แพทย์เทวะ หัตถ์ปีศาจ 374-380
ตอนที่ 374
เป่ยจื่อมองไปที่ช่างตีเหล็กชราด้วยความสับสน “ท่านทำเช่นนี้หมายความเช่นไร ? ”
ชายชราก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าต่อหน้าเฟิงหยูเฮงและซวนเทียนหมิงพร้อมกล่าวว่า “ผู้เฒ่าคนนี้ใช้เวลาตลอดชีวิตในการทำงานเกี่ยวกับเหล็ก ทุกคนบอกว่าข้าเป็นช่างตีเหล็กที่ดีที่สุดในเสี่ยวโจว อย่างไรก็ตามมีเพียงเหล็กในเหล็ก ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าในชีวิตนี้คือการสามารถสร้างอาวุธที่แข็งแกร่งกว่าแร่เหล็ก แร่เหล็กของซงซุยนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถทำได้ แต่ตอนนี้ราชวงศ์ต้าชุนมีบางอย่างที่เรียกว่าเหล็กกล้า แม้ว่าผู้เฒ่าคนนี้จะต้องตายไป ข้าหวังว่าจะติดตามท่านแม่ทัพและองค์หญิงแห่งมณฑลเพื่อช่วยเหลือราชวงศ์ต้าชุนของข้า แต่…” เขาหยุดครู่หนึ่ง และหันไปมองลูกศิษย์ของเขา ความลังเลใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
เฟิงหยูเฮงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และถามว่า “ท่านกังวลเรื่องใดหรือ ? ” เมื่อนางพูดสิ่งนี้ นางหันไปถามเฉียนหลี่ “เมื่อเจ้าไปหาช่างตีเหล็ก เจ้าพูดว่าอย่างไร ? ”
เฉียนหลี่ยังสับสนอยู่เล็กน้อย “ข้าพูดว่าพวกเขาจะผลิตเหล็กให้กับราชวงศ์ต้าชุน” คิดอีกหน่อย “โอ้ ข้าบอกไปแล้วว่าพวกเขาจะจากบ้านมาเป็นเวลานาน ข้าบอกให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานที่บ้านเพราะพวกเขาจะไม่สามารถกลับไปเป็นเวลาครึ่งปี ในสถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุด มันจะเป็นเวลา 3-5 ปี ก่อนที่พวกเขาจะได้กลับบ้าน ท่านแม่ทัพให้เงินแก่ครอบครัวช่างตีเหล็กมากพอที่จะมีชีวิตอยู่ได้ครึ่งปี หากพวกเขายังไม่สามารถกลับไปได้หลังจากครึ่งปี เราก็จะให้มากกว่านี้ขอรับ”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้ามองชายชรา “ท่านผู้เฒ่า เรื่องของการผลิตเหล็กจะเป็นเหมือนเมื่อมนุษย์ค้นพบเหล็กเป็นครั้งแรก เป็นกระบวนการทดลองและมีข้อผิดพลาด แม้ว่าข้าจะมีวิธีแต่การที่พวกท่านหลอมมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นั่นคือเหตุผลที่รองแม่ทัพพูดถูก นี่เป็นงานที่ยากและละเอียดมาก เป็นไปได้ว่าท่านจะไม่สามารถเห็นดวงอาทิตย์เป็นเวลาหลายวัน หากท่านรู้สึกเสียใจมันก็ไม่สายเกินไป แน่นอนถ้าท่านตัดสินใจที่จะอยู่และมีส่วนร่วมในการเขียนประวัติศาสตร์นี้ เราจะทำให้แน่ใจว่าครอบครัวของท่านจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องกังวล นอกจากนี้ผลงานนี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์”
คำพูดของเฟิงหยูเฮงทำให้ทุกคนตื่นเต้นอีกครั้ง ก่อนอื่นพวกเขาได้รับสัญญาว่าครอบครัวของพวกเขาจะสามารถอยู่ได้โดยปราศจากความกังวล ประการที่สอง “การเขียนประวัติศาสตร์” ทำให้พวกเขากระตือรือร้น พวกเขาจะทำให้ราชวงศ์ต้าชุนและแม้แต่โลกทั้งใบเข้าสู่การเริ่มต้นใหม่ นี่จะเป็นเรื่องที่รุ่งโรจน์สำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป !
ชายชราผู้ซึ่งยังคงคุกเข่าอยู่ให้กับซวนเทียนหมิงและเฟิงหยูเฮง แม้ว่าเขาจะหวั่นไหวไปด้วย แต่เขาก็ยังกังวล เขาจึงเอ่ยว่า “ผู้เฒ่าคนนี้เข้าใจดีว่าเมื่อเราตัดสินใจเข้าร่วมในเรื่องนี้เพื่อปกป้องประเทศ หลังจากงานของเราเสร็จสิ้น เราจะต้องเก็บเป็นความลับ เช่นเดียวกับช่างฝีมือที่ทำงานเกี่ยวกับสุสานฮ่องเต้ เราไม่สามารถหนีจากความตายได้ ข้านี้ไม่กลัวที่จะตาย หากข้าสามารถหลอมเหล็กได้ในในชีวิตนี้ มันก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว อย่างไรก็ตามหลานชายของข้ายังเด็ก หากเราจะต้องเก็บเป็นความลับจริง ๆ ข้าอยากให้ส่งเขากลับไปในขณะที่เขายังไม่รู้อะไรเลยและใช้ชีวิตของเขาอย่างสงบสุขพะยะค่ะ”
เมื่อเขาพูดอย่างนี้ช่างตีเหล็กคนอื่นก็พูดว่า “ใช่พะยะค่ะ ! เราไม่กลัวความตาย เราแค่ต้องการหลอมเหล็ก แต่ให้เด็กพวกนี้กลับไป ! ”
มีบางคนที่ตะโกนว่า “สหายเฒ่า ! ให้เราปฏิบัติต่อผู้อื่นในฐานะเด็กฝึกงาน เราต้องประสบความสำเร็จในการหลอมเหล็กให้กับราชวงศ์ต้าชุน ! ท่านคิดว่าดีหรือไม่ ? “
ทุกคนตะโกนพร้อมกัน “ดี ! ”
ในขณะเดียวกันเฟิงหยูเฮงก็รู้สึกร้อนใจ อย่างไรก็ตามนางเริ่มคิดเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาพูด นางหันมามองซวนเทียนหมิงและถามอย่างเงียบ ๆ “ข้าได้ยินเกี่ยวกับกฎนี้ด้วยเช่นกัน แต่…”
ซวนเทียนหมิงรู้ว่านางต้องการพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงพูดเสียงดัง “นับตั้งแต่ฮ่องเต้รัชกาลที่ 4 ของราชวงศ์ต้าชุนของข้า การก่อสร้างสุสานของฮ่องเต้ไม่ได้ทำอย่างลับ ๆ ไม่มีช่างฝีมือและคนงานที่เกี่ยวข้องในการก่อสร้างสุสานของฮ่องเต้ถูกฆ่า ถึงแม้ว่าการหลอมเหล็กในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับการป้องกันอาณาจักร องค์ชายผู้นี้ไม่เคยมีความตั้งใจที่จะฆ่าพวกเจ้าเพื่อปิดปาก”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกไป เฟิงหยูเฮงเข้าใจในสถานการณ์ นางรู้สึกโล่งอกอย่างเงียบ ๆ การหลอมเหล็กเป็นสิ่งที่ดี แต่การใช้ชีวิตของคนเหล่านี้เป็นราคาเป็นสิ่งที่นางทำไม่ได้
“ข้าเป็นหมอ” นางหันกลับไปแล้วส่งเสียงพูดกับช่างตีเหล็กว่า “หลายคนน่าจะเคยได้ยินเรื่องนี้ เหตุผลที่ฮ่องเต้พระราชทานตำแหน่งองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันให้ข้าเพราะข้ามีทักษะด้านการแพทย์ ใช่ เพราะข้ามีจรรยาบรรณของแพทย์ ข้าต้องทำอย่างดีที่สุดเพื่อหาวิธีรักษาชีวิตผู้คน ตอนนี้เพื่อประโยชน์ในการหลอมเหล็ก ข้าจะปล่อยให้พวกท่านตายเพื่อมันได้อย่างไร การปกป้องความลับเป็นสิ่งสำคัญอย่างแน่นอน แต่เราจะคิดเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหานี้จากแง่มุมที่แตกต่าง เราจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อพวกท่านอย่างแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่ถ้าท่านผู้เฒ่าต้องการส่งหลานกลับไป เราก็จะส่งกลับ หากท่านผู้เฒ่าต้องการให้พวกเขาอยู่ อย่ากังวลและให้พวกเขาอยู่ต่อ การหลอมเหล็กให้กับราชวงศ์ต้าชุน และทำงานให้กับองค์ชายเก้าจะไม่ส่งผลให้ถูกฆ่าตายอย่างแน่นนอน”
“จริงหรือพะยะค่ะ ? ” ไม่มีใครกล้าเชื่อหูของตัวเองในขณะที่ทุกคนถาม “องค์หญิงแห่งมณฑลพูดจริงหรือพะยะค่ะ ? ”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “มันเป็นความจริง”
ซวนเทียนหมิงยังกล่าวอีกว่า “ข้ารักษาคำพูดเสมอ”
“ดีพะยะค่ะ ! ” ทุกคนต่างส่งเสียงเชียร์ทันที ลูกศิษย์เริ่มกระโดด มีคนพูดเสียงดังว่า “ใช่ ! เป็นเวลานานแล้วที่คนงานในสุสานของฮ่องเต้ถูกฆ่าครั้งสุดท้าย ดังนั้นเราก็จะไม่ตาย ! ” ในขณะที่พูดสิ่งนี้ พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าล้อมซวนเทียนหมิงและเฟิงหยูเฮง
ซวนเทียนหมิงถามเฟิงหยูเฮง “พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว เจ้ามีอะไรอีกบ้างที่เจ้าต้องอธิบายให้พวกเขาฟัง หรือเจ้าต้องการทดสอบความสามารถของพวกเขา ? ”
นางส่ายหัว “ไม่จำเป็น พวกเขาเป็นช่างตีเหล็กมาจนถึงอายุขนาดนี้ พวกเขาจะไร้ความสามารถได้อย่างไร ข้าเชื่อมั่นความสามารถของรองแม่ทัพในการหาคน แต่…คนเหล่านี้ไม่เพียงพอ”
เฉียนหลี่ตกตะลึง “คนเหล่านี้ไม่เพียงพอหรือขอรับ” เขาพูดด้วยความกังวลว่า “ถ้ามีคนมาอีกมาก ยิ่งยากในการกุมความลับนะขอรับ”
เฟิงหยูเฮงกล่าวว่า “ความลับก็ยังคงสามารถเก็บเป็นความลับสำหรับผู้คนที่มากขึ้นได้ง่ายขึ้น ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม เราต้องการคนเพิ่ม 2 – 3 เท่า”
เฉียนหลี่อ้าปากค้าง เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมการเก็บความลับกับผู้คนจำนวนมากได้ง่ายขึ้น แต่เขารู้ว่าถ้าเฟิงหยูเฮงพูดเช่นนี้ เขาต้องทำตามที่นางพูด เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เขาพยักหน้าปฏิบัติตาม
จากนั้นนางก็พูดกับช่างตีเหล็กที่อยู่ตรงหน้านาง “ข้าเพิ่งมาถึงค่ายทหารในวันนี้และต้องใช้เวลาสองสามวันในการปรับตัว ผู้ชายคนนี้จะแสดงกริชที่ทำจากเหล็กให้ดู ทุกคนสามารถคิดได้มากกว่านี้ เมื่อเรื่องของกองทัพได้รับการดูแล ข้าจะมาช่วยหลอมเหล็ก”
ช่างตีเหล็กมีความสุขมากและก้าวไปข้างหน้าล้อมรอบเป่ยจื่อ สำหรับเฟิงหยูเฮง นางเข็นรถเข็นซวนเทียนหมิงและออกจากโรงหล่อ ขณะเดินนางพูดกับเฉียนหลี่ “คนกลุ่มต่อไปที่จะถูกพาเข้ามาอย่าเอาพวกเขามาอยู่ด้วยกัน กระจายพวกเขาออกเป็นกลุ่มละ 5 คน จัดให้พวกเขาแต่ละคนมีการหลอมของตัวเอง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแต่ละกลุ่มไม่รู้จักกลุ่มอื่น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่เคยพบกัน”
เฉียนหลี่ขยับตัวเล็กน้อยเนื่องจากดูเหมือนว่าเขาจะนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง “องค์หญิงแห่งมณฑลพูดคือ…”
“แยกพวกเขาออกจากกันและรวมเป็นสายการผลิต มันจะทำให้ง่ายต่อการควบคุม พวกเขาจะไม่รู้ว่าขั้นตอนอื่น ๆ นั้นทำอย่างไร เนื่องจากขั้นตอนทั้งหมดจะรั่วไหลออกไปในอนาคต ข้ากล้ารับประกันว่าไม่มีใครในโลกจะรู้ได้ว่าขั้นตอนเหล่านี้เรียงลำดับกันอย่างไร”
เฉียนหลี่พยักหน้าอย่างมีความสุข “องค์หญิงแห่งมณฑลเก่งมากเลยขอรับ แม่ทัพผู้ต่ำต้อยคนนี้จะทำตามคำสั่งเลยขอรับ”
“ไปกันเถอะ ! ” นางส่งเฉียนหลี่ไปแล้ว จึงพูดกับวังซวนและหวงซวน “พวกเจ้าทั้งสองคนไปดูท่านแม่ ข้ากับองค์ชายจะเดินเล่นรอบ ๆ ถ้ำซูเทียนก่อน
ทั้งสองพยักหน้าและออกไปโดยไม่ต้องกังวล เฟิงหยูเฮงและซวนเทียนหมิงอยู่ด้วยกันจะปลอดภัยที่สุด ยิ่งกว่านั้นนี่คือในค่ายทหาร พวกนางไม่ต้องกังวลอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้าง ๆ นางถูกส่งออกไป ซวนเทียนหมิงยิ้มแย้มและแกล้งนาง “เจ้าพร้อมที่จะใกล้ชิดกับสามีแล้วหรือไม่ ? ”
เฟิงหยูเฮงกลอกตา “เจ้าช่างมองโลกในแง่ดีเสียจริง” อย่างไรก็ตามนางยังไม่สามารถหยุดริมฝีปากของนางจากการม้วนตัวเป็นรอยยิ้ม “ถ้ำซูเทียนแห่งนี้งดงามมาก ข้าแค่อยากเดินเล่นรอบ ๆ และทำให้ผู้คนรู้จักใบหน้าของข้ามากขึ้น ด้วยวิธีนี้จะไม่มีใครที่จำข้าไม่ได้และทำให้การเคลื่อนไหวยากขึ้น”
ซวนเทียนหมิงไม่เข้าใจ “ทำให้ใบหน้าของเจ้าเป็นที่รู้จักมากขึ้นหรือ ? ”
“ใช่” นางให้คำอธิบายแก่เขา “แค่จำได้ง่ายขึ้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ที่นี่จำข้าได้ ดังนั้นข้าสามารถเข้าไปได้แม้ว่าเจ้าจะไม่อยู่ที่นี่ นอกจากนี้ข้าต้องแน่ใจว่าข้าได้รับการดูแลแบบเดียวกับเจ้า” เมื่อพูดถึงประเด็นนี้นางไม่แน่ใจเลย เมื่อหยุดพัก นางเดินวนไปด้านหน้าของรถเข็น และถามเขาว่า “ข้าจะได้รับการดูแลแบบเดียวกับเจ้าหรือไม่ ? แล้วเจ้าบอกข้าว่าสถานที่นี่มีพื้นที่ต้องห้ามใช่หรือไม่ ? ข้าจะไปที่ไหนข้าก็กลัว นั่นจะทำให้ข้าอับอายจากการเสียหน้าเมื่อถูกปฏิเสธ”
ทั้งสองหยุดอยู่หน้าเสาทหารรักษาการณ์ และคำพูดของเฟิงหยูเฮงจะถูกได้ยินโดยทหารรักษาการ บุคคลนั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ซวนเทียนหมิงหัวเราะเยาะนาง “ดูสิแม้แต่ยามที่ปฏิบัติหน้าที่ก็ทนฟังไม่ได้ ค่ายทหารนี้เป็นของข้า เจ้าคือพระชายาของข้า จะมีสถานที่ใดที่เจ้าไม่สามารถไปได้”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ! ” คิ้วของเฟิงหยูเฮงขมวดในขณะที่นางจ้องมองยาม “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้หัวเราะ” จากนั้นนางหันไปถามซวนเทียนหมิง “ไม่มีที่ไหนในค่ายทหารที่ข้าไปไม่ได้หรือ ? ”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “ไม่มีพื้นที่ต้องห้ามสำหรับเจ้า และไม่มีอะไรที่เจ้าไม่สามารถทำได้ ไม่เพียงแต่เป็นว่าที่พระชายาของข้าเท่านั้น แต่เจ้ายังเป็นผู้บัญชาการกองทัพเจตจำนงค์แห่งสวรรค์ และเจ้าเป็นคนเดียวที่สามารถหลอมเหล็กให้กับราชวงศ์ต้าชุนได้ ที่นี่อำนาจใด ๆ ที่ข้ามีเจ้าก็มี ทหารทุกคนที่เคารพและชื่นชมข้าก็รู้สึกแบบนั้นกับเจ้า อาเฮง แม้ว่าจะมีวันหนึ่งเมื่อเจ้าแอบเอาทหาร 30,000 นายออกไปต่อสู้กับโลกนี้ ข้าจะไม่พูดและจะไม่ทำอะไรเลย”
“แต่… เจ้าไม่กังวลว่าข้าจะก่อกบฏ เจ้าไม่ต้องกังวลจริง ๆ ว่าข้าจะพาพวกเขาไปซักวันหนึ่ง” เฟิงหยูเฮงกลัวที่จะเชื่อว่านางมีพลังมากเหลือเกิน นางสับสนและถามซวนเทียนหมิง “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าคิด หรือว่าทหารทุกคนคิดแบบนี้หรือ ? ”
ซวนเทียนหมิงไม่ได้ตอบกลับโดยตรง เขาหันมาจ้องมองทหารที่เพิ่งหัวเราะและถามว่า “พูดสิ เจ้าคิดอย่างไร ! ”
ทหารพูดทันที “ผู้รับใช้นี้ภักดีต่อท่านแม่ทัพและองค์หญิงแห่งมณฑล องค์หญิงแห่งมณฑลอยู่ในใจของคนรับใช้คนนี้เหมือนกับท่านแม่ทัพขอรับ ! ”
เฟิงหยูเฮงรู้สึกประทับใจเล็กน้อยและภาคภูมิใจ นางไม่รู้จะพูดอะไรดี
ซวนเทียนหมิงกล่าวต่อ “ไม่ว่าเจ้าจะก่อกบฏ แม้ว่าเจ้าจะทำอะไร เจ้าจะมีเหตุผลของตัวเอง หากต้องการถอยห่างออกไปและพูดว่าถ้าเจ้ามีความตั้งใจที่ไม่ดี มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถถูกตำหนิได้ว่าเป็นผู้ตัดสินที่ไม่ดี ข้าไม่สามารถตำหนิเจ้าได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าของนางหายไปและถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ขณะที่นางบอกเขาว่า “ข้าจะไม่ทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล โปรดอย่ากังวล ข้าจะมีค่าต่อความไว้วางใจของทหารแน่นอน ข้าก็จะมีค่ากับเจ้าจากราชวงศ์ต้าชุนและโลก ซวนเทียนหมิง เจ้าเพียงแค่รอดู ไม่ช้าก็เร็ววันหนึ่งจะมาถึง เมื่อทหารของเราจะถืออาวุธเหล็ก ในการต่อสู้ 100 ครั้งจะไม่มีการพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว ! เพียงแค่รอดู ไม่ช้าก็เร็วจะมีวันที่ผู้ที่พยายามทำร้ายเราทุกคน จะได้รับการลงโทษที่พวกเขาสมควรได้รับ ! ”
ตอนที่ 375
ถ้ำซูเทียนมีขนาดใหญ่มาก เฟิงหยูเฮงเข็นรถเข็นของซวนเทียนหมิงไปแล้วอย่างน้อย 1 ชั่วยาม แต่นางยังเดินทางได้ไม่ถึงระยะทางหนึ่งในสามของถ้ำซูเทียน
มีทางลาดจำนวนมากตามผนังของภูเขา และทางทั้งหมดนำไปสู่ถ้ำที่แตกต่างกัน นางเริ่มหมดแรงและนั่งลงบนบันได
ซวนเทียนหมิงหัวเราะเยาะนาง “ข้าสงสัยว่าใครเป็นผู้ให้คำมั่นว่าจะเดินเล่นรอบ ๆ ถ้ำซูเทียน เพียงไม่นานเจ้าก็หมดแรงแล้วหรือ”
นางยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ใครจะคิดว่าสถานที่แห่งนี้จะใหญ่มาก ! ” ในขณะที่พูดอย่างนี้นางเช็ดเหงื่อ “มันเป็นวันฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ และนี่เป็นภูเขาที่มืดและหนาว แต่ข้ามีเหงื่อออก หากสถานที่แห่งนี้สามารถอยู่ต่อไปได้จนถึงรุ่นต่อ ๆ ไปก็อาจกลายเป็นมรดกโลกได้”
“อะไรนะ ? ” เขาไม่เข้าใจ เขาไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูด
เฟิงหยูเฮงอธิบายอย่างรวดเร็ว “ข้าบอกว่าสถานที่แห่งนี้งดงามมากและสามารถดึงดูดความสนใจจากคนทั้งโลกได้” โดยที่ไม่มีความตั้งใจที่จะอ้อยอิ่งในหัวข้อนี้ เฟิงหยูเฮงเอื้อมมือออกไปดึงชายเสื้อคลุมของซวนเทียหมิง “มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการหลอมเหล็กที่ข้าอยากให้เจ้าช่วยคิด”
“ว่ามา” เขาพูดอย่างจริงจัง
“มันเกี่ยวข้องกับเรื่องของการปกป้องความลับ แม้ว่าเราจะมีสายงานผลิตและข้าเฝ้าดูทุกส่วนด้วยตัวเอง แต่ข้าไม่ใช่ช่างมืออาชีพ มีหลายสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องมีช่างฝีมืออยู่เคียงข้างข้า กล่าวคือวิธีการหลอมเหล็กยังคงต้องส่งมอบให้กับช่างฝีมือ เช่นนี้การผลิตเหล็กจะประสบความสำเร็จ แต่เราจะไปหาคนแบบนี้ได้ที่ไหน ? ”
ซวนเทียนหมิงยังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่นางพูดว่า “ไม่เพียงแต่เขาจะต้องมีทักษะเท่านั้น พวกเขายังต้องจงรักภักดีต่อราชวงศ์ต้าชุนอย่างแน่นอน… เจ้าคิดว่าข้าสามารถทำได้หรือไม่ ? ”
“เจ้า ? ” เฟิงหยูเฮงรู้สึกประหลาดใจ “เจ้ารู้วิธีหลอมหรือ?”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “เมื่อข้ายังเด็ก ข้าหมกมุ่นอยู่กับมันซักพัก ช่างตีเหล็กในพระราชวังแห่งนี้สอนข้าทั้งปี หลังจากผ่านไป 1 ปีข้าก็ถลุงเหล็กของข้าและหลอมอาวุธของข้าเอง หลังจากที่ข้าทำดาบเล่มแรกเสร็จ ช่างตีเหล็กที่สอนข้าก็ไปหาเสด็จพ่อเพื่อลาออก ข้อแก้ตัวของเขาคือองค์ชายตีเหล็กดีกว่าเขา ดังนั้นเขาจึงไม่มีหน้าที่จะทำงานที่นั่นต่อ”
เฟิงหยูเฮงผงกหัว “สิ่งที่เขาพูดถูกต้อง หากอาจารย์มีความสามารถในการทำทุกสิ่ง จุดประสงค์ของการมีผู้รับใช้คืออะไร ? เจ้าไม่สามารถทิ้งเขาไว้กับห้องได้ ? ” แต่… “ถ้าเจ้ารู้วิธีมันยอดเยี่ยมมาก ! ซวนเทียนหมิง อยู่กับเจ้าที่นี่ข้าไม่ต้องกังวลอะไรเลย ! ”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้าและมีความสุขอย่างมากที่รอผู้หญิงคนนี้เพื่อชมเขาอีกเล็กน้อย ในใจของเขาเขาได้เตรียมคำที่เขาจะพูดต่อไป: อาเฮงไม่ต้องกังวล อยู่กับสามีที่นี่ ไม่มีอะไรต้องกลัว
แต่ฮูหยินของเขาไม่ได้ชมเขาต่อ นางไม่เพียงแต่ไม่เอ่ยอะไร นางไม่แม้แต่จะมองเขา ในขณะที่นางถือปากกาแปลก ๆ ที่นางคุ้นเคยกับการใช้ นางยังถือหนังสือที่ดูแปลกและเขียนอยู่ในนั้น
มุมปากของซวนเทียนหมิงกระตุก “เจ้านำสิ่งเหล่านั้นออกมาจากไหน ? ”
นางทำท่าราวกับว่าเป็นธรรมชาติ “จากแขนเสื้อของข้า”
มุมปากของเขากระตุกมากขึ้น แขนเสื้อของเฟิงหยูเฮง ! ฮึ่ม ! ไม่ช้าก็เร็วในวันที่พวกเขาแต่งงานกัน เขาจะต้องรู้ว่าแขนเสื้อของนางมีความลับอะไร
เฟิงหยูเฮงยังคงเขียน หลังจากนั้นไม่นานนางก็เขียนเต็มหน้าจากนั้นก็ดึงกระดาษอีกแผ่นหนึ่งออกจากแขนเสื้อของนาง จากนั้นนางก็อ้าปากและเรียกหา “บานซู ! “
เงาดำปรากฏขึ้นในแวบหนึ่งขณะที่บานซูมาถึงตรงหน้าของทั้งสอง
นางฉีกหน้ากระดาษที่เขียนแล้วนำไปวางกับกระดาษอีก 2 แผ่นแล้วมอบมันให้กับเขา “ไปจัดการสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง จำไว้ว่าทุกอย่างที่ซื้อต้องมีคุณภาพสูง” หลังจากพูดอย่างนี้นางก็ไม่ลืมที่จะให้คำแนะนำ “ข้าไม่ได้พูดถึงของที่มีราคาแพง เจ้าต้องดูที่คุณภาพ “
บานซูดูสิ่งที่เขียนบนกระดาษ พวกเขาเป็นเครื่องมือทั้งหมดที่ใช้โดยช่างฝีมือและมันดูค่อนข้างเป็นมืออาชีพ เขาไตร่ตรองเล็กน้อยแล้วพูดกับนางว่า “จะดีที่สุดถ้าข้าสามารถเอาช่างตีเหล็กมากับข้าได้”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ไม่เป็นไร ไปที่โรงหลอมและเลือกมา ทั้งสองวิธีนำสิ่งเหล่านี้กลับมาโดยเร็วที่สุด เราต้องได้รับสิ่งของเหล่านี้ทั้งหมด”
“คุณหนูไม่ต้องกังวลขอรับ” คิดเพิ่มอีกนิดหน่อย เขากล่าวเสริม “ข้าจะให้ผู้คุ้มกันลับอีก 2 คนดูแลคุณหนูที่นี่ขอรับ”
“ไม่จำเป็น” เฟิงหยูเฮงโบกมือของนางซ้ำ ๆ “วันนี้ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะอยู่ที่ค่ายทหาร ข้าจะอยู่กับองค์ชายตลอดเวลา มีทหารกว่าหมื่นนายที่นี่ เจ้าจะกังวลอะไร ? ”
บานซูก็คิดว่าเป็นแบบนั้น ดังนั้นเขาไม่ได้พูดอะไรอีกเลย และจากไปในพริบตา
เฟิงหยูเฮงพูดกับซวนเทียนหมิง “เมื่อบานซูนำสิ่งเหล่านั้นกลับมา ข้าคิดว่าเราควรลองก่อนตั้งแต่ต้น ทีละขั้นตอนเราจะทำมันเป็นการส่วนตัว เราจะดูทักษะของเจ้า และเราจะสามารถเห็นความยากลำบากในการหลอมเหล็ก”
ซวนเทียนหมิงก็คาดหวังเช่นกัน กระตือรือร้นที่จะถามนางเกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นในการหลอมเหล็กเพื่อให้เขาสามารถเตรียมการล่วงหน้าได้ แต่ก่อนที่เขาจะพูด เขาเห็นทหารรีบวิ่งไป โดยไม่มีโอกาสทักทาย เขากล่าวอย่างเร่งด่วนว่า “ท่านแม่ทัพ องค์หญิงแห่งมณฑลรีบมาขอรับ อาการของท่านฮูหยินเหยากำเริบอีกแล้วขอรับ ! ”
ทั้งสองกลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขามาถึงหน้ากระโจมของเหยาซื่อ พวกเขาได้ยินเสียงเหยาซื่อตะโกนจากด้านใน “ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ! ขนมอบ ! ส่งขนมมาให้ข้า ! ”
นางหยุดเคลื่อนไหว นางรู้สึกปวดใจมาก
ซวนเทียนหมิงตบหลังมือของนาง “รีบเข้าไปดูสิ อย่าคิดมาก”
นางรู้ด้วยว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะคิดมาก ผลักรถเข็นไปที่กระโจม
ในเวลานี้วังซวนและหวงซวนทั้งคู่ยังคงจับเหยาซื่ออยู่ คนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นแข็งแกร่ง แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่ง พวกเขาก็ยังเหนื่อยจากการเคลื่อนไหวอันรุนแรงของเหยาซื่อ บ่าวรับใช้คนอื่นไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ฉิงหลานทำได้แค่กังวลจากด้านข้างในขณะที่ซับน้ำตา นางไม่สามารถทำอะไรได้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงกลับมา ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก วังซวนพูดว่า “คุณหนูรีบไปดูท่านฮูหยินเร็วเจ้าค่ะ ไม่มีสิ่งใดที่บ่าวรับใช้ของเราสามารถทำได้”
นางถอนหายใจเบาๆ ในความเป็นจริงไม่มีอะไรที่นางจะทำได้ แต่นางไม่สามารถพูดได้
หวงซวนเอ่ยว่า “ท่านฮูหยินตื่นขึ้นมาซักพักแล้ว ทานข้าวนิดหน่อย ถ้าให้ท่านฮูหยินนอนต่อไปล่ะเจ้าคะ ? ” นางรู้ว่าเฟิงหยูเฮงมักจะให้ยาฉีดแก่เหยาซื่อ หลังจากการฉีดยา เหยาซื่อจะง่วงนอน ซึ่งนางอาจนอนหลับอย่างน้อย 1 ชั่วยาม
เฟิงหยูเฮงไม่ได้พูดอะไร เดินไปข้างหน้านางดึงเข็มออกจากแขนเสื้อของนาง นางฉีดยาแล้วเก็บเข็มและกล่องใส่กลับเข้าไปในแขนเสื้อเหมือนปกติ
ไม่มีใครคิดว่านางจะใส่กล่องขนาดใหญ่ใส่แขนเสื้อของนางได้อย่างไร ทุกคนกำลังรอให้เหยาซื่อนอนหลับเหมือนปกติ แต่ในเวลานี้ด้วยเหตุผลบางอย่างเหยาซื่อก็ยังคงได้สติอยู่นานหลังจากได้รับการฉีดยา นางยังคงตะโกนและทำให้เกิดความยุ่งยาก
วังซวนงงและคิดว่าอาการป่วยของเหยาซื่อนั้นรุนแรงยิ่งขึ้น นางถามด้วยความกังวลว่า “ยาไม่สามารถทำให้ท่านฮูหยินหลับได้หรือเจ้าคะ ? ”
เฟิงหยูเฮงส่ายหัว “ไม่ใช่ว่าการฉีดไม่ได้ผล ข้าไม่ได้ฉีดยาให้ท่านแม่หลับ”
“ห๊ะ ? ” หวงซวนรู้สึกตกใจเล็กน้อย “แต่ถ้าท่านฮูหยินไม่หลับ เราจะปล่อยให้ท่านฮูหยินทำแบบนี้ต่อไปได้อย่างไร” นางพูดอย่างนี้ในขณะที่นางกำลังจะเช็ดเหงื่อให้เหยาซื่อ แต่นางก็ลงเอยด้วยการที่มือของนางถูกเหยาซื่อกัด
เฟิงหยูเฮงถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ และส่ายหน้า “แม้ว่ามันจะไม่ดี นางก็ต้องได้สติ การที่นางนอนหลับมากไม่ดี ร่างกายของนางจะไม่สามารถจัดการกับมันได้” นางกัดฟันและสั่งให้ทั้งสอง “เอาผ้าห่มมาห่อท่านแม่ไว้ แล้วมัดนางลงบนเตียง ! ”
บ่าวรับใช้สองคนไม่สามารถตอบสนองและจ้องที่เฟิงหยูเฮงอย่างว่างเปล่า ทำอะไรไม่ถูก เฟิงหยูเฮงต้องทำดวยตัวเอง อย่างไรก็ตามหวงซวนก็คัดค้าน “เราจะทำอย่างนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ ! ”
“ต้องทำแบบนี้” คราวนี้ทัศนคติของเฟิงหยูเฮงนั้นเด็ดเดี่ยวมาก “ข้าจะบอกเจ้า เพื่อที่จะเอาชนะผลกระทบของยาเปลี่ยนวิญญาณ นี่เป็นวิธีที่ตรงที่สุด รีบจัดการอย่างรวดเร็ว การฉีดครั้งสุดท้ายนั้นจะบรรเทาอาการของนางเพียงระยะหนึ่ง หลังจากฤทธิ์ของยาหมดลง เจ้าจะไม่สามารถมัดนางไว้ได้”
“ทำตามคุณหนูสั่ง” วังซวนคิดตาม และลงมือทำ “หวงซวนไปเอาผ้าห่มมา”
หวงซวนนำผ้าห่ม และเหยาซื่อให้ขึ้น จากนั้นนางใช้เชือกผูกนางลงบนเตียง ความหวาดกลัวส่องประกายผ่านดวงตาของเหยาซื่อ แต่พวกเขาก็กลายเป็นความสับสนอย่างรวดเร็ว นางยังคงต่อสู้อย่างสิ้นหวัง อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถหนีจากเชือกที่ผูกไว้แน่นได้
เฟิงหยูเฮงเดินไปที่เตียงแล้วนั่งลง นางยังคงคุยกับนางเกี่ยวกับชีวิตในภาคตะวันตกเฉียงเหนือและกลับไปที่คฤหาสน์เฟิง นางพูดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวที่อ่อนแอของตระกูลเฟิงและวิธีที่เฟิงจินหยวนใช้ นางพูดถึงการที่ฮ่องเต้อนุญาตให้หลานของตระกูลเหยาเข้าร่วมในการสอบจอหงวน และนางพูดถึงการที่เฟิงจื่อหรูสอบได้คะแนนสูงสุดของชั้นเรียนของเขาในทุก ๆ วิชาที่สำนักศึกษา ในท้ายที่สุดนางพูดว่า “อาเฮงคิดเกี่ยวกับมัน เมื่อท่านแม่ดีขึ้น ข้าจะส่งท่านแม่ไปยังเสี่ยวโจวเพื่อให้ท่านแม่อยู่กับจื่อหรู แบบนี้จื่อหรูสามารถดูแลท่านแม่และทำให้ท่านแม่มีความสุข”
เมื่อได้ยินการเอ่ยถึงเฟิงจื่อหรู ดวงตาของเหยาซื่อก็ดูได้สติกลับมามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฟิงหยูเฮงใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการพูดอย่างเร่งด่วนว่า “ท่านแม่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับยาเปลี่ยนวิญญาณ ท่านแม่ต้องอดทน หลังจากนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น ท่านแม่ เพื่อเห็นแก่จื่อหรู ท่านแม่ต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ! ”
ปฏิกิริยาของเหยาซื่อเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่นางพยายามพูดด้วยเสียงแหบห้าวของนาง “จริงหรือ ข้าสามารถไปที่เสี่ยวโจวเพื่อไปอยู่กับจื่อหรูได้จริงหรือ ? ”
นางพยักหน้า “จริงเจ้าค่ะ ตราบใดที่ท่านแม่สามารถทนได้ในเวลานี้ อาเฮงรับประกันว่าเมื่อท่านแม่ดีขึ้นแล้ว ข้าจะสั่งให้คนซื้อที่พักในเสี่ยวโจวแล้วส่งท่านแม่ไป”
ความเชื่อนี้เป็นเหมือนการเพิ่มกำลังใจของเหยาซื่อ ใจของนางไม่ชัดเจน แต่นางก็ยังสามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่า “ไปอยู่กับจื่อหรู” ใจของนางเต็มไปด้วยความคิดนี้ และหัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะติดตามเฟิงจื่อหรูไปที่เสี่ยวโจว การดิ้นรนอันไม่สิ้นสุดของนางก่อนหน้านี้สิ้นสุดลง “ดี เพื่อจื่อหรู เพื่อบุตรของข้าเอง ข้าจะอดทนอย่างแน่นอน”
เฟิงหยูเฮงมองเห็นว่านางยืนหยัดและอดทนไม่ได้ ร่างกายของนางสั่น กรามของนางก็ปิดสนิท เส้นเลือดสีน้ำเงินปรากฏบนหน้าผากของนาง
นางสนับสนุนเหยาซื่ออย่างต่อเนื่อง “ใช่แล้ว แบบนี้ ท่านแม่ทำได้ดีมาก ความยากลำบากในปัจจุบันจะสิ้นสุดลงไม่ช้าก็เร็ว เมื่อท่านแม่ดีขึ้น เราจะไปที่เสี่ยวโจว ! ”
ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมาอาการอยากยารอบนี้ก็หายไปในที่สุด เหยาซื่อทนไม่ไหวและหลับไป
เฟิงหยูเฮงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และแนะนำให้บ่าวรับใช้ดูแลนางอย่างดี นางไม่ได้อยู่ข้างดูแล ขณะที่เข็นรถเข็นซวนเทียนหมิงออกจากกระโจม เมื่อนางมีโอกาสสูดอากาศเย็น ๆ บนภูเขา นางรู้สึกว่าใจนางสงบลงเล็กน้อย
ซวนเทียนหมิงเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ “จิตใจของเจ้าไม่มีความสุข”
“ใช่” นางไม่ได้ซ่อนมันและพยักหน้ายอมรับ
“เจ้าคิดเรื่องจื่อหรูอยู่หรือ ? ” เขางงนิดหน่อย “นั่นคือน้องชายของเจ้า เจ้ารู้สึกอิจฉาหรือ ? ”
เฟิงหยูเฮงยิ้มอย่างขมขื่นและทำอะไรไม่ถูก เมื่อเดินไปที่กระสอบทรายเล็ก ๆ ตรงหน้านางก็นั่งลง และพูดว่า “ข้าไม่อิจฉา ข้ากำลังคิดถึงจื่อหรูด้วย ถ้าเป็นไปได้ข้าหวังว่าเขาจะอยู่เคียงข้างนาง เด็กคนนั้นน่ารัก นอกจากตระกูลเฟิงแล้ว ใครจะไม่ชอบเขา ? มันเป็นเพียงคำพูดของท่านแม่ทำให้ข้าคิดบางอย่างได้” นางเงยหน้าขึ้น และมองซวนเทียนหมิงอย่างจริงจัง ทันใดนั้นนางพูดว่า “ท่านแม่รู้ว่าข้าไม่ใช่บุตรสาวของนาง…”
ตอนที่ 376 ฮูหยินของข้าไปได้ทุกที่ที่นางต้องการ
คิ้วของซวนเทียนขมวดด้วยกันทันที เขายกมือขึ้น และหยุดเฟิงหยูเฮง “หยุดพูดได้แล้ว”
นางกลายเป็นคนที่ดื้อรั้นและมองเขา “ทำไมเจ้าไม่ให้ข้าพูด ? นี่เป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจเจ้าอย่างมากงั้นหรือ ? ตั้งแต่บุตรสาวคนที่สองของตระกูลเฟิงหมั้นกับเจ้า ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่ได้ตรวจสอบข้า”
นางพูดสิ่งต่าง ๆ ในลมหายใจเดียว อย่างไรก็ตามซวนเทียนหมิงพูดเพียง “เจ้าพูดด้วยความโกรธ”
“ข้าไม่ได้พูดด้วยความโกรธ ! ” เฟิงหยูเฮงตัดสินใจลุกขึ้นยืน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างนางก็หงุดหงิด “ซวนเทียนหมิง เจ้าไม่รู้อะไรจริง ๆ หรือ ? ”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพูดในเรื่องนี้ เขาทำได้แค่แบมือ “สิ่งที่ข้ารู้ก็คือเจ้าเป็นบุตรสาวคนที่สองของตระกูลเฟิง เฟิงหยูเฮง”
“ข้าไม่เชื่อเจ้า ! ” นางเริ่มโกรธ ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเย้ยหยันอย่างโกรธเคือง “ท่านแม่ของข้าสร้างกำแพงกั้นข้า และนางก็จำได้ว่าจื่อหรูเป็นบุตรของนางเอง เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าไม่พบอะไรเลย”
ซวนเทียนหมิงก็พูดเช่นเดียวกัน “ถ้าอย่างนั้นเจ้าหวังว่าข้าจะรู้อะไร เจ้าเป็นตัวปลอมหรือเจ้ากำลังแอบอ้างเป็นนางงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเจ้าบอกข้าว่าเจ้าแปลงโฉมหรือว่าเจ้าเกิดมาหน้าตาเหมือนเฟิงหยูเฮง”
“ข้า…” นางสะดุดคำพูดของนาง นี่เป็นเรื่องที่นางไม่สามารถพูดคุยต่อได้ จากมุมมองทางสรีรวิทยา ไม่ว่าเขาจะตรวจสอบอย่างไร นางเป็นบุตรสาวคนที่สองของตระกูลเฟิงอย่างแน่นอน แต่… “แต่เจ้าไม่คิดว่าข้าเปลี่ยนไปมากนักหลังจากกลับมาที่เมืองหลวงหรือ ? ”
ซวนเทียนหมิงส่ายหัว “ไม่ เราจะไม่พูดถึงการพบเป็นครั้งคราวเมื่อเรายังเด็ก ตามเวลาที่เราพบในภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ นี่คือสิ่งที่เจ้าเป็น เจ้ากล้าปีนออกมาจากกองศพและโยนก้อนกรวดใส่ผู้คน เจ้ากล้าที่จะเถียงกับข้า และเจ้ากล้าที่จะวางข้าลงบนพื้นเพราะเจ้าเหนื่อย”
ดีมาก เขาควรเริ่มติดตามการเปลี่ยนแปลงของนางก่อนที่นางจะปีนออกจากกองศพนั้น แต่ในเวลานั้นซวนเทียนหมิงไม่รู้จักนาง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาไม่รู้ว่าอดีตเฟิงหยูเฮงเป็นอย่างไร
ด้วยความหงุดหงิด นางนั่งลงบนถุงทราย เฟิงหยูเฮงหยิบไม้อย่างไม่ตั้งใจและเริ่มวาดรูปบนพื้นดิน “ซวนเทียนหมิง เจ้าเพิ่งเห็นเช่นกัน ในความเป็นจริงท่านแม่รักจื่อหรู นางรักจื่อหรูเท่านั้น แน่นอนนางยังคิดถึงข้าอยู่ แต่ในใจของนาง นางยอมรับว่าจื่อหรูเป็นบุตรของนางเท่านั้น เพราะข้าเปลี่ยนไปมาก นางไม่ได้รู้สึกใกล้ชิดข้าเลย”
เขาหันรถเข็นของเขาไปเผชิญหน้ากับนาง เอื้อมมือไปจับมือเล็ก ๆ ของนาง เฟิงหยูเฮงมองไปที่เขาแล้วถามอย่างจริงจัง “ถ้าวันหนึ่งเจ้ารู้ว่าข้าไม่ใช่นาง เจ้าจะทำอย่างไร ? ”
คำถามนี้เต็มไปด้วยความลึกลับ อย่างไรก็ตามซวนเทียนหมิงเพียงแต่ถามว่า “ตอนนี้เจ้าเป็นเจ้า และเป็นเจ้าที่รักษาขาของข้าที่ภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ คนเดียวกันหรือไม่ ? “
นางพยักหน้า “ใช่ ข้ารับรองได้เลย เป็นข้าอย่างแน่นอน”
“งั้นมันก็ดี” ทันใดนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะแล้วโบกมือของนางแล้วพูดว่า “เด็กหญิงที่โง่เขลา ไม่เคยมีความรู้สึกใด ๆ ระหว่างข้ากับครอบครัวเฟิง อันที่จริงแล้วเฟิงจินหยวนนั้นเป็นคู่ต่อสู้ สำหรับข้า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นบุตรสาวคนที่สองของตระกูลเฟิงหรือไม่ก็ตาม หรืออาจจะดีกว่านี้ ทั้งหมดที่ข้าต้องการคือผู้หญิงที่ข้าพบในภูเขาที่โต้เถียงกับข้าในขณะที่รักษาอาการบาดเจ็บของข้าอย่างจริงจัง ข้าไม่สนใจว่าเฟิงหยูเฮงคนก่อนหน้าจะเป็นอย่างไร นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ ข้าต้องการแค่เจ้า”
ในที่สุดนางก็เผยให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ราวกับว่านางได้รับรางวัลที่ยอดเยี่ยม ราวกับว่านางเป็นเหมือนกระต่ายสีขาวตัวเล็ก นางกระโดดวนไปรอบ ๆ ตัวเขาพร้อมกับยิ้ม
“ซวนเทียนหมิง ดวงตาของเจ้ายอดเยี่ยมจริง ๆ ! พวกมันเยี่ยมมากจริง ๆ ! ”
บานซูไปซื้อของและจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 วัน ในช่วงเวลาเหล่านี้เฟิงหยูเฮงเข้าหากองทัพเจตจำนงค์แห่งสวรรค์ นางดูแลการสอนยิงธนูให้กลุ่มนักแม่นธนูอีกครั้งในระหว่างวัน และสอนกลยุทธให้กลุ่มสนับสนุนในตอนกลางคืน นางยังมีเวลาว่างทุกวันเพื่อดูแลเหยาซื่อ
เหยาซื่อทำให้นางได้เปิดหูเปิดตา ในตอนแรกนางคิดว่าเหยาซื่อจะไม่สามารถทนต่ออาการอยากยาได้ แม้กระนั้นนางไม่คิดว่าเพียงแค่พูดถึงเฟิงจื่อหรู เหยาซื่อจะสามารถกัดฟันและทนเพื่อบุตรชายของนาง วังซวนเป็นห่วงว่าเหยาซื่อจะกัดลิ้นของนางเอง ดังนั้นนางจึงเอาไม้ให้กัดทุกครั้ง แม้ว่ามันจะเป็นไม้ที่หนาแต่ก็สามารถกัดขาดได้ภายใน 3 ครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันยากแค่ไหน
ทุกวันนี้เฟิงหยูเฮงค่อนข้างยุ่ง นางมักจะหลับในขณะนั่งอยู่ในค่ายหลังจากสอนกลุ่มสนับสนุนเสร็จแล้ว ทหารจะเริ่มก่อกองไฟที่อยู่ใกล้นางอย่างลับ ๆ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่นาง ขณะที่นางสวมเสื้อคลุมหนา ๆ ซวนเทียนหมิงจะอยู่เคียงข้างเพื่อดูแลนาง เมื่อนางตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น นางพบว่านางถูกขังอยู่ในอ้อมกอดของเขาและนางก็รู้สึกถึงความอบอุ่นของร่างกายของเขา นางยังสามารถได้ยินเสียงของทหารดังอย่างเงียบ ๆ
ในตอนเช้าของวันที่หก ซวนเทียนหมิงบอกนางว่าบานซูกลับมาแล้ว
ทั้งสองเดินไปด้วยกันเพื่อดูอุปกรณ์ที่ซื้อมา เมื่อนั้นพวกเขาจึงพบว่าเมื่อบานซูออกไป เขาได้พาชายชราที่ต้องการปกป้องหลานชายของเขา ชายชราเต็มไปด้วยพลังงาน เมื่อเห็นพวกเขามาถึง เขายิ้มและพูดเสียงดัง “ท่านแม่ทัพ องค์หญิงมาดูเร็วพะยะค่ะ สิ่งเหล่านี้ถูกเลือกโดยเครื่องมืออันเก่านี้ และข้าสามารถรับประกันได้ว่าพวกมันเป็นเครื่องมือและวัสดุที่มีคุณภาพสูงสุด”
เฟิงหยูเฮงเดินไปตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ แน่นอนว่าทุกอย่างมีคุณภาพมาก “แน่นอน ช่างตีเหล็กที่ทำงานกับโลหะมาตลอดชั่วชีวิตย่อมมีสายตาที่ดี” นางยกย่องเขาอย่างจริงใจจากนั้นกล่าวกับบานซู “เรียกคนมานำสิ่งเหล่านี้ไปที่ถ้ำซูเทียน” จากนั้นนางก็หันไปถามซวนเทียนหมิง “ต้องรออีกกี่วันจนกว่ารองแม่ทัพหลี่จะกลับมาพร้อมกับผู้คนจำนวนมาก ? ”
ซวนเทียนหมิงกล่าวว่า “10 วัน และข้ากลัวว่าอาจนานกว่านี้”
นางคิดเล็กน้อยแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา “มาลองก่อนหรือไม่ ? ”
ดวงตาของซวนเทียนหมิงสว่างขึ้น “ตอนนี้หรือ ? ”
นางพยักหน้า “จะไม่ดีกว่าหรือถ้าเราจะเริ่มทำตอนนี้ ข้าเป็นคนหนึ่งที่ชอบตีเหล็กในขณะที่เหล็กร้อน ข้ามักจะชอบทำสิ่งต่าง ๆ เมื่อข้าบอกว่าข้าจะทำ เจ้าสามารถจัดการสิ่งนี้ได้หรือไม่ ? ”
เขายกคิ้วขึ้น “ทำไมข้าจะทำไม่ได้ ! ” จากนั้นเขาก็พูดกับเป่ยจื่อ “ไปบอกทหารในค่ายว่ากลุ่มพวกเขาควรทำในสิ่งที่ควรทำ องค์ชายและองค์หญิงแห่งมณฑลจะหลอมเหล็ก ถึงท้องฟ้าจะถล่มก็ไม่มีใครมาขัดขวางเราได้” เขาคิดอีกเล็กน้อยแล้วหันไปถามเฟิงหยูเฮง “จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับท่านฮูหยินเหยาหรือไม่ ? ”
เฟิงหยูเฮงส่ายหัวของนาง “ไม่มี หลังจาก 5 ครั้งแรกมันจะดีขึ้นในแต่ละวันที่ผ่านไป อาการจะลดลงและเวลาที่ได้สติจะเพิ่มขึ้น ข้าทิ้งยาไว้กับวังซวนและหวงซวนแล้ว เจ้าควรบอกหมอของค่ายทหารให้ช่วยดูแลนางด้วย”
“ได้” ซวนเทียนหมิงสั่งผู้ดูแลของเขา “เจ้าได้ยินใช่หรือไม่ ทำตามที่องค์หญิงพูด ! ”
ผู้ดูแลตอบทันที “บ่าวรับใช้คนนี้จะไปแจ้งหมอทันทีขอรับ” ในขณะที่พูดพวกเขารู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย หลังจากทั้งหมดได้ยินว่าพวกเขากำลังจะหลอมเหล็ก ใครไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงการหลอมเหล็ก ?
เฟิงหยูเฮงกลับไปที่กระโจมและทิ้งยาไว้ให้เหยาซื่อ จากนั้นนางก็แนะนำวังซวนและหวงซวนว่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างไร
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็ผลักรถเข็นของซวนเทียนหมิงไปที่ถ้ำซูเทียน
ภายในถ้ำซูเทียนมีถ้ำเล็ก ๆ หลายแห่งที่ถูกจัดทำขึ้นตามที่เฟิงหยูเฮงร้องขอไว้ ช่างตีเหล็กยังไม่มาถึงเพราะพวกเขารวมตัวกันในห้องเล็ก ๆ ทหารส่งสิ่งของที่เพิ่งซื้อไปยังถ้ำเล็ก ๆ แห่งนี้ และซวนเทียนหมิงสั่งทหารยาม “จัดพื้นที่พักผ่อนให้เรียบร้อย แล้วเพิ่มเตียงและผ้าห่ม นอกจากนี้นอกจากอาหาร 3 มื้อในแต่ละวัน อย่ามารบกวนเราในเรื่องอื่น”
ทหารยามกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ขอรับ” จากนั้นเขาก็หันกลับและออกจากถ้ำ ปิดประตูด้วยเสียงดังกราว แสงเดียวในห้องมาจากคบเพลิงบนผนังทั้งสี่
เฟิงหยูเฮงรู้สึกว่าการขาดแสงนี้ไม่เหมาะกับการทำงานเป็นเวลานาน ยิ่งกว่านั้นนางต้องให้ซวนเทียนหมิงมีหลายสิ่งที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎี เมื่อคิดเพียงเล็กน้อยนางก็ตัดสินใจที่จะดึงหลอดไฟฉุกเฉินที่มีเต็มมิติของนางออกมา มันมีไฟ 2 ดวงและทั้งคู่เป็นไฟ 40 วัตต์ซึ่งส่องสว่างในถ้ำทันที
ซวนเทียนหมิงตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นแสงสว่างอันบริสุทธิ์เช่นนี้ทำให้เขากลัวที่จะลืมตา เขาใช้แขนเสื้อคลุมไฟโดยไม่รู้ตัวและอดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า “นี่คืออะไร ? “
“นี่เรียกว่าโคมไฟ” นางอธิบายอย่างอดทน “แตกต่างจากแสงเทียน หลอดไฟสว่างโดยใช้ทรัพยากรพิเศษ ทรัพยากรนั้นเรียกว่าไฟฟ้า ข้าต้องบอกเจ้าว่าสิ่งนี้เรียกว่าไฟฟ้า…ไม่มีอยู่ในโลกนี้”
ซวนเทียนหมิงต้องการพูดว่าถ้ามันไม่มีในโลกนี้ เจ้านำสิ่งนี้ออกมาได้อย่างไร ? แต่เขาไม่สามารถถามสิ่งนี้ได้เพราะเขารู้ว่าเมื่อเขาถามเฟิงหยูเฮงจะต้องอธิบายหลายสิ่งเกินไป ทั้งสองอยู่ด้วยกันมานานแล้วเป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่ชินกับการเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีในโลกนี้ที่นางดึงออกมา ซวนเทียนหมิงปลอบใจตัวเอง การพลาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะเป็นเรื่องปกติ มันจะไม่แปลกที่จะเห็นมากขึ้น ในอนาคตเขาจะค่อย ๆ คุ้นเคยกับสิ่งนี้ เขามีพระชายาที่สามารถดึงสิ่งแปลก ๆ ออกมาได้ตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงพยักหน้า “อืม ข้าจะจำไว้” เขาชี้ขึ้น “องค์ชายผู้นี้รู้สึกว่าการแขวนไว้ด้านบนจะดีที่สุด”
“ผู้ชายจะต้องเป็นคนทำ ! ” เฟิงเฟิงหยูเฮงมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ควรใช้ตะเกียงในกรณีนี้ แต่เพดานของถ้ำนี้สูงมาก ดังนั้นข้าจะปล่อยให้เรื่องนี้ให้เจ้าจัดการ”
ซวนเทียนหมิงไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อได้รับตะเกียงจากมือของนาง เขาก็ลอยขึ้นจากรถเข็นและบินไปที่เพดานถ้ำทันที
เฟิงหยูเฮงไม่เข้าใจว่าเขาทำได้อย่างไร ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเพียงพริบตาเขาก็กลับไปที่รถเข็น และโคมไฟฉุกเฉินก็ติดแน่น ถ้ำทั้งหมดสว่างไสวราวกับว่าเป็นเวลากลางวัน สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกถึงการกลับไปยังชีวิตก่อนหน้าของนางทันที
อย่างไรก็ตามซวนเทียนหมิงมีความกังวลเล็กน้อย “เทียนสามารถลุกไหม้ได้ ไฟฟ้าจะหมดหรือไม่”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “แน่นอน แต่ไม่จำเป็นต้องกังวล หลังจากไฟฟ้าหมด ข้าก็ยังมีอีก เมื่อถึงเวลาเพียงแค่สลับ สามารถชาร์จได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า”
ในความเป็นจริงซวนเทียนหมิงต้องการรู้ว่า “ชาร์จ” หมายถึงอะไร แต่เขาก็อดทน ความสามารถในการอดทนของเขาเพิ่มขึ้นอีก 1 ระดับ ! “เอาล่ะ ! “
อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงยิ้มอีกครั้ง และดึงกระดาษ 2 ชิ้นออกจากแขนเสื้อของนาง “อย่ารีบ แม้ว่าเจ้าจะรู้วิธีจัดการกับเหล็ก แต่เจ้าไม่มีความรู้เรื่องเหล็ก นี่คือวัสดุที่ข้าได้เตรียมไว้ ลองดูก่อน ไม่ว่าเจ้าจะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม ให้อ่านก่อน ข้าจะอธิบายให้เจ้าทราบในภายหลัง”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้าแล้วรับกระดาษ หลังจากได้รับมันเขาก็งุนงงทันที “ชายารัก เจ้าเขียนได้แย่จริง ๆ ”
“ห๊ะ ? ” นางไม่สามารถตอบสนองได้ในตอนแรก “มีอะไรไม่ดี”
ซวนเทียนหมิงยื่นกระดาษให้นางดู “ไม่ต้องพูดถึงจำนวนขีดที่ไม่ถูกต้อง องค์ชายคนนี้โตมา แต่ข้าไม่เคยเห็นใครเขียนในแนวนอน หากไม่ใช่เพราะข้าใช้เวลาอยู่กับเจ้านานและข้ารู้นิสัยของเจ้า ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าผลลัพธ์แบบใดที่จะเกิดขึ้นจากการอ่านกระดาษเหล่านี้ในแนวตั้ง”
เฟิงหยูเฮง “นั่นเอ่อ… ฟัง เจ้าช่วยลองชินกับมันได้หรือไม่ ? ข้าต้องการเขียนในแนวตั้ง แต่มันจะกลายเป็นคดเคี้ยว มันช่างน่าอึดอัดใจจริง ๆ ”
“ไม่เป็นไร” เขาส่ายหน้ากระดาษในลักษณะที่พูดเกินจริง “ถ้าเป็นแนวนอนก็เป็นแนวนอน ชายารักจำไว้ ในอนาคตอย่าเขียนตามที่เจ้าต้องการ เจ้าต้องเดินไปรอบ ๆ ตามที่เจ้าต้องการ ชายาต้องเดินไปรอบ ๆ ตามที่เจ้าพอใจ ข้าอยากจะดูว่าใครจะกล้าพูด ! ” 1
1 : ข้อความต้นฉบับที่นี่จะเป็น “เขียนในแนวนอนและเดินในแนวนอน” แต่ความหมายคือเขียนตามที่คุณต้องการ และเคลื่อนไหวไปตามที่คุณต้องการ
ตอนที่ 377
เฟิงหยูเฮงสนใจที่จะเดินไปทุกที่ที่นางพอใจ แต่ตอนนี้นางต้องจัดการกับปัญหาที่ค่อนข้างลำบาก: สอนซวนเทียนหมิงถึงวิธีการอ่านตัวอักษรที่เรียบง่าย
นางบอกซวนเทียนหมิง “ข้าเขียนแบบนี้เพราะข้าขี้เกียจ ข้าต้องการเขียนเพียงไม่กี่ประโยค ตราบใดที่ข้าเข้าใจความหมาย มันก็ใช้ได้”
ซวนเทียนหมิงเชื่อเช่นนี้ได้อย่างไรในขณะที่เขาพูดตรง ๆ ว่า “เจ้าสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าคำเหล่านี้เป็นภาษาเปอร์เซีย”
นางยักไหล่ “แม้ว่าข้าอยากจะบอกว่าจริง ๆ แล้วในความเป็นจริงแล้วคำเหล่านี้ไม่ใช่คำเปอร์เซีย หากเจ้ายืนยันที่จะดำเนินการสนทนานี้ต่อไป มันก็จะถูกเปิดเผยในไม่ช้า”
ซวนเทียนหมิงต้องการบอกว่ามีบางสิ่งที่นางต้องเปิดเผยในอนาคต แต่ในท้ายที่สุดเขาไม่ต้องการเปิดเผยนาง ภายใต้การแนะนำของเฟิงหยูเฮง เขาเริ่มคุ้นเคยกับวิธีการที่เรียบง่ายที่ใช้ใน “วิธีการหลอมเหล็กของเฟิงซื่อ”
“วิธีการหลอมเหล็กของเฟิงซื่อ” นั้นเป็นเพียงคู่มือที่เขียนด้วยลายมือของเฟิงหยูเฮงเพื่อหลอมเหล็ก ตั้งแต่การสร้างตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายของการเพิ่มซิลิคอน (TL ธาตุอโลหะที่ใช้ในการทำเหล็กกล้า) ควบคุมการผลิตจนถึงขั้นตอนสุดท้าย การหลอมเหล็กมีทั้งหมด 19 ขั้นตอน แต่ละขั้นตอนมีคำอธิบายและคำแนะนำโดยละเอียด นอกจากนี้ยังมีปัญหาบางอย่างที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในยุคปัจจุบัน นางได้ทำการวิเคราะห์ด้วยตัวเอง และพบว่ามีมาตรการทางเลือกบางอย่างซึ่งถูกบันทึกไว้พร้อมกับคำแนะนำ แต่มาตรการทางเลือกเหล่านี้จำเป็นต้องมีการทดลอง มันยังไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ นี่คือส่วนที่ยากที่สุดในการหลอมเหล็กสำหรับพวกเขา
ซวนเทียนหมิงมีความสามารถที่ดีในการดูดซับความรู้ เฟิงหยูเฮงอธิบายพื้นฐานของการอ่านตัวอักษรที่เรียบง่าย จากนั้นก็ช่วยเขาให้เขาฟังเป็นแนวทางสองสามบรรทัด หลังจากนั้นเขาก็สามารถที่จะคิดสิ่งต่าง ๆ ออกมา แต่คำที่ยาก ๆ บางคำยังคงต้องให้เฟิงหยูเฮงอธิบาย
1 ชั่วยามต่อมาในที่สุดเขาก็วางคู่มือและพูดกับเฟิงหยูเฮง “การหลอมเหล็กไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากอ่านสิ่งนี้ ข้าก็มั่นใจในความยากลำบากมากขึ้น ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยที่สุดเราสามารถลองทำได้ หากครั้งเดียวไม่เพียงพอ เราสามารถลองครั้งที่ 2 หาก 2 ครั้งไม่เพียงพอ เราสามารถลอง 20 ครั้ง ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ข้าเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จในที่สุด สวรรค์จะไม่ไร้ความปราณีต่อราชวงศ์ต้าชุนของข้า”
นางพยักหน้า ในขณะที่เริ่มต้นด้วยการจัดเรียงการหลอม นางกล่าวว่า “นี่ไม่เกี่ยวข้องกับว่าสวรรค์ แม้ว่าข้าจะไม่ได้หลอมเหล็กด้วยตัวเอง แต่ข้าได้เห็นคนอื่นหลอมมัน เป็นเพราะไม่มีเครื่องมือที่จำเป็นบางอย่าง ดังนั้นทางเลือกคือสิ่งที่เราต้องการทดสอบ”
ซวนเทียนหมิงจริงจังและย้ายรถเข็น เขาเริ่มเตรียมสิ่งต่าง ๆ พร้อมกับเฟิงหยูเฮง
ขั้นตอนแรกในการหลอมเหล็กคือการผลิตขี้โลหะ เมื่อเทียบกับขั้นตอนต่อมานี่ค่อนข้างง่าย หรืออาจจะกล่าวได้ว่าทุกอย่างตั้งแต่การสร้างขี้ตระกรันจนถึงการผสมในเตาก็เป็นเรื่องง่าย มันต้องการเพียงแค่เตาไฟฟ้าและอากาศ ใครจะรู้ถ้าสูบลมขนาดใหญ่จะสามารถทำงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนต่อไปของการถลุงออกซิไดซ์และการกำจัดคาร์บอน นั่นคือเมื่อพวกเขาจะเริ่มการทดลองอย่างแท้จริง
ทั้งสองไม่สนใจภาพลักษณ์ของพวกเขา อันที่จริงซวนเทียนหมิงปีนลงจากรถเข็นและนั่งลงบนพื้น เฟิงหยูเฮงให้คำแนะนำทางเทคนิค ในขณะที่ซวนเทียนหมิงเป็นผู้ใช้แรงงานหลัก
“การสร้างขี้ตะกรันคือเมื่อสามารถปรับองค์ประกอบของเหล็กได้ เมื่อสร้างขี้ตะกรัน ความเป็นด่างและความหนืดของขี้ตะกรันจะมีผลกับผลิตภัณฑ์ จุดประสงค์คือการปรับแต่งโลหะที่มีอุณหภูมิและองค์ประกอบที่ต้องการ” นางจะพูดบางสิ่งและเขาสามารถทำหน้าที่ได้ ตั้งแต่ปริมาณของวัสดุจนถึงระยะเวลาที่ใช้ในเตาเผา ทุกอย่างถูกควบคุมอย่างเข้มงวด เขาไม่กล้าเดินหน้าต่อไปอย่างแน่นอน น่าเสียดายหลังจากขี้ตะกรันออกมา เฟิงหยูเฮงส่ายหัวของนาง “ไม่ดี ขี้ตะกรันที่ถูกออกซิไดซ์นั้นไม่สะอาดพอ หากเป็นเช่นนี้ฟอสฟอรัสจะกลับมาเป็นโลหะได้ง่ายมาก” ลองคิดดูอีกสักหน่อย “ข้ารู้สึกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี มันเป็นเพียงเรื่องของเวลา แม้ว่าเราจะคำนวณอย่างระมัดระวังมาก แต่ก็ไม่แม่นยำพอ”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้า และพูดง่าย ๆ ว่า “ลองอีกครั้งนะ”
“ช้าก่อน” นางคว้าข้อมือซวนเทียนหมิงแล้วคิดอีกเล็กน้อย นางเพียงแค่เอานาฬิกาออกจากมิติของนาง
ซวนเทียนหมิงมองดูนางดึงสิ่งที่มีขนาดใหญ่ซึ่งไม่สามารถอยู่ในแขนเสื้อของนางได้ เขาขนลุก โชคดีที่เขาประสบกับทหารถูกวางยาพิษเมื่อปลายปีที่แล้ว เขาจึงเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้ดึงของออกจากแขนเสื้อของนาง แม้ว่าเขาจะยังตกใจอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้มองว่าเฟิงหยูเฮงเป็นสัตว์ประหลาด ยิ่งกว่านั้นซวนเทียนหมิงเข้าใจว่าบางสิ่งที่ผิดปกติจะถูกมองว่าเป็นปีศาจ เมื่อคิดตามสิ่งเหล่านี้ ชายาตัวน้อยของเขาคนนี้คงจะถูกมองว่าเป็นเทพเจ้า
“สิ่งนี้เรียกว่านาฬิกา” เฟิงหยูเฮงรู้สึกผิด และไม่กล้าอธิบายว่าสิ่งนี้มาจากไหน นางเลือกที่จะหลีกเลี่ยงรายละเอียดที่สำคัญ และพูดถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อธิบายวิธีการใช้นาฬิกา นางบอกซวนเทียนหมิง “มี 3 เข็มบนนาฬิกา เข็มแรกคือเข็มชั่วโมง อีกเข็มคือเข็มนาที และเข็มสุดท้ายคือเข็มวินาที เป็นไปตามหลักการเดียวกันกับนาฬิกาแดดที่ใช้ในราชวงศ์ต้าชุนของเรา เพียงนาฬิกาแดดมีช่วงเวลา 12 ช่วงเวลา ในขณะที่นาฬิกานี้แบ่งออกเป็น 24 ชั่วโมง กล่าวคือ 1 ช่วงเวลาของนาฬิกาแดดเท่ากับ 2 ชั่วโมง”
นางอดทนทำให้แน่ใจว่าซวนเทียนหมิงเข้าใจวิธีใช้นาฬิกา จากนั้นกล่าวว่า “กระบวนการสร้างขี้ตะกรันต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที เวลานี้เราจะแม่นยำยิ่งขึ้นเมื่อใช้นาฬิกา ลองอีกครั้ง”
“ดี” เขาพยักหน้า และชี้ไปที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาบนนาฬิกา และพูดว่า “เมื่อเข็มนาทีและเข็มวินาทีมาถึงจุดนี้ เราจะเริ่มลงมือ ครั้งนี้เราไม่ควรพลาด”
ทั้งสองเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นอีกครั้ง และจ้องมองอย่างตั้งใจในเวลาที่เหลืออีก 2 นาที ครั้งละ 1 วินาที ในที่สุดพวกเขาก็หันมองอีกครั้ง ทันใดที่มันลงสู่ตำแหน่ง ซวนเทียนหมิงก็เริ่มทำงานทันที
เฟิงหยูเฮงจ้องอย่างหงุดหงิด ติดตาม และให้คำแนะนำอีกครั้ง
ซวนเทียนหมิงจดจำได้อย่างรวดเร็ว หลังจากทำมันครั้งเดียว เขาก็สามารถจดจำกระบวนการได้อย่างสมบูรณ์ การเคลื่อนไหวของเขามีทักษะ และดูเหมือนว่าเขาเป็นทหารผ่านศึก แม้แต่เฟิงหยูเฮงก็ต้องชื่นชมเขาเพราะเขาค่อนข้างฉลาด ไม่ว่าเขาจะทำอะไรมันก็เป็นอย่างนี้
ในที่สุดกระบวนการทั้งหมดก็เสร็จสมบูรณ์ และสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือรอ ครั้งที่แล้วพวกเขาจะพูดบ้างเล็กน้อย แต่คราวนี้ถึงแม้จะมีนาฬิกาที่นั่นทั้งสองก็ยิ่งกังวล พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันแม้แต่เล็กน้อย ดวงตาของพวกเขาจับจ้องอยู่ที่นาฬิกาตลอดเวลา และพวกเขาไม่กล้าเบนสายตาของพวกเขาออกจากมันเลย
เมื่อเหลือเวลาเพียง 1 นาที เฟิงหยูเฮงเตือนอย่างเงียบ ๆ “เตรียมเปิดเตา เมื่อเหลือ 2 วินาที มันจะต้องถูกดึงออกมาจากเตาเผา”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้ามือของเขาอยู่ที่หน้าเตา
ในที่สุดนาทีสุดท้ายก็จบลง ในความเป็นจริงในทันทีที่เข็มวินาทีมาถึงตำแหน่ง 12 นาฬิกา ซวนเทียนหมิงเปิดเตาหลอมและคลื่นความร้อนพุ่งออกมา เมื่อพลั่วถูกดึงออกจากเตาเผา เขาได้ยินเสียงของเฟิงหยูเฮงตะโกน “สำเร็จแล้ว ! ”
เมื่อคำสองคำนี้ออกมาจากปากของนาง ซวนเทียนหมิงก็อารมณ์ดี เมื่อดูขี้ตะกรันบนพลั่ว เขาถามเฟิงหยูเฮงด้วยความไม่เชื่อ “มันประสบความสำเร็จจริงหรือ ? ”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ใช่! ไม่เพียงแต่จะประสบความสำเร็จเท่านั้น เจ้ายังผลิตขี้ตะกรันที่ดีที่สุด ด้วยสิ่งนี้ ขั้นตอนต่อไปของเราจะมีรากฐานที่มั่นคง ซวนเทียนหมิง เจ้าเก่งมาก ๆ ! ”
นางยกย่องเขาอย่างจริงใจ และซวนเทียนหมิงก็ถอนหายใจ นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น หากพวกเขาต้องทำซ้ำขั้นตอนแรกหลายครั้ง ขวัญและกำลังใจจะลดลงเรื่อย ๆ
“เราจะต้องผลิตขี้ตะกรันต่อไป” เฟิงหยูเฮงกล่าวว่า “แม้ว่าเราจะพยายามหลอมเหล็กเพียงชิ้นเดียว ทุกความล้มเหลว วัสดุจะกลายเป็นเศษเหล็ก การสร้างขี้ตะกรันเป็นขั้นตอนแรก และเราต้องมั่นใจว่าเรามีวัสดุเพียงพอจากขั้นตอนแรกนี้เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “ดี เรามาสร้างขี้ตะกรันเพิ่มขึ้นอีก ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม มันเป็นการฝึกฝนมากกว่า” ขณะที่เขาพูดสิ่งนี้ เขาขยับชิ้นงานที่ประสบความสำเร็จไปด้านข้าง และวางวัสดุเข้าไปในเตาเผา
คราวนี้เขาได้รับการฝึกฝนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้เขายังอ่านหนังสือได้ดีกว่าเดิม ในทางปฏิบัติแล้วไม่จำเป็นต้องให้เฟิงหยูเฮงเตือนเขาอีกแล้ว เขาสามารถจัดการกระบวนการทั้งหมดด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามซวนเทียนหมิงไม่คิดว่าเมื่อมันถูกดึงออกมาในเวลานี้ภรรยาของเขาจะส่ายหัวของนาง “ไม่ดี คุณภาพแย่กว่าครั้งที่แล้ว มันควรจะมีปัญหากับอุณหภูมิที่จุดเริ่มต้น พวกเรารีบไปหน่อย เจ้าต้องสงบลงเล็กน้อย”
“งั้นลองอีกครั้ง” โดยไม่พูดอะไรอีก เขาจะทำงานอีกครั้ง
ครั้งที่ 4 สำเร็จ
ครั้งที่ 5 สำเร็จ
ครั้งที่ 6 ล้มเหลว
ครั้งที่ 7 สำเร็จ
เฟิงหยูเฮงติดตามอยู่ในใจของนาง ในการเริ่มต้นมันจะเป็นสำเร็จ 2 ครั้ง สำหรับความล้มเหลวทุกครั้ง บางครั้งอาจผิดพลาดติดต่อกัน 2 ครั้ง หลังจากซวนเทียนหมิงทำมันเป็นครั้งที่ 16 อัตราความสำเร็จของเขาเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เขาประสบความสำเร็จ 10 ครั้งติดต่อกัน
เฟิงหยูเฮงบอกเขาว่า “เจ้าได้เข้าใจความสำคัญของการสร้างขี้ตะกรันแล้ว ปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่เรามีอยู่ในขณะนี้เพียงพอที่จะใช้อย่างไม่ถูกต้อง หากมีปัญหาที่ไม่คาดคิด มาทำสิ่งนี้กันต่อไป หากเรามีไม่เพียงพอ เราสามารถกลับมาสร้างได้เพิ่มขึ้น”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้าและดูนาฬิกาอีกครั้งโดยพูดว่า “เราไม่สามารถไปต่อได้ เจ้าต้องพักผ่อน” เขาชี้ไปที่นาฬิกาและพูดว่า “ตามกฎของเวลาที่เจ้าสอน มันควรจะเป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นเวลาอาหารเย็นของวันที่สองนับตั้งแต่เราเข้ามาที่นี่ อาเฮงเมื่อคืนเจ้านอนหลับไปครั้งหนึ่งแล้ว และเจ้าไม่ได้กินอะไรเลย”
“หา ? ” นางแปลกใจเล็กน้อย เมื่อถูกขังอยู่ในสถานที่แห่งนี้ และมุ่งไปที่เรื่องเดียว นางไม่สามารถบอกได้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน อย่างไรก็ตามนางไม่คิดว่ามันจะผ่านไปหนึ่งวันและหนึ่งคืนแล้ว มันคงจะดีถ้าไม่มีใครพูดถึง แต่เมื่อพูดถึง มันทำให้ท้องของนางร้องดังก้องจากความหิว นางอดไม่ได้ที่จะบ่น “จริง ๆ แล้วถ้าเราไม่ออกไป ไม่มีใครคิดจะส่งอาหารมาให้เราหรือ ? ”
ซวนเทียนหมิงบอกนาง “ในช่วงเวลานั้นพวกเขามา 6 ครั้ง และข้ายังได้กลิ่นข้าว แต่พวกเขาถูกเจ้าไล่ออกไป”
“ข้าไล่พวกเขาออกไป ? ” เฟิงหยูเฮงจำไม่ได้ว่านางไล่คนออกไปเลย “นั่นเป็นไปได้อย่างไร ? ”
“ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ ? ” ซวนเทียนหมิงชี้ไปที่ขวดน้ำแร่เปล่า และพูดว่า “ถ้าไม่ใช่สำหรับสิ่งเหล่านี้ ข้าคิดว่าเราคงจะตายเพราะขาดน้ำ”
เฟิงหยูเฮงลืมไปหมด !
นางนำน้ำแร่หลายขวดออกมาเมื่อไหร่ ? เมื่อดูจากจำนวนขวด ทุกขวดไม่เพียงแต่ว่างเปล่า และมันมีมากกว่าครึ่งโหล บัดซบ นางเอาหลายสิ่งหลายอย่างออกจากแขนเสื้อของนาง ซวนเทียนหมิงมองว่านางเป็นสัตว์ประหลาด
เมื่อนางคิดถึงเรื่องไร้สาระ นางก็หันมามองซวนเทียนหมิง น่าแปลกใจที่นางสังเกตเห็นว่าเขาดูเคร่งขรึม…“เจ้ากินอะไรอยู่ ? ” เฟิงหยูเฮงได้สติขึ้นมาและรีบไปที่ด้านข้างของเขา จ้องมองด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสยองขวัญ นางฉีกกระดาษที่ห้อยลงมาจากปากของเขา
จากนั้นนางก็พูดไม่ออก
ตลอดทั้งวันทั้งคืนที่ผ่านมา นางทำอะไรลงไป ?
ตอนที่ 378
“ชายารัก ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้สามีต้องตายด้วยความหิว มันจะเป็นการดีที่สุดที่เจ้าจะส่งมันกลับมาให้ข้า มันช่วยให้อิ่มได้เหมือนกัน”
เป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่อิ่ม เฟิงหยูเฮงมองสิ่งที่อยู่ในมือของนาง มันเป็นโยเกิร์ต เฮ้ นางทำอะไรไปในขณะที่ทำขี้ตะกรัน ? แน่นอนว่านิสัยเดิมของนางกลับมาอีกครั้ง เมื่อนางจดจ่อกับเรื่องใดเป็นพิเศษ นางจะลืมความต้องการที่สำคัญทางร่างกาย เช่น อาหารและน้ำ แต่การลืมอยู่ในระดับมีสติเท่านั้น อย่างไรก็ตามใจของนางจะยังคงส่งและรับข้อมูลต่อไป ในเวลาเดียวกันร่างกายจะได้รับการชี้แนะอย่างรวดเร็วจากสมองเพื่อทำสิ่งที่สำคัญเหล่านี้ บ่อยครั้งที่นางไม่สังเกตสิ่งเหล่านี้เนื่องจากนางจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่าง ตัวอย่างเช่น ในขณะที่ผลิตขี้ตะกรันสำหรับเหล็ก นางดื่มโดยดึงขวดน้ำออกจากมิติของนาง เมื่อหิวนางจะเอาอาหารอย่างโยเกิร์ตออกจากมิติของนาง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เฟิงหยูเฮงยังคงคิด มิติของนางยังมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โชคดีที่นางไม่ได้นำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมา
“นั่น…” นางพบว่าเป็นการยากที่จะแกล้งทำต่อไป พื้นถูกปกคลุมด้วยขวดและมีแม้แต่ห่อแซนวิช ซวนเทียนหมิงไม่ใช่คนโง่ หากนางไม่พูดอะไรเลยตอนนี้ นางจะไม่สามารถให้คำอธิบายใด ๆ ได้ ดังนั้นนางจึงพูดอย่างไร้ประโยชน์ “หากเจ้ามีสิ่งที่เจ้าต้องการถาม ข้าจะยอมสารภาพ แต่ถ้าข้าอธิบายไม่ได้จริง ๆ อย่าถามข้า”
ซวนเทียนหมิงยิ้มอย่างขมขื่นและเอื้อมมือไปหานาง เฟิงหยูเฮงตกใจ เมื่อคิดดูเล็กน้อย นางก็ยื่นมือออกไป อย่างไรก็ตามผลที่ได้คือซวนเทียนหมิงกล่าวว่า “ในมือของเจ้าคืออะไร ข้าต้องการให้เจ้าให้ข้าดื่มเครื่องดื่มที่เปรี้ยวและหวานมากกว่านี้ สามีหิวมาก ๆ ”
ดีมาก ! นางยอมรับความพ่ายแพ้และส่งโยเกิร์ตที่เหลือให้อย่างเชื่อฟัง อย่างไรก็ตามในใจของนาง นางคิดว่านางจะต้องใส่อาหารเพิ่มเข้าไปในมิติของนางเมื่อนางมีเวลาว่าง สิ่งต่าง ๆ เช่น ซาลาเปา เกี๊ยว บะหมี่ ขนมอบและผลไม้ นางต้องการอะไรมากกว่านี้ ในกรณีที่มีเรื่องเร่งด่วน นางจะมีทางเลือกมากขึ้นเมื่อพูดถึงอาหาร
ซวนเทียนหมิงตั้งใจดื่มโยเกิร์ตอย่างจริงจัง ก่อนที่จะพูดกับเฟิงหยูเฮง “ข้าไม่มีอะไรจะถาม มันไม่ได้เป็นเพียงวันหรือสองวันที่ผ่านมา ตั้งแต่ข้ารู้เกี่ยวกับสวรรค์ที่มีอยู่ในแขนของเจ้า ข้าเริ่มรู้สึกแล้วว่ามันแปลกตั้งแต่ที่ภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ ในเวลานั้นแขนเสื้อของเจ้าก็ถูกฉีกขาดไปแล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าดึงขวดแปลก ๆ ออกมาจริง ๆ โดยธรรมชาติแล้วข้ารู้สึกว่ามันค่อนข้างลึกลับ ก่อนสิ้นปีเจ้าช่วยรักษาทหารที่ได้รับพิษ เจ้าเอาสิ่งต่าง ๆ ออกมาเป็นจำนวนมากตรงหน้าพวกเรา ข้าไม่ได้โง่หรือตาบอด ข้าเห็นทุกอย่าง”
ยิ่งเขาพูดมากขึ้นเฟิงหยูเฮงก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ นางอดไม่ได้ที่จะเดินไปข้างหน้าและคุกเข่าตรงหน้าซวนเทียนหมิง “เมื่อเจ้าเห็นทุกอย่าง ทำไมเจ้าไม่ถามข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ? เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือ ? ”
อย่างไรก็ตามซวนเทียนหมิงพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องทั่วไป “แม้ว่าเจ้าจะเป็นสัตว์ประหลาด ข้าก็อยากจะแต่งงานกับเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเรื่องบังเอิญที่เจ้าจะได้รับแขนเสื้อจากสวรรค์ หรือข้าควรจะบอกว่ามันเป็นมือของเจ้า”
นางต้องชื่นชมทักษะการสังเกตของซวนเทียนหมิง ในเวลาเดียวกันนางรู้สึกว่าข้อแก้ตัวที่เขาพบสำหรับนางนั้นดีมาก
หญิงสาวจึงพยักหน้า “เจ้าพูดถูก ข้าได้รับบางสิ่งบางอย่างเพื่อซ่อนโลกบนมือของข้า แต่นี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ ซวนเทียนหมิง ในโลกนี้มีเพียงเจ้าและข้าเท่านั้นที่รู้สิ่งนี้ บุคคลที่สามจะต้องไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับมัน แม้ว่ามันจะเป็นพี่เจ็ด เจ้าก็ต้องไม่บอกเขา”
ซวนเทียนหมิงมีความสุขมาก นางพูดว่าพี่เจ็ดต้องไม่รู้ซึ่งหมายความว่าในใจของนางพี่เจ็ดไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ ! เขามักจะรู้สึกว่าเฟิงหยูเฮงปฏิบัติกับซวนเทียนฮั่วเป็นอย่างดี และเขารู้ว่านอกจากตัวเขาแล้ว ซวนเทียนฮั่วยังมีสถานะพิเศษในใจของนาง ก่อนหน้านี้เขาอิจฉาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อได้ยินนางพูดแบบนี้ขึ้นมา เขารู้สึกพึงพอใจมาก
“ได้ ข้าจะไม่บอกใครเลย” ซวนเทียนหมิงสัญญาอย่างมีความสุข จากนั้นลูบหัวเด็กผู้หญิงตัวน้อย “ไปกันเถอะ ไปกินข้าวแล้วนอนหลับให้สนิท เรายังมีความลำบากมากมายรออยู่ข้างหน้า ถ้าเราไม่กินและพักผ่อน ร่างกายของเราจะจัดการกับมันได้อย่างไร”
ร่างกายเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของชีวิต เฟิงหยูเฮงเข้าใจเหตุผลนี้โดยธรรมชาติ ดังนั้นนางจึงพยักหน้าและเชื่อฟังซวนเทียนหมิง ออกจากถ้ำ
เมื่อเห็นว่าทั้งสองออกมา ในที่สุดทหารข้างนอกก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก บานซูก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ พ่อครัวได้เตรียมอาหารแล้ว มันจะถูกส่งไปที่ห้องนอนของท่านแม่ทัพขอรับ”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “อืม” จากนั้นเขาก็ให้เฟิงหยูเฮงผลักเขาไปที่ถ้ำ
เวลานี้ทั้งสองพักจนกระทั่งพวกเขาจะตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงวันถัดไป ซวนเทียนหมิงรู้อยู่แล้วเกี่ยวกับมิติที่ซ่อนอยู่ในมือของนาง ดังนั้นเฟิงหยูเฮงจึงเลิกปิดเป็นความลับ นางสั่งบานซู “จงบอกให้พวกเขาเตรียมอาหารเพิ่ม และจัดอาหารใส่กล่องอาหาร เป็นการดีที่สุดที่จะเตรียมอาหารทั้ง 3 มื้อ และพระองค์จะนำเข้าไปในถ้ำด้วย”
บานซูงงงวย “อาหารจะไม่เย็นหรือขอรับ ? ” แม้จะทราบว่าถ้ำนั้นมีเตาหลอมก็ตาม เขากล่าวว่า “แม้ว่ามันจะถูกทำให้ร้อน ไม่ดี ไม่ดีขอรับ”
อย่างไรก็ตามซวนเทียนหมิงกล่าวว่า “แค่ฟังนาง แล้วไปเตรียมให้ดี”
บานซูเคยชินกับการหยอกล้อกับเฟิงหยูเฮง แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรเมื่อซวนเทียนหมิงพูด เขาจึงพูดอย่างรวดเร็ว “ขอรับ” จากนั้นเขาออกไปบอกพ่อครัวเพื่อเตรียมอาหาร
เฟิงหยูเฮงกล่าว “เขาเป็นผู้คุ้มกันลับของข้า แต่ทำไมเขาไม่เชื่อฟังข้า ? ”
ซวนเทียนหมิงบอกความจริงกับนางว่า “นั่นเป็นเพราะเจ้าทำให้เขาเสียคน”
ดีมากเป็นไปได้ว่านางทำให้เขาเสียคน แต่สิ่งนี้ดีมาก นางไม่ต้องการให้เขาเปลี่ยน ผู้คุ้มกันลับไม่ใช่บ่าวรับใช้ นางชอบให้ผู้คุ้มกันลับของนางมีความสามารถในการคิดด้วยตนเอง และไม่ทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ที่รู้เพียงวิธีปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น
ภายใต้ครึ่งชั่วยามต่อมาทั้งสองรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ และเฟิงหยูเฮงเก็บกล่องอาหารเข้าไปในข้อมือของนางต่อหน้าซวนเทียนหมิง การมองเห็นนี้ทำให้ซวนเทียนหมิงเบิกตากว้าง อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ในที่สุดทั้งสองก็เข้าไปในถ้ำเพื่อหลอมเหล็กอีกครั้ง ในครั้งนี้พวกเขาตัดสินใจว่าพวกเขาจะก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญอีก 3 ขั้นตอนจนถึงขั้นตอนการหลอมละลายเพื่อสร้างขี้ตะกรันละลาย
เมื่อประตูหินของถ้ำถูกปิดลง ซวนเทียนหมิงก็จัด “วิธีการหลอมเหล็กของเฟิงซื่อ” ไว้ในมือของเขาอีกครั้ง หลังจากศึกษา 3 ขั้นตอนต่อไปอย่างละเอียดและทำความคุ้นเคยกับพวกมัน เขาจึงถามเฟิงหยูเฮง “การให้พลังงานแก่สระหลอมละลายหมายความว่าอย่างไร”
เฟิงหยูเฮงถอนหายใจ และกล่าวว่า “วิธีการหลอมเหล็กนี้เป็นสิ่งที่อุปกรณ์ในปัจจุบันของเราไม่มี เรายังไม่ได้ทำตอนนี้ ดังนั้นเราจะต้องเปลี่ยนสิ่งนั้น” จากนั้นนางก็ชี้ไปอีกหน่อย “ดูคำพูดที่ข้าเขียน แหล่งพลังงานนี้ควรเป็นไฟฟ้า ตอนนี้ข้าต้องการเปลี่ยนจากกระแสไฟฟ้าเป็นที่สูบลม เราจะใช้สูบลมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ข้าไม่รู้ว่ามันใช้งานได้หรือไม่ ดังนั้นเราจะต้องทดลองก่อนสองสามครั้ง”
ซวนเทียนหมิงชี้ไปที่สูบลมขนาดใหญ่ในถ้ำ และกล่าวว่า “ถ้ำมีช่องระบายอากาศ ปริมาณลมที่เกิดจากเครื่องสูบลมนี้มาก ข้าไม่รู้ว่ามันจะเพียงพอหรือไม่ ข้าจะลองดูซักหน่อยแล้วคอยระวังให้ดี”
“ดี” เฟิงหยูเฮงเชื่อมต่อท่ออากาศเข้ากับเตาหลอมแล้วเทขี้ตะกรันเข้าไป จากนั้นก็พยักหน้าให้ซวนเทียนหมิง “ลองดู จำไว้ว่าเจ้าจะต้องค่อย ๆ เพิ่มความแข็งแกร่ง เจ้าต้องไม่รีบ”
ซวนเทียนหมิงแสดงว่าเขาเข้าใจแล้ว หันรถเข็นของเขา และย้ายไปที่สูบลม “เริ่มเตรียมการ” เมื่อเขาพูดสิ่งนี้เขาก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที
ในตอนแรกการเคลื่อนไหวของเขาช้า แต่เขาก็ค่อย ๆ เพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น การฟังเสียงเป่าลมค่อนข้างสนุกสนาน และลมที่สร้างขึ้นนั้นใหญ่มาก แต่ความกังวลในใจของเฟิงหยูเฮงดูเหมือนจะไม่หายไป
ลมไม่สามารถเทียบได้กับไฟฟ้าอย่างแท้จริง จะใช้แรงงานจะเปรียบเทียบกับไฟฟ้าแรงสูงได้อย่างไร ? นางนั่งลงบนพื้นด้วยความหงุดหงิด และโบกมือให้ซวนเทียนหมิง “ไม่ได้ หยุดก่อน”
เขาหยุด แต่ก็ดูไม่เหนื่อย “ไม่ดีหรือ”
เฟิงหยูเฮงถอนหายใจนาน “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องคิดใหม่ และเปลี่ยนการออกแบบเตาเผา” เมื่อนางคิดถึงสิ่งนี้ นางเข้าใจทันทีว่านางขุดหลุมอีกหลุมแล้วฝังตัวเองลงไป ! การทำเตาไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายขนาดนี้ได้อย่างไร ? ยิ่งกว่านั้นแม้ว่านางจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ นี่เป็นเพียงการทดลองเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนางและซวนเทียนหมิง นางสามารถนำเครื่องไฟฟ้าออกจากมิติของนาง แต่ถ้าพวกเขาเริ่มผลิตเป็นจำนวนมากล่ะ นางไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มาก
เฟิงหยูเฮงปฏิเสธความคิดของนางทันที
“นั่นไม่ได้ผล” นางพูดอย่างไร้ปัญหา “มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราต้องคิดถึงวิธีที่จะเพิ่มพลัง มันไม่ดีเลย แม้ว่าเจ้าจะทุ่มเททุกอย่างเท่าที่จะทำได้ลงในเครื่องสูบลม พวกมันก็ไม่ได้ผลิตพลังงานเพียงพอ”
ซวนเทียนหมิงคิดเล็กน้อยแล้วถามนางว่า “เจ้าหมายถึงว่าเหตุผลของความล้มเหลวคือเครื่องสูบลม ถ้ามันสามารถให้พลังงานได้มากกว่านี้มันก็จะสำเร็จ”
“นั่นคือวิธีการทำงานของทฤษฎี” นางไม่กล้าพูดอย่างเต็มปาก “อย่างน้อยเราก็สามารถลองได้”
“ง่ายต่อการจัดการ” ซวนเทียนหมิงกล่าว “สถานที่นี้ถูกจำกัดโดยสภาพแวดล้อม และมีข้อจำกัดปริมาณลมที่สามารถผลิตได้ แต่ถ้าเราออกไปข้างนอกความยากลำบากนี้จะได้รับการแก้ไขทันที มีเตาเผาอยู่นอกถ้ำซูเทียนด้วยเช่นกัน แต่พวกมันไม่ลับพอ เราจึงตัดสินใจสร้างมันขึ้นมา แต่เรื่องของการรักษาความลับนั้นสามารถแก้ไขได้ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเราจะเพิ่มการป้องกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดมันจะดีกว่าอยู่ที่นี่”
ดวงตาของเฟิงหยูเฮงสว่างขึ้น ถูกต้อง ถ้ำซูเทียนมัดใจนางไว้เพราะนางคิดจะหลอมเหล็กตรงนี้ทั้งหมด นางลืมไปแล้วว่านางสามารถออกไปข้างนอกได้
นางเริ่มมีชีวิตชีวา และกล่าวว่า “ข้าจะลืมเรื่องนี้ได้อย่างไร ? นี่คือที่สมบูรณ์แบบ เราจะใช้โอกาสนี้ในการแบ่งพื้นที่ สิ่งที่สามารถทำให้แล้วเสร็จข้างในได้จะทำข้างในนี้ สิ่งที่ต้องทำข้างนอก แน่นอนพวกมันสามารถจัดให้อยู่ข้างนอกได้ เช่นนี้แทบจะไม่จำเป็นต้องเก็บสิ่งต่าง ๆ ไว้เป็นความลับเพราะเพียงไม่กี่ขั้นตอน และมี 19 ขั้นตอนสำหรับการหลอมเหล็ก ไม่มีปัญหาหากเรียนรู้เพียง 1 หรือ 2 ขั้นตอน”
ทั้งสองบรรลุข้อตกลงและออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว ซวนเทียนหมิงสั่งให้คนนำสิ่งต่าง ๆ เข้าสู่เตาเผาข้างนอกทันที จากนั้นเขาก็บอกให้คนเริ่มทำพื้นที่ให้โล่ง
ทหารบางนำเครื่องเป่าลมที่ใหญ่กว่าออกมา คราวนี้ไม่จำเป็นที่ซวนเทียนหมิงจะต้องทำงานเพราะทหารเข้าแถวมาช่วย
เฟิงหยูเฮงเลือกไม่กี่คนที่จะเข้ามาและช่วยในการสูบลม เครื่องสูบลมนี้มีขนาดใหญ่มาก และต้องการคน 4 คนในการทำงานร่วมกันเพื่อเคลื่อนย้ายมัน นางให้คำแนะนำเล็กน้อย และทหารพยายามสองสามครั้งก่อนที่ในที่สุดจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุด 7 – 8 ส่วน
เฟิงหยูเฮงเชื่อมต่อท่ออากาศเข้ากับเตาอีกครั้งจากนั้นดึงซวนเทียนหมิงไปนั่งที่ด้านข้างของเตาเพื่อสังเกตอย่างละเอียด นางจะกำกับทหารว่าต้องใช้แรงมากเพียงใด แต่พวกเขายังคงล้มเหลว 4 ครั้งติดต่อกัน
เฟิงหยูเฮงไม่ท้อแท้เพราะนางบอกกับทหารว่า “ถ้าการหลอมเหล็กเป็นเรื่องง่าย มันจะไม่ได้เป็นเพียงผลประโยชน์สำหรับต้าชุน สำหรับเจ้าที่มีส่วนร่วมในความพยายามครั้งแรกในการหลอมเหล็กนี้จะเป็นสิ่งที่ผู้คนจดจำได้ เจ้าควรรู้สึกภูมิใจ”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ให้กำลังใจของนาง ทหารกวาดความเศร้าโศกที่เกิดจากความล้มเหลวและกลับมาทำงานอีกครั้ง
ในความพยายามครั้งที่ 8 ของทหารในขณะที่เฟิงหยูเฮงกำลังเฝ้าสังเกตการณ์เตาหลอม ความสุขปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
ซวนเทียนหมิงเห็นว่าความสุขนี้เป็นจริงขึ้นมาและตาเป็นประกายขึ้นมา ในที่สุดทุกคนก็ได้ยินเสียงตะโกนที่ไพเราะและอบอุ่นใจ “สำเร็จ ! ”
ตอนที่ 379 พึ่งพาผู้ชายแล้วสะดวกสบายจริง ๆ !
คำว่า “สำเร็จ” เป็นตัวแทนของพวกเขา ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนไฟฟ้าด้วยพลังงานลม
“เริ่มละลายแล้ว!” เฟิงหยูเฮงพูดเสียงดัง “พลังงานลมเหมาะสมแล้ว มันเริ่มละลายแล้ว!”
ทหารที่สูบลมไม่เข้าใจความหมายของนาง แต่ความดีใจที่ประสบความสำเร็จได้ทำให้ขวัญและกำลังใจของพวกเขามากขึ้น แม้ว่าแขนของพวกเขาจะอ่อนล้าและเจ็บปวด พวกเขาก็ไม่รู้สึกราวกับว่ามันเป็นเรื่องยากและพูดด้วยความมั่นใจ “เรามีพลังงานเหลือเฟือ เราจะทำงานสูบลมต่อไปสำหรับท่านแม่ทัพและองค์หญิงแห่งมณฑล หากองค์หญิงต้องการลม เราจะทำให้ถึงที่สุดพะยะค่ะ ! ”
“ดี!” เฟิงหยูเฮงพยักหน้าแล้วกล่าวกับซวนเทียนหมิง “สิ่งสำคัญที่สุดในระหว่างขั้นตอนการหลอมควรเป็นเตาเผาแบบเปิดและเตาไฟฟ้า อย่างไรก็ตามสิ่งที่เรามีในตอนนี้ไม่ใช่เตาแบบเปิดหรือเตาไฟฟ้า มันเป็นเตาลม แต่ทฤษฎีก็เหมือนกัน ทุกอย่างตั้งแต่การหลอมเหล็กจนถึงการหลอมเหลวของประจุล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการหลอม เป้าหมายของขั้นตอนการหลอมคือการละลายประจุที่อุณหภูมิสูงในขณะที่ผลิตขี้ตะกรันสำหรับขั้นตอนการหลอมละลาย” หลังจากพูดอย่างนี้นางก็ไปเทเหล็กหลอมเหลวเอง ในเวลาเดียวกันนางพูดว่า “การพูดแบบนี้อาจไม่ชัดเจนเกินไป แต่ก็ใช้ได้ ข้าจะลองทำให้ดูก่อน เจ้าควรเข้าใจหลังจากดูครั้งเดียว”
คราวนี้เฟิงหยูเฮงดูแลงานด้วยตัวเอง แต่นางไม่คิดว่ามันจะได้มาตรฐานมาก นางลองอีก 2 ครั้ง และครั้งที่ 3 ในที่สุดนางก็พยักหน้า “ก็ไม่เป็นไร เรื่องของการหลอมไม่ยาก มาลองกันเถอะ”
ซวนเทียนหมิงเข้ามารับตำแหน่ง ในท้ายที่สุดเขามีประสบการณ์กับช่างตีเหล็กดังนั้นเขาจึงมีความเชี่ยวชาญในการทำงานมากกว่าเฟิงหยูเฮง เขาพยายามที่จะประสบความสำเร็จในครั้งแรก
ทั้งสองละลายวัสดุก่อนหน้านี้ทั้งหมด เช่นนี้พวกเขาใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนในการจัดการหลอมละลาย
ทหาร 4 กลุ่มถูกนำมาใช้ในการทำงานเครื่องสูบลม แต่ไม่มีทหารคนใดเต็มใจที่จะกลับไปที่ค่ายพัก พวกเขายืนอยู่ด้านข้างใต้กระโจมชั่วคราวที่ถูกสร้างขึ้น พวกเขานอนหลับเอาแรง และจะทำงานทันทีหลังจากตื่นนอน
เฟิงหยูเฮงรู้สึกว่าประสิทธิภาพค่อนข้างสูง และเริ่มพูดคุยกับซวนเทียนหมิง “แล้วทหารบางคนจะมาสูบลมหรือไม่ ? นี่คืองานทางกายภาพ ผู้ที่ไม่มีกำลังจะไม่สามารถสูบลมได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อการผลิตจำนวนมาก เริ่มต้นเพียงเครื่องสูบลม 1 เครื่องจะไม่เพียงพอ อย่างน้อยที่สุดเราจะต้องแน่ใจว่ามีเครื่องสูบลม 1 เครื่องสำหรับแต่ละเตา นอกจากนี้เรายังต้องมีเครื่องสำรองในกรณีที่เกิดความเสียหาย”
ซวนเทียนหมิงเข้าใจในตรรกะนี้โดยธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงถามนางว่า “กี่คนถึงจะเพียงพอ”
นางหยุดคิดเล็ดน้อย “อย่างน้อย 100 คน”
“ไม่เป็นไร” เขาหันหลังกลับ และพูดกับทหารว่า “เจ้าได้ยินหรือไม่ว่าองค์หญิงแห่งมณฑลพูดอะไร ไปรับทหาร 100 นาย และบอกพวกเขาให้เตรียมพร้อมตลอดเวลา”
ทหารเป็นแค่ทหารธรรมดา โดยปกติแล้วเขาจะมองซวนเทียนหมิงจากระยะไกลและจะไม่มีโอกาสพูดคุย ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาได้ช่วยสูบลมและบางครั้งจะมีโอกาสพูดสักสองสามคำ นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขารู้สึกว่าได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ เขายังคิดว่าเมื่อเขาออกไปเขายังสามารถคุยโม้ได้ว่าเขาเคยพูดคุยกับองค์ชายเก้า ไม่ว่าพระองค์จะพูดอะไรกับเขา เขาก็ได้พูดกับท่านแม่ทัพและองค์หญิงแห่งมณฑล
ตอนนี้ซวนเทียนหมิงให้เขาไปรับทหารจริงหรือ ทหารตัวแข็งทื่อทันที คิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านแม่ทัพต้องการให้เขาแจ้งรองแม่ทัพเฉียนหรือไม่ ? ท้ายที่สุดเมื่อมันมาถึงการเลือกทหารนั่นคือรองแม่ทัพเฉียนซึ่งมักตัดสินใจเรื่องเช่นนี้ แต่… “รองแม่ทัพเฉียนไปหาช่างตีเหล็ก และคงไม่กลับมาอีกสองสามวันพะยะค่ะ”
ซวนเทียนหมิงขมวดคิ้ว “ไม่เกี่ยวกัน เขากำลังตามหาช่างตีเหล็ก ข้าบอกให้เจ้าไปเลือกทหาร” คิดเล็กน้อยเขาเข้าใจเล็กน้อย เขาส่งป้ายประจำตัวของเขาให้ “แจ้งคำสั่งที่จะนำทหาร 100 นายมาช่วยองค์หญิงแห่งมณฑลหลอมเหล็ก เหล่าทหาร 100 นายจะอยู่ภายใต้การบัญชาการของเจ้า ตั้งสติหน่อย”
เฟิงหยูเฮงเห็นว่าทหารตกตะลึงและอดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่ “แม่ทัพของเจ้าเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าแล้ว เจ้าไม่ควรไปทำงานเร็ว ๆ หรือ ? ”
ในที่สุดอีกฝ่ายก็ได้สติขึ้นมาและคุกเข่าลงทันที “บ่าวรับใช้นี้ต้องขอบคุณแม่ทัพ และขอบคุณองค์หญิงแห่งมณฑล ! บ่าวรับใช้คนนี้จะไปทำทันทีพะยะค่ะ” เขากล่าวแล้วรับป้ายจากซวนเทียนหมิงแล้ววิ่งออกไป
เฟิงหยูเฮงกล่าวว่า “เมื่อข้าเริ่มทำงานข้าก็มักจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวข้า เจ้าจะสังเกตเห็นสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “อืม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่งานง่าย ๆ ของการสูบลม แต่ก็มีทักษะบางอย่างที่เกี่ยวข้อง ในขณะเดียวกันก็ทดสอบความอดทนของผู้คน แม้ว่าเราจะไม่ขาดคนทำงานเครื่องสูบ แต่มีเพียง 10 คนเท่านั้นที่มีประสบการณ์ เราไม่สามารถสอนคนทั้ง 100 คนได้อีกครั้ง เราพึ่งพาได้เพียง 10 คนนี้เท่านั้นที่จะสอนพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่ทีมสูบลมที่ทำชั่วคราวนี้ต้องมีผู้นำ ไม่ใช่เพียงแค่สอนวีธีการให้พวกเขาเท่านั้น แต่เขาจะต้องรับผิดชอบในการเลือกคนด้วย เราไม่สามารถอนุญาตให้สิ่งต่าง ๆ วุ่นวาย ตอนนี้เด็กคนนั้นดูเฉลียวฉลาดมาก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาก็เป็นคนที่ขยันมากที่สุด การให้เขาควบคุมทีมสูบลมจะทำให้ข้าสบายใจมากที่สุด”
เฟิงหยูเฮงเอนกายพิงเขา เมื่อนางเริ่มพักผ่อนนางก็ขี้เกียจนิดหน่อย แขนและขาของนางเริ่มรู้สึกปวด “ถ้าเจ้าคิดว่ามันดีแล้วมันก็ดี เมื่อพูดถึงการจัดการคน ข้าแย่กว่าเจ้า”
ทั้งสองพูดกันและไม่ได้หลีกเลี่ยงผู้อื่น และพวกเขาก็ไม่ได้ลดเสียงของพวกเขา ทหารที่อยู่รอบ ๆ ทุกคนสามารถได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด และพวกเขาทั้งหมดก็เคลื่อนไหวอย่างมาก มีคนที่คันปากขึ้นมาและถามว่า “ความหมายคือเราสามารถอยู่ที่นี่เพื่อช่วยในการหลอมเหล็กได้หรือพะยะค่ะ”
คนอื่น ๆ ก็เริ่มถามว่า “เราสามารถมีส่วนร่วมในการหลอมเหล็กได้จริงหรือพะยะค่ะ ? ”
ซวนเทียนหมิงเริ่มหัวเราะ “แน่นอนพวกเจ้าเป็นคนแรกที่เรียนรู้วิธีการสูบลม ทหาร 100 นายที่จะถูกนำตัวมา ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถสอนพวกเขาได้ ! ”
ทุกคนชื่นชมยินดีและเริ่มส่งเสียงโห่ร้อง
เฟิงหยูเฮงมองมาที่ฉากนี้และรู้สึกว่ามุมปากของนางหยักยิ้ม จากนั้นนางก็พูดกับซวนเทียนหมิงว่า “ค่ายทหารดีที่สุดจริง ๆ ทหารมีจิตใจที่บริสุทธิ์ เสียงหัวเราะคือเสียงหัวเราะ และความโกรธคือความโกรธ เมื่อโกรธพวกเขาจะต่อสู้ หลังจากการต่อสู้สิ่งต่าง ๆ ก็ดี มันไม่เหมือนเรือนด้านในของคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ไม่มีการต่อสู้ที่ชัดเจนและทุกอย่างเป็นความลับ พวกเขาล้วนแต่มีความคิดชั่วร้าย ท่านพ่อไม่ใช่ท่านพ่อ แต่บุตรสาวไม่ใช่บุตรสาว คนชราไม่ใจดี และคนหนุ่มสาวไม่ได้เป็นบุตรที่กตัญญู ข้าเหนื่อยมากกับชีวิตแบบนั้น ซวนเทียนหมิง มันยอดเยี่ยมมากที่เจ้าสามารถพาข้าออกมาได้”
เขายิ้มเยาะ “ข้ารู้มานานแล้วว่าเจ้าไม่ชอบคนในเรือนด้านใน หากไม่ใช่เพื่อปกป้องและสนับสนุนเจ้า เจ้าเชื่อจริง ๆ หรือไม่ว่าเจ้าสามารถทำอะไรได้อย่างอิสระ และหยิ่งยโสในคฤหาสน์เฟิงที่ไร้ยางอายหรือไม่ ? เจ้าเชื่อจริง ๆ หรือไม่ว่าเสนาบดีของราชสำนักจะอ่อนแอและจัดการได้ง่าย ? เจ้าไม่รู้จักเก็บงำอารมณ์ของเจ้า ผู้หญิงเหล่านั้นมีแผนการภายใน เมื่อเจ้าตรงไปตรงมาถ้าข้าไม่ได้ปกป้องเจ้า ข้าก็ไม่สบายใจจริง ๆ !”
เฟิงหยูเฮงปล่อย “พรืด” แล้วก็เริ่มหัวเราะ “ซวนเทียนหมิง เจ้าไม่ละอายบ้างหรือ ? ” แต่นางพูดอย่างนี้ก่อนปิดปาก
ในความเป็นจริงการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพูดก็ถูกต้อง นางสามารถยืนหยัดในคฤหาสน์เฟิงได้อย่างรวดเร็ว อะไรทำให้คนของคฤหาสน์เฟิงเกลียดนางและอิจฉานาง ? อะไรคือพื้นฐานที่ทำให้นางได้รับตำแหน่งองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อัน มันเป็นเพราะทักษะการแพทย์ของนางหรือ ? ในท้ายที่สุดมันเป็นเพราะความสัมพันธ์ของนางกับองค์ชายหยู ไม่ใช่เพราะทักษะของนางเอง
“นี่เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน” นางหันหลังกลับและพูดด้วยความพึงพอใจอย่างมาก “ในอดีตข้าพึ่งตัวเองสำหรับทุกสิ่งและข้าดูถูกผู้หญิงที่พึ่งพาผู้ชายทุกอย่าง ลองคิดดูสิตอนนี้การพึ่งพาผู้ชายแล้วสะดวกสบายจริง ๆ ! ไม่จำเป็นต้องคิดอะไร ตราบใดที่ข้าทำสิ่งที่ข้าต้องกา รคนของข้าจะช่วยเก็บกวาดความยุ่งเหยิงของข้า ความรู้สึกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เทียบได้จริง ๆ ! ”
ซวนเทียนหมิงหัวเราะ “เพื่อให้สามารถมีชายที่แข็งแกร่งพอที่จะสนับสนุนความฝันทั้งหมดของเจ้าให้เป็นจริงได้นั้นเจ้าต้องมีความสามารถของตัวเองด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในท้ายที่สุดเจ้ายังคงต้องพึ่งตัวเอง” เขาตบไหล่ของเฟิงหยูเฮง “เราพักกันสองวันหนึ่งคืนอีกครั้ง กลับไปที่ค่ายเพื่อดูแลท่านฮูหยิน จากนั้นอาบน้ำอุ่นแล้วนอนหลับให้สนิท”
“แล้วเจ้าล่ะ?” เฟิงหยูเฮงได้ยินสิ่งที่เขาหมายถึง “เจ้าจะไม่พักผ่อน เจ้าจะทำงานต่อไปหรือ ? ”
ซวนเทียนหมิงกล่าวว่า “ข้าก็เป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ข้าก็มีกำลังมากกว่าเจ้าเล็กน้อย ข้าพร้อมไปดูช่างตีเหล็ก ข้าจะเลือกพวกเขาบางคนเพื่อมาเรียนรู้ขั้นตอนแรก เราจะให้พวกเขาสร้างขี้ตะกรันในถ้ำซูเทียน เมื่อเฉียนหลี่กลับมาพร้อมผู้คนจำนวนมาก เราสามารถทำขั้นตอนต่อไปได้”
คิดเล็กน้อยนางรู้สึกว่าสิ่งนี้ดี แต่นางแนะนำเขาว่า “ถ้าเราเลือกช่างตีเหล็กที่มีประสบการณ์มากกว่าแล้วให้พวกเขาสร้างขี้ตะกรัน มันจะเป็นการสิ้นเปลืองมากเกินไป มันจะเป็นการดีกว่าถ้าจะสอนลูกศิษย์ของพวกเขา และให้คนหนุ่มทำตามขั้นตอนแรก ปล่อยให้คนที่มีประสบการณ์ดำเนินการในขั้นตอนต่อไป”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “นั่นสมเหตุสมผล กลับไปเร็ว ข้าจะไปจัดการมันทันที”
เมื่อเฟิงหยูเฮงกลับไปที่ค่าย ทหารกำลังฝึกซ้อมกัน นางไปหาเฮกานและซีเฟิงเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของกองทัพเจตจำนงแห่งสวรรค์ เมื่อได้ยินว่าไม่มีปัญหา นางรู้สึกสบายใจและไปเยี่ยมเหยาซื่อ
เหยาซื่อทนนานสองสามวัน และการติดยานั้นควบคุมได้ดีกว่าเดิมมาก วังซวนบอกกับนางว่า “ท่านฮูหยินไม่ได้ทำร้ายในสามวันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่านางจะมีชีวิตชีวามากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา”
ทั้งสองผลักม่านออกไป และเข้าไปในกระโจมขณะพูด เหยาซื่อกำลังทานโจ๊กด้วยความช่วยเหลือจากหวงซวน เมื่อเห็นว่าเฟิงหยูเฮงมาถึง นางก็รีบถามว่า “อาเฮง เจ้ากินอะไรหรือยัง ? ” จากนั้นนางก็บอกหวงซวน “รีบไปเอาโจ๊กมาให้อาเฮงกินเร็ว”
นางไม่ได้เจียมเนื้อเจียมตัว เมื่อนั่งลงที่ฝั่งของเหยาซื่อแล้วนางก็เริ่มทานด้วย ในขณะที่ทานนางสังเกตและพบว่าเหยาซื่อดีขึ้นอย่างมาก ผิวของนางกลายเป็นสีแดงเล็กน้อย และดวงตาของนางก็ไม่ดูไร้ประกายเหมือนก่อน แม้ว่ามันจะไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับเมื่อนางมีสุขภาพดี แต่ก็ยังค่อนข้างดีกว่าเมื่อก่อน
เฟิงหยูเฮงถอนหายใจนานราวกับก้อนหินที่ถูกกดลงบนหัวใจของนางถูกยกขึ้น “การเห็นท่านแม่ดีขึ้นทุกวัน ข้าก็สบายใจมากขึ้น” นางพูดตามจริง “ข้ากังวลจริง ๆ ว่าข้าจะไม่สามารถรักษาท่านแม่ได้ และจะไม่สามารถให้คำอธิบายกับท่านตาได้”
หลังจากเหยาซื่อทานเสร็จเสร็จ นางก็วางชามแล้วถอนหายใจพูดว่า “อาเฮงไม่จำเป็นต้องกังวล ตระกูลเหยาเป็นตระกูลแพทย์ แม้ว่าข้าจะไม่ได้รับคำสอนใด ๆ แต่ข้าก็เติบโตในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ข้ารู้ว่าแม้ว่าท่านตาของเจ้าจะมาด้วยตัวเอง เขาจะรู้สึกหมดหนทางที่จะจัดการยาเปลี่ยนวิญญาณ ตอนนี้เจ้าสามารถช่วยข้าฟื้นได้ระดับนี้แล้วถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว”
ไม่ว่าจะเป็นปาฏิหาริย์หรือไม่ก็ตามเฟิงหยูเฮงไม่รู้ แต่นางก็ยังจำได้ว่าเหยาซื่อสามารถทนได้เพราะเฟิงจื่อหรูและคำสัญญาที่ให้ไว้ ดังนั้นนางจึงริเริ่มที่จะพูดว่า “ท่านแม่ ตอนนี้ร่างกายของท่านแม่ยังต้องการการฟื้นฟูอีกเล็กน้อย แม้ว่าจะมีบางครั้งตั้งแต่อาการกำเริบครั้งล่าสุดของท่านแม่ เรายังไม่ได้หนีจากช่วงเวลาที่อันตราย ข้ากลัวว่าในอีกประมาณ 10 วันท่านแม่จะมีอาการกำเริบอีกเล็กน้อย มันจะไม่มากเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาก่อน อย่างไรก็ตามมันจะทำให้ท่านแม่ล้มป่วย ข้าคำนวณแล้วและมันจะน้อยกว่าครึ่งปีก่อนที่ท่านแม่จะหายสนิท ในเวลานั้นอาเฮงจะส่งท่านแม่ไปยังเสี่ยวโจวเป็นการส่วนตัว ท่านแม่คิดว่าดีหรือไม่เจ้าคะ ? “
ภาพแห่งความหวังที่ไม่สามารถซ่อนได้ปรากฏในดวงตาของเหยาซื่อในขณะที่นางพยักหน้าซ้ำ ๆ ว่า “ดี ดี”
ขณะที่นางพูด วังซวนเข้ามาจากข้างนอกแล้วกระซิบใส่หูของนาง การแสดงออกของเฟิงหยูเฮงเปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะกลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็พูดกับเหยาซื่อ “องค์ชายส่งคนมาหาข้า เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ค่ายยุ่งมาก และข้าไม่มีเวลาอยู่กับท่านแม่เลย ท่านแม่อย่าตำหนิอาเฮงนะเจ้าค่ะ”
เหยาซื่อรีบพูดอย่างรวดเร็ว “ไปเร็ว ข้าสบายดี อย่าปล่อยให้เรื่องนี้ทำให้การหลอมเหล็กล่าช้า”
เฟิงหยูเฮงยิ้ม และพยักหน้า เมื่อยืนขึ้นนางนำวังซวนออกจากกระโจม เผยให้เห็นความตื่นตระหนกเล็กน้อย…
ตอนที่ 380
หลังจากที่ทั้งสองออกจากกระโจมของเหยาซื่อแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังจุดที่เฟิงหยูเฮงอาศัยอยู่ นางถามวังซวนอย่างรวดเร็ว “ไฟไหม้ที่ไหนในสำนักศึกษา ? ”
วังซวนกล่าว “ในครัวเจ้าค่ะ หลังจากการตรวจสอบมันเป็นพ่อครัวลืมและไม่ได้สังเกตว่าหม้อน้ำแห้ง ทำให้ไฟไหม้ แต่ในเวลานั้นมีเด็กบางคนที่ต้องการเรียนรู้วิธีการทำงานของไฟ เพื่อให้พวกเขาสามารถทำน้ำแกง นายน้อยอยู่ในหมู่พวกเขา”
เฟิงหยูเฮงตกใจเมื่อได้ยินว่าเฟิงจื่อหรูก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้เช่นกัน นางหวังว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ถูกกำจัดให้หมดไปในทันที ไฟเริ่มต้นที่สำนักหยุนหลู่ และเฟิงจื่อหรูอยู่ในที่เกิดเหตุ นี่อาจเป็นเรื่องบังเอิญได้อย่างไร
“เขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ? ” นางถามวังซวน “ข่าวมาถึงเมื่อไหร่ ? ”
วังซวนกล่าวว่า “ข่าวเพิ่งมาถึงโดยนกพิราบสื่อสาร นายน้อยไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ สำนักศึกษาไม่มีปัญหาการขาดแคลนยาม ทันทีที่เกิดไฟไหม้พวกยามเหล่านั้นก็อุ้มเด็กขึ้นมาแล้วรีบออกไป”
นางสงบลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะเป็นเพียงคำเตือนสำหรับนาง แต่นี่เป็นเพียงครั้งแรก ครั้งที่สองมันอาจจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับเหยาซื่อ เฟิงหยูเฮงไม่เคยหยุดพิจารณาว่าจะส่งคนไปเสี่ยวโจวเพื่อปกป้องเฟิงจื่อหรูดีหรือไม่ แต่นางก็รู้สึกว่ามันจะไม่สุภาพต่อสำนักศึกษา เนื่องจากเฟิงจื่อหรูอาศัยอยู่ที่สถาบัน ตอนนี้ดูเหมือนว่าความเคารพเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ชีวิตและความปลอดภัยของเฟิงจื่อหรูอยู่ภายใต้การคุกคาม
นางเงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนขึ้นไปบนอากาศ “บานซู”
เงาวาบต่อหน้านางและบานซูก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนที่นางจะพูด เขาพูดทันที “คุณหนูอยากให้ข้าไปที่เสี่ยวโจวหรือขอรับ ? ”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ใช่ หากเราไม่สามารถเปิดเผยได้ เราสามารถทำอย่างเปิดเผยได้ บานซู ข้าไม่สบายใจถ้าเป็นคนอื่น อีกอย่างตอนนี้ข้าอยู่ที่ค่ายทหาร ไม่จำเป็นต้องมีการป้องกันอย่างแน่นอน”
“คุณหนูจะอยู่ที่ค่ายทหารตลอดหรือไม่ขอรับ ? ” บานซูมองนางอย่างเย็นชา
นางพูดอย่างไร้ประโยชน์ “เจ้าคงไม่สามารถอยู่ในเสี่ยวโจวได้ตลอด เมื่อเจ้าไปในครั้งนี้ให้นำผู้คุ้มกันลับมาด้วย แต่โปรดจำไว้ว่าเจ้าไม่สามารถใช้คนขององค์ชายหยูได้ เราอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในการหลอมเหล็กในขณะนี้ ตอนนี้เราไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้อย่างแน่นอน”
บานซูไตร่ตรองเล็กน้อย “จากนั้นข้าจะนำคนที่ส่งมาจากองค์ชายเจ็ด คุณหนูต้องการให้ข้าอยู่นานแค่ไหนขอรับ ? ”
เฟิงหยูเฮงกล่าว “1 เดือน หลังจากไปถึงที่สำนักศึกษาหยุนหลู่ อยู่ที่นั่น 1 เดือนเต็ม หลังจากจัดการเรื่องทางด้านนั้นเรียบร้อย กลับมา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปมอบผู้คุ้มกันลับให้เฟิงจื่อหรู เจ้าต้องแน่ใจว่าได้อธิบายเรื่องนี้กับเขาอย่างเหมาะสม”
บานซูพยักหน้า “คุณหนูไม่ต้องกังวล ผู้คุ้มกันลับที่องค์ชายเจ็ดส่งมาที่นี่ ไม่ต้องส่งพวกเขากลับไป พวกเขาคือทุกคนของคุณหนู พวกเขาจะปกป้องคนที่คุณหนูต้องการปกป้อง” เมื่อพูดถึงสิ่งนี้เขาหยุด แล้วกล่าวเสริม “ในความเป็นจริงข้าก็เหมือนกัน ถ้าคุณหนูไล่ข้าไปที่เสี่ยวโจวและบอกข้าว่าไม่ให้ข้ากลับมา ข้าก็จะทำเช่นนั้น” หลังจากที่เขาพูดจบแล้วเขาก็ไม่รอให้เฟิงหยูเฮงพูด ในชั่วพริบตาเขาหายไปในอากาศทิ้งข้อความไว้เบื้องหลัง “ดูแลตัวเองด้วยขอรับ คืนนี้ข้าจะเดินทางไป”
วังซวนมองไปในทิศทางที่แน่นอน และจ้องมองไปครู่หนึ่งทันใดนั้นก็พูดว่า “คุณหนูควรพิจารณาที่จะรับผู้คุ้มกันลับคนใหม่”
“หืม ? ” เฟิงหยูเฮงคิดเฉพาะเรื่องในเสี่ยวโจว และไม่สนใจสิ่งที่วังซวนเพิ่งพูดโดยถามว่า “เจ้าพูดว่าอะไรนะ ? ”
อย่างไรก็ตามวังซวนส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าแค่บอกว่าบานซู ไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อย ๆ เคยมีบ่าวรับใช้คนใดที่กล้าต่อรองเมื่อได้รับคำสั่งเจ้าคะ”
เฟิงหยูเฮงไม่รังเกียจสิ่งนี้และพูดง่าย ๆ ว่า “ข้าไม่เคยมองเจ้าในฐานะบ่าวรับใช้ เมื่อติดตามข้า เจ้าเป็นสหายของข้าและเป็นคนของข้า การพูดคุยจะสบายยิ่งขึ้น” นางไม่ได้ตั้งใจที่จะแก้ไขอะไรเลย และเตือนวังซวนอีกครั้ง “จำไว้ว่าเจ้าต้องไม่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นในเสี่ยวโจวกับองค์ชาย ถ้าพระองค์ทราบ พระองค์จะไม่มีสมาธิ ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เขาจะบังคับให้ข้าไปเยี่ยม ตอนนี้การหลอมเหล็กเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ควรเสียเวลา เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? “
วังซวนพยักหน้า “เจ้าค่ะ” นางคิดเพิ่มอีกหน่อย “ข้ากำลังคิด… กำลังจะไปกับบานซู”
“เจ้าอยากไปด้วยหรือ ? ” เฟิงหยูเฮงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อคิดว่าวังซวนเป็นคนที่จะไปเสี่ยวโจวครั้งที่แล้ว ถ้านางสามารถไปคราวนี้มันจะดีที่สุดแน่นอน นอกจากนี้วังซวนอยู่กับเฟิงจื่อหรูมาก่อน นางเป็นห่วงเมื่อได้ยินข่าว โดยไม่ต้องครุ่นคิดให้เสียเวลา นางเห็นด้วยกับเรื่องนี้มาก “ตกลง เจ้าต้องระวังตัวด้วย”
“เจ้าค่ะ คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ” ในขณะที่พูดทั้งสองก็มาถึงกระโจม เตรียมน้ำอาบน้ำ เมื่อผลักผ้าม่านออกมา พวกเขาก็พบกับไอน้ำปะทะใบหน้า
แต่นางจะอยู่ในอารมณ์ที่จะอาบน้ำได้อย่างไร ? แม้ว่านางจะนั่งอยู่ในอ่าง แต่ใจของนางก็ยังคงคิดถึงไฟไหม้ที่สำหนักศึกษาหยุนหลู่อย่างต่อเนื่อง ใครสามารถทำได้บ้าง ซวนเทียนเย่หรือเฉียนโจว ?
นางหลับตาแล้วเอนหลังพิงอ่าง แต่จู่ ๆ ก็ลืมตา นับวันด้วยนิ้วของนาง บางทีคนจากเฉียนโจวมาถึงต้าชุนแล้ว จากชายแดนทางเหนือมาสู่เมืองหลวง การเดินทางไปยังเสี่ยวโจวไม่ใช่เส้นทางที่หลีกเลี่ยงเมืองหลวงและอยู่ไม่ไกลมาก หากพวกเขาเปลี่ยนเส้นทางและไปที่เสี่ยวโจวก่อนก็อาจเป็นไปได้
ปัจจุบันไม่มีทางเลือกอื่นและนางไม่สามารถพาเฟิงจื่อหรูมาที่ค่ายทหาร ในท้ายที่สุดเด็กคนนั้นยังต้องการเข้าสำนักศึกษา นางหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนที่กลุ่มของบานซูจะไปถึงเสี่ยวโจว
นางควรจะกลับมาพักผ่อน แต่นางก็ได้รับข่าวนี้ทันที ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เฟิงหยูเฮงก็ไม่สามารถหลับได้สนิท นางเก็บไปฝัน บางเรื่องเกี่ยวข้องกับเฟิงจื่อหรู บางเรื่องเกี่ยวข้องกับเหยาซื่อ และบางเรื่องทำให้นางรู้สึกผิดอย่างมาก
ในที่สุดนางก็ไม่สามารถนอนต่อได้ นางนั่งลง อย่างไรก็ตามเมื่อคิดเพิ่มเติม หากนางปฏิบัติต่อศัตรูด้วยความเมตตายิ่งขึ้น เหยาซื่อและเฟิงจื่อหรูจะตกอยู่ในอันตรายน้อยลงหรือไม่ ?
ความคิดนี้ถูกปฏิเสธทันทีที่รู้สึก นั่นเป็นไปไม่ได้ ไม่เคยมีใครที่จะปล่อยให้นางอยู่ตามลำพัง ถ้านางปล่อยให้พวกเขาอยู่ตามลำพัง และไม่ใช่ครั้งแรกที่ศัตรูที่ใช้ความคิดริเริ่มที่จะก่อให้เกิดปัญหา เมื่อนางเพิ่งกลับไปที่คฤหาสน์ และก่อนที่นางจะทำอะไรได้ เฉินซื่อก็ยังส่งจินเฉินไปมอบยาเฟิงจื่อหรู ซึ่งน่ารังเกียจสำหรับยาและการพยายามทำร้ายเขา นั่นคือเหตุผลที่ไม่สามารถถอยกลับได้เพราะโลกมีขนาดใหญ่ เพื่อปกป้องคนที่นางรัก นางทำได้แค่ยื่นแขนออกไปข้างหน้า นางไม่สามารถหลีกเลี่ยงศัตรูของนางและจัดการพวกเขาได้ทีละคน นี่คือเส้นทางที่นางต้องใช้
เฟิงหยูเฮงไม่สามารถนอนต่อได้ ดังนั้นนางจึงลุกจากเตียงและเปลี่ยนชุด หลังจากล้างหน้านางเดินไปที่เตาหลอม
เมื่อนางมาถึงทหารที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากซวนเทียนหมิงเป็นหัวหน้ากลุ่มกำลังอธิบายว่าจะทำงานสูบลมได้อย่างไร และต้องใช้แรงเท่าใด ทหาร 100 นายที่อยู่รอบ ๆ ล้วนแต่ตั้งใจฟัง
เฟิงหยูเฮงแอบฟังอยู่พักหนึ่งและรู้สึกว่าทหารคนนั้นกำลังอธิบายได้ดีมาก ไม่มีข้อผิดพลาดในคำแนะนำ ในขณะที่อธิบายเขาจะเรียกผู้คนไปข้างหน้าเพื่อฝึกฝน เขายังกล่าวด้วยเสียงดังว่า “อีกไม่นานพวกเจ้าจะต้องฝึกซ้อม 3 รอบในกลุ่มที่จัดไว้ และจำไว้ว่าพวกเจ้าถูกจัดกลุ่มอยู่กับใคร ในอนาคตเหล่านั้นจะเป็นกลุ่มของพวกเจ้า ข้าจะไปถามท่านแม่ทัพในภายหลังเพื่อให้มีกระโจมเพิ่มขึ้นรอบเตาหลอม พวกเราทุกคนจะทำงานที่นี่ พวกเจ้าสามารถจัดการงานได้หรือไม่ ? ”
ทุกคนตอบพร้อมกัน “ได้ ! ”
เฟิงหยูเฮงยิ้มแย้มแจ่มใสและไม่นิ่งเฉย นางมุ่งหน้าไปยังถ้ำซูเทียน
ซวนเทียนหมิงไม่ได้อยู่ในห้องนอน ดังนั้นเขาจึงอยู่กับช่างตีเหล็กที่ผลิตขี้ตะกรัน แม้ว่าถ้ำซูเทียนจะร้อนมากเพราะมีเตาเผาอยู่ในถ้ำเล็ก ๆ แต่มันช่างน่าเบื่อ เฟิงหยูเฮงคิดเกี่ยวกับมัน เมื่อนางมีเวลาว่าง นางต้องเข้าไปในมิติของนาง และทำไอติมเพิ่มขึ้นแล้วโยนเข้าไปในช่องแช่แข็ง ไม่เช่นนั้นช่างตีเหล็กแก่ ๆ ที่เชี่ยวชาญคงไม่สามารถทนได้
ด้านนอกถ้ำเล็ก ๆ มียามเฝ้าอยู่ เมื่อเห็นนางมาถึง พวกเขารีบเปิดประตูหิน เฟิงหยูเฮงเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของนางแล้วเดินเข้าไปที่นั่น นางเห็นซวนเทียนหมิงนั่งอยู่บนพื้นและอธิบายอย่างละเอียดถึงวิธีการผลิตขี้ตะกรัน
ปัจจุบันเรื่องพื้นฐานที่สุดได้รับการพูดคุยเกี่ยวกับ นางได้ยินมาว่าพวกเขากำลังพูดถึงองค์ประกอบของขี้ตะกรันที่เทลงไปแล้ว ดังนั้นนางจึงไปฟัง
ซวนเทียนหมิงเห็นว่านางพักเพียงครู่เดียวก่อนจะกลับมาทำให้เขาขมวดคิ้ว เขาต้องการพูดสองสามคำ แต่นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการอธิบาย ดังนั้นเขาจึงสามารถอดทนและพูดเกี่ยวกับหัวข้อนี้ต่อไป
ในที่สุดมันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขารอคอย เขาใช้เวลาสั้น ๆ นี้เพื่ออธิบายวิธีการใช้นาฬิกาของเฟิงหยูเฮง
นาฬิกาแขวนอยู่บนผนังเรียบร้อยแล้ว และทุกคนก็เงยหน้าขึ้นมอง ซวนเทียนหมิงอดทนอธิบายวิธีการอ่านอย่างอดทน จากนั้นเขาก็บอกพวกเขาว่าพวกเขาจะต้องจับตาดูเวลา เริ่มต้นจาก 2 นาที พวกเขาต้องเตรียมที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ทุกเวลา
ทุกคนกลั้นหายใจโดยจ้องมองนาฬิกา จากนั้นก็ดูเวลา เขาดันมือขึ้นจากพื้นและยกตัวขึ้น จากนั้นลงจอดบนรถเข็น จากนั้นเขาก็ขยับรถเข็นไปที่มุมหนึ่งของถ้ำและโบกมือให้เฟิงหยูเฮง “มานี่สิ”
นางยอมแพ้และเดินไป ก่อนที่เขาจะถาม นางเริ่มที่จะกล่าวว่า “ข้านอนไม่หลับจริง ๆ ข้าอาบน้ำและกินโจ๊ก ร่างกายของข้าหายดีแล้ว”
“ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้ข้าจะสบายใจได้อย่างไร” ซวนเทียนหมิงมองดูเด็กผู้หญิง นางผอมมาก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาดูเหมือนว่านางจะเป็นคนที่น่ากลัว และนั่นก็ทำให้เขาทุกข์ใจ
“เจ้าไม่อนุญาตให้ข้ารู้สึกสบายใจ” เฟิงหยูเฮงรู้สึกว่าเขาเป็นกังวลมาก “ดูสิ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไปพักผ่อนมาบ้างแล้ว แล้วเจ้าล่ะ ? ในช่วงเวลาดังกล่าวเจ้าไม่สามารถพักผ่อนได้”
ซวนเทียนหมิงมองมาที่นาง และนางจ้องไปที่ดวงตาของเขา เมื่อไม่มีคำอื่นเขาก็ขยับรถเข็น และกลับไปที่กลุ่มคน
เฟิงหยูเฮงไม่เข้าใจ ความหมายของสิ่งนี้คืออะไร ? สรุปการอภิปรายเป็นเช่นนี้ ?
หลังจากรอมานานซวนเทียนหมิงไม่ได้พูดอะไรเลย หลังจากเวลาผ่านไปแล้วเขาก็พูดกับช่างตีเหล็กเป็นจำนวนมากว่า “นี่เป็นกระบวนการ เจ้าได้เห็นกระบวนการทั้งหมดแล้ว ติดตามสิ่งนี้เจ้าจะต้องลองด้วยตัวเอง อย่ามาเบียดกันอยู่หน้าเตาเดียวกัน ไปฝึกด้วยตัวเอง อย่ากลัวความล้มเหลว หากมีวัตถุดิบไม่เพียงพอให้แจ้งเรา เพื่อไปเอาววัตถุดิบเพิ่มเติม ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดหลังจากที่เจ้าได้รับทักษะที่ดีและคุ้นเคยกับมัน เจ้าจะสามารถสร้างได้มากเท่าที่เจ้าต้องการ”
ช่างตีเหล็กและผู้ฝึกหัดมีความสุขมาก พวกเขาเห็นด้วยแบะไปหาเตาเผาของตัวเอง
ซวนเทียนหมิงกางมือ “ที่นี่ไม่มีความรู้สึกที่เหนือกว่าใด ๆ จากการเป็นองค์ชายหรือคนทั่วไป คนเหล่านี้สนใจผลิตเหล็กอย่างแท้จริง พวกเขามีแนวคิดเรื่องพลัง ไปกันเถอะ” เขาจับแขนเสื้อของเฟิงหยูเฮง “ชายารักผลักข้า เราออกไปกันเถิด”
เฟิงหยูเฮงส่งเสียง “โอ้” ออกมาแล้วผลักรถเข็นออกจากถ้ำ ในเวลาเดียวกันนางเริ่มคุยกับเขา “เจ้าไม่สามารถเรียกข้าว่าเป็นชายาได้อีกต่อไป ข้ายังไม่ได้แต่งงานกับเจ้า ! ”
“ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะได้แต่งงาน” เขาพูดด้วยความยินดี
“ไม่ช้าก็เร็ว ไม่ช้าก็เร็ว” เฟิงหยูเฮงหัวเราะเยาะ และถามเขาว่า “รู้ว่าเหนื่อย ! แม้แต่ช่างตีเหล็กก็ไม่สามารถจัดการปริมาณงานนี้ได้ ! ”
“ข้าเหนื่อยมานานแล้ว” เขาพูดตามความเป็นจริง “แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ชายารักของข้าได้พาองค์ชายนี้ไปนอน เมื่อเจ้ากลับไป ข้านอนคนเดียว ข้านอนไม่หลับ ! ”
“โอ้องค์ชายที่รักของข้า เจ้าค่อนข้างนิสัยเสียและมีปัญหา” นางตั้งใจล้อเล่นเขา อย่างไรก็ตามนางไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว ขณะที่นางเดินไปที่ห้องนอน
ซวนเทียนหมิงนั่งอย่างมีความสุขบนรถเข็น เขามีความสุขมาก เฟิงหยูเฮงมองเห็นด้านหลังศีรษะของเขา แต่นางก็ยังบอกได้
“อ่า ! ” นางไม่มีความสุข “ตอนนี้ขาของเจ้ายังไม่หายดีหรือ พวกมันได้รับการรักษาโดยข้า ถ้าเจ้ายังเฉื่อยชาต่อไปบนรถเข็นคันนี้ นั่นเป็นการตบหน้าข้า”
ซวนเทียนหมิงปลอบใจนาง “ชายารักอย่ากังวล เจ้าไม่รู้เรื่องนี้ แต่เมื่อข้ายืนขึ้นได้ เรื่องต่าง ๆ จะไม่สนุกหรือบางทีพวกเขาชอบรูปลักษณ์ขององค์ชายในรถเข็น เจ้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขายินดีหรืออย่างไร”
เมื่อพวกเขาพูดกัน ทั้งสองก็มาถึงด้านหน้าประตูหินของห้องนอน เฟิงหยูเฮงก็หยุด
เขางุนงงว่า “ทำไมเราต้องหยุด ? ” เมื่อหันกลับมาเขาพบว่าเฟิงหยูเฮงมีสีหน้าไม่พอใจมาก เขาก็แต่ต้องตกใจและพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น ? ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น