ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด 372-379
ตอนที่ 372 ถูกกำหนดให้เป็นศัตรู
เฟิงอิ๋นพลาดโอกาสแล้ว ให้นางไปทำภารกิจอีกเกรงว่าจะไม่สำเร็จ วิธีที่ดีที่สุดคือให้ชุนเหนียงไปจัดการเรื่องนี้ ตอนนี้ชุนเหนียงอยู่กับเซียวเหยี่ยน มีโอกาสลงมือเมื่อใดก็ได้
“เจ้าค่ะ ศิษย์รับทราบ”
เฟิงอิ๋นรับปาก นางรู้ดีว่าหากเรื่องนี้ไม่สำเร็จ นางกับชุนเหนียงจะเจอผลลัพธ์อย่างไร เว้นเสียว่าจะปลิดชีวิตตัวเองก่อน มิเช่นนั้นอยู่ไปก็เหมือนตาย
นางจบความสัมพันธ์กับเซียวเหยี่ยนอย่างหมดจดบริบูรณ์ไปแล้ว ตอนนี้เพิ่งรู้ว่า ตนเองไร้เดียงสาเกินไป ถึงแม้เซียวเหยี่ยนจะมีใจให้นาง นางก็ไม่สามารถอยู่กับเซียวเหยี่ยนได้ สถานะของพวกเขาถูกกำหนดมาให้เป็นศัตรูกันเท่านั้น
คราวนี้ควรจะทำอย่างไร นางไม่อยากตาย และไม่อยากให้เซียวเหยี่ยนตาย ไม่มีวิธีใดที่จะได้ทั้งสองอย่าง
“เฟิงอิ๋น เจ้าจำไว้ นี่เป็นโอกาสเดียวของเจ้า
หากไม่อยากเป็นมั่วชิงคนต่อไป ก็คงรู้ดีว่าควรจะทำเช่นไร ไม่ง่ายกว่าเจ้าจะมีวันนี้ เจ้าก็ไม่ใช่คนสติฟั่นเฟือน อย่าได้เห็นแก่ชีวิตของผู้ชายที่ไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลเจ้า เมื่อวานอาจารย์ได้รับจดหมายจากฝั่งเมืองหลวง พวกเขาก็อยากได้หัวของเซียวเหยี่ยน และอย่าแตะต้องหลิงอวี้จื้อ”
“ท่านอาจารย์ เหตุใดทางเมืองหลวงถึงต้องการเก็บหลิงอวี้จื้อไว้เจ้าคะ”
เฟิงอิ๋นรู้มาตลอดว่าเจียงสือติดต่อกับคนที่เมืองหลวงอยู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร รู้แต่เพียงว่าสำนักอู๋จี๋มีวันนี้ได้ต้องขอบคุณการช่วยเหลืออย่างลับๆ จากคนผู้นั้น เจียงสือสำนักในบุญคุณของคนผู้นั้นมาตลอด เพียงแต่เจียงสือเป็นคนระวังตัวมาก ติดต่อกับคนที่เมืองหลวงด้วยตนเองตลอด เหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไรแม้แต่นางก็ไม่รู้ชัด
“พวกเขามีแผนของตนเอง นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรยุ่ง ออกไปเถิด!”
“เจ้าค่ะ ศิษย์ขอตัวลา”
เฟิงอิ๋นรับคำแล้วออกไปจากห้องของเจียงสืออย่างเคารพนอบน้อม แต่จิตใจนั้นหนักอึ้ง บางเรื่องไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว ดันไม่ยอมควบคุมใจของตนเองให้ดี ตกมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ จะโทษก็ต้องโทษตัวเอง
วันถัดมาฟ้าเริ่มสว่าง ชุนเหนียงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เตรียมไปห้องครัวทำอะไรกินสักหน่อย นางเกิดในบ้านที่ลำบากยากจนตั้งแต่แรกแล้ว งานบ้านอะไรก็ทำได้หมด พอเข้าไปในสำนักอู๋จี๋ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานพวกนี้อีก ไม่ได้จับมาหลายปีแล้ว ถึงแม้จะรู้สึกไม่ชินมือไปบ้าง แต่ก็ยังทำได้
เพิ่งสวมเสื้อผ้าเสร็จ จู่ๆ ก็มีเสียงที่หน้าต่าง นางมองหน้าต่างอย่างระวังระไว ไม่นานเงาคนสีดำพุ่งพรวดจากหน้าต่างเข้ามาในห้อง รอจนเห็นชัดเจนว่าเงาสีดำนั้นเป็นใคร ชุนเหนียงก็ตกใจจนหน้าขาวซีด เหตุใดจู่ๆ เฟิงอิ๋นจึงมาหานาง สิ่งที่กังวลที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อเห็นชุนเหนียงมองตนด้วยสีหน้าตกใจหวาดกลัว เฟิงอิ๋นก็พูดเสียดสีว่า
“ชุนเหนียง แค่นี้ก็กลัวแล้วหรือ เมื่อก่อนอยู่ต่อหน้าข้าไม่ใช่ต้องทำยโสหรอกหรือ ซ้ำยังวางแผนกับเซียวเหยี่ยนหลอกข้า เจ้าหลงคิดว่าตนเองอยู่กับหลิงอวี้จื้อแล้วจะรอดพ้นปลอดภัยหรือ ตัวนางเองยังเอาตัวแทบไม่รอด คราวนี้มั่วชิงก็ไม่อยู่ ใครก็ช่วยเจ้าไว้ไม่ได้”
“เจ้ามาคราวนี้เป็นเจตนาของตนเองหรือว่าเป็นคำสั่งของเจ้าสำนัก”
ชุนเหนียงรู้ว่ามั่วชิงไม่อยู่ ตอนนี้ก็เกรงว่าจะยังไม่กลับมา ข้างกายหลิงอวี้จื้อก็มีแค่มู่หรงนี่อวิ๋นคนเดียว เขาไม่ใช่คู่แข่งของเฟิงอิ๋นด้วยซ้ำ ใบหน้าชุนเหนียงไม่มีสีเลือด ในใจทั้งหวาดกลัวทั้งหมดหวัง ความรู้สึกเช่นนั้นราวกับมองเห็นพญายม เสียงเริ่มสั่นเครือ
หากครั้งนี้เฟิงอิ๋นมาหานางเพื่อแก้แค้น นางจะได้ตายง่ายดายสักหน่อย ไม่ต้องเจ็บปวดทรมานอะไร หากเป็นคำสั่งของเจ้าสำนัก เช่นนั้นตอนนี้นางคงตายไม่ได้แล้ว แต่จะได้อยู่แบบตายทั้งเป็น วิธีการของเจียงสือ หลายปีมานี้ชุนเหนียงเห็นจนชินตา เมื่อนึกถึงขึ้นมาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ข้ายังไม่มีอิสระจะมาจัดการเจ้าได้ ครั้งนี้เป็นคำสั่งของเจ้าสำนัก”
ตอนที่ 373 ข่มขู่ชุนเหนียง
เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของเจียงสือ ชุนเหนียงก็เริ่มยืนไม่อยู่ รีบเกาะมุมโต๊ะ ฝืนร่างกายเพื่อยืนให้มั่น
เห็นชุนเหนียงตกใจจนมีสภาพเช่นนี้ เฟิงอิ๋นก็หัวเราะอย่างเย็นชา
“หากเจ้ากลัวขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ควรจะหักหลังเจ้าสำนัก
ชุนเหนียง มีความกล้าที่จะทำ แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะรับผิดชอบ แม้จะไปจากเจ้าสำนักแล้ว เจ้าก็ยังทำตัวให้คนอื่นเขาดูถูกเช่นนี้ ครั้งนี้ข้ามาพร้อมกับคำสั่งของเจ้าสำนัก เจ้าสำนักบอกว่าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย”
พูดจบเฟิงอิ๋นก็หยิบสมุนไพรเซียนหลินจือกอนั้นออกมาจากอกเสื้อ
“นี่คืออะไร เจ้าย่อมรู้จักแน่นอน เจ้าสำนักให้เจ้าเอาสิ่งนี้ใส่ในอาหารของเซียวเหยี่ยน หากทำเรื่องนี้สำเร็จ เจ้าสำนักก็จะไม่มาหาเจ้าอีก มิเช่นนั้นผลที่ตามมาเป็นเช่นไรเจ้าคงรู้ดี”
ชุนเหนียงมองสมุนไพรเซียนหลินจื่อในมือเฟิงอิ๋นด้วยสายตาเหม่อลอย ไม่ต้องถามก็รู้ว่าสิ่งนี้มีปัญหา
เจียงสือยังคงไม่ยอมปล่อยเซียวเหยี่ยน ไม่กี่วันที่ได้คลุกคลีมา นางเห็นพวกหลิงอวี้จื้อเป็นเพื่อนของตนไปแล้ว เดิมทีนางอยากไปให้ไกลความผิดชอบชั่วดีเหล่านี้ อยากมีชีวิตที่เงียบสงบ ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่านั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย นางเดินบนเส้นทางที่ไม่มีทางหวนคืน เมื่อเดินไปแล้วก็ไม่มีทางวกกลับ
เมื่อเห็นสีหน้าของชุนเหนียง เฟิงอิ๋นก็คิดในใจแล้วว่าต้องทำอย่างไร นางเอาสมุนไพรเซียนหลินจือยัดใส่มือชุนเหนียง
“ชุนเหนียง ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ นี่เป็นโอกาสเดียวของเจ้า
สำนักอู๋จี๋คือนรก เพียงเข้ามาที่นี่แล้ว หากไม่ตายก็ออกไปไม่ได้ มั่วชิงใช้ความพยายามมากเพียงใดถึงออกไปได้ เจ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้ นางยังมีโอกาส แต่เจ้าไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ประสบการณ์เช่นนั้น ยอมรับชะตากรรมเสียเถิด!
ไม่ต้องคิดเพ้อฝันไร้สาระอีก ทั้งสำนักอู๋จี๋มั่วชิงมีเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“ผู้คุมกฎเฟิง ท่านอ๋องไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ”
“เจ้าวางใจเถิด ไม่นานเขาก็มาที่นี่ สิ่งที่เจ้ามีคือโอกาสลงมือ”
พูดจบเฟิงอิ๋นก็เตรียมตัวไป ชุนเหนียงเรียกนางไว้
“เจ้าฆ่าข้าตอนนี้เถิด”
“เจ้านึกว่าตายแล้วจะจบหรือ หากตายแล้ว อาจารย์ก็จะเอาศพของเจ้ามาทำนักรบไร้ชีพ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะทำลายร่างกายนี้ไปสิ้น มิเช่นนั้นถึงแม้จะตายไปแล้ว ทั้งหมดนี้ก็จะไม่จบ อาจารย์ยังรอเจ้ากลับไปคืนชีพใหม่ ชุนเหนียง อย่าทำให้อาจารย์ผิดหวัง”
เฟิงอิ๋นไม่ได้หันกลับมา พูดจบก็ออกไปทางหน้าต่าง ห้องกลับสู่ความสงบอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เงียบสงบ ราวกับว่าไม่เคยมีใครเข้ามา
ชุนเหนียงนั่งบนเก้าอี้ กำสมุนไพรเซียนหลินจือไว้แน่น นางควรทำอย่างไรดี
นางรู้ดี ถึงแม้นางจะใส่สมุนไพรเซียนหลินจือให้เซียวเหยี่ยนกินตามคำสั่งของเจียงสือ เจียงสือก็จะยังไม่ปล่อยนางเช่นเดิม อย่างมากก็คงตายอย่างสบายขึ้นหน่อย มิเช่นนั้นเฟิงอิ๋นคงไม่ให้นางยอมรับชะตากรรมเสีย เจียงสือไม่ใช่คนใจกว้างมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
นั่งอยู่สักพัก เห็นข้างนอกฟ้าสว่างทั่วแล้ว นางจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องทำอาหารเช้า เก็บสมุนไพรเซียนหลินจือเก็บเข้าอกเสื้อ รีบออกจากห้อง
ทำอาหารเช้าให้เสร็จ ชุนเหนียงกำลังจะเรียกหลิงอวี้จื้อกับมู่หรงนี่อวิ๋นมากินข้าวเช้า ทั้งสองคนก็ลุกจากเตียงแล้ว เดินตามกันเข้ามาในห้องทานอาหาร
“สายป่านนี้แล้วมั่วชิงยังไม่กลับมา คงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ!”
ใจหลิงอวี้จื้ออยู่ไม่สุข ตามปกติ มั่วชิงควรจะกลับมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
“หากมีเรื่องจริงๆ คงมีข่าวแว่วมาแล้ว รออีกหน่อยเถิด”
หลิงอวี้จื้อพยักหน้า พอเข้าไปแล้วยังไม่เห็นอวิ๋นซั่ว หลิงอวี้จื้อจึงพูดว่า
“เอ๊ะ อวิ๋นซั่วเล่า ข้าจะไปเรียกเขา”
พูดจบก็เตรียมจะลุกไปเรียกอวิ๋นซั่ว ชุนเหนียงวางชามกับตะเกียบในมือลง
“คุณหนูหลิง ท่านกินก่อนเถิด ข้าไปเรียกคุณชายอวิ๋นเองเจ้าค่ะ”
“ขอบใจนะ ชุนเหนียง รบกวนเจ้าแล้ว ฝีมือเจ้าไม่เลวเลย”
หลิงอวี้จื้อมองก๋วยเตี๋ยวควันฉุยบนโต๊ะ พูดพลางยิ้มหวาน
ตอนที่ 374 เหตุใดถึงดีกับข้าเช่นนี้
ชุนเหนียงมีอาการใจลอย ตอบรับไปคำหนึ่ง สาวเท้าเดินออกมาจากห้องทานอาหาร หลิงอวี้จื้อชิมก๋วยเตี๋ยวไปหนึ่งคำ
“วันนี้ชุนเหนียงดูแปลกๆ ไป ประเดี๋ยวต้องถามสักหน่อย พวกเราต้องหาที่ปลอดภัยให้ชุนเหนียงปักหลัก อย่าให้นางตกอยู่ในกำมือของสำนักอู๋จี๋ได้อีก ก่อนนี้รู้สึกว่าตำบลเถาหยวนนี่ก็ไม่เลว ตอนนี้คิดๆ ดูแล้วก็ยังไม่ได้ ที่นี่ใกล้สำนักอู๋จี๋เกินไป”
“เรื่องนี้ข้าจะไปจัดการเอง ข้ามีญาติอาศัยอยู่ในชนบท ถึงตอนนั้นให้พวกเขามารับชุนเหนียงที่เมืองหลวง เจ้าสำนักอู๋จี๋คงไม่พลิกแผ่นดินหาชุนเหนียงหรอก ถึงเวลานั้นน่าจะปลอดภัยแล้ว”
หลิงอวี้จื้อพยักหน้า ไม่คัดค้านแผนการของมู่หรงนี่อวิ๋น
ชุนเหนียงไปหาอวิ๋นซั่ว แต่ไม่เห็นอวิ๋นซั่วอยู่ในห้องของเขา เมื่อเดินผ่านตรงมุมเลี้ยว อวิ๋นซั่วที่กำลังรีบร้อนก็ชนเข้ากับชุนเหนียงอย่างจัง
สมุนไพรเซียนหลินจือในอกเสื้อของชุนเหนียงหล่นลงบนพื้น อวิ๋นซั่วเห็นของที่อยู่บนพื้น ก็มีแววตาตกใจแวบหนึ่ง แล้วรีบซ่อนแววตานั้นอย่างรวดเร็ว
ชุนเหนียงกุลีกุจอก้มตัวลงเก็บสมุนไพรเซียนหลินจือขึ้นมา แล้วเก็บเข้าไปในอกเสื้อทันที รอยยิ้มไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ
“เหตุใดคุณชายอวิ๋นไม่อยู่ในห้องเจ้าคะ รีบไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ห้องทานอาหารเถิดเจ้าค่ะ!”
อวิ๋นซั่วรู้จักสมุนไพรเซียนหลินจือ ถามด้วยความใคร่รู้ว่า
“พี่สาว สิ่งที่พี่เพิ่งเก็บไปคืออะไรหรือ”
“ไม่มีอะไร แค่สมุนไพรเล็กๆ น้อยๆ คุณหนูหลิงกับคุณชายมู่หรงยังรอคุณชายอยู่ ประเดี๋ยวเส้นก๋วยเตี๋ยวจะติดเป็นก้อนนะเจ้าคะ”
ชุนเหนียงไม่กล้าพูดกับอวิ๋นซั่วมากเกินไป สิ่งนี้หายาก มีคนน้อยนักที่เคยเห็น คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน
อวิ๋นซั่วอายุยังน้อย ควรจะไม่เคยเห็นถึงจะถูก เพียงแต่นางดูถูกชาติกำเนิดของอวิ๋นซั่วเกินไป ตระกูลอวิ๋นเป็นตระกูลพ่อค้าที่มีชื่อเสียงไปทั่ว สมบัติล้ำค่าหายากต่างๆ นานาย่อมเคยเห็นมาไม่น้อย บ้านของเขาก็เคยมีสมุนไพรเซียนหลินจือหนึ่งต้น เขาย่อมรู้จักแน่นอน
อวิ๋นซั่วไม่ได้ถามอะไรอีก พยักหน้าแล้วไปที่ห้องทานอาหาร เมื่อหันหลังให้แล้ว ใบหน้าเขาก็เผยรอยยิ้มพึงใจ สวรรค์กำลังช่วยเขาอยู่แท้ๆ ท่านพ่อ ขอเพียงเอาสมุนไพรเซียนหลินจือมาได้ ท่านก็จะรอดแล้ว
ชุนเหนียงถอนหายใจแรงหนึ่งครั้ง ไม่มีกะจิตกะใจจะกินอะไรแล้ว นั่งบนบันไดในลานบ้านเพียงลำพัง จิตใจเหม่อลอย
หลิงอวี้จื้อตบไหล่นางเบาๆ ชุนเหนียงตกใจจนเกือบล้มคว่ำ หลิงอวี้จื้อหัวเราะก๊าก
“ชุนเหนียง อย่าขี้ขลาดนักสิ ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ เจ้าเป็นอะไรไป อยากคุยกับข้าสักหน่อยหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ”
ชุนเหนียงหลบสายตาลง ปิดซ่อนความรู้สึกในดวงตา
“แค่ตาไม่บอดก็ดูออกว่าเจ้ามีเรื่องอะไร เจ้ากังวลว่าต่อไปพวกเราจะไม่สนใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่
ข้ากับนี่อวิ๋นหารือกันเรียบร้อยแล้ว เขามีญาติห่างๆ อยู่ที่ชนบทในเมืองจิ่นโจว เจ้ากลับไปเมืองหลวงกับพวกเราก่อน ถึงตอนนั้นให้ญาติเขามารับเจ้าไป เช่นนี้ปลอดภัยขึ้นหน่อย
จิ่นโจวไกลจากที่นี่มาก และไม่ต้องกังวลว่าคนสำนักอู๋จี๋จะตามเจ้าไปอีก อย่างไรเจ้าก็มิใช่คนสำคัญอะไรในสำนักอู๋จี๋ เจียงสือคงไม่เปลืองแรงไปตามหาเจ้าหรอก เช่นนี้ เจ้าคงหายกังวลได้บ้างแล้วใช่หรือไม่! สองสามเดือนนี้เจ้าตามพวกเรามาอย่างไม่ค่อยสบายใจ ก๋วยเตี๋ยวที่เจ้าผัดไม่เลวเลยจริงๆ ”
เห็นหลิงอวี้จื้อคิดเพื่อตนเองเช่นนี้ ใจของชุนเหนียงก็รู้สึกซาบซึ้ง
“ที่จริงพวกท่านไม่ต้องสนใจข้าแล้วก็ได้ เหตุใดถึงดีกับข้าเช่นนี้”
“งานง่ายพอๆ กับยกมือแค่นี้เอง ร้ายดีอย่างไรเราก็เคยร่วมลำบากกันมา ไม่ต้องคิดมากแล้ว ชีวิตของเจ้าจากนี้ไปจะต้องเป็นเหมือนกับที่เจ้าคิดไว้เช่นนั้นแหละ เจ้าจะได้แต่งงานกับสามีที่รักเจ้า จากนั้นก็มีลูกเยอะๆ ทั้งครอบครัวใช้ชีวิตกันอย่างรักใคร่ดีงาม”
ชุนเหนียงพยักหน้าหงึกหงัก นี่เป็นความฝันของนาง และเป็นได้เพียงความฝันเท่านั้น ชีวิตเช่นนี้ไม่มีวันตกเป็นของนาง
ตอนที่ 375 คนอื่นล้วนเป็นอากาศธาตุ
ถึงแม้จะกลัว แต่นางตัดสินใจแล้ว ชีวิตของนางไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ ไม่อยากทำให้คนที่ห่วงใยนางด้วยความจริงใจต้องมาเหนื่อยอีกแล้ว คิดๆ ดู หลายปีแล้วที่นางไม่เคยได้รับความห่วงใยเช่นนี้
ตอนนี้เองอยู่ๆ หลิงอวี้จื้อก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย นางรีบวิ่งพุ่งเข้าไป ยื่นมือออกไปประคองเซียวเหยี่ยนที่หน้าขาวซีด
“อาเหยี่ยน ท่านมาได้อย่างไร”
เซียวเหยี่ยนไม่สนใจบาดแผลที่เจ็บปวด ยื่นมือออกไปกอดหลิงอวี้จื้อไว้ กอดนางไว้แนบแน่น กลัวว่าถ้าเขาคลายมือ หลิงอวี้จื้อจะหายไป
“อย่ากอดแน่นขนาดนั้นสิ แผลของท่าน…”
“ไม่เป็นไร อวี้จื้อ ต่อไปไม่อนุญาตให้เจ้าทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้อีก”
“ท่านต่างหากที่ทำเรื่องโง่ๆ รีบปล่อยข้า”
หลิงอวี้จื้อร้อนใจแล้ว กลัวว่าแผลของเซียวเหยี่ยนจะปริ เห็นหลิงอวี้จื้อร้อนรนเช่นนี้ เซียวเหยี่ยนถึงได้คลายมือ
หลิงอวี้จื้อตรวจดูบริเวณท้องของเซียวเหยี่ยนอย่างเคร่งเครียด
“เลือดออกหรือไม่”
“ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
“ท่านอยากตายหรืออย่างไร เจ็บสาหัสขนาดนี้ยังถ่อมาได้”
หลิงอวี้จื้อพูดตำหนิ น้อยนักที่จะมีโอกาสต่อว่าเซียวเหยี่ยนได้
“แล้วที่เจ้าจากไปไม่บอกสักคำเบ่า”
หลิงอวี้จื้อก้มหน้าอธิบาย
“ข้าไม่อยากเป็นหม้าย อาเหยี่ยน ข้าจากไปแค่ระยะหนึ่งก็สามารถแลกชีวิตท่านมาได้ การแลกเปลี่ยนครั้งนี้คุ้มค่ามาก ข้าย่อมต้องทำ”
เซียวเหยี่ยนยื่นมือมาลูบหัวหลิงอวี้จื้อ สายตาอ่อนโยนหยดย้อยราวกับจะละลายออกมาเป็นน้ำ
“ต่อไปไม่อนุญาตให้เจ้าไปจากข้าอีก”
“ท่านนึกว่าข้าอยากหรือ ข้าถูกบังคับไม่มีทางเลือก อาเหยี่ยน เฟิงอิ๋นเล่า ท่านมาได้อย่างไร”
“เฟิงอิ๋นไปแล้ว ต่อไปอย่าเอ่ยถึงคนผู้นี้อีก”
เซียวเหยี่ยนเล่าเพียงคร่าวๆ เขาไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก หลิงอวี้จื้อไม่รู้ว่าระหว่างเซียวเหยี่ยนกับเฟิงอิ๋นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เฟิงอิ๋นปล่อยให้เซียวเหยี่ยนมาหาเธอเร็วขนาดนี้ ซ้ำยังให้เซียวเหยี่ยนกินสมุนไพรเซียนหลินจือแล้ว เหลือเชื่อจริงๆ
“ท่านกินสมุนไพรเซียนหลินจือไปเท่าใด”
หลิงอวี้จื้อจับแขนเซียวเหยี่ยน ถามอย่างตึงเครียด
“หนึ่งต้นจริงๆ หรือ”
หลิงอวี้จื้อตกใจเบิกตาโต หรือว่าในที่สุดเฟิงอิ๋นคิดได้แล้ว ไม่เพียงแต่ให้เซียวเหยี่ยนมาหาเธอ ยังให้สมุนไพรเซียนหลินจือทั้งต้นแก่เซียวเหยี่ยนด้วย
“เรื่องมันผ่านไปหมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงก็ได้ อวี้จื้อ ต่อไปห้ามทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้อีก หากเจ้าไปจากข้า ถึงข้าจะมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีความสุข”
เซียวเหยี่ยนมองหลิงอวี้จื้ออย่างจริงจัง แววตามีความรักที่ถึงจะซ่อนก็ซ่อนไม่มิด จากนี้ไป เขาตระหนักแล้วว่าหลิงอวี้จื้อมีความสำคัญต่อเขาเพียงใด ไม่มีนาง เขามีชีวิตอยู่ได้ แต่อยู่ไปอย่างไม่มีความรู้สึกรักโลภโกรธหลงใดๆ เป็นแค่ร่างกายคนเท่านั้น
“หา…ที่แท้ท่านจะฆ่าตัวเองตายเพราะเหตุนี้หรือ”
เดิมทีนึกว่าหลิงอวี้จื้อฟังแล้วจะซาบซึ้ง แต่ผลคือหลิงอวี้จื้อตอบกลับมาเช่นนี้ เซียวเหยี่ยนจิ้มหัวเธอหนึ่งที
“เจ้าเฝ้ารอให้ข้าฆ่าตัวตายเช่นนี้หรือ”
“ไม่ใช่แน่นอนเพคะ ข้ารู้สึกว่าการฆ่าตัวตายเพราะความรักช่างโง่เขลา คนหนึ่งทุ่มสุดแรงกายแรงใจเพื่อช่วยอีกคนหนึ่ง ย่อมหวังว่าเขาจะได้ใช้ชีวิตดีๆ หากอีกคนหนึ่งหาเรื่องตาย เช่นนั้นไม่เสียแรงช่วยเปล่าหรือ
ที่สำคัญคือตายแล้วก็ไม่ได้พบกันอีก ซ้ำยังลืมกันและกันไปโดยสิ้นเชิง สู้อยู่ต่อก็ไม่ได้ เช่นนี้อย่างน้อยก็ยังจำกันได้อยู่ ยังพอจะช่วยทำสิ่งที่อีกคนอยากทำให้สำเร็จได้”
เซียวเหยี่ยนไม่ได้ตัดบทหลิงอวี้จื้อ ฟังอย่างตั้งใจมาก พยักหน้าหงึกหงัก
“เจ้าพูดจามีเหตุผลอยู่”
หลิงอวี้จื้อยิ้มสดใสเป็นพิเศษ
“ต่อไปชมข้าให้มากๆ ถูกต้องแล้วเพคะ ข้าชอบมาก ตอนแรกข้านึกว่าเราคงไม่มีทางได้อยู่ข้ามคืนวันสิ้นปีด้วยกันแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะไล่ตามทันจนได้ ปีนี้เราอยู่ฉลองปีใหม่กันที่ตำบลเล็กๆ นี้ ท่านว่าดีหรือไม่”
“เช่นนี้ก็ดี”
เซียวเหยี่ยนตอบรับ มองหลิงอวี้จื้อด้วยแววตาเร่าร้อน ราวกับว่ามองอย่างไรก็ไม่พอ ตามีไว้มองนางเท่านั้น สำหรับเขา คนอื่นล้วนเป็นอากาศธาตุ
ตอนที่ 376 หน้าหนาขนาดนั้นเสียที่ไหน
จู่ๆ เซียวเหยี่ยนก็โน้มตัวลงมาจุมพิตริมฝีปากของหลิงอวี้จื้อ หลิงอวี้จื้อตกใจจนตัวแข็ง
คุณพระ เซียวเหยี่ยนกล้าเกินไปแล้ว รอบๆ มีคนมองอยู่หลายคนนะ เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก อยากจะผลักเซียวเหยี่ยนออกไป ก็กลัวว่าจะทำให้เขาเจ็บแผลอีก ได้แต่เกร็งตัวรับจุมพิตของเซียวเหยี่ยน
มั่วชิงถอยหลบไปเองอย่างรู้งาน ชุนเหนียงอมยิ้มที่มุมปาก คู่นี้มีความสุขกันจริงๆ คนรอบข้างที่มองอยู่ต่างก็รู้สึกถึงความรักอันหวานชื่น ทำให้นางรู้สึกอิจฉามาก
นางไม่มีโอกาสได้พบคนเช่นนี้อีกแล้ว หากจะให้แยกพวกเขาออก นางก็กลั้นใจทำไม่ลง ชุนเหนียงเกรงใจไม่กล้าดูต่อ จึงกลับห้องไป
มู่หรงนี่อวิ๋นได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวข้างนอก ก็วิ่งออกมาด้วยความตื่นเต้น จึงเห็นฉากบาดตาพอดิบพอดี
เขาตะลึงอึ้งอยู่กับที่ นึกไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะไร้ศีลธรรมเช่นนี้ กล้าจูบหลิงอวี้จื้อต่อหน้าคนอื่นในลานบ้าน
เขาอยากให้หลิงอวี้จื้อมีความสุข แต่ก็หึงหวง โดยเฉพาะตอนเห็นสองคนกะหนุงกะหนิงกันในที่สาธารณะต่อหน้าเขา มีผลกระทบต่อเขาไม่น้อย เขาไม่กล้าดูอีก หมุนตัวจากไปอย่างเร็ว
ผ่านไปนานพอสมควร ในที่สุดเซียวเหยี่ยนก็ปล่อยหลิงอวี้จื้อ ลานบ้านว่างเปล่าไร้คนนานแล้ว หลิงอวี้จื้อหน้าแดงระเรื่อ กล้ามองเซียวเหยี่ยนเสียที่ไหน ทำเป็นพูดตำหนิ
“อุ๊ย คราวหน้าท่านควบคุมตนเองหน่อยสิเพคะ คนตั้งมากมาย ต่อไปข้าจะมองหน้าพวกเขาอย่างไรกัน”
“ควรทำอย่างไร ก็ทำเช่นนั้นแหละ”
“ข้าหน้าหนาขนาดนั้นเสียที่ไหนเพคะ”
เห็นได้ชัดว่าเซียวเหยี่ยนอารมณ์ดีสุดๆ มีรอยยิ้มอยู่ในแววตา น้ำเสียงก็อ่อนโยนยิ่งนัก
“อวี้จื้อ เจ้ากำลังพูดอ้อมๆ ว่าข้าหน้าหนาใช่หรือไม่”
“มิกล้า มิกล้า ข้าจะกล้าว่าท่านอ๋องได้อย่างไรเพคะ ท่านยืนนานเกินไปแล้ว กลับห้องก่อนเถิด!”
พูดจบก็พาเซียวเหยี่ยนกลับห้อง เดินไม่กี่ก้าวก็พูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
“ข้านึกออกแล้ว ที่นี่ไม่มีห้องของท่าน อยู่กันเต็มทุกห้องพอดี”
“ไม่เป็นไร ข้ากับเจ้าพักห้องเดียวกัน”
หลิงอวี้จื้อเหลือบตาจ้องเซียวเหยี่ยน
“ฝันไปเถิดเพคะ ข้าจะยกห้องให้ท่าน จากนั้นจะไปอยู่ห้องเดียวกับมั่วชิง”
“อวี้จื้อ พวกเราไหว้ฟ้าดินด้วยกันแล้ว”
เซียวเหยี่ยนย้ำเตือนหลิงอวี้จื้ออย่างจริงจัง
“ไม่นับสิเพคะ นั่นมันหน้าของเฟิงอิ๋น ท่านอย่าพูดถึงเรื่องไหว้ฟ้าดินนี้ให้ข้าได้ยินอีก พูดขึ้นมาก็โมโห วันนั้นท่านพูดจาไร้สาระมากมายเพื่อให้ข้าโกรธจนเดินออกไป แถมยังปล่อยให้เฟิงอิ๋นจูบท่าน ท่าน…”
หลิงอวี้จื้อยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห เซียวเหยี่ยนหน้าตึง คราวนี้เขาหาเรื่องยกหินทับเท้าตนเองแท้ๆ หากรู้เช่นนี้ก่อน เขาจะไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้เด็ดขาด
“อวี้จื้อ ข้าเจ็บแผลแล้ว ดูเหมือนแผลจะปริแล้ว”
รู้ดีว่าเซียวเหยี่ยนจงใจเปลี่ยนเรื่องคุย หลิงอวี้จื้อก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก จะพะวงเรื่องเหล่านั้นไปเพื่ออะไร ความตั้งใจเดิมของเขาก็เพื่ออยากให้เธอไปจากสำนักอู๋จี๋ ที่แห่งนั้นเป็นที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง ในเมื่อมีบันไดออกจากบทสนทนานี้แล้ว เช่นนั้นก็เดินตามบันได้นั้นลงเวทีไป
สองคนเตรียมจะกลับห้อง จู่ๆ อวิ๋นซั่วก็วิ่งปรี่มาตรงหน้าทั้งสองคน แล้วเรียกพี่ใหญ่หนึ่งครั้ง
หลิงอวี้จื้อถึงนึกถึงอวิ๋นซั่วขึ้นมาได้ แนะนำไปพลางสังเกตสีหน้าของเซียวเหยี่ยนไปพลาง
“คือว่า เซียวเหยี่ยน เขาชื่ออวิ๋นซั่ว ตระกูลอวิ๋นเกิดเรื่องแล้ว เขาจึงมาหาท่าน”
ท่าทีของเซียวเหยี่ยนเย็นชาอย่างยิ่ง ถึงแม่อวิ๋นซั่วจะเป็นน้องชายต่างพ่อแต่แม่เดียวกัน ทว่าเขาไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับคนตระกูลอวิ๋น และไม่เคยคิดจะคบค้าสมาคมกับคนตระกูลอวิ๋น สำหรับน้องชายที่จู่ๆ ก็โผล่มานี้ เขาทำเพียงพยักหน้าเบาๆ ถามว่า
“เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไร”
“พี่ใหญ่ บนโลกนี้ข้ามีเพียงท่านเป็นญาติเพียงผู้เดียวแล้ว ก่อนพ่อข้ากำลังจะตายเขาให้ข้ามาหาท่าน บอกขอโทษท่าน ใช่แล้ว พ่อข้ายังมีของที่จะให้ท่านด้วย”
ตอนที่ 377 ข้าก็ไม่อยากให้ท่านไม่มีความสุข
พูดจบอวิ๋นซั่วก็หยิบ**บไม้สีแดงชาดออกมาจากอกเสื้อ แล้วยื่นไปตรงหน้าเซียวเหยี่ยน ค่อนข้างระมัดระวัง ดูเหมือนอวิ๋นซั่วจะกลัวเซียวเหยี่ยนเล็กน้อย ระวังตัวอย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
หลิงอวี้จื้อกวาดตามอง**บไม้ ยาวประมาณสิบเซนติเมตร แคบมาก สิ่งที่บรรจุอยู่ข้างในคงจะเป็นของชิ้นเล็ก
เซียวเหยี่ยนไม่ได้รับ อวิ๋นซั่วค่อนข้างกระอักกระอ่วน สองคนยืนค้างกันอยู่เช่นนี้ หลิงอวี้จื้อไม่มีวิธีอื่น ได้แต่ยิ้มตาหยีรับ**บไม้จากมืออวิ๋นซั่วไป
“หากไม่รังเกียจข้าเปิดแล้วกันนะ!”
“พี่สะใภ้ เจ้าเป็นคนเปิดก็เหมือนพี่ใหญ่เปิด”
หลิงอวี้จื้อรู้ว่าเซียวเหยี่ยนแค้นใจตระกูลอวิ๋นอยู่มาก เดิมทีนึกว่าได้เจออวิ๋นซั่วจะดีขึ้นสักหน่อย ในเมื่อเด็กคนนี้เห็นแล้วเจริญตา ดีกว่าพี่สาวของเขามาก ไม่นึกว่าเซียวเหยี่ยนเจออวิ๋นซั่วแล้วจะมีท่าทีเช่นนี้เหมือนกัน ความเกลียดชังที่เขามีต่อตระกูลอวิ๋นมากมายยิ่งกว่าที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก
หลิงอวี้จื้อเปิด**บไม้ ข้างในมีปิ่นระย้าสีทองเหลืองหนึ่งเล่ม ข้างบนประดับด้วยไข่มุกสีม่วง แถมยังฝังหินอาเกตรอบๆ พู่ระย้ายาวย้อยตกลงมา
ปิ่นระย้านี้สวยจริงๆ งานฝีมือประณีตมาก นี่เป็นความรู้สึกแรกเมื่อหลิงอวี้จื้อเห็นปิ่นระย้าเล่มนี้ เหตุใดอวิ๋นซงถึงให้อวิ๋นซั่วส่งมอบปิ่นระย้าเล่มนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าปิ่นระย้าเล่มนี้เป็นของซูเสียน
ตามคาด เซียวเหยี่ยนเห็นปิ่นระย้าเล่มนี้แล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปทันที หยิบปิ่นระย้าไปจากมือหลิงอวี้จื้อ กำไว้ในมือแน่น นึกถึงที่ซูเสียนตายอย่างอนาถ ในใจก็ยังเจ็บปวด
เขาจำปิ่นระย้าเล่มนี้ได้ นี่เป็นสิ่งของของแม่เขา ตอนนั้นท่านพ่อของเขามอบให้แม่เขาเป็นของขวัญวันเกิด ซูเสียนหวงแหนปิ่นระย้าเล่มนี้มาก ปักไว้บนผมเป็นประจำ
อวิ๋นซั่วดูเหมือนจะรู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน พูดต่อว่า
“พี่ใหญ่ พ่อข้าบอกว่าตอนที่เขาช่วยชีวิตแม่ แม่ก็ปักปิ่นระย้านี้อยู่ ต่อมาพ่อก็เก็บเอาไว้ให้แม่ ตอนนี้ให้ข้ามอบให้พี่ใหญ่เก็บรักษาไว้ หวังว่าพี่ใหญ่จะสามารถอภัยให้เขาได้”
“นี่เป็นมรดกของท่านแม่ ข้าย่อมต้องเก็บรักษาไว้ให้ดีอยู่แล้ว อวิ๋นซั่ว เจ้ามีอะไรให้ช่วยก็รีบบอกมา พูดเสร็จแล้วก็ไปจากที่นี่เสีย ข้าเกิดมาไม่มีพี่น้อง”
นี่หมายความว่าเขาไม่ยอมรับอวิ๋นซั่ว พูดจบเซียวเหยี่ยนก็กลับห้องไปก่อน อวิ๋นซั่วยืนอยู่ที่เดิมด้วยความกระอักกระอ่วนใจ จะออกไปก็ไม่ได้ จะตามไปก็ใช่ที่
หลิงอวี้จื้อตบไหล่อวิ๋นซั่วเบาๆ
“น้องชาย เรื่องนี้มันค่อนข้างซับซ้อน ท่านอ๋องเป็นคนเช่นนี้แหละ เขาไม่มีเจตนาร้าย เพียงแต่เย็นชาต่อผู้อื่น เจ้าอย่าเก็บไปใส่ใจเลย เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรต่อเจ้า”
“ขอบคุณพี่สะใภ้มาก ข้าก็มิได้มีเจตนาอื่น ข้าเพียงอยากเจอพี่ชายสักหน่อยเท่านั้น พี่สะใภ้ ท่านไปหาพี่ใหญ่เถิด! เขาบาดเจ็บหนักขนาดนั้น ยังต้องการให้เจ้าดูแล”
“เช่นนั้นข้าไปก่อน”
หลิงอวี้จื้อพูดจบก็ตามไป เซียวเหยี่ยนเอนตัวอยู่บนเตียง มือกำปิ่นทองระย้าตลอดเวลา ภาพเหตุการณ์ในวัยเด็กวูบไหวเข้ามาในสายตาไม่หยุด
เขายังจำตอนวันเกิดของแม่ได้ ท่านพ่อของเขาปักปิ่นทองระย้าให้แม่ด้วยตนเอง แม่ของเขายิ้มแย้มอย่างมีความสุขเป็นพิเศษ แสงแดดยามบ่ายสาดส่องบนตัวนาง ราวกับเทพธิดาบนสวรรค์ สองคนยืนคลอเคลียกันเช่นนั้น
เขายืนอยู่ที่ธรณีประตู มองจากที่ไกลๆ ยังรู้สึกอบอุ่นมาก ตอนนั้นเขาเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุด ตอนนั้นเขายังเคยคิดว่า เมื่อโตแล้ว เขาก็จะหาผู้หญิงเช่นนี้เหมือนกัน สุดท้าย เมื่อเขาเจอคนเช่นนี้จริงๆ ท่านพ่อกับท่านแม่กลับไม่อยู่แล้ว
คิดถึงตรงนี้ ใจของเซียวเหยี่ยนก็รู้สึกเศร้าหมอง
“อาเหยี่ยน ท่านไม่เป็นอะไรนะ!”
“ไม่เป็นอะไร ข้าแค่นึกถึงเรื่องในอดีต”
หลิงอวี้จื้อยืนอยู่ริมขอบเตียง ยื่นมือออกไปจับมือเซียวเหยี่ยน
“หากเป็นเรื่องทุกข์ใจในอดีต เช่นนั้นก็อย่าคิดถึงมันอีกเลย อาเหยี่ยน ข้าก็ไม่อยากให้ท่านไม่มีความสุข”
ตอนที่ 378 ข้ายินดีเป็นผลความสุขของท่านตลอดไป
มุมปากเซียวเหยี่ยนยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ใครบอกว่าข้าไม่มีความสุข อวี้จื้อ เจ้ารู้หรือไม่ ไม่ว่าข้าจะเจอเรื่องรำคาญใจเพียงใด ขอเพียงได้เห็นเจ้า อารมณ์ข้าก็ดีขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว”
“มิน่าถึงยืนกรานจะขอข้าแต่งงานให้ได้ ที่แท้ข้าก็เป็นผลความสุข [1] ของท่านนี่เอง”
หลิงอวี้จื้อทำหน้าเข้าอกเข้าใจแจ่มแจ้ง จากนั้นก็หัวเราะพลางพูดว่า
“แต่ข้าก็ยินดีนะ”
“เจ้ายินดีอะไรหรือ”
“ข้ายินดีเป็นผลไม้แห่งความสุขของท่านตลอดไปไง”
เซียวเหยี่ยนถูกหลิงอวี้จื้อหยอกให้ยิ้มอีกแล้ว เขามองหลิงอวี้จื้อด้วยแววตาอบอุ่นอ่อนโยน
ตอนแรกหลิงอวี้จื้ออยากจะช่วยพูดแทนอวิ๋นซั่วสักหน่อย แต่คิดไปคิดมาก็ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะพูดเรื่องเหล่านี้
ที่จริงเธอเข้าใจที่เซียวเหยี่ยนปฏิบัติต่ออวิ๋นซั่วเช่นนั้น หากเปลี่ยนเป็นเธอ เธอก็คาดว่าตนเองคงไม่ต้อนรับน้องชายที่จู่ๆ ก็โผล่มาเช่นกัน จากการที่อวิ๋นซงปิดบังทุกสิ่งทุกอย่าง เขาก็เหมือนถูกพรากแม่ไป
นางเป็นว่าที่ภรรยาของเซียวเหยี่ยน ย่อมยืนอยู่ข้างเซียวเหยี่ยน ไม่อยากใช้มุมมองของพระแม่มารีย์ผู้เมตตา โน้มน้าวให้เซียวเหยี่ยนยอมรับตระกูลอวิ๋น เช่นนี้จะเป็นการฝืนใจเกินไป
จู่ๆ เซียวเหยี่ยนก็เอาปิ่นระย้าปักบนผมของหลิงอวี้จื้อ หลิงอวี้จื้อยังตะลึงอยู่
“อาเหยี่ยน นี่เป็นมรดกของพระชายา เหตุใดท่านไม่เก็บไว้เพคะ”
“เก็บเอาไว้ก็ไร้ค่า ท่านแม่ชอบเจ้า ปิ่นระย้านี้ข้าให้เจ้า อวี้จื้อ นี่ถือว่าเป็นของขวัญวันพบหน้ากันของแม่ข้า และเป็นสินสอดที่ข้ามอบให้เจ้า”
หลิงอวี้จื้อยิ้มออกมา ส่ายหน้าไปมา พู่ระย้ากระทบกันเสียงดังกังวาน เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ถามว่า
“สวยหรือไม่เพคะ”
“สวย”
“ไม่มีคำชมอื่นอีกหรือเพคะ”
หลิงอวี้จื้อรู้ว่าตอนนี้เซียวเหยี่ยนอารมณ์ไม่ค่อยดี อยากแหย่เขาให้อารมณ์ดี ด้วยเหตุนี้จึงจงใจถามต่อ
“สวยงามมาก”
หลิงอวี้จื้อกลั้นไม่ไหว หัวเราะฮาลั่น
“ท่านพูดไม่เก่งเลย หากข้าให้ท่านชมอีก ประโยคต่อไปคงจะเป็นสวยงามมากๆ ใช่หรือไม่”
เซียวเหยี่ยนหัวเราะแต่ไม่ตอบ หลิงอวี้จื้อแขวะ
“นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้ยิ่งใหญ่จะพูดชมคนไม่เป็น”
“ก็มีแต่คนพูดชมข้ามาโดยตลอด”
เซียวเหยี่ยนพูดโอ้อวดโดยไม่ละอายใจ
หลิงอวี้จื้ออึ้งไปครู่หนึ่ง หมดคำพูดจะมาต่อปาก ก็ได้ เขาเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แถมยังมีนิสัยเย็นชาเช่นนั้น มีแต่คนชมเขามาโดยตลอดจริงๆ อยากจะฟังคำชมจากปากเขาสักคำคาดว่ายากกว่าปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก จะว่าไป ตนเองได้อยู่กับเซียวเหยี่ยนที่นี่ ถือว่าเป็นคนที่ได้รับการปฏิบัติอย่างสูงที่สุดแล้ว
หลิงอวี้จื้อเห็นผ้าห่มบนตัวเซียวเหยี่ยนลื่นตกลงมา ก็ก้มตัวลงห่มให้เซียวเหยี่ยนดีๆ เธอกับเซียวเหยี่ยนอยู่ใกล้กันมาก กลิ่นหอมจางๆ วนเวียนอยู่ที่ปลายจมูกเซียวเหยี่ยน ทำให้เขารู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย กลิ่นของเธอ เป็นกลิ่นที่เขาคุ้นเคยยิ่งนัก
“สองสามวันนี้ท่านอย่าออกไปไหนมั่วซั่ว อยู่รักษาแผลบนเตียงให้ดีๆ มิเช่นนั้นข้าเกรงว่าท่านจะไม่มีแรงแม้จะอยู่ข้ามคืนวันสิ้นปีกับข้านะเพคะ”
“ได้ ข้าเชื่อฟังเจ้า”
เซียวเหยี่ยนเอาแต่คอยมองหลิงอวี้จื้อ ทำให้หลิงอวี้จื้อรู้สึกเขินอายมาก
“ท่านเอาแต่จ้องข้าทำไม ข้าบอกท่านตั้งนานแล้ว ว่าหน้าข้าไม่หนาเท่าท่าน ทนให้ท่านคอยมองหน้าอยู่เช่นนี้ไม่ไหวนะเพคะ”
เซียวเหยี่ยนหัวเราะออกมาเบาๆ
“ควบคุมไม่อยู่ ทำอย่างไรดี”
หลิงอวี้จื้อมองหน้าเซียวเหยี่ยนด้วยใบหน้าไร้เดียงสา หน้าแดงราวกับผลแอปเปิลสุก
“ถ้าท่านยังทำเช่นนี้อีก ข้าจะออกไปแล้วนะ”
เป็นนักแสดงแท้ๆ ตั้งแต่เริ่มทำงานก็แสดงเป็นคู่รักกับนักแสดงคนอื่นมาไม่น้อย เธอควบคุมตัวเองได้ดีตลอด ไม่เคยใจเต้นรัวจริงๆ แสดงละครก็คือแสดงละคร เมื่อออกจากเฟรมไปแล้วก็ดึงตัวเองออกมาได้อย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเซียวเหยี่ยน เธอก็เหมือนสาวน้อยที่ลุ่มหลงเสียสติ เพียงเพราะคำพูดเขาประโยคเดียวก็ใจเต้นระรัว เพียงเพราะสายตาของเขาก็หน้าแดง ควบคุมตัวเองไม่ได้โดยสิ้นเชิง ทั้งที่ชีวิตจริง เธอก็เป็นคนหน้าหนาอยู่แท้ๆ เซียวเหยี่ยนต้องเป็นคู่ปรับของเธอแน่ๆ
ตอนที่ 379 ความลับเรื่องข้ามภพ
เซียวเหยี่ยนไม่หยอกหลิงอวี้จื้อต่อ หยิบสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งจากอกเสื้อยื่นไปตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ สร้อยทำจากเงิน ข้างบนประดับด้วยลูกปัดสีแดง
หลิงอวี้จื้อนึกว่านี่เป็นของขวัญที่เซียวเหยี่ยนมอบให้เธอ จนเธอรับสร้อยข้อมือเส้นนั้นไปจากมือของเซียวเหยี่ยน พอมองเห็นชัดเจนแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ตะลึงงัน
ล้อเล่นน่า! บนโลกนี้มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้จริงๆ หรือ นึกไม่ถึงว่าสร้อยข้อมือในยุคปัจจุบันของเธอจะปรากฏให้เห็นในยุคโบราณอย่างน่าประหลาด
เพื่อพิสูจน์ว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นสร้อยเส้นเดียวกับของเธอจริงๆ เธอหยิบสร้อยข้อมือขึ้นชูในทิศทางที่แสงอาทิตย์ส่อง ตามคาด ลูกปัดบนสร้อยข้อมือเริ่มประกายลำแสงสีแดงจางๆ สวยงามมาก
ลักษณะพิเศษนี้เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ที่แท้เป็นสร้อยข้อมือของเธอจริงๆ นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ สร้อยข้อมือเส้นนั้นของเธอ เป็นของขวัญวันเกิดที่ซ่งเฉิงมอบให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดในปีนี้ เธอดีใจสุดขีด ใส่มันทุกวัน ซ่งเฉิงบอกว่าเขาเลือกมาจากร้านขายของเก่า
วันที่เธอข้ามภพมาก็ใส่สร้อยข้อมือนี้เอาไว้ แต่เธอข้ามภพมาเพียงวิญญาณ ร่างกายสลับกัน สร้อยข้อมือไม่ได้อยู่ที่ตัวก็เป็นเรื่องปกติมาก เธอเองก็ไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ
เธอนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในความทรงจำอย่างละเอียด วันนั้นเป็นวันเฉลิมฉลองหลังปิดกล้องของทีมงาน เธอดื่มมากไปหน่อย เห็นซ่งเฉิงโทรศัพท์มา ก็ออกไปรับโทรศัพท์
เพิ่งจะรับโทรศัพท์ติด จู่ๆ เธอก็เวียนหัว เหมือนจะหกล้มตกบันไดลงมา
เรื่องราวหลังจากนั้นเธอจำไม่ได้แล้ว จำได้รางๆ ว่าสร้อยข้อมือก็เปล่งแสงออกมา สร้อยข้อมือของเธอก็ต้องได้รับแสงอาทิตย์ถึงจะเปล่งแสง ตอนนั้นเป็นตอนค่ำ ไม่มีแสงอาทิตย์แน่นอน
ทำไมจู่ๆ สร้อยข้อมือถึงเปล่งแสง ตอนนั้นเธอไม่ได้สังเกต พอเกิดเรื่องแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้ได้เห็นสร้อยข้อมือเส้นนี้อีกครั้ง เธอก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เรื่องนี้ชักจะแปลกพิกลเกินไปแล้ว
หรือว่าการข้ามภพของตนเองจะเกี่ยวข้องกับสร้อยข้อมือเส้นนี้
สร้อยข้อมือเส้นนี้มีความลับอะไรกันแน่
เห็นหลิงอวี้จื้อรับสร้อยข้อมือไปแล้วเหม่อลอย แววตาเซียวเหยี่ยนก็มีประกายตกใจ หรือว่าเธอเคยเห็นสร้อยข้อมือเส้นนี้มาก่อน ตามหลักเหตุผลแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้
“อวี้จื้อ เจ้าจำสร้อยข้อมือเส้นนี้ได้หรือ”
“อาเหยี่ยน ท่านรีบบอกข้ามา สร้อยข้อมือเส้นนี้มาจากไหน”
หลิงอวี้จื้อจับแขนเซียวเหยี่ยน ถามอย่างร้อนรน
ปฏิกิริยาของหลิงอวี้จื้อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของเขา เขาไมได้ถามต่อ แต่แนะนำที่มาที่ไปของสร้อยเส้นนี้
“คืนวันนั้น ข้าไปขโมยกุญแจห้องทิศตะวันตกที่ห้องของเจียงสือ ข้าพบสร้อยข้อมือเส้นนี้ในช่องลับในห้องของนาง”
“สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของเจียงสือหรือ”
หลิงอวี้จื้อตกใจอีกครั้ง ที่แท้การข้ามภพของเธอเกี่ยวข้องกับลัทธิมารนี้หรือ
“เดิมสร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นของในวัง มีทั้งหมดหนึ่งคู่ เป็นสมบัติที่เก็บซ่อนไว้ในวัง สูญหายไปหนึ่งเส้นเมื่อหลายปีก่อน เมื่อฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคต สร้อยข้อมือที่เหลืออีกเส้นก็หายไป ตอนนี้กลับไปปรากฏอยู่ที่สำนักอู๋จี๋
พวกนางจะต้องติดต่อกับคนในวังแน่นอน หนำซ้ำคนผู้นั้นจะต้องมีตำแหน่งสูงระดับหนึ่งในวัง
สิ่งนี้เก็บซ่อนไว้ในคลังสมบัติข้างในวัง ข้างนอกมีทหารยามเฝ้าหลายชั้น ซ้ำยังมีกลไกต่างๆ ติดตั้งไว้ คนที่ไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ภายใน ไม่สามารถเข้าไปได้เลย คนที่ทำเรื่องนี้ได้ต้องเป็นคนในวังแน่นอน”
เซียวเหยี่ยนวิเคราะห์ให้หลิงอวี้จื้อฟังอย่างใจเย็น ตอนที่เห็นสร้อยข้อมือเส้นนี้ ตอนนั้นเซียวเหยี่ยนก็ค่อนข้างตกใจ แต่ไม่นานเขาก็ฟันธงไม่ได้ว่าคนที่แอบสมรู้ร่วมคิดกับสำนักอู๋จี๋คือใคร
เรื่องนี้เขาจะต้องสืบให้กระจ่าง เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้มอบสร้อยข้อมือเส้นนี้ให้เจียงสือ
นี่เป็นสมบัติที่ตกทอดต่อกันมา สามารถมอบให้เจียงสือได้ เป็นข้อพิสูจน์ว่าสองคนนี้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาก เจียงสือคิดจะเอาสร้อยเส้นนี้ไปทำอะไร พวกเขาแอบวางแผนทำอะไรกัน ข้อสงสัยเหล่านี้เป็นเรื่องที่เขาจะต้องสืบหาต่อไป
——
[1] ผลแห่งความสุข มาจากคำว่า 开心果 หมายถึง ถั่วพิสตาชิโอ แปลจากภาษาจีนตรงตัวว่า ผลไม้แห่งความสุข เนื่องจากถั่วพิสตาชิโอมีเปลือกอ้าออกคล้ายรอยยิ้ม จึงดูเหมือนถั่วยิ้มตลอดเวลา จึงเรียกว่า ผลไม้แห่งความสุข และคำว่า 开心果 นี้ยังใช้เรียกคนที่ร่าเริงสดใสด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น