กับดักรักในรอยแค้น 384-403

        ตอนที่ 384 เขาเสียใจ 


 


 


           ยิ่งตกกลางคืนก็ยิ่งหนาวเย็น เผยหนานเจวี๋ยยืนมองดูท้องฟ้าที่ระเบียง พบว่าดวงดาวในท้องฟ้าในคืนนี้เบาบางมาก แม้แต่ดวงจันทร์ก็หลบอยู่ในกลีบเมฆ 


 


 


           เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกพรากไป รู้สึกว่างเปล่า 


 


 


           โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าฉู่อีอีเคยเป็นแฟนสาวของเฉิงเฮ่าก่อนที่จะไปเมืองนอก เขาก็รู้สึกว่าเธอหลอกลวงเขามาโดยตลอด 


 


 


           เขาเคยคิดว่าคนที่เขารักที่สุดก็คือฉู่อีอี เขานึกว่าเธอคือผู้หญิงที่มีจิตใจดีที่สุดในโลกใบนี้ แต่ว่าตอนนี้ ความผิดปกติของเธอนั้นทำให้เขาต้องมองเธอใหม่อีกครั้ง 


 


 


           มองเธอให้ชัดเจนขึ้นมาหน่อย ตบหน้าตัวเองให้ตื่น เขาเคยทำร้ายฉู่เจียเสวียนอย่างแสนสาหัสเพื่อฉู่อีอี เขาเสียใจมาก เสียใจมากจริงๆ 


 


 


           แต่ว่าเขาเสียใจแล้วมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ก็มีคนอยู่ข้างกายเธอแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อกาลเวลาผ่านคนก็เปลี่ยน 


 


 


           เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยก็เจ็บปวดราวกับถูกมัดหมื่นตัวกัด ทั้งหมดนี้เขาเป็นคนก่อเองทั้งนั้น 


 


 


           เขาในตอนนี้มีคุณสมบัติอะไรที่จะมอบความสุขให้เธอ เขาเคยทำให้เธอเจ็บปวดใจอย่างแสนสาหัสครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้แม้แต่การที่เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอก็ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก 


 


 


           ตอนนี้เมื่อนึกถึงเรื่องทุกอย่างเมื่อสามปีก่อน เหมือนกับว่าฉู่อีอีได้วางแผนไว้หมดแล้ว 


 


 


           “ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ทำ!” 


 


 


           “ฉันจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณเชื่อฉันหรือเปล่า” 


 


 


           “หย่ากันเถอะ” 


 


 


           “ฉันจะทำให้คุณกับฉู่อีอีสมหวัง” 


 


 


           ทุกฉากเมื่อสามปีก่อนผุดขึ้นมาในหัวของเผยหนานเจวี๋ย ถ้าหากตอนนั้นเขาเชื่อฉู่เจียเสวียน ตอนนี้พวกเขาจะยังอยู่ด้วยกันหรือเปล่า 


 


 


           ถ้าหากตอนนี้เขายอมเชื่อฉู่เจียเสวียนสักนิด แม้เพียงนิดเดียว มันก็จะไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ใช่ไหม 


 


 


           เพียงแต่เขาในตอนนั้น ทถูกความรักบังตา ดังนั้นมันจึงเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยยิ่งคิดยิ่งสับสน เขาหลับตาลงอย่างขมขื่น ยกขวดเหล้าในมือขึ้นจรดปากดื่ม เหล้าไหลลงคอเสียงดัง ‘อึกๆ’  


 


 


           ในใจเขารู้ดี ว่าตอนนี้คนที่เขารักคือฉู่เจียเสวียน ไม่ใช่ฉู่อีอีแล้ว 


 


 


           แต่เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องละทิ้งฉู่อีอี ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งหงุดหงิด 


 


 


           เขากลายเป็นคนไม่เด็ดขาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ 


 


 


           อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากเผยหนานเจวี๋ยจากไปแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ยืนอยู่ที่ระเบียงตลอดเวลา ทั้งๆ ที่บอกว่าจะไม่คิดแล้ว แต่ว่าเงาของเผยหนานเจวี๋ยก็ยังโผล่เข้ามาในหัวของเธออย่างช่วยไม่ได้ 


 


 


           เธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเผยหนานเจวี๋ยอย่างชัดเจนในช่วงเวลานี้ แต่ว่าหลายอย่างกลายเป็นอดีตไปแล้ว เธอก็ไม่อยากไปรื้อฟื้นอีก แม้ว่าเขาจะเริ่มเสียใจในตอนนี้ เธอก็จะไม่ยอมให้ตัวเองหันหลังกลับไป 


 


 


           คืนนี้เป็นคืนที่ยากจะหลับใหล พวกเขาทั้งสองยืนบนระเบียงที่แตกต่างกันเป็นเวลานานก่อนที่จะกลับไปยังห้องนอน 


 


 


           เช้าวันต่อมา คนที่อยู่บนเตียงค่อยๆ ตื่นขึ้น ฉู่เจียเสวียนลืมตาพร้อมกันกับถังถัง สองคนสบตากันและอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะ 


 


 


           “อรุณสวัสดิ์ที่รัก ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ถังถังเอ่ยปากก่อน มองฉู่เจียเสวียนแล้วหัวเราะ 


 


 


           “อรุณสวัสดิ์” ฉู่เจียเสวียนบิดขี้เดียจ เปิดผ้าห่มแล้วลงมาจากเตียง 


 


 


           “เอ่อ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ถังถังกล่าวหลังจากรู้สึกตัว มองดูแผ่นหลังของฉู่เจียเสวียน เธอจำได้ว่าเธอดื่มเหล้าที่บาร์เมื่อคืนนี้ จากนั้นก็พบกับเผยหนานเจวี๋ยสารเลวนั่น 


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยคงไม่ได้ส่งเธอกลับมาหรอกนะ? สารเลวนั่นจะเป็นคนดีขนาดนี้เหรอ 


 


 


           “เธอจำไม่ได้เหรอ” ฉู่เจียเสวียนหันมา มองถังถังด้วยรอยยิ้มสดใส มองดูถังถังส่ายหน้า พูดขึ้น “เผยหนานเจวี๋ยส่งเธอกลับมา” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 385 ถ้าหากคุณเต็มใจ 


 


 


 “อ่อ โอเค” ทายถูกอยู่ในใจอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นเธอก็จะไม่ขอบคุณเขา เธอก็ไม่ได้ขอให้เขาส่งเธอกลับบ้านสักหน่อย 


 


 


“เจียเสวียน ไว้วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวเธอนะ ฉันยังมีธุระ ขอตัวก่อนล่ะ” ถังถังราวกับว่าจู่ๆ นึกอะไรได้ หลังจากพูดกับคนในห้องน้ำสองสามคำแล้ว ก็ลงมาจากเตียง พอแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็รีบออกไปทันที 


 


 


ในเวลานี้ฉู่เจียเสวียนกำลังบ้วนปาก พอบ้วนปากแล้วก็มองแผ่นหลังของถังถัง “เธอจะไปไหนน่ะ กินข้าวเช้าแล้วค่อย…” 


 


 


ประตูห้องปิดเสียงดัง ‘ปัง’ ฉู่เจียเสวียนออกมาจากห้องน้ำ เห็นว่าประตูห้องถูกปิดไปแล้ว 


 


 


ฉู่เจียเสวียนส่ายหัว บางทีเธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับนิสัยที่รีบร้อนเช่นนี้ดี เธอกลับไปที่ห้องน้ำอีก 


 


 


อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ตอนที่กำลังเตรียมตัวลงไปข้างล่างอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น เมื่อหยิบมันขึ้นมาดูและพบว่าเป็นกงจวิ้นฉือ เธอยิ้ม 


 


 


 “ฮัลโหล จวิ้นฉือ” ฉู่เจียเสวียนรับสาย ริมฝีปากแดงยกยิ้ม ดวงตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม 


 


 


 “ตื่นแล้วเหรอ” กงจวิ้นฉือกล่าว เสียงที่อบอุ่นดังมาจากปากของเขา 


 


 


ไม่รู้ว่าทำไม วันนี้หลังจากตื่นแล้ว จู่ๆ เขาก็อยากได้ยินเสียงของเธอมาก ทั้งๆ ที่พวกเขาจะเจอกันพรุ่งนี้อยู่แล้ว แย่แล้วๆ เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเธอจริงๆ 


 


 


 “ก็ต้องตื่นแล้วสิ วันนี้คุณคงไม่มารับฉันอีกหรอกนะ?” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย เขาต้องเดินทางไกลเกินไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงบอกไม่ให้เขามารับเธอ 


 


 


 “ถ้าคุณเต็มใจ” เสียงอันอบุอ่นที่เจือปนรอยยิ้มดังมาจากปากของกงจวิ้นฉือ ถ้าหากเธอเต็มใจะล่ะก็ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะไปรับเธอทุกวันเลยแม้แต่น้อย 


 


 


 “เอาเถอะ ฉันรู้ว่าคุณดีกับฉันที่สุด แต่ว่าถ้าคุณอยากให้ฉันพึ่งคุณตลอดเวลา ฉันจะแข็งแกร่งได้ยังไงล่ะ” ความอบอุ่นแผ่ซ่านภายในใจของฉู่เจียเสวียน เขาคอยอยู่ข้างกายเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  


 


 


“ผมรู้ว่าคุณแข็งแกร่ง” กงจวิ้นฉือรู้ดีว่าฉู่เจียเสวียนเป็นคนอย่างไร และรู้ว่าเธอมีความสามารถมาก แต่ว่าบางทีเขาก็ปวดใจมากที่เห็นฉู่เจียเสวียนเป็นแบบนี้ 


 


 


“ขอบคุณนะจวิ้นฉือ” ฉู่เจียเสวียนกล่าวขอบคุณเขาอย่างจริงใจ ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ เขาก็อยู่ข้างกายเธอตลอดเวลา คอยปกป้องเธอ ในช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตของเธอ ก็เป็นเขาที่อยู่เคียงข้างเธอ ถ้าหากไม่มีเขาก็ไม่มีฉู่เจียเสวียนในวันนี้ 


 


 


“ถ้าคราวหน้าผมได้ยินคำว่าขอบคุณอีก ผมจะไม่สนใจคุณแล้ว” เสียงที่อบอุ่นของฉู่เจียเสวียนลอยเข้าหูของฉู่เจียเสวียน 


 


 


ในใจกลับรู้สึกผิดหวัง ทุกครั้งที่ฉู่เจียเสวียนกล่าวขอบคุณ มันเป็นเรื่องน่าเสียใจสำหรับเขา เพราะเธอยังคิดว่าเขาเป็นคนอื่น 


 


 


เพื่อนแท้ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ แต่ว่าตอนนี้เขาเป็นแฟนกับฉู่เจียเสวียนแล้ว ทุกครั้งที่ได้ยินเธอกล่าวขอบคุณ เขาก็รู้สึกว่าเธอไม่เห็นเขาเป็นแฟน 


 


 


สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่คำขอบคุณจากเธอ แต่เป็นหัวใจของเธอ หัวใจทั้งดวงของเธอ  


 


 


ทั้งสองคนรู้สึกอ่อนไหวเล็กน้อยในการพูดคุยเรื่องนี้ตั้งแต่เช้าจึงได้เปลี่ยนหัวข้อ หลังจากพวกเขาคุยกันสักพัก ก็วางสายแล้ว 


 


 


หลังจากวางสาย ฉู่เจียเสวียนก็ลงมาทานอาหารเช้าข้างล่าง 


 


 


“แม่คะ ถังถังยังไม่ได้กินข้าวเช้าก็ไปซะแล้ว” ฉู่เจียเสวียนเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร มองซูซานพร้อมพูด 


 


 


“นั่นสิ เขาน่ะเหมือนกับลมเลย ลงมาข้างล่างทักแม่แค่คำเดียวก็ไปแล้ว” ซูซานพูดกับฉู่เจียเสวียน ดวงตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม 


ตอนที่ 386 คิดถึงคุณก็เลยมา


 


 


นึกถึงตอนที่เธอเจอถังถังเมื่อครู่ก็ตกใจ ยังไม่ทันจะทักทาย เธอก็เดินเข้ามากอดเธออย่างร้อนรน หลังจากพูดว่าอรุณสวัสดิ์คำเดียว ก็พรวดพราดออกไปแล้ว


 


 


“เขาน่ะ นิสัยก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ หนูชินแล้ว” ฉู่เจียเสวียนกินอาหารเช้าพลางพูดกับซูซาน


 


 


หลังจากอาหารเช้า ฉู่เจียเสวียนก็ขับรถไปยังร้านชุดแต่งงาน ทันทีที่ลงจากรถก็เห็นเงาของกงจวิ้นฉือ


 


 


หลังจากฉู่เจียเสวียนจอดรถก็ลงจากรถ และเห็นว่ากงจวิ้นฉือเดินมาตรงหน้าของเธอแล้ว


 


 


ไม่รู้ว่าทำไม วันนี้เมื่อได้เห็นกงจวิ้นฉือแล้ว เธอรู้สึกระคายเคืองตาเล็กน้อย


 


 


“จวิ้นฉือ คุณมาได้ยังไง” ฉู่เจียเสวียนกล่าว พยายามซ่อนเร้นความรู้สึกที่แปลกประหลาดในใจ


 


 


“คิดถึงคุณผมก็เลยมา จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนว่าพวกเราไม่ได้ไปผ่อนคลายกันนานแล้ว วันนี้เราไปผ่อนคลายกันหน่อยดีไหม” กงจวิ้นฉือยืนอยู่ตรงหน้าของฉู่เจียเสวียน มองดูใบหน้าที่งดงามของเธอพร้อมกับพูด แววตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม


 


 


เขารู้ดีว่าระยะหลังมานี้เธอเจอกับเรื่องมากมาย ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศ เธอก็ไม่ได้พักผ่อนหรือลาพักร้อนอย่างเต็มที่ วันนี้เขาได้ทิ้งงานทุกอย่างเพื่อที่จะพาเธอออกไปเที่ยว


 


 


ฉู่เจียเสวียนคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่ากงจวิ้นฉือจะพูดกับเธอแบบนี้ เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เธอยิ้ม


 


 


ในสายตาของเธอ กงจวิ้นฉือมักจะเป็นคนอ่อนโยนและสง่างามอยู่เสมอซึ่งชวนให้รู้สึกอบอุ่น ในเวลานี้คำพูดที่เป็นห่วงเป็นใยหลุดออกมาจากปากของเขา มันทำให้เธอรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย


 


 


เดิมทีเขามีงานที่ต้องจัดการ แต่ว่าตอนนี้ เขากลับปรากฏตัวข้างกายเธอ เพราะว่ากลัวเธอจะเสียใจ


 


 


ที่จริงเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ตอนนี้เธอไม่เป็นไรแล้วจริงๆ แต่ว่าเมื่อเห็นเขาอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ก็ปฏิเสธไม่ออกแล้ว


 


 


“ก็ได้ งั้นฉันจะไปบอกถังถังก่อน คุณรอฉันแป๊บนึงนะ” ฉู่เจียเสวียนพูดจบก็เดินเข้าไปในร้านชุดแต่งงาน


 


 


ถ้าจะลางานหนึ่งวัน ก็ต้องบอกกับถังถังสักหน่อย ไม่อย่างนั้นเมื่อถึงเวลาแล้วถังถังหาเธอไม่เจอจะทำอย่างไร


 


 


“ถังถัง วันนี้ฉันหยุดหนึ่งวันนะ ฉันจัดการงานที่สำคัญไว้หมดแล้ว” ฉู่เจียเสวียนเข้าออฟฟิศมาก็เห็นถังถังกำลังทำงานด้วยความจริงจัง หรือว่าเธอรีบกลับมาทำงานงั้นเหรอ


 


 


ไม่หรอกมั้ง เธอกลายเป็นคนขยันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร


 


 


“อืม ไปเถอะๆ” ถังถังไม่ได้เงยหน้า เมื่อได้ยินฉู่เจียเสวียนแล้วก็โบกมือพร้อมพูด


 


 


ฉู่เจียเสวียนเลิกคิ้ว เข้าไปใกล้ถังถัง ต้องการจะดูว่าเธอกำลังยุ่งกับอะไรกันแน่ ท่าทางที่ลับๆ ล่อๆ ช่างกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเธอเสียจริง


 


 


“ว้าว ถังถัง นี่เธอกำลังออกแบบชุดแต่งงานให้ใครน่ะ” ฉู่เจียเสวียนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับชุดแต่งงานในมือของเธอ


 


 


“เพื่อนคนนึง เขาใกล้จะแต่งงานแล้ว ก็เลยให้ฉันช่วยออกแบบชุดเจ้าสาว เธอจะไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ ไปเถอะๆ” หลังจากถังถังเหลือบตาขึ้นมองฉู่เจียเสวียนแล้ว ก็ก้มหน้าร่างภาพในมือของเธอต่อ


 


 


“ก็ได้ งั้นลำบากเธอหน่อยนะ ฉันไปก่อนล่ะ” พูดจบฉู่เจียเสวียนก็ออกไปจากออฟฟิศ เดินไปหากงจวิ้นฉือ


 


 


เมื่อออกมาที่ประตูก็เห็นกงจวิ้นฉือยืนอยู่ตรงนั้น แสงแดดส่องอยู่บนตัวของเขา ทำให้เขาดูเหมือนเทวดาอย่างไรอย่างนั้น


 


 


“พวกเราไปกันเถอะ เจ้านายถังให้ฉันลาหยุดวันนึงแล้ว” มุมปากของฉู่เจียเสวียนยกขึ้น บนใบหน้ามีรอยยิ้มสวยงาม สายตาที่มองกงจวิ้นฉือเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม


 


 


กงจวิ้นฉือพยักหน้า หลังจากเปิดประตูให้ฉู่เจียเสวียนขึ้นรถแล้ว เขาจึงกลับหลังหันขึ้นรถไป


 


 


ทางนี้ฉู่เจียเสวียนไปเที่ยวกับกงจวิ้นฉืออย่างมีความสุข แต่ทางบ้านคุณแม่เผย เผยหนานเจวี๋ยกับฉู่อีอีกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ส่วนคุณแม่เผยนั่งอยู่ที่ที่นั่งของเจ้าบ้าน มองฉู่อีอีกับเผยหนานเจวี๋ยด้วยสายตาเย็นชา


 


 


 


 


       ตอนที่ 387 อยากอยู่กับเขา


 


 


เผยหนานเจวี๋ยไม่ได้ไปที่ออฟฟิศเพราะว่าหงุดหงิดจึงพาฉู่อีอีกลับบ้านแม่ โดยอ้างว่าอยากลาหยุดและผ่อนคลายสักหน่อย แต่ความจริงแล้วในใจยังสับสนจนแทบทนไม่ไหว


 


 


หลังจากที่ถังถังส่งคนมาล้มพิธีแต่งงานของฉู่อีอีกับเผยหนานเจวี๋ยแล้ว นี่คือครั้งที่สองที่ฉู่อีอีมาบ้านของคุณแม่เผย


 


 


ตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยหงุดหงิดใจสุดขีด ไม่ต้องการฟังคุณแม่เผยกับฉู่อีอีโต้เถียงกัน เขารู้ว่าอีกประเดี๋ยวทั้งสองคนจะต้องทะเลาะกันอย่างแน่นอน เขาไปนั่งที่สวนดอกไม้สักหน่อยจะดีกว่า


 


 


ทันทีที่ลุกขึ้นก็ถูกคนคว้ามือไว้ สายตามองไปยังแขนเสื้อก็เห็นฉู่อีอีกำลังเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาที่พร่ามัว ท่าทางน่าสงสาร


 


 


“หนานเจวี๋ย คุณจะไปไหน” ฉู่อีอีกล่าว มองเขาพร้อมถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น 


 


 


เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับยายแก่นี่คนเดียวนี่นา ถ้าอีกประเดี๋ยวเขาไม่อยู่ด้วยล่ะก็ ไม่แน่ว่าเธออาจจะพูดจาอะไรไม่รื่นหูกับเธอก็ได้


 


 


“เป็นอะไรไป ลูกชายฉันจะไปไหนต้องรายงานเธอด้วยหรือไง” ทันทีที่คุณแม่เผยได้ยินเสียงของฉู่อีอีก็อดไม่ไหวที่จะเอ่ยปาก แววตาเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ


 


 


ผู้หญิงคนนี้นี่จริงๆ เลย ทุกครั้งที่เห็นเธอ เธอก็รู้สึกปวดหัว ยังดีที่พวกเขาไม่ได้แต่งงานกัน ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธออาจปวดหัวยิ่งกว่าเดิม


 


 


           คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าโชคดี ตอนนี้ถ้าหากเผยหนานเจวี๋ยปฏิเสธฉู่อีอีคนนี้แล้วล่ะก็ คิดว่าเธอคงจะยกทั้งมือและเท้าเพื่อชื่นชมเลยทีเดียว


 


 


           ตอนนั้นฉู่เจียเสวียนก็ดีอยู่แล้ว ไม่เข้าใจเลยจริงว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ นิสัยฉู่อีอีแบบนี้ เขาก็ยังกล้าเอา


 


 


           หากผู้หญิงสองคนนี้ไม่คุยกันท่าจะดี ทันทีที่คุย เผยหนานเจวี๋ยก็ยิ่งรู้สึกปวดหัว ผู้หญิงสองคนนี้คงเป็นคู่กัดกันโดยธรรมชาติล่ะมั้ง ทำไมต้องกัดกันทุกครั้งที่เจอหน้าด้วย


 


 


           “แม่ อีอี พวกแม่พูดให้น้อยหน่อยได้ไหม” เผยหนานเจวี๋ยยกมือขึ้นนวดคลึงคิ้ว เขาก็รู้ว่าไม่ควรพาฉู่อีอีมา ไม่น่าใจอ่อนเลย


 


 


           ตอนนี้เป็นไงล่ะ พอเธอมาก็กลายเป็นสงครามไปแล้ว


 


 


           “แม่อะไรแม่ แม่พูดผิดหรือไง ลูกจะไปไหนต้องรายงานเขาด้วยเหรอ” คุณแม่เผยกล่าวอย่างไม่เกรงใจ สีหน้ายิ่งไม่พอใจ


 


 


           “คุณป้าคะ หนูไม่ได้หมายความ…” สีหน้าของฉู่อีอีทำอะไรไม่ถูก แววตามีความน้อยใจ ที่จริงแล้วแอบด่าคุณแม่เผยอยู่ในใจ ทนไม่ไหวเหมือนอยากให้เธอตายๆ ไปซะ


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเห็นสีหน้าของฉู่อีอี ในใจอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าฉู่อีอีกำลังเสแสร้งอยู่หรือเปล่า


 


 


           “เอาล่ะ เธอกลับไปก่อนเถอะ ฉันยังมีเรื่องต้องคุยกันหนานเอ๋อ คืนนี้เขาคงไม่กลับบ้านแล้ว…ลุงหลิว ลุงหลิว” คุณแม่เผยมองฉู่อีอีมุ่ยปาก หันไปเรียกลุงหลิวที่หน้าประตู


 


 


           “คุณป้า ฉันอยากอยู่กับหนานเจวี๋ย…” เมื่อฉู่อีอีได้ยินว่าคุณแม่เผยให้เธอกลับไป เธอก็รีบพูด เธอไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้ว


 


 


           วันนี้ไม่ง่ายเลยที่ได้เจอเขา แต่กลับได้ยินเขาบอกว่าจะมาที่บ้านแม่ เธอก็ตามมาอย่างงอแง ถ้าไม่ใช่เพราะหลายวันนี้เผยหนานเจวี๋ยเย็นชากับเธอเกินไป เธอก็จะไม่มาเหยียบที่นี่อย่างแน่นอน


 


 


           “ไม่เป็นไร อีอี คุณกลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้ผมจะกลับไปอยู่กับคุณ” พอเผยหนานเจวี๋ยได้ยินคุณแม่เผยให้ฉู่อีอีกลับไปก็รู้สึกดีใจ แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า


 


 


           หากปล่อยให้ฉู่อีอีกลับไปได้จะดีที่สุด แม้จะปวดหัวเมื่อเจอกับคุณแม่เผย แต่เขายิ่งไม่อยากเจอฉู่อีอีมากกว่า


 


 


           อย่างน้อยแม่ของเขาก็จริงใจกับเขา ส่วนฉู่อีอีนั้นตอนนี้เขายิ่งไม่รู้จริงๆ ว่าหน้าไหนคือตัวตนที่แท้จริงของเธอกันแน่


 


 


           “แต่ว่า…” ฉู่อีอีได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว มุ่ยปากแดงๆ ดวงตาที่มองเผยหนานเจวี๋ยมีความพร่ามัว


 


 


           “เอาล่ะ อีอี อย่าดื้อ ให้ลุงหลิวส่งคุณกลับบ้านก่อน ถ้าคุณอยู่บ้านแล้วรู้สึกเหงา ก็กลับไปอยู่กับแม่คุณ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว น้ำเสียงไร้อารมณ์


ตอนที่ 388 ความเย็นชาของเขา


 


 


           ขณะที่ฉู่อีอียังต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เหลือบไปเห็นแววตาที่ดุร้ายของคุณแม่เผย ในที่สุดเธอก็กลืนคำที่ต้องการจะพูดลงไป พยักหน้ากับเขา


 


 


           จนกระทั่งมั่นใจว่าฉู่อีอีจากไปแล้ว เผยหนานเจวี๋ยจึงถอนหายใจโล่งอก หันหลังกลับไปนั่งที่โซฟา


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเพิ่งจะนั่งลงไม่ทันไร คุณแม่เผยก็พูดขึ้นทันที “แม่บอกลูกแล้ว ตอนนั้นทำไมถึงไปชอบผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์แบบนี้ได้”


 


 


           ‘นั่นสิ ตอนนั้นทำไมตาเขาถึงไร้แววแบบนี้’ เผยหนานเจวี๋ยเห็นด้วยกับคำพูดของคุณแม่เผยในใจ


 


 


           “ฉู่อีอีเป็นผู้หญิงแบบไหนแม่ก็บอกลูกแล้ว เขาอยากเข้าบ้านเผยของพวกเรามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน แม่ว่าทางที่ดีที่สุดคือลูกตัดใจซะเถอะ”


 


 


           คุณแม่เผยมองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมพูดด้วยความโมโห พูดถึงฉู่อีอีทีไรเธอก็โกรธจนทนไม่ไหว


 


 


           เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าลูกชายสุดที่รักของเธอคนนี้ถูกฉู่อีอีกินจนเรียบได้อย่างไร ผู้หญิงที่จิตใจโหดร้ายอย่างฉู่อีอีแบบนั้น


 


 


           เขายื่นมือหยิบแก้วชาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา หลังจากที่จิบชาไปหนึ่งคำแล้วก็ต้องการจะพูดอะไรต่อ แต่ว่าโทรศัพท์มือถือของเผยหนานเจวี๋ยกลับดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาดู พบว่าฉู่อีอีโทรมา ขมวดคิ้วจนแทบสังเกตไม่เห็น ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังระเบียง


 


 


           “อีอี ว่ายังไง?”


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณกลับมาอยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม ฉันคิดถึงคุณมากจริงๆ” เสียงที่อ่อนโยนของฉู่อีอีลอยมาเข้าหูของเผยหนานเจวี๋ย


 


 


เธอไม่ได้คุยกับเขามานานหลายวันแล้วจริงๆ และไม่ได้กินข้าวกับเขามาหลายวันแล้วด้วย วันนี้ได้เจอกันมันไม่ง่ายเลย เธอไม่อยากทิ้งโอกาสนี้ไปจริงๆ


 


 


“เด็กดี พรุ่งนี้ผมจะกลับไป” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างหมดความอดทนเล็กน้อย คิ้วขมวดจนจะผูกกันอยู่แล้ว


 


 


คุณแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาสักพักใหญ่ก็ไม่เห็นเผยหนานเจวี๋ยออกมา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว รับโทรศัพท์นานขนาดนี้เลยเหรอ ไม่รู้หรือไงว่าเธอมีเรื่องจะคุยกับเขา


 


 


คงไม่ได้คุยโทรศัพท์กับฉู่อีอีหรอกนะ คิดเช่นนี้คุณแม่เผยก็รีบลุกขึ้นทันที และเดินไปหาเผยหนานเจวี๋ย


 


 


เมื่อเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงของเผยหนานเจวี๋ยตามคาด


 


 


 “อีอี ตอนนี้ผมมีธุระ พรุ่งนี้ผมจะกลับไปหาคุณ” คุณแม่เผยได้ยินเผยหนานเจวี๋ยแล้ว รู้สึกหงุดหงิดทันที เดินเข้าไป ต้องการจะแย่งโทรศัพท์มือถือของเผยหนานเจวี๋ยมาโดยตรง


 


 


แต่ว่าเผยหนานเจวี๋ยนั้นสูงกว่าคุณแม่เผยมาก มือของเธอยังไม่ทันจะแตะโทรศัพท์ เผยหนานเจวี๋ยก็หลบไปด้านข้างแล้ว


 


 


“อีอี แค่นี้นะ บายๆ” พูดจบเผยหนานเจวี๋ยก็วางหูทันที เห็นคุณแม่เผยที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ากะทันหันก็รู้สึกขันเล็กน้อย


 


 


 “แม่ครับ แม่อยากให้ผมตกใจตายหรือไง!” เผยหนานเจวี๋ยวางหู มองคุณแม่เผยเอ่ยปากทันที


 


 


 “ลูกคุยโทรศัพท์กับฉู่อีอีใช่ไหม” คุณแม่เผยจ้องเผยหนานเจวี๋ยเขม็งพร้อมพูด พูดจบ เธอก็ต้องการแย่งโทรศัพท์มือถือไป


 


 


“แม่ครับ โทรศัพท์แล้วจะเป็นอะไรไป ผมก็วางสายแล้ว” พูดจบ เผยหนานเจวี๋ยแกว่งโทรศัพท์มือถือไปมาตรงหน้าคุณแม่เผย จากนั้นก็เก็บมันใส่กระเป๋า


 


 


“แม่จะบอกลูกนะ แม่ไม่มีทางให้คนอย่างฉู่อีอีเข้าบ้านเผยของพวกเราเด็ดขาด ไม่รู้ว่าไปยั่วผู้ชายคนอื่นมากี่คนต่อกี่คนแล้ว” คุณแม่เผยขวางหน้าเขา พูดอย่างไม่เกรงใจ


 


 


“แม่ครับ ฉู่อีอีเขาไม่ได้แย่อย่างที่แม่พูด แม่อย่าว่าคนอื่นแบบนี้สิครับ” เผยหนานเจวี๋ยมองคุณแม่เผยพร้อมพูดอย่างไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่เธอไม่รู้จักนิสัยของฉู่อีอี ทำไมถึงพูดได้แม่นยำแบบนี้


 


 


ได้ยินเผยหนานเจวี๋ยแล้ว สีหน้าของคุณแม่เผยเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ


 


 


เมื่อเห็นว่าสีหน้าของคุณแม่เผยนั้นโมโหจนเขียวคล้ำ น้ำเสียงของเผยหนานเจวี๋ยก็อ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้ “แม่ อีอีไม่ได้เลวร้ายอย่างที่แม่คิด เขาก็แค่เอาแต่ใจนิดหน่อย ที่เหลือก็ไม่มีปัญหาอะไร”


 


 


 


 


           ตอนที่ 389 เมื่อไรจะมีแฟน


 


 


“ลูกน่ะ ไม่รู้ว่าทำไมลูกถึงได้หลงเขาขนาดนี้ แม่จะบอกลูกให้นะ ลูกตัดขาดกับเขาจะดีที่สุด แม่ว่าฉู่เจียเสวียนน่ะดีกว่าเขาไม่รู้ตั้งกี่ร้อยเท่า ไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรอยู่จริงๆ!” คุณแม่เผยมองเผยหนานเจวี๋ยด้วยน้ำเสียงเหมือนกับโกรธที่ไม่ได้ดั่งใจ


 


 


 “ถ้าหากตอนนั้นไม่ใช่เพราะฉู่อีอี ลูกก็มีลูกกับฉู่เจียเสวียนไปแล้ว” คุณแม่เผยพูด ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห


 


 


เห็นว่าคุณแม่เผยยิ่งพูดยิ่งอารมณ์เสีย เขาเอ่ยปากทันที “เอาล่ะ แม่ครับ ผมจะไปคิดดู แม่อย่าเป็นห่วงเลย” เผยหนานเจวี๋ยพูด มองคุณแม่เผยด้วยสีหน้าจริงจัง


 


 


“ลูกพูดเองนะ ห้ามโกหกแม่ล่ะ” ทันทีที่คุณแม่เผยได้ยินว่าเผยหนานเจวี๋ยจะไปคิดดู น้ำเสียงก็อ่อนลงโดยพลัน สีหน้าก็ค่อยๆ ดูดีขึ้น


 


 


“ครับ ผมพูดเอง งั้นตอนนี้ผมขึ้นไปนอนได้ไหมครับ ท่านแม่สุดที่รักของผม” เผยหนานเจวี๋ยสูดหายใจลึก จากนั้นก็พูดขึ้น


 


 


“อืม ไปเถอะๆ” เมื่อคุณแม่เผยได้ยินว่าลูกชายเหนื่อยแล้วก็รีบพูดขึ้น โบกไม้โบกมือให้เขาไปพักผ่อน


 


 


ทันทีที่เผยหนานเจวี๋ยเห็นคุณแม่เผยโบกมือ ก็วิ่งขึ้นชั้นบนไปทันที


 


 


หลังจากวิ่งไปที่ห้องแล้วปิดประตู เผยหนานเจวี๋ยผ่อนคลายลงทันใด มองดูห้องที่กว้างใหญ่ ในใจก็สับสนจนแทบทนไม่ไหว เขายิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ตั้งแต่ฉู่เจียเสวียนกลับมา หัวใจของเขาก็ราวกับเริ่มสับสน


 


 


เมื่อคิดถึงคำพูดของคุณแม่เผยเมื่อครู่ เขาก็รู้สึกปวดหัว


 


 


ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาต้องการอยู่กับฉู่อีอีมากที่สุด แต่ว่าตอนนี้หลังจากอยู่ด้วยกันแล้ว เขากลับเริ่มลังเล


 


 


เขายื่นมือนวดหว่างคิ้ว รู้สึกปวดหัวเป็นที่สุด บางทีอาจมีเรื่องอะไรบางอย่างระหว่างพวกเขาสองคนที่เขาไม่รู้


 


 


เวลาผ่านไปอย่างไม่รู้ตัวแล้ว ทุกอย่างไหลผ่านไปอย่างช้าๆ และเงียบสงบ


 


 


ถังถังกับฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่ในร้านอาหารหม้อไฟ ถังถังยื่นตะเกียบคีบเนื้อวัวที่อยู่ในหม้อขึ้นมากิน


 


 


“เจียเสวียน เนื้อวัวนี่ไม่เลวเลย นุ่มมากเลยนะ” หลังจากถังถังกลืนอาหารในมือแล้วก็คีบเนื้อวัวหนึ่งชิ้นใส่ลงในถ้วยของฉู่เจียเสวียน มองเธอพร้อมพูด 


 


 


ทันทีที่เลิกงานถังถังก็ลากฉู่เจียเสวียนไปกินข้าวแล้ว


 


 


“อืม ไม่เลวจริงๆ” ฉู่เจียเสวียนกินเนื้อวัวแล้วก็เออออเห็นด้วย


 


 


“จริงสิ กลับมาเรื่องเดิม ต่อไปเธอคิดจะเอาไงต่อ”


 


 


ฉู่เจียเสวียนได้ยินถังถังแล้ว รอยยิ้มในบนหน้าแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นก็คีบเนื้อแพะเข้าปากอันหวานฉ่ำ “กินเถอะ เนื้อนี่ก็ไม่เลว”


 


 


ในเมื่อถังถังเอ่ยถามแล้ว จะปล่อยให้ฉู่เจียเสวียนเปลี่ยนหัวข้อได้อย่างไรล่ะ


 


 


           “ฉู่อีอีคนเลวคนนั้นตอนนี้ยังมีอะไรกับแฟนเก่าของเขาอยู่นะ ผู้ชายคนนั้นเป็นยังไงเหรอ ก็ยังเป็นพวกค้ายา พอนึกถึงหน้าฉู่อีอี ฉันก็แทบทนไม่ไหวอยากฉีกหน้าเขาออกซะ”


 


 


           “เผยหนานเจวี๋ยก็ปัญญาอ่อน ถูกฉู่อีอีหลอกจนสมงสมองไปหมดแล้ว” ถังถังยิ่งพูดยิ่งมีอารมณ์ แววตาส่วนลึกเปี่ยมด้วยความโกรธ


 


 


           เพียงแค่นึกถึงบาดแผลของฉู่เจียเสวียนก่อนหน้านี้ เธอก็โมโหจนทนไม่ไหว


 


 


           เมื่อเห็นถังถังที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอ ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านในหัวใจของเธอ


 


 


           ที่จริงเมื่อสามปีก่อน ตอนที่เธอเสียลูกไป ยังดีที่มีเธออยู่ข้างกายของเธอ คอยปลอบโยนเธอ ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำอย่างไร “เอาเถอะ ถังถัง เรื่องมันก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว เธอก็อย่าโกรธอีกเลย อีกอย่าง ตอนนี้ฉันกับพวกเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”


 


 


           “เห็นเธอเป็นห่วงฉันขนาดนี้ ฉันรู้สึกว่าฉันควรเป็นห่วงเธอเหมือนกัน เมื่อไรเธอจะมีแฟนล่ะ” ฉู่เจียเสวียนไม่อยากคุยเรื่องนี้กับถังถังอีก เธอไม่อยากพูดถึงอดีตอีกแล้ว เธอแค่อยากจะมีชีวิตที่ดีในตอนนี้


 


 


           “ฉันจะรีบไปทำไม เธอยังมีเวลาดูแลฉันอีก สู้เธอไปดูแลตัวเองให้ดีจะดีกว่านะ เธอคิดจะคบกงจวิ้นฉือแบบนี้ต่อไปเหรอ” ถังถังเอ่ย แววตาที่สวยงามจ้องเธอตาไม่กระพริบ


 


 


           เมื่อคิดว่าฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือยังไม่มีความคืบหน้า เธอก็รู้สึกร้อนใจ


 


 


           ได้ยินถังถังพูดถึงกงจวิ้นฉือ แววตาของเธอก็ก็ปรากฏอารมณ์ที่เธอเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้


       ตอนที่ 390 เขาดูท่าทางตื่นเต้นมาก


 


 


“ตอนนี้ฉันยังไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น ไว้ค่อยว่ากันเถอะ” ฉู่เจียเสวียนรู้ว่ากงจวิ้นฉือเป็นคนดีมาก เธอไม่อยากทำร้ายความรักของเขา เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอยังไม่ได้เตรียมตัวที่จะพัฒนาไปอีกขั้นกับเขาจริงๆ


 


 


ถังถังได้ยินฉู่เจียเสวียนแล้วพยักหน้า จู่ๆ ก็นึกถึงตอนที่เจอเผยหนานเจวี๋ยที่บาร์คราวก่อน นึกถึงคำพูดของเขา ในใจอดห่วงไม่ได้ว่าฉู่เจียเสวียนยังรักเขาอยู่ หลังจากครุ่นคิดแล้ว ถังถังก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง


 


 


“เจียเสวียน เธอก็ลืมเรื่องของคนกับอดีตซะเถอะ ต้องรักษาคนตรงหน้าให้ดีรู้หรือเปล่า ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บอีกแล้วจริงๆ” ถังถังกุมมือของฉู่เจียเสวียน พูดกับเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย


 


 


ได้ยินคำพูดของถังถังแล้ว ฉู่เจียเสวียนพยักหน้าด้วยความจริงจัง แน่นอนเธอรู้ว่าถังถังเป็นห่วงเรื่องอะไร เธอจะไม่กลับไปทำพลาดเหมือนเดิมอีกอย่างแน่นอน


 


 


ในบริษัทกลุ่มเผย พนักงานเลิกงานไปนานแล้ว แต่ไฟในห้องทำงานของเผยหนานเจวี๋ยยังคงสว่างอยู่


 


 


ห้องทำงานของเขาอยู่ชั้นบนสุด ทั้งตึกมืดไปนานแล้ว มีเพียงห้องทำงานของเขาที่ยังมีไฟส่องสว่าง เพิ่มสีสันให้กับทิวทัศน์ยามค่ำคืน


 


 


เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ดวงตาที่มืดมนจ้องอยู่บนเอกสารในมือ ท่าทางตั้งใจและจริงจัง


 


 


บนโต๊ะทำงานมีไอแพดวางอยู่ มีเอกสารที่ยังไม่ได้ตรวจทานอยู่ด้านซ้าย ส่วนทางขวาก็มีเอกสารกองหนึ่งวางอยู่


 


 


หลังจากเผยหนานเจวี๋ยทวนเอกสารในมือเสร็จแล้ว ก็หยิบไอแพดออกมา สองมือเริ่มร่ายรำอยู่บนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว


 


 


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชายที่ตั้งใจทำงานนั้นมีเสน่ห์เป็นที่สุด ในตอนนี้ เสน่ห์ของชายหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จแผ่ซ่านออกมาจากตัวของเผยหนานเจวี๋ย 


 


 


ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น


 


 


“กริ๊งๆ…” โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะสั่น เผยหนานเจวี๋ยหยุดทำงาน ยื่นมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อรับสาย


 


 


“ฮัลโหล คุณเผย”


 


 


ทันทีที่รับโทรศัพท์ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมากจากปลายสาย เผยหนานเจวี๋ยตื่นตระหนกทันที


 


 


“ฮัลโหล มีอะไรก็พูดมา ฉันฟังอยู่” เผยหนานเจวี๋ยรีบพูด ความมืดมนผ่านวูบในแววตา


 


 


“บ้านเลขที่สิบสามถนนตะวันออก ผมจะรอคุณที่นั่น”


 


 


 “ได้” หลังจากเผยหนานเจวี๋ยจดที่อยู่แล้วก็พูดทันที เมื่อวางหู เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกว่ามือของตัวเองสั่น


 


 


เลือกมาเจอเวลานี้ หวังว่าจะไม่มีเรื่องแย่ๆ นะ


 


 


เผยหนานเจวี๋ยไปถึงที่นัดหมายโดยไม่พิรี้พิไร เมื่อเดินเข้าไปในร้านกาแฟ ก็เห็นเงาของเฉิงเฮ่ารออยู่ตรงนั้นแล้ว


 


 


หลังจากที่ทำการตรวจสอบเฉิงเฮ่าแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็รู้ว่าเฉิงเฮ่าเป็นบุคคลอันตราย อีกทั้งเป้าหมายวันนี้ของเขาก็ไม่ชัดเจน


 


 


“เฉิงเฮ่า ดึกป่านนี้แล้วเรียกฉันมามีอะไร” เผยหนานเจวี๋ยเดินไปนั่งลงข้างเขาโดยตรง ลากเก้าอี้แล้วนั่งลงตรงข้ามเขา


 


 


เฉิงเฮ่าหัวเราะให้เผยหนานเจวี๋ย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ โดยเฉพาะรอยยิ้มในแววตาที่มืดมนของเขา เผยให้เห็นอารมณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้


 


 


ไอเยือกเย็นจากเผยหนานเจวี๋ยนั้นไม่เหมือนกับความมืดมนของเฉิงเฮ่า ความเยือกเย็นของเขาราวกับว่ามีมาแต่กำเนิด เพียงเห็นก็รู้สึกหนาวเหน็บแล้ว


 


 


ในร้านกาแฟ แม้คนจะไม่มากแต่ว่าความเยือกเย็นของทั้งสองคนทำให้ผู้คนที่นั่งข้างๆ พวกเขาก่อนหน้านี้ต่างทยอยออกจากที่นั่งไป ราวกับว่าหากคนใดคนหนึ่งไม่พอใจก็จะทำให้พวกเขาพลอยเดือดร้อนไปด้วย


 


 


หลังจากบริกรรวบรวมความกล้าเพื่อเสิร์ฟกาแฟให้ทั้งสองคนแล้ว ก็ถอยออกไปอย่างร้อนรน


 


 


เผยหนานเจวี๋ยมองเฉิงเฮ่าที่ยิ้มอย่างสบายอารมณ์ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา จู่ๆ หัวใจของเขาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย


 


 


“คุณเผย นัดคุณออกมาดึกแบบนี้ รบกวนคุณแล้ว” เฉิงเฮ่ามองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ


 


 


“มีอะไรนายก็รีบพูดเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยพูดขึ้นเรียบๆ น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความจริงจัง เขาอยู่ในที่แจ้งอีกฝ่ายอยู่ในที่ลับ เขาจำเป็นต้องระมัดระวังจึงจะถูก


 


 


“คุณเผยดูท่าทางคุณตื่นเต้นมากเลยนะ ผมดูเหมือนมนุษย์กินคนงั้นเหรอ” เฉิงเฮ่ามองเผยหนานเจวี๋ยแล้วหัวเราะ แววตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม


 


 


“เฉิงเฮ่า ฉันไม่รู้ว่านายต้องการทำอะไรกันแน่ ฉันไม่มีเวลาเล่นกับนายขนาดนั้น ถ้านายอยากเล่นกันฉันก็จัดมาได้เลย” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยขึ้น มองเฉิงเฮ่าเป็นเชิงเตือน


 


 


“นายกลับมาเพราะฉู่อีอีใช่ไหม” เผยหนานเจวี๋ยครุ่นคิด ในที่สุดก็เอ่ยปาก แววตาคมกริบ


 


 


ถ้าหากเขาเป็นศัตรูกับเขาเพราะฉู่อีอีล่ะก็ เรื่องทั้งหมดนี้ก็กระจ่างแจ้งแล้ว


 


 


 


 


ตอนที่ 391 ผมจะแย่งของที่คุณมีอยู่ในตอนนี้


 


 


ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว เฉิงเฮ่าหัวเราะขึ้นมาฉับพลัน ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย


 


 


การที่เขากลับมาส่วนหนึ่งก็เพราะฉู่อีอีจริงๆ แต่ว่าเหตุผลที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นก็คือเขาต้องการแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในมือของเผยหนานเจวี๋ยในตอนนี้


 


 


“คุณเผย คุณอยากรู้ขนาดนั้นเลยเหรอว่าผมกลับมาเพราะอะไร?” เสียงทุ้มต่ำของเฉิงเฮ่าดังขึ้น มองเขาพร้อมถามด้วยสีหน้าจริงจัง


 


 


“ก็ไม่เชิง ฉันก็แค่อยากบอกกับนาย ถ้าหากนายกล้าทำอะไรไม่ดีกับคนข้างกายฉันล่ะก็ ฉันจะไม่มีทางปล่อยนายอย่างแน่นอน แน่นอนว่าเป้าหมายที่นายกลับมาจะเป็นอะไรฉันก็ไม่อยากรู้ จะเป็นศัตรูหรือเป็นมิตร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับนาย” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวเย็นชา มองเฉิงเฮ่าด้วยสายตามืดมน


 


 


ไม่ว่าเป้าหมายที่เขากลับมาคืออะไร เขาก็ไม่กลัว สำหรับพจนานุกรมของเผยหนานเจวี๋ยแล้วไม่เคยมีคำว่าเกรงกลัว ศัตรูยิ่งแข็งแกร่งเขายิ่งกล้า นี่คือนิสัยของเขา


 


 


“อ๋อ? งั้นเหรอ คนข้างกายที่คุณเผยพูดถึงหมายถึงคุณหนูฉู่เจียเสวียนหรือคุณหนูฉู่อีอีล่ะ” เสียงทุ้มต่ำที่เจือปนความสงสัยดังขึ้น สายตาของเผยหนานเจวี๋ยที่มองเฉิงเฮ่าเปล่งประกาย


 


 


ได้ยินเฉิงเฮ่าพูดถึงฉู่เจียเสวียน ในใจของเผยหนานเจวี๋ยก็จุกโดยไม่รู้ตัว แววตาที่เย็นชายิ่งเยือกเย็นกว่าเดิม


 


 


เฉิงเฮ่าเห็นความตื่นตระหนกวูบผ่านดวงตาของเผยหนานเจวี๋ย แม้ว่ามันจะหายไปอย่างรวดเร็วมาก แต่ว่าเขาก็ยังสังเกตเห็นได้


 


 


 “นายคิดจะทำอะไรกันแน่” เสียงที่เยือกเย็นเข้ากระดูกดังออกมาจากปากของเผยหนานเจวี๋ย แววตาที่มองเขานั้นเย็นเยียบ


 


 


คนคนนี้กลับมาเพราะอะไรกันแน่ เขาต้องการทำอะไร ตอนนี้เขาอยู่ในที่แจ้งอีกฝ่ายอยู่ในที่มืด เขาไม่มีทางควบคุมสถานการณ์ได้เลย


 


 


“เชื่อว่าคุณเผยน่าจะไม่เคยรู้สึกว่าการสูญเสียสิ่งที่รักมันเป็นยังไงสินะ ผมก็แค่อยากบอกคุณเผย สิ่งที่คุณมีทั้งหมดในตอนนี้ ผมจะแย่งมันมา ผมก็แค่บอกคุณ เตือนคุณเท่านั้น” เมื่อเฉิงเฮ่าพูดจบ ร่างที่สูงใหญ่ก็ลุกขึ้นยืน ริมฝีปากบางยกยิ้ม หลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้วก็ออกไปจากร้านกาแฟ


 


 


ปล่อยให้เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่ในร้านกาแฟเพียงลำพัง


 


 


มองดูเฉิงเฮ่าที่ไกลออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลับสายตาไปแล้วเขาจึงละสายตา ถ้าหากไม่มีกาแฟที่เฉิงเฮ่าเพิ่งดื่มวางอยู่ตรงหน้าเขาล่ะก็ เขาก็นึกว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวตั้งแต่ต้นจริงๆ


 


 


หลังจากนั่งอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็ออกจากร้านกาแฟไป


 


 


เมื่อกลับถึงวิลล่า เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่บนโซฟา นึกถึงคำพูดที่เฉิงเฮ่าพูดกับเขา เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเฉิงเฮ่าโทรหาเขากลางดึกเพียงเพื่อเตือนเรื่องนี้กับเขาเท่านั้นเหรอ


 


 


นึกถึงเฉิงเฮ่าที่พูดถึงฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกแน่นในหัวใจ


 


 


ทำไมเขาถึงรู้จักฉู่เจียเสวียน หรือว่าเขาสืบเรื่องของเธอแล้วงั้นเหรอ หรือว่าเขาอยากสู้กับเขาผ่านฉู่เจียเสวียนงั้นเหรอ แต่ว่าตอนนี้พวกเขาก็หย่ากันแล้วนี่นา


 


 


เมื่อคิดว่าเฉิงเฮ่าอาจทำอะไรไม่ดีต่อฉู่เจียเสวียน เขาก็เริ่มเป็นกังวลใจ นึกถึงตอนที่ฉู่เจียเสวียนเกือบถูกทำร้ายคราวก่อน เขาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง


 


 


ไม่ได้ เขาต้องบอกกงจวิ้นฉือ บอกให้เขาปกป้องฉู่เจียเสวียนให้ดีถึงจะถูก ไม่เช่นนั้นหากรอจนกระทั่งเธอเป็นอะไรไปจริงๆ มันจะไม่ทันการ


 


 


ยังมีฉู่อีอีอีก ตกลงว่าตอนนี้ระหว่างเฉิงเฮ่ากับฉู่อีอีเป็นอะไรกันแน่


 


 


ช่างเถอะ ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้มากขนาดนั้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหาเบอร์ของกงจวิ้นฉือแล้วโทรออกไปแล้ว


 


 


หลังจากเงียบอยู่สักพัก ก็มีคนรับสาย เสียงงัวเงียของกงจวิ้นฉือดังขึ้น “คุณเผย หาผมดึกป่านนี้มีอะไรเหรอ”


 


 


“คุณกง ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินคนที่ชื่อเฉิงเฮ่าหรือเปล่า”


ตอนที่ 392 ปกป้องเธอให้ดี 


 


 


“ผมรู้สึกว่าคนคนนี้มีปัญหา หวังว่าต่อไปคุณจะปกป้องฉู่เจียเสวียนให้ดี อย่าให้เธอได้รับอันตรายเด็ดขาด” เผยหนานเจวี๋ยพูดทันทีโดยไม่แม้แต่คิด 


 


 


กงจวิ้นฉือได้ยินเผยหนานเจวี๋ยแล้ว รู้สึกว่าประหลาดใจเล็กน้อย เขาตั้งใจโทรมาหาเขากลางดึกเพื่อบอกกับเขาเรื่องนี้เหรอ ใครคือเฉิงเฮ่า แล้วทำไมฉู่เจียเสวียนถึงจะเจออันตรายได้ล่ะ 


 


 


“คุณพูดให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม” กงจวิ้นฉือขมวดคิ้วพร้อยเอ่ย เขาไม่รู้ว่าเฉิงเฮ่าคือใคร แต่ถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับฉู่เจียเสวียนล่ะก็ เขาไม่สนใจคงไม่ได้แล้ว 


 


 


“ผมรู้ว่าตอนนี้คุณไม่รู้อะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ไว้ผมค่อยบอกคุณ ตอนนี้ที่ต้องรู้ไว้ก็คือคุณจะต้องปกป้องเธอให้ดี” “คุณไม่ต้องบอก ผมก็จะปกป้องเธออย่างดีอยู่แล้ว” เสียงอบอุ่นของกงจวิ้นฉือลอยเข้าหูของเผยหนานเจวี๋ย พอได้ยินน้ำเสียงของเผยหนานเจวี๋ยที่เป็นห่วงเป็นใยฉู่เจียเสวียน เขาก็รู้สึกไม่ชอบใจมาก 


 


 


           เขารู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยไม่ใช่คนลึกลับ ในเมื่อเขาพูดกับเขาแบบนี้ นั่นก็แสดงว่าอาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ 


 


 


           แต่ว่าเฉิงเฮ่าคนนี้เป็นใคร สงสัยว่าเขาต้องสืบดูสักหน่อยแล้ว 


 


 


           “งั้นผมก็วางใจแล้ว” พูดจบ ไม่รอให้กงจวิ้นฉือตอบ เขาก็วางหูไปแล้ว เสียงสัญญาณไม่ว่างดังมาจากปลายสาย 


 


 


           กงจวิ้นฉือขมวดคิ้วจนแทบจะพันกันเป็นปมอยู่แล้ว นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เฉิงเฮ่า กงจวิ้นฉือพูดทวนชื่อนี้อยู่ในใจ 


 


 


           ตอนแรกเขานึกว่าเผยหนานเจวี๋ยโทรหาเขาเพราะต้องการจะคุยกับเขาเรื่องงาน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาโทรมาเพื่อบอกให้ปกป้องฉู่เจียเสวียนให้ดี 


 


 


           แล้วก็ประโยคที่ว่า “งั้นผมก็วางใจแล้ว” หมายความว่าอะไร ในใจเริ่มรู้สึกกังวลอย่างประหลาด 


 


 


           ถึงอย่างไรก็ดีเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียนเคยมีอดีตร่วมกัน อีกทั้งฉู่เจียเสวียนยังชอบเขาขนาดนั้น เขาจะไม่เป็นกังวลได้อย่างไร 


 


 


           ตั้งแต่กลับมา แม้ว่าเขาจะคบกับฉู่เจียเสวียนแต่ว่าในใจเขาก็รู้ว่าหัวใจของเธอยังไม่เคยลืมเผยหนานเจวี๋ยได้จริงๆ สักที 


 


 


           ทั้งๆ ที่ตอนนี้พวกเขาสองคนไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว แต่ว่าในใจของเขายังคงเป็นกังวล เขากลัวมาตลอดว่าเผยหนานเจวี๋ยจะเป็นอุปสรรคระหว่างเขากับฉู่เจียเสวียน 


 


 


           สองสามปีนี้ เขาอยู่ข้างกายเธอมาตลอดโดยไม่ร้องขอสิ่งใดตอบแทน เพื่อที่สักวันหนึ่งเธอจะหันกลับมา และเห็นเขาที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ว่า สิ่งที่เขากลัวคือการที่เขาไม่เคยได้อยู่ในใจของเธอเลย 


 


 


           ยกโทรศัพท์มือถือในมือขึ้นมา หลังจากครุ่นคิดแล้ว กงจวิ้นฉือก็กดโทรหาฉู่เจียเสวียน ป่านนี้เธอคงยังไม่นอนล่ะมั้ง 


 


 


           ในห้องหนังสือ สองมือของฉู่เจียเสวียนกำลังพิมพ์อยู่บนแป้นพิมพ์ไม่หยุด ดวงตาที่สุกใสจ้องอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ขนตายาวๆ สั่นไหวแผ่วเบา 


 


 


           ในสมองของเธอแจ่มชัดมาก สองมือของเธอร่ายรำไม่หยุด โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะที่ดังขึ้นกะทันหันขัดจังหวะความคิดของเธอ เธอจึงต้องหยุดทำงาน 


 


 


           “กริ๊งๆ…” โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังก้องภายในห้องที่กว้างใหญ่  


 


 


           “ฮัลโหล จวิ้นฉือ” ฉู่เจียเสวียนรับสายพลางบิดขี้เกียจ น้ำเสียงฟังดูเจือปนความเกียจคร้าน 


 


 


           กงจวิ้นฉือได้ยินเสียงที่เกียจคร้านของเธอ นึกว่าเธอนอนแล้วจึงเอ่ยปาก “คุณพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ผมค่อยโทรหาคุณ” 


 


 


           ริมฝีปากบางๆ ยกยิ้ม ความอ่อนโยนปรากฏอยู่ในแววตาของกงจวิ้นฉือ แต่กลับไม่สามารถซ่อนความหดหู่ในส่วนลึกของแววตาเขา แม้แต่คำพูดที่เขาเอ่ยก็เจือปนความเจ็บปวด 


 


 


           ได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือแล้ว ริมฝีปากแดงๆ ของฉู่เจียเสวียนยกยิ้ม ขณะที่กงจวิ้นฉือกำลังจะวางสายนั้น เสียงของเธอก็ดังขึ้น “ฉันยังไม่นอน คุณมีอะไรเหรอ” 


 


 


 


 


 


       ตอนที่ 393 ดอกไม้ที่ผู้ลึกลับส่งมา 


 


 


           ทำไมเธอถึงได้ยินความผิดหวังเล็กน้อยในน้ำเสียงของกงจวิ้นฉือกันนะ เธอคิดมากไปเองหรือเปล่า 


 


 


           กงจวิ้นฉือลุกขึ้นมาจากโซฟา เดินไปยังระเบียง คำพูดที่ต้องการจะเอ่ยกลับติดอยู่ในลำคอ เขาไม่รู้ว่าต้องพูดอย่างไร 


 


 


           หรือจะให้เขาบอกเธอว่าเผยหนานเจวี๋ยโทรหาเขา บอกให้เขาปกป้องเธองั้นเหรอ เธอคือแฟนของเขา การที่เขาปกป้องเธอก็เป็นเรื่องที่สมควรและถูกต้อง จำเป็นต้องให้เขามาเตือนสติด้วยเหรอ 


 


 


           ที่จริงกงจวิ้นฉือก็อยากถามฉู่เจียเสวียนว่ารู้จักเฉิงเฮ่าหรือเปล่า หลังจากคิดเนิ่นนานแล้ว ในที่สุดเขาก็คิดว่าอย่าเพิ่งถามเธอจะดีกว่า รอให้เขาสืบให้ชัดก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ 


 


 


           “ผมคิดถึงคุณน่ะ พรุ่งนี้​ถ้ามีเวลาพวกเรามีกินข้าวด้วยกันเถอะ” กงจวิ้นฉือยิ้มเอ่ย​ เสียงอบอุ่นลอยเข้าหูของฉู่เจียเสวียน 


 


 


           เมื่อเสียงของเขาดังขึ้น​ ฉู่เจียเสวียนจึงถอนหายใจโล่งอก​ เธอยังนึกว่าเขาเป็นอะไรไปเสียอีก​ เงยหน้ามองเวลาบนกำแพง​ อีกห้านาทีก็เที่ยงคืนแล้ว 


 


 


           “ก็ได้​ บ่ายพรุ่งนี้​เถอะ” ฉู่เจียเสวียนตอบ​ ลุกขึ้นจากเก้าอี้​ หลังจากเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อแล้ว​ ก็เดินไปยังห้องนอน 


 


 


           “ได้ งั้นคุณรีบพักผ่อนเถอะ เลิกทำงานได้แล้ว” กงจวิ้นฉือรู้ว่าฉู่เจียเสวียนเป็นคนที่ทุ่มเทมากมาตลอด แต่เมื่อเมื่อถึงเวลาพักผ่อนแล้ว เขาก็อยากให้เธอพักผ่อนให้เต็มที่ 


 


 


           หลังจากทั้งสองคนคุยกันสักพักแล้ว ฉู่เจียเสวียนจึงวางสาย เปิดผ้าห่มออกนอนลงบนเตียง ฉู่เจียเสวียนค่อยๆ เข้าสู่ความฝัน 


 


 


           เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่เจียเสวียนตื่นมาจากความฝัน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เมื่อคืนเธอฝันดีมากๆ ฉู่เจียเสวียนบิดขี้เกียจแล้วลงมาจากเตียง เข้าไปที่ห้องน้ำทันที 


 


 


           หลังจากที่ฉู่เจียเสวียนอาบน้ำและลงมากินอาหารเช้าที่ชั้นล่างเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ไปที่บริษัททันที 


 


 


           ทันทีที่เข้าประตูร้านเช่าชุดแต่งงาน ฉู่เจียเสวียนพนักงานที่ร้านกำลังล้อมวงไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว เดินเข้าไป “เป็นไงบ้าง” ฉู่เจียเสวียนเดินไปตรงกลาง ก็พบว่าสิ่งที่ถูกห้อมล้อมก็คือดอกไม้ช่อหนึ่ง 


 


 


           เมื่อทุกคนเห็นฉู่เจียเสวียนแล้ว ก็ยิ้มให้เธอทันที 


 


 


           “พี่เจียเสวียน พี่ดูสิ มีคนส่งดอกไม้มาให้พี่แหน่ะ” 


 


 


           “ว้าว ฉันไม่เคยได้ดอกไม้ช่อใหญ่แบบนี้เลย” 


 


 


           “พี่เจียเสวียน คุณกงนี่ดีกับพี่จริงๆ เลยนะ” 


 


 


“……” 


 


 


           ในร้านชุดแต่งงาน ทุกคนต่างพูดคุยกัน ส่วนฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วก็ยิ้ม ยื่นมือหยิบดอกไม้ขึ้นมา และเดินเข้าห้องทำงานไปแล้ว 


 


 


           กวจวิ้นฉือคนนี้ก็จริงๆ เลย ชอบทำให้เธอประหลาดใจอยู่เรื่อย เขาจะทำให้เธอเสียคนได้นะ 


 


 


           เงยหน้าขึ้น เมื่อไม่พบเงาของถังถังในห้องทำงาน ฉู่เจียเสวียนไม่ประหลาดใจเลยสักนิด หลังจากวางดอกไม้ลงบนโต๊ะแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรหากงจวิ้นฉือ 


 


 


           หลังจากมีคนรับสายแล้ว ฉู่เจียเสวียนเอ่ยทันที “จวิ้นฉือ บอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องส่งดอกไม้ให้ฉันอีก ทำไมคุณถึงส่งมาอีกล่ะ” 


 


 


           “ดอกไม้?” ได้ยินฉู่เจียเสวียนแล้ว คิ้วของกงจวิ้นฉือก็ขมวดกัน วันนี้เขาไม่ได้ส่งดอกไม้ให้เธอนี่นา 


 


 


           “ใช่สิ ช่อใหญ่มากเลย” ฉู่เจียเสวียนมองดูช่อดอกไม้สดช่อนั้น ริมฝีปากแดงยกยิ้ม ดวงตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม 


 


 


           “ผมไม่ได้ส่งนะ” กงจวิ้นฉือกล่าวทันที วันนี้เขาไม่ให้บอกให้ผู้ช่วยส่งดอกไม้ให้เธอ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ 


 


 


           หรือว่าจะเป็นเผยหนานเจวี๋ย? จู่ๆ ในสมองก็นึกถึงคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยเมื่อวานที่ให้เขาปกป้องฉู่เจียเสวียนให้ดี หัวใจของเขาเป็นกังวลในทันที 


 


 


           “เจียเสวียน ดอกไม้ช่อนั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า มีพวกการ์ดอะไรแบบนี้ไหม” กงจวิ้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขึงขัง 


 


 


           วันนี้ทันทีที่เขามาถึงบริษัทก็สั่งให้คนไปหาข้อมูลของเฉิงเฮ่าแล้ว แต่ว่าผู้ช่วยยังไม่ได้ให้ข้อมูลเขา ฉะนั้นเขาจึงเป็นห่วงเล็กน้อยว่าดอกไม้ช่อนั้นจะมีความลึกลับอะไรหรือเปล่า 


       ตอนที่ 394 ไม่ใช่คนธรรมดา 


 


 


           เมื่อได้ยินคำพูดที่แปลกประหลาดของกงจวิ้นฉือ ฉู่เจียเสวียนก็ขมวดคิ้ว หยิบดอกไม้ขึ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด แต่ไม่พบว่ามีความผิดปกติอะไร 


 


 


           “ดอกไม้มีปัญหาอะไรเหรอ ไม่มีอะไรนี่” ฉู่เจียเสวียนไม่เข้าใจคำพูดของกงจวิ้นฉือ ไม่เข้าว่าทำไมเขาต้องตื่นเต้นขนาดนั้น 


 


 


           “เจียเสวียน ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้” พูดจบกงจวิ้นฉือก็วางสายแล้ว เพิ่งจะถึงหน้าประตูออฟฟิศ ผู้ช่วยของเขาก็เดินเข้ามา 


 


 


           มองดูผู้ช่วย กงจวิ้นฉือเอ่ยปากทันที “คุณหาเจอแล้วเหรอ” 


 


 


           ผู้ช่วยพยักหน้า เอาข้อมูลในมือที่หาเจอให้กงจวิ้นฉือ เมื่อนึกได้ว่ามีนัดกับฉู่เจียเสวียน กงจวิ้นฉือก็ถือเอกสารเดินออกไปข้างนอกแล้ว 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินเสียงสัญญาณในโทรศัพท์ถูกตัด ไม่เข้าใจว่าวันนี้กงจวิ้นฉือเป็นอะไร ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเขาแปลกๆ 


 


 


           แม้จะไม่เข้าใจ แต่ฉู่เจียเสวียนก็ยังหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปข้างนอกแล้ว ได้ยินน้ำเสียงของกงจวิ้นฉือที่ราวกับร้อนรน เขาน่าจะมีเรื่องอะไรคุยกับเธอล่ะมั้ง 


 


 


           ที่ร้านกาแฟอวิ๋นซั่ง 


 


 


           ตอนที่ฉู่เจียเสวียนไปถึงก็พบว่ากงจวิ้นฉือนั่งอยู่ที่นั่นแล้ว เห็นว่าเขากำลังพลิกดูเอกสาร ฉู่เจียเสวียนเดินไปด้านข้างของเขาทันที 


 


 


           “จวิ้นฉือ คุณหาฉันมีอะไรเหรอ” ฉู่เจียเสวียนกล่าว มองดูท่าทางที่จริงจังของกงจวิ้นฉือ แล้วเดินไปนั่งที่ที่นั่งตรงข้าม 


 


 


           มองดูเอกสารบนโต๊ะ ความสงสัยในแววตาของฉู่เจียเสวียนยิ่งมีมากกว่าเดิม 


 


 


           ทันทีที่เห็นว่าฉู่เจียเสวียนมาแล้ว กงจวิ้นฉือจึงหายใจโล่งอก ละสายตาออกจากเอกสาร 


 


 


           สมองกำลังย่อยสลายข้อมูลที่เพิ่งได้อ่าน ที่แท้เฉิงเฮ่าเป็นบุคคลอันตรายจริงๆ แต่ว่าเขารู้จักกับฉู่เจียเสวียนได้อย่างไร 


 


 


           “เจียเสวียน คุณมาแล้วเหรอ” กงจวิ้นฉือมองฉู่เจียเสวียนพร้อมเอ่ย แววตาเผยความกังวล 


 


 


           เมื่อครู่ตอนที่เขาได้ยินว่าเธอได้รับดอกไม้ เขาเป็นกังวลจริงๆ ว่าเธอจะเกิดเรื่อง ตอนนี้เห็นเธอปรากฏตัวตรงหน้าของเขาแล้วเขาจึงโล่งอก 


 


 


           ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า กวาดสายตาไปยังเอกสารที่เขานำมา หรือว่าที่เขาเรียกเธอมาเพื่อคุยเรื่องงานล 


 


 


           “คุณเรียกฉันมาทำไม? คุยเรื่องงาน?” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยถาม สายตาที่มองกงจวิ้นฉือมีความสงสัย ยื่นมือหยิบเอกสารที่เขานำมา ขณะที่กวาดตาเห็นคำว่าเฉิงเฮ่าสองคำนี้ ม่านตาก็หดตัว 


 


 


           “เฉิงเฮ่า? คุณรู้จักเขาเหรอ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ ถ้าหากเขารู้จักเฉิงเฮ่า ทำไมเธอถึงไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงเลย ถ้าหากไม่รู้จัก เช่นนั้นเขาสืบเรื่องเขาทำไม 


 


 


           ได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้ว เขาก็ส่ายหน้า หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็ตัดสินใจบอกฉู่เจียเสวียนเรื่องที่เผยหนานเจวี๋ยโทรมาหาเขาเมื่อคืน 


 


 


           “เจียเสวียน ผมคิดว่าผมจำเป็นต้องคุยกับคุณเรื่องนี้” สีหน้าของกงจวิ้นฉือเปลี่ยนเป็นจริงจังและขึงขัง ท่าทางราวกับว่าต้องการบอกกล่าวความลับอันยิ่งใหญ่ 


 


 


           ทำเอาฉู่เจียเสวียนก็ตื่นตกใจตามไปด้วย เขาเป็นอะไรกันแน่? 


 


 


           “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เห็นคุณที่เป็นแบบนี้ทำให้ฉันพลอยตื่นเต้นไปด้วย” เสียงที่ชัดเจนของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น ท่าทางของกงจวิ้นฉือทำให้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาจริงๆ 


 


 


           “เจียเสวียน ช่วงนี้เธออยู่บ้านจะดีที่สุด หรือไม่ก็ให้ผมรับส่งคุณทำงาน เมื่อคืนเผยหนานเจวี๋ยโทรมาหาผม บอกให้ผมปกป้องคุณจากเฉิงเฮ่า ผมหาข้อมูลของเฉิงเฮ่าแล้ว เขาไม่ใช่คนธรรมดา” กงจวิ้นฉือกล่าว มองฉู่เจียเสวียนพร้อมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง 


 


 


           น้ำเสียงไม่เคยจริงจังมาก่อน ดวงตาของเธอไม่กระพริบ 


 


 


           ได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือแล้ว จู่ๆ ฉู่เจียเสวียนก็อยากหัวเราะมาก เผยหนานเจวี๋ยบอกให้กงจวิ้นฉือปกป้องเธองั้นเหรอ เขาเคยเกลียดเธอขนาดนั้น ตอนนี้มาบอกแฟนของเธอให้ปกป้องเธอให้ดี ฮ่าๆ 


 


 


           ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ได้ยินคำพูดของเช่นนี้ เธอจะต้องตื้นตันอย่างสุดขีดแน่นอน แต่ว่าเธอในตอนนี้ไม่ต้องการความห่วงใยจากเขา ยิ่งไม่ต้องการให้เขามาเตือนสติ 


 


 


 


 


 


       ตอนที่ 395 บุคคลอันตราย 


 


 


           “เฉิงเฮ่าเป็นคนไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ว่าฉันกับเขาไม่มีความแค้นต่อกัน เขาจะทำอะไรฉันได้ยังไง” ฉู่เจียเสวียนเริ่มแสดงความสงสัยในใจของเธอ ใช่แล้ว เธอรู้จักเฉิงเฮ่า แต่ว่าเธอไม่เคยผิดใจกับเขา เขาจะทำอะไรเธอได้อย่างไร 


 


 


           ทันใดนั้นฉู่เจียเสวียนก็คิดว่าเผยหนานเจวี๋ยได้รับการกระตุ้นอะไรหรือเปล่า หรือเขาคิดว่าเขาทำแบบนี้แล้วเธอจะซาบซึ้งต่อเขา 


 


 


           ต่อให้เฉิงเฮ่าต้องการจะต่อต้านเธอจริงๆ แล้วยังไงเหรอ ตอนนี้เธอไม่ใช่ฉู่เจียเสวียนที่อ่อนแอน่ารังแกคนนั้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงที่สามารถยืนอยู่คนเดียวได้ เธอไม่จำเป็นต้องหลบอยู่ข้างหลังคนอื่นอีกแล้ว 


 


 


           เธอในตอนนี้ยิ่งไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเขา ฉะนั้นเธอเพียงหวังว่าเผยหนานเจวี๋ยจะไม่ยุ่งกับเธอก็พอ 


 


 


           กงจวิ้นฉือได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียนแล้ว มองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ เห็นความเกลียดชังริบหรี่ภายใต้ดวงตาของเธอ หัวใจเขาก็เจ็บปวดขึ้นมาเลือนลาง เธอยังไม่ลืมเขางั้นเหรอ ความขมขื่นกระจายอยู่ในใจโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า มันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ทันใดนั้นความผิดหวังก็เข้ามาแทนที่ เขาฝืนบังคับตัวเองเพื่อไม่ให้ฉู่เจียเสวียนเห็นความสิ้นหวังของเขา  


 


 


           “เจียเสวียน ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่อย่างนั้นเผยหนานเจวี๋ยคงไม่โทรมาหาผมด้วยตัวเองหรอก ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แน่นอนว่าดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเฉิงเฮ่ามีเป้าหมายอะไรจริงๆ ล่ะก็ พวกเราระวังตัวไว้หน่อยจะดีกว่า ถึงอย่างไรพวกเราก็อยู่ที่แจ้งเขาอยู่ในที่มืด” กงจวิ้นฉือเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น 


 


 


           ไม่ว่าจะอย่างไร ขอเพียงแค่ฉู่เจียเสวียนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เขาไม่ต้องการให้เธอรับบาดเจ็บใดๆ 


 


 


           เมื่อคืนตอนที่ได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย เขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่ว่าตอนนี้ ดูแล้วเขาไม่เชื่อคงไม่ได้ เรื่องนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน 


 


 


           ได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือแล้ว ฉู่เจียเสวียนหัวเราะ ดวงตาสุกใสเผยรอยยิ้ม เธอรู้ว่ากงจวิ้นฉือเป็นห่วง และรู้ตำแหน่งของตัวเองในหัวใจของเขา พูดขึ้นทันที “เอาเถอะ ฉันจะฟังคุณ” 


 


 


           “ไม่งั้น คุณพักผ่อนอยู่บ้านสักสองสามวันเถอะ ในเมื่อตั้งแต่คุณกลับประเทศมาก็ไม่เคยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลย ถ้ายังไงอาศัยช่วงนี้ให้ตัวเองได้ลาสักสองสามวันเป็นไง?” กงจวิ้นฉือเอ่ย มองฉู่เจียเสวียนตาไม่กระพริบ 


 


 


           ตอนนี้ความปลอดภัยของเธอสำคัญที่สุด ตราบใดที่เธอปลอดภัย เขาถึงจะวางใจได้ 


 


 


           “ไม่เป็นไร คุณบอกว่าคุณจะรับส่งฉันทำงานไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง ฉันยังมีวิชาป้องกันตัวนะ คุณลืมแล้วเหรอ” ฉู่เจียเสวียนคิดว่าเรื่องไม่ได้ร้ายแรงแบบที่พวกเขาคิด เพียงแต่เธออยากรู้มากว่าเฉิงเฮ่าคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ 


 


 


           เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ เขาลงทุนลงแรงเพื่อให้เผยหนานเจวี๋ยรู้เป้าหมายของเขาแบบนี้ หรือว่าเพื่อฉู่อีอีงั้นเหรอ 


 


 


           “เจียเสวียน เฉิงเฮ่าเป็นพวกค้ายาเสพติด เป็นบุคคลอันตราย ตอนนั้นที่เขาออกนอกประเทศก็เพราะถูกจับกุมข้อหายาเสพติดในประเทศ ตอนนี้เขากลับมาอีกครั้ง ก็แสดงว่าเป้าหมายของเขาไม่บริสุทธิ์” กงจวิ้นฉือกล่าวอีกครั้ง แววตาที่มองเธอเผยความเป็นกังวล 


 


 


           เขารู้ว่าฉู่เจียเสวียนมีวิชาป้องกันตัว แต่ว่าสองหมัดสุดท้ายแล้วก็สู้สี่หมัดไม่ได้ เขากลัวมากจริงๆ 


 


 


           “เมื่อคืนที่เผยหนานเจวี๋ยโทรหาคุณ เขาบอกว่าเฉิงเฮ่าคิดร้ายฉันเหรอ เขาคงไม่คิดจะใช้ฉันเพื่อสู้กับเผยหนานเจวี๋ยหรอกมั้ง” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยถามความสงสัยในใจ หลังจากครุ่นคิดในสมองอย่างรวดเร็วแล้วก็มองกงจวิ้นฉือพร้อมถาม 


 


 


           ตอนนี้ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผยหนานเจวี๋ยเลยแม้แต่นิดเดียว ทำไมเขาถึงใช้เธอมาขู่เขาล่ะ 


 


 


           เมื่อก่อนตอนที่เธอเป็นภรรยาของเขา เขาก็ไม่สนใจเธอนับประสาอะไรกับตอนนี้ เธอไม่เข้าใจแผนของเฉิงเฮ่าคนนี้เลยจริงๆ 


      ตอนที่ 396 เธอแปลกมาก


 


 


           ตอนนี้เธอกับเผยหนานเจวี๋ยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแม้แต่นิดเดียวแล้ว เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าวันนี้ในสามปีต่อมา จะมีคนต้องการใช้เธอเพื่อข่มขู่เขา ช่างน่าขันจริงๆ


 


 


           ริมฝีปากแดงยกยิ้มเยาะ แววตาของฉู่เจียเสวียนเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ดูท่าทางเฉิงเฮ่าคนนี้ไม่มีคนที่เก่งกาจอะไร แม้แต่แผนนี้ของเขาก็ยังคิดผิด


 


 


           กงจวิ้นฉือเห็นท่าทางเย้ยหยันของฉู่เจียเสวียน ดวงตาส่องประกายด้วยความกังวล เขากลัวมากว่าจะเสียฉู่เจียเสวียนไป


 


 


           ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เขาก็คงไม่มีความกังวลใดๆ อย่างแน่นอน แต่ว่าตอนนี้ เผยหนานเจวี๋ยเริ่มที่จะเป็นห่วงเธอขึ้นมาแล้ว อีกทั้งเมื่อคืนเผยหนานเจวี๋ยพูดทางโทรศัพท์อย่างชัดเจนว่าให้เขาปกป้องฉู่เจียเสวียนให้ดี


 


 


           กงจวิ้นฉือเป็นกังวลจริงๆ ว่าสักวันหนึ่ง ฉู่เจียเสวียนจะกลับไปสู่อ้อมแขนของเผยหนานเจวี๋ยอีกครั้ง สุดท้ายแล้วเธอก็เคยรักเขามากกว่าชีวิตของเธอ


 


 


           เขารอมานานมาก กว่าจะได้โอกาสปกป้องอยู่ข้างกายเธอนั้นมันไม่ง่ายเลย เขาไม่อยากให้ความสุขในมือที่ได้มาอย่างยากลำบากนั้นถูกคนอื่นแย่งไปทั้งแบบนี้จริงๆ


 


 


           ถ้าหากเป็นไปได้ ที่จริงแล้วเขาหวังว่าพวกเขายังอยู่ที่ต่างประเทศ


 


 


           ถ้าหากตอนนี้ผู้ชายที่ชื่อเฉิงเฮ่าปรากฏตัวขึ้น ก็จะเป็นการก่อกวนพวกเขาทั้งหมด


 


 


           “เจียเสวียน ไม่ว่าจะยังไง พวกเราระวังตัวสักหน่อยจะดีกว่า” กงจวิ้นฉือดึงความคิดกลับมาพร้อมเอ่ย


 


 


           ถ้าหากเขาไม่รู้ล่ะก็ เขาก็ยังสามารถทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ แต่ว่าตอนนี้เขารู้แล้ว ก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเฉิงเฮ่าคนนี้เป็นบุคคลอันตราย


 


 


           “ก็ได้ ตอนนี้ฉันหิวแล้ว พวกเราจะไปกินอะไรกันไหม” หลังจากฉู่เจียเสวียนยกมือขึ้นมาดูเวลาแล้วก็เอ่ยปาก น้ำเสียงมีความสุข


 


 


           เพื่อไม่ให้เขาเป็นกังวล เธอระวังตัวหน่อยจะดีกว่า เผื่อว่าถึงตอนนั้นหากเกิดอะไรขึ้นและทำให้พวกเขาตกใจขึ้นมาจริงๆ


 


 


           “คุณอยากกินอะไร” ทันทีที่กงจวิ้นฉือได้ยินว่าฉู่เจียเสวียนหิวแล้ว รีบลุกขึ้นยืน เอ่ยปากถามเธอ


 


 


           “อะไรก็ได้ ดูว่าคุณอยากกินอะไน” ปากแดงของฉู่เจียเสวียนยกยิ้ม มองกงจวิ้นฉือด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าน้อยๆ ที่สวยงาม


 


 


           ทั้งสองคนเดินออกจากร้านกาแฟด้วยกัน


 


 


           หลังกินข้าวเสร็จแล้ว กงจวิ้นฉือก็ส่งฉู่เจียเสวียนกลับที่ทำงานด้วยตัวเองพร้อมกำชับให้เธอระวังตัวให้มาก จากนั้นเขาจึงออกจากร้านชุดแต่งงานไป


 


 


           ทันทีที่ฉู่เจียเสวียนเข้ามาในออฟฟิศ ก็เห็นถังถังนั่งเอาสองมือเท้าคาง เธอเดินไปด้านหน้าของถังถังพร้อมโบกมือตรงหน้าเธอ พบว่าเธอไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย คิ้วขมวดกัน ฉู่เจียเสวียนยกมือขึ้นเขย่าเธอ “ถังถัง เธอกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ”


 


 


           “หา?” ถังถังถูกฉู่เจียเสวียนเรียกสติคืนมา เห็นเธอที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอย่างกะทันหันก็ตกใจ


 


 


           “เธอทำอะไรน่ะ ตกใจหมดเลย” ถังถังมองดูรอยยิ้มของฉู่เจียเสวียนพร้อมพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ


 


 


           “ฉันถามว่าช่วงนี้เธอเป็นอะไรไป ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย” ฉู่เจียเสวียนลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เธอ เธอรู้สึกว่าระยะนี้ถังถังแปลกมากจริงๆ ฉะนั้นเธอจะต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่องถึงจะถูก


 


 


           “เปล่านี่” ถังถังเหลือบมองเธอ จากนั้นก็หลบสายตา ดวงตาก็เริ่มเลื่อนลอยอีกครั้ง


 


 


           ไม่ปกติ ต้องไม่ปกติแน่ๆ เธอเพิ่งเคยเห็นถังถังแบบนี้เป็นครั้งแรก หรือว่าเธอจะอกหัก? แต่ก็ไม่น่าใช่นี่นา เธอก็ไม่เคยได้ยินว่าเธอคบกับใคร


 


 


           “งั้นเธอเป็นอะไรกันแน่ ฉันเห็นท่าทางเธอแล้ว ฉันไม่สบายใจมากเลยนะ” ฉู่เจียเสวียนกล่าว มองเธอพร้อมขมวดคิ้ว เอ่ยปากด้วยความไม่เข้าใจ


 


 


           เมื่อก่อนเธอจะเล่าความในใจให้เธอฟังทุกอย่าง แต่ว่าระยะหลังนี้ ถังถังราวกับว่าแอบซ่อนเรื่องในใจ และไม่เคยเห็นถังถังเล่าให้เธอฟัง เธอเป็นห่วงจริงๆ นะ


 


 


           ถังถังถูกฉู่เจียเสวียนดึงสติกลับมาอีกครั้ง เหลือบมองเธอเล็กน้อยจากนั้นก็หลบสายตาอีก เธอจะพูดเรื่องนี้กับเธอได้อย่างไร เมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอฝันถึงเมื่อสองสามวันก่อน เธอก็รู้สึกหงุดหงิดใจ


 


 


 


 


       ตอนที่ 397 รังแกเพื่อนไม่ได้


 


 


           ในฝันเธอแต่งงานกับกงจวิ้นฉือ พระเจ้า นั่นมันแฟนของเพื่อนสนิทเธอเชียวนะ เธอฝันแบบนี้ได้อย่างไรกัน จะรังแกเพื่อนไม่ได้นะ!


 


 


           ถังถังเอ๊ยถังถัง ถ้าปล่อยให้เธอรู้เรื่องนี้ล่ะก็ เธอจะเผชิญหน้ากับเพื่อนสนิททั้งสองคนของเธอได้อย่างไรล่ะ เฮ้อ


 


 


           บาปจริงๆ ที่เธอมีแม้กระทั่งความฝันเช่นนี้ ถอนหายใจเบาๆ ถังถังมองฉู่เจียเสวียนด้วยความเศร้าโศกเป็นอย่างยิ่ง แววตานั้นมีทั้งความคับข้องใจและความรู้สึกซับซ้อน


 


 


           ฉู่เจียเสวียนมองดูถังถังที่จู่ๆ มีสีหน้าแปลกประหลาด ดวงตาที่ดำดุจหมึกมองเธออย่างงุนงง


 


 


           เธอเป็นอะไรกันแน่ ทำไมแววตาถึงได้เศร้าโศกเช่นนี้


 


 


           “ถังถัง เธอไม่สบายหรือเปล่า” คิดดังนี้ ฉู่เจียเสวียนรีบยื่นมือสัมผัสกับหน้าผากของถังถังทันที แล้วก็สัมผัสกับหน้าผากของตัวเอง พบว่าไม่มีอะไรแตกต่าง


 


 


           “ฉันไม่เป็นไร ที่รัก เธออย่าเป็นห่วงไปเลย” ถังถังมองดูฉู่เจียเสวียนพร้อมเอ่ย สูดหายใจลึก ฝืนบังคับตัวเอง


 


 


           ช่างเถอะ เธอจะปล่อยให้เธอรู้เรื่องนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเธอก็ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาจะทำอย่างไร


 


 


           เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าความรักที่เธอมีให้กงจวิ้นฉือจะลึกซึ้งมาถึงขั้นนี้ แม้แต่ในความฝันก็ยังต้องการจะแต่งงานกับเขา เธอไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองเริ่มหลงรักเขาตั้งแต่เมื่อไร


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของเธอแล้ว เอ่ยปากอย่างสงสัย “เธอไม่เป็นไรจริงเหรอ”


 


 


           “ไม่เป็นไร ช่วงนี้ฉันน่ะตอนกลางคืนนอนไม่ค่อยหลับ ก็เลยเป็นแบบนี้ เธอน่ะ อย่าเป็นห่วงฉันไปเลย จริงสิ กงจวิ้นฉือส่งดอกไม้มาให้เธอตั้งแต่เช้าเลยเหรอ” ถังถังเหลือบมองดอกไม้บนโต๊ะทำงานของฉู่เจียเสวียน เอ่ยถาม ดวงตามีรอยยิ้ม


 


 


           “เขาไม่ได้เป็นคนส่ง” ฉู่เจียเสวียนลึกขึ้น เดินไปยังโต๊ะทำงานของเธอ ยื่นมือหยิบดอกไม้บนโต๊ะขึ้นมา แล้วทิ้งลงถังขยะ


 


 


           “เขาไม่ได้เป็นคนส่ง? งั้นใครล่ะ?” เมื่อถังถังได้ยินว่ากงจวิ้นฉือไม่ได้ส่ง ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปยังโต๊ะของฉู่เจียเสวียน หยิบดอกไม้ช่อนั้นขึ้นมาดูอย่างละเอียด จากนั้นจึงวางดอกไม้กลับที่เดิม


 


 


           “ไม่รู้สิ เอาเถอะ ฉันจะเริ่มทำงานแล้ว อู้มาทั้งเช้าแล้ว” ฉู่เจียเสวียนกล่าว ยื่นมือหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน


 


 


           ถังถังได้ยินแล้วก็พยักหน้า เดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วนั่งลง


 


 


           เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ ติดต่อกันหลายวัน กงจวิ้นฉือรับส่งฉู่เจียเสวียนทำงานตลอด ในหลายวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น


 


 


           ตอนเย็นขณะเลิกงาน กงจวิ้นฉือมารับฉู่เจียเสวียนไปกินข้าว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเจอเผยหนานเจวี๋ยในห้องอาหาร


 


 


           หลังจากฉู่เจียเสวียนนั่งลงแล้ว ก็รู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องมาที่เธอตลอดเวลา เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบที่มาของสายตานั้น เผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่ไม่ไกลและฉู่อีอีก็อยู่ข้างกายของเขา


 


 


           ริมฝีปากแดงยกยิ้ม ฉู่เจียเสวียนพยักหน้าให้กับเผยหนานเจวี๋ยและฉู่อีอี จากนั้นก็ละสายตา


 


 


           ‘ช่างเจอคนที่ไม่อยากเจอจริงๆ แบบนี้ก็ได้เจอหน้าด้วย’ ฉู่เจียเสวียนคิดในใจ


 


 


           กงจวิ้นฉือมองตามสายตาของฉู่เจียเสวียน พบว่าเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่อีอีอยู่ตรงนั้น ในใจดำดิ่งลึกแต่กลับไม่แสดงสีหน้า


 


 


           “เจียเสวียน คุณดูสิ คุณอยากกินอะไร” ค่อยๆ ละสายตา ยื่นเมนูให้ฉู่เจียเสวียน มองเธอพร้อมยิ้มเอ่ย


 


 


           ฉู่เจียเสวียนพยักนห้า ยื่นมือรับเมนูมาอ่าน หลังจากสั่งอาหารสองอย่างแล้ว ก็ส่งเมนูให้กงจวิ้นฉือ


 


 


           สายตาที่ร้อนผ่าวนั้นยังคงจับจ้องอยู่ที่ฉู่เจียเสวียน แต่ว่าฉู่เจียเสวียนราวกับว่ามองไม่เห็น พูดจาหยอกล้อกับกงจวิ้นฉือ


 


 


           ในที่ไม่ไกลนัก ฉู่อีอีนั่งอยู่ด้วยกันกับเผยหนานเจวี๋ย ความเยือกเย็นของเผยหนานเจวี๋ยนั้นแรงกล้า        เธอเห็นว่าสายตาของเผยหนานเจวี๋ยจับจ้องอยู่ที่ฉู่เจียเสวียนตลอดเวลา ก็รู้สึกโมโหในใจสุดขีด เธอทำให้เขาตกลงรักปากออกมากินข้าวกับเธอได้อย่างยากลำบาก แต่ว่าเธอกลับคิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกับฉู่เจียเสวียน


       ตอนที่ 398 คุณไว้ใจเธอขนาดนี้เลยเหรอ


 


 


           เธอยังคงเป็นวิญญาณที่ตามมาหลอกหลอนจริงๆ ทำไมไม่ว่าไปที่ไหนก็มีเธอ?


 


 


           ฉู่เจียเสวียน เธอติดค้างอะไรเธอกันแน่ ถึงได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า?


 


 


           เธอกัดฟัน เมื่อละสายตาออกจากฉู่เจียเสวียน ก็พบว่าสายตาของเผยหนานเจวี๋ยยังคงจับจ้องอยู่ที่ฉู่เจียเสวียน ยื่นมือไปดึงๆ แขนเสื้อของเผยหนานเจวี๋ยทันที เสียงที่อ่อนนุ่มดังออกมาจากปากของฉู่อีอี “หนานเจวี๋ย กินข้าวเถอะ”


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยละสายตา กวาดตามองฉู่อีอีเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยปาก “อืม”


 


 


           ห้องอาหารเป็นสถานที่ที่โรแมนติกมาก เหมาะแก่การนัดเจอของคู่รัก ถ้าหากได้นัดเจอกับคนที่ตัวเองรักมากินข้าวในสถานที่แบบนี้ล่ะก็ จะต้องมีความสุขอย่างมากแน่นอน แต่ว่าตอนนี้ในใจฉู่อีอีมีเพียงความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


 


 


           ตั้งแต่หลังจากที่เผยหนานเจวี๋ยเห็นฉู่เจียเสวียนเข้ามาแล้ว เขาก็ไม่ได้ละสายตาออกจากเธอเลย ในเวลานี้เมื่อเห็นฉู่เจียเสวียนลุกออกจากที่นั่งไป เผยหนานเจวี๋ยหาที่นั่งแล้วก็ออกจากโต๊ะกินข้าว ทิ้งให้ฉู่อีอีอยู่ที่นั่นคนเดียว


 


 


           ฉู่เจียเสวียน คนเลว คนเลว คนเลว! ฉู่อีอีด่าฉู่เจียเสวียนอยู่ในใจเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง เผยหนานเจวี๋ยยังจากไปไม่ทันไร เธอก็รู้สึกว่าเขาจากไปนานนับศตวรรษแล้ว


 


 


           เงยหน้าขึ้นก็เห็นกงจวิ้นฉือนั่งรอฉู่เจียเสวียนอยู่ที่โต๊ะอาหารคนเดียว หลังจากครุ่นคิดแล้ว ฉู่อีอีลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหากงจวิ้นฉือ


 


 


           “คุณกง แล้วพี่สาวล่ะ” เสียงที่อ่อนโยนของฉู่อีอีดังขึ้น มองกงจวิ้นฉือด้วยรอยยิ้มสดใส ดวงตาเป็นประกาย


 


 


           เงยหน้าขึ้นก็เห็นฉู่อีอียืนยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ ทันทีที่กวาดตามองก็พบว่ากงจวิ้นฉือไม่ได้นั่งอยู่ตรงที่นั่ง และมีแสงวาบผ่านดวงตาเลือนลาง


 


 


           “คุณหนูฉู่ เจียเสวียนไปห้องน้ำแล้ว มีอะไรหรือเปล่า” กงจวิ้นฉือมีความรู้สึกเกลียดชังที่ไม่สามารถอธิบายได้ต่อฉู่อีอี


 


 


           เขารังเกียจผู้หญิงที่เสแสร้งแบบนี้ที่สุด


 


 


           “อ๋อ ไม่มีอะไร” หลังจากฉู่อีอีกวาดตารอบหนึ่งแล้ว ก็นั่งลงข้างๆ กงจวิ้นฉือ มองกงจวิ้นฉือเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มพร้อมเอ่ย “คุณกงนี่ไว้ใจพี่สาวจริงๆ เลยนะคะ”


 


 


           ประโยคที่พูดขึ้นมาลอยๆ นี้หมายความว่าอย่างไรนั้น ในใจของกงจวิ้นฉือเข้าใจดีที่สุด


 


 


           ความหมายของเธอก็คือจะบอกว่าฉู่เจียเสวียนไปยั่วยวนเผยหนานเจวี๋ยของเธอไม่ใช่เหรอ หึหึ กงจวิ้นฉือยิ้มเยาะในใจ แต่ใบหน้ากลับนิ่งเฉย


 


 


           “ฉันเชื่อใจคนที่ผมรักอยู่แล้ว มีอะไรเหรอ หรือว่าคุณหนูฉู่ไม่ไว้ใจคุณเผย” กงจวิ้นฉือสวนกลับ มองดูฉู่อีอีที่สีหน้าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากบางๆ ยกยิ้ม


 


 


           เขาเชื่อใจความเป็นฉู่เจียเสวียนอยู่แล้ว


 


 


           “ไม่ใช่อยู่แล้ว ฉันก็แค่รู้สึกว่าคุณเผยเหมือนจะคบกับพี่สาวนานแล้ว ยังไม่คิดแต่งงานอีกเหรอ” มือของฉู่อีอีที่อยู่บนโต๊ะกำแน่น ข่มความโกรธในร่างกายเอาไว้


 


 


           ที่เธอเข้ามาเพียงแค่ต้องการบอกกงจวิ้นฉือให้ดูฉู่เจียเสวียนให้ดี คิดไม่ถึงว่าจะปล่อยให้เขามีโอกาสสวนกลับ แบบนี้มันช่างทำให้หัวใจของเธออึดอัดจริงๆ


 


 


อีกทั้งยิ่งโมโห ทำไมฉู่เจียเสวียนคนชั่วถึงได้โชคดีเช่นนี้ ที่ได้ความไว้ใจจากผู้ชายคนหนึ่งอย่างไม่มีเงื่อนไข


 


 


           “ถึงตอนนั้นคุณหนูฉู่ก็จะรู้เอง ผมจะไม่รบกวนคุณหรอก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คุณหนูฉู่กลับที่นั่งของตัวเองจะดีกว่านะ เดี๋ยวเจียเสวียนออกมา เห็นผมคุยกับคุณอย่างมีความสุขแบบนี้แล้วเข้าใจผิดจะไม่ดี” เสียงอบอุ่นของกงจวิ้นฉือดังขึ้น


 


 


           ฉู่อีอีได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนทันที ‘เก่งนักนะกงจวิ้นฉือ’ ความคมกริบวูบผ่านในดวงตา


 


 


           ฉู่อีอีกัดฟัน ลุกขึ้นกลับที่นั่งของตัวเองอย่างไม่เต็มใจ เดิมทีเธอคิดจะทำให้ฉู่เจียเสวียนอับอายต่อหน้ากงจวิ้นฉือเสียหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะถูกเขาทำให้อับอายเสียเอง


 


 


           ตรงทางเดินห้องน้ำ ฉู่เจียเสวียนออกมาจากข้างใน กลับคิดไม่ถึงว่าจะชนกับผู้ชายที่รีบรุดเข้ามา ตัวของเธอล้มเซไปด้านข้างทันที เธอตกใจจนยื่นมือออกมาคิดจะประคองกำแพง แต่ว่ายังไม่ทันยื่นมือก็ถูกคนโอบเอวไว้


 


 


 


 


ตอนที่ 399 เกลียดเขา


 


 


           เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นดวงตาคู่หนึ่งที่ทั้งล้ำลึกดุจทะเลและเจือปนความเยือกเย็น หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัวแล้ว


 


 


           “คุณไม่เป็นไรนะ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว มองดูใบหน้าที่งดงามของฉู่เจียเสวียน แววตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม


 


 


           ฉู่เจียเสวียนดึงสติกลับมา รีบผละออกจากอ้อมอกของเขา จัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง ข่มความประหลาดในใจเอาไว้ ริมฝีปากแดงยกยิ้ม ดวงตาที่ดำดุจหมึกมองเขาพร้อมกับยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ”


 


 


           เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เหินห่างของฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยปวดใจ เธอต้องเย็นชากับเขาถึงเพียงนี้เชียวเหรอ เขาเม้มปาก ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความอึดอัดเล็กน้อย


 


 


           “ช่างนี้คุณก็ระวังตัวหน่อยนะ” หลังจากครุ่นคิดแล้ว ในที่สุดเผยหนานเจวี๋ยก็เอ่ยปาก แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนมีความกังวล


 


 


           เวลาที่ไม่เจอเธอ เขามีเรื่องมากมายที่ต้องการจะบอกเธอ แต่ว่าเมื่อได้เจอกับเธอจริงๆ แล้ว เขากลับไม่รู้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไร


 


 


           ราวกับว่าเมื่อเจอเธอแล้ว เขากลับพูดสิ่งที่เขาต้องการไม่ออกเลยสักคำ ยิ่งไม่รู้ด้วยว่าต้องพูดอย่างไร


 


 


           เมื่อได้ยินถึงความห่วงใยอันแปลกประหลาดของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว มุมปากของฉู่เจียเสวียนก็ยิ้มเยาะเย้ย ความรู้สึกประหลาดในหัวใจได้หายไปแล้ว


 


 


           “ขอบคุณคุณเผยที่เป็นห่วง แต่ว่าต่อไปคุณเผยรักษาระยะห่างจากฉันไว้จะดีกว่า คนอื่นจะได้ไม่เข้าใจผิด” ฉู่เจียเสวียนพูดจบก็หันหลังจากไป แต่มือกลับถูกคนดึงไว้ หยุดยั้งไม่ให้เธอเดินจากไป


 


 


           กลับหลังหันแล้วเงยหน้าขึ้น ก็เห็นมือของเผยหนานเจวี๋ยรั้งตัวเองไว้ สายตาของฉู่เจียเสวียนมีความขุ่นเคืองอันแปลกประหลาด


 


 


           “คุณเผยจะทำอะไรน่ะ” ดิ้นรนต้องการจะสลัดออกจากมือของเขา แต่ว่าเขายิ่งจับแน่นกว่าเดิม


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเห็นสีหน้าที่โกรธเคืองของฉู่เจียเสวียน มองไปที่ความโกรธแค้นในดวงตาของเธอ ความเจ็บปวดในใจก็ยิ่งหนักอึ้งขึ้น เธอเกลียดชังเขาขนาดนั้นเชียวเหรอ ฉู่เจียเสวียนเอ๋ยฉู่เจียเสวียน ผมควรจะทำอย่างไรกับคุณดี


 


 


           “เจียเสวียน คุณฟังผมได้ไหม” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนมีความขมขื่น ตอนนี้เขาเป็นห่วงมากจริงๆ ว่าเธอจะเกิดเรื่อง


 


 


           โดยเฉพาะภายใต้เป้าหมายที่คลุมเครือของเฉิงเฮ่าในขณะนี้ เขากลัวจริงๆ ว่าเฉิงเฮ่าจะทำไม่ดีต่อเธอ


 


 


           “คุณเผยอยากจะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ ก็ได้ ไม่มีความจำเป็นต้องลงไม้ลงมือนี่นา” เสียงที่เย็นชาดังขึ้น แทงหัวใจของเผยหนานเจวี๋ญอย่างลึกซึ้ง เธอเกลียดเขาถึงขั้นนี้จริงๆ เหรอ


 


 


           เกลียดถึงขนาดไม่อยากพูดคุยกับเขาสักสองสามคำเชียวเหรอ


 


 


           ต่อให้เป็นคนแปลกหน้าเธอก็คงไม่เย็นชาและไร้เมตตาแบบนี้หรอกมั้ง


 


 


           เขาปล่อยมือที่จับเธอไว้อย่างช้าๆ สีหน้ามีความเศร้าสร้อย ฉู่เจียเสวียนเห็นเขาที่เป็นแบบนี้ ในใจบอกไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร


 


 


           ทั้งๆ ที่เห็นท่าทางของเขาเช่นนี้แล้ว เธอควรจะมีความสุขถึงจะถูกสิ แต่ว่าตอนนี้ เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ หัวใจของเธอก็เริ่มมีความรู้สึกเจ็บปวดเลือนลาง


 


 


           ไม่ เธอจะไม่มีความรู้สึกต่อเผยหนานเจวี๋ยอีกอย่างแน่นอน สิ่งที่เธอมีต่อเขามีเพียงความเกลียดชัง ใช่แล้ว เธอมีแต่ความเกลียดชังต่อเขาเท่านั้น ไม่มีความรัก เธอจะไม่มีวัน ไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองเดินกลับไปเส้นทางเดิมอีกอย่างแน่นอน


 


 


           “ช่วงนี้คุณอย่าออกไปข้างนอกคนเดียวจะดีกว่า แล้วก็อย่าทำโอทีที่บริษัทจนดึกขนาดนั้น จะไปไหนก็ให้…แฟนของคุณไปกับคุณ” เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนพร้อมพูดคำที่ตรงข้ามกับใจ แววตายิ่งมีความเจ็บปวด


 


 


           เมื่อพูดคำว่าแฟนคำนี้ เขายิ่งเจ็บจนหายใจไม่ออก


 


 


           “ฉันรู้แล้ว ขอบคุณคุณเผยที่เป็นห่วง ถ้าหากไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันก็ขอตัวก่อน แฟนของฉันยังรอฉันอยู่ข้างนอก” พูดจบ ฉู่เจียเสวียนก็รีบเดินออกไปยังห้องอาหาร


 


 


           แต่คำพูดของเผยหนานเจวี๋ยกลับอยู่ในใจของเธอแล้ว


 


 


           ในห้องอาหาร หลังจากฉู่อีอีเห็นฉู่เจียเสวียนกลับมาแล้ว ก็รู้ทันทีว่าเผยหนานเจวี๋ยจะต้องกลับมาในอีกไม่ช้า รีบสงบอารมณ์ทันที แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู


 


 


           เมื่อกงจวิ้นฉือเห็นว่าฉู่เจียเสวียนกลับมาแล้วก็ยิ้มให้เธอ


       ตอนที่ 400 อย่าเสียงดัง


 


 


           “เจียเสวียน รีบกินเถอะ คุณดูสิกับข้าวเย็นหมดแล้ว” รอจนฉู่เจียเสวียนนั่งแล้ว กงจวิ้นฉือก็คีบกับข้าวให้เธอ มองเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า


 


 


           ฉู่เจียเสวียนเก็บอารมณ์เอาไว้ หลังจากยิ้มให้กงจวิ้นฉือแล้วก็เริ่มกินข้าว


 


 


           “เมื่อกี้ฉันเจอเผยหนานเจวี๋ย เขาบอกให้ฉันระวังเฉิงเฮ่าให้ดี” ฉู่เจียเสวียนแสร้งทำเป็นพูดอย่างไม่ใส่ใจ เธอคิดว่าบอกเรื่องนี้ให้กงจวิ้นฉือฟังจะดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเข้าใจผิดในภายหลัง


 


 


           กงจวิ้นฉือคิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะบอกเขาเรื่องนี้ รู้สึกใจทันใด ความอ่อนโยนในดวงตายิ่งลึกซึ้งกว่าเดิม


 


 


           “เหรอ งั้นคุณก็ระวังตัวสักหน่อยดีกว่า” กงจวิ้นฉือกล่าว น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาก


 


 


           อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉู่เจียเสวียนจากไปแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็กลับมานั่งที่ เพียงแต่สายตายังคงมองไปที่ฉู่เจียเสวียนเป็นครั้งคราว


 


 


           ส่วนฉู่อีอีนั้นกำลังโมโหกงจวิ้นฉือ ตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยกลับมาก็ยังมองฉู่เจียเสวียนอีก ในตอนนี้เธอแทบจะข่มอารมณ์ไว้ไม่ไหวแล้ว


 


 


           ยื่นมือวางตะเกียบลงบนโต๊ะ ดวงตามองเผยหนานเจวี๋ยไม่กระพริบนั้นเจือปนไฟโกรธเล็กน้อย


 


 


           กิริยาของฉู่อีอีทำให้เผยหนานเจวี๋ยอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เข้าใจทันที


 


 


           “หนานเจวี๋ย คุณอยากไปนั่งกับพี่สาวหรือเปล่า” ฉู่อีอีพูดด้วยความโกรธ แววตาเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าฉู่เจียเสวียนมาที่นี่ หัวใจของเขาก็อยู่ที่ฉู่เจียเสวียนแล้ว


 


 


           ถ้าเขาชอบขนาดนั้นเขาก็เดินไปกินข้าวกับพวกเขาเสียก็หมดเรื่อง ยังจะนั่งอยู่กับเธอที่นี่เพื่อกินอะไรล่ะ


 


 


           ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ ระยะหลังมานี้ เธอโทรไปหาเขา พูดคุยกันไม่ถึงสองคำเขาก็วางสายแล้ว ไม่เห็นหน้ากันก็ช่างประไร แต่บางครั้งเวลาที่ไปหาเขาที่บริษัท เขาก็มักจะติดประชุม เหมือนกับว่าเขากำลังหลบหน้าเธออย่างไรอย่างนั้น


 


 


           ก็ได้ ในที่สุดวันนี้สามารถผูกมัดให้เขาออกมากินข้าวกับเธอได้อย่างยากลำบากแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเจอกับฉู่เจียเสวียนคนเลวคนนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ฉู่อีอีรอไม่ไหวที่จะให้ฉู่เจียเสวียนหายไปต่อหน้าต่อตาเธอเสียจริง!


 


 


           เธอเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเผยหนานเจวี๋ยชอบฉู่เจียเสวียนเข้าเสียแล้ว แม้ว่าฉู่เจียเสวียนจะมีกงจวิ้นฉืออยู่ข้างกาย แต่ว่าเผยหนานเจวี๋ยก็ยังชอบเธอ!


 


 


           ฉู่อีอีอย่างเธอเทียบฉู่เจียเสวียนไม่ได้ตรงไหน เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยเห็นสีหน้าของฉู่อีอี คิ้วก็ขมวดกันจนแทบมองไม่เห็น “อีอี อย่าเสียงดัง” หลังจากพ่นคำที่เย็นชาออกมาแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็ก้มหน้ากินข้าว


 


 


           “ฉันเสียงดัง? หนานเจวี๋ย คุณดูคุณสิ ตั้งแต่ที่พี่สาวเข้ามา ใจของคุณก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว” ฉู่อีอีพูดไปพูดมา น้ำตาก็เอ่อล้นขอบตา มองเผยหนานเจวี๋ยพร้อมแสดงความน้อยใจของเธออยู่เงียบๆ


 


 


           ฉู่อีอีอย่างเธอเป็นตัวอะไรในใจของเขากันแน่ ทำไมตั้งแต่ที่ฉู่เจียเสวียนกลับมาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป แม้แต่ใจของเผยหนานเจวี๋ยก็เริ่มเปลี่ยนไปด้วย?


 


 


           เธอเคยคิดว่าเธอกำหัวใจของเผยหนานเจวี๋ยอยู่ในมือแล้ว แต่ว่าตอนนี้เธอคิดผิด ฉู่เจียเสวียน ไม่ว่าจะอย่างไร เธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว


 


 


           ตราบใดที่เธอยังอยู่ เธอยังเผยหนานเจววี๋ยก็จะไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน เธอจะต้องทำให้ฉู่เจียเสวียนตาย ขอเพียงเธอหายไป เธอกับเผยหนานเจวี๋ยจึงจะสามารถอยู่ด้วยกันได้


 


 


           คนที่ขัดขวางไม่ให้เธอกับเผยหนานเจวี๋ยได้อยู่ด้วยกัน เธอจะต้องทำให้คนนั้นหายไป!


 


 


           “อีอี” แววตาของเผยหนานเจวี๋ยปรากฏความไม่พอใจต่อคำพูดของฉู่อีอี หลังจากรู้ว่าฉู่อีอีกับเฉิงเฮ่าเคยมีความสัมพันธ์แบบนั้นแล้ว เขาไม่ได้ขุดคุ้ยกับเธอก็นับว่าไว้หน้าเธอมากแล้ว


 


 


           “หนานเจวี๋ย ตอนนี้คุณยังคิดจะดุฉันอีกเหรอ” น้ำตาในดวงตาของฉู่อีอีร่วงลงมา ไม่สนใจโดยสิ้นเชิงว่าที่นี่คือที่สาธารณะ ร่างสั่นเทาเล็กน้อย


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ยื่นมือนวดคลึงคิ้ว จากนั้นก็พูดขึ้น “พอเถอะ อีอี กินข้าวเถอะ ถ้าคุณอิ่มแล้วงั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ”


 


 


           ที่จริงแล้วเขาเกลียดฉู่อีอีไม่ลง เมื่อคิดถึงเรื่องที่เธอเคยช่วยเขา เขาก็ไม่สามารถไม่สนใจเธอได้


 


 


 


 


       ตอนที่ 401 หัวใจทั้งดวงอยู่ที่ฉู่เจียเสวียนจนหมดแล้ว


 


 


           ฉู่อีอีได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว มือที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มีประกายวูบในแววตา


 


 


           มื้อนี้เธอยังไม่ได้แตะต้องตะเกียบเลยตั้งแต่ต้น เขามองไม่เห็นหรือไง หัวใจของเขาทั้งดวงอยู่ที่ฉู่เจียเสวียนจนหมดแล้ว!


 


 


           “พวกเรากลับเถอะ” ฉู่อีอีสูดหายใจลึก จากนั้นก็เอ่ยปาก มีความขุ่นเคืองเล็กน้อยในน้ำเสียง แต่ว่าตอนนั้นจิตใจของเผยหนานเจวี๋ยกำลังว้าวุ่น จึงไม่ได้สังเกตความไม่พอใจในน้ำเสียงของเธอ


 


 


           เพียงแค่ได้ยินว่าฉู่อีอีจะกลับ ก็ยกมือเรียกบริกรให้คิดเงินแล้ว


 


 


           อีกด้านหนึ่ง ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือก็กินข้าวเสร็จแล้ว กงจวิ้นฉือก็เรียกบริกรให้คิดเงินเช่นกัน


 


 


           ขณะที่ทั้งสองคนมาถึงประตู ก็เหมือนจะชนกันโดยบังเอิญแล้ว


 


 


           “พี่คะ บังเอิญจริงๆ เลยนะ ไปที่ไหนก็เจอกันตลอด” ฉู่อีอีควงแขนของเผยหนานเจวี๋ยพร้อมเอ่ย น้ำเสียงระคนความไม่พอใจ


 


 


           ฉู่เจียเสวียนได้ยินความขมขื่นในน้ำเสียงของฉู่อีอีอย่างชัดเจน ริมฝีปากก็ยกยิ้ม เธอยิ้มด้วยใบหน้าที่สดใส


 


 


           “นั่นสิ คุณหนูฉู่ บังเอิญจริงๆ คิดไม่ถึงว่ากินข้าวก็เจอ แต่ว่าฉันกับกงจวิ้นฉือกินอิ่มแล้ว เดี๋ยวยังมีธุระต่อ พวกเราขอตัวก่อนล่ะ” ฉู่เจียเสวียนพูดจบ ก็พยักหน้าให้เผยหนานเจวี๋ยกับฉู่อีอีอย่างสง่างาม จากนั้นก็จูงมือของกงจวิ้นฉือจากไป


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ริมฝีปากบางเม้มกันแน่น มองกงจวิ้นฉือกับฉู่เจียเสวียนที่ยิ่งไกลออกไปตาปริบๆ


 


 


ฉู่อีอีเงยหน้าเห็นเผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนด้วยความอาลัยอาวรณ์ก็ปล่อยมือของเผยหนานเจวี๋ยอย่างหัวเสีย ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความโมโห


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยดึงสติกลับมา เมื่อเห็นว่าฉู่อีอีจากเขาไปไกลระยะหนึ่งแล้วก็ยิ้มขมขื่น จากนั้นก็เดินตามไป


 


 


           เวลาไหลผ่านไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ในอีกไม่ช้าผู้จัดงานกลุ่มปารีสที่มีชื่อเสียงจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันการออกแบบ ส่วนฉู่เจียเสวียนก็เป็นตัวแทนบริษัทของกงจวิ้นฉือไปเข้าร่วมการแข่งขันนี้


 


 


           และวันนี้เป็นรอบแรกของการออกแบบที่ปารีส ถ้าหากผ่านรอบแรกไปได้ล่ะก็ ก็สามารถเข้าร่วมการแข่งขันรอบต่อไปได้ ถ้าผ่านไปได้ก็จะได้เข้าร่วมในรอบสุดท้าย บริษัทที่ชนะการแข่งขันก็จะได้ร่วมงานกับกลุ่มบริษัทปารีส


 


 


           การร่วมงานเป็นเรื่องเล็ก กุญแจสำคัญคือการทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเป็นที่รู้จัก และชื่อเสียงก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก


 


 


           ฉู่เจียเสวียนรู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่เช้า แม้ว่าเธอจะมีความมั่นใจในผลงานของตัวเอง แต่เมื่อเธอเห็นว่าผู้เข้าแข่งขันล้วนเป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เธอก็ยังรู้สึกว่าไม่มั่นใจเต็มร้อย


 


 


           กงจวิ้นฉือยืนอยู่ข้างฉู่เจียเสวียน เห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของเธอ ยื่นมือไปจับมือของเธอ เอ่ยกับเธอด้วยความอ่อนโยน “ไม่ต้องตื่นเต้น ผมเชื่อว่าคุณทำได้”


 


 


           เขาเชื่อในความสามารถของฉู่เจียเสวียน เธอจะต้องชนะอย่างแน่นอน


 


 


           คำพูดของกงจวิ้นฉือทำให้เธอสงบใจลงอย่างน่าประหลาด พยักหน้ากับเขา


 


 


           ไม่นาน สาวน้อยผู้เปิดงานและพิธีกรเดินขึ้นไปบนเวที หลังจากกล่าวคำอวยพรเล็กน้อยแล้ว คณะกรรมการก็เดินขึ้นไปบนเวที


 


 


           เมื่อกวาดสายตาเห็นเผยหนานเจวี๋ยอยู่ในคณะกรรมการแล้ว หัวใจของฉู่เจียเสวียนก็เต้นตึกตัก กระพริบตาถี่ราวกับว่าเหลือเชื่ออย่างไรอย่างนั้น


 


 


           ทำไมเขาถึงได้เป็นคณะกรรมการล่ะ


 


 


           “ทำไมเขาถึงได้เป็นกรรมการ” ฉู่เจียเสวียนหันไปมองกงจวิ้นฉือพร้อมถามเสียงเบา น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความสงสัย


 


 


           กงจวิ้นฉือส่ายหน้า แสดงให้เห็นว่าเขาก็ไม่รู้


 


 


           “เจียเสวียน คุณอย่าตื่นเต้นไปเลย มีผมอยู่นะ” กงจวิ้นฉือนึกว่าฉู่เจียเสวียนเห็นเผยหนานเจวี๋ยแล้วตื่นเต้น จึงเอ่ยปากพูด


 


 


           ฉู่เจียเสวียนรู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว แต่ว่าก็ไม่ได้อธิบายอะไร เพียงแต่พยักหน้า


ตอนที่ 402 เผยหนานเจวี๋ย คุณทำอะไร


 


 


           เขาเป็นกรรมการแล้วยังไงเหรอ เธอจะกลัวเขางั้นเหรอ เธอมีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของเธอเอง


 


 


           ไม่ว่าจะอย่างไร เธอจะไม่มีทางอ่อนข้อให้อย่างแน่นอน


 


 


           นางแบบสวมเสื้อผ้าของนักออกแบบ และเดินขึ้นมาบนเวทีทีละคนๆ


 


 


           สายตาของฉู่เจียเสวียนมองไปที่นางแบบบนเวที ในใจตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก จนกระทั่งเห็นนางแบบที่ใส่ชุดเจ้าสาวที่เธอออกแบบเดินออกมา หางตากวาดไปเห็นสีหน้าที่ชื่นชมของคณะกรรมการ เธอจึงโล่งอก


 


 


           รอบแรกนั้นมีที่นั่งจำกัดเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น แต่ว่าผู้เข้าแข่งขันการออกแบบครั้งนี้กลับมีถึงหนึ่งร้อยยี่สิบคน


 


 


           นั่นก็หมายความว่าฉู่เจียเสวียนจะต้องเอาชนะถึงหนึ่งร้อยสิบห้าคน จึงจะมีโอกาสเข้าสู่ห้าอันดับแรก


 


 


           เมื่อเสียงประกาศผู้เข้ารอบแรกดังขึ้น หัวใจของฉู่เจียเสวียนก็ตื่นเต้นตามไปด้วย


 


 


           “เฉิงฉิง ตงนี ฉู่เจียเสวียน…”


 


 


           เมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง ฉู่เจียเสวียนจึงถอนหายใจโล่งอก วินาทีที่เธอดึงสติกลับมาก็พบว่ามือตัวเองกุมมือของกงจวิ้นฉือไว้แน่น อีกทั้งฝ่ามือมีเหงื่อซึมไม่หยุด


 


 


กงจวิ้นฉือเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของฉู่เจียเสวียนแล้วก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ผมบอกแล้ว ว่าให้คุณเชื่อมั่นในตัวเอง คุณดูคุณสิ ยังตื่นเต้นขนาดนี้อีก”


 


 


           หลังจากที่ฉู่เจียเสวียนรู้สึกโล่งใจแล้ว ก็ปล่อยมือของกงจวิ้นฉือ เพียงแค่การแข่งขันรอบแรกเท่านั้นเธอก็ตื่นเต้นขนาดนี้แล้ว แล้วเวลาเข้ารอบสุดท้ายล่ะ เธอจะต้องทำตัวอย่างไร


 


 


           “ขอแสดงความยินดีกับผู้เข้ารอบทั้งห้าคนด้วยครับที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบต่อไปของพวกเรา” พิธีกรบนเวทีพูดขึ้น หลังจากพูดด้วยภาษาจีนแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นพูดภาษาอังกฤษกับคนที่อยู่ด้านล่างเวที   ฉู่เจียเสวียนเหลือบตาขึ้นมองก็สบตาของเผยหนานเจวี๋ยโดยไม่ตั้งใจแล้ว ริมฝีปากยกยิ้ม เธอค่อยๆ ละสายตาออกจากเขา


 


 


           เป็นธรรมดาที่ผู้ที่ผ่านเข้ารอบจะต้องอยู่ต่อ คนอื่นที่ไม่ผ่านการคัดเลือดก็ทยอยกันจากไปแล้ว


 


 


           เมื่อพิธีกรแจ้งพวกเราถึงผู้ที่ผ่านการคัดเลือก พวกเราจะต้องเลือกที่ปรึกษาจากบรรดาคณะกรรมการห้าคน และทำตามที่ปรึกษาในขั้นตอนต่อไป


 


 


           การแข่งขันระหว่างประเทศก็คือการแข่งขันระหว่างประเทศ การแข่งขันรอบถัดไปจะไม่เพียงแต่แสดงผลงานของตัวเองบนเวทีเท่านั้น ยังต้องสร้างผลงานต่อหน้าทุกคนด้วยตัวของคุณเอง นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการลอกเลียนแบบ


 


 


           แต่ว่าการเลือกที่ปรึกษานั้นควรจะเลือกใครล่ะ? ฉู่เจียเสวียนสงสัยในใจ เธอไม่มีข้อขัดข้องใดๆ สำหรับกติกาของการแข่งขันนี้ แต่ว่าที่ปรึกษานั้นเธอออกจะเลือกยากอยู่สักหน่อย


 


 


           ระหว่างที่ฉู่เจียเสวียนกำลังคิดอยู่นั้น เงาที่สูงใหญ่ของเผยหนานเจวี๋ยก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ ได้ยินเพียงเผยหนานเจวี๋ยพูดว่า “ผมจะเป็นที่ปรึกษาของคุณ”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนอึ้งไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยจะเสนอตัวเป็นที่ปรึกษาของเธอจริงๆ จู่ๆ เธอรู้สึกว่ามีสายตาที่เร่าร้อนหลายคู่จับจ้องมาที่เธอ


 


 


           เงยหน้าขึ้นก็เห็นผู้หญิงสองคนที่อายุห่างจากเธอไม่มากนักในบรรดาผู้เข้ารอบ กำลังจับจ้องมาที่เธออย่างดุดัน


 


 


           ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกเธอจะต้องอยากให้เผยหนานเจวี๋ยเป็นที่ปรึกษาของพวกเธออย่างแน่นอน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะถูกเผยหนานเจวี๋ยเลือกก็เท่านั้น


 


 


           แต่เห็นได้ชัดว่าฉู่เจียเสวียนไม่ต้องการให้เผยหนานเจวี๋ยเป็นที่ปรึกษาของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว


 


 


           “ฉันอยากเลือกที่ปรึกษาคนอื่น ไม่รบกวน…เผยหนานเจวี๋ย คุณทำอะไรน่ะ” ฉู่เจียเสวียนยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเผยหนานเจวี๋ยลากจากเวทีแล้ว


 


 


           ฉู่เจียเสวียนตามหลังเขาไปอย่างไม่เต็มใจนัก จนกระทั่งเผยหนานเจวี๋ยลากเธอมาที่รถของเขา ยื่นมือเปิดปะตูรถ เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากอย่างเย็นชา “เข้าไป”


 


 


           “เผยหนานเจวี๋ย ฉันไม่อยากให้คุณเป็นที่ปรึกษาของฉัน!” ฉู่เจียเสวียนพูดขึ้นอย่างโมโหพร้อมจ้องมองเขาอย่างเย็นชา


 


 


 


 


       ตอนที่ 403 ถ้าคุณไม่อยากให้ผมจูบคุณตรงนี้


 


 


           เธอไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเขาอีก แม้แต่ในการแข่งขันก็ไม่อยาก


 


 


           ฉู่เจียเสวียนต้องการจากไปด้วยความโมโห แต่ว่าเผยหนานเจวี๋ยกลับดึงมือของเธอไว้ไม่ให้เธอไปไหน เผยหนานเจวี๋ยเข้าใกล้เธออย่างต่อเนื่อง เธอยังสามารถได้กลิ่นมินท์สดชื่นของเขาได้อย่างชัดเจน


 


 


           ร่างกายที่สูงของเขากำลังเผชิญหน้ากับเธอ เธอรู้สึกได้ถึงแรงกดดันในทันที


 


 


           “ฉู่เจียเสวียน ถ้าคุณไม่อยากให้ผมจูบคุณตรงนี้ คุณก็ขึ้นรถจะดีที่สุด” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว ประกายเยือกเย็นวูบผ่านแววตา เขามีกลิ่นอายของความเย็นชาในตัวเขาอยู่แล้ว ตอนนี้รังสีความเย็นที่เขาจงใจแผ่ออกมานั้นยิ่งหนักหน่วงกว่าเดิม


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยทำให้ฉู่เจียเสวียนตะลึงงันเพราะความกลัวไปชั่วขณะ ยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ลืมตอบสนอง


 


 


           ฉู่เจียเสวียนจ้องมองตาของเผยหนานเจวี๋ย มองดูแววตาที่อันตรายและจริงจังผิดปกติของเขา หัวใจของเธอก็เต้นรัว


 


 


           เผยหนานเจวี๋ยก็คือเผยหนานเจวี๋ย เขามักจะเอาแต่ใจอยู่เสมอ ขอเพียงเขาต้องการ ไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้าทำ!


 


 


           มือที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่น ฉู่เจียเสวียนกัดฟัน สุดท้ายก็ข่มอารมณ์เอาไว้แล้วก้มตัวเข้าไปนั่งในรถ


 


 


           ขณะที่ฉู่เจียเสวียนก้มตัวเข้าไปในรถนั้น รอยยิ้มปรากฏอยู่ในดวงตาของเผยหนานเจวี๋ย


 


 


           หลังจากเห็นว่าฉู่เจียเสวียนเข้าไปแล้ว เขาก็เข้าไปนั่งด้วย


 


 


           เพราะว่ากงจวิ้นฉือเป็นเจ้านายของกลุ่มบริษัทกง จึงไม่สามารถตามมาที่สนามแข่งขันได้


 


 


           เมื่อเห็นฉู่เจียเสวียนขึ้นรถของเผยหนานเจวี๋ย เขาเม้มปาก โบกไม้โบกมือให้ฉู่เจียเสวียน “เจียเสวียน ถ้ามีอะไรคุณโทรหาผมนะ”


 


 


           ฉู่เจียเสวียนลดกระจกรถลง พยักหน้าให้กับกงจวิ้นฉือ “คุณวางใจเถอะ” เพิ่งจะพูดจบ เผยหนานเจวี๋ยก็ล็อคหน้าต่างรถด้วยรีโมทแล้ว


 


 


           ฉู่เจียเสวียนกลับไม่โกรธ ในเมื่อเธอไปแข่งขันเธอจะกลัวไปทำไม


 


 


           หลังจากนั่งอย่างดีแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็เริ่มหลับตา ไม่สนใจเผยหนานเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ


 


 


           ความเงียบและความกระสับกระส่ายทำให้ดวงตาของเผยหนานเจวี๋ยกลอกอยู่บนตัวเธอ ใบหน้าของฉู่เจียเสวียนสงบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ แต่ในใจกลับมีคลื่นขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น


 


 


           เธอยิ่งดูไม่ออกขึ้นทุกวันว่าเผยหนานเจวี๋ยคิดจะทำอะไรกันแน่ ก่อนหน้านี้ทำไมเธอถึงไม่เห็นว่าเผยหนานเจวี๋ยก็ด้านที่อันธพาลแบบนี้


 


 


           สถานที่ใช้ในการสร้างแบบในครั้งนี้คือ มันร้านอาหารปารีส ได้ยินมาว่าที่นั่นคือฟาร์มแห่งหนึ่งที่ได้รับการดัดแปลง พื้นที่ส่วนใหญ่หวนคืนให้กับระบบนิเวศน์ก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านอาศัยอยู่ภายใน และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็เป็นผู้จัดการฟาร์มแห่งนี้


 


 


           เมืองอยู่ค่อนข้างไกลจากสถานที่ออกแบบ ต้องขับรถสามถึงสี่ชั่วโมง


 


 


           หลังจากที่รถขับมาได้สองชั่วโมงรถก็จอด ฉู่เจียเสวียนลงมาจากรถ เธอได้กลิ่นหอมแต่ว่าไม่มีความอยากอาหารเลย


 


 


           เดินมานั่งที่บริเวณพักผ่อน เหม่อมองไปที่ลูกบอลดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกล เผยหนานเจวี๋ยถืออาหารอยู่ในมือ แล้วเริ่มมองหาเงาของฉู่เจียเสวียน


 


 


           เมื่อเห็นเธอ ดวงตาก็มีแววยินดี เดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างๆ ฉู่เจียเสวียนโดยตรง


 


 


           “กินเถอะ” เสียงที่ทั้งเยือกเย็นและคุ้นเคยลอยเข้าหูของฉู่เจียเสวียน ฉู่เจียเสวียนเงยหน้าขึ้น ก็สบตาของเผยหนานเจวี๋ยที่ล้ำลึกลงไปในความหนาวเย็น


 


 


           เห็นเพียงเขายื่นแซนวิชและนมแก้วหนึ่งในมือมาให้เธอ


 


 


           เมื่อเห็นสีหน้าของเขา ฉู่เจียเสวียนรู้สึกไม่พอใจ แต่ว่าเธอก็ยังข่มเอาไว้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นที่ปรึกษา ส่วนเธอก็เป็นเพียงนักออกแบบคนหนึ่งเท่านั้น


 


 


           “ฉันไม่หิว ขอบคุณ” เสียงที่เย็นชาหลุดออกมาจากปากของฉู่เจียเสวียน แววตาที่มองเขาเย็นเยียบ


 


 


           ลุกขึ้นยืนต้องการจะออกไปจากที่ที่เผยหนานเจวี๋ยอยู่ แต่ว่ากลับถูกเขาดึงมือเอาไว้


 


 


           “ฉู่เจียเสวียน คุณเกลียดผมขนาดนี้เลยเหรอ ไม่อยากอยู่กับผมหรือไง” เสียงที่ทุ้มต่ำและมืดมนดังออกมาจากปากของเผยหนานเจวี๋ย ระคนความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม