ ท่าทางเกรงใจมาก


 


 


“หมอหมิง คืนนี้คงต้องรบกวนให้คุณตามไปด้วย” ถ้านายท่านผู้เฒ่าไม่เห็นหลานชายกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ย่อมไม่อาจวางใจได้


 


 


 


 


ตอนที่ 401 ใช้การแทงเข็ม


 


 


หมิงเย่พยักหน้า “ไม่มีปัญหาครับ ขอผมตรวจเฉวียนหมิงก่อน ถ้าไม่มีอะไรก็เดินทางได้เลย”


 


 


ถึงตรงนี้เหล่าเกาพูดขึ้น “งั้นผมไปเตรียมหน่อย” พูดจบก็ผละไป ดูแล้วคงไปสั่งให้คนเตรียมหาที่จอดรถ


 


 


ฟางจื่อชิวเห็นทุกคนต่างมีงานของตนและไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว จึงเบ้ปากแล้วผละออกไปเงียบๆ เธอรู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้ตนเองพูดก็ไม่มีใครสนใจเธอ


 


 


ก่อนเธอจะจากไปยังจงใจเหลือบมองอีลั่วเสวี่ย แล้วพบว่ามือที่อีลั่วเสวี่ยกุมกับมือเฉวียนหมิงนั้นดูขัดตามาก เธอกลั้นโทสะไว้ แล้วเบือนหน้าหนี เมื่อไม่เห็นก็จะไม่ขุ่นเคือง


 


 


“ไม่เป็นไร ออกเดินทางได้แล้ว” หมิงเย่พูดหลังจากสอบถามความรู้สึกของเฉวียนหมิงและตรวจร่างกายอีกครั้งแล้ว


 


 


ไม่นานนักคนกลุ่มนี้ก็เดินเข้าไปในลิฟท์ ลงจากตึกไปจากโรงพยาบาล


 


 


ฟางจื่อชิวมองไปที่ทิศทางที่เฉวียนหมิงจากไป แววตาเปี่ยมด้วยความรู้สึกไม่ยอมแพ้


 


 


“หมอฟาง ดึกแล้วคุณยังอยู่ที่นี่หรือ ยังไม่เลิกงานหรือครับ?” ดูเหมือนคนคนนี้จะรู้จักฟางจื่อชิว พูดทักทายเธอทันที ฟางจื่อชิวเป็นหมอหญิงแสนสวย


 


 


ในโรงพยาบาลที่มีหมอหญิงสวยไม่มาก เธอจึงเป็นที่ต้อนรับมาก ทั้งเธอยังกลับจากต่างประเทศด้วย นับว่าเพียบพร้อมทั้งความรู้และความสวย


 


 


ฟางจื่อชิวยิ้มพลางพูดว่า “เพื่อนมาเข้าโรงพยาบาล เลยแวะมาดูหน่อย เตรียมจะกลับแล้ว แล้วพบกันใหม่ค่ะ”


 


 


“แล้วพบกันใหม่ครับ”


 


 


ที่คฤหาสน์ของเฉวียนหมิง นายท่านผู้เฒ่าไม่ยอมให้เขาเดินขึ้นบันได พาขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นบน ใช้สายตาบอกให้อีลั่วเสวี่ยดูแลเฉวียนหมิงให้ดี จากนั้นจึงไปพูดคุยกับหมิงเย่ที่ห้องหนังสือ


 


 


“หมอหมิง เสี่ยวหมิงเป็นอะไรไป ฉันหวังว่าคุณจะพูดความจริงกับฉัน” สีหน้านายท่านผู้เฒ่าหนักใจ ก่อนหน้านี้หลานชายตนเองเกิดหมดสติน้อยครั้งมาก สภาพเมื่อครู่ทำให้แกตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น


 


 


“อาเฉวียนครับ อาไม่ต้องเครียดเกินไป เขาไม่เป็นอะไรมาก ยานั่นยังออกฤทธิ์อยู่ แต่เพราะสองวันนี้เขาอาจจะพักผ่อนไม่พอ บวกกับแรงกดดันมากและอดนอน จึงทำให้เป็นลมหมดสติ พักผ่อนมากๆ ก็จะไม่เป็นไรครับ เพียงแต่…”


 


 


นายท่านผู้เฒ่าค่อยคลายความกังวลลง “เพียงแต่อะไรหรือ?”


 


 


“ผมขออธิบายเองครับ” ถึงตอนนี้เฟิงฉี่ซึ่งตามเข้ามาด้วยเอ่ยขึ้น อาจารย์เขาเป็นผู้หลอมโอสถทิพย์ขึ้น เขาจึงรู้รายละเอียดดี


 


 


“ยานี้ช่วยให้เขาสามารถเดินเหินเหมือนคนปกติ ดูภายนอกแล้วเหมือนคนปกติ แต่สองมือเขามีแรงกำสิ่งของน้อยมาก แล้วในระยะหลังร่างกายเขาจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ เรื่องนี้ก่อนหน้านี้เราได้บอกไว้ก่อนแล้ว รอจนยาหมดฤทธิ์เราเองก็ยังหาวิธีอื่นไม่ได้ครับ”


 


 


ถึงตอนนั้นการจะควบคุมกล้ามเนื้อเฉวียนหมิงไม่ให้แข็งตัวจะยากขึ้น ยาที่มีทั่วไปไม่สามารถควบคุมได้


 


 


พอนายท่านผู้เฒ่าได้ยินเช่นนี้ก็ทรุดนั่งลงไป ใบหน้าขาวซีด เขากำหมัดแน่น พยายามระงับโทสะในใจ “บอกแล้วว่าเจ้าหนูล้อเล่นกับชีวิต ทำไมต้องกินยานั่น จะกินยาตามอำเภอใจได้หรือ”


 


 


หมิงเย่มองดูลูกชาย หลังจากที่ได้ฟังความเห็นที่ตรงกัน จึงพูดว่า “เฉพาะหน้านี้ยังมีวิธีหนึ่ง นั่นคือการใช้วิชาแทงเข็มของสกุลเฟิง ลองใช้การแพทย์แผนจีนช่วยการรักษาครับ”


 


 


นายท่านผู้เฒ่าได้ยินก็ตื่นเต้นทันที “ลองว่ามาซิ ทำยังไง?”


 


 


“ใช้การแทงเข็มครับ ผมศึกษาจากพ่อมาบ้าง ขณะที่ลูกชายผมก็เรียนรู้จากสำนักแพทย์โบราณ เราพ่อลูกจะลงมือร่วมกัน ผมคิดว่าน่าจะได้ผล ครั้งก่อนผมลองดูแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้มีเฟิงฉี่ช่วยอีกแรง ต้องได้ผลดีขึ้นแน่นอน”


 


 


“เฟิงฉี่ เธอทำได้หรือ?” เจ้าหนุ่มนี่ยังอยู่ในวัยนักศึกษา เรียนอะไรมาจากสำนักแพทย์โบราณบ้าง


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม